โคบุตร
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
(→ตอนที่ ๒ ราชปุโรหิตชิงบัลลังก์เมืองพาราณสี นางมณีสาครและพระอรุณไปพบยักษ์ ๔ ตน) |
(→ตอนที่ ๓ โคบุตรมาช่วยชุบชีวิตท้าวพรหมทัตและพระมเหสี) |
||
| แถว 290: | แถว 290: | ||
===ตอนที่ ๓ โคบุตรมาช่วยชุบชีวิตท้าวพรหมทัตและพระมเหสี=== | ===ตอนที่ ๓ โคบุตรมาช่วยชุบชีวิตท้าวพรหมทัตและพระมเหสี=== | ||
<tpoem> | <tpoem> | ||
| - | ๏ | + | ๏ พอโคบุตรสุริยาเหาะมาถึง ได้ยินอึงหวั่นไหวทั้งไพรสณฑ์ |
| + | พระลอยแลมาแต่โพยมบน เห็นสายชลฟุ้งสายกระจายฟอง | ||
| + | สี่ยักษาไล่ทารกอยู่หมกมุ่น นึกการุญสงสารเจ้าทั้งสอง | ||
| + | พระโถมลงตรงสระปทุมทอง อุ้มเอาสองกุมารทะยานมา | ||
| + | ยักษ์พิโรธโกรธไล่กระชั้นชิด พระทรงฤทธิ์หยุดยืนบนยอดผา | ||
| + | โบกพระหัตถ์ตรัสห้ามแล้วถามมา อสุราโกรธกันด้วยอันใด | ||
| + | ยักษ์ทมิฬยินถามคำรามร้อง มันจองหองลงชำระในสระใหญ่ | ||
| + | เก็บโกมินกินฝักแล้วหักใบ เราขัดใจจึ่งจะล้างให้วางวาย ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พระพี่น้องสองเจ้าเล่าความหลัง เป็นสัจจังข้าพเจ้าเล่าถวาย | ||
| + | ทินกรร้อนรนกระวนกระวาย มาเห็นสายชลธีก็ดีใจ | ||
| + | ทั้งพี่น้องสององค์ลงกินอาบ ก็เย็นซาบสรรพางค์ไม่ตักษัย | ||
| + | คิดว่าน้ำสำหรับอยู่กับไพร ไม่แจ้งใจว่าเจ้าของเขาป้องกัน | ||
| + | จงเอาบุญเจ้าประคุณเอ็นดูด้วย เหมือนโปรดช่วยลูกกำพร้าจะอาสัญ | ||
| + | พระทรงฟังสังเวชพระทัยครัน จึงว่ากับกุมภัณฑ์ไปทันความ | ||
| + | นี่แน่นายฝ่ายเด็กไม่รู้แจ้ง ใช่จะแกล้งมาข่มเหงไม่เกรงขาม | ||
| + | ถึงจะฆ่าทารกไม่ลือนาม จะถือความไปทำไมไม่ต้องการ ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พวกรากษสโกรธร้องอยู่ก้องกึก จองหองฮึกเหิมนักทำหักหาญ | ||
| + | มิส่งมามึงจะพากันวายปราณ มิใช่การของเอ็งไม่เกรงกัน ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พระฟังสารมารร้ายหมายชีวิต ไม่หวาดจิตปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ | ||
| + | จึ่งว่าเหวยอสุราใจอาธรรม์ เราไม่พรั่นดอกที่ข้อจะต่อตี | ||
| + | พระถอดเทพสังวาลโองการสั่ง สังวาลระวังพี่น้องทั้งสองศรี | ||
| + | ยักษ์พิโรธโลดไล่เป็นสิงคลี กระโดดตีตึงตังประดังมา ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พระลองแรงแผลงฤทธิ์เข้ารบรับ พระหัตถ์จับข้างละสองสี่ยักษา | ||
| + | เผ่นผงาดฟาดผางกลางศิลา อสุราดิ้นกระเดือกลงเสือกกาย | ||
| + | จึงโอมอ่านอาคมพรหมประสิทธิ์ ก็เปลื้องปลิดเจ็บปวดนั้นสูญหาย | ||
| + | เข้ากลาดกลุ้มรุมรบอยู่รอบกาย ดังเสียงสายสุนีลั่นสนั่นดัง | ||
| + | ด้วยเดชะเครื่องประดับสำหรับศึก แล่นพิลึกโลดไล่ไม่ถอยหลัง | ||
| + | ได้กินนมราชสีห์มีกำลัง ไม่พลาดพลั้งติดพันประจัญบาน | ||
| + | ต่างกำแหงแรงเริงในเชิงรบ ไม่หลีกหลบโลดไล่ด้วยใจหาญ | ||
| + | ยักษ์จะจับพี่น้องสองกุมาร เพราะสังวาลป้องกันไม่อันตราย ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พระโคบุตรสุริยาวราเดช เอาธำมรงค์บิตุเรศอันเรืองฉาย | ||
| + | พระหัตถ์ขว้างเป็นแสงประกายพราย ประหารกายยักษ์ขาดลงดาษดิน | ||
| + | ด้วยฤทธิ์เทพอาวุํธสุดจะแก้ ไม่หายแผลม้วยมุดสุดถวิล | ||
| + | ราพณ์ร้ายตายกลาดลงดาษดิน พระนรินทร์เหาะลงเนินคิรี | ||
| + | จึงเรียกสองกุมาราเข้ามาชิด พลางพินิจพี่น้องทั้งสองศรี | ||
| + | งามเจริญกิริยากุมารี ดังมณีเมขลาวิไลทรง | ||
| + | ชมกุมารน้องชายก็เฉิดโฉม งามประโลมดังเทพครรไลหงส์ | ||
| + | ชะรอยเป็นจักรพรรดิขัตติย์วงศ์ จึงเอื้อนโองการถามเนื้อความไป | ||
| + | นี่แน่น้องสองเจ้าจงเล่าเรื่อง อยู่บ้านเมืองแห่งหนตำบลไหน | ||
| + | ยังเด็กนักหักหาญมาเดินไพร บุญเจ้าไม่มรณาพี่มาทัน ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ สองกันแสงเล่าความไปตามเรื่อง ฉันเสียเมืองยากไร้มาไพรสัณฑ์ | ||
| + | มาประสบพบมารชาญฉกรรจ์ แล้วโศกศัลย์ร่ำไรอยู่ไปมา | ||
| + | พระโปรดช่วยจึงไม่ม้วยชีวาวาตม์ ขอรองบาทยุคลจนสังขาร์ | ||
| + | ข้าชื่อมณีสาครแต่ก่อนมา อนุชาชื่ออรุณร่วมท้องกัน ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์ใ้ห้สงสาร ปลอบกุมารว่าอย่าทรงกันแสงศัลย์ | ||
| + | เจ้ายังเด็กพี่็ก็เล็กอยู่ด้วยกัน ไม่หมายมั่นจะเอามาเป็นข้าไท | ||
| + | จะช่วยน้องให้ได้ครองคืนสถาน จงสำราญเถิดนะน้องอย่าหมองไหม้ | ||
| + | พี่จะชุบกุมภัณฑ์ที่บรรลัย จึ่งจะไม่เป็นกรรมประจำกาย | ||
| + | พระหยิบยามาเคี้ยวแล้วเที่ยวพ่น กุมภัณฑ์พลได้กลิ่นก็กลับหาย | ||
| + | หมอบประนมก้มตัวด้วยกลัวตาย ต่างถวายอภิวันท์รำพันความ | ||
| + | ขอบพระคุณการุญชุบชีวิต ได้พูดผิดข้าน้อยนี้หยาบหยาม | ||
| + | ขอรองบาทมุลิกาพยายาม ไปติดตามกว่าจะสูญสิ้นชีวา | ||
| + | แล้วยักษีสี่นายถวายแก้ว อันเลิศแล้วเหาะได้ในเวหา | ||
| + | ทั้งสองดวงแต่ล้วนดีมีศักดา ปรารถนานึกได้ดังใจจง ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พระรับแก้วแล้วตรัสกับขุนยักษ์ ท่านจงรักสุจริตจิตประสงค์ | ||
| + | เราสงสารพี่น้องทั้งสององค์ เจ้าเชื้อพงศ์จักรพรรดิสวัสดี | ||
| + | เที่ยวทนทุกข์บุกป่าพนาเวศ น่าสมเพชใจนักนะยักษี | ||
| + | จะแก้ไขให้สองราคืนธานี อสุรีจงไปช่วยเราด้วยกัน ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พนาสูรทูลความไปตามเรื่อง มิให้เคืองบาทมูลทูลผ่อนผัน | ||
| + | ให้สององค์พระกุมารสำราญครัน เหมือนทรงธรรม์อนุกูลกุมารา ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ ได้ฟังสารแสนสำราญอารมณ์รื่น พระชมชื่นแสนสนิทเสน่หา | ||
| + | พระยื่นแก้วแล้วตรัสจำนรรจา ถือจินดาเถิดน้องทั้งสองคน | ||
| + | เจ้ากุมแก้วแล้วเหาะไปตามพี่ ถึงบุรีเรืองรัตน์ไม่ขัดสน | ||
| + | สองกุมารกรานกราบจอมสากล แล้วกุมแก้วฤทธิรณไว้กับกร ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พระโคบุตรสุริยาก็พาเหาะ ข้ามละเมาะเขาเขินเนินสิงขร | ||
| + | สามกษัตริย์อสุราพากันจร หมายนครลอยฟ้ามาบุรี | ||
| + | ครั้นภาณุมาศผาดแผดแดดร้อนจัด สามกษัตริย์ต้องแสงนรังสี | ||
| + | พระเคลื่อนคล้อยลอยลงในพงพี จรลีร่มรื่นชื่นพระทัย | ||
| + | พระโคบุตรชวนน้องสองกษัตริย์ ชมพนัสหิมวาพฤกษาไสว | ||
| + | ที่ผลิดอกออกผลระคนไป วายุไกวกิ่งกวดเป็นวงกง | ||
| + | ชมพู่เทศเกดแก้วตะโกโกฐ ชะลูดโลดตุมกามหาหงส์ | ||
| + | หันเหียนตะเคียนคางยางประยงค์ วัลย์เปรียงปรงปรูปรางตะลิงปลิง | ||
| + | ฝูงอีลุ้มแอบพุ่มอุโลกลับ กระสาจับไซ้ขนบนต้นสิง | ||
| + | กาลิงเลี้ยวไล่หานางกาลิง อัญชันชิงคู่เคียงอยู่เรียงกัน | ||
| + | นกกระเหว่าเฝ้าแฝงฝรั่งร้อง ฝูงยูงทองย่องเหยียบพะยุงขัน | ||
| + | สามกุมารเพลิดเพลินเจริญครัน แล้วพากันชมนกไม้ไพรพนม | ||
| + | ตามประสาทารกรักสนิท ไม่นึกคิดเคืองระคายเท่าปลายผม | ||
| + | สัพยอกหยอกเอินเพลินอารมณ์ จนแดดร่มเบี่ยงบ่ายลงชายไพร | ||
| + | พระชวนน้องสององค์ขึ้นเหาะเหิน งานเจริญรีบมาในป่าใหญ่ | ||
| + | ลอยละลิ่วปลิวเมฆมาไรไร ประมาณได้ยามหนึ่งถึงธานี | ||
| + | สองกุมารทูลความไปตามเรื่อง นี่แลเมืองข้าน้อยทั้งสองศรี | ||
| + | โน่นปรางค์ทองของพระชนนี แต่เดี๋ยวนี้ใครจะอยู่ไม่รู้ความ | ||
| + | ได้ทรงฟังทั้งสองพระน้องนาฏ ลงปราสาทเถิดนะน้องอย่าเกรงขาม | ||
| + | แม้นมิใช่บิดาพะงางาม จงแจ้งความพี่จะทำให้หนำใจ ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ กุมาราพาองค์พระทรงเดช เข้านิเวศน์ปรางค์ทองอันผ่องใส | ||
| + | สามกษัตริย์อสุราก็คลาไคล เข้าห้องในปรางค์รัตน์ชัชวาล ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ นางชาววังนั่งยามอยู่แออัด เห็นกษัตริย์สองราน่าสงสาร | ||
| + | ให้ระลึกถึงนายที่วายปราณ วิ่งเข้ากอดกุมารแล้วโศกา | ||
| + | สิ้นบุญทูลกระหม่อมทั้งสองแล้ว ดังดวงแก้วมืดมิดทุกทิศา | ||
| + | แม่เป็นไรไปแล้วจึ่งกลับมา พราหมณ์ชราพ่อลูกมันครองวัง ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ ได้ฟังฝูงกัลยาน้ำตาไหล แข็งพระทัยตรัสถามเนื้อความหลัง | ||
| + | สองพระองค์ปลดปลงชีวาวัง พระศพยังอยู่หรือสูญไปแห่งใด ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ สาวสนมก้มกราบแล้วทูลสนอง อันศพสองปิ่นกษัตริย์ที่ตัดษัย | ||
| + | เขาใส่พระโกศทองไว้ห้องใน แล้วร้องไห้ห้ามปรามพระทรามชม | ||
| + | นางมณีสาครกับน้องน้อย ก็เศร้าสร้อยโลมเล้าสาวสนม | ||
| + | แต่ก่อนปางสร้างกรรมจำนิยม อย่าปรารมภ์เราจะคืนเอาพารา | ||
| + | แล้วนำองค์ทรงศักดิ์กับยักษ์ร้าย ค่อยแฝงกายมาถึงแท่นอันเลขา | ||
| + | เห็นพราหมณ์เฒ่าขึ้นสถิตแท่นบิดา กับลูกยาบนเตียงอยู่เคียงกัน ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พระพี่น้องร้องเรียกให้ยักษ์จับ สั่งกำชับอย่าเพ่อฆ่าให้อาสัญ | ||
| + | ยักษ์กระโจมโถมจับตาพราหมณ์พลัน เชือกมัดมั่นสองแขนอยู่แอ่นกาย | ||
| + | ทั้งพ่อลูกถูกมัดอยู่นอนกลิ้ง พวกผู้หญิงเห็นยักษ์ก็ใจหาย | ||
| + | บ้างหวีดหวาดผาดแลเห็นเจ้านาย จึงค่อยคลายความกลัวทุกตัวคน ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พระพี่น้องร้องห้ามพวกสาวใช้ อย่าตกใจใช่ศึกมากลางหน | ||
| + | ต่างรู้ชัดค่อยสงัดสงบตน พระสุริยนเยี่ยมยอดเมรุไกร | ||
| + | พระพี่น้องร้องเชิญพระโฉมศรี มาสู่ที่โกศทองอันผ่องใส | ||
| + | ให้เปิดโกศเชิญศพออกทันใด ภูวไนยพ่นด้วยโอสถพลัน | ||
| + | จอมกษัตริย์สององค์คงชีวิต ค่อยเคลิ้มจิตคลับคล้ายเหมือนใฝ่ฝัน | ||
| + | เห็นลูกรักยักษ์ร้ายอยู่เคียงกัน พระโศกศัลย์สวมกอดเอาลูกยา | ||
| + | พ่อบรรลัยใครช่วยจึงรอดเล่า ไฉนเจ้ารู้จักกับยักษา | ||
| + | พระโฉมยงองค์นั้นนะกัลยา เสด็จมาแต่หนตำบลใด ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พระโอรสยศยงทรงสดับ จึงกล่าวกลับความหลังแถลงไข | ||
| + | พระชนกชนนีก็ดีใจ ราวกับได้ทิพสถานพิมานอินทร์ | ||
| + | เข้าอุ้มองค์บุตราพระอาทิตย์ พลางจุมพิตเชยชมสมถวิล | ||
| + | สมบัติของบิดาในธานินทร์ ทั้งม้ารถคชริินทร์อันเพริศพราย | ||
| + | จะมอบให้ทรามชมเสวยราชย์ ชนชาติจะได้พึ่งพระโฉมฉาย | ||
| + | พระบิดรมารดาชรากาย จะเบี่ยงบ่ายบรรพชาไม่ราคี | ||
| + | ฝากแต่น้องสององค์ไว้ด้วยเถิด นึกว่าเกิดร่วมครรภ์พระโฉมศรี | ||
| + | พ่อขอถามนามชนกชนนี ผ่านบุรีแห่งหนตำบลใด ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พระโคบุตรทรงฟังรับสั่งถาม ไม่บอกความออกแจ้งแถลงไข | ||
| + | หม่อมฉันชาวหิมวาพนาลัย ทุเรศไร้สุริย์วงศ์อยู่ดงดอน | ||
| + | พระมารดาอาสัญแต่วันคลอด ชีวิตรอดด้วยราชไกรสร | ||
| + | ลูกรักเคยอยู่ป่าพนาดร มาเที่ยวจรเล่นตามความสบาย | ||
| + | มาพบน้องนวลนางที่กลางเถื่อน เห็นเด็กเหมือนกันก็รักไม่รู้หาย | ||
| + | ฉันชุบช่วยภูวดลให้พ้นตาย เสร็จแล้วจะถวายบังคมลา | ||
| + | ซึ่งโปรดปรานบ้านเมืองให้ลูกรัก มิใช่ศักดิ์เชื้อวงศ์เผ่าพงศา | ||
| + | ลูกยกให้แก่พระน้องทั้งสองรา จะกราบลาเที่ยวให้เพลินเจริญใจ | ||
| + | พระโศกาอาลัยใจจะขาด ภูวนาถว่าวอนด้วยรักใคร่ | ||
| + | สารพัดพ่อมาตัดอาลัยไป ทั้งเวียงชัยก็ไม่รักจะหักจร | ||
| + | ทำกระไรจะได้แทนคุณสนอง ที่ช่วยสองสุดสวาทสโมสร | ||
| + | จงเอ็นดูบิดาที่ว่าวอน อยู่นครด้วยน้องทั้งสององค์ ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พระฟังห้ามตามมีไมตรีจิต บุตรอาทิตย์ทูลความตามประสงค์ | ||
| + | ถึงลูกไปใช่จะลืมบาทบงสุ์ เมื่อนานนานแล้วก็คงจะกลับมา ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พรหมทัตครั้นจะขัดก็สุดคิด รัญจวนจิตเศร้าสร้อยละห้อยหา | ||
| + | แลดูองค์ทรงฤทธิ์กับธิดา อุปมาเหมือนแก้วแกมกับทอง | ||
| + | แต่ทรงฤทธิ์จิตยังเด็กไม่รู้จัก ด้วยเ็ด็กนักยังไม่ควรภิเษกสอง | ||
| + | จะโลมเล้าเอาใจในทำนอง พระตรึกตรองตรัสไปด้วยไมตรี | ||
| + | ถึงจะไปอาลัยแก่พ่อมั่ง จงรอรั้งอยู่เมืองให้เรืองศรี | ||
| + | พออุ่นใจไพร่ฟ้าประชาชี ชาวบุรีหญิงชายกระจายจร | ||
| + | ว่าพ่อได้สายสวาทเป็นโอรส เฉลิมยศภิญโญสโมสร | ||
| + | พ่อเอ็นดูบิดาให้อาวรณ์ อย่าเพ่อจรให้พ่อช้ำระกำใจ ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พระโคบุตรสงสารท้าวพรหมทัต สุดจะขัดแล้วจึ่งทูลสนองไข | ||
| + | พระตรัสห้ามสามหนแล้วจนใจ จะอยู่ไปมิให้เคืองเรื่องราคี | ||
| + | เมื่อนานนานลูกจะลาไปเล่นมั่ง จิตลูกยังอาลัยถึงไพรศรี | ||
| + | จะเที่ยวดูเสียให้ทั่วทั้งธรณี ชมบุรีจักรพรรดิกษัตรา | ||
| + | กรุงกษัตริย์ฟังสารสำราญรื่น ประคองชื่นรับขวัญด้วยหรรษา | ||
| + | แล้วเชิญโอรสราชเร่งยาตรา เสด็จมาพระโรงรัตน์ชัชวาล | ||
| + | ให้ยักษาพาพราหมณ์มาถามซัก เอาเพื่อนพรรคพี่น้องจองหองหาญ | ||
| + | ทั้งพ่อลูกผูกมัดฝีมือมาร ก็ให้การซัดเพื่อนออกเปื้อนคำ | ||
| + | เขาจดหมายไล่จับมาคับคั่ง มีรับสั่งให้ลงโทษแต่คนขำ | ||
| + | บีบขมับขับเฆี่ยนเจียนระยำ ให้ตรากตรำตรึงตราไว้ตรุใน | ||
| + | แล้วยกข้อพ่อลูกประโรหิต กระทำผิดสาหัสถึงตัดษัย | ||
| + | ให้ตีฆ้องร้องป่าวตระเวนไป อย่าฆ่าในธานีเป็นชีพราหมณ์ | ||
| + | ใส่นาวาไปมหาทะเลหลวง เอาหินถ่วงเสียให้จมสมหยาบหยาม | ||
| + | พระตรัสสั่งสิ้นเสร็จสำเร็จความ แล้วชวนสามโอรสเข้าสู่วัง | ||
| + | เสวกาพาพราหมณ์ทั้งพ่อลูก ไปมัดผูกเฆี่ยนขับตามรับสั่ง | ||
| + | ตะโหงกคอข้อมือขื่อประดัง ข้างหน้าหลังตีฆ้องมาสองคน | ||
| + | พวกดาบแดงแซงเดินกระหนาบข้าง ขยับย่างจูงพราหมณ์มาตามถนน | ||
| + | ตีฆ้องแล้วให้ร้องประจานตน ทั้งสองคนพ่อลูกเหมือนอย่างลิง | ||
| + | เสียงหม่องหม่องร้องว่าเจ้าข้าเอ๋ย อย่าดูเยี่ยงข้าเลยทั้งชายหญิง | ||
| + | ข้าพ่อลูกทุจริตทำผิดจริง กบฏชิงสมบัติกษัตรา | ||
| + | ทั้งชาวบ้านร้านตลาดก็กลาดเกลื่อน ร้องเรียกเพื่อนวิ่งกรูมาดูหน้า | ||
| + | ทั้งธานีมิได้มีใครเวทนา มันอยากชิงวาสนาสาแก่ใจ | ||
| + | ตระเวนรอบขอบเมืองทุกบ้านช่อง ลงเรือล่องไปในกลางทะเลใหญ่ | ||
| + | เอาพ่อลูกผูกแผ่นศิลาลัย โยนลงในสาชลก็วายปราณ | ||
| + | กลับมาทูลมูลเหตุเกศกษัตริย์ พรหมทัตปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ | ||
| + | จิตระรื่นชื่นอารมณ์ชมกุมาร จำเนียรกาลนานมาอยู่ธานี ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์ทรงสวัสดิ์ บังคมทูลพรหมทัตเจ้ากรุงศรี | ||
| + | ลูกอยู่กับบิดามากว่าปี ระลึกถึงพงพีพ้นกำลัง | ||
| + | ลูกจะขอลาองค์พระทรงเดช ไปเที่ยวชมหิมเวศเหมือนใจหวัง | ||
| + | พรหมทัตขัตติย์วงศ์ได้ทรงฟัง ท้าวเธอหลั่งชลนาโศกาลัย | ||
| + | ครั้นจะตรัสหักหาญพูดทานทัด กลัวจะขัดเคืองวิญญาณ์อัชฌาสัย | ||
| + | จึ่งตรัสว่าแก้วตาจะคลาไคล สำราญใจกลับมายังธานี ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พระโคบุตรรับรสพจนารถ กราบเบื้องบาทบงกชบทศรี | ||
| + | ลูกไปลับคงจะกลับมาบุรี ไม่ถึงปีอย่าอาลัยพระทัยปอง | ||
| + | แล้วผินหน้ามาสั่งพระน้องรัก อยู่ตำหนัีกเถิดเจ้าอย่าเศร้าหมอง | ||
| + | พี่ไปแล้วคงจะกลับมารับน้อง นวลละอองจงสุโขอย่าโศกา | ||
| + | ทั้งพี่น้องร้องไห้วิ่งไปกอด รำพันพลอดวิงวอนฉะอ้อนว่า | ||
| + | จะไปไหนฉันจะไปด้วยพี่ยา อย่าพักว่าเลยไม่อยู่ในบูรี ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พระรับขวัญจูบน้องประคองชิด ตามจริตทารกทั้งสามศรี | ||
| + | อย่าไปเลยลำบากองค์ในพงพี ล้วนเสือสีห์ผีสางกลางอารัญ | ||
| + | มันเห็นใครใจอ่่อนมันหลอนหลอก ไม่ดีดอกเจ้าอย่าไปในไพรสัณฑ์ | ||
| + | ทำไมกับพี่มีมนต์ไม่กลัวมัน จงครองกันอยู่เมืองอย่าเคืองระคาย ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ อย่าพักปดให้เหนื่อยปากไม่อยากเชื่อ ถึงช้างเสือก็ไม่พรั่นเหมือนมั่นหมาย | ||
| + | มิพาไปแล้วไม่ออกไปนอกกาย จะกอดคอไว้จนตายไม่ปล่อยเลย ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ ดูดู๋ว่าแล้วยังไม่ฟังว่า ทั้งข้าวปลาก็จะได้ที่ไหนเสวย | ||
| + | ดวงมณีที่พี่ให้เอาไว้เชย อย่าไปเลยโฉมตรูอยู่พารา | ||
| + | ทั้งพี่น้องร้องไห้ไม่ฟังห้าม ขืนจะตามไปหิมเวศด้วยเชษฐา | ||
| + | พระโคบุตรสุดจนพ้นปัญญา ทูลบิดาให้ห้ามเจ้าทรามวัย | ||
| + | บิตุรงค์ทรงพระสรวลสำรวลร่า ตามแต่เจ้าจะว่าอัชฌาสัย | ||
| + | เมื่อพ่อแม่เขาไม่รักจะหักไป แล้วภูวไนยเล้าโลมนางโฉมงาม | ||
| + | อนุชาพ่อจงพาไปฝึกสอน นางมณีสาครจะช่วยห้าม | ||
| + | แล้วตรัสปลอบพระธิดาพะงางาม แม่อย่าตามไปให้ยากลำบากกาย | ||
| + | แม้นขุกเข็ญเป็นหญิงนี้ยากนัก พระลูกรักพ่อว่าอย่าผันผาย | ||
| + | พระอนุชาเขาเชื้อเนื้อว่าชาย อันตรายโพยภัยเขาไม่มี ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ นางทรงฟังแค้นจิตบิตุเรศ ชลเนตรไหลนองหม่นหมองศรี | ||
| + | เจ้าหยิกข่วนเชษฐาไม่ปรานี แล้วเข้าที่ไสยาโศกาลัย ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พระโคบุตรสุริยาผวาวิ่ง มาปลอบมิ่งสมรมิตรพิสมัย | ||
| + | พี่เมตตาจึ่งไม่พาเจ้าเดินไพร แม่ยังไม่เห็นดีเข้าตีรัน | ||
| + | แต่น้องน้อยยังหน่วงเป็นห่วงนัก พระทรงศักดิ์เธอจะให้ไปกับฉัน | ||
| + | แม่จงฟังพี่ยาอย่าจาบัลย์ จะเก็บพรรณบุปผาอัมพาพวง | ||
| + | ที่หอมหวนงามหลากมาฝากแม่ ห้อยพระแกลเล่นสะพรั่งในวังหลวง | ||
| + | พงศ์กษัตริย์ตรัสล้อแล้วล่อลวง สุดาดวงค่อยชื่นกลืนน้ำตา ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พระจูงกรยุพยงอนงค์นาฏ ยุรยาตรจากแท่นอันเลขา | ||
| + | มาฝากองค์ทรงฤทธิ์พระบิดา แล้วชวนพระอนุชามาสรงชล | ||
| + | ในอ่างทองรองฝักปทุมมาศ ดูสะอาดชลปรอยเป็นฝอยฝน | ||
| + | น้ำกุหลาบอาบองค์สรงสุคนธ์ ทรงเครื่่องต้นดูงามอร่ามพราย ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ สององค์ออกหน้าโถงพระโรงรัตน์ หน่อกษัตริย์ทรงแท่นอันเรืองฉาย | ||
| + | โองการสั่งอสุรีทั้งสี่นาย จงผันผายไปสถานสำราญใจ | ||
| + | แต่จงช่วยกรุณังระวังนิเวศน์ ทั่วขอบเขตนครังทั้งน้อยใหญ่ | ||
| + | พนาสูรทูลสนองให้ต้องใจ ในกรุงไกรมิให้มีราคีพาน | ||
| + | สิบห้าวันจะผลัดกันมาสืบข่าว ให้สองท้าวปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ | ||
| + | แล้วกราบลาพี่น้องสองกุมาร เหาะทะยานหมายมาพนาลี ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พระโคบุตรสุริยาวราฤทธิ์ สำราญจิตจากพระโรงอันเรืองศรี | ||
| + | เจ้าอรุณสุริยวงศ์ทรงมณี จรลีลอยลิ่วปลิวเมฆา | ||
| + | ออกจากรุงมุ่งหมายเข้าไพรระหง ทั้งสององค์ชมไม้ไพรพฤกษา | ||
| + | พระเหาะเรียงเคียงชมยมนา ลอยละลิ่วปลิวฟ้ารีบคลาไคล ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พระสุริยงลงลับเหลี่ยมภูผา พระจันทราส่องสว่างกระจ่างไข | ||
| + | ทั้งสองชมจันทรานภาลัย มาตามในแถวทางกลางอารัญ | ||
| + | พระเหาะเรียงเคียงชมดาราราย แสนสบายคลายทุกข์เกษมสันต์ | ||
| + | ศิลาลายพรายเลื่อมด้วยแสงจันทร์ ชี้ชวนกันทัศนาศิลาลัย ฯ | ||
| + | |||
| + | |||
| + | ๏ พระสุริยาฟ้าสางสว่างภพ กระจ่างจบในป่าพฤกษาไสว | ||
| + | ทั้งพี่น้องสองเหาะระเห็จไป ถึงเขาใหญ่สูงเงื้อมตระหง่านครัน | ||
| + | เป็นสี่เหลี่ยมสูงวิเวกเทียมเมฆมืด ดูโยงยืดยาวใหญ่ในไพรสัณฑ์ | ||
| + | เหมือนเมฆมืดเมฆาเมื่อสายัณห์ พระชวนกันสององค์เดินตรงมา | ||
| + | ครั้นถึงที่เขาใหญ่ในไพรสณฑ์ แลเห็นต้นนารีผลบนเนินผา | ||
| + | ล้วนคนธรรพ์นักสิทธ์วิทยา เฝ้ารักษาแลล้อมอยู่พร้อมกัน | ||
| + | ทั้งสององค์่ทรงแลไม่เคยเห็น มุ่งเขม้นแล้วทรงพระสรวลสันต์ | ||
| + | พระโคบุตรนึกอนาถประหลาดครัน ต้นไม้นั้นแต่ล้วนนางสล้างไป | ||
| + | ที่ใต้ต้นคนธรรพ์สะพรั่งอยู่ พระน้องดูให้เห็นเล่นใกล้ใกล้ | ||
| + | ว่าพลางทางชวนกันเหาะไป สำราญใจชื่นจิตด้วยฤทธิรณ ฯ | ||
</tpoem> | </tpoem> | ||
| + | |||
===ตอนที่ ๔ โคบุตรรบวิชาธร ฆ่าทัศกัณฐมัจฉาตาย=== | ===ตอนที่ ๔ โคบุตรรบวิชาธร ฆ่าทัศกัณฐมัจฉาตาย=== | ||
<tpoem> | <tpoem> | ||
การปรับปรุง เมื่อ 08:56, 25 มิถุนายน 2553
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: สุนทรภู่
บทประพันธ์
ตอนที่ ๑ กำเนิดโคบุตร
| ๏ แต่ปางหลังครั้งว่างพระศาสนา | ||||
| เป็นปฐมสมมตินิทานมา | ด้วยปัญญายังประวิงทั้งหญิงชาย | |||
| ฉันชื่อภู่รู้เรื่องประจักษ์แจ้ง | จึงแสดงคำคิดประดิษฐ์ถวาย | |||
| ตามสติริเริ่มเรื่องนิยาย | ให้เพริศพรายพริ้งเพราะเสนาะกลอนฯ | |||
| ๏ จะร่ำปางนางสวรรค์เสวยสุข | อยู่ปรางค์มุขพิมานสโมสร | |||
| เผยพระแกลแลดูแผ่นดินดอน | เห็นไกรสรคลอดลูกในหิมวา | |||
| ผลกรรมนำจิตให้พิศวาส | นุชนาฏจะใคร่มีโอรสา | |||
| เห็นพระสุริโยทัยเธอไคลคลา | กัลยานึกไปดังใจปอง | |||
| แม้นสามีมิได้เหมือนพระอาทิตย์ | ไม่ขอคิดสมสู่เป็นคู่สอง | |||
| ผลกรรมจำจากวิมานทอง | นางก็ต้องจุติด้วยใจตน | |||
| เห็นสระศรีมีบัวระดาดาษ | สุดสวาทจิตประหวัดเข้าปฏิสนธิ์ | |||
| เกิดเป็นรูปนารีนิรมล | กลีบอุบลหุ้มไว้ในสาคร | |||
| อยู่ประมาณนานมาในบัวหลวง | สุดาดวงกำดัดชมสมสมร | |||
| จะกล่าวถึงสุริยาทิพากร | เสด็จจรเลี้ยวเหลี่ยมพระเมรุมา | |||
| อรุณโรจน์โชติช่วงดวงจรัส | ส่องจังหวัดภาคพื้นพระเวหา | |||
| พิศเพ่งเล็งแลในโลกา | เห็นนางฟ้าอยู่ในพุ่มปทุมมาลย์ | |||
| เพราะรักเราเจ้าต้องมาสิ้นชีพ | เกิดในกลีบบุษบงน่าสงสาร | |||
| จำจะช่วยให้อนงค์คงวิมาน | พระสุริยกาลโสมนัสสวัสดี | |||
| จึ่งแบ่งภาคจากรถระเห็จเหาะ | ลงเฉพาะสระใหญ่ในไพรศรี | |||
| พระหัตถ์หักปทุมาจากวารี | มานั่งที่ร่มไทรในไพรวัน | |||
| คลี่ปทุมอุ้มนางขึ้นวางตัก | แม่ยอดรักปิ่นสุรางค์นางสวรรค์ | |||
| กุศลเราเคยสมภิรมย์กัน | บุญจึ่งบันดาลใจให้เจาะจง | |||
| พี่พึ่งรู้ว่าเจ้าอยู่ในโกเมศ | จึ่งประเวศติดตามด้วยความประสงค์ | |||
| จะช่วยเจ้าเยาวลักษณ์วิไลทรง | ให้คืนคงเมืองฟ้าสุราลัยฯ | |||
| ๏ ปางยุพินปิ่นเทพอัปสร | ฟังสุนทรสุริยงคิดสงสัย | |||
| นางผลักพลางทางแลชำเลืองไป | งามวิไลพูนสวัสดิ์ชัชวาล | |||
| ถึงเทพบุตรสุดสิ้นในอากาศ | ไม่ผุดผาดผิวพรรณเทียมสัณฐาน | |||
| นางค้อนคมก้มพักตร์แล้วพจมาน | ไม่ควรการช่างไม่เกรงข่มเหงกัน | |||
| เทพบุตรภุชงค์หรือวงศ์ยักษ์ | มาหาญหักปทุมมาศขาดสะบั้น | |||
| เขาอาศัยได้สบายในบุษบัน | ทำเช่นนั้นช่างไม่คิดอนิจจังฯ | |||
| ๏ โอ้เจ้าพี่ศรีสวัสดิ์กำดัดสวาท | นุชนาฏแม่อย่าลืมเนื้อความหลัง | |||
| หรือชอบใจอยู่ที่ในอุบลบัง | สมบัติทั้งเมืองฟ้าไม่อาวรณ์ | |||
| พี่หรือคือสุริยงดำรงทวีป | ทุเรศรีบมาด้วยการสงสารสมร | |||
| จะชูช่วยนางฟ้าสถาวร | พะงางอนนุชน้องอย่าหมองนวล | |||
| มานั่งนี่เถิดพี่จะเล่าเรื่อง | แม่เนื้อเหลืองนพรัตน์กำดัดสงวน | |||
| พลางประโลมโฉมนางไม่ห่างนวล | หอมรัญจวนเกสรขจรจายฯ | |||
| ๏ สาวสวรรค์ครั้นสดับอภิวาท | สุดสวาทแสนรักพระสุริย์ฉาย | |||
| แต่มารยาทกษัตรีทำทีอาย | ค้อนชม้ายตอบสนองทำนองใน | |||
| ถึงดินฟ้าสาครภูเขาขุน | เมื่อสิ้นบุญถึงกรรมทำไฉน | |||
| แต่ชาติก่อนใครห่อนประจักษ์ใจ | ระลึกได้หรือจะรู้ในเรื่องราว | |||
| ซึ่งโปรดน้องจะให้ครองวิมานสวรรค์ | พระคุณนั้นล้ำฟ้าเวหาหาว | |||
| มิได้สนองครองคุณให้สิ้นคราว | ด้วยเปลี่ยวเปล่าเอ้องค์ในดงแดนฯ | |||
| ๏ แสนเสนาะเพราะล้ำหนอน้ำเสียง | ช่างกล่าวเกลี้ยงเชิงฉลาดนั้นเหลือแสน | |||
| พี่เมตตาจะช่วยพาไปเมืองแมน | ถึงมิแทนคุณได้เป็นไรมี | |||
| เหมือนมัจฉาสาครเป็นที่พึ่ง | บุญแล้วจึ่งได้พบประสบศรี | |||
| ต้องประสงค์อยู่ตรงไมตรีดี | ถึงแม้นมีสิ่งของไม่ต้องการ | |||
| นี่แน่เจ้าเยาวลักษณ์วิไลศรี | เสียแรงพี่จงรักสมัครสมาน | |||
| อย่าพูดนักชักเยิ่นให้เนิ่นนาน | จะเสียการไมตรีที่เรียมวอน | |||
| จงแย้มเยื้อนเบือนพักตร์รับรักบ้าง | ประโลมนางแนบกายสายสมร | |||
| แสนสำราญอยู่ในร่มนิโครธร | พระกางกรประดิพัทธ์วัจนา | |||
| อัศจรรย์บรรดาสาคเรศ | อรัญเวศหวั่นไหวไพรพฤกษา | |||
| เทพทั้งตั้งโห่เป็นโกลา | สนั่นป่าลั่นเสียงสำเนียงดัง | |||
| บรรดาฝูงเทพาวลาหก | ก็ตื่นตกใจวิ่งไม่เหลียวหลัง | |||
| อึกทึกกึกก้องฆ้องระฆัง | ด้วยกำลังพระอาทิตย์ฤทธิรงค์ | |||
| สมสนิทพิศวาสนางสวรรค์ | เกษมสันต์สบเชิงละเลิงหลง | |||
| แบ่งกำลังตั้งครรภ์ให้โฉมยง | แล้วเอื้อนโองการตรัสกับกัลยา | |||
| อีกเจ็ดวันขวัญเข้าเจ้าคลอดบุตร | เจ้าจะจุติไปสวรรค์ด้วยหรรษา | |||
| พี่อยู่ด้วยเจ้าไม่ได้ต้องไคลคลา | ถึงเวลาเลี้ยวเหลี่ยมพระเมรุทอง | |||
| จะเร่งรีบไปทวีปข้างโน้นแล้ว | แม่ดวงแก้วนพเก้าอย่าเศร้าหมอง | |||
| กลับชมพูจะมาอยู่ด้วยนวลละออง | แม่อย่าหมองอารมณ์อยู่ร่มไทร | |||
| ประโลมลูบจูบสั่งสายสวาท | จะนิราศแรมมิตรพิสมัย | |||
| ด้วยร้างรักหักจิตไปจำไกล | คืนเวไชยันต์ถาวรเหมือนก่อนมา | |||
| เลี้ยวพระเมรุเผ่นเยี่ยมอุดรทวีป | ดังประทีปส่องทั่วทุกทิศา | |||
| สาวสวรรค์สร้อยเศร้าเปล่าอุรา | พระสุริยาเลี้ยวเหลี่ยมพระเมรุธร | |||
| สันโดษเดียวเปลี่ยวร่างอยู่กลางเถื่อน | ไม่มีเพื่อนสาวสุรางค์นางอัปสร | |||
| ยินสำเนียงปักษาทิชากร | ดวงสมรวังเวงวิเวกใจฯ | |||
| ๏ ฝ่ายพระสุริยงผู้ทรงรถ | เที่ยวเลี้ยวรถส่องสัตว์จำรัสไข | |||
| ส่องตรีภพจบทวีปแล้วรีบไป | สว่างในภพโลกชมพูพลัน | |||
| ระลึกถึงโฉมงามทรามสวาท | ออกจากราชรถชัยลงไพรสัณฑ์ | |||
| ถนอมแนบแอบนางไม่ห่างกัน | เกษมสันต์พิศวาสไม่คลาดคลาย | |||
| แต่เช้ามาสายัณห์แล้วคืนกลับ | กำหนดนับเจ็ดวันเหมือนมั่นหมาย | |||
| ยุพาพินสิ้นกรรมประจำกาย | จะคลอดสายสุดที่รักโอรสนาง | |||
| พอรุ่งแสงสุริยาพระอาทิตย์ | มานั่งชิดโลมน้องอย่าหมองหมาง | |||
| สงสารนวลป่วนปั่นพระครรภ์คราง | นาภีนางเพียงจะพังประทังทน | |||
| บรรดาเทพธิดาลงมาพร้อม | เข้าแวดล้อมอรไทในไพรสณฑ์ | |||
| บ้างนวดครรภ์ผันแปรให้นิรมล | พระสุริยนเคียงน้องประคององค์ | |||
| ถึงยามปลอดนางคลอดโอรสราช | เสียงพิณพาทย์ก้องฟ้าป่าระหง | |||
| เป็นชายเหมือนพระอาทิตย์ไม่ผิดทรง | สำอางค์องค์นวลละอองดังทองทา | |||
| สาวสวรรค์รับขวัญโอรสรัก | พิศพักตร์ลูกน้อยละห้อยหา | |||
| นางกางกรช้อนอุ้มกุมารา | เจ้าเกิดมามิได้อยู่ด้วยแม่แล้ว | |||
| ไม่เห็นใครที่จะให้นมเสวย | เจ้าแม่เอ๋ยสุดอาลัยนะลูกแก้ว | |||
| เจ้าอยู่เถิดมารดาจะลาแล้ว | กอดลูกแก้วโศกาด้วยอาลัย | |||
| แล้วก้มกราบสุริยันรำพันสั่ง | พระระวังลูกยาในป่าใหญ่ | |||
| พอสิ้นสั่งสุดสวาทก็ขาดใจ | กลับคืนไปสู่สวรรค์ชั้นวิมานฯ | |||
| ๏ ปางพระสุริย์ใสวิไลลบ | ให้ปรารภด้วยบุตรสุดสงสาร | |||
| ไม่เห็นใครที่จะได้พยาบาล | พระสุริยกาลกอดบุตรเข้าโศกา | |||
| แล้วผันแปรแลไปเห็นไกรสร | แม่ลูกอ่อนสถิตอยู่ในคูหา | |||
| พระอุ้มโอรสราชแล้วยาตรา | ถึงพญาสิงหราชประกาศพลัน | |||
| ว่าดูราราชสีห์อันมีศักดิ์ | โอรสรักเราเกิดในไพรสัณฑ์ | |||
| กำพร้าแม่แต่คลอดออกจากครรภ์ | จะให้ท่านเลี้ยงไว้ดังใจจง | |||
| เป็นบิดามารดาของทารก | เราจะยกให้ตามความประสงค์ | |||
| เวลาจวนเราจะด่วนไปอัสดง | ต่อนานนานจึงจะลงมาเชยชมฯ | |||
| ๏ ราชสีห์ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ | บังคมคัลพระอาทิตย์อิศยม | |||
| ไว้ธุระสิงหราอย่าปรารมภ์ | จะส่งนมเลี้ยงดูให้อยู่เย็น | |||
| แม้นโตใหญ่ได้พึ่งซึ่งพระเดช | ช่วยปกเกศราชสีห์ไม่มีเข็ญ | |||
| อันลูกข้าทารกแม้นอยู่เย็น | จะได้เป็นข้าไทเหมือนใจปอง | |||
| พระสุริยงทรงฟังไกรสรสัตว์ | โสมนัสยินดีไม่มีสอง | |||
| ส่งลูกให้สิงหราน้ำตานอง | อวยพรสองราชสีห์อย่ามีภัย | |||
| พระกอดจูบลูกยาน้ำตาหยด | อุ้มโอรสเศร้าสร้อยละห้อยไห้ | |||
| พระสงสารราชบุตรสุดอาลัย | แล้วลาไกรสรไปเวไชยันต์ฯ | |||
| ๏ ราชสีห์มีจิตพิศวาส | ด้วยองค์ราชโอรสพระสุริย์ฉัน | |||
| รักเสมอลูกยาไม่อาธรรม์ | เกษมสันต์อยู่ในถ้ำอันอำไพ | |||
| กุมาราชันษาได้สิบทัศ | งามจำรัสเหมือนองค์พระสุริย์ใส | |||
| กำลังเจ็ดช้างสารอันชาญชัย | เพราะว่าได้กินนมนางสิงหราฯ | |||
| ๏ จะกล่าวถึงพระอาทิตย์บิตุเรศ | พูนเทวษคิดถึงโอรสา | |||
| เสด็จจากรถชัยแล้วไคลคลา | ถึงคูหาถ้ำแก้วอันแพรวพราย | |||
| เห็นโอรสลดองค์ลงโอบอุ้ม | ประจงจุมพิตพักตร์พระโฉมฉาย | |||
| พระโลมลูบรับขวัญบรรยาย | โอ้พ่อสายสุดที่รักของบิดร | |||
| พ่อมิได้อยู่เลี้ยงไว้เคียงพักตร์ | เอาลูกรักฝากไว้กับไกรสร | |||
| ชนนีนางฟ้าสถาวร | นั้นม้วยมรณ์แต่เจ้าคลอดออกจากครรภ์ | |||
| พระกุมารฟังสารให้สงสัย | จึงถามไถ่ราชสีห์ขมีขมัน | |||
| ไกรสรเล่าความหลังให้ฟังพลัน | แจ้งสำคัญพระอาทิตย์เป็นบิดา | |||
| ศิโรราบกราบบาทบิตุเรศ | ชลเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา | |||
| พระสุริยันกันแสงด้วยลูกยา | ทั้งสามสัตว์สิงหราก็โศกี | |||
| ครั้นเคลื่อนคลายวายโศกกันแสงศัลย์ | พระสุริยันตรัสประภาษกับราชสีห์ | |||
| จะให้นามตามวงศ์สวัสดี | แทรกชนกชนนีเข้าในนาม | |||
| ชื่อโคบุตรสุริยาวราฤทธิ์ | จงประสิทธิ์แก่กุมารชาญสนาม | |||
| ทั้งตรีโลกโลกาสง่างาม | เจริญความเกียรติยศปรากฏครันฯ | |||
| ๏ พระอาทิตย์นิรมิตเครื่องประดับ | ให้เสร็จสรรพล้วนเทพรังสรรค์ | |||
| เป็นเครื่องทิพสาตราสารพัน | ให้ป้องกันอยู่ในกายกุมารา | |||
| รณรงค์คงทนด้วยกายสิทธิ์ | พระอาทิตย์จึ่งสั่งโอรสา | |||
| อันเครื่องทรงที่ในองค์พระลูกยา | ล้วนเทพสาตราอันเกรียงไกร | |||
| จะรบราญรณรงค์เข้ายงยุทธ์ | ไม่พักหาอาวุธอย่าสงสัย | |||
| เครื่องประดับรับรบอรินทร์ภัย | เหาะเหินได้รุ่งเรืองด้วยเครื่องทรง | |||
| จงคิดอ่านไปผ่านพิภพโลก | มาวิโยคอยู่ไยในไพรระหง | |||
| สิงหราชชาติเชื้อเขาชาวดง | เจ้าเป็นพงศ์จักรพรรดิสวัสดี | |||
| พ่อจะบอกมรคาไปหาคู่ | นางนั้นอยู่บูรพาพาราณสี | |||
| จงลาแม่ลาพ่อจรลี | ถ้าได้ดีแล้วจงกลับมารับกัน | |||
| แม้นเคืองเข็ญจงคิดถึงบิตุเรศ | ถ้าแจ้งเหตุจะมาช่วยอย่าโศกศัลย์ | |||
| พระกอดจูบลูกยาเฝ้าจาบัลย์ | พระรำพันร่ำไรแล้วให้พร | |||
| พ่อจะลาแก้วตาไปส่องโลก | อย่าแสนโศกจงสุขสโมสร | |||
| ครั้นเสร็จสั่งสิงหราสถาวร | พระทินกรเหาะไปเวไชยันต์ฯ | |||
| ๏ พระโคบุตรสุริยาน้ำตาไหล | ด้วยอาลัยสุริย์ฉายนั้นผายผัน | |||
| ยิ่งแลลับพระบิดายิ่งจาบัลย์ | สะอื้นอั้นกำสรดระทดกายฯ | |||
| ๏ สิงหราว่ากล่าวเล้าโลมปลอบ | ตามระบอบโศกเศร้าบรรเทาหาย | |||
| พระโคบุตรสุดจิตคิดเสียดาย | ค่อยน้อมกายเกศก้มประนมกร | |||
| ลูกขอลาชนนีอย่ามีเหตุ | เที่ยวประเวศตามคำพระร่ำสอน | |||
| ว่าคู่สร้างนางอยู่ในสาคร | พเนจรไปในป่าพนาวัน | |||
| แม้นบุญช่วยได้สมอารมณ์คิด | ให้ต้องจิตดังคำพระสุริย์ฉัน | |||
| กุศลส่งคงพบประสบกัน | ครองเขตขัณฑ์ได้คู่อยู่สำราญ | |||
| ถึงลูกไปใช่จะลืมพระคุณแม่ | ถ้าเว้นแต่ชีวังสิ้นสังขาร | |||
| แม้นบุญส่งคงสบายไม่วายปราณ | จะเวียนมามัสการพระมารดาฯ | |||
| ๏ ราชสีห์สุดที่จะทานทัด | กลัวจะขัดเคืองลูกเสน่หา | |||
| จึงอวยพรสั่งสอนกุมารา | แล้วให้ยาล้ำเลิศประเสริฐครัน | |||
| ถ้าเคี้ยวพ่นคนตายแล้วคลายรอด | ไม่ม้วยมอดมรณาชีวาสัญ | |||
| พระรับยาอาลัยใจผูกพัน | กันแสงศัลย์กราบบาทสิงหราฯ | |||
| ๏ โอ้แม่เจ้าคราวนี้จะนานแล้ว | จงอยู่ครองห้องแก้วถ้ำคูหา | |||
| ไม่ปลดปลงลูกคงจะกลับมา | แล้วอำลาราชสีห์ผู้พี่ชาย | |||
| ตั้งอารมณ์ข่มใจอาลัยรัก | ค่อยหาญหักอาดูรให้สูญหาย | |||
| เสด็จจากห้องแก้วอันแพรวพราย | พระทัยหายกลับมาโศกาลัย | |||
| เป็นหลายครั้งตั้งร่ำรำพันรัก | แล้วหวนหักเสน่หาน้ำตาไหล | |||
| พระชุบเช็ดชลนาด้วยอาลัย | แล้วหักใจจำทิศพระบิดา | |||
| เหาะละลิ่วปลิวคว้างมากลางเมฆ | ลอยวิเวกมาในท้องพระเวหา | |||
| พระลอยลมแลชมอรัญวา | ประมาณมาหลายคืนชื่นอารมณ์ฯ | |||
ตอนที่ ๒ ราชปุโรหิตชิงบัลลังก์เมืองพาราณสี นางมณีสาครและพระอรุณไปพบยักษ์ ๔ ตน
| ๏ จะกล่าวถึงขัตติย์วงศ์พงศ์กษัตริย์ | พรหมทัตธิบดินทร์ปิ่นสนม | ||
| ครองพาราณสีบุรีรมย์ | มีเมืองขึ้นมาบังคมไม่ขาดปี | ||
| มีเอกองค์ทรงนามประทุมทัศ | เสวยราชสมบัติเกษมศรี | ||
| มีพระราชธิดาล้ำนารี | ชื่อมณีสาครฉะอ้อนองค์ | ||
| มีพระราชกุมารเสน่หา | อนุชาน้องถัดนวลหง | ||
| ชื่ออรุณกุมารชาญณรงค์ | ทั้งสององค์ลูกเจ้ายังเยาว์ครัน | ||
| พระพี่ยาชันษาได้สิบทัศ | กุมารถัดเจ็ดขวบเกษมสันต์ | ||
| บิตุรงค์ทรงรักดังชีวัน | สารพันมิได้ขัดเคืองระคาย | ||
| ครั้นอยู่มาตาพราหมณ์ประโรหิต | ครองโลภจิตนึกเจตนาหมาย | ||
| เฒ่าชรามีบุตรบุรุษชาย | เมียนั้นตายจากอกไปหลายปี | ||
| คิดการศึกนึกจะเป็นกษัตริย์ | ผ่านสมบัติบ้านเมืองให้เรืองศรี | ||
| ทั้งลูกจะครองนุชพระบุตรี | ได้แทนที่พรหมทัตกษัตรา | ||
| จึงมั่วสุมซุ่มคนไว้คับคั่ง | ได้พร้อมพรั่งหลายพันก็หรรษา | ||
| ธนูง้าวหลาวโล่แลปืนยา | เครื่องสาตราครบถ้วนแลทวนแทง | ||
| ถึงวันดีเตรียมทัพเวลาดึก | อึกทึกฮึกหาญชาญกำแหง | ||
| เอาปืนใหญ่ยิงประดังพังกำแพง | จุดคบแดงให้ประดังเข้าวังใน | ||
| จับกษัตริย์ตัดเศียรสิ้น ชีวิต | ทวารปิดมิให้คนลอบหนีได้ | ||
| จับพวกเหล่าสาวสรรค์ กำนัลใน | มาคุมไว้กลางชาลาหน้าพระลาน | ||
| แสน สังเวชนางในใจจะขาด | ร้องกรีดกราดแซ่เสียงสำเนียงขาน | ||
| ผ้านุ่งห่มลุ่ยหลุดกระเซอซาน | บ้างคลำคลานออกมาทุกหน้านาง ฯ | ||
| ๏ สงสารองค์อัคเรศเกศกษัตริย์ | สองพระหัตถ์ข้อนทรวงเข้าผางผาง | ||
| เขาไล่จับสับสนอยู่บนปรางค์ | นุชนางอุ้มสองกุมารา | ||
| แล้ววิ่งวงลงจากปราสาททิพ | ค่อยกระซิบสั่งสองโอรสา | ||
| อย่าร้องดังฟังแม่นะแก้วตา | แล้วก็พาลูกเลี้ยว เที่ยวเวียนวง | ||
| ชำเลืองดูที่ทวารบานก็ปิด | ดังชีวิตนางจะม้วยเป็นผุยผง | ||
| เห็นไม้พุ่มอุ้มลูกเข้าแอบ องค์ | กระซิบทรงเศร้ากำสรดระทดใจ | ||
| สายสมรสอนสั่งพระลูก แก้ว | พอรุ่งแล้วถ้าเขาจับแม่ไปได้ | ||
| ทั้ง พี่น้องสองราอย่าอาลัย | พากันไปเถิดนะลูกอย่าอยู่เลย | ||
| ตามกุศลผลบุญของลูกแก้ว | แม่นี้ไม่อยู่แล้วหนาลูกเอ๋ย | ||
| พากันไปอย่าอาลัยถึงแม่เลย | แล้วทรามเชยกอดลูกเข้าโศกี | ||
| สามพระองค์ทรงโศกกันแสงไห้ | จนอุทัยจวนรุ่งจำรัสศรี | ||
| นางชาววังวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี | พระชนนีกอดลูกเข้าร่ำไร | ||
| เอาทรายฝุ่นมุนมอมพระลูกรัก | ให้ผิวพักตร์มัวหมองไม่ผ่องใส | ||
| รุ่งแล้วสองแก้วตาจงคลาไคล | เขาจับได้ก็จะม้วยด้วยชนนี | ||
| แล้วผันแปรมิได้แลดูลูกรัก | นางตั้งพักตร์วิ่งวางขึ้นปรางค์ศรี | ||
| เข้าสวมสอดกอดศพพระสามี | นางเทวีกลั้นใจบรรลัยลาญ | ||
| น่าสงสารสองกุมารมาลับแม่ | สุดชะแง้แล้วโศกาน่าสงสาร | ||
| กลั้นสะอื้นขืนใจอาลัยลาน | สองกุมารเดินเรียงมาเคียงกัน | ||
| นางมณีสาครจูงกรน้อง | สงสารสองบุตรีไม่มีขวัญ | ||
| เห็นผู้คนปนปลอมไปพร้อมกัน | ใครไม่ทันแจ้งจิตว่าธิดา | ||
| พ้นทวารบ้านเมืองชำเลือง เหลียว | ยิ่งเปล่าเปลี่ยวเศร้าสร้อยละห้อยหา | ||
| เจ้า รีบรัดตัดเนินดำเนินมา | ไม่รู้ว่าจะไปหนตำบลใด | ||
| กันแสงพลางเหลียวพลางดูปรางค์รัตน์ | หน่อกษัตริย์สองราน้ำตาไหล | ||
| ทุกเทวาช่วยรักษาทั้งสองไป | ดลพระทัยให้เข้าป่าพนาวัน ฯ | ||
| ๏ ประโรหิตสมคิดขึ้นปรางค์มาศ | สิงหนาทตั้งปึ่งทำขึงขัน | ||
| ท้าวพระยาหาตัวมาพร้อมกัน | ใครแข็งขันสั่งซ้ำให้จำจอง | ||
| ที่ยินยอมพร้อมใจให้สมบัติ | เอาความสัตย์อย่าให้หมายเป็นฝ่ายสอง | ||
| แล้วแต่งตั้งที่ขุนนางตามทำนอง | ทั้งพวกพ้องพร้อมจิตก็คิดการ | ||
| ให้ค้นหาธิดากรุงกษัตริย์ | จบจังหวัดพระนิเวศน์เขตสถาน | ||
| มิได้พบพี่น้องสองกุมาร | ตาพราหมณ์พาลจับยามตามตำรา | ||
| ก็รู้ว่าไม่อยู่ในนิเวศน์ | สุดสังเกตที่จะเสาะแสวงหา | ||
| ก็นิ่งไว้ในใจไม่เจรจา | สั่งให้หาช่างสุวรรณมาทันใด | ||
| ทำโกศทองรองศพสองกษัตริย์ | ประจงจัดไว้ปรางค์ทองอันผ่องใส | ||
| เที่ยวเลือกชมนางสนมกำนัลใน | สำราญใจพ่อลูกทุกคืนวัน ฯ | ||
| ๏ แสนสงสารพระกุมารสองสมร | ลับนครเข้าป่าพนาสัณฑ์ | ||
| กันแสงส่งสุรเสียงมาเคียงกัน | ได้สามวันเดินไพรไปไกลวัง | ||
| อดเสวยเนยนมยิ่งตรมอก | แสนวิตกคิดคะนึงถึงความหลัง | ||
| สงสารสองทรงศักดิ์ในนครัง | บรรลัยแล้วหรือยังไม่รู้เลย | ||
| เมื่อครั้งบุญทูลกระหม่อมยังครองภพ | เธอเวียนรบตักเตือนให้สรงเสวย | ||
| ยามวิบากจากสบายไม่วายเลย | ที่การเคยผาสุกมาทุกข์ทน | ||
| เพราะสิ้นบุญทูลกระหม่อมจึงตรอมจิต | เอาชีวิตออกไว้อยู่ไพรสณฑ์ | ||
| เอาเสือสางกวางเถื่อนเป็นเพื่อนตน | ทั้งผู้คนเงียบสงัดล้วนสัตว์พาล | ||
| พระพี่น้องสององค์ทรงกันแสง | จนสุดแรงที่จะไปในไพรสาณฑ์ | ||
| สิ้นกำลังล้มลงในดงดาน | สองกุมารนิ่งซบสลบลง ฯ | ||
| ๏ เทพไททุกวิมานบันดาลเงียบ | เย็นยะเยียบทุกหย่อมหญ้าป่าระหง | ||
| ทุกก้านกอช่อไม้ในไพรพง | สงสารองค์อรุณราชเพียงขาดใจ | ||
| ลมรำพายชายพัดมารึ่นรื่น | ทั้งสองฟื้นสมประดีขึ้นโหยไห้ | ||
| พระพี่ชวนอนุชาลีลาไป | โศกาลัยเลียบเดินเนินคีริน | ||
| บรรลุถึงสระหนึ่งน้ำสะอาด | เดียรดาษด้วยอุบลชลสินธุ์ | ||
| ทั้งฝักดอกจอกกระจับในวาริน | ระรื่นกลิ่นเกสรขจรจาย | ||
| ทั้งสององค์นั่งลงกำลังหอบ | พระกรกอบดื่มกินกระสินธุ์สาย | ||
| แล้วชวนน้องลงในสระชำระกาย | เที่ยวแหวกว่ายเลือกหักฝักอุบล | ||
| พี่แหวกจอกปอกเสวยกระจับสด | น้องว่ารสโอชาผลาผล | ||
| จะกล่าวถึงยักษ์ร้ายในสายชล | ทั้งสี่ตนฤทธิไกรดังไฟกาฬ | ||
| พระเวสสุวัณสาปสรรให้เฝ้าสระ | ด้วยโมหะฤทธิ์แรงกำแหงหาญ | ||
| ได้ยินเสียงพี่ น้องสองกุมาร | ลงลอยเล่นชลธารสะเทื้อนไป | ||
| แสนพิโรธโดดทะลึ่งเสียงอึงอัด | ไล่สกัดเรียกกันอยู่หวั่นไหว | ||
| แสนสงสารสุดสวาทเพียงขาดใจ | เห็นยักษ์ไล่ติดพันกระชั้นมา | ||
| สองพี่น้องร้องหวีดกราดกรีดเสียง | ชีวิตเพียงจะพินาศด้วยยักษา | ||
| เจ้าแหวกว่ายเวียนวงในคงคา | อสุรากั้นกางไว้กลางชล ฯ | ||
ตอนที่ ๓ โคบุตรมาช่วยชุบชีวิตท้าวพรหมทัตและพระมเหสี
| ๏ พอโคบุตรสุริยาเหาะมาถึง | ได้ยินอึงหวั่นไหวทั้งไพรสณฑ์ | ||
| พระลอยแลมาแต่โพยมบน | เห็นสายชลฟุ้งสายกระจายฟอง | ||
| สี่ยักษาไล่ทารกอยู่หมกมุ่น | นึกการุญสงสารเจ้าทั้งสอง | ||
| พระโถมลงตรงสระปทุมทอง | อุ้มเอาสองกุมารทะยานมา | ||
| ยักษ์พิโรธโกรธไล่กระชั้นชิด | พระทรงฤทธิ์หยุดยืนบนยอดผา | ||
| โบกพระหัตถ์ตรัสห้ามแล้วถามมา | อสุราโกรธกันด้วยอันใด | ||
| ยักษ์ทมิฬยินถามคำรามร้อง | มันจองหองลงชำระในสระใหญ่ | ||
| เก็บโกมินกินฝักแล้วหักใบ | เราขัดใจจึ่งจะล้างให้วางวาย ฯ | ||
| ๏ พระพี่น้องสองเจ้าเล่าความหลัง | เป็นสัจจังข้าพเจ้าเล่าถวาย | ||
| ทินกรร้อนรนกระวนกระวาย | มาเห็นสายชลธีก็ดีใจ | ||
| ทั้งพี่น้องสององค์ลงกินอาบ | ก็เย็นซาบสรรพางค์ไม่ตักษัย | ||
| คิดว่าน้ำสำหรับอยู่กับไพร | ไม่แจ้งใจว่าเจ้าของเขาป้องกัน | ||
| จงเอาบุญเจ้าประคุณเอ็นดูด้วย | เหมือนโปรดช่วยลูกกำพร้าจะอาสัญ | ||
| พระทรงฟังสังเวชพระทัยครัน | จึงว่ากับกุมภัณฑ์ไปทันความ | ||
| นี่แน่นายฝ่ายเด็กไม่รู้แจ้ง | ใช่จะแกล้งมาข่มเหงไม่เกรงขาม | ||
| ถึงจะฆ่าทารกไม่ลือนาม | จะถือความไปทำไมไม่ต้องการ ฯ | ||
| ๏ พวกรากษสโกรธร้องอยู่ก้องกึก | จองหองฮึกเหิมนักทำหักหาญ | ||
| มิส่งมามึงจะพากันวายปราณ | มิใช่การของเอ็งไม่เกรงกัน ฯ | ||
| ๏ พระฟังสารมารร้ายหมายชีวิต | ไม่หวาดจิตปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ | ||
| จึ่งว่าเหวยอสุราใจอาธรรม์ | เราไม่พรั่นดอกที่ข้อจะต่อตี | ||
| พระถอดเทพสังวาลโองการสั่ง | สังวาลระวังพี่น้องทั้งสองศรี | ||
| ยักษ์พิโรธโลดไล่เป็นสิงคลี | กระโดดตีตึงตังประดังมา ฯ | ||
| ๏ พระลองแรงแผลงฤทธิ์เข้ารบรับ | พระหัตถ์จับข้างละสองสี่ยักษา | ||
| เผ่นผงาดฟาดผางกลางศิลา | อสุราดิ้นกระเดือกลงเสือกกาย | ||
| จึงโอมอ่านอาคมพรหมประสิทธิ์ | ก็เปลื้องปลิดเจ็บปวดนั้นสูญหาย | ||
| เข้ากลาดกลุ้มรุมรบอยู่รอบกาย | ดังเสียงสายสุนีลั่นสนั่นดัง | ||
| ด้วยเดชะเครื่องประดับสำหรับศึก | แล่นพิลึกโลดไล่ไม่ถอยหลัง | ||
| ได้กินนมราชสีห์มีกำลัง | ไม่พลาดพลั้งติดพันประจัญบาน | ||
| ต่างกำแหงแรงเริงในเชิงรบ | ไม่หลีกหลบโลดไล่ด้วยใจหาญ | ||
| ยักษ์จะจับพี่น้องสองกุมาร | เพราะสังวาลป้องกันไม่อันตราย ฯ | ||
| ๏ พระโคบุตรสุริยาวราเดช | เอาธำมรงค์บิตุเรศอันเรืองฉาย | ||
| พระหัตถ์ขว้างเป็นแสงประกายพราย | ประหารกายยักษ์ขาดลงดาษดิน | ||
| ด้วยฤทธิ์เทพอาวุํธสุดจะแก้ | ไม่หายแผลม้วยมุดสุดถวิล | ||
| ราพณ์ร้ายตายกลาดลงดาษดิน | พระนรินทร์เหาะลงเนินคิรี | ||
| จึงเรียกสองกุมาราเข้ามาชิด | พลางพินิจพี่น้องทั้งสองศรี | ||
| งามเจริญกิริยากุมารี | ดังมณีเมขลาวิไลทรง | ||
| ชมกุมารน้องชายก็เฉิดโฉม | งามประโลมดังเทพครรไลหงส์ | ||
| ชะรอยเป็นจักรพรรดิขัตติย์วงศ์ | จึงเอื้อนโองการถามเนื้อความไป | ||
| นี่แน่น้องสองเจ้าจงเล่าเรื่อง | อยู่บ้านเมืองแห่งหนตำบลไหน | ||
| ยังเด็กนักหักหาญมาเดินไพร | บุญเจ้าไม่มรณาพี่มาทัน ฯ | ||
| ๏ สองกันแสงเล่าความไปตามเรื่อง | ฉันเสียเมืองยากไร้มาไพรสัณฑ์ | ||
| มาประสบพบมารชาญฉกรรจ์ | แล้วโศกศัลย์ร่ำไรอยู่ไปมา | ||
| พระโปรดช่วยจึงไม่ม้วยชีวาวาตม์ | ขอรองบาทยุคลจนสังขาร์ | ||
| ข้าชื่อมณีสาครแต่ก่อนมา | อนุชาชื่ออรุณร่วมท้องกัน ฯ | ||
| ๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์ใ้ห้สงสาร | ปลอบกุมารว่าอย่าทรงกันแสงศัลย์ | ||
| เจ้ายังเด็กพี่็ก็เล็กอยู่ด้วยกัน | ไม่หมายมั่นจะเอามาเป็นข้าไท | ||
| จะช่วยน้องให้ได้ครองคืนสถาน | จงสำราญเถิดนะน้องอย่าหมองไหม้ | ||
| พี่จะชุบกุมภัณฑ์ที่บรรลัย | จึ่งจะไม่เป็นกรรมประจำกาย | ||
| พระหยิบยามาเคี้ยวแล้วเที่ยวพ่น | กุมภัณฑ์พลได้กลิ่นก็กลับหาย | ||
| หมอบประนมก้มตัวด้วยกลัวตาย | ต่างถวายอภิวันท์รำพันความ | ||
| ขอบพระคุณการุญชุบชีวิต | ได้พูดผิดข้าน้อยนี้หยาบหยาม | ||
| ขอรองบาทมุลิกาพยายาม | ไปติดตามกว่าจะสูญสิ้นชีวา | ||
| แล้วยักษีสี่นายถวายแก้ว | อันเลิศแล้วเหาะได้ในเวหา | ||
| ทั้งสองดวงแต่ล้วนดีมีศักดา | ปรารถนานึกได้ดังใจจง ฯ | ||
| ๏ พระรับแก้วแล้วตรัสกับขุนยักษ์ | ท่านจงรักสุจริตจิตประสงค์ | ||
| เราสงสารพี่น้องทั้งสององค์ | เจ้าเชื้อพงศ์จักรพรรดิสวัสดี | ||
| เที่ยวทนทุกข์บุกป่าพนาเวศ | น่าสมเพชใจนักนะยักษี | ||
| จะแก้ไขให้สองราคืนธานี | อสุรีจงไปช่วยเราด้วยกัน ฯ | ||
| ๏ พนาสูรทูลความไปตามเรื่อง | มิให้เคืองบาทมูลทูลผ่อนผัน | ||
| ให้สององค์พระกุมารสำราญครัน | เหมือนทรงธรรม์อนุกูลกุมารา ฯ | ||
| ๏ ได้ฟังสารแสนสำราญอารมณ์รื่น | พระชมชื่นแสนสนิทเสน่หา | ||
| พระยื่นแก้วแล้วตรัสจำนรรจา | ถือจินดาเถิดน้องทั้งสองคน | ||
| เจ้ากุมแก้วแล้วเหาะไปตามพี่ | ถึงบุรีเรืองรัตน์ไม่ขัดสน | ||
| สองกุมารกรานกราบจอมสากล | แล้วกุมแก้วฤทธิรณไว้กับกร ฯ | ||
| ๏ พระโคบุตรสุริยาก็พาเหาะ | ข้ามละเมาะเขาเขินเนินสิงขร | ||
| สามกษัตริย์อสุราพากันจร | หมายนครลอยฟ้ามาบุรี | ||
| ครั้นภาณุมาศผาดแผดแดดร้อนจัด | สามกษัตริย์ต้องแสงนรังสี | ||
| พระเคลื่อนคล้อยลอยลงในพงพี | จรลีร่มรื่นชื่นพระทัย | ||
| พระโคบุตรชวนน้องสองกษัตริย์ | ชมพนัสหิมวาพฤกษาไสว | ||
| ที่ผลิดอกออกผลระคนไป | วายุไกวกิ่งกวดเป็นวงกง | ||
| ชมพู่เทศเกดแก้วตะโกโกฐ | ชะลูดโลดตุมกามหาหงส์ | ||
| หันเหียนตะเคียนคางยางประยงค์ | วัลย์เปรียงปรงปรูปรางตะลิงปลิง | ||
| ฝูงอีลุ้มแอบพุ่มอุโลกลับ | กระสาจับไซ้ขนบนต้นสิง | ||
| กาลิงเลี้ยวไล่หานางกาลิง | อัญชันชิงคู่เคียงอยู่เรียงกัน | ||
| นกกระเหว่าเฝ้าแฝงฝรั่งร้อง | ฝูงยูงทองย่องเหยียบพะยุงขัน | ||
| สามกุมารเพลิดเพลินเจริญครัน | แล้วพากันชมนกไม้ไพรพนม | ||
| ตามประสาทารกรักสนิท | ไม่นึกคิดเคืองระคายเท่าปลายผม | ||
| สัพยอกหยอกเอินเพลินอารมณ์ | จนแดดร่มเบี่ยงบ่ายลงชายไพร | ||
| พระชวนน้องสององค์ขึ้นเหาะเหิน | งานเจริญรีบมาในป่าใหญ่ | ||
| ลอยละลิ่วปลิวเมฆมาไรไร | ประมาณได้ยามหนึ่งถึงธานี | ||
| สองกุมารทูลความไปตามเรื่อง | นี่แลเมืองข้าน้อยทั้งสองศรี | ||
| โน่นปรางค์ทองของพระชนนี | แต่เดี๋ยวนี้ใครจะอยู่ไม่รู้ความ | ||
| ได้ทรงฟังทั้งสองพระน้องนาฏ | ลงปราสาทเถิดนะน้องอย่าเกรงขาม | ||
| แม้นมิใช่บิดาพะงางาม | จงแจ้งความพี่จะทำให้หนำใจ ฯ | ||
| ๏ กุมาราพาองค์พระทรงเดช | เข้านิเวศน์ปรางค์ทองอันผ่องใส | ||
| สามกษัตริย์อสุราก็คลาไคล | เข้าห้องในปรางค์รัตน์ชัชวาล ฯ | ||
| ๏ นางชาววังนั่งยามอยู่แออัด | เห็นกษัตริย์สองราน่าสงสาร | ||
| ให้ระลึกถึงนายที่วายปราณ | วิ่งเข้ากอดกุมารแล้วโศกา | ||
| สิ้นบุญทูลกระหม่อมทั้งสองแล้ว | ดังดวงแก้วมืดมิดทุกทิศา | ||
| แม่เป็นไรไปแล้วจึ่งกลับมา | พราหมณ์ชราพ่อลูกมันครองวัง ฯ | ||
| ๏ ได้ฟังฝูงกัลยาน้ำตาไหล | แข็งพระทัยตรัสถามเนื้อความหลัง | ||
| สองพระองค์ปลดปลงชีวาวัง | พระศพยังอยู่หรือสูญไปแห่งใด ฯ | ||
| ๏ สาวสนมก้มกราบแล้วทูลสนอง | อันศพสองปิ่นกษัตริย์ที่ตัดษัย | ||
| เขาใส่พระโกศทองไว้ห้องใน | แล้วร้องไห้ห้ามปรามพระทรามชม | ||
| นางมณีสาครกับน้องน้อย | ก็เศร้าสร้อยโลมเล้าสาวสนม | ||
| แต่ก่อนปางสร้างกรรมจำนิยม | อย่าปรารมภ์เราจะคืนเอาพารา | ||
| แล้วนำองค์ทรงศักดิ์กับยักษ์ร้าย | ค่อยแฝงกายมาถึงแท่นอันเลขา | ||
| เห็นพราหมณ์เฒ่าขึ้นสถิตแท่นบิดา | กับลูกยาบนเตียงอยู่เคียงกัน ฯ | ||
| ๏ พระพี่น้องร้องเรียกให้ยักษ์จับ | สั่งกำชับอย่าเพ่อฆ่าให้อาสัญ | ||
| ยักษ์กระโจมโถมจับตาพราหมณ์พลัน | เชือกมัดมั่นสองแขนอยู่แอ่นกาย | ||
| ทั้งพ่อลูกถูกมัดอยู่นอนกลิ้ง | พวกผู้หญิงเห็นยักษ์ก็ใจหาย | ||
| บ้างหวีดหวาดผาดแลเห็นเจ้านาย | จึงค่อยคลายความกลัวทุกตัวคน ฯ | ||
| ๏ พระพี่น้องร้องห้ามพวกสาวใช้ | อย่าตกใจใช่ศึกมากลางหน | ||
| ต่างรู้ชัดค่อยสงัดสงบตน | พระสุริยนเยี่ยมยอดเมรุไกร | ||
| พระพี่น้องร้องเชิญพระโฉมศรี | มาสู่ที่โกศทองอันผ่องใส | ||
| ให้เปิดโกศเชิญศพออกทันใด | ภูวไนยพ่นด้วยโอสถพลัน | ||
| จอมกษัตริย์สององค์คงชีวิต | ค่อยเคลิ้มจิตคลับคล้ายเหมือนใฝ่ฝัน | ||
| เห็นลูกรักยักษ์ร้ายอยู่เคียงกัน | พระโศกศัลย์สวมกอดเอาลูกยา | ||
| พ่อบรรลัยใครช่วยจึงรอดเล่า | ไฉนเจ้ารู้จักกับยักษา | ||
| พระโฉมยงองค์นั้นนะกัลยา | เสด็จมาแต่หนตำบลใด ฯ | ||
| ๏ พระโอรสยศยงทรงสดับ | จึงกล่าวกลับความหลังแถลงไข | ||
| พระชนกชนนีก็ดีใจ | ราวกับได้ทิพสถานพิมานอินทร์ | ||
| เข้าอุ้มองค์บุตราพระอาทิตย์ | พลางจุมพิตเชยชมสมถวิล | ||
| สมบัติของบิดาในธานินทร์ | ทั้งม้ารถคชริินทร์อันเพริศพราย | ||
| จะมอบให้ทรามชมเสวยราชย์ | ชนชาติจะได้พึ่งพระโฉมฉาย | ||
| พระบิดรมารดาชรากาย | จะเบี่ยงบ่ายบรรพชาไม่ราคี | ||
| ฝากแต่น้องสององค์ไว้ด้วยเถิด | นึกว่าเกิดร่วมครรภ์พระโฉมศรี | ||
| พ่อขอถามนามชนกชนนี | ผ่านบุรีแห่งหนตำบลใด ฯ | ||
| ๏ พระโคบุตรทรงฟังรับสั่งถาม | ไม่บอกความออกแจ้งแถลงไข | ||
| หม่อมฉันชาวหิมวาพนาลัย | ทุเรศไร้สุริย์วงศ์อยู่ดงดอน | ||
| พระมารดาอาสัญแต่วันคลอด | ชีวิตรอดด้วยราชไกรสร | ||
| ลูกรักเคยอยู่ป่าพนาดร | มาเที่ยวจรเล่นตามความสบาย | ||
| มาพบน้องนวลนางที่กลางเถื่อน | เห็นเด็กเหมือนกันก็รักไม่รู้หาย | ||
| ฉันชุบช่วยภูวดลให้พ้นตาย | เสร็จแล้วจะถวายบังคมลา | ||
| ซึ่งโปรดปรานบ้านเมืองให้ลูกรัก | มิใช่ศักดิ์เชื้อวงศ์เผ่าพงศา | ||
| ลูกยกให้แก่พระน้องทั้งสองรา | จะกราบลาเที่ยวให้เพลินเจริญใจ | ||
| พระโศกาอาลัยใจจะขาด | ภูวนาถว่าวอนด้วยรักใคร่ | ||
| สารพัดพ่อมาตัดอาลัยไป | ทั้งเวียงชัยก็ไม่รักจะหักจร | ||
| ทำกระไรจะได้แทนคุณสนอง | ที่ช่วยสองสุดสวาทสโมสร | ||
| จงเอ็นดูบิดาที่ว่าวอน | อยู่นครด้วยน้องทั้งสององค์ ฯ | ||
| ๏ พระฟังห้ามตามมีไมตรีจิต | บุตรอาทิตย์ทูลความตามประสงค์ | ||
| ถึงลูกไปใช่จะลืมบาทบงสุ์ | เมื่อนานนานแล้วก็คงจะกลับมา ฯ | ||
| ๏ พรหมทัตครั้นจะขัดก็สุดคิด | รัญจวนจิตเศร้าสร้อยละห้อยหา | ||
| แลดูองค์ทรงฤทธิ์กับธิดา | อุปมาเหมือนแก้วแกมกับทอง | ||
| แต่ทรงฤทธิ์จิตยังเด็กไม่รู้จัก | ด้วยเ็ด็กนักยังไม่ควรภิเษกสอง | ||
| จะโลมเล้าเอาใจในทำนอง | พระตรึกตรองตรัสไปด้วยไมตรี | ||
| ถึงจะไปอาลัยแก่พ่อมั่ง | จงรอรั้งอยู่เมืองให้เรืองศรี | ||
| พออุ่นใจไพร่ฟ้าประชาชี | ชาวบุรีหญิงชายกระจายจร | ||
| ว่าพ่อได้สายสวาทเป็นโอรส | เฉลิมยศภิญโญสโมสร | ||
| พ่อเอ็นดูบิดาให้อาวรณ์ | อย่าเพ่อจรให้พ่อช้ำระกำใจ ฯ | ||
| ๏ พระโคบุตรสงสารท้าวพรหมทัต | สุดจะขัดแล้วจึ่งทูลสนองไข | ||
| พระตรัสห้ามสามหนแล้วจนใจ | จะอยู่ไปมิให้เคืองเรื่องราคี | ||
| เมื่อนานนานลูกจะลาไปเล่นมั่ง | จิตลูกยังอาลัยถึงไพรศรี | ||
| จะเที่ยวดูเสียให้ทั่วทั้งธรณี | ชมบุรีจักรพรรดิกษัตรา | ||
| กรุงกษัตริย์ฟังสารสำราญรื่น | ประคองชื่นรับขวัญด้วยหรรษา | ||
| แล้วเชิญโอรสราชเร่งยาตรา | เสด็จมาพระโรงรัตน์ชัชวาล | ||
| ให้ยักษาพาพราหมณ์มาถามซัก | เอาเพื่อนพรรคพี่น้องจองหองหาญ | ||
| ทั้งพ่อลูกผูกมัดฝีมือมาร | ก็ให้การซัดเพื่อนออกเปื้อนคำ | ||
| เขาจดหมายไล่จับมาคับคั่ง | มีรับสั่งให้ลงโทษแต่คนขำ | ||
| บีบขมับขับเฆี่ยนเจียนระยำ | ให้ตรากตรำตรึงตราไว้ตรุใน | ||
| แล้วยกข้อพ่อลูกประโรหิต | กระทำผิดสาหัสถึงตัดษัย | ||
| ให้ตีฆ้องร้องป่าวตระเวนไป | อย่าฆ่าในธานีเป็นชีพราหมณ์ | ||
| ใส่นาวาไปมหาทะเลหลวง | เอาหินถ่วงเสียให้จมสมหยาบหยาม | ||
| พระตรัสสั่งสิ้นเสร็จสำเร็จความ | แล้วชวนสามโอรสเข้าสู่วัง | ||
| เสวกาพาพราหมณ์ทั้งพ่อลูก | ไปมัดผูกเฆี่ยนขับตามรับสั่ง | ||
| ตะโหงกคอข้อมือขื่อประดัง | ข้างหน้าหลังตีฆ้องมาสองคน | ||
| พวกดาบแดงแซงเดินกระหนาบข้าง | ขยับย่างจูงพราหมณ์มาตามถนน | ||
| ตีฆ้องแล้วให้ร้องประจานตน | ทั้งสองคนพ่อลูกเหมือนอย่างลิง | ||
| เสียงหม่องหม่องร้องว่าเจ้าข้าเอ๋ย | อย่าดูเยี่ยงข้าเลยทั้งชายหญิง | ||
| ข้าพ่อลูกทุจริตทำผิดจริง | กบฏชิงสมบัติกษัตรา | ||
| ทั้งชาวบ้านร้านตลาดก็กลาดเกลื่อน | ร้องเรียกเพื่อนวิ่งกรูมาดูหน้า | ||
| ทั้งธานีมิได้มีใครเวทนา | มันอยากชิงวาสนาสาแก่ใจ | ||
| ตระเวนรอบขอบเมืองทุกบ้านช่อง | ลงเรือล่องไปในกลางทะเลใหญ่ | ||
| เอาพ่อลูกผูกแผ่นศิลาลัย | โยนลงในสาชลก็วายปราณ | ||
| กลับมาทูลมูลเหตุเกศกษัตริย์ | พรหมทัตปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ | ||
| จิตระรื่นชื่นอารมณ์ชมกุมาร | จำเนียรกาลนานมาอยู่ธานี ฯ | ||
| ๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์ทรงสวัสดิ์ | บังคมทูลพรหมทัตเจ้ากรุงศรี | ||
| ลูกอยู่กับบิดามากว่าปี | ระลึกถึงพงพีพ้นกำลัง | ||
| ลูกจะขอลาองค์พระทรงเดช | ไปเที่ยวชมหิมเวศเหมือนใจหวัง | ||
| พรหมทัตขัตติย์วงศ์ได้ทรงฟัง | ท้าวเธอหลั่งชลนาโศกาลัย | ||
| ครั้นจะตรัสหักหาญพูดทานทัด | กลัวจะขัดเคืองวิญญาณ์อัชฌาสัย | ||
| จึ่งตรัสว่าแก้วตาจะคลาไคล | สำราญใจกลับมายังธานี ฯ | ||
| ๏ พระโคบุตรรับรสพจนารถ | กราบเบื้องบาทบงกชบทศรี | ||
| ลูกไปลับคงจะกลับมาบุรี | ไม่ถึงปีอย่าอาลัยพระทัยปอง | ||
| แล้วผินหน้ามาสั่งพระน้องรัก | อยู่ตำหนัีกเถิดเจ้าอย่าเศร้าหมอง | ||
| พี่ไปแล้วคงจะกลับมารับน้อง | นวลละอองจงสุโขอย่าโศกา | ||
| ทั้งพี่น้องร้องไห้วิ่งไปกอด | รำพันพลอดวิงวอนฉะอ้อนว่า | ||
| จะไปไหนฉันจะไปด้วยพี่ยา | อย่าพักว่าเลยไม่อยู่ในบูรี ฯ | ||
| ๏ พระรับขวัญจูบน้องประคองชิด | ตามจริตทารกทั้งสามศรี | ||
| อย่าไปเลยลำบากองค์ในพงพี | ล้วนเสือสีห์ผีสางกลางอารัญ | ||
| มันเห็นใครใจอ่่อนมันหลอนหลอก | ไม่ดีดอกเจ้าอย่าไปในไพรสัณฑ์ | ||
| ทำไมกับพี่มีมนต์ไม่กลัวมัน | จงครองกันอยู่เมืองอย่าเคืองระคาย ฯ | ||
| ๏ อย่าพักปดให้เหนื่อยปากไม่อยากเชื่อ | ถึงช้างเสือก็ไม่พรั่นเหมือนมั่นหมาย | ||
| มิพาไปแล้วไม่ออกไปนอกกาย | จะกอดคอไว้จนตายไม่ปล่อยเลย ฯ | ||
| ๏ ดูดู๋ว่าแล้วยังไม่ฟังว่า | ทั้งข้าวปลาก็จะได้ที่ไหนเสวย | ||
| ดวงมณีที่พี่ให้เอาไว้เชย | อย่าไปเลยโฉมตรูอยู่พารา | ||
| ทั้งพี่น้องร้องไห้ไม่ฟังห้าม | ขืนจะตามไปหิมเวศด้วยเชษฐา | ||
| พระโคบุตรสุดจนพ้นปัญญา | ทูลบิดาให้ห้ามเจ้าทรามวัย | ||
| บิตุรงค์ทรงพระสรวลสำรวลร่า | ตามแต่เจ้าจะว่าอัชฌาสัย | ||
| เมื่อพ่อแม่เขาไม่รักจะหักไป | แล้วภูวไนยเล้าโลมนางโฉมงาม | ||
| อนุชาพ่อจงพาไปฝึกสอน | นางมณีสาครจะช่วยห้าม | ||
| แล้วตรัสปลอบพระธิดาพะงางาม | แม่อย่าตามไปให้ยากลำบากกาย | ||
| แม้นขุกเข็ญเป็นหญิงนี้ยากนัก | พระลูกรักพ่อว่าอย่าผันผาย | ||
| พระอนุชาเขาเชื้อเนื้อว่าชาย | อันตรายโพยภัยเขาไม่มี ฯ | ||
| ๏ นางทรงฟังแค้นจิตบิตุเรศ | ชลเนตรไหลนองหม่นหมองศรี | ||
| เจ้าหยิกข่วนเชษฐาไม่ปรานี | แล้วเข้าที่ไสยาโศกาลัย ฯ | ||
| ๏ พระโคบุตรสุริยาผวาวิ่ง | มาปลอบมิ่งสมรมิตรพิสมัย | ||
| พี่เมตตาจึ่งไม่พาเจ้าเดินไพร | แม่ยังไม่เห็นดีเข้าตีรัน | ||
| แต่น้องน้อยยังหน่วงเป็นห่วงนัก | พระทรงศักดิ์เธอจะให้ไปกับฉัน | ||
| แม่จงฟังพี่ยาอย่าจาบัลย์ | จะเก็บพรรณบุปผาอัมพาพวง | ||
| ที่หอมหวนงามหลากมาฝากแม่ | ห้อยพระแกลเล่นสะพรั่งในวังหลวง | ||
| พงศ์กษัตริย์ตรัสล้อแล้วล่อลวง | สุดาดวงค่อยชื่นกลืนน้ำตา ฯ | ||
| ๏ พระจูงกรยุพยงอนงค์นาฏ | ยุรยาตรจากแท่นอันเลขา | ||
| มาฝากองค์ทรงฤทธิ์พระบิดา | แล้วชวนพระอนุชามาสรงชล | ||
| ในอ่างทองรองฝักปทุมมาศ | ดูสะอาดชลปรอยเป็นฝอยฝน | ||
| น้ำกุหลาบอาบองค์สรงสุคนธ์ | ทรงเครื่่องต้นดูงามอร่ามพราย ฯ | ||
| ๏ สององค์ออกหน้าโถงพระโรงรัตน์ | หน่อกษัตริย์ทรงแท่นอันเรืองฉาย | ||
| โองการสั่งอสุรีทั้งสี่นาย | จงผันผายไปสถานสำราญใจ | ||
| แต่จงช่วยกรุณังระวังนิเวศน์ | ทั่วขอบเขตนครังทั้งน้อยใหญ่ | ||
| พนาสูรทูลสนองให้ต้องใจ | ในกรุงไกรมิให้มีราคีพาน | ||
| สิบห้าวันจะผลัดกันมาสืบข่าว | ให้สองท้าวปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ | ||
| แล้วกราบลาพี่น้องสองกุมาร | เหาะทะยานหมายมาพนาลี ฯ | ||
| ๏ พระโคบุตรสุริยาวราฤทธิ์ | สำราญจิตจากพระโรงอันเรืองศรี | ||
| เจ้าอรุณสุริยวงศ์ทรงมณี | จรลีลอยลิ่วปลิวเมฆา | ||
| ออกจากรุงมุ่งหมายเข้าไพรระหง | ทั้งสององค์ชมไม้ไพรพฤกษา | ||
| พระเหาะเรียงเคียงชมยมนา | ลอยละลิ่วปลิวฟ้ารีบคลาไคล ฯ | ||
| ๏ พระสุริยงลงลับเหลี่ยมภูผา | พระจันทราส่องสว่างกระจ่างไข | ||
| ทั้งสองชมจันทรานภาลัย | มาตามในแถวทางกลางอารัญ | ||
| พระเหาะเรียงเคียงชมดาราราย | แสนสบายคลายทุกข์เกษมสันต์ | ||
| ศิลาลายพรายเลื่อมด้วยแสงจันทร์ | ชี้ชวนกันทัศนาศิลาลัย ฯ | ||
| ๏ พระสุริยาฟ้าสางสว่างภพ | กระจ่างจบในป่าพฤกษาไสว | ||
| ทั้งพี่น้องสองเหาะระเห็จไป | ถึงเขาใหญ่สูงเงื้อมตระหง่านครัน | ||
| เป็นสี่เหลี่ยมสูงวิเวกเทียมเมฆมืด | ดูโยงยืดยาวใหญ่ในไพรสัณฑ์ | ||
| เหมือนเมฆมืดเมฆาเมื่อสายัณห์ | พระชวนกันสององค์เดินตรงมา | ||
| ครั้นถึงที่เขาใหญ่ในไพรสณฑ์ | แลเห็นต้นนารีผลบนเนินผา | ||
| ล้วนคนธรรพ์นักสิทธ์วิทยา | เฝ้ารักษาแลล้อมอยู่พร้อมกัน | ||
| ทั้งสององค์่ทรงแลไม่เคยเห็น | มุ่งเขม้นแล้วทรงพระสรวลสันต์ | ||
| พระโคบุตรนึกอนาถประหลาดครัน | ต้นไม้นั้นแต่ล้วนนางสล้างไป | ||
| ที่ใต้ต้นคนธรรพ์สะพรั่งอยู่ | พระน้องดูให้เห็นเล่นใกล้ใกล้ | ||
| ว่าพลางทางชวนกันเหาะไป | สำราญใจชื่นจิตด้วยฤทธิรณ ฯ | ||
ตอนที่ ๔ โคบุตรรบวิชาธร ฆ่าทัศกัณฐมัจฉาตาย
| ๏ | |||
ตอนที่ ๕ ยักขินีพาโคบุตรเข้าเมืองเนรมิต
| ๏ | |||
ตอนที่ ๖ โคบุตรได้นกขุนทองแล้วเข้าเมืองกาหลง
| ๏ | |||
ตอนที่ ๗ นกขุนทองถือหนังสือถวายนางอำพันมาลา ธิดาท้าววิหลราช
| ๏ | |||
ตอนที่ ๘ โคบุตรได้นางอำพันมาลาเป็นชายา
| ๏ | |||
ตอนที่ ๙ โคบุตรพานางอำพันมาลาหนีไปเมืองพาราณสี
| ๏ | |||
ตอนที่ ๑๐ อภิเษกโคบุตรกับนางมณีสาครและนางอำพันมาลา
| ๏ | |||
ตอนที่ ๑๑ นางอำพันมาลาให้เถรกระอำทำเสน่ห์
| ๏ | |||
ตอนที่ ๑๒ พระอรุณมาเมืองปราการบรรพต จับเสน่ห์เถรกระอำ
| ๏ | |||
ตอนที่ ๑๓ โคบุตรปรึกษาโทษนางอำพันมาลา
| ๏ | |||
ตอนที่ ๑๔ ขับนางอำพันมาลาออกจากเมือง
| ๏ | |||
