บทละครเรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(บานแพนก)
(ตอนที่ ๑ ตอนพระมงกุฎ)
แถว 12: แถว 12:
===ตอนที่ ๑ ตอนพระมงกุฎ===
===ตอนที่ ๑ ตอนพระมงกุฎ===
 +
====พระมงกุฎอยู่ป่า====
 +
<tpoem>
 +
๏ มาจะกล่าวบทไป  หน่อในอวตารรังสี
 +
หาผลปรนนิบ้ติชนนี  ทั้งพระฤษีมีญาณ
 +
ว้นหนึ่งชวนน้องเข้าพาที  พระมุนีจงโปรตเดฉาน
 +
ข้าไสร้เกลือกคนภัยพาล  ขอประทานรํ่าเรียนวิชา
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
๏ ฤษีรักจูบกระหม่อมเกศ  สอนให้เล่าเวทคาถา
 +
ฯ เจรจา ฯ
 +
 +
๏ หุดีกุณฑ์กองวิทยา  เจ็ดราตรีศรผุดพลัน
 +
ฯ ตระ ฯ
 +
 +
๏ จึงประสิทธิ์ประสาทธนูศิลป์  เจ้าจินดารมณ์หมายมั่น
 +
เมึ่อลั่นซั้นซ้ำมนตร์พลัน  สรรพโลกไม่ทนฤทธา
 +
ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ
 +
 +
๏ ฝ่ายสองกุมารเรียนเสร็จ  ได้ทั้งกลละเม็ดคาถา
 +
รบเอาธนูศิลป์มา  ลาล่าหาผลพนาลี
 +
ฯ เข้าม่าน ฯ
 +
 +
๏ ครั้นถึงกาลวาตพนาลัย  ปราศัยน้องลบเรืองศรี
 +
ฝ่ายพี่จะแผลงฤทธี  ยิงรังด้นนี้ให้ขาดไป
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
๏ เจ้าลบว่าใหญ่ถึงแสนวา  ข้าเจ้าเห็นหาห้กไม่
 +
๏ พระมงกุฎก็วางศรชัย  สนั่นไปถึงชั้นพรหมา
 +
ตระเชิด
 +
๏ ถูกรังต้นใหญ่สินขาด  ยับเยินวินาศดังฟ้าผ่า
 +
แล้วกลับต่อว่าอนุชา  น้องยาจะว่าประการใด
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
๏ พระลบสรรเสริญบุญญา  อานุภาพเป็นหาที่สุดไม่
 +
พระชนนีจะมิตกใจ  ก็ชวนเก็บผลไม้กลับมา
 +
ฯ พญา เดิน ๒ คำ ฯ
 +
 +
๏ ฝ่ายพระฤษีสนั่นเสียง  สำเนียงกึกก้องเวหา
 +
ตกใจทิ้งนางสีดา  ก็ลีลาออกตามกุมาร
 +
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
 +
 +
๏  ฝ่ายพระพี่น้องเห็นฤษี  ก็วิ่งเข้าอัญชลีทูลสาร
 +
ทิ้งนางสีดาดวงมาลย์  พระอาจารย์มาไยชนนี
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
๏ พระมุนีสีดาว่าดูเอา  ให้เราตกใจถึงสองศรี
 +
สุ้งเสียงอะไรเมื่อกี้  คิดว่าอสุรีพะพาน
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
๏ ฝ่ายพระมงกฎทูลไข  หาไม่ดอกยิงไม้พฤกษาสาร
 +
๏ เจ้าลบว่าแสนอ้อมประมาณ  พฤกษาสารสูงเทียมเมฆา
 +
หักย้บสะบั้นสินขาด  วินาศดุจดั่งฟ้าผ่า
 +
ที่กาลวาตพนาวา  หาภ้ยมิได้พระมุนี
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
๏ สีดาว่ายิงทำไม  ให้ตกใจทั้งพระฤษี
 +
นี่ลูกอะไรน่าใคร่ตี  ก็พาทีขู่รู่กุมาร
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
๏ พระมุนีจึ่งห้ามสีดา  อย่าว่าหลานกูห้าวหาญ
 +
แล้วอวยชัยหน่ออวตาร  ให้ชัยวาลรุ่งฤทธี
 +
จงเจ้าเป็นใหญ่ไตรภพ  จบสกลทิศทั้งสี่
 +
โภยภัยสิ่งใดอย่าได้มี  ให้ฤทธียิ่งบิดร
 +
แล้วบอกนวลนางสีดา  พฤกษานี้มีมาแต่ก่อน
 +
แรกตั้งฟ้าดินอัมพร  ศรใครไม่กินนะสีดา
 +
เมื่อไรต่อหน่ออวตาร  จึงผลาญไม้นี้ดั่งฟ้าผ่า
 +
ลูกเจ้ารุ่งเรืองฤทธา  ว่าแล้วก็มากุฎี
 +
ฯ เสมอ ๘ คำ ฯ
 +
 +
๏ ฝ่ายสองกุมารเข้าไป  ถวายผลไม้พระฤษี
 +
แล้วกล้บมาหาชนนี  ยังที่พระบรรณศาลา
 +
ฯ บาทสกุณี ๒ คำ ฯ
 +
 +
โอ้
 +
๏ ฝ่ายนางสีดาส้วมกอด  พลอดพลางทางกวดเกศา
 +
จูบเกศเทวศโศกา  โอ้ว่ากำพร้ายาใจ
 +
มาดแม้นถ้าอยู่ก้บพ่อ  จะเสน่ห์หน่อหาที่สุดไม่
 +
เท่านี้หรือมีฤทธิไกร  ที่ไหนบิดาจะให้จร
 +
ฝ่ายเจ้าผลานแผลงศิลป์ชัย  เหมือนเมื่อท้าวไทเธอยกศร
 +
ครั้งไปทำการสยมพร  ในเมืองนครมิถิลา
 +
ให้เจ้ายิ่งยศโมลี  แม่จะได้ฝากผีภายหน้า
 +
ให้เรืองฤทธิ์เหมือนองค์พระบิดา  ว่าแล้วก็ทรงโศกี
 +
ฯ โอด ๘ คำ ฯ
 +
 +
ร่าย
 +
๏ ฝ่ายพระมงกุฎทูลถาม  โปรดบอกความเกล้าเกศี
 +
แม่ว่าพ่อข้ามีฤทธี  มาอยู่พนาลีด้วยอ้นใด
 +
อ้นฝ่ายพระบังเกิดเกล้า  เผ่าพงศ์กษัตริย์หรือไม่
 +
เธอผ่านถิ่นฐานบ้านเมืองใด  บอกให้หน่อยเถิดพระมารดา
 +
ฯ มโนราโอด ๔ คำ ฯ
 +
 +
๏ สีดากรรแสงแถลงไข  พิไรบอกลูกเสน่หา
 +
เดิมแม่อยู่เมืองมิถิลา  พระอัยกาเจ้าเสี่ยงศิลป์ชัย
 +
เทพามนุษย์เข้ายกศิลป์  เสร็จสิ้นมิได้หวาดไหว
 +
พ่อเจ้ายกได้ว่องไว  จึงเศกแม่ให้กับบิดา
 +
อ้นบิตุเรศของเจ้า  เผ่าพงศ์บรมนาถา
 +
เรืองรุดสุดอรรคอิศรา  ปรากฏยศยิ่งโมลี
 +
จึ่งพาแม่มาเวียงชัย  อัยกาให้สัจมเหษี
 +
ให้พ่อเจ้าไปพนาลี  แม่นี้ติดตามจรจรรย์
 +
กับทั้งพระล้กษมณ์อนุชา  ออกไปอยู่ป่าพนาสัณฑ์
 +
วันหนึ่งจึงยักษ์ทศกัณฐ์  มันใช้มารีศเป็นกวางมา
 +
แม่ไม่รู้เลยเป็นร้กใคร่  ให้พ่อเจ้าตามไปในป่า
 +
แล้วได้ยินเสียงเหมือนบิดา  คิดว่ายักษาม้นยายี
 +
จึงให้อนุชาไปดู  มิรู้ยักษ์ล้กพาแม่หนี
 +
บิดาเจ้าตามไปต่อตี  ฆ่าอสุรีตายทั้งลงกา
 +
แล้วพามาผ่านโภคัย  ครั้งนั้นแลแม่ได้หรรษา
 +
จึงมีปีศาจลวงมารดา  วานข้าเขียนรูปอสุรี
 +
พาซื่อมือแม่ไม่สุข  ประดุกเขียนรูปยักษี
 +
พอพ่อเจ้ามาเห็นทันที  นารีผู้วานนั้นหายไป
 +
ฝ่ายแม่จึงรู้ว่าปิศาจ  พระบิตุราชโกรธชักพระขรรค์ไล่
 +
ให้พระอนุชาพาแม่ไป  พิฆาตเสียในพนาวา
 +
เดชะความสัตย์ของแม่  เที่ยงแท้ต่อพ่อเจ้าหนักหนา
 +
พระขรรค์กล้บกลายเป็นมาลา  อนุชาจึงขับเสียพล้น
 +
เตชะบุญญาของเจ้า  ขวัญเข้าแม่ไม่อาสัญ
 +
พอพบมุนีในพนาวัน  จึงคมค้ลอาศัยคลอดลูกยา
 +
พระบิดาเจ้าชื่อราเมศ  หน่อนเรศทศรถนาถา
 +
ครอบครองกรุงศรีอยุธยา  ว่าแล้วก็ทรงโศกี
 +
ฯ โอด ๒๖ คำ ฯ
 +
 +
๏ ฝ่ายพระมงกุฎกราบเกล้า  พระแม่เจ้าอย่าหม่นหมองศรี
 +
ถึงพระบิดาไม่ดูดี  เราอยู่พงพีตามเข็ญใจ
 +
ฯ ครวญ ๒ คำฯ
 +
 +
๏ สีดาส้วมสอดกอดจูบ  ลูบหน้าหลังพลางร้องไห้
 +
แสนโศกวิโยคอาล้ย  เสน่ห์ในกอดลูกนิทรา
 +
ฯ กล่อม ๒ คำ ฯ
 +
</tpoem>
 +
===ตอนที่ ๒ ตอนหนุมานเกี้ยววานริน จนท้าวมาลีวราชมา===
===ตอนที่ ๒ ตอนหนุมานเกี้ยววานริน จนท้าวมาลีวราชมา===
===ตอนที่ ๓ ตอนท้าวมาลีวราชพิพากษาความ จนทศกัณฐ์เข้าเมือง===
===ตอนที่ ๓ ตอนท้าวมาลีวราชพิพากษาความ จนทศกัณฐ์เข้าเมือง===

การปรับปรุง เมื่อ 11:46, 4 สิงหาคม 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

พระราชนิพนธ์: สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี

มี ๔ ตอน โดยตอนที่ ๒ ถึง ๔ นั้นความต่อกัน

บทประพันธ์

บานแพนก

วันอาทิตย์ เดึอน ๖ ขึ้นคํ่าหนึ่ง จุลศักราช ๑๑๓๒ (พ.ศ. ๒๓๑๓ ปีที่ ๓ ในร้ชกาลกรุงธนบุรี) ปีขาล โทศก พระราชนิพนธ์ทรงแต่งชั้นต้นเป็นปฐม ยังทรามยังพอดีอยู่

ตอนที่ ๑ ตอนพระมงกุฎ

พระมงกุฎอยู่ป่า

๏ มาจะกล่าวบทไปหน่อในอวตารรังสี
หาผลปรนนิบ้ติชนนีทั้งพระฤษีมีญาณ
ว้นหนึ่งชวนน้องเข้าพาทีพระมุนีจงโปรตเดฉาน
ข้าไสร้เกลือกคนภัยพาลขอประทานรํ่าเรียนวิชา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฤษีรักจูบกระหม่อมเกศสอนให้เล่าเวทคาถา
ฯ เจรจา ฯ
๏ หุดีกุณฑ์กองวิทยาเจ็ดราตรีศรผุดพลัน
ฯ ตระ ฯ
๏ จึงประสิทธิ์ประสาทธนูศิลป์เจ้าจินดารมณ์หมายมั่น
เมึ่อลั่นซั้นซ้ำมนตร์พลันสรรพโลกไม่ทนฤทธา
ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายสองกุมารเรียนเสร็จได้ทั้งกลละเม็ดคาถา
รบเอาธนูศิลป์มาลาล่าหาผลพนาลี
ฯ เข้าม่าน ฯ
๏ ครั้นถึงกาลวาตพนาลัยปราศัยน้องลบเรืองศรี
ฝ่ายพี่จะแผลงฤทธียิงรังด้นนี้ให้ขาดไป
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เจ้าลบว่าใหญ่ถึงแสนวาข้าเจ้าเห็นหาห้กไม่
๏ พระมงกุฎก็วางศรชัยสนั่นไปถึงชั้นพรหมา
ตระเชิด
๏ ถูกรังต้นใหญ่สินขาดยับเยินวินาศดังฟ้าผ่า
แล้วกลับต่อว่าอนุชาน้องยาจะว่าประการใด
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ พระลบสรรเสริญบุญญาอานุภาพเป็นหาที่สุดไม่
พระชนนีจะมิตกใจก็ชวนเก็บผลไม้กลับมา
ฯ พญา เดิน ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระฤษีสนั่นเสียงสำเนียงกึกก้องเวหา
ตกใจทิ้งนางสีดาก็ลีลาออกตามกุมาร
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏      ฝ่ายพระพี่น้องเห็นฤษีก็วิ่งเข้าอัญชลีทูลสาร
ทิ้งนางสีดาดวงมาลย์พระอาจารย์มาไยชนนี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระมุนีสีดาว่าดูเอาให้เราตกใจถึงสองศรี
สุ้งเสียงอะไรเมื่อกี้คิดว่าอสุรีพะพาน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระมงกฎทูลไขหาไม่ดอกยิงไม้พฤกษาสาร
๏ เจ้าลบว่าแสนอ้อมประมาณพฤกษาสารสูงเทียมเมฆา
หักย้บสะบั้นสินขาดวินาศดุจดั่งฟ้าผ่า
ที่กาลวาตพนาวาหาภ้ยมิได้พระมุนี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ สีดาว่ายิงทำไมให้ตกใจทั้งพระฤษี
นี่ลูกอะไรน่าใคร่ตีก็พาทีขู่รู่กุมาร
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระมุนีจึ่งห้ามสีดาอย่าว่าหลานกูห้าวหาญ
แล้วอวยชัยหน่ออวตารให้ชัยวาลรุ่งฤทธี
จงเจ้าเป็นใหญ่ไตรภพจบสกลทิศทั้งสี่
โภยภัยสิ่งใดอย่าได้มีให้ฤทธียิ่งบิดร
แล้วบอกนวลนางสีดาพฤกษานี้มีมาแต่ก่อน
แรกตั้งฟ้าดินอัมพรศรใครไม่กินนะสีดา
เมื่อไรต่อหน่ออวตารจึงผลาญไม้นี้ดั่งฟ้าผ่า
ลูกเจ้ารุ่งเรืองฤทธาว่าแล้วก็มากุฎี
ฯ เสมอ ๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายสองกุมารเข้าไปถวายผลไม้พระฤษี
แล้วกล้บมาหาชนนียังที่พระบรรณศาลา
ฯ บาทสกุณี ๒ คำ ฯ
โอ้
๏ ฝ่ายนางสีดาส้วมกอดพลอดพลางทางกวดเกศา
จูบเกศเทวศโศกาโอ้ว่ากำพร้ายาใจ
มาดแม้นถ้าอยู่ก้บพ่อจะเสน่ห์หน่อหาที่สุดไม่
เท่านี้หรือมีฤทธิไกรที่ไหนบิดาจะให้จร
ฝ่ายเจ้าผลานแผลงศิลป์ชัยเหมือนเมื่อท้าวไทเธอยกศร
ครั้งไปทำการสยมพรในเมืองนครมิถิลา
ให้เจ้ายิ่งยศโมลีแม่จะได้ฝากผีภายหน้า
ให้เรืองฤทธิ์เหมือนองค์พระบิดาว่าแล้วก็ทรงโศกี
ฯ โอด ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ ฝ่ายพระมงกุฎทูลถามโปรดบอกความเกล้าเกศี
แม่ว่าพ่อข้ามีฤทธีมาอยู่พนาลีด้วยอ้นใด
อ้นฝ่ายพระบังเกิดเกล้าเผ่าพงศ์กษัตริย์หรือไม่
เธอผ่านถิ่นฐานบ้านเมืองใดบอกให้หน่อยเถิดพระมารดา
ฯ มโนราโอด ๔ คำ ฯ
๏ สีดากรรแสงแถลงไขพิไรบอกลูกเสน่หา
เดิมแม่อยู่เมืองมิถิลาพระอัยกาเจ้าเสี่ยงศิลป์ชัย
เทพามนุษย์เข้ายกศิลป์เสร็จสิ้นมิได้หวาดไหว
พ่อเจ้ายกได้ว่องไวจึงเศกแม่ให้กับบิดา
อ้นบิตุเรศของเจ้าเผ่าพงศ์บรมนาถา
เรืองรุดสุดอรรคอิศราปรากฏยศยิ่งโมลี
จึ่งพาแม่มาเวียงชัยอัยกาให้สัจมเหษี
ให้พ่อเจ้าไปพนาลีแม่นี้ติดตามจรจรรย์
กับทั้งพระล้กษมณ์อนุชาออกไปอยู่ป่าพนาสัณฑ์
วันหนึ่งจึงยักษ์ทศกัณฐ์มันใช้มารีศเป็นกวางมา
แม่ไม่รู้เลยเป็นร้กใคร่ให้พ่อเจ้าตามไปในป่า
แล้วได้ยินเสียงเหมือนบิดาคิดว่ายักษาม้นยายี
จึงให้อนุชาไปดูมิรู้ยักษ์ล้กพาแม่หนี
บิดาเจ้าตามไปต่อตีฆ่าอสุรีตายทั้งลงกา
แล้วพามาผ่านโภคัยครั้งนั้นแลแม่ได้หรรษา
จึงมีปีศาจลวงมารดาวานข้าเขียนรูปอสุรี
พาซื่อมือแม่ไม่สุขประดุกเขียนรูปยักษี
พอพ่อเจ้ามาเห็นทันทีนารีผู้วานนั้นหายไป
ฝ่ายแม่จึงรู้ว่าปิศาจพระบิตุราชโกรธชักพระขรรค์ไล่
ให้พระอนุชาพาแม่ไปพิฆาตเสียในพนาวา
เดชะความสัตย์ของแม่เที่ยงแท้ต่อพ่อเจ้าหนักหนา
พระขรรค์กล้บกลายเป็นมาลาอนุชาจึงขับเสียพล้น
เตชะบุญญาของเจ้าขวัญเข้าแม่ไม่อาสัญ
พอพบมุนีในพนาวันจึงคมค้ลอาศัยคลอดลูกยา
พระบิดาเจ้าชื่อราเมศหน่อนเรศทศรถนาถา
ครอบครองกรุงศรีอยุธยาว่าแล้วก็ทรงโศกี
ฯ โอด ๒๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระมงกุฎกราบเกล้าพระแม่เจ้าอย่าหม่นหมองศรี
ถึงพระบิดาไม่ดูดีเราอยู่พงพีตามเข็ญใจ
ฯ ครวญ ๒ คำฯ
๏ สีดาส้วมสอดกอดจูบลูบหน้าหลังพลางร้องไห้
แสนโศกวิโยคอาล้ยเสน่ห์ในกอดลูกนิทรา
ฯ กล่อม ๒ คำ ฯ
             

ตอนที่ ๒ ตอนหนุมานเกี้ยววานริน จนท้าวมาลีวราชมา

ตอนที่ ๓ ตอนท้าวมาลีวราชพิพากษาความ จนทศกัณฐ์เข้าเมือง

ตอนที่ ๔ ตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกรด, พระลักษมฌ์ต้องหอกกบิลพัท จนผูกผมทศกัณฐ์กับนางมณโฑ

เชิงอรรถ

อ้างอิง

เครื่องมือส่วนตัว