นิราศพระà¹à¸—่นดงรัง (นายมี)
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
(→ข้อมูลเบื้องต้น) |
(→บทประพันธ์) |
||
| แถว 10: | แถว 10: | ||
== บทประพันธ์ == | == บทประพันธ์ == | ||
<tpoem> | <tpoem> | ||
| + | ๏ นิราศรักหักใจอาลัยหวน | ||
| + | ไปพระแท่นดงรังตั้งแต่ครวญ มิได้ชวนขวัญใจไปด้วยกัน | ||
| + | ด้วยอยู่ห่างต่างบ้านนาน ๆ ปะ เหมือนเลยละลืมนุชสุดกระสันต์ | ||
| + | แต่น้ำจิตต์คิดคนึงถึงทุกวัน จะจากกันเสียทั้งรักพะวักพะวน | ||
| + | ในปีวอกนักษัตร์อัฐศก ชาตาตกต้องไปถึงไพรสณฑ์ | ||
| + | ลงนาวาหน้าวัดพระเชตุพน พี่ทุกข์ทนถอนใจครรไลจร | ||
| + | เหลืออาลัยเหลียวหลังจะสั่งน้อง เฝ้ามอง ๆ มุ่งเขม้นไม่เห็นสมร | ||
| + | เห็นวัดโพธิ์โสภาสถาพร สง่างอนงามพริ้งทุกสิ่งอัน | ||
| + | โอ้วัดโพธิ์เป็นวัดกษัตริย์สร้าง ไม่โรยร้างรุ่งเรืองดังเมืองสวรรค์ | ||
| + | แต่ตัวเรียมร้างนุชสุดรำพัน สักกี่วันจะได้คืนมาชื่นชม | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | พี่สั่งพลางโศกพลางมากลางน้ำ ถึงหน้าตำหนักแพกระแสสินธุ์ | ||
| + | เห็นนางในใสสดหมดมณฑิล ทำดีดดิ้นดัดจริตสะกิดกัน | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | มาตะบึงถึงคลองบางกอกน้อย ยิ่งเศร้าสร้อยเสียใจเป็นใหญ่หลวง | ||
| + | โทรมนัสกลัดกลุ้มถึงพุ่มพวง จนเลยล่วงครรไลเข้าในคลอง | ||
| + | เห็นตลาดท้องน้ำประจำขาย บ้างแจวพายอึงอื้อมาซื้อของ | ||
| + | เห็นสาว ๆ แม่ค้าน่าประคอง พี่ลอง ๆ ปะตาน่าเอ็นดู | ||
| + | ช่างงามเหมือนโฉมเฉลาเยาวยอด ยังไม่ถอดกำไลใส่ต่างหู | ||
| + | น่าสงสารคอนพายมาขายพลู ถ้าได้อยู่กับพี่จะดีครัน | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | ถึงวังหลังเห็นวังสงัดเงียบ เย็นระเยียบรกตานิจจาเอ๋ย | ||
| + | แต่ก่อนเปรื่องเรืองฟ้าสง่าเงย พระคุณเอยเย็นเกล้าชาวบุรี | ||
| + | สามพระองค์ทรงชำนาญในการศึก ออกสอึกราญรบไม่หลบหนี | ||
| + | แต่ครั้งก่อนพวกพม่ามาราวี พระตอนตีแตกยับอัปรา | ||
| + | ทุกวันนี้มีแต่พระนามเปล่า พระผ่านเผ้านิพพานนานนักหนา | ||
| + | เสียดายแต่องค์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา ชลนานองเนตรสังเวชวัง | ||
| + | ถึงบ้านบุบุขันสนั่นก้อง เขาหลอมทองเทถ่ายละลายไหล | ||
| + | ทรวงพี่ร้อนเหมือนหนึ่งทองในกองไฟ ทำกระไรร้อนเราจะเบาบาง | ||
| + | ถึงวัดทองทองทาบอยู่ปลาบเปล่ง พี่แลเล็งเนื้อทองยิ่งหมองหมาง | ||
| + | คิดไปถึงแหวนทองของน้องนาง เคยสำอางค์ใส่อวดประกวดกัน | ||
| + | พี่เคยขอแหวนยอดน้องถอดให้ มาสวมใส่นิ้วขวับแล้วรับขวัญ | ||
| + | โอ้อกเอ๋ยเคยชื่นทุกคืนวัน คิดถึงขวัญนัยนาให้อาวรณ์ | ||
| + | มาถึงวัดชีปะขาวให้เศร้าสร้อย นาวาลอยลับไปไกลสมร | ||
| + | พี่กล้ำกลืนโศกาอนาทร สะท้อนถอนจิตต์ใจไม่สบาย | ||
| + | ถึงตำบลบางระมาดอนาถจิตต์ เหมือนพี่คิดมุ่งมาดสวาทหมาย | ||
| + | ก็ได้สมชมน้องประคองกาย แล้วกลับกลายพลัดพรากไปจากทรวง | ||
| + | มาถึงวัดไก่เตี้ยยิ่งเสียจิตต์ พี่ยิ่งคิดเสียดายไม่หายห่วง | ||
| + | ยิ่งแลลับแก้วตาสุดาดวง ครรไลล่วงเลื่อนลอยนาวามา | ||
| + | มาถึงวัดพิกุลให้ฉุนชื่น หอมระรื่นดอกดวงพวงบุปผา | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | เห็นต้นโศกเป็นดอกออกระดะ โศกปะทะสองช้ำทำไฉน | ||
| + | โอ้โศกต้นเข้าระคนกับโศกใจ ทำกระไรโศกเราจะเบาบาง | ||
| + | เห็นดงรังริมคลองทั้งสองฟาก ยิ่งรักมากมัวจิตต์พิศวง | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | ถึงบางกรวยให้ระทวยระทดทอด แทบม้วยมอดมรณังสิ้นสังขาร | ||
| + | พี่แข็งขืนกลืนกล้ำที่รำคาญ ทำชื่นบานแย้มเยื้อนเป็นเพื่อนกัน | ||
| + | มาตะบึงลุถึงบางอ้อยช้าง ไม่วายว่างวิโยคที่โศกศัลย์ | ||
| + | นั่งคนึงถึงนุชสุดรำพัน แล้วผายผันรีบมาในวาริน | ||
| + | กระทั่งถึงบางขนุนให้ขุ่นจิตต์ นั่งพินิจนึกในฤทัยถวิล | ||
| + | เห็นขนุนหนามหนาไม่น่ากิน แต่รสกลิ่นภายในชอบใจคน | ||
| + | เหมือนรูปชั่วใจดีเจ้าพี่เอ๋ย ไม่เลือกเลยสุดแท้แต่กุศล | ||
| + | ที่รูปดีใจชั่วตัวซุกซน ไม่เป็นผลคบยากลำบากใจ | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | มาถึงบางขุนกองให้หมองหมาง ระยะทางที่จะไปยังไกลเหลือ | ||
| + | โอ้แต่นี้มีแต่จะหนาวเนื้อ ไม่ได้เสื้อมาห่มยิ่งตรมใจ | ||
| + | ถึงบ้านจีนจีนมีที่นี่หรือ จึงเรียกชื่อจีนจามให้ความฉงน | ||
| + | ชื่อบ้านจีนแล้วทำไมให้ไทยปน โอ้ตำบลนี้วิบัติอัศจรรย์ | ||
| + | มาถึงบ้านนายไกรฤทัยหมอง คิดถึงเรื่องไกรทองยิ่งโศกศัลย์ | ||
| + | เขาเรืองฤทธิ์คิดฆ่าชาละวัน แล้วชมขวัญโฉมศรีวิมาลา | ||
| + | นางกลับเป็นจรเข้เที่ยวเร่ร่อน ไกรทองนอนคนเดียวเปลี่ยวนักหนา | ||
| + | คิดถึงน้องร้องไห้ฟายน้ำตา อุปมาเหมือนเรานี้เศร้าใจ | ||
| + | มาถึงวัดอุทยานสำราญจิตต์ ที่เพ่งพิศพฤกษาบุปผาไสว | ||
| + | เหมือนสวนสวรรค์ชั้นฟ้าสุราลัย หอมดอกไม้น่าดมลมรำเพย | ||
| + | ถ้าน้องมากับพี่จะชี้บอก ว่าโนนดอกสารภีเจ้าพี่เอ๋ย | ||
| + | รสสุคนธ์คนชมภิรมย์เชย เหมือนพี่เคยชมน้องในห้องนอน | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | ถึงบางระนกบางคูเวียงเคียงกันอยู่ เหมือนอย่างคู่เชยชมภิรมย์ขวัญ | ||
| + | ทั้งสองบางปากบางไม่ห่างกัน อัศจรรย์บ้านนี้ดีสุดใจ | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | ถึงโรงหีบเห็นเขาหีบแต่น้ำอ้อย ดูหยดย้อยรองไว้ได้นักหนา | ||
| + | พี่รักน้องถ้าระรองเอาน้ำตา คงมากกว่าน้ำอ้อยแล้วกลอยใจ | ||
| + | ชะรอยรักโฉมฉายมาหลายชาติ เป็นบุพเพสันนิวาสหรือไฉน | ||
| + | ยิ่งคิดถึงแก้วตาที่อาลัย ในจิตต์ใจพี่นี้ไม่มีสบาย | ||
| + | ถึงบางม่วงเห็นพวงมะม่วงห้อย คิดจะสอยก็ไม่สมอารมณ์หมาย | ||
| + | จะปีนต้นก็ยากลำบากกาย พี่นึกหมายนิ่งอดเหมือนมดแดง | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | ถึงบางใหญ่แต่ชื่อเขาลือเล่า ไม่ใหญ่เท่าทุกข์พี่ที่จากสมร | ||
| + | พี่ทุกข์เท่าฟ้าดินคิรินทร ไม่หยุดหย่อนโศกาน้ำตาคลอ | ||
| + | มาตามทางบางใหญ่ไกลนักหนา ไม่เห็นหน้าน้องแก้วพี่แล้วหนอ | ||
| + | มาถึงด่านด่านเรียกให้เรือรอ แล้วเลยต่อไปในวนชลธาร | ||
| + | มาถึงวัดส้มเกลี้ยงพอเที่ยงสาย สกนธ์กายร้อนเริงดังเพลิงผลาญ | ||
| + | เห็นส้มเกลี้ยงน่าจะกลืนให้ชื่นบาน เปรี้ยวหรือหวานก็ไม่รู้ดูแต่ตา | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | ไม่รู้จักชื่อบ้านรำคาญจิตต์ นั่งพินิจแนวทางมากลางหน | ||
| + | จนออกทุ่งมุ่งดูพระสุริยน เมฆหมอกหม่นหมองมัวเหมือนตัวเรา | ||
| + | โอ้สงสารสุริยาฟ้าพยับ จะเลื่อนลับยุคนธรศิงขรเขา | ||
| + | พระอาทิตย์ดวงเดียวเปลี่ยวเหมือนเรา กำสรดเศร้าโศกาเอ้กากาย | ||
| + | ถึงมีเพื่อนเหมือนพี่ไม่มีเพื่อน เพราะไม่เหมือนนุชนาฏที่มาดหมาย | ||
| + | มีเพื่อนเล่นก็ไม่เหมือนกับเพื่อนตาย มีเพื่อนชายก็ไม่เหมือนมีเพื่อนชม | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | มาตะบึงลุถึงหัวโยงเชือก เป็นโคลนเทือกท้องนาชลาสินธุ์ | ||
| + | คลองเล็กล้ำน้ำตื้นเห็นพื้นดิน ไม่ได้กินน้ำท่าระอาใจ | ||
| + | ต้องจ้างโยง ๆ เรือเหลือลำบาก ให้ควายลากเรือเลื่อนเขยื่อนไหว | ||
| + | ผูกระนาวยาวยืดเป็นพืดไป ทั้งเจ๊กไทยปนกับสนั่นอึง | ||
| + | ไม่พักแจวพักถ่อให้รอช้า เป็นราคาประจำลำสลึง | ||
| + | ควายก็เดินดันดังเสียงกังกึง พอเชือกตึงเรือตามเป็นหลามมา | ||
| + | จนพลบค่ำน้ำค้างลงพร่างพร้อย พระจันทร์ลอยเด่นดวงช่วงเวหา | ||
| + | ดาวประดับวับวาวอร่ามตา ดูท้องฟ้าอ้างว้างกลางอัมพร | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | ไม่มีมุ้งยุงกัดสะบัดหนาว ทั้งลมว่าวพัดต้องให้หมองหมาง | ||
| + | เห็นเพื่อนเรือเมื่อตอนจะรุ่งราง มีมุ้งกางกอดเมียอยู่เคลียคลอ | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | ทั้งคับใจคับที่เจ้าพี่เอ๋ย ไม่หลับเลยจนสว่างกระจ่างฉาย | ||
| + | เขาโยงเรือรับรุดไม่หยุดควาย มาจนสายจึงพ้นตำบลโยง | ||
| + | มาถึงด่านบ้านนอกออกแม่น้ำ ดูลึกล้ำน่ากลัวจรเข้โขง | ||
| + | พี่นั่งเรือขึ้นไว้มิให้โคลง แจวชะโลงล่องน้ำมาลำเดียว | ||
| + | มาถึงลานตากฟ้าเวลาเช้า ยิ่งโศกเศร้าเสียใจอาลัยเหลียว | ||
| + | เป็นทุ่งนาหญ้ารกวิหคเกรียว กะทุงเที่ยวเลียบหนองคอยมองปลา | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | ยิ่งรำพันตันจิตต์ให้คิดถึง แทบประหนึ่งจะเด็ดดิ้นสิ้นสังขาร | ||
| + | เรือก็ล่องตามคลองแม่น้ำมา ไม่รอรารีบรัดผลัดกันแจว | ||
| + | ถึงงิ้วรายหมายคุ้งมุ่งเขม้น พี่แลเห็นต้นงิ้ว เป็นทิวแถว | ||
| + | แต่ตัวน้องพี่มองไม่เห็นแล้ว เห็นแต่แนวแม่น้ำนั้นร่ำไป | ||
| + | มาถึงบ้านสามประทวนหวนละห้อย น้ำเนตรย้อยซึมโซมชะโลมไหล | ||
| + | ให้หิวหอบบอบช้ำระกำใจ พลางครรไลล่องลอยนาวามา | ||
| + | ถึงนครไชยศรีมีโรงเหล้า เป็นของเมาตัดขาดไม่ปรารถนา | ||
| + | ไม่เมาเหล้าเมาแต่รักหนักอุรา เมายิ่งกว่าเมาเหล้ายิ่งเศร้าใจ | ||
| + | อันรักมักหลงพะวงรัก ใครจะรักฉกไว้ก็ไม่ไหว | ||
| + | กำลังมืดเมามัวไม่กลัวใคร คงจะไปหารักที่พักพิง | ||
| + | อันทุกข์โศกโรคร้อนนอนไม่หลับ เกิดสำหรับร่างกายทั้งชายหญิง | ||
| + | ด้วยรักกันฟั่นเฝือเหลือประวิง อนาถนิ่งนอนนึกรำลึกกัน | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | ๏ ถึงบางแก้วมองเขม้นไม่เห็นแก้ว เห็นแต่แนวดงพฤกษาสลอน | ||
| + | มีวัดหนึ่งโตใหญ่ใกล้สาคร สง่างอนช่อฟ้าศาลาสะพาน | ||
| + | ดูเบื้องบนอาวาสก็ลาดเลี่ยน ต้นตะเคียนร่มรกปกวิหาร | ||
| + | ทั้งสระโกสุมภ์ประทุมมาลย์ บ้างตูมบานเกษรอ่อนละออ | ||
| + | พี่คิดถึงบัวทองของน้องแก้ว ยังผ่องแผ้วพรรณรายเสียดายหนอ | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | พระสุริยฉายสายแสงขึ้นแข็งกล้า รีบเรือมามิได้หยุดพี่สุดหมอง | ||
| + | ยิ่งร้อนแดดแผดพยับอับละออง ไม่ผุดผ่องผิวค้ำระกำใจ | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | รำพันพลางทางมาถึงวัดสิงห์ พี่นั่งนิ่งนึกไปฤทัยหวาม | ||
| + | ประณมหัตถ์ทัศนาพระอาราม แล้วมาตามคลองน้อยละห้อยใจ | ||
| + | |||
| + | ๏ ถึงวัดท่าเป็นท่าที่เรือจอด ไม่เปล่าปลอดเรือแพแลไสว | ||
| + | สิ้นหนทางคงคาชลาลัย จะขึ้นไปเดินป่าพนาวัน | ||
| + | สัปรุษหยุดเรืออยู่พร้อมหน้า เสียงเฮฮาอึงอื้อหือฤาหรรษ์ | ||
| + | เป็นพวกพ้องเข้าประสพสมทบกัน จะผายผันพวกเดียวก็เปลี่ยวใจ | ||
| + | ไปจ้างเกวียนชาวนาสิบห้าเล่ม บรรทุกเต็มพร้อมกันเสียงหวั่นไหว | ||
| + | ทั้งหนุ่มสาวเฒ่าแก่ออกแซร่ไป จะเดินไพรสนุกไม่ทุกข์ร้อน | ||
| + | เขาออกเกวียนพร้อมหน้าเวลาบ่าย แลดูควายเดินระดับสลับสลอน | ||
| + | เจ้าของหวดด้วยตะพดให้บทจร เกวียนสะท้อนกงสะเทือนเขยื้อนดัง | ||
| + | ดูดุมวงกงหมุนเป็นฝุ่นฟุ้ง คนเดินมุ่งมาตรมาทั้งหน้าหลัง | ||
| + | ถืออาวุธกันภัยระไวระวัง ไม่รอรั้งรีบมาเป็นช้านาน | ||
| + | ถึงบ้านธรรมศาลาพนาสณฑ์ เป็นตำบลใหญ่โตระโหฐาน | ||
| + | เขาบอกว่าบ้านนั้นแสนกันดาร ตำข้าวสารกรอกหม้อไม่พอกิน | ||
| + | ดูเหย้าเรือนเคหา น่าสังเวช เต็มทุเรศรุงรังไปทั้งสิ้น | ||
| + | ถึงยากจนทนสู้เขาอยู่ชิน ไม่ทิ้งถิ่นทิ้งทางให้ร้างโรย | ||
| + | แต่ตัวเรียมร้างนุชมาสุดเนตร แสนทุเรศร่ำไห้ไม่วายโหย | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | ๏ ถึงประโธนธารามพราหมณ์เขาสร้าง เป็นพระปรางค์แต่โบราณนานนักหนา | ||
| + | แต่ครั้งดวงพระธาตุพระศาสดา พราหมณ์ศรัทธาสร้างสรรค์ไว้มั่นคง | ||
| + | บรรจุพระทะนานท่องของวิเศษ พี่น้อมเกศโมทนาอานิสงส์ | ||
| + | จุดธูปเทียนอภิวันด้วยบรรจง ถวายธงแพรผ้าแล้วพาจร | ||
| + | ดูสองข้างมรรคาล้วนป่าไผ่ เขาตัดใช้ทุกกอตอสลอน | ||
| + | หนามแขนงแกว่งห้อยรอยเขารอน บ้างเป็นท่อนแห้งหักทะลักทะลุย | ||
| + | ที่โคนไผ่ไก่ป่ามาซุ่มชุก บ้างกอกุกเขี่ยดินกินลุกขุย | ||
| + | พอเห็นคนวนบินดินกระจุย เห็นร่องคุ้ยรอบข้างหนทางจร | ||
| + | บรรลุถึงพระปฐมประทับหยุด สัปบุรุษเซ็งแซร่แลสลอน | ||
| + | แวะขึ้นไปไหว้พระปฐมประณมกร สโมสรโสมนัสนมัสการ | ||
| + | ต่างระรื่นชื่นจิตต์พิศวง เที่ยวเวียนวงไหว้รอบขอบสถาน | ||
| + | พระปรางค์ใหญ่มีอยู่แต่บุราณ สูงตระหง่านยอดเยี่ยมเทียมอัมพร | ||
| + | มีบันไดขึ้นไปประทักษิณ แลเห็นสิ้นทุกทิศจิตต์สยอน | ||
| + | ดูต้นไม้ในป่าเหมือนหญ้าบอน ระเนนนอนแนบชิดติดสุธา | ||
| + | ดูแผ่นดินรายรอบเป็นขอบขันธ์ เป็นหมอกควันแลไปไกลนักหนา | ||
| + | ข้างพื้นล่างกลางลานชานชลา มีพฤกษาร่มรื่น เป็นพื้นทราย | ||
| + | พี่ชมพลางทางพบอภิวาท สุคนธชาติบุปผาบูชาถวาย | ||
| + | สัปรุษพร้อมพรั่งทั้งหญิงชาย กราบถวายวันทาแล้วลาลง | ||
| + | เที่ยวเลี้ยวลัดทัศนาพระอาวาส ดูอนาถน้ำจิตต์พิศวง | ||
| + | บริเวณวัดวาเป็นป่าดง ดูงวยงงล่วงมาช้านาน | ||
| + | พระปฐมของบรมกษัตริย์สร้าง เป็นพระปรางค์ใหญ่โตระโหฐาน | ||
| + | สูงเท่านกเขาเหินเกินทะยาน พระยาพาลก่อสร้างไว้ล้างกรรม | ||
| + | เธอหลงฆ่าปิตุรงค์ทิวงคต เขารู้หมดเรื่องความไม่งามขำ | ||
| + | เธอทำผิดคิดได้ไม่เป็นธรรม จึงกลัวกรรมก่อสร้างพระปรางค์ทอง | ||
| + | พี่ได้ฟังเรื่องราวเขาเล่ามาก เมื่อยามยากคิดไปฤทัยหมอง | ||
| + | ข้ามห้วยหนองคลองบึงถึงอ้ายกอง สกุณาร้องรัญจวนถึงนวลระหงส์ | ||
| + | พอโพล้เพล้เวลาจะค่ำลง ให้งวยงงง่วงเหงาเศร้าฤทัย | ||
| + | เสียงจักจั่นแจ้ว ๆ ให้แว่วหวาด หนาวอนาถนึกน่าน้ำตาไหล | ||
| + | ยะเยือกเย็นเส้นหญ้านภาลัย วังเวงใจจะมาในราตรี | ||
| + | แล้วหยุดนอนในป่าเวลาดึก คะนึงนึกถึงน้องให้หมองศรี | ||
| + | หักใบไม้ปูลาดกวาดธุลี กองอัคคีรอบเกวียนเวียนระวัง | ||
| + | บ้างก็กินโภชนากระยาหาร ต่างสำราญสู่สมอารมณ์หวัง | ||
| + | บ้างหาร่มไม้ชิดให้ปิดบัง พอยับยั้งกายตามยามกันดาร | ||
| + | แต่ตัวพี่นอนกลางหว่างต้นไม้ ยกมือไหว้เทพาพฤกษาสาณฑ์ | ||
| + | อย่าให้มีโภยภัยสิ่งใดพาล นมัสการแปดทิศแล้วนิทรา | ||
| + | จนดึกดื่นเดือนสว่างกระจ่างแจ้ง จรัสแสงส่องสอดยอดพฤกษา | ||
| + | น้ำค้างพรมลมว่าวหนาวอุรา พี่ห่มผ้าซ้อนผืนไม่ชื่นจิตต์ | ||
| + | ไม่อุ่นเหมือนแนบกายสายสวาท โศกไสยาศน์เกลือกกลับไม่หลับไหล | ||
| + | ลุกขึ้นนั่งหลังอิงแล้วผิงไฟ ได้ยินไก่เถื่อนขันสำคัญยาม | ||
| + | เสียงจิ้งหรีดกรีดกริ่งระหริงร้อง เย็นสมองเยี่ยมย่างเข้ายามสาม | ||
| + | จนแสงทองส่องฟ้าสง่างาม เรืองอร่ามรุ่งรางสว่างวัน | ||
| + | ต่างคนต่างตื่นขึ้นพร้อมหน้า แล้วรีบมาเร็วไวในไพรสัณฑ์ | ||
| + | ระยะทางกลางไพรยังไกลกัน แทบอาสัญทางทุเรศสังเกตมา | ||
| + | หนทางเกวียนเตียนโล่งตลอดลิ่ง สะพร่างทิวแถวไม้ไพรพฤกษา | ||
| + | ระบัดลมร่มรื่นพื้นสุธา ดาษดาดอกก็ดวงร่วงราย | ||
| + | บ้างทรงผมหล่นหนักเป็นอัคนิษฐ์ ไม่พักปลิดก็ได้ดังใจหมาย | ||
| + | ถ้าน้องมาเห็นจะพาพี่สบาย จะชวนสายสุดที่รักให้ชมดง | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | ๏ มาถึงลาดหญ้าไทรให้ใจหาย ตะวันสายเสียใจด้วยไกลสมร | ||
| + | เห็นไฟป่าไหม้ป่ายิ่งอาวรณ์ ทรวงพี่ร้อนเริงแรงดังแสงไฟ | ||
| + | เห็นลมพัดปัดควันไปปั่นป่วน เหมือนลมหวนป่วนจิตต์พิสมัย | ||
| + | เห็นหนองน้ำขุ่น ๆ สนุ่นไคล เหมือนดวงใจที่พี่ช้ำระกำตรอม | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | ๏ มาถึงโป่งลูกวัวน่ากลัวผี เสียงชะนีโหยไห้พิไลหวน | ||
| + | พี่คิดว่าเสียงนางมาครางครวญ ให้รัญจวนจรมาในอารัญ | ||
| + | เห็นต้นไทรใหญ่โตระโหถาน สูงตระหง่านเงื้อมป่าอนาสัณฑ์ | ||
| + | พี่หยุดยั้งนั่งนบอพภิวันท์ พลางรำพันนึกในฤทัยปอง | ||
| + | คิดถึงเรื่องอุณรุทกับอุษา พระเทพาอุ้มสมภิรมย์สอง | ||
| + | แล้วเทวาพาพรากมาจากน้อง พระร่ำร้องหานางเหมือนอย่างเรา | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | ๏ ถึงหนองโพธิ์ ๆ มีที่ริมหนอง ต้นโพธิ์ทองปากป่าคนอาศัย | ||
| + | ครั้นลมพัดกวัดแกว่งพลิกแพลงใบ ที่ภายใต้ร่มรื่นชื่นอุรา | ||
| + | พี่นั่งนบอภิวันทแล้วผันผาย ไม่เหือดหายโหยหวนรัญจวนหา | ||
| + | เห็นนกไม้ในดงพงพนา ไม่เห็นหน้านิ่มนวลยิ่งครวญคราง | ||
| + | |||
| + | ๏ มาถึงห้วยหมอนทองมองเขม้น แลไม่เห็นหมอนทองยิ่งหมองหมาง | ||
| + | คิดถึงหมอนเคยนอนกับหมอนนาง ทั้งหมอนข้างหมอนอิงเคยพิงกาย | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | ด้วยราหูจู่จับเข้าทับลักษณ์ นิราศรักร้อนใจดังไฟผลาญ | ||
| + | พี่รักน้องมิได้อยู่เป็นคู่นาน มาเกิดการกำจัดวิบัติเป็น | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | ๏ ถึงหนองกระบอกซอกธารสถานที่ หนองจะมีคงคาต่อหน้าฝน | ||
| + | ฤดูแล้งแห้งหายสิ้นสายชล มีแต่ต้นไม้สล้างข้างลำธาร | ||
| + | ต้นซีกซากโศกไทรมะไฟป่า เคียนมะค่าคางแคแสมสาร | ||
| + | กะเบียนกะบากหมากลิงมะพร้าวตาล สุดประมาณหมู่ไม้ที่ในดง | ||
| + | ขี้เกียจกล่าวราวป่าจะช้าถึง รีบตะบึงมาในไพรระหงส์ | ||
| + | จนเบี่ยงบ่ายชายแสงพระสุริยง อุตส่าห์ทรงการเดิมดำเนินจร | ||
| + | มาถึงห้วยปรากตเขาปลดเกวียน เป็นที่เตียนหยุดประทับสลับสลอน | ||
| + | ลงอาบน้ำดำเกล้าบันเทาร้อน เห็นสาครลึกซึ้งเป็นบึงโต | ||
| + | ทั้งสองฟากครื้นครึกล้วนพฤกษา มีเต่าปลาพรั่งพรูอยู่อักโข | ||
| + | ฝูงสวายว่ายเรียงเคียงเทโพ ดุกชะโดโดดดิ้นเข้ากินไคล | ||
| + | ตะเพียนทองล่องลอยขึ้นพ้นน้ำ กระดี่ดำแหวกว่ายอยู่ไสว | ||
| + | ตะโกกาปลาสร้อยก็ลอยไป เข้าแฝงใบจอกกะจับให้ลับกาย | ||
| + | ยิ่งชมปลาอาวรณ์ให้ร้อนจิตต์ นึกถึงคู่ชีวิตแล้วใจหาย | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | รำพันพรางทางแลดูพวกเพื่อน ออกกล่นเกลื่อนรายเรียงเสียงขรม | ||
| + | ลงอาบน้ำดำมุดบ้างผุดจม เอาโคลนตมขว้างกันสนั่นไป | ||
| + | พวกผู้หญิงปลิงกัดสะบัดร้อง ขึ้นจากหนองปลดปลิงวิ่งไสว | ||
| + | ที่ลางคนกล้าแข็งแรงสุดใจ ก็เล่นไล่เอาเถิดเกิดพะนัน | ||
| + | พวกผู้ชายว่ายจับกันสับสน ได้นางคนหนึ่งแรงแข็งขยัน | ||
| + | ขยุ้มคลำปะแล้วละกัน เสียงสนั่นเฮฮาในวารี | ||
| + | แล้วขึ้นจากคงคาเวลาบ่าย ทั้งหญิงชายปรีด์เปรมเกษมศรี | ||
| + | ก็ออกเกวียนพร้อมกันไปทันที เกวียนของพี่ออกหน้าน้องพาจร | ||
| + | ระรวยรื่นชื่นหอมพยอมสด คันธรสโรยร่วงพวงเกสร | ||
| + | ต้องพระพายชายช่ออรชร หมู่ภมรคลึงเคล้าเฝ้าเชยชม | ||
| + | แมลงภู่เป็นคู่ของบุปผา โบราณว่ามีจริงทุกสิ่งสม | ||
| + | หญิงกับชายเป็นคู่ดูอารมณ์ ทั่วปฐมกัปปกัลปพุทธันดร | ||
| + | ใครมีคู่พลัดคู่อยู่ไม่สุข มักเกิดทุกข์ใหญ่ยิ่งกว่าสิงขร | ||
| + | เหมือนตัวเรียมร่ำรักหนักอาวรณ์ ด้วยจากจรมิได้อยู่เป็นคู่เชย | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | ยิ่งคิดไปใจตื้นสะอื้นไห้ พลางครรไลเลยมาในป่าเขียว | ||
| + | เห็นค่างลิงวิ่งโลดกระโดดเกรียว บ้างกลับเหลียวหลังหลอกตะคอกคน | ||
| + | ลางลิงก็เกาะกิ่งพฤกษาโหน ลางลิงโจนจับคว้าผลาผล | ||
| + | ขี้เกียจดูหมู่ลิงวิ่งซุกซน ก็รีบล้นเร็วมาในป่าดอน | ||
| + | พระสุริยายอแสงลงแฝงเฝือ ถึงพระยาพายเรือไม่หยุดหย่อน | ||
| + | ที่ย่านนั้นดูสนุกที่ฝั่งนอน เป็นทรายอ่อนขาวสะอาดไม่บาดตา | ||
| + | แต่ปางก่อนเป็นลำแม่น้ำกว้าง ดูสองข้างยังเห็นเป็นฝั่งฝา | ||
| + | แต่น้ำแห้งเหือดหายสายชลา เป็นสุธารื่นราบดังปราบลาน | ||
| + | ยิ่งพินิจคิดไปแล้วใจหาย ก็ผันผายล่วงลัดพนัสสถาน | ||
| + | พระสุริยง ลงลับพะโยมมาน ก็ข้ามบ้านโป่งมาเข้าป่ารัง | ||
| + | ถึงพระแท่นแสนสนุกทุกข์ค่อยหาย เห็นรังรายใจปลื้มจนลืมหลัง | ||
| + | พวกชายหญิงสัปรุษก็หยุดยัง เข้าแอบบังพฤกษาริมอาราม | ||
| + | พอพลบค่ำทำที่จะอาศัย บ้างปักไม้เกะกะแล้วสะหนาม | ||
| + | บ้างก่อไฟจุดใต้ตะเกียงตาม ดูอร่ามรายเรียงเคียงกันไป | ||
| + | แล้วพักผ่อนนอนหลับระงับงีบ จนแสงทองสองทวีปสว่างไสว | ||
| + | เอาธูปเทียนบุปผาสุมาลัย ชวนกันไปไหว้พระแท่นแผ่นศิลา | ||
| + | ในระวางนางรักทั้งคู่ค้อม คำนับน้อมกิ่งก้านก็สาขา | ||
| + | แต่ไม้รังยังรักพระศาสดา อนิจจาเกิดมาไม่ทันองค์ | ||
| + | เห็นแต่แท่นแผ่นผายังปรากฎ แสนกำสรดเศร้าจิตต์พิศวง | ||
| + | น้ำเนตรหยัดหยดย้อยเป็นฝอยลง คิดถึงองค์สัพพัญญูตัญญาณ | ||
| + | พระองค์โปรดเทวาแลมนุษย์ ให้สูงสุดสิ้นโอฆโลกสงสาร | ||
| + | พระชนม์ได้แปดสิบก็นิพพาน โปรดประทานศาสนาไว้ห้าพัน | ||
| + | พระองค์เกิดในบุรินทร์กบิลพัสดุ เป็นกษัตริย์ศรีสุขเกษมสันต์ | ||
| + | มานิพพานในป่าพนาวัน ถ้าเกิดทันแล้วจะทูลอาราธนา | ||
| + | มิให้องค์ทรงญาณนิพพานก่อน ให้ถาวรอยู่สืบพระศาสนา | ||
| + | ยิ่งคิดไปใจหายฟายน้ำตา แทบชีวาจะพินาศเพียงขาดใจ | ||
| + | แลเห็นก้อนโลหิตประดิษฐาน ยิ่งสงสารสังเวชน้ำเนตรไหล | ||
| + | ประคองวางกลางเกล้าเฝ้าพิไร แล้วกราบไหว้ตั้งวางไว้อย่างเดิม | ||
| + | ดูพระแท่นแล้วก็แสนจะสังเวช ถ้าเรืองเดชนิมิตมณฑปเสริม | ||
| + | จะสร้างวัดจัดแจงตบแต่งเติม ไว้เฉลิมโสภาสถาพร | ||
| + | นี่จนจิตต์ฤทธีหามีไม่ ยิ่งคิดไปยิ่งทอดฤทัยถอน | ||
| + | โอ้พระแท่นแผ่นผาอยู่ป่าดอน แต่ปางก่อนที่นี่เป็นที่เมือง | ||
| + | ชื่อกรุงโกสินารายณ์สบายนัก เป็นเอกอัครออกชื่อย่อมลื่อเลื่อง | ||
| + | ทั้งแก้วแหวนเงินทองก็นองเนือง ไม่ฝืดเคืองสมบัติกษัตรา | ||
| + | มีสวนแก้วอุทยานสำราญรื่น ดูดาษดื่นดอกดวงพวงบุปผา | ||
| + | ปลูกไม้รังตั้งแท่นแผ่นศิลา คือแผ่นผาอันนี้ท่านนิพพาน | ||
| + | ของพระยามลราชประสาทไว้ ย่อมแจ้งใจทุกประเทศเขตต์สถาน | ||
| + | ที่สำคัญมั่นหมายหลายประการ สมนิพพานเรื่องเทศน์สังเกตฟัง | ||
| + | แต่บ้านเรือนศูนย์หายกลายเป็นป่า พยัคฆาอาศัยดังใจหวัง | ||
| + | พระอุทยานร้างราเป็นป่ารัง อนิจจังอนาถจิตต์อนิจจา | ||
| + | เดชะบุญได้นบอภิวาท ไม่เสียชาติที่ได้พบพระศาสนา | ||
| + | รำพันพลางทางก้มบังคมลา ถอยออกมาเที่ยวชมพนมเนิน | ||
| + | ขึ้นคีรีที่ถวายพระเพลิงเผา บันไดเหล่าลดหลั่นเป็นคั่นเขิน | ||
| + | ขึ้นถึงยอดทอดตาดูน่าเพลิน เหมือนเหาะเหิรเห็นรอบขอบมณฑล | ||
| + | ดูทิศทางบูรพาน่าวิเวก เห็นเทียมเมฆกลุ้มเกลื่อนเลื่อนเวหน | ||
| + | ข้างทิศใต้ทิวไม้เป็นหมอกมม แลดูคนตัวนิด ๆ ติดสุธา | ||
| + | เห็นเขาใหญ่ตะคุ่มชะอุ่มเขียว ดูลดเลี้ยวหลายหลากชะวากผา | ||
| + | พยับลมกลมกลืนกับพื้นฟ้า ทัศนานั่งแลอยู่แต่ไกล | ||
| + | พินิจพลางทางเดินบนเนินผา เห็นศิลาแวววามงามไสว | ||
| + | พรรณรายพรายแพรวดูแววไว และวิไลเลื่อม ๆ ละลานตา | ||
| + | บ้างเป็นก้อนกลิ้งกลมบ้างคมแหลม เป็นแถวแกมเกิดก้อนชะง่อนผา | ||
| + | เป็นที่เทพนิรมิตด้วยฤทธา พิจารณาสมความตามบาลี | ||
| + | เป็นก้อนแก้วแวววาบปละปลาบแสง คือเครื่องแต่งพระศพพระชินศรี | ||
| + | จึงเกิดเป็นบรรพตปรากฎมี ด้วยเป็นที่ถวายเพลิงเชิงตะกอน | ||
| + | ยิ่งพิศดูภูผาน้ำตาตก อยากใคร่ยกโยกยอดให้ถอดถอน | ||
| + | มาปลูกฝังตั้งวางกลางนคร ให้ถาวรวันทาบูชาชม | ||
| + | ยกไม่ไหวจนใจไม่มีฤทธิ์ สุดจะคิดขนเหินแผ่นดินถม | ||
| + | แล้วลงจากเขาเขินเนินพนม เที่ยวเชยชมบุปผาชาติดาษดา | ||
| + | เห็นลั่นทมลมพัดสลัดล่วง เป็นพุ่มพวงกลิ่นหอมทั้งจอมผา | ||
| + | ต้นงอกขึ้นตามพื้นพสุธา ดาษดาร่มรื่นด้วยพื้นทราย | ||
| + | เห็นสายหยุด ๆ ยืนให้ชื่นจิต ที่ยิ่งคิดถึงนุชยิ่งสุดหมาย | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | ไม่มีไม้อื่นปนต่อสล้าง ดูกิ่งกางคดค้อมน้อมไสว | ||
| + | เป็นดอกดวงร่วงผลัดสลัดใบ ที่ภายใต้ราบรื่นด้วยพื้นทราย | ||
| + | เสียงเรไรจักจั่นสนั่นก้อง สกุณีร้องเพรียกหูไม่รู้หาย | ||
| + | ประดุจเสียงขำบำเรอราย ร้องถวายพระแท่นในแดนดง | ||
| + | ฟังวิเวกวังเวงดังเพลงสวรรค์ อัศจรรย์จับจิตต์พิศวง | ||
| + | พี่เที่ยวทั่วบริเวณจังหวัดวง จนเลยหลงลับทางมากลางไพร | ||
| + | เห็นพยอมยางยูงสูงสลอน ดูซับซ้อนโสกสนต้นไสว | ||
| + | ตะลิงปลิงปริงปรางมะทรางไทร มะคำไก่กันเกาะสะเดาดง | ||
| + | กะถินทุ่มชุมแสงดังแกล้งตัด เป็นคันฉัตรชูเชิดระเหิดระหงส์ | ||
| + | ปริงประดู่ปรูเปรียงภุมเสียงดง โลดทะอินทนินและอินจันทร์ | ||
| + | เป็นพวงผลหล่นกลาดดูดาษดื่น ระดะพื้นพสุธาพนาสัณฑ์ | ||
| + | มะขามป้อมน้อมกิ่งลงชนกัน เสียงสนั่นเฮฮาในป่าดอน | ||
| + | พี่เดินพลางทางดูหมู่วิหค บ้างโผนผกบินจับสลับสลอน | ||
| + | นกกาลิงจับกิ่งกาหลงนอน กระจาบจรจากรังไปพรั่งพรู | ||
| + | อีลุ้มเหล่าเขาชะวากะทาขัน เบ็ญจวรรณบินถลาเที่ยวหาคู่ | ||
| + | นกนางนวลโนรีสีชมพู น่าเอ็นดูแต่เจ้าสาริกาทอง | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | พระสุริยายอแสงแฝงคีรี เสียงชะนีโหยหวนรัญจวนใจ | ||
| + | เห็นเสือด้อมกวางเดินเนินพนัส เล็มระบัดใบหญ้าที่อาศัย | ||
| + | วิ่งคะนองลองเชิงระเริงใจ เห็นคนไปวิ่งซอกตามตรอกเตริ่น | ||
| + | หมีกระโดดหมูคุดเที่ยวมุดแฝง แรดก็แรงกินหนามไม่ขามเขิน | ||
| + | ชะมดสมันหันหาพากันเดิน ละมั่งเมินมองเมียงฟังเสียงคน | ||
| + | กะรอกกะแตแย้ตุ่นเที่ยวดุนดุด บ้างคุ้ยขุดดินป่าพนาสณฑ์ | ||
| + | พี่เที่ยวเดินดูสนุกทุกตำบล ก็ต่างคนต่างสำราญบานฤทัย | ||
| + | ครั้นเย็นค่ำย่ำมืดขมุกขมัว พี่นึกกลัวกลับมาที่อาศัย | ||
| + | พระจันทร์ส่องท้องป่าพนาลัย จุดดอกไม้เพลิงวางตามตะเกียง | ||
| + | ถวายพระแท่นอุทิศตั้งจิตต์หวัง จุดพลุดังก้องลั่นสนั่นเสียง | ||
| + | กระจายฟุ้งพลุ่งใหญ่ไฟพะเนียง ขึ้นสูงเพียงปลายรังดังสะท้าน | ||
| + | บ้างก็จุดอ้ายตื้อเสียงหวือหวูด กรวดก็ฉูดพุ่งปราดอยู่ฉาดฉาน | ||
| + | มีคนดูกรูเกรียวเที่ยวสำราญ ประกอบการบูชาประสาจน | ||
| + | บ้างก็เต้นเล่นรำทำสมโภช ด้วยปราโมทย์มุ่งหมายฝ่ายกุศล | ||
| + | บ้างโกนเกล้าเข้าบวชแล้วสวดมนต์ บ้างก็บ่นภาวนาหลับตาไป | ||
| + | บ้างก็ร้องแก้เพลงกันเครงครื้น คนฟังยืนยัดเยียดเบียดไม่ไหว | ||
| + | เขาเล่นเรื่องขุนแผนแสนอาลัย เมื่อจรไปจับน้องวันทองนาง | ||
| + | บ้างก็ร้องสักวาใส่หน้าทับ ลูกคู่รับเรียบรัดไม่ขัดขวาง | ||
| + | ข้างเสภากุมกรับขยับพลาง แล้วครวญครางถึงพิมนิ่มอนงค์ | ||
| + | ปี่พาทย์รับขับขานประสานเสียง ก็กลมเกลี้ยงกล่อมจิตต์พิศวง | ||
| + | คนมานั่งฟังพร้อมล้อมเป็นวง บ้างขึ้นลงอัดแอเสียงแซ่เซ็ง | ||
| + | จนดึกดื่นครื้นครั่นสนั่นมี ชวนกันตีแต่ระฆังดังหง่างเหง่ง | ||
| + | สัปรุษพร้อมกันเมื่อวันเพ็ญ พระจันทร์เปล่งเปลื้องปลดหมดมลทิล | ||
| + | ดารารายพรายพรั่งน้ำค้างย้อย หวนละห้อยโหยจิตต์คิดถวิล | ||
| + | หักใบไม้ลงนอนกับดอนดิน เขาหลับสิ้นเสียงเงียบระเยียบเย็น | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | . | ||
| + | ครั้นแสงทองรองเรืองอร่ามฟ้า สกุณาร่ำร้องก้องประสาน | ||
| + | ดาวก็เลื่อนเดือนก็ลับพระโยมนาน ระวีวารส่องภพจบสากล | ||
| + | ก็ชวนกันวันทาลาพระแท่น พี่สุดแสนเสียดายฝ่ายกุศล | ||
| + | ให้ครวญคร่ำร่ำรักพระทศพล ก็ต่างคนต่างสะอื้นกลืนน้ำตา | ||
| + | พี่ปลดเปลื้องเครื่องประดิษฐอุทิศถวาย แล้วคลี่คลายคลุมพระแท่นที่แผ่นผา | ||
| + | ก็ชื่นชมโสมนัสด้วยศรัทธา แล้วก้มหน้าตรวจน้ำเป็นคำไทย | ||
| + | ขอเดชะภูษาอานิสงส์ เมื่อปลดปลงชีวิตให้คิดได้ | ||
| + | อย่ามีมารมาผจญเข้าดลใจ เทพไทจงเห็นเป็นพะยาน | ||
| + | ขอให้ข้าได้ตรัสตัดกิเลส จงข้ามเขตแว่นแคว้นแดนสงสาร | ||
| + | ให้สำเร็จประโยชน์ในโพธิญาณ เข้านิพพานพ้นทุกข์สนุกสบาย | ||
| + | ขอให้สมปรารถนาอย่าช้านัก สิ่งไรรักขอให้สมอารมณ์หมาย | ||
| + | ให้พบพระทุกชาติอย่าคลาดคลาย อย่าให้ตายกลางอายุปัจจุบัน | ||
| + | ตั้งแต่ชาตินี้ไปจนได้ตรัส อย่าข้องขัดทรัพย์สินทุกสิ่งสรรพ์ | ||
| + | การสิ่งใดที่หยาบบาปทุกวัน การสิ่งนั้นอย่าได้พบประสพเลย | ||
| + | ครั้นตรวจน้ำสำเร็จเสร็จธุระ พี่ลาพระแท่นทองนะน้องเอ๋ย | ||
| + | ประดิษฐกลอนอ่อนใจด้วยไกลเชย ไม่หมดเลยเรื่องรักนี้หนักจริง | ||
| + | ถึงฟ้าดินอิสินธรศิงขรเขา ไม่หนักเท่าทุกข์พี่นี้สักสิ่ง | ||
| + | เมื่อยามนอนนอนคิดจิตต์ประวิง อนาถนิ่งนึงถึงตะบึงไป | ||
| + | ใช่จะแกล้งแต่งประกวดอวดฉลาด ทำนิราศรักมิตรพิสมัย | ||
| + | ด้วยจิตต์รักกาพย์กลอนอักษรไทย จึงตั้งใจแต่งคำแต่ลำพัง | ||
| + | หวังจะให้ลือเลื่องในเมืองหลวง คนทั้งปวงอย่าว่าฉันบ้าหลัง | ||
| + | ถ้าใครเป็นก็จะเห็นว่าจริงจัง ประดุจดังน้ำจิตต์ฉันคิดกลอน | ||
| + | ขอเดชะถ้อยคำที่ร่ำเรื่อง ให้ลือเลื่องเลิศลักษณ์ในอักษร | ||
| + | ขอเชิญไทเทวราชประสาทพร ให้สุนทรลือทั่วธานีเอย ฯ | ||
</tpoem> | </tpoem> | ||
| + | |||
== เชิงอรรถ == | == เชิงอรรถ == | ||
== อ้างอิง == | == อ้างอิง == | ||
การปรับปรุง เมื่อ 09:16, 10 กรกฎาคม 2552
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
ผู้แต่ง: เณรกลั่น ( สุนทรภู่ ? )
ความยังไม่ครบถ้วน
บทประพันธ์
| ๏ นิราศรักหักใจอาลัยหวน | |||
| ไปพระแท่นดงรังตั้งแต่ครวญ | มิได้ชวนขวัญใจไปด้วยกัน | ||
| ด้วยอยู่ห่างต่างบ้านนาน ๆ ปะ | เหมือนเลยละลืมนุชสุดกระสันต์ | ||
| แต่น้ำจิตต์คิดคนึงถึงทุกวัน | จะจากกันเสียทั้งรักพะวักพะวน | ||
| ในปีวอกนักษัตร์อัฐศก | ชาตาตกต้องไปถึงไพรสณฑ์ | ||
| ลงนาวาหน้าวัดพระเชตุพน | พี่ทุกข์ทนถอนใจครรไลจร | ||
| เหลืออาลัยเหลียวหลังจะสั่งน้อง | เฝ้ามอง ๆ มุ่งเขม้นไม่เห็นสมร | ||
| เห็นวัดโพธิ์โสภาสถาพร | สง่างอนงามพริ้งทุกสิ่งอัน | ||
| โอ้วัดโพธิ์เป็นวัดกษัตริย์สร้าง | ไม่โรยร้างรุ่งเรืองดังเมืองสวรรค์ | ||
| แต่ตัวเรียมร้างนุชสุดรำพัน | สักกี่วันจะได้คืนมาชื่นชม | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| พี่สั่งพลางโศกพลางมากลางน้ำ | ถึงหน้าตำหนักแพกระแสสินธุ์ | ||
| เห็นนางในใสสดหมดมณฑิล | ทำดีดดิ้นดัดจริตสะกิดกัน | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| มาตะบึงถึงคลองบางกอกน้อย | ยิ่งเศร้าสร้อยเสียใจเป็นใหญ่หลวง | ||
| โทรมนัสกลัดกลุ้มถึงพุ่มพวง | จนเลยล่วงครรไลเข้าในคลอง | ||
| เห็นตลาดท้องน้ำประจำขาย | บ้างแจวพายอึงอื้อมาซื้อของ | ||
| เห็นสาว ๆ แม่ค้าน่าประคอง | พี่ลอง ๆ ปะตาน่าเอ็นดู | ||
| ช่างงามเหมือนโฉมเฉลาเยาวยอด | ยังไม่ถอดกำไลใส่ต่างหู | ||
| น่าสงสารคอนพายมาขายพลู | ถ้าได้อยู่กับพี่จะดีครัน | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| ถึงวังหลังเห็นวังสงัดเงียบ | เย็นระเยียบรกตานิจจาเอ๋ย | ||
| แต่ก่อนเปรื่องเรืองฟ้าสง่าเงย | พระคุณเอยเย็นเกล้าชาวบุรี | ||
| สามพระองค์ทรงชำนาญในการศึก | ออกสอึกราญรบไม่หลบหนี | ||
| แต่ครั้งก่อนพวกพม่ามาราวี | พระตอนตีแตกยับอัปรา | ||
| ทุกวันนี้มีแต่พระนามเปล่า | พระผ่านเผ้านิพพานนานนักหนา | ||
| เสียดายแต่องค์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา | ชลนานองเนตรสังเวชวัง | ||
| ถึงบ้านบุบุขันสนั่นก้อง | เขาหลอมทองเทถ่ายละลายไหล | ||
| ทรวงพี่ร้อนเหมือนหนึ่งทองในกองไฟ | ทำกระไรร้อนเราจะเบาบาง | ||
| ถึงวัดทองทองทาบอยู่ปลาบเปล่ง | พี่แลเล็งเนื้อทองยิ่งหมองหมาง | ||
| คิดไปถึงแหวนทองของน้องนาง | เคยสำอางค์ใส่อวดประกวดกัน | ||
| พี่เคยขอแหวนยอดน้องถอดให้ | มาสวมใส่นิ้วขวับแล้วรับขวัญ | ||
| โอ้อกเอ๋ยเคยชื่นทุกคืนวัน | คิดถึงขวัญนัยนาให้อาวรณ์ | ||
| มาถึงวัดชีปะขาวให้เศร้าสร้อย | นาวาลอยลับไปไกลสมร | ||
| พี่กล้ำกลืนโศกาอนาทร | สะท้อนถอนจิตต์ใจไม่สบาย | ||
| ถึงตำบลบางระมาดอนาถจิตต์ | เหมือนพี่คิดมุ่งมาดสวาทหมาย | ||
| ก็ได้สมชมน้องประคองกาย | แล้วกลับกลายพลัดพรากไปจากทรวง | ||
| มาถึงวัดไก่เตี้ยยิ่งเสียจิตต์ | พี่ยิ่งคิดเสียดายไม่หายห่วง | ||
| ยิ่งแลลับแก้วตาสุดาดวง | ครรไลล่วงเลื่อนลอยนาวามา | ||
| มาถึงวัดพิกุลให้ฉุนชื่น | หอมระรื่นดอกดวงพวงบุปผา | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| เห็นต้นโศกเป็นดอกออกระดะ | โศกปะทะสองช้ำทำไฉน | ||
| โอ้โศกต้นเข้าระคนกับโศกใจ | ทำกระไรโศกเราจะเบาบาง | ||
| เห็นดงรังริมคลองทั้งสองฟาก | ยิ่งรักมากมัวจิตต์พิศวง | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| ถึงบางกรวยให้ระทวยระทดทอด | แทบม้วยมอดมรณังสิ้นสังขาร | ||
| พี่แข็งขืนกลืนกล้ำที่รำคาญ | ทำชื่นบานแย้มเยื้อนเป็นเพื่อนกัน | ||
| มาตะบึงลุถึงบางอ้อยช้าง | ไม่วายว่างวิโยคที่โศกศัลย์ | ||
| นั่งคนึงถึงนุชสุดรำพัน | แล้วผายผันรีบมาในวาริน | ||
| กระทั่งถึงบางขนุนให้ขุ่นจิตต์ | นั่งพินิจนึกในฤทัยถวิล | ||
| เห็นขนุนหนามหนาไม่น่ากิน | แต่รสกลิ่นภายในชอบใจคน | ||
| เหมือนรูปชั่วใจดีเจ้าพี่เอ๋ย | ไม่เลือกเลยสุดแท้แต่กุศล | ||
| ที่รูปดีใจชั่วตัวซุกซน | ไม่เป็นผลคบยากลำบากใจ | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| มาถึงบางขุนกองให้หมองหมาง | ระยะทางที่จะไปยังไกลเหลือ | ||
| โอ้แต่นี้มีแต่จะหนาวเนื้อ | ไม่ได้เสื้อมาห่มยิ่งตรมใจ | ||
| ถึงบ้านจีนจีนมีที่นี่หรือ | จึงเรียกชื่อจีนจามให้ความฉงน | ||
| ชื่อบ้านจีนแล้วทำไมให้ไทยปน | โอ้ตำบลนี้วิบัติอัศจรรย์ | ||
| มาถึงบ้านนายไกรฤทัยหมอง | คิดถึงเรื่องไกรทองยิ่งโศกศัลย์ | ||
| เขาเรืองฤทธิ์คิดฆ่าชาละวัน | แล้วชมขวัญโฉมศรีวิมาลา | ||
| นางกลับเป็นจรเข้เที่ยวเร่ร่อน | ไกรทองนอนคนเดียวเปลี่ยวนักหนา | ||
| คิดถึงน้องร้องไห้ฟายน้ำตา | อุปมาเหมือนเรานี้เศร้าใจ | ||
| มาถึงวัดอุทยานสำราญจิตต์ | ที่เพ่งพิศพฤกษาบุปผาไสว | ||
| เหมือนสวนสวรรค์ชั้นฟ้าสุราลัย | หอมดอกไม้น่าดมลมรำเพย | ||
| ถ้าน้องมากับพี่จะชี้บอก | ว่าโนนดอกสารภีเจ้าพี่เอ๋ย | ||
| รสสุคนธ์คนชมภิรมย์เชย | เหมือนพี่เคยชมน้องในห้องนอน | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| ถึงบางระนกบางคูเวียงเคียงกันอยู่ | เหมือนอย่างคู่เชยชมภิรมย์ขวัญ | ||
| ทั้งสองบางปากบางไม่ห่างกัน | อัศจรรย์บ้านนี้ดีสุดใจ | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| ถึงโรงหีบเห็นเขาหีบแต่น้ำอ้อย | ดูหยดย้อยรองไว้ได้นักหนา | ||
| พี่รักน้องถ้าระรองเอาน้ำตา | คงมากกว่าน้ำอ้อยแล้วกลอยใจ | ||
| ชะรอยรักโฉมฉายมาหลายชาติ | เป็นบุพเพสันนิวาสหรือไฉน | ||
| ยิ่งคิดถึงแก้วตาที่อาลัย | ในจิตต์ใจพี่นี้ไม่มีสบาย | ||
| ถึงบางม่วงเห็นพวงมะม่วงห้อย | คิดจะสอยก็ไม่สมอารมณ์หมาย | ||
| จะปีนต้นก็ยากลำบากกาย | พี่นึกหมายนิ่งอดเหมือนมดแดง | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| ถึงบางใหญ่แต่ชื่อเขาลือเล่า | ไม่ใหญ่เท่าทุกข์พี่ที่จากสมร | ||
| พี่ทุกข์เท่าฟ้าดินคิรินทร | ไม่หยุดหย่อนโศกาน้ำตาคลอ | ||
| มาตามทางบางใหญ่ไกลนักหนา | ไม่เห็นหน้าน้องแก้วพี่แล้วหนอ | ||
| มาถึงด่านด่านเรียกให้เรือรอ | แล้วเลยต่อไปในวนชลธาร | ||
| มาถึงวัดส้มเกลี้ยงพอเที่ยงสาย | สกนธ์กายร้อนเริงดังเพลิงผลาญ | ||
| เห็นส้มเกลี้ยงน่าจะกลืนให้ชื่นบาน | เปรี้ยวหรือหวานก็ไม่รู้ดูแต่ตา | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| ไม่รู้จักชื่อบ้านรำคาญจิตต์ | นั่งพินิจแนวทางมากลางหน | ||
| จนออกทุ่งมุ่งดูพระสุริยน | เมฆหมอกหม่นหมองมัวเหมือนตัวเรา | ||
| โอ้สงสารสุริยาฟ้าพยับ | จะเลื่อนลับยุคนธรศิงขรเขา | ||
| พระอาทิตย์ดวงเดียวเปลี่ยวเหมือนเรา | กำสรดเศร้าโศกาเอ้กากาย | ||
| ถึงมีเพื่อนเหมือนพี่ไม่มีเพื่อน | เพราะไม่เหมือนนุชนาฏที่มาดหมาย | ||
| มีเพื่อนเล่นก็ไม่เหมือนกับเพื่อนตาย | มีเพื่อนชายก็ไม่เหมือนมีเพื่อนชม | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| มาตะบึงลุถึงหัวโยงเชือก | เป็นโคลนเทือกท้องนาชลาสินธุ์ | ||
| คลองเล็กล้ำน้ำตื้นเห็นพื้นดิน | ไม่ได้กินน้ำท่าระอาใจ | ||
| ต้องจ้างโยง ๆ เรือเหลือลำบาก | ให้ควายลากเรือเลื่อนเขยื่อนไหว | ||
| ผูกระนาวยาวยืดเป็นพืดไป | ทั้งเจ๊กไทยปนกับสนั่นอึง | ||
| ไม่พักแจวพักถ่อให้รอช้า | เป็นราคาประจำลำสลึง | ||
| ควายก็เดินดันดังเสียงกังกึง | พอเชือกตึงเรือตามเป็นหลามมา | ||
| จนพลบค่ำน้ำค้างลงพร่างพร้อย | พระจันทร์ลอยเด่นดวงช่วงเวหา | ||
| ดาวประดับวับวาวอร่ามตา | ดูท้องฟ้าอ้างว้างกลางอัมพร | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| ไม่มีมุ้งยุงกัดสะบัดหนาว | ทั้งลมว่าวพัดต้องให้หมองหมาง | ||
| เห็นเพื่อนเรือเมื่อตอนจะรุ่งราง | มีมุ้งกางกอดเมียอยู่เคลียคลอ | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| ทั้งคับใจคับที่เจ้าพี่เอ๋ย | ไม่หลับเลยจนสว่างกระจ่างฉาย | ||
| เขาโยงเรือรับรุดไม่หยุดควาย | มาจนสายจึงพ้นตำบลโยง | ||
| มาถึงด่านบ้านนอกออกแม่น้ำ | ดูลึกล้ำน่ากลัวจรเข้โขง | ||
| พี่นั่งเรือขึ้นไว้มิให้โคลง | แจวชะโลงล่องน้ำมาลำเดียว | ||
| มาถึงลานตากฟ้าเวลาเช้า | ยิ่งโศกเศร้าเสียใจอาลัยเหลียว | ||
| เป็นทุ่งนาหญ้ารกวิหคเกรียว | กะทุงเที่ยวเลียบหนองคอยมองปลา | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| ยิ่งรำพันตันจิตต์ให้คิดถึง | แทบประหนึ่งจะเด็ดดิ้นสิ้นสังขาร | ||
| เรือก็ล่องตามคลองแม่น้ำมา | ไม่รอรารีบรัดผลัดกันแจว | ||
| ถึงงิ้วรายหมายคุ้งมุ่งเขม้น | พี่แลเห็นต้นงิ้ว เป็นทิวแถว | ||
| แต่ตัวน้องพี่มองไม่เห็นแล้ว | เห็นแต่แนวแม่น้ำนั้นร่ำไป | ||
| มาถึงบ้านสามประทวนหวนละห้อย | น้ำเนตรย้อยซึมโซมชะโลมไหล | ||
| ให้หิวหอบบอบช้ำระกำใจ | พลางครรไลล่องลอยนาวามา | ||
| ถึงนครไชยศรีมีโรงเหล้า | เป็นของเมาตัดขาดไม่ปรารถนา | ||
| ไม่เมาเหล้าเมาแต่รักหนักอุรา | เมายิ่งกว่าเมาเหล้ายิ่งเศร้าใจ | ||
| อันรักมักหลงพะวงรัก | ใครจะรักฉกไว้ก็ไม่ไหว | ||
| กำลังมืดเมามัวไม่กลัวใคร | คงจะไปหารักที่พักพิง | ||
| อันทุกข์โศกโรคร้อนนอนไม่หลับ | เกิดสำหรับร่างกายทั้งชายหญิง | ||
| ด้วยรักกันฟั่นเฝือเหลือประวิง | อนาถนิ่งนอนนึกรำลึกกัน | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| ๏ ถึงบางแก้วมองเขม้นไม่เห็นแก้ว | เห็นแต่แนวดงพฤกษาสลอน | ||
| มีวัดหนึ่งโตใหญ่ใกล้สาคร | สง่างอนช่อฟ้าศาลาสะพาน | ||
| ดูเบื้องบนอาวาสก็ลาดเลี่ยน | ต้นตะเคียนร่มรกปกวิหาร | ||
| ทั้งสระโกสุมภ์ประทุมมาลย์ | บ้างตูมบานเกษรอ่อนละออ | ||
| พี่คิดถึงบัวทองของน้องแก้ว | ยังผ่องแผ้วพรรณรายเสียดายหนอ | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| พระสุริยฉายสายแสงขึ้นแข็งกล้า | รีบเรือมามิได้หยุดพี่สุดหมอง | ||
| ยิ่งร้อนแดดแผดพยับอับละออง | ไม่ผุดผ่องผิวค้ำระกำใจ | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| รำพันพลางทางมาถึงวัดสิงห์ | พี่นั่งนิ่งนึกไปฤทัยหวาม | ||
| ประณมหัตถ์ทัศนาพระอาราม | แล้วมาตามคลองน้อยละห้อยใจ | ||
| ๏ ถึงวัดท่าเป็นท่าที่เรือจอด | ไม่เปล่าปลอดเรือแพแลไสว | ||
| สิ้นหนทางคงคาชลาลัย | จะขึ้นไปเดินป่าพนาวัน | ||
| สัปรุษหยุดเรืออยู่พร้อมหน้า | เสียงเฮฮาอึงอื้อหือฤาหรรษ์ | ||
| เป็นพวกพ้องเข้าประสพสมทบกัน | จะผายผันพวกเดียวก็เปลี่ยวใจ | ||
| ไปจ้างเกวียนชาวนาสิบห้าเล่ม | บรรทุกเต็มพร้อมกันเสียงหวั่นไหว | ||
| ทั้งหนุ่มสาวเฒ่าแก่ออกแซร่ไป | จะเดินไพรสนุกไม่ทุกข์ร้อน | ||
| เขาออกเกวียนพร้อมหน้าเวลาบ่าย | แลดูควายเดินระดับสลับสลอน | ||
| เจ้าของหวดด้วยตะพดให้บทจร | เกวียนสะท้อนกงสะเทือนเขยื้อนดัง | ||
| ดูดุมวงกงหมุนเป็นฝุ่นฟุ้ง | คนเดินมุ่งมาตรมาทั้งหน้าหลัง | ||
| ถืออาวุธกันภัยระไวระวัง | ไม่รอรั้งรีบมาเป็นช้านาน | ||
| ถึงบ้านธรรมศาลาพนาสณฑ์ | เป็นตำบลใหญ่โตระโหฐาน | ||
| เขาบอกว่าบ้านนั้นแสนกันดาร | ตำข้าวสารกรอกหม้อไม่พอกิน | ||
| ดูเหย้าเรือนเคหา น่าสังเวช | เต็มทุเรศรุงรังไปทั้งสิ้น | ||
| ถึงยากจนทนสู้เขาอยู่ชิน | ไม่ทิ้งถิ่นทิ้งทางให้ร้างโรย | ||
| แต่ตัวเรียมร้างนุชมาสุดเนตร | แสนทุเรศร่ำไห้ไม่วายโหย | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| ๏ ถึงประโธนธารามพราหมณ์เขาสร้าง | เป็นพระปรางค์แต่โบราณนานนักหนา | ||
| แต่ครั้งดวงพระธาตุพระศาสดา | พราหมณ์ศรัทธาสร้างสรรค์ไว้มั่นคง | ||
| บรรจุพระทะนานท่องของวิเศษ | พี่น้อมเกศโมทนาอานิสงส์ | ||
| จุดธูปเทียนอภิวันด้วยบรรจง | ถวายธงแพรผ้าแล้วพาจร | ||
| ดูสองข้างมรรคาล้วนป่าไผ่ | เขาตัดใช้ทุกกอตอสลอน | ||
| หนามแขนงแกว่งห้อยรอยเขารอน | บ้างเป็นท่อนแห้งหักทะลักทะลุย | ||
| ที่โคนไผ่ไก่ป่ามาซุ่มชุก | บ้างกอกุกเขี่ยดินกินลุกขุย | ||
| พอเห็นคนวนบินดินกระจุย | เห็นร่องคุ้ยรอบข้างหนทางจร | ||
| บรรลุถึงพระปฐมประทับหยุด | สัปบุรุษเซ็งแซร่แลสลอน | ||
| แวะขึ้นไปไหว้พระปฐมประณมกร | สโมสรโสมนัสนมัสการ | ||
| ต่างระรื่นชื่นจิตต์พิศวง | เที่ยวเวียนวงไหว้รอบขอบสถาน | ||
| พระปรางค์ใหญ่มีอยู่แต่บุราณ | สูงตระหง่านยอดเยี่ยมเทียมอัมพร | ||
| มีบันไดขึ้นไปประทักษิณ | แลเห็นสิ้นทุกทิศจิตต์สยอน | ||
| ดูต้นไม้ในป่าเหมือนหญ้าบอน | ระเนนนอนแนบชิดติดสุธา | ||
| ดูแผ่นดินรายรอบเป็นขอบขันธ์ | เป็นหมอกควันแลไปไกลนักหนา | ||
| ข้างพื้นล่างกลางลานชานชลา | มีพฤกษาร่มรื่น เป็นพื้นทราย | ||
| พี่ชมพลางทางพบอภิวาท | สุคนธชาติบุปผาบูชาถวาย | ||
| สัปรุษพร้อมพรั่งทั้งหญิงชาย | กราบถวายวันทาแล้วลาลง | ||
| เที่ยวเลี้ยวลัดทัศนาพระอาวาส | ดูอนาถน้ำจิตต์พิศวง | ||
| บริเวณวัดวาเป็นป่าดง | ดูงวยงงล่วงมาช้านาน | ||
| พระปฐมของบรมกษัตริย์สร้าง | เป็นพระปรางค์ใหญ่โตระโหฐาน | ||
| สูงเท่านกเขาเหินเกินทะยาน | พระยาพาลก่อสร้างไว้ล้างกรรม | ||
| เธอหลงฆ่าปิตุรงค์ทิวงคต | เขารู้หมดเรื่องความไม่งามขำ | ||
| เธอทำผิดคิดได้ไม่เป็นธรรม | จึงกลัวกรรมก่อสร้างพระปรางค์ทอง | ||
| พี่ได้ฟังเรื่องราวเขาเล่ามาก | เมื่อยามยากคิดไปฤทัยหมอง | ||
| ข้ามห้วยหนองคลองบึงถึงอ้ายกอง | สกุณาร้องรัญจวนถึงนวลระหงส์ | ||
| พอโพล้เพล้เวลาจะค่ำลง | ให้งวยงงง่วงเหงาเศร้าฤทัย | ||
| เสียงจักจั่นแจ้ว ๆ ให้แว่วหวาด | หนาวอนาถนึกน่าน้ำตาไหล | ||
| ยะเยือกเย็นเส้นหญ้านภาลัย | วังเวงใจจะมาในราตรี | ||
| แล้วหยุดนอนในป่าเวลาดึก | คะนึงนึกถึงน้องให้หมองศรี | ||
| หักใบไม้ปูลาดกวาดธุลี | กองอัคคีรอบเกวียนเวียนระวัง | ||
| บ้างก็กินโภชนากระยาหาร | ต่างสำราญสู่สมอารมณ์หวัง | ||
| บ้างหาร่มไม้ชิดให้ปิดบัง | พอยับยั้งกายตามยามกันดาร | ||
| แต่ตัวพี่นอนกลางหว่างต้นไม้ | ยกมือไหว้เทพาพฤกษาสาณฑ์ | ||
| อย่าให้มีโภยภัยสิ่งใดพาล | นมัสการแปดทิศแล้วนิทรา | ||
| จนดึกดื่นเดือนสว่างกระจ่างแจ้ง | จรัสแสงส่องสอดยอดพฤกษา | ||
| น้ำค้างพรมลมว่าวหนาวอุรา | พี่ห่มผ้าซ้อนผืนไม่ชื่นจิตต์ | ||
| ไม่อุ่นเหมือนแนบกายสายสวาท | โศกไสยาศน์เกลือกกลับไม่หลับไหล | ||
| ลุกขึ้นนั่งหลังอิงแล้วผิงไฟ | ได้ยินไก่เถื่อนขันสำคัญยาม | ||
| เสียงจิ้งหรีดกรีดกริ่งระหริงร้อง | เย็นสมองเยี่ยมย่างเข้ายามสาม | ||
| จนแสงทองส่องฟ้าสง่างาม | เรืองอร่ามรุ่งรางสว่างวัน | ||
| ต่างคนต่างตื่นขึ้นพร้อมหน้า | แล้วรีบมาเร็วไวในไพรสัณฑ์ | ||
| ระยะทางกลางไพรยังไกลกัน | แทบอาสัญทางทุเรศสังเกตมา | ||
| หนทางเกวียนเตียนโล่งตลอดลิ่ง | สะพร่างทิวแถวไม้ไพรพฤกษา | ||
| ระบัดลมร่มรื่นพื้นสุธา | ดาษดาดอกก็ดวงร่วงราย | ||
| บ้างทรงผมหล่นหนักเป็นอัคนิษฐ์ | ไม่พักปลิดก็ได้ดังใจหมาย | ||
| ถ้าน้องมาเห็นจะพาพี่สบาย | จะชวนสายสุดที่รักให้ชมดง | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| ๏ มาถึงลาดหญ้าไทรให้ใจหาย | ตะวันสายเสียใจด้วยไกลสมร | ||
| เห็นไฟป่าไหม้ป่ายิ่งอาวรณ์ | ทรวงพี่ร้อนเริงแรงดังแสงไฟ | ||
| เห็นลมพัดปัดควันไปปั่นป่วน | เหมือนลมหวนป่วนจิตต์พิสมัย | ||
| เห็นหนองน้ำขุ่น ๆ สนุ่นไคล | เหมือนดวงใจที่พี่ช้ำระกำตรอม | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| ๏ มาถึงโป่งลูกวัวน่ากลัวผี | เสียงชะนีโหยไห้พิไลหวน | ||
| พี่คิดว่าเสียงนางมาครางครวญ | ให้รัญจวนจรมาในอารัญ | ||
| เห็นต้นไทรใหญ่โตระโหถาน | สูงตระหง่านเงื้อมป่าอนาสัณฑ์ | ||
| พี่หยุดยั้งนั่งนบอพภิวันท์ | พลางรำพันนึกในฤทัยปอง | ||
| คิดถึงเรื่องอุณรุทกับอุษา | พระเทพาอุ้มสมภิรมย์สอง | ||
| แล้วเทวาพาพรากมาจากน้อง | พระร่ำร้องหานางเหมือนอย่างเรา | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| ๏ ถึงหนองโพธิ์ ๆ มีที่ริมหนอง | ต้นโพธิ์ทองปากป่าคนอาศัย | ||
| ครั้นลมพัดกวัดแกว่งพลิกแพลงใบ | ที่ภายใต้ร่มรื่นชื่นอุรา | ||
| พี่นั่งนบอภิวันทแล้วผันผาย | ไม่เหือดหายโหยหวนรัญจวนหา | ||
| เห็นนกไม้ในดงพงพนา | ไม่เห็นหน้านิ่มนวลยิ่งครวญคราง | ||
| ๏ มาถึงห้วยหมอนทองมองเขม้น | แลไม่เห็นหมอนทองยิ่งหมองหมาง | ||
| คิดถึงหมอนเคยนอนกับหมอนนาง | ทั้งหมอนข้างหมอนอิงเคยพิงกาย | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| ด้วยราหูจู่จับเข้าทับลักษณ์ | นิราศรักร้อนใจดังไฟผลาญ | ||
| พี่รักน้องมิได้อยู่เป็นคู่นาน | มาเกิดการกำจัดวิบัติเป็น | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| ๏ ถึงหนองกระบอกซอกธารสถานที่ | หนองจะมีคงคาต่อหน้าฝน | ||
| ฤดูแล้งแห้งหายสิ้นสายชล | มีแต่ต้นไม้สล้างข้างลำธาร | ||
| ต้นซีกซากโศกไทรมะไฟป่า | เคียนมะค่าคางแคแสมสาร | ||
| กะเบียนกะบากหมากลิงมะพร้าวตาล | สุดประมาณหมู่ไม้ที่ในดง | ||
| ขี้เกียจกล่าวราวป่าจะช้าถึง | รีบตะบึงมาในไพรระหงส์ | ||
| จนเบี่ยงบ่ายชายแสงพระสุริยง | อุตส่าห์ทรงการเดิมดำเนินจร | ||
| มาถึงห้วยปรากตเขาปลดเกวียน | เป็นที่เตียนหยุดประทับสลับสลอน | ||
| ลงอาบน้ำดำเกล้าบันเทาร้อน | เห็นสาครลึกซึ้งเป็นบึงโต | ||
| ทั้งสองฟากครื้นครึกล้วนพฤกษา | มีเต่าปลาพรั่งพรูอยู่อักโข | ||
| ฝูงสวายว่ายเรียงเคียงเทโพ | ดุกชะโดโดดดิ้นเข้ากินไคล | ||
| ตะเพียนทองล่องลอยขึ้นพ้นน้ำ | กระดี่ดำแหวกว่ายอยู่ไสว | ||
| ตะโกกาปลาสร้อยก็ลอยไป | เข้าแฝงใบจอกกะจับให้ลับกาย | ||
| ยิ่งชมปลาอาวรณ์ให้ร้อนจิตต์ | นึกถึงคู่ชีวิตแล้วใจหาย | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| รำพันพรางทางแลดูพวกเพื่อน | ออกกล่นเกลื่อนรายเรียงเสียงขรม | ||
| ลงอาบน้ำดำมุดบ้างผุดจม | เอาโคลนตมขว้างกันสนั่นไป | ||
| พวกผู้หญิงปลิงกัดสะบัดร้อง | ขึ้นจากหนองปลดปลิงวิ่งไสว | ||
| ที่ลางคนกล้าแข็งแรงสุดใจ | ก็เล่นไล่เอาเถิดเกิดพะนัน | ||
| พวกผู้ชายว่ายจับกันสับสน | ได้นางคนหนึ่งแรงแข็งขยัน | ||
| ขยุ้มคลำปะแล้วละกัน | เสียงสนั่นเฮฮาในวารี | ||
| แล้วขึ้นจากคงคาเวลาบ่าย | ทั้งหญิงชายปรีด์เปรมเกษมศรี | ||
| ก็ออกเกวียนพร้อมกันไปทันที | เกวียนของพี่ออกหน้าน้องพาจร | ||
| ระรวยรื่นชื่นหอมพยอมสด | คันธรสโรยร่วงพวงเกสร | ||
| ต้องพระพายชายช่ออรชร | หมู่ภมรคลึงเคล้าเฝ้าเชยชม | ||
| แมลงภู่เป็นคู่ของบุปผา | โบราณว่ามีจริงทุกสิ่งสม | ||
| หญิงกับชายเป็นคู่ดูอารมณ์ | ทั่วปฐมกัปปกัลปพุทธันดร | ||
| ใครมีคู่พลัดคู่อยู่ไม่สุข | มักเกิดทุกข์ใหญ่ยิ่งกว่าสิงขร | ||
| เหมือนตัวเรียมร่ำรักหนักอาวรณ์ | ด้วยจากจรมิได้อยู่เป็นคู่เชย | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| ยิ่งคิดไปใจตื้นสะอื้นไห้ | พลางครรไลเลยมาในป่าเขียว | ||
| เห็นค่างลิงวิ่งโลดกระโดดเกรียว | บ้างกลับเหลียวหลังหลอกตะคอกคน | ||
| ลางลิงก็เกาะกิ่งพฤกษาโหน | ลางลิงโจนจับคว้าผลาผล | ||
| ขี้เกียจดูหมู่ลิงวิ่งซุกซน | ก็รีบล้นเร็วมาในป่าดอน | ||
| พระสุริยายอแสงลงแฝงเฝือ | ถึงพระยาพายเรือไม่หยุดหย่อน | ||
| ที่ย่านนั้นดูสนุกที่ฝั่งนอน | เป็นทรายอ่อนขาวสะอาดไม่บาดตา | ||
| แต่ปางก่อนเป็นลำแม่น้ำกว้าง | ดูสองข้างยังเห็นเป็นฝั่งฝา | ||
| แต่น้ำแห้งเหือดหายสายชลา | เป็นสุธารื่นราบดังปราบลาน | ||
| ยิ่งพินิจคิดไปแล้วใจหาย | ก็ผันผายล่วงลัดพนัสสถาน | ||
| พระสุริยง ลงลับพะโยมมาน | ก็ข้ามบ้านโป่งมาเข้าป่ารัง | ||
| ถึงพระแท่นแสนสนุกทุกข์ค่อยหาย | เห็นรังรายใจปลื้มจนลืมหลัง | ||
| พวกชายหญิงสัปรุษก็หยุดยัง | เข้าแอบบังพฤกษาริมอาราม | ||
| พอพลบค่ำทำที่จะอาศัย | บ้างปักไม้เกะกะแล้วสะหนาม | ||
| บ้างก่อไฟจุดใต้ตะเกียงตาม | ดูอร่ามรายเรียงเคียงกันไป | ||
| แล้วพักผ่อนนอนหลับระงับงีบ | จนแสงทองสองทวีปสว่างไสว | ||
| เอาธูปเทียนบุปผาสุมาลัย | ชวนกันไปไหว้พระแท่นแผ่นศิลา | ||
| ในระวางนางรักทั้งคู่ค้อม | คำนับน้อมกิ่งก้านก็สาขา | ||
| แต่ไม้รังยังรักพระศาสดา | อนิจจาเกิดมาไม่ทันองค์ | ||
| เห็นแต่แท่นแผ่นผายังปรากฎ | แสนกำสรดเศร้าจิตต์พิศวง | ||
| น้ำเนตรหยัดหยดย้อยเป็นฝอยลง | คิดถึงองค์สัพพัญญูตัญญาณ | ||
| พระองค์โปรดเทวาแลมนุษย์ | ให้สูงสุดสิ้นโอฆโลกสงสาร | ||
| พระชนม์ได้แปดสิบก็นิพพาน | โปรดประทานศาสนาไว้ห้าพัน | ||
| พระองค์เกิดในบุรินทร์กบิลพัสดุ | เป็นกษัตริย์ศรีสุขเกษมสันต์ | ||
| มานิพพานในป่าพนาวัน | ถ้าเกิดทันแล้วจะทูลอาราธนา | ||
| มิให้องค์ทรงญาณนิพพานก่อน | ให้ถาวรอยู่สืบพระศาสนา | ||
| ยิ่งคิดไปใจหายฟายน้ำตา | แทบชีวาจะพินาศเพียงขาดใจ | ||
| แลเห็นก้อนโลหิตประดิษฐาน | ยิ่งสงสารสังเวชน้ำเนตรไหล | ||
| ประคองวางกลางเกล้าเฝ้าพิไร | แล้วกราบไหว้ตั้งวางไว้อย่างเดิม | ||
| ดูพระแท่นแล้วก็แสนจะสังเวช | ถ้าเรืองเดชนิมิตมณฑปเสริม | ||
| จะสร้างวัดจัดแจงตบแต่งเติม | ไว้เฉลิมโสภาสถาพร | ||
| นี่จนจิตต์ฤทธีหามีไม่ | ยิ่งคิดไปยิ่งทอดฤทัยถอน | ||
| โอ้พระแท่นแผ่นผาอยู่ป่าดอน | แต่ปางก่อนที่นี่เป็นที่เมือง | ||
| ชื่อกรุงโกสินารายณ์สบายนัก | เป็นเอกอัครออกชื่อย่อมลื่อเลื่อง | ||
| ทั้งแก้วแหวนเงินทองก็นองเนือง | ไม่ฝืดเคืองสมบัติกษัตรา | ||
| มีสวนแก้วอุทยานสำราญรื่น | ดูดาษดื่นดอกดวงพวงบุปผา | ||
| ปลูกไม้รังตั้งแท่นแผ่นศิลา | คือแผ่นผาอันนี้ท่านนิพพาน | ||
| ของพระยามลราชประสาทไว้ | ย่อมแจ้งใจทุกประเทศเขตต์สถาน | ||
| ที่สำคัญมั่นหมายหลายประการ | สมนิพพานเรื่องเทศน์สังเกตฟัง | ||
| แต่บ้านเรือนศูนย์หายกลายเป็นป่า | พยัคฆาอาศัยดังใจหวัง | ||
| พระอุทยานร้างราเป็นป่ารัง | อนิจจังอนาถจิตต์อนิจจา | ||
| เดชะบุญได้นบอภิวาท | ไม่เสียชาติที่ได้พบพระศาสนา | ||
| รำพันพลางทางก้มบังคมลา | ถอยออกมาเที่ยวชมพนมเนิน | ||
| ขึ้นคีรีที่ถวายพระเพลิงเผา | บันไดเหล่าลดหลั่นเป็นคั่นเขิน | ||
| ขึ้นถึงยอดทอดตาดูน่าเพลิน | เหมือนเหาะเหิรเห็นรอบขอบมณฑล | ||
| ดูทิศทางบูรพาน่าวิเวก | เห็นเทียมเมฆกลุ้มเกลื่อนเลื่อนเวหน | ||
| ข้างทิศใต้ทิวไม้เป็นหมอกมม | แลดูคนตัวนิด ๆ ติดสุธา | ||
| เห็นเขาใหญ่ตะคุ่มชะอุ่มเขียว | ดูลดเลี้ยวหลายหลากชะวากผา | ||
| พยับลมกลมกลืนกับพื้นฟ้า | ทัศนานั่งแลอยู่แต่ไกล | ||
| พินิจพลางทางเดินบนเนินผา | เห็นศิลาแวววามงามไสว | ||
| พรรณรายพรายแพรวดูแววไว | และวิไลเลื่อม ๆ ละลานตา | ||
| บ้างเป็นก้อนกลิ้งกลมบ้างคมแหลม | เป็นแถวแกมเกิดก้อนชะง่อนผา | ||
| เป็นที่เทพนิรมิตด้วยฤทธา | พิจารณาสมความตามบาลี | ||
| เป็นก้อนแก้วแวววาบปละปลาบแสง | คือเครื่องแต่งพระศพพระชินศรี | ||
| จึงเกิดเป็นบรรพตปรากฎมี | ด้วยเป็นที่ถวายเพลิงเชิงตะกอน | ||
| ยิ่งพิศดูภูผาน้ำตาตก | อยากใคร่ยกโยกยอดให้ถอดถอน | ||
| มาปลูกฝังตั้งวางกลางนคร | ให้ถาวรวันทาบูชาชม | ||
| ยกไม่ไหวจนใจไม่มีฤทธิ์ | สุดจะคิดขนเหินแผ่นดินถม | ||
| แล้วลงจากเขาเขินเนินพนม | เที่ยวเชยชมบุปผาชาติดาษดา | ||
| เห็นลั่นทมลมพัดสลัดล่วง | เป็นพุ่มพวงกลิ่นหอมทั้งจอมผา | ||
| ต้นงอกขึ้นตามพื้นพสุธา | ดาษดาร่มรื่นด้วยพื้นทราย | ||
| เห็นสายหยุด ๆ ยืนให้ชื่นจิต | ที่ยิ่งคิดถึงนุชยิ่งสุดหมาย | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| ไม่มีไม้อื่นปนต่อสล้าง | ดูกิ่งกางคดค้อมน้อมไสว | ||
| เป็นดอกดวงร่วงผลัดสลัดใบ | ที่ภายใต้ราบรื่นด้วยพื้นทราย | ||
| เสียงเรไรจักจั่นสนั่นก้อง | สกุณีร้องเพรียกหูไม่รู้หาย | ||
| ประดุจเสียงขำบำเรอราย | ร้องถวายพระแท่นในแดนดง | ||
| ฟังวิเวกวังเวงดังเพลงสวรรค์ | อัศจรรย์จับจิตต์พิศวง | ||
| พี่เที่ยวทั่วบริเวณจังหวัดวง | จนเลยหลงลับทางมากลางไพร | ||
| เห็นพยอมยางยูงสูงสลอน | ดูซับซ้อนโสกสนต้นไสว | ||
| ตะลิงปลิงปริงปรางมะทรางไทร | มะคำไก่กันเกาะสะเดาดง | ||
| กะถินทุ่มชุมแสงดังแกล้งตัด | เป็นคันฉัตรชูเชิดระเหิดระหงส์ | ||
| ปริงประดู่ปรูเปรียงภุมเสียงดง | โลดทะอินทนินและอินจันทร์ | ||
| เป็นพวงผลหล่นกลาดดูดาษดื่น | ระดะพื้นพสุธาพนาสัณฑ์ | ||
| มะขามป้อมน้อมกิ่งลงชนกัน | เสียงสนั่นเฮฮาในป่าดอน | ||
| พี่เดินพลางทางดูหมู่วิหค | บ้างโผนผกบินจับสลับสลอน | ||
| นกกาลิงจับกิ่งกาหลงนอน | กระจาบจรจากรังไปพรั่งพรู | ||
| อีลุ้มเหล่าเขาชะวากะทาขัน | เบ็ญจวรรณบินถลาเที่ยวหาคู่ | ||
| นกนางนวลโนรีสีชมพู | น่าเอ็นดูแต่เจ้าสาริกาทอง | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| พระสุริยายอแสงแฝงคีรี | เสียงชะนีโหยหวนรัญจวนใจ | ||
| เห็นเสือด้อมกวางเดินเนินพนัส | เล็มระบัดใบหญ้าที่อาศัย | ||
| วิ่งคะนองลองเชิงระเริงใจ | เห็นคนไปวิ่งซอกตามตรอกเตริ่น | ||
| หมีกระโดดหมูคุดเที่ยวมุดแฝง | แรดก็แรงกินหนามไม่ขามเขิน | ||
| ชะมดสมันหันหาพากันเดิน | ละมั่งเมินมองเมียงฟังเสียงคน | ||
| กะรอกกะแตแย้ตุ่นเที่ยวดุนดุด | บ้างคุ้ยขุดดินป่าพนาสณฑ์ | ||
| พี่เที่ยวเดินดูสนุกทุกตำบล | ก็ต่างคนต่างสำราญบานฤทัย | ||
| ครั้นเย็นค่ำย่ำมืดขมุกขมัว | พี่นึกกลัวกลับมาที่อาศัย | ||
| พระจันทร์ส่องท้องป่าพนาลัย | จุดดอกไม้เพลิงวางตามตะเกียง | ||
| ถวายพระแท่นอุทิศตั้งจิตต์หวัง | จุดพลุดังก้องลั่นสนั่นเสียง | ||
| กระจายฟุ้งพลุ่งใหญ่ไฟพะเนียง | ขึ้นสูงเพียงปลายรังดังสะท้าน | ||
| บ้างก็จุดอ้ายตื้อเสียงหวือหวูด | กรวดก็ฉูดพุ่งปราดอยู่ฉาดฉาน | ||
| มีคนดูกรูเกรียวเที่ยวสำราญ | ประกอบการบูชาประสาจน | ||
| บ้างก็เต้นเล่นรำทำสมโภช | ด้วยปราโมทย์มุ่งหมายฝ่ายกุศล | ||
| บ้างโกนเกล้าเข้าบวชแล้วสวดมนต์ | บ้างก็บ่นภาวนาหลับตาไป | ||
| บ้างก็ร้องแก้เพลงกันเครงครื้น | คนฟังยืนยัดเยียดเบียดไม่ไหว | ||
| เขาเล่นเรื่องขุนแผนแสนอาลัย | เมื่อจรไปจับน้องวันทองนาง | ||
| บ้างก็ร้องสักวาใส่หน้าทับ | ลูกคู่รับเรียบรัดไม่ขัดขวาง | ||
| ข้างเสภากุมกรับขยับพลาง | แล้วครวญครางถึงพิมนิ่มอนงค์ | ||
| ปี่พาทย์รับขับขานประสานเสียง | ก็กลมเกลี้ยงกล่อมจิตต์พิศวง | ||
| คนมานั่งฟังพร้อมล้อมเป็นวง | บ้างขึ้นลงอัดแอเสียงแซ่เซ็ง | ||
| จนดึกดื่นครื้นครั่นสนั่นมี | ชวนกันตีแต่ระฆังดังหง่างเหง่ง | ||
| สัปรุษพร้อมกันเมื่อวันเพ็ญ | พระจันทร์เปล่งเปลื้องปลดหมดมลทิล | ||
| ดารารายพรายพรั่งน้ำค้างย้อย | หวนละห้อยโหยจิตต์คิดถวิล | ||
| หักใบไม้ลงนอนกับดอนดิน | เขาหลับสิ้นเสียงเงียบระเยียบเย็น | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| ครั้นแสงทองรองเรืองอร่ามฟ้า | สกุณาร่ำร้องก้องประสาน | ||
| ดาวก็เลื่อนเดือนก็ลับพระโยมนาน | ระวีวารส่องภพจบสากล | ||
| ก็ชวนกันวันทาลาพระแท่น | พี่สุดแสนเสียดายฝ่ายกุศล | ||
| ให้ครวญคร่ำร่ำรักพระทศพล | ก็ต่างคนต่างสะอื้นกลืนน้ำตา | ||
| พี่ปลดเปลื้องเครื่องประดิษฐอุทิศถวาย | แล้วคลี่คลายคลุมพระแท่นที่แผ่นผา | ||
| ก็ชื่นชมโสมนัสด้วยศรัทธา | แล้วก้มหน้าตรวจน้ำเป็นคำไทย | ||
| ขอเดชะภูษาอานิสงส์ | เมื่อปลดปลงชีวิตให้คิดได้ | ||
| อย่ามีมารมาผจญเข้าดลใจ | เทพไทจงเห็นเป็นพะยาน | ||
| ขอให้ข้าได้ตรัสตัดกิเลส | จงข้ามเขตแว่นแคว้นแดนสงสาร | ||
| ให้สำเร็จประโยชน์ในโพธิญาณ | เข้านิพพานพ้นทุกข์สนุกสบาย | ||
| ขอให้สมปรารถนาอย่าช้านัก | สิ่งไรรักขอให้สมอารมณ์หมาย | ||
| ให้พบพระทุกชาติอย่าคลาดคลาย | อย่าให้ตายกลางอายุปัจจุบัน | ||
| ตั้งแต่ชาตินี้ไปจนได้ตรัส | อย่าข้องขัดทรัพย์สินทุกสิ่งสรรพ์ | ||
| การสิ่งใดที่หยาบบาปทุกวัน | การสิ่งนั้นอย่าได้พบประสพเลย | ||
| ครั้นตรวจน้ำสำเร็จเสร็จธุระ | พี่ลาพระแท่นทองนะน้องเอ๋ย | ||
| ประดิษฐกลอนอ่อนใจด้วยไกลเชย | ไม่หมดเลยเรื่องรักนี้หนักจริง | ||
| ถึงฟ้าดินอิสินธรศิงขรเขา | ไม่หนักเท่าทุกข์พี่นี้สักสิ่ง | ||
| เมื่อยามนอนนอนคิดจิตต์ประวิง | อนาถนิ่งนึงถึงตะบึงไป | ||
| ใช่จะแกล้งแต่งประกวดอวดฉลาด | ทำนิราศรักมิตรพิสมัย | ||
| ด้วยจิตต์รักกาพย์กลอนอักษรไทย | จึงตั้งใจแต่งคำแต่ลำพัง | ||
| หวังจะให้ลือเลื่องในเมืองหลวง | คนทั้งปวงอย่าว่าฉันบ้าหลัง | ||
| ถ้าใครเป็นก็จะเห็นว่าจริงจัง | ประดุจดังน้ำจิตต์ฉันคิดกลอน | ||
| ขอเดชะถ้อยคำที่ร่ำเรื่อง | ให้ลือเลื่องเลิศลักษณ์ในอักษร | ||
| ขอเชิญไทเทวราชประสาทพร | ให้สุนทรลือทั่วธานีเอย ฯ | ||
