บทละครเรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(ตอนที่ ๑ ตอนพระมงกุฎ)
(ตอนที่ ๒ ตอนหนุมานเกี้ยววานริน จนท้าวมาลีวราชมา)
แถว 140: แถว 140:
</tpoem>
</tpoem>
 +
====พระรามเสี่ยงม้า====
 +
<tpoem>
 +
ยานี
 +
๏ มาจะกล่าวบทไป  ถึงไทเจ้าไตรตรึงษา
 +
เอ็นดูกุมารสีดา  จากสามีพรากบิดร
 +
อ้อหน่อนั้นค่อยจำเริญวัย  ไปลองศิลป์ชัยธนูศร
 +
เอิกเกริกสิ้นทั้งพระนคร  บิดรก็อัศจรรย์ใจ
 +
เอะพ่อจะเสี่ยงพาชี  ลูกนี้จะได้หม่นไหม้
 +
เป็นกรรมทำมาแต่ไร  ให้พรไปโดยยินดี
 +
ฯ สาธุการ ๖ คำ ฯ
 +
 +
๏ ฝ่ายข้างองค์อรรคอวตาร  ให้หาพฤฒาจารยอึงมี่
 +
ควรดูฤกษ์พานาที  เหตุนี้จะเป็นประการใด
 +
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
 +
 +
๏ ฝ่ายข้างพระโหรผู้เฒ่า  ก้มเกล้ากราบทูลแถลงไข
 +
เหตุลั่นดินฟ้าสุราลัย  หาภัยมิได้ภูมี
 +
แต่เกิดองค์อรรคศักดา  ลองมหาธนูชัยศรี
 +
สำหร้บปราบมารไพรี  เหตุนี้ดีดอกพระราชา
 +
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
 +
 +
ช้า
 +
๏ เมื่อนั้น  พระรามบุญเรืองเฟื่องฟ้า
 +
สงสัยไถ่ถามโหรา  บัญชาแก่ราชสามนต์
 +
เมื่อกูอยู่บนบัญชรชัย  หวั่นไหวดินฟ้ากุลาหล
 +
สะเทือนเลื่อนภูมิมณฑล  จลาจลดุจดั่งจะควํ่าไป
 +
ดูดุ๋ช้างม้าอาณาจักร  หักหลักแหล่งหลุดไปได้
 +
เหตุนี้กูมิไว้ใจ  เป็นภัยติดราชธานี
 +
จงตกแต่งล้กษณโองการ  เขียนลงเป็นราชสารศรี
 +
ผูกแขวนคอม้าเสี่ยงพาชี  ตามประเวณีเมืองปล่อยไป
 +
จึงจะต้องตามตำราว่า  แม้นใครขี่ฆ่าให้ต้กษ้ย
 +
ให้หาอนุชาสองไท  กูจะให้ไปตามอาชา
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
ร่าย
 +
๏ หนุมานก็ร้บสั่งพลัน  ผายผันเหาะระเห็จไปหา
 +
ฯ เชิดปฐม ฯ
 +
 +
๏ ครั้นถึงไกยเกศภารา  เชิญเสด็จอนุชาทันที
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
๏ พระสัตรุดพระพรตถามไถ่  ให้หาเราไยกระบี่ศรี
 +
สะเทือนเลื่อนลั่นบูรี  อยุธยามีเหตุประการใด
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
๏  หนุมานทูลแจ้งกิจจา  เหตุสุธาสนั่นหวั่นไหว
 +
พระเชษฐาให้เสี่ยงพาชีชัย  จึงจะให้พระไปตามไพรี
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
๏  พระสัตรุดพระพรตสั่งพลัน  ให้เตรียมพลขันธ์ชัยศรี
 +
ขึ้นทูลไอยกาทันที  พระเจ้าพี่รามาให้หาไป
 +
ฯ ๒ คำเสมอ ฯ
 +
 +
๏ พระไอยกาอำนวยพร  ให้ถาวรยศยิ่งเป็นใหญ่
 +
เจ้าไปเถิดไปพ่อไป  มีชัยแล้วกลับมาธานี
 +
ฯ เจรจา ๒ คำฯ
 +
 +
๏ พระสัตรุดพระพรตอำลา  มาท้องพระโรงชัยศรี
 +
ฯ เสมอ ฯ
 +
 +
๏ เสนาซึ่งรับสั่งเดิมที  ไปจ้ดรี้พลโยธา
 +
ฯ เชิดปฐม ฯ
 +
 +
ยานี
 +
๏ กะเกนรถรัดอัสดร  พวกพลนิกรซ้ายขวา
 +
หอกง้าวหลาวแหลนปืนยา  ทัพหลังทัพหน้าเรียงรัน
 +
อีกทั้งยกระบัตรเกียกกาย  ปีกป้องกองรายแข็งขัน
 +
ครั้นเสร็จระเห็จทูลพลัน  พลขันธ์พร้อมแล้วภูมี
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
โทน
 +
๏ เมื่อนั้น  พระพรตยศไกรชัยศรี
 +
จึงชวนอนุชาสรงวารี  สองศรีสำอางอาภรณ์
 +
ทรงมงกฎสังวาลเสร็จสรรพ  จับสะพักสะพายแล่งแสงศร
 +
ทบทรวงกรรเจียกกระจายจร  ตาบติดอาภรณ์กระจายตา
 +
พาหุรัดธำมรงค์ชายแครง  ศรีแสงชายไหวซ้ายขวา
 +
สนอบสนับสรรพชวนอนุชา  ลีลามาขึ้นรถไป
 +
ฯ บาทสกุณี ๖ คำ ฯ
 +
 +
โทน
 +
๏ รถเอยราชรถแดง  สีแสงสว่างสุกใส
 +
งอนแอกปะแหรกวิไล  ฉ้ตรชัยวิจิตรเจษฎา
 +
 +
เพราเพชรเก็จแกมหน้าหลัง  บังใบด้วยมณีมีค่า
 +
ระย้าระย้อยลอยเลื่อนฟ้า  กรีฑาพหลไปพลัน
 +
ฯ กราวเชิด ๔ คำ ฯ
 +
 +
๏ ครั้นถึงซึ่งกรุงอยุธยา  ขึ้นเฝ้าเชษฐาไอศวรรย์
 +
พระรามเห็นเรียกน้องพลัน  พากันออกท้องพระโรงชัย
 +
ฯ เสมอ ฯ
 +
 +
๏ จึงตรัสด้วยราชสารศรี  เสนีแต่งแล้วหรึอไฉน
 +
เสนาก้มกราบทูลไป  แต่งไว้เสร็จแล้วภูมี
 +
ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ
 +
 +
ช้า
 +
๏ ในลักษณพระราชสาร  ว่าพระผ่านทศทิศทั้งสี่
 +
แบ่งภาคจากกระเษียรวารี  มีกมลจิตต์จินดา
 +
ให้ปล่อยมิ่งม้าอุปการ  ใครพานพะขี่จะเข่นฆ่า
 +
ที่อวดฤทธิ์ดีจงขี่ม้า  ผ่านฟ้าจะไปต่อตี
 +
ถ้าแม้นเป็นข้าอาณาจ้กร  ทักษิณประณตบทศรี
 +
เคารพอภิวันท์ธุลี  ปล่อยพาชีจรไคลคลา
 +
ฯ ๖ คำ ร่าย ฯ
 +
 +
๏ พระรามว่าดีแล้วเอาเถิด  พอเกิดดวงดาวเวหา
 +
เบื้องบนข้างทิศบูรพา  บัญชาให้ผูกพาชี
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
๏ อาลักษณ์เอาสารผูกคอม้า  อลังการที่นั่งรังสี
 +
โหรปล่อยมิ่งม้าทันที  พาชีดึงเดาะเดินพลัน
 +
ฯ ฉาน เชิดฉิ่ง ๒ คำ ฯ
 +
 +
๏ พระรามจึงสั่งอนุชา  แม้นใครขี่ฆ่าให้อาสัญ
 +
๏ อนุชารบสั่งจรจรัล  พลันยกพลตามสะกดไป
 +
ฯ กราว ๒ คำ ฯ
 +
 +
๏ พระรามซ้ำสั่งหนุมาน  ท่านไปช่วยด้วยจึ่งได้
 +
หนุมานรับสั่งคลาไคล  ไปนำพลตามพาชี
 +
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
 +
</tpoem>
===ตอนที่ ๒ ตอนหนุมานเกี้ยววานริน จนท้าวมาลีวราชมา===
===ตอนที่ ๒ ตอนหนุมานเกี้ยววานริน จนท้าวมาลีวราชมา===
 +
===ตอนที่ ๓ ตอนท้าวมาลีวราชพิพากษาความ จนทศกัณฐ์เข้าเมือง===
===ตอนที่ ๓ ตอนท้าวมาลีวราชพิพากษาความ จนทศกัณฐ์เข้าเมือง===
===ตอนที่ ๔ ตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกรด,  พระลักษมฌ์ต้องหอกกบิลพัท จนผูกผมทศกัณฐ์กับนางมณโฑ ===
===ตอนที่ ๔ ตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกรด,  พระลักษมฌ์ต้องหอกกบิลพัท จนผูกผมทศกัณฐ์กับนางมณโฑ ===
== เชิงอรรถ ==
== เชิงอรรถ ==
== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

การปรับปรุง เมื่อ 11:48, 4 สิงหาคม 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

พระราชนิพนธ์: สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี

มี ๔ ตอน โดยตอนที่ ๒ ถึง ๔ นั้นความต่อกัน

บทประพันธ์

บานแพนก

วันอาทิตย์ เดึอน ๖ ขึ้นคํ่าหนึ่ง จุลศักราช ๑๑๓๒ (พ.ศ. ๒๓๑๓ ปีที่ ๓ ในร้ชกาลกรุงธนบุรี) ปีขาล โทศก พระราชนิพนธ์ทรงแต่งชั้นต้นเป็นปฐม ยังทรามยังพอดีอยู่

ตอนที่ ๑ ตอนพระมงกุฎ

พระมงกุฎอยู่ป่า

๏ มาจะกล่าวบทไปหน่อในอวตารรังสี
หาผลปรนนิบ้ติชนนีทั้งพระฤษีมีญาณ
ว้นหนึ่งชวนน้องเข้าพาทีพระมุนีจงโปรตเดฉาน
ข้าไสร้เกลือกคนภัยพาลขอประทานรํ่าเรียนวิชา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฤษีรักจูบกระหม่อมเกศสอนให้เล่าเวทคาถา
ฯ เจรจา ฯ
๏ หุดีกุณฑ์กองวิทยาเจ็ดราตรีศรผุดพลัน
ฯ ตระ ฯ
๏ จึงประสิทธิ์ประสาทธนูศิลป์เจ้าจินดารมณ์หมายมั่น
เมึ่อลั่นซั้นซ้ำมนตร์พลันสรรพโลกไม่ทนฤทธา
ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายสองกุมารเรียนเสร็จได้ทั้งกลละเม็ดคาถา
รบเอาธนูศิลป์มาลาล่าหาผลพนาลี
ฯ เข้าม่าน ฯ
๏ ครั้นถึงกาลวาตพนาลัยปราศัยน้องลบเรืองศรี
ฝ่ายพี่จะแผลงฤทธียิงรังด้นนี้ให้ขาดไป
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เจ้าลบว่าใหญ่ถึงแสนวาข้าเจ้าเห็นหาห้กไม่
๏ พระมงกุฎก็วางศรชัยสนั่นไปถึงชั้นพรหมา
ตระเชิด
๏ ถูกรังต้นใหญ่สินขาดยับเยินวินาศดังฟ้าผ่า
แล้วกลับต่อว่าอนุชาน้องยาจะว่าประการใด
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ พระลบสรรเสริญบุญญาอานุภาพเป็นหาที่สุดไม่
พระชนนีจะมิตกใจก็ชวนเก็บผลไม้กลับมา
ฯ พญา เดิน ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระฤษีสนั่นเสียงสำเนียงกึกก้องเวหา
ตกใจทิ้งนางสีดาก็ลีลาออกตามกุมาร
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏      ฝ่ายพระพี่น้องเห็นฤษีก็วิ่งเข้าอัญชลีทูลสาร
ทิ้งนางสีดาดวงมาลย์พระอาจารย์มาไยชนนี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระมุนีสีดาว่าดูเอาให้เราตกใจถึงสองศรี
สุ้งเสียงอะไรเมื่อกี้คิดว่าอสุรีพะพาน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระมงกฎทูลไขหาไม่ดอกยิงไม้พฤกษาสาร
๏ เจ้าลบว่าแสนอ้อมประมาณพฤกษาสารสูงเทียมเมฆา
หักย้บสะบั้นสินขาดวินาศดุจดั่งฟ้าผ่า
ที่กาลวาตพนาวาหาภ้ยมิได้พระมุนี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ สีดาว่ายิงทำไมให้ตกใจทั้งพระฤษี
นี่ลูกอะไรน่าใคร่ตีก็พาทีขู่รู่กุมาร
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระมุนีจึ่งห้ามสีดาอย่าว่าหลานกูห้าวหาญ
แล้วอวยชัยหน่ออวตารให้ชัยวาลรุ่งฤทธี
จงเจ้าเป็นใหญ่ไตรภพจบสกลทิศทั้งสี่
โภยภัยสิ่งใดอย่าได้มีให้ฤทธียิ่งบิดร
แล้วบอกนวลนางสีดาพฤกษานี้มีมาแต่ก่อน
แรกตั้งฟ้าดินอัมพรศรใครไม่กินนะสีดา
เมื่อไรต่อหน่ออวตารจึงผลาญไม้นี้ดั่งฟ้าผ่า
ลูกเจ้ารุ่งเรืองฤทธาว่าแล้วก็มากุฎี
ฯ เสมอ ๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายสองกุมารเข้าไปถวายผลไม้พระฤษี
แล้วกล้บมาหาชนนียังที่พระบรรณศาลา
ฯ บาทสกุณี ๒ คำ ฯ
โอ้
๏ ฝ่ายนางสีดาส้วมกอดพลอดพลางทางกวดเกศา
จูบเกศเทวศโศกาโอ้ว่ากำพร้ายาใจ
มาดแม้นถ้าอยู่ก้บพ่อจะเสน่ห์หน่อหาที่สุดไม่
เท่านี้หรือมีฤทธิไกรที่ไหนบิดาจะให้จร
ฝ่ายเจ้าผลานแผลงศิลป์ชัยเหมือนเมื่อท้าวไทเธอยกศร
ครั้งไปทำการสยมพรในเมืองนครมิถิลา
ให้เจ้ายิ่งยศโมลีแม่จะได้ฝากผีภายหน้า
ให้เรืองฤทธิ์เหมือนองค์พระบิดาว่าแล้วก็ทรงโศกี
ฯ โอด ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ ฝ่ายพระมงกุฎทูลถามโปรดบอกความเกล้าเกศี
แม่ว่าพ่อข้ามีฤทธีมาอยู่พนาลีด้วยอ้นใด
อ้นฝ่ายพระบังเกิดเกล้าเผ่าพงศ์กษัตริย์หรือไม่
เธอผ่านถิ่นฐานบ้านเมืองใดบอกให้หน่อยเถิดพระมารดา
ฯ มโนราโอด ๔ คำ ฯ
๏ สีดากรรแสงแถลงไขพิไรบอกลูกเสน่หา
เดิมแม่อยู่เมืองมิถิลาพระอัยกาเจ้าเสี่ยงศิลป์ชัย
เทพามนุษย์เข้ายกศิลป์เสร็จสิ้นมิได้หวาดไหว
พ่อเจ้ายกได้ว่องไวจึงเศกแม่ให้กับบิดา
อ้นบิตุเรศของเจ้าเผ่าพงศ์บรมนาถา
เรืองรุดสุดอรรคอิศราปรากฏยศยิ่งโมลี
จึ่งพาแม่มาเวียงชัยอัยกาให้สัจมเหษี
ให้พ่อเจ้าไปพนาลีแม่นี้ติดตามจรจรรย์
กับทั้งพระล้กษมณ์อนุชาออกไปอยู่ป่าพนาสัณฑ์
วันหนึ่งจึงยักษ์ทศกัณฐ์มันใช้มารีศเป็นกวางมา
แม่ไม่รู้เลยเป็นร้กใคร่ให้พ่อเจ้าตามไปในป่า
แล้วได้ยินเสียงเหมือนบิดาคิดว่ายักษาม้นยายี
จึงให้อนุชาไปดูมิรู้ยักษ์ล้กพาแม่หนี
บิดาเจ้าตามไปต่อตีฆ่าอสุรีตายทั้งลงกา
แล้วพามาผ่านโภคัยครั้งนั้นแลแม่ได้หรรษา
จึงมีปีศาจลวงมารดาวานข้าเขียนรูปอสุรี
พาซื่อมือแม่ไม่สุขประดุกเขียนรูปยักษี
พอพ่อเจ้ามาเห็นทันทีนารีผู้วานนั้นหายไป
ฝ่ายแม่จึงรู้ว่าปิศาจพระบิตุราชโกรธชักพระขรรค์ไล่
ให้พระอนุชาพาแม่ไปพิฆาตเสียในพนาวา
เดชะความสัตย์ของแม่เที่ยงแท้ต่อพ่อเจ้าหนักหนา
พระขรรค์กล้บกลายเป็นมาลาอนุชาจึงขับเสียพล้น
เตชะบุญญาของเจ้าขวัญเข้าแม่ไม่อาสัญ
พอพบมุนีในพนาวันจึงคมค้ลอาศัยคลอดลูกยา
พระบิดาเจ้าชื่อราเมศหน่อนเรศทศรถนาถา
ครอบครองกรุงศรีอยุธยาว่าแล้วก็ทรงโศกี
ฯ โอด ๒๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระมงกุฎกราบเกล้าพระแม่เจ้าอย่าหม่นหมองศรี
ถึงพระบิดาไม่ดูดีเราอยู่พงพีตามเข็ญใจ
ฯ ครวญ ๒ คำฯ
๏ สีดาส้วมสอดกอดจูบลูบหน้าหลังพลางร้องไห้
แสนโศกวิโยคอาล้ยเสน่ห์ในกอดลูกนิทรา
ฯ กล่อม ๒ คำ ฯ
             

พระรามเสี่ยงม้า

ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงไทเจ้าไตรตรึงษา
เอ็นดูกุมารสีดาจากสามีพรากบิดร
อ้อหน่อนั้นค่อยจำเริญวัยไปลองศิลป์ชัยธนูศร
เอิกเกริกสิ้นทั้งพระนครบิดรก็อัศจรรย์ใจ
เอะพ่อจะเสี่ยงพาชีลูกนี้จะได้หม่นไหม้
เป็นกรรมทำมาแต่ไรให้พรไปโดยยินดี
ฯ สาธุการ ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างองค์อรรคอวตารให้หาพฤฒาจารยอึงมี่
ควรดูฤกษ์พานาทีเหตุนี้จะเป็นประการใด
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระโหรผู้เฒ่าก้มเกล้ากราบทูลแถลงไข
เหตุลั่นดินฟ้าสุราลัยหาภัยมิได้ภูมี
แต่เกิดองค์อรรคศักดาลองมหาธนูชัยศรี
สำหร้บปราบมารไพรีเหตุนี้ดีดอกพระราชา
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นพระรามบุญเรืองเฟื่องฟ้า
สงสัยไถ่ถามโหราบัญชาแก่ราชสามนต์
เมื่อกูอยู่บนบัญชรชัยหวั่นไหวดินฟ้ากุลาหล
สะเทือนเลื่อนภูมิมณฑลจลาจลดุจดั่งจะควํ่าไป
ดูดุ๋ช้างม้าอาณาจักรหักหลักแหล่งหลุดไปได้
เหตุนี้กูมิไว้ใจเป็นภัยติดราชธานี
จงตกแต่งล้กษณโองการเขียนลงเป็นราชสารศรี
ผูกแขวนคอม้าเสี่ยงพาชีตามประเวณีเมืองปล่อยไป
จึงจะต้องตามตำราว่าแม้นใครขี่ฆ่าให้ต้กษ้ย
ให้หาอนุชาสองไทกูจะให้ไปตามอาชา
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ หนุมานก็ร้บสั่งพลันผายผันเหาะระเห็จไปหา
ฯ เชิดปฐม ฯ
๏ ครั้นถึงไกยเกศภาราเชิญเสด็จอนุชาทันที
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระสัตรุดพระพรตถามไถ่ให้หาเราไยกระบี่ศรี
สะเทือนเลื่อนลั่นบูรีอยุธยามีเหตุประการใด
ฯ ๒ คำ ฯ
๏      หนุมานทูลแจ้งกิจจาเหตุสุธาสนั่นหวั่นไหว
พระเชษฐาให้เสี่ยงพาชีชัยจึงจะให้พระไปตามไพรี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏      พระสัตรุดพระพรตสั่งพลันให้เตรียมพลขันธ์ชัยศรี
ขึ้นทูลไอยกาทันทีพระเจ้าพี่รามาให้หาไป
ฯ ๒ คำเสมอ ฯ
๏ พระไอยกาอำนวยพรให้ถาวรยศยิ่งเป็นใหญ่
เจ้าไปเถิดไปพ่อไปมีชัยแล้วกลับมาธานี
ฯ เจรจา ๒ คำฯ
๏ พระสัตรุดพระพรตอำลามาท้องพระโรงชัยศรี
ฯ เสมอ ฯ
๏ เสนาซึ่งรับสั่งเดิมทีไปจ้ดรี้พลโยธา
ฯ เชิดปฐม ฯ
ยานี
๏ กะเกนรถรัดอัสดรพวกพลนิกรซ้ายขวา
หอกง้าวหลาวแหลนปืนยาทัพหลังทัพหน้าเรียงรัน
อีกทั้งยกระบัตรเกียกกายปีกป้องกองรายแข็งขัน
ครั้นเสร็จระเห็จทูลพลันพลขันธ์พร้อมแล้วภูมี
ฯ ๖ คำ ฯ
โทน
๏ เมื่อนั้นพระพรตยศไกรชัยศรี
จึงชวนอนุชาสรงวารีสองศรีสำอางอาภรณ์
ทรงมงกฎสังวาลเสร็จสรรพจับสะพักสะพายแล่งแสงศร
ทบทรวงกรรเจียกกระจายจรตาบติดอาภรณ์กระจายตา
พาหุรัดธำมรงค์ชายแครงศรีแสงชายไหวซ้ายขวา
สนอบสนับสรรพชวนอนุชาลีลามาขึ้นรถไป
ฯ บาทสกุณี ๖ คำ ฯ
โทน
๏ รถเอยราชรถแดงสีแสงสว่างสุกใส
งอนแอกปะแหรกวิไลฉ้ตรชัยวิจิตรเจษฎา
เพราเพชรเก็จแกมหน้าหลังบังใบด้วยมณีมีค่า
ระย้าระย้อยลอยเลื่อนฟ้ากรีฑาพหลไปพลัน
ฯ กราวเชิด ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงซึ่งกรุงอยุธยาขึ้นเฝ้าเชษฐาไอศวรรย์
พระรามเห็นเรียกน้องพลันพากันออกท้องพระโรงชัย
ฯ เสมอ ฯ
๏ จึงตรัสด้วยราชสารศรีเสนีแต่งแล้วหรึอไฉน
เสนาก้มกราบทูลไปแต่งไว้เสร็จแล้วภูมี
ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ
ช้า
๏ ในลักษณพระราชสารว่าพระผ่านทศทิศทั้งสี่
แบ่งภาคจากกระเษียรวารีมีกมลจิตต์จินดา
ให้ปล่อยมิ่งม้าอุปการใครพานพะขี่จะเข่นฆ่า
ที่อวดฤทธิ์ดีจงขี่ม้าผ่านฟ้าจะไปต่อตี
ถ้าแม้นเป็นข้าอาณาจ้กรทักษิณประณตบทศรี
เคารพอภิวันท์ธุลีปล่อยพาชีจรไคลคลา
ฯ ๖ คำ ร่าย ฯ
๏ พระรามว่าดีแล้วเอาเถิดพอเกิดดวงดาวเวหา
เบื้องบนข้างทิศบูรพาบัญชาให้ผูกพาชี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ อาลักษณ์เอาสารผูกคอม้าอลังการที่นั่งรังสี
โหรปล่อยมิ่งม้าทันทีพาชีดึงเดาะเดินพลัน
ฯ ฉาน เชิดฉิ่ง ๒ คำ ฯ
๏ พระรามจึงสั่งอนุชาแม้นใครขี่ฆ่าให้อาสัญ
๏ อนุชารบสั่งจรจรัลพลันยกพลตามสะกดไป
ฯ กราว ๒ คำ ฯ
๏ พระรามซ้ำสั่งหนุมานท่านไปช่วยด้วยจึ่งได้
หนุมานรับสั่งคลาไคลไปนำพลตามพาชี
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
             

ตอนที่ ๒ ตอนหนุมานเกี้ยววานริน จนท้าวมาลีวราชมา

ตอนที่ ๓ ตอนท้าวมาลีวราชพิพากษาความ จนทศกัณฐ์เข้าเมือง

ตอนที่ ๔ ตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกรด, พระลักษมฌ์ต้องหอกกบิลพัท จนผูกผมทศกัณฐ์กับนางมณโฑ

เชิงอรรถ

อ้างอิง

เครื่องมือส่วนตัว