นิราศบ้านแหลม

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == {{เรียงลำดับ|นิราศบานหลแม}} [[หมวด…')

รุ่นปัจจุบันของ 16:11, 5 ตุลาคม 2553

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: นายพิน

เป็นนิราศบอกเล่าการเดินทางจากบ้านแหลมไปยังบางสะพาน (ในเรื่องว่าบังตะพาน) แต่เนื้อความสิ้นสุดลงเพียงสามร้อยยอด ไม่ทราบว่าแต่งไม่จบหรือต้นฉบับสูญหาย ในเนื้อความไม่ได้ระบุเวลาที่แต่ง

บทประพันธ์

๏ นิ      รารักหักจิตต์ให้โหยหวน
ราศ      จากนุชฉวีนวลเสน่ห์หนิ้ว
บ้าน      เคยเกิดกามกวนกอดกก แก้วเฮย
แหลม      กว่าวนดูดดิ้วฤดีดิ้นถวิลทวี ฯ
             
๏ นิราศน้องคลองบ้านแหลมแรมสถาน
สู่ประเทศถึงกระทั่งบังตะพานเวลาประมาณสองยามพอน้ำลง
พร้อมต้นหนคนื้ายบ่ายนาเวศจากประเทศล่องน้ำตามประสงค์
เสียงน้ำจิตต์คิดขอให้คืนคงลาอนงค์นวลลอองนิ่มน้องนาง
จงอยู่ดีเจริญศรีสุขสวัสดิ์อย่าข้องขัดราคินมลทินหมาง
อาลัยน้องตรองตรึกรำลึกพลางเรือยิ่งห่างใจยิ่งเหี่ยวเปลี่ยวฤทัย
เห็นภูมิถานบ้านช่องสองฟากฝั่งยิ่งหล่อหลั่งชลนาน้ำตาไหล
สะท้อนถอนอ่อนรันทดสลดใจแต่นี้ไปเป็นวิบากจากสบาย
โอ้ชตาอาภัพอัปประภาคไม่อยากจากจำไกลพาใจหาย
เคยคลึงเคล้าเช้าเย็นไม่เว้นวายแสนเสียดายดูอื่นไม่ชื่นตา
คนึงน้องล่องน้ำข้ามคุ้งวัดยกสองหัตถ์ขึ้นประนมก้มเกศา
ชวลิตจิตต์คำรพนบวันทาวิหารมหาเขตต์ขอบรอบอาราม
ขอพระเดชเกศมงกุฎวิสุทธิแก้วอันเลิศแล้วเฉลิมลบภพทั้งสาม
คุณบิดรมารดาเมตตาตามช่วยหักห้ามป้องกันสรรพภัย
พอเรือเลี้ยวแหลมคุ้งสดุ้งวาบตัวแมงสาบบินถลามาแต่ไหน
ถูกที่อกตกตายแล้วหายไปให้หวั่นใจคิดวนฉงนงง
พิเคราะห์ความตามนิมิตรอุทิศหมายจะดีร้ายหน้าหลังหวังประสงค์
ขอพระรัตนมิ่งอันยิ่งยงยอดมิ่งมงคลคุ้มประชุมมา
โปรดระงับดับร้ายให้หายเหตุเป็นปิ่นเกศปกปักช่วยรักษา
น้องที่อยู่ผู้ที่ไปในนาวาทั้งตัวข้าขออย่ามีราคีพาน
ให้ไปดีมาดีศรีสวัสดิ์สารพัดลาภผลดลสถาน
ต้องจากสวาทขาดชมไปนมนานขอคืนบ้านเคียงคู่อยู่กับนวล
พอเรือเลยเกยเลนแหลมปากอ่าวพระพายผ่าวพัดฮือกระพือหวน
ที่ฝั่งตื้นคลื่นลั่นเสียงครั่นครวญน้ำก็ป่วนเรือปั่นเที่ยวหันแปร
เอาแจวซ้ำค้ำท้ายบ่ายไม่ออกข้างท้ายบอกหัวให้ค้ำลำไม่เห
ต้องจำอยู่สู้หนาวแอบอ่าวชะเลให้ว้าเหว่เวิ้งว้างเมื่อกลางคืน
จะเหลียวแลซ้ายขวาดูหน้าหลังเห็นแต่รังรั้วเรียงกับเสียงคลื่น
ทั้งสองฟากซ้ายขวาล้วนป่าฟืนข้างบนดื่นดาวดาษสะอาดดวง
ข้างพื้นล่างพร่างแพรกระแสสินธุ์ตลอดสิ้นสุดคะเนชะเลหลวง
เอนกคณาปลาปูอยู่ทั้งปวงเห็นมากดวงไต้แดงนึกแคลงใจ
จึงถามเขาเหล่าพวกที่มาเพื่อนว่าบ้านเรือนที่โน่นมีหรือที่ไหน
ดูดื่นดวงช่วงแดงด้วยแสงไฟกระแสใสเสียงผู้หญิงเที่ยววิ่งวง
คนเข้าใจในวิธีเขาชี้บอกกลับตะคอกขู่ให้ว่าใหลหลง
พวกจับรังฝั่งเรือกเอาเฝือกวงพอน้ำลงจับปลาได้พาไป
เที่ยวซื้อขายจ่ายแจกแลกขนมไปแกงต้มปิ้งจี่ตามวิสัย
เขาหากินถิ่นที่ตมถมทั่วไปแต่พอได้เลี้ยงชีวาประสาจน
ได้ทราบแจ้งแหนงจิตต์คิดสละวิจารณะตรองเห็นไม่เป็นผล
นิยมหยาบบาปกรรมจะนำตนไปทุกข์ทนทางทุเรศเวทนา
เป็นทั้งนี้ที่แท้แน่หนักหนอให้เกิดก่อความประมาทในศาสนา
บาลีธรรมคำพระว่าอวิชชาเป็นผู้พาสัตว์ให้วนทรมาน
เป็นสัตว์มนุษย์สุดเลิศประเสริฐสัตว์สารพัดทำได้หลายสถาน
แต่ปลาว่ายมาในสายนทีธารประกอบการจับปลาพาไปกิน
เอาไม้รวกทำหลักปักเป็นรั้วเป็นแถวทั่วเรียงรายในสายสินธุ์
รั้วรวกห่างหว่างหลักปันปักดินเหมือนนกบินกางปีกฉลีกลม
มีก้นถุงวุ้งแว้งฉะเวิกวากทำเป็นปากปิดปิดสนิทสนม
เป็นที่ปูชูก้ามในน้ำตมตั้งนิยมบัดพลีพะลีการ
ขนานนามตามสำเนียกเรียกเป็นโป๊ะจะลวงโละปลากินในถิ่นถาน
สงสารปลาต้องมาติดนิจกาลเที่ยวซมซานเซอะเซิงละเลิงมา
กระทบรั้วกลัวนักไม่ยักรู้ก็พาหมู่พวกพ้องเพื่อนมัจฉา
เข้าก้นบึ้งถึงกระทั่งที่ขังปลาเพราะปัญญาไม่รู้ข้อเขาล่อลวง
เวลาเย็นเห็นเขาพากันมาเฝ้านั่งนอนเนาพยายามคอยห้ามหวง
เช้าอวนล้อมอ้อมชักขึ้นตักตวงปลาทั้งปวงโดดดิ้นดับสิ้นปราณ
โอ้สารพัดสัตว์เกิดมาลุ่มหลงเที่ยวเวียนวงอยู่ในวัฏสงสาร
ไม่ยืดยืนอยู่ยังจิรังนานทรมานมากำเนิดเกิดแล้วตาย
แต่ตัวเราเขลาเมือนคนพิกลจริตครั้นหวนคิดขึ้นมาได้โอ้ใจหาย
จะซูบผอมตรอมอุระไม่สบายร้างรสสายสวาทร้อนอาวรณ์ใจ
โอ้บ้านแหลมแหลมจริงยิ่งกว่าเข็มมาตำเต็มเจ็บอุราน้ำตาไหล
อกระบมตรมตรึกนึกเมื่อใดมาเจ็บใจด้วยไม่ชังเสียบ้างเลย
นั่งรำจวนป่วนจิตต์คิดถึงน้องหนาวลอองวิรุณพรมลมระเหย
เอนระงับทับที่หมอนยกกรเกยละลาเลยอาลัยตรองถึงน้องนาง
แม้นเปลี่ยนใจไปสถิตในจิตต์น้องแม่คุณของพี่จะแจ้งแห่งเรียมหมาง
จะเห็นจริงสิ่งที่ครวญถึงนวลนางจะเห็นทางที่ไม่อยากจะจากเลย
ถ้าเหาะเหินเดินโดยโพยมได้พี่จะไปร่วมเรียงเคียงเขนย
อนาถนึกตรึกตรมอยากชมเชยจนหลับเลยลงกับที่ค่อยมีแรง
พอน้ำขึ้นตื่นตาผวาลุกร้องเรียกปลุกคนข้างท้ายจวนฉายแสง
ก็เร่งลุกรีบรัดขึ้นจัดแจงได้ลมแรงแล่นเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยมา
โอ้ป่านนี้ศรีเสาวลักษณล้วนจะคร่ำครวญนึกถึงคำนึงหา
จะแลเหลียวก็จะเปลี่ยวจะเปล่าตาคงโสกาซบเศร้าเงียบเหงาใจ
พี่อยู้ด้วยน้องได้พี่ไม่จากแสนวิบากกรรมกรมทำไฉน
ต้องจำเข็ญเป็นจรสท้อนใจตัดอาลัยจากน้องพี่ต้องลา
ขอทวยไทยเทพท้าวเทพารักษ์สิทธิศักดิ์เรืองฤทธิ์ทั่วทิศา
มารับพรวอนไหว้วันทนาฝากสุดาเดียวด้วยเชิญช่วยดู
ให้อยู่เย็นเป็นสุขศรีสวัสดิ์ไม่ข้องขัดจะพะลีทั้งหมีหมู
ขอเทพทั่วอุปถัมภ์ได้ค้ำชูช่วยดอดดูดวงเนตรเวทนา ฯ
๏ เรือกระทั่งบางหูใส่หัวใจเสียวชำเลืองเหลียวแลหลังดูฝั่งฝา
เห็นบ้านเรือนเกลื่อนกลาดดาษดาที่วัดวารกร้างอยู่อย่างไร
ไม่มีคนปรนนิบัติสันทัดเที่ยงสงฆ์จึงเลี่ยงหลีกล่าไม่อาศรัย
ธรรมดาว่าพระสงฆ์ทุกองค์ไปอยู่ที่ไหนผาสุกชอบชุกชุม
นี่กระไรใจจิตต์คิดสละไม่พึ่งพระเพลินไปทางแต่สร้างสุม
อกุศลผลที่ทำจะร่ำรุมกรรมจะกุมเกาะกายให้ว่ายวน
โอ้นึกวินิจแล้วก็คิดถึงนวลน้องมีแต่ปองสมสร้างทางกุศล
ประพฤติศีลาทานุวัตรสัจสวดมนต์บำเพ็ญผลแผ่บุญกรุณา
ไม่ฆ่าสัตว์ติดชีวิตคิดสมเพชหมั่นฟังเทศน์ทางโอวาทพระศาสนา
แม่งามสำรวยสวยสำอางมาห่างตาพี่โหยหาอยากให้เห็นไม่เว้นวาย
โอ้ป่านนี้ยุพยงอนงนาฏเคยลินลาศไปเสาะซื้อสิ่งของขาย
ลงเรือเล็กเด็กด้วยช่วยกันพายเที่ยวจับจ่ายสารพันสิ่งอันมี
ทั้งมังสาปลาทูหมูกล้วยส้มขนุนขนมถมไปในวิถี
ถ้าพบของท้องตลาดรสชาติดีมาฝากพี่ตั้งไว้มิได้วาย
เรือครรไลไกลบ้านมานานช้าพระสุริยาส่องนภางค์กระจ่างฉาย
ร้อนแสงแดดแผดกล้าหน่วยตาพรายเรือถึงท้ายบ้านมากปากชะเล
ลมไม่แรงแคลงโคลงสายโยงขย้อนในก้านหย่อนแกว่งกวัดตะปัดตะเป๋
ละลอกต้องคล่องแคล่งเหมือนแกว่งเปลตุหรัดตุเหร่ลอยเลื่อนเคลื่อนเคลื่อนคลา
พี่ยืนยลบนบ้านสถานถิ่นชำเลดินบ้านนี้ดีหนักหนา
บริบูรณ์พูลเกิดหอยปูปลาจีนไทยพากันมาอยู่ดูสบาย
นิยมหยาบบาปกรรมจำใจสู้เลี้ยงล้วนหมูเป็ดไก่เอาไข่ขาย
ชนิดเราเนาไม่ได้ไม่สบายถึงไร้ร้ายทรัพย์สินไม่ยินดี
ด้วยจะมาฆ่าสัตว์ตัดชีวิตถึงสิ้นคิดขัดลงเป็นคงหนี
จะพาน้องของฉันขยันดีไปทำที่ไร่นากว่าจะตาย
โอ้ป่านฉนี้ยุพเยาว์เสาวภาคย์ธุระมากนฤมลแม่ขวนขวาย
จะนิ่งอยู่ดูไม่ได้ไม่สบายเรียกหญิงชายบ่าวทาสประกาศการ
ให้ทำโน่นทำนี่เที่ยวชี้บอกข้างในนอกวุ่นวายหลายสถาน
จนสำเร็จเสร็จวินิจในกิจการแสนสงสารสายสุดใจพี่ไม่วาย ฯ
๏ ครั้นนาวามาถึงบ้านบางแก้วเห็นแต่แนวเนินป่าพฤกษาหลาย
แล่นข้ามอ่าวก้าวออกนอกสบายเห็นขาวทรายบนหาดสะอาดตา
เรียกบางแก้วแก้วจะมีอยู่ที่ไหนเที่ยวแลในท้องชะเลพระเวหา
ถ้ามีแก้วแวววับคงจับตานี่ไม่ปรากฏมีที่แห่งใด
มาตั้งนามตามบ้านบูราณเรียกหรือสำเนียกกำหนดมีอยู่ที่ไหน
อยากถามผู้รู้เล่าให้เข้าใจไม่มีใครชี้เช่นไม่เห็นจริง
เห็นเขาเรียกเรียกนามตามเรียกนั้นโอ้นึกขวัญดวงเนตรแก้วเกศหญิง
พี่รักน้องปองรักสมัครจริงรักสุดสิ่งรักแล้วเกินแก้วตา
โอ้ป่านฉนี้ศรีสวัสดิ์กำดัดโฉมจะทุกข์โทมนัสทะเวศถึงเชษฐา
ด้วยพี่พรากจากครรไลมาไกลตาไม่รู้ว่าร้อนเย็นเป็นอย่างไร
เวลานี้พี่กับน้องสองไสยาสน์ไม่เคยขาดเคียงชิดพิสมัย
สำราญรมย์สมสองแห่งห้องในโอ้สายใจจะว้าเหว่อยู่เอกา ฯ
๏ ถึงแหลมพะเนินเกินบางแก้วมาแล้วหนอเกิดกกกอต้นแสมแลนักหนา
เป็นพงพืชยืดหยั่งฝั่งชลาแหลมมีป่าต้นโพทะเลราย
พฤกษาสูงยูงยางหามีไม่เป็นแหลมใหญ่คนผู้หมู่มากหลาย
เที่ยวจับหอยหาปูอยู่สบายไม่เอือมอายเวรกรรมจะนำคน
แต่ว่ายากหากจะเห็นว่าเป็นโทษหาประโยชน์อื่นไม่อวยอำนวยผล
มิอาจล่วงหลักลุปุถุชนเพราะความจนจึงจำทำบาปกรรมเวร
สังเวชจิตคิดถึงตัวมากมัวหมองไม่รักน้องปองจิตคิดบวชเถร
ประพฤติธรรมคำพระสละเวรไม่โอนเอนกอบกับกายจนตายเลย
นี่สุดจิตคิดจะไกลใจไม่จากแบกวิบากอกอานิจจาเอ๋ย
ไม่สมประกอบชอบได้ชื่นคืนชวดเชยนั่งนึกเสวยทุกข์วิโยคเศร้าโศกโซ
ถึงยากเย็นขอให้เห็นวันละหนที่ร้อนรนก็จะชื่นขึ้นอักโข
เฝ้าคิดถึงคนึงในใจเรโรแทบเผ่นโผลงชลาให้ปลากิน
โอ้ป่านนี้นิ่มนุชสุดสวาทเคยลีลาศลงท่าชลาสินธุ์
ชำระล้างกายสกลหมดมลทินทาขมิ้นขัดสีฉวีวรรณ
แล้วเข้าห้องส่องกระจกหวีศกสางให้สำอางเอี่ยมดีห่มศรีสรรพ์
ทั้งสองปรางปรุงแฉล้มแต้มอำพันดังผลจันทน์หอมโอชาชวนน่ากิน
แต่โหยหวนครวญคร่ำร่ำถึงน้องเรือแล่นล่องฝืนฝ่าชลาสินธุ์
เกลือกละลอกลอกมาในวารินถึงที่ถิ่นแหลมผักเบี้ยยังเสียใจ
บางบ้านนี้เขาว่ามีทับทิมมากให้นึกอยากรสร่ำทำไฉน
ครั้นจะหยุดนาวาช้าทีไปเรือเดินได้ลมดีดูมิควร
ถึงอยากนั่นอยากนี่พี่อดได้เหลืออดใจที่จะห้ามความสงวน
อยากให้น้องของพี่นั่งยียวนอยากไม่ควรแค่นคิดอยากวิบากครัน
โอ้ปานฉนี้วรนุชสุดถนอมจะทุกข์ตรอมใจวิโยคเฝ้าโศกศัลย์
ด้วยพี่กับเจ้าเช้าเย็นเคยเห็นกันมาทิ้งขวัญเนตรน้องอยู่แต่ผู้เดียว
เคยปรึกษาปราศรัยได้ดับทุกข์มาสิ้นสุขเสียไม่มีที่จะเหลียว
สงสารแสนสายสมรแม่นอนเดียวคงแห้งเหี่ยวโหยหาพี่ทุกวี่วัน
ฉงนฉะแง้แลรอบขอบค้นเขตร์ถิ่นประเทศฝั่งฝาเวหาสวรรค์
จวนจะดับลับแสงพระสุริยันคัดท้ายหันเหหัวด้วยกลัวลม ฯ
๏ แล่นแฉลบแอบถึงฝั่งบางทะลุพอมีพยุทอดสมอก็พอสม
ควรแก่กาลถานที่อับเข้าลับลมหยุดนิยมกินนอนผ่อนสบาย
แต่ตัวเรียมเตรียมตรมอารมณ์ถวิลไม่ทราบระบินเรื่องยุบลในชลสาย
ถึงมีเพื่อนก็เหมือนมาเอกากายให้วุ่นวายเวทนาไปท่าเดียว
แม้นได้นุชสุดแสนสวาทพี่มานั่งนี่หน่อยไม่หนักสักประเดี๋ยว
ขอชมโฉมขนิษฐาสุดาเดียวให้หายเปลี่ยวทรวงเปล่าเปลื้องเศร้าใจ
บางทะลุชื่อบางเปนอย่างนี้แต่อกพี่ตันจิตพิสมัย
ไม่ทะลุเหมือนชื่อบางให้สร่างใจด้วยไม่ได้เห็นนางสำอางตา
แต่นั่งตรึกนอนตรึกนึกถึงน้องจนยามสองเดือนดับลับเวหา
เคลิ้มระงับหลับไปในนาวาหวาดผวาถึงที่รักภัคินี
จนแสงทองส่องสางน้ำค้างตกคณานกร้องเร่งพระสุริย์ศรี
ค่อยฟื้นกายหมายว่านุชสุดสตรีมาปลุกพี่แว่วเสียงสำเนียงดัง
ร้องขานขาลืมตาไม่เห็นนุชให้แสนสุดทรวงเสียวเหลียวหน้าหลัง
ไม่มีสุขทุกข์ถวิลสิ้นกำลังลุกขึ้นนั่งแลรอบขอบชะเล
ดาราดับอับแสงไม่มีศรีทั่วทิศที่บนล่างสว่างเสว
ชอุ่มเขียวขอบฟ้าอาคเณวันนี้เวลาบ่ายลมร้ายแรง
จะพานพัดจัดจ้านมาด้านนี้ออกจากนี่ไปไหนจะได้แฝง
พอตื่นพร้อมล้อมระดมกันต้มแกงสุกเสร็จแบ่งแจกปันพากันกิน
แล้วถอนสมอช่อใบใส่หางเสือบ่ายหัวเรือแล่นล่องตามท้องสินธุ์
สายกระแสแลปลาในวารินบ้างโดดดิ้นดำว่ายมีหลายพรรณ์
ชนิดหนึ่งพึ่งเห็นทั้งหางหัวมีกายตัวโตแท้แลดูขัน
หลั่นสองลอนห่อนหัวตัวเป็นมันเขาพูดกันเรียกว่าชื่อปลาวาฬ
ขึ้นทีไรให้เสียงสำเนียงโฟ้จมลอยโผล่ว่ายเข้ามาดูกล้าหาญ
เพราะเชื่อตนว่าตัวโตโง่สันดานอยากประหารเสียด้วยปืนไม่คืนเป็น
ขัดอยู่นิดกีดด้วยกรรมจึงจำนิ่งมันเย่อหยิ่งว่าไว้พอให้เห็น
เราเป็นคนเคยกินปลากล้าก็เป็นมิใช่เช่นฉันจะฆ่ามันว่าไร
โอ้ยามเช้าหนาวกายไม่หายหนาวหัวอกร้าวรอนคิดถึงพิสมัย
ได้มานั่งยังที่นี่พี่ดีใจจะชี้ให้ชมปลาในสาคร
ฝูงกระโห้โลมาปลาฉลามฉนากตามเรือเรียงเคียงสลอน
ฝูงกู้เราเต่ากระเข้าคละจรเอนกนิการมากสัตว์ในนที
มีเหลือล้นสุดที่คณนานับแต่ภัทธิกัปเกิดเกาะชมภูศรี
ก็เกิดมาสารพัดสัตว์อันมีในนทีฟ้าดินสิ้นด้วยกัน
กิเลศราคหากให้ปฏิสนธิ์เกิดสกนธ์ร่างกายเที่ยวผายผัน
แสวงสุขทุกนิสสัยใจเหมือนกันแต่ใจฉันคราวนี้เต็มทีทน
ความรักนุชสุดที่รักหักไม่หายชีพจะวายลงเสียวันละพันหน
เพราะตัณหาพาเหียรให้เวียนวนเหลือจะทนทานที่ทุกข์ไม่สุขเลย
โอ้ยามนี้ศรีสมรวิมลมิ่งแม่ยอดหญิงภคินีเจ้าพี่เอ๋ย
คำนึงนุชสุดใจกระไรเลยด้วยแม่เคยสรรหาอุส่าห์ทำ
โภชนาอาหารใส่พานโตกให้พี่พอบริโภคจนอิ่มหนำ
ทั้งหมากพลูบุหรีมีประจำเคยสุขสำราญกายสบายเสบย ฯ
๏ ถึงบางช้องมองเชือนพอเบือนหน้าเห็นราวป่ารำไรโอ้ใจเอ๋ย
ห่อนเห็นสุขสนุกสนานสำราญเลยหรือเขาเคยอยู่สุขสนุกมี
อยากจะถามนามขนานบ้านบางช้องว่าในคลองแห่งหนตำบลนี้
จะหากินถิ่นอาศัยฉันใดดีเข้าปลามีบริโภคหรือโศกโซ
นั่งวินิจคิดจำนงค์ความสงสัยจะถามใครไม่เห็นมาน่าโมโห
โอ้บางช้องคลองบางกว้างเติบโตตลอดโร่แลลิ่วแถวทิวทาง
เที่ยวแลโน่นแลนี่ไม่มีสุขเหมือนอุ้มทุกข์เทียมเท่าภูเขาขวาง
อาดูโดยโหยหวนเฝ้าครวญครางคิดถึงนางน้องพี่ไม่คลี่คลาย
โอ้ปานฉนี้ยุพยงยอดสงสารเคยจากบ้านจรดลเที่ยวขวนขวาย
เก็บบุบผามาลัยใส่กระทายสำราญกายเดินเล่นเย็นเย็นลง
พี่จากน้องคราวนี้มีแต่ทุกข์ไม่มีสุขสักเท่าซีกกระผีกผม
ให้หนาวจิตต์หนาวใจไม่ได้ชมให้หนาวลมหนาวอุราเอกากาย ฯ
๏ ถึงบางเก่าเหงาแก่ยิ่งแต่ก่อนแทบจะถอนใจจิตต์หวิดหวิดหาย
นึกนับวันหมั่นมีเป็นไม่เว้นวายสงสารกายคงจะผอมด้วยตรอมใจ
เขาพูดว่ากินน้ำตาตนต่างเข้านึกว่าเปล่าเล่าจิตต์คิดสงสัย
ได้เห็นแท้แน่คราวนี้มีจริงใจจะจำไว้ว่าเขาว่าวาจาจริง
โอ้ชาตินี้มีกรรมล้ำวิบากต้องพลัดพรากนวลลอองแม่น้องหญิง
ถึงบางเก่าก็จะเก่าเหมือนบางจริงชื่อว่าสิ่งใดเล่าที่เก่ารา
เป็นนทีศรีขรินทร์แผ่นดินสถานถ้าถึงกาลแก่เก่าเหมือนเขาว่า
รู้สูญสิ้นไปด้วยไฟประลัยมาสำมะหาสิ่งอื่นมากหมื่นพัน
โอ้ตัวเราเก่าแก่แพ้ลงโขด้วยซูบโซร่างกายผายผัน
มาพลัดพรากจากสุดาไม่ช้าวันไม่เป็นอันนอนกินสิ้นเสบย
เห็นจะลับดับสูญเสียเป็นแน่เพราะว่าแก่รักจนเก่ากายเราเอ๋ย
ไม่เริงรื่นชื่นจิตต์สักนิดเลยแล้วไม่เคยมามีที่รำคาญ
ครั้นคราวนี้ปี้ป่นเป็นคนเสียกระปลกกระเปลี้ยวุ่นวายหลายสถาน
เพื่อนพวกมาพาสำรวลชวนสำราญเล่านิทานเฮฮาพูดจากัน
ถึงเรื่องรักเรื่องใคร่เขาไม่ทุกข์กลับสนุกหัวร่อเป็นข้อขัน
ว่านางนี้นางโน้นได้โดนกันเหมือนตุ่มคันแกะเกาพอเบาตน
ไม่เคยคบอยากค้าไม่ผาสุกพวกพาทุกข์พาเข็ญไม่เป็นผล
ใครหลงรักมักมากลำบากตนเขาพูดบ่นเสียดตำให้ช้ำใจ
นึกน้อยจิตต์คิดถึงตัวช่างชั่วชาติไม่วายสวาทพิศวงเฝ้าหลงใหล
เราก็จิตคิดดูเล่าเขาก็ใจใยเขาไม่ทุกข์นักเรื่องรักกัน
โอ้ตัวเราคราวนี้มีทุกข์มากครั้นพลัดพรากจากนิ่มนุชสุดกะสัน
แสนคนึงถึงแม่งามอยู่ครามครันดวงตะวันคล้อยเย็นไม่เด่นดวง
โอ้ป่านฉนี้ยุพเยาว์ลำเภาพักตร์เคยเก็บรักเอามาร้อยแล้วห้อยหวง
มะลิร้อยห้อยเล่นเป็นพวงพวงลำดับดวงดอกดีดูวิไล
จะหาไหนได้เหมือนนุชสุดเสาะหาไม่สบตาตัวพี่เข้าที่ไหน
พี่รำพึงถึงสวาทเพียงขาดใจสุดอาลัยสุดรักสุดหนักทรวง ฯ
๏ พอตั้งพยับอับพยุจะพัดใหญ่รีบใช้ใบมาถึงบ้านโตนดหลวง
ขึ้นยืนยลเห็นแต่ต้นตาลทั้งปวงเป็นตาลหลวงเหลือล้นคณนา
คลอดลิ่วทิวแถวตามแนวน้ำเอนกล้ำหลายหลากมากนักหนา
เป็นพุ่มบนต้นโล่งโปร่งในตางามสง่าย่านนี้ดีสุดใจ
บางสูงต่ำคร่ำคร่าชราโรคลางต้นโศกแห้งหดไม่สดใส
เที่ยวยืนต้นตายตามแลหลามไปดูต้นใบก็ไม่น่าจะว่าดี
แต่โอชาปรากฏด้วยรสชาติถึงไม่สะอาดใบก้านรสหวานจี๋
เป็นที่ชอบใจมนุษย์สุดยินดีรสหวานนี้ชอบทั่วทุกตัวคน
แต่ตัวฉันหวั่นถวิลสิ้นเสื่อมสุขเรื่องที่ทุกข์ใครไม่ทราบอนุสนธิ์
ด้วยทิ้งพธูอยู่ข้างหลังเกิดกังวลกลัวแต่คนปากหวานจะพานพา
เอานุชน้องของฉันกันไปกอดด้วยใจยอดเยาวมิตรขนิษฐา
ชอบแต่หวานการที่ขมสมเป็นยาไม่ปรารถนาเจ็บไข้ยังไม่กิน
โอ้ป่านฉนี้นวลลอองนิ่มน้องนาถสุดสวาทของพี่ชายไม่วายถวิล
เคยสำราญกายาเป็นอาจิณหรือยุพินพี่จะทุกข์ไม่สุขกาย
จะดีชั่วฉันใดไม่พึงรู้พิเคราะห์ดูคิดไปยิ่งใจหาย
เป็นห่วงหวงดวงจิตคิดไม่วายเฝ้าฟูมฟายชลนาน้ำตากิน ฯ
๏ ระยะย่านบ้านโตนดยืดยาวเหลือแต่ลำเรือได้ลมสมถวิล
แล่นชะเลแลลายคล้ายนกบินถึงหัวหินฉับพลันมิทันนาน
เรียกหัวหินหินจะมีอยู่ที่ไหนอ่อมีในชลท่าแถวหน้าบ้าน
ถานหัวหินถิ่นนี้ที่สำราญตำบลบ้านบ่อนนี้ดีสุดใจ
ไม่ต้องตั้งฝั่งเขตต์ทำเขื่อนรั้วใครไม่กลัวก็ต้องเกรงอัชฌาสัย
ถึงเรือแพนาวาเที่ยวมาไปไม่เข้าใกล้หลีกตัวกลัวอยู่เอง
โดยน้อยศักดิ์อรรคถานศฤงฆารยศคนกลัวหมดเหมาะเจาะที่เหมาะเหม็ง
บางบ้านอื่นดื่นไปเขาไม่เกรงมายำเยงกลัวสิ้นหาดหินมี
ขอใจนุชที่ฉันสุจริตรักให้แน่นหนักอยู่เหมือนหินในถิ่นที่
ประกอบเกิดกีดสง่าไม่ราคีขออย่ามีชายใดอาจใกล้กราย
คลื่นกระทุ่มกลุ้มกระแทกแตกหัวหินเป็นอาจิณฉ่าฉาดไม่ขาดสาย
เหมือนพี่ทุ่มทุกข์ถึงนางไม่วางวายดูคล้ายคล้ายกันกับคลื่นแผ่นพื้นธาร
โอ้ยามนี้ศรีสวัสดิ์กำดัดสวาทเคยยุรยาตรจากที่เคหะถาน
เที่ยวบันเทิงเริงรื่นชื่นสำราญสบายบานผ่องใสน้ำใจคอ
น้องอยู่หลังครั้งนี้มีสิ่งสุขหรือจะทุกข์ทะเวศใจไฉนหนอ
แต่อกพี่นี้รันทดสลดพอคิดขึ้นท้อใจทุพลทรมาน ฯ
๏ เรือแล่นล่องก้าวเลียบตะเกียบเกาะรีบละเลาะรุดตะบึงถึงสถาน
เข้าชิดเฉียดเบียดท่าหน้าเมืองปราณเห็นเรือนบ้านมีตั้งแฝงฝั่งคลอง
หวนรำลึกนึกคำนึงถึงบ้านแหลมบ้านข้างแคมฟากฝั่งมีทั้งสอง
เคยนั่งเล่นเย็นสำราญร้านริมคลองได้เห็นน้องลอยนวลมายวนตา
ถึงสร้อยเศร้าเหงาง่วงโศกทรวงนักได้เพ่งพักตร์พิศโฉมขนิษฐา
พอแลพบสบเนตรสังเกตตากลับพูลผาสุขชื่นคืนสบาย
โอ้ยามนี้อกเราก็เศร้านักด้วยความรักคิดถึงนางไม่ห่างหาย
สิ่งอื่นอื่นพื้นไม่มีที่สบายให้วุ่นวายเวทนาในอารมณ์
พระสุริยนสนธยาเพลาค่ำอากาศคล้ำคลุ้มสีครามยามปฐม
เย็นลอองต้องน้ำค้างที่พร่างพรมเย็นด้วยลมเฉื่อยฉิวพัดผิวกาย
ชะเลลั่นครั่นครื้นเปนคลื่นคลั่งกระทบฝั่งเฟือนหูไม่รู้หาย
จะเหลียวดูผู้พวกเรือก็เหลืออายทำเชิงชายตาเยาะหัวเราะกัน
สู้จำนิ่งเมินหน้าประสาประสีดูวารีเหล่าปลาพฤกษาสรรพ์
ให้ชอกช้ำจำใจชื่นทุกคืนวันพาตื้นตันเต็มวิตกโอ้อกเรา
คิดถึงโฉมเหมือนหนึ่งโฉมแม่งามพริ้งมาสู่สิงทรงทรวงให้ง่วงเหงา
หรือโฉมยอดเยาวหญิงน้องนิ่งเนาสิงเปนเงาเฝ้าอยู่ตาหรือว่าไร
ให้หลับเห็นตื่นเห็นอยู่เป็นนิตย์เหลือจะปลิดปลดวางเสียข้างไหน
ด้วยจำจากหากต้องทนจนจำใจกว่าจะได้กลับคืนไปชื่นเชย
อาภัพพาอาเภททุเรศรักเมื่อหนาวนักได้นอนแนบแอบเขนย
ถึงยามร้อนพอได้ผ่อนด้วยลมเชยเวลาเคยเห็นโฉมประโลมใจ
มาเหลียวแลก็เห็นแต่น้ำกับฟ้าก้ามน้ำตาว่าให้เว้นเห็นไม่ไหว
ในทรวงเต้นตึกตึกนึกเมื่อใดเจียนขาดใจเสียด้วยน้องที่คลองปราณ
โอ้ปานฉนี้ศรีสุดากัลยาหญิงวิมลมิ่งยุพยงยอดสงสาร
จะเปลี่ยวเปล่าเหงาใจอาลัยลาญด้วยเปนกาลเย็นย่ำจวนค่ำคืน
เมื่อเข้าห้องส่องเห็นปัญจฐรณ์ที่เคยนอนแนบน้แงประคองชื่น
สำราญเรียงเคียงข้างไม่ห่างคืนน้องจะฝืนอาลัยแลดูแดดาล ฯ
๏ แต่ล่วงตำบลชลเชตร์ประเทศแถวลำเนาแนวสาขรินทร์ถิ่นสถาน
ถึงสามร้อยยอดปลอดเปลี่ยวลำเดียวดานดึกประมาณสามยามครั่นคร้ามใจ
เขาว่าสลัดคอยสลักสำนักนี้มักเคยมีริมเขาเข้าอาศรัย
เห็นเรือแพนาวาวิ่งมาไปเอาหม้อไฟทิ้งทุ่มล้อมรุมกัน
เข้าแย่งหยอบรอบรุกพิฆาตฆ่าใครน้อยกว่าสู้ไม่ไหวใครอาสัญ
ที่เหลือตายกายตัวยอมกลัวมันทำเช่นนั้นในที่นี้มีเนืองเนือง
ประพฤติพาลการโกงเก่งฉกาจถือฉลาดเห็นงามไปตามเรื่อง
แม้นเรือเราเข้ามาทำให้ช้ำเคืองถึงจะเรืองแรงกำลังไม่ฟังมัน
ปัจจามิตรจิตโหดทำเหลือเหตุไม่เกรงพระเดชจอมวังณรังสรรค์
ปิ่นมกุฎอยุธยาวราธรรม์เปนฉัตรกั้นร่มเกล้าชาวนคร
ปราบบรรดาข้าศึกฮึกเปนเสี้ยนให้ราบเลี่ยนหลีกหลบสยบสยอน
บำรุงเลี้ยงไพร่ฟ้าประชากรให้ถาวรไปมาเที่ยวหากิน
ทั้งบกเรือเหนือใต้รายเลขรอบโปรดประกอบประกาศกิจนิจสิน
ยังลาดตระเวณเกณฑ์รักษาเป็นอาจิณพระเจ้าแผ่นดินตั้งพระทัยมิให้กวน
พวกพาลทุพลสนธิเปรตเศษสลัดเที่ยวสกัดก่อเป็นศึกใจฮึกหวน
นิยมเห็นเป็นไปเป็นไม่ควรถึงเจอะจวนเข้าเดี๋ยวนี้ไม่หนีกลัว
ขอพระฤทธิ์อิศราอาญาจักร์ช่วยพิทักษ์กั้นสกนธ์อยู่บนหัว
บำรุงเลี้ยงเสี่ยงจิตอุทิศตัวจิตมิกลัวตั้งมั่นไม่พรั่นพรึง
จะยิงแย่งแทงฟันเอามันหมดพวกคนคดขาดคิดพระคุณถึง
มูลิกาฝ่าธุลีที่คำนึงด้วยได้พึ่งพระบรมสมภาร
กลับเป็นศึกนึกเป็นเสี้ยนเบียฬรุกราษฎร์ล่วงอำนาจเจ้าแผ่นดินหมิ่นอาจหาญ
เทวฤทธิ์สิทธิศักดิ์จักบันดาลจูงสังขารสู่ที่เข็ญเห็นทันตา
ใครขืนคิดจิตนำอำนวยผลเพราะจิต...มืดมิดด้วยอิจฉา
สันดานชาติขาดจิตคิดเมตตาวิบากพาพวกผู้นั้นเกิดอันตราย
แต่ศึกสลัดตัดจิตพอคิดสู้มาสิ้นรู้ด้วยศึกรักหักไม่หาย
โอ้เกิดมาท่านว่าถูกลูกผู้ชายเหมือนเรือพายหมายจะข้ามห้วงน้ำวน
ไปปะหญิงยิงเรือทะลุรั่วเรือคือตัวบุรุษชายที่ขวายขวน
อาวุธหญิงสิ่งที่ว่าคือตาคนยิงเอาจนเรือนั้นล่มจมชะเล
ที่ชนชายพายเรือไม่เฝือฟากเหมือนวิบากเราท่านเที่ยวหันเห
สู้บวชเรียนเพียรจะพาเอากาเยสู่ถึงเทวนิพพานสำราญรมย์
ไม่สมประสงค์เพราะมารักผู้หญิงพายุ่งยิ่งยากเข็ญเป็นประถม
ใครปรนนิบัติตัดได้ไม่นิยมดีฉันชมว่าผู้นั้นท่านเมธี
ฉันตัดบ้างยังไม่ไหวทุกข์ใจฉันนั่งโศกศัลย์คิดถึงน้องจนหมองศรี
คอยแลเรือสลัดมารุมราวีไม่เห็นมีเจ็กแขกปลอมแปลกทำ
ยินแต่เสียงเลียงผาไก่กาสรจิ้งจอกหอนลองไนเรไรร่ำ
โฉงกเงื้อมเลื่อมเขาเป็นเงางำเสียงครึมครำลิงค่างร้องครางครวญ
ค่อยล่องเรือเลียบผามาหน้าเกาะสำเนียงเสนาะสัตว์ระงมเมื่อลมหวน
น้ำค้างพรมร่มพฤกษ์นึกรัญจวนให้ปั่นป่วนอกใจกระไรเลย
สู้ฝืนจิตจับหนังสือขึ้นถืออ่านเป็นนิทานเรื่องราวกล่าวเฉลย
ถึงท่านท้าวพรหมทัตพลัดคู่เชยสลบเลยลงกับแท่นแสนระทม
นางนงลักษณ์ภคินีสนมนาฏสำอางสะอาดสวยอื่นพันหมื่นถม
น้ำพระทัยเธอไม่รักหนักอารมณ์เหมือนงามคมกากีศรีสุดา
โอ้เรานี้มีแม้นไม่เหมือนนักโดยความรักจักเที่ยวเลือกเสือกเสาะหา
ถ้าประสงค์คงคนมีที่เมตตาเที่ยวขายค้ากินมานานทุกบ้านเมือง
ได้เห็นโน่นเห็นนั่นไม่เหมือนนี่ที่ดีดีนวลเนื้อนั้นเหลือเหลือง
ขืนเข้ามากล้ำกรายชายชำเลืองยังคิดเคืองไม่ประสงค์ที่นงเยาว์
แต่คราวนี้นี่กระไรที่ไหนหนอเล่นจนงออยู่กับที่เหมือนอิเหนา
เมื่อจากนุชบุษบายุพาเยาว์เธอแสนเศร้ากะสันหายุพาพิน
โอ้ตัวพี่พลัดพรากแต่จากสวาทใจจะขาดเสียด้วยนุชสุดถวิล
สู้กลืนรักหนักหน้าน้ำตากินแทบจะสิ้นสูญหายกายสกนธ์
เอาขันหนุนต่างหมอนลงนอนหงายวิรุณปรายโปรยปรอยเป็นฝอยฝน
ลอองหยาดสาดกระเซ็นเย็นสกนธ์มัวกระมลม่อยหลับกลับบันดาล
ฝันว่าได้สายสมรมานอนแอบถนอมแนบชิดชมภิรมย์สมาน
ประคองกอดยอดยิ่งวิมลมาลย์แสนสำราญรื่นรื่นชื่นอารมณ์
ประจงจูบลูบคลำเค้นคลึงเคล้าทั้งสองเต้าประทิ่นกลิ่นผ้าห่ม
ดูสองเนตรน้องชม้ายคายค้อนคมพี่ได้สมสวาทนี้ความดีใจ
เสมอเหมือนเลื่อนลอยจากสถานขึ้นวิมานมรกตสุกสดใส
ได้เชยสุรางค์นางสวรรค์นั้นฉันใดความดีใจจะประมาณก็ปานกัน
รริกรรื่นชื่นชมสมสนิทปลุกปลื้มจิตปรีเปรมเกษมสันต์
ผว่ตื่นฟื้นสมประดีพลันไม่เห็นขวัญตาพี่เนาที่นอน
แสนกำสรดถดถอยห้อนใจโหยให้กอบโกยความคำนึงถึงสมร
ถวิลทวีอาทวาให้อาวรณ์คิดยิ่งค่อนทรวงเศร้าเปล่าอุรา
ปานฉะนี้เป็นไฉนก็ไม่รู้แหงนแลดูเดือนกระจ่างหว่างเวหา
พระจันทรจรครรไลในนภามีเมฆมามืดมิดปิดมณฑล
รัศมีสีเศร้าสลดแสงไม่จ่มแจ้งท้องฟ้าเวหาหน
ดูดวงเดือนเหมือนกับเราเศร้าสกนธ์หมองกระมลมืดมิดคิดอาลัย
โอ้ยามนี้โฉมฉายสายสมรจะอาวรณ์ถึงพี่บ้างหรือไฉน
ได้มาเรียงเคียงคู่ชูชื่นใจจะกอดไว้มิได้วางให้ห่างกาย
นั่งนึกมานึกไปใจเคลิ้มเห็นเหมือนนั่งเล่นชานเรือนเดือนหงาย ๆ
น้องมาเคล้าเฝ้าให้พี่เล่านิยายจึ่งอธิบายความให้ฟังเรื่องหลังมา
ตำนานนี้มีผู้รู้ดูน้อยนักแม่แหงนพักตร์เพ่งยลบนเวหา
ดูศะศิจันทรจรเมฆาเห็นเต็มตาติดช่วงในดวงจันทร์
คือพระฉายกายศะศิพระโพธิสัตว์ดูไม่ชัดไกลพ้นบนสวรรค์
ด้วยเดิมกล่าวเล่ามาว่าพระจันทร์กระต่ายนั้นเนาในป่าพนาลี
เวลาค่ำน้ำค้างลงพร่างพร้อยตัวต่ายต้อยเต้นตามความสุขี
เห็นดวงจันทร์นั้นงามความยินดีถวิลทวีทะเวศกะสันทุกวันคืน
จนซูบผอมตรอมใจด้วยไกลนักเศร้าแสนรักจันทร์โรจีไม่มีชื่น
เจริญพระปริตธรรมทุกค่ำคืนใช่บทอื่นคือยัสสานุสสะระเณ
พึงกำหนดบทนี้มีเบื้องต้นสองนิพนธ์นาปีอันตลิกเข
ตลอดสู่ภูมิยังหวังคะเนพณะมะเหจบปริตพิสดาร
ด้วยวาสนาบารมีโพธิสัตว์ผู้จะตรัสโปรดโลกโอฆสงสาร
พระจันทร์ร้อนวิญญารู้อาการเหาะทยานจากแท่นทิพย์บรรทม
เข้าข้างเคตียงเรียงศะศิโพธิสัตว์ทรงสัมผัสอุ้มชูขึ้นสู่สม
ยังรถแก้วสุริกาญจน์สำราญรมย์กระต่ายชมชื่นแช่มแจ่มวิญญา
องค์ศะศิโพธิสัตว์อธิษฐานขอสมานฝากกายภายภาคหน้า
ให้ฉายชิดติดตรงวงจันทราประจักษ์ตาโลกสิ้นแผ่นดินดาล
เหตุฉะนั้นจันทระชื่อศะศิเพราะตำหนิรูปกระต่ายในสัณฐาน
สถิตจักรราษีทุกทิวารพิศถานไว้หวังเห็นเป็นมงคล
ให้ฝูงสัตว์ทัศนาปัญญาพระทรงวิริยะอุตโมวโรผล
แต่ดวงจันทร์อันวิจิตรสถิตบนตัวต่ายตนเตี้ยต่ำเฝ้ารำพึง
เจริญธรรมร่ำเร่งไม่เลยละผลเดชะมรรคญาณบันดาลถึง
ได้โดยหวังดังอารมณ์สมคำนึงข้อนี้จึงแจ้งจิตจำเป็นคำจริง
เชิญแม่น้องตรองตรึกนึกบ้างหนาเกิดกายมายากอยู่เป็นผู้หญิง
พี่ขอสอนวอนหวังไม่ชังชิงสมรมิ่งแม่อย่ามีราคีเคือง
อภัยโทษแล้วอย่าโกรธว่าพี่ว่ามาพูดจาแจ้งกระทู้คันหูเหือง
พี่สอนสั่งหวังรักจักประเทืองให้รุ่งเรืองกายน้องไม่หมองมัว
ธรรมดาสาธุชนคนเป็นหญิงจะสุดสิ่งชั่วดีเมื่อมีผัว
ครั้นสามสองหมองศรีราคีตัวเหมือนทองกลั่วเกลือกธาตุตะกั่วนม
แต่ตัวพี่นี้ได้เห็นเช่นมากหลายชายพาชายเล่นเบี้ยเสียก็ถม
เกลียดจริตคิดชังไม่หวังชมให้สาสมใจหญิงหยิ่งเป็นพาล
ไม่เสงี่ยมเจียมจิตคิดสงวนบอนกระบวนปากกล้าเที่ยวว่าขาน
ให้ชายช้ำคำเหน็บเจ็บประจานอย่าสามานย์ข้อนี้ไม่ดีจริง
อันตัวนางอย่างมณฑาผกาหอมควรถนอมกายอยู่เพศผู้หญิง
สัญชาติชายคล้ายภมรมาวอนวิงเว้นหยามหยิ่งอย่าดูถูกลูกผู้ชาย
ด้วยเวทมนต์ดลคาถายาแฝดแฝงจริงก็แจ้งประจักษ์อยู่ไม่รู้หาย
เกลือกเขาหาพาผู้รู้อุบายกระทำกายย่อยยับอับประมาณ
เสียงคนไอได้สติดำริห์จิตเอะเราผิดลุ่มหลงด้วยสงสาร
มัวละเมอเพ้อพำน่ารำคาญเล่านิทานให้ใครฟังนั่งเอกา
พอมีสติตริตรึกนึกได้หน่อยกลับเศร้าสร้อยโศกไห้อาลัยหา
เห็นเป็นน้องย่องกริบฉิบเข้ามาแอบก้มหน้านิ่งนั่งอยู่ข้างกระออม
พี่ดูกังพลั้งเผลอละเมอพลอดหวังว่ายอดเยาวมิตรสนิทถนอม
มานั่งซ่อนหลอนหลอกหยอกคนกรอมยกแขนอ้อมกอดไว้มิได้คลอย
ไม่นุ่มนิ่มเหมือนเนื้อน้องมองเป็นถังเอะเราคลั่งหลงใหลใจเหี่ยวหาย
สุชลไนยไหลหลั่งพรั่งพรูพรายเฝ้าฟูมฟายฝอยฟองนองสุชล
ดาวก็เคลื่อนเดือนก็ดับลงลับหายแสงทองพรายพร่างฟ้าเวหาหน
ขาวประเทืองเหลืองแดงเขียวแฝงปนพระสุริยนเยื้องพริ้มขึ้นปริมดวง
สนั่นเสนาะเพราะเสียงสำเนียงสัตว์พระพายพัดพุ่มไม้ไศลหลวง
น้ำค้างหยาดสาดกระเซ็นมาเย็นทรวงคิดถึงดวงเนตรนักพะวักพะวน ฯ
      ฯ ๓๙๗ คำ ฯ
             

เชิงอรรถ

ที่มา

ประชุมนิราศเมืองเพชรบุรี พ.ศ.๒๕๒๕

เครื่องมือส่วนตัว