ประวัติพระนาบีมหะหมัด

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == หมวดหมู่:ประวัติศาสตร์ [[หมวดห…')

รุ่นปัจจุบันของ 16:47, 12 พฤศจิกายน 2553

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

เป็นส่วนหนึ่งในประชุมพงศาวดารภาคที่ ๒๘

บทประพันธ์

ณวันอังคาร เดือน ๒ ขึ้น ๒ ค่ำ จุลศักราช ๑๒๒๗ ปีฉลูสัปตศก ข้าพระองค์ได้เชิญโต๊ะอันตนีแขกมาถามถึงเรื่องพงศาวดารมหะหมัด ผู้เปนที่นับถือ ของพวกแขกได้ความว่า


มหะหมัดนั้นเกิดที่เมืองมะกา บิดาชื่ออับดุลตะหล่า ตาชื่ออับดุลนะมุตะเหล็บ บิดามารดาเปนพลเรือน ครั้นมารดามีครรภ์ได้ ๗ เดือน บิดาก็ถึงแก่กรรม มหะหมัดอยู่ในครรภ์ ๙ เดือนจึงคลอด ครั้งนั้นตาของมหะมหัดมานมัสการพระพุทธรูป อยู่ที่วิหาร พระที่อับดุลนะมุตะเหล็บไหว้นั้นก็ล้มลง แลมีผู้มาบอกว่า อัมมินาคลอดบุตรแล้ว ตาก็วิ่งไปดูเห็นหลานเปนชาย จึงให้ชื่อว่า มหะหมัด ครั้น มหะหมัดอายุได้ ๓ ขวบมารดาก็ถึงแก่กรรม ตากับอาจึงเอามหะหมัดไปเลี้ยงไว้ แล้วจึงจ้างแม่นมให้เลี้ยงมหะหมัด แม่นมนั้นชื่อว่าหะลีมา ๆ จึงรับเอาไปเลี้ยงที่บ้านอันต่างเมือง


มาวันหนึ่ง มหะหมัดก็ไปเลี้ยงแพะกับบัตรแม่นม ยิบราเอล คือเทวดาผู้ใหญ่ ก็ลงมาจับเอาตัวมหะหมัดขึ้นไปบนภูเขา ให้นอนหงายผ่าท้อง จึงควักเอาเลือดก้อนหนึ่งออกทิ้งเสียว่าเปนส่วนของมาร แล้วจึงเอาน้ำสะด่ำล้างเสีย แล้วจึงปิดท้องไว้ดังเก่า แล้วมหะหมัดจึงเดิรลงมาจากภูเขามีหน้าเปนแสง จึงบุตรแม่นมจูงมือมาบ้าน แลถามว่าเจ็บฤๅไม่ มหะหมัดว่าไม่เจ็บดอก ครั้นแม่นมรู้ความนั้นแล้วจึงว่าลูกคนนี้มีผู้ ฤษนยาเอาไว้ไม่ได้จึงส่งมาให้กับตา ครั้นอยู่กับตาได้ ๓ ปี ตาก็จวนจะถึงแก่กรรมจึงให้หาบรรดาญาติพี่น้องมาพร้อมกันถามว่า มหะหมัดจะอยู่กับใครดี จึงวางมหะหมัดไว้ท่ามกลาง มหะหมัดก็ลุกขึ้นไปกอดคออับปูมะตะเหล็บผู้เปนลุง อับปูมะตะเหล็บจึงเอาไปเลี้ยงไว้


ครั้น มหะหมัดเจริญวัยได้อายุ ๑๕ ปี อาตะดาผู้เปนอาหญิงไปหาลุงว่า มหะหมัดเติบใหญ่แล้วจะคิดอ่านอย่างไรดี ให้มีภรรยาเสียเถิดฤา ครั้นจะให้มีภรรยาก็ยังหามีทรัพย์สินอะไรไม่ จึงให้ไปรับจ้างดาดะชะผู้เปนหญิงหม้ายเปนคนมั่งมีค้าอูฐ ครั้นดาดะชะเห็นมหะหมัดก็จิตร์รักใคร่ แล้วก็เปิดเต้าเหร็ดคือคัมภีร์พวกยูดายดู เห็นว่ามหะหมัดนี้และจะเปนครูสอนศาสนาในประเทศอาหรับ ด้วยเห็นมีเมฆคุมตัว มหะหมัดอยู่ ดาดะชะจึงว่าให้คอยท่าพ่อค้าดูฐเขามาอีกทีเถิด แล้วจึงสั่งให้พาตัวมหะหมัดมาดูว่าจะทำการได้ฤาไม่ได้ อาจึงพามหะหมัดมาให้แก่หญิงหม้าย มหะหมัดจึงอยู่กับหญิงหม้ายได้ ๗ วัน จะเดิรไปไหนก็หอมเนื้อไม้ไปที่นั่น ครั้นอยู่ได้ ๗ วันแล้วจึงส่งคืนไปหาอา ครั้นอยู่มาพ่อค้าอูฐก็กลับมา หญิงหม้ายจึงให้คนไปบอก มหะหมัดว่า พ่อค้าอูฐกลับมาแล้ว จะรับจ้างก็มาเถิด อาก็ส่ง มหะหมัดมาให้หญิงหม้าย ๆ จึงเตรียมการจะให้เปนลูกจ้างไปค้า ณเมืองส่ำ แต่บรรดาคนที่รับจ้างเหล่านั้น มีญาติพี่น้องมาเยี่ยมเยียน แต่มหะหมัดหามีพี่น้องผู้ใดมาเยี่ยมเยียนไม่ อารู้ดังนั้นแล้วก็ร้องไห้ ฝ่ายหญิงหม้ายจึงให้ผ้าทองสองผืน ผ้านุ่งผืน ๑ ผ้าห่มผืน ๑ แก่มหะหมัด แล้วสั่งระหัสนายอูฐว่า ถ้าไปถึงที่หยุดแล้วให้มหะหมัดนุ่งห่มเถิด มหะหมัดจึงว่าคนทุกวันนี้ ถึงจะมีคนรักสัก ๑๐ คน ก็คงจะมีคนซังสักคนหนึ่ง มหะหมัดก็ไม่ยอมนุ่งผ้านั้น


ครั้นไปถึงเมืองส่ำก็ได้กำไร ด้วยไปถูกวันที่ชาวเมืองส่ำทำบุญเปนการใหญ่ มหะหมัดจึงพักอูฐอยู่ตรงหน้ากระฏีเมืองส่ำ พอมหะหมัดแลดูในกระฏีนั้น บรรดาโคมแลเครื่องบูชาก็แตกดับไปหมด แลสมภารในกระฏีนั้นจึงเปิดดูในตำรา แจ้งว่าจะมีผู้มาล้างศาสนาเมืองส่ำ จึงคิดจะจับ มหะหมัดฆ่าเสีย ครั้นนายอูฐรู้ความนั้นแล้ว จึงให้มหะหมัดถือหนังสือเร็วมายังหญิงหม้าย ขณะนั้นหญิงหม้ายขึ้นอยู่บนที่นั่งเย็น พอเห็นมหะหมัดมาก็ดีใจ มหะหมัดก็ส่งหนังสือนั้นให้หญิงหม้ายแล้วก็เลยมาหาลุง ฝ่ายสมภารเจ้ากระฏีณเมืองส่ำนั้น ก็ค้นดูในเหล่าพวกพ่อค้า ไม่เห็นมีใครที่ต้องในตำรานั้น จึงหาได้จับใครมาไม่ แล้วหญิงหม้ายก็ให้มหะหมัดถือหนังสือมาถึงพ่อค้าอูฐให้กลับ จึงพวกพ่อค้าอูฐพากันกลับมา มหะหมัดก็ไปบ้านลุง ฝ่ายหญิงหม้ายก็จัดแจงดูในสินค้าอันมาแต่เมืองส่ำนั้น


ครั้นอยู่มาอาของมหะหมัดไปหาลุงถามว่า เปนอย่างไรหญิงหม้ายหาได้ให้เงินค่งจ้างนั้นไม่ ลุงห้ามว่าอย่าเพ่อไปขอเลย ครั้นมาหลายวัน อาจึงไปถามอิก ลุงจึงว่าไปเถิดแต่อย่าออกชื่อว่าเปนค่าจ้างค่าขาย แล้วอาก็ไปหาหญิงหม้าย แต่พอหญิงหม้ายเห็นก็ดีใจต้อนรับพาเข้าไปยังที่นอนแล้ว จึงถามถึง มหะหมัดว่าสบายอยู่ดอกฤๅ อาว่าสบายอยู่ดอก แต่ฉันมาจะขอเงินค่าจ้างของมหะหมัด หญิงหม้ายจึงถามว่า จะต้องประสงค์เงินไปทำอะไร อาว่าจะเอาไปทำสินสอดหาภรรยาให้มหะหมัด หญิงหม้ายจึงถามว่า จะให้มหะหมัดแต่งงารกับฉันไม่ได้ฤๅ เอาได้ฟ้งดังนั้นก็ร้องไห้สำคัญว่าหญิงหม้ายนั้นพูดประชด หญิงหม้ายก็ร้องไห้ด้วย แล้วบอกว่าฉันไม่ได้พูดประชดดอก ฉันรักจริง ๆ ฉันรู้อยู่ว่า มหะหมัดจะได้สร้างศาสนาในอิศลาม อาจึงว่าถ้าอย่างนั้นให้บิดาท่านจัดแจงยกให้ตามธรรมเนียม ฝ่ายบิดานั้นไม่ยอม หยิบหม้ายจึงเอาสุราให้บิดากินจนเมาถึงขนาด หญิงหม้ายจึงอ้อนวอนบิดาให้ยอมอยู่ด้วยกัน บิดาจึงยอมให้ด้วยกำลังเมาสุรา แล้วมหะหมัดจึงได้เปนสามีภรรยากับหญิงหม้าย


ครั้นอยู่มามหะหมัดจึงว่าแก่ภรรยาว่า ทรัพย์สินทั้งปวงนี้จะเอาไปข้างไหน จะพาให้บริสุทธิ์ไปข้างหน้าก็ไม่ได้ ดาดะชะผู้ภรรยาจึงได้สละทรัพย์ของตัวให้เปนทานแก่คนทั้งปวงที่มารับกะลีมา มหะหมัดนั้นตั้งแต่อายุ ๑๕ ปีจนถึงอายุ ๔๐ ปี ในระหว่างนั้น ยิบราเอล ลงมาเตือน มหะหมัด ให้ห่างไกลจากของที่ห้าม ยิบราเอลเมื่องลงมาที่แรกนั้นได้ว่ากะมหะหมัดด้วยคำว่า “ฮี” ว่าเปนคำของพระผู้เปนเจ้า แล้วว่า “อะหวัน” คำแรกนั้นเปนคำอะไร เฮ้ยมหะหมัดเองอ่านไป มหะหมัดจึงถามว่าจะให้ข้าอ่านอะไร แต่นั้นไปมหะหมัดจะไปข้างไหน ยิบราเอลก็ตามไปด้วย


อยู่มาภายหลังก็ไปซ่อนตัวถือศีลอดอยู่ที่ภูเขายับปันโนน เวลาเย็นทุกวัน ๆ ไม่บริโภคสิ่งใด ยิบราเอลจึงลงมาอีกทีหนึ่งจึงเตือนว่า คำนั้นเปนคำมั่นคงนัก แล้วจึงส่งให้ไปจำศีลที่เขาหะรอว่าทำในทีนี้ชาวเมืองมะกาเขาจะรู้เข้า มหะหมัดจึงไปอยู่เขาหะรอเพลากลางคืน ให้เอาเสบียงไปด้วยบ้าง มหะหมัดไปอยู่ยังที่นั้นแล้วก็กลับมาหาภรรยายังเรือน ยิบราเอลจึงลงมาบอกอิกว่า ผู้เปนเจ้านั้นยิ่งยวดนัก สั่งให้เองเที่ยวสอนศาสนาแก่คนทั้งปวง ยิบราเอลว่าเท่านี้แล้วก็หายไป ครั้งนั้นมหะหมัดจิตรใจหวั่นไหวไป จึงกลับเข้าไปนอนคลุมศีร์ษะอยู่ในที่นอน ยิบราเอลจึงลงมาว่า เฮ้ย คนนอนคลุมหัวอยู่นั้น ลุกขึ้นไปกราบพระทั้ง ๕ องค์เสีย เมื่อจะกราบนั้นให้เอาน้ำละหมาดล้างหน้า หน้านั้นจะเปนแสง เมื่อไปเฝ้าผู้เปนเจ้า ชำระมือเพียงข้อศอกแทนกำไล ชำระศีร์ษะแทนมงกุฏ ล้างหูแทนจอนหู ล้างเท้าแทนรองเท้า เมื่อจะไหว้กราบพระให้ตั้งอยู่ในธาตุทั้ง ๔ คือยืนเปนธาตุไฟ ก้มลงเปนธาตุลม กราบลงเปนธาตุน้ำ นั่งลงเปนธาตุดิน จะไหว้พระเพลาเช้าตรู่ ให้ไหว้นาบีอาดัม เวลาบ่ายไหว้นาบียิบราเอล เวลาเย็นไหว้นาบีนุด เวลาพลบให้ไหว้นาบีมุชา เวลาจะเข้านอนให้ ไหว้นาบีอิชา แล้วยิบราเอง จึงลงมาบอกอีกว่า เฮ้ย มหะหมัดเองนั้นพระเจ้าให้เองเกิดมาด้วยเลือดก้อนหนึ่ง ให้เองตั้งศาสนาในอิศลาม ให้รับกะลีมาสองกลีมา อาลอพระองค์เดียวที่เองไหว้ แล้วอย่าไหว้เปนสองเปนสาม เอ็งเปนผู้รับใช้ของพระอาลอ ให้เองสร้างคัมภีร์กรอ่าม แล้วยิบราเอลจึงว่าอิกว่าศาสนาเองเข้มแข็งนักใครนับถือได้ ยิบราเอลจึงบันดาลให้บรรดาสัตว์ทั้งหลาย ให้มานอนยอมตัวเปนภักษาหารแก่มหะหมัด ก็มีสัตว์ลางอย่างที่หาได้มาไม่ คือ เสือ ช้าง แรดเปนต้น ก็สัตว์มิได้มานั้นใครจะมากินก็บาป เว้นแต่สัตว์ที่ทำอันตรายแก่มนุษย์นั้นฆ่าไม่บาป ตั้งแต่นั้นมามหะหมัดก็เที่ยวไปเกลี้ยกล่อมสั่งสอนชาวเมืองมะกาว่า ยิบราเอลลงมาบอกให้ตนสร้างศาสนาในอิศลาม ให้รับกะลีมาสองกะลีมา


ครั้งนั้นชาวเมืองบางจำพวกก็ได้มารับ บางพวกหาได้รับไม่ พวกที่ ไม่รับนั้นพากันหนีจากเมืองมะกาไปอยู่เมืองอื่น ฝ่ายว่าอาบูบาฮัมผู้เปนลุงมหะหมัด เห็นมหะหมัดทำดังนั้นไม่เชื่อไม่ชอบด้วย กลัวความผิดจะมี จึงไปฟ้องกับเจ้าเมืองมะกาว่า มหะหมัดเที่ยวออกตัวว่าเปนคนใช้ของพระเปนเจ้า สำคัญอะไรก็ไม่เห็นมี นาบี แต่ก่อน ๆ มีสำคัญสำหรับตัวทุกคน นาบีอาดัมมีสำคัญคือได้สร้างลูกหลานมา นาบุนุดได้ต่อกำปั่นใหญ่นาบียิมอบราเฮมตำรวจเจ้าเมืองเอาทิ้งในไฟก็ไม่ตาย นาบีมุชามีรองเท้าเปนนาคไม้เท้าเปนแมลงป่อง นาบีอีชาพูดกะคนตายได้ แต่มหะหมัดนี้ไม่มีสำคัญอะไรเลย เจ้าเมืองมะกาจึงว่าให้หาตัวมหะหมัดเข้ามา ให้ผ่าดวงเดือนลองดู ท่านจะเห็นเปนอย่างไร ลุงจึงว่าชอบแล้วที่ไหนมันจะทำได้ ลุงจึงเตรียมมูลอูฐมูลฬามูลม้าไว้ หมายว่ามหะหมัดทำไม่ได้ แล้จะทำตอบ มหะหมัดด้วยมูลสัตว์เหล่นั้นให้อายเขา เจ้าเมืองจึงให้หาตัวมหะหมัดมา สั่งให้ผ่าดวงเดือนให้ดู มหะหมัดจึงเอื้อมมือไปหยิบดวงเดือนมาผ่าออกเปนสองซีกแล้วทิ้งไปตะวันออกซีกหนึ่ง ทิ้งไปตะวันตกซีกหนึ่งแล้วหยิบดวงเดือนนั้นให้ต่อติดกันเข้าดังเก่า แล้วเข้าตามมือเสื้อโดยแขนซ้ายออกแขนขวา แล้วให้ดวงเดือนรับกะลีมาว่า ผู้เปนเจ้ามีแต่องค์เดียวดอกไม่มีเปนสองสาม


เจ้าเมืองได้เห็นดังนั้นยังไม่เชื่อแต่เมืองมีบุตรไม่เปนรูปมนุษย์ เปนลูกฟักอยู่ เจ้าเมืองจึงให้ มหะหมัดลอ ทำบุตรลูกฟักนั้นให้เปนมนุษย์ขึ้น มหะหมัดจึงเอาน้ำละหมาดสวดขอพร ลูกฟักนั้นก็กลายเปนมนุษไป เจ้าเมืองได้เห็นจริงมีความเชื่อ ก็ยอมเข้าในศาสนาอิศลาม แต่ลุงของมหะหมัดนั้นโกรธแล้ว จึงหนีไปเสีย แต่นั้นมามหะหมัดก็เที่ยวสั่งสอนคนทั้งปวงได้ศิษย์ที่สนิท ๔ คน ชื่อกูมาดา ๑ กูมาร ๑ อุสมาร ๑ อาลี ๑ ศิษย์ ๔ คน นี้ก็รับเปนผู้ช่วยสั่งสอน ชาวเมืองมะกาที่ไม่รับคำสอนมหะหมัดโดยเห็นว่าเปนคนโกหกหลอกลวงคิดจะจับฆ่าเสีย มหะหมัดรู้ตัวก็หนีไปอยู่เมืองมะไดนา ชาวเมืองมะกาที่รับคำสอนก็พลอยตามไปด้วย มหะหมัดก็เที่ยวสั่งสอนชาวเมืองมะไดนา มีคนเข้ารีดด้วยมาก มีกำลังขึ้นจึงกลับเข้ามารบเมืองมะกา ได้เมืองมะกาแล้วจึงยกไปตีเมืองมะเซน ได้เมืองมะเซนแล้วยกไปตีเมืองหรุ่ม แล้วมหะหมัดก็ตั้งตัวเปนใหญ่ จึงตั้งลูกศิษย์ ๔ คน เปนเสนาบดีผู้ใหญ่ บ้านใดเมืองใดที่ไม่เชื่อก็ใช้ศิษย์ทั้ง ๔คนนั้นไปเที่ยวปราบปรามบ้านนั้นเมืองนั้น


อยู่มาคืนหนึ่งยิบราเอลพามหะหมัดขึ้นไปบน ๗ ชั้นฟ้า ไปถึงชั้นอารัดเฝ้าพระเปนเจ้า พระเปนเจ้าจึงสั่งมหะหมัดให้กราบพระทั้ง ๕ องค์ ๆ ละ เวลา ๆ ดังกล่าวมาแล้วก่อน แล้วมหะหมัดก็กลับลงมาจาก ๗ ชั้นฟ้า แต่นั้นมาถ้ามีผู้มาถามด้วยข้อความสิ่งใด มหะหมัดก็เคลิ้มหลับไป แล้วมีอักษรผุดขึ้นที่ตัว ศิษย์ทั้ง ๔ คนก็เข้ามาอ่านดูแลถามความในใจที่ยิบราเอลลงมาบอกนั้นเห็นถูกต้องกันแล้ว จึงจาฤกลงไว้เปนคัมภีร์หนึ่ง ก็แลคัมภีร์เดิมนาบีอาดัมลงไว้ ๑๐ เล่มในภาษาเทศ นาบีเซดลง ๕๐ เล่มในภาษีจีน อิดดริศลงไว้ ๓๐ เล่ม อิบราเฮมลงไว้ ๑๐ เล่ม นาบีมุชา ๑ เล่ม ชื่อเต้าเหร็ดลงเปนร้อยคัมภีร์ นาบีดาอุดลงไว้ ๑ เล่มในภาษาอิบรานี ชื่อว่าดาวโปน นาบีอิชาลงไว้ ๑ เล่ม ชื่ออินเซม มหะหมัดลงไว้ ๑ เล่มชื่อกรอ่าม มหะหมัดมีกำลังมากขึ้นก็ให้ศิษย์ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนเที่ยวปราบปรามบ้านเมืองทั้งปวง ฝ่ายใต้ฝ่ายเหนือตะวันตกตะวันออก จนถึงแผ่นดินฮินดูสุลต่านตลอดถึงชวามะลายู ผู้ใดรับคำสอนก็ไว้ชีวิต ผู้ใดไม่เชื่อด้วยก็ฆ่าเสียไว้แต่เด็ก ๆ ให้ครูสอนศาสนาต่อไป


มหะหมัดมีภรรยา ๑๒ คน คือนางดาดะชะบุตรีรวยลิบ ๑ นางสุดะบุตรีดำอะ ๑ นางอาวิชาบุตรีอาปุดาอา ๑ นางซับฟาฮาบุตรีกุมาร ๑ นางโจมหะมีนาบุตรีอามิศฟีอาน ๑ นางเดนับบุตรีบดิมา ๑ นางยาหาศบุตรียาเรีย ๑ นางเดนับอีกคน ๑ นางอุไมสะลามา ๑ นางอุไมมุนา ๑ นางซับเฟียบุตรีฮูไย ๑ นางมาเรีย ๑ มหะหมัดมีบุตร ๗ คน เปนชาย ๓ คน ชื่อเดาแซน ๑ ชื่อฮับดาลา ๑ ปอเฮระ ๑ บุตรหญิง ๔ คน ชื่อนางนัด ๑ นางรอตียะ ๑ นางอุไมดละชุน ๑ นางฟอตีมา ๑ บุตรชายถึงแก่กรรม มหะหมัดเหลือแต่บุตรหญิง มหะหมัดนั้นมีชื่ออีกว่าระสู่หลุ่นหล่า ๆ ยกนางฟอตีมาให้เปนภรรยาอาลี ๆ เกิดบุตรชาย ๒ คน ชื่ออมัมมะฮูซันคน ๑ อิมัมมะฮูเซนคน ๑ มหะหมัดไม่มีบุตรชายรักหลานทั้งสองนัก


เมื่อหลานทั้งสองเจริญขึ้น อุ้มขึ้นนั่งบนตักแล้วก็สวดขอพระอาลา ๆ จึงสั่งให้ยิบราเอลเอาเสื้อสวรรค์ลงมาประทานให้ ๒ ตัว มหะหมัดจึงรับเสื้อให้แก่หลาน อิมัมมะฮูซัน ได้เสื้อเขียว อิมัมมะฮูเซนได้เสื้อแดง แล้วยิบราเอลจึงทำนาย่วาอิมัมมะฮูซันจะตายด้วยยาพิษ อีมัมมะฮูเซนจะตายด้วยอาวุธ แล้วยิบราเอลเอื้อมมือไปหยิบเอาดินที่ทุ่งกะตะบาลามาก้อนหนึ่งให้ไว้ว่า ดินนี้แดงดังโลหิตเมื่อใดแล้ว อมัมมะฮูเซนจะตาย


เมื่อมหะหมัดประชวรหนักใกล้จะถึงแก่กรรม พวกซูนีเขาว่า มอบไม้เท่ากับแหวนตะละฟาดให้อัลกูบาดาว่าตะละฟากแทนตัวต่อไป ข้างพวกมะหนเขาว่ามหะหมัดสั่งให้อาลีผู้บุตรเขย ว่าตะละฟาดแทน ซึ่งอับกูบาดาได้ไม้เท้ากับแหวนนั้น เพราะบุตรหญิงอับกูบาดาชื่อนางมะริยาเปนภริยามหะหมัดลักเอามาให้ บิดาอับกูบาดาจึงได้ว่าตะละฟาดต่อมา เมื่อมหะหมัดถึงแก่กรรมอายุได้ ๖๓ ปี ศพมหะหมัดเขาฝังไว้ที่เมืองมะกา อับกูบาดาได้เปนเจ้าแผ่นดิน ครั้นป่วยหนัก อุมัศคิดกระบถเอาหมอนทับจมูกอับกูบาดา ๆ ถึงแก่กรรม แล้วก็ได้เปนเจ้าแผ่นดินว่าตะละฟาดอยู่ได้ ๘ ปี ออกไปที่สุเร่าจะทำละหมาด ลูกความคนหนึ่งชื่ออับปูเล็กลอบไปแทงอุมัศถึงแก่กรรม แลอุศมานได้เปนเจ้าแผ่นดินว่าตะละฟาดได้ ๑๒ ปี จึงตั้งบุตรอับกูบาดาชื่อมหะหมัดให้เปนเจ้าเมืองมะเซน แล้วมะอะวิยามะระวานหะติมผู้เปนคนโกงระสู่หลุ่นหล่าไล่เสียแต่ก่อนนั้น กลับเข้ามาทำราชการแทนตัว คนสองคนนี้เปนคนอริอยู่กับมหะหมัดมาแต่ก่อน ครั้นอุศมานเข้าไปในห้องถ่ายอุจจาระถอดแหวนตะละฟาด วางไว้ที่โต๊ะ จึงลักเอาแหวนนั้นประทับหนังสือไปถึงเจ้าเมืองมะเซนคนเก่าว่า ถ้ามหะหมัดมาถึงให้จับฆ่าเสีย มหะหมัดจับหนังสือลับได้ ก็โกรธอุศมานว่าแกล้งล่อลวง จึงยกทัพเจ้าเมืองมะไดนาอุศมานไม่สู้เข้าที่สวดคุลีอาน มหะมหัดก็ฆ่าอุศมานเสีย โลหิตกระเดนไปถูกสมุดคุลีอานเปื้อนไป ทุกวันนี้พวกสูนีเขาจึงประชาดคัมภีร์คุลีอาน ครั้นถึงแก่กรรมแล้ว พวกขุนนางจึงไปเชิญอาลีขึ้นเปนเจ้าแผ่นดิน


ครั้งนั้นมะอะวิยากับมะระวานหะติมพากันหนีไปจากเมืองมะไดนา ไปตั้งเกลี้ยกล่อมอยู่ที่เมืองส่ำ ได้เปนใหญ่ในเมืองส่ำแล้ว ก็ยกทัพมารบกับอาลีที่เมืองมะไดนาถึง ๒๓ ครั้งก็ไม่ได้เมือง ภายหลังจึงคิดอุบายให้หญิงรูปงามไปล่อลวงอะปะตะระดาน ๆ เปนคนเลี้ยงม้าของอาลี อะปะตะระดานอยากได้หญิงรูปงาม ก็รับทำการแทนฆ่าอาลีเสียในสุเหร่า เมื่ออาลีเข้าไปทำละหมาด เมื่ออาลีถึงแก่กรรมนั้นครองเมืองมะไดนาได้ ๔ ปี กับ ๙ เดือน ครั้นมะอะวิยาได้เปนใหญ่ในเมืองส่ำ มีอำนาจมาก ตั้งให้มะระวานหะติมเปนเสนาบดีผู้ใหญ่ที่เมืองส่าน อิมัมมะฮูซันอิมัมมะฮูเซนที่น้องว่าราชการเมือง ม ะไดนาไม่ไปขึ้นต่อมะอะวิยา ครั้นมะอะวิยาถึงแก่กรรมแล้ว ยะหริษได้เปนเจ้าแผ่นดินในเมืองส่ำคิดจะฆ่าอิมัมมะฮูซันอิมัมมะฮูเซนเเสียด้วยความอาฆาฎ แต่ก่อนยะหริษไปขอนางไชนัน อิมัมมะฮูซันจึงไปขอเอามาเปนภริยาเสีย


ครั้งหนึ่งอุมัศจะให้นางซะระบานูเลือกผัว เป่าร้องเจ้านายแลขุนนางฝ่ายทหารพลเรือนแลบุตรเจ้าขุนนางเศรษฐีขึ้นมาเรียงตัวกันเปนลำดับ นางชะระบานูก็ไม่ชอบใจผู้ใด ครั้นมาอิมมัมะฮูเซนแลยะหริษมาถึงเข้า นางชะระบานูก็รักอิมัมมะฮูเซน เอาแหวนแลพลอยต่าง ๆ ขว้างสาดไปเปนสำคัญ ชาวประโคมก็ประโคมขึ้น ยะหริษเห็นดังนั้น ก็ขัดใจเปนข้ออาฆาฎกันมา แลนางชะระยานูนี้รูปงามนัก หญิงทั้งแผ่นดินอาหรับปะตานไม่มีใครเสมอ ถึงจะมีบุตรสักเท่าไรก็ดูไม่ชรา ยะหริษคิดจะฆ่าอิมัมมะฮูซัน อิมัมมะฮูเซนนั้นเสีย จึงแต่งให้คนลอบไปบนภรรยาน้อยอิมัมมะฮูซันชื่อนางยะดา ให้วางยาพิษอิมัมมะฮูซันเสีย การสำเร็จแล้วจะรับไปเลี้ยงเปนภรรยา แล้วอิมัมมะฮูเซนผู้เปนน้องก็ได้เปนใหญ่อยู่ในเมืองมะไดนา


ยะหริษจัดกองทัพจะมาตีเมืองมะไดนา จะชิงเอานางชะระบานูซึ่งเปนภรรยาอิมัมมะฮูเซน เห็นว่าอิมัมมะฮูเซนมีกำลังแข็งแรงมาก เมื่ออายุ ๗ ขอบฟันช้างสูง ๗ ศอกทีเดียวขาดลงเปน ๒ ท่อน เห็นกำลังพะลังเจ้าเซนมาก จะมาตีเอาเมืองก็เกรงอยู่ จึงมีหนังสือไปถึงอับดระสิยาศเจ้าเมืองกูฝ่า ให้ล่อลวงอิมัมมะฮูเซนออกไปเสียจากเมืองมะไดนาให้ได้ อับดระสิยาศเจ้าเมืองกูฝ่า จึงมีหนังสือไปถึงอิมมัมะฮูเซนใจความว่า ที่เมืองมะไดนาทแกล้วทหารแลเสบียงอาหารก็น้อย ถ้ายะหริษยกทัพใหญ่ไปจะสู้ไม่ได้ ขอเชิญเสด็จมาอยู่เมืองกูฝ่าเถิด ทหารก็มีถึง ๗๐๐๐๐ เสบียงอาหารก็บริบูรณ์ ถ้ายะหริษยกทัพมาก็พอจะต่อสู้ได้ อิมัมมะฮูเซนก็เชื่อ จึงอพยพครอบครัวของระสู่หลุ่นหล่าแลของบิดาของตัวออกจากเมืองมะไดนาไปถึงทุ่งกะตะบาลา ยะหริษแต่งให้อุไมสเอศไมสลุนเปนแม่ทัพมาสุ้มอยู่ ครั้นเห็นเจ้าเซนยกทัพมาถึงทุ่งกะตะบาลาแล้ว ก็เข้าล้อมไว้แน่นหนา ปิดธารน้ำเสียหมด แลกองทัพเมืองกูฝ่าก็ยกมาช่วยอุไมสเอศไมสลุนด้วย เจ้าเซนอดน้ำอยู่ถึง ๑๐ วัน ออกสู้รบจนตัวตายในล้อม แลศพนั้นเขาก็ตัดเอาศีรษะไปให้แก่พระยายะหริษ มือนั้นเขาก็ตัดเพียงข้อทิ้งไว้ริมตัวเหลืออยู่แต่ม้าวิ่งมาหาครอบครัว ๆ ๘๐๐ คน เขาก็กวาดต้อนเอาไปเมืองซามหมด แลนางชะระบานูพวกมะหรุ่มว่าขึ้นม้า ม้าพาเหาะหนีไปบนอากาศ พวกสุหนี่ว่าพระยายะหริษจะเอาเปนภรรยา นางชะระบานูไม่ยอมก็จำกรากกรำไว้


พอถัดนั้นมาพวกแขกเจ้าเซนก็มาถือว่า ไซดินาอาลีอิมัมมะฮูซันอิมัมมะฮูเซน เปนเจ้าแผ่นดินเปนนายเปนพระของตัว ครั้นเดือนมหรัมก็ถือวาเปนเดือนสะยิด คือเดือนสิ้นพระชนม์ของเจ้าเซน ก็ทำการฉลองคุณทั้งสามองค์ ประจานตัวเอาเลือดหัวออกบูชาเจ้านาย ตบอกร้องไห้แซ่งซักพวกศัตรู เต้นโลดไป ทำเปนมือเจ้าเซนแลเปนเครื่องอาวุธของเจ้าเซนขึ้นอยู่ปลายไม้ นับถือว่าเปนมือเปนเครื่องอาวุธของเจ้าเซน ทำสบัดขึ้นเปนที่ไว้มะยัศ คือศพแลเอาม้านั้นมาแห่ด้วย ทำดังนี้ถือว่ากตัญญูฉลองคุณเจ้าเซน


หมดฉบับเพียงนี้

เชิงอรรถ

อ้างอิง

เครื่องมือส่วนตัว