นิพพานวังหน้า
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
(แก้ไขรูปแบบ และปรับตัวสะกดตามฉบับศิลปวัฒนธรรม) |
(→เรื่องนิพานวังน่า) |
||
แถว 185: | แถว 185: | ||
ด้วยพระปิ่นจรรโลงอยุทธเยศ ทุกประเทศเกรงจบสยบสยอน | ด้วยพระปิ่นจรรโลงอยุทธเยศ ทุกประเทศเกรงจบสยบสยอน | ||
จึงสำแดงบารเมศฦๅขจร ว่าร่มร้อนเกล้าโลกย์เคยอยู่เย็น | จึงสำแดงบารเมศฦๅขจร ว่าร่มร้อนเกล้าโลกย์เคยอยู่เย็น | ||
- | + | ครั้งนี้จะเสด็จสู่สวรรคต ก็ปรากฏอัศจรรย์จะให้เห็น | |
- | + | นิจาโอัอกเอ๋ยมิเคยเปน จะเกิดเข็ญูเเน่เเล้วสุชลริน | |
+ | บัญูชรวายุสถานอัมเรศ ทั้งพิมานพรหเมศนรังสิน | ||
+ | เลร็จศุขจตุรมุขพระแกลยิน เยยดังพิณพาทย์เพลงบรรเลงกลอน | ||
+ | ไฉนหมองกลับร้องสำเนียงโหย อดูรโดยพระมิ่งอดิศร | ||
+ | แต่พระที่นั่งดังภินทนาวรณ์ นี่ฤๅเราจะมิข้อนอุระครวญ | ||
+ | ซรอยเทพยดารักษาวัง ถวิลหวังบริรักษ์เเรมสงวน | ||
+ | เคยรองมุลิกานิรานวล รเหยหวลอาไลยธุลีลออง | ||
+ | มหัศเหดุใหัเทวคทวีร่ำ ยิ่งกลืนระกํากอบกินสุชลหมอง | ||
+ | สารพัดจะวิบัติบังเกิดปอง ชวนกันพร้องพร่ำโอ้เเต่นี้เรา | ||
+ | อันฉัตรเเก้วร่มเกษเฉลิมโลกย์ เห็นวิโยครัศมีมณีเศร้า | ||
+ | เคยเรืองแสงส่องวามเห็นงามเพรา เสมอเขาพระสุเมรุเอนทำลาย | ||
+ | สุกรปักษ์เหมันติกามาค เสร็จปำราศเอกานิราหาย | ||
+ | กำสรดสั่งยังวิหารอารามพราย ถวายกรวอนทูลพระชินวงษ์ | ||
+ | มณฑปดังจุฬามณีสวรรค์ พระเพลิงหั่นล้างใหัเปนผุยผง | ||
+ | พึ่งทรงสรัางฤๅจะรัางไปเอองค์ จะชีพจงคตสิ้นเสียก่อนกาล | ||
+ | สถิตย์เถิดลาเเลัวพระชินศรี ชุลีหัตถ์ไห้ร่ำด้วยคําหวาน | ||
+ | พระวรรณโรครึงรนไม่ทนทาน ทรมานนานเนิ่นก็เกินแรง | ||
+ | ประชวรซูบผิดพระรูปร่ำเทวศ ชลเนตรนองภักตร์ชักพระเเสง | ||
+ | จะล้างองศ์ลงใหัวางเสียกลางแปลง โอรสเเย่งเคียงยุดพระกรกุม | ||
+ | อนิจาอาดูรเเล้วทูลหัาม จงโปรดตามอย่าเพ่อทอนพระชนม์ทุ่ม | ||
+ | พระเป็นที่ร่มฉัตรสัตว์ประชุม ค่อยเหือดกลุ้มพระอุระสบายคลาย | ||
+ | กลับสู่พระนิเวศน์นิวาศสถาน ถีงพระทวารสั่งเสร็จพระไทยหาย | ||
+ | โอ้เวียงเอ๋ยเคยเกษมเปรมปราย ประมาณหมายแม่นมิ่งพิมานอินทร์ | ||
+ | ทีนี้จะเงียบเหงาเย็นเปนวังร้าง ดำรัสพลางทอดถอนฤทัยถวิล | ||
+ | แต่ครรไลรอบราชวังนรินทร์ แล้วก็ผินเผยผันพระบัณฑูร | ||
+ | ว่าอนิจาครั้งนี้จะนิราศ เคยเอนอาศน์ปัจฐรณ์จะสิ้นสูญู | ||
+ | พระภักตร์หมางหมองเศร้าด้วยอาดูร ภูลเทวศทุกทิวานิจากรรม | ||
+ | จึงเอื้อนเทวบัณฑูรสั่งสนม ต่างประนมหัตถ์รับพิไรร่ำ | ||
+ | จงค่อยอยู่เถิดวิบากจะจากจํา น้ำพระเนตรอาบชลธารนอง | ||
+ | ตรัสสั่งวสันดรพิมานแก้ว จะลาแล้วแรมรัางอย่าหมางหมอง | ||
+ | เคยสำราญูเนาสถานพิมานทอง จะไกลห้องทิพเยศนิเวศน์วัง | ||
+ | นิเวศน์เวียงยินแต่เสียงสนมโศก เสน่ห์เเสนสุดวิโยคไม่วายหวัง | ||
+ | ไม่เว้นว่างนางในไห้ประดัง ประดาหวลครวญตั้งตลอดปี | ||
+ | แต่ปางหลังครั้งเบื้องบรเมศร์ บรมบาททุเรศนิราหนี | ||
+ | นิราศร้างเเสนสุรางคเทพี เทพินมีเเต่ตีอุระกรม | ||
+ | อุราเกรียมเทียมเเทบไคลทับ ศิลาทุ่มทรวงคับด้วยทุกข์ถม | ||
+ | ทุกข์ปะทะถึงบดินทร์สุรินทร์รมย์ สุเรศร้างจะระบมอารมณ์โรย | ||
+ | อารามร่ำจำจากจอมนิเวศน์ จึงนิวรณ์อ่อนเกษถวิลโหย | ||
+ | ถวิลหาถีงฝ่าลอองโอย ลอายอาบเนตรโกยเเต่กองชล | ||
+ | เเต่การชื่นฝืนใจใม่มีศุข มาน่ามุขเหงาเงียบละห้อยหน | ||
+ | ละห้อยหวลล้วนลางพิไรรน พิลาปแล้วจะไม่ยลยุคลคืน | ||
+ | ยิ่งฆ้องค่ำย่ำสนธยาหมอง ทเยศหมางห่างห้องหวลสอื้น | ||
+ | โหยสอึกนึกอนาถสวาดิกลืน เสวยทุกข์ไม่ชื่นสักนาฬิกา | ||
+ | นาฬิกาลฆ้องบานประจวบทุ่ม สุชลชุ่มเนตรซับกับภูษา | ||
+ | มิไดัเยื้อนเบือนเบิกสักเวลา ชลนาดังสายพิรุณโปรย | ||
</tpoem> | </tpoem> |
การปรับปรุง เมื่อ 15:45, 5 สิงหาคม 2556
ข้อมูลเบื้องต้น
พระนิพนธ์: พระองค์เจ้ากัมพุชฉัตร
เรื่องนิพานวังน่า
๏ | นิ | ราศบาทเบื้องโอ้ | โมฬี | |||||
พาน | จะโศกทั้งศรี | อยุทธเยศ | ||||||
วัง | เย็นสงัดตี | อกร่ำ ก่ำเอย | ||||||
น่า | มุขพิมานเมศร์ | เมื้อมิ่งแรมหมอง ฯ | ||||||
๏ | แต่ | พระจอมมงกุฎโลกย์ | แรมวัง | |||||
แผ่น | พิภพเพียงพัง | ม้วยไหม้ | ||||||
ดิน | โดยอดูรหวัง | หวั่นเทวศ | ||||||
ต้น | แต่ตีทรวงให้ | ห่อนเว้นวันเสบย ฯ | ||||||
๏ วงษ์อินท์กรุงธิปัตเอก | อิศรา | ||
หน่อมงกุฎอยุทธยา | เลื่องโลกย์ | ||
สืบสายกรมฝ่ายน่า | แรมนิราศ | ||
ทรงคิดคราววิโยค | พระบิดุร้างสู่สวรรค์ ฯ | ||
๏ พระปิ่นอยุทธเยศเจ้า | ทรงธรรม์ | ||
นุภาพปราบมนุษย์สวรรค์ | ฟากฟ้า | ||
สี่ทวีปถวายบรร | ณาน้อม | ||
เกรงบพิตรพระจอมหล้า | โลกย์ลั่นฦๅแขยง ฯ | ||
๏ เคยเสด็จออกแสนเส | หนางค์ | ||
ร้อยเอ็ดโอนอุตมางค์ | นอบน้อม | ||
พระฤทธิ์เรืองปานปาง | สุริเยศ | ||
ทั้งหมื่นกรุงสพรั่งพร้อม | กราบเกล้าเศียรสยอง ฯ | ||
๏ พระคุณเฮยแต่นี้เงียบ | วังเย็น | ||
เคยเผยสีหเหน | ลูกไห้ | ||
ยามศุขกลับไปเปน | ทุกข์เทวศ | ||
คิดฤๅวายวางไข้ | จิตรโอ้อาดูร ฯ | ||
๏ พระจอมมกุฎสามภพไห้ | สั่งเวียง | ||
พระสนมเสนาะเรียง | ร่ำร้อง | ||
หมู่มุขมนตรีเคียง | ครวญคร่ำ | ||
เสียงพิฦกลั่นก้อง | โศกแส้วังโหย ฯ | ||
๏ พระญาณยอดแก้วเฮ่ย | ยังหัน | ||
เสร็จมาเมื้อเมืองสวรรค์ | สู่ฟ้า | ||
ฤๅเคียดเสน่ห์ผัน | หุยหุง เสียเนอ | ||
ม้วยแต่นับโมงถ้า | ทุกค่ำคืนหาย ฯ | ||
๏ พระร่มโพธิ์เกษมิ่ง | กระหม่อมเฮย | ||
ยามกระเษมแสนเสวย | ศุขภาพ | ||
สุรางค์บำเรอเคย | สพรั่ง พร้อมแฮ | ||
เรียงรอบศิโรราบ | ราชร้างแรมโฉม ฯ | ||
๏ โอ้จอมมงกุฎเกล้า | จากจร | ||
กรมพระราชวังบวร | แรมร้าง | ||
ลูกทุ่มทรวงอาทร | เทวศไห้ | ||
แสนทุกข์บวายหว้าง | กี่เหมื้อจักเห็น | ||
๏ ย่ำยามสดับเสียง | ประโคมวัง | ||
ดุริยางค์เสนาะดัง | พาทย์ฆ้อง | ||
ทีนี้จะเงียบแตรสังข์ | สูญถนัด | ||
ฟังแต่เสียงสกุณก้อง | กรู่แก้วเกริ่นขัน ฯ | ||
๏ พระคุณเอ๋ยเคยทรงสร้าง | สมภาร | ||
ปราถนาพระโพธิญาณ | ยอดแก้ว | ||
ออกโอษฐ์ขอคชทการ | นำสัตว์ | ||
จากบ่วงสงสารแคล้ว | คลาศพ้นพลันเข็ญ ฯ | ||
๏ ครุวารกติกมาเส | |||
สุกรอัศสังวัจฉเร | เหมันต์จตุมีดิถียัง | ||
นาฬิกาหึ่งหึ่งถึงยามสอง | ได้สามบาทคาดฆ้องประโคมสังข์ | ||
พระมงกุฏปิ่นเกษนิเวศวัง | ไม่รอรั้งร้างมิ่งพิมานเย็น | ||
พระสถานสถิตย์เยือกยินแต่เสียง | สุรางค์เรียงร่ำเทวศก็เหลือเข็ญ | ||
ข้าธุลีมีกรรมจึงจำเปน | ไม่เห็นเลยหลักภพพิบัติวาย | ||
โอ้พระมิ่งโมฬีที่พึ่งโลกย์ | ประชาโศกแสนละห้อยไม่รู้หาย | ||
ฤๅผลเวรสัตว์ทำประจำกาย | จึงทำลายเจาะจอมกระหม่อมจง | ||
พระกฤษฎาดังพรหมอุดมเดช | ที่ทรงเพศพาหนพระยาหงษ์ | ||
เหมือนสุริเยศไขศรีรวีวงษ์ | เมื่อเสร็จทรงกลดเยี่ยมโพยมงาม | ||
อรินราชกราบเกรงพระบารเมศ | มงกุฏเกษสรวมชีพทวีปสาม | ||
เคยเปนฉัตรแก้วกั้นสุวรรณวาม | ดังศศิตามส่องโลกย์สว่างวาว | ||
เย็นเกษบารเมศบรมจักร | ที่พำนักนิ์หายหาชนาหนาว | ||
พระอานุภาพเลิศลบจบแดนดาว | ปัจจาผ่าวอุรพาระอาใจ | ||
อันปิ่นราชนิเวศน์วังบวร | ดัษกรรื่นราบกราบไสว | ||
ถึงรัตนังอังวะที่ฦๅไกร | ก็ปราบได้ด้วยพระฤทธิเดชาชาย | ||
เมื่อปางหลังที่นั่งสุรามรินทร์ | อยุทธสิ้นย่อยยับประหารหาย | ||
เพราะไพรินลุยลามตามทำลาย | กระหม่อมหมายเมืองล่มไม่เล็งคืน | ||
บิตุรงทรงนามธรรมิกราช | ทั้งสามโลกย์เนียรนาศไม่อาจฝืน | ||
มายกพระสาสนาภิญญายืน | ประชาชื่นชมโพธิสมภาร | ||
คือล้นกระหม่อมมิ่งมไหวงษ์ | สองพระองค์เลิศฟ้ามงกุฏสถาน | ||
แบ่งภาคจากองค์พระอวตาร | ผ่านนิเวศน์ปราบดาด้วยบารมี | ||
จึงสิ้นยุคสุขกระเษมทั้งสามภพ | เทพนบน้อมเกษทุกราษี | ||
สรรเสริญเดชาทั้งธาตรี | กรชุลีโปรยทิพย์สุมาลย์มา | ||
โอ้พระคุณเคยการุญพำนักนิ์โลก | ยิ่งวิโยคยามร้อนไม่ผ่อนหา | ||
เมื่อดับเข็ญเย็นแล้วทั้งโลกา | ไยนิราร้างราษฏร์อนาถเนา | ||
ปางครั้งทศเศียรอสุรภักตร์ | เที่ยวหาญหักสามโลกย์ได้โศกเศร้า | ||
นารายน์รามตามล้างจึงบางเบา | บันเทาทุกข์ทั่วเทพดาคืน | ||
สุดเกษมไตรภพสบกระสัน | อภิวันท์ทุกพิมานสำราญรื่น | ||
เหมือนปิ่นจอมล้นกระหม่อมเมื่อยังยืน | หมื่นนิเวศน์วรถวายสุมาลี | ||
จึงนิพนธ์แต่หลังไว้หวังสนอง | ให้จำลองสืบกระษัตริย์บดีศรี | ||
หนึ่งครุลหุเคียงแต่เพียงตรี | ที่ท่านปรีชาช่วยอำนวยกลอน | ||
ใครยลอย่าเพ่อเย้ยพึ่งศึกษา | ใช่เมธาเจนจิตรบัณฑิตย์สอน | ||
แสนถวิลถึงพระปิ่นชนากร | สุดนิวรณ์หวั่นเทวศกำศรวญครวญ | ||
ปัญญาหญิงไหนจะพริ้งไม่คล่องเคล้า | นี่โดยเดานึกคเนอย่าเสสรวล | ||
ถ้าชำนาญอ่านเล่นเห็นสำนวน | ปราชญ์ช่วยปรวนเติมแต้มให้งามคำ | ||
เราใช่ราชกระวีที่เฉลียว | ก็เสียวใจจะไม่คมเหมือนลมขำ | ||
อ่อนหัดไม่สันทัดพึ่งลองทำ | จะริร่ำร่างลงก็งงนาน | ||
หนึ่งชุลิตฝ่าธุลีมีพระเดช | ซึ่งก่อเกษเลื่องโลกย์ระบือหาญ | ||
เสด็จสู่สวรรค์เทวพิมาน | ขอมัสการกรน้อมศิโรดม | ||
ถวายต่างทิพมาศมโนแผ้ว | กราบแล้วจึงลิขิตอักษรสม | ||
โอ้พระปิ่นภพร้อนดังเพลิงรม | ล้มพระโรคแรกประทับจะอับจน | ||
ประชวรแต่มาฆมาสเหมันต์ | ฤดูนั้นเดือนหนาวเปนคราวฝน | ||
สิ้นทั้งวังตั้งแต่ทุกข์ระทมทน | ถึงยุคลมิ่งแก้วเกษกำนัล | ||
เสด็จนั่งหนือบัลลังก์วิเชียรช่วง | ประดับดวงมณฑามาแต่สวรรค์ | ||
ดารารายพรายพร้อมเข้าล้อมจันทร์ | เหมือนสุริยันย่างเยี่ยงพระเมรุทอง | ||
หมู่อับสรเฝ้ารอบหมอบระดาษ | พร้มพระราชธิดาประนมสนอง | ||
สุวรรณผุดโพธิญาณ์ฝ่าลออง | ให้แผ่ปองทรงปิดพระปฏิมา | ||
พระรัศมีหมองเหมือนเมื่อเดือนดับ | ลูกวาววับหวั่นทรวงสหัสา | ||
พระฉวีเสียศรีสุนทรา | ชลนานองเนตรตลึงแล | ||
ยลอนงค์นุชนางสนมน้อม | งามลม่อมหมอบผจงดังวงแข | ||
เคยรองบาทจะบำราศสวาดิแด | เหมือนจะแปรปราศจากไม่อยากยล | ||
เหนพระไทยจะเปนห่วงหน่วงถนอม | จะไกลกล่อมขวัญให้ระหวยหน | ||
จึงเรียกรศอมฤตยวิเชียรชล | เสี่ยงกุศลซึ่งสร้างพระโพธิญาณ | ||
แม้นชนม์จะอยู่ช่วยบำรุงทวีป | ขอให้รีบรับน้ำรศาหาร | ||
ถ้าชีวิตรนี้จะปลิดไม่เนานาน | อย่าให้พานสอคล่องนิยมยิน | ||
เทวศว่าต่อพระภักรพระชนศรี | แล้วทวีทรงพระวิตกถวิล | ||
พิศฐานเสร็จเสวยวารีริน | แต่ชั้นกลิ่นกลืนกลับวิบัติเปน | ||
พระอาเจียนเวียนประทะอุรหมอง | จึงตรัสร้องว่าโอ้มิพ้นเข็ญ | ||
เคยเปนร่มเกล้าโลกย์ได้อยู่เย็น | เห็นสุเมรุเอนแล้วจะตรมตรอม | ||
สุเรศดังสุรางค์บำเรออินทร์ | จะไกลกลิ่นกล่อมกลีบมณฑาหอม | ||
เคยสงวนนวลเฉลิมเปนเจิมจอม | ยามถนอมแนบชื่นไม่คืนเคียง | ||
แต่ครวญคร่ำน้ำพระเนตรนั้นนองเนตร | แสนเทวศพร้องเพราะพระสุรเสียง | ||
พระสนมรอบร่ำพิไรเรียง | เคยชุบเลี้ยงจะนิราศพระบาทา | ||
จึงดำรัสเรียกเหล่าบุตรีสมร | ประโลมสอนพ่อจะร้างนิราศา | ||
ดวงจิตรฝากชีวิตรพระบิตุลา | วาศนาหาไม่จงเจียมสกนธ์ | ||
สมรยากฝากองค์ให้การุญ | ถ้าพระคุณเคืองเข็ญไม่เปนผล | ||
จะพึ่งพ่อเล่าก็พ่อไม่ยืนชนม์ | ยลแต่บาทนะจงตั้งภักดีตรง | ||
หนึ่งพระเสาวนีที่มียศ | พระธิดาปรากฎมงกุฎหงษ์ | ||
จงฝากกายนะอย่าหมายหมิ่นทนง | เจ้าเปนวงษ์จงรักษ์ธุลีลออง | ||
ที่นี้ถึงเทพถือโอสถทิพย์ | ผจงหยิบมาประมูลทูลฉลอง | ||
ไม่เสวยเลยให้เวทนาปอง | จะต้องเนิ่นทรมานรำคาญเคือง | ||
สดับตรัสดังมัจจุราชรีบ | ประหารชีพลูกหายทำลายเบื้อง | ||
เมรุมุ่งเคยประจำทวีปเรือง | ถ้าล่มแล้วจะมิเนืองน้ำตาตาย | ||
บ้างข้อนอกร่ำโอ้มิควรเข็ญ | ดังกระเด็นเศียรเกล้าของเราหาย | ||
เคยปราโมทมีศุขทุกวันวาย | เหมือนสายเนตรจะเปนสายโลหิตกอง | ||
ถึงยามเกษมเคยแสนสำเริงรื่น | กลับสอื้นนึกโอ้มโนหมอง | ||
แต่นั้นมาพร้อมหน้าไม่ไกลลออง | หมายฉลองพระคุณคอยระวัง | ||
ผลัดโมงกันไม่ให้คลาดสักบาททุ่ม | ดังเพลิงรุมร้อนอกวิตกหลัง | ||
แต่นั่งยามย่ำฆ้องจนเคาะระฆัง | ลูกหวังฟังราชกิจจะหนักเบา | ||
ปางปิ่นโมฬีทั้งสี่ทวีป | ดังศศิธรร่อนรีบขึ้นเหลี่ยมเขา | ||
เสวยทุกข์มิได้ศุขสถิตย์เนา | ให้เชิญเอาพระอาการนราพงษ์ | ||
พอรตินทิวาเวลาสงัด | ดำรัสร่ำคำหวานละลานหลง | ||
ตลึงแลดูนิเวศจังหวัดวง | ยิ่งแสนทรงพระวิโยคเมื่อยามตรอม | ||
ว่าอนิจจังครั้งนี้จะไกลเนตร | นึกสังเวชก็แต่บุตรสุดถนอม | ||
จะพึ่งวงษ์ไม่จงเหมือนบิตุจอม | จะร่ำโอ้ทูลกระหม่อมนิราคลา | ||
พรหมภักตร์พร้อมภักตร์ละห้อยหวล | แต่นี้นวลนะอย่าโหยละห้อยหา | ||
ทั้งพิมานดุสิดาสวรรยา | ฤๅจะราแรมร้างจากปรางค์ไป | ||
แต่พื้นทรงสมญาปราสาทซื่อ | ประสิทธินามไว้ให้ฦๅพิภพไหว | ||
แล้วนึกพระบิตุลายิ่งอาไลย | จะเปลี่ยวพระไทยจินดานุชาครัน | ||
คราวณรงค์เห็นจะทรงดำริห์คิด | เคยร่วมจิตร่วมคู่เสวตรสวรรค์ | ||
ร่วมชีวิตรปลิดพรากไปจากกัน | ร่วมสุวรรณเสวตรฉัตรกระจัดนาม | ||
จะภินทนาอยู่เออนาโถ | จะนึกโอ้ฤๅไม่เอื้อนระคางขาม | ||
ฤาจะแสนโศกเทวศถวิลความ | เปนเพื่อนไร้ในยามกันดารนาน | ||
พระเดชขจรนครกระษัตริย์สิ้น | แต่พื้นผินน้อมศียรหัตถ์ประสาน | ||
ถวายเครื่องทิพย์มาศสุมาลย์ | บรรณาการเนื่องแน่นประนมคม | ||
ออกพระนามก็ให้ขามขยาดยศ | เห็นปรากฎเกียรติเกินพระสยม | ||
อาณาราษฎร์ร้องถวายพระพรชม | จนประถมล่วงพระชนม์นรินทร์ | ||
ร้อนอาศน์เทวราชอมรเมศร์ | เทพเทวศทุกวิมานรังสิน | ||
สิบหกชั้นช่อฟ้าดุสิตอินทร์ | ประชุมผินผันย้ายราษีจร | ||
เข้าสถิตย์สิงสู่กำภูฉัตร | กระจัดแจ้งออกด้วยเทพสังหร | ||
หวังให้เลื่องบารมินปิ่นนคร | กระฉ่อนภพจบหล้าลือขจาย | ||
มหัศจรรย์โลกย์ลั่นกำปนาท | สุธาวาศไหวกระทบคูหาหาย | ||
สุเมรุเอียงแทบจะเอนอันตราย | สายสินธุ์เปนละลอกกระฉอกฟอง | ||
พระสมุทเพียงจะทรุดไม่หยุดคลื่น | ภุชชงศ์ตื่นเผ่นน้ำผันผยอง | ||
ประทุมเกตุอาเภทดังสีทอง | แสงส่องยลปลาดไม่อาจแล | ||
เมฆหมอกออกมัวไปทั่วทวีป | พิรุณรีบโปรยกระสินธุ์รินกระแส | ||
ฟ้าดินวิปริตเห็นผิดแปร | ทีนี้แน่แล้วพระจอมกระหม่อมเวียง | ||
ทั้งโพยมก็พยับพยุฝน | ดูฤกษ์บนเทเวศร์ถวายเสียง | ||
สุนีฟาดอากาศก้องสำเนียง | ดังเปลื่องเปลี้ยงฟ้าลั่นคำรามรน | ||
วายุพาพัดปาริกชาติ | ก็พินาศพังรเนนไม่ตั้งต้น | ||
เสวตรฉัตรหักยับระยำยล | ฤๅเทพดลบันดาลฟ้ามาเชิญ | ||
วิหคร้องในห้องเวหาหาว | เหมือนเสียงสาวสมรอัปศรเหิน | ||
เหมือนศุลีรอยชลอพิมานเกิน | คอยพระราชดำเนินเสด็จคลา | ||
บังเกิดมีองค์พระศรีมหาโพธิ | นิโรธร่มฝูงสัตวมนัศา | ||
ก็แรมร่วงล่วงลับอยู่โรยรา | กลับระย้ายอดลัดระบัดใบ | ||
เมื่อจวนจอมรพีพงษ์ทิวงคต | โพธิ์สลดเอนล้มระทมไข้ | ||
ดังมีจิตรคิดแสนเทวศใจ | ดังอาไลยในเบื้องบดินทร์วาย | ||
ฦๅล้นกระหม่อมจอมดาวดึงษ์เดช | แสดงเหตุแจ้งอัตถ์กระจัดถวาย | ||
ว่าโพธิ์ทองหมองแล้วจะอันตราย | เมื่อลูกหมายเหมือนพระจอมโลกากร | ||
ด้วยพระปิ่นจรรโลงอยุทธเยศ | ทุกประเทศเกรงจบสยบสยอน | ||
จึงสำแดงบารเมศฦๅขจร | ว่าร่มร้อนเกล้าโลกย์เคยอยู่เย็น | ||
ครั้งนี้จะเสด็จสู่สวรรคต | ก็ปรากฏอัศจรรย์จะให้เห็น | ||
นิจาโอัอกเอ๋ยมิเคยเปน | จะเกิดเข็ญูเเน่เเล้วสุชลริน | ||
บัญูชรวายุสถานอัมเรศ | ทั้งพิมานพรหเมศนรังสิน | ||
เลร็จศุขจตุรมุขพระแกลยิน | เยยดังพิณพาทย์เพลงบรรเลงกลอน | ||
ไฉนหมองกลับร้องสำเนียงโหย | อดูรโดยพระมิ่งอดิศร | ||
แต่พระที่นั่งดังภินทนาวรณ์ | นี่ฤๅเราจะมิข้อนอุระครวญ | ||
ซรอยเทพยดารักษาวัง | ถวิลหวังบริรักษ์เเรมสงวน | ||
เคยรองมุลิกานิรานวล | รเหยหวลอาไลยธุลีลออง | ||
มหัศเหดุใหัเทวคทวีร่ำ | ยิ่งกลืนระกํากอบกินสุชลหมอง | ||
สารพัดจะวิบัติบังเกิดปอง | ชวนกันพร้องพร่ำโอ้เเต่นี้เรา | ||
อันฉัตรเเก้วร่มเกษเฉลิมโลกย์ | เห็นวิโยครัศมีมณีเศร้า | ||
เคยเรืองแสงส่องวามเห็นงามเพรา | เสมอเขาพระสุเมรุเอนทำลาย | ||
สุกรปักษ์เหมันติกามาค | เสร็จปำราศเอกานิราหาย | ||
กำสรดสั่งยังวิหารอารามพราย | ถวายกรวอนทูลพระชินวงษ์ | ||
มณฑปดังจุฬามณีสวรรค์ | พระเพลิงหั่นล้างใหัเปนผุยผง | ||
พึ่งทรงสรัางฤๅจะรัางไปเอองค์ | จะชีพจงคตสิ้นเสียก่อนกาล | ||
สถิตย์เถิดลาเเลัวพระชินศรี | ชุลีหัตถ์ไห้ร่ำด้วยคําหวาน | ||
พระวรรณโรครึงรนไม่ทนทาน | ทรมานนานเนิ่นก็เกินแรง | ||
ประชวรซูบผิดพระรูปร่ำเทวศ | ชลเนตรนองภักตร์ชักพระเเสง | ||
จะล้างองศ์ลงใหัวางเสียกลางแปลง | โอรสเเย่งเคียงยุดพระกรกุม | ||
อนิจาอาดูรเเล้วทูลหัาม | จงโปรดตามอย่าเพ่อทอนพระชนม์ทุ่ม | ||
พระเป็นที่ร่มฉัตรสัตว์ประชุม | ค่อยเหือดกลุ้มพระอุระสบายคลาย | ||
กลับสู่พระนิเวศน์นิวาศสถาน | ถีงพระทวารสั่งเสร็จพระไทยหาย | ||
โอ้เวียงเอ๋ยเคยเกษมเปรมปราย | ประมาณหมายแม่นมิ่งพิมานอินทร์ | ||
ทีนี้จะเงียบเหงาเย็นเปนวังร้าง | ดำรัสพลางทอดถอนฤทัยถวิล | ||
แต่ครรไลรอบราชวังนรินทร์ | แล้วก็ผินเผยผันพระบัณฑูร | ||
ว่าอนิจาครั้งนี้จะนิราศ | เคยเอนอาศน์ปัจฐรณ์จะสิ้นสูญู | ||
พระภักตร์หมางหมองเศร้าด้วยอาดูร | ภูลเทวศทุกทิวานิจากรรม | ||
จึงเอื้อนเทวบัณฑูรสั่งสนม | ต่างประนมหัตถ์รับพิไรร่ำ | ||
จงค่อยอยู่เถิดวิบากจะจากจํา | น้ำพระเนตรอาบชลธารนอง | ||
ตรัสสั่งวสันดรพิมานแก้ว | จะลาแล้วแรมรัางอย่าหมางหมอง | ||
เคยสำราญูเนาสถานพิมานทอง | จะไกลห้องทิพเยศนิเวศน์วัง | ||
นิเวศน์เวียงยินแต่เสียงสนมโศก | เสน่ห์เเสนสุดวิโยคไม่วายหวัง | ||
ไม่เว้นว่างนางในไห้ประดัง | ประดาหวลครวญตั้งตลอดปี | ||
แต่ปางหลังครั้งเบื้องบรเมศร์ | บรมบาททุเรศนิราหนี | ||
นิราศร้างเเสนสุรางคเทพี | เทพินมีเเต่ตีอุระกรม | ||
อุราเกรียมเทียมเเทบไคลทับ | ศิลาทุ่มทรวงคับด้วยทุกข์ถม | ||
ทุกข์ปะทะถึงบดินทร์สุรินทร์รมย์ | สุเรศร้างจะระบมอารมณ์โรย | ||
อารามร่ำจำจากจอมนิเวศน์ | จึงนิวรณ์อ่อนเกษถวิลโหย | ||
ถวิลหาถีงฝ่าลอองโอย | ลอายอาบเนตรโกยเเต่กองชล | ||
เเต่การชื่นฝืนใจใม่มีศุข | มาน่ามุขเหงาเงียบละห้อยหน | ||
ละห้อยหวลล้วนลางพิไรรน | พิลาปแล้วจะไม่ยลยุคลคืน | ||
ยิ่งฆ้องค่ำย่ำสนธยาหมอง | ทเยศหมางห่างห้องหวลสอื้น | ||
โหยสอึกนึกอนาถสวาดิกลืน | เสวยทุกข์ไม่ชื่นสักนาฬิกา | ||
นาฬิกาลฆ้องบานประจวบทุ่ม | สุชลชุ่มเนตรซับกับภูษา | ||
มิไดัเยื้อนเบือนเบิกสักเวลา | ชลนาดังสายพิรุณโปรย | ||