นิราศรับพัชนิ์
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == หมวดหมู่:วรรณคดีไทย [[หมวดหมู่…')
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == หมวดหมู่:วรรณคดีไทย [[หมวดหมู่…')
รุ่นปัจจุบันของ 03:15, 3 พฤศจิกายน 2553
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
ผู้แต่ง: พระครูพิจารณ์ศีลคุณ
บทประพันธ์
เดือนสิบเอ็ดเสร็จธุระพระพรรษา | |||
พุทธศกหกสิบสี่ปีระกา | เดือนธนวาขึ้นสี่ค่ำกำหนดจร | ||
ด้วยพระองค์ทรงเดชเกศสยาม | ทรงพระนามวชิราวุธมหิศร | ||
ทรงปรึกษากรมหมื่นพระชินวร ฯ | มีอักษรบอกหมายให้เรียกตัว | ||
บรรดาพระที่เป็นเจ้าคณะแขวง | ทุกตำแหน่งในนอกบอกรู้ทั่ว | ||
ไปรับตราตามที่มีหน้าที่ตัว | ต่างรู้ทั่วในประเทศเขตนคร | ||
ท่านเจ้าคุณเจ้าคณะเจ้าจังหวัด | ได้แจ้งจัดให้พระอ่ำนำอักษร | ||
ไปยังวัดจะทิ้งพระอันถาวร | ว่าให้จรรับพัชนิ์และบัตรา | ||
ไม่มีความเจ็บไข้ไปเป็นแน่ | เอาแก่แก่เขาไม่เอาอย่าเอาว่า | ||
ได้รับสาส์นอ่านจบตบอุรา | ด้วยระอาร่างกายร้ายโรครุม | ||
คิดอายุนับได้เจ็ดสิบสอง | ไม่ไวว่องเหมือนยังกำลังหนุ่ม | ||
เหลียวดูความเจ็บไข้ไม่กันกลุม | ถึงโรครุมร่างระยำต้องจำไป | ||
เดือนสิบสองแรมได้สิบสี่ค่ำ | ให้จัดลำนาวาลำหนึ่งใหญ่ | ||
บอกสานุศิษย์มิตรญาติที่ใกล้ไกล | ว่าจะไปกรุงเทพมหานคร | ||
ต่างต่างรู้ไรปัจจัยเอาไปให้ | ทั้งเจ้านายที่ศาลาสโมสร | ||
ไรปัจจัยให้จ้างทางรถจร | เสร็จแล้วผ่อนผันตรงลงนาวา | ||
ทั้งพระสงฆ์สานุศิษย์สนิทพร้อม | รุมกันล้อมเรียงรายทั้งซ้ายขวา | ||
ตะวันบ่ายให้เลื่อนเคลื่อนนาวา | ออกจากท่าหน้าวัดเร็วบัดใจ | ||
ออกจากวัดทัศนาดูอาวาส | ยิ่งอนาถนึกน่าน้ำตาไหล | ||
ด้วยที่กุฏิไม่มีใคร | เป็นผู้ใหญ่เกื้อชูดูร้ายดี | ||
ยังแต่พระหนุ่มหนุ่มกับสามเณร | ทั้งเช้าเพลขัดข้องจะหมองศรี | ||
ไม่เห็นใครผู้ใดที่ไหนมี | เฝ้าคอยที่ปฏิบัติตามอัชฌา | ||
ต่างองค์ต่างใคร่จะไปด้วย | ผลัดกันช่วยป่วยไข้ได้รักษา | ||
ปัจจัยมีไม่พอที่จะพา | แต่ที่มาเขาให้พอได้ไป | ||
ถึงโหนดรอบรอศาลาที่หน้าบ้าน | ต่างรู้กาลพร้อมหน้ามาไสว | ||
อีกชนชาวสถานบ้านศรีวิชัย | ไรปัจจัยไว้ได้ให้ฝากมา | ||
จากโหนดรอบแจวถ่อมารอพัก | ที่สำนักคูขุดหยุดศาลา | ||
รู้ครูจ้วนชวนชนรนเร็วมา | นั่งพูดจาใคร่ห้ามแต่ขามใจ | ||
ไรปัจจัยมาได้เอาให้บ้าง | ตามที่ทางปฏิบัติอัชฌาสัย | ||
เป็นกำลังเดินทางกลางรถไฟ | แล้วเลยไปดอนคันตะวันเวลา | ||
ขึ้นสำนักพักอาศัยในอาวาส | คณะญาติมาสู่ดูถ้วนหน้า | ||
บ้างก็เอาหมากพลูมาบูชา | บ้างจัดหาสิ่งของที่ต้องการ | ||
ครั้นรุ่งเช้าเล่าลาเจ้าอาวาส | บรรดาญาติมาถวายให้อาหาร | ||
ภัตกิจเสร็จสำเร็จการ | จากสถานลงเรือเหลืออาลัย | ||
โอ้ว่าวัดดอนคันสันคันธาวาส | เคยอยู่ญาติพร้อมหน้าอัชฌาสัย | ||
ขึ้นไปอยู่วัดจะทิ้งละทิ้งไว้ | ได้มอบให้พระอยู่ไม่สู้ทน | ||
ด้วยผู้เพียรเบียนมาเหมือนทางปลิง | ยิ่งปลิดทิ้งก็ยิ่งกัดคิดขัดสน | ||
ให้พระเหี้ยงมาอยู่ลองสู้ชน | จะทานทนได้บ้างหรืออย่างไร | ||
ปลูกโรงอุโบสถขึ้นหลังหนึ่งยังไม่แล้ว | มาคลาดแคล้วค้างคาเหลืออาลัย | ||
ถ้าผู้ทำอยู่หลังยังชั่วใจ | แต่ไม่ใครจะกล้าอาสาทำ | ||
ยังหลังคานิดหนึ่งที่จะแล้ว | มาคลาดแคล้วห่างผู้อุปถัมภ์ | ||
คิดขึ้นทีหนึ่งเล่าคนเจ้ากรรม | เที่ยวคิดทำก่อสร้างให้ร้างโรย | ||
คิดถึงญาติกาที่วัดจะทิ้ง ฯ | ทั้งชายหญิงจะคอยละห้อยโหย | ||
จะเศร้าสร้อยโศกถวิลให้ดิ้นโดย | ประกอบโกยกองกรรมระยำใจ | ||
คอยอยู่เถิดจะลาอย่าโศกไห้ | ไม่ช้าไปไวมาอย่าไฉน | ||
จงอยู่สุขสวัสดิ์อย่ามีภัย | อย่าข้องใจไปนี้ไม่กี่วัน | ||
แล้วจึงให้ชักใบขึ้นใส่รอก | นาวาออกจากที่ขมีขมัน | ||
พระพายพัดต้องใบแล่นไปพลัน | พอตะวันค่ำถึงวัดแหลมทราย | ||
อยู่ฝั่งฟากปากน้ำเมืองสงขลา | เจ้าวัดมานิมนต์ไปดังใจหมาย | ||
ขึ้นพักกุฏิใหม่ได้สบาย | ชนหญิงชายรู้เรื่องเนืองกันมา | ||
ต่างไต่ถามความไปแจ้งใจจบ | ต่างปรารภเป็นทุกข์ไม่สุขขา | ||
กลัวจะไปป่วยไข้ได้เวทนา | ด้วยชราร่างกายไม่บริบูรณ์ | ||
อยู่ถึงวันธันวา ฯ ขึ้นสี่ค่ำ | บ้างก็นำวัตถามาเกื้อหนุน | ||
อีกให้ค่ารถไฟอันไพบูลย์ | บ้างเกื้อกูลอาหารการกินไป | ||
ต่างตามส่งถึงที่สถานีรถ | ไปกันหมดพระเณรทั้งน้อยใหญ่ | ||
ฆราวาสกับพระที่พาไป | ขึ้นรถไฟอยู่ห้องที่สองงาม | ||
ยังสองคนขนของขึ้นใส่รถ | ขนขึ้นหมดเข้าอยู่ห้องที่สาม | ||
เสียค่ารถหมดกันทั้งสามตาม | ห้องที่สามสี่สิบบาทนั้นสองคน | ||
ห้องที่สี่คนหนึ่งสามสิบบาท | เสียเสร็จขาดเจ็ดสิบตามนุสนธ์ | ||
สงขลา - บางกอกน้อย ทางจรดล | ตีตั๋วหนเดียวได้ไม่รำคาญ | ||
พอรุ่งเจ็ดนาฬิการถสงขลาออก | ไปบางกอกข้ามเขตประเทศสถาน | ||
นายรถรีบถีบรถบทยาน | จากสถานสงขลาถึงสถานี | ||
ที่น้ำกระจายเจ็ดนาฬิกาเศษ | ตามสังเกตทางรถกำหนดที่ | ||
สองข้างทางสร้างสวนมะพร้าวมี | อ้วนงามดีพึงปลูกตกลูกลาย | ||
ยังคิดถางสร้างป่าต่อต่อไป | รอยเอาไฟเผาลนเหมือนปรนไร่ | ||
ความโลภะของมนุษย์สุดแรงร้าย | ไม่คิดกายว่าจะเหนื่อยเมื่อยกายา | ||
จากน้ำกระจายถึงสถานีบ้านควนหิน | เห็นเจ๊กจีนจับหมูยืนอยู่ท่า | ||
จ้างรถไฟทุกไปเป็นสินค้า | อนิจจาไม่คิดบาปปิดบัง | ||
แล้วเลื่อนรถเร็วมาอีกสถานี | น้ำน้อยอีกที่ดังใจหวัง | ||
เขาน้ำน้อยรอยแร่แม่เหล็กยัง | ขุดไปตั้งสูบเผาเอาตีชะแลง | ||
บ้างตีจอบตีพร้าพาไปขาย | ซื้อไปใช้ทุกตำบลทุกหนแห่ง | ||
ความโลภะของบุคคลนี้รนแรง | อุตส่าห์แสวงหาจะให้มี | ||
จากน้ำน้อยถึงชุมทางอู่ตะเภา | สิ้นเขตเขาระหว่างคีรีศรี | ||
คนเดินไขว่ไปมาที่สถานี | สถานที่เปลี่ยนรถปลดไปมา | ||
รถสงขลาสายหนึ่งไปไทรบุรี | สายหนึ่งรี่ไปทุ่งสงลงรอท่า | ||
รถชุมพรรับตอนไปไชยา | รถสงขลาเลยไรไปเมืองตรัง | ||
รถอู่ตะเภาสายหนึ่งไปปัตตานี | ออกเป็นสี่ทางแพรกแยกโดยหวัง | ||
รถสงขลาที่เลยไปเมืองตรัง | รุ่งขึ้นหวังกลับมาสงขลาเมือง | ||
จากอู่ตะเภามาหยุดที่หาดใหญ่ | ทั้งจีนไทยแขกฝรั่งเดินนั่งเนื่อง | ||
มีตลาดขายของเหมือนกลางเมือง | ไม่ขัดเคืองสินค้าสารพัน | ||
จากสถานีหาดใหญ่ไปบางกล่ำ | เห็นคนล่ามโคควายอยู่หลายหลั่น | ||
บ้างดำนาถอนกล้าอยู่เนืองนันต์ | กลางทุ่งนั้นแลไปไกลสุดตา | ||
สองริมฟากสวนหมากสวนมะพร้าว | ปลูกเรือนเหย้าเรียงรายทั้งซ้ายขวา | ||
ระหว่างบ้านตั้งวัดตามศรัทธา | ปลูกศาลาทอดสะพานชาวบ้านเดิน | ||
จากทุ่งนาเข้าป่าตามลำเนา | ทางขุดเขาเจาะเขาภูผาเผิน | ||
เขานั้นต่ำสูงเห็นพอเป็นเนิน | ผาทางเดินมาถึงบ้านควนเนียง | ||
หยุดให้คนขึ้นลงส่งฟืนน้ำ | ตีสามยามกลางงายยังไม่เที่ยง | ||
เอาฟืนน้ำใส่รอได้พอเพียง | เลยหลีกเลี่ยงถึงสถานบ้านหนองจีน | ||
เห็นจีนเทศตะพายผ้าเที่ยวค้าขาย | แพรผ้าด้วยเที่ยวค้าหาทรัพย์สิน | ||
ไม่มีเรือช้างม้าอาศันตีน | เที่ยวหากินตามลำบากคนยากจน | ||
ถึงหารเทาเห็นเขาตัดไม้ขาย | มากองไว้ริมทางข้างถนน | ||
การถากไม้ถากได้ไปทุกคน | เป็นตำบลขายไม้แต่ไรมา | ||
ถึงบางแก้วเห็นแต่แนวพฤกษาสูง | ไม่มีฝูงสัตว์สิงห์มหิงสา | ||
คิดถึงญาติทั้งหลายที่กายชรา | ถ้ารูว่าเราจรจะร้อนรน | ||
จะโศกไห้ครวญถึงคนึงหา | กว่ากลับมาคงละห้อยนั่งคอยหน | ||
นึกถึงหลานลูกน้องสองสามคน | จะทุกข์ทนคอยหาไม่ราวัน | ||
ถ้าทราบว่าเราไปคงไปด้วย | ค้ำชูช่วยกันไปในไพรสัณฑ์ | ||
ยังไม่รู้ว่าจะไปยังไกลครัน | ไม่กี่วันก็จะมาอย่าอาวรณ์ | ||
คิดการก่อพระเจดีย์ที่บางแก้ว | แตกมากแล้วมาปฏิสังขรณ์ | ||
ไม่เหลวไหลทำไว้เร็วรีบร้อน | สิบเดือนผ่อนได้เสร็จสำเร็จการ | ||
วันฉลองทักขิณาอภิวาท | เชิญพระธาตุให้มาประดิษฐาน | ||
เสร็จบูชากลับมาอยู่โรงงาน | ราตรีกาลดึกเงียบสงัดคน | ||
พระสงฆ์แสดงธรรมบนธรรมาสน์ | เห็นโอกาสขนพองสยองขน | ||
มากกเกาะอยู่บนยอดกรุงแก้วบน | ริมมณฑลกลมเท่าผลมะนาวควาย | ||
สำแดงแสงกลบแสงพระจันทร์เจ้า | แสงช่วงพราวดุจสีมณีฉาย | ||
เสด็จคล้อยลอยล่องละอองพราย | มาดับหายเสียบนโรงแสดงธรรม | ||
ต่างเห็นแสงแจ้งสิ้นก็ยินดี | ไม่เสียทีที่มาอุปถัมภ์ | ||
ขอเดชะผลบุญที่เคยทำ | มาเดินนำหน้าไปไวได้มา | ||
จากบางแก้วเลยไปเขาไชยสน | รอให้คนขึ้นลงตรงศาลา | ||
วันนั้นนัดจ่ายขายสินค้า | ต่างเอามาสารพันทุกอันมี | ||
อินทเนียร์เลื่อนรถออกจากเขา ฯ | ไปตามแนวแถวทางหว่างวิถี | ||
ที่ตรงนั้นไกลห่างทางสถานี | ถึงเรือนมีก็ไกลไปจากทาง | ||
เรียกว่าบ้านหารโพธิ์เจ็ดตำนาน | ที่ริมบ้านทุ่งนาป่าห่างห่าง | ||
ไม้ใหญ่อื่นหาไม่มีไม้ยาง | รอยคนถางเจาะเผาเอาน้ำมัน | ||
ถึงสถานีเขาคูหาสูง | เห็นคนจูงโคควายอยู่หลายหลั่น | ||
มีถนนสี่แพรกยักแยกกัน | แพรกหนึ่งนั้นทุ่งสงทางตรงไป | ||
แพรกพัทลุงเลยตรงไปเมืองตรัง | ริมทางตั้งเรือนบ้านสถานใหญ่ | ||
มุงกระเบื้องมุงจากมากเต็มไป | ปลูกโรงใหญ่ใส่ไม้ไว้ก่ายกอง | ||
มุงกระเบื้องซีเมนต์เป็นเรือนเสมียน | ไว้ที่เขียนรายจ่ายใช้สิ่งของ | ||
บ้างปลูกสร้างต่อเนื่องกันเนืองนอง | ขายสิ่งของทุกอย่างเหมือนกลางเมือง | ||
ถนนนั้นขุดดินขึ้นข้างหนึ่ง | เป็นคูตึงน้ำขังเหมือนอย่างเหมือง | ||
เรือขึ้นลงไปได้ไม่ขัดเคือง | มานองเนืองบ้างจอดทอดสมอ | ||
ริมสถานีสร้างโรงสีโรงหนึ่งใหญ่ | ใช้จักรไฟผัดผันหันผลอผลอ | ||
ข้าวเปลือกบ้านเรือนใกล้สีไม่พอ | ต้องทุกล้อเกวียนลากไปจากอื่น | ||
ริมถนนหนทางตั้งตลาด | ขายเชี่ยนขันน้ำมันกาสไม่ขัดขืน | ||
ขายลูกกระดุมตุ้มใส่ไว้ใช้ยืน | ขายของอื่นสารพันทุกอันมี | ||
สร้างรถม้าล้อเกวียนดูเดียรดาษ | ท้องตลาดกลางถนนคนขึ้นขี่ | ||
บนยอดเขาเล่าก็ก่อพระเจดีย์ | ยอดไม่มีสายฟ้าฟาดหักขาดไป | ||
โอ้ว่าคนศรัทธาเสาะหาผล | อุตส่าห์ทนทรมานก่อขึ้นได้ | ||
ขนอิฐปูนขึ้นลงประจงไว้ | กว่าจะได้สมคิดแทบปลิดปลง | ||
ท่านผู้ที่มีจิตคิดจงลุ | ขอสาธุโมทนาอานิสงส์ | ||
เสียดายฟ้าผ่ายอดให้หักลง | ถ้ายังคงเห็นจะงามตามที่ทำ | ||
ถ้าอยู่ใกล้ใคร่จะทำขึ้นตามเดิม | เข้าซ่อมเสริมช่วยชุบอุปถัมภ์ | ||
นี่อยู่ไกลสุดปัญญาจะมาทำ | มีแต่น้ำใจคิดอยู่นิดเดียว | ||
ดูข้างขวาเห็นคนทำนาไร่ | ดูข้างซ้ายเห็นเงาภูเขาเขียว | ||
บ้านใกล้ไกลไม้ไผ่กลายเป็นเรียว | สักประเดี๋ยวรถก็เดินดำเนินจร | ||
จากสถานีที่บ้านคูหาสวรรค์ | กลายกระชันช่องทางหว่างสิงขร | ||
ชื่อเขาอ้อต่อเนื่องเรื่องแต่ก่อน | ที่พักผ่อนคนมากินน้ำมัน | ||
ยังมีครูรู้มนต์อยู่คนหนึ่ง | รู้ลึกซึ้งมนต์เวทย์วิเศษขยัน | ||
สิ้นชีวิตสอนศิษย์ไว้ติดพัน | เศกน้ำมันได้เหมือนครูรู้มนต์ดี | ||
มีตำราสร้างสำหรับกับอาวาส | ใครฉลาดเป็นครูอยู่วัดนี้ | ||
ต้องสนใจไปตามตำรามี | จนได้ดีเหมือนครูรู้เรียนมา | ||
ถึงสถานีปากคลองกลางท้องทุ่ง | ดูสุดมุ่งนาไร่ทั้งซ้ายขวา | ||
ถนนรถจดทางกลางทุ่งนา | คนถอนกล้าปักดำยังทำอยู่ | ||
ถึงสถานีที่สถานบ้านโตนด | ไม่สิ้นโสดทุ่งนาป่าจุดหนู | ||
คนเดินจูงโคดวายอยู่ชายคู | หาหอยปูช้อนกุ้งกลางทุ่งนา | ||
ถึงสถานีที่บ้านบางนางหลง | คนขึ้นลงเปลี่ยนปลดจากรถา | ||
แล้วก็เลยล่วงทางไปกลางนา | ถึงสถานท่าเสม็ดพอเที่ยงตรง | ||
หยุดอยู่นานจัดการเอาฟืนน้ำ | ได้ครบตามที่ของต้องประสงค์ | ||
แล้วเลื่อนรถเลยทางวางเข้าดง | เป็นป่าพงห่างห่างหนทางจร | ||
ดินเป็นทรายคล้ายศาลาไม้ร้อย | ต้นสนสร้อยริมทางสล้างสลอน | ||
ก่อกะทุทิ้งทวดชวดแชะช้อน | ทรายขาวอ่อนดูเพลินเจริญตา | ||
ถึงบ้านตูพูลสวัสดิ์เห็นวัดบ้าน | ใกล้สถานสถานีมีศาลา | ||
คนแน่นนั่งตั้งของขายสินค้า | หมากพลูยาขนมต้มผลส้มโอ | ||
ถึงสถานีชุมทางเขาชุมทอง | คนขายของข้าวปลามากอักโข | ||
ขายน้ำตาลน้ำส้มขนมโค | ขายแตงโมมะม่วงปรางต่างต่างพรรณ | ||
สถานีนี้เป็รสถานีใหญ่ | หยุดรถไฟปลดเปลี่ยนอยู่เหียนหัน | ||
สายหนึ่งไปนคร ฯ ผ่อนคนครัน | สายหนึ่งนั้นทุ่งสงตรงเดินไป | ||
คนที่ลงปลงของลงสิ้นหมด | แล้วเลื่อนรถจากที่สถานีใหญ่ | ||
คราทีนั้นหนทางเข้ากลางไพร | เป็นป่าใหญ่เขาไม้อยู่รายเรียง | ||
เขาชุมทองสองเขากับเขากัง | เสียงนกดังร่ำร้องกึกก้องเสียง | ||
เครือมลิวัลย์เถาวัลย์เปรียง | ตะวันเอียงถึงสถานีร่อนพิบูลย์ | ||
รอให้คนขึ้นลงส่งข้างของ | ช่างไวว่องเก็บไว้ไม่ให้สูญ | ||
คนขึ้นขึ้นใหม่ไปอเนกนูน | คนตระกูลเช่าห้องที่สองนอน | ||
เดินรถจากสถานีร่อนพิบูลย์ | ดับอาดูรเดินทางหว่างสิงขร | ||
เขาทมึนสูงเยี่ยมเทียมอัมพร | เมฆหมอกจรจดจอดยอดคีรี | ||
หมอกน้ำค้างเช้าเช้าดูขาวปลอด | ขึ้นห่อหุ้มคลุมยอดคีรีศรี | ||
เขาไปตรังข้างเราก็ยังมี | ไม่สูงเท่าเขานี้ที่เห็นมา | ||
ถึงช่องเขาเรานั่งไม่ทันรู้ | รถจรจู่เข้าปล่องช่องคูหา | ||
สักอึดใจไปไวไม่ได้ช้า | ลอดคูหาเปลวปล่องช่องคีรินทร์ | ||
เค็กไฟฟ้าขึ้นสว่างไว้กลางรถ | ดูเห็นหมดรอยเจาะและก่อหิน | ||
ปูนซีเมนต์ผูกกำชับไว้กับดิน | ไม่ให้หินข้างบนหล่นลงมา | ||
เสาสายโยชน์ยังมีอยู่สี่เสา | เห็นเป็นเงาในปล่องช่องคูหา | ||
ทั้งสองข้างกว่าจะถึงที่เจาะมา | รอยขุดผาปราบปลงลงไปครัน | ||
จากช่องเขามาถึงที่สถานีเล่า | เรียกช่องเขาสถานีที่ตรงนั่น | ||
คนอยู่เฝ้าปลูกมะพร้าวปลายเป็นควัน | ปลูกลูกจันทร์กาแฟและกรามพลู | ||
ใช้คนจ้างถางป่าไปอีกเล่า | นานคงเข้าดูไปไกลหายหู | ||
ทางแห่งหนึ่งถึงเหวเป็นเปลวคู | เมื่อแลดูปลายไม้อยู่ใต้ทาง | ||
รถรีบเร็จจากปากเหวเข้าป่ากล้วย | ต้นสวยสวยเหมือนแกล้งแต่งปลูกสร้าง | ||
ดูเหมือนบ้านอยู่ใกล้ริมชายทาง | ที่จริงห่างไกลสถานที่บ้านคน | ||
พ้นแต่นั้นถึงป่าไม้ไผ่ผาก | สุดจะมากอยู่ข้างทางถนน | ||
ดูเหมือนรั้วริมบ้านสถานคน | ริมถนนเป็นป่าพนาเนิน | ||
รถก็ล่วงเลยออกไปนอกเขา | พ้นลำเนาแนวป่าภูผาเผิน | ||
มองสุดมุ่งทุ่งนาดูน่าเพลิน | รถเลยเดินมุ่งมาถึงสถานี | ||
ถึงทุ่งสงเวลาคนขึ้นตาล | รอรถนานคนขนของเสียงอึงมี่ | ||
ทั้งจีนจามพรามหมณ์แขกเทศไทยมี | ลงหยุดที่นอนนั่นตะวันเวลา | ||
รถนั้นเลยไปค่ำที่เมืองตรัง | รถอื่นยังรับต่อไปข้างหน้า | ||
รถไปตรังรุ่งเช้าเล่ากลับมา | ไปสงขลาใกล้เที่ยงสุริยัน | ||
หยุดถามหาขุนศรี ฯ กับนายช่วย | รู้เรื่องด้วยเร็วมาหาที่นั่น | ||
ครั้นถึงถามธุระที่มานั้น | แจ้งจาบัลย์คำค่ำรอนรอน | ||
นิมนต์ไปอาศัยวัดโคกหม้อ | ก็เพียงพอสำนักหยุดพักผ่อน | ||
ท่านคณะเจ้าวัดจัดที่นอน | หาสาดหมอนปูลาดสะอาดดี | ||
เคยรู้จักกันเมื่อรับเสด็จ | เมื่อเดือนเจ็ดปีเถาะต่อมานี้ | ||
คิดประสมสิ้นเสร็จได้เจ็ดปี | ท่านรู้ดีรู้จักออกทักทา | ||
ค่ำเข้านั่งพูดทางปฏิบัติ | ในศีลสัตย์แสนโสมนัสสา | ||
ดึกสงัดเข้าในที่ศรีไสยยา | จนเวลารุ่งลาศราตรี | ||
ในวัดนั้นสร้างรถม้าเอาไว้ใช้ | ท่านได้ให้เด็กวัดเป็นสารถี | ||
ผูกรถม้าพาไปส่งสถานี | เจ้าขุนศรีจัดให้อาหารไป | ||
ต่างขึ้นรถที่จะไปกรุงสยาม | ทั้งจีนพราหมณ์ชายหญิงวิ่งไสว | ||
ขึ้นสู่รถหมดกันในทันใด | เลื่อนรถไฟจากที่สถานีพลัน | ||
เมื่อยามเช้าเจ็ดนาฬิกาเศษ | ตามสังเกตรถไฟรีบผายผัน | ||
เลื่อนเลยไปในป่าพนาวัลย์ | ใกล้กระชั้นถึงสถานีที่คลองจัง | ||
มีคลองท่านาไร่อยู่หลายบ้าน | ปลูกเรือนร้านมากมายอยู่หลายหลัง | ||
ที่สร้างสวนหมากมะพร้าวเล่าก็ยัง | บ้างพึ่งตั้งบ้านใหม่ไปเรียงราย | ||
รถออกจากสถานีเลยรี่รา | ไปริมป่าไม้ไผ่ผากมากใจหาย | ||
รอยคนฟันบันเล่นเสียเรี่ยราย | ไม่มีไม้อื่นมาเข้าปะปน | ||
ถึงคลองกุยสถานีที่รอรถ | คนเปลี่ยนปลดเลยทางมากลางหน | ||
ถึงสถานีจันดีที่เปลี่ยวคน | แต่ก่อนคนอาศัยไม่ไกลทาง | ||
เมื่ออายุสามสิบปีแรมนิราศ | ไปพระบาทที่เกาะเมืองถลาง | ||
ปีระกาเช่นกันวันแรมร้าง | อยู่ริมทางเลยไปไม่แรมรอ | ||
จากจันดีเลยไปในไพรสณฑ์ | ไกลบ้านคนปล่อยสปริงรถวิ่งผลอ | ||
เร่งรีบรถเร็วไวไปต่อต่อ | ถึงทานพอหยุดพักสักอึดใจ | ||
คนขึ้นลงแล้วไปในดงดอน | ริมทางจรยิงไม่สิ้นป่าไม้ไผ่ | ||
นับได้สี่สถานีที่มาไกล | มากกระไรพ้นที่จะนาระพรรณ | ||
ถึงสถานีที่กระเบียดคลองสถาน | บ้านนาสานที่ขมีขมัน | ||
ถึงเขาพลูบ้านเขาควายบ่ายครัน | พ้นแต่นั้นถึงสุราษฎร์สถานี | ||
เป็นคลองใหญ่ปลายน้ำคลองบ้านดอน | รอรถผ่อนเติมน้ำฟืนที่นี่ | ||
ฟืนกระไรกองไว้มากมายมี | ห่างจากนี่ไกลไปได้สิบวา | ||
เขาสีนไม้ไว้สั้นสักกึ่งศอก | แล้วผ่าออกจัดสูงขึ้นเพียงหน้า | ||
ดับสี่แถวแนวเรียงเคียงกันมา | ดูด้านหน้าดับทำเหมือนกำแพง | ||
ที่ทุ่งสงจัดลงไว้เหมือนกัน | ไม้ฟืนนั้นตามสถานีมีทุกแห่ง | ||
ยังจ้างคนให้ตัดคิดจัดแจง | ทุกหนแห่งดับไว้ไม่ขาดทาง | ||
อีกแห่งหนึ่งปลูกโรงสามห้องใหญ่ | เฉียงฟืนใส่เหมือนข้าวเขาใส่ฉาง | ||
ดับถึงแปไม่แลที่ระวาง | อยู่ริมทางที่รถบทจร | ||
สุราษฎร์ธานีมีแม่น้ำ | เรือจ้างข้ามคนลงดูสลอน | ||
ตั้งเรือนเรียงริมท่าชายสาคร | เห็นซับซ้อนดูไปไกลสุดตา | ||
เรือนมุงกระเบื้องปูนซีเมนต์เห็นดารดาษ | ตั้งตลาดเรียงรายทั้งซ้ายขวา | ||
ขายส้มสูกลูกไม้มีนานา | ขายแพรผ้าของดีมีทุกพรรณ | ||
ขายน้ำแข็งแทงใส่ไว้ในชาม | เด็กซื้อน้ำโซดามาให้ฉัน | ||
ครั้นรถไฟใส่ฟืนสำเร็จพลัน | รีบเร็วผันมุ่งมาข้ามสะพาน | ||
เมื่อจะข้ามคลองขวางที่กว้างใหญ่ | เร่งจักรไฟแรงกำแหงหาญ | ||
เสียงหวีดหวีบรีบรถบทยาน | ข้ามสะพานเร็วพลันทันพริบตา | ||
คลองบ้านดอนใหญ่กว้างน้ำลึกล้ำ | สะพานข้ามเสาปักมากนักหนา | ||
กระดานปูเหล็กขึงมั่นตรึงตรา | กระดานหนาไม้แก่นแสนจะดี | ||
ริมสะพานผ่านทำตารางกั้น | เกรงจักรหันเหหกตกจากที่ | ||
รถข้ามคลองเข้าป่าพนาลี | ถึงสถานีหัวเตยเลยล่วงจร | ||
ถึงท่าเตยสถานีที่รอรถ | เลยพ้นหมดไปทางหว่างสิงขร | ||
ถึงท่าฉางไชยาสถาวร | รอรถผ่อนผันให้คนขึ้นลง | ||
ที่ไชยาทุ่งนาป่าโหนดแน่น | นับหมื่นแสนแลแลระเริงหลง | ||
เหมือนกับทุ่งจะทิ้งพระเป็นป่าดง | ทางท่าตรงทุ่งนาก็เหมือนกัน | ||
ทิศตะวันตกไชยามีป่าเขา | จะทิ้งเราเป็นทะเลเสียเท่านั้น | ||
บ้านเขามีต้นไม้มากมายพรรณ | ต้นอินจันหมากมะพร้าวเป็นเล่าลาย | ||
หมายจะหยุดเยี่ยมญาติของโยมหญิง | นึกประวิงเกลือกไม่สมอารมณ์หมาย | ||
ด้วยพี่น้องของแม่แต่ล้วนตาย | ทั้งพี่หญิงน้องชายไม่สักคน | ||
ยังแต่ลูกหลินหลานนานนานปะ | จะสืบหายังเห็นไม่เป็นผล | ||
ถ้าลูกเองยังมีอยู่สักคน | ถึงมาจนจะตามสืบถามไว้ | ||
ลูกเติบใหญ่ไปมาได้อาศัย | จะสืบไว้ให้ใครเมื่อหาไม่ | ||
เราเกิดมาคนเดียวเปล่าเปลี่ยวกาย | ชีวาวายตายแล้วก็แล้วกัน | ||
คิดสละละญาติอนาถนิ่ง | นึกโยมหญิงเสียน้ำใจอยู่ไหวหวั่น | ||
โอ้กรรมเอยกรรมมากพลัดพรากกัน | สิ้นชีวันไม่ได้มาพบหน้าเลย | ||
สั่งเอาไว้ให้มาหาจนพบ | มันหมดจบสิ้นโอมแล้วโยมเหย | ||
ที่สั่งไว้อย่าได้น้อยน้ำใจเลย | ฉันไม่เคยพบญาติแล้วชาตินี้ | ||
แรกกำลังยังหนุ่มไม่ได้มา | จนชราร่างกายใกล้เป็นผี | ||
ถ้าเมื่อหนุ่มยังกำลังดี | คงจะมีน้าป้าอยู่สักคน | ||
นี้ตายสิ้นยังแต่ลูกเหลนหลาน | คิดขี้คร้านสืบเห็นไม่เป็นผล | ||
แม้นสืบไว้ได้รู้อยู่มากคน | ไม่เห็นผลลึกซึ้งไปถึงไหน | ||
โอ้คิดมาสารพัดจะตัดขาด | จะตัดญาติตัดมิตรคิดไม่ไหว | ||
ตัดแล้วยังหวังห่วงหนักหน่างใจ | เหลืออาลัยที่จะตัดให้พลัดกัน | ||
อย่าว่าอะไรที่อยู่จะทิ้งพระ | คิดสละสานุศิษย์คิดเท่านั้น | ||
ลูกผู้อื่นไม่ใช่พวกพงศ์พันธุ์ | แต่เท่านั้นยังละไม่ได้เทียว | ||
มาครั้งนี้คิดจะหนีไปอยู่อื่น | แล้วกลับคืนคิดไปหัวใจเหี่ยว | ||
ถึงอยู่มากไม่ดนเสียคนเดียว | จะเปล่าเปลี่ยวเปลี่ยวใจให้อาวรณ์ | ||
นายรถเลื่อนรถจากสถานี | ไม่เร็วรี่รีบพลันไวผันผ่อน | ||
พ้นป่าตาลทุ่งนาเข้าป่าดอน | รถเร็วจรถึงบ้านหนองหวายไว | ||
ถึงควนธูปคันธุลีสถานีละแม | เลยพ้นแต่นั้นถึงบ้านขนานใหญ่ | ||
บ้านขนานเก้าล่วงเถาว์เข้าป่าไป | เข้าป่าไสรอยไร่เขาร้างนาน | ||
จากสถานีขนานบ้านเก่าใหม่ | เร็วบัดใจหลังสวนล้วนสถาน | ||
นับสถานีแต่จากที่ทุ่งสงนาน | ได้ประมาณยี่สิบสามนามสถานี | ||
หลังสวนนี้มีศิษย์ชื่อจีนหิ้น | เที่ยวหากินเรื่อซัดพลัดจากที่ | ||
เขาขึ้นอยู่ที่บ้านหลังสวนนี้ | นายหลายปีไปที่วัดใจศรัทธา | ||
เอาฉากฝ่าพระบาทไปถวาย | หวังจะได้เป็นญาติพระศาสนา | ||
บอกว่าอยู่หลังสวนแล้วไหว้ลา | ไปนานช้านับกว่ายี่สิบปี | ||
คิดสืบหาไม่ที่จะได้ถามใคร | รถเลยไปล่วงทางหว่างวิถี | ||
ถึงตะโกเขาบีบรีบทันที | ถึงสวี วิสัย ไปทุ่งคา | ||
เจ็ดสถานีที่จะถึงบ้านแสงแดด | นับเป็นแปดชุมพรจรข้างหน้า | ||
รถไปถึงชุมพรพอสนธยา | หยุดรถหาสำนักที่พักพล | ||
นับสามสิบสถานีถึงชุมพร | รอพักผ่อนสิ้นทางที่เดินหน | ||
หยุดโรงจีนไม่ดีมีมากคน | ผู้หญิงปนแขกไทยไม่สบาย | ||
จึงไปนอนสำนักพักรถไฟ | ที่นอนในสองแห่งแพงใจหาย | ||
มีมุ้งม่านเบาะหมอนที่นอนนาย | ต้องเสียให้สี่บาทนอนสองคน | ||
นอนที่ต่ำคนหนึ่งเสียหนึ่งบาท | เสียเสร็จขาดห้าบาทโดยนุสนธ์ | ||
ในห้องนั้นสบายไม่มีคน | ไม่ขัดสนน้ำท่าก็ย่อมยัง | ||
ที่อาบน้ำนั้นปูเหล็กวิลาศ | มีขอพาดผ้าตามอารมณ์หวัง | ||
ที่ถ่ายอุจจาระปัสสาวะก็ย่อมยัง | ที่ไขขังน้ำกินก็ย่อมมี | ||
กระจกใหญ่ปิดไว้ที่ชายฝา | เค็กไฟฟ้ารุ่งสว่างกระจ่างศรี | ||
ชามรองน้ำล้างหน้าก็ย่อมมี | มีเก้าอี้ที่นั่งข้างที่นอน | ||
ดึกสงัดจำวัดครั้นรุ่งเช้า | เด็กซื้อข้าวใส่ชั้นแล้วผันผ่อน | ||
ขึ้นรถไฟไปเหมือนกับวันก่อนก่อน | จากชุมพรถึงสถานีนาชะอัง | ||
ไปสะหลี บ้านสน มาปลีกสถาน | ถึงห้วนสักบางสะพานดังใจหวัง | ||
บางตะพานนั้นแน่แร่ทองยัง | รถหยุดยั้งเอาน้ำและฟืนลง | ||
จากบางตะพานผ่านไปนาผักขวง | บ้านกุดล่วงเลยไปในป่าระหง | ||
มีนกไม้หลายหลากมากในดง | ออกพุ่งตรงถึงทับสะแกพลัน | ||
ไปทุ่งประดู่ห้วยยางข้างคีรินทร์ | ถึงหนองหินไปประจวบคีรีขันธ์ | ||
รถหยุดเที่ยงทีหนึ่งเพราะกึ่งวัน | ถึงเขาขั้นกระไดดังใจจง | ||
เห็นเขาสูงสองข้างเหมือนถางไร่ | ไม่มีไม้แลลานระเริงหลง | ||
เห็นแต่งอกหย่อมหญ้าเป็นป่าพง | น่าขึ้นลงเดินเล่นเห็นสบาย | ||
ต้นไม้มีอยู่บ้างเห็นห่างห่าง | จะว่าคนถางทำไร่ก็ไม่ใช่ | ||
กับคนอยู่ทางไกลไปเป็นงาย | การถางไร่ได้ใครแต่ไรมา | ||
ถึงบ่อนอกทางรถขึ้นออกแท้ | ขึ้นไปแค่ริมทะเลคลื่นฉ่าวฉ่า | ||
เห็นน้ำเชี่ยวเกลียวคลื่นกลางชลา | มองนาวาแล่นไปในกลางชล | ||
เห็นเกาะหลักเหมือนเขาปักไว้กลางน้ำ | ดูสวยงามกลางทะเลระเหระหน | ||
ริมทะเลแลเห็นเป็นบ้านคน | มีต้นสนมะพร้าวเป็นเหล่าราย | ||
ดินตรงนั้นเหมือนดินริมระวะ | ไม่มีหญ้าเหมือนแกล้งแต่งกากถ่าย | ||
ดินอ่อนเข้าระคนปนดินทราย | งอกแค่ไม้ทิ้งทวดกับเสม็ดชุน | ||
เห็นเขาหนึ่งอยู่ริมทะเลแค่ | เมื่อแลเห็นหินสีหมุนหมุน | ||
คล้ายกับเขาเกาะห้าเอามาปุน | รถก็หมุนจักรเฉยเลยแล่นไป | ||
ถึงคลองกุยสัมปทานสามร้อยยอด | เลยตลอดหนองค้างห้วยขวางใหญ่ | ||
ถึงสถานีเมืองปราณบานฤทัย | เมืองกว้างใหญ่สุดมุ่งกลางทุ่งนา | ||
มีวัดวาอาวาสสะอาดสะอ้าน | ปลูกเรือนร้านมุงจากมากนักหนา | ||
ตั้งตลาดเรียงรายจ่ายสินค้า | แพรไหมผ้าสารพันทุกอันมี | ||
ถึงวังพงก์ตรงนี้ที่กำหนด | ระยะรถงานหยุดแต่เพียงนี่ | ||
รถหยุดตามระยะสถานี | รถที่ขี่เลยข้ามสถานีไป | ||
ถ้าธุระมากมากหยุดพักบ้าง | หยุดห่างห่างตามที่สถานีใหญ่ | ||
เอาฟืนน้ำตามเติมใส่รถไฟ | แล้วเลยไปหนองแกระยะมา | ||
ถึงหัวหินบ่อฝ้ายห้วยทรายอ่อน | บางควายนอนนาชะอำน้ำถึงตา | ||
นี่ชื่อหนองตะพดกำหนดมา | ถึงหนอกจอกศาลาให้รอรถ | ||
ให้คนลงแล้วไปหนองไม้เหลือง | เขาทะโมนเนืองเนืองตามกำหนด | ||
ถึงห้วยเสือสถานีที่รอรถ | เลยไปจดเมืองเพชรบุรี | ||
ดูเห็นคนเกี่ยวข้าวในนาคล่ำ | นาที่ทำทุ้งกว้างขวางกว่านี้ | ||
กับทุ่งระโนดกว้างขวางเหมือนกันมี | ดินนาดีข้าวอ้วนน่าควรทำ | ||
ทั้งซ้ายขวาดูไปไกลสุดมุ่ง | ในท้องทุ่งดูสนุกปลูกขนำ | ||
ฝนพลัดตกเดือนหกแรงลงทำ | เดือนแปดดำเดือนอ้ายสุกทุกถ้วนนา | ||
เขาไม่เก็บทีละรวงเหมือนข้างเรา | เขาเกี่ยวเอากองไว้เสมอหน้า | ||
เป็นหย่อมหย่อมล้อมเต็มทั้งทุ่งนา | ไม่ทราบว่าจะทำเป็นอย่างไร | ||
เลื่อนรถออกจากที่นั้นถึงบางจาก | คนลงมากขึ้นมาหนองปลาไหล | ||
ถึงบ้านน้อยคลองประดู่เขาเล่าไว้ | แล้วเลยไปบ้านปากท่อบ่อตะกร้อ | ||
ตะวันบ่ายนายรถปลดปล่อยสปริง | รถไววิ่งจักรผันหันผรอผรอ | ||
เลยไปบ้านคูบัวไม่รั้งรอ | ล่วงเลยต่อถึงราชบุรีเมือง | ||
ริมภูเขาเขาสร้างเป็นอาวาส | ก่อพระบาทไว้บนเขาเขาเล่าเรื่อง | ||
จำลองมาจากพระบาทบางกอกเมือง | ได้รุ่งเรืองธานีที่บูชา | ||
ถึงบ้านกล้วยกล้วยมากมีสล้าง | สองข้างทางแลรายทั้งซ้ายขวา | ||
ไม่มีลูกปลูกเต็มตามทุ่งนา | เห็นเป็นป่าไปสุดลูกตาแล | ||
รถหยุดบ้านเจ็ดเสมียนเปลี่ยนขึ้นลง | รถหยุดส่งคนไปบ้านไกลแต่ | ||
ถึงสถานีโพธารามตามหัวแจ | วัดอยู่แค่ริมข้างทางรถเดิน | ||
ไปถึงหนองตาคดนครชุม | บ้านโป่งปุ่มสถานีวิถีเถิน | ||
หนองปลาดุกบางตาลบ้านมากเมิน | รถก็เดินถึงสถานีโพรงมะเดื่อ | ||
ไม้ไผ่หนามตามทางสองข้างรถ | เกินกำหนดหลายหลากมีมากเหลือ | ||
ปล้องสั้นสั้นหนามนั้นมากเหลือเฟือ | จากโพรงมะเดื่อถึงบ้านสนามจันทน์ | ||
รถเลยไปไวถึงนครปฐม | ที่นิยมพระเจดีย์มีที่นั่น | ||
ดูรุ่งเรืองส่งศรีฉวีวรรณ | สูงใหญ่ครันแก่เก่าไม่ร้าวราน | ||
อยู่กลางทุ่งรุ่งโรจน์สันโดดเด่น | เดินดูเห็นแต่ไปไกลสถาน | ||
สูงเทียมนกเขาเหินเกินทะยาน | พระยาพาลก่อสร้างไว้ล้างกรรม | ||
ฆ่าพ่อตายเมื่อขึ้นต่อคอช้างรบ | รู้ปรารภหาผู้อุปถัมภ์ | ||
องค์พระโมคคัลลีบุตรเธอแนะนำ | จะแก้กรรมพแคลายไม่สิ้นดี | ||
ก่อสถูปสูงเท่านกเขาเหิน | แล้วให้เชิญบรมธาตุชินสีห์ | ||
ประจุใส่ไว้ในพระเจดีย์ | ต่อหนึ่งที่บาปเบาบรรเทาคลาย | ||
พระยาพาลทำได้ดังจำนง | ก่อเป็นองค์พระเจดีย์นี้ขึ้นได้ | ||
เสาะพระธาตุได้มาบรรจุไว้ | ไว้ที่ได้บูชานมัสการ | ||
ครั้งสมเด็จพระหน่อบรมนาถ | เสด็จประพาสสนามจันทน์อันวิตถาร | ||
ปราสาทยังครั้งเมืองปฐมนาน | แตกร้าวรานทรงแต่งขึ้นมั่นคง | ||
ก่ออื่นแอบเข้าสองยอดประสาท | งามโอภาสแลเหลืองเรืองระหง | ||
มาประทับฝึกหัดจัตุรงค์ | เมื่อยังทรงเยาวภามาเลือนเลือน | ||
ในคืนหนึ่งบนยอดพระเจดีย์ | ส่งแสงสีจะว่าไฟก็ไม่เหมือน | ||
สีเขียวแดงแสงสว่างถึงกลางเรือน | พระทรงเอื้อนโอษฐ์อรรถตรัสแสงใด | ||
เขาทูลว่าพระธาตุปาฏิหาริย์ | โปรดประทานให้เห็นเป็นนิสสัย | ||
ท้องร้อยคนพันคนหมื่นคนไป | อยากจะได้ปรากฏทศนา | ||
พระองค์เห็นเช่นนี้เป็นบุญลาภ | จะได้ปราบศัตรูไปในเบื้องหน้า | ||
เป็นจอมเมืองเรืองฤทธิ์อิศรา | เทวดาจะช่วยอำนวยพร | ||
ทรงสดับรับสารเสนาะโสต | แสนปราโมทย์ภิญโญสโมสร | ||
เสร็จประทับสนามจันทน์อันบวร | แล้วกลับจรย้อนหลังยังนครา | ||
รถก็เดินจากที่นครปฐม | ต่างชี้ชมนกไม้ปลายพฤกษา | ||
เสียงคุ่มเขากาเหว่าร้องก้องวันนา | โกกิลากาลิงและคลิ้งโคลง | ||
นกกระทาท้าขันสนั่นอึง | รถก็ถึงสถานีที่ต้นโหรง | ||
ถึงบ้านแฉล้มเลยมาตามหน้าโรง | บ่ายสี่โมงถึงบ้านเขมนพลัน | ||
เป็นที่รถหยุดเอาฟืนน้ำ | แล้วเลยลามทันทีขมีขมัน | ||
ถึงงิ้วรายคลองสวัสดิ์วัดสุวรรณ | พ้นจากนั้นถึงบ้านศาลายา | ||
ถึงศาลาธรรมศพพอพลบค่ำ | เค็กไฟฉ่ำขึ้นสว่างกลางรถา | ||
ถึงบ้านฉิมพลีรถลีลา | เลยล่วงมาถึงบ้านตลิ่งชัน | ||
พอตีหนึ่งรถถึงบางกอกน้อย | คนปล่อยรถลงส่งที่นั้น | ||
พวกจีนเทศไทยมีอยู่นี่นัน | ยื้อแย่งกันรับจ้างขนของลง | ||
หมู่มันมากบ้างลากของไปซ่อน | ดูไขว่ว่อนดูหน้าจะไหลหลง | ||
ไม่อุตส่าห์ระวังไว้ให้มั่นคง | พลั่งเผลอลงสูญหายได้มันไป | ||
เราสามคนขนของลงกองตั้ง | คนหนึ่งนั่งอยู่เฝ้าไม่ไปไหน | ||
คนหนึ่งยังระวังบนรถไฟ | คนหนึ่งไปขนของวิ่งขึ้นลง | ||
ที่หน้าท่าไฟฟ้าแสงสว่าง | ลงเรือจ้างขนของต้องประสงค์ | ||
เรือจ้างรับเร็วไวไปโดยตรง | เรือจ้างส่งถึงวัดสามพระยา | ||
ขึ้นไปนั่งยังที่กุฎีนอก | พระบางกอกมานั่งอยู่ถ้วนหน้า | ||
พูดบางกอกออกแอสแนสนา | แลเห็นหน้าพระชุมกลุ้มกันไป | ||
นั่งล้อมหน้าล้อมหลังพลางไต่ถาม | ตามเรื่องความที่มาเหตุไฉน | ||
พระชุมบอกสิ้นความตามเรื่องไป | ต่างทราบในเรื่องสิ้นแสนยินดี | ||
บ้างไปจัดปัดกวาดปูสาดหมอน | ที่นั่งนอนหมอนตั้งไว้ข้างที่ | ||
จุดโคมยามตามไฟในทันที | จัดหาที่เชี่ยนขันและปั้นชา | ||
พระพรรษาอ่อนนั้นสนิทเหมือนศิษย์สอน | ไม่เกี่ยงงอนเกลียดขึ้งคิดหึงสา | ||
ด้วยพระชุมอยู่วัดนั้นแต่นานมา | พระสงขลาเพื่อนมีอยู่มากองค์ | ||
พระจะนะและพระวัดชะแล้ | วัดชะแมก็ยังดังจำนง | ||
พระบางกอกก็มีไม่กี่องค์ | พระนอกกรุงมาอยู่อีกมากมาย | ||
บ้างพูดยอว่าพ่อท่านพอมาถึง | เราได้พึ่งบรรเทาพอหนาวหาย | ||
ที่จริงหนาวตั้งแต่ต้นเดือนอ้าย | ไม่ห่มหายหนาวกล้าจนหมาร้อง | ||
เมื่อวานซืนคืนหลังยังหนาวกล้า | พอถึงมาหนาวหายได้คลายหมอง | ||
เหมือนหนึ่งมาพาหนาวไปทิ้งคลอง | ละอายอองปลิวปลายลายน้ำไป | ||
ชรอยบุญบารมีเจดีย์บางแก้ว | ที่แจ้งแจ้วให้เห็นเป็นนิสัย | ||
มาบันดาลหนาวร้ายให้หายไป | ชาวเวียงไชยได้พอคลายเวทนา | ||
รุ่งขึ้นชาวเมืองมาปฏิบัติ | ไม่ขาดขัดการบุญชะภักษา | ||
ตะวันบ่ายโมงครึ่งถึงเวลา | เข้าไปหาพระวุฒิที่หน้าวัง | ||
พาพระชุมไปด้วยได้ช่วยพูด | พบพระวุฒินิมนต์นั่งดังใจหวัง | ||
พูดไต่ถามความไปบอกให้ฟัง | นำไปนั่งกับท่านอธิบดี | ||
ถามพรรษาอายุได้เท่าไร | ตอบว่าอายุได้เจ็บสิบเอ็ดเข้าปีนี่ | ||
บวชได้นานพรรษาห้าสิบปี | ถามที่ท่านวัดโพธิใยไม่มา | ||
ส่งหนังสือที่ท่านเจ้าคุณฝากไปให้ | รับไปได้อ่านฟังสิ้นกังขา | ||
ท่านแก่แล้วใยทำไมมา | ตอบเขาว่าหาเหตุผลให้ไม่พอ | ||
ครั้นไปมาไม่มีความเจ็บไข้ | คิดบิดไพล่ไม่มาเขาว่าฉ้อ | ||
อธิบดีได้ฟังนั่งหัวร่อ | แล้วถามต่อไปตามรูปความมี | ||
เมื่อยังหนุ่มได้มาบ้างไหมเล่า | ตอบว่าเปล่าได้มาหนเดียวนี่ | ||
เขาตอบว่าท่านมาในครานี้ | เมื่อคืนหลังจะได้กลับไปเล่าเขา | ||
ส่งหนังสือที่เจ้าคุณฝากไปให้ | รับไปได้อ่านฟังสิ้นกังขา | ||
ของดีดีมีมากในเมืองเรา | จะได้เล่าความสบายให้เขาฟัง | ||
สิบสามค่ำบ่ายสามโมงนิมนต์มา | รับพัดตราชื่อนามตามรับสั่ง | ||
ในหลวงถวายพัดในราชวัง | ยังที่นั่งอัมรินทร์สิ้นทุกองค์ | ||
เจ็ดสิบรูปทุกเมืองนิมนต์มา | รับพัดตราชื่อนามตามประสงค์ | ||
ท่านอาศัยวัดไหนบอกให้ตรง | ตอบว่าองค์อาตมามาหยุดใน | ||
ในวัดสามพระยาริมท่าน้ำ | เรือจ้างข้ามให้มาได้อาศัย | ||
พระสงขลามาอยู่มากไม่ยากใจ | เขาก็ได้ปรนนิบัติไม่ขัดเคือง | ||
แล้วก็ลากลับมาอาวาสสถาน | เจ้าคุณญาณท่านพระครูครั้นรู้เรื่อง | ||
ต่างดีใจว่าได้ไปบางกอกเมือง | ไปนั่งเนื่องพร้อมญาติไม่ขาดวัน | ||
ครั้นรุ่งขึ้นไปเฝ้าพระสังฆราช | ในวัดราชบพิธอันมหันต์ | ||
เอาเทียนแพไปถวายดอกไม้กัน | ไปวันนั้นพร้อมพระเจ็ดแปดองค์ | ||
ผ้าห่มดองครองสังฆะติพาด | ประคตคาดถวายของต้องประสงค์ | ||
พระแก่ ๆ ก็มีอยู่มากองค์ | แรกคิดคงว่าแก่มีแต่เรา | ||
คิดว่าพระหนุ่ม ๆ จะรุมเยาะ | ด้วยไม่เหมาะเพราะร่างกายไม่เหมือนเขา | ||
เห็นพระแก่ยังคลายค่อยบ่ายเบา | สิ้นความเศร้ากราบลามาประชุม | ||
ที่เจ้าคุณพรหมมุนีวัดสุทัศน์ | ปฏิบัติเทียนแพทั้งแก่หนุ่ม | ||
ท่านถามความปฏิบัติพูดรัดกุม | การห่มคลุมห่มดองครองผ้าไตร | ||
ห่มซ้ายแหวกแกวกมือถืออุ้มบาตร | เห็นเหลือขาดตกลงที่ตรงไหน | ||
ห่มเคลียวขวาบ่าตะพายบาตรเข้าไป | เขาไม่ใส่ข้าวให้ได้หรือเปล่า | ||
ถ้ากลับมาไม่ได้อะไรฉัน | คราทีนั้นต้องเปลี่ยนให้เหมือนเขา | ||
เมื่อยังได้ดีอุดมใยงมเงา | ทำตามเขาคิดว่างามให้คนยอ | ||
ไม่ทำตามอุปัชฌาย์นุ่งห่มให้ | คิดทำได้ไม่กลัวเพื่อนหัวร่อ | ||
อุปัชฌาย์ห่มให้ไม่ชอบพอ | ทำเผลอผลอพลิ้วไพล่ไม่คิดคุณ | ||
ไม่คิดเห็นว่าขาดอุปนิสสัย | เที่ยวทำไขว่เคลียวซ้ายให้เฉียวฉุน | ||
เมื่อเราไม่เคลียวซ้ายยังได้บุญ | เที่ยวทำวุ่นไปใยให้ป่วยการ | ||
อุตส่าห์เรียนธรรมวินัยไปดีกว่า | ฉันคิดว่าคงเห็นเป็นแก่นสาร | ||
ถืออย่างเดียวอย่ารักคิดหักราน | ตรองแต่การบาปกรรมอย่าทำไป | ||
ถึงไม่ได้นิพพานในชาตินี้ | คงจะมีการอุปนิสัย | ||
แม้นตายแล้วเกิดเล่าเบื้องหน้าไป | คงจะได้พบพระอย่ากังวล | ||
สวรรค์นิพพานไม่อยู่ที่ห่มผ้า | อย่าเที่ยวคว้าไม่เห็นว่าเป็นผล | ||
ห่มอย่างไรครั้นใจยังวุ่นวน | คงไม่พ้นจากภัยในอบาย | ||
ต่างฟังสอนอ่อนเศียรน้อมคำนับ | กราบลากลับต่างไปดังใจหมาย | ||
พอเวลาสายัณห์ตะวันบ่าย | เลยไปไหว้ศพพระยาวชิรญาณ ฯ | ||
องค์พระมหาสมณะอันอุดม | วัดบรมนิเวศน์นิวาสสถาน | ||
ตั้งธูปเทียนดอกไม้นมัสการ | ได้ดูอ่านกระดานป้ายใกล้โกฏทอง | ||
ในตัวป้ายว่าให้ไรปัจจัย | ตามที่ในเขตดินสิ้นทั้งผอง | ||
เป็นเจ้าหมู่เจ้าคณะใต้ฝ่าละออง | ใครบุญปองปรารถนาบูชาคุณ | ||
คิดจัดแจงปัจจัยเอาไปให้ | ได้ใช้จ่ายชดเจือก่อเกื้อหนุน | ||
ถวายพระในทางบังสุกุล | ให้แก่คุณที่ท่านบอกออกให้เรียน | ||
อุตส่าห์ส่งลงพิมพ์ออกไปให้ | ได้อ่านง่ายไม่พักยากลำบากเขียน | ||
ทั้งข้างไทยฝ่ายอังกฤษคริสเตียน | อุตส่าห์เพียรจงจิตรไม่คิดกาย | ||
ที่ลึกนักชักออกมาให้ตื้น | ทุกวันคืนพากเพียรให้เรียนง่าย | ||
ไม่ถือตนว่าองค์ท่านเป็นนาย | จนพระกายซูบผอมเพราะตรอมคิด | ||
ท่านหมายแม่นแทนองค์พระศาสดา | จึงอุตส่าห์อดนอนสั่งสอนศิษย์ | ||
คิดก่อสร้างทางไหนท่านไม่คิด | ประจงจิตรคิดแก่แต่แปลธรรม์ | ||
ควรหมู่เราชาวคณะพระทั้งหลาย | อย่าเสียดายปลงจิตรคิดจัดสรร | ||
ออกปัจจัยตามได้จะให้ปัน | ไม่เสกสรรค์เสแสร้งแกล้งบังคับ | ||
ตามถนัดศรัทธาจะออกให้ | รวมไปไว้เจ้าหมวดตรวจเสร็จสรรพ | ||
ส่งคณะเจ้าจังหวัดจัดคนรับ | ธนาณัติส่งไปทางไปรษณีย์ | ||
คณะกลางสงขลาไรได้แปดร้อย | จะทิ้งน้อยร้อยหนึ่งไม่ถึงที่ | ||
ได้แปดสิบสามบาทขาดเต็มที | ด้วยแขวงที่นั้นจนทุกคนไป | ||
เจ้าคณะสองคณะส่งมาไว้ | ลงดานป้ายไว้เห็นเป็นนิสสัย | ||
คณะพระธรรมยุติทั้งนอกใน | รวมปัจจัยหกพันแปดร้อยมี | ||
มหานิกายได้หมื่นสองพันเศษ | จดหมายเหตุลงป้ายได้เพียงนี้ | ||
ไม่ว่าแขวงจะทิ้งพระหรือแขวงแห่งใดมี | บอกแต่ที่สองคณะไว้เท่านั้น | ||
ดูโกฏทองของหลวงที่ใส่ศพ | ประดับครบงามเลิศดูเฉิดฉัน | ||
ดูแพรวพรายแก้วแกมแนมสุวรรณ | ลายกุดั่นดอกกระเด็นเห็นเรืองรอง | ||
ยอดเหมเห็นเป็นเสมือนยอดมงกุฏ | ที่ยอดสุดสวมแก้วแววขาวผ่อง | ||
ดอกสท้านก้านสุวรรณอันเรืองรอง | สุวรรณกรองเครื่องห้อยย้อยระย้า | ||
ที่ตั้งศพมณฑปประดับขั้น | เป็นชั้น ๆ แลเลิศอันเลขา | ||
มีฮากบังตั้งช่องทวารา | ใบระกากาบก้านกาญจน์มณี | ||
นภอัดแอบแทบเท้าจมูกสิงห์ | ลายก้านกิ่งเครือลัดดาวลีศรี | ||
สลับดอกกุหลาบรับกับมณี | ส่งแสงศรีพรายแพรวดังแก้วดาว | ||
เพดานตัดประดับเดือนดาวแก้ว | เพริศแพร้วรัศมีสีเหลืองขาว | ||
การเวกรูปสุวรรณอันแพรวพราว | ประดับดาวเดือนแก้วแววระยับ | ||
จงกลกาบอุบลรับผ้าพานช้าง | ตีนเตียงตั้งประดับมุขสุกสีสลับ | ||
ที่สวดศพโต๊ะตั้งห่างประดับ | เก้าอี้รับนับสี่เก้าอี้ราย | ||
ที่พระนั่งบังสุกุลปูพรมอวด | ประกอบลวดที่ต่ำตั้งเก้าอี้หวาย | ||
ที่หน้าศพโสภาปูผ้าลาย | ที่ถวายธูปเทียนเขียนเบญจรงค์ | ||
ฉัตรสุวรรณปักชั้นบังพนักนับ | เรียงระดับชั้นละสี่คู่ดูระหง | ||
ที่ริมรอบสี่ด้านมีม่านวง | ปั้นรูปหงส์ครฑอัดปักฉัตรเทียน | ||
ชามเชิงใส่ลูกไม้ดูก่ายกอง | ที่ชั้นช่องห้องไม้ลวดลายเขียน | ||
แลแต่ล้วนโสภาศีรษะเวียน | ถวายเทียนดอกไม้แล้วไหว้ลา | ||
ในเมื่อวันเข้าไปไหว้ไม่มีใคร | ที่จะได้รู้จักออกทักหา | ||
ยังแต่สองคนนั่งทรมา | จวนเวลาเลยออกนอกประตู | ||
ขึ้นรถเจ๊กชักไวไปตามถนน | รีบร้อนรนเร็วไวไปส่งสู่ | ||
ณ วัดสามพระยาที่มาอยู่ | สานุศิษย์รู้ไปนั่งในกลางคืน | ||
ถามถึงญาติและมิตรที่อยู่หลัง | บอกสบายให้ฟังน้ำใจชื่น | ||
ประสกพระไปหาทุกค่ำคืน | พระวัดอื่นใกล้ไกลรู้ไปมา | ||
ไม่ทราบว่ามาจากแต่วัดไหน | สุดแท้แต่ที่ไปจากสงขลา | ||
อีกพระเส้งวัดโพธิ์รู้เรื่องมา | พระมหาหัวกะถินได้ยินไป | ||
พระนุ้ยเป็นสามเณรไปแต่วัด | ครบปียัติได้สองพรรษาใหม่ | ||
ทั้งพระก่ำวัดหงส์ประจงใจ | รู้เรื่องไปไปหาทุกอาราม | ||
ครูธรรมาธิการกับนายเปรื่อง | ครั้นรู้เรื่องไปหาพูดจาถาม | ||
ถึงญาติมิตรบิตุรงค์พวกพงษ์นาม | ก็เล่าความอยู่สบายให้เขาฟัง | ||
หนูกลับฝากผ้าไปให้นายเปรื่อง | ได้รับเรื่องทราบสมอารมณ์หวัง | ||
พระยาวิโชติอยู่ใกล้ได้ยินฟัง | ออกคำสั่งยกสำรับให้ทุกวัน | ||
ใบบอกที่เป็นพระยาปฤกษภิรมย์ | รู้ชื่นชมไปนิมนต์มาให้ฉัน | ||
นั่งพูดจาสนทนาสารพัน | ครั้นเสร็จฉันแล้วถวายให้ปัจจัย | ||
สิบสองบาทปรารถนาให้ค่ารถ | ที่จรจดบรรจงไปส่งให้ | ||
ถึงเวลาที่จะกลับทับทวนไป | เธอก็ให้รถพามาส่งวัด | ||
รุ่งขึ้นเข้าไปโรงพยาบาล | คิดอ่านจะใส่ฟันนั้นขืนขัด | ||
เขาว่าอยู่ไปสักเดือนจึงได้จัด | เห็นขืนขัดกลับมาหาพระยาภิรมย์ | ||
ไปนั่งท่าบ้านเจ้าพระยายมราช | ช่างแคล้วคลาดนั่งพินิจคิดปรารมย์ | ||
สักประเดี๋ยวไม่ช้าพระยาภิรมย์ | เดินกั้นร่มมาเห็นก็ยินดี | ||
ลดร่มกลดถอดเกือกออกตั้งไว้ | แล้วเบี่ยงบ่ายเข้านั่งยังเก้าอี้ | ||
ถามถึงคนอยู่กันแต่ก่อนมี | ตอบทันทีว่าตายบ้างก็ยัง | ||
ได้สดับทราบสิ้นอนุสนธิ์ | แล้วนิมนต์ไปเรือนเหมือนใจหวัง | ||
เรียกแม่ชื่นภรรยาออกมานั่ง | แล้วก็สั่งคนใช้ต้มน้ำชา | ||
เอาผ้านุ่งกับแมลงตาห้าสิบให้ | รับมาได้สรวลสันต์ให้หรรษา | ||
(ต้นฉบับขาดเพียงเท่านี้) | |||