บทละครพูดเรื่องหัวใจนักรบ

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(ชุดที่ ๑)
(ชุดที่ ๒)
แถว 314: แถว 314:
===ชุดที่ ๒===
===ชุดที่ ๒===
 +
ฉากเหมือนชุดที่ ๑
 +
 +
 +
 +
(เมื่อเปิดม่าน พระภิรมย์ฯ เดินไปเดินมาอยู่ในห้อง ท่าทางไม่สู้พอใจ นายซุ่นเบ๋งเดินเข้ามาจากทางเฉลียง นายซุ่นเบ๋งแต่งตัวนุ่งผ้าสวมเสื้อขาว)
 +
<tpoem>
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ว่ากระไร
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ไม่สำเร็จ ไม่มีหนทางที่จะให้พ้นมาได้
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  จะจัดการอย่างไรๆ ก็ไม่ได้หรือ
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ไม่มีหนทาง ผมเสียใจมาก ผมได้ไปหาเจ้าคุณเทศาฯ ตามคุณสั่ง ท่านตอบว่าท่านจะช่วยอย่างใดไม่ได้ ผมไปหาท่านผู้บัญชาการกองพลท่านก็ตอบว่าไม่มีหนทางที่จะผ่อนผันอย่าง ไรได้
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  พุทโธ่! (ทรุดลงนั่ง) นี่พ่อสวิงมิต้องทนลำบากเป็นทหารอยู่อย่างนี้จนตลอดชีวิตหรือ
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ก็เพียงชั่วสองปีเท่านั้น
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ก็ยังกองหนุนอีกเล่า
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  เมื่อถึงกองหนุนแล้วไม่อัศจรรย์อะไร  คงกลับมาบ้านได้  แต่ผมได้ยินข่าวอะไรอย่างหนึ่ง ซึ่งผมควรจะเรียนคุณพระให้ทราบ (นั่งลงใกล้ๆ พระภิรมย์ฯ) ผมได้ทราบข่าวว่าน่าจะมีสงครามกันในเร็วๆ นี้
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  อย่างนั้นหรือ
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ขอรับ  พวกพ้องผม  เขาบอกข่าวมาจากกรุงเทพฯ  เขาว่าเขาได้ข่าวลับมาจากซ่องฮอย เขาว่าทางโน้นเตรียมทหารอยู่พร้อมแล้ว แต่นั่นแหละ เวลานี้รัฐบาลกำลังพูดจาว่ากล่าวกันอยู่ ถ้าฝ่ายรัฐบาลไทยยอมตามเขาก็จะไม่ต้องรบกัน
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ก็ทำไมไม่ยอมเขาเสียเล่า
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ข้อนี้ผมทราบไม่ได้ แต่ผมทราบว่าการที่รัฐบาลไทยดื้ออยู่อย่างนี้ ทำให้พวกพ่อค้าจีนพากันตกใจมาก กลัวจะเสียประโยชน์การค้าขาย เขาว่าเรือเมล์ออกจากรุงเทพฯ ไปเมืองจีนหมู่นี้มีพวกจีนโดยสารไปเต็มๆ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ตายจริง นี่จะทำอย่างไรดี ถ้าเกิดรบกันขึ้นพ่อสวิงมิต้องพลอยไปตายกับเขาด้วยหรือ
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  แน่ทีเดียว ถ้ายังคงอยู่ในกองทหารก็คงต้องถูกเกณฑ์ไปรบ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  พุทโธ่ๆ กรรมจริงๆ
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ที่จริงการที่รัฐบาลดื้อไม่ยอมเขาเช่นนี้ แปลว่าถือเกียรติยศไม่เป็นเรื่องแท้ อย่างไรๆ ก็สู้เขาไม่ได้ เพราะเขาดีกว่าเรามาก อย่างไรๆ เขาก็ต้องชนะ เพราะฉะนั้นการที่จะขืนดื้อต่อไปก็เหมือนท้าให้เขารบ และถ้าเกิดรบกันขึ้นแล้วคนไทยต้องตาย ก็ต้องนับว่ารัฐบาลรับผิดรับชอบเหมือนแกล้งฆ่าคนไทย เอาชีวิตคนไทยแลกกับการรักษาเกียรติยศเย่อหยิ่งไม่มีประโยชน์เลยจนนิดเดียว แล้วก็ไม่ใช่แต่คนไทยจะเสียประโยชน์แต่ลำพัง ยังพลอยให้จีนและชาวต่างชาติพลอยต้องเสียประโยชน์ด้วย เมื่อการเป็นเช่นนี้ ผมเห็นควรรัฐบาลจะให้โอกาสให้ราษฎรได้มีเสียงออกความเห็นได้บ้าง
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ส่วนคนอื่นๆ จะคิดอย่างไรหรือทำอย่างไรกันฉันไม่รู้ไม่ชี้ด้วย แต่ส่วนพ่อสวิงทำอย่างไรจึงจะได้รอดตาย
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ผมเห็นมีทางที่พอจะจัดการได้
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  จะทำอย่างไร
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  เมื่อจะจัดการให้ออกจากทหารไม่ได้โดยทางอื่นแล้ว ก็ต้องคิดอ่านให้หนี
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  อ๊ะ! จะหนีอย่างไร
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ไม่ยากเลย ขออนุญาตมาเยี่ยมคุณพระก็ได้
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  เผื่อเขาไม่ให้มา
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  (ยิ้ม) ตีนพ่อสวิงก็มี รั้งโรงทหารก็ไม่สูงปานใดนัก
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ก็เขาจะไม่ตามจับหรือ
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  เขาคงตามเป็นแน่ แต่ฝ่ายเราต้องเตรียมไว้ให้พร้อม ที่จริงผมได้คิดทำทางไว้แล้ว คุณพระต้องเตรียมเรือยนต์ไว้ให้พร้อม พอพ่อสวิงมาถึงก็ให้ลงเรือไปทีเดียว ให้รีบไปกรุงเทพฯ เมื่อถึงกรุงเทพฯ แล้วผมจะพาไปฝากไว้กับเพื่อนผมคน ๑ จนถึงกำหนดเรือเมล์ออกก็ลงเรือเมล์ไปเสียเท่านั้น
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ก็ดีออก แต่ถ้าเผื่อเขาจะมาเร่งเอาตัวกับฉันจะทำอย่างไร
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  คุณพระต้องปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นด้วยเลย
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  เผื่อเขาไม่ยอมเชื่อ เขาจะจับตัวฉันไปจะว่ากระไร
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ข้อนั้นไม่ต้องวิตก ผมจะจัดการ ถ้าจับคุณพระไปละก็เป็นได้เกิดความใหญ่แน่ เพราะถ้าเช่นนั้นผมจะร้องให้ดังว่ารัฐบาลใช้อำนาจกดขี่ข้าแผ่นดินอย่างร้ายกาจ พวกพ้องผมก็มีไม่ใช่น้อย คงช่วยกันตะโกนทุกคน รัฐบาลเห็นท่าทางไม่ดีก็ต้องปล่อยคุณพระ เพราะในเวลาที่การภายนอกกำลังล่อแหลมเช่นนี้ คงไม่อยากให้มีเหตุร้อนใจภายในอีกซ้ำ ๑ เป็นแน่
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ความคิดแกในตอนเช่นนี้ ฉันบอกตรงๆ ว่าฉันไม่สู้ชอบ การที่ฉันจะเป็นต้น เหตุให้รัฐบาลเดือดร้อนฉันเห็นดูกระไรๆ อยู่
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ความตะขิดตะขวงคุณพระในข้อนี้ เป็นเพราะคุณพระเป็นคนสมองเก่าเท่านั้น ถ้าคุณพระตรองดูให้ดีคงจะเห็นได้ว่า แท้จริงรัฐบาลไม่ได้ให้ความยุติธรรมแก่คุณพระตามที่สมควรเลย การที่คุณพระต้องออกนอกราชการเพราะเหตุใด
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  นายท่านว่าฉันทำราชการไม่ไหวพริบทันสมัย
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  นั่นก็เป็นวิธีพูดอัน ๑ เท่านั้น ที่แท้คุณพระต้องลงกระป๋อง เพราะคุณพระมีความนับถือตัวเอง เกินที่จะยอมประพฤติเป็นคนหัวประจบเท่านั้น คนเราทุกวันนี้ ถ้าจะให้เจริญในราชการต้องรู้จักพลิกแพลง พูดจาดีๆ ประจบเก่งๆ จึงจะเอาตัวรอดได้
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  กระประจบประแจงนั้น ก็คงจะมีอยู่บ้างจริงอยู่ แต่ที่แกพูดว่าข้าราชการจะได้ดีหรือลงกระป๋องแต่เฉพาะโดยการประจบไม่ประจบเท่านั้นก็เหลือเกิน แต่อย่างไรๆ ก็ดี การที่จะให้ฉันเป็นสาเหตุที่จะทำให้รัฐบาลต้องลำบากร้อนใจนั้น ฉันไม่หายตะขิดตะขวงได้ เพราะฉะนั้นอย่าคิดต่อไปเลย ฉันไม่ยอมตามแกได้เป็นอันขาด
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ถ้าเช่นนั้นก็มีอยู่อีกทางหนึ่ง คือคุณพระต้องไปเสียกับพ่อสวิงพร้อมกัน
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  อ๊ะ! จะให้ฉันทิ้งบ้านช่องไปอย่างนั้นหรือ ก็แล้วทรัพย์สมบัติฉันจะทำอย่าง ไร
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ข้อนั้นไม่ยาก คุณพระมอบให้ผมจัดการก็ได้ ผมคงจะจัดการส่งเสียเงินทองไปให้พอใช้สอย
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  เฮ้ย! มันไม่ใช่แต่เท่านั้น ยังครอบครัวอีกเล่า
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ผมได้คิดเสร็จแล้ว ให้แม่เน้ยไปด้วยเพื่อปฏิบัติวัตถากตามเคย ส่วนลูกนั้นพ่อสวิงก็ต้องไปอยู่เองแล้ว พ่อสวายถ้าจะเอาไปด้วยก็ควรอยู่ ส่วนพ่อสวัสดิ์คุณพระก็ยกให้หลวงมนูไปแล้ว และแม่อุไรนั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเขาก็คงไปตกแต่งกับหลวงมณีฯ ตามความปรารถนาของเขา
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ก็แม่แย้มเล่า
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  (ยิ้ม) คุณพระยังเป็นห่วงอาลัยท่านผู้เฒ่าอยู่อีกหรือแม่เน้ยไม่พอจะเอาเมียน้อยอื่นๆ ไปอีกสักสองคนก็ได้ หรือไปหาเอาใหม่ก็ได้ ส่วนคุณแม่เฒ่าแกก็คงจะได้อยู่ในบ้านนี้ต่อไป แกก็คงจะไม่ลำบากลำบนอะไรเป็นแน่
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  (อึ้งอยู่ครู่ใหญ่ๆ แล้วจึงพูด) มันดูออกจะอย่างไรๆ อยู่
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  เอาอีกล่ะ พุทโธ่ มีแต่ตะขิดตะขวงไปอบข้าง จะตกลงทางไหนก็เลือกเอาทาง ๑ สิ ขอรับ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ฉันเห็นมันดูไม่ได้การทั้งสองอย่างนี่นะ
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ถ้าเช่นนั้นคุณพระจะยอมเลิกการให้ลูกหนีทีเดียวหรือ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  การที่จะให้หนีดูมันเป็นการใหญ่ให้ผลลำบากมากมายเกินไปนักนี่นะ
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  เอาเป็นเลิกกันหรือ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  เห็นจะต้องเลิก
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ผมเสียใจ ผมได้ไปนัดกับเขาเสียแล้วให้หนี
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  อะไร! แกวิ่งไปนัดไปแนะกับเขาเสียแล้วหรือ ทำไมไม่รอปรึกษาฉันก่อน
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ผมสำคัญว่าคุณพระคงจะพอใจตามความคิดผม แต่ก็ไม่เป็นไร เมื่อพ่อสวิงหนีมา ถึงนี่แล้วจึงค่อยตกลงกันต่อไปจะดีกว่า ถ้าเจ้าตัวเขาเต็มใจจะกลับไปก็แล้วกันไป แต่ถ้าเขาไม่ตกลงก็ต้องคิดกันต่อไป เพราะการที่จะบังคับให้คนที่มีอิสรภาพทำการที่ไม่ต้องการทำนั้น บังคับไม่ได้อยู่เอง
 +
</tpoem>
 +
(ขณะนั้นได้ยินเสียงนกหวีดเป่ายาวบอกสัญญาหยุดที่ข้างนอก พระภิรมย์ฯ กับนายซุ่นเบ๋งต่างคนต่างลุกขึ้นไปยืนดูที่หน้าต่างข้างขวา)
 +
<tpoem>
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ฮือ! พวกเสือป่ามาทำไมกันแยะ
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ได้ยินว่ากำลังซ้อมรบ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ฮึ! ยุ่งพิลึก เที่ยวเดินตะพัดตะเพิดบุกรุกไม่ว่าในบ้านในช่องใคร ดูเหมือนจะเข้าใจเสียว่าถ้าเล่นเป็นทหารละก็จะทำอะไรทำได้ทุกอย่าง
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  เข้ามาในบ้านคุณพระด้วยหรือขอรับ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  เคยเข้ามา แล้วไล่ก็ไม่ใคร่ไปด้วย
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  คราวนี้ถ้าว่าไม่ฟ้องก็ฟ้องบุกรุกเสียบ้างสิขอรับ  ถ้าไม่ฉะนั้นพวกเสือป่าจะพากันเข้าใจไปว่าพวกเขาอยู่เหนือกฎหมาย
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  เอ๊ะ! ดูท่าทางเหมือนจะพักกองอยู่ตรงนี้ เบื่อจริงๆ ถ้าจะมานั่งอยู่ข้างๆ หามรุ่งหามค่ำเช่นนี้ ใครจะคอยระวังระไวได้หวาดไหว
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ก็ทำไมคุณพระไม่ไล่ให้ไปตั้งเสียที่อื่นเล่าขอรับ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ฉันได้เคยไล่ทีหนึ่งแล้ว  เขาตอบว่าเขาไม่ได้ตั้งอยู่ในที่บ้านของฉัน  ฉันไม่มีอำนาจอันชอบธรรมที่จะไล่เขา
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ข้อนั้นก็จริงอยู่ แต่คุณพระควรจะจ้องไว้ พอย่างเข้ามานิดหนึ่งก็ฟ้องบุกรุกได้ที เดียว แต่ถ้าจะไม่ให้มีทางติเตียนได้เลยควรจะบอกกล่าวเสียก่อนจะดี
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  จริง ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ มาด้วยกันเถอะ (พากันออกไปทางหลัง)
 +
</tpoem>
 +
(นายสวายกับแม่เน้ยพากันออกมาจากประตูซ้าย)
 +
<tpoem>
 +
'''สวาย'''  ฉันว่าแล้ว ว่าคุณพ่อน่ะเป็นคนที่ไม่มีความแน่นอนอะไรเลย เป็นคนลังเลที่สุดในโลกหล่อนก็ได้ยินแล้วแก่หูหล่อนเอง ว่าพี่ชายหล่อนเขาอธิบายดีปานใด คุณพ่อหายลังเลเมื่อไร เป็นห่วงหน้าห่วงหลังไม่รู้จักจบ ทำไปทำมาก็คงจะต้องแห้งแก๋กันอยู่ที่นี่เอง
 +
'''เน้ย'''  นี่การรบน่ะเป็นต้องมีแน่ละหรือ
 +
'''สวาย'''  ไม่มีข้อสงสัยเลย ไม่แน่อยู่แต่ว่าจะเริ่มวันใดเท่านั้น
 +
'''เน้ย'''  ตายจริง ก็ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรกันดีเล่า
 +
'''สวาย'''  ฉันเบื่อนัก จะมานั่งรอจนกว่าคุณพ่อจะทำให้ใจตกลงได้แล้วคงเลยไม่ได้ไป ก็จะรอแกทำไม เรามาพากันไปเสียก็แล้วกัน
 +
'''เน้ย'''    อะไร จะทิ้งคุณพ่อไว้ทางนี้อย่างนั้นหรือ
 +
'''สวาย'''  ก็แกไม่ไปจะทำอย่างไรเล่า หรือหล่อนยังห่วงแกอยู่อีก ยังอาลัยอาวรณ์อยู่อีกหรือ
 +
'''เน้ย'''  พุทโธ่ ทำไมจะไม่อาลัย ใจท่านดีต่อฉันมาก
 +
'''สวาย'''  ก็ส่วนฉันเล่า หล่อนจะใจดำให้ฉันไปได้คนเดียวหรือ
 +
'''เน้ย'''  ก็เมื่อกลัวจะว่าเหว่ก็ทำไมไม่พาอีแก่นไปด้วยเล่า จะได้ไปบำรุงบำเรอกันให้ถึงใจ
 +
'''สวาย'''  พุทโธ่แม่เน้ยทำไมพูดอย่างนี้ได้ หล่อนควรจะเข้าใจดีแล้วว่าการที่ฉันต้องเอาใจอีแก่นเพราะจะต้องปิดปากมันเท่านั้น มันรู้มากเกินไปถ้าไม่ทำดีต่อมันไว้มันก็ขายเราเสียเท่านั้น
 +
'''เน้ย'''  ฉันไม่เชื่อเลย ถ้าจะเพียงแต่ทำไมตรีเท่านั้น ทำไมจะต้องไปหากันบ่อยนัก แทบไม่เว้นวัน
 +
'''สวาย'''  ก็หล่อนน่ะฉันพบปะได้ง่ายๆ เมื่อไร แต่หล่อนไม่ควรที่จะหึงอีคนเช่นนั้นเลย มันเป็นขี้ข้าไม่เปรียบกับหล่อนได้เลย แล้วอีแก่นก็แก่กว่าฉันตั้ง ๔ ปี ๕ ปี หล่อนกับฉันน่ะสิ พอสมคู่สมคีมกัน (เข้าไปทำท่าจะกอด)
 +
'''เน้ย'''  อุ๊ยอย่านะ เดี๋ยวก็จะเกิดความเดี๋ยวนี้เอง นี่แหละเขาว่าคบเด็กสร้างบ้าน
 +
'''สวาย'''  ชะๆ แม่แก่ ทำแก่ไปได้ นี่แน่ะว่าแต่จะไปด้วยกันหรือไม่ไป
 +
'''เน้ย'''  ไม่รู้ได้
 +
'''สวาย'''  อะไรไม่รู้ (เข้ากอด เน้ยทำท่าจะสบัดก็ไม่ปล่อย) ทำไมต้องประพฤติเป็นคนลังเลไปด้วย หรือติดโรคผัวแก่
 +
'''เน้ย'''  โธ่! ยุ่งอย่างนี้แหละ (ผละออกจากนายสวาย)
 +
'''สวาย'''  ต้องขอให้หล่อนเข้าใจว่า ถ้าจะไปต้องรีบไป ถ้าไม่อย่างนั้นจะทำลำบาก เรือยนต์ก็มีลำเดียว ถ้าฉวยว่าพี่สวิงหนีทหารมาแล้วก็จะต้องการเรือนั้นเหมือนกัน
 +
'''เน้ย'''  ก็จะเป็นไรไป ไปด้วยกันก็ได้
 +
'''สวาย'''  ที่ไหนได้ จะได้กีดเราประไรเล่า หรือบางทีแม่เน้ยจะต้องการให้เขาเบียดก็ไม่รู้ บางทีฉันจะเด็กเกินไปกระมัง
 +
'''เน้ย'''  อุ๊ยแต่เด็กๆ ยังปานนี้ นี่ถ้าเป็นผู้ใหญ่อีกหน่อยจะเป็นอย่างไร
 +
'''สวาย'''  (จับมือเน้ยและเอียงหน้าเข้าไปพูด) อายุฉันยิ่งมากขึ้น ก็คงจะยิ่งรักแม่เน้ยมากขึ้นเท่านั้น
 +
</tpoem>
 +
(พระภิรมย์ฯ เดินขึ้นมาที่เฉลียงสวายกับเน้ยได้ยินฝีเท้าก็ออกห่างจากกันไป พระภิรมย์ฯ เดินเข้ามา แลดูทั้ง ๒ คน นายสวายเลี่ยงออกไป)
 +
<tpoem>
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  (หน้าบึ้ง) นั่นมาพูดซุบซิบอะไรกัน
 +
'''เน้ย'''  พ่อสวายเขาเล่าถึงเรื่องจะเกิดรบพุ่งอะไรกันนะคะ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  จะเล่าเรื่องอะไรๆ ก็ตามทีเถอะ แต่ทำไมจึงต้องพูดกันอย่างท่าทางสนิทสนมเหลือเกิน ทำไมต้องจับมือถือแขนกันด้วย
 +
'''เน้ย'''  พุทโธ่คุณละก็ ทำไมขี้สงสัยเช่นนี้ (เข้าไปทำท่าคลอเคลีย) อะไรเด็กเล็กก็หึงมันด้วยหรือคะ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  มันก็ไม่สู้เด็กนัก มันโตพอที่ควรจะหึงได้อยู่บ้าง
 +
'''เน้ย'''  เอ๊ะ! นี่คุณระแวงอะไรหรือ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ก็นั่นแหละ หนุ่มกับสาว-ฮือ!
 +
'''เน้ย'''  นี่คุณก็ไม่เมตตาดิฉันแล้ว จึงได้หาความว่าดิฉันทำผิดคิดชั่ว พุทโธ่ๆ เสียแรงมีผัวกับเขาคนหนึ่ง หมายจะได้เป็นที่พึ่งให้เป็นสุขกายสุขใจก็กลับมาเป็นไปเสียเช่นนี้ ช่างอาภัพเสียจริงๆ (ทำเป็นร้องไห้)
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  อ้าวๆ แม่เน้ย นั่นอะไร
 +
'''เน้ย'''  (ทำเป็นสอิ้งพลางพูดพลาง) เมื่อก่อนจะมาเป็นเมียคุณพระมีผู้ชายหนุ่มๆ มาตอมดิฉันอยู่ออกรอบข้าง ถ้าเป็นคนใจเบามิตกลงกับเขาไปเสียแล้วหรือ นี่อุตส่าห์สงวนตัวไว้เพื่อมาเป็นเมียคุณพระก็หมายว่าจะได้พึ่งผัวเป็นผู้ใหญ่ใจหนักแน่น ไม่ได้คิดเลยว่าจะมาสิ้นวาสนาลงในเร็ววันเช่นนี้
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  แม่คุณของพี่  พี่ไม่ได้เห็นอย่างโน้นอย่างนี้อะไรดอก  เป็นแต่ธรรมดาคนที่มีอายุมากๆ แล้วอย่างพี่ ยิ่งมีเมียที่สาวสวยอย่างหล่อนก็ยิ่งห่วงใยมากขึ้น เพราะรักมากเท่านั้น
 +
'''เน้ย'''  ถ้ารักทำไมจะหาความชั่วร้ายมาบ้ายให้เล่าคะ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ฉันไม่ได้หาถ้อยหาความอะไร ฉันเชื่อหล่อนทุกอย่าง จริงๆ นะหล่อน (กอดแม่เน้ย)
 +
'''เน้ย'''  คุณก็ดีแต่พูดเท่านั้น
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  พุทโธ่จริงๆ  นะแม่เน้ย  คราวนี้ฉันจะไม่ทำให้หล่อนต้องรำคาญใจอีกต่อไปเลยทีเดียว ฉันรักหล่อนยิ่งกว่าอะไรๆ ในโลกไม่อยากให้ หล่อนมีความทุกข์แม้แต่ครู่เดียว
 +
</tpoem>
 +
(นายซุ่นเบ๋งเดินขึ้นมาที่เฉลียง แล้วกระแอม)
 +
<tpoem>
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  อะไร
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ผมมีอะไรจะพูดกับคุณพระสักหน่อย (เน้ยรู้ทีก็เลี่ยงไปทางซ้าย นายซุ่นเบ๋งจึงเดินเข้ามาจากเฉลียง)
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  มีเรื่องะไร?
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  มาแล้ว
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ใคร?
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  พ่อสวิงนั่นสิขอรับ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  อยู่ที่ไหนเล่า?
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  อยู่ในสวน ถ้าผมให้สัญญาจึงจะเข้ามา
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ให้สัญญาสิ ให้เข้ามาเสียเร็วๆ จะดีกว่า
 +
</tpoem>
 +
(นายซุ่นเบ๋งไปที่หน้าต่างอัน ๑ ข้างขวา โบกผ้าเช็ดหน้าขึ้นลงสามที สักครู่ ๑ นายสวิงก็เข้ามาทางด้านหลัง  นายสวิงแต่งเครื่องสนามอย่างพลทหารกรมทหารราบที่ ๒๙ แต่ไม่มีปืน  หน้าตาค่อยมีเลือดฝาดรูปร่างท่าทางก็แข็งแรงขึ้น)
 +
<tpoem>
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  อย่างไรพ่อใหญ่
 +
'''สวิง'''  (โคลงหัว) เต็มที! เต็มที!
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  พุทโธ่! แน่ทีเดียว ลูกของพ่อเกิดมาเป็นผู้ดีไม่เคยตกทุกข์ได้ยากเคยกินดีนอนดี นี่ต้องไปกรากกรำอย่างขี้ข้า จะไม่ลำบากอย่างไร
 +
'''สวิง'''  คุณพ่อเข้าใจผิด ผมไม่ได้ตั้งใจจะกล่าวถึงการเป็นทหารว่าเต็มที การเป็นทหารนั้นก็จริงอยู่ที่ลำบาก แต่ไม่เหลือทนเหลือทานปานใด ลำบากมากอยู่แต่ในชั้นต้นๆ เท่านั้น อยู่ๆ ไปหน่อยก็เคยๆ ไปเอง ที่ผมบ่นว่าเต็มทีคือ การที่หนี (สั่นหัว)
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  เป็นอย่างไร
 +
'''สวิง'''  โอ๊ย ลำบากเหลือเกิน เขาเรียกแถวแล้วกำลังเรียกชื่อ ผมบอกจ่านายสิบว่าผมลงท้องขออนุญาตไปส้วม เขาก็อนุญาต ผมไปทางส้วมแล้วก็เลยปีนข้ามรั้วหลังส้วมออกมา ต้องเล่นจ๊ะเอ๋หลบหลีกเข้ารกเข้าพงมา หนามข่วนแทบป่นไปทั้งตัวเจียนๆ ตาย เออก็อาการคุณพ่อเป็นอย่างไรล่ะขอรับ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  (ประหลาดใจ) เอ๊ะ! อาการอาแกนอะไรกัน
 +
'''สวิง'''  ก็ไหนพ่อซุ่นเบ๋งบอกผมว่าคุณพ่อเป็นโรคหัวใจมีอาการหนักอย่างไรล่ะ
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  จริงขอรับคุณพระ ผมบอกไปเช่นนั้น เพราะถ้าไม่อย่างนั้น พ่อสวิงก็คงไม่ทำใจหนีมาได้
 +
'''สวิง'''  พุทโธ่! นี่หลอกกันเล่นดอกหรือ ผมนี่โง่มากสำคัญว่าคุณพ่อป่วยจริงๆ จึงได้อุตสาห์หนีมาหานี่ผมก็ลำบากเปล่าๆ เท่านั้นเอง แล้วมิหนำซ้ำกลับไปจะต้องถูกเฆี่ยนอีก
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  อะไรอย่างนั้นทีเดียวหรือ
 +
'''สวิง'''  แน่ละสิขอรับ ป่านนี้เขาก็คงรู้แล้วว่าผมหนี เมื่อหนีแล้วจะไม่ให้เขาลงโทษอย่างไร พุทโธ่เสียดายจริงๆ เสียแรงตั้งใจว่าจะประพฤติตัวดีไม่ให้ต้องถูกลงโทษเลย คราวนี้ผมจะต้องรบทั้งความเจ็บความอาย เพราะผมเสียรู้เชื่อถ้อยคำโกหกของอ้ายเจ๊ก
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ดูเถอะขอรับคุณพระ อย่างนี้แหละเข้าเรียกว่าทำคุณบูชาโทษ
 +
'''สวิง'''  แกมาทำบุญทำคุณอะไร ตรงกันข้าม แกทำร้ายให้แก่ฉันมากที่สุด ผมหวังใจว่าคุณพ่อไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยกับอ้ายเจ๊ก
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  คุณพระสั่งฉันเองให้ฉันจัดการให้แกพ้นจากทหาร
 +
'''สวิง'''  คุณพ่อทำไมเป็นไปได้เช่นนั้น ผมเสียใจมาก
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  พ่อไม่ได้บอกมันให้มันจัดการให้ลูกหนีเลย มันสาระแนไปจัดการเอง
 +
'''สวิง'''  ถ้าเช่นนั้นก็ยังชั่ว แต่เวลานี้ผมไม่มีเวลาอยู่อีกแล้ว ต้องขอลาไป
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  จะไปไหน
 +
'''สวิง'''  กลับไปที่กรมนั่นสิขอรับ
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  อะไร อยากกลับไปถูกเฆี่ยนหรือ
 +
'''สวิง'''  ข้าจะถูกเฆี่ยนหรือไม่ถูกก็ช่างข้าเถอะ เนื้อหนังของข้าเองไม่ใช่ของอ้ายเจ๊ก
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ช้าก่อน ทำไมจะต้องรีบร้อนกลับไป รอจนพรุ่งนี้ก็ได้ กินข้าวกินปลาเสียให้สบายสักมื้อหนึ่งก่อนดีกว่า
 +
'''สวิง'''  ผมจะกินแกนอะไรลง ผมต้องรีบไป เวลานี้ก็เป็นเวลาฉุกละหุก ผมได้ยินเขาว่าจวนๆ จะรบกันอยู่แล้ว
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ยังไม่มีประกาศการสงครามจะเริ่มรบก่อนไม่ได้ ผิดกฎหมายนานาประเทศ
 +
'''สวิง'''  กฎบัดกฎหมายอะไรกันไม่รู้ไม่ชี้ด้วย การรบการพุ่งใครเขาจะมาอินังขังข้อกับกฎบัดกฎหมาย เมื่อถึงเวลาจะรบเขาก็รบกันเท่านั้น
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  พ่อสวิงก็เคยเรียนกฎหมายเหมือนกัน ลืมหมดแล้วหรือ
 +
'''สวิง'''  ฉันไม่อยากพูดกับแกเสียเวลา คุณพ่อขอรับผมลาที (เดินไปทางหลังพอถึงประตูหลังก็หยุดชะงัก) เอ๊ะ! นั่นอะไรกัน พวกเสือป่าขยายแถวแล้ว
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  เล่นซ้อมรบซ้อมราเป็นบ้าอะไรกันตามเคยของเขาน่ะแหละ
 +
</tpoem>
 +
(เสียงปืนยิงพร้อมกันอย่างยิงเป็นตับ)
 +
<tpoem>
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  หนวกหูจริงๆ จะเล่นทำไมต้องให้รำคาญแก่พลเมืองด้วย
 +
'''สวิง'''  คุณพ่อขอรับ  เชิญดูอะไรหน่อย  (วิ่งมาจากทางหลังไปทางหน้าต่างขวา)  เชิญทางนี้เห็นถนัดดี (พระภิรมย์ฯ ไปที่หน้าต่างข้างขวา) โน่นขอรับที่ชายป่าโน้น เห็นไหม (เสียงปืนยิงตับอีกครั้ง ๑)
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ทหารไม่ใช่หรือ?
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ก็เขาก็เคยซ้อมรบด้วยกันกับเสือป่า ไม่อัศจรรย์อะไร
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  พ่อใหญ่ นั่นทหารกองไหน ทำไมแต่งตัวผิดกับพ่อใหญ่เล่า ดูสีเสื้อก็ไม่เป็นเทา เครื่องอื่นๆ ก็ดูผิดกัน
 +
'''ซุ่นเบ๋ง''' 
 +
'''สวิง'''  ดูผิดสังเกตนัก ผมต้องไปดูให้ได้ความ (วิ่งออกไปทางด้านหลัง)
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ชอบกลจริงๆ นี่อะไรกัน
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ไม่มีอะไรนอกจากซ้อมรบตามเคยเชื่อผมเถอะ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ก็แกจะมาดูเองหน่อยไม่ได้หรือ (นายซุ่นเบ๋งไปที่หน้าต่าง) ดูสิ ฉันเห็นไม่เหมือนซ้อมรบครั้งก่อนๆ เลย
 +
</tpoem>
 +
(เสียงปืนเป็นอย่างยิงตามลำพัง ตั้งแต่นี้ไปเสียงมากบ้างน้อยบ้างเป็นพักๆ แม่แย้ม แม่อุไร แม่เน้ย นายสวาย พากันออกมาทางประตูด้านซ้าย)
 +
<tpoem>
 +
'''แย้ม'''  คุณคะ! นี่อะไรกัน?
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  อย่าตกใจ เขาซ้อมรบกันตามเคยอย่างทุกๆ ปี
 +
'''แย้ม'''  ซ้อมอะไรดูมันเห็นจริงเห็นจังนัก เห็นหามกันไปก็มี
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  เขาทำเจ็บ สำหรับฝึกหัดหมอ
 +
</tpoem>
 +
(เสียงนกหวีดเป่ายาว เสียงปืนหยุดยิง)
 +
<tpoem>
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  (อยู่ที่หน้าต่าง) คุณพระขอรับ พวกเสือป่ายกเข้ามาในบ้านคุณแล้ว พ่อสวิงกับพ่อสวัสดิ์นำเข้ามา
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  เอ๊ะ! นี่อย่างไรกัน
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  เราได้บอกกล่าวแล้วนะขอรับ ไม่ฟัง
 +
</tpoem>
 +
(นายสวิงกับนายสวัสดิ์วิ่งขึ้นมาทางเฉลียงนำเสือป่าขึ้นมา เสือป่าแต่งเครื่องสนาม มีหลวงมณีฯ เป็นผู้ควบคุม กับหลวงมนูฯ ก็มาด้วย)
 +
<tpoem>
 +
'''สวิง'''  เข้ามาในนี้ดีกว่าคุณหลวง (พาเสือป่าเข้ามา เสือป่าไปยืนที่หน้าต่างบ้านเตรียมยิง)
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  พ่อใหญ่ พ่อไม่พอใจอย่างยิ่งที่เจ้าไปนำเสือป่าเข้ามาบุกรุกในบ้านพ่อเช่นนี้
 +
'''สวิง'''  พุทโธ่! คุณพ่อนี่เป็นบ้าหรืออย่างไร จนเกิดรบกันแล้วยังจะมัวพูดอยู่ได้ (ทุกๆ คนในห้องนั้นพากันตกตลึง) คุณแม่! คุณพี่! หลบๆ เข้าไปหน่อยเถอะขอรับ ให้ไกลๆ หน้าต่างไว้เป็นอันดี (พวกผู้หญิงหลบไปทางข้างซ้าย นายสวายไปแอบอยู่ในหมู่ผู้หญิง)
 +
'''หลวงมณีฯ'''  นายอิน อย่าร่ำไร ต้อนพวกแกมา (นายอินขึ้นมาที่เฉลียง) ท่านผู้บังคับกองไปเสียไหนเล่า
 +
'''นายอิน'''  ถูกปืนเมื่อสักครู่นี้เอง
 +
'''หลวงมณีฯ'''  เป็นอย่างไรบ้าง
 +
'''นายอิน'''  ถามขุนรัตนฯ ดูจะดีกว่า (เรียก) ท่านขุนเร็วๆ หน่อย มานี่สิ อย่าร่ำไรคุณหลวงมณีฯ ให้หา (ขุนรัตนแพทย์ขึ้นมาที่เฉลียงคำนับหลวงมณีฯ)
 +
'''หลวงมณีฯ'''  เจ้าคุณเป็นอย่างไร แผลฉกรรจ์หรือ
 +
'''ขุนรัตนฯ'''  ถึงแก่กรรมเสียแล้วเดี๋ยวนี้เอง
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ตายจริง! ตายจริง! คุณหลวงมนู ผมต้องทำห้าที่ผู้บังคับกองต่อไปแล้ว คุณต้องเป็นผู้บังคับหมวดแทนผมต่อไป (หลวงมนูฯ คำนับ) นายอินหมวดที่ ๒ ไปรักษาทางริมรั้วชายป่า ถ้าหนักหาก็เข้าอยู่ในตึกหลังเล็กโน่น ยึดไว้จนกว่าจะสั่งให้ถอย (นายอินคำนับแล้ววิ่งไป) คุณหลวงมนูฯ หมวดของคุณรักษาตึกใหญ่นี้ ส่งคนขึ้นไปชั้นบนบ้างยิงจากหน้าต่างคงถนัดดี คุณขึ้นไปกำกับชั้นบน ผมจะอยู่ชั้นล่าง (หลวงมนูฯ คำนับ แล้วพาพลไป) ท่านขุนจะตั้งที่พยาบาลที่ไหน
 +
'''ขุนรัตนฯ'''  ผมไม่ทราบว่าห้องไหนจะเหมาะ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ห้องนี้กว้างขวางดี เชิญทางนี้ (พาขุนรัตนแพทย์ไปทางซ้าย)
 +
'''อุไรฯ-'''  คุณแม่คะ เราไปช่วยพยาบาลคนเจ็บเห็นจะดีกระมัง
 +
'''แย้ม'''  จริงหล่อน เราจะรบจะรากับเขาก็ไม่ได้ เราควรจะรับใช้ในทางที่พอจะทำได้ แม่เน้ย เล่าอย่างไร
 +
'''เน้ย'''  ดิฉันขอตัวเสียที ดิฉันเห็นเลือดไม่ได้ เป็นลมทุกที
 +
</tpoem>
 +
(แย้มกับอุไรแลดูเน้ยด้วยกิริยาอย่างดูถูก แล้วพากันออกไปทางซ้าย)
 +
<tpoem>
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  (กลับออกมาจากทางซ้าย แล้วพูดกับหลวงมณีฯ) อย่างไรคุณหลวง ดูสงบไปแล้ว
 +
'''หลวงมณีฯ'''  สงบอย่างนี้แหละขอรับผมไม่ใคร่ชอบ  น่ากลัวข้าศึกจะรอกองหนุนให้มาแล้วจึงจะยกเข้าตีเราเป็นแน่ ถ้าฝ่ายเราไม่ได้กองหนุนมาบ้างเห็นจะเต็มที ทำอย่างไรจะหาใครไปบอกข่าวที่กองทหารได้
 +
'''สวิง'''  ผมไปเองขอรับ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  แกหรือ? ก็ได้ ฉันจะเขียนใบแจ้งเหตุให้แกถือไป (ลงนั่งเขียนใบแจ้งเหตุ)
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  พ่อใหญ่ นี่น่ะเท่ากับวิ่งไปหาความตายเทียวนะ?
 +
'''สวิง'''  ผมทราบแล้ว คนเราเกิดมาต้องตายครั้ง ๑ ผมไม่วิตกอะไร ผมไม่ใช่ลูกผู้หญิง และผมไม่ใช่ไทยเก๊ (แลดูนายซุ่นเบ๋ง ซุ่นเบ๋งโกรธแต่ไม่ตอบอะไร) ผมได้ทำผิดแล้วต้องคิดแก้ตัว ยิ่งตายก็ยิ่งดีจะได้ไม่ต้องอายเขาในการที่เป็นผู้หนีตาทัพ
 +
</tpoem>
 +
(นายซุ่นเบ๋งค่อยๆ เลี่ยงออกไปทางหลัง)
 +
<tpoem>
 +
'''หลวงมณีฯ'''  นายสวิง แกมีจักรยานหรือ
 +
'''สวิง'''  ไม่มีขอรับ เอาม้าไปไม่ได้หรือ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ขี่ม้าจะสูงแลเห็นถนัดนัก สู้จักรยานไม่ได้
 +
'''สวัสดิ์'''    จักรยานของผมมีขอรับ
 +
'''สวิง'''  ดีแล้ว ขอยืมให้พี่ทีเถอะ อยู่ไหน
 +
'''สวัสดิ์'''    พิงอยู่ที่กระได
 +
'''หลวงมณีฯ'''  (พับและผนึกใบแจ้งเหตุ) นี่นายสวิง (ส่งหนังสือให้) รีบไปให้เร็วที่สุดที่จะไปได้
 +
'''สวิง'''  ขอรับ ไปประเดี๋ยวนี้ (คำนับ แล้ววิ่งออกไปทางหลัง)
 +
'''หลวงมณีฯ'''  คุณพระขอรับ ผมไม่คิดเลยว่านายสวิงจะกลับตัวได้ถึงเพียงนี้ ผมสำคัญว่าเป็นคนขี้ขลาดเหลือแก้ไข การที่ทำคราวนี้เป็นการของคนกล้าควรให้บำเหน็จ (เสียงปืนยิงนัด ๑) เอ๊ะ! อะไรกัน (วิ่งไปที่หน้าต่าง)
 +
'''นายเทพ'''  นายสวิงเห็นจะถูกปืนเสียแล้ว ยิงตอบหรือขอรับ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ช้าก่อน แกเห็นข้าศึกหรือ
 +
'''นายเทพ'''    ไม่เห็น
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ถ้าเช่นนั้นจะยิงเดาไปอย่างไรได้ อ้อนั่นพวกเราออกไปช่วยนายสวิงแล้ว (พูดออกไปนอกหน้าต่าง) ว่ากระไรนะ- หา! อะไรนะ- ก็หามเข้ามาในนี้สิ- (พูดกับสวัสดิ์) ไปตามท่านขุนรัตนฯ มาที (สวัสดิ์ไปทางซ้าย) คุณพระทำใจดีๆ ไว้เถอะขอรับ
 +
</tpoem>
 +
(เสือป่า ๒ คนหามนายสวิงเข้ามา  หลวงมณีฯ ชี้ให้วางลง  พอขุนรัตนแพทย์ออกมาจากทาง ซ้ายกับนายสวัสดิ์)
 +
<tpoem>
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ท่านขุนตรวจดูที
 +
</tpoem>
 +
(ขุนรัตนแพทย์ตรวจนายสวิงครู่ ๑ ระหว่างนี้แม่แย้มกับแม่อุไรออกมาจากทางขวายืนตะลึง อยู่ ขุนรัตนฯ ตรวจแล้วลุกขึ้นยืนก้มศีรษะ)
 +
<tpoem>
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ไม่มีหวังหรือท่านขุน
 +
'''ขุนรัตนฯ'''  หมดลมหายใจเสียแล้ว
 +
</tpoem>
 +
(แม่แย้มกับแม่อุไรคุกเข่าลงร้องไห้ที่ศพ พระภิรมย์ฯ ยืนตะลึงอยู่ เสือป่าเปิดหมวก ฝ่ายแม่เน้ยเป็นลม นายสวายเข้าประคองไว้ ฝ่ายหลวงมณีฯ ก้มลง ค้นในตัวผู้ตาย เพื่อหาใบแจ้งเหตุไม่พบ ครู่ ๑ แล้วจึงพบอยู่ในกระเป๋าเสื้อ หลวงมณีฯ หยิบมาดูครู่ ๑)
 +
<tpoem>
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ท่านขุนพบแผลอยู่ที่ไหน
 +
'''ขุนรัตนฯ'''  ขอผมตรวจอีกที (พูดกับแม่แย้ม) ประทานโทษขอรับ ถ้าคุณอย่าดูจะดีกว่า
 +
'''หลวงมณีฯ'''  เชิญคุณเข้าไปในเรือนเสียก่อนจะดีกว่ากระมังขอรับ
 +
'''แย้ม'''  ก็จะให้ฉันทิ้งศพลูกฉันไว้ที่นี่แหละหรือ (หลวงมณีฯ แลดูตาอุไร อุไรเข้าใจจึงค่อยๆ จูงมือมารดาไปจากห้อง ขุนรัตนแพทย์จึงลงมือตรวจศพต่อไป)
 +
'''หลวงมณีฯ'''  อย่างไรท่านขุน
 +
'''ขุนรัตนฯ'''  ชอบกลขอรับแผลทางข้างหน้าหาไม่พบ (พลิกศพ) อ้าว! ไพล่มามีแผลอยู่ข้างหลังนี่แน่ะขอรับ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  เอ๊ะ! อัศจรรย์จริง ถ้าเช่นนั้น-ฮือ! เป็นไปไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะไต่สวนอะไร (สั่งเสือป่าที่หามศพมา) ช่วยกันหามศพไปไว้ที่อื่น คุณพระจะโปรดให้ไว้ที่ไหน
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ไปไว้ในห้องนอนของเขาเองก็แล้วกัน โปรดตามฉันมาทางนี้ (นำผู้หามศพจะออกไปทางซ้าย พอผ่านไปถึงแม่เน้ย แม่เน้ยทำเป็นเซประหนึ่งว่าวิงเวียน)
 +
'''เน้ย'''  (เสียงอ่อน) อุ๊ยคุณพระ คุณคะดิฉันลมจะจับเสียแล้ว (ทำเซเข้าไปหาพระภิรมย์ฯ)
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  (โกรธ) อีนี่ก็จำเพาะจะมาสำออยเวลานี้นะ ลูกเต้าเขาตายช่างใจชั่วราวกับยักษ์มาร หลีกไป! (ผลักเน้ยไปเสียทางหนึ่งแล้วนำศพเข้าไปทางประตูซ้าย)
 +
'''หลวงมณีฯ'''  (พูดกับขุนรัตนฯ) ท่านขุนมียาลมก็ให้แม่คนนั้นเขากินหน่อยสิ
 +
'''เน้ย'''  ขอบพระเดชพระคุณ ดิฉันไม่ต้องกินยาของคุณ ยิ่งตายเสียก็ยิ่งดี ดิฉันไม่ใช่คนสลัก สำคัญอะไร เป็นแต่มีเมียน้อยคน ๑ เท่านั้น (สะบัดหน้าหันไปพูดซุบซิบกับนายสวายต่อไป)
 +
'''หลวงมณีฯ'''  (ตั้งท่าเหมือนจะตอบ แล้วกลับใจ หันไปพูดกับขุนรัตนฯ) ท่านขุนกลับไปห้องพยาบาลได้  (ขุนรัตนฯ  ออกไปทางซ้ายแล้ว  หลวงมณีไปยืนมองที่หน้าต่างต่อไปครู่ ๑ แล้วจึงบ่นต่อไป) นี่จะให้ใครไปดีเล่า
 +
'''สวัสดิ์'''  คุณหลวงขอรับ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  อะไรพ่อสวัสดิ์
 +
'''สวัสดิ์'''  ผมไปเองขอรับ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  แกหรือ (สั่นหัว)
 +
'''สวัสดิ์'''  นี่คุณหลวงไม่ไว้ใจผมหรือขอรับ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  (ตบไหล่สวัสดิ์) ไม่ใช่เช่นนั้น แต่แกยังอายุน้อยนัก อันตรายมีอยู่ แกก็แลเห็นแก่ตาแล้วไม่ใช่หรือ
 +
'''สวัสดิ์'''  เห็นแล้วขอรับ แต่ผมถึงจะอยู่ทางนี้ก็ทำประโยชน์อะไรไม่ได้ เพราะผมไม่มีปืนจะช่วยคุณยิงต่อสู้ข้าศึกได้ แต่แรงผมมีพอที่จะถือหนังสือได้ ให้ผมไปดีกว่าที่จะถอนพลรบไป
 +
'''หลวงมณีฯ'''  แกเป็นเด็กกล้ามาก ใจลูกเสือแท้ทีเดียว แต่ฉันจำเป็นต้องรอบอกคุณพ่อก่อน
 +
'''สวัสดิ์'''  การรบจะรั้งรอให้ใครเมื่อไรขอรับ ถ้าจะให้ผมไปก็ให้ไปเดี๋ยวนี้ดีกว่า
 +
'''หลวงมณีฯ'''  (อึ้งอยู่ครู่ ๑ แล้วยื่นหนังสือให้)  เอ้า  อาไปสิ!  (นายสวัสดิ์คำนับรับหนังสือแล้วตั้งท่าจะไป แต่หลวงมณีฯ โบกมือห้ามไว้)  ช้าก่อน  ฉันต้องการจัดการป้องกันไม่ให้เป็นอย่างแต่กี้นี้อีก นายเทพแกนำพลไปด้วยอีก ๓ คนเดินตรวจทางไปจนถึงประตูรั้วโน่น มองๆ ดูตามพุ่มไม้ด้วย ถ้าเห็นใครท่าทางน่าสงสัยเรียกตัวมา ถ้าขัดขืนยิงเสีย เข้าใจไหม
 +
'''นายเทพ'''  เข้าใจ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ไปเรียกคนที่เฉลียงไปด้วย  แล้วก็ถ้าไปถึงประตูรั้วแล้ว  เห็นทางปลอดโปร่งก็ทำสัญญาณให้ฉันเข้าใจนะ
 +
'''นายเทพ'''  ขอรับ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ไปได้
 +
</tpoem>
 +
(นายเทพวิ่งออกไปทางหลัง หลวงมณีฯ ไปยืนมองที่หน้าต่างสักครู่ใหญ่ๆ แล้วจึงหันมาทางนายสวัสดิ์)
 +
<tpoem>
 +
'''หลวงมณีฯ'''  แกไปได้แล้ว ขอจับมือที ไปตลอดปลอดโปร่งนะ (จับมือกับสวัสดิ์ สวัสดิ์คำนับแล้ววิ่งไปทางเฉลียง ฝ่ายแม่เน้ยกับนายสวายพยักพเยิดกันครู่ ๑ แล้วก็จูงมือกันจะออกไปทางด้านหลังบ้าน) ช้าก่อน ไปไม่ได้
 +
'''เน้ย'''  ทำไม
 +
'''หลวงมณีฯ'''  เพราะฉันไม่ให้ไป
 +
'''เน้ย'''  คุณมีอำนาจอย่างไร
 +
'''หลวงมณีฯ'''  มีอยู่ที่ดาบนี่อย่าง ๑ ที่ปืนอีกอย่าง ๑
 +
'''เน้ย'''  อะไรคุณจะบังอาจทำกับดิฉันอย่างนั้นเทียวหรือ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ถ้าหล่อนไม่บังอาจขัดขืนคำสั่งฉันก่อน ฉันก็ไม่ทำอะไรหล่อน ขอให้หล่อนเข้าใจว่าเวลานี้อำนาจอยู่ในมือฉันเต็มที่
 +
</tpoem>
 +
(นายหมู่เอกเทพที่รับใช้ไปนั้นกลับเข้ามา)
 +
<tpoem>
 +
'''หลวงมณีฯ'''  อย่างไร นายสวัสดิ์ไปแล้วหรือ
 +
'''นายเทพ'''  ไปแล้ว เรียบร้อยดี
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ได้เห็นใครแปลกปลอมบ้างหรือเปล่า
 +
'''นายเทพ'''  ไม่เห็น
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ข้าศึกเห็นไหม
 +
'''นายเทพ'''  เห็นอยู่ลิบๆ ที่ชายไม้โน่น
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ดีแล้ว  เข้าประจำที่ตามเดิม  (นายเทพเข้าไปประจำที่หน้าต่างตามเดิม เน้ยกับสวายจะไปทางซ้าย หลวงมณีฯ จึงพูดกับเน้ย) ถ้าจะเพียงเข้าไปในเรือนได้ แต่ถ้าจะไปลงทางกระไดหลังไม่ได้ เพราะฉันสั่งยามหลังไว้แล้ว ห้ามเป็นอันขาดไม่ให้ใครขึ้นลงทางนั้น (เน้ยกับสวายไม่ตอบว่ากระไร พากันไปทางขวา)
 +
</tpoem>
 +
(เงียบอยู่ครู่ ๑ แล้วหลวงมนูฯ เข้ามาทางซ้ายพระภิรมย์ฯ ตามมาด้วย)
 +
<tpoem>
 +
'''หลวงมนูฯ'''  คุณหลวงขอรับ ผมดูอยู่ที่ชั้นบน เห็นข้าศึกยกเดินผ่านไปทางตะวันตกเฉียงใต้ น่ากลัวจะคิดทำอันตรายสะพาน
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ไม่ได้การ ถ้าทำลายสะพานได้แล้วจะร้ายมากจะตัดทางเดินสะดวกสำหรับกองทหารเสียทาง ๑ ทีเดียว พวกเราต้องรีบไปป้องกันสะพานไว้ ทางนี้ไม่มีมาบ้างหรือ
 +
'''หลวงมนูฯ'''  มีขอรับ แต่ดูไม่มาก
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ถ้าเช่นนั้นทิ้งไว้ที่นี่หมู่เดียวก็พอ โปรดเป่านกหวีดประชุมที
 +
</tpoem>
 +
(หลวงมนูฯ ออกไปที่เฉลียง เป่านกหวีดสัญญาประชุม เสียงคนคึกคักวิ่งมา เสียงนายอินสั่งหยุด แล้วตัวนายอินจึงเข้ามาในห้องพร้อมด้วยหลวงมนูฯ)
 +
<tpoem>
 +
'''หลวงมณีฯ'''  พวกเราจะต้องรีบไปป้องกันสะพาน เพื่อไม่ให้ข้าศึกทำลายได้ นายหมู่เอกเทพอยู่คุมพลรักษาที่นี้หมู่ ๑ คอยระวังอย่าให้ข้าศึกตีหลังคอยทำเสียงเอะอะไว้ก็แล้วกัน ให้ข้าศึกนึกว่าพวกเรามากจะได้มัวพะวงอยู่ทางนี้เข้าใจไหม
 +
'''นายเทพ'''  เข้าใจ จะให้ผมคงอยู่ที่ตึกนี้หรืออย่างไร
 +
'''หลวงมณีฯ'''  อยู่ที่นี่สัก ๑๐ คนก็พอ นอกนั้นเข้าไปอยู่ในหลังริมถนนจะได้เห็นทางสามแยก ฉันจะจัดให้หมู่อื่นไปอยู่ ถ้าเห็นยึดไม่ไหวไปสมทบกัน เข้าใจไหม
 +
'''นายเทพ'''  เข้าใจ
 +
</tpoem>
 +
(หลวงมณีฯ หลวงมนูฯ นายอิน พากันไปทางหลัง เสียงบอกเสือป่าให้แบกอาวุธหน้าเดิน เงียบอยู่สักครู่ใหญ่ๆ แล้วจึงได้ยินเสียงปืนยิงข้างนอก เป็นอย่างยิงตามลำพัง นายเทพสั่งให้ปิดประตูหลัง แล้วเตรียมยิง อีกครู่นายเทพจึงสั่งให้ยิงตามลำพัง เสือป่าต่างคนต่างยิง พระภิรมย์ฯ เข้ามาจากทางซ้าย มาชะเง้อดูอยู่)
 +
<tpoem>
 +
'''นายเทพ'''    คุณพระระวังหน่อย (ทันใดนั้นพลเสือป่าคน ๑ ร้องโอย ทิ้งปืนและเอามือขวากุมแขนซ้าย) คุณพระขอรับ โปรดเรียกขุนรัตนฯ สักที
 +
</tpoem>
 +
(พระภิรมย์ฯ ไปเรียกขุนรัตนแพทย์ออกมา ขุนรัตนฯ ให้เสือป่าผู้ถูกยิงถลกแขนขึ้น แล้วจัดการเอาผ้าพันให้ แล้วผู้เจ็บก็จับปืนขึ้นยิงไปใหม่ อีกครู่ ๑ อีกคน ๑ ล้ม ขุนรัตนฯ เข้าไปดู ชี้ที่น่าอก แล้วก็ช่วยกันกับพระภิรมย์ฯ หามเข้าไปทางซ้าย แล้วพระภิรมย์ฯ กลับออกมาดูอยู่อีกข้างในห้องหยุดยิง เสียงปืนข้างนอกได้ยินอยู่ห่างๆ)
 +
<tpoem>
 +
'''นายเทพ'''    ไม่ได้การ ข้าศึกเห็นจะคิดไปเข้าทางประตูหลัง ผมต้องไปต่อสู้ทางโน้น คุณพระอยู่ทางนี้โปรดจัดการลงกลอนประตูหน้าต่างเสียให้มิดชิดจะดี (พูดกับเสือป่า) มา ไปด้วยกันเถอะ (พาเสือป่าไปทางขวา)
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  เฮ้ย! อ้ายสี! อ้ายสี! มานี่ (อ้ายสีออกมา) มาช่วยกันลงกลอนประตูหน้าต่างให้แน่น (ไปที่หน้าต่างจะลงกลอน) เอ๊ะ! อ้ายพวกข้าศึกเห็นจะเล่นระยำแล้ว จะล่อพวกเสือป่าวิ่งเหนื่อยเท่านั้นเอง (มองเห็นปืนที่เสือป่าคนเจ็บทิ้งไว้) กูก็เกิดมาเป็นลูกผู้ชายเอากับมันสักตั้งเถอะวะ (จับปืนขึ้นเล็งสักครู่ ๑ แล้วยิง อ้ายสีกระพือปีกและโลดเต้นแสดงกิริยาดีใจ)  อ้ายสี  กูเอานอนได้คน ๑ แล้ววะ  (ยิงอีก)  อีกคน ๑ เฮ้ยเอ็งไปไปขอลูกปืนที่คนเจ็บเขามาอีก  (อ้ายสีไปแล้วพระภิรมย์ฯ ก็คอยจ้องต่อไปเพื่อจะยิงอีก นายซุ่นเบ๋งเข้ามาจากทางซ้าย)
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  (ไปกระชากตัวพระภิรมย์ฯ จากหน้าต่าง)  คุณพระพุทโธ่!  อะไรทำเป็นบ้าไปได้ กฎหมายนานาประเทศห้ามนักไม่ให้พลเมืองเกี่ยวข้องในการสงคราม
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  อย่ามาเห่าเรื่องกฎบัดกฎหมายอะไรของมึงหน่อยเลย กูรำคาญหูนัก (คงดูทางหน้าต่าง)
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ผมรักคุณพระจึงเตือน  การที่พลเรือนจะเกี่ยวข้องในการรบ  ถ้าเขาจับได้ละก็ไม่มีตารอดทีเดียวนะขอรับ เขาหาเป็นผู้ร้ายอย่างฉกรรจ์ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ช่างกูเถอะ ถึงกูตายก็ชีวิตกูเอง (อ้ายสีเอากระสุนเข้ามา) เออดีทีเดียวส่งมานี่ (รับกระสุนไปประจุ)
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  ก็รัฐบาลต่อรัฐบาลเขาวิวาทกันคุณพระจะพลอยเจ็บร้อนด้วยทำไม
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  อุวะ  ก็มันมาข่มเหงชาติกูนี่หว่า  แล้วก็ลูกกูก็ตายไปทั้งคนแล้วจะว่ากูไม่มีข้อควรเจ็บร้อนอย่างไร (ยกปืนขึ้นเล็ง)
 +
'''ซุ่นเบ๋ง'''  (จับมือไว้) คุณพระ! ผมขอที
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  (โกรธ) เฮ๊ย! อ้ายนี่อย่างไรนี่วะ อ้ายสีจิกหัวอ้ายเจ๊กนี้ไปให้พ้นกูที แล้วไสหัว มันไปนอกบ้านกู
 +
</tpoem>
 +
(อ้ายสีตรงเข้าไปจะจับมือนายซุ่นเบ๋ง แต่นายซุ่นเบ๋งไม่ให้จับเดินกระทืบตีนไปทางซ้าย พระภิรมย์ฯ ยิงออกไปทางหน้าต่างเป็นครั้งเป็นคราว นานๆ ยิงครั้ง ๑ ได้ยินเสียงยิงกันมากข้างหลังไกลๆ หน่อยแล้ว เสียงเฮ พระภิรมย์ฯ ก็ยิงเรื่อยไปจนทหารข้าศึกสองหรือสามคนเข้ามาทางซ้าย เข้าจับพระภิรมย์ฯ  ได้แล้วแย่งปืนไปจากมือพระภิรมย์ฯ  ยืนตลึงอยู่หว่างทหารข้าศึกคู่ ๑  นายร้อยตรีทหารข้าศึกคน ๑ ยืนอยู่ตรงหน้า ต่างคนต่างจ้องกัน)
===ชุดที่ ๓===
===ชุดที่ ๓===

การปรับปรุง เมื่อ 10:49, 25 เมษายน 2554

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว

บทประพันธ์

ตัวละคร

พวกเรา
พระภิรมย์วรากร นอกราชการ อายุประมาณ ๕๐ ปี
นายสวิง อายุ ๑๘ ปี}
นายสวาย อายุ ๑๗ ปี} บุตร พระภิรมย์วรากร
นายสวัสดิ์ อายุ ๑๖ ปี}
นายกองโท พระยาวิสูตรสงคราม สมุหเทศาภิบาล ผู้สำเร็จราชการมณฑลหัสดินบุรี ผู้บังคับการเสือป่าหัสดินบุรี
นายหมวดโท หลวงมณีราษฎร์บำรุง นายอำเภอเมืองมณีบูรณ์ ผู้บังคับกองหมวดที่ ๑ กองร้อยมณีบูรณ์ (ภายหลังเป็นผู้บังคับกอง)
นายหมวดตรี นายอิน ผู้ช่วยราชการเมืองมณีบูรณ์ ผู้บังคับหมวดที่ ๒ กองร้อยมณีบูรณ์
นายหมู่เอก หลวงมนูธรรมธุราธร ผู้พิพากษาศาลเมืองมณีบูรณ์ ประจำหมวดที่ ๑ กองร้อยมณีบูรณ์ (ภายหลังเป็นผู้บังคับหมวด)
นายหมู่เอก เทพ คหบดี ประจำกองร้อยมณีบูรณ์
นายหมู่โท ขุนรัตนแพทย์ แพทย์ประจำเมืองมณีบูรณ์
ราชบุรุษ สุดใจ ครูใหญ่โรงเยนมัธยมมณีบูรณ์ ผู้กำกับกองลูกเสือที่ ๑๑
นายหมู่ พร ผู้บังคับหมู่ที่ ๔ กองลูกเสือที่ ๑๑
ลูกเสือโท นายคำ กองลูกเสือที่ ๑๑
นายร้อยเอก หลวงเรืองฤทธิราวี ผู้บังคับกองร้อยที่ ๔ กรมทหารราบที่ ๒๙
อ้ายสี บ่าวพระภิรมย์วรากร
คนกลาง
นายซุ่นเบ๋ง นักเรียนกฎหมาย พี่ของเน้ยภรรยาน้อยพระภิรมย์วรากร
พวกข้าศึก
ผู้บังคับการทหารข้าศึก
ปลัดกรมทหารข้าศึก
นายร้อยตรีกองทหารข้าศึก
นายทหารนักบินกองทหารข้าศึก
             

ชุดที่ ๑

ฉาก ห้องรับแขก บ้านพระภิรมย์วรากร ที่เมืองมณีบูรณ์ มณฑลหัสดินบุรี เป็นห้องในเรือนตึกอย่างเก่าๆ ด้านหลังมีประตูเปิดออกไปเฉลียง ต่อเฉลียงไปมีสวน ด้านขวามีหน้าต่าง ด้านซ้ายมีประตูสำหรับเข้าไปภายในเรือน เครื่องตกแต่งมีเป็นโต๊ะเก้าอี้อย่างกระนั้นๆ ไม่สู้ดีปานใด โต๊ะตั้งกลาง เก้าอี้ล้อมโต๊ะ และมีเก้าอี้ตั้งติดๆ กับฝาบ้าง มีรูปถ่ายติดฝาเป็นรูปหมู่โดยมาก และมีรูปพระภิรมย์ฯ แต่งเต็มยศข้าราชการพลเรือนชั้นอำมาตย์โท (หมายเหตุ-ซ้ายขวาคือซ้ายขวาของตัวละคร)


(เมื่อเปิดม่าน นายสวายกับนายสวัสดิ์เดินเข้ามาด้วยกันจากเฉลียง นายสวายแต่งตัวสวมกางเกงแพรกับเสื้อชั้นใน นายสวัสดิ์แต่งตัวสวมกางเกงขาสั้นสีดำอย่างลูกเสือ ใส่ถุงเท้ารองเท้าดำ ใส่เสื้อขาวแต่ภายในเสื้อขาวนั้นมีเสื้อลูกเสือ และมีผ้าพันคอลูกเสือคาดพุงทับเข็มขัด ถือห่อกระดาษ ๑ อัน)

สวาย(จับแขนสวัสดิ์ไว้แล้วพูด) เดี๋ยวก่อนจะรีบร้อนไปไหน
สวัสดิ์ไปเอาอะไรในห้องหน่อย (ทำท่าจะไป)
สวายไปอาบน้ำกันเถอะน่า เดี๋ยวจะบ่ายมากไปอย่าร่ำไร มาสิถอดเสื้อสิน่า (ทำท่าจะเข้าปลดกระดุมให้นายสวัสดิ์ แต่นายสวัสดิ์ไม่ยอดให้ปลด)
สวัสดิ์พุทโธ่ ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นแหละ อย่ายุ่งไปหน่อยเลย
สวายก็ทำไมจะต้องผัดด้วยเล่า (จับแขนสวัสดิ์ไว้ สวัสดิ์สลัดแขนทิ้งกันไปมา ห่อกระดาษตก สวัสดิ์กับสวายก้มลงเก็บพร้อมกันแย่งกันจนกระดาษขาด แลเห็นหมวกลูกเสืออยู่ในห่อ) อ้อ อย่างนี้นี่เอง
สวัสดิ์ก็ยุ่งอย่างนี้แหละ (ฉวยหมวกได้ ตั้งท่าจะวิ่งไปในเรือน)
สวาย(จับแขนไว้) อ้อ นี่แกแอบไปเป็นลูกเสือแล้วหรือ
สวัสดิ์เป็นแล้วละ จะทำไมฉัน
สวายกันจะต้องไปทำไมแกเดี๋ยวนี้ คอยดูคุณพ่อรับงานแกดีกว่า
สวัสดิ์นี่พี่สวายจะไปปากบอนอย่างนั้นหรือ
สวายฉันก็ต้องบอกให้คุณพ่อรู้สิ ว่าแกขัดขืนโอวาทของท่าน จำไม่ได้หรือท่านว่าอยู่เร็วๆ นี้เอง ว่าท่านไม่ต้องการให้ลูกท่านไปเป็นลูกเสือลูกหมาอะไร
สวัสดิ์คุณพ่อจะว่ากระไรๆ ก็ตามใจท่าน แต่ฉันเกิดมาเป็นลูกผู้ชายกับเขาชาติ ๑ แล้ว ก็ไม่อยากให้เสียชาติ
สวายเพราะฉะนั้นจึงไปเป็นลูกหมา อย่างนั้นหรือ
สวัสดิ์(โกรธ) นี่แน่พี่สวาย พี่จะด่าตัวฉันส่วนตัวอย่างไรๆ ก็พอจะยอมยกโทษให้ แต่ถ้าขืนพูดดูถูกลูกเสืออีกคำเดียวละก็จะต่อยให้ฟันหักทีเดียว
สวายชะๆ ชะๆ เก่งจริงนะ
สวัสดิ์อย่างไรๆ ฉันก็แข็งแรงกว่าพี่สวายเป็นแน่ เพราะฉันใช้กำลังของฉันในทางที่ถูก ไม่มัวใช้แต่ในทางทำหนุ่มแอบซุกซนเล่นสกปรก
สวาย(โกรธ) ทำไมกันเล่นซุกซนสกปรกอย่างไร
สวัสดิ์เฮ้ยๆ เขารู้ดอกน่า ไม่ต้องทำไขสือ แอบลงไปนัวเนียอยู่ที่ห้องอีแก่นเสมอๆ แล้วไม่อ่อนแออย่างไร ฮะๆ ฮะๆ
สวายพูดยุ่งบ้าอะไรไม่รู้
สวัสดิ์หรือจะฝึกหัดให้เป็นลูกผู้ชาย ฮะๆ มีแต่เขาหัดกันทางลูกเสือหรือทหาร นี่พี่สวายให้อีแก่นเป็นครูหัดอะไรมิรู้ได้ หนอยแน่ กำลังน้อยเอย ขี้โรคเอย เล่นฟุตบอลไม่ไหวฝึกซ้อมกำลังกายก็ไม่ไหว คุณพ่อก็พะนอเห็นขี้โรค ที่แท้มัวฝึกซ้อมออกกำลังเสียทาง ๑ ต่างหาก
สวายเอ๊ะ สวัสดิ์นี่ กล้าหาญชาญไชยจริงนะ หรือเห็นตัวดีเพราะเป็นลูกเสือลูกหมา
สวัสดิ์บอกแล้วว่าไม่ให้ดูถูกลูกเสือ ขืนจะดูถูก (ตบหน้าสวาย) นี่แน่ะ คนปากร้ายเขาต้องทำอย่างนี้ ตั้งหมัดขึ้น เดี๋ยวจะว่าฉันทำข้างเดียว
สวายเล่นระยำอะไรไม่รู้
สวัสดิ์ตั้งหมัดขึ้นสิ หาไม่จะเจ็บเปล่านะ
สวาย(ตั้งหมัดแล้วพูดพลาง) ข้าขอบอกกล่าวนะ
สวัสดิ์ไม่ต้องพูด ต่อยกันดีกว่า (ต่อยกันสวายออกจะเอี้ยๆ)
             

(พระภิรมย์วรากร กับหลวงมนูธรรมธุราธรเดินเข้ามาด้วยกันจากเฉลียง พระภิรมย์ฯ สวมกางเกงแพรใส่เสื้อกุยเฮง หลวงมนูธรรมฯ แต่งเครื่องเสือป่า)

พระภิรมย์ฯเฮ้ยๆ นั่นอะไรต่อยกันออกยุ่ง เลิก! เลิกเดี๋ยวนี้ (เด็กทั้ง ๒ หยุดต่อยกัน) นี่ต่อยกันทำไม อ้ายเล็กคงรังแกพ่อกลางละซี เอ็งละอวดดีอย่างนี้เสมอ เห็นว่าพี่เป็นคขี้โรคละก็ข่มเหงได้ข่มเหงเอา
สวัสดิ์พี่สวายอยากมาปากจัดด่าผมก่อนนี่ขอรับ
พระภิรมย์ฯด่าว่ากระไร
สวัสดิ์เขาด่าว่า (นึกขึ้นออกเลยชะงักไม่พูดต่อไป)
สวาย(เห็นเป็นโอกาสเหมาะจึงชิงพูด) สวัสดิ์แอบไปเป็นลูกเสือขอรับ ผมาว่าเขาว่าคุณพ่อห้ามแล้วทำไมเขาขืนไปเป็น เขาโกรธเขาก็ต่อยผมเอา
พระภิรมย์ฯอ้อ! อ้ายเล็ก นี่มึงแอบไปเป็นลูกเสือแล้วจริงๆ หรือ
สวัสดิ์ขอรับ
พระภิรมย์ฯถอดเสื้อออกให้ข้าดูทีหรือ (นายสวัสดิ์ถอดเสื้อชั้นนอก) เออ! ไหนลองแต่งขึ้นให้ครบเครื่องทีหรือ (นายสวัสดิ์แต่งตัวอย่างลูกเสือบริบูรณ์) อือ! ชอบกลจริงๆ อยู่ดีๆ ไม่ว่าดี ชอบแต่งตัวเป็นอ้ายตัวในหนังญี่ปุ่น
             

(สวัสดิ์แลดูตาหลวงมนูฯ หลวงมนูฯ อดหัวเราะไม่ได้)

หลวงมนูฯผมก็เป็นตัวหนังญี่ปุ่นเหมือนกันหรือขอรับ
พระภิรมย์ฯคุณหลวงกับอ้ายลูกผมเป็นคนละอย่าง คุณหลวงเป็นผู้ใหญ่รู้จักผิดแลชอบดีแล้ว เมื่อจะชอบแต่งตัวเล่นอย่างไรก็แต่งได้ แต่อ้ายนี่มันทารกอยู่ในอกพ่ออกแม่ มันยังไม่ควรจะทำอวดดีรู้มากไปกว่าผู้ใหญ่ มันรู้อยู่ดีแล้วว่าผมไม่ชอบให้ลูกผมเป็นลูกเสือมันก็ขืนไปเป็น
หลวงมนูฯขอโทษเถอะขอรับ ผมเห็นว่าในข้อนั้นคุณพระห้ามผิด การที่จะห้ามสิ่งใดๆ ควรมีเหตุผลเพียงพอ การที่คุณพระไม่ชอบลูกเสือนั้นเพราะเหตุใด
พระภิรมย์ฯข้อ ๑ ผมเห็นว่าไม่ควรจะให้เสียเวลาเรียนของเด็ก
หลวงมนูฯการฝึกหัดหรือสั่งสอนส่วนทางวิชาลูกเสือ ไม่ได้ทำให้เสียเวลาเล่าเรียนเลยแม้ แต่นาทีเดียว ไม่ทำให้เสียประโยชน์ของเด็กเลยจนนิดเดียว ตรงกันข้าม เด็กที่เป็นลูกเสือจะเป็นผู้ที่มีความรู้ดีกว่าเด็กธรรมดาเป็นอันมาก
พระภิรมย์ฯนั่นเป็นความเห็นของคุณหลวง แต่ความเห็นของผมผิดกัน ผมเห็นว่าการเป็นลูกเสือไม่มีอะไร นอกจากเลี่ยงการเล่าเรียนและซุกซนหัวร้างข้างแตกไปเท่านั้น
หลวงมนูฯแต่ซุกซนหัวร้างข้างแตกผมเห็นว่าดีกว่าซุกซนอีกอย่าง ๑ (นายสวัสดิ์แลดูนายสวายแล้วหัวเราะ) การซุกซนอย่างลูกเสือทำให้เป็นคนแข็งแรง การซุกซนอีกอย่าง ๑ นั้น มีผลตรง กันข้าม การเป็นลูกเสือทำให้เด็กรู้จักอดทน
พระภิรมย์ฯอ้อ! ยังงั้นหรือขอรับ ผมจะได้ทดลองดู (ไปหยิบแส้ม้ามา) นี่แน่ะ ถ้าเอ็งอด ทนจริงอย่างคุณหลวงว่า เอ็งไม่ต้องร้องเลยสิ ข้าจะลองความอดทนของอ้ายลูกเสือให้เห็นจริง (เงื้อแส้จะตีนายสวัสดิ์)
หลวงมนูฯ(จับมือพระภิรมย์ฯ)      คุณพระ! อย่างนั้นจะใช้ที่ไหนได้      (แย่งแส้จากมือพระภิรมย์แล้วโยนไปเสียให้ไกล) ทำอย่างนั้นก็เสียผู้ใหญ่ไปสิขอรับ
พระภิรมย์ฯนี่ผมไม่มีอำนาจเหนือลูกผมแล้วหรือ
หลวงมนูฯข้อนั้นไม่มีใครเถียงเลย แต่ผู้มีอำนาจควรจะใช้อำนาจแต่ในที่ถูกที่เป็นยุติธรรม ถ้ามิฉะนั้นก็ทำให้ผู้น้อยสิ้นความนับถือ
พระภิรมย์ฯถ้าลูกผมสิ้นความนับถือผมในครั้งนี้ ก็เป็นเพราะมันเห็นคุณหลวงเข้ากับมันเท่านั้น
หลวงมนูฯผมเสียใจที่คุณพระพูดเช่นนั้น ผมตั้งใจดีต่อคุณพระจริงๆ แต่เมื่อไม่เป็นที่พอ ใจแล้วก็เลิกกันที ผมจะพูดอะไรไปอีกก็เสียเวลาผมต้องขอลาที
พระภิรมย์ฯอ้าวๆ คุณหลวงอย่าโกรธสิครับ
หลวงมนูฯผมไม่ได้โกรธ เป็นแต่เสียใจเท่านั้น
             

(ขณะนั้นได้ยินเสียงนกหวีดเป่าประชุม นายสวัสดิ์ทำท่าจะไป)

พระภิรมย์ฯอ้ายเล็ก ข้าห้ามเป็นอันขาดไม่ให้เอ็งไปได้ยินไหม (เสียงนายพรนายหมู่ลูกเสือร้องตะโกนเรียกชื่อนายสวัสดิ์ นายสวัสดิ์ขยับจะไป) อ้ายเล็ก บอกว่าไม่ให้ไป
นายหมู่พร(ขึ้นมาที่เฉลียงกับลูกเสือโทนายคำ) สวัสดิ์
สวัสดิ์(ระวังตรงแล้วขาน) อยู่!
นายหมู่พร(เข้ามาในห้อง คำนับหลวงมนูฯ แล้วจึงพูดต่อไป) สวัสดิ์! เป่านกหวีดประชุมแกไม่ได้ยินหรือ
พระภิรมย์ฯได้ยิน แต่ฉันไม่ให้มันไปเอง
นายหมู่พร(คำนับ) ขอรับประทานโทษ ผมพูดกับนายสวัสดิ์ (หันไปพูดกับนายสวัสดิ์ต่อ ไป) แกไม่ได้ยินนกหวีดหรือ
พระภิรมย์ฯฉันน่ะเป็นพ่อนายสวัสดิ์ ฉันห้ามเขาเองไม่ให้เขาไป เขาเป็นลูกที่อยู่ในถ้อยคำพ่อ
นายหมู่พร(คำนับอีก) ผมขอเรียนซ้ำอีกว่าผมพูดกับนายสวัสดิ์ (พูดกับสวัสดิ์) จะว่าอย่าง ไร
สวัสดิ์นี่แหละฉันมันตกอยู่ในที่ยาก ฉันเองน่ะอยากไปจนตัวสั่น แต่คุณพ่อท่านไม่ให้ไป
นายหมู่พรขอรับประทานโทษเถิดขอรับ ที่คุณไม่ให้ไปเพราะอะไร
พระภิรมย์ฯนี่ฉันมีความจำเป็นอะไรบ้างที่จะตอบแก
นายหมู่พรไม่จำเป็นเลย
พระภิรมย์ฯแกมีนายเหนือแกอีก หรือแกเป็นคนสูงสุด
นายหมู่พรผมเป็นเพียงผู้บังคับหมู่ที่ ๔ นายสุดใจเป็นผู้กำกับลูกเสือกองที่ ๑๑
พระภิรมย์ฯถ้าเช่นนั้นฉันขอพบนายสุดใจจะได้หรือไม่
นายหมู่พรได้ขอรับ คำ!
คำ(ที่เฉลียง) อยู่!
นายหมู่พรไปเชิญคุณสุดใจมาที่นี่ คุณพระให้เชิญ (คำวิ่งไป)
หลวงมนูฯดูเอาเถอะครับ เด็กที่เป็นลูกเสือละก็ ท่าทางมันคึกคักดีอย่างนี้
พระภิรมย์ฯฮือ!      การวิ่งเต้นมันเป็นธรรมดาของเด็ก      เป็นของชอบอยู่แล้ว      ผมไม่เห็นอัศจรรย์อะไร
หลวงมนูฯคุณพระดูตั้งใจแน่นอนเสียทีเดียว ว่าจะไม่ยอมเห็นอะไรดีในส่วนลูกเสือแม้แต่อย่างเดียว
พระภิรมย์ฯผมไม่เคยชอบเด็กซนเลย บางทีผมจะหัวเก่าผิดสมัยไปก็เป็นได้
             

(นายสุดใจ ผู้กำกับลูกเสือ เข้ามาจากเฉลียง คำ ตามมาเพียงเฉลียงแล้วหยุดอยู่ที่นั้น นายสุดใจคำนับหลวงมนูฯ แล้วจึงถอดหมวกก้มหัวคำนับพระภิรมย์ฯ อีกที ๑)

นายสุดใจคุณพระให้หาผมหรือขอรับ
พระภิรมย์ฯฉันให้ไปเชิญนายสุดใจมาเพื่อจะถามปัญหาสักข้อ ๑ ธรรมเนียมเด็กที่จะเป็นลูกเสือต้องได้รับอนุญาตบิดาหรือผู้ปกครองไม่ใช่หรือ
นายสุดใจขอรับ ถูกแล้ว
พระภิรมย์ฯถ้าเช่นนั้นทำไมนายสุดใจจึงได้รับนายสวัสดิ์ลูกฉันเข้าเป็นลูกเสือโดยฉันมิได้อนุญาต
นายสุดใจผมเข้าใจผิดไป นายสวัสดิ์มาบอกขอสมัครเป็นลูกเสือ ผมก็เข้าใจว่าคุณพระคงจะได้อนุญาตแล้ว
พระภิรมย์ฯทำไมถึงเข้าใจเอาเองเช่นนั้น
นายสุดใจเพราะตั้งแต่ได้มีลูกเสือมา ผมยังไม่เคยพบสักรายเดียวที่บิดาหรือผู้ปกครองไม่เต็มใจให้เด็กเป็นลูกเสือ ผมจึงเข้าใจว่าคุณพระก็คงจะเหมือนคนอื่นๆ
พระภิรมย์ฯแต่ฉันไม่เหมือนคนอื่นๆ ฉันมีสมองพอที่จะใช้ได้คิดอะไรได้เองบ้าง ไม่ต้องก้มหน้าหลับตาเอาอย่างคนอื่นตะพัดไป
นายสุดใจผมเสียใจที่ผมคะเนผิดไป
พระภิรมย์ฯถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรกันต่อไป
นายสุดใจก็แล้วแต่คุณพระจะพอใจ
พระภิรมย์ฯถ้าลูกฉันจะออกจากกองลูกเสือเสียเดี๋ยวนี้ จะเป็นที่เสียหายอย่างใดบ้างหรือ ไม่
นายสุดใจนั่นแหละขอรับ ตามความเห็นของผม เห็นว่าเขาน่าจะรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง เพราะบรรดานักเรียนชั้นเดียวกับเขา หรือแม้ที่อายุอ่อนกว่าเป็นลูกเสือทั้งนั้น เพราะฉะนั้นถ้านายสวัสดิ์จะไม่เป็นลูกเสืออยู่คนเดียว ก็เห็นจะเข้าพวกเข้าพ้องกับเขาไม่ได้
พระภิรมย์ฯถ้าเช่นนั้นก็แปลว่านักเรียนในโรงเรียนของนายสุดใจทุกคน ถูกบังคับให้เข้าเป็นลูกเสือฉะนั้นหรือ
นายสุดใจการบังคับให้เข้าเป็นลูกเสือไม่เคยมีเลย
พระภิรมย์ฯถึงไม่บังคับตรงๆ ก็บังคับทางอ้อม ถ้าใครไม่เป็นลูกเสือก็เข้าพวกพ้องกับใครไม่ได้ ดังนี้ก็เท่ากับบังคับนั่นเอง
นายสุดใจผมเห็นว่าการที่จะเถียงกันในข้อนี้ดูจะไม่เป็นผลดีอันใด เมื่อคุณพระไม่พอใจจะให้บุตรเป็นลูกเสือแล้วก็หมดปัญหา นายสวัสดิ์ต้องออกจากกองลูกเสือ
สวัสดิ์ผมไม่ยอกออก ผมยอมตายเสียดีกว่า
พระภิรมย์ฯอ้ายบ้า!
สวัสดิ์ผมไม่ยอมออก      ผมได้ให้คำมั่นสัญญาแล้วว่าผมประพฤติให้สมควรที่เป็นลูกผู้ชาย ผมไม่ยอมคืนคำ
หลวงมนูฯคุณพระขอรับ ผมขอพูดสักคำ การที่คุณพระจะขืนยืนยันให้พ่อสวัสดิ์ออกจากลูกเสือครั้งนี้ ผมเชื่อแน่ว่าจะมีผลร้ายทั้งสองฝ่าย พ่อสวัสดิ์จะสิ้นความนับถือในตัวคุณพระเป็นแน่แท้ ผมเห็นมีทางแก้อยู่ทาง ๑
พระภิรมย์ฯทางใดขอรับ
หลวงมนูฯผมนี้ช่างอยากมีลูกผู้ชายเสียจริงๆ แต่ก็เผอิญไม่มีได้สักคนเดียว ถ้าผมมีผมก็คงขอให้เป็นอย่างพ่อสวัสดิ์นี้แหละขอรับ
พระภิรมย์ฯถ้าเช่นนั้นจะยากเย็นอะไร อ้ายนี่มันก็ไม่นับถือผมเป็นพ่อแล้ว คุณหลวงจะเอามันไปเป็นลูกก็เชิญสิ
หลวงมนูฯจริงเช่นนั้นหรือขอรับ
สวัสดิ์จริงสิครับ จะเอาไปต้มไปแกงเสียก็ได้ตามความพอใจคุณหลวงทุกอย่าง
หลวงมนูฯถ้าเช่นนั้นผมยินดีมาก สวัสดิ์แกเป็นลูกฉันแล้วนะ เข้าใจไหม (สวัสดิ์ก้มหัว) ฉันผู้เป็นพ่อเลี้ยงและผู้ปกครองของแก อนุญาตให้แกเป็นลูกเสือ
สวัสดิ์(เสียงเครือ) คุณหลวง-ผม-ผม- (สะอื้น)
หลวงมนูฯ(กอดสวัสดิ์) อ้าวๆ เรามันลูกเสือ ใจผู้ชายอย่าขี้แยสิ แล้วก็อย่าเรียกพ่อว่าคุณหลวง เรียกว่าพ่อสิ เอ้า! ไปเข้ากองไป
             

(นายสวัสดิ์ยินดีวิ่งไปคำนับนายสุดใจ นายสุดใจคำนับพระภิรมย์ฯ กับหลวงมนูฯ แล้วออกไปทางหลัง พร้อมด้วยนายหมู่พร นายสวัสดิ์ และนายคำ)

หลวงมนูฯผมก็ต้องลาทีมีธุระจะต้องไป
พระภิรมย์ฯประเดี๋ยวขอรับ ผมมีธุระจะต้องพูดกับคุณ (เหลียวดูเห็นนายสวาย) พ่อกลางออกไปข้างนอกเดี๋ยวเถอะ พ่อมีธุระจะพูดกับคุณหลวง(นายสวายออกไป) เชิญนั่งประเดี๋ยวเถอะขอรับ (ทั้ง ๒ คนนั่ง) ผมมีความร้อนใจด้วยเรื่องพ่อใหญ่ของผม
หลวงมนูฯทำไมขอรับ
พระภิรมย์ฯผมได้ให้มันไปกรุงเทพฯ เพื่อเรียนกฎหมาย แต่เคราะห์ร้ายเข้าสอบไล่ตกเสียแล้ว
หลวงมนูฯก็ไม่เป็นการอัศจรรย์อะไร      คนที่สอบไล่ตกมีถมไป      เมื่อมีโอกาสก็สอบไล่ได้อีก
พระภิรมย์ฯคุณหลวงยังไม่เข้าใจ พ่อใหญ่น่ะอายุเผอิญเฉพาะ ๑๘ ปีบริบูรณ์แล้ว ถ้าสอบไล่ตกก็คงต้องไปเป็นทหารแน่ละ
หลวงมนูฯก็แล้วอย่างไร
พระภิรมย์ฯพวกผมไม่มีสักคนเดียวที่เป็นทหาร แต่ไรๆ มาไม่เคยมีจนคนเดียว
หลวงมนูฯผมไม่เห็นเป็นของที่น่าจะอวดเลย คุณพระนี่แปลกจริงๆ หนทางใดๆ ที่พอจะเปิดโอกาสให้คนหนุ่มๆ ได้ทำประโยชน์แก่บ้านเมือง คุณพระเป็นไม่ชอบทั้งสิ้น
พระภิรมย์ฯคุณหลวงพูดดูราวกับคนเราจะทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองได้แต่โดยทางเป็นทหารอย่างเดียว ถ้าเช่นนั้นทำไมคุณหลวงเองไม่ไปโยนปืนเป็นทหารบ้าง มานั่งบัลลังก์ชำระความอยู่ทำไม
หลวงมนูฯผมเสียใจที่ผมไม่ได้มีโอกาสที่จะทำอย่างคุณพระว่า เพราะเมื่อออกพระราชบัญญัติลักษณะเกณฑ์ทหารอายุผมมากเกินที่เขาต้องการเสียแล้ว ถ้ามิฉะนั้นผมคงไม่หนีเป็นแน่ แต่อย่างไรๆ ก็ดีเมื่อตั้งคณะเสือป่าขึ้น ผมก็ได้เข้าทันที โดยความยินดีที่ได้มีโอกาสฝึกหัดพอให้เป็นผู้สามารถช่วยป้องกันบ้านเมืองของผมได้
พระภิรมย์ฯ(หัวเราะทีเยาะ) ผมมีความยินดีที่ผมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเป็นเสือป่า เพราะผมมันพ้นเวลาที่จะต้องประจบประแจง หรือหาดิบหาดีต่อไปแล้ว
หลวงมนูฯคุณพระพูดเช่นนี้ขวางหูที่สุด การเป็นเสือป่าหรือไม่เป็นไม่ทำให้ข้าราชการดีขึ้น หรือเลวลงอย่างใดในส่วนหน้าที่ราชการที่กระทำอยู่โดยเฉพาะเลย
พระภิรมย์ฯผมไม่ใช่หูป่าตาเถื่อนเหลือเกินนักดอกนะคุณ ขอให้คุณจำไว้ว่าผมยังมีเพื่อนฝูงที่คอยบอกข่าวคราวอยู่เสมอ
หลวงมนูฯผมทราบแล้ว นายซุ่นเบ๋งพี่ภรรยาคุณพระเขาขยันเขียนหนังสือมาก แต่ต้องขออย่าให้คุณพระลืมว่านายซุ่นเบ๋งเป็นไทยไม่ถึงครึ่ง
พระภิรมย์ฯเอ๊ะ! คุณหลวงนี่พูดอย่างไร
หลวงมนูฯเปล่าขอรับ ผมไม่ได้ตั้งใจพูดจาล่วงเกินอะไรมากมายไป แต่ผมเห็นว่าการที่จะให้นายซุ่นเบ๋งรู้สึกอะไรๆ เหมือนคนที่เป็นไทยแท้ๆ นั้นน่าจะเป็นการยากอยู่บ้าง
พระภิรมย์ฯคุณหลวงวันนี้เป็นอย่างไร พูดจากันไม่เข้าลู่เข้าทางกันได้เลย
หลวงมนูฯผมมีความเสียใจที่เป็นเช่นนั้น มีธุระอะไรก็โปรดพูดกันตรงไปตรงมาดีกว่าขอ รับ
พระภิรมย์ฯผมอยากจะขอให้คุณหลวงช่วยผมในเรื่องพ่อใหญ่สักหน่อย
หลวงมนูฯช่วยอย่างไร
พระภิรมย์ฯขอให้มันพ้นทหารไปสักทีเถอะ
หลวงมนูฯจะให้ผมทำอย่างไร
พระภิรมย์ฯโปรดรับเข้าทำราชการในศาลของคุณสักหน่อยเถอะขอรับ จะเป็นตำแหน่งอะไรๆ ก็ได้ทั้งนั้น เงินดาวเงินเดือนก็ไม่ต้องได้มากมายปานใด เอาแต่เพียงพอให้พ้นจากเป็นทหารเท่านั้น คุณหลวงคงจะทราบอยู่แล้วว่าได้เงินเดือนเพียงชั้นใดจึงจะพอพ้นเป็นทหาร
หลวงมนูฯ(พูดอย่างจังๆ) ผมจะทำตามคุณพระปรารถนาไม่ได้ เพราะประการที่ ๑ ผมไม่มีอำนาจที่จะรับบุตรคุณพระเข้ารับราชการได้เอง ประการที่ ๒ ถึงแม้ผมจะมีอำนาจรับได้ผมก็ไม่รับ เพราะผมมีหน้าที่เป็นผู้รักษาพระราชกำหนดกฎหมาย ผมจะรู้เห็นเป็นใจกับผู้ที่คิดหลีกเลี่ยงกฎหมายไม่ได้เป็นอันขาด และผมขอบอกกล่าวไว้ในบัดนี้ด้วย ว่าถึงแม้นผมกับคุณพระได้เป็นผู้รักใคร่ชอบพอกันมาช้านานปานใดก็ตาม แต่ถ้าแม้คดีที่เกิดขึ้นในเรื่องนายสวิงบุตรชายคุณพระหลบหลีกราชการทหาร ผมจำเป็นจะต้องทำการตามหน้าที่ของผมโดยปราศจากฉันทาคติ ผมลาที (ลุกขึ้นก้มหัวคำนับ แล้วออกไปทางหลัง)
             

(พระภิรมย์ฯ นั่งตลึงอยู่ครู่ ๑ แล้วนายสวายจึงเข้ามาจากทางหลัง)

สวายคุณพ่อขอรับ
พระภิรมย์ฯอะไร
สวายคุณพ่อห้ามพี่อุไรไม่ให้พบกับคุณหลวงมณีฯ อีกไม่ใช่หรือขอรับ
พระภิรมย์ฯเออ ก็แล้วอย่างไรเล่า
สวายกำลังพูดกันอยู่ในสวนเดี๋ยวนี้ขอรับ คุณแม่ก็เห็นแต่ทำไม่รู้ไม่ชี้
พระภิรมย์ฯก็อย่างนี้ จะไม่กำเริบอย่างไร (ลุกไปเปิดประตูห้องข้างซ้าย) แม่แย้มเชิญออก มานี่หน่อยเถอะ
             

(แม่แย้มภรรยาหลวงพระภิรมย์ฯ ออกมาจากประตูซ้าย)

แย้มทำไมเจ้าคะ
พระภิรมย์ฯฉันได้ห้ามแล้วไม่ใช่หรือ      ว่าไม่ให้แม่อุไรพบปะกับหลวงมณีฯ      ทำไมหล่อนปล่อยให้พบกันได้อีก
แย้มนี่ใครบอกคุณ
พระภิรมย์ฯช่างเถอะ แต่ฉันอยากรู้ว่าเขาพากันไปอยู่ที่ไหน
แย้มก็ใครเป็นผู้มาปากบอนก็ถามเอากับคนนั้นสิเจ้าคะ
พระภิรมย์ฯพ่อกลางไปเชิญหลวงมณีฯ ขึ้นมานี่ (นายสวายออกไปทางเฉลียง)
แย้มคุณรู้ไหมว่าคุณจะหัดเด็กคนนี้ให้เสียคน ดีแต่พนอไว้ โรงร่ำโรงเรียนก็ไม่ให้ไป เหลวไหลอยู่แต่กับบ้าน
พระภิรมย์ฯก็ฉันไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะข่มขืนให้มันไป หล่อนก็รู้แล้วว่ามันขี้โรคและมันก็มีความคิด ใช้ได้ดีเท่าๆ กับผู้ใหญ่
แย้มคุณก็ชอบเพราะมันปากบอน เก็บเล็กเก็บน้อยมาเล่า ให้คุณฟังเท่านั้นแหละ
พระภิรมย์ฯเป็นธรรมดาผู้ใหญ่ก็ต้องใช้คนต่างหูต่างตาอยู่บ้าง
แย้มแล้วมันเก็บทั้งเข้าทั้งออก คุณพระรู้หรือไม่
พระภิรมย์ฯเก็บทั้งเข้าทั้งมออกอย่างไร
แย้มส่วนความนอกมันช่างเก็บมาเล่าให้คุณจริง แต่ความในมันก็เอาไปเล่าให้คนอื่นฟังสนุกใจเหมือนกัน วันไหนคุณนอนกับเมียน้อยก็รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองทุกครั้ง ฮะๆ น่าหัวเราะจริงๆ ฟ้าผ่าซิ
พระภิรมย์ฯเอ๊ะ! แม่แย้มนี่      ประเดี๋ยวก็ได้เกิดเคืองกันเดี๋ยวนี้เอง      หล่อนเลี้ยงลูกไม่ดีเอง แล้วหล่อนก็เที่ยวเปะปะวุ่นไปไม่เข้าเรื่องเข้าราว
แย้มอุ๊ย ดิฉันขี้เกียจพูดเสียแล้วละ เปลืองเวลาเปล่าๆ
             

(หลวงมณีราษฎร์บำรุงเข้ามาจากทางเฉลียง หลวงมณีฯ แต่งเสือป่าเดินเข้ามาในห้อง คำนับ อุไรตามมาด้วย แต่แอบอยู่ที่เฉลียง)

พระภิรมย์ฯคุณหลวง ผมเข้าใจว่าคุณหลวงก็เป็นลูกผู้ดีมีตระกูลไม่ใช่หรือ
หลวงมณีฯขอรับ
พระภิรมย์ฯถ้าเช่นนั้นผมต้องขอให้คุณประพฤติตนอย่างผู้ดี
หลวงมณีฯเอ๊ะ!      นี่ผมได้ประพฤติผิดกิริยาผู้ดีที่ในข้อไหนโปรดชี้แจงหน่อย      จะขอบคุณมาก
พระภิรมย์ฯการลอบมาพูดจากับลูกสาวผมคุณเห็นเป็นการดีละหรือ
หลวงมณีฯผมไม่ได้ลอบไม่ได้เลี่ยงอะไร ผมมาโดยเปิดเผย พูดกันโดยเปิดเผย คุณแย้มก็เห็น
พระภิรมย์ฯที่คุณมาประพฤติเป็นแมลงเม่าตอมลูกสาวผมอยู่เช่นนี้ เพื่อประสงค์อะไร
หลวงมณีฯผมขอเรียนตามตรง ผมมีความรักใคร่แม่อุไรจริงๆ ผมตั้งใจอยู่ว่าจะให้ผู้ใหญ่มา-
พระภิรมย์ฯช้าก่อนคุณอย่าเพ่อพูดไป ฟังผมก่อนถ้าคุณจะแต่งผู้ใหญ่ให้มาขอก็เห็นจะเสีย เวลาเปล่า
แย้มอะไรคุณก็-
พระภิรมย์ฯขออนุญาตให้ฉันพูดให้จบหน่อยไม่ได้หรือ (พูดกับหลวงมณีฯ ต่อไป) คุณนั้นเป็นลูกผู้มีตระกูลดี ทั้งทรัพย์สมบัติก็มีพอจะเลี้ยงลูกสาวผมได้ แต่คุณมีข้อเสียในส่วนตัวอยู่ข้อ ๑
หลวงมณีฯถ้าผมมีข้อเสียอย่างใดขอได้โปรดบอกตรงๆ ถ้าผมเห็นว่าพอจะแก้ไขดัดแปลงได้ผมก็จะได้จัดการแก้ไข
พระภิรมย์ฯข้อเสียสำคัญของคุณคือ      คุณเหมือนคนที่ได้วางบทประหารชีวิตตนเองแล้วก็ว่าได้
หลวงมณีฯเอ๊ะ! อะไรกัน ผมไม่เข้าใจ
พระภิรมย์ฯผมจะอธิบายให้ฟัง คุณเป็นเสือป่า ถ้ามีศึกเหนือเสือใต้มาแล้ว คุณก็คงจะต้องไปรบไม่ใช่หรือ
หลวงมณีฯถ้ามีโอกาสและเป็นการเหมาะก็คงจะได้ไป
พระภิรมย์ฯนั่น! ก็ถ้าไปรบก็อาจจะตายได้ไม่ใช่หรือ
หลวงมณีฯอ๋อแน่ทีเดียว แต่ถึงไม่ไปรบก็ตายได้เหมือนกัน
พระภิรมย์ฯทราบแล้ว แต่ไปรบมีหนทางที่จะตายได้มากกว่าไม่ไปไม่ใช่หรือ
หลวงมณีฯผมเข้าใจว่าคนที่ได้ตายๆ มาแล้ว จะได้ตายในที่นอนมากกว่าในสนามรบ
พระภิรมย์ฯคุณไม่ต้องเล่นสำนวน      พูดกันตรงๆ      เถอะถ้าเกิดสงครามขึ้นผู้ที่ไปรบคงจะ ต้องตายมากกว่าผู้ที่ไม่ไปไม่ใช่หรือ
หลวงมณีฯในเวลาสงครามจะเอานิยมนิยายแน่นอนไม่ได้ ถึงแม้เราจะไม่ไปรบ บางทีการรบมันเดินมาหาเราเองก็ได้
พระภิรมย์ฯตามกฎหมายนานาประเทศ ผู้ที่รบจะทำร้ายผู้ที่ไม่รบไม่ได้
หลวงมณีฯ(หัวเราะ) นั่นแหละขอรับ      เมื่อมีการสงครามมันเกิดขึ้นแล้ว      กฎบัดกฎหมายอะไรก็ดูจะไม่สู้เป็นประโยชน์ปานใดนัก อย่างไรๆ ก็ดีถ้าต่างว่าบ้านคุณพระนี้เผอิญเฉพาะอยู่ในวงแห่งสนามรบ คือที่ๆ แม่ทัพเขาเห็นเหมาะในการตั้งแนวรบหรือแนวด่าน ถึงคุณพระจะเอากฎหมายนานาประเทศไปพลิกอ่านจนคอแห้ง นายทัพนายกองเขาก็คงไม่ฟัง เขาคงตั้งกองของเขาตามความคิดของเขาจนได้
พระภิรมย์ฯแต่ถ้าผมไม่ออกไปยุ่งกับเขา ผมก็คงไม่ต้องเป็นอันตรายเป็นแน่
หลวงมณีฯขอรับประทานโทษ      ผมไม่เห็นมีความแน่อยู่ที่ตรงไหนเลย      เพราะลูกปืนไม่รู้ จักเลือกระหว่างคนที่รบกับไม่ได้รบ
พระภิรมย์ฯพูดกันสั้นๆ พลรบนั้น มีหน้าที่สำหรับไปตายไม่ใช่หรือ
หลวงมณีฯหามิได้      พลรบมีหน้าที่พยายามทำให้ข้าศึกตายหรือเจ็บจนรบไม่ได้      ส่วนการเจ็บการตายก็แล้วแต่เคราะห์ดีเคราะห์ร้าย
พระภิรมย์ฯผมเห็นว่า การที่คุณเข้าเป็นเสือป่าก็เท่ากับประกาศว่าอยากตาย เต็มใจที่จะตาย
หลวงมณีฯจริงขอรับ ถ้าการที่ผมตายจะทำให้เป็นประโยชน์แก่พระเจ้าอยู่หัวหรือบ้าน เมืองแล้วผมก็จะยอมตายโดยความเต็มใจ ยอมสละชีวิตโดยยินดี
พระภิรมย์ฯนั่น! เพราะฉะนั้นผมจะยอมยกลูกสาวของผมให้แก่คุณไม่ได้
หลวงมณีฯเอ๊ะ! น่าประหลาดจริง ทำไมอย่างนั้น
พระภิรมย์ฯผมไม่อยากให้ลูกสาวผมเป็นหม้ายแต่สาวๆ
หลวงมณีฯพุทโธ่! คุณพระนี่ชอบกลจริงๆ ถึงผมไม่เป็นเสือป่าผมก็อาจจะตายได้ในวันนี้พรุ่งนี้เท่ากัน ไม่เห็นผิดอะไรกันเลย
พระภิรมย์ฯผิดกันมาก การเป็นเสือป่าเหมือนเป็นคนที่ถูกวางบทให้ประหารชีวิตแล้ว อย่างไรๆ ไม่พ้นความตาย
หลวงมณีฯก็เช่นนั้นทหารก็เหมืนนักโทษถึงตายแล้วเหมือนกันหรือขอรับ
พระภิรมย์ฯก็คล้ายๆ กัน แต่ทหารยังดีกว่าเสือป่าเพราะที่เป็นพลทหารก็เป็นโดยถูกเกณฑ์ ถ้าเป็นนายทหารก็เป็นการรับจ้างหากินอย่าง ๑ นี่เป็นเสือป่าค่าจ้างก็ไม่ได้ มิหนำซ้ำต้องเสียค่าบำรุงอีกด้วย แล้วถูกเกณฑ์ก็ไม่ถูก หรือมีกะเกณฑ์อะไรกัน
หลวงมณีฯ(เสียงแข็ง)      คุณพระควรจะทราบดีแล้ว      ว่าไม่มีการกะเกณฑ์เลย      ตามใจสมัครทั้งสิ้น
พระภิรมย์ฯถ้าเช่นนั้นจะเป็นเสือป่าเพื่อประสงค์อะไร
หลวงมณีฯก็เพื่อประสงค์ได้มีโอกาสฝึกหัดไว้ให้สามารถทำหน้าที่อย่างผู้ชายได้ คือป้อง กันชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์ได้ในเวลาที่จำเป็น
พระภิรมย์ฯคุณพูดดูเป็นการหวังประโยชน์ภายหน้าอยู่ ก็ประโยชน์ปัจจุบันนี้ไม่หวังอะไรบ้างหรือ
หลวงมณีฯประโยชน์ในปัจจุบันที่มีแลเห็นง่ายๆ      ก็คือการที่ได้มีโอกาสคบค้าสมาคมกันในหมู่ข้าราชการทั้งทหารพลเรือนและตลอดถึงคหบดีด้วย ได้รู้อกรู้ใจกันแล้วก็สะดวกในทางการ ทำงานติดต่อกันได้ง่าย      เช่นแต่ก่อนนี้      คนในหน้าที่ผมกี่วันจะได้พบท่านผู้พิพากษาครั้ง ๑ นี่พบกันแทบทุกวัน คุณหลวงมนูฯ เป็นนายหมู่ประจำในหมวดผมด้วยซ้ำ
พระภิรมย์ฯข้อนี้ผมเข้าใจไม่ได้เลยว่าหลวงมนูฯ พอใจได้อย่างไร ถ้าเป็นผมๆ คงจะรู้สึกได้อย่างไรๆ อยู่ ในการที่จะต้องคำนับผู้ที่มีอายุน้อยกว่าผม (หลวงมณีหัวเราะแต่ไม่ตอบว่ากระไร) แต่ผมข้อย้อนถามเรื่องประโยชน์ที่จะได้รับจากการเป็นเสือป่าอีกสักหน่อย ผมได้ยินเขาว่าข้าราช การคนไหนไม่เป็นเสือป่าไม่มีทางได้ดีไม่ใช่หรือ
หลวงมณีฯไม่เป็นเช่นนั้นเลย
พระภิรมย์ฯเขาว่าทั้งยศทั้งตราทั้งเงินเดือนได้ขึ้นแต่ที่เป็นเสือป่า ถ้าใครไม่ได้เป็นเสือป่า เจ้าขุนมุลนายท่านเอาลงกระป๋องเสียอย่างนั้นไม่ใช่หรือ
หลวงมณีฯ(เสียงแข็ง) ไม่จริงเลยใครที่บอกกับคุณพระเช่นนั้นเป็นคนที่โกหกสดๆ ร้อนๆ เท่านั้น โกหกอย่างระยำที่สุด
พระภิรมย์ฯถ้าเช่นนั้น      ถึงแม้ใครจะลาออกจากเสือป่าแล้ว      ก็ไม่ต้องเลยออกจากราชการด้วยหรือ
หลวงมณีฯการลาออกจากเสือป่าไม่เกี่ยวแก่ราชการเลย ใครจะลาออกเมื่อใดก็ได้
พระภิรมย์ฯแน่หรือ
หลวงมณีฯแน่สิขอรับ
พระภิรมย์ฯถ้าเช่นนั้นผมต้องขอให้คุณลาออกจากเสือป่าเสียก่อน ผมจึงจะยอมยกลูกสาวให้
หลวงมณีฯพุทโธ่! ทำไมคุณพระทำให้ผมอยู่ในที่ลำบากเช่นนี้
พระภิรมย์ฯเลือกเอาอย่าง ๑ ถ้าคุณรักลูกสาวผมต้องออกจากเสือป่า
อุไร(เดินเข้ามาจากเฉลียง) คุณหลวงมณี ถ้าคุณออกจากเสือป่าวันใดวันนั้นคุณกับดิฉันขาดกัน ดิฉันจะไม่ขอดูหน้าคุณอีกต่อไปจนวันตาย
พระภิรมย์ฯแม่อุไร นี่หล่อนมาพลอยเป็นบ้าอะไรไปด้วย
อุไรดิฉันไม่บ้าเลย ดิฉันเห็นโดยจริงใจว่าคุณหลวงมณีฯ มีข้อที่ควรชมเชยอยู่มากที่สุด ก็คือข้อที่เป็นเสือป่า เพราะอันที่จริงถ้าจะเลี่ยงเสียไม่ทำหน้าที่อย่างผู้ชายนั้นง่ายที่สุด เธอเป็นข้าราช การรับสัญญาบัตรแล้ว และมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่แล้ว จะเกณฑ์เป็นทหารไม่ได้เป็นอันขาด ถึงแม้ว่าจะมีการสงครามก็หลีกเลี่ยงการไปรบได้โดยไม่มีข้อเสียหายในส่วนตัวเลยจนนิดเดียว
พระภิรมย์ฯก็นั่น! การที่มีช่องจะรอดพ้นจากการต้องไปถูกยิงถูกฟันตายได้แล้วฉะนี้กลับเสือกเข้าไปสมัครจะไปตายอีกฉะนี้ จะเรียกว่าคนดีหรือคนบ้า
อุไรเรียกว่าคนดี คนกล้าหาญ คนไทยแท้ ลูกผู้ชายแท้ แต่คนที่มีหน้าที่ควรจะเข้าทำหน้า ที่อันควรแก่ลูกผู้ชายแล้วจะคอยหาทางหลีกเลี่ยงบิดพลิ้ว อย่างลูกชายใหญ่ของคุณพ่อนั่นแหละดิฉันเห็นว่าเป็นคนขี้ขลาดเสียทีที่เกิดมาในชาติไทย เสียทีที่เกิดมาเป็นลูกผู้ชาย
หลวงมณีฯแม่อุไร ฉันเห็นด้วยกับหล่อนทุกคำ
พระภิรมย์ฯก็ดีแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็แปลว่าคุณหลวงจะยอมเลิกความคิดขอลูกสาวผมหรือ
หลวงมณีฯถ้าคุณพระจะยกให้ต่อเมื่อผมได้ลาออกจากเสือป่าแล้วฉะนั้น      ผมก็ไม่แลเห็นทางอื่น เพราะถึงผมจะรักแม่อุไรปานใดก็ดี แต่ที่ผมจะยอมเสียสัตย์หรือเสียความเป็นลูกผู้ชายชาวไทยไม่ได้เป็นอันขาด
พระภิรมย์ฯถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีอะไรจะพูดกันอีกต่อไปแล้ว และในเวลาภายหน้าคุณหลวงไม่ต้องมาที่นี่อีกเลย
หลวงมณีฯ(คำนับ) ถ้าคุณพระไม่โปรดให้ผมมาอีกผมก็มาไม่ได้อยู่เอง เพราะคุณพระเป็นเจ้าของบ้าน      ถ้าเช่นนั้นผมลาที      (คำนับพระภิรมย์ฯ      และแม่แย้ม      แล้วจึงหันไปแลดูตาแม่อุไรครู่ ๑ แล้วก็เดินออกไปทางหลัง)
อุไรคุณพ่อ ดิฉันขอเรียนอะไรจริงๆ สักหน่อย ถ้าดิฉันไม่นึกสงสารคุณแม่อยู่แล้ว ดิฉันจะตามคุณหลวงมณีฯ ไปเสียเดี๋ยวนี้ทีเดียว แต่นี่ยังสงสารคุณแม่ จึงจำใจต้องทนความอยุติธรรมของคุณพ่อไป
พระภิรมย์ฯนางนี่ทำปากจัดใหญ่แล้ว อีเนรคุณ ชาตินี้ตบเสียให้ปากเยิน
แย้มแม่หนูก็ไม่ควรพูดให้ก้ำเกินคุณพ่อยังนั้นเลย เข้าไปในเรือน (อุไรเข้าไปทางขวา)
พระภิรมย์ฯเอาสิ      ตามใจลูกจนได้ดีไหมล่ะ      อ้ายเล็กก็อวดดีเป็นบ้าลูกเสือ      จนต้องยกให้เป็นลูกเลี้ยงหวงมนูฯ ไปคน ๑ แล้ว นางอุไรอวดดีอยากเป็นเมียเสือขึ้นมาอีกคนหนึ่งละ นี่ลูกฉันจะมาพากันอวดดีเป็นไม้นอกกอตามกันไปหมดละหรือ
แย้มถ้ามันเป็นไปเช่นนั้นจะมาปรับเป็นดิฉันผิดคนเดียวหรือ คุณเองไม่ผิดบ้างละหรือ
พระภิรมย์ฯฉันจะผิดอย่างไร
แย้มผิดที่คุณมีความเห็นผิดกับใครๆ เขาไปทั้งบ้านทั้งเมืองน่ะซิคะ เสือป่ากับลูกเสือใครๆ เขาก็แลเห็นประโยชน์ทั้งนั้น คุณไม่เห็นเป็นประโยชน์
พระภิรมย์ฯนี่! อย่างนี้เสียนี่นะ ลูกมันจะไม่กำเริบได้ใจอย่างไร ลูกคนไหนที่แม่แย้มถือท้ายย้ายหัวละก็เสียทุกคน ทีที่แม่แย้มไม่ชอบทำไมมันดีอยู่ได้
แย้มดีอย่างไรคะ พ่อสวิงน่ะกลัวต้องไปเป็นทหารเพราะขี้ขลาดอย่าง ๑ อีกอย่าง ๑ กลัวจะลำบาก กลัวไม่ได้เที่ยว นายซุ่นเบ๋งพี่เมียคุณน่ะมันพาลูกคุณซุกซนป่นปี้ไปแล้วคุณรู้สึกไหม ที่ไล่กฎหมายตกบ่อยๆ และตกอย่างเลวๆ เพราะอะไรคุณไม่รู้บ้างหรือ ที่กรุงเทพฯ นั่น ถ้าใครอยากจะพบพ่อสวิงต้องไปหาที่โรงเหล้า หรือโรงละครเฉวียงไว หรือบ้านโคมเขียวนั่นแน่ะ
พระภิรมย์ฯอือ! ช่างรู้จริงนะ
แย้มส่วนพ่อสวายน่ะคุณก็พะนอจนได้ดีแล้วไหมล่ะ นอกจากการปากบอนกะล่อนเดาะยังมิหนำซ้ำริมีเมียแต่ป่านนี้แล้ว ดีนักละลูกรักคุณทั้งสองคนน่ะ
พระภิรมย์ฯมีอะไรจะพูดอีกไหม
แย้มมีอีกนิดเดียว คือพ่อสวิงน่ะ ถ้าคุณขืนไม่ระวังให้ดีจะต้องเข้าตะรางวัน ๑
พระภิรมย์ฯเพราะเหตุไร
แย้มเพราะเหตุหลบหลีกราชการทหารนั้นแหละก่อนอื่น
             

(หลวงมณีฯ กลับมาอีกแต่มายืนอยู่เพียงประตูด้านหลัง)

พระภิรมย์ฯ(เคือง)      ผมเข้าใจว่าผมได้พูดอย่างแจ่มแจ้งที่สุดแล้ว      ว่าผมไม่ประสงค์ให้คุณหลวงมาบ้านผมอีกเลย
หลวงมณีฯผมมาโดยหน้าที่ราชการ ท่านผู้ว่าราชการเมืองมีบัญชาให้มาเกาะตัวนายสวิงบุตรคุณพระ
พระภิรมย์ฯเพราะเหตุใด
หลวงมณีฯเพราะถึงกำหนดจะไปจับฉลากเข้ารับราชการทหารได้ หมายเรียกแล้วไม่ไป
แย้มดิฉันว่าแล้วไหมล่ะ
พระภิรมย์ฯหล่อนไม่มีหน้าที่จะพูดในเรื่องนี้เลย ขอให้เข้าไปในเรือน (แย้มเข้าไปทาง ซ้าย) นี่แน่คุณหลวง ถ้าผมจะไม่ส่งตัวเขาจะเป็นอย่างไร
หลวงมณีฯผมก็ต้องค้นหาเอาเอง
พระภิรมย์ฯคุณมีอำนาจอะไรที่จะมาค้นบ้านผม
หลวงมณีฯผมถือหมายเป็นสำคัญ (ชูหมายให้ดู แล้วหันไปพูดข้างนอก) ค้นหาตัวนายสวิงมาให้ได้
พระภิรมย์ฯนี่ไม่มีอะไรนอกจากจะแก้แค้นส่วนตัวเท่านั้นเอง เอาอำนาจราชการมาข่มเหง
หลวงมณีฯคุณพระก็เป็นผู้ใหญ่แล้วนะขอรับ ระวังปากคอหน่อยจะดีกว่า ผมไม่อยากจะ ต้องจับคุณพระไปอีกคน ๑ เลย แต่ถ้าคุณพระไม่ฟังคำผมเตือนก็จะเป็นที่น่าเสียใจ ต้องขอให้คุณพระเข้าใจว่าเวลานี้ผมทำการในหน้าที่นายอำเภอเมือง
             

(ตำรวจภูธรนำตัวนายสวิงมาที่เฉลียง นายสวิงนั้นแต่งตัวใส่กางเกงจีนใส่เสื้อชั้นใน ดูเสื้อ ผ้ายู่ยี่ หน้าตาซีด ผมยุ่ง)

หลวงมณีฯได้ที่ไหน
ตำรวจภูธรในโรงม้าขอรับ
พระภิรมย์ฯคุณหลวงมณี ขอผัดสักสองสามเวลาไม่ได้หรือ เวลานี้เขากำลังเรียนกฎหมายอยู่
หลวงมณีฯผัดไม่ได้ขอรับ ต้องไปเดี๋ยวนี้
พระภิรมย์ฯพุทโธ่! ลูกผมเคยเลี้ยงเป็นผู้ดี จะเอาไปใช้อย่างขี้ข้ามันก็ตายเท่านั้นเอง
หลวงมณีฯผมเสียใจ รอสนทนากับพระคุณต่อไปไม่ได้
พระภิรมย์ฯ(โกรธ) ดีละ ดีละ ถ้าไม่มีโอกาสบ้างก็แล้วไป ถ้ามีโอกาสละก็---คอยดูเถอะ คอยดูเถอะ ถึงทีใครก็ทีใครแหละน่ะ คงได้เห็นฤทธิ์อ้ายแก่วัน ๑
             

(หลวงมณีฯ คำนับ แล้วกลับหลังหันเดินดุ่มๆ ไปทางหลัง ตำรวจภูธรพาตัวนายสวิงตามไป พระภิรมย์ฯ ยืนตลึงแลดูตามไปครู่ ๑ แล้วทรุดตัวลงนั่ง)

ชุดที่ ๒

ฉากเหมือนชุดที่ ๑


(เมื่อเปิดม่าน พระภิรมย์ฯ เดินไปเดินมาอยู่ในห้อง ท่าทางไม่สู้พอใจ นายซุ่นเบ๋งเดินเข้ามาจากทางเฉลียง นายซุ่นเบ๋งแต่งตัวนุ่งผ้าสวมเสื้อขาว)

พระภิรมย์ฯว่ากระไร
ซุ่นเบ๋งไม่สำเร็จ ไม่มีหนทางที่จะให้พ้นมาได้
พระภิรมย์ฯจะจัดการอย่างไรๆ ก็ไม่ได้หรือ
ซุ่นเบ๋งไม่มีหนทาง ผมเสียใจมาก ผมได้ไปหาเจ้าคุณเทศาฯ ตามคุณสั่ง ท่านตอบว่าท่านจะช่วยอย่างใดไม่ได้ ผมไปหาท่านผู้บัญชาการกองพลท่านก็ตอบว่าไม่มีหนทางที่จะผ่อนผันอย่าง ไรได้
พระภิรมย์ฯพุทโธ่! (ทรุดลงนั่ง) นี่พ่อสวิงมิต้องทนลำบากเป็นทหารอยู่อย่างนี้จนตลอดชีวิตหรือ
ซุ่นเบ๋งก็เพียงชั่วสองปีเท่านั้น
พระภิรมย์ฯก็ยังกองหนุนอีกเล่า
ซุ่นเบ๋งเมื่อถึงกองหนุนแล้วไม่อัศจรรย์อะไร      คงกลับมาบ้านได้      แต่ผมได้ยินข่าวอะไรอย่างหนึ่ง ซึ่งผมควรจะเรียนคุณพระให้ทราบ (นั่งลงใกล้ๆ พระภิรมย์ฯ) ผมได้ทราบข่าวว่าน่าจะมีสงครามกันในเร็วๆ นี้
พระภิรมย์ฯอย่างนั้นหรือ
ซุ่นเบ๋งขอรับ      พวกพ้องผม      เขาบอกข่าวมาจากกรุงเทพฯ      เขาว่าเขาได้ข่าวลับมาจากซ่องฮอย เขาว่าทางโน้นเตรียมทหารอยู่พร้อมแล้ว แต่นั่นแหละ เวลานี้รัฐบาลกำลังพูดจาว่ากล่าวกันอยู่ ถ้าฝ่ายรัฐบาลไทยยอมตามเขาก็จะไม่ต้องรบกัน
พระภิรมย์ฯก็ทำไมไม่ยอมเขาเสียเล่า
ซุ่นเบ๋งข้อนี้ผมทราบไม่ได้ แต่ผมทราบว่าการที่รัฐบาลไทยดื้ออยู่อย่างนี้ ทำให้พวกพ่อค้าจีนพากันตกใจมาก กลัวจะเสียประโยชน์การค้าขาย เขาว่าเรือเมล์ออกจากรุงเทพฯ ไปเมืองจีนหมู่นี้มีพวกจีนโดยสารไปเต็มๆ
พระภิรมย์ฯตายจริง นี่จะทำอย่างไรดี ถ้าเกิดรบกันขึ้นพ่อสวิงมิต้องพลอยไปตายกับเขาด้วยหรือ
ซุ่นเบ๋งแน่ทีเดียว ถ้ายังคงอยู่ในกองทหารก็คงต้องถูกเกณฑ์ไปรบ
พระภิรมย์ฯพุทโธ่ๆ กรรมจริงๆ
ซุ่นเบ๋งที่จริงการที่รัฐบาลดื้อไม่ยอมเขาเช่นนี้ แปลว่าถือเกียรติยศไม่เป็นเรื่องแท้ อย่างไรๆ ก็สู้เขาไม่ได้ เพราะเขาดีกว่าเรามาก อย่างไรๆ เขาก็ต้องชนะ เพราะฉะนั้นการที่จะขืนดื้อต่อไปก็เหมือนท้าให้เขารบ และถ้าเกิดรบกันขึ้นแล้วคนไทยต้องตาย ก็ต้องนับว่ารัฐบาลรับผิดรับชอบเหมือนแกล้งฆ่าคนไทย เอาชีวิตคนไทยแลกกับการรักษาเกียรติยศเย่อหยิ่งไม่มีประโยชน์เลยจนนิดเดียว แล้วก็ไม่ใช่แต่คนไทยจะเสียประโยชน์แต่ลำพัง ยังพลอยให้จีนและชาวต่างชาติพลอยต้องเสียประโยชน์ด้วย เมื่อการเป็นเช่นนี้ ผมเห็นควรรัฐบาลจะให้โอกาสให้ราษฎรได้มีเสียงออกความเห็นได้บ้าง
พระภิรมย์ฯส่วนคนอื่นๆ จะคิดอย่างไรหรือทำอย่างไรกันฉันไม่รู้ไม่ชี้ด้วย แต่ส่วนพ่อสวิงทำอย่างไรจึงจะได้รอดตาย
ซุ่นเบ๋งผมเห็นมีทางที่พอจะจัดการได้
พระภิรมย์ฯจะทำอย่างไร
ซุ่นเบ๋งเมื่อจะจัดการให้ออกจากทหารไม่ได้โดยทางอื่นแล้ว ก็ต้องคิดอ่านให้หนี
พระภิรมย์ฯอ๊ะ! จะหนีอย่างไร
ซุ่นเบ๋งไม่ยากเลย ขออนุญาตมาเยี่ยมคุณพระก็ได้
พระภิรมย์ฯเผื่อเขาไม่ให้มา
ซุ่นเบ๋ง(ยิ้ม) ตีนพ่อสวิงก็มี รั้งโรงทหารก็ไม่สูงปานใดนัก
พระภิรมย์ฯก็เขาจะไม่ตามจับหรือ
ซุ่นเบ๋งเขาคงตามเป็นแน่ แต่ฝ่ายเราต้องเตรียมไว้ให้พร้อม ที่จริงผมได้คิดทำทางไว้แล้ว คุณพระต้องเตรียมเรือยนต์ไว้ให้พร้อม พอพ่อสวิงมาถึงก็ให้ลงเรือไปทีเดียว ให้รีบไปกรุงเทพฯ เมื่อถึงกรุงเทพฯ แล้วผมจะพาไปฝากไว้กับเพื่อนผมคน ๑ จนถึงกำหนดเรือเมล์ออกก็ลงเรือเมล์ไปเสียเท่านั้น
พระภิรมย์ฯก็ดีออก แต่ถ้าเผื่อเขาจะมาเร่งเอาตัวกับฉันจะทำอย่างไร
ซุ่นเบ๋งคุณพระต้องปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นด้วยเลย
พระภิรมย์ฯเผื่อเขาไม่ยอมเชื่อ เขาจะจับตัวฉันไปจะว่ากระไร
ซุ่นเบ๋งข้อนั้นไม่ต้องวิตก ผมจะจัดการ ถ้าจับคุณพระไปละก็เป็นได้เกิดความใหญ่แน่ เพราะถ้าเช่นนั้นผมจะร้องให้ดังว่ารัฐบาลใช้อำนาจกดขี่ข้าแผ่นดินอย่างร้ายกาจ พวกพ้องผมก็มีไม่ใช่น้อย คงช่วยกันตะโกนทุกคน รัฐบาลเห็นท่าทางไม่ดีก็ต้องปล่อยคุณพระ เพราะในเวลาที่การภายนอกกำลังล่อแหลมเช่นนี้ คงไม่อยากให้มีเหตุร้อนใจภายในอีกซ้ำ ๑ เป็นแน่
พระภิรมย์ฯความคิดแกในตอนเช่นนี้ ฉันบอกตรงๆ ว่าฉันไม่สู้ชอบ การที่ฉันจะเป็นต้น เหตุให้รัฐบาลเดือดร้อนฉันเห็นดูกระไรๆ อยู่
ซุ่นเบ๋งความตะขิดตะขวงคุณพระในข้อนี้ เป็นเพราะคุณพระเป็นคนสมองเก่าเท่านั้น ถ้าคุณพระตรองดูให้ดีคงจะเห็นได้ว่า แท้จริงรัฐบาลไม่ได้ให้ความยุติธรรมแก่คุณพระตามที่สมควรเลย การที่คุณพระต้องออกนอกราชการเพราะเหตุใด
พระภิรมย์ฯนายท่านว่าฉันทำราชการไม่ไหวพริบทันสมัย
ซุ่นเบ๋งนั่นก็เป็นวิธีพูดอัน ๑ เท่านั้น ที่แท้คุณพระต้องลงกระป๋อง เพราะคุณพระมีความนับถือตัวเอง เกินที่จะยอมประพฤติเป็นคนหัวประจบเท่านั้น คนเราทุกวันนี้ ถ้าจะให้เจริญในราชการต้องรู้จักพลิกแพลง พูดจาดีๆ ประจบเก่งๆ จึงจะเอาตัวรอดได้
พระภิรมย์ฯกระประจบประแจงนั้น ก็คงจะมีอยู่บ้างจริงอยู่ แต่ที่แกพูดว่าข้าราชการจะได้ดีหรือลงกระป๋องแต่เฉพาะโดยการประจบไม่ประจบเท่านั้นก็เหลือเกิน แต่อย่างไรๆ ก็ดี การที่จะให้ฉันเป็นสาเหตุที่จะทำให้รัฐบาลต้องลำบากร้อนใจนั้น ฉันไม่หายตะขิดตะขวงได้ เพราะฉะนั้นอย่าคิดต่อไปเลย ฉันไม่ยอมตามแกได้เป็นอันขาด
ซุ่นเบ๋งถ้าเช่นนั้นก็มีอยู่อีกทางหนึ่ง คือคุณพระต้องไปเสียกับพ่อสวิงพร้อมกัน
พระภิรมย์ฯอ๊ะ! จะให้ฉันทิ้งบ้านช่องไปอย่างนั้นหรือ ก็แล้วทรัพย์สมบัติฉันจะทำอย่าง ไร
ซุ่นเบ๋งข้อนั้นไม่ยาก คุณพระมอบให้ผมจัดการก็ได้ ผมคงจะจัดการส่งเสียเงินทองไปให้พอใช้สอย
พระภิรมย์ฯเฮ้ย! มันไม่ใช่แต่เท่านั้น ยังครอบครัวอีกเล่า
ซุ่นเบ๋งผมได้คิดเสร็จแล้ว ให้แม่เน้ยไปด้วยเพื่อปฏิบัติวัตถากตามเคย ส่วนลูกนั้นพ่อสวิงก็ต้องไปอยู่เองแล้ว พ่อสวายถ้าจะเอาไปด้วยก็ควรอยู่ ส่วนพ่อสวัสดิ์คุณพระก็ยกให้หลวงมนูไปแล้ว และแม่อุไรนั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเขาก็คงไปตกแต่งกับหลวงมณีฯ ตามความปรารถนาของเขา
พระภิรมย์ฯก็แม่แย้มเล่า
ซุ่นเบ๋ง(ยิ้ม) คุณพระยังเป็นห่วงอาลัยท่านผู้เฒ่าอยู่อีกหรือแม่เน้ยไม่พอจะเอาเมียน้อยอื่นๆ ไปอีกสักสองคนก็ได้ หรือไปหาเอาใหม่ก็ได้ ส่วนคุณแม่เฒ่าแกก็คงจะได้อยู่ในบ้านนี้ต่อไป แกก็คงจะไม่ลำบากลำบนอะไรเป็นแน่
พระภิรมย์ฯ(อึ้งอยู่ครู่ใหญ่ๆ แล้วจึงพูด) มันดูออกจะอย่างไรๆ อยู่
ซุ่นเบ๋งเอาอีกล่ะ พุทโธ่ มีแต่ตะขิดตะขวงไปอบข้าง จะตกลงทางไหนก็เลือกเอาทาง ๑ สิ ขอรับ
พระภิรมย์ฯฉันเห็นมันดูไม่ได้การทั้งสองอย่างนี่นะ
ซุ่นเบ๋งถ้าเช่นนั้นคุณพระจะยอมเลิกการให้ลูกหนีทีเดียวหรือ
พระภิรมย์ฯการที่จะให้หนีดูมันเป็นการใหญ่ให้ผลลำบากมากมายเกินไปนักนี่นะ
ซุ่นเบ๋งเอาเป็นเลิกกันหรือ
พระภิรมย์ฯเห็นจะต้องเลิก
ซุ่นเบ๋งผมเสียใจ ผมได้ไปนัดกับเขาเสียแล้วให้หนี
พระภิรมย์ฯอะไร! แกวิ่งไปนัดไปแนะกับเขาเสียแล้วหรือ ทำไมไม่รอปรึกษาฉันก่อน
ซุ่นเบ๋งผมสำคัญว่าคุณพระคงจะพอใจตามความคิดผม แต่ก็ไม่เป็นไร เมื่อพ่อสวิงหนีมา ถึงนี่แล้วจึงค่อยตกลงกันต่อไปจะดีกว่า ถ้าเจ้าตัวเขาเต็มใจจะกลับไปก็แล้วกันไป แต่ถ้าเขาไม่ตกลงก็ต้องคิดกันต่อไป เพราะการที่จะบังคับให้คนที่มีอิสรภาพทำการที่ไม่ต้องการทำนั้น บังคับไม่ได้อยู่เอง
             

(ขณะนั้นได้ยินเสียงนกหวีดเป่ายาวบอกสัญญาหยุดที่ข้างนอก พระภิรมย์ฯ กับนายซุ่นเบ๋งต่างคนต่างลุกขึ้นไปยืนดูที่หน้าต่างข้างขวา)

พระภิรมย์ฯฮือ! พวกเสือป่ามาทำไมกันแยะ
ซุ่นเบ๋งได้ยินว่ากำลังซ้อมรบ
พระภิรมย์ฯฮึ! ยุ่งพิลึก เที่ยวเดินตะพัดตะเพิดบุกรุกไม่ว่าในบ้านในช่องใคร ดูเหมือนจะเข้าใจเสียว่าถ้าเล่นเป็นทหารละก็จะทำอะไรทำได้ทุกอย่าง
ซุ่นเบ๋งเข้ามาในบ้านคุณพระด้วยหรือขอรับ
พระภิรมย์ฯเคยเข้ามา แล้วไล่ก็ไม่ใคร่ไปด้วย
ซุ่นเบ๋งคราวนี้ถ้าว่าไม่ฟ้องก็ฟ้องบุกรุกเสียบ้างสิขอรับ      ถ้าไม่ฉะนั้นพวกเสือป่าจะพากันเข้าใจไปว่าพวกเขาอยู่เหนือกฎหมาย
พระภิรมย์ฯเอ๊ะ! ดูท่าทางเหมือนจะพักกองอยู่ตรงนี้ เบื่อจริงๆ ถ้าจะมานั่งอยู่ข้างๆ หามรุ่งหามค่ำเช่นนี้ ใครจะคอยระวังระไวได้หวาดไหว
ซุ่นเบ๋งก็ทำไมคุณพระไม่ไล่ให้ไปตั้งเสียที่อื่นเล่าขอรับ
พระภิรมย์ฯฉันได้เคยไล่ทีหนึ่งแล้ว      เขาตอบว่าเขาไม่ได้ตั้งอยู่ในที่บ้านของฉัน      ฉันไม่มีอำนาจอันชอบธรรมที่จะไล่เขา
ซุ่นเบ๋งข้อนั้นก็จริงอยู่ แต่คุณพระควรจะจ้องไว้ พอย่างเข้ามานิดหนึ่งก็ฟ้องบุกรุกได้ที เดียว แต่ถ้าจะไม่ให้มีทางติเตียนได้เลยควรจะบอกกล่าวเสียก่อนจะดี
พระภิรมย์ฯจริง ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ มาด้วยกันเถอะ (พากันออกไปทางหลัง)
             

(นายสวายกับแม่เน้ยพากันออกมาจากประตูซ้าย)

สวายฉันว่าแล้ว ว่าคุณพ่อน่ะเป็นคนที่ไม่มีความแน่นอนอะไรเลย เป็นคนลังเลที่สุดในโลกหล่อนก็ได้ยินแล้วแก่หูหล่อนเอง ว่าพี่ชายหล่อนเขาอธิบายดีปานใด คุณพ่อหายลังเลเมื่อไร เป็นห่วงหน้าห่วงหลังไม่รู้จักจบ ทำไปทำมาก็คงจะต้องแห้งแก๋กันอยู่ที่นี่เอง
เน้ยนี่การรบน่ะเป็นต้องมีแน่ละหรือ
สวายไม่มีข้อสงสัยเลย ไม่แน่อยู่แต่ว่าจะเริ่มวันใดเท่านั้น
เน้ยตายจริง ก็ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรกันดีเล่า
สวายฉันเบื่อนัก จะมานั่งรอจนกว่าคุณพ่อจะทำให้ใจตกลงได้แล้วคงเลยไม่ได้ไป ก็จะรอแกทำไม เรามาพากันไปเสียก็แล้วกัน
เน้ย อะไร จะทิ้งคุณพ่อไว้ทางนี้อย่างนั้นหรือ
สวายก็แกไม่ไปจะทำอย่างไรเล่า หรือหล่อนยังห่วงแกอยู่อีก ยังอาลัยอาวรณ์อยู่อีกหรือ
เน้ยพุทโธ่ ทำไมจะไม่อาลัย ใจท่านดีต่อฉันมาก
สวายก็ส่วนฉันเล่า หล่อนจะใจดำให้ฉันไปได้คนเดียวหรือ
เน้ยก็เมื่อกลัวจะว่าเหว่ก็ทำไมไม่พาอีแก่นไปด้วยเล่า จะได้ไปบำรุงบำเรอกันให้ถึงใจ
สวายพุทโธ่แม่เน้ยทำไมพูดอย่างนี้ได้ หล่อนควรจะเข้าใจดีแล้วว่าการที่ฉันต้องเอาใจอีแก่นเพราะจะต้องปิดปากมันเท่านั้น มันรู้มากเกินไปถ้าไม่ทำดีต่อมันไว้มันก็ขายเราเสียเท่านั้น
เน้ยฉันไม่เชื่อเลย ถ้าจะเพียงแต่ทำไมตรีเท่านั้น ทำไมจะต้องไปหากันบ่อยนัก แทบไม่เว้นวัน
สวายก็หล่อนน่ะฉันพบปะได้ง่ายๆ เมื่อไร แต่หล่อนไม่ควรที่จะหึงอีคนเช่นนั้นเลย มันเป็นขี้ข้าไม่เปรียบกับหล่อนได้เลย แล้วอีแก่นก็แก่กว่าฉันตั้ง ๔ ปี ๕ ปี หล่อนกับฉันน่ะสิ พอสมคู่สมคีมกัน (เข้าไปทำท่าจะกอด)
เน้ยอุ๊ยอย่านะ เดี๋ยวก็จะเกิดความเดี๋ยวนี้เอง นี่แหละเขาว่าคบเด็กสร้างบ้าน
สวายชะๆ แม่แก่ ทำแก่ไปได้ นี่แน่ะว่าแต่จะไปด้วยกันหรือไม่ไป
เน้ยไม่รู้ได้
สวายอะไรไม่รู้ (เข้ากอด เน้ยทำท่าจะสบัดก็ไม่ปล่อย) ทำไมต้องประพฤติเป็นคนลังเลไปด้วย หรือติดโรคผัวแก่
เน้ยโธ่! ยุ่งอย่างนี้แหละ (ผละออกจากนายสวาย)
สวายต้องขอให้หล่อนเข้าใจว่า ถ้าจะไปต้องรีบไป ถ้าไม่อย่างนั้นจะทำลำบาก เรือยนต์ก็มีลำเดียว ถ้าฉวยว่าพี่สวิงหนีทหารมาแล้วก็จะต้องการเรือนั้นเหมือนกัน
เน้ยก็จะเป็นไรไป ไปด้วยกันก็ได้
สวายที่ไหนได้ จะได้กีดเราประไรเล่า หรือบางทีแม่เน้ยจะต้องการให้เขาเบียดก็ไม่รู้ บางทีฉันจะเด็กเกินไปกระมัง
เน้ยอุ๊ยแต่เด็กๆ ยังปานนี้ นี่ถ้าเป็นผู้ใหญ่อีกหน่อยจะเป็นอย่างไร
สวาย(จับมือเน้ยและเอียงหน้าเข้าไปพูด) อายุฉันยิ่งมากขึ้น ก็คงจะยิ่งรักแม่เน้ยมากขึ้นเท่านั้น
             

(พระภิรมย์ฯ เดินขึ้นมาที่เฉลียงสวายกับเน้ยได้ยินฝีเท้าก็ออกห่างจากกันไป พระภิรมย์ฯ เดินเข้ามา แลดูทั้ง ๒ คน นายสวายเลี่ยงออกไป)

พระภิรมย์ฯ(หน้าบึ้ง) นั่นมาพูดซุบซิบอะไรกัน
เน้ยพ่อสวายเขาเล่าถึงเรื่องจะเกิดรบพุ่งอะไรกันนะคะ
พระภิรมย์ฯจะเล่าเรื่องอะไรๆ ก็ตามทีเถอะ แต่ทำไมจึงต้องพูดกันอย่างท่าทางสนิทสนมเหลือเกิน ทำไมต้องจับมือถือแขนกันด้วย
เน้ยพุทโธ่คุณละก็ ทำไมขี้สงสัยเช่นนี้ (เข้าไปทำท่าคลอเคลีย) อะไรเด็กเล็กก็หึงมันด้วยหรือคะ
พระภิรมย์ฯมันก็ไม่สู้เด็กนัก มันโตพอที่ควรจะหึงได้อยู่บ้าง
เน้ยเอ๊ะ! นี่คุณระแวงอะไรหรือ
พระภิรมย์ฯก็นั่นแหละ หนุ่มกับสาว-ฮือ!
เน้ยนี่คุณก็ไม่เมตตาดิฉันแล้ว จึงได้หาความว่าดิฉันทำผิดคิดชั่ว พุทโธ่ๆ เสียแรงมีผัวกับเขาคนหนึ่ง หมายจะได้เป็นที่พึ่งให้เป็นสุขกายสุขใจก็กลับมาเป็นไปเสียเช่นนี้ ช่างอาภัพเสียจริงๆ (ทำเป็นร้องไห้)
พระภิรมย์ฯอ้าวๆ แม่เน้ย นั่นอะไร
เน้ย(ทำเป็นสอิ้งพลางพูดพลาง) เมื่อก่อนจะมาเป็นเมียคุณพระมีผู้ชายหนุ่มๆ มาตอมดิฉันอยู่ออกรอบข้าง ถ้าเป็นคนใจเบามิตกลงกับเขาไปเสียแล้วหรือ นี่อุตส่าห์สงวนตัวไว้เพื่อมาเป็นเมียคุณพระก็หมายว่าจะได้พึ่งผัวเป็นผู้ใหญ่ใจหนักแน่น ไม่ได้คิดเลยว่าจะมาสิ้นวาสนาลงในเร็ววันเช่นนี้
พระภิรมย์ฯแม่คุณของพี่      พี่ไม่ได้เห็นอย่างโน้นอย่างนี้อะไรดอก      เป็นแต่ธรรมดาคนที่มีอายุมากๆ แล้วอย่างพี่ ยิ่งมีเมียที่สาวสวยอย่างหล่อนก็ยิ่งห่วงใยมากขึ้น เพราะรักมากเท่านั้น
เน้ยถ้ารักทำไมจะหาความชั่วร้ายมาบ้ายให้เล่าคะ
พระภิรมย์ฯฉันไม่ได้หาถ้อยหาความอะไร ฉันเชื่อหล่อนทุกอย่าง จริงๆ นะหล่อน (กอดแม่เน้ย)
เน้ยคุณก็ดีแต่พูดเท่านั้น
พระภิรมย์ฯพุทโธ่จริงๆ      นะแม่เน้ย      คราวนี้ฉันจะไม่ทำให้หล่อนต้องรำคาญใจอีกต่อไปเลยทีเดียว ฉันรักหล่อนยิ่งกว่าอะไรๆ ในโลกไม่อยากให้ หล่อนมีความทุกข์แม้แต่ครู่เดียว
             

(นายซุ่นเบ๋งเดินขึ้นมาที่เฉลียง แล้วกระแอม)

พระภิรมย์ฯอะไร
ซุ่นเบ๋งผมมีอะไรจะพูดกับคุณพระสักหน่อย (เน้ยรู้ทีก็เลี่ยงไปทางซ้าย นายซุ่นเบ๋งจึงเดินเข้ามาจากเฉลียง)
พระภิรมย์ฯมีเรื่องะไร?
ซุ่นเบ๋งมาแล้ว
พระภิรมย์ฯใคร?
ซุ่นเบ๋งพ่อสวิงนั่นสิขอรับ
พระภิรมย์ฯอยู่ที่ไหนเล่า?
ซุ่นเบ๋งอยู่ในสวน ถ้าผมให้สัญญาจึงจะเข้ามา
พระภิรมย์ฯให้สัญญาสิ ให้เข้ามาเสียเร็วๆ จะดีกว่า
             

(นายซุ่นเบ๋งไปที่หน้าต่างอัน ๑ ข้างขวา โบกผ้าเช็ดหน้าขึ้นลงสามที สักครู่ ๑ นายสวิงก็เข้ามาทางด้านหลัง นายสวิงแต่งเครื่องสนามอย่างพลทหารกรมทหารราบที่ ๒๙ แต่ไม่มีปืน หน้าตาค่อยมีเลือดฝาดรูปร่างท่าทางก็แข็งแรงขึ้น)

พระภิรมย์ฯอย่างไรพ่อใหญ่
สวิง(โคลงหัว) เต็มที! เต็มที!
พระภิรมย์ฯพุทโธ่! แน่ทีเดียว ลูกของพ่อเกิดมาเป็นผู้ดีไม่เคยตกทุกข์ได้ยากเคยกินดีนอนดี นี่ต้องไปกรากกรำอย่างขี้ข้า จะไม่ลำบากอย่างไร
สวิงคุณพ่อเข้าใจผิด ผมไม่ได้ตั้งใจจะกล่าวถึงการเป็นทหารว่าเต็มที การเป็นทหารนั้นก็จริงอยู่ที่ลำบาก แต่ไม่เหลือทนเหลือทานปานใด ลำบากมากอยู่แต่ในชั้นต้นๆ เท่านั้น อยู่ๆ ไปหน่อยก็เคยๆ ไปเอง ที่ผมบ่นว่าเต็มทีคือ การที่หนี (สั่นหัว)
พระภิรมย์ฯเป็นอย่างไร
สวิงโอ๊ย ลำบากเหลือเกิน เขาเรียกแถวแล้วกำลังเรียกชื่อ ผมบอกจ่านายสิบว่าผมลงท้องขออนุญาตไปส้วม เขาก็อนุญาต ผมไปทางส้วมแล้วก็เลยปีนข้ามรั้วหลังส้วมออกมา ต้องเล่นจ๊ะเอ๋หลบหลีกเข้ารกเข้าพงมา หนามข่วนแทบป่นไปทั้งตัวเจียนๆ ตาย เออก็อาการคุณพ่อเป็นอย่างไรล่ะขอรับ
พระภิรมย์ฯ(ประหลาดใจ) เอ๊ะ! อาการอาแกนอะไรกัน
สวิงก็ไหนพ่อซุ่นเบ๋งบอกผมว่าคุณพ่อเป็นโรคหัวใจมีอาการหนักอย่างไรล่ะ
ซุ่นเบ๋งจริงขอรับคุณพระ ผมบอกไปเช่นนั้น เพราะถ้าไม่อย่างนั้น พ่อสวิงก็คงไม่ทำใจหนีมาได้
สวิงพุทโธ่! นี่หลอกกันเล่นดอกหรือ ผมนี่โง่มากสำคัญว่าคุณพ่อป่วยจริงๆ จึงได้อุตสาห์หนีมาหานี่ผมก็ลำบากเปล่าๆ เท่านั้นเอง แล้วมิหนำซ้ำกลับไปจะต้องถูกเฆี่ยนอีก
พระภิรมย์ฯอะไรอย่างนั้นทีเดียวหรือ
สวิงแน่ละสิขอรับ ป่านนี้เขาก็คงรู้แล้วว่าผมหนี เมื่อหนีแล้วจะไม่ให้เขาลงโทษอย่างไร พุทโธ่เสียดายจริงๆ เสียแรงตั้งใจว่าจะประพฤติตัวดีไม่ให้ต้องถูกลงโทษเลย คราวนี้ผมจะต้องรบทั้งความเจ็บความอาย เพราะผมเสียรู้เชื่อถ้อยคำโกหกของอ้ายเจ๊ก
ซุ่นเบ๋งดูเถอะขอรับคุณพระ อย่างนี้แหละเข้าเรียกว่าทำคุณบูชาโทษ
สวิงแกมาทำบุญทำคุณอะไร ตรงกันข้าม แกทำร้ายให้แก่ฉันมากที่สุด ผมหวังใจว่าคุณพ่อไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยกับอ้ายเจ๊ก
ซุ่นเบ๋งคุณพระสั่งฉันเองให้ฉันจัดการให้แกพ้นจากทหาร
สวิงคุณพ่อทำไมเป็นไปได้เช่นนั้น ผมเสียใจมาก
พระภิรมย์ฯพ่อไม่ได้บอกมันให้มันจัดการให้ลูกหนีเลย มันสาระแนไปจัดการเอง
สวิงถ้าเช่นนั้นก็ยังชั่ว แต่เวลานี้ผมไม่มีเวลาอยู่อีกแล้ว ต้องขอลาไป
พระภิรมย์ฯจะไปไหน
สวิงกลับไปที่กรมนั่นสิขอรับ
ซุ่นเบ๋งอะไร อยากกลับไปถูกเฆี่ยนหรือ
สวิงข้าจะถูกเฆี่ยนหรือไม่ถูกก็ช่างข้าเถอะ เนื้อหนังของข้าเองไม่ใช่ของอ้ายเจ๊ก
พระภิรมย์ฯช้าก่อน ทำไมจะต้องรีบร้อนกลับไป รอจนพรุ่งนี้ก็ได้ กินข้าวกินปลาเสียให้สบายสักมื้อหนึ่งก่อนดีกว่า
สวิงผมจะกินแกนอะไรลง ผมต้องรีบไป เวลานี้ก็เป็นเวลาฉุกละหุก ผมได้ยินเขาว่าจวนๆ จะรบกันอยู่แล้ว
ซุ่นเบ๋งยังไม่มีประกาศการสงครามจะเริ่มรบก่อนไม่ได้ ผิดกฎหมายนานาประเทศ
สวิงกฎบัดกฎหมายอะไรกันไม่รู้ไม่ชี้ด้วย การรบการพุ่งใครเขาจะมาอินังขังข้อกับกฎบัดกฎหมาย เมื่อถึงเวลาจะรบเขาก็รบกันเท่านั้น
ซุ่นเบ๋งพ่อสวิงก็เคยเรียนกฎหมายเหมือนกัน ลืมหมดแล้วหรือ
สวิงฉันไม่อยากพูดกับแกเสียเวลา คุณพ่อขอรับผมลาที (เดินไปทางหลังพอถึงประตูหลังก็หยุดชะงัก) เอ๊ะ! นั่นอะไรกัน พวกเสือป่าขยายแถวแล้ว
ซุ่นเบ๋งเล่นซ้อมรบซ้อมราเป็นบ้าอะไรกันตามเคยของเขาน่ะแหละ
             

(เสียงปืนยิงพร้อมกันอย่างยิงเป็นตับ)

ซุ่นเบ๋งหนวกหูจริงๆ จะเล่นทำไมต้องให้รำคาญแก่พลเมืองด้วย
สวิงคุณพ่อขอรับ      เชิญดูอะไรหน่อย      (วิ่งมาจากทางหลังไปทางหน้าต่างขวา)      เชิญทางนี้เห็นถนัดดี (พระภิรมย์ฯ ไปที่หน้าต่างข้างขวา) โน่นขอรับที่ชายป่าโน้น เห็นไหม (เสียงปืนยิงตับอีกครั้ง ๑)
พระภิรมย์ฯทหารไม่ใช่หรือ?
ซุ่นเบ๋งก็เขาก็เคยซ้อมรบด้วยกันกับเสือป่า ไม่อัศจรรย์อะไร
พระภิรมย์ฯพ่อใหญ่ นั่นทหารกองไหน ทำไมแต่งตัวผิดกับพ่อใหญ่เล่า ดูสีเสื้อก็ไม่เป็นเทา เครื่องอื่นๆ ก็ดูผิดกัน
ซุ่นเบ๋ง
สวิงดูผิดสังเกตนัก ผมต้องไปดูให้ได้ความ (วิ่งออกไปทางด้านหลัง)
พระภิรมย์ฯชอบกลจริงๆ นี่อะไรกัน
ซุ่นเบ๋งไม่มีอะไรนอกจากซ้อมรบตามเคยเชื่อผมเถอะ
พระภิรมย์ฯก็แกจะมาดูเองหน่อยไม่ได้หรือ (นายซุ่นเบ๋งไปที่หน้าต่าง) ดูสิ ฉันเห็นไม่เหมือนซ้อมรบครั้งก่อนๆ เลย
             

(เสียงปืนเป็นอย่างยิงตามลำพัง ตั้งแต่นี้ไปเสียงมากบ้างน้อยบ้างเป็นพักๆ แม่แย้ม แม่อุไร แม่เน้ย นายสวาย พากันออกมาทางประตูด้านซ้าย)

แย้มคุณคะ! นี่อะไรกัน?
พระภิรมย์ฯอย่าตกใจ เขาซ้อมรบกันตามเคยอย่างทุกๆ ปี
แย้มซ้อมอะไรดูมันเห็นจริงเห็นจังนัก เห็นหามกันไปก็มี
พระภิรมย์ฯเขาทำเจ็บ สำหรับฝึกหัดหมอ
             

(เสียงนกหวีดเป่ายาว เสียงปืนหยุดยิง)

ซุ่นเบ๋ง(อยู่ที่หน้าต่าง) คุณพระขอรับ พวกเสือป่ายกเข้ามาในบ้านคุณแล้ว พ่อสวิงกับพ่อสวัสดิ์นำเข้ามา
พระภิรมย์ฯเอ๊ะ! นี่อย่างไรกัน
ซุ่นเบ๋งเราได้บอกกล่าวแล้วนะขอรับ ไม่ฟัง
             

(นายสวิงกับนายสวัสดิ์วิ่งขึ้นมาทางเฉลียงนำเสือป่าขึ้นมา เสือป่าแต่งเครื่องสนาม มีหลวงมณีฯ เป็นผู้ควบคุม กับหลวงมนูฯ ก็มาด้วย)

สวิงเข้ามาในนี้ดีกว่าคุณหลวง (พาเสือป่าเข้ามา เสือป่าไปยืนที่หน้าต่างบ้านเตรียมยิง)
พระภิรมย์ฯพ่อใหญ่ พ่อไม่พอใจอย่างยิ่งที่เจ้าไปนำเสือป่าเข้ามาบุกรุกในบ้านพ่อเช่นนี้
สวิงพุทโธ่! คุณพ่อนี่เป็นบ้าหรืออย่างไร จนเกิดรบกันแล้วยังจะมัวพูดอยู่ได้ (ทุกๆ คนในห้องนั้นพากันตกตลึง) คุณแม่! คุณพี่! หลบๆ เข้าไปหน่อยเถอะขอรับ ให้ไกลๆ หน้าต่างไว้เป็นอันดี (พวกผู้หญิงหลบไปทางข้างซ้าย นายสวายไปแอบอยู่ในหมู่ผู้หญิง)
หลวงมณีฯนายอิน อย่าร่ำไร ต้อนพวกแกมา (นายอินขึ้นมาที่เฉลียง) ท่านผู้บังคับกองไปเสียไหนเล่า
นายอินถูกปืนเมื่อสักครู่นี้เอง
หลวงมณีฯเป็นอย่างไรบ้าง
นายอินถามขุนรัตนฯ ดูจะดีกว่า (เรียก) ท่านขุนเร็วๆ หน่อย มานี่สิ อย่าร่ำไรคุณหลวงมณีฯ ให้หา (ขุนรัตนแพทย์ขึ้นมาที่เฉลียงคำนับหลวงมณีฯ)
หลวงมณีฯเจ้าคุณเป็นอย่างไร แผลฉกรรจ์หรือ
ขุนรัตนฯถึงแก่กรรมเสียแล้วเดี๋ยวนี้เอง
หลวงมณีฯตายจริง! ตายจริง! คุณหลวงมนู ผมต้องทำห้าที่ผู้บังคับกองต่อไปแล้ว คุณต้องเป็นผู้บังคับหมวดแทนผมต่อไป (หลวงมนูฯ คำนับ) นายอินหมวดที่ ๒ ไปรักษาทางริมรั้วชายป่า ถ้าหนักหาก็เข้าอยู่ในตึกหลังเล็กโน่น ยึดไว้จนกว่าจะสั่งให้ถอย (นายอินคำนับแล้ววิ่งไป) คุณหลวงมนูฯ หมวดของคุณรักษาตึกใหญ่นี้ ส่งคนขึ้นไปชั้นบนบ้างยิงจากหน้าต่างคงถนัดดี คุณขึ้นไปกำกับชั้นบน ผมจะอยู่ชั้นล่าง (หลวงมนูฯ คำนับ แล้วพาพลไป) ท่านขุนจะตั้งที่พยาบาลที่ไหน
ขุนรัตนฯผมไม่ทราบว่าห้องไหนจะเหมาะ
พระภิรมย์ฯห้องนี้กว้างขวางดี เชิญทางนี้ (พาขุนรัตนแพทย์ไปทางซ้าย)
อุไรฯ-คุณแม่คะ เราไปช่วยพยาบาลคนเจ็บเห็นจะดีกระมัง
แย้มจริงหล่อน เราจะรบจะรากับเขาก็ไม่ได้ เราควรจะรับใช้ในทางที่พอจะทำได้ แม่เน้ย เล่าอย่างไร
เน้ยดิฉันขอตัวเสียที ดิฉันเห็นเลือดไม่ได้ เป็นลมทุกที
             

(แย้มกับอุไรแลดูเน้ยด้วยกิริยาอย่างดูถูก แล้วพากันออกไปทางซ้าย)

พระภิรมย์ฯ(กลับออกมาจากทางซ้าย แล้วพูดกับหลวงมณีฯ) อย่างไรคุณหลวง ดูสงบไปแล้ว
หลวงมณีฯสงบอย่างนี้แหละขอรับผมไม่ใคร่ชอบ      น่ากลัวข้าศึกจะรอกองหนุนให้มาแล้วจึงจะยกเข้าตีเราเป็นแน่ ถ้าฝ่ายเราไม่ได้กองหนุนมาบ้างเห็นจะเต็มที ทำอย่างไรจะหาใครไปบอกข่าวที่กองทหารได้
สวิงผมไปเองขอรับ
หลวงมณีฯแกหรือ? ก็ได้ ฉันจะเขียนใบแจ้งเหตุให้แกถือไป (ลงนั่งเขียนใบแจ้งเหตุ)
พระภิรมย์ฯพ่อใหญ่ นี่น่ะเท่ากับวิ่งไปหาความตายเทียวนะ?
สวิงผมทราบแล้ว คนเราเกิดมาต้องตายครั้ง ๑ ผมไม่วิตกอะไร ผมไม่ใช่ลูกผู้หญิง และผมไม่ใช่ไทยเก๊ (แลดูนายซุ่นเบ๋ง ซุ่นเบ๋งโกรธแต่ไม่ตอบอะไร) ผมได้ทำผิดแล้วต้องคิดแก้ตัว ยิ่งตายก็ยิ่งดีจะได้ไม่ต้องอายเขาในการที่เป็นผู้หนีตาทัพ
             

(นายซุ่นเบ๋งค่อยๆ เลี่ยงออกไปทางหลัง)

หลวงมณีฯนายสวิง แกมีจักรยานหรือ
สวิงไม่มีขอรับ เอาม้าไปไม่ได้หรือ
หลวงมณีฯขี่ม้าจะสูงแลเห็นถนัดนัก สู้จักรยานไม่ได้
สวัสดิ์ จักรยานของผมมีขอรับ
สวิงดีแล้ว ขอยืมให้พี่ทีเถอะ อยู่ไหน
สวัสดิ์ พิงอยู่ที่กระได
หลวงมณีฯ(พับและผนึกใบแจ้งเหตุ) นี่นายสวิง (ส่งหนังสือให้) รีบไปให้เร็วที่สุดที่จะไปได้
สวิงขอรับ ไปประเดี๋ยวนี้ (คำนับ แล้ววิ่งออกไปทางหลัง)
หลวงมณีฯคุณพระขอรับ ผมไม่คิดเลยว่านายสวิงจะกลับตัวได้ถึงเพียงนี้ ผมสำคัญว่าเป็นคนขี้ขลาดเหลือแก้ไข การที่ทำคราวนี้เป็นการของคนกล้าควรให้บำเหน็จ (เสียงปืนยิงนัด ๑) เอ๊ะ! อะไรกัน (วิ่งไปที่หน้าต่าง)
นายเทพนายสวิงเห็นจะถูกปืนเสียแล้ว ยิงตอบหรือขอรับ
หลวงมณีฯช้าก่อน แกเห็นข้าศึกหรือ
นายเทพ ไม่เห็น
หลวงมณีฯถ้าเช่นนั้นจะยิงเดาไปอย่างไรได้ อ้อนั่นพวกเราออกไปช่วยนายสวิงแล้ว (พูดออกไปนอกหน้าต่าง) ว่ากระไรนะ- หา! อะไรนะ- ก็หามเข้ามาในนี้สิ- (พูดกับสวัสดิ์) ไปตามท่านขุนรัตนฯ มาที (สวัสดิ์ไปทางซ้าย) คุณพระทำใจดีๆ ไว้เถอะขอรับ
             

(เสือป่า ๒ คนหามนายสวิงเข้ามา หลวงมณีฯ ชี้ให้วางลง พอขุนรัตนแพทย์ออกมาจากทาง ซ้ายกับนายสวัสดิ์)

หลวงมณีฯท่านขุนตรวจดูที
             

(ขุนรัตนแพทย์ตรวจนายสวิงครู่ ๑ ระหว่างนี้แม่แย้มกับแม่อุไรออกมาจากทางขวายืนตะลึง อยู่ ขุนรัตนฯ ตรวจแล้วลุกขึ้นยืนก้มศีรษะ)

พระภิรมย์ฯไม่มีหวังหรือท่านขุน
ขุนรัตนฯหมดลมหายใจเสียแล้ว
             

(แม่แย้มกับแม่อุไรคุกเข่าลงร้องไห้ที่ศพ พระภิรมย์ฯ ยืนตะลึงอยู่ เสือป่าเปิดหมวก ฝ่ายแม่เน้ยเป็นลม นายสวายเข้าประคองไว้ ฝ่ายหลวงมณีฯ ก้มลง ค้นในตัวผู้ตาย เพื่อหาใบแจ้งเหตุไม่พบ ครู่ ๑ แล้วจึงพบอยู่ในกระเป๋าเสื้อ หลวงมณีฯ หยิบมาดูครู่ ๑)

หลวงมณีฯท่านขุนพบแผลอยู่ที่ไหน
ขุนรัตนฯขอผมตรวจอีกที (พูดกับแม่แย้ม) ประทานโทษขอรับ ถ้าคุณอย่าดูจะดีกว่า
หลวงมณีฯเชิญคุณเข้าไปในเรือนเสียก่อนจะดีกว่ากระมังขอรับ
แย้มก็จะให้ฉันทิ้งศพลูกฉันไว้ที่นี่แหละหรือ (หลวงมณีฯ แลดูตาอุไร อุไรเข้าใจจึงค่อยๆ จูงมือมารดาไปจากห้อง ขุนรัตนแพทย์จึงลงมือตรวจศพต่อไป)
หลวงมณีฯอย่างไรท่านขุน
ขุนรัตนฯชอบกลขอรับแผลทางข้างหน้าหาไม่พบ (พลิกศพ) อ้าว! ไพล่มามีแผลอยู่ข้างหลังนี่แน่ะขอรับ
หลวงมณีฯเอ๊ะ! อัศจรรย์จริง ถ้าเช่นนั้น-ฮือ! เป็นไปไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะไต่สวนอะไร (สั่งเสือป่าที่หามศพมา) ช่วยกันหามศพไปไว้ที่อื่น คุณพระจะโปรดให้ไว้ที่ไหน
พระภิรมย์ฯไปไว้ในห้องนอนของเขาเองก็แล้วกัน โปรดตามฉันมาทางนี้ (นำผู้หามศพจะออกไปทางซ้าย พอผ่านไปถึงแม่เน้ย แม่เน้ยทำเป็นเซประหนึ่งว่าวิงเวียน)
เน้ย(เสียงอ่อน) อุ๊ยคุณพระ คุณคะดิฉันลมจะจับเสียแล้ว (ทำเซเข้าไปหาพระภิรมย์ฯ)
พระภิรมย์ฯ(โกรธ) อีนี่ก็จำเพาะจะมาสำออยเวลานี้นะ ลูกเต้าเขาตายช่างใจชั่วราวกับยักษ์มาร หลีกไป! (ผลักเน้ยไปเสียทางหนึ่งแล้วนำศพเข้าไปทางประตูซ้าย)
หลวงมณีฯ(พูดกับขุนรัตนฯ) ท่านขุนมียาลมก็ให้แม่คนนั้นเขากินหน่อยสิ
เน้ยขอบพระเดชพระคุณ ดิฉันไม่ต้องกินยาของคุณ ยิ่งตายเสียก็ยิ่งดี ดิฉันไม่ใช่คนสลัก สำคัญอะไร เป็นแต่มีเมียน้อยคน ๑ เท่านั้น (สะบัดหน้าหันไปพูดซุบซิบกับนายสวายต่อไป)
หลวงมณีฯ(ตั้งท่าเหมือนจะตอบ แล้วกลับใจ หันไปพูดกับขุนรัตนฯ) ท่านขุนกลับไปห้องพยาบาลได้      (ขุนรัตนฯ      ออกไปทางซ้ายแล้ว      หลวงมณีไปยืนมองที่หน้าต่างต่อไปครู่ ๑ แล้วจึงบ่นต่อไป) นี่จะให้ใครไปดีเล่า
สวัสดิ์คุณหลวงขอรับ
หลวงมณีฯอะไรพ่อสวัสดิ์
สวัสดิ์ผมไปเองขอรับ
หลวงมณีฯแกหรือ (สั่นหัว)
สวัสดิ์นี่คุณหลวงไม่ไว้ใจผมหรือขอรับ
หลวงมณีฯ(ตบไหล่สวัสดิ์) ไม่ใช่เช่นนั้น แต่แกยังอายุน้อยนัก อันตรายมีอยู่ แกก็แลเห็นแก่ตาแล้วไม่ใช่หรือ
สวัสดิ์เห็นแล้วขอรับ แต่ผมถึงจะอยู่ทางนี้ก็ทำประโยชน์อะไรไม่ได้ เพราะผมไม่มีปืนจะช่วยคุณยิงต่อสู้ข้าศึกได้ แต่แรงผมมีพอที่จะถือหนังสือได้ ให้ผมไปดีกว่าที่จะถอนพลรบไป
หลวงมณีฯแกเป็นเด็กกล้ามาก ใจลูกเสือแท้ทีเดียว แต่ฉันจำเป็นต้องรอบอกคุณพ่อก่อน
สวัสดิ์การรบจะรั้งรอให้ใครเมื่อไรขอรับ ถ้าจะให้ผมไปก็ให้ไปเดี๋ยวนี้ดีกว่า
หลวงมณีฯ(อึ้งอยู่ครู่ ๑ แล้วยื่นหนังสือให้)      เอ้า      อาไปสิ!      (นายสวัสดิ์คำนับรับหนังสือแล้วตั้งท่าจะไป แต่หลวงมณีฯ โบกมือห้ามไว้)      ช้าก่อน      ฉันต้องการจัดการป้องกันไม่ให้เป็นอย่างแต่กี้นี้อีก นายเทพแกนำพลไปด้วยอีก ๓ คนเดินตรวจทางไปจนถึงประตูรั้วโน่น มองๆ ดูตามพุ่มไม้ด้วย ถ้าเห็นใครท่าทางน่าสงสัยเรียกตัวมา ถ้าขัดขืนยิงเสีย เข้าใจไหม
นายเทพเข้าใจ
หลวงมณีฯไปเรียกคนที่เฉลียงไปด้วย      แล้วก็ถ้าไปถึงประตูรั้วแล้ว      เห็นทางปลอดโปร่งก็ทำสัญญาณให้ฉันเข้าใจนะ
นายเทพขอรับ
หลวงมณีฯไปได้
             

(นายเทพวิ่งออกไปทางหลัง หลวงมณีฯ ไปยืนมองที่หน้าต่างสักครู่ใหญ่ๆ แล้วจึงหันมาทางนายสวัสดิ์)

หลวงมณีฯแกไปได้แล้ว ขอจับมือที ไปตลอดปลอดโปร่งนะ (จับมือกับสวัสดิ์ สวัสดิ์คำนับแล้ววิ่งไปทางเฉลียง ฝ่ายแม่เน้ยกับนายสวายพยักพเยิดกันครู่ ๑ แล้วก็จูงมือกันจะออกไปทางด้านหลังบ้าน) ช้าก่อน ไปไม่ได้
เน้ยทำไม
หลวงมณีฯเพราะฉันไม่ให้ไป
เน้ยคุณมีอำนาจอย่างไร
หลวงมณีฯมีอยู่ที่ดาบนี่อย่าง ๑ ที่ปืนอีกอย่าง ๑
เน้ยอะไรคุณจะบังอาจทำกับดิฉันอย่างนั้นเทียวหรือ
หลวงมณีฯถ้าหล่อนไม่บังอาจขัดขืนคำสั่งฉันก่อน ฉันก็ไม่ทำอะไรหล่อน ขอให้หล่อนเข้าใจว่าเวลานี้อำนาจอยู่ในมือฉันเต็มที่
             

(นายหมู่เอกเทพที่รับใช้ไปนั้นกลับเข้ามา)

หลวงมณีฯอย่างไร นายสวัสดิ์ไปแล้วหรือ
นายเทพไปแล้ว เรียบร้อยดี
หลวงมณีฯได้เห็นใครแปลกปลอมบ้างหรือเปล่า
นายเทพไม่เห็น
หลวงมณีฯข้าศึกเห็นไหม
นายเทพเห็นอยู่ลิบๆ ที่ชายไม้โน่น
หลวงมณีฯดีแล้ว      เข้าประจำที่ตามเดิม      (นายเทพเข้าไปประจำที่หน้าต่างตามเดิม เน้ยกับสวายจะไปทางซ้าย หลวงมณีฯ จึงพูดกับเน้ย) ถ้าจะเพียงเข้าไปในเรือนได้ แต่ถ้าจะไปลงทางกระไดหลังไม่ได้ เพราะฉันสั่งยามหลังไว้แล้ว ห้ามเป็นอันขาดไม่ให้ใครขึ้นลงทางนั้น (เน้ยกับสวายไม่ตอบว่ากระไร พากันไปทางขวา)
             

(เงียบอยู่ครู่ ๑ แล้วหลวงมนูฯ เข้ามาทางซ้ายพระภิรมย์ฯ ตามมาด้วย)

หลวงมนูฯคุณหลวงขอรับ ผมดูอยู่ที่ชั้นบน เห็นข้าศึกยกเดินผ่านไปทางตะวันตกเฉียงใต้ น่ากลัวจะคิดทำอันตรายสะพาน
หลวงมณีฯไม่ได้การ ถ้าทำลายสะพานได้แล้วจะร้ายมากจะตัดทางเดินสะดวกสำหรับกองทหารเสียทาง ๑ ทีเดียว พวกเราต้องรีบไปป้องกันสะพานไว้ ทางนี้ไม่มีมาบ้างหรือ
หลวงมนูฯมีขอรับ แต่ดูไม่มาก
หลวงมณีฯถ้าเช่นนั้นทิ้งไว้ที่นี่หมู่เดียวก็พอ โปรดเป่านกหวีดประชุมที
             

(หลวงมนูฯ ออกไปที่เฉลียง เป่านกหวีดสัญญาประชุม เสียงคนคึกคักวิ่งมา เสียงนายอินสั่งหยุด แล้วตัวนายอินจึงเข้ามาในห้องพร้อมด้วยหลวงมนูฯ)

หลวงมณีฯพวกเราจะต้องรีบไปป้องกันสะพาน เพื่อไม่ให้ข้าศึกทำลายได้ นายหมู่เอกเทพอยู่คุมพลรักษาที่นี้หมู่ ๑ คอยระวังอย่าให้ข้าศึกตีหลังคอยทำเสียงเอะอะไว้ก็แล้วกัน ให้ข้าศึกนึกว่าพวกเรามากจะได้มัวพะวงอยู่ทางนี้เข้าใจไหม
นายเทพเข้าใจ จะให้ผมคงอยู่ที่ตึกนี้หรืออย่างไร
หลวงมณีฯอยู่ที่นี่สัก ๑๐ คนก็พอ นอกนั้นเข้าไปอยู่ในหลังริมถนนจะได้เห็นทางสามแยก ฉันจะจัดให้หมู่อื่นไปอยู่ ถ้าเห็นยึดไม่ไหวไปสมทบกัน เข้าใจไหม
นายเทพเข้าใจ
             

(หลวงมณีฯ หลวงมนูฯ นายอิน พากันไปทางหลัง เสียงบอกเสือป่าให้แบกอาวุธหน้าเดิน เงียบอยู่สักครู่ใหญ่ๆ แล้วจึงได้ยินเสียงปืนยิงข้างนอก เป็นอย่างยิงตามลำพัง นายเทพสั่งให้ปิดประตูหลัง แล้วเตรียมยิง อีกครู่นายเทพจึงสั่งให้ยิงตามลำพัง เสือป่าต่างคนต่างยิง พระภิรมย์ฯ เข้ามาจากทางซ้าย มาชะเง้อดูอยู่)

นายเทพ คุณพระระวังหน่อย (ทันใดนั้นพลเสือป่าคน ๑ ร้องโอย ทิ้งปืนและเอามือขวากุมแขนซ้าย) คุณพระขอรับ โปรดเรียกขุนรัตนฯ สักที
             

(พระภิรมย์ฯ ไปเรียกขุนรัตนแพทย์ออกมา ขุนรัตนฯ ให้เสือป่าผู้ถูกยิงถลกแขนขึ้น แล้วจัดการเอาผ้าพันให้ แล้วผู้เจ็บก็จับปืนขึ้นยิงไปใหม่ อีกครู่ ๑ อีกคน ๑ ล้ม ขุนรัตนฯ เข้าไปดู ชี้ที่น่าอก แล้วก็ช่วยกันกับพระภิรมย์ฯ หามเข้าไปทางซ้าย แล้วพระภิรมย์ฯ กลับออกมาดูอยู่อีกข้างในห้องหยุดยิง เสียงปืนข้างนอกได้ยินอยู่ห่างๆ)

นายเทพ ไม่ได้การ ข้าศึกเห็นจะคิดไปเข้าทางประตูหลัง ผมต้องไปต่อสู้ทางโน้น คุณพระอยู่ทางนี้โปรดจัดการลงกลอนประตูหน้าต่างเสียให้มิดชิดจะดี (พูดกับเสือป่า) มา ไปด้วยกันเถอะ (พาเสือป่าไปทางขวา)
พระภิรมย์ฯเฮ้ย! อ้ายสี! อ้ายสี! มานี่ (อ้ายสีออกมา) มาช่วยกันลงกลอนประตูหน้าต่างให้แน่น (ไปที่หน้าต่างจะลงกลอน) เอ๊ะ! อ้ายพวกข้าศึกเห็นจะเล่นระยำแล้ว จะล่อพวกเสือป่าวิ่งเหนื่อยเท่านั้นเอง (มองเห็นปืนที่เสือป่าคนเจ็บทิ้งไว้) กูก็เกิดมาเป็นลูกผู้ชายเอากับมันสักตั้งเถอะวะ (จับปืนขึ้นเล็งสักครู่ ๑ แล้วยิง อ้ายสีกระพือปีกและโลดเต้นแสดงกิริยาดีใจ)      อ้ายสี      กูเอานอนได้คน ๑ แล้ววะ      (ยิงอีก)      อีกคน ๑ เฮ้ยเอ็งไปไปขอลูกปืนที่คนเจ็บเขามาอีก      (อ้ายสีไปแล้วพระภิรมย์ฯ ก็คอยจ้องต่อไปเพื่อจะยิงอีก นายซุ่นเบ๋งเข้ามาจากทางซ้าย)
ซุ่นเบ๋ง(ไปกระชากตัวพระภิรมย์ฯ จากหน้าต่าง)      คุณพระพุทโธ่!      อะไรทำเป็นบ้าไปได้ กฎหมายนานาประเทศห้ามนักไม่ให้พลเมืองเกี่ยวข้องในการสงคราม
พระภิรมย์ฯอย่ามาเห่าเรื่องกฎบัดกฎหมายอะไรของมึงหน่อยเลย กูรำคาญหูนัก (คงดูทางหน้าต่าง)
ซุ่นเบ๋งผมรักคุณพระจึงเตือน      การที่พลเรือนจะเกี่ยวข้องในการรบ      ถ้าเขาจับได้ละก็ไม่มีตารอดทีเดียวนะขอรับ เขาหาเป็นผู้ร้ายอย่างฉกรรจ์ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
พระภิรมย์ฯช่างกูเถอะ ถึงกูตายก็ชีวิตกูเอง (อ้ายสีเอากระสุนเข้ามา) เออดีทีเดียวส่งมานี่ (รับกระสุนไปประจุ)
ซุ่นเบ๋งก็รัฐบาลต่อรัฐบาลเขาวิวาทกันคุณพระจะพลอยเจ็บร้อนด้วยทำไม
พระภิรมย์ฯอุวะ      ก็มันมาข่มเหงชาติกูนี่หว่า      แล้วก็ลูกกูก็ตายไปทั้งคนแล้วจะว่ากูไม่มีข้อควรเจ็บร้อนอย่างไร (ยกปืนขึ้นเล็ง)
ซุ่นเบ๋ง(จับมือไว้) คุณพระ! ผมขอที
พระภิรมย์ฯ(โกรธ) เฮ๊ย! อ้ายนี่อย่างไรนี่วะ อ้ายสีจิกหัวอ้ายเจ๊กนี้ไปให้พ้นกูที แล้วไสหัว มันไปนอกบ้านกู
             

(อ้ายสีตรงเข้าไปจะจับมือนายซุ่นเบ๋ง แต่นายซุ่นเบ๋งไม่ให้จับเดินกระทืบตีนไปทางซ้าย พระภิรมย์ฯ ยิงออกไปทางหน้าต่างเป็นครั้งเป็นคราว นานๆ ยิงครั้ง ๑ ได้ยินเสียงยิงกันมากข้างหลังไกลๆ หน่อยแล้ว เสียงเฮ พระภิรมย์ฯ ก็ยิงเรื่อยไปจนทหารข้าศึกสองหรือสามคนเข้ามาทางซ้าย เข้าจับพระภิรมย์ฯ ได้แล้วแย่งปืนไปจากมือพระภิรมย์ฯ ยืนตลึงอยู่หว่างทหารข้าศึกคู่ ๑ นายร้อยตรีทหารข้าศึกคน ๑ ยืนอยู่ตรงหน้า ต่างคนต่างจ้องกัน)

ชุดที่ ๓

เชิงอรรถ

ที่มา

อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ เจ้าพระยาสุรบดินทรสุรินทรฦๅชัย (พร จารุจินดา) ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส วันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ โรงพิมพ์ตีรณสาร

ขอขอบคุณ นายสะอาด บ้านปทุม ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน

เครื่องมือส่วนตัว