กากีกลอนสุภาพ

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(บทประพันธ์)
 
แถว 25: แถว 25:
บำเรอจิตอิศเรศให้เรืองรณ  เมื่อทรงสกากลสโมสร
บำเรอจิตอิศเรศให้เรืองรณ  เมื่อทรงสกากลสโมสร
เฉลิมเมืองเรืองฤทธิ์ขจายจร  ทุกนครเข็ดขยาดด้วยปรีชา ฯ
เฉลิมเมืองเรืองฤทธิ์ขจายจร  ทุกนครเข็ดขยาดด้วยปรีชา ฯ
 +
๏ ปางนั้นยังมีครุฑราช  สุริยชาติล้ำสกุณาปักษา
๏ ปางนั้นยังมีครุฑราช  สุริยชาติล้ำสกุณาปักษา
แถว 44: แถว 45:
จึงตรัสเรียกสกานั้นมาทรง  กับองค์สุบรรณราชสโมสร
จึงตรัสเรียกสกานั้นมาทรง  กับองค์สุบรรณราชสโมสร
มานพเดินหลบไม่รบรอน  แล้วทับถอนผ่อนแก้กันหลายครา ฯ
มานพเดินหลบไม่รบรอน  แล้วทับถอนผ่อนแก้กันหลายครา ฯ
 +
๏ ฝ่ายอนงค์กากีศรีสมร  ทินกรบ่ายคล้อยพระเวหา
๏ ฝ่ายอนงค์กากีศรีสมร  ทินกรบ่ายคล้อยพระเวหา
แถว 59: แถว 61:
มิอาจยืนขืนจิตดำรงตน  ก็เลี้ยวองค์จรจรัลผันผาย
มิอาจยืนขืนจิตดำรงตน  ก็เลี้ยวองค์จรจรัลผันผาย
สู่อาสน์ไสยาสพรรณราย  กรก่ายพักตราคะนึงครวญ ฯ
สู่อาสน์ไสยาสพรรณราย  กรก่ายพักตราคะนึงครวญ ฯ
 +
๏ ฝ่ายบรมพรหมทัตทอดสกา  เมื่อสุดาประทุษจิตให้ผิดผวน
๏ ฝ่ายบรมพรหมทัตทอดสกา  เมื่อสุดาประทุษจิตให้ผิดผวน
แถว 82: แถว 85:
อย่าอาลัยในมนุษย์สมบัติเลย  มาไปเชยพิมานทองของสงวน
อย่าอาลัยในมนุษย์สมบัติเลย  มาไปเชยพิมานทองของสงวน
พลางจุมพิตปรางน้องประครองนวล  เย้ายวนหยอกยั่วภิรมยา ฯ
พลางจุมพิตปรางน้องประครองนวล  เย้ายวนหยอกยั่วภิรมยา ฯ
 +
๏ กากีป้องปัดสลัดกร  ชำเลืองเนตรคมค้อนให้ปักษา
๏ กากีป้องปัดสลัดกร  ชำเลืองเนตรคมค้อนให้ปักษา
แถว 118: แถว 122:
เลี้ยวลอดสอดกระหวัดสัมผัสต้อง  เต้ามณฑาทองของสงวน
เลี้ยวลอดสอดกระหวัดสัมผัสต้อง  เต้ามณฑาทองของสงวน
เชยชื่นรื่นรสรัญจวนชวน  ป่วนกาเมศไหม้อยู่ไปมา ฯ
เชยชื่นรื่นรสรัญจวนชวน  ป่วนกาเมศไหม้อยู่ไปมา ฯ
 +
๏ ฝ่ายอนงค์กากีศรีสวัสดิ์  ร่วมสัมผัสแอบองค์ด้วยปักษา
๏ ฝ่ายอนงค์กากีศรีสวัสดิ์  ร่วมสัมผัสแอบองค์ด้วยปักษา
แถว 127: แถว 132:
น้องตกถึงสิมพลีพิมานเมศ  แรมทุเรศร้างประยูรวงศา
น้องตกถึงสิมพลีพิมานเมศ  แรมทุเรศร้างประยูรวงศา
ไกลบรมพรหมทัตภัสดา  หมายจะพึ่งบาทาจนวันตาย ฯ
ไกลบรมพรหมทัตภัสดา  หมายจะพึ่งบาทาจนวันตาย ฯ
 +
๏ พระยาครุฑฟังนุชเสนาะถ้อย  ดั่งน้ำพลอยเพชรรัตน์จำรัสฉาย
๏ พระยาครุฑฟังนุชเสนาะถ้อย  ดั่งน้ำพลอยเพชรรัตน์จำรัสฉาย
แถว 156: แถว 162:
ดุเหว่าทิพที่ประจำสิมพลี  ก็ร้องมี่ส่งเสียงสำเนียงก้อง
ดุเหว่าทิพที่ประจำสิมพลี  ก็ร้องมี่ส่งเสียงสำเนียงก้อง
ภานุมาศเร่งราชรถทอง  ผาดผยองเยี่ยมยอดยุคุนธร ฯ
ภานุมาศเร่งราชรถทอง  ผาดผยองเยี่ยมยอดยุคุนธร ฯ
 +
๏ พระยาราชสุบรรณก็พลันตื่น  ประคองชื่นเล้าโลมโฉมสมร
๏ พระยาราชสุบรรณก็พลันตื่น  ประคองชื่นเล้าโลมโฉมสมร
แถว 175: แถว 182:
สองสนิทพิศวงสวาทจิต  ชื่นชิดปรีดิ์เปรมเกษมศรี
สองสนิทพิศวงสวาทจิต  ชื่นชิดปรีดิ์เปรมเกษมศรี
ไม่แหห่างร้างรักสักนาที  ในห้องรัตน์มณีพิมานบน ฯ
ไม่แหห่างร้างรักสักนาที  ในห้องรัตน์มณีพิมานบน ฯ
 +
๏ ฝ่ายบรมพรหมทัตนฤเบศร์  ครั้นหานเหตุเกิดการกุลาหล
๏ ฝ่ายบรมพรหมทัตนฤเบศร์  ครั้นหานเหตุเกิดการกุลาหล
แถว 236: แถว 244:
ถึงจะข้ามหิมวาสาคเรศ  ประจักษ์เหตุแล้วจะตามไปจงได้
ถึงจะข้ามหิมวาสาคเรศ  ประจักษ์เหตุแล้วจะตามไปจงได้
นี่สุดจิตสุดคิดก็สุดใจ  สุดอาลัยก็สลบลงแดยัน ฯ
นี่สุดจิตสุดคิดก็สุดใจ  สุดอาลัยก็สลบลงแดยัน ฯ
 +
๏ ฝ่ายนางพระสนมสนิทเฝ้า  ก็สร้อยเศร้ากำสรดกำสรวลศัลย์
๏ ฝ่ายนางพระสนมสนิทเฝ้า  ก็สร้อยเศร้ากำสรดกำสรวลศัลย์
แถว 251: แถว 260:
เล่ายุบลคนธรรพ์ว่านางหาย  เฉาฉงายไป่แจ้งที่แห่งหา
เล่ายุบลคนธรรพ์ว่านางหาย  เฉาฉงายไป่แจ้งที่แห่งหา
ไฉนนายจะได้สายสมรมา  เจ้าปรีชาช่วยผดุงจรุงความ ฯ
ไฉนนายจะได้สายสมรมา  เจ้าปรีชาช่วยผดุงจรุงความ ฯ
 +
๏ คนธรรพ์อภิวันท์ถวิลหวาด  เชิงฉลาดชำนาญชาญสนาม
๏ คนธรรพ์อภิวันท์ถวิลหวาด  เชิงฉลาดชำนาญชาญสนาม
แถว 264: แถว 274:
ท้าวสดับคนธรรพ์เสนาะถ้อย  ที่โศกสร้อยหฤทัยค่อยใสสว่าง
ท้าวสดับคนธรรพ์เสนาะถ้อย  ที่โศกสร้อยหฤทัยค่อยใสสว่าง
กลับยังบัลลังก์รัตน์คะนึงนาง  มิได้ว่างวายเว้นทิวาวัน
กลับยังบัลลังก์รัตน์คะนึงนาง  มิได้ว่างวายเว้นทิวาวัน
 +
๏ ฝ่ายพระยาครุฑราชฤทธิรอน  เชยสมรสสมานภิรมย์ขวัญ
๏ ฝ่ายพระยาครุฑราชฤทธิรอน  เชยสมรสสมานภิรมย์ขวัญ
แถว 273: แถว 284:
รุ่งพรุ่งนี้พี่จะลาพะงางาม  ไปตัดความสงสัยเสียให้สิ้น
รุ่งพรุ่งนี้พี่จะลาพะงางาม  ไปตัดความสงสัยเสียให้สิ้น
เจ้าอยู่ไพยนต์รัตนมณีนิล  บ่ายแสงทินกรจะจรมา ฯ
เจ้าอยู่ไพยนต์รัตนมณีนิล  บ่ายแสงทินกรจะจรมา ฯ
 +
๏ กากีได้สดับคดีสั่ง  ให้แค้นคั่งคำราชปักษา
๏ กากีได้สดับคดีสั่ง  ให้แค้นคั่งคำราชปักษา
แถว 282: แถว 294:
ข้ารู้เชิงอยู่ว่ามีที่เชยชื่น  อย่าแสร้งอำนำอื่นมาแก้ไข
ข้ารู้เชิงอยู่ว่ามีที่เชยชื่น  อย่าแสร้งอำนำอื่นมาแก้ไข
ถ้าหน่ายแหนงแล้วจงแจ้งแต่จริงไป  ใช่จะหน่วงเสน่ห์ไว้เมื่อไรมี ฯ
ถ้าหน่ายแหนงแล้วจงแจ้งแต่จริงไป  ใช่จะหน่วงเสน่ห์ไว้เมื่อไรมี ฯ
 +
๏ พระยาครุฑฟังนุชแล้วแย้มสรวล  ไฉนนวลมาพิโรธรำพันพี่
๏ พระยาครุฑฟังนุชแล้วแย้มสรวล  ไฉนนวลมาพิโรธรำพันพี่
แถว 291: แถว 304:
แม้นมิไปไหนเลยจะพ้นพักตร์  เสียดายศักดิ์เขาจะแสร้งมารษา
แม้นมิไปไหนเลยจะพ้นพักตร์  เสียดายศักดิ์เขาจะแสร้งมารษา
ไม่ถึงวันก็จะพลันนิวัติมา  ยุพาพานจงสำราญวิมานทอง
ไม่ถึงวันก็จะพลันนิวัติมา  ยุพาพานจงสำราญวิมานทอง
 +
๏ กากีฟังครุฑเห็นสุดห้าม  ประจักษ์ความบรรยายก็หายหมอง
๏ กากีฟังครุฑเห็นสุดห้าม  ประจักษ์ความบรรยายก็หายหมอง
แถว 298: แถว 312:
แต่เสียหนึ่งได้สองก็ต้องห้าม  ถ้าซ้ำสามปฏิพัทธ์โอ้บัดสี
แต่เสียหนึ่งได้สองก็ต้องห้าม  ถ้าซ้ำสามปฏิพัทธ์โอ้บัดสี
จงตริการอย่าให้พานราคีมี  เหมือนช่วยชีวิตน้องให้นานวัน
จงตริการอย่าให้พานราคีมี  เหมือนช่วยชีวิตน้องให้นานวัน
 +
๏ พระยาราชเวนไตรได้สดับ  ถนอมรับกรน้องประคองขวัญ
๏ พระยาราชเวนไตรได้สดับ  ถนอมรับกรน้องประคองขวัญ
แถว 311: แถว 326:
จึ่งเอื้อนโองการตรัสวัจนา  ดูราเจ้าผู้ชำนาญในการจบ
จึ่งเอื้อนโองการตรัสวัจนา  ดูราเจ้าผู้ชำนาญในการจบ
ข้าคอยนายจนสายสว่างภพ  คิดว่าสบธุระร้อนไม่จรมา ฯ
ข้าคอยนายจนสายสว่างภพ  คิดว่าสบธุระร้อนไม่จรมา ฯ
 +
๏ ครุฑฟังทรงธรรม์ก็หวั่นหวาด  เชิงฉลาดทำฝืนให้ชื่นหน้า
๏ ครุฑฟังทรงธรรม์ก็หวั่นหวาด  เชิงฉลาดทำฝืนให้ชื่นหน้า
แถว 324: แถว 340:
ร่ายมนต์แก้บานทวารไข  สำราญจิตครรไลเข้าในห้อง
ร่ายมนต์แก้บานทวารไข  สำราญจิตครรไลเข้าในห้อง
นั่งแนบแอบเนื้อนวลละออง  เชยน้องต้องเต้ามณฑาธาร ฯ
นั่งแนบแอบเนื้อนวลละออง  เชยน้องต้องเต้ามณฑาธาร ฯ
 +
๏ ฝ่ายคนธรรพ์เป็นไรเข้าเร้นซ่อน  ที่บัญชรพิมานชัยไพศาล
๏ ฝ่ายคนธรรพ์เป็นไรเข้าเร้นซ่อน  ที่บัญชรพิมานชัยไพศาล
แถว 337: แถว 354:
จงเนาในแท่งทองอย่างหมองพักตร์  ไม่ช้านักจะกลับมาสู่สถาน
จงเนาในแท่งทองอย่างหมองพักตร์  ไม่ช้านักจะกลับมาสู่สถาน
สั่งสมรแล้วก็จรจากพิมาน  ร่ายเวทผูกทวารแล้วบินไป ฯ
สั่งสมรแล้วก็จรจากพิมาน  ร่ายเวทผูกทวารแล้วบินไป ฯ
 +
๏ คนธรรพ์ครั้นครุฑจรดล  ก็กลับตนตามเพศวิสัย
๏ คนธรรพ์ครั้นครุฑจรดล  ก็กลับตนตามเพศวิสัย
แถว 346: แถว 364:
อันบรมพรหมทัตปิ่นธเรศ  เมื่อเกิดเหตุข้าหายนั้นเป็นไฉน
อันบรมพรหมทัตปิ่นธเรศ  เมื่อเกิดเหตุข้าหายนั้นเป็นไฉน
ยังทุกข์โทมนัสถึงคะนึงใน  ฤๅอาลัยลืมละไม่นำพา
ยังทุกข์โทมนัสถึงคะนึงใน  ฤๅอาลัยลืมละไม่นำพา
 +
๏ คนธรรพ์ครั้นสดับคดีถาม  ดำริความเชิงชาญด้วยโวหาร์
๏ คนธรรพ์ครั้นสดับคดีถาม  ดำริความเชิงชาญด้วยโวหาร์
แถว 359: แถว 378:
นิจจาเอ๋ยถึงเสวยสุขสวรรค์  ผิวพรรณเคยนวลฤๅควรหมอง
นิจจาเอ๋ยถึงเสวยสุขสวรรค์  ผิวพรรณเคยนวลฤๅควรหมอง
ว่าพลางทางประโลมเลียมลอง  ดูทำนองในเชิงพนิดา ฯ
ว่าพลางทางประโลมเลียมลอง  ดูทำนองในเชิงพนิดา ฯ
 +
๏ นางสลัดปัดกรแล้วค้อนคม  แต่อารมณ์ปฏิพัทธประหวัดหา
๏ นางสลัดปัดกรแล้วค้อนคม  แต่อารมณ์ปฏิพัทธประหวัดหา
แถว 366: แถว 386:
อนิจจาเห็นว่าข้าอยู่เดียว  มาโลมเลี้ยวลอบชิดด้วยอิจฉา
อนิจจาเห็นว่าข้าอยู่เดียว  มาโลมเลี้ยวลอบชิดด้วยอิจฉา
เป็นน่าแค้นแสนเวทนาตา  จะใคร่ว่าเสียให้สมอารมณ์พาล ฯ
เป็นน่าแค้นแสนเวทนาตา  จะใคร่ว่าเสียให้สมอารมณ์พาล ฯ
 +
๏ คนธรรพ์รับขวัญแล้วจุมพิต  กรสะกิดเลี้ยวลอดสอดประสาน
๏ คนธรรพ์รับขวัญแล้วจุมพิต  กรสะกิดเลี้ยวลอดสอดประสาน
แถว 381: แถว 402:
สองสุขสองสมภิรมย์รส  ยังไม่หมดสุขสโมสร
สองสุขสองสมภิรมย์รส  ยังไม่หมดสุขสโมสร
คนธรรพ์ครั้นบ่ายรวีวร  สั่งสมรแล้วก็จรเข้าซ่อนกาย
คนธรรพ์ครั้นบ่ายรวีวร  สั่งสมรแล้วก็จรเข้าซ่อนกาย
 +
๏ ฝ่ายครุฑเที่ยวเล่นในหิมวันต์  สุริยาสายัณห์ก็ผันผาย
๏ ฝ่ายครุฑเที่ยวเล่นในหิมวันต์  สุริยาสายัณห์ก็ผันผาย
แถว 390: แถว 412:
กากีสมปองเป็นสองชื่น  กลางคืนครุฑแอบอยู่แนบข้าง
กากีสมปองเป็นสองชื่น  กลางคืนครุฑแอบอยู่แนบข้าง
ทิวาวันคนธรรพ์เข้าแนบนาง  ต่างรสสดชื่นให้โอชา ฯ
ทิวาวันคนธรรพ์เข้าแนบนาง  ต่างรสสดชื่นให้โอชา ฯ
 +
๏ ครั้นสร่างแสงสุริโยวโรภาส  อากาศแจ่มแจ้งในแหล่งหล้า
๏ ครั้นสร่างแสงสุริโยวโรภาส  อากาศแจ่มแจ้งในแหล่งหล้า
แถว 401: แถว 424:
มานพถึงท้องพระโรงรัตน์  กรุงกษัตริย์ทัศนาแล้วบรรหาร
มานพถึงท้องพระโรงรัตน์  กรุงกษัตริย์ทัศนาแล้วบรรหาร
พระดำรงทรงสกากับชายชาญ  แต่วิญญาณยวนคิดวนิดา ฯ
พระดำรงทรงสกากับชายชาญ  แต่วิญญาณยวนคิดวนิดา ฯ
 +
๏ คนธรรพ์ครั้นถึงชุลีกร  นรินทรยิ้มละไมอยู่ในหน้า
๏ คนธรรพ์ครั้นถึงชุลีกร  นรินทรยิ้มละไมอยู่ในหน้า
แถว 408: แถว 432:
หมู่เสวกามาตย์ฉลาดคิด  ต่างวินิจนิ่งนึกอางขนาง
หมู่เสวกามาตย์ฉลาดคิด  ต่างวินิจนิ่งนึกอางขนาง
เขม้นหมายมานพไม่เว้นวาง  พลางจะฟังระหัสเหตุแห่งคนธรรพ์ ฯ   
เขม้นหมายมานพไม่เว้นวาง  พลางจะฟังระหัสเหตุแห่งคนธรรพ์ ฯ   
 +
๏ ฝ่ายอนงค์กากีศรีสมร  ครันครุฑจรจากห้องพิมานสวรรค์
๏ ฝ่ายอนงค์กากีศรีสมร  ครันครุฑจรจากห้องพิมานสวรรค์
แถว 417: แถว 442:
มาเถิดน้องจะถนอมกล่อมจิต  จะผ่อนผิดผันหาเกษมศานต์
มาเถิดน้องจะถนอมกล่อมจิต  จะผ่อนผิดผันหาเกษมศานต์
นางร่ำหาในห้องทิพพิมาน  ไม่พบพานก็พิลาปละเวงใจ ฯ
นางร่ำหาในห้องทิพพิมาน  ไม่พบพานก็พิลาปละเวงใจ ฯ
 +
๏ ฝ่ายพระยามานพทรงสกา  สุริยาเย็นลับเหลี่ยมไศล
๏ ฝ่ายพระยามานพทรงสกา  สุริยาเย็นลับเหลี่ยมไศล
แถว 422: แถว 448:
ถึงต้นไทรกลายเพศเป็นครุฑราช  เผ่นผงาดระเห็จห้องพระเวหา
ถึงต้นไทรกลายเพศเป็นครุฑราช  เผ่นผงาดระเห็จห้องพระเวหา
ถึงสถานลานโลมวนิดา  โดยผาสุกภาพประเพณี ฯ
ถึงสถานลานโลมวนิดา  โดยผาสุกภาพประเพณี ฯ
 +
๏ ฝ่ายบรมพรหมทัตภูวเรศ  ครั้นมานพประเวศจากกรุงศรี
๏ ฝ่ายบรมพรหมทัตภูวเรศ  ครั้นมานพประเวศจากกรุงศรี
แถว 433: แถว 460:
ประสบนางในปรางค์พิมานมาศ  แสนสวาทครุฑครองประคองขวัญ   
ประสบนางในปรางค์พิมานมาศ  แสนสวาทครุฑครองประคองขวัญ   
เสวยทิพสถานสำราญครัน  จะรำพันพ้นสุขศวรรยา ฯ
เสวยทิพสถานสำราญครัน  จะรำพันพ้นสุขศวรรยา ฯ
 +
๏ พรหมทัตแจ้งอรรถคนธรรพ์ทูล  บดินทร์สูรแสนโสมนัสสา
๏ พรหมทัตแจ้งอรรถคนธรรพ์ทูล  บดินทร์สูรแสนโสมนัสสา
แถว 448: แถว 476:
แกล้งประโลมลองใจอยู่ในที  ก็เร็วรี่ปฏิพันธ์ไม่ขัดขวาง
แกล้งประโลมลองใจอยู่ในที  ก็เร็วรี่ปฏิพันธ์ไม่ขัดขวาง
จึงได้สบสมสนองทำนองนาง  โทษข้าถึงล้างทำลายปราณ ฯ
จึงได้สบสมสนองทำนองนาง  โทษข้าถึงล้างทำลายปราณ ฯ
 +
๏ พรหมทัตฟังอรรถแสดงสดับ  หทัยวับเพียงเพลิงเถกิงพลาญ
๏ พรหมทัตฟังอรรถแสดงสดับ  หทัยวับเพียงเพลิงเถกิงพลาญ
แถว 467: แถว 496:
เห็นครุฑก็จะอายเสียดายยศ  จะปลิดปลดสังวาสสวาทสิ้น
เห็นครุฑก็จะอายเสียดายยศ  จะปลิดปลดสังวาสสวาทสิ้น
ท่วงทีก็จะส่งองค์ยุพิน  องค์นรินทรราชอย่าร้อนใจ ฯ
ท่วงทีก็จะส่งองค์ยุพิน  องค์นรินทรราชอย่าร้อนใจ ฯ
 +
๏ ท้าวสดับพี่เลี้ยงฉลองฉลาด  เห็นสมมาดแก้กลปักษีได้
๏ ท้าวสดับพี่เลี้ยงฉลองฉลาด  เห็นสมมาดแก้กลปักษีได้
แถว 472: แถว 502:
ครั้นรุ่งกรุงกษัตริย์สรงสนาน  ประดับองค์อลงการทรงพระขรรค์
ครั้นรุ่งกรุงกษัตริย์สรงสนาน  ประดับองค์อลงการทรงพระขรรค์
ออกพระโรงวินิจฉัยพรายพรรณ  เสนานั่งคั่งครันดาษดา ฯ
ออกพระโรงวินิจฉัยพรายพรรณ  เสนานั่งคั่งครันดาษดา ฯ
 +
๏ ฝ่ายครุฑครั้นครบสัตตวาร  ก็สั่งสารวรนุชเสน่หา
๏ ฝ่ายครุฑครั้นครบสัตตวาร  ก็สั่งสารวรนุชเสน่หา
แถว 479: แถว 510:
ราชากับพระยามานพเล่น  จำเป็นจำแสร้งเป็นสุขา
ราชากับพระยามานพเล่น  จำเป็นจำแสร้งเป็นสุขา
แสนระกำช้ำจิตดั่งพิษยา  ด้วยสองรารักร่วมฤดีดาล ฯ
แสนระกำช้ำจิตดั่งพิษยา  ด้วยสองรารักร่วมฤดีดาล ฯ
 +
๏ คนธรรพ์ครั้นเห็นกรุงกษัตริย์  แจ้งรหัสให้เนตรดั่งบรรหาร
๏ คนธรรพ์ครั้นเห็นกรุงกษัตริย์  แจ้งรหัสให้เนตรดั่งบรรหาร
แถว 488: แถว 520:
นิจจาเอ๋ยจากเชยมาเจ็ดวัน  กลิ่นสุคันธรสรื่นก็เหือดหาย
นิจจาเอ๋ยจากเชยมาเจ็ดวัน  กลิ่นสุคันธรสรื่นก็เหือดหาย
ฤๅว่าใครแนบน้องประคองกาย  กลิ่นสายสวาทซาบอุรามา ฯ
ฤๅว่าใครแนบน้องประคองกาย  กลิ่นสายสวาทซาบอุรามา ฯ
 +
๏ พระยาราชเวนไตยได้สดับ  สำเนียงขับกล่าวกลิ่นกนิษฐา
๏ พระยาราชเวนไตยได้สดับ  สำเนียงขับกล่าวกลิ่นกนิษฐา
แถว 493: แถว 526:
เออไฉนไอ้นี่จึ่งกล่าวกลอน  ถึงกลิ่นแก้วดวงสมรมาเสียดใส่
เออไฉนไอ้นี่จึ่งกล่าวกลอน  ถึงกลิ่นแก้วดวงสมรมาเสียดใส่
ฉุนโกรธแล้วระงับดับไว้  จะฟังไปให้รู้ในเรื่องความ ฯ
ฉุนโกรธแล้วระงับดับไว้  จะฟังไปให้รู้ในเรื่องความ ฯ
 +
๏ นาฏกุเวรเจนแจ้งในทีโกรธ  จึ่งเอื้อนโอษฐ์คำขับขยับขยาม
๏ นาฏกุเวรเจนแจ้งในทีโกรธ  จึ่งเอื้อนโอษฐ์คำขับขยับขยาม
แถว 498: แถว 532:
ถ้าพี่อยู่จะได้ชูประคองชื่น  สำราญรื่นร่วมมิตรพิศวง
ถ้าพี่อยู่จะได้ชูประคองชื่น  สำราญรื่นร่วมมิตรพิศวง
เสียดายจากพรากเนื้อนวลผจง  คิดจะใคร่คืนคงยังสิมพลี ฯ
เสียดายจากพรากเนื้อนวลผจง  คิดจะใคร่คืนคงยังสิมพลี ฯ
 +
๏ ครุฑฟังยิ่งคั่งฤทัยแค้น  ดั่งหนึ่งแสนอัคนิรุทรมาจุดจี้
๏ ครุฑฟังยิ่งคั่งฤทัยแค้น  ดั่งหนึ่งแสนอัคนิรุทรมาจุดจี้
แถว 512: แถว 547:
ฤๅประกอบกายสิทธิ์ฤทธิเวท  วิเศษด้วยมนตราเป็นไฉน
ฤๅประกอบกายสิทธิ์ฤทธิเวท  วิเศษด้วยมนตราเป็นไฉน
เราก็หวังอยู่ด้วยยังไม่เคยไป  คิดจะใคร่ศึกษาเป็นอาจารย์ ฯ
เราก็หวังอยู่ด้วยยังไม่เคยไป  คิดจะใคร่ศึกษาเป็นอาจารย์ ฯ
 +
๏ คนธรรพ์ครั้นฟังก็แย้มสรวล  แสร้งสำรวลเยาะเย้ยเฉลยสาร
๏ คนธรรพ์ครั้นฟังก็แย้มสรวล  แสร้งสำรวลเยาะเย้ยเฉลยสาร
แถว 527: แถว 563:
นิจจาเอ๋ยชวดเชยเพราะสองชู้  ถ้าคงคู่ก็ไม่ร้างภิรมย์ขวัญ
นิจจาเอ๋ยชวดเชยเพราะสองชู้  ถ้าคงคู่ก็ไม่ร้างภิรมย์ขวัญ
เวทนาด้วยพระยาสุบรรณครัน  ขับแล้วอภิวันท์กษัตรา ฯ
เวทนาด้วยพระยาสุบรรณครัน  ขับแล้วอภิวันท์กษัตรา ฯ
 +
๏ พระยาครุฑได้สดับมันขับอ้าง  จึ่งกระจ่างแจ้งข้อไม่กังขา
๏ พระยาครุฑได้สดับมันขับอ้าง  จึ่งกระจ่างแจ้งข้อไม่กังขา
แถว 540: แถว 577:
ตริแล้วพาทีแก่คนธรรพ  ท่านช่างขับเฉื่อยฉ่ำล้วนคำหวาน
ตริแล้วพาทีแก่คนธรรพ  ท่านช่างขับเฉื่อยฉ่ำล้วนคำหวาน
เสาวพากย์กล่าวเกลี้ยงกลอนการ  ชำนาญนักเรานับว่าเป็นชาย ฯ
เสาวพากย์กล่าวเกลี้ยงกลอนการ  ชำนาญนักเรานับว่าเป็นชาย ฯ
 +
๏ ว่าพลางทางลาบรมนาถ  ลีลาศจรจรัลผันผาย
๏ ว่าพลางทางลาบรมนาถ  ลีลาศจรจรัลผันผาย
แถว 551: แถว 589:
แต่พระพามาชมสมบัติทิพ  อันลอยลิบลิ่วฟ้าเวหาหน
แต่พระพามาชมสมบัติทิพ  อันลอยลิบลิ่วฟ้าเวหาหน
ข้าอยู่เดียวเปลี่ยวเอกาสกนธ์  ยังไป่ยลพักตร์ใครมาใกล้กราย ฯ
ข้าอยู่เดียวเปลี่ยวเอกาสกนธ์  ยังไป่ยลพักตร์ใครมาใกล้กราย ฯ
 +
๏ พระยาครุฑฟังนุชสนองคำ  พิโรธซ้ำดั่งฟ้าคนองสาย
๏ พระยาครุฑฟังนุชสนองคำ  พิโรธซ้ำดั่งฟ้าคนองสาย
แถว 558: แถว 597:
เชยชื่นดั่งวิเชียรเจียระไน  มิรู้ไฝฟองช้ำสล่ำสลาย
เชยชื่นดั่งวิเชียรเจียระไน  มิรู้ไฝฟองช้ำสล่ำสลาย
ยังไม่รับจนเราจับได้ชู้ชาย  คือนายนาฏกุเวรที่เจนกัน ฯ
ยังไม่รับจนเราจับได้ชู้ชาย  คือนายนาฏกุเวรที่เจนกัน ฯ
 +
๏ กากีฟังคดีสนองถ้อย  เป็นน่าน้อยใจเพียงชีวาสัญ
๏ กากีฟังคดีสนองถ้อย  เป็นน่าน้อยใจเพียงชีวาสัญ
แถว 573: แถว 613:
ไม่ทันไรฤๅใจจะทุจริต  พระวินิจตรองตริดำริก่อน
ไม่ทันไรฤๅใจจะทุจริต  พระวินิจตรองตริดำริก่อน
ธรรมดาว่ารักจะราญรอน  เพราะหลงกลเขาซ้อนให้เสียการ ฯ
ธรรมดาว่ารักจะราญรอน  เพราะหลงกลเขาซ้อนให้เสียการ ฯ
 +
๏ พระยาครุฑฟังนุชสารแสดง  มโนแหนงดั่งมณีที่แตกฉาน
๏ พระยาครุฑฟังนุชสารแสดง  มโนแหนงดั่งมณีที่แตกฉาน
แถว 586: แถว 627:
สุกแดงดั่งแสงปัทมราช  ข้างในล้วนกิมิชาติเบียนบ่อน
สุกแดงดั่งแสงปัทมราช  ข้างในล้วนกิมิชาติเบียนบ่อน
เรารู้ใจแล้วมิให้อนาทร  จะพาคืนนครในราตรี ฯ
เรารู้ใจแล้วมิให้อนาทร  จะพาคืนนครในราตรี ฯ
 +
๏ กากีชุลีกรแล้ววอนว่า  อนิจจาพระไม่โปรดเกศี
๏ กากีชุลีกรแล้ววอนว่า  อนิจจาพระไม่โปรดเกศี
แถว 595: แถว 637:
อยู่หลัดหลัดฤๅจะซัดไปส่งเสีย  ไม่โปรดเมียจงประหารให้ตักษัย
อยู่หลัดหลัดฤๅจะซัดไปส่งเสีย  ไม่โปรดเมียจงประหารให้ตักษัย
มิขอคืนนครำให้ช้ำใจ  จะไว้สัตย์สู้ม้วยในสิมพลี ฯ
มิขอคืนนครำให้ช้ำใจ  จะไว้สัตย์สู้ม้วยในสิมพลี ฯ
 +
๏ พระยาครุฑได้สดับคดีนาง  ยิ่งหมองหมางวางสวาทมารศรี
๏ พระยาครุฑได้สดับคดีนาง  ยิ่งหมองหมางวางสวาทมารศรี
แถว 606: แถว 649:
ตราบสิ้นดินฟ้าพระเมรุมาศ  แสนชาติไม่ขอร่วมภิรมย์ขวัญ
ตราบสิ้นดินฟ้าพระเมรุมาศ  แสนชาติไม่ขอร่วมภิรมย์ขวัญ
กว่าจะเสร็จศิวโมกษ์ทางธรรม์  สั่งเสร็จรเห็จหันไปสิมพลี ฯ
กว่าจะเสร็จศิวโมกษ์ทางธรรม์  สั่งเสร็จรเห็จหันไปสิมพลี ฯ
 +
๏ ฝ่ายบรมพรหมทัตนรินทร  ทิพากรรุ่งรางสว่างสี
๏ ฝ่ายบรมพรหมทัตนรินทร  ทิพากรรุ่งรางสว่างสี
แถว 621: แถว 665:
หนึ่งแล้วสองเล่าเจ้าซ้ำสาม  ช่างทำงามพัตราน่ารับขวัญ
หนึ่งแล้วสองเล่าเจ้าซ้ำสาม  ช่างทำงามพัตราน่ารับขวัญ
เมื่อเป็นหญิงแพศยาอาธรรม์  จะให้เลี้ยงนางนั้นประการใด ฯ
เมื่อเป็นหญิงแพศยาอาธรรม์  จะให้เลี้ยงนางนั้นประการใด ฯ
 +
๏ กากีอภิวันท์ด้วยบัญจางค์  กำสรดพลางทางทูลสนองไข
๏ กากีอภิวันท์ด้วยบัญจางค์  กำสรดพลางทางทูลสนองไข
แถว 638: แถว 683:
เพราะกรรมนำเหตุให้หฤโหด  ประมาณโทษนั้นผิดอยู่แหล่หลาย
เพราะกรรมนำเหตุให้หฤโหด  ประมาณโทษนั้นผิดอยู่แหล่หลาย
แม้มิโปรดเข่นฆ่าก็ท่าตาย  ขอไว้ลายสู้ม้วยด้วยสัตยา ฯ
แม้มิโปรดเข่นฆ่าก็ท่าตาย  ขอไว้ลายสู้ม้วยด้วยสัตยา ฯ
 +
๏ นฤบาลฟังสารสำนวนกล่าว  หทัยผ่าวดั่งเพลิงประลัยหล้า
๏ นฤบาลฟังสารสำนวนกล่าว  หทัยผ่าวดั่งเพลิงประลัยหล้า
แถว 648: แถว 694:
นำนาฏกากีลีลามา  ถึงท่าใส่แพแล้วลอยเอย ฯ
นำนาฏกากีลีลามา  ถึงท่าใส่แพแล้วลอยเอย ฯ
</tpoem>
</tpoem>
 +
== เชิงอรรถ ==
== เชิงอรรถ ==

รุ่นปัจจุบันของ 05:22, 10 กรกฎาคม 2552

ข้อมูลเบื้องต้น

ผู้แต่ง: เจ้าพระยาพระคลัง(หน)

บทประพันธ์

๏ จักกล่าวอดีตนิทานแต่ปางก่อน
เมื่อครั้งองค์สมเด็จพระชินวรยังสัญจรแสวงหาโพธิญาณ
เสวยชาติเป็นสกุณาพระยานกจึงชักเรื่องชาดกมาบรรหาร
หวังแสดงแห่งจิตหญิงพาลให้ชายชาญรู้เชิงกษัตรีย์ฯ
๏ ยังมีราชบรมพรหมทัตผ่านสมบัติกรุงแก้วพาราณสี
เป็นปฐมบรมราชธานีศรีสนุกสุขเกษมสวรรยา
กว้างใหญ่ยาวได้สิบสองโยชน์พลโจษจตุรงค์สังขยา
หมื่นเมืองเลื่องพระเดชเดชาระอาออกอ่อนเกล้ามาอภิวันท์
เธอมีองค์อัคเรศวิไลลักษณ์ประไพพักตร์งามเพียงอัปสรสวรรค์
ชื่อกากีศรีวิไลดั่งดวงจันทร์เนื้อนั้นหอมฟุ้งจรุงใจ
เสมอเหมือนกลิ่นทิพมณฑาทองผู้ใดต้องสัมผัสพิสมัย
กลิ่นกายติดชายผู้นั้นไปก็นับได้ถึงเจ็ดทิวาวาร
ดั่งหทัยนัยน์เนตรกรุงกษัตริย์พูนสวัสดิ์สังวาสเกษมศานต์
เป็นเอกองค์ในอนงคบริพารประมาณหมื่นหกพันกัลยา
ท้าวมีพี่เลี้ยงผู้เปรมปราชญ์ชื่อว่านาฏกุเวรยักษา
ชำนิชำนาญการพิณอเนกาวิชาขับกาพย์เกลี้ยงกล่าวกลอน
บำเรอจิตอิศเรศให้เรืองรณเมื่อทรงสกากลสโมสร
เฉลิมเมืองเรืองฤทธิ์ขจายจรทุกนครเข็ดขยาดด้วยปรีชา ฯ
๏ ปางนั้นยังมีครุฑราชสุริยชาติล้ำสกุณาปักษา
สถิตสถานพิมานรัตน์รมยายอดมหาพฤกษาสิมพลี
ในเชิงเขาเมรุราชบรรพตปรากฏด้วยกำลังปักษี
บินหนักกวักละโยชน์ด้วยฤทธีอาจจะข้ามนทีสีทันดร
ประกอบด้วยมนตรามหาเวททั่วประเทศเกรงจบสยบสยอน
เคยเที่ยวเล่นเป็นสุขทุกนครสถาพรพูนสวัสดิ์อยู่อัตรา
กับบรมพรหมทัตปิ่นธเรศเคยประเวศทรงสกากันหนักหนา
ถ้อยทีมีชัยแลอัปราก็ปรารภเพื่อจะทรงสกากล
ออกจากพิมานรัตน์เรืองรองผาดผยองทะยานขึ้นเวหน
ข้ามมหาสาคเรศวังวนก็ลุดลแดนราชธานี
ลงยังรุกขพระไทรใบชิดนิมิตกายกลายเพศจากปักษี
เป็นมานพเสาวภาคย์โสภีจรลีนวยนาดดำเนินมา
เข้าพาราณสีบุรีเรืองชำเลืองแลแปรพักตร์ส่ายหา
อันนารีตามรวดรัถยาใครปะตามานพก็สบใจ
ครั้นถึงเข้าท้องพระโรงธารอาการมิได้พรั่นหวั่นไหว
กรุงกษัตริย์ทัศนาก็แจ้งใจบรรหารให้นั่งอาสน์อันบวร
จึงตรัสเรียกสกานั้นมาทรงกับองค์สุบรรณราชสโมสร
มานพเดินหลบไม่รบรอนแล้วทับถอนผ่อนแก้กันหลายครา ฯ
๏ ฝ่ายอนงค์กากีศรีสมรทินกรบ่ายคล้อยพระเวหา
ไม่เห็นองค์พงศ์กษัตริย์ภัสดาเสด็จมาสู่แท่นบรรทมใน
จึ่งตรัสถามสาวสุรางค์นางสนมต่างประนมนิ้วทูลสนองไข
ว่าภูบาลสำราญราชหฤทัยด้วยได้ทรงสกากับมานพ
ชายนั้นโฉมวิไลประไพพักตร์แหลมหลักเชิงเล่นก็เจนจบ
ทั้งกิริยาคมสันครันครบอันชายในพิภพนี้ไม่มีปาน
พระเทพีฟังคดีก็ดาลจิตฉงนคิดพิศวงทรงสัณฐาน
ว่างามพริ้งยิ่งชายใดในดินดานยุพาพาลก็เสด็จลินลามา
ยืนแฝงในบานทวาเรศนัยน์เนตรชำเลืองลอดสอดหา
พอมานพบงสบนัยนาประหนึ่งว่าศรแผลงแย้งชิงกัน
ต่างประหวัดหัททัยให้ไหวหวาบเพลิงราคซ่านซาบเสียวกระสัน
สองจิตสองคิดประจวบกันนางป่วนปั่นรันทดระทวนกาย
มิอาจยืนขืนจิตดำรงตนก็เลี้ยวองค์จรจรัลผันผาย
สู่อาสน์ไสยาสพรรณรายกรก่ายพักตราคะนึงครวญ ฯ
๏ ฝ่ายบรมพรหมทัตทอดสกาเมื่อสุดาประทุษจิตให้ผิดผวน
เผอิญขัดซัดบาศก์ให้แปรปรวนครุฑสำรวลแย้มยิ้มกระหยิ่มใจ
ครั้นชายแสงระวิวรอ่อนภพมานพรัญจวนจิตพิสมัย
ก็ลากษัตริย์นิวัตครรไลสู่พระไทรสำนักแต่เดิมมา
กลายเพศจากมนุษย์ครุฑราชเผ่นผงาดลิ่วลอยพระเวหา
แผ่หางกางปีกด้วยฤทธาบังแสงสุริยาอนธการ
บันดาลเป็นมหาวายุพัดจบจังหวัดเปรี้ยงเปรี้ยงเสียงประหาร
ครั่นครื้นตื้นทั่วจักรวาลถีบทะยานสู่สิงหบัญชร
เข้านั่งแนบแอบนางบนแท่นรัตน์ประคองหัตถ์ลูบกายสายสมร
จึ่งกล่าวรสพจนารถสุนทรวอนไยสมรเสมอชีพไม่นำพา
ช่างนอนนิ่งอิงเขนยไม่เงยพักตร์ความพี่รักรีบร้อนเข้ามาหา
พี่คือมานพน้อยชาญสกาหวังจะมาพาน้องไปครองกัน
ยังทิพสถานพิมานแมนอันแสนสนุกสุขล้ำเกษมสันต์
แล้วจะพายุพราชจรจรัลไปเที่ยวชมสัตภัณฑ์สีทันดร
ทั้งทราบแก้วเพชรรัตน์ปัทมราชอันเดียรดาษพื้นพระสุเมรุสิงขร
ชมติมิงคละมัจฉาในสาครฝูงกินนรคนธรรพ์ในบรรพต
แล้วจะพาเจ้าไปยังไกรลาสอันเทวราชกัลยามาพร้อมหมด
จับระบำรำกรอ่อนชดเลี้ยวลดขับร้องบรรเลงลาน
แล้วจะอุ้มไปเล่นอโนดาตอันใสสะอาดที่เทพสรงสนาน
ประกอบเบญจโกสุมปทุมมาลย์ตระการกลิ่นรินรสเรณูนวล
อย่าอาลัยในมนุษย์สมบัติเลยมาไปเชยพิมานทองของสงวน
พลางจุมพิตปรางน้องประครองนวลเย้ายวนหยอกยั่วภิรมยา ฯ
๏ กากีป้องปัดสลัดกรชำเลืองเนตรคมค้อนให้ปักษา
เออไฉนไยอาจอหังการ์มาเอื้อนอรรถวัจนาทุกสิ่งอัน
ไม่เกรงองค์นรินทร์ปิ่นธเรศอันเป็นเกศกรุงไกรมไหศวรรย์
ถึงมานพจบเจนสกาพนันใช่จะหมายมุ่งมั่นให้มามี
เจ้าก็เป็นพระยาครุฑอุดมเดชวิสัยเพศพงศ์ราชปักษี
สถิตสถานพิมานทิพสิมพลีเพราะบารมีอบรมสร้างสมมา
ไยไม่ระวังองค์มาหลงผิดกำเริบจิตลุโลภด้วยโมหา
เสพสมรมเยศกามามิจฉาจารพานกรรมเข้าใส่กาย
ไม่ดีนะจงมีมโนหน่วงประหารห่วงบ่วงเดียวให้ห่างหาย
เจ้าก็เรืองฤทธิเลิศประเสริฐชายจะมุ่งหมายชมทิพพิมานทอง
ล้วนสุรางค์นางสวรรค์อันเนื้อทิพจะยกหยิบที่ไหนก็ได้คล่อง
ซึ่งเมตตาว่าจะพาบินประคองไปเที่ยวท่องชมเชิงพระเมรุธร
ทั้งนทีสีขเรศสัตภัณฑ์ทุกสิ่งสรรพ์แสนสนุกสโมสร
ก็ขอบคำน้ำถ้อยสุนทรวอนน้องไม่อยากจรอย่างเจรจา ฯ
๏ พยาครุฑฟังนุชสารสวัสดิ์ประคองรัดรับขวัญกนิษฐา
เจ้างามคมสมศรีสุนทราทั้งวาจาจัดแจ่มไม่แย้มพราย
พี่ประมาทอาจองเพราะหลงรักด้วยประจักษ์สำคัญที่มั่นหมาย
มิได้คิดแก่ชีวิตจะวางวายจึ่งว่ายฟ้าถาโถมประโลมลาน
ก็ประจักษ์ว่าเป็นอัครนาเรศดั่งดวงเนตรท้าวรักสมัครสมาน
จะเป็นกรรมนำตนให้ทรมานพี่ตริการก่อรื้ออยู่เรรวน
แต่ความรักหนักยิ่งเมรุมาศทั้งดินฟ้าอากาศสักแสนส่วน
จึ่งปลงจิตมิตรภาพไม่แปรปรวนประมวลมอบเสน่ห์ไว้ที่ในน้อง
ถึงนางฟ้าหกชั้นที่สรรค์ทรงจะเปรียบองค์สมรไม่มีสอง
ว่าพลางกางกรเข้าประคองตระกองโอบอุ้มแก้วกากี
ถีบทะยานผ่านขึ้นโพยมหนด้วยฤทธิรณแรงราชปักษี
เฉียวฉิบพริบตาในนาทีก็ข้ามสีทันดรสะดวกดาย
ถึงสิมพลีวันวิมานทองเข้าสู่ห้องวิเชียรรัตน์เรืองฉาย
วางอนงค์ลงบนแท่นพรรณรายก็กลายเพศจากครุฑเป็นเทวัญ
ประดับเครื่องเรืองอร่ามงามทรงดั่งองค์วิษณุรักษ์รังสรรค์
จากเกษียรสาครจรจรัลมาถวัลย์แท่นรัตน์วิเชียรพราย
นั่งแนบแอบองค์ยุพเรศช้อนเกศอุ้มองค์ประโลมโฉมฉาย
จุมพิตปรางน้องตระกองกายกรก่ายแนบสนิทชิดชวน
เลี้ยวลอดสอดกระหวัดสัมผัสต้องเต้ามณฑาทองของสงวน
เชยชื่นรื่นรสรัญจวนชวนป่วนกาเมศไหม้อยู่ไปมา ฯ
๏ ฝ่ายอนงค์กากีศรีสวัสดิ์ร่วมสัมผัสแอบองค์ด้วยปักษา
กำเริบรื่นในรสกรีฑาแต่มายามานะกษัตรีย์
ทำค้อนควักผลักกรแล้ววอนว่าไม่กรุณาน้องเลยนะปักษี
ไปหักหาญรานเสน่ห์เจ้าธานีไม่ทันล่วงราตรีมารีบร้อน
น้องยังไม่สบายวายทุกข์สุดที่จะร่วมสุขสโมสร
จงรารักหนักหน่วงในอาวรณ์ใช่จะจรจากบาทมุลิกา
น้องตกถึงสิมพลีพิมานเมศแรมทุเรศร้างประยูรวงศา
ไกลบรมพรหมทัตภัสดาหมายจะพึ่งบาทาจนวันตาย ฯ
๏ พระยาครุฑฟังนุชเสนาะถ้อยดั่งน้ำพลอยเพชรรัตน์จำรัสฉาย
ถนอมกรรับขวัญแล้วบรรยายเจ้าสายสุดสวาทโฉมประโลมลาน
ซึ่งเรียมพามานิรานิราศรักประยูรศักดิ์นคเรศอันไพศาล
เพราะสวาทนาฏน้องยุพาพาลไม่เกรงการอริราชแลเวรา
ดังได้ดวงมณฑามหาวิเศษของตรีเนตรในดาวดึงสา
อันหอมหวนอวลอบทั้งโลกาจะหน่วงช้ามิให้ชมนั้นสุดใจ
จะสร่างโศกมาเกษมสวาทบ้างอย่าให้ร้างเริดชิดพิสมัย
พลางกระหวัดรัดรวบภิรมย์ในชงฆะไขว้ในเชิงละเลิงลาน
บันดาลพลาหกเทวบุตรก็ผึ่งผุดตั้งทั่วทิศาศาล
โพยมพยับอับอึงอนธการสะท้านถึงเมรุราชสีขรินทร์
สัตภัณฑ์บรรพตก็ไหวหวั่นคงคาลั่นเป็นระลอกกระฉอกสินธุ์
ฝูงมหามัจฉาในวารินก็โดดดิ้นเล่นน้ำลำพองกาย
อันดอกดวงสิมพลีที่ตูมกลัดครั้นฝนซัดเชยแช่มแย้มขยาย
ที่ตูมบานก้านกลีบขจรจายรำพายกลิ่นรื่นรสเสาวคนธ์
แมลงภู่ทิพรีบร่อนมาเอาซาบอาบละอองต้องทั่วทุกขุมขน
สองสุขสองเกษมเปรมสกนธ์สองกมลสองสวาทไม่คลาดกัน
ครุฑลืมลงเล่นอโนดาตวรนาฏลืมมิ่งมไหศวรรย์
ครุฑลืมลงเล่นสัตภัณฑ์สุดาจันทร์ลืมพักตร์พระภัสดา
ครุฑลืมร่อนเล่นโพยมบนนฤมลลืมสนมสนิทหน้า
ครุฑลืมไล่คาบนาคากัลยาลืมเล่นอุทยาน
ครุฑหลงชมทรงสมรชื่นนางหลงรื่นรสทิพปักษาศาล
ครุฑละเลิงหลงเชิงยุพาพาลเยาวมาลย์หลงเล่ห์ประหลาดโลม
ครุฑหลงกลิ่นแก้วขจรรื่นนางหลงชื่นรสทิพอันเฉิดโฉม
ครุฑหลงกระบวนชวนตระโบมนางหลงโสมนัสในสกุณา
ครั้นศศิธรคล้อยเคลื่อนลับดาราดับสิ้นแสงสว่างหล้า
พระพายชายพัดรำเพยพาสกุณาพร้อมเพรียงพิมานทอง
ดุเหว่าทิพที่ประจำสิมพลีก็ร้องมี่ส่งเสียงสำเนียงก้อง
ภานุมาศเร่งราชรถทองผาดผยองเยี่ยมยอดยุคุนธร ฯ
๏ พระยาราชสุบรรณก็พลันตื่นประคองชื่นเล้าโลมโฉมสมร
พี่จะอุ้มยุพาพินบินจรไปชมขุนสิขรชะเลวน
ว่าพลางทางประคองยุพเรศอุ้มประวศบินโดยพระเวหน
ราร่อนให้อ่อนด้วยลมบนพลางเชยชื่นกมลด้วยกลิ่นนาง
ชี้บอกยอดเขาพระเมรุมาศแก้วประหลาดงามดีเป็นสี่อย่าง
แดงเขียวขาวเหลืองเรืองนภางค์เกาะทวีปใหญ่กว้างทั้งสี่ทิศ
ทวีปน้อยสองพันเป็นบริวารสัณฐานดังจอกลอยกระจิหริด
มีพฤกษาใหญ่ล้ำประจำทิศเกิดสถิตแต่ปฐมแผ่นดิน
ชี้ชมเขาแก้วทั้งเจ็ดชั้นมีน้ำคั่นหลั่นลดชลาสินธุ์
หมู่มหามัจฉาแลนาคินทร์อันอยู่ในวารินสีทันดร
สารพัดมีสัตว์จตุบาทคชสีห์สิงหราชแลไกรสร
สิงโตโคกิเลนแลมังกรนรสิงห์กินนรและคนธรรพ์
แล้วชี้บอกรุกชาตินารีผลอันติดต้นเปล่งปลั่งดั่งสาวสวรรค์
แต่ไม่มีวิญญาณ์เจรจากันวิชาธรคนธรรพ์มาเชยชม
ครั้นเจ็ดวันก็อันตรธานไปแล้วบรรดาลเกิดใหม่ได้สู่สม
พลางบอกพลางหยอกสำราญรมย์แล้วพาบินลอยลมมาสิมพลี
สองสนิทพิศวงสวาทจิตชื่นชิดปรีดิ์เปรมเกษมศรี
ไม่แหห่างร้างรักสักนาทีในห้องรัตน์มณีพิมานบน ฯ
๏ ฝ่ายบรมพรหมทัตนฤเบศร์ครั้นหานเหตุเกิดการกุลาหล
ไม่ยลพักตร์กากีนฤมลคิดฉงนฉงายเหงาเปล่าฤทัย
เมื่ออนงค์เนาแท่นไสยาอาสน์หลากประหลาดจรดลไปหนไหน
จึ่งให้ค้นมั่วมณฑิราลัยทั้งนอกในพระปรัศว์เรือนจันทร์
มิได้พบจบสกลวังราชภูวนาถโศกโทมนัสศัลย์
โอ้กากีศรีสุดาลาวัณย์เจ้าผู้ขวัญเมืองมิ่งวิมลมาลย์
สงวนน้องมิให้ต้องธุลีลมยามชมมิให้ช้ำล้วนคำหวาน
ยามต้องค่อยประคองแต่พอพานยามประสานเนตรน้องแต่พอนวล
ยามแนบพี่ถนอมมิให้หนักผจงรักนิ่มน้องครองสงวน
อยู่หลัดหลัดฤๅมาซัดให้เรียมครวญโอ้ว่านวลหน่ายแหนงไปแห่งใด
พระถวิลหวั่นใจให้เทวษอัสสุชลนองเนตรพิลาปไหล
พระลืมองค์หลงทัศนาในเห็นเงาไหวคล้านเคลิ้มว่ากากี
ยุรยาตรจากอาสน์โองการตรัสศรีสวัสดิ์ไยหมางระคางพี่
แล้วง่าหัตถ์รับขวัญไปทันทีไม่ยลศรีสุดาลักษณ์แล้วโศกา
เสด็จยังที่นั่งเย็นไม่เห็นหายผ่อนระบายอัดอั้นในนาสา
สะท้อนฤทัยถวิลแล้วลินลาชำเลืองหารอบริมภูเขายล
ที่เคยสรงสนานในอ่างแก้วอันทดแถวน้ำกระจายเป็นสายฝน
ที่เคยเล่นมิได้เห็นนฤมลฤๅเจ้าดลแดนสระปทุมมาลย์
พระเสด็จเลี้ยวชลาไปท่าสระมิได้ปะนิ่มอนงค์ยิ่งสงสาร
พระเยี่ยมยลแต่อุบลแบ่งบานโอ้ว่ากานดาดวงไปแห่งใด
แล้วเสด็จเกยแก้วกุญชรินยุพาพินมาประพาสฤๅไฉน
ไม่สบสมรแล้วก็จรจรัลไคลสู่ไพชยนต์รัตนเรืองพราย
เอนองค์ลงกับอาสน์อิงเขนยกรเกยพระนลาฏแล้วใจหาย
ชลเนตรคลอเนตรลงพร่างพรายโอ้สายสวาทร้างอุราทวา
นิเวศน์วังตั้งเที่ยวตลบจบมิได้พบนิ่มน้องสนองหน้า
ฤๅอิศเรศประเวศทรงอุสุภาลักสุดาเหินเหาะไปหิมพานต์
ฤาจักรกฤษณ์ฤทธิรงณ์ทรงครุฑมาลักนุชพี่ไปร่วมภิรมย์สมาน
ฤๅธาดาทรงมหาหงส์ทะยานลักสมรไปสมานพิมานพรหม
ฤๅอินทร์องค์ทรงพระยาไอยเรศลักดวงเนตรพี่ไปดาวดึงส์สม
ฤๅสุริยงทรงรถอันลอยลมมาลอบชมกลิ่นแก้วแล้วพาจร
ฤๅพระเพลิงฤทธิรงค์ทรงแรดมาเวียนแวดพาน้องไปสมสมร
ฤๅพระพายชายทรงอัศดรมาอุ้มบังอรแอบอุราไป
ฤๅครุฑาวาสุกรีวิทเยศมาโลมลวงดวงเนตรไปฤๅไฉน
เสียดายเอ๋ยมิได้เคยระคายใจเวรใดจึ่งคลาดที่เคล้าคลึง
จะหาทรงสุดวงศ์กษัตริย์สิ้นจะหากลิ่นสามภพไม่หอมถึง
พระสะอื้นรัญจวนครวญตะนึงถึงเมื่อราเมศร้างแรมสีดา
ยังได้ข่าวทศพักตร์มันลักนุชข้ามสมุทรไปนครของยักษา
พระหริวงศ์กับองค์อนุชาได้โยธาพานรินทร์ก็รีบตาม
จองถนนยกพลพยุหทัพไปตั้งรับชิงชัยในสนาม
ล้างอสูรแหลกลงในสงครามได้นงรามคืนยังอยุธยา
ปางพระไทรโอบอุ้มอนิรุธไปสมสุดสวาทสร้อยศรีอุษา
แล้วพาพรากจากรักภิรมยาให้สองรานิราศร้างกันกลางคัน
ยังมีนางศุภลักษณ์เที่ยววาดทรงประสบองค์อนิรุธรังสรรค์
แล้วพาเหาะสมอุษาวิลาวัณย์สองกระสันแสนสุขสถาพร
ปางพระสมุทรโฆษชำนาญศิลป์บำเรอพินทุมดีศรีสมร
แสนวิโยคโศกข้ามชโลธรขี่ขอนคลื่นซัดให้พลัดกัน
อันแสนยากปิ้มปานไม่พานพบก็ยังสบร่วมรสภิรมย์ขวัญ
คืนสถานผ่านภพโรมคัลถวัลยราชย์สืบวงศ์ประเวณี
ปางสุธนแรมร้างมโนหเรศนางประเวศไกรลาศคิรีศรี
ก็ตามติดมิได้คิดแก่ชีวีข้ามนทีกรดยากลำบากกาย
ทั้งแสนเขาป่าคั่นอรัญเวศทางทุเรศไปได้เหมือนใจหมาย
ถึงไกรลาสสมน้องประคองกายแล้วพาผายสู่อุดรปัญจา
ปางท้าวธตรฐมหาหงส์จากอนงค์เหมราชปักษา
ไปในห้องเขมะสระปทุมาต้องติดบ่วงพรานป่าอยู่รึงรัง
กับสุมุขเสนาพระยาหงส์ดั่งชีวิตจะปลิดปลงในกรงขัง
พเนจรคอนถึงนิเวศน์วังแล้วกลับหลังยังถ้ำคูหาทอง
ชมคณานางหงส์ทั้งหกหมื่นสำราญรื่นเปรมปรีดิ์ไม่มีสอง
บรรดาจากพรากคู่ยังคืนครองแต่นิ่มน้องจรดลไปหนใด
ถึงจะข้ามหิมวาสาคเรศประจักษ์เหตุแล้วจะตามไปจงได้
นี่สุดจิตสุดคิดก็สุดใจสุดอาลัยก็สลบลงแดยัน ฯ
๏ ฝ่ายนางพระสนมสนิทเฝ้าก็สร้อยเศร้ากำสรดกำสรวลศัลย์
บ้างสองกรข้อนอุราเข้าจาบัลย์โอ้พระขวัญเมืองมิ่งวิมลมาลย์
เคยเย็นเกล้านารินเป็นปิ่นปักพระปลงรักมิได้ร้างห่างสมาน
ไยสมรจึ่งมาจรให้แดดาลจนท้าวลาญชีพล่วงชีวาลัย
แม่สถิตปรางค์ทองไม่ต้องลมกรรมนิยมจรดลไปหนไหน
ฤๅเคืองขัดในภูวนัตตรัยก็ควรไขข้อแจ้งกิจจาขจาย
อยู่ดีดีต่อมีมหัศจรรย์พอเหตุนั้นเหือดห่างนางก็หาย
ครั้งจะคิดเบาความว่าตามชายก็สุดหมายที่จะมุ่งประมาณการ
ร่ำพลางทางเชิญสุคันธรสทั้งโอสถชโลมองค์สรงสนาน
บางอนงค์นวดฟั้นอยู่งานนฤบาลค่อยได้ฤทัยคืน
ลืมเนตรเห็นสนมสนิทแน่นยิ่งโศกแสนโศกีไม่มีชื่น
พระจากอาสน์ฝืนองค์ดำรงยืนก็ออกพื้นพระโรงรัตน์วัจนา
เล่ายุบลคนธรรพ์ว่านางหายเฉาฉงายไป่แจ้งที่แห่งหา
ไฉนนายจะได้สายสมรมาเจ้าปรีชาช่วยผดุงจรุงความ ฯ
๏ คนธรรพ์อภิวันท์ถวิลหวาดเชิงฉลาดชำนาญชาญสนาม
ทูลสนองให้ต้องสำเนาความซึ่งนงรามนิราศแรมนรินทร์
เมื่อพระองค์ทรงสกากับมานพข้าเบือนพักตร์พอพบก็ดาลถวิล
เห็นตาชายต่อตายุพาพินข้าคิดกินใจช้ำระกำแทน
พอเกิดการโกลาในอากาศเห็นสมมาดนางหายข้าหมายแม่น
ชะรอยครุฑเป็นมนุษย์มาในแดนลักแสนสุดสวาทของท้าวไป
จะอาสาธิบดินทร์ปิ่นธเรศฟังรหัสแห่งเหตุที่สงสัย
อีกเจ็ดวันเห็นสุบรรณจะคลาไคลมาโรงชัยข้าจะดูให้รู้กล
แม้นประหลาดก็จะล่วงครรไลตามไม่เข็ดขามจะเข้าแทรกในขุมขน
ให้ถึงสถานพานพักตร์นฤมลจะแก้กลปักษีให้ส่งนาง
ท้าวสดับคนธรรพ์เสนาะถ้อยที่โศกสร้อยหฤทัยค่อยใสสว่าง
กลับยังบัลลังก์รัตน์คะนึงนางมิได้ว่างวายเว้นทิวาวัน
๏ ฝ่ายพระยาครุฑราชฤทธิรอนเชยสมรสสมานภิรมย์ขวัญ
ในห้องทิพพิมานสำราญครันต่างกระสันแสนสวาทไม่คลาดคลาย
ถึงกำหนดเจ็ดวันจะทรงสกาสุบรรณานิ่งนึกแล้วใจหาย
มิไปเล่นเห็นท้าวจะเคืองระคายดำริแล้วอภิปรายประโลมนาง
เจ้าดวงมณฑาทองทิพมาศแสนสวาทพี่มิใคร่จะไกลข้าง
เมื่อพี่ไปทรงสกาแล้วพานางเห็นจะหมายมุ่งเรียมทั้งบุริน
รุ่งพรุ่งนี้พี่จะลาพะงางามไปตัดความสงสัยเสียให้สิ้น
เจ้าอยู่ไพยนต์รัตนมณีนิลบ่ายแสงทินกรจะจรมา ฯ
๏ กากีได้สดับคดีสั่งให้แค้นคั่งคำราชปักษา
ดั่งเพลิงพิษติดรุมอุรภาชลนาคลอเนตรละลุ่มลง
จึ่งวอนว่าข้าแต่สุบรรณราชเจ้าว่าแสนพิศวาสให้น้องหลง
สู้บ่ายบากจากตระกูลประยูรวงศ์อีกทั้งองค์พรหมทัตภัสดา
ก็มุ่งหมายว่าจะวายชีวาด้วยจึ่งเอออวยร่วมรสเสน่หา
ไม่ทันไรจันิราศให้อาทวาอนิจจาใจจางมาหมางใจ
ข้ารู้เชิงอยู่ว่ามีที่เชยชื่นอย่าแสร้งอำนำอื่นมาแก้ไข
ถ้าหน่ายแหนงแล้วจงแจ้งแต่จริงไปใช่จะหน่วงเสน่ห์ไว้เมื่อไรมี ฯ
๏ พระยาครุฑฟังนุชแล้วแย้มสรวลไฉนนวลมาพิโรธรำพันพี่
ใคร่เล่าแจ้งฤๅเจ้าแคลงกมลมีฤๅใส่สีพอให้สมอารมณ์ปอง
เจ้าเนื้อหอมเป็นจอมจรรโลงหญิงเห็นสุดสิ่งที่จะเปรียบเสมอสอง
ว่าพลางเชยคางเคียงประคองประจงต้องเต่งเต้าปทุมมาลย์
เจ้าอย่าหมองใจหมางระคางสวาทจำนิราศไปกรุงไกรไพศาล
ดับกระหายบังวายที่อัประมาณเพราะถึงกาลกำหนดเป็นสัญญา
แม้นมิไปไหนเลยจะพ้นพักตร์เสียดายศักดิ์เขาจะแสร้งมารษา
ไม่ถึงวันก็จะพลันนิวัติมายุพาพานจงสำราญวิมานทอง
๏ กากีฟังครุฑเห็นสุดห้ามประจักษ์ความบรรยายก็หายหมอง
ชุลรกรวอนร่ำเป็นทำนองจะจากห้องให้น้องเอกากาย
ฤๅษีสิทธิ์วิทยาวิชาธรย่อมฤทธิรอนเหาะเหินได้มากหลาย
ถ้ารู้ความก็จะหยามหยาบระคายหญิงฤๅจะสู้ชายเห็นสุดที
แต่เสียหนึ่งได้สองก็ต้องห้ามถ้าซ้ำสามปฏิพัทธ์โอ้บัดสี
จงตริการอย่าให้พานราคีมีเหมือนช่วยชีวิตน้องให้นานวัน
๏ พระยาราชเวนไตรได้สดับถนอมรับกรน้องประคองขวัญ
เจ้างามงอนช่างฉะอ้อนรำพันครันอย่าครั่นคร้ามอริราชจะแผ้วพาน
จะร่ายมนต์ผูกทวารวิมานไว้ถึงผู้ใดจะเข้าผลักหักประหาร
ไม่อาจทำลายเวทวิเศษชาญเยาวมาลย์แม่อย่าหมองกมลใน
แต่เวียนปลอบเวียนสั่งสังวาสน้องจนแสงทองเรืองรางสว่างไข
ประโลมเล้ากานดาแล้วคลาไคลออกจากไพชยนต์รัตน์เรืองสุวรรณ
ก็โอมอ่านมนตรามหาเวทอันวิเศษผูกบานทวารมั่น
แล้วบินโบยโดยฤทธิแรงสุบรรณไม่ทันพริบตาถึงธานี
ลงสู่รุกขนิโครธก็แปลงเพศเป็นมานพเยาวเรศเฉลิมศรี
เข้าสู่พระโรงธารธเรศตรีนฤบดีทัศนาเห็นมานพ
จึ่งเอื้อนโองการตรัสวัจนาดูราเจ้าผู้ชำนาญในการจบ
ข้าคอยนายจนสายสว่างภพคิดว่าสบธุระร้อนไม่จรมา ฯ
๏ ครุฑฟังทรงธรรม์ก็หวั่นหวาดเชิงฉลาดทำฝืนให้ชื่นหน้า
สนองสารซึ่งข้านานเวลามาเพราะวิญญาณ์ไม่สบายข้างภายใน
พรหมทัตฟังอรรถสุบรรณบอกดั่งเสี้ยนยอกเสียบทรวงยิ่งสงสัย
พระแสร้งชื่นฝืนพักตร์ประภาษไปตรัสให้ยกสกานั้นมาทรง
ต่างทอดต่างเดินไม่เพลินจิตต่างคิดต่างคะนึงตะลึงหลง
จนบ่ายชายแสงพระสุริยงครุฑพะวงพิศวาสถึงกากี
ก็อำลานรินทรจรจรัลฝ่ายคนธรรพ์แจ้งใจในปักษี
ด้อมสะกดโดยบทสกุณีครันถึงที่พระไทรก็แปลงตน
ส่วนมานพกลับกลายเป็นสุบรรณคนธรรพ์เป็นไรเข้าในขน
ถาบถาราร่อนโพยมบนก็ลุดลสิมพลีพิมานทอง
ร่ายมนต์แก้บานทวารไขสำราญจิตครรไลเข้าในห้อง
นั่งแนบแอบเนื้อนวลละอองเชยน้องต้องเต้ามณฑาธาร ฯ
๏ ฝ่ายคนธรรพ์เป็นไรเข้าเร้นซ่อนที่บัญชรพิมานชัยไพศาล
ส่วนครุฑแนบนุชนงพาลสองสนานร่วมรสฤดีทวี
เปรียบดั่งองค์ปโรตเทวัญเมื่อฤดูวสันต์เกษมศรี
เมขลาชูช่วงดวงมณีอสุรีรามสูรก็โกรธา
ถือขวานเหาะทะยานขยิกไล่เวียนระไวในจังหวัดพระเวหา
นางแบแก้วแวววับให้จับตาอสุราขว้างขวานไปราญรอน
เมขลาล่อแก้วอสุรินทร์ไม่สุดสิ้นที่จะร่วมสโมสร
เกิดสำหรับกัปกัลป์นิรันดรเหมือนสมรสมานสุขสกุณินทร์
ครั้นอรุณเรื่อรางสว่างภพจบจักรวาไลแลไพรสินธุ์
ครุฑตะโบมโลมลายุพาพินพี่จะบินไปเที่ยวพระหิมพานต์
จงเนาในแท่งทองอย่างหมองพักตร์ไม่ช้านักจะกลับมาสู่สถาน
สั่งสมรแล้วก็จรจากพิมานร่ายเวทผูกทวารแล้วบินไป ฯ
๏ คนธรรพ์ครั้นครุฑจรดลก็กลับตนตามเพศวิสัย
เข้านั่งริมแท่นรัตนามัยประจงใจดูเล่ห์กัลยา
กากีเหลือบเหลียวเห็นคนธรรพ์ก็หวาดจิตอัศจรรย์เป็นหนักหนา
เออไฉนไยนาฏกุเวรมานางประหม่าพักตร์เผือดแล้วพาที
ว่าดูราคนธรรพ์พี่เลี้ยงท้าวแดนด้าวทางทุเรศนทีศรี
เหตุไฉนไยแจ้งแห่งคดีจึงมาดลสิมพลีพิมานชัย
อันบรมพรหมทัตปิ่นธเรศเมื่อเกิดเหตุข้าหายนั้นเป็นไฉน
ยังทุกข์โทมนัสถึงคะนึงในฤๅอาลัยลืมละไม่นำพา
๏ คนธรรพ์ครั้นสดับคดีถามดำริความเชิงชาญด้วยโวหาร์
นางหลงเล่ห์เมถุนสกุณาจะร่ำเรื่องภัสดาก็ป่วยความ
ประเวณีสตรีได้เตร่จิตจำจะคิดเหมือนเอาเสี้ยนมาบ่งหนาม
จะเย้ายั่วให้มัวในกลกามปิดความอันตรายแห่งเวนไตย
ตริแล้วจึงสนองวรนาฏอันจอมราชสามีที่พิสมัย
ครั้นนางหายแล้วก็หน่ายอาลัยใจแต่พี่ไซร้สวาทเจ้าทุกเพลางาย
ด้วยเป็นศรีพระนครขจรเดชมาทุเรศแรมไกลน่าใจหาย
ครั้นทราบข่าวผ่าวร้อนดั่งเพลิงพรายว่าครุฑพาสายสวาทมาสิมพลี
มิได้คิดแก่ชีวิตจะวายชนม์กำบังตนซ่อนราชปักษี
จึ่งยลพัตร์อัคเรศสุดาดีพี่ก็มีโสมนัสเสน่ห์น้อง
นิจจาเอ๋ยถึงเสวยสุขสวรรค์ผิวพรรณเคยนวลฤๅควรหมอง
ว่าพลางทางประโลมเลียมลองดูทำนองในเชิงพนิดา ฯ
๏ นางสลัดปัดกรแล้วค้อนคมแต่อารมณ์ปฏิพัทธประหวัดหา
แสร้งเสด้วยเล่ห์มายาอนิจจานี่ฤๅว่าปรานี
ได้พบพักตร์เหมือนพี่บังเกิดเกล้าที่ใจเศร้าค่อยสร่างกันแสงศรี
ควรฤๅมาให้ช้ำระกำทวีนี่เห็นดีแก่ใจอย่างไรนา
อนิจจาเห็นว่าข้าอยู่เดียวมาโลมเลี้ยวลอบชิดด้วยอิจฉา
เป็นน่าแค้นแสนเวทนาตาจะใคร่ว่าเสียให้สมอารมณ์พาล ฯ
๏ คนธรรพ์รับขวัญแล้วจุมพิตกรสะกิดเลี้ยวลอดสอดประสาน
เคล้าเคล้นเล่นดวงปทุมาลย์ยุพาพานแม่อย่าหมองกมลใน
ซึ่งโทษผิดชิดโฉมประโลมเล้าด้วยร้อนเร่าสวาทหวังไม่ยั้งได้
อย่าถือความจงประณามประนอมใจพี่จะไว้ชีพด้วยพนิดา
ว่าพลางทางประจงปลงจิตเนื้อสนิทแนบกันกระสันหา
สองชื่นรื่นรสภิรมยาดั่งราหูจู่จับพระจันทร
อ้าโอษฐ์โกรธเกรี้ยวกระหยับย้ำกรกำเรือนรถจะสังหร
แสงจันอับชอ่ำในอัมพรด้วยกำลังฤทธิรอนอสุรินทร์
พสุธาอากาศก็อับแสงไม่แจ่มแจ้งแหล่งหล้าวนาสินธุ์
ประจักษ์จันทร์อุปราทั้งแดนดินก็อึงอินทเภรีระดมปืน
ฆ้องระฆังกังสดาลประสานเสียงสำเนียงโห่ลั่นหล้าไม่ฝ่าฝืน
ประเวณีคลี่คลายขยายคืนก็แช่มชื่นเด่นดวงศศิธร
สองสุขสองสมภิรมย์รสยังไม่หมดสุขสโมสร
คนธรรพ์ครั้นบ่ายรวีวรสั่งสมรแล้วก็จรเข้าซ่อนกาย
๏ ฝ่ายครุฑเที่ยวเล่นในหิมวันต์สุริยาสายัณห์ก็ผันผาย
สู่สถานวิมานรัตน์พรรณรายก็ร่ายเวทเปิดทวารเข้าไพชยนต์
นั่งแนบแอบแก้วกานดาดวงแล้วยื่นพวงอัมพาผลาผล
กินเล่นให้สำราญบานกมลพลางยิ้มแย้มแกมกลให้ยั่วยวน
ร่วมภิรมย์สมสมัครดั่งใจปองระเริงริกซิกสองเกษมสรวล
ปักษีมิได้หมางระคางนวลเชยชวนชื่นชิดสนิทนาง
กากีสมปองเป็นสองชื่นกลางคืนครุฑแอบอยู่แนบข้าง
ทิวาวันคนธรรพ์เข้าแนบนางต่างรสสดชื่นให้โอชา ฯ
๏ ครั้นสร่างแสงสุริโยวโรภาสอากาศแจ่มแจ้งในแหล่งหล้า
พระยาครุฑสั่งนุชนงพะงากำหนดเล่นสกาในกรุงไกร
พี่จะลาสายสมรจรจรัลสายัณห์ก็จะมาอย่าหม่นไหม้
เสร็จสั่งออกยังพิมานชัยวิสัยรูปกลายกลับเป็นสุบรรณ
คนธรรพ์เป็นไรเข้าในขนครุฑผูกด้วยมนต์ทวารมั่น
บินทะยานผ่านข้ามสัตภัณฑ์ก็บรรลุสำนักนิโครธา
แปรเป็นมนุษย์อุดมเดชคนธรรพ์กลับเพศเป็นยักษา
ต่างแยกจรจรัลมรรคาเข้ามหานิเวศน์แก้วปราการ
มานพถึงท้องพระโรงรัตน์กรุงกษัตริย์ทัศนาแล้วบรรหาร
พระดำรงทรงสกากับชายชาญแต่วิญญาณยวนคิดวนิดา ฯ
๏ คนธรรพ์ครั้นถึงชุลีกรนรินทรยิ้มละไมอยู่ในหน้า
จะตรัสถามก็เป็นความในอุราแต่ชำเลืองนัยนาดูคนธรรพ์
คนธรรพ์รับเนตรภูวนาถมิอาจเสนอในสนามด้วยความขัน
แต่บุ้ยบอกให้พระองค์ผู้ทรงธรรม์ว่าชายนั้นคือสุบรรณมาลักนาง
หมู่เสวกามาตย์ฉลาดคิดต่างวินิจนิ่งนึกอางขนาง
เขม้นหมายมานพไม่เว้นวางพลางจะฟังระหัสเหตุแห่งคนธรรพ์ ฯ
๏ ฝ่ายอนงค์กากีศรีสมรครันครุฑจรจากห้องพิมานสวรรค์
ไม่ยลพักตร์ชู้นางที่กลางวันให้กระสันราคร้อนอารมณ์นาง
อนิจจาโอ้ว่าพี่คนธรรพไปลี้ลับอยู่ไหนทำใจหมาง
เจ้าเคยแอบแนบน้องประคองปรางไยมาห่างหายเนตรอนาถใจ
แรกรักรู้รสมาปลดสวาทแรมนิราศไปนิเวศน์ฤๅไฉน
ฤๅบังกายซ่อนน้องจะลองใจฤๅหมองไหม้ไม่สมัครสมรการ
มาเถิดน้องจะถนอมกล่อมจิตจะผ่อนผิดผันหาเกษมศานต์
นางร่ำหาในห้องทิพพิมานไม่พบพานก็พิลาปละเวงใจ ฯ
๏ ฝ่ายพระยามานพทรงสกาสุริยาเย็นลับเหลี่ยมไศล
ถวิลถึงสุดาเดียวเปลี่ยวใจก็ลาไทธิบดินทร์ลินลามา
ถึงต้นไทรกลายเพศเป็นครุฑราชเผ่นผงาดระเห็จห้องพระเวหา
ถึงสถานลานโลมวนิดาโดยผาสุกภาพประเพณี ฯ
๏ ฝ่ายบรมพรหมทัตภูวเรศครั้นมานพประเวศจากกรุงศรี
จึ่งเอื้อนอรรถสุนทรวาทีโดยพระมีมาโนชเปรมปรา
อ้าดูระพี่เลี้ยงเสมอชีพท่านเร็วรีบสืบเสาะแสวงหา
ยังสบสายสุดสวาทของอาตมาเนานิวานิวาทสถานใด
คนธรรพ์อภิวันสนองถ้อยข้าโดยรอยมานพถึงป่าใหญ่
แปรสกนธ์เป็นครุฑวุฒิไกรข้าเป็นไรแทรกขนสุบรรณบิน
เร็วรีบยิ่งมหาวายุพัดกวัดกวัดปีกข้ามชลาสินธุ์
ทางทุเรศเขตเขาสิขรินทร์ก็เต็มบินสู่สิมพลีวัน
ประสบนางในปรางค์พิมานมาศแสนสวาทครุฑครองประคองขวัญ
เสวยทิพสถานสำราญครันจะรำพันพ้นสุขศวรรยา ฯ
๏ พรหมทัตแจ้งอรรถคนธรรพ์ทูลบดินทร์สูรแสนโสมนัสสา
ดั่งได้แก้วจักรพรรดิมาทัศนาเป็นมหามิ่งมิตรมงคลเมือง
จึ่งดำรัสประภาษนาฏกุเวรเจ้าผู้เจนจงแสดงให้สิ้นเรื่อง
นางนิราศโภไคยได้ขุ่นเคืองฤๅปลดเปลื้องธุระรักในฝ่ายเรา
ฤๅเพลิดเพลินจำเริญสมบัติครุฑอันสูงสุดถึงเมรุขุนเขา
ได้พบพานประมาณจิตยุพเยาว์จะนิ่งเนาฤๅจะกลับบุรีรมย์ ฯ
คนธรรพ์หวั่นจิตจำสนองอันพระน้องร้างท้าวภิรมย์สม
ไปสู่สิมพลีวันอันอุดมเห็นนิยมสมบัติสกุณา
ข้าพบพักตร์แต่จะทักก็ทั้งยากจะบ่ายบากเฉยเชือนไม่เบือนหน้า
จนจิตที่จะคิดให้คืนมากิริยาดั่งจะบอกยุบลครุฑ
ข้าพรั่นตัวกลัวจะวายทำลายชนม์ทั้งเกรงบาทยุคลเป็นที่สุด
จึ่งจำล้างในทางเสน่ห์นุชหวังจะแก้แค้นครุฑให้ส่งนาง
แกล้งประโลมลองใจอยู่ในทีก็เร็วรี่ปฏิพันธ์ไม่ขัดขวาง
จึงได้สบสมสนองทำนองนางโทษข้าถึงล้างทำลายปราณ ฯ
๏ พรหมทัตฟังอรรถแสดงสดับหทัยวับเพียงเพลิงเถกิงพลาญ
เปรียบดังวาสุกรีไกรชัยชาญใครประหารขนดหางให้โกรธา
ด้วยอาลัยในสุดาดวงสวาทไปร่วมราชปักษีแล้วมิสา
ยังซ้ำคนธรรพ์อันธพาล์เสียแรงว่าจงใจให้ไปตาม
ควรฤๅตนธรรพ์ประทุษจิตทำลายมิตรให้กลิ้งกลางสนาม
เราไซร้ก็มิใช่ชายทรามมาทำความบังเหตุให้อัประมาณ
ครั้นจะล้างเสียให้วางชีวิตม้วยก็เกรงด้วยครหาจะว่าขาน
เมื่อหญิงร้ายชายโหดสันดาลพาลไม่ต้องการที่จะก่อเวราไป
ดำริพลางทางตรัสแก่คนธรรพเราอาภัพเสียมิตรที่พิสมัย
ซึ่งท่านทำความชอบเราขอบใจเหมือนนกไร้ไม้โหดก็ตามที
เราเสียดวงสมรไปได้อัปยศจะหย่อนยศทั่วทิศทั้งสี่
ทำไฉนจึ่งจะได้กากีคืนบุรีให้เรืองเดชาชาญ
นาฏกุเวรอภิวาทบาทมูลอย่าอาดูรพระทัยจงใสศานต์
จะแก้กลเวนไตยให้อัประมาณหมางสมานในสมรให้รอนรัก
ให้มาส่งคงคืนยังนิเวศน์เรืองพระเดชเฟื่องฟ้าอาณาจักร
จะขับอ้างแต่ปางไปลอบลักจนข้าร้างห่างรักมาบุริน
เห็นครุฑก็จะอายเสียดายยศจะปลิดปลดสังวาสสวาทสิ้น
ท่วงทีก็จะส่งองค์ยุพินองค์นรินทรราชอย่าร้อนใจ ฯ
๏ ท้าวสดับพี่เลี้ยงฉลองฉลาดเห็นสมมาดแก้กลปักษีได้
พระราชทานบำเหน็จอนงค์ในทั้งศฤงคารโภไคยให้คนธรรพ์
ครั้นรุ่งกรุงกษัตริย์สรงสนานประดับองค์อลงการทรงพระขรรค์
ออกพระโรงวินิจฉัยพรายพรรณเสนานั่งคั่งครันดาษดา ฯ
๏ ฝ่ายครุฑครั้นครบสัตตวารก็สั่งสารวรนุชเสน่หา
แล้วบินโบยโดยแดนทิฆัมพราดลพระไทรสาขาก็แปลงกาย
เป็นมานพเข้าสู่นิเวศน์วังขึ้นยังพระโรงรัตน์เรืองฉาย
กรุงกษัตริย์เอื้อนอรรถอภิปรายเชิญนายผู้ชำนาญชาญสกา
ราชากับพระยามานพเล่นจำเป็นจำแสร้งเป็นสุขา
แสนระกำช้ำจิตดั่งพิษยาด้วยสองรารักร่วมฤดีดาล ฯ
๏ คนธรรพ์ครั้นเห็นกรุงกษัตริย์แจ้งรหัสให้เนตรดั่งบรรหาร
น้อมศิโรตม์รับรสพจมานจับพิณดีดประสานสำเนียงครวญ
แกล้งประดิษฐ์คิดขับเป็นกาพย์กลอนกระแสเสียงลอยร่อนโหยหวน
โอ้พระพายชายกลิ่นมารัญจวนหอมหวนนาสาเหมือนกากี
รื่นรื่นชื่นจิตพี่จำได้เหมือนเมื่อไปร่วมภิรมย์ประสมศรี
ในสถานพิมานสิมพลีกลิ่นยังซาบทรวงพี่ทั้งวรกาย
นิจจาเอ๋ยจากเชยมาเจ็ดวันกลิ่นสุคันธรสรื่นก็เหือดหาย
ฤๅว่าใครแนบน้องประคองกายกลิ่นสายสวาทซาบอุรามา ฯ
๏ พระยาราชเวนไตยได้สดับสำเนียงขับกล่าวกลิ่นกนิษฐา
ประหลาดจิตพิศดูคนธรรพาจินตนานิ่งนึกคนึงใน
เออไฉนไอ้นี่จึ่งกล่าวกลอนถึงกลิ่นแก้วดวงสมรมาเสียดใส่
ฉุนโกรธแล้วระงับดับไว้จะฟังไปให้รู้ในเรื่องความ ฯ
๏ นาฏกุเวรเจนแจ้งในทีโกรธจึ่งเอื้อนโอษฐ์คำขับขยับขยาม
โอ้ว่าแก้วกานดาพะงางามยามนี้เจ้าจะนิ่งอนาถองค์
ถ้าพี่อยู่จะได้ชูประคองชื่นสำราญรื่นร่วมมิตรพิศวง
เสียดายจากพรากเนื้อนวลผจงคิดจะใคร่คืนคงยังสิมพลี ฯ
๏ ครุฑฟังยิ่งคั่งฤทัยแค้นดั่งหนึ่งแสนอัคนิรุทรมาจุดจี้
เสแสร้งสุนทราวาทีว่าดูก่อนเสนีเสนาะพิณ
อนึ่งนายก็เป็นชายแต่เดินดินไฉนรู้เสร็จสิ้นในสิมพลี
เราแจ้งทางทุเรศเขตอรัญสัตตภัณฑ์คั่นสมุทรใสสี
แม้นจะขว้างแววหางมยุรีก็จมลงถึงที่แผ่นดินดาล
ด้วยน้ำนั้นสุขุมละเอียดอ่อนจึ่งชื่อสีทันดรอันไพศาล
ประกอบหมู่มัจฉากุมภาพาลคชสารเงือกน้ำแลนาคินทร์
ผู้ใดข้ามนทีสีทันดรก็ม้วยมรณ์เป็นเหยื่อแก่สัตว์สิ้น
แสนมหาพระยาครุฑยังเต็มบินจึ่งล่วงสินธุถึงพิมานทอง
นี่แนะนายไปได้ไฉนเล่าฤๅโดยเดาว่าเล่นพอเห็นคล่อง
ฤๅเหาะเหินเดินได้ดั่งใจปองจึงไปเห็นห้องพิมานชัย
ฤๅประกอบกายสิทธิ์ฤทธิเวทวิเศษด้วยมนตราเป็นไฉน
เราก็หวังอยู่ด้วยยังไม่เคยไปคิดจะใคร่ศึกษาเป็นอาจารย์ ฯ
๏ คนธรรพ์ครั้นฟังก็แย้มสรวลแสร้งสำรวลเยาะเย้ยเฉลยสาร
อันเวทมนต์ฤทธิไกรไม่เชี่ยวชาญแต่จิตหาญแทรกขนสุบรรณจร
พระยาครุฑครองชู้เป็นชายเฉามาพาเราผู้ชู้ไปสู่สมร
ราตรีปักษีเข้าแนบนอนทิวากรเราแนบประจำนาง
ต่างชู้ต่างชื่นทุกคืนวันแต่สุบรรณงมจิตไม่คิดหมาง
เป็นสัจจังดั่งพร้องไม่อำพรางข้าระคางกลัวเกลือกจะมีครรภ์
ว่าพลางขับครวญกระบวนพิณโอ้กลิ่นกากีพี่หมายมั่น
เสียดายพักตร์รับพักตร์พี่เมียงมันเสียดายกรรณรับรสพจนา
เสียดายขนงก่งพักตร์เมื่อยักยวนเสียดายเนตรนำชวนเสน่หา
เสียดายปรางช่างเบือนกระบวนมาให้นาสาสูบรสรัญจวนใจ
เสียดายโอษฐ์อ่อนคำให้กำหนัดเสียดายกรกอดรัดกระหวัดไหว
เสียดายเต้าเคล้าชื่นอุราในเสียดายใจน้ำใจทุกสิ่งอัน
นิจจาเอ๋ยชวดเชยเพราะสองชู้ถ้าคงคู่ก็ไม่ร้างภิรมย์ขวัญ
เวทนาด้วยพระยาสุบรรณครันขับแล้วอภิวันท์กษัตรา ฯ
๏ พระยาครุฑได้สดับมันขับอ้างจึ่งกระจ่างแจ้งข้อไม่กังขา
สลดจิตเสียคิดเสียสุดาดั่งต้องจักราบรรลัยลาญ
สะท้อนถอนหฤทัยอยู่ในอกแสนวิตกตัดรอนสมรสมาน
ประดุจดั่งจอมจักรมัฆวานเมื่อกรุงพาณลอบโลมสุจิตรา
พระเสียเดชเพราะทะนงด้วยองอาจพระเสียสวาทเพราะห่างเสน่หา
พระเสียมนต์เพราะกลอสุราสุจิตราจึงพรากไปจากกัน
เราเสียแก้วกากีศรีสวาทเพราะประมาทไม่ถนอมเป็นจอมขวัญ
เสียฤทธิ์เพราะไม่คิดจะป้องกันคนธรรพ์มันจึ่งแทรกเข้าซ้อนกล
ครั้งนี้เสียรักก็ได้รู้ถึงเสียชู้ก็ได้เชาวน์ที่เฉาฉงน
เป็นชายหมิ่นชายต้องอายคนจำจนจำพรากอาลัยลาญ
ตริแล้วพาทีแก่คนธรรพท่านช่างขับเฉื่อยฉ่ำล้วนคำหวาน
เสาวพากย์กล่าวเกลี้ยงกลอนการชำนาญนักเรานับว่าเป็นชาย ฯ
๏ ว่าพลางทางลาบรมนาถลีลาศจรจรัลผันผาย
ถึงพระไทรสำนักก็แปลงกายเป็นสุบรรณบินว่ายโพยมมาน
ลุสิมพลีวันก็ร่ายเวทเบิกบานทวาเรศมุกดาหาร
ขึ้นนั่งเหนือแท่นรัตน์ชัชวาลจึ่งกล่าวรสพจมานแก่กากี
ว่าดูรายุพราชประหลาดโฉมเราประโลมเจ้าจากพาราณสี
มาเนาในพิมานรัตน์สวัสดีได้สิบสี่ราตรีทิวากาล
นุชแจ้งจริงคำอย่าอำไว้ยังมีใครมาสถิตถึงสถาน
กากีฟังคดีตระดกดาลเยาวมาลย์กล่าวแก้พิรากล
แต่พระพามาชมสมบัติทิพอันลอยลิบลิ่วฟ้าเวหาหน
ข้าอยู่เดียวเปลี่ยวเอกาสกนธ์ยังไป่ยลพักตร์ใครมาใกล้กราย ฯ
๏ พระยาครุฑฟังนุชสนองคำพิโรธซ้ำดั่งฟ้าคนองสาย
ดูดู๋คบชู้มาพรางชายจนชู้หน่ายใจชู้แล้วจู่จร
เสียแรงรักหักจิตไม่คิดบาปนิยมหยาบฉกพามาสมสมร
ก็เจือใจมิให้อนาทรประคองนอนแนบข้างไม่ห่างกาย
เชยชื่นดั่งวิเชียรเจียระไนมิรู้ไฝฟองช้ำสล่ำสลาย
ยังไม่รับจนเราจับได้ชู้ชายคือนายนาฏกุเวรที่เจนกัน ฯ
๏ กากีฟังคดีสนองถ้อยเป็นน่าน้อยใจเพียงชีวาสัญ
อนิจจาว่าข้ากับคนธรรพ์คือใครเล่ายืนยันจำนรรจา
จงนำมาสอบใส่ไต่สวนถ้าเป็นสัตย์แล้วควรลงโทษา
นี่กระไรพระไม่พิจารณามาเสกแสร้งแกล้งว่าดั่งจริงจัง
เออพิมานสิมพลีก็สูงสุดมนุษย์ฤๅจะมาได้ดั่งใจหวัง
แล้วร่ายเวทผูกบานทวารบังประดุจดังข่ายเพชรสักเจ็ดชั้น
อย่าว่าแต่มนุษย์ในแหล่งหล้าถึงสุราสุรเทพในสรวงสวรรค์
ก็ไม่หาญทำลายเวทสุบรรณคนธรรพ์ฤๅจะมาได้ดั่งใจจง
หนึ่งคนธรรพ์ก็เป็นทาสบาทมูลต่ำตระกูลดั่งกามาแกมหงส์
ถึงข้าพลัดภัสดามาเอองค์ก็รักวงศ์เหมราชไม่แกมกา
ซึ่งพระไม่กลัวเวรเพราะหวังสวาทพานิราศมาร่วมเสน่หา
ถนอมน้องมิให้หมองสักเวลาพระคุณล้ำดินฟ้าแลสาคร
ไม่ทันไรฤๅใจจะทุจริตพระวินิจตรองตริดำริก่อน
ธรรมดาว่ารักจะราญรอนเพราะหลงกลเขาซ้อนให้เสียการ ฯ
๏ พระยาครุฑฟังนุชสารแสดงมโนแหนงดั่งมณีที่แตกฉาน
จึ่งตรัสว่าอ้าดูระหญิงพาลช่างกล่าวสารสอดแก้สำนวนกล
เราทราบสิ้นซึ่งระบิลมันขับอ้างจึ่งกระจ่างแจ้งข้ออนุสนธิ์
ได้อัปรยศมาตยาพลาพลดั่งจะด้นดินม้วยด้วยคำพาล
เพราะมีชู้ไม่รู้ให้รอบเชิงหลงระเริงว่าเจ้ารักสมัครสมาน
คิดว่าหงส์จะจงแต่ชลธารกลับบันดาลกลั้วเกลือกด้วยเปือกตม
ตัวนางเป็นไทแต่ใจทาสไม่รักชาติรสหวานมาพานขม
ดั่งสุกรฟอนฝ่าแต่อาจมห่อนนิยมรักรสสุคนธาร
น้ำใจนางเปรียบอย่างชลาลัยไม่เลือกไหลห้วยหนองคลองละหาน
เสียดายทรงวิไลแต่ใจพาลประมาณเหมือนหนึ่งผลอุทุมพร
สุกแดงดั่งแสงปัทมราชข้างในล้วนกิมิชาติเบียนบ่อน
เรารู้ใจแล้วมิให้อนาทรจะพาคืนนครในราตรี ฯ
๏ กากีชุลีกรแล้ววอนว่าอนิจจาพระไม่โปรดเกศี
บริภาษข้าบาทไม่มีดีนี่เนื้อว่าเวรีมาราญรอน
เพราะหลงกลไม่รู้จึ่งเสียกลหลงฉงนแหนงหน่ายสโมสร
แม้นคนธรรพ์ว่าแก้วในอุทรตกจะรอนรานอุราผ่ากาย
พระฟังคำข้างเดียวมาเกรี้ยวโกรธทุเลาโทษขอพิศูจน์สัตย์ถวาย
แม้นพิรุธทุจริตก็ควรตายไม่เสียดายชนม์ชีพเท่ายองใย
อยู่หลัดหลัดฤๅจะซัดไปส่งเสียไม่โปรดเมียจงประหารให้ตักษัย
มิขอคืนนครำให้ช้ำใจจะไว้สัตย์สู้ม้วยในสิมพลี ฯ
๏ พระยาครุฑได้สดับคดีนางยิ่งหมองหมางวางสวาทมารศรี
จึ่งตรัสว่าอ้าดูระกากีหญิงกลีเล่นลิ้นพิรากล
จะเลี้ยงเจ้าเราอัปรยศยศจะฦๅหมดทั่วหล้าเวหาหน
ว่าพลางทางอุ้มนฤมลออกจากไพชยนต์ในราตรี
เผ่นผงาดผาดผยองล่องฟ้าถึงพาราเจ้าทวีปชมพูศรี
วางอนงค์ลงหน้าพระลานคลีจึ่งมีรสพจนาดถ์นี่แนะนาง
ไปอยู่กับเราเดียวเปลี่ยวนักที่นี้จักพรั่งพร้อมอยู่ล้อมข้าง
เชิญเชยเสวยสุขสวรรยางค์ตั้งแต่ปางนี้ไม่ขอพบกัน
ตราบสิ้นดินฟ้าพระเมรุมาศแสนชาติไม่ขอร่วมภิรมย์ขวัญ
กว่าจะเสร็จศิวโมกษ์ทางธรรม์สั่งเสร็จรเห็จหันไปสิมพลี ฯ
๏ ฝ่ายบรมพรหมทัตนรินทรทิพากรรุ่งรางสว่างสี
พระอ่าองค์สรงพักตรแล้วจรลีไขสีหบัญชรเยื้องชำเลืองมา
เห็นกากีศรีสมรบวรนาฏให้ร้อนราชฤทัยรุ่มดั่งสุมผา
พระระงับดับเดือดด้วยปรีชาจึ่งเอื้อนพจนาเย้ยยุพินพลัน
ว่าดูราสุดาดวงเนตรเจ้าประเวศไปสู่พิมานสวรรค์
พี่ตั้งหน้าท่าน้องทุกคืนวันพึ่งเห็นขวัญตาตกถึงธานี
จะอยู่ไยในหน้าพระลานเล่าขอเชิญเนาในนิวาสน์ปราสาทศรี
พี่ขอบใจในสวาทแสนทวีมิเสียทีที่บำรุงผดุงมา
แต่ยังเยาว์คุ้มเท่าเป็นเอกองค์ปิ่นอนงค์นางในทั้งซ้ายขวา
คิดว่าจะไว้ชื่อให้ฦๅชามิรู้ว่าเริงรวยไปด้วยครุฑ
เพราะแรงราคจากรสพาราณสีไปลอยเล่นสิมพลีอันสูงสุด
แล้วเบือนบ่ายหน่ายเล่ห์เสน่ห์ครุฑกลับมายุดยึดชมกับคนธรรพ์
หนึ่งแล้วสองเล่าเจ้าซ้ำสามช่างทำงามพัตราน่ารับขวัญ
เมื่อเป็นหญิงแพศยาอาธรรม์จะให้เลี้ยงนางนั้นประการใด ฯ
๏ กากีอภิวันท์ด้วยบัญจางค์กำสรดพลางทางทูลสนองไข
เป็นความสัตย์เกิดวิบัติจึ่งจำไกลใช่จะร้างแรมรสบทมาลย์
ด้วยมืดมนอนธการในอากาศครุฑบังอาจพาพรากไปจากสถาน
ข้าร่ำไห้เพียงจักทำลายปราณแต่โหยหาภูบาลไม่เห็นตาม
ข้ารำพันเพิดพ้อไม่ท้อครุฑจะโจนลงในสมุทรไม่เข็ดขาม
ขอตายด้วยสัจจาพยายามสุบรรณบินรีบข้ามไปสิมพลี
แต่พูนเทวศเนตรนองเป็นโลหิตไม่มีจิตจงรักในปักษี
เขาเรืองฤทธิ์จนจิตเป็นสัตรีก็สุดที่แท้ว่ากรรมจึงจำเป็น
ถึงกระนั้นจริงใจไม่ปฏิพัทธ์เป็นความสัตย์ว่าไปใครจะเห็น
พร่ำบวงบนเทพเจ้าทุกเช้าเย็นขอให้ครุฑเคลิ้มเคล้นมาส่งคืน
พอเจ็ดวันคนธรรพ์ไปถึงสถานได้แจ้งการภูวนัยไม่มีชื่น
ให้อัดอั้นตันจิตดั่งพิษปืนสลบลงกับพื้นพิมานบน
ซึ่งพี่เลี้ยงทำการทุจริตที่จริงจิตมิได้แจ้งในเหตุผล
ดั่งร่างผีมิได้รู้สึกสกนธ์เท็จจริงก็เหมือนจนประจานกาย
เพราะกรรมนำเหตุให้หฤโหดประมาณโทษนั้นผิดอยู่แหล่หลาย
แม้มิโปรดเข่นฆ่าก็ท่าตายขอไว้ลายสู้ม้วยด้วยสัตยา ฯ
๏ นฤบาลฟังสารสำนวนกล่าวหทัยผ่าวดั่งเพลิงประลัยหล้า
บริภาษโดยราชบัญชาอ้าหญิงใจกล้ากลำพร
กูเป็นปิ่นไกรกรุงผดุงเดชใช่จะไร้อัคเรศสโมสร
อย่าพักกล่าวกลว่าให้อาวรณ์จะเลี้ยงไว้ในนครก็หนักดิน
ทุกนิเวศน์เขตขัณฑ์บุรีเรืองถ้ารู้เรื่องจะตำหนิติฉิน
ชอบแต่ใส่แพลอยในวารินจึ่งจะหมดมลทินที่นินทา
พระตรัสพลางสั่งเสวกามาตย์ก็รับราชโองการนาถา
นำนาฏกากีลีลามาถึงท่าใส่แพแล้วลอยเอย ฯ
             

เชิงอรรถ

เครื่องมือส่วนตัว