พระรถนิราศ

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == หมวดหมู่:วรรณคดีไทย [[หมวดหมู่…')

รุ่นปัจจุบันของ 12:02, 19 สิงหาคม 2553

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

ผู้แต่ง: เจ้าพระยาพระคลัง(หน)

บทประพันธ์

๏ ศิโรดมประณมนิ้วขี้นเหนือเศียร
ต่างประทีปธูปทองประทุมเทียนจำนงเนียนนบบาทพระศาสดา
อันเป็นปิ่นรัตนโมลีพระบารมีนับสิ่งสังขยา
จึงสำเร็จสรรเพชญ์ประมวลมาเทศนาโปรดสัตว์อนันต์ครัน
ให้ถึงห้องมหาศิวาโมกข์ระงับโศกสิ้นสุดมนุษย์สวรรค์
เทพบุตรครุฑาและคนธรรพ์สารพันสรรเสริญจำเริญคุณ
หนึ่งข้าขอนบพระอภิธรรมอันลึกล้ำคัมภีรภาพพรรณนาสุนทร์
ธรรมซึ่งสังวัธยาย์การุณพระคุณนั้นล้ำล้นอเนกา
หนึ่งข้าขอนบพระบวรสงฆ์อันได้ทรงอนุญาตพระศาสนา
ได้แนะนำสำเนาอดีตกาล์มาแจงจัดวัจนาโดยบาลี
ยามใดได้สดับซึ่งบรรหารก็ซึมซ่านซาบทรวงเกษมศรี
ดังอมฤตทิพรสวารีให้ปีติอิ่มเอิบเสบยบาน
หนึ่งไหว้วรคุณอดุลย์เดชพระปิตุเรศชนนีเป็นสองสถาน
พระคุณแม่แต่อุ้มอุทรธารจะนับนานปานชีพยงยืน
เฝ้าผดุงบำรุงบำเรอเสถียรทั้งอาเจียนอุจจาระก็ฝ่าฝืน
พระคุณจริงยิ่งลบดังกลบกลืนทั้งแผ่นพื้นภพโลกชโลธร
หนึ่งขอนบคุณพระครูเฒ่าได้แนะนำสำเนาซึ่งคำสอน
ช่วยชูเชิดให้เลิศในบทกลอนจงขจรประจักษ์แจ้งในธาตรี
จะขอกล่าวตามราวระบอบบทมธุรสวาทินพระชินศรี
โปรดสัตว์เทศนาในบาลีพระคัมภีร์ชาดกประมวลมา
ถ้าผิดเพี้ยนเปลี่ยนข้อคดีใดขออภัยอย่าได้มีซึ่งโทษา
ข้าพเจ้ายังเยาในปัญญาพึ่งศึกษาสอนรู้ในครูเรียน
ขอเดชะพระพุทธมาปกเกล้าพระธรรมเจ้าปกจอมกระหม่อมเศียร
ทั้งพระสงฆ์ผู้ทรงศีลาเจียรมาเสถียรทำนุบำรุงชู
ให้ภิญโญยวดยิ่งปัญญายลในนิพนธ์พริ้งเพราะเสนาะหู
ให้โปร่งเปรื่องเฟื่องฟ่องคะนองฟูเป็นที่เชิดชูประชาชน ฯ
๏ จะเริ่มเรื่องพระรถนิราศสวาทบำราศร้างห่างห้องระเหระหน
เสด็จเดียวเปลี่ยวเทวษเสวยชนม์ประจวบจนด้าวแดนพนาดร ฯ
๏ ฝ่ายนาฏเมรีศรีสวัสดิ์บรรทมเหนือแท่นรัตน์ปัจถรน์
ดาวเดือนเลื่อนลับยุคนธรจะใกล้แสงทินกรอโณทัย
ฟื้นกายชายเนตรลืมฉงนมิได้ยลพระยอดพิสมัย
แสนโศกปริเทวนาในอรไททุ่มทอดสกนธ์กาย
ให้เดือดดาลอาดูรพูนเทวษชลเนตรคลอคลองคะนองสาย
พลางปลุกนางรำจำเรียงรายสาวสนมทั้งหลายก็ฟื้นตน
มิได้ทราบเรื่องต้นโดยคดีเสาวนีย์จึ่งแจ้งแห่งนุสนธ์
ว่าบัดนี้พระยอดนฤมลสถิตบนแท่นแก้วแล้วหายไป
เห็นเป็นวิปริตผิดประหลาดภูวนาถเสด็จดลไปหนไหน
หรือว่าผ่านฟ้าเสด็จไปสถิตในโรงราชพาชี
ประหลาดใจเมื่อใกล้เข้ายามสองอาชารนร้องในโรงมี่
เอ๊ะผิดแล้วพระแก้วกับพาชีหรือว่าหนีคืนหลังไปยังเมือง
เร็วเถิดสาวใช้ไปค้นหาแต่กิจจาอย่าให้ใครฟุ้งเฟื่อง
เกลือกว่าอยู่รู้ความจะขุ่นเคืองจงยักเยื้องแยบคายชม้ายดู
แม้นท้าวไปชมสนมในอย่าทำให้ท้าวไทเธออดสู
แต่เอาเหตุมาแจ้งแสดงกูค้นดูบัดนี้อย่าวุ่นวาย ฯ
๏ ฝ่ายนางสนมในได้สดับคำรพรับพจมานคลานขยาย
ออกมาจัดสรรกันมากมายบ้างแยกย้ายรายทั่วทั้งเรือนจันทน์
บ้างก็จุดประทีปเทียนส่องทุกชั้นช่องห้องปรางค์นางสาวสรร
ทั้งที่สรงที่เสวยเคยจรัลสาวสรรสอดส่องทุกห้องนาง
จนสิ้นเขตพระนิเวศน์เรือนหลวงฝูงนางทั้งปวงยิ่งหมองหมาง
ต่างคิดคะนึงนึกทุกนวลนางชรอยร้างนคเรศบุรีไกล
ฤาเสด็จโรงราชกุญชรภูธรประพาสเล่นเป็นไฉน
ฝูงนางก็ชวนกันลงไปด้วยสงสัยไม่แจ้งในกิจจา
ก็เที่ยวทั่วโรงรถคชเรศแล้วประเวศวงเวียนจังหวัดหา
เห็นสูญสิ้นพระนรินทร์ทั้งอาชากัลยาทั้งหลายก็ตกใจ
แล้วชวนกันวิ่งวางมาปรางค์รัตน์ประณมหัตถ์ทูลแจ้งแถลงไข
ข้าเที่ยวหาทุกห้องตำหนักในก็มิได้พบองค์พระทรงฤทธิ์
ทั้งโรงอัศดรกุญชรชาติเคยประพาสแต่ก่อนจรสถิต
อนึ่งซึ่งอาชาที่ชอบชิดก็เห็นผิดหายไปไม่พบพาน
แม่นแท้ท้าวแกล้งมาลวงโลมภิรมย์โฉมแล้วร้างห่างสมาน
แล้วทอดทิ้งมิ่งแม่ให้อัประมาณแต่จะดาลอกโอยไม่ราวัน
ทูลพลางทางทอดสกนธ์กายทั้งหลายพ่างเพียงจะอาสัญ
โหยไห้พิไรรำพันครันก็โศกศัลย์ไปสิ้นทั้งวังใน ฯ
๏ นางท้าวเสาวนีย์พจนาถให้หวั่นหวาดวาบหวามพระทัยไหว
อุระร้อนเริมรุมดังสุมไฟความอาลัยในองค์พระพัสดา
สองกรช้อนทรวงกันแสงร่ำว่าโอ้กรรมอันใดแก่ตัวข้า
แต่เพียงพรากจากองค์พระมารดานานมาได้พึ่งพนะสามี
หมายใจว่าจะได้เป็นปิ่นเกศภูวเรศก็มาหน่ายแหนงหนี
จะขัดเคืองสิ่งใดก็ไม่มีนี่เนื้อว่าเวรีได้ทำมา
มิทันไรก็มาไร้นิราศผัวเหมือนหญิงชั่วชายร้างเสน่หา
โอ้โอ๋อกเอ๋ยอาตมาจะกินแต่น้ำตาไม่รู้วาย
ร่ำพลางทางดูซึ่งโอสถทั้งกำพดดวงเนตรก็สูญหาย
ประจักษ์ยลว่าเป็นกลอุบายยิ่งฟูมฟายชลนาจาบัลย์
โอ้ไฉนพระยอดเสน่ห์น้องมาปกครองกรุงไกรไอศวรรย์
เมียค่อยผาสุกทุกคืนวันประชากรกุมภัณฑ์ก็เปรมปราย
ทั้งฝูงนักสนมอเนกแน่นความแสนสุขล้ำเหลือหลาย
ทุกหมื่นเมืองเลื่องชื่อลือขจายยอมถวายอภิวาทน์วันทามา
ควรหรือพระมิ่งมงกุฎเกศมาทุเรศแรมร้างเสน่หา
หมายใจว่าพระนี้เมตตาไม่สงกาพาซื่อจนเสียการ
อนิจจาพระจอมกระหม่อมโลกมาซัดเสียให้โศกไม่สงสาร
แทบจะสูญสุดสิ้นชนมานฤดีดาลเดือดดิ้นดังอัคคี
ทั้งนี้เป็นต้นด้วยอัศดรมันเสี้ยมสอนเสนอให้เธอหนี
พาท้าวเหาะเหินจากธานีไม่ทันรุ่งราตรีทิวากาล
อกเอ๋ยอยู่ไยให้เป็นคนประชาชนครหาจะว่าขาน
สำหรับแต่จะอัประมาณนานเหมือนหญิงร่านพาลผัวไปจากเมือง
แม้นระบือลือข่าวถึงด้าวใดกิตติศัพท์ถึงไหนก็ฟุ้งเฟื่อง
ว่าหญิงชั่วผัวร้างไว้แรมเมืองเครื่องจะเคืองคำคนเขานินทา
ร่ำพลางทางทอดพระองค์ลงกันแสงทรงเพียงจะสิ้นสังขาร์
แล้วทอดถอนกรทุ่มอุระพาโอ้โอ๋พระยอดฟ้าไม่เห็นใจ
อยู่หลัดหลัดซัดเสียให้เมียโหยมาร่วงโรยเรี่ยวแรงกันแสงไห้
พระสุรเสียงพิลาปวังเวงใจสลบไปในราชเรือนจันทน์ ฯ
๏ ฝ่ายนางสนมสนิทข้างเห็นนวลนางโศกเศร้ากันแสงศัลย์
สลบลงนิ่งแน่อยู่แตยันสองหัตถ์รุมรันซึ่งอุรา
โอ้แม่ขวัญเมืองผู้เรืองโฉมงามประโลมเลิศล้ำดังเลขา
เป็นใหญ่ยอดยิ่งกัลยาควรหรือมาสิ้นชีพชีวาลัย
ละข้าสาวสนมสมบัติแล้วทั้งปรางค์แก้วเรือนทองอันผ่องใส
เสด็จเข้าสู่สวรรคาลัยก็ชวนกันร่ำไห้ทั้งเรือนจันทน์
ดุจหนึ่งลมเพชรหึงหวนให้เซซวนซอนซบสยบสยัน
มี่อึงคะนึงไปอาลัยครันก็โศกศัลย์ร่ำรักพระธิดา
แต่ล้วนนวลนางนักสนมอกกรมพ่างเพียงจะเป็นบ้า
จึ่งวิ่งเข้าอุ้มองค์พระธิดาเห็นกายาอุ่นอ่อนอยู่ทั้งองค์
ก็แจ้งว่ายังไม่บรรลัยลาญจึงเอาสุคนธาธารมาโสรจสรง
หอมชื่นค่อยฟื้นพระองค์คงเห็นอนงค์นั่งแน่นอยู่ทั้งปรางค์
ความแค้นยิ่งแสนอเนกนับจะคืนกลับขัดข้องยิ่งหมองหมาง
โหยไห้พิไรร่ำครวญครางปิ้มนางจะวายชีวาวัน ฯ
๏ ฝ่ายว่าข้าสนมคนสนิทเข้านั่งชิดแนบโฉมประโลมขวัญ
ว่าโอ้เจ้าเยาวลักษณ์วิไลวรรณจะโศกศัลย์อยู่ฉะนี้มิเป็นการ
จงดับศาเสียบ้างให้บางเบาควรเราจะจัดพลทวยหาญ
เร่งรีบติดตามพระภูบาลไหนจะพ้นมือมารอย่าสงกา ฯ
๏ นางฟังสาวสนมทูลสนองค่อยคลายคล่องอัดอั้นในนาสา
จึงมีมธุรสพจนาสั่งหมู่เสนาให้เตรียมพล
เร่งฆาตกลองไชยเภรีอันเป็นที่ชุมนุมแห่งพหล
ฝ่ายมารฟังสารทยานบนเพิดพลพวกมารทยานกาย
เภรีร้องก้องโกญจนานาทดั่งฟ้าฟาดเสียงก้องคะนองสาย
พลมารผันผยองลำพองกายก็ผันผายเผ่นขึ้นโพยมมาน
ลางตนรณฤทธิกำแหงตาแดงดั่งดวงพระสุริฉาน
เขี้ยวงอกออกยาวยื่นทยานสูงตระหง่านเงื้อมง้ำเมฆิน
บ้างก็ทำสีหนาทผาดโผนจะจู่โจนจับดวงพระสุริย์สิน
ดาวเดือนเลื่อนดับลงลับดินธรณินกัมปนาทสำเนียงพล
เสียงรถเสียงทศโยธาโกลากึกก้องโพยมหน
อัดแน่นล้วนแสนกุมภัณฑ์พลเคยผจญข้าศึกในสงคราม
พลทวนล้วนมหิทธิสำหาวพลง้าวดาบดั้งดาษสนาม
พลปืนยืนยงในสงครามพลหอกกลอกตามกระบวนฤทธิ
ต่างแข่งสำแดงซึ่งเดชาโกฏิแสนแน่นมาเป็นอกนิษฐ์
เคยประจญประจันปัจจามิตรทศทิศย่อย่นไม่ทนทาน
ล้วนหมู่ยักษีมีพยศมาหมดพร้อมสิ้นทุกถิ่นฐาน
หมอบเฝ้าสุดาหน้าพระลานคอยฟังสารราชกิจการณรงค์ ฯ
๏ ฝ่ายนาฏเมรีศรีสมรแต่อาวรณ์สังเวชพิศวง
ทอดคอนหฤทัยระทวยองค์ไม่เป็นสรงเป็นเสวยโภชนา
เสด็จด่วนมายังที่นั่งเกยจึ่งผายเผยสุนทรแก่ยักษา
เราจะยกพยุหบาตรยาตราจึงปรึกษาโหราธิบดี
โหรเฒ่าก้มเกล้าประณตสนองหมอบมองคอยพจนสารศรี
นางท้าวจึงแจ้งแสดงคดีว่าบัดนี้พระรถนิราไกล
เราจะยกพวกพหลพลตามจะเกิดความเคืองเข็ญเป็นไฉน
จะพบท้าวด้าวแดนตำบลใดท่านจงไขกิจจาพฤฒาจารย์ ฯ
๏ โหรเฒ่าเสาวนีย์คดีแสดงประจักษ์แจ้งคัมภีร์สี่สถาน
จึ่งประมูลทูลเจ้าเยาวมาลย์แต่เริ่มการมากรุงข้ากริ่งใจ
ได้ทูลทัดขัดขวางแต่เดิมทีพระเทพีมิเชื่อจะทำไฉน
บัดนี้ที่จะตามพระองค์ไปเห็นสุดไกลไพรกว้างกลางพนม
อสุราฤทธาสักเพียงไหนแต่เพียงได้พานพบประสบสม
เห็นท้าวจะไม่คืนบุรีรมย์จะเกรียมกรมยากแค้นแสนทวี
ฝ่ายแม่ก็จะแดอาดูรดิ้นเห็นจะสิ้นพฃชีพม้วยเป็นผี
ไหนเลยจะได้คืนบุรีมีอันเคราะห์นี้ร้ายนักพระเทพิน ฯ
๏ นางฟังโหรเฒ่าสำเนากิจดั่งกรดกริชกรีดศอให้ขาดสิน
หวั่นไหวไปทั่งทั้งกายินชลนัย์ไหลรินดั่งธารา
อกเอ๋ยไหนเลยแต่นี้เล่าจะเปลี่ยวเปล่าเศร้าทรวงนิราศา
ฝูงชนเขาจะชวนกันนินทาจะโศกาก่นร่ำระกำกาย
จะอยู่ไยในเมืองให้เคืองคนไปสิ้นชนม์เสียเถิดให้สูญหาย
ตรัสพลางให้เคลื่อนพลนิกายแล้วสั่งนายสิทธิกรรม์ทันใด
ท่านผู้เชี่ยวชาญชำนาญเดชอิทธิเวทมนต์แปรแก้ไข
เร่งติดตามพระรถยศไกรถ้าทันไทเชิญท้าวเข้าพารา
อันซึ่งอัศดรตัวยงท่านจงกินเล่นเป็นภักษา
แต่โลหิตอย่างให้ติดพสุธาอสุราเร่งรีบไปเร็วไว
สิทธิกรรม์รับสั่งสั่งพหลอลวนวิ่งวุ่นอยู่หวั่นไหว
เอิกเกริกเลิกทัพจรัลไคลเข้าใจไพรพฤกษาพนาวัน ฯ
๏ ฝ่ายมิ่งเยาวมาลย์เมรีศรีแต่โศกีวิโยคโศกศัลย์
เสด็จขึ้นเลียงผาวิลาวัลย์สาวสรรตามเสด็จเยาวมาลย์
เยาวมิ่งยิ่งไห้โหยถวิลเทวษโอ้ภูมินทร์ไม่สงสาร
ไม่สั่งเสียเมียบ้างพระภูบาลให้อกน้องละลานละเลิงใจ
ละลานจิตพิศดูนิวาสสถานสถิตเถิดสำราญให้ผ่องใส
ให้ผ่องศรีน้องนี้จะจำไกลโอ้ที่ไหนจะได้กลับมายลเวียง
ยลวังพระที่นั่งเคยสนุกเคยสนานการสุขจะเศร้าเสียง
จะเศร้าสิ้นทั้งสุราค์บำเรอเรียงแต่นี้เวียงจะเงียบสงัดทรวง
สงัดสิ้นอสุรินอสุเรศอสุรีนิเวศน์ในวังหลวง
วังหลังแต่จะตั้งน้ำตาตวงนับวันแต่จะร่วงไปแรมโรย
แรมร้างห่างที่เคยบรรทมเคยบันเทิงภิรมย์จะร่ำโหย
จะร่ำหาสุดาอยู่เดียวโดยโอ้อกโอยอาตมานิราไกล
นิราศร้างปรางค์แก้วสุวรรณเมศสุวรรมาศวิเศษอันสุกใส
อันสุกสีด้วยแสงมณีในจะมืดไหม้หมองจิตเป็นนิรันดร์
จะราร้างปรางค์นากอันหลากสีอันหลากแสงแดงดีดูเฉิดฉัน
เป็นช่อช่วงดังดวงรวิวรรณสารพันจะนิราศทั้งเรือนทอง
ทั้งเรือนทิพสถานพิมานเมศพิมานเมืองอมเรศไม่เทียมสอง
ไม่เทียมศรีแสงแก้วสุวรรณกรองโอ้แต่นี้จะหมองอยู่โรยรา
โรยรินสิ้นแล้วนะอกเอ๋ยอกโอ้มิเคยนิราศา
นิราศแสนสมบัติทั้งพัสดานี่เนื้อสิ้นวาสนาเสียจริงจัง
อกข้าเมรีนี้เป็นไฉนหรือเวรใดได้สร้างแต่ปางหลัง
พรากสัตว์ให้เขาพลัดจากรวงรังเวรหลังนั้นตามมาจำจอง
อกเอ๋ยแต่นี้จะลับแล้วดั่งดวงแก้วมืดมัวอยู่หม่นหมอง
เมืองมารจะระงมกรมกรองจะนั่งนองน้ำตาไม่ราวัน
โอ้แสดเสียดายไมตรีเอ๋ยยามเคยปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
แสนสนิทพิศวาสไม่ขาดวันเป็นมหันตมโหโอฬาฬาร
เมื่อพระปิ่นเมียแก้วมาปกเกศครอบครองอสุเรศราชฐาน
เมียน้อยค่อยได้สบายบานพลมารแสนสุขสนุกใจ
พระเดชานุภาพก็แผ่เผื่อทั้งใต้เหนือนบนิ้วประฌมไสว
มหรสพตรลบทั้งกรุงไกรดังมีใน ฉ ชั้นสวรรยา
ทั่วประเทศเขตมารไม่เดือดร้อนราษฎรได้สุขทุกถ้วนหน้า
ก็ลือเลื่องดังเมืองอมราในพื้นมหาชมพูไม่เปรียบปาน
ยามท้าวสุขเกษมเปรมปรีดิ์มเหสีนอบน้อมมโนสมาน
เคยถนอมกล่อมแก้วสุดามารเคยประสานสุรเรียงสำเนียงนวล
เคยหยอกเย้ายียวนชวนเสน่ห์กำหนัดเล่ห์อาลัยประโลมสงวน
เคยเยื้อนยิ้มริมช่องบัญชรชวนเคยสรวลโสมนัสเปรมปรีดิ์
ยามสมเคยสุขในไสยาสน์เคยแสนพิศวาสสง่างศรี
เคยสองร่วมรสฤดีดีเคยมีมาโนชเปรมปรา
ยามเสวยเคยเสวยบรมสุขยามสนุกเคยสนิทเสน่หา
ยามสรงเคยสรงสุคนธาโอ้ป่านฉะนี้หนาจะเนานาน
นิเวศน์วังดังฤาจะพลัดพรากให้จำจากนิวานิวาสสถาน
โอ้กรรมจำให้ไปเนานานสงสารแสนสุดที่รำพัน
ร่ำพลางทางสั่งฝูงนิกรเราจะจรจากมิ่งมไหศวรรย์
ท่านอยู่เถิดเป็นสุขทุกนิรันตร์อันน้องนี้นับวันไม่คืนมา ฯ
๏ ฝ่ายฝูงชนชาติหญิงชายก็ฟูมฟายชลเนตรเทวษหา
มิอาจอั้นกลั้นซึ่งชลนาด้วยอาลัยดวงสุดาเสด็จจร
สาวสนมกำนัลเจ้าขรัวนายทั้งเตี้ยค่อมหม่อมยายตามสลอน
ต่างต่างทนเทวษให้อาวรณ์ก็บทจรจากราชธานี ฯ
๏ เสด็จถึงสวนขวัญอันอุดมที่เคยบรมสุขเกษมศรี
รุกขชาติดาษดกอุดมดีมลุลีลำดวนประดู่ดง
สาวหยุดย้อยยื่นประยงค์แย้มแก้วแกมกระดังงากาหลง
มะลิวัลย์เวียนอ้อมพะยอมดงมหาหงส์ชงโคโยทกา
ไทรย้อยสร้อยสนมะสังโศกโอ้เหมือนยามวิโยคเสน่หา
สาวหยุดเหมือนพระหยุดจำนรรจาอัมพาเหมือนพระพาดำเนินจร
ชมชวนเหมือนพระชวนให้ชมเถื่อนนางแย้มเหมือนพระเยื้อนสโมสร
นางกวักเหมือนพระกวักให้เมียจรขอนดอกเหมือนพระเด็ดให้เมียดม
ลำดวนเหมือนพระด่วนสวาทว้างเต่าร้างเหมือนพระร้างนิราสม
ส้มลมเหมือนหลงด้วยเล่ห์ลมสุกรมกรรมจิตเพราะตายใจ
ระกำเหมือนแสนระกำกลุ้มกระทุ่มเหมือนหนึ่งทุ่มแต่ทรวงไห้
สะบ้าเหมือนจะบ้าในจิตใจกาหลงหลงไห้อยู่เบยเบย
คันทรงเหมือนพระส่งสุรเสียงรังเรียงเหมือนร่วมเรียงเขนย
ไม้รักเหมือนพระรักไว้แรมเลยอบเชยชวดเชยภิรมย์กัน
สวาดเหมือนสวาทมาตามแสวงชุมแสงเหมือนเมียกันแสงศัลย์
ยมโดยมาโดยแดนอรัญมะลิวัลย์ปิ้มจะวายชีวาวาง
สะท้อนเหมือนสะท้อนอกสะทึกแต่นึกนึกแล้วนิ่งคะนึงหมาง
ตะแบกเหมือนแบกทุกข์มาเดินทางไม้ยางเหมือนย่างบาทระยำ
มะไฟเหมือนไฟมาเผาสุมมะรุมเหมือนหนึ่งรุมอุระร่ำ
ตะบากเหมือนแสนวิบากกรรมมะกล่ำกล้ำกลืนแต่ความทุกข์
ส้มโอโอ้ยามมาวิโยคเห็นโศกโศกเศร้าไม่มีสุข
ลั่นทมมาระทมแต่ความทุกข์เดินบุกป่าระหงดงดอน
ชมผลอันตระกลตระการกิ่งนางยิ่งระทดฤทัยถอน
ไม่วางวายคลายเทวษให้อาวรณ์ก็จนจราสวนขวัญจรัลคลา ฯ
๏ รีบรัดดัดดั้นอรัญประเทศแสนเทวษร้อนรนระหนหา
ระหกระเหินเดินตามมรรคาเมื่อยล้าสลดระทดใจ
นางสนมกรมในไม่เคยยากแสนลำบากเวทนาน้ำตาไหล
ล้มแล้วลุกคลานทะยานไปจิตใจหิวโหยอยู่โรยแรง
ข้ามห้วยเหวผาชลาสินธุ์สุดสิ้นกำลังเข้านั่งแฝง
ครั้นหายหอบบอบบานสำราญแรงกะแย่งขึ้นบนเนินบรรพตา
สุริยนเสด็จเยี่ยมอุทัยทองก็สาดส่องไขแสงสว่างหล้า
ฝูงนางดำเนินในวนาแผ่นผาผ่าวร้อนดังเปลวไฟ
แต่จดย่องจ้องบาทไม่อาจย่างในแถวทางโขดเขินเนอนไศล
บาทาพองรองช้ำโลหิตในหนามไหน่เกี่ยวยับระยำเยิน
ที่เดินเสียดเลียดลอดลดาวัลย์ก็เกี่ยวพันเกศาสยายเสยิน
บ้างเปิดนมก้มหน้าพากันเดินไม่ขวยเขินด้วยความลำบากกาย
สงสารเจ้าเยาวลักษณ์อคเรศสุริเยศส่องแสงจำรัศฉาย
พักตร์ผ่องเพียงดาวประกายพรายศรีสลายเศร้าสร้อยสลดลง
ทั้งอาหารการสรงไม่เป็นเสวยแต่บ่นเบยเลยลืมละลานหลง
สติก็ไม่ตั้งดำรงตรงให้คะนึงถึงองค์พระภูธร ฯ
๏ บัดนั้นสิทธิกรรม์ผู้ห้าวหาญเผ่นทะยานรียร้นพลสลอน
เกลื่อนกลาดดาษไปในอัมพรดินดอนสะเทือนสะท้านดง
สำแดงสิงหนาทตวาดเสียงเปรี้ยงเปรี้ยงก้องป่าพนาระหง
ไม้ไหล้ลุ่มล้มระทมลงเป็นผงคลีเกลื่อนกลุ้มปัถพิน
บ้างโถมเข้าทำลายกระจายเนินระยำเยินย่อยยับไปหมดสิ้น
เสือสีห์สิงหราชคชรินจับกัดฟัดกินเป็นโกลา
ลางมารมืดทมื่นใหญ่ทโมนเผ่นโผนเข้าถีบเอาภูผา
เครงครื้นพื้นภพโกลาสาครเป็นละลอกกระฉอกชล
จระเข้เหรามัจฉาชาติว่ายกลาดกลิ้งเกลือกอยู่เสือกสน
โลดแล่นหลนหลีกอลวนไม่ทานทนฤทธีกำลังมาร
สุริยนก็มิอาจจะผาดแสงไม่แจ่มแจ้งส่องโลกทั่วสถาน
ชอุ่มอับมืดมนอนธการประมาณเหมือนโลกล่มทำลายพัง
เปรื่องเปรื่องเรืองฤทธิรุ่งโรจน์พลมารนับโกฏิสังขยัง
เผ่นโผนโจนไปด้วยกำลังไม่รอรั้งรีบเร่งตะเบ็งจร
คล้ายคล้ายใกล้ทันก็ถีบโถมจะจู่โจมจับองค์พระทรงศร
กลาดกลุ้มรมรัดอัศดรหวังจะรอนราญชีพพาชี ฯ
๏ ปางนั้นธิบดินทร์ปิ่นธเรศอันเรืองเดชเลิศล้ำพระสุริย์ศรี
เสด็จไปในห้องเมฆีเห็นยักษีรุกร้นพลทะยาน
พระจึ่งทอดทิ้งยาวราวุธพุ่งผุดเป็นเพลิงเถกิงผลาญ
ลามไล่ไหม้หมู่อสูรมารสุธาธารปานปิ้มจะเป็นจุล
โชติช่วงดั่งดวงพระสุริย์ฉายกระจายต้องลำเนาภูเขาขุน
ภัสมธุลีแหลกไหม้ไปเป็นจุลฝ่ายขุนมารวิ่งอยู่อลวน
สิทธิกรรม์แก้ได้ด้วยไวเวทยักย้ายกลายเพทเป็นลมฝน
เสียงสนั่นลั่นฟ้าจุลาจลสุริยนมืดมัวทั่วแดนดาว
อสนีอุโฆษก็กึกก้องวายุว่องวู่วาบกระหนาบหนาว
พระพิรุณร่วงโรยลงโกรยกราวให้เหน็บหนาวเย็นยะเยือกไปทั้งกาย
เจ็บแสบสุดทนก็ล้นเหลือดังหนึ่งเนื้อจะแยกแตกสลาย
หมู่มาปานปิ้มจะทำลายก็โวยวายวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี
ขุนยักษ์ศักดาวราเดชจึงอ่านเวทล้ำเลิศประเสริฐศรี
ลมฝนหายไปไม่เกิดมีอสุรีตามไปไม่คลาดคลาย
ทันท้าวเธอก็ทอดโอสถยาอันศักดานึกได้ดังใจหมาย
พูนเกิดคีรีขึ้นเรียงรายกระแสสายสิทธุทะเลลม
สองข้างสิงขรทั้งเจ็ดชั้นคงคาคั่นพระสมุทรสุดประถม
จะประมาณสาครห่อนนิยมอุดมด้วยมัจฉากุมภาพาล
ถึงว่าใครฤทธิรงค์อันทรงเดชบอาจข้ามสาคเรศอันพิศาล
คชสีห์มหิงสาคชาชาญพ้นที่จะประมาณอเนกนอง
อสุราเห็นมหาชลาสินธุ์ในกายินรันทดสยดสยอง
เศียรเกล้าเร่ารนขนพองก็เร่ร้องอยู่ริมฝั่งชลาลัย
สุดเห็นสุดรู้ก็สุดฤทธิ์ด้วยล้นเหลือความคิดจะแก้ไข
จะติดตามข้ามชลไปกลใดชลาลัยลึกกว้างหนทางจร
ก็จนจิตจำเกาะอยู่กับฝั่งปิ้มประหนึ่งชีวังจะสังหรณ์
บ้างล้มกลิ้งนิ่งแน่ระเนนนอนสะท้อนถอนอารมณ์ระบมกาย
ที่คะนึงถึงบุตรภรรยาเวทนาคิดไปก็ใจหาย
ไม่รู้เลยว่าจะยากลำบากกายแต่หมายจิตว่าจะมาไพร
บ้างเจ็บจุกครางอยู่กลางป่าความแสนเวทนาน้ำตาไหล
คิดถึงบ้านเรือนเพื่อนเข็ญใจสักเมื่อไรจะได้คืนไปธานี
ที่สู่ขอหอห้างอยู่ค้างการให้เดือดร้อนรำคาญจะใคร่หนี
ที่พึ่งสมชมกันไม่ทันปีดังจะตีตนตายเสียดายรัก
บ้างจากชู้คู่เชยเคยสนิทให้ร้อนจิตเจ็บใจเพียงอกหัก
รักกันยังมิทันจะวายรักแต่อั้นอักอ่วนใจไปทุกคน
บ้างหิวโหยอาหารไม่พานไส้จิตใจรวนเรระเหระหน
ไม่มีสุขถ้วนหน้าประชาชนแต่เสือกสนรนร้อนดังอัคคี ฯ
๏ ฝ่ายนาฏวรนุชโฉมสมรเสด็จจรมาในพนาศรี
พอถึงฟากฝั่งชลธีประทับที่แล้วทอดทัศนา
เห็นพระองค์ทรงภุชเธอหยุดยืนเหนือพื้นสิงขรชง่อนผา
ทรงนั่งเหนือหลังอัสวราอนิจจาละเมียเสียจริงจริง
จึงโอนอ่อนอุตมางคศิโรตม์ด้วยมาโนชล้ำเลิศประเสริฐหญิง
จึงกล่าวพจน์สุนทรวอนวิงโอ้พระมิ่งเมียแก้วไม่กรุณา
โทษน้องนี้เป็นไฉนไม่มีผิดหรือบพิตรควรร้างเสน่หา
ไม่มีข้อเคืองขัดพระอัชฌาอนิจจานี้หรือว่าปรานี
เมียขอเชิญพระกลับมาดับเข็ญแต่พอเย็นเกล้าข้ามเหสี
จึงค่อยคืนคมนาไปธานีเหมือนช่วยชีว์น้องไว้ให้เนานาน ฯ
๏ ปางหน่ออธิบดินทร์ได้สดับสุนทรศัพท์แว่วเสียงสำเนียงหวาน
โอ้โอ๋เอ็นดูสุดามารสงสารสุดให้อาลัยวอน
มิเสียทีเป็นที่ประโลมขวัญผิวพรรณเพียงเทพอัปสร
พิศพักตร์วรลักษณ์ลอออรดังจันทรแจ่มแผ้วผ่องโพยม
จะหาไหนได้เหมือนมิ่งสมรอรชรเฉิดฉาดประหลาดโฉม
ดุจลอยเลื่อนฟ้าถาโพยมประโลมโลกล้ำลักขณานวล
แม้นมิตอบสารสนองถ้อยพระน้องน้อยจะเศร้ากำสรดสรวญ
ที่ไหนนางจะว่างวายครวญโอ้นวลปิ้มชีพบรรลัยลาญ
อย่าเลยจะประโลมโฉมสวาทให้คืนราชนคเรศเขตสถาน
คงเป็นจอมมิ่งในศฤงคารตริแล้วพจมานสารแสดง ฯ
๏ ดูก่อนดวงสมรทิพมาศแสนสวาทนิ่มน้องไม่หน่ายแหนง
เป็นความจริงมิ่งมิตรอย่าคิดแคลงใช่จะแต่งลิ้นล่อประโลมลวง
โอ้อาลัยมิใคร่จะจากศรีอุระพี่หนักเท่าภูเขาหลวง
แต่ตรอมจิตคิดหมายเสียดายดวงพี่หนักทรวงนั้นน้อยไปเมื่อไร
ก็ไม่หวังว่าจะร้างนิราศสวาทให้บำราศห่างห้องพิสมัย
จงดับร้อนผ่อนทุกข์บรรเทาใจพี่มิให้นิ่มน้องเจ้าเนานาน ฯ
๏ โอ้พระมิร้างกลใดนะพ่อมาแต่งล่อลิ้นลมคารมหวาน
ให้ไพเราในรสพจมานกระแสสารสอดคล้องทำนองใน
น้องซื่อมาเสียเพราะความสวาทมโนมาดมั่นคงไม่สงสัย
รหัสเหตุเพทผลกลใดก็แจ้งให้ทราบสิ้นในเชิงความ
วันเสวยชัยบานสำราญแผ้วครั้นเมาแล้วพระก็ล่อลวงถาม
ซึ่งข้อขำล้ำชื่อลือนามน้องก็ตามใจแจ้งทุกสิ่งอัน
นี่เนื้อท้าวได้เสร็จโดยประสงค์ไม่หลอหลงเหลือเลยสักสิ่งสรรพ์
เสียรู้เพราะรักพระทรงธรรม์สารพันน้องนึกว่าปรานี
แม้นท้าวมิโปรดประเวศสถานจงประหารชีพน้องให้เป็นผี
อันอนงค์นี้ไม่คงคืนบุรีจะสู้เอาพงพีเป็นเรือนตาย ฯ
๏ พระสดับสารนุชสุดกระสันให้หวาดหวั่นพรั่นในพระทัยหาย
โอ้นวลควรหรือจะมาวายพระจึงกล่าวภิปรายประโลมนาง
อนิจจาแก้วพี่ศรีสวัสดิ์เป็นความสัตย์นิ่มน้องอย่าหมองหมาง
ก็ย่อมแจ้งอยู่แก่ใจเป็นไรนะนางเรียมหรือจะร้างภิรมย์เชย
โอ้เวรวิบัติให้พลัดพรากจำจากนิ่มน้องประคองเขนย
นี่เนื้อกรรมจำให้พี่ไกลเชยนุชเอ๋ยอกพี่ดังไฟฟอน
ถึงมาดแม้นเรียมไปไม่อยู่ช้าจะกลับมาสู่สมภิรมย์สมร
ใช่เชิงที่จะล่อประโลมอรดวงสมรแม่อย่าเศร้ากำสรดทรง
ทั้งนี้ที่แท้อาชาชาติพาเรียมให้นิราศระเหิดระหง
มันดื้อดึงขึงขัดไม่คืนคงโอ้อนงค์นุชเจ้าจงเห็นใจ ฯ
๏ นางท้าวเสาวนาพจนีจึงโต้ตอบสารศรีสนองไข
นี่หากว่าพระจวนจนพระทัยจึงเสไสแสร้งว่าอาชาชาญ
ทั้งชั้นเชิญชำนาญชาญฉลาดพจนาถสำนวนแต่ล้วนหวาน
ช่างกล่าวกลสอดแก้ให้สมการถ้ามิทันพิจารณ์ก็ตายใจ
กระนี้หรือว่ารักสมัครสมรจนม้วยมรณ์ดับเบญจขันธ์ขัย
ขอขอบคุณผ่านฟ้าสัจจาใจที่ว่าไว้สมสิ้นทุกสิ่งอัน
มิเสียทีที่แสนสวาทพ่อจึงเกิดก่อความเข็ญเป็นมหันต์
อกเอ๋ยแต่นี้สักกี่วันสารพันจะนิราศสวาทเชย ฯ
๏ โอ้ไฉนนิ่มเนื้อไม่เชื่อจิตใช่พี่คิดแต่งลมลวงเฉลย
เมื่อแสนเทวษขวัญเนตรไม่เห็นเลยนุชเอยสุดที่จะรำพัน
ให้เห็นจริงสิ่งซึ่งสวาทนุชถ้าพี่สุดสิ้นชนมาสัญ
เจ้าแก้วเนตรนั่นแหละเหตุจะเห็นกันประจักษ์มั่นว่าพี่ไม่อาลัยลวง
แต่ครวญคร่ำบำบวงแก่เทเวศทุกประเทศลำเนาภูเขาหลวง
ขอฝากนุชสุดสวาทเสมอทรวงอย่าให้ดวงสมรพี่มีอันตราย
เป็นความจริงสิ่งนี้เจ้าเพื่อนเข็ญจงเล็งเห็นความสวาทที่มาดหมาย
อย่าเคียดแค้นให้พี่แสนระกำกายขอเจ้าสายสุดที่รักจงเห็นใจ
อย่าถือโทษโกรธพี่ว่าแกล้งหนีเมื่อกรรมแล้วแก้วพี่จะทำไฉน
อันตัวของเรียมจรไม่นอนใจพอท้าวได้เสร็จประสงค์จะคงคืน
เราสองก็จะแสนบรมสุขจะก่นทุกข์ไปไยให้สะอื้น
จงกลั้นกลับอารมณ์ให้กลมกลืนเหมือนชื่นช่วยอวยชัยให้ไปเมือง
เสียดายพักตร์ผ่องเพียงพระจันทรีจะเศร้าศรีวิลาสฉวีเหลือง
จงกลับคืนเข้ากรุงบำรุงเมืองจะขุ่นเคืองไปไยให้เสียนวล ฯ
๏ ฉะน้อยน้ำถ้อยมธุรสาเมื่อคิดเห็นเป็นหน้าสำรวลสรวล
พระหนีไปสิจะให้อนงค์นวลไปคร่ำครวญครองกรุงแต่ผู้เดียว
เออที่ไหนน้ำเนตรจะวายเสวยอนิจจาใครเลยจะแลเหลียว
อันสตรีเป็นหม้ายอยู่ผู้เดียวเขาจะเกรียวกันเย้ยไม่ยากยำ
ฝูงชนก็จะชวนกันสรวลร่าจะสอดสร้อยมารสานุสนธ์ส่ำ
จะลือเล่ากล่าวเล่นเป็นโกลำโอ้อกแต่จะช้ำระกำกาย
จงตรึกตรองดูเถิดพระทูนหัวเหมือนหญิงชั่วโฉดชาติเฉาฉงาย
สามีจึงหนีไปเด็ดดายจะเอาอายไปทิ้งเสียแห่งใด
โอ้ศรีเสาวภาคย์จำเริญศักดิ์ไม่เห็นรักบ้างเลยจะทำไฉน
สุดาเดียวดั่งดวงหฤทัยหรือจะทอดทิ้งไว้ให้เกรียมกรม
ถึงม้วยดินสิ้นแดนแผ่นสมุทรทั้งกาลัดนิรุทธสุดประถม
จนตลอดถึงยอดภวัคพรหมอันอารมณ์เรียมไซร้ไม่หน่ายนาง
ตราบได้บุรีรัตน์ปฏิโมกข์นั่นแหละเห็นจะวิโยคไปห่างข้าง
สุดถวิลสิ้นความสวาทนางอันปางนี้หรือไม่ร้างให้แรงรา ฯ
๏ นางท้าวเสาวนีย์คดีแสดงมโนแหนงหมางในมธุรสา
จึงสนองพร้องพจมานมากระนี้หรือผ่านฟ้าว่ารักเมีย
ถึงตัวตายก็ไม่วายสวาทหวังอันสัจจังว่าไว้ก็ไม่เสีย
ก็เห็นแล้วว่าพระแก้วสวาทเมียจะไกล่เกลี่ยไปไยให้ป่วยการ
จนกรู่กรีรี้พลมาสนส่ำมิเพราะคำภูวนาถสวาทหวาน
จึงตามรักพระองค์มาดงดานข่าวสารทราบสิ้นทั้งดินแดน
ตลอดทั่วพื้นภพจนสกลในทวีปมณฑลอเนกแน่น
ก็ลือเลื่องถึงเมืองอมรแมนว่าพระแสนสุดสวาทกับเมรี
สวาทจริงพระจึงทิ้งไว้อางขนางนิราศร้างนคเรศบุรีศรี
ให้น้องแสนโศกช้ำระกำทวีมิเสียทีที่ว่ารักประจักษ์จง
ถึงม้วยดินสิ้นฟ้าสุธาสวรรค์จะรำพันไยเล่าให้เมียหลง
ถ้ารักจริงหรือจะทิ้งให้เอองค์นี่พระจงใจแกล้งไปจากนวล
อันน้องหญิงห่อนกลิ้งวิกลกล่าวที่แท้ท้าวทำเล่ห์เสน่ห์หวน
แล้วบิดผันหันเหให้แปรปรวนเป็นหญิงนี้มาด่วนด้วยลมชาย
โอ้โอ๋แต่นี้ไม่วายถวิลจะก่นกินน้ำเนตรไม่รู้หาย
ดังเดือนดับอับแสงดาราพรายเหมือนหนึ่งสายชลธีที่สาธารณ์
ก็สาสมที่อารมณ์ไม่รอรั้งนิยมหวังกำหนดแต่รสหวาน
หมายใจว่าจะได้จิรังกาลที่นี้หวานนักแล้วก็พลันรา
อกเอ๋ยไหนเลยแต่นี้เล่าจะเปลี่ยวเปล่าเศร้าทรวงนิราศา
เพราะพระสามีมิเมตตาไม่กรุณาน้องแล้วก็ตามจน
จะได้พึ่งท้าวพ่อผู้เป็นผัวสิทูนหัวมาขว้างเสียกลางหน
สำหรับแต่จะอัประมาณคนไหนเลยจะพ้นเขานินทา ฯ
๏ สาวสวรรค์ขวัญใจไยฉงนอย่าทังวลที่ในข้อครหา
หินชาติจึ่งอาจเจรจาเป็นธรรมดาสามัญประมาณความ
เมื่อแนบเนื้อไม่เชื่อจะทำไฉนหฤทัยเรียมพรั่นประหวั่นหวาม
อุระร้อนจรจากพงางามดังเพลิงพลามลามไหม้หทยางค์
สุดโศกมาวิโยคเมื่อยามเข็ญไม่เล็งเห็นที่วิตกในอกบ้าง
นี่เนื้อกรรมในชาติก่อนปางมาจำร้างให้นิราศสวาทวาย
โอ้เจ้าศรีเสาวภาคย์จำเริญสมอันอารมณ์เรียมมุ่งผดุงหมาย
จะหวังรักไปกว่าชีวาวายไฉนสายสุดสวาทไม่เห็นรัก
ถ้าแม้นพี่แหวะหวะอุระได้จะผ่าแผ่แล่ให้เห็นประจักษ์
ว่านี่แน่ะนางงามคือความรักกระนี้หรือจะประจักษ์แก่ใจนวล
เมื่อพี่ร่ำรำพันสักเท่าใดก็สงสัยสำคัญว่าผันผวน
มาโศกช้ำร่ำไห้พิไรครวญแต่ล้วนว่าเรียมไซร้ไม่ปรานี
โลมเจ้าเฝ้าปลอบมิชอบชื่นก็คงขืนว่าแกล้งจะแหนงหนี
นุชเอยสุดอกจะพาทีเป็นเวรีเราสองมาตามทัน
ชรอยเราพรากสัตว์กำจัดเสียให้มิตรเมียเขาวิโยคโศกศัลย์
เวรหลังล่วงลุปัจจุบันจึงพลันร้างสองเราให้แรมโรย
พี่นี้คิดคะนึงถึงสมรเป็นอาวรณ์เวทนาไม่ราโหย
มีแต่เดือดดิ้นอาดูรโดยก่นแต่โกยกองทุกข์ระทมทน
แสนรักสุดเล่ห์เสน่ห์น้องเป็นกรรมของเราสร้างแต่ปางหน
จึงจงเจาะจำเพาะมาตามผจญมาดลเด็ดดวงใจให้จำจร
เจ็บใจจำไกลสมรมิ่งมโนนิ่งทิ้งทอดฤทัยถอน
แล้วเอื้อนโอษฐ์โอวาทชะอ้อนวอนสายสมรมิ่งแม่อย่าปรารมภ์
พระวรพักตร์เพียงจันทร์จำรัสไขหรือจะทอดทิ้งไว้ไม่เห็นสม
เป็นเวรเราสองทำจำนิยมให้ระทมอกไหม้อาลัยลาญ
ถ้าเรียมมีฤทธิรงค์รณเวทจะแปรเพศเปลี่ยนภาคเป็นสองสถาน
ภาคหนึ่งไปกับม้าอาชาชาญคืนสถานนคเรศบุรีริน
ภาคหนึ่งจะอยู่สมภิรมย์สมัยสมรดวงแดนใดไม่ถวิล
จะเฝ้าชื่นเชยโฉมยุพาพินทุกรัตตินทิวาไม่รารัก
นี่เรียมไซร้สุดใจจะสังเกตอิทธิเวทสิ่งใดไม่ประจักษ์
พี่ก็แสนตรึกตรึงคะนึงนักแต่ปล้ำปลักอารมณ์ไม่สมประดี
นุชเอยพี่นี้พร่ำกำสรดโศกยามวิโยคยิ่งระยำในทรวงพี่
เป็นกรรมเราสองสมรแต่ก่อนมีจะจากแล้วแก้วพี่พี่ขอลา ฯ
๏ ปางนั้นอคเรศเมรีรัตน์หน่อเนื้อนางกษัตริย์นาถา
สดับสุนทรอรรถพระพัสดาดั่งสายฟ้าผ่าฟาดให้ขาดใจ
หวั่นหวั่นพรั่นในพระทัยหายสกนธ์กายกัมปนาทหวาดไหว
ยิ่งแสนโศกปริเวทนาในอรไททูลท้าวสวามี
โอ้พระภุชพงศ์ผู้ทรงเดชไม่สังเวชแก่ข้ามเหสี
น้องอุตส่าห์ตามมาถึงพงพีหรือจะหนีจากเมียให้เสียใจ
นิจจาเอ๋ยเมื่อยามเชยประคองชื่นแต่พื้นว่าอนงค์อย่าสงสัย
จะสู้ม้วยชีวันด้วยขวัญใจน้องไซร้ชื่นเชื่อก็เหลือแรง
หมายมาดว่าพระบาทบรเมศจะปกเกศเมืองยักษ์เป็นศักดิ์แสง
ที่จริงจิตมิได้คิดระแวงแคลงไม่เห็นเลยว่าพระแกล้งอุบายกาย
สารพัดแยบยลกลเม็ดก็สิ้นเสร็จเล่าแจ้งแสดงถวาย
ประจักษ์สิ้นในระบิลบรรยายพอสมหมายท้าวมุ่งแต่เมืองมา
วันเมื่อชมสวนพระชวนน้องไปเที่ยวท่องชมพรรณพฤกษา
แล้วเสแสร้งแกล้งถามนามผลาที่ผ่านฟ้าต้องประสงค์จำนงปอง
หักได้มะม่วงหาวมะนาวโห่อันภิญโญยิ่งล้ำสำคัญของ
น้องคิดว่าพระเคยคะนองลองมิรู้ต้องประสงค์จำนงนาน
ถึงกระนั้นคำหนึ่งเท่ากึ่งก้อยข้าน้อยมิให้เคืองในเบื้องสมาน
หมายใจว่าจะเป็นจอมกระหม่อมมารถึงเกินการก็ไม่กริ่งประวิงใจ
เมื่อแรกเริ่มจะมาร่วงภิรมย์รักเขาทัดทักแล้วทะนงไม่สงสัย
หลงละเลิงเพราะเชิงภูวไนยหวังใจว่าจะฝากแต่ชีวัน
อันสวาทมาดหมายพระทรงภุชจนสิ้นสุดสังขาร์ชีวาสัญ
ควรหรือพระองค์ไม่คงดันจะทิ้งขวัญตาตายไว้แต่ตัว
ขอเชิญพระทรงเดชประเวศทวีปเหมือนช่วยชีพไว้เถิดพ่อทูนหัว
สืบสนองครองราชย์เป็นบาทบัวโปรดหัวให้รอดชีวาวัง
พระคุณเอ๋ยอยู่เดียวก็เปลี่ยวเปล่าผู้ใดเลยใครเล่าจะแลหลัง
เมื่อบพิตรไม่คิดกรุณังมาเชื่อฟังคำม้าไปท่าเดียว ฯ
๏ พระสดับสารนุชสุดเสนาะให้จับเจาะจิตแล่นแสนกระเสียว
โอ้โอ๋สงสารสุดาเดียวฉุนเฉียวพระทัยอาลัยลาญ
เพียงเอยแม้นได้ครรไลหงส์จะกลับคงคืนหลังยังสถาน
ถึงว่าแก้วกัณฐัศว์จะทัดทานก็จะผลาญชีพให้บรรลัยลง
นี่สุดฤทธิ์สุดคิดจะทำไฉนไม่เหาะเหินเดินได้ดังประสงค์
แล้วถอยหลังหยั่งพระปัญญาลงค่อยดำรงพระทัยให้บรรเทา
จึ่งผายเผยพจนาถคำสนองพระน้องเอ๋ยอย่าหมองกระมลเศร้า
จงกลับหลังเข้ายังบุรีเราเป็นจอมเจ้าศรีสวัสดิ์อันไพบูลย์
ใช่เรียมนี้มิรักจักแกล้งร้างอย่าหมายหมางว่าพี่จะหนีสูญ
จะคงกลับคืนมาอย่าอาดูรจงเพิ่มพูนยศยิ่งให้ยงยืน
อันอารมณ์เรียมไซร้จะไปหาแต่อาชาตัวนี้มันขัดขืน
กระชากชักสักเท่าใดมันไม่คืนมันก็ขืนดื้อดึงตะบึงไป
ความแสนเจ็บใจไม่รู้ที่เมื่อเช่นนี้แก้วพี่จะทำไฉน
เป็นเวรกรรมได้ทำมาชื่อใดจึงชัดให้เห็นแจ้งประจักษ์ตา
อยู่หลัดหลัดดังมาตัดเอาดวงเนตรให้ทุเรศร้างรสเสน่หา
แสนวิตกโอ้อกอาตมาประหนึ่งว่าทุ่มทิ้งให้กายตาย
จนจิตจำพี่ต้องวิโยคอย่าเศร้าโศกนักเลยนะโฉมฉาย
เป็นความจริงพี่ไม่ทิ้งไว้เดียวดายใช่จะหน่ายแหนงหนีเจ้าเมื่อไร ฯ
๏ บัดนั้นนางค่อมคนสนิทอันเชื้อชิดชอบเชิงอัชฌาศัย
เป็นข้าบาทวรนาฏนางไทขัดใจเดือดด่าไอ้พาชี
ว่าเหวยนี่แน่ไอ้ม้าร้ายช่างพานายลนลานทะยานหนี
เมื่อสองท้าวสุขเกษมเปรมปรีดิ์ไยมึงพาหนีมาลนลาน
ผ่าไอ้อาชาขี้ลาหกกระยาจกถ่อยชาติเดียรฉาน
มาเสแสร้างแกล้งทำให้รำคาญพาเราท่านพลอยยากลำบากกาย
ไพร่บ้านพลเมืองก็เคืองเข็ญมิพอเป็นก็มาเป็นระส่ำระสาย
แต่ก่อนกูอยู่สุขสนุกสบายเพราะเจ้านายของมึงมึงพามา
ให้แม่เจ้ากูจากนิเวศน์สวรรย์โศกศัลย์มาเดินบนเนินผา
ได้ความยากลำบากพระกายาไอ้อาชาชาตินี้ไม่มีโรง ฯ
๏ พาชีตอบความตามกระแสว่านี่แน่ะอีค่อมหลังคดโขง
มึงช่างว่าพาชีไม่มีโรงอีหลังโกงแก้หน้ามาด่ากู
ทั้งเจ้าทั้งข้าพากันวิ่งเป็นหญิงบัดสีไม่อดสู
ช่างชวนกันมานั่งอยู่พรั่งพรูแต่ล้วนหมู่ยักษีมีพยศ
มึงหมายใจกูไซร้เป็นภักษาไยมิข้ามตามมาอีหน้าสด
ช่างเสกสรรกล่าวถ้อยทำช้อยชดอีหลังคดค่อมคุ้มเป็นปุ่มเปา
อันตัวมึงดั่งหนึ่งฝุ่นฝอยเฝือเหมือนหยากเยื่อรองบาทพระเป็นเจ้า
ท้าวไม่หลงเล่ห์กาเมเมาทำลาดเลาเห็นจะเล่นข้างอาชา
อันสัญชาติเช่นเชื้ออีนางยักษ์เสียศักดิ์เสื่อมชาติไม่ปรารถนา
อีค่อมหลังคดอย่าเจรจามึงเป็นแต่ทาสาสำหรับวัง ฯ
๏ ยุพาพางฟังสารอัศวเรศชลเนตรหลามไหลลงหลั่งหลั่ง
อุระนางพ่างเพียงจะพองพังให้แค้นคั่งด้วยคำมโนมัย
ผินพักตร์ดูค่อมแล้วไถ่ถามทีนี้งามหน้าแล้วหรือไฉน
มึงจาบจ้วงล่วงด่าเขาว่าไรอีใจนอกเจ้าไม่เจียมตัว
เอาแต่คารมออกจัดจ้านจะประจานใครเล่าอีชาติชั่ว
หยาบข้าไม่ว่ากันแต่ตัวให้เกลือกกลั้วปะปนมาถึงเรา
เดี๋ยวนี้นิ่งไยไม่ตอบต่อเพิดพ้อให้สมอารมณ์เล่า
มานิ่งนั่งผินหลังอยู่ซบเซาอีหูเบาปากกล้าหน้าเป็น ฯ
๏ ฝ่ายค่อมคนสนิททูลสนองข้าตรึกตรองวินิจไม่คิดเห็น
ว่าไอ้ม้าเจรจาที่ไหนเป็นจะด่าเล่นช่วงองค์พระนงเยาว์
มิรู้ก็กลับมาเป็นโทษพระแม่กลับมาโกรธข้าอีกเล่า
อกเอ๋ยอาภัพแก่ตัวเราเจ็บแค้นแทนเจ้ามากลับอาย ฯ
๏ ฝ่ายสนมกรมในได้ฟังสารซึ่งอาชาว่าขานเป็นมากหลาย
ให้มีความอดสูไม่รู้วายจึงกราบทูลโฉมฉายเจ้าเมรี
เชิญแม่คืนหลังไปยังสถานจะทรมานอยู่ไยในไพรศรี
ให้เจ็บช้ำคำม้ามันพาทีจะนั่งเฝ้าเซ้าซี้ไปทำไม
ถึงมาดแม้นท้าวไม่อาลัยแล้วดวงแก้วหรือจะหมองไม่ผ่องใส
เหมือนมณีมีผู้เจียระไนเพชรรัตน์หรือจะไร้ซึ่งเรือนทอง
ทั่วท้าวทุกแดนแผ่นทวีปถ้ารู้แล้วก็จะรีบมาสมสอง
แสนสนิทพิสมัยดังใจปองขอเชิญแม่คืนครองนครา ฯ
๏ นางฟังสาวสนมทูลสนองยิ่งมัวหมองหมางในมธุรสา
เห็นเป็นเสกแสร้างสุนทรายิ่งโศกาสะอื้นอกตรม
จึ่งตอบพจมานสารเฉลยอย่าวานว่าไปเลยไม่เห็นสม
จะให้เรากลับเข้าบุรีรมย์จะนิยมยินดีด้วยอันใด
เป็นหญิงสิ่งซึ่งจะอัปภาคย์เพราะไร้จากสวาทมิตรพิสมัย
เมื่อสามีหน่ายหนีไม่อาลัยจะกลับไปเป็นหม้ายอยู่เอกา
อันสัญชาติชายอื่นสักหมื่นแสนในพื้นแผ่นพิภพไม่ปรารถนา
จะสู้ม้วยด้วยองค์พระภัสดาเมื่อท้าวไม่เมตตาก็จนใจ
อันสตรีสามีถึงสองแล้วเหมือนดวงแก้วมัวหมองไม่ผ่องใส
ถึงเรือนรองทองเรื่อเนื้ออุไรเมื่อฝ้าไฝแปดเปื้อนระคนปน
ก็ขึ้นชื่อว่ามณีศรีสลายถึงงามพรายก็เห็นไม่เป็นผล
อันอกน้องหมองเหมือนมณีวนนับวันแต่จะหม่นเป็นมลทิน
สู้ตายมิได้หมายจะกลับหลังจะขอตายกับฝั่งชลสินธุ์
ดูราอสุราอสุรินจงกลับพวกพลผินเข้าพารา
บรรดาสาวสนมสิ้นทั้งปวงอย่าหนักหน่วงห่วงเลยแก่ตัวข้า
ถึงเป็นตายก็ตามแต่เวราเมื่อท้าวไม่คืนมาก็จนใจ
มาดแม้นท้าวไม่ปรานีเนตรอันจะคืนนคเรศอย่าสงสัย
จะครองสัตย์สู้เสียชีวาลัยท่านจงไปเป็นสุขสำราญ ฯ
๏ สาวศรีฟังสารสุดาเจ้าให้ร้อนเร่าในอกดังเพลิงผลาญ
ต่างต่างโทมนัสแดดาลสงสารสุดาจะอยู่เดียว
นิจจาเอ๋ยไม่เคยได้ความเข็ญจะไร้เร้นทาสาในป่าเขียว
แสนวิเวกพิศวงอยู่องค์เดียวเจ้าจะเปลี่ยวเปล่าสกนธ์อยู่รนรัว
ต่างก็เข้าเชิญโฉมประโลมปลอบตรัสฉะนี้มิชอบแม่ทูนหัว
จะทุ่มทิ้งชนม์ตายเสียก่อนตัวพระผู้ผัวก็มิตามเจ้างามพราย
โอ้ว่าแม่จอมกระหม่อมโลกจงดับโศกเสียเถิดนะโฉมฉาย
กลับเข้าครองเมืองให้เรืองพรายข้าทั้งหลายจะได้พึ่งพระบารมี
แต่เวียนเฝ้าเซ้าซี้พิไรปลอบก็มิชอบพระทัยเท่าเกศี
จะขอเป็นเพื่อนพระองค์ในพงพีก็มิได้ปรานีโปรดปราน
ต่างต่างตีอกเข้าผางผึงเสียงอึงคะนึงไปทั้งไพรสาณฑ์
ครวญคร่ำร่ำรักเยาวมาลย์กราบกรานอภิวาทน์บาทมูล ฯ
๏ ฝ่างฝูงอสุราประชากรฟังสารดวงสมรจะสิ้นสูญ
แสนโศกโทมนัสแดดูรให้เพิ่มพูนพิลาปรำพันครัน
ว่าโอ้โอ๋แต่นี้บุรีเราจะสูญเศร้าสิ้นสุดเกษมสันต์
จะเหงาเงียบเชียบไปดังไพรวันสารพันจะวิบัติพลัดพราย
แสนสนุกสุขล้ำแต่ปางหลังอนิจจังครั้งนี้จะเสื่อมหาย
จะโหยหนก่นกินน้ำตาตายพลางถวายประณตบทจร
ตั้งพักตร์จำเพราะยังนคเรศเข้าในอรัญเวศสิงขร
สัตว์เสือเนื้อเบื้อเป็นเบื่อบอนก็ม้วยมรณ์วินาศดาษดง
ดินดอนสะท้อนสะท้านไหวไม้ไหล้แหลกลุ่ยเป็นผุยผง
เดินดัดลัดป่าพนาดงบ้างก็อยู่เฝ้าองค์พระเทพี ฯ
๏ ปางเมื่อพระสุริโยทัยไคลเคลื่อนจะเลี้ยวเลื่อนลับเหลี่ยมคีรีศรี
ฝ่ายฝูงลิงค่างบ่างชะนีเสือสีห์มฤคาคชาธร
ทั้งฝูงภุมราคณานกหมู่วิหคเซ็งแซ่แลสลอน
เข้าสุมทุมพุ่มรังประนังนอนสโมสรชื่นบานสำราญใจ
ลางตัวพลัดคู่อยู่เดียวโดดตะลึงโลดลานจิตพิสมัย
วังเวงวิเวกในหัวใจเมื่อจวนใกล้สิ้นแสงอัศดง
ฝ่ายนาฏอระเฉิดโฉมเฉลาพระนุชเนาอรัญวาป่าระหง
อนาโถโอ้อนาถอยู่เอองค์บมีฝูงอนงค์คณานาง
จะแลซ้ายเห็นแต่ไม้รุกขาเขาจะแลขวาก็ยิ่งเปล่ายิ่งเปลี่ยวข้าง
สองกรแม่ก็ค่อนอุระพางพระพักตร์หมางหมองเศร้าสลดใจ
ทรงโศกโทมนัสกลัดกลั้นให้อัดอั้นอัสสุชลก็หล่นไหล
วังวังสังเวชพนมไพรนางโหยไห้ริมฝั่งชโลธร
แล้วน้อมเศียรอภิวาทน์บาทบงสุ์ทูลองค์บพิตรอดิสร
พระคุณเอ๋ยชีวาตม์เมียขาดรอนหรือภูธรนิ่งได้ไม่ปรานี
โทษน้องนี้เป็นไฉนพระทัยแหนงหรือเคลือบแคลงแห่งข้ามเหสี
อันโทษน้องนี้ไซร้มิได้มีควรหรือพระมาหนีไปเด็ดดาย
นิจจาเอ๋ยเมื่อยามอารามเคล้าล้วนว่าเจ้าอย่าหมายระคางหมาย
อันเรียมรักหรือจะให้เจ้าได้อายจะสู้ม้วยด้วยสายสวาทเดียว
โอ้ไฉนวันนี้นะอกเอ๋ยพระแกล้งเฉยเสียได้ไม่แลเหลียว
ละให้เมียโหยหนอยู่คนเดียวเมียเปล่าเปลี่ยวเทวษไม่วายครวญ ฯ
๏ พระสดับพจนาสารเรื่อยจะแจ้วเจื้อยจับจิตรัญจวนหวน
เคลิบเคลิ้มเพิ่มสวาทกระสันนวลให้เฉียวฉวนฉุนชื่นจะคืนชม
กำเริบร่านการกามราครักพระฉุดชักอาชาจะมาสม
พาชีชัดเชิงดังเพลิงรมพระเจียนจมจ่อม้วยด้วยความรัก ฯ
๏ ฝ่ายม้าอัศวราชฉลาดเทียบภิปรายเปรียบความไปให้ประจักษ์
ด้วยทางธรรมวินัยไตรลักษณ์หวังจะหักแห่งราคอันรุมรัง
ซึ่งบพิตรคิดเห็นแต่โดยชอบผิดระอบบนิพนธ์แต่หนหลัง
ว่าสัจจาขันตีกตัญญังเป็นปรมังยอดยิ่งปัญญายาน
หนึ่งคุณท่านล้ำฟ้ากว่าหมื่นแสนควรจะทำทดแทนพระคุณท่าน
พระแม่ป้าปิ้มกายจะวายปราณจงประหารราคินให้สิ้นเชิง
อันเชื้อชาติชายชาญชำนาญศิลป์ไม่หลงลิ้นเล่ห์ลมถล่มเถลิง
ย่อมกำจัดตัดราคให้ขาดเปิงจึงจะนับว่าชายเชิงชำนาญชาญ
ทั่วเทพนิกรจะอ่อนเศียรประณมเนียนเอิกเกริกทุกสถาน
สรรเสริญเจริญยศบทมาลย์สาธุการอำนวยอวยพร
หนึ่งลุโลภแสวงหาแต่กาเมศหลงกิเลสล่วงล้ำซึ่งคำสอน
รักเมียละเสียซึ่งมารดรใครห่อนจะเห็นว่าเป็นชาย
เขาจะตอบหัตถสรวลสำรวลอื้อตลอดลือทั่วโลกทั้งหลาย
เป็นสองข้อความขันบรรยายพระโฉมฉายตามจะชอบในพระทัย ฯ
๏ พระฟังม้าอุปมาปไมยอรรถกระจ่างชัดมั่นคงไม่สงสัย
ค่อยเสื่อมสร่างบางทุกข์บรรเทาใจพระก็กล้ำกลืนไว้ในอุรา
แล้วจึงมีพจมานสนองนุชพระน้องเอ๋ยอย่าวิมุติกังขา
สักสองสามราตรีทิวาราจะกลับมาสมน้องประคองนวล
เจ้าเนื้อเหลือกเรืองศรีสุวรรณมาศทรามสวาทพี่มิให้เจ้าโหยหวน
นี่จนจิตจำจากใจจำจวนอย่าหมองนวลเลยนะเจ้าไม่เนานาน ฯ
๏ ยุพยงทรงฟังสุนทรพจน์ดังศรกรดคนแสร้งมาแผลงผลาญ
พิษเพลิงลามไหม้บรรลัยลาญให้เสียวซ่านไปสิ้นทั้งอินทรีย์
ยิ่งโศกศัลย์กันแสงสะอื้นอ้อนสองกรประณตบทศรี
โอ้ไฉนผ่านฟ้าไม่ปรานีให้เมียนี้เปล่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย
ทั้งฝูงสัตว์เสือสิงห์ก็วิ่งพล่านกระหม่อมฉานกลัวภัยนี้ใจหาย
ถึงโกฏิแสนแม้นอื่นไม่ชื่นกายเหมือนพระสายสุดสวาทของเมียเดียว
พระคุณเอ๋ยเคยโอบอ้อมถนอมศรีโอ้บัดนี้มาละเสียให้เมียเสียว
เมียไห้โหยหนอยู่คนเดียวพระเด็ดเดี่ยวดูได้ไม่นำพา
หรือท้าวชิงชังโฉมไม่โลมเลี้ยงไม่คู่เคียงเรียงร่วมเสน่หา
น้องขอเป็นข้าบาทบริจาสนองคุณไปจนกว่าชีวาวาย
โปรดเมียเท่านี้เป็นที่สุดล้ำสมุทราดินฟ้าก็เหลือหลาย
กว่าเมียจะปลอดรอดตายขอถวายชีวาตม์บาทบงสุ์ ฯ
๏ นฤบาลฟังสารยุพาพินดังวารินทิพรสมาโสรจสรง
ให้ซับซายอาบต้องละอององค์พระยิ่งแสนพิศวงสวาทนุช
คิดคิดหรือหนึ่งจะใคร่ไปแต่เกรงใจพาชีเป็นที่สุด
ให้ร้อนอกดังอคนิรุทธปิ้มประดุจจะม้วยลงด้วยรัก
พระจึงตอบคำสนองกนิษฐาอนิจจาเรียมหรือจะถือศักดิ์
ภคินีเป็นที่บำเรอรักไม่ชิงชังยังรักไม่ร้างรส
ชะรอยว่าอกุศลมาดลแทรกจึงแย้งแยกชิงฉวยไปม้วยหมด
รักพี่รักนางจึ่งร้างรสเห็นปรากฏกองกรรมมาจำเพาะ
ทั้งไมตรีที่มาเหมือนขาดสินพาสุดสิ้นสำเร็จจึงเด็ดเดาะ
อย่าโศกเศร้าเลยนะเจ้าเป็นคราวเคราะห์ประจักษ์เจาะจริงแล้วพี่ขอลา ฯ
๏ เยาวมาลย์ฟังสารยิ่งดาลเทวษชลเนตรแนวนองคลองนาสา
ร่ำพลางทางทูลพระภัสดาอนิจจานี้หรือว่าปรานี
แสนมหาแต่พระสุริยาเจ้าเมื่อคล้อยเคล้าเขาแก้วคีรีศรี
ยังอาลับในโลกธาตรีมิใคร่จะรี่เร็วรัดอัสดง
ถึงพระจันทร์อันบูรณ์จำรูญศรียังรู้มีน้ำจิตพิศวง
ด้วยราตรีใกล้สีพระสุริยงมิใคร่จะลงลับเหลี่ยมพระเมรุทอง
ถึงเทวบุตรจุติไปปฏิสนธิ์ยังทังวลด้วยสุรางคทั้งผอง
ทั้งทิพสถานพิมานทองแต่เมียงมองมิใคร่จะไคลคลา
อย่าว่าแต่พระสุริยันจันทรแต่ไกรสรยังรู้สั่งซึ่งคูหา
มยุเรศรู้สั่งนางมยุรามัจฉายังรู้สั่งซึ่งชลธร
สุวรรณหงส์ยังรู้นั่งเหมราชมฤคมาศยังรู้สั่งซึ่งไพรศรี
โนเรศยังรู้สั่งนางโนรีหรือภูมีไม่กลับมาสั่งเมีย
ถึงมาดแม้นสุดสิ้นซึ่งความรักแต่เบือนพักตร์กลับหลังมาสั่งเสีย
จึงท้าวค่อยจรไคลไปจากเมียอย่าให้น้องนี้เสียซึ่งน้ำใจ
เสียแรงน้องบุกป่าฝ่าหนามจะมีความกรุณาก็หาไม่
ถึงตัดหยวกตัดปลียังมีใยพระมาตัดสายใจให้จากเจียร
สารพัดพระก็ตัดสลัดแล้วเมียขอเชิญพระแก้วมาตัดเศียร
ให้สุดสิ้นชีวามาจากเจียรอย่าให้เวียนว่ายวนอยู่เนานาน ฯ
๏ พระสดับสารนุชสนองคำพิไรร่ำกำสรดน่าสงสาร
พระจึ่งตอบสารายุพาพาลเยาวมาลย์อย่าละห้อยน้อยใจ
ใช่พี่มิรักจักแกล้งหนีจะตัดไยไม่ตรีก็หาไม่
เมื่ออัศดรไม่จรก็จนใจจะข้ามไปหานุชพี่สุดคิด
พระน้องเอ๋ยสิ้นวาสนาแล้วอย่าเศร้าแซ่วโศกศัลย์จงกลั้นจิต
เป็นกรรมพี่เวรีประจวบมิตรคอยสถิตเถิดนะแม่อย่าแดดาล
แต่เวียนตอบเวียนปลอบเฝ้าเวียนสั่งเป็นหลายครั้งมิใคร่จะไกลสถาน
ฝ่างมิ่งมโนมัยอันชัยชาญเห็นท้าวดาลแดดิ้นในวิญญาณ์
เกรงกลัวเกลือกท้าวจะกลับหลังไปยังวรนุชเสน่หา
จึงจำพรากให้จากสมรมาอาชาฤทธิ์ว่องก็วางปรึง
พาหุเผ่นเหาะพระก็โหยมาโดยประคิ่นถวิลถึง
ม้ารีบพระก็เร่งอารมณ์รึงด้วยสองพึงสองพรากไปจากกัน
ต่างใจต่อใจยังมีจิตสองปลิดสองเปล่าสองกระสัน
สองปิ้มปานจะม้วยชีวาวันพระโศกศัลย์มาตามอรัญวา ฯ
๏ สงสารสังเวชพระวรนุชแทบจะสุดสิ้นชนมาศา
ให้วาบหวามว้าเหว่อยู่เอกาตั้งตาแต่ดูพระภูมี
แลแลลิ่วลิ่วจนลิบลิบดังใครหยิบดวงใจไปจากที่
เอนองค์ลงเหนือปถพีวิสัญญีภาพนิ่งอยู่ริมชล ฯ
๏ ฝ่ายว่าพระรถนฤเบศเสด็จไปในประเทศเวหน
แสนคะนึงถึงนาฏนฤมลภูวดลโศกศัลย์รันทดใจ
สองกรค่อนทรวงพิลาปหาอกเอ๋ยอาตมานี่เป็นไฉน
ยามรักหรือมาร้างให้ห่างไกลเออเวรใดนี่หนอมาก่อกวน
จึงเกิดเข็ญเช่นนี้นะอกเอ๋ยไม่เห็นเลยว่าจะร้างห่างสงวน
แสนละห้อยน้อยจิตที่รัญจวนแต่โครมครวญครุ่นคิดคะนึงตรอม
เสียดายดวงพวงแก้วผกาสวรรค์ยังมิทันที่จะวายหายหอม
รสรื่นเคยชื่นอารมณ์ออมเคยถนอมกล่อมแก้วสุดามาร
เคยสมบรมสุขเกษมศรีเคยปีติปราโมทย์เกษมศานต์
เคยมีมธุรสพจมานเคยประสานสุรเสียงสำเนียงนวล
ยามเคียงพี่เคยประคองอิงยามนิ่งเคยนำให้พี่สรวล
ยามหยอกเคยแย้มแกมกระบวนยามชื่นเคยชวนให้เปรมปรา
ยามเสวยเคยร่วมกระยาหารยามสรงชลธารเคยร่วมท่า
ยามนอนเคยร่วมที่ไสยาย่อมสนิทเสน่หาทุกราตรี
เสียดายเอ๋ยเคยร่วมภิรมย์รักเสียดายพักตร์เพียงจันทร์จำรัสศรี
เสียดายเกศเพียงเกสร์สุมาลีเสียดายศรีวิลาศสะอาดตา
เสียดายขนงดั่งวงธนูศิลป์เสียดายเนตรดั่งนิลวัตถา
เสียดายปรางเปล่งปลื้มในอุราเสียดายวงนาสาดั่งงางอน
เสียดายโอษฐ์อิ่มเอี่ยมดังชาดแต้มเสียดายแย้มให้พี่ยั่วยวนสมร
เสียดายศอสมทรงดังหงส์จรเสียดายกรดั่งงวงเอราวัณ
เสียดายเอวอรชรบวรนาฏเสียดายดวงปทุมมาศเมืองสวรรค์
เสียดายผิวผ่องเพียงสุวรรณพรรณเสียดายฝูงกำนัลคณานาง
โอ้ป่านฉะนี้มีแต่อาดูรดิ้นยุพาพินแม่จะค่อนแต่อกผาง
จะคร่ำครวญโครมครุ่งอยู่เครงครางที่ในกลางอรัญเวศพนมเนา
พระคุณเอ๋ยท่านท้าวอมรแมนในด้าวแดนดงดอนชะง่อนเขา
ในท้องถ้ำท่าน้ำทุกลำเนาเทพเจ้าจงช่วยปรานีนา
ดลใจให้เจ้ามิ่งสมรคืนหลังยังนครเป็นสุขา
ข้าน้อยจึงจะค่อยกลับคืนมาเสน่หามิให้วายทิวาเลย
โอ้เจ้าดวงพวงแก้วผกาทิพย์มาแลลิบลับแล้วนะอกเอ๋ย
ถ้าแม้นอยู่จะได้ชูประคองเชยนี่กรรมเอยเป็นวิบากมาจากไกล
นิจจาเอ๋ยโอ้ป่านฉะนี้เล่าจะเปลี่ยวเปล่าเศร้าทรวงละห้อยไห้
ขวัญอ่อนเจ้าจะวอนฉะอ้อนใครเมื่อเวไลล่วงลับบรรพตา
โอ้เจ้าศรีเสาวภาคย์จำเริญขวัญจะหวาดหวั่นวิเวกนิราศา
หญิงชายทั้งหลายบรรดามาเขาจะคืนนคราเรือนตน
โอ้สงสารด้วยสายสวาทแม่จะมีแต่กลิ้งเกลือกอยู่เสือกสน
องค์เอี่ยมเจ้าจะเทียมอยู่ริมชลจะร่ำบ่นก่นไห้ไปคนเดียว
อกเอ๋ยไฉนเลยจะได้คืนพระสะอื้นรัญจวนหวนเฉลียว
เจ็บจิตจำจากสุดาเดียวดังไฟเจียวอกพี่ให้พองพัง
พระทัยท้าวเศร้าสร้อยกระสันทรวงให้หนักหน่วงห่วงหน้าพะวงหลัง
จำเป็นจำพรากนครังจิตหลังรั้งไว้มิใคร่จร
พระโศกศัลย์มาในอรัญเวศทุเรศร้างห่างรักแรมสมร
พิศผลบุปผาพนาดรเกสรหอมฟุ้งจรุงใจ
พระจันทรจรสว่างกลางพนมน้ำค้างพร่างพรมพฤกษาไสว
บ้างแยกแย้มแจ่มช่อระบัดใบบ้างจวนใกล้เบิกกลีบสุมามาลย์
ลางดอกเด่นดวงเป็นพวงพู่เรณูบุปผชาติหอมหวาน
ส่งกลิ่นรื่นรวยเมื่อลมพานนฤบาลค่อยคลายพระทัยครวญ
ฉุนเฉียวบัดเดี๋ยวให้วิบัติวายุพัดพานต้องพระทองหวน
หอมซาบนาสามารำจวนพระหวนกลิ่นแก้วขจายจร
ให้ลืมหลงละเมอแลเพ้อเห็นเคลิ้มเคล้นคลับคลายว่าสายสมร
แว่วแว่วเหมือนเสียงแก้วมาวิงวอนพระก็ชักอัสดรมารั้งรา
ฟังไปใช่เสียงสมรมิตรพระทรงฤทธิ์กู่ก้องตะโกนหา
โอ้เจ้าสายสวาทของเรียมอาพี่เรียกหาไปอยู่หนตำบลใด
จนพระสุรเสียงก็แหบแห้งชลแสงแดงเดือดเป็นเลือดไหล
ยะเยือกย่อเย็นเยียบกระย่ำใจทุกกอกิ่งมิ่งไม้ในลำเนา
ฝูงสัตว์ในพนัสไพรระหงก็งวยงงเงียบงอฉงนเหงา
หมู่นกในพฤกษทางเทาก็จับเจ่าพลอดจ้อประจำรัง
พยัคฆ์มุ่งมองกวางที่ทางพบก็กัดขบคาบคอนขึ้นใส่หลัง
ครั้นยินเสียงพ่างเพียงหัวอกพังก็ยืนยั้งงงงวยไม่อยากกิน
แต่บรรดาสัตว์ร้ายที่หมายกันก็ละเมินเหินหันไปหมดสิ้น
ให้งวยงงสงสารพระภูมินทร์ก็เหงาเงียบเปรียบสิ้นทั้งไพรวัน
ยามเมื่อพระรถนิราศสวาทบำราศร้างห่างโฉมเมรีสวรรค์
พระไม่วายโศกาที่จาบัลย์ให้อัดอั้นพระทัยอาลัยอร
จนรุ่งรางสว่างแสงอโณโรจน์เป็นช่วงโชติฉัพพรรณรังสร
เสด็จเยี่ยมยอดเขายุคนธรพระก็ชักอัสดรลงมาเดิน
เสด็จดลบนยอดบรรพตาหยุดนั่งยังหน้าศิลาเผิน
พลางชมห้วยเหวเขาลำเนาเนินก็เพลิดเพลินพระทัยอาลัยลาญ
แต่ล้วนศิลาตลอดเลี่ยนราบเตียนดังทิพสนามสนาน
สนุกล้ำถ้ำท่าชลาธารห้วยละหานเปลวปล่องช่องชลา
ซึมซ่าหยดย้อยเป็นฝอยฝนลบล้นแล่นตลอดยอดผา
บ้างเป็นธารทางท่อธาราไหลมาแต่ยอดคีรีริน
ครืนครืนโครมฉ่ากระฉอกลั่นเสียงสนั่นโด่งดังกระทั่งหิน
หินหักลั่นเลื่อนสะเทือนดินวารินแตกฉ่าศิลาวาม
เป็นซอกซึ้งวึ้งเวิ้งชะวากเว้าชะงอกเง้าแง่ง้ำดูหวำหวาม
บ้างกรวยโกรกโงกงอกชะง้ำงามเป็นพลอยพลามวามวาบอร่ามพราย
ที่โดดเด่นเห็นดวงเป็นพวงพู่พิศดูดั่งช่อวิเชียรฉาย
โชติช่วงดั่งดวงดารารายศิลาลายเลิศล้วนละลานตา
ลางสีแม้นม่วงเหมือนหมอกคล้ำประหลาดล้ำเหลี่ยมเล่ห์ดังเลขา
ที่เลื่อมลายคล้ายเหมือนกับมุกดาที่สีฟ้าฟ้าสีมณีดำ
ที่ดวงแดงดั่งแสงทับทิมสดที่เขียวเหมือนมรกตก็เขียวขำ
ที่เหลืองดุจดังบุศราคัมที่สีดำดั่งสีมณีนิล
ผลึกแก้วแวววามอร่ามฉายอร่ามพรายรับแสงพระสุริยสิน
สว่างโรจน์โชตนาเป็นอาจิณธิบดินทร์ยลรอบคีรีมี
พระชมแก้วแล้วชายชม้ายเนตรเห็นฝูงกินเรศนารีศรี
ศุภลักษณ์วรภคินีมีเหมือนเมรีเมียรักเจ้าตามมา
ให้เคลิ้มคล้ายหมายว่ายุพาพักตร์พระหัตถกวักตรัสเรียกนางปักษา
แล้วเสด็จลุกเดินดำเนินมานางกินราย่างเยื้องชำเลืองไป
อนิจจาเจ้าหรือมาถือโทษจะขึ้งโกรธเรียมร่ำไปถึงไหน
แล้วยื่นหัตถ์รับขวัญไปทันใดกินราตกใจก็บินจร
พระแจ้งใจว่าใช่สมรมิ่งก็ทอดทิ้งหฤทัยสะท้อนถอน
ให้เจ็บจิตคิดแค้นนางกินนรพระภูธรขวยเขินสะเทิ้นใจ
เสด็จขึ้นยอดเขาตลอดลิ่วหวิวหวิววาบวับพระทัยไหว
พฤกษาพิศาลตระการใบสว่างไสวไพรระหงดงดอน
เชิงเขาพุ่มพื้นเป็นที่สนุกสรรพรุกข์ดารดาษอยู่สลอน
มะเดื่อดกตกกลาดในดงดอนขัดมอนม่วงโมกและโมงไม้
ขวิดขวาดหาดเหียงโสนหางปริงปรางปรงปรูดูไสว
พลับพลวงพลองพลึงมะพลับไพรสนไทรโสกสักมะสังซาง
ระกำกอกแก้วเกดตะโกโกศลานโลดล้วนแล้วดูสล้าง
เสนเสนียดสนุ่นและนมนางไกรกร่างมะกล่ำกรดไกรกรู
เถาวัลย์ลิงลิงโลดเถาวัลย์เล่นหูกวางกวางเห็นก็ตรับหู
ตาเสือเสือมุ่งด้วยตาดูหงอนไก่ไก่ชูหงอนชัน
สนหางสิงห์สิงห์เห็นสะบัดหางอ้อยช้างช้างชักหักสะบั้น
มันนกนกจิกสมุลมันสารพันพวกสัตว์ในพงพี
ทั้งหมู่คชสีห์และไกรสรกุญชรเชื้อชาติหัตถี
เสือสิงห์ลิงค่างบ่างชะนีเม่นหมีมหิงสาสิงคาล์วัน
สุกรดงดุดดินกินมะเดื่อพบเสือเสือมุ่งสุกรมั่น
เสือขบตบได้ทลายมันสุกรกัดฟัดฟันกันต่อตัว
หมูแถมกเสือโถมตะโกรมเล็บหมูเจ็บเสือตะกายจนไส้รั่ว
ด้วยสามารถโมหิทธิ์ไม่คิดกลัวสองตัวตายทับอันดับกัน
คชสีห์ฤทธิเรี่ยวแรงเถลิงร่าเริงร้องก้องพนาสัณห์
คชหนึ่งโตเติบกำเริบมันสองเหี้ยมโมหันธ์ประจัญบาน
สี่เท้ายันย่อกับธรณีเอางวงตีงาฟาดกันฉาดฉาน
สอดสร้อยเสือกซ้ำให้เซซานกำลังหาญฮึกเหี้ยมกระเหิ่มใจ
ถีบแทงถูกงวงเห็นกลวงโท่ทะลุโหว่มันเหลวปนเลือดไหล
เจ็บปวดยวดยิ่งก็วิ่งไปไอ้สารใหญ่ไล่ซ้ำกระหน่ำแทง
แปร๋นเปรี้ยงเสียงดังสนั่นดินโคถึกมฤคินเข้าฝังแฝง
กระต่ายตุ่นวุ่นวิ่งเป็นสิงแคลงแต่ล้วนแฝงซ่อนตัวด้วยกลัวตาย
ทั้งหมู่หมูหมีเม่นละมั่งระมาดสรรพสัตว์จตุบาทก็มากหลาย
แรดช้างกวางสิงห์กระทิงทรายวุ่นวายเอิกเกริกทั้งพงพี
พระชมเล่นเป็นสุชสำราญแผ้วเสร็จแล้วจึงชมหมู่ปักษี
ปักษาการเวกสุวาทีสกุณีเพรียกพร้องในไพรวัน
นกเปล้าจับเปล้าอยู่แปลกคู่เขาคูเคียงคู่ประสานขัน
กะลำพูจับพุ่มอัมพาพันเบญจวรรณไต่วัลย์ในดงดาน
สาลิกาจับกิ่งเพกาพลอดแก้วกอดกิ่งแก้วแล้วขันขาน
กะลิงจับเถาวัลย์ลิงลานกระวานจับต้นกระวานวัน
ตระเวนไพรเพรียกพร้องในไพรสณฑ์กระทารนจับต้นคนทาขัน
รังเรียงจับเรียงทำรังกันเหมือนฝูงนางกำนัลเมื่อเรียงนอน
แอ่นเคล้าเคล้าคู่อยู่สู่สมเหมือนพี่บรรทมร่วมบรรจถรณ์
นางนอนนอนแอบพี่แนบนอนเหมือนปักษรทั้งสองประคองเคียง
แล้วชมหมู่มยุเรศในสิงขรบ้างรำฟ้อนเป็นวงแล้วส่งเสียง
เหมือนฝูงนางชับรำบำเรอเรียงที่ในเวียงวังแก้วแต่ก่อนกาล
พลางชุมหมู่วิหคและฝูงหงส์อันลอยฟ้ามาลงสรงสนาน
เหมือนหนึ่งส่วสุรางค์บริวารลงลอยเล่นชลธารสำราญใจ
ล้วนหมู่ปักษาพนาวาสเดียรดาษในดงไม่นับได้
เรียงเรียงเคียงคู่ประจำไพรดูมิได้พลัดพรากไปจากกัน
แต่ฝูงนกยังมิพลัดกำจัดคู่ไฉนกูมาวิโยคโศกศัลย์
พลางคะนึงนิ่งนึกถึงแจ่มจันทร์ถ้าแม้นเจ้าจอมขวัญพี่มารา
จะได้ชวนให้ชมพฤกษาสัตว์อันเยียดยัดกันอยู่ในภูผา
นี่มาเดียวเปลี่ยวอกอาทวาแต่โศกาก่นร่ำระกำใจ
แล้วชมไม้ในลำเนาภูเขาสูงสกุณยูงจับยอดยางไสว
กระสาจับต้นกระสังเซซังไปเค้าโมงจับโมงไม้อยู่โมงมอง
สาลิกาเกี้ยวกอดกิ่งกาหลงอีลุ้มลงอุโลกขนคอหยอง
คับแคจับแคอยู่ก่ายกองการ้องเรียกกิ่งเพกาการ
นกแก้วจับแก้วแล้วโผเกดประเวศจิกเกสรขจรสมาน
คับคาคาบคาละเลิงลานดอกบัวหาญหักบัวแล้วมัวกิน
สดับเสียงการเวกให้หวาดเสียวฉุนเฉียวพระทัยตะลึงถวิล
เสมือนเสียงเยาวยอดยุพาพินเมื่อวาทินตรัสเรียกนางกำนัล
เห็นแขกเต้าเคล้าคู่อยู่คลึงสมรให้อาวรณ์ถึงโฉมสาวสวรรค์
เหมือนพี่แนบนวลสวาทไม่ขาดวันนี่กรรมทันมาพรากให้จากไกล
พระเหลียวเห็นเหมราพานางหงส์ร่อนลงสู่ท่าชลาไหล
ชมรสรื่นรนกลางสินธุ์ในสำราญใจรื่นเริงบันเทิงกัน
เสมือนเรียมพาสร้อยสุดาเจ้าสองเราเคยสรงกระเษมสันต์
พระน้องเอ๋ยแต่นี้สักกี่วันแต่จะรันอกดิ้นอาดูรแด
โอ้แต่นี้จะกินแต่น้ำเนตรจะทุเรศแรมร้างห่างแห
พี่สงสารด้วยสายสวาทแลขวัญเมืองแม่ก็จะมีแต่ร่ำไร
ครั้นสายันห์เย็นเยี่ยมในไพรศรีสกุณีพากันมาไสว
สาสารแต่องค์พระทรงชัยระลึกไปถึงองค์นางบังอร
สายัณห์ยามนี้พระน้องเอ๋ยพี่เคยชวนสู่แท่นบรรจถรณ์
สองเราเคยแนบทรวงนอนไกลกรพี่แล้วนะสายใจ
พระเห็นนกจากคู่ระเห็จระเหินสำเนียงเกริ่นหาคู่พิสมัย
เหมือนเรียมเดียวเปลี่ยวองค์อาลัยมาร่ำไรเรียกร้องกลางพนม
พระโศกเศร้ามาในพนาหลวงเจ็บทรวงเพราะนิราศสวาทสม
ถวิลโหยโอยอกระบมกรมแสนระทมทุกข์แทบบรรลัยเอย ฯ
             

เชิงอรรถ

อ้างอิง

ว่ายเวิ้งวรรณคดี โดย ล้อม เพ็งแก้ว, สถาพรบุ๊คส์ พ.ศ. ๒๕๔๙


[ขอขอบคุณคุณ gignoi สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน]

[ขอขอบคุณคุณ Maneenuch Ruckitana ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน]

เครื่องมือส่วนตัว