บทละครเรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(ตอนที่ ๒ ตอนหนุมานเกี้ยววานริน จนท้าวมาลีวราชมา)
(ตอนที่ ๒ ตอนหนุมานเกี้ยววานริน จนท้าวมาลีวราชมา)
แถว 260: แถว 260:
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
</tpoem>
</tpoem>
 +
==== พระมงกุฎขี่ม้าเสี่ยงทาย หนุมานจะจับ ถูกพระมงกุฎเสกมนตร์มัดตัว ====
 +
ยานี
 +
๏ มาจะกล่าวบทไป  ถึงไทท่านท้าวโกสีย์
 +
ผู้ทรงมหิทธิ์ฤทธี  ตรีเนตรเล็งแลลงมา
 +
ก็แจ้งว่าหน่ออวตาร  จะพานพะรบวงศา
 +
อ้อกรรมหน่อดลบิดา  จึงเสี่ยงพญาม้าไป
 +
เอะอาว์ผู้เข้าราวี  จะต้องศรศรีเพียงต้กษัย
 +
จึงจะจ้บได้แต่พี่ไป  อวตารจะให้ลงอาชญา
 +
จำกูจะช่วยแก้ไข  เอาผลบุญไปภายหน้า
 +
อย่าให้มอดม้วยชีวา  ก็ดลม้าเข้าพนาล้ย
 +
 +
ร่าย
 +
๏ แล้วจึ่งไปดลกุมาร  ให้ออกพนัสสถานใหญ่
 +
ครั้นเสร็จเสด็จขึ้นไป  ยังในฟากฟ้าดุษดี
 +
ฯ คุกพาทย์ เหาะ ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
๏ มาจะกล่าวบทไป  หน่อในอวตารร้งษี
 +
รัญจวนป่วนถึงพนาลี  ที่จะไปเที่ยวเล่นพนาวา
 +
ครั้นเช้าอำลามารดร  จับธนูศรชัยจะไปป่า
 +
สีดามิให้ไคลคลา  ลูกยาอย่าไปพนาลี
 +
คืนนี้แม่ฝันเห็นร้าย  ฦๅสายอย่าเข้าพนาศรี
 +
หูตากระเหม่นไม่ดี  วันนี้อย่าไปพนาลัย
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
๏ พระพี่น้องเทียบทูลชนนี  กรรมมีหาพ้นตายไม่
 +
อันกาลวาตพนาลัย  ลูกไสร้เคยเล่นอยู่อ้ตรา
 +
แม้นข้ามิไปพนาลี  พระฤษีจะอดพฤกษา
 +
โภยภ้ยอะไรไม่มีมา  ถึงอ้ายยักษาไม่กลัวกัน
 +
แม้นมันฺทำร้ายลูกจะยิง  ให้กลิ้งอยู่ในพนาสัณฑ์
 +
พระแม่จงให้จรจรรย์  กรรแสงที่จะไปพนาวา
 +
ฯ ๖คำ ฯ
 +
 +
โอดครวญ
 +
๏ สีดาส้วมสอดกอดจูบ  ลูบหน้าหลังกวดเกศา
 +
เจ้าไปเถิดพ่ออย่าโศกา  ว้นนี้กลับมาแต่วัน
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
๏ ฝ่ายสองพี่น้องอำลา คว้าได้ธนูผายผัน
 +
ลาดาบสแล้วจรจรรย์  เข้าอรัญวามิช้า
 +
ฯ เชิด ฯ
 +
 +
๏ ครั้นถึงซึ่งป่ากาลวาต  องอาจเที่ยวไพรพฤกษา
 +
เก็บผลไม้กินสองรา  พอเห็นมิ่งม้าพาชี
 +
จึงบอกเจ้าลบน้องยา  มาเราช่วยกันจับขี่
 +
ฯ เชิด ฯ
 +
 +
๏ เออสัตว์อะไรอย่างนี้  เรามิเคยพบเห็นมา
 +
แน่เจ้าดูเอาที่หลัง  ใคร่นั่งเล่นไปในป่า
 +
อะไรที่แขวนคอมา  ก็เอาสาราอ่านพลัน
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 +
ช้า
 +
๏ ใจความว่าองคอวตาร  ผู้ผ่านโภคัยไอศวรรย์
 +
ปล่อยม้าใครขี่ให้ฆ่าฟัน  ถ้าข้าขอบข้นธ์ให้บูชา
 +
 +
เออนี่อะไรใช่เมืองบ้าน  พานพะมาไยในป่า
 +
ถึงมาดติดตามมา  ใช่ว่าเราเป็นข้าไท
 +
มาเราจะขึ้นขี่เล่น  เช่นนี้จะกล้วเป็นไฉน
 +
ต้วเราก็ไม่ขบถใคร  ขึ้นพาชีชัยไปมา
 +
ฯ เชิดฉิ่ง เพลง ๖ คำ ฯ
 +
 +
๏ มาจะกล่าวบทไป  ถึงหนุมานอาษา
 +
ซึ่งนำทัพกับตามอาชา  ล่าลอดสอดดูพาชี
 +
จึงเห็นกุมารขี่ม้า  โกรธาลัดเข้าพนาศรี
 +
 +
แพละน้อย
 +
๏ ก็เผ่นโผนจบกุมารตี  กระบี่ต้องค้นศรสลบไป
 +
ฯ เชิด โอด ๔ คำ ฯ
 +
 +
๏ ฝ่ายมงกุฎดาหนุมาน  กูผลานเถิดหรือให้ตักษัย
 +
เจ้าลบเอยลิงอะไร  ทำไมมันมาจับเรา
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
๏ เจ้าลบว่าเออไม่เข้ายา  อ้ายนี่มาทำเราเปล่า ๆ
 +
ว่าพลางทางวิ่งตามม้าเล่า  สองเจ้าเล่นในพนาลัย
 +
ฯ ๒ คำ เชิดฉิ่ง เพลง ฯ
 +
 +
๏ หนุมานครั้นต้องพระพายถูก  ลูกลมกลับฟื้นขึ้นได้
 +
ก็ผาดโผนแผลงฤทธิไกร  โตใหญ่เงือบเงื้อมเมฆา
 +
แล้วคิดเอะมีฤทธิ๋นัก  ศรศ้กดิ์ตีลงดั่งฟ้าผ่า
 +
อย่าเลยกูจะแปลงกายา  ก็เป็นลิงป่าเล็กเข้าไป
 +
ฯ แพละ น้อย ฯ
 +
 +
๏ ถึงจึ่งตํ่าเตี้ยเงี่ยห้ว  ฝากตัวแล่นเล่นในป่าใหญ่
 +
ปีนป่ายร่ายกิ่งค่าไม้  ทำเป็นรักใคร่ไปมา
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
๏ ฝ่ายสองกุมารไม่สังเกต  หน่อนเรศคิดว่าลิงป่า
 +
๏ หนุมานโจนจับมิช้า  กุมาราตีลิงสลบไป
 +
ฯ เชิด โอด ๒ คำ ฯ
 +
 +
๏ พระมงกุฎด่าโจนลงเงื้อง่า  กูฆ่าเถิดหรือให้ตักษ้ย
 +
เจ้าลบเอ่ยดูอ้ายจังไร  มันไม่หลาบเลยอนุชา
 +
ทำไมมันมาจับเรา  เอาหรือให้ม้วยสังขาร
 +
๏ เจ้าลบร้องห้ามพี่ยา  อย่าฆ่าเจ้านายมันมี
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
๏ มงกุฎด่าว่าอ้ายเจ้าเล่ห์  เหม่พานมาไยพนาศรี
 +
จองหองจะเข้าราวี  กิริยาอ้ายนี้เข้าใช้มัน
 +
มาเราจะเอาเชือกเขา  มัดศอกมันเข้าให้มั่น
 +
จารึกหน้าไปบอกเจ้ามัน  ก็ชวนก้นเข้ามัดลิงไพร
 +
ฯ ตระ ฯ
 +
 +
๏ มัดแล้วจารึกเศกมนต์เป่า  ต่อเจ้าของมึงจึ่งแก้ได้
 +
ซํ้าตีมิให้บรรลัย  เร่งไปบอกเจ้ามึงมา
 +
ว่าพลางทางเผ่นขึ้นพาชี  ข้บขี่ควบเล่นในป่า
 +
ฯ เชิดฉิ่ง เพลง ฯ
 +
 +
๏ เล็มล่าหาผลพนาวา  ได้มาก็สู่กันพลัน
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 +
๏ ฝ่ายหนุมานซึ่งต้องม้ด  สะบัดตะบึงยิ่งรึงมั่น
 +
เวทนาน่าอายเทวัญ  โศกศัลย์มายังทัพชัย
 +
ฯ เชิด โอด ฯ
 +
===ตอนที่ ๒ ตอนหนุมานเกี้ยววานริน จนท้าวมาลีวราชมา===
===ตอนที่ ๒ ตอนหนุมานเกี้ยววานริน จนท้าวมาลีวราชมา===

การปรับปรุง เมื่อ 12:00, 4 สิงหาคม 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

พระราชนิพนธ์: สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี

มี ๔ ตอน โดยตอนที่ ๒ ถึง ๔ นั้นความต่อกัน

บทประพันธ์

บานแพนก

วันอาทิตย์ เดึอน ๖ ขึ้นคํ่าหนึ่ง จุลศักราช ๑๑๓๒ (พ.ศ. ๒๓๑๓ ปีที่ ๓ ในร้ชกาลกรุงธนบุรี) ปีขาล โทศก พระราชนิพนธ์ทรงแต่งชั้นต้นเป็นปฐม ยังทรามยังพอดีอยู่

ตอนที่ ๑ ตอนพระมงกุฎ

พระมงกุฎอยู่ป่า

๏ มาจะกล่าวบทไปหน่อในอวตารรังสี
หาผลปรนนิบ้ติชนนีทั้งพระฤษีมีญาณ
ว้นหนึ่งชวนน้องเข้าพาทีพระมุนีจงโปรตเดฉาน
ข้าไสร้เกลือกคนภัยพาลขอประทานรํ่าเรียนวิชา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฤษีรักจูบกระหม่อมเกศสอนให้เล่าเวทคาถา
ฯ เจรจา ฯ
๏ หุดีกุณฑ์กองวิทยาเจ็ดราตรีศรผุดพลัน
ฯ ตระ ฯ
๏ จึงประสิทธิ์ประสาทธนูศิลป์เจ้าจินดารมณ์หมายมั่น
เมึ่อลั่นซั้นซ้ำมนตร์พลันสรรพโลกไม่ทนฤทธา
ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายสองกุมารเรียนเสร็จได้ทั้งกลละเม็ดคาถา
รบเอาธนูศิลป์มาลาล่าหาผลพนาลี
ฯ เข้าม่าน ฯ
๏ ครั้นถึงกาลวาตพนาลัยปราศัยน้องลบเรืองศรี
ฝ่ายพี่จะแผลงฤทธียิงรังด้นนี้ให้ขาดไป
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เจ้าลบว่าใหญ่ถึงแสนวาข้าเจ้าเห็นหาห้กไม่
๏ พระมงกุฎก็วางศรชัยสนั่นไปถึงชั้นพรหมา
ตระเชิด
๏ ถูกรังต้นใหญ่สินขาดยับเยินวินาศดังฟ้าผ่า
แล้วกลับต่อว่าอนุชาน้องยาจะว่าประการใด
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ พระลบสรรเสริญบุญญาอานุภาพเป็นหาที่สุดไม่
พระชนนีจะมิตกใจก็ชวนเก็บผลไม้กลับมา
ฯ พญา เดิน ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระฤษีสนั่นเสียงสำเนียงกึกก้องเวหา
ตกใจทิ้งนางสีดาก็ลีลาออกตามกุมาร
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏      ฝ่ายพระพี่น้องเห็นฤษีก็วิ่งเข้าอัญชลีทูลสาร
ทิ้งนางสีดาดวงมาลย์พระอาจารย์มาไยชนนี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระมุนีสีดาว่าดูเอาให้เราตกใจถึงสองศรี
สุ้งเสียงอะไรเมื่อกี้คิดว่าอสุรีพะพาน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระมงกฎทูลไขหาไม่ดอกยิงไม้พฤกษาสาร
๏ เจ้าลบว่าแสนอ้อมประมาณพฤกษาสารสูงเทียมเมฆา
หักย้บสะบั้นสินขาดวินาศดุจดั่งฟ้าผ่า
ที่กาลวาตพนาวาหาภ้ยมิได้พระมุนี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ สีดาว่ายิงทำไมให้ตกใจทั้งพระฤษี
นี่ลูกอะไรน่าใคร่ตีก็พาทีขู่รู่กุมาร
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระมุนีจึ่งห้ามสีดาอย่าว่าหลานกูห้าวหาญ
แล้วอวยชัยหน่ออวตารให้ชัยวาลรุ่งฤทธี
จงเจ้าเป็นใหญ่ไตรภพจบสกลทิศทั้งสี่
โภยภัยสิ่งใดอย่าได้มีให้ฤทธียิ่งบิดร
แล้วบอกนวลนางสีดาพฤกษานี้มีมาแต่ก่อน
แรกตั้งฟ้าดินอัมพรศรใครไม่กินนะสีดา
เมื่อไรต่อหน่ออวตารจึงผลาญไม้นี้ดั่งฟ้าผ่า
ลูกเจ้ารุ่งเรืองฤทธาว่าแล้วก็มากุฎี
ฯ เสมอ ๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายสองกุมารเข้าไปถวายผลไม้พระฤษี
แล้วกล้บมาหาชนนียังที่พระบรรณศาลา
ฯ บาทสกุณี ๒ คำ ฯ
โอ้
๏ ฝ่ายนางสีดาส้วมกอดพลอดพลางทางกวดเกศา
จูบเกศเทวศโศกาโอ้ว่ากำพร้ายาใจ
มาดแม้นถ้าอยู่ก้บพ่อจะเสน่ห์หน่อหาที่สุดไม่
เท่านี้หรือมีฤทธิไกรที่ไหนบิดาจะให้จร
ฝ่ายเจ้าผลานแผลงศิลป์ชัยเหมือนเมื่อท้าวไทเธอยกศร
ครั้งไปทำการสยมพรในเมืองนครมิถิลา
ให้เจ้ายิ่งยศโมลีแม่จะได้ฝากผีภายหน้า
ให้เรืองฤทธิ์เหมือนองค์พระบิดาว่าแล้วก็ทรงโศกี
ฯ โอด ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ ฝ่ายพระมงกุฎทูลถามโปรดบอกความเกล้าเกศี
แม่ว่าพ่อข้ามีฤทธีมาอยู่พนาลีด้วยอ้นใด
อ้นฝ่ายพระบังเกิดเกล้าเผ่าพงศ์กษัตริย์หรือไม่
เธอผ่านถิ่นฐานบ้านเมืองใดบอกให้หน่อยเถิดพระมารดา
ฯ มโนราโอด ๔ คำ ฯ
๏ สีดากรรแสงแถลงไขพิไรบอกลูกเสน่หา
เดิมแม่อยู่เมืองมิถิลาพระอัยกาเจ้าเสี่ยงศิลป์ชัย
เทพามนุษย์เข้ายกศิลป์เสร็จสิ้นมิได้หวาดไหว
พ่อเจ้ายกได้ว่องไวจึงเศกแม่ให้กับบิดา
อ้นบิตุเรศของเจ้าเผ่าพงศ์บรมนาถา
เรืองรุดสุดอรรคอิศราปรากฏยศยิ่งโมลี
จึ่งพาแม่มาเวียงชัยอัยกาให้สัจมเหษี
ให้พ่อเจ้าไปพนาลีแม่นี้ติดตามจรจรรย์
กับทั้งพระล้กษมณ์อนุชาออกไปอยู่ป่าพนาสัณฑ์
วันหนึ่งจึงยักษ์ทศกัณฐ์มันใช้มารีศเป็นกวางมา
แม่ไม่รู้เลยเป็นร้กใคร่ให้พ่อเจ้าตามไปในป่า
แล้วได้ยินเสียงเหมือนบิดาคิดว่ายักษาม้นยายี
จึงให้อนุชาไปดูมิรู้ยักษ์ล้กพาแม่หนี
บิดาเจ้าตามไปต่อตีฆ่าอสุรีตายทั้งลงกา
แล้วพามาผ่านโภคัยครั้งนั้นแลแม่ได้หรรษา
จึงมีปีศาจลวงมารดาวานข้าเขียนรูปอสุรี
พาซื่อมือแม่ไม่สุขประดุกเขียนรูปยักษี
พอพ่อเจ้ามาเห็นทันทีนารีผู้วานนั้นหายไป
ฝ่ายแม่จึงรู้ว่าปิศาจพระบิตุราชโกรธชักพระขรรค์ไล่
ให้พระอนุชาพาแม่ไปพิฆาตเสียในพนาวา
เดชะความสัตย์ของแม่เที่ยงแท้ต่อพ่อเจ้าหนักหนา
พระขรรค์กล้บกลายเป็นมาลาอนุชาจึงขับเสียพล้น
เตชะบุญญาของเจ้าขวัญเข้าแม่ไม่อาสัญ
พอพบมุนีในพนาวันจึงคมค้ลอาศัยคลอดลูกยา
พระบิดาเจ้าชื่อราเมศหน่อนเรศทศรถนาถา
ครอบครองกรุงศรีอยุธยาว่าแล้วก็ทรงโศกี
ฯ โอด ๒๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระมงกุฎกราบเกล้าพระแม่เจ้าอย่าหม่นหมองศรี
ถึงพระบิดาไม่ดูดีเราอยู่พงพีตามเข็ญใจ
ฯ ครวญ ๒ คำฯ
๏ สีดาส้วมสอดกอดจูบลูบหน้าหลังพลางร้องไห้
แสนโศกวิโยคอาล้ยเสน่ห์ในกอดลูกนิทรา
ฯ กล่อม ๒ คำ ฯ
             

พระรามเสี่ยงม้า

ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงไทเจ้าไตรตรึงษา
เอ็นดูกุมารสีดาจากสามีพรากบิดร
อ้อหน่อนั้นค่อยจำเริญวัยไปลองศิลป์ชัยธนูศร
เอิกเกริกสิ้นทั้งพระนครบิดรก็อัศจรรย์ใจ
เอะพ่อจะเสี่ยงพาชีลูกนี้จะได้หม่นไหม้
เป็นกรรมทำมาแต่ไรให้พรไปโดยยินดี
ฯ สาธุการ ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างองค์อรรคอวตารให้หาพฤฒาจารยอึงมี่
ควรดูฤกษ์พานาทีเหตุนี้จะเป็นประการใด
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระโหรผู้เฒ่าก้มเกล้ากราบทูลแถลงไข
เหตุลั่นดินฟ้าสุราลัยหาภัยมิได้ภูมี
แต่เกิดองค์อรรคศักดาลองมหาธนูชัยศรี
สำหร้บปราบมารไพรีเหตุนี้ดีดอกพระราชา
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นพระรามบุญเรืองเฟื่องฟ้า
สงสัยไถ่ถามโหราบัญชาแก่ราชสามนต์
เมื่อกูอยู่บนบัญชรชัยหวั่นไหวดินฟ้ากุลาหล
สะเทือนเลื่อนภูมิมณฑลจลาจลดุจดั่งจะควํ่าไป
ดูดุ๋ช้างม้าอาณาจักรหักหลักแหล่งหลุดไปได้
เหตุนี้กูมิไว้ใจเป็นภัยติดราชธานี
จงตกแต่งล้กษณโองการเขียนลงเป็นราชสารศรี
ผูกแขวนคอม้าเสี่ยงพาชีตามประเวณีเมืองปล่อยไป
จึงจะต้องตามตำราว่าแม้นใครขี่ฆ่าให้ต้กษ้ย
ให้หาอนุชาสองไทกูจะให้ไปตามอาชา
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ หนุมานก็ร้บสั่งพลันผายผันเหาะระเห็จไปหา
ฯ เชิดปฐม ฯ
๏ ครั้นถึงไกยเกศภาราเชิญเสด็จอนุชาทันที
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระสัตรุดพระพรตถามไถ่ให้หาเราไยกระบี่ศรี
สะเทือนเลื่อนลั่นบูรีอยุธยามีเหตุประการใด
ฯ ๒ คำ ฯ
๏      หนุมานทูลแจ้งกิจจาเหตุสุธาสนั่นหวั่นไหว
พระเชษฐาให้เสี่ยงพาชีชัยจึงจะให้พระไปตามไพรี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏      พระสัตรุดพระพรตสั่งพลันให้เตรียมพลขันธ์ชัยศรี
ขึ้นทูลไอยกาทันทีพระเจ้าพี่รามาให้หาไป
ฯ ๒ คำเสมอ ฯ
๏ พระไอยกาอำนวยพรให้ถาวรยศยิ่งเป็นใหญ่
เจ้าไปเถิดไปพ่อไปมีชัยแล้วกลับมาธานี
ฯ เจรจา ๒ คำฯ
๏ พระสัตรุดพระพรตอำลามาท้องพระโรงชัยศรี
ฯ เสมอ ฯ
๏ เสนาซึ่งรับสั่งเดิมทีไปจ้ดรี้พลโยธา
ฯ เชิดปฐม ฯ
ยานี
๏ กะเกนรถรัดอัสดรพวกพลนิกรซ้ายขวา
หอกง้าวหลาวแหลนปืนยาทัพหลังทัพหน้าเรียงรัน
อีกทั้งยกระบัตรเกียกกายปีกป้องกองรายแข็งขัน
ครั้นเสร็จระเห็จทูลพลันพลขันธ์พร้อมแล้วภูมี
ฯ ๖ คำ ฯ
โทน
๏ เมื่อนั้นพระพรตยศไกรชัยศรี
จึงชวนอนุชาสรงวารีสองศรีสำอางอาภรณ์
ทรงมงกฎสังวาลเสร็จสรรพจับสะพักสะพายแล่งแสงศร
ทบทรวงกรรเจียกกระจายจรตาบติดอาภรณ์กระจายตา
พาหุรัดธำมรงค์ชายแครงศรีแสงชายไหวซ้ายขวา
สนอบสนับสรรพชวนอนุชาลีลามาขึ้นรถไป
ฯ บาทสกุณี ๖ คำ ฯ
โทน
๏ รถเอยราชรถแดงสีแสงสว่างสุกใส
งอนแอกปะแหรกวิไลฉ้ตรชัยวิจิตรเจษฎา
เพราเพชรเก็จแกมหน้าหลังบังใบด้วยมณีมีค่า
ระย้าระย้อยลอยเลื่อนฟ้ากรีฑาพหลไปพลัน
ฯ กราวเชิด ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงซึ่งกรุงอยุธยาขึ้นเฝ้าเชษฐาไอศวรรย์
พระรามเห็นเรียกน้องพลันพากันออกท้องพระโรงชัย
ฯ เสมอ ฯ
๏ จึงตรัสด้วยราชสารศรีเสนีแต่งแล้วหรึอไฉน
เสนาก้มกราบทูลไปแต่งไว้เสร็จแล้วภูมี
ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ
ช้า
๏ ในลักษณพระราชสารว่าพระผ่านทศทิศทั้งสี่
แบ่งภาคจากกระเษียรวารีมีกมลจิตต์จินดา
ให้ปล่อยมิ่งม้าอุปการใครพานพะขี่จะเข่นฆ่า
ที่อวดฤทธิ์ดีจงขี่ม้าผ่านฟ้าจะไปต่อตี
ถ้าแม้นเป็นข้าอาณาจ้กรทักษิณประณตบทศรี
เคารพอภิวันท์ธุลีปล่อยพาชีจรไคลคลา
ฯ ๖ คำ ร่าย ฯ
๏ พระรามว่าดีแล้วเอาเถิดพอเกิดดวงดาวเวหา
เบื้องบนข้างทิศบูรพาบัญชาให้ผูกพาชี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ อาลักษณ์เอาสารผูกคอม้าอลังการที่นั่งรังสี
โหรปล่อยมิ่งม้าทันทีพาชีดึงเดาะเดินพลัน
ฯ ฉาน เชิดฉิ่ง ๒ คำ ฯ
๏ พระรามจึงสั่งอนุชาแม้นใครขี่ฆ่าให้อาสัญ
๏ อนุชารบสั่งจรจรัลพลันยกพลตามสะกดไป
ฯ กราว ๒ คำ ฯ
๏ พระรามซ้ำสั่งหนุมานท่านไปช่วยด้วยจึ่งได้
หนุมานรับสั่งคลาไคลไปนำพลตามพาชี
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
             

พระมงกุฎขี่ม้าเสี่ยงทาย หนุมานจะจับ ถูกพระมงกุฎเสกมนตร์มัดตัว

ยานี ๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงไทท่านท้าวโกสีย์ ผู้ทรงมหิทธิ์ฤทธี ตรีเนตรเล็งแลลงมา ก็แจ้งว่าหน่ออวตาร จะพานพะรบวงศา อ้อกรรมหน่อดลบิดา จึงเสี่ยงพญาม้าไป เอะอาว์ผู้เข้าราวี จะต้องศรศรีเพียงต้กษัย จึงจะจ้บได้แต่พี่ไป อวตารจะให้ลงอาชญา จำกูจะช่วยแก้ไข เอาผลบุญไปภายหน้า อย่าให้มอดม้วยชีวา ก็ดลม้าเข้าพนาล้ย

ร่าย ๏ แล้วจึ่งไปดลกุมาร ให้ออกพนัสสถานใหญ่ ครั้นเสร็จเสด็จขึ้นไป ยังในฟากฟ้าดุษดี ฯ คุกพาทย์ เหาะ ๑๐ คำ ฯ

๏ มาจะกล่าวบทไป หน่อในอวตารร้งษี รัญจวนป่วนถึงพนาลี ที่จะไปเที่ยวเล่นพนาวา ครั้นเช้าอำลามารดร จับธนูศรชัยจะไปป่า สีดามิให้ไคลคลา ลูกยาอย่าไปพนาลี คืนนี้แม่ฝันเห็นร้าย ฦๅสายอย่าเข้าพนาศรี หูตากระเหม่นไม่ดี วันนี้อย่าไปพนาลัย ฯ ๖ คำ ฯ

๏ พระพี่น้องเทียบทูลชนนี กรรมมีหาพ้นตายไม่ อันกาลวาตพนาลัย ลูกไสร้เคยเล่นอยู่อ้ตรา แม้นข้ามิไปพนาลี พระฤษีจะอดพฤกษา โภยภ้ยอะไรไม่มีมา ถึงอ้ายยักษาไม่กลัวกัน แม้นมันฺทำร้ายลูกจะยิง ให้กลิ้งอยู่ในพนาสัณฑ์ พระแม่จงให้จรจรรย์ กรรแสงที่จะไปพนาวา ฯ ๖คำ ฯ

โอดครวญ ๏ สีดาส้วมสอดกอดจูบ ลูบหน้าหลังกวดเกศา เจ้าไปเถิดพ่ออย่าโศกา ว้นนี้กลับมาแต่วัน ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายสองพี่น้องอำลา คว้าได้ธนูผายผัน ลาดาบสแล้วจรจรรย์ เข้าอรัญวามิช้า ฯ เชิด ฯ

๏ ครั้นถึงซึ่งป่ากาลวาต องอาจเที่ยวไพรพฤกษา เก็บผลไม้กินสองรา พอเห็นมิ่งม้าพาชี จึงบอกเจ้าลบน้องยา มาเราช่วยกันจับขี่ ฯ เชิด ฯ

๏ เออสัตว์อะไรอย่างนี้ เรามิเคยพบเห็นมา แน่เจ้าดูเอาที่หลัง ใคร่นั่งเล่นไปในป่า อะไรที่แขวนคอมา ก็เอาสาราอ่านพลัน ฯ ๘ คำ ฯ

ช้า ๏ ใจความว่าองคอวตาร ผู้ผ่านโภคัยไอศวรรย์ ปล่อยม้าใครขี่ให้ฆ่าฟัน ถ้าข้าขอบข้นธ์ให้บูชา

เออนี่อะไรใช่เมืองบ้าน พานพะมาไยในป่า ถึงมาดติดตามมา ใช่ว่าเราเป็นข้าไท มาเราจะขึ้นขี่เล่น เช่นนี้จะกล้วเป็นไฉน ต้วเราก็ไม่ขบถใคร ขึ้นพาชีชัยไปมา ฯ เชิดฉิ่ง เพลง ๖ คำ ฯ

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงหนุมานอาษา ซึ่งนำทัพกับตามอาชา ล่าลอดสอดดูพาชี จึงเห็นกุมารขี่ม้า โกรธาลัดเข้าพนาศรี

แพละน้อย ๏ ก็เผ่นโผนจบกุมารตี กระบี่ต้องค้นศรสลบไป ฯ เชิด โอด ๔ คำ ฯ

๏ ฝ่ายมงกุฎดาหนุมาน กูผลานเถิดหรือให้ตักษัย เจ้าลบเอยลิงอะไร ทำไมมันมาจับเรา ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เจ้าลบว่าเออไม่เข้ายา อ้ายนี่มาทำเราเปล่า ๆ ว่าพลางทางวิ่งตามม้าเล่า สองเจ้าเล่นในพนาลัย ฯ ๒ คำ เชิดฉิ่ง เพลง ฯ

๏ หนุมานครั้นต้องพระพายถูก ลูกลมกลับฟื้นขึ้นได้ ก็ผาดโผนแผลงฤทธิไกร โตใหญ่เงือบเงื้อมเมฆา แล้วคิดเอะมีฤทธิ๋นัก ศรศ้กดิ์ตีลงดั่งฟ้าผ่า อย่าเลยกูจะแปลงกายา ก็เป็นลิงป่าเล็กเข้าไป ฯ แพละ น้อย ฯ

๏ ถึงจึ่งตํ่าเตี้ยเงี่ยห้ว ฝากตัวแล่นเล่นในป่าใหญ่ ปีนป่ายร่ายกิ่งค่าไม้ ทำเป็นรักใคร่ไปมา ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ฝ่ายสองกุมารไม่สังเกต หน่อนเรศคิดว่าลิงป่า ๏ หนุมานโจนจับมิช้า กุมาราตีลิงสลบไป ฯ เชิด โอด ๒ คำ ฯ

๏ พระมงกุฎด่าโจนลงเงื้อง่า กูฆ่าเถิดหรือให้ตักษ้ย เจ้าลบเอ่ยดูอ้ายจังไร มันไม่หลาบเลยอนุชา ทำไมมันมาจับเรา เอาหรือให้ม้วยสังขาร ๏ เจ้าลบร้องห้ามพี่ยา อย่าฆ่าเจ้านายมันมี ฯ ๔ คำ ฯ

๏ มงกุฎด่าว่าอ้ายเจ้าเล่ห์ เหม่พานมาไยพนาศรี จองหองจะเข้าราวี กิริยาอ้ายนี้เข้าใช้มัน มาเราจะเอาเชือกเขา มัดศอกมันเข้าให้มั่น จารึกหน้าไปบอกเจ้ามัน ก็ชวนก้นเข้ามัดลิงไพร ฯ ตระ ฯ

๏ มัดแล้วจารึกเศกมนต์เป่า ต่อเจ้าของมึงจึ่งแก้ได้ ซํ้าตีมิให้บรรลัย เร่งไปบอกเจ้ามึงมา ว่าพลางทางเผ่นขึ้นพาชี ข้บขี่ควบเล่นในป่า ฯ เชิดฉิ่ง เพลง ฯ

๏ เล็มล่าหาผลพนาวา ได้มาก็สู่กันพลัน ฯ ๘ คำ ฯ

๏ ฝ่ายหนุมานซึ่งต้องม้ด สะบัดตะบึงยิ่งรึงมั่น เวทนาน่าอายเทวัญ โศกศัลย์มายังทัพชัย ฯ เชิด โอด ฯ

ตอนที่ ๒ ตอนหนุมานเกี้ยววานริน จนท้าวมาลีวราชมา

ตอนที่ ๓ ตอนท้าวมาลีวราชพิพากษาความ จนทศกัณฐ์เข้าเมือง

ตอนที่ ๔ ตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกรด, พระลักษมฌ์ต้องหอกกบิลพัท จนผูกผมทศกัณฐ์กับนางมณโฑ

เชิงอรรถ

อ้างอิง

เครื่องมือส่วนตัว