โคบุตร

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(ข้อมูลเบื้องต้น)
(ตอนที่ ๒ ราชปุโรหิตชิงบัลลังก์เมืองพาราณสี นางมณีสาครและพระอรุณไปพบยักษ์ ๔ ตน)
แถว 198: แถว 198:
===ตอนที่ ๒ ราชปุโรหิตชิงบัลลังก์เมืองพาราณสี นางมณีสาครและพระอรุณไปพบยักษ์ ๔ ตน===
===ตอนที่ ๒ ราชปุโรหิตชิงบัลลังก์เมืองพาราณสี นางมณีสาครและพระอรุณไปพบยักษ์ ๔ ตน===
<tpoem>
<tpoem>
-
+
จะกล่าวถึงขัตติย์วงศ์พงศ์กษัตริย์  พรหมทัตธิบดินทร์ปิ่นสนม
 +
ครองพาราณสีบุรีรมย์  มีเมืองขึ้นมาบังคมไม่ขาดปี
 +
มีเอกองค์ทรงนามประทุมทัศ  เสวยราชสมบัติเกษมศรี
 +
มีพระราชธิดาล้ำนารี    ชื่อมณีสาครฉะอ้อนองค์
 +
มีพระราชกุมารเสน่หา    อนุชาน้องถัดนวลหง
 +
ชื่ออรุณกุมารชาญณรงค์    ทั้งสององค์ลูกเจ้ายังเยาว์ครัน
 +
พระพี่ยาชันษาได้สิบทัศ    กุมารถัดเจ็ดขวบเกษมสันต์
 +
บิตุรงค์ทรงรักดังชีวัน    สารพันมิได้ขัดเคืองระคาย
 +
ครั้นอยู่มาตาพราหมณ์ประโรหิต    ครองโลภจิตนึกเจตนาหมาย
 +
เฒ่าชรามีบุตรบุรุษชาย    เมียนั้นตายจากอกไปหลายปี
 +
คิดการศึกนึกจะเป็นกษัตริย์    ผ่านสมบัติบ้านเมืองให้เรืองศรี
 +
ทั้งลูกจะครองนุชพระบุตรี    ได้แทนที่พรหมทัตกษัตรา
 +
จึงมั่วสุมซุ่มคนไว้คับคั่ง    ได้พร้อมพรั่งหลายพันก็หรรษา
 +
ธนูง้าวหลาวโล่แลปืนยา    เครื่องสาตราครบถ้วนแลทวนแทง
 +
ถึงวันดีเตรียมทัพเวลาดึก    อึกทึกฮึกหาญชาญกำแหง
 +
เอาปืนใหญ่ยิงประดังพังกำแพง    จุดคบแดงให้ประดังเข้าวังใน
 +
จับกษัตริย์ตัดเศียรสิ้น ชีวิต    ทวารปิดมิให้คนลอบหนีได้
 +
จับพวกเหล่าสาวสรรค์ กำนัลใน    มาคุมไว้กลางชาลาหน้าพระลาน
 +
แสน สังเวชนางในใจจะขาด    ร้องกรีดกราดแซ่เสียงสำเนียงขาน
 +
ผ้านุ่งห่มลุ่ยหลุดกระเซอซาน    บ้างคลำคลานออกมาทุกหน้านาง ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ สงสารองค์อัคเรศเกศกษัตริย์    สองพระหัตถ์ข้อนทรวงเข้าผางผาง
 +
เขาไล่จับสับสนอยู่บนปรางค์    นุชนางอุ้มสองกุมารา
 +
แล้ววิ่งวงลงจากปราสาททิพ    ค่อยกระซิบสั่งสองโอรสา
 +
อย่าร้องดังฟังแม่นะแก้วตา    แล้วก็พาลูกเลี้ยว เที่ยวเวียนวง
 +
ชำเลืองดูที่ทวารบานก็ปิด    ดังชีวิตนางจะม้วยเป็นผุยผง
 +
เห็นไม้พุ่มอุ้มลูกเข้าแอบ องค์    กระซิบทรงเศร้ากำสรดระทดใจ
 +
สายสมรสอนสั่งพระลูก แก้ว    พอรุ่งแล้วถ้าเขาจับแม่ไปได้
 +
ทั้ง พี่น้องสองราอย่าอาลัย    พากันไปเถิดนะลูกอย่าอยู่เลย
 +
ตามกุศลผลบุญของลูกแก้ว    แม่นี้ไม่อยู่แล้วหนาลูกเอ๋ย
 +
พากันไปอย่าอาลัยถึงแม่เลย    แล้วทรามเชยกอดลูกเข้าโศกี
 +
สามพระองค์ทรงโศกกันแสงไห้    จนอุทัยจวนรุ่งจำรัสศรี
 +
นางชาววังวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี    พระชนนีกอดลูกเข้าร่ำไร
 +
เอาทรายฝุ่นมุนมอมพระลูกรัก    ให้ผิวพักตร์มัวหมองไม่ผ่องใส
 +
รุ่งแล้วสองแก้วตาจงคลาไคล    เขาจับได้ก็จะม้วยด้วยชนนี
 +
แล้วผันแปรมิได้แลดูลูกรัก    นางตั้งพักตร์วิ่งวางขึ้นปรางค์ศรี
 +
เข้าสวมสอดกอดศพพระสามี    นางเทวีกลั้นใจบรรลัยลาญ
 +
น่าสงสารสองกุมารมาลับแม่    สุดชะแง้แล้วโศกาน่าสงสาร
 +
กลั้นสะอื้นขืนใจอาลัยลาน    สองกุมารเดินเรียงมาเคียงกัน
 +
นางมณีสาครจูงกรน้อง    สงสารสองบุตรีไม่มีขวัญ
 +
เห็นผู้คนปนปลอมไปพร้อมกัน    ใครไม่ทันแจ้งจิตว่าธิดา
 +
พ้นทวารบ้านเมืองชำเลือง เหลียว    ยิ่งเปล่าเปลี่ยวเศร้าสร้อยละห้อยหา
 +
เจ้า รีบรัดตัดเนินดำเนินมา    ไม่รู้ว่าจะไปหนตำบลใด
 +
กันแสงพลางเหลียวพลางดูปรางค์รัตน์    หน่อกษัตริย์สองราน้ำตาไหล
 +
ทุกเทวาช่วยรักษาทั้งสองไป    ดลพระทัยให้เข้าป่าพนาวัน ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ประโรหิตสมคิดขึ้นปรางค์มาศ    สิงหนาทตั้งปึ่งทำขึงขัน
 +
ท้าวพระยาหาตัวมาพร้อมกัน    ใครแข็งขันสั่งซ้ำให้จำจอง
 +
ที่ยินยอมพร้อมใจให้สมบัติ    เอาความสัตย์อย่าให้หมายเป็นฝ่ายสอง
 +
แล้วแต่งตั้งที่ขุนนางตามทำนอง    ทั้งพวกพ้องพร้อมจิตก็คิดการ
 +
ให้ค้นหาธิดากรุงกษัตริย์    จบจังหวัดพระนิเวศน์เขตสถาน
 +
มิได้พบพี่น้องสองกุมาร    ตาพราหมณ์พาลจับยามตามตำรา
 +
ก็รู้ว่าไม่อยู่ในนิเวศน์    สุดสังเกตที่จะเสาะแสวงหา
 +
ก็นิ่งไว้ในใจไม่เจรจา    สั่งให้หาช่างสุวรรณมาทันใด
 +
ทำโกศทองรองศพสองกษัตริย์    ประจงจัดไว้ปรางค์ทองอันผ่องใส
 +
เที่ยวเลือกชมนางสนมกำนัลใน    สำราญใจพ่อลูกทุกคืนวัน ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ แสนสงสารพระกุมารสองสมร    ลับนครเข้าป่าพนาสัณฑ์
 +
กันแสงส่งสุรเสียงมาเคียงกัน    ได้สามวันเดินไพรไปไกลวัง
 +
อดเสวยเนยนมยิ่งตรมอก    แสนวิตกคิดคะนึงถึงความหลัง
 +
สงสารสองทรงศักดิ์ในนครัง    บรรลัยแล้วหรือยังไม่รู้เลย
 +
เมื่อครั้งบุญทูลกระหม่อมยังครองภพ    เธอเวียนรบตักเตือนให้สรงเสวย
 +
ยามวิบากจากสบายไม่วายเลย    ที่การเคยผาสุกมาทุกข์ทน
 +
เพราะสิ้นบุญทูลกระหม่อมจึงตรอมจิต    เอาชีวิตออกไว้อยู่ไพรสณฑ์
 +
เอาเสือสางกวางเถื่อนเป็นเพื่อนตน    ทั้งผู้คนเงียบสงัดล้วนสัตว์พาล
 +
พระพี่น้องสององค์ทรงกันแสง    จนสุดแรงที่จะไปในไพรสาณฑ์
 +
สิ้นกำลังล้มลงในดงดาน    สองกุมารนิ่งซบสลบลง ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ เทพไททุกวิมานบันดาลเงียบ    เย็นยะเยียบทุกหย่อมหญ้าป่าระหง
 +
ทุกก้านกอช่อไม้ในไพรพง    สงสารองค์อรุณราชเพียงขาดใจ
 +
ลมรำพายชายพัดมารึ่นรื่น    ทั้งสองฟื้นสมประดีขึ้นโหยไห้
 +
พระพี่ชวนอนุชาลีลาไป    โศกาลัยเลียบเดินเนินคีริน
 +
บรรลุถึงสระหนึ่งน้ำสะอาด    เดียรดาษด้วยอุบลชลสินธุ์
 +
ทั้งฝักดอกจอกกระจับในวาริน    ระรื่นกลิ่นเกสรขจรจาย
 +
ทั้งสององค์นั่งลงกำลังหอบ    พระกรกอบดื่มกินกระสินธุ์สาย
 +
แล้วชวนน้องลงในสระชำระกาย    เที่ยวแหวกว่ายเลือกหักฝักอุบล
 +
พี่แหวกจอกปอกเสวยกระจับสด    น้องว่ารสโอชาผลาผล
 +
จะกล่าวถึงยักษ์ร้ายในสายชล    ทั้งสี่ตนฤทธิไกรดังไฟกาฬ
 +
พระเวสสุวัณสาปสรรให้เฝ้าสระ    ด้วยโมหะฤทธิ์แรงกำแหงหาญ
 +
ได้ยินเสียงพี่ น้องสองกุมาร    ลงลอยเล่นชลธารสะเทื้อนไป
 +
แสนพิโรธโดดทะลึ่งเสียงอึงอัด    ไล่สกัดเรียกกันอยู่หวั่นไหว
 +
แสนสงสารสุดสวาทเพียงขาดใจ    เห็นยักษ์ไล่ติดพันกระชั้นมา
 +
สองพี่น้องร้องหวีดกราดกรีดเสียง    ชีวิตเพียงจะพินาศด้วยยักษา
 +
เจ้าแหวกว่ายเวียนวงในคงคา    อสุรากั้นกางไว้กลางชล ฯ
</tpoem>
</tpoem>
 +
===ตอนที่ ๓ โคบุตรมาช่วยชุบชีวิตท้าวพรหมทัตและพระมเหสี===
===ตอนที่ ๓ โคบุตรมาช่วยชุบชีวิตท้าวพรหมทัตและพระมเหสี===
<tpoem>
<tpoem>

การปรับปรุง เมื่อ 08:49, 25 มิถุนายน 2553

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: สุนทรภู่

บทประพันธ์

ตอนที่ ๑ กำเนิดโคบุตร

๏ แต่ปางหลังครั้งว่างพระศาสนา
เป็นปฐมสมมตินิทานมาด้วยปัญญายังประวิงทั้งหญิงชาย
ฉันชื่อภู่รู้เรื่องประจักษ์แจ้งจึงแสดงคำคิดประดิษฐ์ถวาย
ตามสติริเริ่มเรื่องนิยายให้เพริศพรายพริ้งเพราะเสนาะกลอนฯ
๏ จะร่ำปางนางสวรรค์เสวยสุขอยู่ปรางค์มุขพิมานสโมสร
เผยพระแกลแลดูแผ่นดินดอนเห็นไกรสรคลอดลูกในหิมวา
ผลกรรมนำจิตให้พิศวาสนุชนาฏจะใคร่มีโอรสา
เห็นพระสุริโยทัยเธอไคลคลากัลยานึกไปดังใจปอง
แม้นสามีมิได้เหมือนพระอาทิตย์ไม่ขอคิดสมสู่เป็นคู่สอง
ผลกรรมจำจากวิมานทองนางก็ต้องจุติด้วยใจตน
เห็นสระศรีมีบัวระดาดาษสุดสวาทจิตประหวัดเข้าปฏิสนธิ์
เกิดเป็นรูปนารีนิรมลกลีบอุบลหุ้มไว้ในสาคร
อยู่ประมาณนานมาในบัวหลวงสุดาดวงกำดัดชมสมสมร
จะกล่าวถึงสุริยาทิพากรเสด็จจรเลี้ยวเหลี่ยมพระเมรุมา
อรุณโรจน์โชติช่วงดวงจรัสส่องจังหวัดภาคพื้นพระเวหา
พิศเพ่งเล็งแลในโลกาเห็นนางฟ้าอยู่ในพุ่มปทุมมาลย์
เพราะรักเราเจ้าต้องมาสิ้นชีพเกิดในกลีบบุษบงน่าสงสาร
จำจะช่วยให้อนงค์คงวิมานพระสุริยกาลโสมนัสสวัสดี
จึ่งแบ่งภาคจากรถระเห็จเหาะลงเฉพาะสระใหญ่ในไพรศรี
พระหัตถ์หักปทุมาจากวารีมานั่งที่ร่มไทรในไพรวัน
คลี่ปทุมอุ้มนางขึ้นวางตักแม่ยอดรักปิ่นสุรางค์นางสวรรค์
กุศลเราเคยสมภิรมย์กันบุญจึ่งบันดาลใจให้เจาะจง
พี่พึ่งรู้ว่าเจ้าอยู่ในโกเมศจึ่งประเวศติดตามด้วยความประสงค์
จะช่วยเจ้าเยาวลักษณ์วิไลทรงให้คืนคงเมืองฟ้าสุราลัยฯ
๏ ปางยุพินปิ่นเทพอัปสรฟังสุนทรสุริยงคิดสงสัย
นางผลักพลางทางแลชำเลืองไปงามวิไลพูนสวัสดิ์ชัชวาล
ถึงเทพบุตรสุดสิ้นในอากาศไม่ผุดผาดผิวพรรณเทียมสัณฐาน
นางค้อนคมก้มพักตร์แล้วพจมานไม่ควรการช่างไม่เกรงข่มเหงกัน
เทพบุตรภุชงค์หรือวงศ์ยักษ์มาหาญหักปทุมมาศขาดสะบั้น
เขาอาศัยได้สบายในบุษบันทำเช่นนั้นช่างไม่คิดอนิจจังฯ
๏ โอ้เจ้าพี่ศรีสวัสดิ์กำดัดสวาทนุชนาฏแม่อย่าลืมเนื้อความหลัง
หรือชอบใจอยู่ที่ในอุบลบังสมบัติทั้งเมืองฟ้าไม่อาวรณ์
พี่หรือคือสุริยงดำรงทวีปทุเรศรีบมาด้วยการสงสารสมร
จะชูช่วยนางฟ้าสถาวรพะงางอนนุชน้องอย่าหมองนวล
มานั่งนี่เถิดพี่จะเล่าเรื่องแม่เนื้อเหลืองนพรัตน์กำดัดสงวน
พลางประโลมโฉมนางไม่ห่างนวลหอมรัญจวนเกสรขจรจายฯ
๏ สาวสวรรค์ครั้นสดับอภิวาทสุดสวาทแสนรักพระสุริย์ฉาย
แต่มารยาทกษัตรีทำทีอายค้อนชม้ายตอบสนองทำนองใน
ถึงดินฟ้าสาครภูเขาขุนเมื่อสิ้นบุญถึงกรรมทำไฉน
แต่ชาติก่อนใครห่อนประจักษ์ใจระลึกได้หรือจะรู้ในเรื่องราว
ซึ่งโปรดน้องจะให้ครองวิมานสวรรค์พระคุณนั้นล้ำฟ้าเวหาหาว
มิได้สนองครองคุณให้สิ้นคราวด้วยเปลี่ยวเปล่าเอ้องค์ในดงแดนฯ
๏ แสนเสนาะเพราะล้ำหนอน้ำเสียงช่างกล่าวเกลี้ยงเชิงฉลาดนั้นเหลือแสน
พี่เมตตาจะช่วยพาไปเมืองแมนถึงมิแทนคุณได้เป็นไรมี
เหมือนมัจฉาสาครเป็นที่พึ่งบุญแล้วจึ่งได้พบประสบศรี
ต้องประสงค์อยู่ตรงไมตรีดีถึงแม้นมีสิ่งของไม่ต้องการ
นี่แน่เจ้าเยาวลักษณ์วิไลศรีเสียแรงพี่จงรักสมัครสมาน
อย่าพูดนักชักเยิ่นให้เนิ่นนานจะเสียการไมตรีที่เรียมวอน
จงแย้มเยื้อนเบือนพักตร์รับรักบ้างประโลมนางแนบกายสายสมร
แสนสำราญอยู่ในร่มนิโครธรพระกางกรประดิพัทธ์วัจนา
อัศจรรย์บรรดาสาคเรศอรัญเวศหวั่นไหวไพรพฤกษา
เทพทั้งตั้งโห่เป็นโกลาสนั่นป่าลั่นเสียงสำเนียงดัง
บรรดาฝูงเทพาวลาหกก็ตื่นตกใจวิ่งไม่เหลียวหลัง
อึกทึกกึกก้องฆ้องระฆังด้วยกำลังพระอาทิตย์ฤทธิรงค์
สมสนิทพิศวาสนางสวรรค์เกษมสันต์สบเชิงละเลิงหลง
แบ่งกำลังตั้งครรภ์ให้โฉมยงแล้วเอื้อนโองการตรัสกับกัลยา
อีกเจ็ดวันขวัญเข้าเจ้าคลอดบุตรเจ้าจะจุติไปสวรรค์ด้วยหรรษา
พี่อยู่ด้วยเจ้าไม่ได้ต้องไคลคลาถึงเวลาเลี้ยวเหลี่ยมพระเมรุทอง
จะเร่งรีบไปทวีปข้างโน้นแล้วแม่ดวงแก้วนพเก้าอย่าเศร้าหมอง
กลับชมพูจะมาอยู่ด้วยนวลละอองแม่อย่าหมองอารมณ์อยู่ร่มไทร
ประโลมลูบจูบสั่งสายสวาทจะนิราศแรมมิตรพิสมัย
ด้วยร้างรักหักจิตไปจำไกลคืนเวไชยันต์ถาวรเหมือนก่อนมา
เลี้ยวพระเมรุเผ่นเยี่ยมอุดรทวีปดังประทีปส่องทั่วทุกทิศา
สาวสวรรค์สร้อยเศร้าเปล่าอุราพระสุริยาเลี้ยวเหลี่ยมพระเมรุธร
สันโดษเดียวเปลี่ยวร่างอยู่กลางเถื่อนไม่มีเพื่อนสาวสุรางค์นางอัปสร
ยินสำเนียงปักษาทิชากรดวงสมรวังเวงวิเวกใจฯ
๏ ฝ่ายพระสุริยงผู้ทรงรถเที่ยวเลี้ยวรถส่องสัตว์จำรัสไข
ส่องตรีภพจบทวีปแล้วรีบไปสว่างในภพโลกชมพูพลัน
ระลึกถึงโฉมงามทรามสวาทออกจากราชรถชัยลงไพรสัณฑ์
ถนอมแนบแอบนางไม่ห่างกันเกษมสันต์พิศวาสไม่คลาดคลาย
แต่เช้ามาสายัณห์แล้วคืนกลับกำหนดนับเจ็ดวันเหมือนมั่นหมาย
ยุพาพินสิ้นกรรมประจำกายจะคลอดสายสุดที่รักโอรสนาง
พอรุ่งแสงสุริยาพระอาทิตย์มานั่งชิดโลมน้องอย่าหมองหมาง
สงสารนวลป่วนปั่นพระครรภ์ครางนาภีนางเพียงจะพังประทังทน
บรรดาเทพธิดาลงมาพร้อมเข้าแวดล้อมอรไทในไพรสณฑ์
บ้างนวดครรภ์ผันแปรให้นิรมลพระสุริยนเคียงน้องประคององค์
ถึงยามปลอดนางคลอดโอรสราชเสียงพิณพาทย์ก้องฟ้าป่าระหง
เป็นชายเหมือนพระอาทิตย์ไม่ผิดทรงสำอางค์องค์นวลละอองดังทองทา
สาวสวรรค์รับขวัญโอรสรักพิศพักตร์ลูกน้อยละห้อยหา
นางกางกรช้อนอุ้มกุมาราเจ้าเกิดมามิได้อยู่ด้วยแม่แล้ว
ไม่เห็นใครที่จะให้นมเสวยเจ้าแม่เอ๋ยสุดอาลัยนะลูกแก้ว
เจ้าอยู่เถิดมารดาจะลาแล้วกอดลูกแก้วโศกาด้วยอาลัย
แล้วก้มกราบสุริยันรำพันสั่งพระระวังลูกยาในป่าใหญ่
พอสิ้นสั่งสุดสวาทก็ขาดใจกลับคืนไปสู่สวรรค์ชั้นวิมานฯ
๏ ปางพระสุริย์ใสวิไลลบให้ปรารภด้วยบุตรสุดสงสาร
ไม่เห็นใครที่จะได้พยาบาลพระสุริยกาลกอดบุตรเข้าโศกา
แล้วผันแปรแลไปเห็นไกรสรแม่ลูกอ่อนสถิตอยู่ในคูหา
พระอุ้มโอรสราชแล้วยาตราถึงพญาสิงหราชประกาศพลัน
ว่าดูราราชสีห์อันมีศักดิ์โอรสรักเราเกิดในไพรสัณฑ์
กำพร้าแม่แต่คลอดออกจากครรภ์จะให้ท่านเลี้ยงไว้ดังใจจง
เป็นบิดามารดาของทารกเราจะยกให้ตามความประสงค์
เวลาจวนเราจะด่วนไปอัสดงต่อนานนานจึงจะลงมาเชยชมฯ
๏ ราชสีห์ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์บังคมคัลพระอาทิตย์อิศยม
ไว้ธุระสิงหราอย่าปรารมภ์จะส่งนมเลี้ยงดูให้อยู่เย็น
แม้นโตใหญ่ได้พึ่งซึ่งพระเดชช่วยปกเกศราชสีห์ไม่มีเข็ญ
อันลูกข้าทารกแม้นอยู่เย็นจะได้เป็นข้าไทเหมือนใจปอง
พระสุริยงทรงฟังไกรสรสัตว์โสมนัสยินดีไม่มีสอง
ส่งลูกให้สิงหราน้ำตานองอวยพรสองราชสีห์อย่ามีภัย
พระกอดจูบลูกยาน้ำตาหยดอุ้มโอรสเศร้าสร้อยละห้อยไห้
พระสงสารราชบุตรสุดอาลัยแล้วลาไกรสรไปเวไชยันต์ฯ
๏ ราชสีห์มีจิตพิศวาสด้วยองค์ราชโอรสพระสุริย์ฉัน
รักเสมอลูกยาไม่อาธรรม์เกษมสันต์อยู่ในถ้ำอันอำไพ
กุมาราชันษาได้สิบทัศงามจำรัสเหมือนองค์พระสุริย์ใส
กำลังเจ็ดช้างสารอันชาญชัยเพราะว่าได้กินนมนางสิงหราฯ
๏ จะกล่าวถึงพระอาทิตย์บิตุเรศพูนเทวษคิดถึงโอรสา
เสด็จจากรถชัยแล้วไคลคลาถึงคูหาถ้ำแก้วอันแพรวพราย
เห็นโอรสลดองค์ลงโอบอุ้มประจงจุมพิตพักตร์พระโฉมฉาย
พระโลมลูบรับขวัญบรรยายโอ้พ่อสายสุดที่รักของบิดร
พ่อมิได้อยู่เลี้ยงไว้เคียงพักตร์เอาลูกรักฝากไว้กับไกรสร
ชนนีนางฟ้าสถาวรนั้นม้วยมรณ์แต่เจ้าคลอดออกจากครรภ์
พระกุมารฟังสารให้สงสัยจึงถามไถ่ราชสีห์ขมีขมัน
ไกรสรเล่าความหลังให้ฟังพลันแจ้งสำคัญพระอาทิตย์เป็นบิดา
ศิโรราบกราบบาทบิตุเรศชลเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา
พระสุริยันกันแสงด้วยลูกยาทั้งสามสัตว์สิงหราก็โศกี
ครั้นเคลื่อนคลายวายโศกกันแสงศัลย์พระสุริยันตรัสประภาษกับราชสีห์
จะให้นามตามวงศ์สวัสดีแทรกชนกชนนีเข้าในนาม
ชื่อโคบุตรสุริยาวราฤทธิ์จงประสิทธิ์แก่กุมารชาญสนาม
ทั้งตรีโลกโลกาสง่างามเจริญความเกียรติยศปรากฏครันฯ
๏ พระอาทิตย์นิรมิตเครื่องประดับให้เสร็จสรรพล้วนเทพรังสรรค์
เป็นเครื่องทิพสาตราสารพันให้ป้องกันอยู่ในกายกุมารา
รณรงค์คงทนด้วยกายสิทธิ์พระอาทิตย์จึ่งสั่งโอรสา
อันเครื่องทรงที่ในองค์พระลูกยาล้วนเทพสาตราอันเกรียงไกร
จะรบราญรณรงค์เข้ายงยุทธ์ไม่พักหาอาวุธอย่าสงสัย
เครื่องประดับรับรบอรินทร์ภัยเหาะเหินได้รุ่งเรืองด้วยเครื่องทรง
จงคิดอ่านไปผ่านพิภพโลกมาวิโยคอยู่ไยในไพรระหง
สิงหราชชาติเชื้อเขาชาวดงเจ้าเป็นพงศ์จักรพรรดิสวัสดี
พ่อจะบอกมรคาไปหาคู่นางนั้นอยู่บูรพาพาราณสี
จงลาแม่ลาพ่อจรลีถ้าได้ดีแล้วจงกลับมารับกัน
แม้นเคืองเข็ญจงคิดถึงบิตุเรศถ้าแจ้งเหตุจะมาช่วยอย่าโศกศัลย์
พระกอดจูบลูกยาเฝ้าจาบัลย์พระรำพันร่ำไรแล้วให้พร
พ่อจะลาแก้วตาไปส่องโลกอย่าแสนโศกจงสุขสโมสร
ครั้นเสร็จสั่งสิงหราสถาวรพระทินกรเหาะไปเวไชยันต์ฯ
๏ พระโคบุตรสุริยาน้ำตาไหลด้วยอาลัยสุริย์ฉายนั้นผายผัน
ยิ่งแลลับพระบิดายิ่งจาบัลย์สะอื้นอั้นกำสรดระทดกายฯ
๏ สิงหราว่ากล่าวเล้าโลมปลอบตามระบอบโศกเศร้าบรรเทาหาย
พระโคบุตรสุดจิตคิดเสียดายค่อยน้อมกายเกศก้มประนมกร
ลูกขอลาชนนีอย่ามีเหตุเที่ยวประเวศตามคำพระร่ำสอน
ว่าคู่สร้างนางอยู่ในสาครพเนจรไปในป่าพนาวัน
แม้นบุญช่วยได้สมอารมณ์คิดให้ต้องจิตดังคำพระสุริย์ฉัน
กุศลส่งคงพบประสบกันครองเขตขัณฑ์ได้คู่อยู่สำราญ
ถึงลูกไปใช่จะลืมพระคุณแม่ถ้าเว้นแต่ชีวังสิ้นสังขาร
แม้นบุญส่งคงสบายไม่วายปราณจะเวียนมามัสการพระมารดาฯ
๏ ราชสีห์สุดที่จะทานทัดกลัวจะขัดเคืองลูกเสน่หา
จึงอวยพรสั่งสอนกุมาราแล้วให้ยาล้ำเลิศประเสริฐครัน
ถ้าเคี้ยวพ่นคนตายแล้วคลายรอดไม่ม้วยมอดมรณาชีวาสัญ
พระรับยาอาลัยใจผูกพันกันแสงศัลย์กราบบาทสิงหราฯ
๏ โอ้แม่เจ้าคราวนี้จะนานแล้วจงอยู่ครองห้องแก้วถ้ำคูหา
ไม่ปลดปลงลูกคงจะกลับมาแล้วอำลาราชสีห์ผู้พี่ชาย
ตั้งอารมณ์ข่มใจอาลัยรักค่อยหาญหักอาดูรให้สูญหาย
เสด็จจากห้องแก้วอันแพรวพรายพระทัยหายกลับมาโศกาลัย
เป็นหลายครั้งตั้งร่ำรำพันรักแล้วหวนหักเสน่หาน้ำตาไหล
พระชุบเช็ดชลนาด้วยอาลัยแล้วหักใจจำทิศพระบิดา
เหาะละลิ่วปลิวคว้างมากลางเมฆลอยวิเวกมาในท้องพระเวหา
พระลอยลมแลชมอรัญวาประมาณมาหลายคืนชื่นอารมณ์ฯ
             

ตอนที่ ๒ ราชปุโรหิตชิงบัลลังก์เมืองพาราณสี นางมณีสาครและพระอรุณไปพบยักษ์ ๔ ตน

๏ จะกล่าวถึงขัตติย์วงศ์พงศ์กษัตริย์พรหมทัตธิบดินทร์ปิ่นสนม
ครองพาราณสีบุรีรมย์มีเมืองขึ้นมาบังคมไม่ขาดปี
มีเอกองค์ทรงนามประทุมทัศเสวยราชสมบัติเกษมศรี
มีพระราชธิดาล้ำนารี ชื่อมณีสาครฉะอ้อนองค์
มีพระราชกุมารเสน่หา อนุชาน้องถัดนวลหง
ชื่ออรุณกุมารชาญณรงค์ ทั้งสององค์ลูกเจ้ายังเยาว์ครัน
พระพี่ยาชันษาได้สิบทัศ กุมารถัดเจ็ดขวบเกษมสันต์
บิตุรงค์ทรงรักดังชีวัน สารพันมิได้ขัดเคืองระคาย
ครั้นอยู่มาตาพราหมณ์ประโรหิต ครองโลภจิตนึกเจตนาหมาย
เฒ่าชรามีบุตรบุรุษชาย เมียนั้นตายจากอกไปหลายปี
คิดการศึกนึกจะเป็นกษัตริย์ ผ่านสมบัติบ้านเมืองให้เรืองศรี
ทั้งลูกจะครองนุชพระบุตรี ได้แทนที่พรหมทัตกษัตรา
จึงมั่วสุมซุ่มคนไว้คับคั่ง ได้พร้อมพรั่งหลายพันก็หรรษา
ธนูง้าวหลาวโล่แลปืนยา เครื่องสาตราครบถ้วนแลทวนแทง
ถึงวันดีเตรียมทัพเวลาดึก อึกทึกฮึกหาญชาญกำแหง
เอาปืนใหญ่ยิงประดังพังกำแพง จุดคบแดงให้ประดังเข้าวังใน
จับกษัตริย์ตัดเศียรสิ้น ชีวิต ทวารปิดมิให้คนลอบหนีได้
จับพวกเหล่าสาวสรรค์ กำนัลใน มาคุมไว้กลางชาลาหน้าพระลาน
แสน สังเวชนางในใจจะขาด ร้องกรีดกราดแซ่เสียงสำเนียงขาน
ผ้านุ่งห่มลุ่ยหลุดกระเซอซาน บ้างคลำคลานออกมาทุกหน้านาง ฯ
๏ สงสารองค์อัคเรศเกศกษัตริย์ สองพระหัตถ์ข้อนทรวงเข้าผางผาง
เขาไล่จับสับสนอยู่บนปรางค์ นุชนางอุ้มสองกุมารา
แล้ววิ่งวงลงจากปราสาททิพ ค่อยกระซิบสั่งสองโอรสา
อย่าร้องดังฟังแม่นะแก้วตา แล้วก็พาลูกเลี้ยว เที่ยวเวียนวง
ชำเลืองดูที่ทวารบานก็ปิด ดังชีวิตนางจะม้วยเป็นผุยผง
เห็นไม้พุ่มอุ้มลูกเข้าแอบ องค์ กระซิบทรงเศร้ากำสรดระทดใจ
สายสมรสอนสั่งพระลูก แก้ว พอรุ่งแล้วถ้าเขาจับแม่ไปได้
ทั้ง พี่น้องสองราอย่าอาลัย พากันไปเถิดนะลูกอย่าอยู่เลย
ตามกุศลผลบุญของลูกแก้ว แม่นี้ไม่อยู่แล้วหนาลูกเอ๋ย
พากันไปอย่าอาลัยถึงแม่เลย แล้วทรามเชยกอดลูกเข้าโศกี
สามพระองค์ทรงโศกกันแสงไห้ จนอุทัยจวนรุ่งจำรัสศรี
นางชาววังวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี พระชนนีกอดลูกเข้าร่ำไร
เอาทรายฝุ่นมุนมอมพระลูกรัก ให้ผิวพักตร์มัวหมองไม่ผ่องใส
รุ่งแล้วสองแก้วตาจงคลาไคล เขาจับได้ก็จะม้วยด้วยชนนี
แล้วผันแปรมิได้แลดูลูกรัก นางตั้งพักตร์วิ่งวางขึ้นปรางค์ศรี
เข้าสวมสอดกอดศพพระสามี นางเทวีกลั้นใจบรรลัยลาญ
น่าสงสารสองกุมารมาลับแม่ สุดชะแง้แล้วโศกาน่าสงสาร
กลั้นสะอื้นขืนใจอาลัยลาน สองกุมารเดินเรียงมาเคียงกัน
นางมณีสาครจูงกรน้อง สงสารสองบุตรีไม่มีขวัญ
เห็นผู้คนปนปลอมไปพร้อมกัน ใครไม่ทันแจ้งจิตว่าธิดา
พ้นทวารบ้านเมืองชำเลือง เหลียว ยิ่งเปล่าเปลี่ยวเศร้าสร้อยละห้อยหา
เจ้า รีบรัดตัดเนินดำเนินมา ไม่รู้ว่าจะไปหนตำบลใด
กันแสงพลางเหลียวพลางดูปรางค์รัตน์ หน่อกษัตริย์สองราน้ำตาไหล
ทุกเทวาช่วยรักษาทั้งสองไป ดลพระทัยให้เข้าป่าพนาวัน ฯ
๏ ประโรหิตสมคิดขึ้นปรางค์มาศ สิงหนาทตั้งปึ่งทำขึงขัน
ท้าวพระยาหาตัวมาพร้อมกัน ใครแข็งขันสั่งซ้ำให้จำจอง
ที่ยินยอมพร้อมใจให้สมบัติ เอาความสัตย์อย่าให้หมายเป็นฝ่ายสอง
แล้วแต่งตั้งที่ขุนนางตามทำนอง ทั้งพวกพ้องพร้อมจิตก็คิดการ
ให้ค้นหาธิดากรุงกษัตริย์ จบจังหวัดพระนิเวศน์เขตสถาน
มิได้พบพี่น้องสองกุมาร ตาพราหมณ์พาลจับยามตามตำรา
ก็รู้ว่าไม่อยู่ในนิเวศน์ สุดสังเกตที่จะเสาะแสวงหา
ก็นิ่งไว้ในใจไม่เจรจา สั่งให้หาช่างสุวรรณมาทันใด
ทำโกศทองรองศพสองกษัตริย์ ประจงจัดไว้ปรางค์ทองอันผ่องใส
เที่ยวเลือกชมนางสนมกำนัลใน สำราญใจพ่อลูกทุกคืนวัน ฯ
๏ แสนสงสารพระกุมารสองสมร ลับนครเข้าป่าพนาสัณฑ์
กันแสงส่งสุรเสียงมาเคียงกัน ได้สามวันเดินไพรไปไกลวัง
อดเสวยเนยนมยิ่งตรมอก แสนวิตกคิดคะนึงถึงความหลัง
สงสารสองทรงศักดิ์ในนครัง บรรลัยแล้วหรือยังไม่รู้เลย
เมื่อครั้งบุญทูลกระหม่อมยังครองภพ เธอเวียนรบตักเตือนให้สรงเสวย
ยามวิบากจากสบายไม่วายเลย ที่การเคยผาสุกมาทุกข์ทน
เพราะสิ้นบุญทูลกระหม่อมจึงตรอมจิต เอาชีวิตออกไว้อยู่ไพรสณฑ์
เอาเสือสางกวางเถื่อนเป็นเพื่อนตน ทั้งผู้คนเงียบสงัดล้วนสัตว์พาล
พระพี่น้องสององค์ทรงกันแสง จนสุดแรงที่จะไปในไพรสาณฑ์
สิ้นกำลังล้มลงในดงดาน สองกุมารนิ่งซบสลบลง ฯ
๏ เทพไททุกวิมานบันดาลเงียบ เย็นยะเยียบทุกหย่อมหญ้าป่าระหง
ทุกก้านกอช่อไม้ในไพรพง สงสารองค์อรุณราชเพียงขาดใจ
ลมรำพายชายพัดมารึ่นรื่น ทั้งสองฟื้นสมประดีขึ้นโหยไห้
พระพี่ชวนอนุชาลีลาไป โศกาลัยเลียบเดินเนินคีริน
บรรลุถึงสระหนึ่งน้ำสะอาด เดียรดาษด้วยอุบลชลสินธุ์
ทั้งฝักดอกจอกกระจับในวาริน ระรื่นกลิ่นเกสรขจรจาย
ทั้งสององค์นั่งลงกำลังหอบ พระกรกอบดื่มกินกระสินธุ์สาย
แล้วชวนน้องลงในสระชำระกาย เที่ยวแหวกว่ายเลือกหักฝักอุบล
พี่แหวกจอกปอกเสวยกระจับสด น้องว่ารสโอชาผลาผล
จะกล่าวถึงยักษ์ร้ายในสายชล ทั้งสี่ตนฤทธิไกรดังไฟกาฬ
พระเวสสุวัณสาปสรรให้เฝ้าสระ ด้วยโมหะฤทธิ์แรงกำแหงหาญ
ได้ยินเสียงพี่ น้องสองกุมาร ลงลอยเล่นชลธารสะเทื้อนไป
แสนพิโรธโดดทะลึ่งเสียงอึงอัด ไล่สกัดเรียกกันอยู่หวั่นไหว
แสนสงสารสุดสวาทเพียงขาดใจ เห็นยักษ์ไล่ติดพันกระชั้นมา
สองพี่น้องร้องหวีดกราดกรีดเสียง ชีวิตเพียงจะพินาศด้วยยักษา
เจ้าแหวกว่ายเวียนวงในคงคา อสุรากั้นกางไว้กลางชล ฯ
             

ตอนที่ ๓ โคบุตรมาช่วยชุบชีวิตท้าวพรหมทัตและพระมเหสี

             

ตอนที่ ๔ โคบุตรรบวิชาธร ฆ่าทัศกัณฐมัจฉาตาย

             

ตอนที่ ๕ ยักขินีพาโคบุตรเข้าเมืองเนรมิต

             

ตอนที่ ๖ โคบุตรได้นกขุนทองแล้วเข้าเมืองกาหลง

             

ตอนที่ ๗ นกขุนทองถือหนังสือถวายนางอำพันมาลา ธิดาท้าววิหลราช

             

ตอนที่ ๘ โคบุตรได้นางอำพันมาลาเป็นชายา

             

ตอนที่ ๙ โคบุตรพานางอำพันมาลาหนีไปเมืองพาราณสี

             

ตอนที่ ๑๐ อภิเษกโคบุตรกับนางมณีสาครและนางอำพันมาลา

             

ตอนที่ ๑๑ นางอำพันมาลาให้เถรกระอำทำเสน่ห์

             

ตอนที่ ๑๒ พระอรุณมาเมืองปราการบรรพต จับเสน่ห์เถรกระอำ

             

ตอนที่ ๑๓ โคบุตรปรึกษาโทษนางอำพันมาลา

             

ตอนที่ ๑๔ ขับนางอำพันมาลาออกจากเมือง

             

เชิงอรรถ

ที่มา

[1]

เครื่องมือส่วนตัว