นิพพานวังหน้า
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
(→เรื่องนิพานวังน่า) |
ล (→เรื่องนิพานวังน่า) |
||
| แถว 229: | แถว 229: | ||
ยิ่งฆ้องค่ำย่ำสนธยาหมอง ทเยศหมางห่างห้องหวลสอื้น | ยิ่งฆ้องค่ำย่ำสนธยาหมอง ทเยศหมางห่างห้องหวลสอื้น | ||
โหยสอึกนึกอนาถสวาดิกลืน เสวยทุกข์ไม่ชื่นสักนาฬิกา | โหยสอึกนึกอนาถสวาดิกลืน เสวยทุกข์ไม่ชื่นสักนาฬิกา | ||
| - | + | นาฬิกาลฆ้องขานประจวบทุ่ม สุชลชุ่มเนตรซับกับภูษา | |
มิไดัเยื้อนเบือนเบิกสักเวลา ชลนาดังสายพิรุณโปรย | มิไดัเยื้อนเบือนเบิกสักเวลา ชลนาดังสายพิรุณโปรย | ||
</tpoem> | </tpoem> | ||
การปรับปรุง เมื่อ 15:46, 5 สิงหาคม 2556
ข้อมูลเบื้องต้น
พระนิพนธ์: พระองค์เจ้ากัมพุชฉัตร
เรื่องนิพานวังน่า
| ๏ | นิ | ราศบาทเบื้องโอ้ | โมฬี | |||||
| พาน | จะโศกทั้งศรี | อยุทธเยศ | ||||||
| วัง | เย็นสงัดตี | อกร่ำ ก่ำเอย | ||||||
| น่า | มุขพิมานเมศร์ | เมื้อมิ่งแรมหมอง ฯ | ||||||
| ๏ | แต่ | พระจอมมงกุฎโลกย์ | แรมวัง | |||||
| แผ่น | พิภพเพียงพัง | ม้วยไหม้ | ||||||
| ดิน | โดยอดูรหวัง | หวั่นเทวศ | ||||||
| ต้น | แต่ตีทรวงให้ | ห่อนเว้นวันเสบย ฯ | ||||||
| ๏ วงษ์อินท์กรุงธิปัตเอก | อิศรา | ||
| หน่อมงกุฎอยุทธยา | เลื่องโลกย์ | ||
| สืบสายกรมฝ่ายน่า | แรมนิราศ | ||
| ทรงคิดคราววิโยค | พระบิดุร้างสู่สวรรค์ ฯ | ||
| ๏ พระปิ่นอยุทธเยศเจ้า | ทรงธรรม์ | ||
| นุภาพปราบมนุษย์สวรรค์ | ฟากฟ้า | ||
| สี่ทวีปถวายบรร | ณาน้อม | ||
| เกรงบพิตรพระจอมหล้า | โลกย์ลั่นฦๅแขยง ฯ | ||
| ๏ เคยเสด็จออกแสนเส | หนางค์ | ||
| ร้อยเอ็ดโอนอุตมางค์ | นอบน้อม | ||
| พระฤทธิ์เรืองปานปาง | สุริเยศ | ||
| ทั้งหมื่นกรุงสพรั่งพร้อม | กราบเกล้าเศียรสยอง ฯ | ||
| ๏ พระคุณเฮยแต่นี้เงียบ | วังเย็น | ||
| เคยเผยสีหเหน | ลูกไห้ | ||
| ยามศุขกลับไปเปน | ทุกข์เทวศ | ||
| คิดฤๅวายวางไข้ | จิตรโอ้อาดูร ฯ | ||
| ๏ พระจอมมกุฎสามภพไห้ | สั่งเวียง | ||
| พระสนมเสนาะเรียง | ร่ำร้อง | ||
| หมู่มุขมนตรีเคียง | ครวญคร่ำ | ||
| เสียงพิฦกลั่นก้อง | โศกแส้วังโหย ฯ | ||
| ๏ พระญาณยอดแก้วเฮ่ย | ยังหัน | ||
| เสร็จมาเมื้อเมืองสวรรค์ | สู่ฟ้า | ||
| ฤๅเคียดเสน่ห์ผัน | หุยหุง เสียเนอ | ||
| ม้วยแต่นับโมงถ้า | ทุกค่ำคืนหาย ฯ | ||
| ๏ พระร่มโพธิ์เกษมิ่ง | กระหม่อมเฮย | ||
| ยามกระเษมแสนเสวย | ศุขภาพ | ||
| สุรางค์บำเรอเคย | สพรั่ง พร้อมแฮ | ||
| เรียงรอบศิโรราบ | ราชร้างแรมโฉม ฯ | ||
| ๏ โอ้จอมมงกุฎเกล้า | จากจร | ||
| กรมพระราชวังบวร | แรมร้าง | ||
| ลูกทุ่มทรวงอาทร | เทวศไห้ | ||
| แสนทุกข์บวายหว้าง | กี่เหมื้อจักเห็น | ||
| ๏ ย่ำยามสดับเสียง | ประโคมวัง | ||
| ดุริยางค์เสนาะดัง | พาทย์ฆ้อง | ||
| ทีนี้จะเงียบแตรสังข์ | สูญถนัด | ||
| ฟังแต่เสียงสกุณก้อง | กรู่แก้วเกริ่นขัน ฯ | ||
| ๏ พระคุณเอ๋ยเคยทรงสร้าง | สมภาร | ||
| ปราถนาพระโพธิญาณ | ยอดแก้ว | ||
| ออกโอษฐ์ขอคชทการ | นำสัตว์ | ||
| จากบ่วงสงสารแคล้ว | คลาศพ้นพลันเข็ญ ฯ | ||
| ๏ ครุวารกติกมาเส | |||
| สุกรอัศสังวัจฉเร | เหมันต์จตุมีดิถียัง | ||
| นาฬิกาหึ่งหึ่งถึงยามสอง | ได้สามบาทคาดฆ้องประโคมสังข์ | ||
| พระมงกุฏปิ่นเกษนิเวศวัง | ไม่รอรั้งร้างมิ่งพิมานเย็น | ||
| พระสถานสถิตย์เยือกยินแต่เสียง | สุรางค์เรียงร่ำเทวศก็เหลือเข็ญ | ||
| ข้าธุลีมีกรรมจึงจำเปน | ไม่เห็นเลยหลักภพพิบัติวาย | ||
| โอ้พระมิ่งโมฬีที่พึ่งโลกย์ | ประชาโศกแสนละห้อยไม่รู้หาย | ||
| ฤๅผลเวรสัตว์ทำประจำกาย | จึงทำลายเจาะจอมกระหม่อมจง | ||
| พระกฤษฎาดังพรหมอุดมเดช | ที่ทรงเพศพาหนพระยาหงษ์ | ||
| เหมือนสุริเยศไขศรีรวีวงษ์ | เมื่อเสร็จทรงกลดเยี่ยมโพยมงาม | ||
| อรินราชกราบเกรงพระบารเมศ | มงกุฏเกษสรวมชีพทวีปสาม | ||
| เคยเปนฉัตรแก้วกั้นสุวรรณวาม | ดังศศิตามส่องโลกย์สว่างวาว | ||
| เย็นเกษบารเมศบรมจักร | ที่พำนักนิ์หายหาชนาหนาว | ||
| พระอานุภาพเลิศลบจบแดนดาว | ปัจจาผ่าวอุรพาระอาใจ | ||
| อันปิ่นราชนิเวศน์วังบวร | ดัษกรรื่นราบกราบไสว | ||
| ถึงรัตนังอังวะที่ฦๅไกร | ก็ปราบได้ด้วยพระฤทธิเดชาชาย | ||
| เมื่อปางหลังที่นั่งสุรามรินทร์ | อยุทธสิ้นย่อยยับประหารหาย | ||
| เพราะไพรินลุยลามตามทำลาย | กระหม่อมหมายเมืองล่มไม่เล็งคืน | ||
| บิตุรงทรงนามธรรมิกราช | ทั้งสามโลกย์เนียรนาศไม่อาจฝืน | ||
| มายกพระสาสนาภิญญายืน | ประชาชื่นชมโพธิสมภาร | ||
| คือล้นกระหม่อมมิ่งมไหวงษ์ | สองพระองค์เลิศฟ้ามงกุฏสถาน | ||
| แบ่งภาคจากองค์พระอวตาร | ผ่านนิเวศน์ปราบดาด้วยบารมี | ||
| จึงสิ้นยุคสุขกระเษมทั้งสามภพ | เทพนบน้อมเกษทุกราษี | ||
| สรรเสริญเดชาทั้งธาตรี | กรชุลีโปรยทิพย์สุมาลย์มา | ||
| โอ้พระคุณเคยการุญพำนักนิ์โลก | ยิ่งวิโยคยามร้อนไม่ผ่อนหา | ||
| เมื่อดับเข็ญเย็นแล้วทั้งโลกา | ไยนิราร้างราษฏร์อนาถเนา | ||
| ปางครั้งทศเศียรอสุรภักตร์ | เที่ยวหาญหักสามโลกย์ได้โศกเศร้า | ||
| นารายน์รามตามล้างจึงบางเบา | บันเทาทุกข์ทั่วเทพดาคืน | ||
| สุดเกษมไตรภพสบกระสัน | อภิวันท์ทุกพิมานสำราญรื่น | ||
| เหมือนปิ่นจอมล้นกระหม่อมเมื่อยังยืน | หมื่นนิเวศน์วรถวายสุมาลี | ||
| จึงนิพนธ์แต่หลังไว้หวังสนอง | ให้จำลองสืบกระษัตริย์บดีศรี | ||
| หนึ่งครุลหุเคียงแต่เพียงตรี | ที่ท่านปรีชาช่วยอำนวยกลอน | ||
| ใครยลอย่าเพ่อเย้ยพึ่งศึกษา | ใช่เมธาเจนจิตรบัณฑิตย์สอน | ||
| แสนถวิลถึงพระปิ่นชนากร | สุดนิวรณ์หวั่นเทวศกำศรวญครวญ | ||
| ปัญญาหญิงไหนจะพริ้งไม่คล่องเคล้า | นี่โดยเดานึกคเนอย่าเสสรวล | ||
| ถ้าชำนาญอ่านเล่นเห็นสำนวน | ปราชญ์ช่วยปรวนเติมแต้มให้งามคำ | ||
| เราใช่ราชกระวีที่เฉลียว | ก็เสียวใจจะไม่คมเหมือนลมขำ | ||
| อ่อนหัดไม่สันทัดพึ่งลองทำ | จะริร่ำร่างลงก็งงนาน | ||
| หนึ่งชุลิตฝ่าธุลีมีพระเดช | ซึ่งก่อเกษเลื่องโลกย์ระบือหาญ | ||
| เสด็จสู่สวรรค์เทวพิมาน | ขอมัสการกรน้อมศิโรดม | ||
| ถวายต่างทิพมาศมโนแผ้ว | กราบแล้วจึงลิขิตอักษรสม | ||
| โอ้พระปิ่นภพร้อนดังเพลิงรม | ล้มพระโรคแรกประทับจะอับจน | ||
| ประชวรแต่มาฆมาสเหมันต์ | ฤดูนั้นเดือนหนาวเปนคราวฝน | ||
| สิ้นทั้งวังตั้งแต่ทุกข์ระทมทน | ถึงยุคลมิ่งแก้วเกษกำนัล | ||
| เสด็จนั่งหนือบัลลังก์วิเชียรช่วง | ประดับดวงมณฑามาแต่สวรรค์ | ||
| ดารารายพรายพร้อมเข้าล้อมจันทร์ | เหมือนสุริยันย่างเยี่ยงพระเมรุทอง | ||
| หมู่อับสรเฝ้ารอบหมอบระดาษ | พร้มพระราชธิดาประนมสนอง | ||
| สุวรรณผุดโพธิญาณ์ฝ่าลออง | ให้แผ่ปองทรงปิดพระปฏิมา | ||
| พระรัศมีหมองเหมือนเมื่อเดือนดับ | ลูกวาววับหวั่นทรวงสหัสา | ||
| พระฉวีเสียศรีสุนทรา | ชลนานองเนตรตลึงแล | ||
| ยลอนงค์นุชนางสนมน้อม | งามลม่อมหมอบผจงดังวงแข | ||
| เคยรองบาทจะบำราศสวาดิแด | เหมือนจะแปรปราศจากไม่อยากยล | ||
| เหนพระไทยจะเปนห่วงหน่วงถนอม | จะไกลกล่อมขวัญให้ระหวยหน | ||
| จึงเรียกรศอมฤตยวิเชียรชล | เสี่ยงกุศลซึ่งสร้างพระโพธิญาณ | ||
| แม้นชนม์จะอยู่ช่วยบำรุงทวีป | ขอให้รีบรับน้ำรศาหาร | ||
| ถ้าชีวิตรนี้จะปลิดไม่เนานาน | อย่าให้พานสอคล่องนิยมยิน | ||
| เทวศว่าต่อพระภักรพระชนศรี | แล้วทวีทรงพระวิตกถวิล | ||
| พิศฐานเสร็จเสวยวารีริน | แต่ชั้นกลิ่นกลืนกลับวิบัติเปน | ||
| พระอาเจียนเวียนประทะอุรหมอง | จึงตรัสร้องว่าโอ้มิพ้นเข็ญ | ||
| เคยเปนร่มเกล้าโลกย์ได้อยู่เย็น | เห็นสุเมรุเอนแล้วจะตรมตรอม | ||
| สุเรศดังสุรางค์บำเรออินทร์ | จะไกลกลิ่นกล่อมกลีบมณฑาหอม | ||
| เคยสงวนนวลเฉลิมเปนเจิมจอม | ยามถนอมแนบชื่นไม่คืนเคียง | ||
| แต่ครวญคร่ำน้ำพระเนตรนั้นนองเนตร | แสนเทวศพร้องเพราะพระสุรเสียง | ||
| พระสนมรอบร่ำพิไรเรียง | เคยชุบเลี้ยงจะนิราศพระบาทา | ||
| จึงดำรัสเรียกเหล่าบุตรีสมร | ประโลมสอนพ่อจะร้างนิราศา | ||
| ดวงจิตรฝากชีวิตรพระบิตุลา | วาศนาหาไม่จงเจียมสกนธ์ | ||
| สมรยากฝากองค์ให้การุญ | ถ้าพระคุณเคืองเข็ญไม่เปนผล | ||
| จะพึ่งพ่อเล่าก็พ่อไม่ยืนชนม์ | ยลแต่บาทนะจงตั้งภักดีตรง | ||
| หนึ่งพระเสาวนีที่มียศ | พระธิดาปรากฎมงกุฎหงษ์ | ||
| จงฝากกายนะอย่าหมายหมิ่นทนง | เจ้าเปนวงษ์จงรักษ์ธุลีลออง | ||
| ที่นี้ถึงเทพถือโอสถทิพย์ | ผจงหยิบมาประมูลทูลฉลอง | ||
| ไม่เสวยเลยให้เวทนาปอง | จะต้องเนิ่นทรมานรำคาญเคือง | ||
| สดับตรัสดังมัจจุราชรีบ | ประหารชีพลูกหายทำลายเบื้อง | ||
| เมรุมุ่งเคยประจำทวีปเรือง | ถ้าล่มแล้วจะมิเนืองน้ำตาตาย | ||
| บ้างข้อนอกร่ำโอ้มิควรเข็ญ | ดังกระเด็นเศียรเกล้าของเราหาย | ||
| เคยปราโมทมีศุขทุกวันวาย | เหมือนสายเนตรจะเปนสายโลหิตกอง | ||
| ถึงยามเกษมเคยแสนสำเริงรื่น | กลับสอื้นนึกโอ้มโนหมอง | ||
| แต่นั้นมาพร้อมหน้าไม่ไกลลออง | หมายฉลองพระคุณคอยระวัง | ||
| ผลัดโมงกันไม่ให้คลาดสักบาททุ่ม | ดังเพลิงรุมร้อนอกวิตกหลัง | ||
| แต่นั่งยามย่ำฆ้องจนเคาะระฆัง | ลูกหวังฟังราชกิจจะหนักเบา | ||
| ปางปิ่นโมฬีทั้งสี่ทวีป | ดังศศิธรร่อนรีบขึ้นเหลี่ยมเขา | ||
| เสวยทุกข์มิได้ศุขสถิตย์เนา | ให้เชิญเอาพระอาการนราพงษ์ | ||
| พอรตินทิวาเวลาสงัด | ดำรัสร่ำคำหวานละลานหลง | ||
| ตลึงแลดูนิเวศจังหวัดวง | ยิ่งแสนทรงพระวิโยคเมื่อยามตรอม | ||
| ว่าอนิจจังครั้งนี้จะไกลเนตร | นึกสังเวชก็แต่บุตรสุดถนอม | ||
| จะพึ่งวงษ์ไม่จงเหมือนบิตุจอม | จะร่ำโอ้ทูลกระหม่อมนิราคลา | ||
| พรหมภักตร์พร้อมภักตร์ละห้อยหวล | แต่นี้นวลนะอย่าโหยละห้อยหา | ||
| ทั้งพิมานดุสิดาสวรรยา | ฤๅจะราแรมร้างจากปรางค์ไป | ||
| แต่พื้นทรงสมญาปราสาทซื่อ | ประสิทธินามไว้ให้ฦๅพิภพไหว | ||
| แล้วนึกพระบิตุลายิ่งอาไลย | จะเปลี่ยวพระไทยจินดานุชาครัน | ||
| คราวณรงค์เห็นจะทรงดำริห์คิด | เคยร่วมจิตร่วมคู่เสวตรสวรรค์ | ||
| ร่วมชีวิตรปลิดพรากไปจากกัน | ร่วมสุวรรณเสวตรฉัตรกระจัดนาม | ||
| จะภินทนาอยู่เออนาโถ | จะนึกโอ้ฤๅไม่เอื้อนระคางขาม | ||
| ฤาจะแสนโศกเทวศถวิลความ | เปนเพื่อนไร้ในยามกันดารนาน | ||
| พระเดชขจรนครกระษัตริย์สิ้น | แต่พื้นผินน้อมศียรหัตถ์ประสาน | ||
| ถวายเครื่องทิพย์มาศสุมาลย์ | บรรณาการเนื่องแน่นประนมคม | ||
| ออกพระนามก็ให้ขามขยาดยศ | เห็นปรากฎเกียรติเกินพระสยม | ||
| อาณาราษฎร์ร้องถวายพระพรชม | จนประถมล่วงพระชนม์นรินทร์ | ||
| ร้อนอาศน์เทวราชอมรเมศร์ | เทพเทวศทุกวิมานรังสิน | ||
| สิบหกชั้นช่อฟ้าดุสิตอินทร์ | ประชุมผินผันย้ายราษีจร | ||
| เข้าสถิตย์สิงสู่กำภูฉัตร | กระจัดแจ้งออกด้วยเทพสังหร | ||
| หวังให้เลื่องบารมินปิ่นนคร | กระฉ่อนภพจบหล้าลือขจาย | ||
| มหัศจรรย์โลกย์ลั่นกำปนาท | สุธาวาศไหวกระทบคูหาหาย | ||
| สุเมรุเอียงแทบจะเอนอันตราย | สายสินธุ์เปนละลอกกระฉอกฟอง | ||
| พระสมุทเพียงจะทรุดไม่หยุดคลื่น | ภุชชงศ์ตื่นเผ่นน้ำผันผยอง | ||
| ประทุมเกตุอาเภทดังสีทอง | แสงส่องยลปลาดไม่อาจแล | ||
| เมฆหมอกออกมัวไปทั่วทวีป | พิรุณรีบโปรยกระสินธุ์รินกระแส | ||
| ฟ้าดินวิปริตเห็นผิดแปร | ทีนี้แน่แล้วพระจอมกระหม่อมเวียง | ||
| ทั้งโพยมก็พยับพยุฝน | ดูฤกษ์บนเทเวศร์ถวายเสียง | ||
| สุนีฟาดอากาศก้องสำเนียง | ดังเปลื่องเปลี้ยงฟ้าลั่นคำรามรน | ||
| วายุพาพัดปาริกชาติ | ก็พินาศพังรเนนไม่ตั้งต้น | ||
| เสวตรฉัตรหักยับระยำยล | ฤๅเทพดลบันดาลฟ้ามาเชิญ | ||
| วิหคร้องในห้องเวหาหาว | เหมือนเสียงสาวสมรอัปศรเหิน | ||
| เหมือนศุลีรอยชลอพิมานเกิน | คอยพระราชดำเนินเสด็จคลา | ||
| บังเกิดมีองค์พระศรีมหาโพธิ | นิโรธร่มฝูงสัตวมนัศา | ||
| ก็แรมร่วงล่วงลับอยู่โรยรา | กลับระย้ายอดลัดระบัดใบ | ||
| เมื่อจวนจอมรพีพงษ์ทิวงคต | โพธิ์สลดเอนล้มระทมไข้ | ||
| ดังมีจิตรคิดแสนเทวศใจ | ดังอาไลยในเบื้องบดินทร์วาย | ||
| ฦๅล้นกระหม่อมจอมดาวดึงษ์เดช | แสดงเหตุแจ้งอัตถ์กระจัดถวาย | ||
| ว่าโพธิ์ทองหมองแล้วจะอันตราย | เมื่อลูกหมายเหมือนพระจอมโลกากร | ||
| ด้วยพระปิ่นจรรโลงอยุทธเยศ | ทุกประเทศเกรงจบสยบสยอน | ||
| จึงสำแดงบารเมศฦๅขจร | ว่าร่มร้อนเกล้าโลกย์เคยอยู่เย็น | ||
| ครั้งนี้จะเสด็จสู่สวรรคต | ก็ปรากฏอัศจรรย์จะให้เห็น | ||
| นิจาโอัอกเอ๋ยมิเคยเปน | จะเกิดเข็ญูเเน่เเล้วสุชลริน | ||
| บัญูชรวายุสถานอัมเรศ | ทั้งพิมานพรหเมศนรังสิน | ||
| เลร็จศุขจตุรมุขพระแกลยิน | เยยดังพิณพาทย์เพลงบรรเลงกลอน | ||
| ไฉนหมองกลับร้องสำเนียงโหย | อดูรโดยพระมิ่งอดิศร | ||
| แต่พระที่นั่งดังภินทนาวรณ์ | นี่ฤๅเราจะมิข้อนอุระครวญ | ||
| ซรอยเทพยดารักษาวัง | ถวิลหวังบริรักษ์เเรมสงวน | ||
| เคยรองมุลิกานิรานวล | รเหยหวลอาไลยธุลีลออง | ||
| มหัศเหดุใหัเทวคทวีร่ำ | ยิ่งกลืนระกํากอบกินสุชลหมอง | ||
| สารพัดจะวิบัติบังเกิดปอง | ชวนกันพร้องพร่ำโอ้เเต่นี้เรา | ||
| อันฉัตรเเก้วร่มเกษเฉลิมโลกย์ | เห็นวิโยครัศมีมณีเศร้า | ||
| เคยเรืองแสงส่องวามเห็นงามเพรา | เสมอเขาพระสุเมรุเอนทำลาย | ||
| สุกรปักษ์เหมันติกามาค | เสร็จปำราศเอกานิราหาย | ||
| กำสรดสั่งยังวิหารอารามพราย | ถวายกรวอนทูลพระชินวงษ์ | ||
| มณฑปดังจุฬามณีสวรรค์ | พระเพลิงหั่นล้างใหัเปนผุยผง | ||
| พึ่งทรงสรัางฤๅจะรัางไปเอองค์ | จะชีพจงคตสิ้นเสียก่อนกาล | ||
| สถิตย์เถิดลาเเลัวพระชินศรี | ชุลีหัตถ์ไห้ร่ำด้วยคําหวาน | ||
| พระวรรณโรครึงรนไม่ทนทาน | ทรมานนานเนิ่นก็เกินแรง | ||
| ประชวรซูบผิดพระรูปร่ำเทวศ | ชลเนตรนองภักตร์ชักพระเเสง | ||
| จะล้างองศ์ลงใหัวางเสียกลางแปลง | โอรสเเย่งเคียงยุดพระกรกุม | ||
| อนิจาอาดูรเเล้วทูลหัาม | จงโปรดตามอย่าเพ่อทอนพระชนม์ทุ่ม | ||
| พระเป็นที่ร่มฉัตรสัตว์ประชุม | ค่อยเหือดกลุ้มพระอุระสบายคลาย | ||
| กลับสู่พระนิเวศน์นิวาศสถาน | ถีงพระทวารสั่งเสร็จพระไทยหาย | ||
| โอ้เวียงเอ๋ยเคยเกษมเปรมปราย | ประมาณหมายแม่นมิ่งพิมานอินทร์ | ||
| ทีนี้จะเงียบเหงาเย็นเปนวังร้าง | ดำรัสพลางทอดถอนฤทัยถวิล | ||
| แต่ครรไลรอบราชวังนรินทร์ | แล้วก็ผินเผยผันพระบัณฑูร | ||
| ว่าอนิจาครั้งนี้จะนิราศ | เคยเอนอาศน์ปัจฐรณ์จะสิ้นสูญู | ||
| พระภักตร์หมางหมองเศร้าด้วยอาดูร | ภูลเทวศทุกทิวานิจากรรม | ||
| จึงเอื้อนเทวบัณฑูรสั่งสนม | ต่างประนมหัตถ์รับพิไรร่ำ | ||
| จงค่อยอยู่เถิดวิบากจะจากจํา | น้ำพระเนตรอาบชลธารนอง | ||
| ตรัสสั่งวสันดรพิมานแก้ว | จะลาแล้วแรมรัางอย่าหมางหมอง | ||
| เคยสำราญูเนาสถานพิมานทอง | จะไกลห้องทิพเยศนิเวศน์วัง | ||
| นิเวศน์เวียงยินแต่เสียงสนมโศก | เสน่ห์เเสนสุดวิโยคไม่วายหวัง | ||
| ไม่เว้นว่างนางในไห้ประดัง | ประดาหวลครวญตั้งตลอดปี | ||
| แต่ปางหลังครั้งเบื้องบรเมศร์ | บรมบาททุเรศนิราหนี | ||
| นิราศร้างเเสนสุรางคเทพี | เทพินมีเเต่ตีอุระกรม | ||
| อุราเกรียมเทียมเเทบไคลทับ | ศิลาทุ่มทรวงคับด้วยทุกข์ถม | ||
| ทุกข์ปะทะถึงบดินทร์สุรินทร์รมย์ | สุเรศร้างจะระบมอารมณ์โรย | ||
| อารามร่ำจำจากจอมนิเวศน์ | จึงนิวรณ์อ่อนเกษถวิลโหย | ||
| ถวิลหาถีงฝ่าลอองโอย | ลอายอาบเนตรโกยเเต่กองชล | ||
| เเต่การชื่นฝืนใจใม่มีศุข | มาน่ามุขเหงาเงียบละห้อยหน | ||
| ละห้อยหวลล้วนลางพิไรรน | พิลาปแล้วจะไม่ยลยุคลคืน | ||
| ยิ่งฆ้องค่ำย่ำสนธยาหมอง | ทเยศหมางห่างห้องหวลสอื้น | ||
| โหยสอึกนึกอนาถสวาดิกลืน | เสวยทุกข์ไม่ชื่นสักนาฬิกา | ||
| นาฬิกาลฆ้องขานประจวบทุ่ม | สุชลชุ่มเนตรซับกับภูษา | ||
| มิไดัเยื้อนเบือนเบิกสักเวลา | ชลนาดังสายพิรุณโปรย | ||
