à¸à¸¸à¸›à¸à¸£à¸“์รามเà¸à¸µà¸¢à¸£à¸•ิ์
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == {{เรียงลำดับ|}} [[หมวดหมู่:วรรณคดี…') |
(→คำปรารภ) |
||
แถว 8: | แถว 8: | ||
=== ภาคหนึ่ง ตอนต้น === | === ภาคหนึ่ง ตอนต้น === | ||
==== คำปรารภ ==== | ==== คำปรารภ ==== | ||
+ | ในพระราชนิพนธ์บ่อเกิดแห่งรามเกียรติ์ มีพระราชปรารภไว้ตอนหนึ่งว่า “เรื่องรามเกียรติ์เป็นเรื่องราวสำคัญที่ชาวไทยเรารู้จักกันดีอย่างซึมซาบก็จริงอยู่ แต่มีน้อยตัวนัก ที่จะทราบว่ามีมูลมาจากไหน” | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ข้อนี้เป็นความจริงแท้ เพราะเรื่องละครต่าง ๆ เช่นเรื่อง จันทโครบ พระรถเมรี ย่อมเข้าใจกันทั้วไปเป็นสามัญว่า เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นในเมืองไทยนี้เอง พระราชนิพนธ์รามเกียรติ์อยู่ในประเภทเรื่องละคร ก็คงเข้าใจรวม ๆ ว่าท่านประดิษฐ์ขึ้น บางพวกเห็นเอาว่าเป็นเรื่องราวป้วนเปี้ยนอยู่ในสยามนี้ เพราะมีบึงพระราม ด่านหนุมาน ห้วยสุครีพ ตำบลพรหมาสตร์ ทะเลชุบศร หนองสีดา เป็นต้น อย่างดีขึ้นไปกว่านี้ ก็คะเนเพียงว่าคงเป็นเรื่องมาจากอินเดีย เพราะกล่าวถึงพระอิศวร และพระนารายณ์อวตารในลัทธิพราหมณ์ แล้วลงเอาว่าคงเหมือนกับของอินเดียตลอดเรื่อง เลยไม่มีใครเอาใจใส่ที่จะค้นคว้าหาความจริงยิ่งกว่านี้ ด้วยเหตุที่ท่านผู้รู้ของเราที่สามารถก็ไม่นิยมลัทธิไสยศาสตร์ เห็นว่ารามเกียรติ์แสดงมหิทธานุภาพ เหาะเหิร เดิรอากาศ ตายแล้วกลับเป็นขึ้นมาอีก ฤษีชีไพรออกบวชบำเพ็ญพรตจนมีตบะเดชะแก่กล้าแล้ว ก็ใช้ตบะเดชะนั้นเอง ชุบสตรีขึ้นเป็นเมีย เหลวใหลหาชิ้นดีอะไรมิได้ เสียเวลาที่จะไปหาเลือดกะปู | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ต่อเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระธีรราชเจ้าของวรรณคดี ทรงพระราชนิพนธ์บ่อเกิดแห่งรามเกียรติ์ขึ้น จึ่งได้เกิดความรู้ความสว่างในเรื่องรามเกียรติ์เปิดหูเปิดตาออกไปให้กว้างขวาง เห็นแนวรามเกียรติ์ว่ามีมูลมาจากไหน และด้วยอำนาจพระบรมราชาธิบายนั้นเอง ยังได้เกิดความรู้ต่างๆ ในพากย์สํสกฤต นอกจาก | ||
+ | |||
+ | |||
+ | รามเกียรติ์เพิ่มขึ้นอีกมากประการ เรื่องที่ไม่เคยนึกฝันว่าจะรู้ก็ได้รู้ขึ้น สามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากว่า ความรู้ในวรรณคดีพากย์ สํสกฤตซึ่งเป็นส่วนสำคัญประการหนึ่ง แห่งวรรณคดีของเรา ที่มารู้กันแพร่หลายในปัจจุบันนี้มากกว่าแต่ก่อนเป็นอันมากก็ด้วย พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระปริณายกาจารย์ นำช่องทางให้เห็นมูลที่มาแห่งเรื่องรามเกียรติ์เป็นปฐม ทั้งนี้ย่อมเป็นพระมหากรุณาธิคุณซึ่งผู้ใฝ่ใจในเรื่องหนังสือชั้นวรรณคดี จะลืมระลึกเสียมิได้เลย | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ในท้ายพระราชนิพนธ์เรื่องนั้น ทรงพระราชปรารภว่ามีพระราชประสงค์อยู่แต่จะทรงนำหัวข้อหรือตั้งโครงไว้สำหรับผู้ที่พอใจในทางหนังสือ จะได้พิจารณาต่อไปอีกเท่านั้น | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ข้าพเจ้าได้รับความรู้ในเรื่องรามเกียรติ์เป็นอันมาก เพราะพระราชนิพนธ์นี้เป็นครู เห็นว่าน่าจะสนองพระเดชพระคุณตามสติปัญญาสามารถ ค้นคว้าหามูลรามเกียรติ์ของเราให้ได้สมพระราชประสงค์ที่สุดที่จะหาได้ ดูเหมือนจะทรงทราบด้วยพระญาณวิถีทางไดทางหนึ่ง ทรงพระเมตตาดลบันดาลให้ได้หลักฐานคืบออกไปทีละนิดละหน่อย ทำให้มีความเพลิดเพลินที่จะสืบสาวก้าวหน้าออกไปเสมอ แต่ทว่าความรู้ความสามารถของตนยังน้อยนัก แม้ทรงบันดาบให้พบลู่ทางที่เชื่อว่าคงมีอะไร ๆ ดีในนั้น ก็ยังไม่มีความรู้พอจะสนองพระเดชพระคุณให้เต็มใจรักของตน จนสมพระราชประสงค์ได้ กระนั้นการที่มาทำเรื่องนี้ จะว่า “หาญ” ก็ไม่เชิง ใคร ๆ ก็ทำได้ถ้าขยันค้น เพราะมีหัวข้อหรือโครงทรงตั้งนำไว้ดีแล้ว ดำเนิรไปตามนั้นสำเร็จ อันจะได้ผลแค่ไหนสุดแต่สติปัญญาจะอำนวย แม้จะไม่สำเร็จถึงที่สุดในชั่วชีวิตนี้ ก็คงเกิดมีนักปราชญ์สักคนหนึ่งในภายหน้า สามารถสนองพระเดชพระคุณสมพระราชประสงค์ได้โดยบริบูรณ์. | ||
+ | |||
+ | |||
+ | เมื่อเห็นพระราชดำรัสว่า “ข้าพเจ้าเองก็ได้เคยรู้สึกเช่นนี้มาแล้วแต่ก่อน ๆ จึ่งได้ตั้งใจเที่ยวค้นคว้าหาความรู้ในเรื่องนี้ ตั้งความพยายามมาแล้วหลายปีกว่าจะหาหนังสือได้เท่าที่พอใจ “ อันแสดงว่า สมเด็จพระธีรราชเจ้ายังทรงพยายามถึงเพียงนั้น. ลำพังข้าพเจ้า ถ้านับเวลาตั้งแต่พระราชนิพนธ์บ่อเกิดแห่งรามเกียรติ์นั้น พิมพ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๖ จนบัดนี้ร่วม ๒๐ ปี ก็ได้เรื่องราวเพียงที่จะได้อ่านกันต่อไปนี้. ถ้าท่านผู้อื่นจะพิจารณาเพิ่มเติมต่อไปได้อีกเพียงใด, ก็จะเป็นการช่วยให้สมกับที่ได้ตั้งพระราชหฤทัยหวังไว้. | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ข้อยากลำบากสำหรับเรื่องนี้ คือ รามเกียรติ์ของเราแม้แน่ใจว่า มีรามายณะเป็นบ่อเกิดก็จริง แต่รามายณะมิใช่มีเพียงในอินเดีย ประเทศต่างๆ อันอยู่ถัดอินเดียออกมา ก็ได้รับอารยธรรมจากนั้น มีลัทธิศาสนาเป็นต้น ย่อมมีรามายณะอยู่ด้วยกันทุกประเทศ. จึ่งฉบับรามายณะต่างสำนวนที่มีอยู่ในนานารัฐอินเดีย ตลอดมาจนประเทศทางบูรพทิศ ได้ความว่ามีจำนวนมากมายก่ายกองนัก ถ้ารวมกันเข้าเห็นจะมากกว่า “หนึ่งเล่มเกวียน” จริง ๆ รามายณะในอินเดียเอง ที่ว่าเป็นฉบับแท้มีอยู่ ๓ ฉะบับ ไม่มีใครบังอาจแก้ไขดัดแปลงได้ เพราะถือเป็นบาปหนัก แต่เมื่อนักปราชญ์สอบสวนดู ก็พบว่ามีข้อความผิดแผกแตกต่างกันทุกฉะบับ ครั้นเมื่อไปจากอินเดีย ตกถึงประเทศใด ก็ต้องกลายรูปห่างจากของเดิมออกไปทีละน้อย ๆ ตามลัทธิธรรมเนียมแห่งประเทศชาติ บางฉบับไกลลิบแทบจำไม่ได้ว่า มีมูลมาจากแห่งเดียวกัน | ||
+ | |||
+ | |||
+ | บางประเทศ เช่น ชะวา มลายู มีรามายณะ อย่างฟุ่มเฟือย หลายฉบับหลายสำนวน เรื่องก็ต่างกันคนละรูปสุดแต่ผู้เรียงจะถนัดทางไหน เช่นสมทบเอานาปีอาดัมในคัมภีร์เยเนสิส เป็นเทวทูตของพระอิศวรมาแนะนำพิธีบำเพ็ญตบะแก่ทศกัณฐ์ หนุมานของอินเดียหรือของทมิฬ เป็นพรหมจารีผู้หนึ่ง ซึ่งไม่สัมผัสสตรีเพศด้วยความกำหนัด มาถึงมลายูปรากฏหนหนึ่งว่าเป็นชู้กับขายาพระลักษมณ์ ครั้นตกมาในเรา กลายเป็นเจ้าชู้สบช่องเหมาะทุกขณะ เพราะนิสสัยของเราชอบเช่นนั้น ตกไปถึงญวน มีเพียงเค้าให้ทราบว่ารามายณะแต่ชื่อเสียงเรียงนามเป็นสำเนียงญวนไปหมด. เลยไปถึงลาวอีกทีกลายเป็นพระรามชาดก เนื้อเรื่องกาหลอลหม่านไปทางหนึ่ง แต่ชื่อพระราม ทศกัณฐ์ นางสีดา ยังคงอยู่ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | บางคำกลายมาจากอื่นทีหนึ่งแล้ว เรายังบิดผันไปเสียอีก เช่นชื่อเขามเหนทร, ผ่านทมิฬเป็น มเหนติรัน, เรากลายเป็นเหมติรัน. คำ ลักษมณ ชื่อน้องพระราม ผ่านมลายู ซึ่งใช้เป็นความหมายถึง แม่ทัพเรือ, เราเอามาใข้บ้าง เป็นนามเจ้ากรมอาสาจาม มีหน้าที่จัดเรือ แต่กลายเป็น ขุนรักษณามา, ที่ร้ายยิ่งกว่านี้ เราเองระบายสีของเราอย่างสนิทสนม เช่น ดงพระราม, พูดเร็วเข้าว่า ดงพราม, เขียนเสียเรียบร้อยเป็น ดงพราหมณ์ เลยหมดความระแวง. | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ดังนี้ การจะหาหลักฐานรามเกียรติ์ของเราว่า จะมาจากรามายณะฉะบับไหนโดยฉะเพาะ เป็นอันว่าไม่ได้. จะต้องสืบเพียงตอน ๆ ว่า ตอนไหน จะตรงกับตอนไร ในรามายณะของใคร เท่านี้พอมีทาง, แต่ก็ไม่ปลอดโปร่ง เพราะ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | รามายณะฉบับต่าง ๆ ที่พอหามาได้ก็เป็นภาษาเดิม เช่น ทมิฬ ลังกา ชะวา มลายู ที่แปลเป็นอังกฤษพอจะคลำอ่านได้เรื่องบ้าง ก็หาไม่ได้หรือไม่มี จะมีก็แปลเป็นภาษาเยอรมันเสีย. เผอิญได้อาศัยเพื่อนฝูงที่รู้ภาษาทมิฬบ้าง เยอรมันบ้าง ขอไต่ถามตามแต่โอกาสของเขา พอได้เค้าราง ๆ ไม่แร้นแค้นเสียทีเดียว. แต่ก็เหมือนเดิรจะไปให้ถึงที่แห่งหนึ่ง ฝ่าเข้าไปในป่าชัฏ สุ่มหาทางสัญจร ไม่ทราบว่าจะไปทิศไหน. บางคราวออกมาถึงที่ราบรื่นหายรกแล้ว เข้าใจว่าเป็นทางคนเดิรได้ละ, ก็เกิดมีทางแยกให้รวนเรใจ. บางแห่งเดาว่า เข้าทางถูกแล้ว แต่รกเรี้ยวมาก ขาดเครื่องมือสำหรับถางทาง หากจะได้เครื่องมือก็ใช้ไม่เป็น เช่นมีฉบับภาษาลังกา ก็หมดปัญญาที่จะหยิบใช้ด้วยตนเอง | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ครั้นมาเห็นว่า ไหน ๆ ได้บุกป่าฝ่าดงเข้าไปบ้างแล้ว จะถูกทางหรือผิดทางก็ตามที ควรบันทึกระยะทางะราง ๆ เท่าที่พบเห็นไว้ที. เพราะฉะนั้น หนังสือนี้เท่ากับคู่มือบันทึกหมายเหตุ สำหรับสอบสวนกับทางที่จะพบต่อไป, เป็นโครงเรื่อง, รวบรวมข้อความที่ผ่านพบมาไว้พลางก่อน ; มิฉะนั้น ข้อความต่าง ๆ จะเลื่อนเปื้อนเลือนหายเสีย. จึ่งยังไม่ใข่ตกลงเป็นยุตติ : ถ้าไปพบทางไหนที่เข้าทีกว่า, ก็อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ. แต่ผู้อ่านต้องมีพื้นทราบเรื่องรามเกียรติ์พร้อมด้วยพระราชนิพนธ์บ่อเกิด จึ่งจะได้รสดี เพราะเป็นหนังสือชนิดเครื่องมือช่วยให้รู้อะไรบางอย่างในรามเกียรติ์ แต่ไม่ถึงขั้นวิจารณ์, สมเพียงจะให้ชื่อว่า อุปกรณ์รามเกียรติ์. | ||
+ | |||
+ | |||
+ | หลักฐานที่ว่าพบในระวางทาง ล้วนแต่เก็บเอาจากหนังสือต่าง ๆ บางแห่งถ้าจะพูดเพียงที่ได้มา เนื้อความจะไม่แจ่มแจ้ง ต้องเพิ่มเติมอัตตโนมัติขยายออกไป บางแห่งดูเหมือนจะมีเกี่ยวข้องน้อยเต็มที จะไม่นำมากล่าวก็ได้ แต่น่าเสียดายก็รวมเข้าไว้ด้วย บางทีความคิดเดิรเพลินไป ชวนให้อดไม่ได้ที่จะมีการสันนิษฐาน ที่ล่อแหลมไปในวิธีเดาประสมเหตุ. และตอนไหนได้มาจากหนังสืออะไร ได้บอกไว้ให้ทราบในบันทึกได้ด้วยอักษรชื่อเดิม เพื่อผู้สนใจจะได้มีโอกาสตรวจสอบดูได้เอง ซึ่งส่วนมากมีอยู่ในหอพระสมุดวชิราวุธ. | ||
+ | |||
+ | |||
+ | เรื่องในอุปกรณ์รามเกียรติ์ ได้แก้ไขเพิ่มเติมเสมอมาไม่ค่อยรู้จักจบ จะแบ่งเป็นภาค ๆ ที่พิมพ์นี้เป็นตอนต้นในภาคหนึ่ง เป็นอันยุตติการแก้ไขได้สำหรับคราวนี้. | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ข้าพเจ้าขอขอบคุณ สุพรหมัณย ศาสตรี ศาสตราจารย์ภาษาสํสกฤตแห่งราชบัณฑิตยสภา และศาสตราจารย์ รือเน นิโกลาส แห่งมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ที่แนะนำและชี้แจงข้อความที่ควรรู้หรือ ที่ต้องการรู้ต่างๆ เป็นโอกาสให้ได้อาศัยสาวเรื่องกว้างขวางออกไปได้สะดวก กับขอขอบคุณมิตรสหายอื่น ๆ ที่ได้กรุณาช่วยเหลือเรื่องนี้ ด้วยความเอื้อเฟื้ออันดีโดยประการทั้งปวง. | ||
+ | |||
==== ความนิยมรามเกียรติ์ ==== | ==== ความนิยมรามเกียรติ์ ==== | ||
==== ที่มาแห่งรามเกียรติ์ ==== | ==== ที่มาแห่งรามเกียรติ์ ==== |
การปรับปรุง เมื่อ 08:04, 7 มิถุนายน 2553
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: เสถียรโกเศศ และ นาคะประทีป
บทประพันธ์
ภาคหนึ่ง ตอนต้น
คำปรารภ
ในพระราชนิพนธ์บ่อเกิดแห่งรามเกียรติ์ มีพระราชปรารภไว้ตอนหนึ่งว่า “เรื่องรามเกียรติ์เป็นเรื่องราวสำคัญที่ชาวไทยเรารู้จักกันดีอย่างซึมซาบก็จริงอยู่ แต่มีน้อยตัวนัก ที่จะทราบว่ามีมูลมาจากไหน”
ข้อนี้เป็นความจริงแท้ เพราะเรื่องละครต่าง ๆ เช่นเรื่อง จันทโครบ พระรถเมรี ย่อมเข้าใจกันทั้วไปเป็นสามัญว่า เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นในเมืองไทยนี้เอง พระราชนิพนธ์รามเกียรติ์อยู่ในประเภทเรื่องละคร ก็คงเข้าใจรวม ๆ ว่าท่านประดิษฐ์ขึ้น บางพวกเห็นเอาว่าเป็นเรื่องราวป้วนเปี้ยนอยู่ในสยามนี้ เพราะมีบึงพระราม ด่านหนุมาน ห้วยสุครีพ ตำบลพรหมาสตร์ ทะเลชุบศร หนองสีดา เป็นต้น อย่างดีขึ้นไปกว่านี้ ก็คะเนเพียงว่าคงเป็นเรื่องมาจากอินเดีย เพราะกล่าวถึงพระอิศวร และพระนารายณ์อวตารในลัทธิพราหมณ์ แล้วลงเอาว่าคงเหมือนกับของอินเดียตลอดเรื่อง เลยไม่มีใครเอาใจใส่ที่จะค้นคว้าหาความจริงยิ่งกว่านี้ ด้วยเหตุที่ท่านผู้รู้ของเราที่สามารถก็ไม่นิยมลัทธิไสยศาสตร์ เห็นว่ารามเกียรติ์แสดงมหิทธานุภาพ เหาะเหิร เดิรอากาศ ตายแล้วกลับเป็นขึ้นมาอีก ฤษีชีไพรออกบวชบำเพ็ญพรตจนมีตบะเดชะแก่กล้าแล้ว ก็ใช้ตบะเดชะนั้นเอง ชุบสตรีขึ้นเป็นเมีย เหลวใหลหาชิ้นดีอะไรมิได้ เสียเวลาที่จะไปหาเลือดกะปู
ต่อเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระธีรราชเจ้าของวรรณคดี ทรงพระราชนิพนธ์บ่อเกิดแห่งรามเกียรติ์ขึ้น จึ่งได้เกิดความรู้ความสว่างในเรื่องรามเกียรติ์เปิดหูเปิดตาออกไปให้กว้างขวาง เห็นแนวรามเกียรติ์ว่ามีมูลมาจากไหน และด้วยอำนาจพระบรมราชาธิบายนั้นเอง ยังได้เกิดความรู้ต่างๆ ในพากย์สํสกฤต นอกจาก
รามเกียรติ์เพิ่มขึ้นอีกมากประการ เรื่องที่ไม่เคยนึกฝันว่าจะรู้ก็ได้รู้ขึ้น สามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากว่า ความรู้ในวรรณคดีพากย์ สํสกฤตซึ่งเป็นส่วนสำคัญประการหนึ่ง แห่งวรรณคดีของเรา ที่มารู้กันแพร่หลายในปัจจุบันนี้มากกว่าแต่ก่อนเป็นอันมากก็ด้วย พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระปริณายกาจารย์ นำช่องทางให้เห็นมูลที่มาแห่งเรื่องรามเกียรติ์เป็นปฐม ทั้งนี้ย่อมเป็นพระมหากรุณาธิคุณซึ่งผู้ใฝ่ใจในเรื่องหนังสือชั้นวรรณคดี จะลืมระลึกเสียมิได้เลย
ในท้ายพระราชนิพนธ์เรื่องนั้น ทรงพระราชปรารภว่ามีพระราชประสงค์อยู่แต่จะทรงนำหัวข้อหรือตั้งโครงไว้สำหรับผู้ที่พอใจในทางหนังสือ จะได้พิจารณาต่อไปอีกเท่านั้น
ข้าพเจ้าได้รับความรู้ในเรื่องรามเกียรติ์เป็นอันมาก เพราะพระราชนิพนธ์นี้เป็นครู เห็นว่าน่าจะสนองพระเดชพระคุณตามสติปัญญาสามารถ ค้นคว้าหามูลรามเกียรติ์ของเราให้ได้สมพระราชประสงค์ที่สุดที่จะหาได้ ดูเหมือนจะทรงทราบด้วยพระญาณวิถีทางไดทางหนึ่ง ทรงพระเมตตาดลบันดาลให้ได้หลักฐานคืบออกไปทีละนิดละหน่อย ทำให้มีความเพลิดเพลินที่จะสืบสาวก้าวหน้าออกไปเสมอ แต่ทว่าความรู้ความสามารถของตนยังน้อยนัก แม้ทรงบันดาบให้พบลู่ทางที่เชื่อว่าคงมีอะไร ๆ ดีในนั้น ก็ยังไม่มีความรู้พอจะสนองพระเดชพระคุณให้เต็มใจรักของตน จนสมพระราชประสงค์ได้ กระนั้นการที่มาทำเรื่องนี้ จะว่า “หาญ” ก็ไม่เชิง ใคร ๆ ก็ทำได้ถ้าขยันค้น เพราะมีหัวข้อหรือโครงทรงตั้งนำไว้ดีแล้ว ดำเนิรไปตามนั้นสำเร็จ อันจะได้ผลแค่ไหนสุดแต่สติปัญญาจะอำนวย แม้จะไม่สำเร็จถึงที่สุดในชั่วชีวิตนี้ ก็คงเกิดมีนักปราชญ์สักคนหนึ่งในภายหน้า สามารถสนองพระเดชพระคุณสมพระราชประสงค์ได้โดยบริบูรณ์.
เมื่อเห็นพระราชดำรัสว่า “ข้าพเจ้าเองก็ได้เคยรู้สึกเช่นนี้มาแล้วแต่ก่อน ๆ จึ่งได้ตั้งใจเที่ยวค้นคว้าหาความรู้ในเรื่องนี้ ตั้งความพยายามมาแล้วหลายปีกว่าจะหาหนังสือได้เท่าที่พอใจ “ อันแสดงว่า สมเด็จพระธีรราชเจ้ายังทรงพยายามถึงเพียงนั้น. ลำพังข้าพเจ้า ถ้านับเวลาตั้งแต่พระราชนิพนธ์บ่อเกิดแห่งรามเกียรติ์นั้น พิมพ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๖ จนบัดนี้ร่วม ๒๐ ปี ก็ได้เรื่องราวเพียงที่จะได้อ่านกันต่อไปนี้. ถ้าท่านผู้อื่นจะพิจารณาเพิ่มเติมต่อไปได้อีกเพียงใด, ก็จะเป็นการช่วยให้สมกับที่ได้ตั้งพระราชหฤทัยหวังไว้.
ข้อยากลำบากสำหรับเรื่องนี้ คือ รามเกียรติ์ของเราแม้แน่ใจว่า มีรามายณะเป็นบ่อเกิดก็จริง แต่รามายณะมิใช่มีเพียงในอินเดีย ประเทศต่างๆ อันอยู่ถัดอินเดียออกมา ก็ได้รับอารยธรรมจากนั้น มีลัทธิศาสนาเป็นต้น ย่อมมีรามายณะอยู่ด้วยกันทุกประเทศ. จึ่งฉบับรามายณะต่างสำนวนที่มีอยู่ในนานารัฐอินเดีย ตลอดมาจนประเทศทางบูรพทิศ ได้ความว่ามีจำนวนมากมายก่ายกองนัก ถ้ารวมกันเข้าเห็นจะมากกว่า “หนึ่งเล่มเกวียน” จริง ๆ รามายณะในอินเดียเอง ที่ว่าเป็นฉบับแท้มีอยู่ ๓ ฉะบับ ไม่มีใครบังอาจแก้ไขดัดแปลงได้ เพราะถือเป็นบาปหนัก แต่เมื่อนักปราชญ์สอบสวนดู ก็พบว่ามีข้อความผิดแผกแตกต่างกันทุกฉะบับ ครั้นเมื่อไปจากอินเดีย ตกถึงประเทศใด ก็ต้องกลายรูปห่างจากของเดิมออกไปทีละน้อย ๆ ตามลัทธิธรรมเนียมแห่งประเทศชาติ บางฉบับไกลลิบแทบจำไม่ได้ว่า มีมูลมาจากแห่งเดียวกัน
บางประเทศ เช่น ชะวา มลายู มีรามายณะ อย่างฟุ่มเฟือย หลายฉบับหลายสำนวน เรื่องก็ต่างกันคนละรูปสุดแต่ผู้เรียงจะถนัดทางไหน เช่นสมทบเอานาปีอาดัมในคัมภีร์เยเนสิส เป็นเทวทูตของพระอิศวรมาแนะนำพิธีบำเพ็ญตบะแก่ทศกัณฐ์ หนุมานของอินเดียหรือของทมิฬ เป็นพรหมจารีผู้หนึ่ง ซึ่งไม่สัมผัสสตรีเพศด้วยความกำหนัด มาถึงมลายูปรากฏหนหนึ่งว่าเป็นชู้กับขายาพระลักษมณ์ ครั้นตกมาในเรา กลายเป็นเจ้าชู้สบช่องเหมาะทุกขณะ เพราะนิสสัยของเราชอบเช่นนั้น ตกไปถึงญวน มีเพียงเค้าให้ทราบว่ารามายณะแต่ชื่อเสียงเรียงนามเป็นสำเนียงญวนไปหมด. เลยไปถึงลาวอีกทีกลายเป็นพระรามชาดก เนื้อเรื่องกาหลอลหม่านไปทางหนึ่ง แต่ชื่อพระราม ทศกัณฐ์ นางสีดา ยังคงอยู่
บางคำกลายมาจากอื่นทีหนึ่งแล้ว เรายังบิดผันไปเสียอีก เช่นชื่อเขามเหนทร, ผ่านทมิฬเป็น มเหนติรัน, เรากลายเป็นเหมติรัน. คำ ลักษมณ ชื่อน้องพระราม ผ่านมลายู ซึ่งใช้เป็นความหมายถึง แม่ทัพเรือ, เราเอามาใข้บ้าง เป็นนามเจ้ากรมอาสาจาม มีหน้าที่จัดเรือ แต่กลายเป็น ขุนรักษณามา, ที่ร้ายยิ่งกว่านี้ เราเองระบายสีของเราอย่างสนิทสนม เช่น ดงพระราม, พูดเร็วเข้าว่า ดงพราม, เขียนเสียเรียบร้อยเป็น ดงพราหมณ์ เลยหมดความระแวง.
ดังนี้ การจะหาหลักฐานรามเกียรติ์ของเราว่า จะมาจากรามายณะฉะบับไหนโดยฉะเพาะ เป็นอันว่าไม่ได้. จะต้องสืบเพียงตอน ๆ ว่า ตอนไหน จะตรงกับตอนไร ในรามายณะของใคร เท่านี้พอมีทาง, แต่ก็ไม่ปลอดโปร่ง เพราะ
รามายณะฉบับต่าง ๆ ที่พอหามาได้ก็เป็นภาษาเดิม เช่น ทมิฬ ลังกา ชะวา มลายู ที่แปลเป็นอังกฤษพอจะคลำอ่านได้เรื่องบ้าง ก็หาไม่ได้หรือไม่มี จะมีก็แปลเป็นภาษาเยอรมันเสีย. เผอิญได้อาศัยเพื่อนฝูงที่รู้ภาษาทมิฬบ้าง เยอรมันบ้าง ขอไต่ถามตามแต่โอกาสของเขา พอได้เค้าราง ๆ ไม่แร้นแค้นเสียทีเดียว. แต่ก็เหมือนเดิรจะไปให้ถึงที่แห่งหนึ่ง ฝ่าเข้าไปในป่าชัฏ สุ่มหาทางสัญจร ไม่ทราบว่าจะไปทิศไหน. บางคราวออกมาถึงที่ราบรื่นหายรกแล้ว เข้าใจว่าเป็นทางคนเดิรได้ละ, ก็เกิดมีทางแยกให้รวนเรใจ. บางแห่งเดาว่า เข้าทางถูกแล้ว แต่รกเรี้ยวมาก ขาดเครื่องมือสำหรับถางทาง หากจะได้เครื่องมือก็ใช้ไม่เป็น เช่นมีฉบับภาษาลังกา ก็หมดปัญญาที่จะหยิบใช้ด้วยตนเอง
ครั้นมาเห็นว่า ไหน ๆ ได้บุกป่าฝ่าดงเข้าไปบ้างแล้ว จะถูกทางหรือผิดทางก็ตามที ควรบันทึกระยะทางะราง ๆ เท่าที่พบเห็นไว้ที. เพราะฉะนั้น หนังสือนี้เท่ากับคู่มือบันทึกหมายเหตุ สำหรับสอบสวนกับทางที่จะพบต่อไป, เป็นโครงเรื่อง, รวบรวมข้อความที่ผ่านพบมาไว้พลางก่อน ; มิฉะนั้น ข้อความต่าง ๆ จะเลื่อนเปื้อนเลือนหายเสีย. จึ่งยังไม่ใข่ตกลงเป็นยุตติ : ถ้าไปพบทางไหนที่เข้าทีกว่า, ก็อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ. แต่ผู้อ่านต้องมีพื้นทราบเรื่องรามเกียรติ์พร้อมด้วยพระราชนิพนธ์บ่อเกิด จึ่งจะได้รสดี เพราะเป็นหนังสือชนิดเครื่องมือช่วยให้รู้อะไรบางอย่างในรามเกียรติ์ แต่ไม่ถึงขั้นวิจารณ์, สมเพียงจะให้ชื่อว่า อุปกรณ์รามเกียรติ์.
หลักฐานที่ว่าพบในระวางทาง ล้วนแต่เก็บเอาจากหนังสือต่าง ๆ บางแห่งถ้าจะพูดเพียงที่ได้มา เนื้อความจะไม่แจ่มแจ้ง ต้องเพิ่มเติมอัตตโนมัติขยายออกไป บางแห่งดูเหมือนจะมีเกี่ยวข้องน้อยเต็มที จะไม่นำมากล่าวก็ได้ แต่น่าเสียดายก็รวมเข้าไว้ด้วย บางทีความคิดเดิรเพลินไป ชวนให้อดไม่ได้ที่จะมีการสันนิษฐาน ที่ล่อแหลมไปในวิธีเดาประสมเหตุ. และตอนไหนได้มาจากหนังสืออะไร ได้บอกไว้ให้ทราบในบันทึกได้ด้วยอักษรชื่อเดิม เพื่อผู้สนใจจะได้มีโอกาสตรวจสอบดูได้เอง ซึ่งส่วนมากมีอยู่ในหอพระสมุดวชิราวุธ.
เรื่องในอุปกรณ์รามเกียรติ์ ได้แก้ไขเพิ่มเติมเสมอมาไม่ค่อยรู้จักจบ จะแบ่งเป็นภาค ๆ ที่พิมพ์นี้เป็นตอนต้นในภาคหนึ่ง เป็นอันยุตติการแก้ไขได้สำหรับคราวนี้.
ข้าพเจ้าขอขอบคุณ สุพรหมัณย ศาสตรี ศาสตราจารย์ภาษาสํสกฤตแห่งราชบัณฑิตยสภา และศาสตราจารย์ รือเน นิโกลาส แห่งมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ที่แนะนำและชี้แจงข้อความที่ควรรู้หรือ ที่ต้องการรู้ต่างๆ เป็นโอกาสให้ได้อาศัยสาวเรื่องกว้างขวางออกไปได้สะดวก กับขอขอบคุณมิตรสหายอื่น ๆ ที่ได้กรุณาช่วยเหลือเรื่องนี้ ด้วยความเอื้อเฟื้ออันดีโดยประการทั้งปวง.
ความนิยมรามเกียรติ์
ที่มาแห่งรามเกียรติ์
ปฐมเหตุผูกเรื่องชะนิดรามายณะ
อุบัติรามายณะ
ลักษณะกาพย์รามายณะ
รามายณะแบ่งเป็นเจ็ดกัณฑ์
รามายณะปรากฏแก่มหาชน
ความนิยมรามายณะเป็นลัทธิศักดิ์สิทธิ์
สมัยรจนารามายณะ
ฉบับรามายณะ
สันนิษฐานเนื้อเรื่องรามายณะ
รูปเรื่องรามายณะ
เค้าเงื่อนรามายณะ
สรูปหัวข้อรามายณะ
หนังสือประเภทรามายณะ
รามเกียรติ์ของเรา
เชิงอรรถ
ที่มา
- อุปกรณ์รามเกียรติ์ ภาคหนึ่ง ตอนต้น ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศุภโยคเกษม ณ พระเมรุวัดเทพศิรินทราวาส วันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ โรงพิมพ์ไทยเขษม