เพลงยาวสามชาย

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == {{เรียงลำดับ|พลเงยาวสามชาย}} [[หมว…')
(ข้อมูลเบื้องต้น)
 
แถว 4: แถว 4:
[[หมวดหมู่:วรรณคดีรัตนโกสินทร์]]
[[หมวดหมู่:วรรณคดีรัตนโกสินทร์]]
[[หมวดหมู่:กลอนสุภาพ]]
[[หมวดหมู่:กลอนสุภาพ]]
-
'''ผู้แต่ง:''' [[]]
+
'''ผู้แต่ง:''' ตามที่กล่าวในเพลงยาว ชายที่ ๑ คือ [[พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว]] เมื่อครั้งดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ชายที่ ๒ กล่าวกันว่าคือ [[กรมหลวงวงศาธิราชสนิท]] เมื่อครั้งดำรงพระยศเป็นกรมหมื่นวงศาสนิท ชาบที่ คือ [[พระสุริยภักดี (สนิท บุนนาค)]] บุตรสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ ส่วนหญิงนั้นคือ [[คุณพุ่ม]] "[[บุษบาท่าเรือจ้าง]]"
-
เพลงยาวสามชายเป็นเพลงยาวแต่งเทียบเรื่องอิเหนา ชายที่ ๑ เป็นอิเหนา ชายที่ ๒ เป็นสังคามาระตา ชายที่ เป็นประสันตา โต้ตอบกับหญิงซึ่งเป็นมะเดหวี
+
-
ตามที่กล่าวในเพลงยาว ชายที่ ๑ คือ [[พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว]] เมื่อครั้งดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ชายที่ ๒ กล่าวกันว่าคือ [[กรมหลวงวงศาธิราชสนิท]] เมื่อครั้งดำรงพระยศเป็นกรมหมื่นวงศาสนิท ชาบที่ คือ [[พระสุริยภักดี (สนิท บุนนาค)]] บุตรสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ ส่วนหญิงนั้นคือ [[คุณพุ่ม]] "[[บุษบาท่าเรือจ้าง]]"
+
เพลงยาวสามชายเป็นเพลงยาวแต่งเทียบเรื่องอิเหนา ชายที่ ๑ เป็นอิเหนา ชายที่ ๒ เป็นสังคามาระตา ชายที่ เป็นประสันตา โต้ตอบกับหญิงซึ่งเป็นมะเดหวี
 +
 
== บทประพันธ์ ==
== บทประพันธ์ ==
===บทที่ ๑ ของชายที่ ๑===
===บทที่ ๑ ของชายที่ ๑===

รุ่นปัจจุบันของ 16:02, 25 สิงหาคม 2553

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: ตามที่กล่าวในเพลงยาว ชายที่ ๑ คือ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ชายที่ ๒ กล่าวกันว่าคือ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท เมื่อครั้งดำรงพระยศเป็นกรมหมื่นวงศาสนิท ชาบที่ ๓ คือ พระสุริยภักดี (สนิท บุนนาค) บุตรสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ ส่วนหญิงนั้นคือ คุณพุ่ม "บุษบาท่าเรือจ้าง"


เพลงยาวสามชายเป็นเพลงยาวแต่งเทียบเรื่องอิเหนา ชายที่ ๑ เป็นอิเหนา ชายที่ ๒ เป็นสังคามาระตา ชายที่ ๓ เป็นประสันตา โต้ตอบกับหญิงซึ่งเป็นมะเดหวี

บทประพันธ์

บทที่ ๑ ของชายที่ ๑

๏ สงสารสามอนุชานิจจาเอ๋ย
เชษฐาช่างไม่เห็นอกวิตกเลยมีแต่เย้ยเย้าเล่นอยู่เช่นนั้น
เฝ้าบอกแต่ธุระร้อนแกล้งผ่อนผัดถึงสามนัดแล้วเมืองคงคำมั่น
ให้น้องคลั่งนั่งนึกปรึกษากันจนนอนฝันว่าเชษฐาจะพาไป
น้องลืมเลยเคยศึกษาวิชาทหารทั้งการงานก็ไม่สู้เอาใจใส่
พากันร้อนร่านรักหนักฤทัยด้วยจะใคร่พบพักตร์อีกสักคราว
ถึงลำบากยากอย่างไรก็ไม่ว่าจะสู้ฝ่าฟ้าฝนไปทนหนาว
พอได้สนิทชิดเชื่องเป็นเรื่องราวครั้นได้ข่าวให้มานัดเป็นสัจจา
ว่าจะไปในราตรีวันนี้แน่ก็กริ่งแต่จะไม่ต้องพี่ปรารถนา
ถึงกระนั้นก็ยินดีทั้งปรีดาขอแต่อย่าหน่วงเหนี่ยวให้เหี่ยวใจ
อันที่จะให้น้องแน่พอแก้หนาวก็ได้ข่าวคำลือว่ารื้อไข้
พี่เอ็นดูอนุชาช่วยพาไปจึงจะได้เห็นว่าเมตตาน้อง
จงพร้อมความตามประสงค์จำนงหมายพอห่างหายคลายกังวลกมลหมอง
อย่าหนีเร้นเช่นวันมิปรองดองจะต้องร้องตะโกนเรียกกันเพรียกไป
อันเรื่องหนึ่งนั้นเชษฐาได้รับที่มะเดหวีไว้นั้นลืมแล้วฤาไฉน
ถึงจะขัดอยู่ด้วยเขินสะเทินใจน้องก็ไม่น้อยจิตคิดขุ่นเคือง
แต่ธรรมดาว่าเป็นมะเดหวีต้องปรานีข้างอิเหนาตามราวเรื่อง
จะคิดไปให้ถึงเข้ามาเผาเมืองก็อายชื่อจะลือเลื่องทั้งแดนดิน
จะขอแปลงแต่งอิเหนาเสียอย่างใหม่เป็นมะเดหวีช่วยให้ได้สมถวิล
ชำระเรื่องเปลื้องปลดหมดมลทินจึงจะยินดีได้โดยใจนิยม
อันทุกข์น้องสองวิตกโอ้อกเอ๋ยไม่เห็นเลยใครจะช่วยให้เสร็จสม
จะนอนนั่งตั้งแต่ร้อนฤทัยระทมให้ปรารมภ์กลัวว่าพี่มิเมตตา
สิ่งใดข้องน้องขออภัยโทษจงอวยโอษฐ์อนุญาตดังปรารถนา
ขอเชิญไปเสียสักวันตามสัญญาต่อกลับมาจึงค่อยพร้องสนองเอย
ฯ ๒๔ คำ ฯ
             

บทที่ ๒ ของชายที่ ๓

๏ ประสันตาคนคะนองสนองสาร
นี่เรื่องใหม่ใช่อิเหนาสำเนาบุราณได้คิดอ่านยินยอมกันพร้อมใจ
อันบาหยันนั้นสิของประสันตาก็บุษบาของระเด่นนั้นจะเป็นไฉน
มะดีหวีจึงมิว่าจะพาไปจนอิเหนาเฝ้าเป็นไข้คะนึงนาง
เตือนให้ช่วยด้วยเห็นดีกว่านิ่งอยู่เผื่อว่าพี่จะเอ็นดูแก่น้องบ้าง
สงสารนายต้องตะกายไปนอกทางซึ่งว่านางบาหยันขันเข้ามา
ทั้งนวดพัดจะจัดแจงแต่งให้แล้วกลัวว่าจะไม่ได้เหมือนเช่นว่า
อย่าเพิ่ดำริติเตียนประสันตาผิดก็พามามอบไว้กับนาย
สุดแต่จะคิดสางให้สิ้นยุ่งถ้าอิเหนาสมมุ่งก็สมหมาย
ที่จะพร้องสองสามเป็นความปลายขอเชิญไปชมเดือนหงายเล่นอีกเอย
ฯ ๑๐ คำ ฯ
             

บทที่ ๓ ของหญิง

๏ สดับบทที่กำหนดมาโนสาร
ว่าเรื่องใหม่ใช่สำเนาอิเหนาบุราณท่านคิดอ่านเห็นพร้อมกันยอมใจ
อันบาหยันนั้นก็จริงเหมือนเช่นว่าแค่บุษบาเหลืออกจะยกให้
องค์อิเหนาเฝ้าประชวรป่วนพระทัยมะเดหวีมิใช่เช่นเรื่องราว
เพราะสุจริตคิดตามอารมณ์รักไม่เทียงพักตร์บุษบาจึงพาฉาว
ต้องขัดบทกำหนดนัดผัดคราวไว้เป็นหล่าวนางเชลยที่เคยเป็น
เพราะนอกทางจึงค้างบทต้องงดเรื่องประทานโทษเสียอย่าเคืองเป็นเรื่องเล่น
ที่นัดใหม่มิใช่เรื่องฉันขอเว้นประสันตากับระเด่นเร่งตรึกตรอง
ต่อสี่กษัตริย์นัดพร้อมมโนกาหลังสมดังมาดมุ่งบำรุงสนอง
นางเชลยเคยเป็นข้าผัวละอองจึงจะพาไปรองธุลีเอย
ฯ ๑๐ คำ ฯ
             

บทที่ ๔ ของชายที่ ๒

๏ ขนิษฐ์น้อยพลอยโสมนัสสา
พี่แต่ตั้งเป็นสังคามาระตาจะขอว่าให้เห็นความแต่ตามจริง
ฉันสำหรับพนักงานการแต่งถ้ำอันเรื่องน้ำจะต้องหาแต่ท่าตลิ่ง
ใช่ฉันจะลามล่วงเข้าท้วงติงด้วยคิดกริ่งอยู่ที่ข้อจะต่อไป
พี่รับที่มะเดหวีไว้วันนั้นต่อหน้าฉันมั่นคำยังจำได้
ครั้นประสันตาเตือนเห็นเบือนไปก็เสียใจแต่ว่ายังจะฟังดู
ด้วยเชษฐาได้แถลงไว้แจ้งประจักษ์จึงถือว่ารักข้างอิเหนานี้มากอยู่
แม้นขอบช่องเข้าก็เห็นจะเอ็นดูอยากจะรู้ถึงปัญญาเชษฐาคิด
เมื่อไรหนอจะเสร็จสมอารมณ์หมายน้องจะได้เคลื่อนคลายสบายจิต
จะรับส่วนนางเชลยไปเชยชิดให้เป็นสิทธิ์สักสองสามตามจินดา
พี่ช่วยตัดลัดเรื่องให้สมหวังถึงสักขีที่กาหลังเสียนัดหน้า
นี่ปลายบทสังคามาระตาขอเชษฐาหาให้อีกคนเอย
ฯ ๑๒ คำ ฯ
             

บทที่ ๕ ของหญิง

๏ ฟังสังคามาระตาน่าสงสาร
ต้องแต่งถ้ำทำทำมาช้านานกำหนดการก็ไม่แน่ยังแชเชือน
ฉันรับบทมะเดหวีไม่หนีคำแต่บุษบาจะพลอยทำให้จำเปื้อน
ไม่แน่ไหนแค่อาลัยไหลเลือนอึ้งเอื้อนอยู่ไม่อาจจะขาดคำ
ให้ตัดกลางสร้างหนังแล้วแล้วฤาเกรงแอหนังจะรื้อฉันเข้าค่ำ
มะเดหวีไม่มีบทกำหนดทำแท้บุษบาเจ้ากรรมของฉันเอย
ฯ ๖ คำ ฯ
             

บทที่ ๖ ของชายที่ ๑

๏ เนาในติกาหรังวังสถาน
เป็นไข้ใจให้อาวรณ์ร้อนรำคาญแต่คิดการที่ลอบประโลมลอง
พออนุชาคู่คิดขนิษฐากับพี่เลี้ยงประสันตามาทั้งสอง
เข้าชี้แจงแถลงความตามทำนองเอาอักษรสารสนองให้น้องยล
ทั้งสองฉบับสดับเรื่องเห็นเคืองขึ้นก็นิ่งอึ้งอัดจัดด้วยคิดฉงน
เมื่อวานว่าตามประสาเข้าตาจนฤาไม่พ้นความผิดมาติดตัว
น้องตอบโดยน้ำจิตสุจริตรักระวังนักมิให้มีราคีกลั้ว
ด้วยว่าเป็นงานประชันเข้าพันพัวจะเปลื้องตัวเสียก็อายแก่ชายชาญ
ฉันขอบคุณพี่การุญร่ำพ้อตัดน้องก็รู้อยู่ชัดว่าขมหวาน
ถึงสักหมื่นอื่นฤาจะเทียมประทานก็ไม่นานดอกจะได้เห็นใจน้อง
ครั้นฟังฟัฟก็น่าสรวลสำรวลเล่นว่านางเชลยนั้นไม่เป็นเช่านสารสนอง
เหมือนตีปลาหน้าไซไม่ปรองดองถ้ารักน้องแล้วอย่าฉาวเสียงคราวครวญ
ทุกวันนี้อนุชาอุตส่าห์ชื่นทั้งเช้าค่ำกล่ำกลืนแต่กำสรวล
เป็นหลายทุกข์หลายเท่าเข้าประมวลให้รัญจวนใจสวาทเพียงขาดใจ
ดังแผ่นทรวงพุพองเป็นหนองทรามอย่าได้ถามเลยว่าเจ็บสักเพียงไหน
ยิ่งเยียวยาโรครักยิ่งหนักไปไม่เห็นใครที่จะมาพยาบาล
ชะรอยบุญบุพเพพาสนาจึงเชษฐาให้มีจิตคิดสงสาร
มาถามดูรู้แน่ในอาการรับเป็นภารธุระมั่นช่วยผันแปร
ว่าโรคทรวงพังพองเพราะข้องขัดเอาไม้กลัดเสี้ยมส่งให้บ่งแผล
ก็พลันหายคลายเจ็บในดวงแดยังเป็นแต่เฝ้าติดอยู่นิดเดียว
น้องมิได้มีจิตคิดเข็ดขามจะรื้อเข้าสู้สงครามสิหนามเกี่ยว
กลับอักเสบแสบยิ่งจริงจริงเจียวโอ้ใครจะเยียวยาเล่าคิดเศร้าใจ
ก็เห็นแต่พี่ซึ่งมีเมตตาน้องจะตรึกตรองให้เห็นความหนามนี้ได้
ทั้งช่วยคิดประกอบยาทาหทัยนั่นแลไข้ใจฉันจะพลันคลาย
ที่เชษฐาปรานีนุชช่วยอุดหนุนก็คิดคุณพี่อยู่ไม่รู้หาย
จะจงรักไปกว่าชีวาวายน้องนี้หมายใจเป็นหนึ่งจะพึ่งพา
อันกำเนิดเกิดมาเป็นบุรุษได้ทุกข์สุดก็แต่สิ่งเสน่หา
กับมานะในสันดานการพูดจาสุดแต่ว่าเป็นชายอย่าหมิ่นชาย
น้องจะสู้สงคราวด้วยความคิดถ้าสิ้นฤทธิ์รู้แน่จะแพ้พ่าย
ก็จะเข็ดเรื่องนี้เป็นนิยายขึ้นถวายไว้ให้เล่นละครรำ
ซึ่งสังคามาระตาขอตัดบทก็ทราบหมดว่ายังเลื่อนแลเอื้อนอ้ำ
บุษบาราคาแพงควรแคลงคำแต่ว่าจำจะรังแกให้แชเชือน
แต่รุ่นเยาว์เท่าบัดนี้นะเชษฐาได้น้อยใจครั้งไรมาไม่มีเหมือน
ดังจารึกด้วยหมึกหมายถึงลายเลือนยากจะเกลื่อนเกลี่ยไกล่ให้หายรอย
น้องสนองพจมานสารสวัสดิ์สารพัดสัตย์ซื่ออย่าถือถ้อย
ถ้าข้อไหนไม่งามเงื่อนแลเลื่อนลอยจงตรองหน่อยอย่าด่วนแหนงระแวงเอย
ฯ ๓๖ คำ ฯ
             

บทที่ ๗ ของชายที่ ๑

๏ ได้ฟังข่าวกล่าวไข้ก็ใจหาย
ว่าจับสะท้านหนาวเย็นเป็นมากมายทั้งผิวกายก็ร้อนรุ่มคลุมสไบ
โภชนากระยาหารก็ลืมรสอันโอสถซึ่งเคยประกอบหาชอบไม่
เห็นอาการจะนานคลายหลายวันไปดังจิตใจน้องจะขาดอนาถทรวง
แต่เวียนถามโรคาเชษฐาน้องมิได้พร้องเลยในกิจการหลวง
ดังแสนเขาเท่าทับฤดีดวงให้เหงาง่วงหงอยจิตคิดคะนึง
ครั้นจะใช้คนสนิทธิดาเลี้ยงมากล่างเกลี้ยงคำงามถามข่าวถึง
ก็เกรงคนจะแหนงในสงสัยอึงด้วยพี่พึ่งจะนับน้องครองไมตรี
ถ้าไปได้น้องจะไปให้ถึงสถานพยาบาลโรคารักษาพี่
จะชะอ้อนวอนถามไปตามทีให้ปรานีบอกโรคที่รึงกาย
ทั้งจะวอนให้อุตส่าห์เสพอาหารเห็นอาการเชษฐานั้นจะพลันหาย
นี่ตัวไกลใจเพียงจะขาดตายได้แต่คอยข่าวคลายไม่วายวัน
อันอกน้องที่ต้องหนามสองสามแผลก็กำเริบขึ้นแหลแท้เวรฉัน
จึงเผอิญให้เจ็บป่วยลงด้วยกันเห็นแสงจันทร์แล้วยิ่งแสนเสียดายเดือน
จะแก้ใจด้วยกาพย์กลอนละครคิดโคลงลิลิตกระบี่ปืนไม่ชื่นเหมือน
ยามนอนนอนกระสันนึกฟั่นเฟือนคิดจะเตือนก็พอทราบซึ่งอาการ
อนุชาพากันวิตกนักจึงลิขิตลายลักษณ์อักษรสาร
มาต่างกายอยู่รักษาพยาบาลอย่าไข้นานเลยจงหายเคลื่อนคลายเอย
ฯ ๑๘ คำ ฯ
             

บทที่ ๘ ของหญิง

๏ อภิวาทรับกระดาษบรรหารสาร
นิพนธ์ทรางแทนพระโอษฐ์โปรดประทานได้ทราบสารก็สิ้นแคลงระแวงวน
ดังสุหร่ายทิพย์โรยโปรยละอองชำระหมองกระหม่อมฉันสักพันหน
มิเสียแรงที่เพรียรพากฝากสกนธ์ถวายชนม์ชีพไว้ใต้บาทมูล
สัจจังจิตมิได้คิดรำพันพ้อคิดว่าก่อไม่สานตามเกรงความสูญ
เมื่อตรัสประภาษสิไม่อาจสนองทูลเกรงจะพูนเพิ่มผิดเมื่อปลายมือ
จึงทูลฉลองโดยทำนองสุจริตกระหม่อมฉันนั้นคิดตามจิตซื่อ
ไม่ลบล้างบทเบื้องให้เคืองครือใช่จะรื้อเสียไม่ริดำริตรอง
ทุกวันนี้เว้นแต่หลับจึงลืมตรึกคะนึงนึกถึงพระคุณการุญสนอง
ที่สิ่งชั่วมิให้กลั้วใต้ฝ่าละอองที่สิ่งเคืองมิให้ข้องพระอัธยา
ประสาใจโดยที่สุจริตระแวงผิดจะติดพันไปวันหน้า
เหมือนทรงดำรัสตัดพ้อในอักขราว่าตีปลาหน้าไซไม่ปรองดอง
ยามการุญก็เป็นคุณอยู่ส่วนตัวแม้นไม่โปรดก็จะชั่วมัวหมอง
ใช่ทูลทัดให้ขัดเคืองใต้เบื้องละอองมาเกี่ยวข้องเป็นเช่นนี้นี่เนื้อกรรม
ก็ทราบสิ้นอยู่ว่าปิ่นกษัตริย์ศึกหมายนึกในสงครามจะห้ำหั่น
ก็ย่อมหมายชนะกะได้กันกระหม่อมฉันฤาจะกล้าเข้าฝ่าเกิน
ซึ่งหนามความรับสั่งมาครั้งนี้ว่าหมดดียาชะงัดตรัสสรรเสริญ
รับสอยส่งให้บุพโพเดินไม่ทันเนิ่นสิหนามเกี่ยวน่าเหี่ยวใจ
รับสั่งให้ประกอบยาทาแผลหนามพิเคราะห์ความข้อนี้น่าสงสัย
พระโรคคลายย้ายยักกลับหนักไปจนแพทย์ไม่ทันตรึกรำลึกยา
เห็นเหลือหมอจะหายาทาพระแผลเกรงพระโรคจะแปรไปวันหน้า
เมื่อแพทย์เดียวเวียนค้นตำราเฝ้าตรึกตราถึงพระโรคจนเจียนงอม
ซึ่งจะให้เสื่อมคลายหายแผลหนามทรงจับความเรื่องปลายที่หมายถนอม
เห็นพอจะคลายลงที่ทรงตรอมนั่นแหละทูลกระหม่อมเป็นทิพยา
ใช่จะทูลเกี่ยงกันนั้นมิได้ด้วยสุดใจเหลืออกจะยกว่า
ซึ่งออกพระโอษฐ์โปรดปรานประทานมาจะชุบเลี้องไปกว่าชีวาวาย
พระคุณเหลือเจือจอมกระหม่อมชุ่มดังโพธิ์พุ่มแม่นมั่นสำคัญหมาย
ขอรองบาทยุคลจนวันตายไม่หนีหน่ายหลีกเลี่ยงคิดเบี่ยงเบือน
จะทอกกายหมายว่าแทนฉลองบาทธุลีพาดมิให้หมองละอองเปื้อน
อาสาโดยสุจริตไม่บิดเบือนไม่ลอยเลื่อนหมายเป็นหนึ่งจะพึ่งพา
เว้นเสียแต่ในภพนภาพื้นนั้นสุดฝืนที่จะฝ่าทูลอาสา
ที่จัดจริงทุกสิ่งสนองมาเป็นสัจจาสารพัดจะขัดเคือง
อันสารสนองรองเบื้องบทรัชไม่สันทัดทูลความไปตามเรื่อง
ที่ข้อไหนไม่ประจักษ์ยังยักเยื้องประทานโปรดอย่าเคืองเบื้องบาทเอย
ฯ ๓๔ คำ ฯ
             

บทที่ ๙ ของชายที่ ๑

๏ สดับสารแสนโสมนัสสา
ปานจุลจักรพรรดิขัตติยาได้จินดาดวงรัตน์จำรัสเรือง
ทราบสุนทรที่อำนวยอวยโอษฐ์เสนาะโสตแสนประคิ่นจนสิ้นเรื่อง
สารพัดจะการุญไม่ขุ่นเคืองแต่ยักเยื้องอยู่ที่ข้อจะต่อความ
ขอเชษฐาอย่าได้แคลงแหนงฉงนอันอนุชานี้เป็นคนเคยสนาม
ถ้าใครก่อพอเห็นเส้นคงสานตามมิใช่จะลามย่ามใจไม่เกรงกลัว
ด้วยเหตุว่าเป็นเนื้อน้ำธรรมชาติถึงจดมาศมิได้มีราคีกลั้ว
จึงสู้ออมตรอมจิตไม่คิดกลัวจนพันพัวเพิ่มวิตกในอกน้อง
ฉันบอกพี่ว่าหนามเหน็บที่เจ็บเหลือก็มิเชื่อเนื้อกรรมมาจำสนอง
ที่ข้อแคลงแหนงฤทัยในทำนองไม่การุญขุ่นข้องหมองกมล
น้องใจซื่อถือว่าพี่เป็นที่หวังจะปลูกฝังแล้วควรรักเป็นพักผล
เหมือนหว่านกล้านาปรังริมฝั่งชลจะงามต้นไปทุกกอแตกหน่อรวง
อย่าประวิงกริ่งเหตุเลยเชษฐาว่าน้อน้อยจะเสียนาต้องคว้าสวง
จงเห็นรักประจักษแจ้งใช่แสร้งลวงก้ควรท้วงแล้วที่กลัวจะมัวไป
ฉันขอบคำพี่ร่ำว่าเมตตาน้องช่วยตรึกตรองเว้นแต่หลับหาลืมไม่
ครั้งนี้น้องก็หมายมั่นสำคัญใจจะรื้อไข้ก็เพราะพี่พยาบาล
ซึ่งให้จับเรื่องปลายจะคลายเจ็บเมื่อหนามเหน็บอยู่ยังหาแต่ยาสมาน
เห็นเหลือกำลังประทังทุกข์ที่ทรมานกระยาหารมื้อหนึ่งลงครึ่งช้อน
ถึงจะสูญสิ่งสวาทสิ้นวาสนาน้องจะเอาใจไว้ท่าเชษฐาก่อน
จะสู้ยากพากเพียรไปเวียนวอนกว่าจะอ่อนผ่อนจิตคิดเมตตา
ซึ่งเชษฐาตอบตัดว่าขัดข้องด้วยโรคน้องนี้ยังยากเหลือรักษา
ฉวยหายแล้วจะกลับเล่าเฝ้าขอยาฟังพี่ว่าก็เห็นต้องทำนองความ
อันธรรมดาหญิงชายทั้งหลายหมดควรกำหนดได้ฤาหนอน้องขอถาม
ย่อมทุกข์โศกโรคร้อนทุกรูปนามใครไม่ห้ามหักได้ใจเจตนา
เป็นนิสัยประเพณีชาตรีบุรุษมิรู้สุดสิ้นสวาทแลปรารถนา
ควรฤาพี่ช่างไม่คิดอนิจจาให้อนุชาทุกข์ตรอมออมอาลัย
จงเห็นว่าน้องหมองจิตคิดขัดสนเหมือนนอนว่ายสายชลชเลไหล
จะหมายฝั่งมหาสมุทรก็สุดไกลจะพึ่งไม้ขอนน้อยก็ลอยเคียง
จะอ่อนแรงสิ้นกำลังประทังว่ายก็หมายใจว่าจะตายนี้แท้เที่ยง
ได้แต่กุศลผลสัตย์ไว้เป็นเสบียงบำรุงเลี้ยงชีพว่ายอยู่หลายวัน
อันพี่นางอย่างเทพอัปสรซึ่งเขจรจากสถานพิมานสวรรค์
มาช่วยน้องในมหาสาครคันให้รอดชีวันพ้นชลเวทนา
ทุกวันนี้ไม่ลับล่วงเพราะห่วงน้องด้วยรักสองดรุณเรศกับเชษฐา
เหมือนถือสัตย์ว่ายวนในชลชลาจนนางฟ้ามาชูช่วยไม่ม้วยมรณ์
จะเปรียบปรายคล้ายพระลอรัญจวนจิตเมื่อต้องวิทยาน้องสองสมร
ไม่อาลัยในสุรางค์แลนครสู้สัญจรไปสมสองได้ครองกัน
อันเรื่องอิเหนานั้นก็คิดเป็นนิจอยู่จะพันตูสู้ศึกสงครามขัน
แต่ยังขัดอยู่ด้วยแผลนี้แก่วันฤาแสงจันทร์นั้นไม่คอยน่าน้อยใจ
โอ้ดวงเดือนเลื่อนฟ้าวราฤทธิ์ยังดลจิตพี่นางบ้างฤาไฉน
ให้พาน้องสองสมรเขจรไปพอพี่ได้พบพักตร์รู้จักเอย
ฯ ๔๐ คำ ฯ
             

บทที่ ๑๐ ของหญิง

๏ ชลีกรอ่อนศิโรตม์รับสั่งสาว
น้อมสดับจับโสตโปรดประทานพระบรรหารล้วนเลิศประเสริฐทรง
ดังตรีเนตรประเวศดาวดึงส์หวังประสิทธิ์สังขวารินมาโสรจสรง
เฉลิมยศปรากฏขจรพงศ์เป็นฉัตรทรงร่มเกล้ากระหม่อมเย็น
พระเดชานุภาพเพียงปราบภพไม่เล็งลบในทวีปชมพูเห็น
พระเมตตาดังมหาพิรุณกระเซ็นมิได้เว้นว่างหน้าข้าละออง
น้ำพระทัยใสสุดจะเอื้อมอ้างจะไว้หว่างเกล้าจอมกระหม่อมสนอง
ประภาษพจน์แต่ละคำดังจำลองจารึกทองไว้กับแผ่นศิลางาม
ด้วยการุณังหวังพระทัยในนพมาศแต่ธรรมชาตินี้เชื่อเพื่อเนื้อสาม
เพราะน้ำอ้อมช่วยถนอมจึงชูนามเห็นไม่งามรับยาราชาวดี
ที่ตรงแท้แน่นพคุณถ้วนนั่นแหละควรเครื่องคู่ให้ชูศรี
อันเนื้อต่ำช้ำยาราชาวดีที่ทูลนี้โดยรักไม่ชักแช
ก็ทราบสิ้นในระบิลพระโรครบหนามกระทบยอกช้ำระกำแผล
ทำไมกับเสี้ยนนิดไม่คิดแปรวิตกแต่ข้างสงครามให้งามควร
ซึ่งนิสัยประเพณีชาตรีบุรุษมิรู้สุดสิ้นมาดสวาทหวน
ก็ชอบชื่อในรหัสตรัสประมวลประทานถ้วนทูลถามด้วยความแคลง
อันธรรมดาว่ากุมารประธานโลกจะซูบโศกเฝ้าช้ำเป็นคำแฝง
ด้วยสงครามนั้นสิค้างอยู่กลางแปลงว่าศึกทรวงหน่วงแย่งไว้หว่างการ
จะยั้งทัพกลับรอพอปะทะรักษาแผลพระอุระเห็นผิดสาร
ฤาเยื้องเล่นเช่นราชาธิราชมอญนั่นทหารลองพระทัยในแจ้งจริง
เมื่อทูลกระหม่อมนี้เป็นจอมจรรโลงเลิศพระโรคเกิดตรัสเยื้องอย่าเรื่องสมิง
เห็นไม่ต้องพระธรรมนูญทูลท้วงติงประทานโทษโปรดอย่ากริ่งว่าทูลเกิน
พระวาจังหวังเกล้ากระหม่อมเปรียบประทานเทียบเทียมเทพสรรเสริญ
เป็นอัปสรรักษาชลาเนินสำหรับเชิญช่วยชีพให้พ้นชล
ก็ควรขอบชอบพระกำหนดอ้างแต่ใช่นางจะช่วยสุขทุกแห่งหน
จะขึ้นพ้นกระสินธุ์สายที่ว่ายวนนั่นกุศลส่วนพระองค์ดำรงชู
อันสองนางอย่างเรื่องพระลอดิลกประทานยกบทห้ามยังคร้ามอยู่
จับเมื่อจากหมันหยามาพันตูจะได้ดูระเด่นโศกวิโยคโทรม
ศศิธรจรดลบันดาลเดชก็สังเกตตามรับสั่งยังบังโฉม
ไม่เด่นดวงมืดมิดปิดโพยมสุดที่โทมนัสคอยน่าน้อยใจ
อนิจจาแขดวงจะล่วงรีบสี่ทวีปส่องสว่างกระจ่างไข
ที่มืดมนัสขัดข้องหมองฤทัยไม่เรื่อไรเมฆปิดเจียนมิดดวง
ทั้งสูงโสตนับโยชน์เหลือโอษฐ์แถลงชมแต่แสงไม่ทันสิ้นเมฆินทร์หวง
สู้ทนมืดฝืดช้ำระกำทรวงจะถามท้วงเกรงจะเคืองเบื้องบาทเอย
ฯ ๓๔ คำ ฯ
             

บทที่ ๑๑ ของชายที่ ๑

๏ สำเนาลักษณ์อักขรานุชาสนอง
โดยระบอบชอบความตามทำนองสิ่งใดข้องคำขัดอย่าตัดใจ
ซึ่งสรรเสริญอนุชามาทั้งเรื่องก็กระเดื่องดินฟ้าสุธาไหว
สมพรปากให้เป็นจริงทุกสิ่งไปน้องจะได้โกยกองสนองคุณ
ว่านพมาศชาติทองคำเป็นน้ำสามช่วยชูนามย้อมเนื้อเกื้อหนุน
ฟังก็งามตามประสาไม่การุญเหมือนน้ำขุ่นแต่กลั้วกลิ่นจึงกินเย็น
อันที่กำเนิดเกิดบ่ออุไรร่อนทั่วนครที่มีอยู่น้องรู้เห็น
ได้ร่อนแล้วแล้วก็ได้ไปไว้เป็นจะชี้เช่นน้ำเนื้อเห็นเหลือประมาณ
ถึงบ่อบางตะพานใหญ่ก็ได้ฟื้นก็ไม่ยินเนื้อน้ำซ้ำแตกฉาน
อันอัตปือเขาลือแร่แต่บุราณน้องก็พานพบบ่อได้พอเพียง
แต่ร่อนลองสองตำบลจนล้นเหลือจะถือว่าเนื้อแปดที่ไหนนั้นไม่เกี่ยง
บ้างสูงน้ำต่ำนิดพอชิดเคียงบ้างก็เพียงสี่เศษสังเกตตา
อันบ่อบางตะพานน้อยนี้ลอยเลิศเป็นที่เกิดชมพูนุทเห็นสุดหา
ถึงร่อนได้ก็แต่ล้วนคู่ควรราคาจึงอุตส่าห์สู้ลำบากพากเพียรกาย
จะสูงต่ำน้ำเนื้อนั้นทราบสิ้นแต่รักถิ่นธรรมชาติจึงมาดหมาย
ทำไมกับการสงครามเป็นความปลายซึ่งจักนิยายรามัญรำพันมา
นั่นยกไว้ต่อเมื่อแน่จะแพ้ฤทธิ์จึงจะคิดหาเหตุสองเชษฐา
เป็นมั่นแม่นแม้นมิเฮก็ได้ฮาพี่แต่งตาไว้คอยดูเงี่ยหูฟัง
เมื่อหนามเหน็บเจ็บสวาทเพียงขาดชีพฤากลับบีบให้แผลช้ำเนื้อกรรมหลัง
สงสารตัวมัวรักพี่จริงจังพี่หากชังน้องนี้แน่จึงแปรปรวน
โอ้อาลัยประหนึ่งใจจะจากร้างฤาพี่นางก็มาเอื้อนให้เตือนหวาน
แม้นรู้ว่าถ้ามิได้แล้วไม่กวนจะสู้ม้วนหน้าเศร้ากอดเข่าตรอม
นี่เวรเคยได้เชือนชักสมัครสมานทรมานมิใช่คู่เข้าชูถนอม
มาตามทันชาตินี้มีแต่ตรอมสุดจะอ้อมอกช้ำระกำใจ
ครั้นคิดคำที่ร่ำว่าเมตตาน้องสิ่งประสงค์มิให้ข้องอัชฌาสัย
เว้นแต่ดวงดอกฟ้านภาลัยในต่ำใต้แล้วคงเสร็จสำเร็จรัก
ยังจับจิตคิดคุณมิรู้หายฤามากลายเป็นแสลงพึ่งแจ้งประจักษ์
เพราะดวงเดือนไม่เลื่อนล่องจึงหมองพักตรครั้นส่องนักเกลือกจะเบือนให้เดือนอาย
น้องขอถามถึงความไข้ด้วยเชษฐาได้ยินข่าวกล่าวว่าโรคาหาย
จงอยู่ชมธิดาสามแต่ตามสบายอันน้องชายนี้อย่าคิดให้จิตพะวง
โอ้สองสมรมิตรขนิษฐนาฏแม้นสิ่งสวาทพี่ไม่เสร็จสำเร็จประสงค์
จะจาบัลย์รันทดกำสรดทรงเชษฐาจงกรุณาเมตตาเอย
ฯ ๓๒ คำ ฯ
             

บทที่ ๑๒ ของชายที่ ๓

๏ ฉันทราบข่าวเล่าลือกันอื้อฉาว
ว่ามีโจทก์กล่าวโทษด้วยเรื่องราวขอกราบเท้าเรียนฟ้องทำนองความ
เป็นสาหัสคัดข้อต่อสาเหตุปฏิเสธกลับความให้งามสนาม
ในข้อหาว่าฉันขันประชันงามไม่ต่อตามราคาว่าเต็มแพง
ข้อหนึ่งว่าของดีไม่มีชั่วฉันปลุกปล้ำจำให้มัวด้วยลมแสลง
จะแบกบาปหาบหักจนหนักแรงแยกแย้งไม่เกรงผิดจนติดพัว
สู้ฟันฝ่าสามิภักดิ์รักสินจ้างมณีนางแผ้วผ่องว่าหมองสลัว
เอาเท็จแฝงแต่งคำให้จำมัวแกล้งถมชื่อลือทั่วจนมัวนวล
ในข้อหาทราบมาพอสมนึกที่ตรอมตรึกจะใคร่ให้คุณไต่สวน
ที่ข้อแฝงแต่งคำยังอำยวนให้ถามทวนเบิกความตามข้อฟ้อง
แต่คอยฟังตั้งท่าทิวาเนิ่นกำหนดเกินนั้นเลื่อนจึงเตือนสนอง
ข้อคดีนี้ได้ทราบกราบฝ่าละอองฤาเกี่ยวข้องอยู่เพียงเท้าเจ้าคุณเธอ
คือตัวใครกล่าวโทษเป็นโจทก์อ้างที่เรื่องร่างข้อคำนำเสนอ
แม้นเจ้าคุณได้อำนวยอวยเออโปรดอย่เพิ่ฟังความถามฝ่ายเดียว
จงวินิจฉัยไตร่ตรองให้ถ่องแท้โปรดแปรสำเนาความตามซีกเสี้ยว
ให้สะส่างสว่างอกที่รกเรี้ยวเดือนหงายจะได้เที่ยวเล่นอีกเอย
ฯ ๑๖ คำ ฯ
             

บทที่ ๑๓ ของชายที่ ๒

๏ สนทนาอยู่กับนายถึงรายหนาม
พอพี่ใช้ให้มาแข้งแถลงความพิเคราะห์ตามคำว่าก็น่าแคลง
แต่เวียนอ่านสารสำนวนทวนหลายกลับดูเลื่อนลับคมขำเป็นคำแฝง
เห็นความนิดที่ข้อว่าราคาแพงไม่โจ่งแจ้งต้นปลายให้ทายเดา
เหลือปัญญาตรึกไตรจะไต่สวนด้วยความทวนทบเยื้องไปเรื่องอิเหนา
ไม่ได้เห็นไม่ได้รู้เลยหูเรานี่ใคราเล่าประหลาดหนอมาก่อการ
จึงนำสำเนาเค้ามูลขึ้นทูลสนองตามเรื่องฟ้องโจทก์หาให้ว่าขาน
เกรงเกลือกจะไม่มีสักขีพยานตระลาการถูกอุทธรณ์แน่นอนใจ
ท่านยิ้มเยื้อนเอื้อนโอษฐ์โปรดประภาษฟังประหลาดเหลือสังเกตนี่เหตุไฉน
ทั้งข้อหาก็น่าแหนงแคลงฤทัยเมื่อใครมิได้มากล่าวโทษเป็นโจทก์กัน
ครั้นจะว่าแสร้งสงสัยก็ใช่ที่เห็นจะมีผู้กระตุ้นให้หุนหัน
ช่างต่อติดผิดถูกเข้าผูกพันยังมิทันที่จะเชิดสิเกิดความ
แล้วท่านกลับหารือรื้อปรึกษากับตัวฉันประสันตาด้วยเป็นสาม
รู้ฤาไม่อย่างไรอยู่ดูงุ่มง่ามใครต่อตามให้จนขึ้นราคาแพง
เมื่อเราสำรวลอยู่ไม่รู้เรื่องเขาลือเลื่องที่ตรงใครก็ไม่แจ้ง
ทั้งไม่มีผู้จะกล้ามายุแยงมิรู้แห่งจะตรึกไตรใคร่ครวญ
ถ้าหากว่ามีผู้บอกออกตัวให้เห็นพอจะวินิจฉัยไต่สวน
นี่เป็นแต่สื่ออื้อฉาวกล่าวทบทวนจะเก็บประมวลเอามาฟ้องแลร้องฎีกา
กฏหมายห้ามตามธรรมนูญกระทรวงศาลตระลาการผู้บังคับอย่ารับว่า
แต่เป็นความมลทินเขานินทาผูกสาเหตุเชษฐาว่าน้อยใจ
อนุชาก็คิดแค้นแสนพิโรธแต่หารู้ที่จะโกรธผู้ใดไม่
ฤาพี่หากขังฉันนอนฝันไปก็ผิดนิสัยใช่ที่จะควรเป็น
ฉันใดจะได้ตัวคนโกรธพี่ใครตาทิพหนอช่วยชี้ออกให้เห็น
จะสืบสางลมปากนี้ยากเย็นประหนึ่งเล่นปิดตาเที่ยวหากัน
ท่านให้น้องสนองมาว่าความพี่ถ้าแม้นมีผู้ถ้อยยำคำมั่น
จะออกเป็นตัวว่ากล้ายืนยันก็ให้ไปว่ากันในวันแรม
อันข้อฟ้องน้องฟังกระแสตรัสมิให้ผลัดนัดเลื่อนถึงเดือนแจ่ม
ทั้งท่านบ่นอยู่ด้วยความหนามเหน็บแนมไม่มีแย้มยิ้มสรวลสำรวจเลย
เห็นพระจริตปรวนแปรกว่าแต่ก่อนเฝ้าอาวรณ์ถอนพระทัยไม่สรงเสวย
สารพัดจะผิดจริงทุกสิ่งเคยจนลืมเลยเครื่องอิเหนาคิดเผาเมือง
น้องขอเชิญไปตรวจงานการวัดใหม่พอชูพระทัยที่กำสรดให้ปลดเปลื้อง
เหมือนพี่ได้การุญอย่าขุ่นเคืองอย่าให้เปลืองวันคืนไปหมื่นปี
ทั้งทุกข์ฉันจะบรรเทาที่โหยหาประสันตาก็คลายหายปวดฝี
น้องชะอ้อนวอนว่าจงปรานีในราตรีพรุ่งนี้เชิญดำเนินจร
อันข้อดำรัสตรัสประภาษนั้นอาจหาญตามทำนองตระลาการไม่โอนอ่น
เชษฐาจงอวยโอษฐ์ที่โทษกรณ์อย่าตัดรอนเลื่อนผลัดผ่อนไป
ฉันขอกระซิบความลับกำชับพี่ที่หนามนี้คิดถวายให้จงได้
เบื้องหน้าถ้ามิงามความขอบไซร้จึงอย่าได้นับหน้าอนุชาเอย
ฯ ๓๘ คำ ฯ
             

บทที่ ๑๔ ของชายที่ ๓

๏ ลิขิตสารโดยการสุจริต
ได้แจ้งร้อนใช่นอนอารมณ์คิดสัจจังจิตใช่จะเฉลยละเลยความ
แต่คอยฟังตั้งท่าทิวานับโสตสดับคอยความสงครามสนาม
ตาตั้งระวังประตูคอยดูงามตามสั่งมิให้คลาดประมาทเมิน
เห็นวาวแววแล้วไม่แน่อารมณ์เล่าเรียนไต้เท้าทวนถามกลับขามเขิน
คุณอ้ำเอื้อนเหมือนฉันถามข้อความเกินมีกรรมเผอิญแล้วฤาหนอน่าท้อใจ
สำคัญคิดจิตจงแต่ตรงซื่อโอ้ยามนี้สิท่านรื้อนี่เหตุไฉน
ก็แล้วเถิดคุณอย่าให้วุ่นฉันต่อไปจะเจียมใจเจียมตัวด้วยกลัวพราง
สารพันในอกหยิบยกแจ้งนี่ระแวงข้อใดหนอไม่พอหมาง
ไม่พอที่จะมามัวชั่วอยู่กลางอันเรื่องนางไม่ขอเพียรเรียนแล้วเอย
ฯ ๑๐ คำ ฯ
             

บทที่ ๑๕ ของหญิง

๏ สรวมชีพข้าบาทบรมนาถ
ควรมิควรขออย่าเคืองให้เบื้องบาทอันชีวาตม์อยู่ใต้ธุลีละออง
จะเท็จจริงไฉนไม่ทราบเกล้าเป็นแต่คำลือเล่ากล่าวสนอง
ว่าจอมเจ้าอิเหนานาถนั้นสมปองกระหม่อมฉันก็พลอยผ่องอารมณ์ครัน
เห็นศศิส่องผ่องแผ้วนภาพื้นโดยแต่ชื่นแสงเดือนจนเชือนฝัน
ว่าจากถิ่นสู่ท่าสาครครันประทับมั่นบางจากข้ามอารามตรง
จนฟื้นฝันแล้วยังมั่นไม่วายชื่นเป็นหลายคืนตั้งเพ้อละเมอหลง
ฝันประหลาดอนาถจิตคิดพะวงฤาจะส่งยศยิ่งภิญโญเรือง
ฤาจะถอยอัพลานิรายศจะกำหนดลงไฉนไม่ได้เรื่อง
ฤาจะผิดราชกิจระแวงเคืองประทานเปลื้องแก้นิมิตประสิทธิ์พร
เหมือนพระอิศโรราชประสาทพจน์ชำระรดอุปัทวะสละสลอน
เจริญสวัสดิ์สารพัดสถาวรจะได้จรไปชมเดือนเหมือนฝันเอย
ฯ ๑๒ คำ ฯ
             

บทที่ ๑๖ ของชายที่ ๑

๏ เป็นน่าสรวลสำนวนคำช่างทำเส
เดิมไม่แจ้งก็สำคัญว่าฝันคะเนมิรู้เล่ห์สุกระสารจึงเสียกล
ซึ่งเชษฐาว่าอิเหนานั้นสมหวังน้องฟังฟังก็แหนงนึกตรึกฉงน
บัดนี้ระเด่นเป็นขุนแผนแสนขลังมนต์ผูกภาพยนต์มาหาน้องวันทองไป
อันท่านแท้องค์อิเหนาอสัญหยาย่อมเรืองณรงค์ทรงปัญญาจะหาไหน
ทั้งสมบัติพัสถานออกลานใจควรจะได้นางดาหาวราทรง
ด้วยมะเดหวีก็รับรักช่วยชักเย่อไหนพวกพ้องจะอือเออเสนอส่ง
รู้จักพักตร์ตระหนักนามอยู่สามอนงค์ล้วนแต่จงใจพุ้ยตะกุยตะกาย
ขี้คร้านฟังขี้คร้านเชื่อมันเหลือยุ่งจะใส่ถุงถ่วงให้ละลายหาย
แต่เสียแรงที่กำเนิดเกิดเป็นชายจำจะจ่ายเสียให้เฟื่องตามเรื่องราว
เจ้าข้าเอ๋ยนักเลงเล่นจงเห็นประจักษ์อยากปลูกรักไว้กันกาจะพาฉาว
ถ้าแม้นได้เป็นเพื่อนชมเดือนดาวจึงค่อยกล่าวขอสูได้ดูใจ
ประการหนึ่งฟังให้รู้ในเชิงด้วยถ้าแต่งมวยแล้วเราอย่าเข้าใกล้
เล็บจะหักเสียดอกพ่อฉันขออภัยขอเชิญไปพูดกันสักวันเอย
ฯ ๑๔ คำ ฯ
             

บทที่ ๑๗ ของชายที่ ๑

๏ ขนิษฐน้องหมองฤทัยไห้หวน
ด้วยพี่นางขนางจิตคิดมิควรฤามาปรวนแปรสวาทเหมือนขาดรัก
จะว่าไปไหนเลยจะเล็งเห็นประหนึ่งเช่นว่าหงส์หลงตกปลัก
สุบรรณบินรีบรุดไม่หยุดพักจนปีกหักตกตมระทมใจ
แค่เสร็จศึกสมนึกน้องได้ครองชื่นไม่มากคืนก็ใจจางทางพิสมัย
ด้วยข้อขำอำเอื้อนชายเกลื่อนไปจึงเห็นว่าใจจะเกรงจิตคิดคำปราม
ก็ใช่น้องจะฟื้นฝอยหารอยตะเข็บใช่หนามเหน็บแล้วจะคงบ่งด้วยหนาม
คอยจะเยียวยาให้มิดผนิดความได้ทำตามถึงสามครั้งไม่พังเค
ครั้นจะปรามห้ามกันไปก่อนพร้องเห็นพวกพ้องเขาจะชวนกันสรวลเส
ที่น้องว่าถ้ามีฮาก็ได้เฮจะต้องเร่เรื่องสงครามไปตามชิง
แต่เกรงผิดคิดตัวด้วยกลัวจะหมองถึงหนาวเนื้อจะต้องกองอัคคีผิง
อนุชากาฝากนี้ยากจริงแต่ความนิดหนึ่งก็กริ่งประวิงประแวง
แม้นคืนกายได้ดังจันทคาธจับเป็นแต่เลียมเทียมทับพอลับแสง
จะบอกบริสุทธิ์ให้อย่าได้แคลงมิให้แล้งฝนฟ้าทั้งนาดอน
ได้รู้เช่นเห็นงามสิ้นยามชื่นน้องไม่คืนคิดเพียรมาเวียนหลอน
จะได้ดูเล่นสบายฝีพายคอนให้นายอากรผูกขาดเขามาดประมูล
โอ้อาลัยไยเชษฐานิราสวาทมิทันสมอารมณ์มาดจะขาดสูญ
เมื่อเคยเอ็นดูชูช่วยอนุกูลให้เพิ่มพูนสิ่งเสน่ห์ไม่เรรวน
เห็นเฉยเชือนครั้นจะเบือนก็เกรงจิตแต่ใคร่คิดทุกคืนค่ำกินกำสรวล
เหมือนจะแสร้งแกล้งกลบให้รบกวนเมื่อไม่ควรฤามาเคืองกระเดื่องใจ
น้องรับผิดแล้วที่ปลิดนางดาหาจนเชษฐาได้หมองหมางทางพิสมัย
ก็สาเจ็บสิที่คิดให้ผิดไปสาแก่ใจสิที่ช่างไม่รั้งรอ
ซึ่งพี่นางปรานีน้องไว้สองนัดก็เห็นชัดแล้วสวาทสิทธิ์ขาดหนอ
อายุสัตว์เจ็ดสิบปีนี้มิพอทำไมจะขอต่อชีวันได้พันปี
บุรุษฤาควรถือเช่นไว้เป็นอย่างเหมือนแอหนังท่าเรือจ้างกับปันหยี
สู้พากเพียรเวียนระไวเป็นไมตรีได้สมนึกสึกชีชรารา
อันเดือนพิธีตรุษแม้นหลุดเลิกเห็นสิ้นฤกษ์แล้วหนอต่อปีหน้า
ฉวยละเลยลับเลื่อนเดือนแรกนาพระวสาสารทซ้ำอัมพวาย
ประจบชนเดือนสี่สิ้นปีเถาะก็เป็นเคราะห์จึงไม่สมอารมณ์หมาย
ใช่น้องจะคิดแก่ยากลำบากกายจะเพียรพายไปจนเสร็จสำเร็จรัก
แม้นชาตินี้มิได้ครองประคองชื่นด้วยได้อื่นรื่นสำราญสมานสมัคร
ควรจำเพาะเจาะจงเอาทรงสะพักทำธงปักขึ้นบูชาจุฬามณี
จะตั้งจิตพิษฐานการกุศลเดชะผลสามิภักดิ์ที่รักพี่
จะเกิดเป้นบุรุษไปในโลกีย์ขอให้มีปรีชาเฉลียวการเกี้ยวพาน
บรรดาหญิงใช่ญาติสนิทให้จิตประหวัดเหมือนลมพัดถูกธงจงใจสมาน
จะนึกไหนได้สมหวังจิรังกาลอย่ารู้รานรักร่ำระกำตรอม
การวิวาห์อย่าหน่วงเนิ่นให้เหินหาวต้องนอนหนาวตึกแพรดำร่ำกลิ่นหอม
ขอชมเดือนเหมือนเมื่อยังประนังประนอมประชุมพร้อมเช่นเชษฐาเคยพาพาย
อันเรื่องอิเหนานี้ขยาดไม่อาจต่อแต่เรื่องพระลอลิลิตนั้นยังมั่นหมาย
ถึงพงศ์เผ่าเขาห้ำหั่นชีวันวายก็นับว่าชายตายด้วยรักประจักษ์จริง
ต้องถืออย่างเรื่องอุเซ็นไว้เป็นทำเนียบจะทานเทียบเปรียบปรายคล้ายทุกสิ่ง
เพราะแรงรักหักรอนสู้วอนวิงถึงเจ็ดปีมีแต่นิ่งไม่นึกจาง
อนุชาพจมานสารสุจริตขอเชษฐาอย่าได้คิดอางขนาง
มาก่อกวนชวนเชิญไว้พลางพลางพอเดือนสว่างจะได้จรเช่นก่อนเอย
ฯ ๔๔ คำ ฯ
             

บทที่ ๑๘ ของหญิง

๏ สงสารจิตเหลือผัดแล้วอกเอ๋ย
ทรงพระคุณไม่การุญกระหม่อมเลยมีแต่เปรยปรายเปรียบประเทียบมา
เมื่อสุจริตจิตจริงทุกสิ่งซื่อมีกรรมฤากลับเห็นเป็นโทษา
อนาถจิตคิดคิดน่าอนิจจาโอ้ชาตาคล้ายจันทร์มณีพราหมณ์
ก็เพราะทรงอนุกูลการุญเลี้ยงจึงเรียบเรียงศุภอรรถมาตรัสถาม
ได้ทูลสนองโดยทำนองสำเนาความตามจริงสิ่งสัตย์ไม่ดัดแปลง
เผอิญเป็นกุศลเข้าดลแทรกแย้งแยกความจริงเป็นสิ่งแฝง
ความสัตย์ที่วิบัติเป็นคำระแวงกลับเป็นแกล้งแย้งแยกแหวกกัน
สู้สามิภักดิ์รักเบื้องบทรัชด้วยความสัตย์ใจจริงทุกสิ่งสรรพ์
โอ้ยามหนาวคราวฤดูเหมันต์เวลานั้นลืมหนาวเป็นคราวเพลิน
จึงชวนเชิญโฉมอัปสรไปชมชลเสาวคนธ์จึงได้ฟุ้งจรุงเหิน
ฤามีโทษที่พาจรสาครเกินกระนั้นแน่แท้เผอิญว่าเวรจอง
โอ้เทวาองค์ใดมาให้โทษจึงสร่างโปรดเคืองคำที่นำสนอง
ที่สุจริตคิดเป็นข้าใต้ฝ่าละอองกลับเป็นเปลือกท่านเลือกดองไม่เป็นอัน
กว่าจะต้องคำบุราณว่านานเห็นสิจวนเจียนจะไม่เป็นกระหม่อมฉัน
กว่าจะเห็นสิท่านเล่นเสียครันครันถ้ากระนั้นก็ตายเปล่าน่าเศร้าใจ
โอ้สัตว์ผู้ยากไร้ปากยากทุกสิ่งสัจจังจริงก็ไม่กู้ชูตัวไหว
ท่านยังไม่สมก็ตรอมตรมด้วยเกรงภัยครั้นท่านได้ยิ่งโทษทับกลับความ
ได้พึ่งพระเดชปกเกศเป็นฉัตรกั้นรวีวันเดือนสิบเอ็ดขึ้นสิบสาม
จึงขึ้นชื่อลือเลื่องกระเดื่องนามงามด้วยชุบเกล้าย้อมกระหม่อมชู
ครั้นยามเคืองเบื้องบาทสิคาดโทษโอ้แสนโหดชั่วช้าน่าอดสู
มืดมิดปิดสิ้นทุกประตูจนอุดอู้เพียบล่มลงจมลำ
เดชะผลกตัญญูนั้นชูช่วยกับสัตย์ด้วยนั้นเป็นที่อุปถัมภ์
ชาตาพ้นอำพุอุระระยำกุศลนำขึ้นนระสละเคือง
จึงทรงดำริถึงความเมื่อยามหลังมีรับสั่งทวนถามมาตามเรื่อง
จะกราบทูลให้ประจักษ์ไม่ยักเยื้องซึ่งจะเปลื้องฤามิเปลื้องสุดแต่ใจ
ที่รอรั้งหวังจะให้ประมูลเพิ่มเหมือนเช่นเดิมลือกันสนั่นไหว
จึงหน่วงนัดผัดเดือนเลื่อนออกไปเห็นมากไหนจึงล่มนิยมยอม
อันแอหนังท่าเรือจ้างอย่างเช่นตรัสนั่นท่านขัดคู่คงจะจงถนอม
ถึงสักหมื่นพระวษาชรางอมก็ประนอมจิตจงอยู่คงงาม
ที่ทูลกระหม่อมทรงตรอมด้วยนัดเนิ่นเกรงพระชนม์นั้นจะเกินกำหนดห้าม
เป็นปะวังทะศกยกข้อความพิกัดห้ามความคู่สู้สืบพยาน
ประการหนึ่งถึงจะสู้สงครามเล่าก็ไม่เพราะเคล่าคล่องทำนองหาญ
จึงรีบรันขนไปให้ทันกาลแต่ชนมานยังหนุ่มสาวคราวรื่นรวย
แม้นทราบลงตรงแท้แน่กระนั้นกระหม่อมฉันผู้ไปเล่นก็เห็นด้วย
ว่านางใดดังใบไม้ได้ลมชวยก็เออเอยลงให้เห็นเป็นใจดี
เจ้าข้าเอ๋ยหญิงใดอย่าใจดื้อไม่ทันอือก็ให้ปรึกถึงข้างที่
นั่นแลแน่แท้ว่ายอดกระษัตรีลูกหลานมีจะสอนใหม่ให้ใจลอย
ซึ่งทรงขยาดตัดขาดเรื่องชวาก็บุษบาที่ไหนนี่มีบ่อยบ่อย
ประภาษตรัสต้องขาดความไปตามรอยใช่ฟื้นฝอยหาตะเข็บให้เหน็บแหนม
ซึ่งทรงศรัทธาเอาผ้านั้นทำธงต้องประสงค์เช่นหลังครั้งเดือนแจ่ม
ทรงสละมัจฉริยะไม่ปะแปมต่อเดือนแรมจึงจะค่อยไปโมทนา
แพรดำร่ำนั้นจะทำคัมภีร์รัดจะตั้งสัตย์อธิษฐานพานภพหน้า
จะเกิดไหนขอให้งามตามเจตนาเหมือนดังผ้าห่อมั่นพันคัมภีร์
อย่าให้หมองละอองวายุพาพาดอย่ารู้หวาดไหวตรงอยู่คงที่
ประสายากบริจาคได้ตามมีกุศลนี้ขอถวายใต้บาทมูล
ขอให้ทรงภิญโญยิ่งทุกสิ่งสุขชื่อว่าทุกข์เคืองระคายจงหายสูญ
ถ้วนหน้าข้าละอองสนองทูลจงเพิ่มพูนสิ่งสุขทุกหน้าอนงค์
ซึ่งจะทรงเรื่องพระลอต่ออิเหนาตามสำเนาลิลิตนั้นฉันต้องประสงค์
นั่นพระลอมิได้ปองสองนางจงพระลอหลงคุณศาสตร์จึงอาจจร
ที่ต่อไปนั้นไฉนไม่ทราบเรื่องประทานโทษโปรดอย่าเคืองว่าทูลหลอน
ใช่จะหวงหน่วงไว้ให้ทรงวอนจนต้องผ่อนตามทำเนียบเปรียบอุเซ็น
เป็นเหลืออกที่จะยกรำพันแจ้งจะชี้แจงทูลถวายไม่หมายเห็น
แสนเทวษนองเนตรทุกเช้าเย็นจะไปเล่นเกรงจะเคืองเบื้องบาทเอย
ฯ ๕๔ คำ ฯ
             

เชิงอรรถ

ที่มา

พระบวรราชนิพนธ์ เล่ม ๒

(ขอขอบคุณ คุณพิกุลแก้ว สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน)

เครื่องมือส่วนตัว