กาพย์ขับไม้เรื่องพระรถ

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == {{เรียงลำดับ|กาพย์ขับมไรเืองพร…')

รุ่นปัจจุบันของ 17:26, 4 กุมภาพันธ์ 2554

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: ไม่ปรากฏนาม

บทประพันธ์

โคลง
๏ ขึ้น เกยแก้วเก้าสิ่งเสวยสวัสดิ์
ตั่ง สุพรรณรายรัตน์เพริศแพร้ว
นั่ง ในวรเสวตรฉัตรเฉลิมโลกย์
เมือง บพิตรพระแก้วแต่นี้จักเกษม ฯ
             
กาพย์
๏ ขึ้นตั่งนั่งเมืองแท่นทองรองเรืองสุขศรีปรีดิ์เปรม
เมืองกว้างช้างหลายลูกขุนมุลนายอยู่เย็นเป็นเกษม
ยินดีปรีดิ์เปรมวิโรจโอชเอมทังหลายถวายกร ฯ
๏ บัดนั้นภูบาลจึงทรงพญาสารบรรทับเกยกุญชร
นักเทศขันทีกำนัลนารีเฝ้าท้าวเธอสลอน
ก้มเกล้าถวายกรเชิญพระภูธรเสด็จขึ้นเกยลา ฯ
๏ เสด็จเหนือเกยมาศนางจูงลินลาศนำท้าวลินลา
พระหัตถ์ถือมือนางพระทัยไม่วางคะนึงในเสนหา
ยูรยาตรนาดกรไคลคลาสองม่ายเมียงตาระลุงลานสมร ฯ
๏ นางรดพระบาทกุมคนทีมาศมาท่าพระภูธร
เสด็จขึ้นเรือนทองย่างพระบาทเหยียบฆ้องนางชำระบทจร
ก้มเกล้าถวายกรพิศโฉมภูธรผู้จะมาครองสีมา ฯ
๏ เสด็จเหนืออาสน์แก้วพระเขนยพรายแพร้วแท่นประดับมุกดา
บังอวดย่อมแก่นกระลำพักทองแท่งทำพนักมาแล่งแก้วเป็นฝา
เพดานดาวดาพรหมพักตร์ช่อฟ้าปรลีเวดจุวัน ฯ
๏ ปราสาทงามสรรพตรีมุขรองรับโรงธารพระกำนัล
ม่านหูทองพรายทุกห้องยังย้ายเสาหุ้มแพรพรรณ
พระสนมคั่งคัลฝ่ายในพระกำนัลมาเฝ้าท้าว ธ ไสว ฯ
๏ เสด็จถึงที่นั่งนานบมิเห็นนางคราญก็ตรัสถามชาวใน
เห็นว่าเรา บ ควรครองร่วมวังด้วยหญัวน้องจึ่ง บ มิพึงพอใจ
เจ้าเรือนขนาดย่อมปราศรัยฤๅหนึ่งจะมิพึงพอใจจะเหนี่ยวไว้ช้าเป็นนาน ฯ
๏ สาวใช้ใจแกว่นกราบท้าวแล้วแล่นจำพระโองการ
เข้าทูลถึงในพระพี่ยาตรัสใช้ให้มาเชิญนางคราญ
เสด็จถึงที่นั่งนานเห็นช้า บ่ เป็นการพระพี่ยาเสด็จไป ฯ
๏ พี่เลี้ยงทูลเล่าว่าพระพันปีเจ้าจะเหนี่ยวช้าว่าไร
พระพี่ทรงพระโกรธกินแหนงว่าแก้วกูทำแพงทำระทัดระเทินใจ
เหนี่ยวช้าจะท่าฟังใครชอบช้าเสด็จไปจะเป็นไฉนเล่านา ฯ
๏ เมรีนงเยาว์ฟังพี่เลี้ยงเจ้าสั่งสอนชายา
สิ่งนี้น้องอายนักรสชาย บ รู้จักแต่น้อยรอดมา
แม้ว่าเคยแลแสร้ง บ นำพาเห็นเองรอดมาบ ห่อนชายจะกรายตัว ฯ
๏ พี่เลี้ยงทูลเตือนเจ้าทรามจะมีเรือนแก้วกูอย่าคิดอายกลัว
เกิดมาเป็นหญิงรูปแก้วกูงามจริงยากจะรู้ครองตัว
เสมอแหวน บ มีหัวหญิงงาม บ มีผัวจะเป็นการเมื่อใด ฯ
๏ พระองค์คือดอกโคมุทเมื่อยังไป่ผุดจากน้ำบังใบ
ด้วยสุริยะส่องมาไป่บานเพราะท่าแสงสุริโยทัย
พระอาทิตย์มาส่องแสงไขบ บานแล้วจะกลัดกลีบไว้จะท่าใครเล่านา ฯ
๏ ออกท้าวคิดเสร็จจึงให้สมเด็จพี่ยา ธ ครองสีมา
ฝ่ายโพ้นสนิทไว้วางใจฝ่ายพี่ก็จะให้ไมตรีเสน่หา
ชอบช้าแลเลื่องถึงพระมารดาท้าวเธอจะโทษตูข้าบ รางจะโทษท้าวเลาเลย ฯ
๏ เมื่อเด็กว่าไป่รู้ครานี้จะมีคู่ความ บ รู้ก็จำเคย
รักแลใครจะใคร่ให้ร้ายตูข้าทั้งหลายจะพึ่งใคร ณ พระเอย
เป็นพี่เลี้ยงแก้วกูทรามเชยจะพึ่งใครเล่าเอยจะให้ร้ายแก่พันปี ฯ
๏ ฟังคำพี่เลี้ยงกล่าวคดีโน้มน้าวเล้าโลมเมรี
เอากระแจะต้นแลน้ำดอกไม้โฉลมองค์อรไทเข้ามานั่งพัดวี
ทรงพระบรัดผัดพระพักตร์นวลศรีเชื้อเชิญเทวีให้ทรงพระภูษา ฯ
๏ ทรงพระบรัดแล้วทรงเศียรเพริศแพรวกุณฑลรจนา
ทรงเสื้อดุมทองเห็นองค์ระรองยะยองยงค์โสภา
สังวาลมาศมาลาพาหุรัดมุกดาสอิ้งสร้อยสะคราญ ฯ
๏ ทรงแหวนทุกนิ้วมือเพียงทองนางถือค่าเมืองฤๅปาน
ทรงทองราชวัตรนิลเพชรแสงจรัสปัทมราชชัชวาล
ไพฑูรย์บุษปแก้วแกมกาญจน์เกือกแก้วทรงธารกองเชิงดำถมอ ฯ
๏ น่ารักเมื่อทรงเครื่องสรรพใครเห็นเป็นภัพสรรเสริญเยินยอ
พระสนมแต่ล้วนสอดเปลาแต่งแง่ประดับเจ้าละอององค์ลออ
พี่เลี้ยงทูลว่าพอทูลท้าวเสด็จอย่ากอให้มาเชิญหลายครา ฯ
๏ ทรงอาภรณ์นอกเสื้อพี่เลี้ยงเชิญเชื้อจึงเสด็จไคลคลา
ลีลากรายกรดำเนินบทจรประดุจหงส์ลีลา
เสด็จกลางพระสนมมานักเทศแห่หน้าโดยซ้ายโดยขวา ฯ
๏ ครั้นถึงก็ถ่อมถดเทียมองค์ลงลดต่ำกว่าราชา
ยอกรขึ้นไหว้พระก็กุมกรไทมาร่วมอาสน์ด้วยเรียมรา
จะอายแก่ใครเล่านาทั้งวังย่อมข้าย่อมไทท้าวเอง ฯ
๏ เสียงแตรเสียงสังข์หรทึกสโพนทังเภรีครื้นเครง
พี่เลี้ยงนางนมนางเถ้าสรรเสริญชมสมภารพระองค์เอง
บุญสองแต่เพรงจึงมาแลมาได้สมไทเทพี ฯ
๏ น่ารักเมื่อนั่งเปรียบหน้าโฉมไทราชาธิราชล้ำโฉมศรี
ทั้งสองคือทองเนื้อแล้วช่างชาญผ่องแผ้วหมดมุลทินราคี
จงยืนด้วยกัน ณ พันปีตูข้าทั้งนี้จะพึ่งท้าว ธ ทั้งปวง ฯ
๏ น่ารักสองราชบ ไคลคลาคลาศจากบนเรือนหลวง
รถเสนดรุณบ่าวฟ้อแฟ้เหมือนพระสุริยเจ้าแลส่องโลกย์ทั้งปวง
เมรีคือดวงโคมุทบัวหลวงบานบนชลธี ฯ
๏ บัดนั้นภูบาลมีพระโองการตรัสถามเมรี
ถามถึงเมืองหลวงรี้พลทั้งปวงอยู่ดีหฤๅ บ่ ดี
พระทำสนิทด้วยเมรีพระไทภูมีกล่าวเกลี้ยงปราศรัย ฯ
๏ บัดนั้นน้องไทยอกรประนมไหว้จึงทูลทันใจ
ข้าก็ค่อยครองสีมาออกท้าว ธ จากข้าจรล้ำแล้วนานไป
ศัตรูภายในภายนอก บ ได้เบียดเบียนสีมา ฯ
๏ บ้านเมืองเกษมสุขบ มีความทุกข์ทุกราษฎรประชา
ถามถึงออกท้าวเจ้าพระผู้ผ่านเกล้าอยู่โพนไฉนนา
พระสนองชายาเมื่อเรียมเสด็จมาท้าวเธออยู่สุขสำราญ ฯ
             

จบขึ้นเรือนหลวง ครูไม้หนึ่ง ๒๖ แผด ฯ


โคลง
๏ ข้า นาถเยาวราชล้อมพงศ์พันธุ์
สาว อ่าองคศรีสรรพริบพรัอม
ชาว วังทุกกำนัลเหลือแล
แม่ นมนางเถ้าล้อมพี่เลี้ยงถนององค์ ฯ
             
กาพย์
๏ ข้าสาวชาวแม่อ่าองค์งามแท้ชาติเชื้ออรองค์
ท้าวเห็นเธอพิสมัยเรืองราวชาวในกรลาญพิศวง
เมื่อพิศดูทรงอ้อนแอ้นอรองค์ดุจนางในสวรรค์ ฯ
๏ บัดนั้นภูบาลพิศเพียรศฤงฆารคืออัปสรสาวสวรรค์
ต่างงามต่างแง่แสนสาวชาวแม่มากมีคือสรร
ต่างงามต่างกันนุ่งห่มแพรพรรณต่างต่างนานา ฯ
๏ กำนัลรับพระหัตถ์น้ำเนื้อเชื้อกระษัตริย์วรวงศ์พงศา
สรสรวยปลอดเปลาสรคราญลำเภาผุดผาดชายา
สะศรีสมสาโรชพิศดูหน้าหน้าเพียงสาวสวรรค์ ฯ
๏ กำนัลพระขันหมากโฉมนางงามหลากกว่าทุกกำนัล
ยะยองยั่วเย่ายะยังคิ้วเจ้าพ่างเพียงคิ้วกัน
ยะยับแสงฟันยะยิ้มหมายมั่นนิ่มเนื้อนวลนม ฯ
๏ กำนัลน้ำเสวยจะร่ำไฉนเลยลักษณเลิศอุดม
งามรูปงามทรงงามอ้างามองค์อ่อนแอ้นเอวกลม
งามคิ้วงามคมงามสระงามสมคือเนื้อจำปา ฯ
๏ กำนัลพัชนีใครลักแลศรีศรีสวัสดิพักตรา
โนเนนงนุชศรีเนื้อนวลบุษปหนุ่มน้อยโสภา
นะแน่งแนวนาพิศนมสมหน้าพ่างเพียงบูรณจันทร์ ฯ
๏ กำนัลพระสำอางอ่าองค์รางชางลออองค์เอววัน
กล้องแกล้งกลเกลาเอาใจทุกอัน
คิ้วก่งเกาทัณฑ์ตราตรูม่ายมันมุ่งเมิลคือศร ฯ
๏ กำนัลพระมาลาน่ารักพักตราพ่างเพียงสินธร
ผะผ่องผิวเนื้อเนื้อนวลอะเคื้อศรีสังขบวร
กล้องแกล้งองค์อรแช่มช้าอรชรให้ชายเปรมปรีดิ์ ฯ
๏ กำนัลพระบังคนสมประกอบชอบกลแก้วกูรู้ใจดี
ใจดีมีลักษณลักษณเลิศกระษัตรีหนุ่มน้อยมีศรี
มีศรีสมศรีศรีสวัสดิเนื้อนวลถีนวลเนื้อเยาวมาลย์ ฯ
๏ กำนัลพระไสยาสน์เนื้อนมคือมาศแม้นเฉลาฉลักปาน
ฉลักปานปูนศรีรูปนั้นงามดีประเหมือนรูปนางคราญ
นางคราญเภาพาลพาลคื้นหืนกาลอยู่บำเรอภักดี ฯ
๏ กำนัลทิพยรสพักตรคือบงกชเบิกบานใสศรี
ใสศรีสีเนื้อไพฑูรย์ชาติเชื้อเชื้อชาติกระษัตรี
กระษัตรีใดมีมาแล้วดุจนี้บ รางจะมีถึงสอง ฯ
๏ กำนัลพระโภชน์เคียมคำมาโนชอ่อนอมฤตสารสนอง
สารสนองสนองใครใครฟังพิสมัยพิศวาสใจปอง
ใจปองสมพองสมเสพใครต้องนอนเพียงเป็นฝัน ฯ
๏ กำนัลพระโอษฐแน่งเนื้อนวลโนชเหมือนเพียงโฉมสวรรค์
โฉมสวรรค์สรรแล้วไป่ปานโฉมแก้วเทียบแท้เทียมทัน
เทียมทันโฉมอันนิฤมิตมานั้นก็พ่างเพียงอับอาย ฯ
๏ กำนัลทาพระองค์เมื่อพิศโฉมยงยิ่งนางทั้งหลาย
ทั้งหลายงามจริงงามแทบงามถึงทั้งรู้อภิปราย
อภิปรายถึงชายชายรักบรู้หน่ายบ วางตาตาดู ฯ
             

จบสิบสองกำนัล ครูไม้หนึ่ง ๑๔ แผด ฯ


โคลง
๏ น้ำ สรงอภิเษกไท้เทวี
ไหล แต่ท่อธาตรีทั่วท้าว
ไฟ เทียนเบิกบายศรีสมโภช
ดับ แด่อายโบยเข้าโอษฐเจ้ามีบุญ ฯ
             
กาพย์
๏ น้ำไหลไฟดับมาพบสบพับโฉมยงทรงใน
ทำมิ่งสิ่งขวัญแพทย์พราหมณ์ครามครันตั้งเตียงเรียงไร
ตามไต้ให้ไฟจุดเทียนเวียนไปธารทรงสรงสนาน ฯ
๏ ครั้นได้ฤกษ์ดีจึ่งเบิกบายศรีสมโภชภูบาล
แตรสังข์เสียงใสภาษฆ้องศรไชยมีทั้งฉิ่งเพลงชาญ
ปี่ขลุ่ยเสียงหวานจะเข้พิณเพลียการศัพท์คือเพลงสวรรค์ ฯ
๏ โหรให้จุดเทียนติดแว่นทองเวียนรอบท้าวทรงธรรม์
ลูกขุนหัวเมืองนั่งแนวนองเนืองคับคั่งครามครัน
พระสนมแจจันฝ่ายในพระกำนัลมาเฝ้าท้าวเธอไสว ฯ
๏ ชาวพ่อแพทยาทั้งพราหมณ์พฤฒามากมีสบสมัย
ผ้าผ่องสะพักเฉียงใส่สังวาลนั่งเรียงเจิมจูรณโดยไสย
ดุษฎีแก่ท้าวไทถวายสังข์นั้นให้เป็นพระพรอดูลย์ ฯ
๏ พลโห่เอาไชยสมโภชท้าวไทจงทันฤกษ์กูณฑ์
ครั้นถวายเมืองแล้วส่วนองค์นงแก้วคือแท่งทองนพคุณ
ถวายแก่ไทมีบุญวันนี้จะเพิ่มพูนให้จำเริญศรีขวัญ ฯ
๏ สองเสด็จออกโรงเสียงฆ้องมี่โมงลูกขุนคั่งคัล
บ้างก็เล่นแพนทองรำธนูผันผยองเสโลห์ดูขยัน
เล่นหลากหลายพันนางจับระบำบรรพ์มากมีเนืองนอง ฯ
๏ โมงครุ่มผาลาทุกประเทศภาษาเล่นถวายแก่พระทอง
เล่นแพนปลายไม้ลอดบ่วงหน่วงไต่เชือกหนังผันผยอง
เล่นถวายแก่พระทองพระผู้มาแขกน้องเป็นสองพระองค์ ฯ
๏ ชาวเจ้าระบำเออวยนวยรำร่อนฟ้อนบรรจง
ละเมียดละไมชายเห็นพิสมัยพิศวาสพิศวง
เษกกระษัตริย์ทั้งสององค์เครื่องเล่นบรรจงถวายแก่ไทเธอทั้งสอง ฯ
             

จบสมโภช ครูไม้หนึ่ง ๗ แผด ฯ


โคลง
๏ สม ภารสองสร้างจึงสมพอง
พาส หนาทำทั้งสองมากแท้
มาด ไว้ได้โดยปองใจใฝ่
ตรา ตีไว้มั่นแด้อรไท้ยาใจ ฯ
             
กาพย์
๏ สมพาสมาดตรากล่าวเกลี้ยงเลี่ยงหาลิ้นลมคมใน
เข้าแนบแทบชิดลูบคลำทำสนิทโอภาปราศรัย
ทำสนิทติดใจละอายภายในเล่ห์กลคนคม ฯ
๏ บัดนั้นสองราชสองสรมสรมพาสณ แท่นทองบรรทม
ยามสรงัดอรชรพระพี่ยาทอดกรกอดท้าวเอวกลม
สองสนิทนิชื่นชมปรีดาภิรมย์ณ แท่นทองเรืองไร ฯ
๏ พระพี่ยาทำสนิทชวนเสน่ห์ชวนชิดกล่าวเกลี้ยงปราศรัย
ก้มหน้า บ ปากเนตรทำจรเทินหาเหตุบ พึงพอเพียงใด
แม้วแก้วกู บ เต็มใจว่ารา ณ อรไทท้าวน้องอย่าพราง ฯ
๏ ออกท้าวท่านไทใช่แสร้งใส่ไคล้จะมาล่อลวงนาง
เห็นว่าเรียมรักหญัวน้องทำศักดิทำทระนงอางขนาง
เรียมจะขออยู่พลางครั้นรุ่งเช้าสางจะขึ้นม้าคืนไป ฯ
๏ นางจึ่งขานตอบยังห่อนเห็นชอบน้องจะทำปราศรัย
จะด่วนได้ไฉนนาน้องจะพ้นเป็นข้าจะหลีกได้ฤๅเมื่อใด
เห็นใกล้ บ เห็นไกลพระมาด่วนส่วนได้ถึง บ ค่อยพยายาม ฯ
๏ แม้นพระไปคืนยังห่อนน้องจะขืนจะขัดก็ใช่เชิงความ
เป็นหญิงบุญน้อยบ พอพระทัยจะราถอยเพราะว่ารูปชั่วทราม
จึงมาหยันหยามพระจะมากล่าวความประทับน้องชวนหมาง ฯ
๏ พระรถชวนสนิทน้องท้าวอย่าคิดอื่นเลยนะเอวบาง
ปากสิปราศรัยนักมืออุ้มใส่ตักลูบเล้าโลมพลาง
เมรีครวญครางด่วนได้จะพลันร้างรักนักจะพลันหน่าย ฯ
๏ นางแสร้งฟูนฟองอย่าลามลวนน้องไป่รู้หญิงชาย
ภายในใคร่นักภายนอกสิทำศักดิต่อพลัดวัดวาย
เยียววันอ่อนอายละเลื่อนเยื้อนหมายใจรักก็เยื้อนตาม ฯ
๏ ข้าพระสุภาพพระอย่าเยียหยาบอย่าเพ่อลวนลาม
รสรักไป่รู้รสชายรสชู้ไป่ได้เคยก็ยังขาม
แม้มิเชื่อก็เชิญถามยังห่อนจะประหยัดความแก่ข้าไททั้งหลาย ฯ
๏ พระจึงสารสนองคำพระเพราะพร้องกล่าวเกลี้ยงอภิปราย
ลูบไล้โลมใจเท่านี้พี่ไซร้สำหรับโลกยหญิงชาย
ท้าวน้องอย่าอายเป็นหญิงเป็นชายย่อมรู้ยินยล ฯ
๏ ใช่ว่าเรียมจะมาแกล้งกล่าวความสิ่งแสร้งใส่เล่ห์เท่ห์กล
สิ่งสนุก ณ ใต้ฟ้าเกิดมา ณ แหล่งหล้าทั่วภูมิมณฑล
ย่อมมีแด่ทุกคนเท่านี้เป็นต้นแห่งความสงสาร ฯ
๏ ข้าคิดอันโพนใสเราเก็บดอกไม้สมพองทิศถาน
ต่างองค์ต่างไกลบุญหลังส่งให้มาสมน้องนงคราญ
อย่าคิดอื่น บ เป็นการอันนี้บุญสมภารหากชักชวนถึง ฯ
๏ บัดนั้นน้องไทยิ้มแย้มแล้วไหว้ก็ค่อยคลายคำนึง
บุญพระราชาเคยครอบครองข้าข้าก็เร่งคิดถึง
ที่แท้อันจรึงโดยข้ารำพึงมีใครที่จะตามใจ ฯ
๏ ข้าไป่รู้แท้รู้เทียมจริงแลภายนอกภายใน
ชอบแสร้งสนิทมาเจรจาชู้เสียเมียหย่าด้วยน้องแล้วจะคืนไป
ข้าก็ยังสงสัยเพราะไป่รู้พระทัยอันจริงคุ้นเคย ฯ
๏ พระก็ส้วมกอดนางเมรีเอวบางใส่ตักแล้วชมเชย
ลูบแล้วเคล้าคลึงเจ้า บ รางเห็นจรึงเห็นใจเรียมเลย
โอวแก้วพี่อาใช่ว่าเรียมจะมาเล่นแล้วจะลวง ฯ
๏ แม้นแก้วกูมิเชื่อบุญพี่ทุกเมื่ออันทำทั้งปวง
ไหว้พระทุกค่ำเช้าถึงวันพระเจ้าก็จำศีลบวงสรวง
ถ้าพี่นี้ล่อลวงบุญอันทำทั้งปวงจงได้แก่อรไทชายา ฯ
             

จบสมพาส ครูไม้หนึ่ง ๑๓ แผด ฯ


โคลง
๏ เด็ด ดวงดอกได้ดุจจินดา
ก้าน กิ่งใบชายาซ่อนไว้
ราน รุกคลุกบุษบาบานบอบ
ใบ ก็ได้ดวงได้ดอกไม้ดวงสงวน ฯ
             
กาพย์
๏ เด็ดก้านรานใบมุ่งหมายภายในแลลับคับควร
ผ่อนผันกัลเม็ดดูนางพลางเด็ดบ ขามลามลวน
อักเคื้อเนื้อนวลทอดตามาจวนพิศดูภูบาล ฯ
๏ บัดนั้นเมรีนำพระภูมีเดินโดยอุทยาน
สองท้าวลีลาศลีลาประพาสชมไม้พิสดาร
ดอกดวงแบ่งบานงอกงามในสถานหลายพรรณมากมี ฯ
๏ พระแสร้งใส่กลเด็ดดอกโกมลทัดทานเกศี
เด็ดทับทิมทายแสร้งทำอุบายเล่ห์กลภูมี
ตรัสถามเมรีว่าไม้สิ่งนี้เจ้าเรียกชื่อใด ฯ
๏ นางทูล บ ช้าสิ่งนี้แก้วข้าเรียกทิพภายใน
บ เชื่อเชิญเสวยดูพระผู้ร่วมรู้จึงจะเชื่อน้ำใจ
สิ่งนี้พิสมัยเชิญเสวยเป็นใดชื่นพระทัยหนักหนา ฯ
๏ ยักษามีพิษสี่ตนเรืองฤทธิ์กริ้วโกรธโกรธา
หน่ายเจ็บหน่ายใจหน่ายเจ็บกลใดชักชวนท้าวมา
ใครแลทูลแก่ราชาเจ็บใจหญัวข้าชวนมาเล่นลามลวน ฯ
๏ พระรถลอบแลน้องท้าวเบือนแปรหยอกข้าไทเสสรวล
พระก็โน้มน้าวปลิดบพิตรเธอปลิดได้ซึ่งไม้ของสงวน
นึกว่าลับเนตรพระอวลพอแลมาจวนก็แลห้ามพระทอง ฯ
๏ กำบังกำบดเห็นแนบสมพศโดยพระทัยสมพอง
น้องท้าวแลเห็นว่าพระอย่าเล่นใช่เด็กทรามคะนอง
อย่าอย่านะพระทองแม้วแก้วจะรักน้องจงควรเกรงใจ ฯ
๏ พระอย่าถือถูกอย่าได้เด็ดลูกหักก้านรานใบ
สิ่งนี้ควรเว้นใช่เชิงของเล่นจะลามลวนกลใด
มิรู้ฤๅว่าไฟจับเล่นชอบไหม้ร้อนเร้าลุกลาม ฯ
๏ รู้เองทำเองบ่ กลัว บ่ เกรงพระ บ ควรไต่ถาม
ทรนุกทระนงนักไว้ใจว่ารักจึ่งมาหยาบหยาม
เล่นลวนหลากความมารข้าห้ามความออกไล่พาธา ฯ
๏ พระขานน้องไทแต่เรียมคลายไคลไปต้องเนตรนา
เจ้าอย่าร้องแรกตัดพ้อผิดแผกแสนกว้างหนักหนา
สีรัวสรงเสียงมาชวนชำลักปักตาโทษร้ายเรียมใด ฯ
๏ เรียม บ รู้ควรสอนแม่ผู้เพื่อนนอนด่วนเคียดเยียไฉน
แต่เพียงแต่พอด่วนเสียดตัดพ้อบ ควรเกรงใจ
บ รางร่วมวังอรไทแต่เรียมคลายไคลเจ้ากลัวคุกคาม ฯ
๏ รู้เองทำเองบ กลัว บ เกรงบ ควรไต่ถาม
ทรนุกทระนงนักเห็นว่าเรียมรักจึงทำหยาบหยาม
เล่นลวนหลากความมารข้าหยาบหยามเครื่องจะแพ้พระทัย ฯ
๏ ไม้นี้เสื้อเมืองครั้นหล่นครั้นเหลืองแต่ละใบสองใบ
เกิดโกลาหลราษฎรร้อนรนดุจเมืองประไลย
เกิดยุคคือไฟฟ้าเหลืองเมืองไข้จินจนอัศจรรย์ ฯ
๏ ข้าก็ให้โหมเมืองทำพิทธีนองเนืองเจ็ดคืนเจ็ดวัน
วัวควายทรายพราสิงสัตว์จำฆ่ามากมีพลีกรรม์
ฉัตรธงเรียงรันพิทธีเจ็ดวันจึงสนุกเมืองขวาง ฯ
๏ บัดนั้นพระรถบ ท้อ บ ทดสนองคำเอวบาง
ในบ้านเมืองพี่ผลไม้สิ่งนี้งอกทุกที่ทุกทาง
ครั้นงอกขัดขวางบ ไว้ บ วางตัดรอนนะหญัวอา ฯ
๏ ในบ้านเมืองอรพลมารย่อมสลอนไว้เสียเมืองยักษา
ใฝ่รู้ว่าแก้วกูหายากจะกลั่นมาฝากสว่างร้อนชายา
ใฝ่รู้ว่าแก้วกูทยาจะกลั่นใส่หลังม้ามาฝากแก้วพี่นา ฯ
             

จบเด็ดคลุก ครูไม้หนึ่ง ๑๕ แผด ฯ


โคลง
๏ ไต่ ตามความรู้ช่างเจรจา
ถาม เล่ห์กลมารยาล่อลิ้น
ความ เสน่ห์อรเพาพงาพาซื่อ
ลับ ฦกความบอกสิ้นถี่ถ้วนทุกอัน ฯ
             
กาพย์
๏ ไต่ถามความลับถ้อยคำลำดับลบองคลองธรรม์
บ่ายเบี่ยงเลี่ยงถามกระแหน่แง่ความแยบคายผายผัน
ถามตามความอันอย่ายำสำคัญจำนงจงหมาย ฯ
๏ บัดนั้นภูบาลรำฦกสมภารอันสร้างมาเหลือหลาย
ขอลุโดยจงนึกโดยประสงค์ประสิทธิได้ง่ายดาย
ขอลุโดยหมายจงเทพยทุกภายค้ำชูทุกอัน ฯ
๏ เสด็จในเรือนแก้วแท่นทองเพริศแพร้วเพดานพรายพรรณ
โคมเทียนเรียงรายรำพึงภิปรายข้ารักถามเจียรจัน
ถามถี่ถ้วนอันผูกห่อเรียงรันห้อยไว้ชื่อใด ฯ
๏ แต่เรียมมาอยู่เรียมจักใคร่รู้ซึ่งพรรณภายใน
แต่เรียมมาร่วมรสร่วมรักปรากฏบ ให้รู้ว่าใด
เรียมยังสงสัยสงกาแต่อรไทเหมือนมิรักเรียมนา ฯ
๏ บัดนั้นเมรีคิดแค้นแสนทวีมิใคร่จะบอกกำลังยา
ฤๅหนึ่งสงวนนักฤๅหนึ่งความรักจะบอกแก่พระราชา
กินแหนงสงกาสงสัยแก่ราชาบ ไว้ใจแก่ภูบาล ฯ
๏ บัดนั้นหน่อเหน้ายอกรใส่เกล้ากล่าวเกลี้ยงสนองสาร
บ ควรที่จะสำแดงความรักก็แถลงถวายแก่ภูบาล
คุณใช่สามาญมีหลากหลายสถานเลิศฤๅทุกพรรณ ฯ
๏ สิ่งนี้ยาผงครั้นจับโปรยลงก็มืดคลุ้มเป็นควัน
กลับกลายเป็นไฟลุกลามตามไหม้ประดุจเพียงไฟกัลป์
เป็นขวากกรดเรียงรันฟูนเป็นตาวขันทเห็นเขาเสือกสน ฯ
๏ ยาสิ่งนี้เล่าจับปรายโปรยเป่าก็เป็นลมเป็นฝน
มากมีบรรพตใหญ่สูงปรากฏห้วยเหวทุกตำบล
แรดช้างเสือกสนเสือสีห์หมีปนต่อแยงศัตรู ฯ
๏ ยาสิ่งหนึ่งนั้นทอดลงหมายมั่นก็พูนเป็นสินธู
มีจระเข้เหราฉลามโลมาพิมทองราหู
ช้างน้ำเงือกงูเสือน้ำเคียงคู่ยิ่งยงบีฑา ฯ
๏ เภตราสำเภาพาณิชเที่ยวเทาทุกประเทศนานา
มีระลอกฟูมฟองลมพยุพัดต้องก็กลม ณ ท้องคงคา
ศัตรูใดมาเห็นฤทธิ์กำลังยาก็พ่ายแพ้แต่ไกล ฯ
๏ พระรถชวนสนิทล่อลวงให้ชิดให้เชื่อ บ สงสัย
กล่าวเกลี้ยงเลี่ยงถามดุจศิลป์พระรามเทพนั้นชื่อใด
ดูหลากแก่ใจเชิญแก้วบอกกูไว้จงแจ้งจำหมาย ฯ
๏ นางจึงทูลเล่าศิลป์นี้หญัวเจ้ายิ่งศิลป์ทั้งหลาย
ปราเกรียดิปรากฏเรียกชื่อกุมพตยวดยิ่งฤๅสาย
ศัตรูกลัวกลายสังหารให้วายชีวิตนั้น บ คืนคง ฯ
๏ พระจึงถามเล่าถามนางหน่อเหน้าโดยพระทัยประสงค์
ชื่อใดสิ่งนั้นผูกห่อหมายมั่นห้อยไว้บรรจง
น้องท้าวโฉมยงสิ่งนี้ประสงค์ชื่อใดนะหญัวอา ฯ
๏ บัดนั้นเมรีสนองคำภูมีเชื้อชาติวงศา
อันนี้เนตรสิบสองศรีออกท้าวชนนีได้โดยจินดา
ใช้พระพายุพัดมาสั่งไว้แก่ข้าข้าก็สงวนนะราชา ฯ
๏ ยานี้วิเศษนักแกล้งให้รู้จักแจ้งให้อย่าสงกา
ผิจะเอาเนตรสมเล่างามดุจกว่าเก่าเพราะยาโรยทา
เห็นสว่างโลกาเนตรนั้นหญัวข้าบ ห่อนมีอัณราย ฯ
๏ บัดนั้นภูบาลฟังคำนางคราญก็ตั้งพระทัยจำหมาย
เกิดโศกแสนซ้ำพระทัยเพียงคว่ำชลเนตร บ วาย
เบือนพระพักตร์ผันผายแล้วแกล้งอุบายเล็งแลห่อยา ฯ
๏ บัดนั้นน้องไทจับเนตรท้าวไว้ก็ทูลแต่ราชา
พระเนตรแก้วกูหลากนักหมองเหมือนมีสักสิ่งฤๅกระมังหนา
เศร้าสร้อยโศกาคิดไฉนนะอกข้าน้ำพระเนตรคร่าวไหล ฯ
๏ บัดนั้นภูบาลสนองคำนางคราญว่าแก้วกูอย่าสงสัย
ยองใยธุลีผงใด บ รู้ปลิวลงเข้าเนตรเรียมบัดใจ
น้ำเนตรลามไหลแต่จะกี้นะอรไทรำคาญเคือง บ รู้หาย ฯ
๏ เรียมรักแรกสนิทปองฝากชีวิตต่อเท่าวันตาย
กึ่งยาม บ ไคลคลาศเรียมรักพิศวาสพิสมัย บ รู้วาย
ใช่ว่ารักแล้วจะกลับกลายโดยใจเรียมหน่ายบ รางม้วยไมตรี ฯ
๏ แม้วเราก็พบแก้วบุญน้อยแม้วแคล้วคลาศคลาโฉมศรี
แหนงตายประเสริฐนักคิดว่าอยู่จะรักโรยร้างฤๅดี
ใฝ่ว่ายามปูนปีจะเสวยสุขสมศรีต่อท้าวแสนกัลป์ ฯ
๏ แม้วนางในฟ้าโฉมงามใดมาเหมือนเพียงสาวสวรรค์
นางนั้นล้ำเลิศสาวสวรรค์ประเสริฐแต่งแง่ บ เทียมทัน
ใจเรียมใฝ่ฝันว่าจะรักนางนั้นกว่าท้าวน้องผู้มีศรี ฯ
๏ เรียมรักล้ำเลิศแม้วตายแม้วเกิดขอประสบเมรี
ขอร่วมสงสารตราบท้าวถึงนิฤพานอย่าม้วยไมตรี
ความสนิทแสนทวีเสมอชีวิตแห่งพี่ร่วมรู้ด้วยนงคราญ ฯ
             

จบถามยา ครูไม้หนึ่ง ๒๑ แผด ฯ


โคลง
๏ ดึก สองยามเกลี้ยกล่อมทรามวัย
ดื่น ดาษนางชาวในหลับสิ้น
ตื่น ขึ้นก็วังเวงใจจอมสวาดิ
นอน โรงม้าม้าดิ้นกระทืบท้องโรงไฉน ฯ
             
กาพย์
๏ ดึกดื่นตื่นนอนม้ามิ่งวิงวอนแค้นเคืองเนืองใน
โฉมงามทรามรักบำเรอเชอภักดิอย่าร้างค้างไข
แค้นคับตับไตปรารมภ์ขมใจปองผิดริษยา ฯ
๏ บัดนั้นพาชีตื่นในราตรีรำพึงจินดา
วันนี้หลับทั้งเรือนหลวงบ ได้ทักท้วงผู้คนไปมา
สงัดเสียงเจรจาเทียนยามชวาลาดับ บ รู้สึกตาม ฯ
๏ ม้าต้นรู้รอบวันนี้เห็นชอบจะเตือนท้าว ธ อย่าขาม
สงัดเสียงสังคีตเป่าตีสีดีดบำเรอทุกยาม
สงัดเสียงไอจามบ ได้ระวังยามขนาดประจำราตรี ฯ
๏ ม้าร้องกระทืบโรงทองระรืบย่อมกลพาชี
หลับใหลด้วยชู้จะเตือนท้าว ธ ให้รู้สึกองค์ภูมี
จะเตือนแก้วกูหลายทีเกรงมารทั้งนี้จะรู้สึกนอกใน ฯ
๏ ม้าร้องเสียงศัพท์พระบรรทมหลับตื่นตระหนกตกใจ
คิดแค้นรำจวนค่อยฟื้นองค์อวลองค์เองเอไกล
เอาพระเขนยอิงไว้แนบข้างอรไทต่างองค์ราชา ฯ
๏ นาง บ รู้สึกองค์พระจึงลอบลงมาโรงอาชา
เอาหญ้าป้อนม้าแล้วลูบหลังม้าแก้วชักชวนเจรจา
ทุกข์พี่สิ่งใดนาพี่บอกข้าราน้องจะท่าฟังสาร ฯ
๏ ม้าต้นทูลสนองข้าเคร่าคอยครองจรหล่ำแล้วมานาน
แต่เสด็จมาเสวยเมืองยักษาจะรู้เรื่องจะถึงสันทามาร
ฟูนไฟจะสังหารจะฆ่าพระภูบาลให้ม้วยมรณา ฯ
๏ เขารู้นิฤมิตให้ท้าวเธอเสน่ห์สนิทชิดเชื้อหนักหนา
อาคมสมขนัมนางมารก็รู้ทำให้ท้าวเธอเสน่หา
แรงมนต์มายาหกสาตร์ภาษาหมู่มารเขาขลัง ฯ
๏ แม้วพระจะรักน้องเสียแรงพระครองออกท้าว ธ มาแต่หลัง
คือเนื้อคือทรายอาจมาเข้าข่ายเข้าคฤนเข้าวัง
เข้าข้องเข้าขังพระ บ คิดแลจะหวังอยู่เนตรนี้กลใด ฯ
๏ แม่ป้าสิเป็นทุกข์ส่วนมาอยู่อยู่สนุกเสน่ห์ด้วยชู้เมืองไกล
รักใดสักร้อยรักคิดดูจงหนักอย่าร้างช้างไขย
ละวางห่างไกลออกท้าวท่านไทอยู่วังวลกลการ ฯ
๏ เอ็นดูแม่ป้าสมพองปองท่าอยู่จะคอยฟังสาร
ทุกข์ตรอมผอมไผ่ปานนี้จะโหยไห้หาพระภูบาล
ใครจะอวยอาหารแม้วแก้วกูอยู่นานพ่างเพียง บ เห็นใจ ฯ
๏ พระฟังคำม้ากล่าวคล่าวน้ำตาประดุจธาราไหล
น้องจะขึ้นไปลอบลักห่อยาแลดวงจักษุ์ได้แล้วจะคืนไป
ยามหน้านี้ยามไชยยามนี้ บ ได้ไปมิปลอด ณ พี่ฮา ฯ
๏ ยามนี้ยังก่ำพี่ยาร้องร่ำเกลือกมารจะสงกา
อย่าให้เขารู้ว่าเรามาอยู่สงัดแลซ่อนเจรจา
อย่าให้รู้เงื่อนรายามหน้าปลงปลอดรอดเราจะไป ฯ
๏ บัดนั้นเมรีตื่น บ เห็นภูมีพิศวงหลงใหล
โอวพระภูธรคิดคืนตื่นนอนแลแก้วกูหลงไปไหน
ลอบเสด็จไปหาใครแค้นใจ บ มิบอกไว้ให้น้องโหยหา ฯ
๏ พระจึงขานน้องเจ้าอย่าร่ำร้องเรียกเรียม ณ หญัวฮา
มาบัดเดี๋ยวแล้วจะขึ้นไปกล่อมแก้วกูแนบเนื้อชายา
เรียมมาเล่น ณ โรงอาชาพลางตักเตือนข้าเตือนไททั้งหลาย ฯ
๏ เจ้าก็ปลุกขันทีเตี้ยค่อมทั้งนี้แลนายเรือนผู้เป็นนาย
จำม้าแมนเกล้ากระทืบโรงเรียกเจ้าคูโรงจะทำลาย
เทศตั้งเป็นนายมิตักเตือนทั้งหลายให้รำคาญทุกอัน ฯ
๏ พระก็ขืนไปเล่านั่งแนบน้องเหน้าอรไทเจือรจรร
นางก็ทูลทันใจหญ้าเพือน้ำในก็มีพร่ำทุกกำนัล
ข้าก็แต่งสบสรรพ์ซึ่งจะรำคาญพระทัยนั้นน้อง บ ให้มีเลย ฯ
๏ บัดนั้นภูบาลมีพระโองการสนองท้าวผู้ทรามเชย
เจ้าอย่าด่าข้าไทหญ้าเฟือน้ำในบ ขาดโรง ณ หญัวเฮย
พยศม้าหากเคยเรียกเรียม บ ขาดเลยฉะนี้แล ณ หญัวฮา ฯ
๏ ใครห่อน ณ พระทองพระบรรทมด้วยน้องแลลอบไปไหนนา
ไปหาใครก็ทำเนาเจ็บด้วยว่ามิรู้เท่าแลเพื่อนแก่ม้าอาชา
ข้าก็ละเชิงหล้าทรงพระเยาว์เจ้าฟ้าเหมือนมีที่หวัง ฯ
๏ ท้าว ธ ทรงโกรธนักเหมือนแก้วกูมิรักจึงมากล่าวชวนชัง
อนึ่งยังว่ามาเป็นผัวถึงว่าเรียมสบถตัวอรไทควรฟัง
แต่แรกมาร่วมวังบ ห่อนมีที่หวังอื่นนอกท้าวนา ฯ
๏ พระรถภูบาลพระมีโองการตรัสหน่วงชายา
ทีนี้พี่ บ ได้ถือความเมื่อหน้าหยาบหยามหึงเท็จฉะนี้นา
เรียมนี้ก็ไม่มุสาจะมารักนางข้ากว่าท้าวผู้มีศรี ฯ
๏ พระแก้ความแล้วถนอมอุ้มน้องแก้วสนิทด้วยเมรี
อุ้มไปวางเหนือเขนยแนบเนื้อทรามเชยเจ้าก็ค่อยพัดวี
พระก็เกลี้ยกล่อมศรีนอนเหนืออุระพี่คอยแนบเนื้อชายา ฯ
             

จบม้าชวนเอย ครูไม้หนึ่ง ๒๒ แผด ฯ


โคลง
๏ ปล้ำ ใจ บ ใคร่ร้างแรมสมร
ปลุก ส่งนงนุชนอนไป่ฟื้น
ลุก ลาเรียมจักจรจวนรุ่ง
นั่ง แนบองค์อู้มขึ้นจูบแล้วละเสีย ฯ
             
กาพย์
๏ ปล้ำปลุกลุกนั่งจำนงจงตั้งโฉมงามทรามวัย
ตระโบมโลมลากระสันกัลยาคิดเสียดายภายใน
พิศวงหลงใหลพิศวาสขาดใจพิสมัยด้วยใครนา ฯ
๏ ม้าต้นเตือนเล่าหน่ายใจแก่ท้าวเจ้าถึงมิใคร่จะลงมา
เร่งคิดแล บ ดูยากพระทัยท้าวหลากมิเหมือนดั่งคำเจรจา
อยู่นานชอบพ้นเพลาความทุกข์เท่าฟ้าสนุกบรรทมสมสนอง ฯ
๏ ม้าร้องเสียงศัพท์พระบรรทมหลับตื่นรำพึงตริตรอง
อนี้บาปของหลังชาติก่อนโพ้นยังจึงมาตามเบียนสนอง
ปองสนิทแลถึง บ สนิทด้วยหญัวน้องเวราทั้งสองแต่ก่อนโพ้นมาตามรา ฯ
๏ โอวแต่นี้เอยสองราแรกเคยรักสนิทเสนหา
ไอสูรย์สมบัติสฦๅ ณ บัดนี้เอย อันราสุสวัสดิแห่งห้องโลกา
สิ่งสมบูรณแต่หลังมาความสุขด้วยแก้วข้าจะม้วยในราตรี ฯ
๏ แต่นี้จะไกลเร่งคิดพิสมัยพิศวาสด้วยโฉมศรี
คิดมาน่าเจ็บเจ็บใจบ ร้างจะใคร่รู้ม้วยรักจะพาไปด้วยเกรงใจพาชี
นับเดือนแล้วแก้วดุจนับปีกี่ร้อยวันแก่อกพี่แลเจ้าม้วยทุกข์ทน ฯ
๏ ชะรอยเราวิบัติเนื้อนกสิงสัตว์ให้เขาร้อนรน
แต่มาร่วมวังด้วยอรไทหวังฝากชีวิตไว้กว่าจะม้วยวายชนม์
โอวแก้วกับตนบาปหลังจำทนจากเจ้าจอมขวัญ ฯ
๏ ใฝ่ว่าเรียมมีฤทธิ์วาจาประสิทธิ์ดุจไททศจันทร์
จะควบองค์เปนเดียวจะพาแก้วท่องเที่ยวเขจรจรจรัล
กลืนได้จะกลืนไว้ในครรภ์ครั้นยามกระสันจะคายคืนมาชมศรี ฯ
๏ ใฝ่ว่ามีเดชะเดโชตบะดุจไทพระศุลี
จะแบ่งองค์เป็นสององค์หนึ่งจะไว้แก่ท้าวน้องนอนแนบโฉมศรี
องค์หนึ่งจะไปด้วยพาชีอย่าให้รำคาญเคืองพี่ที่แค้นร้อนไปมา ฯ
๏ ใฝ่ว่าเรียมมีเดชดุจไทเทเวศท่านท้าวพันตา
จะชะลอทั้งไพชนต์ปราสาทพิมลแท่นทองรจนา
จะพาไปเล่น ณ เวหาให้ฝูงมารยักษาหมู่นี้แลดู ฯ
๏ เร่งคิดเร่งทุกข์บ รางเลยจะลุพ้นมารศัตรู
แน่งจะเอาพระธำมรงค์ไปชมต่างองค์อรไทโฉมตรู
อีกผ้าสีชมพูอันแก้วกูทรงอยู่จะเอาไปชมต่างองค์อร ฯ
๏ ส่วนแหวนแลผ้าอันเรียมทรงมาจะเปลื้องไว้แก่สายสมร
บ เห็นองค์แลเห็นพระธำมรงค์อันสอดนิ้วเจ้าคลายความกริ้วโกรธาอนาทร
ส่วนผ้าอันแก้วกูห่มนอนครั้นคิดถึงผู้เพื่อนร้อนจะชักมาห่มนอนต่าง ฯ
๏ ท้าวทรงพระขรรค์เสด็จจากเรือนจันทน์คิดแค้นอางขนาง
คืนเข้ามาพิศพระพักตร์น้องงามติดใจเรียมฤๅวาง
คืนมาสั่งแก้วกูเอวบางสองเจ็บจะไห้ช้างบ ร้างจะวายน้ำตา ฯ
๏ เอาหน้าแนบหน้าบาปใดจงราร้างรักเสนหา
น้ำพระเนตรไหลลงโซมซาบอาบองค์อรไทชายา
คือท่อธาราเรียมจะกลั้นน้ำตาเรียมไว้ไฉนคง ฯ
๏ สุดโลมสุดลูบสุดกอดสุดจูบลูบทั่วทั้งองค์
วันนี้จะจากแก้วกูผู้เพื่อนนอนคิดเสียดายเนื้ออ่อนคือสำลีอันบรรจง
กอดกับอกมิใคร่จะวางลงเนื้อเจ้านวลทั้งองค์จะละจะวางกลใด ฯ
๏ บ ห่อนจะรู้ทำแพงทำจระเทินกินแหนงให้เรียมแสลงใจ
ช่างอ้อนให้เรียมรักคิดเสียดายนรลักษณ์รู้อัธยาศัย
ทั้งภายนอกภายในเรียมจะเสียไฉนได้สงวนใจเรียมนา ฯ
๏ พิศเนื้อเนื้อเกลี้ยงพิศนมนมเพียงเต่งเต้าตรึงตรา
พิศชงฆ์ชงฆ์แก้วกูงามนวยพิศพระกรสระสวยประดุจงวงไอยรา
พิศพักตร์พักตร์คือจันทรโสภาพิศกรกัลยาประดุจกลีบบัวทอง ฯ
๏ พิศครานคือเฉลาพิศไรเพริศเพราคอกลมลำยอง
พิศคิ้วคิ้วก่งคือวงเกาทัณฑ์พิศตาตามันประดุจตาทรายทอง
พิศแก้มแก้มคือปรางทองพิศโอษฐหญัวน้องคือตำลึงสุกใส ฯ
๏ พิศแห่งใดงามสมยิ่งพิศน่าชมสมบูรณ์บัวใคร
พิศรูปแก้วกูรางชางพิศเอวเอวบางน่าพึงพอใจ
ละเมียดละไมละม่อมจริงนะอรไทใต้ฟ้าใครปาน ฯ
๏ แสงทนต์ยะยับเมื่อฟังสรวลศัพท์ไพเราะอ่อนหวาน
กลิ่นแก้วกูวังเวงรวยรวยหอมเองไทเนื้อหอมหวาน
พูดเสงี่ยมเสี่ยมสารรู้ระบอบชอบการใจลากใจดี ฯ
๏ โฉมแก้วกูตระศักดิ์เมรีมีลักษณ์เบญจกัลยาณี
เป็นยอดสงสารฟ้าครอบ บ ปานในโลกนี้ บ มี ถึงสอง
พิศโฉมเมรีเลิศล้ำโลกีย์กามาฤๅถกล ฯ
๏ นางเร่งหลับใหลด้วยท้าว ธ พิศมัยถึง บ มิรู้สึกองค์
ส่วนนางสาวใช้พี่เลี้ยงนอนใกล้หลับเน่งทุกคน
ก่ายกองกันกรนวันนี้ชอบกลสบดำริโดยปอง ฯ
๏ บัดนั้นราชาเอื้อมเอาห่อยาแลเนตรทั้งสิบสอง
ได้มาก็ทูลเกล้าเนตรออกท้าวเจ้าอยู่นานก็ดูหมอง
เสด็จจากเรือนทองแปรพักตร์มาสั่งน้องน้ำพระเนตรคล่าวไหล ฯ
             

หมดฉบับที่มีเพียงเท่านี้

เชิงอรรถ

อ้างอิง

เว็บไซต์สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์กรมศิลปากร [1]

เครื่องมือส่วนตัว