บทละครเรื่à¸à¸‡à¸à¸´à¹€à¸«à¸™à¸² พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
												
			
		 (→)  | 
		 (→ที่มา)  | 
		||
| แถว 5,662: | แถว 5,662: | ||
* คุณพรพรรณ วัฑฒนายน ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน  | * คุณพรพรรณ วัฑฒนายน ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน  | ||
* [http://www.b.yimwhan.com/board/show.php?user=windchimedream&topic=1&Cate=6]  | * [http://www.b.yimwhan.com/board/show.php?user=windchimedream&topic=1&Cate=6]  | ||
| + | * คำกลอนอิเหนา ศึกกะหมังกุหนิง พระราชนิพนธ์ ในรัชกาลที่ ๒ พิมพ์ครั้งที่ ๙ พ.ศ. ๒๔๖๗ โรงพิมพ์อักษรนิติ บางขุนพรหม  | ||
| + | |||
| + | [ขอขอบคุณ คุณ gignoi สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์ตอนศึกกะหมังกุหนิงทั้งหมดเป็นวิทยาทาน]  | ||
รุ่นปัจจุบันของ 07:48, 7 มิถุนายน 2553
เนื้อหา | 
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
บทประพันธ์
| ช้าปี่ | |||
| ๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงสี่องค์ทรงธรรม์นาถา | ||
| เป็นหน่อเนื้อเชื้อวงศ์เทวา | บิตุเรศมารดาเดียวกัน | ||
| รุ่งเรืองฤทธาศักดาเดช | ได้ดำรงนคเรศเขตขัณฑ์ | ||
| พระเชษฐาครองกรุงกุเรปัน | ถัดนั้นครองดาหาธานี | ||
| องค์หนึ่งครองกาหลังบุรีรัตน์ | องค์หนึ่งครองสิงหัดส่าหรี | ||
| เฉลิมโลกโลกาธาตรี | ไม่มีผู้รอต่อฤทธิ์ | ||
| ระบือลือทั่วทุกประเทศ | ย่อมเกรงเดชเดชาอาญาสิทธิ์ | ||
| บำรุงราษฎร์ดับเข็ญอยู่เป็นนิจ | โดยทางทศพิศราชธรรม์ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ชมตลาด | |||
| ๏ มีพระมเหษีห้าองค์ | ดั่งอนงค์นางฟ้ากระยาหงัน | ||
| เลือกล้วนสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ | กษัตริย์ครองเขตขัณฑ์สวรรยา | ||
| ตั้งแต่งตามตำแหน่งครบที่ | คือประไหมสุหรีเสน่หา | ||
| มะเดหวีที่สองรองลงมา | แล้วมะโตโสภานารี | ||
| ที่สี่ลิกูนงเยาว์ | ที่ห้านั้นเหมาหลาหงี | ||
| อันอัครชายาทั้งห้านี้ | ตั้งได้แต่สี่พารา | ||
| ประดับด้วยสุรางค์นางสนม | ล้วนอุดมรูปทรงวงศา | ||
| ถ้วนหมื่นหกพันกัลยา | วิลาศเลิศลักขณาทุกนางใน | ||
| สำหรับขับรำบำเรอราช | พิณพาทย์จำเรียงเสียงใส | ||
| ผลัดกันปั่นโมงมาคอยใช้ | พนักงานของใครระไวระวัง | ||
| มีเหล่าเถ้าแก่ท้าวนาง | งานเครื่องงานกลางผู้รับสั่ง | ||
| โขลนจ่าหลวงแม่เจ้าชาวคลัง | จัดแจงแต่งตั้งครบครัน | ||
| ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ มีหมู่มาตยาสามนต์ | โยธีรี้พลแข็งขัน | ||
| นับหมื่นพื้นหาญชาญฉกรรจ์ | เคยณรงค์โรมรันไม่ครั่นคร้าม | ||
| ม้ารถคชไกรไม่ใช่ชั่ว | แต่ละตัวแกล้วกล้ากลางสนาม | ||
| ทนปืนยืนยงในสงคราม | ฦานามขามฤทธิทุกทิศไป | ||
| นานานัคเรศประเทศราช | เข็ดขยาดย่อท้อไม่ต่อได้ | ||
| ต่างถวายสุวรรณมาลัย | โอรสยศไกรและธิดา | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ยานี | |||
| ๏ อันสี่ธานีราชฐาน | กว้างใหญ่ไพศาลหนักหนา | ||
| เทเวศร์นฤมิตด้วยฤทธา | สนุกดั่งเมืองฟ้าสุราลัย | ||
| มีปราสาททั้งสามตามฤดู | เสด็จอยู่โดยจินดาอัชฌาสัย | ||
| หลังคาฝาผนังนอกใน | แล้วไปด้วยโมราศิลาทอง | ||
| ภูเขาเงินรองฐานมีมารแบก | ยอดแทรกยอดใหญ่ไม้สิบสอง | ||
| แก้วไพฑูรย์ทำเป็นลำยอง | บัญชรช่องชัชวาลบานบัง | ||
| พระปรัศว์ซ้ายขวาอ่าโถง | ท้องพระโรงรจนาหน้าหลัง | ||
| พระแท่นแก้วกุดั่นบัลลังก์ | กางกั้นเศวตฉัตรอยู่อัตรา | ||
| บรรจถรณ์ที่ไสยาสน์อาสน์สุวรรณ | มีฉากแก้วแพรวพรรณคั่นฝา | ||
| ที่เสวยที่สรงคงคา | ที่นั่งเย็นอยู่หน้ามนเทียรทอง | ||
| พรรณไม้ดอกลูกปลกกระถาง | ไว้หว่างอ่างแก้วเป็นแถวถ้อง | ||
| ราบรื่นพื้นชาลาดังหน้ากอง | อิฐทองปูลาดสะอาดตา | ||
| ที่ทิมที่ล้อมวงองครักษ์ | นอกกองเกณฑ์พิทักษ์รักษา | ||
| โรงแสงโรงภูษามาลา | เรียงเรียบรัถยาหน้าพระลาน | ||
| เครื่องเนืองกันเป็นหลั่นลด | โรงม้าโรงรถคชสาร | ||
| ติกาหลังสำหรับพระกุมาร | อยู่นอกปราการกำแพงวัง ฯ | ||
| ฯ ๑๖ คำ ฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ ประตูลักลงท่าชลาลัย | มีโรงเรือเรียงไปริมฝั่ง | ||
| เรือศรีสุวรรณบัลลังก์ | เรือแข่งเรือที่นั่งตั้งบนม้า | ||
| เรือกิ่งเอกชัยใส่บุษบก | งามกระหนกลวดลายท้ายหน้า | ||
| พนักงานตำรวจใหญ่ไตรตรา | เกณฑ์ไพร่ให้รักษานาวี | ||
| ตำหนักแพแลล้ำอำไพ | มุขดลพาไลหลังคาสี | ||
| ช่อฟ้าหน้าบันปราลี | ล้วนมณีเนาวรัตน์ชัชวาล | ||
| ข้างหน้าตำหนักน้ำนั้นทำเกรง | สำหรับราชสุริย์วงศ์สรงสนาน | ||
| เบื้องบนบังสาดดาดเพดาน | ผูกม่านมู่ลี่ลายทอง | ||
| ฤดูสิบเอ็ดเสด็จลง | ลอยกระทงทรงประทีปเป็นแถวถ้อง | ||
| ทอดทุ่นท้ายน้ำประจำซอง | ตั้งกองล้อมวงพระทรงธรรม์ | ||
| อันถนนหนทางท้องฉนวน | ศิลาลายลาดล้วนเลือกสรร | ||
| มีตึกแถวทิมรอบขอบคัน | เรือนสนมกำนัลเป็นหลั่นมา ฯ | ||
| ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
| สมิงทอง | |||
| ๏ ท้องสนามแกล้งปราบราบรื่น | พ่างพื้นปถพีไม่มีหญ้า | ||
| กว้างใหญ่ไพศาลสุดตา | เตียนสะอาดดาษดาด้วยทรายทอง | ||
| มีสุวรรณพลับพลาบนปราการ | สูงตระหง่านเอื้อมฟ้าสิบห้าห้อง | ||
| ช่อฟ้าปราลีลำยอง | ฉลักฉลุบุทองอร่ามไป | ||
| สำหรับที่ทอดพระเนตรสระสนาน | ล่อแพนผัดพานเป็นการใหญ่ | ||
| ประลองเหล่าทหารชาญชัย | ยิงธนูศรใส่ยาพิษ | ||
| ตั้งป้อมหัดปืนยิงหุ่น | แม่นยำซ้ำกระสุนไม่มีผิด | ||
| โล่ดั้งดาบฟันกระชั้นชิด | เพลงกริชสันทัดทั่วทุกตัวตน | ||
| บ้างรำทวนเปลี่ยนท่าบนพาชี | ขับขี่เคยศึกฝึกฝน | ||
| ประลองคชสารสู้บำรูชน | ใช้ชำนาญในกลการยุทธ์ ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ รอบราชนิเวศน์เขตขัณฑ์ | มีปราการแก้วกั้นสูงสุด | ||
| ซุ้มทวารบานสุวรรณชมพูนุท | ประตูลักช่องกุฎิ์สลับกัน | ||
| มีทิวแถวโรงช้างระวางค่าย | เชิงเรียงรายเขื่อนเพชรเขื่อนขัณฑ์ | ||
| หอรบแลสล้างนางจรัล | ป้อมสูงสามชั้นเป็นหลั่นลด | ||
| รายปืนจินดาจังกาส่อง | วางประจำทุกช่องเสมาหมด | ||
| เชิงเทินดังเนินบรรพต | บันไดลดเลี่ยนลาดสะอาดตา ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ชมตลาด | |||
| ๏ ท่ามกลางทางท้องสถลมาศ | ลำดับดาดอิฐแผ่นแน่นหนา | ||
| บ้านช่องสองข้างมรรคา | ล้วนเคหาหน้าถังนั่งร้าน | ||
| เหล่าพวกกรมท่าเจ้าภาษี | มั่งมีสมบัติพัสถาน | ||
| เรือนริมรัถยาฝากระดาน | ตึกกว้านบ้านขุนนางนองเนือง | ||
| สุเหร่าเรียงเคียงคั่นปั้นหยา | ก่อผนังหลังคามุงกระเบื้อง | ||
| ศาลเทพารักษ์หลักเมือง | นับถือลือเลื่องทั้งกรุงไกร | ||
| เสาชิงช้าอาวาสวัดพราหมณ์ | ทำตามประเพณีพิธีไสย | ||
| หอกลองอยู่กลางเวียงชัย | แม้เกิดไฟไพรีตีสัญญา | ||
| สะพานข้างทางข้ามคชสาร | ก่ออิฐปูกระดานไม้หนา | ||
| คลองหลอดแลลิ่วสุดตา | น้ำลงคงคาไม่ขอดเคือง | ||
| นาวาค้าขายพายขึ้นล่อง | ตามแม่น้ำลำคลองแน่นเนื่อง | ||
| แพจอดตลอดท่าหน้าเมือง | นองเนืองเป็นขนัดในนัที | ||
| ข้าวของต่างต่างเอาวางขาย | แพรม้วนมากมายหลายสี | ||
| ยกทองล่องจวนเจ็ดตะคลี | พลอยมณีเพชรนิลจินดา | ||
| บริบูรณ์พูนสุขด้วยสมบัติ | แก้วเก้าเนาวรัตน์วัตถา | ||
| ทุกสิ่งสรรพ์เอมโอชโภชนา | ย่อมเยาราคาสารพัน ฯ | ||
| ฯ ๑๖ คำ ฯ | |||
| เบ้าหลุด | |||
| ๏ ลูกค้าวานิชทุกนิเวศน์ | มาแต่ต่างประเทศเขตขัณฑ์ | ||
| สำเภาจอดทอดท่าเรียงรัน | สลุบแขกกำปั่นวิลันดา | ||
| จีนจามอะแจแซ่ซ้อง | คับคั่งทั้งสิบสองภาษา | ||
| แสนสนุกสุขเกษมเปรมปรา | ถ้วนหน้าประชาชนมนตรี | ||
| บ้างฝึกสอนคนรำทำบทบาท | พิณพาทย์ระนาดฆ้องอึงมี่ | ||
| ลูกค้าวาณิชทุกนิเวศน์ | มาแต่ต่างประเทศเขตขัณฑ์ | ||
| พวกขุนนางต่างหัดมโหรี | ลาวสาวเสียงดีมีหลายคน | ||
| บ้างลงท่าโกนจุกสนุกสนาน | มีงานการกึกก้องทุกแห่งหน | ||
| บ้างตั้งบ่อนปลากัดงัดไก่ชน | ทรหดอดทนเป็นเดิมพัน | ||
| บ้างเล่นวิ่งวัวคนโคระแทะ | ชนแพะแกะกระบือคูขัน | ||
| บ้างเล่นว่าวคุลาคว้าพนัน | ปากเป้าสั้นโห่ฉาววิ่งราวมา | ||
| ราตรีมีหนังประชันเชิด | ฉลุฉลักลายเลิศเลขา | ||
| บ้างเล่นเพลงครึ่งท้อนกลอนสักวา | ทั้งสุดใจไก่ป่าสารพัน ฯ | ||
| ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
| ชมตลาด | |||
| ๏ ฝ่ายฝูงสาวสาวชาวกรุง | ก็บำรุงรูปโฉมเฉิดฉัน | ||
| ขัดขมิ้นหนุนเนื้อเจือจันทน์ | หวีผมคมสันกันไร | ||
| ที่ลูกเหล่าพงศ์เผ่าพวกผู้ดี | รูปทรงส่งศรีผ่องใส | ||
| ซ่อนตัวกลัวจะเก็บเป็นางใน | ถึงมีงานการใหญ่ไม่ไปดู | ||
| ลางพวกเพิ่งดรุณีแรกสาว | เจ้าบ่าวไปปลูกหอขอสู่ | ||
| บ้างลอบลักรักเร้นเป็นชู้ | หมากพลูพวงมาลัยให้กัน | ||
| พวกหนุ่มหนุ่มพากเพียรเวียนแวดขาย | มุ่งหมายรักใคร่ใฝ่ฝัน | ||
| ..............................วรรคนี้หายไป | ไม่มีในต้นฉบับ........................ | ||
| บ้างดีดนิ้วผิวปากทำเพลง | ล้วนนักเลงเจ้าชู้ฉุยฉาย | ||
| ลดเลี้ยวเที่ยวเล่นตามสบาย | หญิงชายเป็นสุขทุกคืนวัน ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
| ปลิ่ม | |||
| ๏ ทิศใต้ภายนอกธานี | มีสระสวนศรีสะตาหมัน | ||
| มิ่งไม้หลายอย่างต่างพรรณ | ล้วนแกล้งกลั่นสรรสาปลูกไว้ | ||
| บ้างเผล็ดผลผการะย้าย้อย | ช่อช้อยชูก้านบานไสว | ||
| พ่างพื้นรื่นร่มสำราญใจ | มีตำหนักน้อยในวารี | ||
| อันโบกขรณีสี่เหลี่ยม | น้ำเปี่ยมเทียบปากสระศรรี | ||
| ใสสะอาดปราศจากราคี | ดังแสงแก้วมณีรจนา | ||
| มีสุพรรณโกสุมปทุมมาลย์ | ตูมบานแย้มกลีบกลิ่นเกล้า | ||
| เกสรร่วงลงคงคา | พระพายพาหอมฟุ้งจรุงใจ ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| สระบุหร่ง | |||
| ๏ นอกกเมืองมีสระตำยลหนึ่ง | วารีลึกซึ้งเย็นใส | ||
| ริมรอบขอบคันล้วนพรรณไม้ | ระบัดใบบังแสงสุริยง | ||
| เป็นที่ภูธรแต่ก่อนมา | แม้นปราบข้าศึกเสร็จเสด็จสรง | ||
| ประดับด้วยโกมุทบุษบง | ลินจงอุบลบัวบาน | ||
| มีพลับพลาที่ประทับยับยั้ง | อยู่ริมฝั่งสระใหญ่ไพศาล | ||
| สำหรับเมืองเนื่องมาแต่บุราณ | ทั้งสี่ราชฐานพารา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| พระทอง | |||
| ๏ แต่กรุงดาหาธานี | มีคิรีวิลิศมาหรา | ||
| อยู่นอกเมืองข้างเบื้องบูรพา | มรรคาวันหนึ่งถึงบรรพต | ||
| อารักษ์เรืองฤทธิ์สถิตสถาน | เชี่ยวชาญเดชาปรากฏ | ||
| ย่อมเป็นที่นับถือลือยศ | แห่งชาวชนบทพระบุรี | ||
| แม้นมีเหตุเภทพานประการใด | ก็บวงบนเทพไทเรืองศรี | ||
| ทำตามบุราณราชประเพณี | ถึงปีไปเคารพอภิวันท์ | ||
| ทั้งที่พระองค์วงศ์เทเวศร์ | ดำรงนคเรศเกษมสันต์ | ||
| ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินสิ้นทั้งนั้น | เป็นสุขทุกวันทุกเวลา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ช้า | |||
| ๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงพิชัยเขตขัณฑ์หมันหยา | ||
| แสนสนุกสุขเกษมเปรมปรา | บรรดากรุงชวาไม่เทียมทัด | ||
| เป็นใหญ่ยิ่งกว่าทุกธานี | แต่ก่อนทั้งบุรีสี่กษัตริย์ | ||
| ประกอบด้วยแก้วเก้าเนาวรัตน์ | ไอศูรย์สมบัติศฤงคาร | ||
| มีหมู่มาตยาข้าเฝ้า | สองเหล่าพลเรือนแลทหาร | ||
| โยธีนับหมื่นพื้นเชี่ยวชาญ | แต่ละคนเคยชำนาญในการรบ | ||
| อยู่ยงคงกระพันสาตรา | วิชาโล่เขนเจนจบ | ||
| ราชรถคชสารสินธพ | เลิศลบเลือนกว่าทุกธานี ฯ | ||
| ฯ ๑๘ คำ ฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ ปางก่อนพระนครหมันหยา | ประชาราษฎร์มาตยาเกษมศรี | ||
| ตั้งแต่ระตูภูมี | สุดสิ้นชีวีทิวงคต | ||
| ก็เย็นเยียบเงียบเหงาเปล่าใจ | ทั่วนิเใศน์เวียงชัยชยนบท | ||
| ตั้งแต่ประไหมสุหรีมียศ | โศกศัลย์รันทดทุกเวลา | ||
| มีราชธิดาสามองค์ | งามทรงวงพักตร์เพียงเลขา | ||
| พี่นางทรงนามสมญา | ชื่อนิหลาอระตาเทวี | ||
| พระผู้ผ่านพิภพกุเรปัน | ตุนาหงันเป็นประไหมสุหรี | ||
| อันระเด่นดาหลาวาตี | บุตรีที่สองรองลงมา | ||
| ท้าวดาหาตุนาหงันไป | เป็นประไหมสุหรีในดาหา | ||
| ยังแต่น้องนุชสุดโสภา | กัลยาแรกรุ่นจำเริญวัย | ||
| ชื่อระเด่นจินดาส่าหรี | พระชนนีถนอมนักรักใคร่ | ||
| กษัตริย์ใดมาขออรทัย | ไม่ยินยอมยกให้ไปไกลองค์ | ||
| หวังจะให้เป็นเอกในเศวตฉัตร | สืบตระกูลกษัตริย์สูงส่ง | ||
| อันท้าวมังกันฤทธิ์วงศ์ | ก็เนื่องในสุริย์วงศ์กันมา | ||
| ได้ครอบครองสวรรยาธานี | ทรงธรรม์นั้นมีโอรสา | ||
| พระคิดถึงระตูผู้มรณา | จะบำรุงพาราให้เรืองไป | ||
| จึงตกแต่ของมาตุนาหงัน | ชนนีนางนั้นก็อวยให้ | ||
| อภิเษกเอกองค์โอรสไว้ | ในพิชัยหมันหยาธานี ฯ | ||
| ฯ ๑๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายท้าวกุเรปันเรืองศรี | ||
| เสวยราชสมบัติสวัสดี | สุขเกษมเปรมปรีดิ์มาช้านาน | ||
| จึงมีพระโอรสา | ด้วยลิกูกัลยายอดสงสาร | ||
| ชื่อกระหรัดตะปาตีกุมาร | รูปทรงสัณฐานโสภา | ||
| พระบิตุเรศมารดาทั้งห้าองค์ | พิศวงจงรักหนักหนา | ||
| เย็นเช้าเฝ้าชมทุกเวลา | แสนสนิทเสน่หาดังดวงใจ ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ จึ่งจัดกิดาหยันน้องน้อย | ถ้วนร้อยโปรดปรานประทานให้ | ||
| ทั้งนางนมพี่เลี้ยงแลสาวใช้ | เจ้าขรัวยายผู้ใหญ่ได้บังคับ | ||
| ประทานทั้งเงินทองของขวัญ | ตามขนมครบครันเครื่องประดับ | ||
| สร้อยสุวรรณสังวาลบานพับ | เกี้ยวแก้วแวววับสำหรับยศ | ||
| ให้ตั้งกรรมทำกิจวิทยา | พร้อมคณะพรามหาดาบส | ||
| ชุบกริชประสิทธิ์ให้โอรส | เลื่องหล้าปรากฎฤทธิไกร | ||
| ครั้นท้าวกาหลังมีบุตรี | ด้วยลิกูนารีศรีใส | ||
| ชื่อบุษบารากายาใจ | ตุนาหงันกล่าวไว้แก่ลูกยา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ คิดจะให้ประไหมสุหรีนั้น | ทรงครรภ์พระโอรสา | ||
| จะได้สืบสุริวงศ์พงศ์เทวา | ดำรงขัณฑเสมาธานี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ คิดพลางทางถวายเครื่องบวงสรวง | บำบวงเทวราชเรืองศรี | ||
| ขออารักษ์หลักเมืองเรืองฤทธี | ได้ปรานีเชิญช่วยจงสคิด | ||
| ให้ประไหมสุหรีนั้นมีบุตร | เป็นบุรุษรูปโฉมประโลมจิต | ||
| ได้ครอบครองพระนครขจรฤทธิ์ | ลือสะท้านทั่วทิศทั้งปวง | ||
| แม้นสมปรารถนาดังว่าขาน | จะแต่งแก้บนบานบวงสรวง | ||
| เทียนทองชวาลาบุปผาพวง | พรรณรายรุ้งร่วงด้วยเนาวรัตน์ | ||
| จะแผ่ทองเนื้อเก้าหุ้มเสาศาล | เอาตาดคำทำม่านเพดานดัด | ||
| อีกทั้งทิวธงราชวัติ | ชุมสายเศวตฉัตรชัชวาล | ||
| ทั้งแพะแกะโคกระทิงสิ่งละร้อย | จะปล่อยไว้ในเทวสถาน | ||
| จะสมโภชเจ็ดทิวาราตรีกาล | มีงานมหรสรพครบครัน ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
| ช้า | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ปะไหมสุหรีเฉิดฉัน | ||
| ร่วมภิรมย์สมสุขด้วยทรงธรรม์ | เมื่อจวนจะมีครรภ์พระลูกรัก | ||
| ราตรีเข้าที่พระบรรทม | ด้วยบรมนรินทร์ปิ่นปักษ์ | ||
| บังเกิดนิมิตฝันอัศจรรยบ์นัก | ว่านงลักษณ์นั่งเล่นที่ชาลา | ||
| มีพระสุริยงทรงกลด | ชักรถมาในเวหา | ||
| แจ่มแจ้งแสงสว่างทั้งโลกา | ตกลงตรงหน้านางรับไว้ | ||
| ครั้นนิทราตื่นฟื้นองค์ | ให้หลากจิตพิศวงสงสัย | ||
| จึงทูลพระภัสดาพลันทันใด | โดยนัยนิมิตเยาวมาลย์ ฯ | ||
| ฯ ๘ คำฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหราได้ทราบสาร | ||
| นิ่งนึกตรึกดูก็แจ้งการ | จะมีครรภ์กุมารเป็นมั่นคง | ||
| พระเร่งเกษมสันต์หรรษา | สมถวิลจินดาดังประสงค์ | ||
| พอรุ่งรางสว่างแสงสุริยง | ก็อ่าองค์ทรงเครื่องรูจี | ||
| เสด็จออกยังท้องพระโรงคัล | นั่งเหนือแท่นสุวรรณจำรัสศรี | ||
| แล้วเล่าความนิมิตเทวี | แก่โหรเฒ่าทั้งสี่ทันใด ฯ | ||
| ฯ ๖ คำฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ทั้งสี่โหราอัชฌาสัย | ||
| พิเคราะห์ดูเห็นแจ้งไม่แคลงใจ | ต่างทูลภูวไนยไปพลัน | ||
| อันพระสุบินนี้ดีนัก | จะได้โอรสรักเป็นแม่นมั่น | ||
| อาจองทรงเดชดังสุริยัน | ทุกนิเวศน์เขตขัณฑ์ไม่ต้านทาน | ||
| จะเป็นที่ดับเข็ญให้เย็นยุค | ราษฎรจะได้สุขเกษมศานต์ | ||
| ซึ่งนิมิตยามจันทร์วันอังคาร | จวนเวลากาลอโณทัย | ||
| สิ่งใดพระองค์ประสงค์นัก | ตำราว่าจักพลันได้ | ||
| แต่ในสองเดือนถ้าเคลื่อนไป | พระอย่าไว้ชีวิตโหรา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระทรงภพกุเรปันหรรษา | ||
| จึ่งดำรัสตรัสสั่งเสนา | ให้จัดเสื้อผ้าแพรพรรณ | ||
| ทั้งเงินทองข้าวของหลากหลาย | มาให้โหรผู้ทายทำนายฝัน | ||
| สั่งเสร็จเสด็จจรจรัล | เข้าปราสาทสุวรรณรจนา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ เสมอ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ปะไหมสุหรีเสน่หา | ||
| อยู่เย็นเป็นสุขทุกเวลา | ประมาณเดือนหนึ่งมาก็มีครรภ์ | ||
| ยิ่งผุดผาดผิวผ่องละอององค์ | ดังอนงค์นางฟ้ากระยาหงัน | ||
| เมื่อจวนจะถ้วนกำหนดนั้น | ให้บังเกิดอัศจรรย์จลาจล | ||
| พสุธาสะเทือนเลื่อนลั่น | เป็นควันตลบทั้งเวหน | ||
| มืดมิดปิดแสงพระสุริยน | ฟ้าลั่นอึงอลนภาลัย | ||
| แลบพรายเป็นสายอินทรธนู | สักครู่ก็เกิดพายุใหญ่ | ||
| ไม้ไล่ลู่ล้มระทมไป | แล้วฝนห่าใหญ่ตกลงมา | ||
| เปรี้ยงเปรี้ยงเสียงฟ้าฟาดสาย | แต่มิได้อันตรายจักผ่า | ||
| เย็นทั่วฝูงราษฎร์ประชา | ทั้งเจ็ดทิวาราตี ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกุเรปันเรืองศรี | ||
| เสด็จยังปรางค์รัตน์มณี | ภูมีเห็นนิมิตผิดใจ | ||
| เกิดมาแต่ก่อนบ่ห่อนเห็น | จะอุบัติขัดเข็ญเป็นไฉน | ||
| คิดพลางย่างเยื้องคลาไคล | เสด็จออกพระโรงชัยฉับพลัน ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ จึงมีพระราชบรรหาร | ถามโหราจารย์คนขยัน | ||
| ซึ่งเกิดมหัศจรรย์ | ผิดอย่างปางบรรพ์ไม่เคยมี | ||
| หรือจะเป็นเหตุการณ์แก่บ้านเมือง | ระคายเคืองขุ่นข้องหมองศรี | ||
| จงเร่งทำนายร้ายหรือดี | เรานี้ให้ฉงนสนเท่ห์ใจ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ขุนโหรกราบทูลแถลงไข | ||
| ข้าพิเคราะห์เห็นไม่เป็นไร | แต่วันแรกนั้นได้ปรึกษากัน | ||
| คูณควณสวนสอบทุกตำรา | ดูชะตานคเรศเขตขัณฑ์ | ||
| วางลัคน์อินทพาทบาทจันทร์ | ก็ไม่เห็นสำคัญอันตราย | ||
| เพราะอานุภาพพระโอรส | ให้ปรากฏแก่โลกทั้งหลาย | ||
| ซึ่งฟ้าร้องสนั่นลั่นแลบพราย | บันดาลเป็นสายอินทรธนู | ||
| จะกึกก้องเกียรติยศทั้งทศทิศ | เรืองฤทธิ์ไม่มีที่เคียงคู่ | ||
| พระจะเที่ยวโรมรันพันตู | ปราบหมู่อริราชทุกบุรี | ||
| อันเกิดพายุใหญ่ไม้ล้ม | ระตูจะบังคมบทศรี | ||
| ซึ่งฝนตกเจ็ดวันเจ็ดราตรี | บรรณาการจะมีเนืองมา | ||
| เมื่อพระชันษาสิบห้าขวบ | พระเคราะห์ร้ายประจวบกันหนักหนา | ||
| จะพลัดพรากจากเมืองถึงสามครา | แต่ว่าเห็นไม่เป็นไรนัก | ||
| พระจะไปได้นางในเมืองอื่น | ชมชื่นรื่นรสด้วยยศศักดิ์ | ||
| แล้วจำเป็นจะจากกันทั้งรัก | พระจะได้ทุกข์นักเพราะนารี | ||
| นางใจที่ประสงค์จำนงให้ | ไม่อาลัยจะสลัดหลีกหนี | ||
| ซึ่งเมฆหมอกมืดมัวทั่วราตรี | บดบังรังสีสุริยน | ||
| พระองค์ดั่งดวงทินกร | ทรงเดชขจรทุกแห่งหน | ||
| พระโอรสยศยิ่งภูวดล | เหมือนเมฆเกลื่อนกล่นเข้าบังไว้ | ||
| ซึ่งเป็นควันตลบอบอัมพร | ภูธรจะทุกข์ทนหม่นไหม้ | ||
| ด้วยโอรสาจะคลาไคล | จำเป็นจำให้กำจัดกัน | ||
| พระจะเที่ยวมะงุมมะงาหรา | ย่ำยีบีฑาทุกเขตขัณฑ์ | ||
| สิบสามปีจะคืนกุเรปัน | จะได้สองนางนั้นมาธานี | ||
| จึงจะเย็นแหล่งหล้าประชากร | สโมสรเป็นสุขเกษมศรี | ||
| จะสมบูรณ์ยิ่งกว่าทุกวันนี้ | พระจะมีมเหสีถึงสิบองค์ | ||
| บรรดากรุงชวาทั้งปวง | จะขึ้นแก่กุเรปันเป็นส่วยส่ง | ||
| ข้าเห็นพร้อมกันเป็นมั่นคง | มิได้พะวงสงกา ฯ | ||
| ฯ ๒๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกุเรปันนาถา | ||
| ฟังคำทำนายโหรา | เกษมสันต์หรรษาเป็นพ้นนัก | ||
| จึงประทานบำเหน็จนานา | เสื้อผ้านุ่งห่มสมปัก | ||
| ให้โหรเฒ่าผู้ทำนายทายทัก | แล้วทรงศักดิ์เสด็จจากพระโรงคัล ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเฉิดฉัน | ||
| ตั้งแต่เกิดเหตุมหัศจรรย์ | นับได้เจ็ดวันเจ็ดคืนมา | ||
| พระครรภ์ครบกำหนดทศมาส | จะประสูติพระราชโอรสา | ||
| ให้เจ็บปวดรวดร้าวทั้งกายา | ประหนึ่งว่าชีวันจะอันตราย ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝูงสุรางค์นางกำนัลทั้งหลาย | ||
| ทั้งเถ้าแก่ชะแม่เจ้าขรัวนาย | เห็นโฉมฉายปั่นป่วนประชวรครรภ์ | ||
| บ้างเข้าหนุนพระขนองประคองรับ | กำชับหมอตำแยที่แปรผัน | ||
| บ้างไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | บังคมคัลทูลแถลงให้แจ้งใจ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านพิภพกรุงใหญ่ | ||
| ฟังข่าวเร่าร้อนฤทัย | ภูวไนยก็รีบลีลา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงพระจึงเสด็จนั่ง | เหนือสุวรรณบัลลังก์เลขา | ||
| พร้อมสี่มเหสีกัลยา | สุริย์วงศ์พงศามากมี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงค์ประไหมสุหรี | ||
| ครั้นได้ฤกษ์พานาที | เทวีก็ประสูติพระกุมาร | ||
| ชาวประโคมก็ประโคมแตรสังข์ | พร้อมพรั่งจำเรียงเสียงประสาน | ||
| อันอัศจรรย์ซึ่งบันดาล | ก็อันตรธานทันใดฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ มโหรี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์มะเดหวีศรีใส | ||
| จึงเอาข่ายแก้วแววไว | รับพระดนัยโฉฉมยง | ||
| แล้วเอาน้ำดอกไม้ใสสด | มารินรดชำระสระสรง | ||
| ลูบไล้ด้วยเครื่องสุคนธ์ทรง | วางลงบนยี่ภู่พานสุวรรณ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหรารังสรรค์ | ||
| พิศโฉมลูกยาวิลาวัณย์ | สารพันงามสิ้นทั้งอินทรีย์ | ||
| ดำแดงแน่งเนื้อนวลผจง | น่ารักรูปทรงส่งศรี | ||
| สมหมายเหมือนถวิลยินดี | เสน่หาพ้นที่จะพรรณนา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ท้าวนางข้างในถ้วนหน้า | ||
| ทั้งเถ้าแก่ชะแม่จ่าชา | ก็จัดสรรภรรยาเสนี | ||
| เป็นนางสนมสมบูรณ์ด้วยรูปร่าง | ครบถ้วนตามอย่างหกสิบสี่ | ||
| เว้นโทษขาวดำผอมพี | ไม่มีต่ำสูงเสมอกัน | ||
| แล้วจัดเหล่านารีพี่เลี้ยง | ที่ควรเคียงถือต้องประคองขวัญ | ||
| สี่อนงค์ทรงลักษณ์ลาวัลย์ | ล้วนวงศ์พงศ์พันธุ์กษัตรา | ||
| กับนางกำนัลน้อยน้อย | สองร้อยรูปร่างโอ่อ่า | ||
| ทั้งเงินทองของขวัญนานา | นำมาถวายทันที ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | จึงมหาอำมาตย์ทั้งสี่ | ||
| กับทั้งเหล่าเสนามนตรี | แต่บรรดาที่มีบุตรนั้น | ||
| ให้จัดแจงแต่งตัวทั้งแปดร้อย | ล้วนน้อยน้อยหน้าตาคมสัน | ||
| พาไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | ถวายเป็นข้าขวัญพระกุมาร ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นปักนัคเรศราชฐาน | ||
| ชื่นชมโสมนัสเบิกบาน | จึงมีบัญชาการตรัสไป | ||
| อันบุตรเสนาปาเตะ | ตั้งที่ยะรุเดะพี่เลี้ยงใหญ่ | ||
| บุตรตำมะหงงเสนาใน | ตั้งให้เป็นที่ปูนตา | ||
| อันบุตรดะหมังมนตรี | ตั้งเป็นที่ประสันตาครบครัน | ||
| พื้นดรุณรุ่นหนุ่มน้อยน้อย | รูปร่างแช่มช้อยเฉิดฉัน | ||
| พระสั่งให้ประทานรางวัล | ตามหลั่นพี่เลี้ยงแลมนตรี ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายสามอนุชาเรืองศรี | ||
| อีกองค์สมเด็จพระอัยกี | กับประไหมสุหรีหมันหยานั้น | ||
| ทั้งระภูธรทุกประเทศ | ครั้นเห็นเหตุวิปริตผิดผัน | ||
| ต่างองค์ทรงคิดอัศจรรย์ | ให้สงสัยไหวหวั่นหฤทัย | ||
| บ้างให้ค้นดูตำรับข้างที่ | จดหมายเหตุคัมภีร์น้อยใหญ่ | ||
| คนแก่เฒ่าก็เอามาซักไซ้ | บ้างถามไถ่โหราพฤฒาจารย์ | ||
| บ้างให้หาบีกูประมาหนา | ฤาษีชีป่าในไพรสัณฑ์ | ||
| ที่ได้กสิณอภิญญาณ | ก็แจ้งการทำนายมาเหมือนกัน | ||
| ต่างรู้ประจักษ์แจ้งแห่งเหตุ | ผู้มีเดชลงมาจากสวรรค์ | ||
| เป็นโอรสท้าวกุเรปัน | จะประสูติจากครรภ์พระชนนี | ||
| อันท้าวดาหาแลกาหลัง | อีกทั้งท้าวสิงหัดส่าหรี | ||
| กับองค์อัครราชเทวี | ชื่นชมยินดีเป็นสุดคิด | ||
| จึงจัดของขวัญพระกุมาร | สร้อยสนสังวาลวิภูษิต | ||
| มงกุฎแก้วกุณฑลตาบทิศ | ตามอย่างราชนิติบุราณมา | ||
| ให้มหาเสนานำไป | ยังกรุงไกรบรมเชษฐา | ||
| เฉลิมขวัญพระราชนัดดา | โดยตำราตราตั้งจิรังกาล | ||
| ฝ่ายองค์สมเด็จพระอัยกี | ในหมันหยาธานีราชฐาน | ||
| จัดระเด่นดาหยันกุมาร | ซึ่งเป็นวงษ์วารกษัตรา | ||
| กับพี่เลี้ยงแลนางนม | ล้วนอุดมรูปทรงวงศา | ||
| ชายหญิงสิ่งละร้อยโดยตรา | มอบให้เสนานำไป ฯ | ||
| ฯ ๒๐ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนาหมันหยากรุงใหญ่ | ||
| ถวายบังคมลาคลาไคล | ออกจากพิชัยธานี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| เร่งรัดรีบมสิบห้าวัน | ก็ลุถึงกุเรปันกรุงศรี | ||
| พบทูตทั้งสามพระบุรี | พากันจรลีเข้าวังใน ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ครั้นถึงจึงตรงเข้าไปหา | ปะเตะเสนาแลดาหมัง | ||
| ต่างแถลงแจ้งความให้ฟัง | แล้วพากันมาพระโรงชัย ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ท้าวนางกำนัลน้อยใหญ่ | ||
| ครั้นถึงวันสมโภชพระดนัย | ก็วุ่นวายวิ่งไขว่ไปทั้งวัง | ||
| เร่งให้หาโหราพราหมณ์ชี | ชาวประโคมดนตรีแตรสังข์ | ||
| เอาขันสาครใหญ่ในคลัง | มันจัดแจงแต่งตั้งเตียงรอง | ||
| ปักสุวรรณราชวัติฉัตรธง | รายรอบที่สรงเป็นแถวถ้อง | ||
| ทั้งมะพร้าวเต่าปลาเงินทอง | จัดต้องตามธรรมเนียมเตรียมไว้ | ||
| ตั้งบายศรีเงินทองสองสำรับ | แซมยอดสอดประดับดอกไม้ไหว | ||
| ลังข์กลศแว่นเวียนเทียนชัย | แต่งไว้เสร็จถ้วนทุกสิ่งอัน ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหรารังสรรค์ | ||
| เวลาควรจวนฤกษ์ก็จรจรัล | ไปปราสาทสุวรรณพระโอรส ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| นั่งเหนือบัลลังก์รูจี | พร้อมพระมเหสีทั้งปวงหมด | ||
| ต่างกราบบาทบงสุ์พระทรงยศ | พอกำหนดพระฤกษ์เวลา | ||
| จึงให้เชื้อพระวงศ์ผู้ใหญ่ | เข้าอุ้มองค์พระดนัยเสน่หา | ||
| เชิญสี่บีกูนั้นเข้ามา | จำเริญเกศาพระกุมาร ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| แล้วเชิญลงสรงน้ำในสาคร | อับอบอายเกสรหอมหวาน | ||
| ชีพราหมณ์โหราพฤฒาจารย์ | ต่างอ่านพระเวทย์ถวายชัย | ||
| ราชครูบีกูทั้งสี่ | เอาเสาวคนธ์วารีมาสรงให้ | ||
| แล้วเชิญลงอู่แก้วแววไว | อ่านมนต์แกว่งไกวไปมา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ยานี | ||||
| ๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงองค์อสัญแดหวา | |||
| ซึ่งเป็นบรมอัยการ | สถิตยังชั้นฟ้าสุราลัย | |||
| จึงนิมิตกริชแก้วสุรกานต์ | นามกรพระหลานจารึกใส่ | |||
| ครั้นเสร็จเสด็จจากวิมาชัย | เหาะมากรุงไกรกุเรปัน ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ รัว | ||||
| ร่าย | ||||
| ๏ ครั้นถึงจึงวางกริชลง | ข้างองค์พระกุมารหลานขวัญ | |||
| อวยชัยให้พรแล้วเทวัญ | กลับคืนกระยาหงันชั้นฟ้า ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์มะเดหวีเสน่หา | |||
| ประคองกรช้อนอุ้มพระลูกยา | เชิญมาจากอู่อำไพ | |||
| เห็นกริชนั้นวางอยู่ข้างที่ | มารศรีหลากจิตคิดสงสัย | |||
| จึงหยิบมาดูด้วยดีใจ | แล้วถวายภูวไนยฉับพลัน ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านโภไคยไอศวรรย์ | |||
| ชืนชมโสมนัสอัศจรรย์ | เอากริชนั้นออกพิจารณา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ จึงเห็นจารึกอักษร | นามกรพระโอรสา | |||
| ชื่อหยังหยังหนึ่งหรัดอินดรา | อุดากนสาหรีปาตี | |||
| อิเหนาเองหยังตาหลา | เมาะตาริยะกัดดังสุรศรี | |||
| ดาหยังอริราชไพรี | เองกะนะกะหรีกุรปัน ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ ครั้นอ่านเสร็จสิ้นในอักษร | ภูธรยิ่งแสนเกษมสันต์ | |||
| จึงยอกรถวายอภิวันท์ | อัยกาทรงธรรม์เลิศไกร | |||
| พระมาช่วยอุปถัมภ์บำรุง | จะลือเกียรติทุกกรุงน้อยใหญ่ | |||
| สมคำโหรทายทำนายไว้ | ประจักษ์ในนิมิแต่เดิมมา | |||
| แล้วสั่งประโคมเป็นสำคัญ | เฉลิมขวัญพระโอรสา | |||
| เอาฤกษ์ได้กริชเทวา | เป็นมหามหัศอัศจรรย์ ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ ครั้นเสร็จสมโภชพระดนัย | พระผู้ผ่านโภไคยไอศวรรย์ | |||
| จึงสั่งพนักงานทั้งปวงนั้น | ให้จัดสรรเครื่องใช้แลเครื่องทรง | |||
| มงกุฎเพชรพาหุรัดจำรัสเรือง | กับเมืองขึ้นสิบเมืองเป็นส่วยส่ง | |||
| ทั้งเสนีรี้พลจัตุรงค์ | ประทานองค์โอรสยศไกร ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ ครั้นเสร็จพระเสด็จเยื้องย่าง | จากปรางค์ปราสาททองผ่องใส | |||
| มายังโรงคัลทันใด | เสนาในเฝ้าแหนแน่นนันต์ ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ๏ บัดนั้น | ปาเตะเสนาคนขยัน | |||
| จึงนำเสนีสี่เมืองนั้น | มาบังคมคัลมิทันนาน ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ แล้วทูลว่าสามกษัตริย์ทรงเดช | ผู้ดำรงนคเรศราชฐาน | |||
| ให้เสนีนำของมาประทาน | พระหลานรักราชสุริย์วงศ์ | |||
| แต่องค์สมเด็จพระอัยกี | ให้หมันหยาธานีสูงส่ง | |||
| ให้ระเด่นดาหยันโฉมยง | ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์พงศ์พันธุ์ | |||
| ทั้งหมู่ชายหญิงสิ่งละร้อย | ล้วนหนุ่มน้อยหน้าตาคมสัน | |||
| กับพี่เลี้ยงนางนมทั้งนั้น | ถวายเป็นข้าขวัญพระนัดดา ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์ศรีปัตหรา | |||
| ชื่นชมโสมนัสปรีดา | จึงมีบัญชาตรัสไป | |||
| ซึ่งพระมารดาการุญ | พระคุณนั้นหาที่สุดไม่ | |||
| ท่านจงทูลแถลงให้แจ้งใจ | ว่าเราบังคมไปใต้บาทา | |||
| อันพระอนุชาสามธานี | เรานี้ชอบใจเป็นหนักหนา | |||
| จงจำเริญสุขทุกเวลา | อันตรายโรคาอย่าแผ้วพาน | |||
| แล้วประทานเสื้อผ้าแก่เสนี | ซึ่งมาแต่สี่ราชฐาน | |||
| อันระเด่นดาหยันกุมาร | พระประธานเงินทองของพึงใจ | |||
| ให้อยู่ยังที่ติกาหลัง | นิเวศน์วังลูกหลวงอาศัย | |||
| ครั้นเสร็จเสด็จเข้าข้างใน | เสนีกลับไปพารา ฯ | |||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีหมันหยา | |||
| ทรงครรภ์ถ้วนทศมาตรา | ประสูติมาเป็นราชบุตรี | |||
| งามงอนอ่อนระทวยนวยแน่ง | ดำแดงนวลเนื้อสองสี | |||
| ผ่องพักตร์ผิวพรรณดังจันทรี | นางในธานีไม่เทียมทัน | |||
| องค์พระอัยกีเป็นที่รัก | ถนอมนักเชยชมภิรมย์ขวัญ | |||
| บิตุราชมาตุรงค์แลพงศ์พันธุ์ | พร้อมกันประทานนามพระธิดา | |||
| ชื่อจินตหราวาตีศรีสวัสดิ์ | เฉลิมวงศ์พงศ์กษัตริย์ในหมันหยา | |||
| อ่อนเดือนกว่าอิเหนาพี่ยา | ทั้งสองชันษาเดียวกัน | |||
| พร้อมพระพี่เลี้ยงนางนม | นักสนมกรมในสาวสวรรค์ | |||
| ประโลมเลี้ยงพระธิดาดวงจันทร์ | ทุกวันทุกเวลาราตรี ฯ | |||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระทรงภพกุเรปันเรืองศรี | |||
| ทั้งท้าวดาหาธิบดี | สองประไหมสุหรีพี่นางนั้น | |||
| จึงจัดของขวัญอันอุดม | ทั้งพี่เลี้ยงนางนมเลือกสรร | |||
| ให้เสนาคุมของจรจรัล | ไปทำขวัญพระนัดดานารี ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวสิงหัดส่าหรี | |||
| มีโอรสแรกเริ่มเดิมที | กับประไหมสุหรีศรีโสภา | |||
| เทเวศร์ให้กริชเป็นของขวัญ | เหมือนกันกับอิเหนาเชษฐา | |||
| จารึกนามใส่ในกริชมา | ชื่อระเด่นสุหรานากง | |||
| ครั้นท้าวกาหลังมีบุตรี | ด้วยประไหมสุหรีนวลหง | |||
| ชื่อสกาหนึ่งหรัดโฉมยง | รูปทรงโสภายาใจ | |||
| จึงแต่งของไปตุนาหงัน | บิตุรงค์ทรงธรรม์ก็อวยให้ | |||
| ตามจารีตวงศาสุราลัย | ตุนาหงันกันได้แต่สี่เมือง | |||
| อยู่มามีราชบุตรี | นวลละอองสองสีขาวเหลือง | |||
| พักตร์ผ่องผิวเนื้อเรื่อเรือง | จึงให้นามตามเรื่องมารดา | |||
| ชื่อระเด่นจินดาส่าหรี | พระชนกชนนีเสน่หา | |||
| สามเมืองส่งเครื่องบรรณา | มาทำขวัญพระธิดานารี | |||
| แล้วจัดสาวสนมกำนัล | เลือกสรรรูปทรงส่งศรี | |||
| ตั้งที่พี่เลี้ยงพระบุตรี | เหมือนกันทั้งสี่พารา ฯ | |||
| ฯ ๑๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีดาหา | |||
| อยู่เย็นเป็นสุขทุกทิวา | นานมาโฉมยงทรงครรภ์ | |||
| เมื่อจะประสูติพระดนัย | เวลาประจุสมัยไก่ขัน | |||
| บังเกิดมหัศอัศจรรย์ | กลิ่นสุคันธรสรวยริน | |||
| ดอกไม้ทุกพรรณบันดาล | เบิกบานเกสรขจรกลิ่น | |||
| ภุมเรศร่อนร้องโบยบิน | ประสานเสียงเพียงพิณพาทย์ฆ้อง | |||
| ดนตรีแตรสังข์ก็ดังเอง | อัศจรรย์บรรเลงกึกก้อง | |||
| ครั้นอรุณรุ่งรางสร่างแสงทอง | ดังแสงรุ้งเรืองรองอร่ามไป | |||
| สุรศรีดังสีธรรมชาติ | เลื่อมพรายโอภาสผ่องใส | |||
| จึงประสูติธิดายาใจ | งามวิไลล้ำเลิศเพริศพราย | |||
| อันอัศจรรย์ที่บันดาล | ก็อันตรธานสูญหาย | |||
| ยังแต่กลิ่นหอมรวยชวยชาย | จึงถวายพระนามตามเหตุนั้น | |||
| ชื่อระเด่นบุษบาหนึ่งหรัด | ลออเอี่ยมเทียมทัดนางสวรรค์ | |||
| ทั้งในธรณีไม่มีทัน | ผิวพรรณผุดผ่องดังทองทา | |||
| อันองค์มะเดหวีมีศักดิ์ | ถนอมอุ้มฟูมฟักรักษา | |||
| ทั้งสามมเหสีโสภา | รักราชธิดาดังดวงใจ ฯ | |||
| ฯ ๑๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผ่านภพดาหากรุงใหญ่ | |||
| แสนสวาทพระราชดนัย | ดังดวงฤทัยทรงธรรม์ | |||
| จึงจัดสี่พี่เลี้ยงพระธิดา | คนนั้นชื่อว่าบาหยัน | |||
| หนึ่งชื่อส่าเหง็ดลาวัณย์ | หนึ่งชื่อประเสหรันนารี | |||
| หนึ่งชื่อปะลาหงันกัลยา | ตามตำราชื่อตั้งทั้งสี่ | |||
| แล้วจัดสรรกำนัลที่รูปดี | นารีน้อยน้อยแปดร้อยปลาย | |||
| บรรดาบุตรเสนาน้อยใหญ่ | ต่างคนเต็มใจเอาไปถวาย | |||
| พระประทานรางวัลมากมาย | มอบให้เจ้าขรัวยายบังคับ | |||
| บ้างหัดร้องลำนำจำเรียง | ประสานเสียงซักซ้อมกล่อมขับ | |||
| บ้างหัดซอกกระจับปี่ตีโทนทับ | สำหรับบำเรอพระธิดา ฯ | |||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระทรงภพกุเรปันนาถา | |||
| แจ้งว่าองค์อนุชา | มีราชธิดาลาวัณย์ | |||
| พระเร่งชื่นชมโสมนัส | จึงให้จัดสิ่งของไปทำขวัญ | |||
| กับเครื่องบรรณาการนอกนั้น | เป็นของตุนาหงันกัลยา | |||
| ขอระเด่นบุษบาโฉมยง | ให้องค์อิเหนาโอรสา | |||
| ตามจารีตบุราณสืบมา | หวังมิให้วงศาอื่นปน | |||
| ครั้นเสียศักดิ์สุริย์วงศ์เทเวศร์ | ก็เกิดเหตุอันตรายหลายหน | |||
| ไพร่ฟ้าประชากรร้อนรน | จลาจลต่างต่างทั้งธานี | |||
| ฝ่ายพระอนุชากาหลัง | อีกทั้งสิงหัดส่าหรี | |||
| ต่างแต่งบรรณาการมากมี | ไปทำขวัญบุตรีพระพี่ยา ฯ | |||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | |||
| ตั้งแต่มีราชธิดา | ช้านานประมาณห้าปี | |||
| จึงมีโอรสยศยง | ด้วยองค์ประไหมสุหรี | |||
| งามละม้ายคล้ายกันกับบุตรี | ใครเห็นเป็นที่เจริญใจ | |||
| องค์อสัญแดหวาวราฤทธิ์ | เสกแสร้งนฤมิตกริชให้ | |||
| วางลงข้างองค์พระดนัย | จารึกนามนั้นใส่ในกริชมา | |||
| ชื่อระเด่นสียะตราหนึ่งหรัด | สืบวงศ์พงศ์กษัตริย์อสัญหยา | |||
| พระชนกชนนีก็ปรีดา | เสน่หาดังดวงฤทัย | |||
| สี่เมืองส่งเครื่องบรรณาการ | มาทำขวัญพระกุมารประสูติใหม่ | |||
| ของขวัญตามตำรับบังคับไว้ | โดยในสุริย์วงศ์เทวา | |||
| แล้วจัดสรรพี่เลี้ยงทั้งสี่ | ล้วนลูกเสนีมียศถา | |||
| พี่เลี้ยงเอกนั้นชื่อปุนตา | หนึ่งกะระตาหลาพี่เลี้ยงรอง | |||
| หนึ่งชื่อยะรุเดะพี่เลี้ยงตรี | ที่สี่ประสันตาปัญญาว่อง | |||
| ล้วนหนุ่มน้อยรุ่นรามทรามคะนอง | ตั้งต้องตามขนบครบครัน | |||
| ให้บุตรขุนหมื่นพื้นน้อยน้อย | แปดร้อยกุมารากิดาหยัน | |||
| ประทานเงินเสื้อผ้าสารพัน | ให้เป็นของขวัญพระลูกยา ฯ | |||
| ฯ ๑๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายอิเหนากุเรปันโอรสา | |||
| ปรีดิ์เปรมเกษมสุขทุกทิวา | จนจำเริญชนมาสิบห้าปี | |||
| งามรับสรรพสิ้นสรรพางค์ | ยิ่งอย่างเทวาในราศี | |||
| ทรงโฉมประโลมใจนารี | เป็นที่ประดิพัทธ์ผูกพัน | |||
| เนาในติกาหลังวังสถาน | ดังวิมานเมืองฟ้ากระยาหงัน | |||
| พร้อมด้วยสุรางค์นางกำนัล | พี่เลี้ยงกิดาหยันโยธา | |||
| อันศิลปศาสตร์สำหรับกษัตริย์ | ทุกสิ่งสารพัดหัดหา | |||
| รำกริชกระบี่ขี่อาชา | ศึกษาซ้อมเล่นไม่เว้นวัน ฯ | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
| ๏ ครั้นพระสุริย์ฉายบ่ายลง | ก็แต่งองค์ทรงเครื่องเรืองฉัน | |||
| เสด็จจากปราสาทแก้วแพรวพรรณ | จรจรัลไปท้องสนามชัย ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ ครั้นถึงพลับพลาหน้าจักรวรรดิ | ที่เคยหัดจตุรงค์น้อยใหญ่ | |||
| จึงตรัสสั่งกิดาหยันทันใด | ให้เรียกมโนมัยเข้ามา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | กิดาหยันรับสั่งใส่เกศา | |||
| พลางพยักกวักเรียกกรมม้า | รีบจูงอาชามาฉับพลัน ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวากระยาหงัน | |||
| จึงขึ้นทรงม้าเหลืองเครื่องสุบรรณ | ระเด่นดาหยันนั้นขี่ม้าแดง | |||
| รำท่าเพลงทวนกระบวนรบ | ถ้อยทีขี่สินธพเข้มแข็ง | |||
| ชักเป็นโคมเวียนเปลี่ยนแปลง | ประปรายปลายพระแสงทวนทอง ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ แล้วลงทรงกระบี่ตีเล่น | กับระเด่นดาหยันเคล่าคล่อง | |||
| กรีดกรายร่ายรำเป็นทำนอง | รับรองป้องปัดไปมา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ ครั้นเหนื่อยก็หยุดยับยั้ง | สถิตยังพลับพลาพลันหรรษา | |||
| ทอดพระเนตรกิดาหยันโยธา | ซ้อมหัดศาตราสารพัน ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ ใครดีฝีมือแคล่วคล่อง | ก็ประทานเงินทองทุกสิ่งสรรพ์ | |||
| พอจวนเวลาสายัณห์ | ก็จรจรัลคืนยังวังใน ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ เสด็จนั่งเหนืออาสน์ลาดปู | พระยี่ภู่เขยทองผ่องใส | |||
| สาวสุรางค์นางบำเรอบำรุงใจ | แสนสำราญหฤทัยทุกเวลา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงระตูผู้ผ่านหมันหยา | |||
| อยู่จำเนียรกาลนานมา | พระมารดาสุดสิ้นทิวงคต | |||
| มเหสีสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ | ต่างแสนโศกศัลย์กำสรด | |||
| ทั้งองค์ระตูผู้มียศ | ก็ระทดพระทัยพันทวี | |||
| จึงให้เชิญพระศพใส่โกศทอง | สถิตไว้ในห้องปราสาทศรี | |||
| ตกแต่งตามตำแหน่งประเพณี | กษัตราธิบดีแต่ก่อนมา | |||
| แล้วมีพจนารถประสาทสั่ง | อำมาตย์ดะหมังยาสา | |||
| ท่านจงจัดแจงแต่งตรา | บอกบรรดาเมืองขึ้นของเรา | |||
| ให้ผู้รั้งทั้งปวงหลวงปลัด | เกณฑ์ไพร่เร่งรัดไปตัดเสา | |||
| กำหนดยาวใหญ่ย่อมกล่อมเกลา | ให้ได้เท่าตามอย่างช่างให้การ | |||
| ทุกสิ่งสารพัดผัดแผง | จัดแจงข้าส่วยให้ช่วยสาน | |||
| จงหมายบอกทุกตำแหน่งพนักงาน | จะทำการให้เสร็จในปีนี้ | |||
| แล้วสั่งปาเตะตำมะหงง | ท่านจงแต่งราชสารศรี | |||
| ไปดาหากุเรปันพระบุรี | ว่าพระชนนีนั้นมรณา ฯ | |||
| ฯ ๑๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | อำมาตย์ทั้งสี่มียศถา | ||
| รับส่งแล้วบังคมลา | ออกมาจากพระโรงรูจี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ รีบเขียนหนังสือบอกหลายฉบับ | แล้วประทับปิดตราพระราชสีห์ | ||
| ให้ม้าใช้ถือไปทุกธานี | ตามมีรับสั่งพระทรงธรรม์ | ||
| แล้วแต่งราชสารลงลานทอง | มอบให้สองสามนต์คนขยัน | ||
| จงรีบไปหากุเรปัน | สิบห้าวันให้ถึงพารา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนีสองนาซ้ายขวา | ||
| คำนับรับราชสารา | มาขึ้นม้าแยกย้ายกันไป ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงกุเรปันนคเรศ | ก็เข้าในนิเวศน์วังใหญ่ | ||
| บอกแก่ยาสาเสนาใน | แล้วส่งสารให้ทันที ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ยาสาเสนาบดีศรี | ||
| พาอำมาตย์หมันหยาธานี | เข้าไปเฝ้าธุลีพระบาทา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ ครั้นถึงจึ่งถวายบังคม | นบนิ้วประนมเหนือเกศา | ||
| ทูลแถลงแจ้งความตามกิจจา | แล้วถวายสาราพระทรงธรรม์ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านกรุงไกรไอศวรรย์ | ||
| คลี่สารอ่านทราบทุกสิ่งอัน | จึงมีพระบัญชาไป | ||
| พระประชวรฉันใดก็ไม่รู้ | ควรหรือระตูช่างนิ่งได้ | ||
| ต่อเมื่อพระสวรรคาลัย | จึ่งให้มาแจ้งกิจจา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนีที่มาแต่หมันหยา | ||
| ได้ฟังพจนารถประภาษมา | จึ่งสนองบัญชาพระทรงยศ | ||
| แต่แรกประชวรมาได้ห้าวัน | พระโรคนั้นเห็นพอจะเปลื้องปลด | ||
| โภชนาอาหารก็มีรส | เสวยพระโอสถทุกเวลา | ||
| ระตูภูธรไว้พระทัย | ว่าจะไม่เป็นไรหนักหนา | ||
| จึ่งว่ามิได้มีราชสารา | มาทูลกิจจาภูวไนย | ||
| พระโรคนั้นกลับกลายเมื่อภายหลัง | หนักลงเหลือกำลังจะแก้ไข | ||
| สองวันก็สวรรคาลัย | ภูวไนยจงทราบฝ่าธุลี ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกุเรปันเรืองศรี | ||
| ได้ฟังจะแจ้งแห่งคดี | ภูมีจึงสั่งเสนา | ||
| จงจัดแจงแต่งของไทยทาน | ไปช่วยการพระศพในหมันหยา | ||
| สั่งเสร็จเสด็จลีลา | เข้าหาปราสาทรูจี ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ นั่งเหนือบัลลังก์รัตน์ชัชวาล | พร้อมห้าเยาวมาลย์มเหสี | ||
| พระยื่นสารนั้นทันที | ให้ประไหมสุหรีกัลยา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเสนหา | ||
| คลี่สารอ่านแจ้งกิจจา | ว่าพระมารดาพิราลัย | ||
| ดั่งหนึ่งพระกาญชาญฤทธิ์ | มาเด็ดดวงชีวิตไปได้ | ||
| ชลเนตรฟูมฟองนองนัยน์ | สะอื้นไห้ครวญคร่ำรำพัน ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ โอด | |||
| ๏ โอ้พระชนนีของลูกเอ๋ย | พระคุณเคยปกป้องประคองขวัญ | ||
| เชยชมเช้าเย็นเป็นนิรันด์ | สารพันมิให้อนาทร | ||
| ยังมิได้ทดแทนสนองคุณ | ซึ่งการุญรักพร่ำสั่งสอน | ||
| หรือมาละลูมไว้ให้อาวรณ์ | หนีไปอมรเมืองฟ้า | ||
| พระประชวรโรคคันคุ้งบรรลัย | ก็มิได้พิทักษ์รักษา | ||
| เสียแรงที่อุ้มท้องประคองมา | กัลยาร่ำพลางทางโศกี ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ โอด | |||
| ร่าย | |||
| ๏ ครั้นค่อยเคลื่อนวายเทซษ | จึงกราบทูลภูวเรศเรืองศรี | ||
| ข้าขอบังคมลาฝ่าธุลี | ไปดูแลเปลวอัคคีพระมารดา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์องค์ศรีปัตหรา | ||
| นิ่งนึกตรึกไตรไปมา | ครั้นจะให้กัลยาคลาไคล | ||
| เกลือกระตูผู้ผ่านแผ่นดิน | จะดูหมิ่นประมาทหาควรไม่ | ||
| จะเสียเกียรติยศปรากฏไป | ทุกกรุงไกรจะติฉินนินทา | ||
| คิดพลางทางปลอบมเหสี | อย่ากันแสงโศกีฟังพี่ว่า | ||
| อันเกิดแล้วไม่แคล้วมรณา | ถึงพรหมินทร์อินทราก็เหมือนกัน | ||
| ซึ่งจะส่งสักการพระมารดา | ยังนครหมันหยาเขตขัณฑ์ | ||
| กันดารโดยมาคาอารัญ | ทั้งทรงครรภ์ได้แปดเดือนปลาย | ||
| เกลือกจะเกิดเหตุใหญ่ขึ้นในป่า | จะลำบากายาโฉมฉาย | ||
| รู้ไปถึงไหนจะได้อาย | เขาจะฉินยินร้ายทุกพารา | ||
| เจ้าจงจัดแจงแต่งไทยทาน | ส่งสักการพระศพดีกว่า | ||
| ให้อิเหนาลูกเราลีลา | ก็เหมือนกับกัลยาคลาไคล ฯ | ||
| ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส | ||
| ได้ฟังภิปรายค่อยคลายใจ | อรไททูลสนองพระวาจา | ||
| ซึ่งพระอง๕ืตรัสโปรดมาทั้งนี้ | เห็นชอบท่วงทีเป็นหนักหนา | ||
| ว่าแล้วถวายบังคมลา | ลงมาที่อยู่เยาวมาลย์ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ผู้ดำรงราชฐาน | ||
| จึงตรัสสั่งดะหมังมิทันนาน | จงรีบไปแจ้งการอนุชา | ||
| เราจะให้ระเด่นมนตรี | ไปปลงศพอัยกียังหมันหยา | ||
| จะจัดแจงใครไปก็ให้มา | สองเมืองจะได้พากันคลาไคล ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ดะหมันรับสั่งบังคมไหว้ | ||
| มาเร่งรัดจัดกันทันใด | พร้อมเหล่าบ่าวไพร่แล้วไคลคลา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ มาถึงทางร่วมพนาลี | ก็พบพวกเสนหมันหยา | ||
| ต่างคนต่างรีบเร่งมา | ก็ถึงกรุงดาหาพร้อมกัน | ||
| จึงไปหาปาเตะเสนี | แถลงเล่าคดีขมีขมัน | ||
| พอเพลาเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | ก็พากันไปพระโรงรูจี ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ จึงก้มเกล้าประณตบทมาลย์ | พระผู้ผ่านดาหากรุงศรี | ||
| อำมาตย์หมันหยาธานี | อัญชลีทูลถวายสารา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์องค์ศรีปัตหรา | ||
| คลี่สารอ่านแจ้งในกิจจา | ให้สังเวชวิญญาณ์จาบัลย์ | ||
| จึงสั่งคลังวิเศษศุภรัต | จงจัดไทยทานทุกสิ่งสรรพ์ | ||
| แล้วถามดะหมังกุเรปัน | พระทรงธรรม์ใช้มาว่าไร ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังบังคมแถลงไข | ||
| บัดนี้พระเชษฐาบัญชาใช้ | มาทูลให้ทราบธุลีพระบาทา | ||
| พระจะให้องค์ระเด่นมนตรี | เสด็จไปบุรีหมันหยา | ||
| อันเครื่องไทยทานการนานา | ให้พร้อมแต่สิบห้าราตรี ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ท้าวดาหาสุริย์วงศ์เรืองศรี | ||
| ได้แจ้งแห่งคำเสนี | ภูมีนิ่งนึกตรึกไตร | ||
| พระเชษฐาน่าจะแหนงฤทัยอยู่ | ด้วยระตูจะประมาทหมิ่นได้ | ||
| หวังมิให้กัลยาคลาไคล | จึงอุบายเป็นนัยมาดังนี้ | ||
| คิดพลางทางมีบัญชาสั่ง | ดะหมังจงคืนไปกรุงศรี | ||
| ทูลพระเชษฐาธิบดี | ว่าเราอัญชลีพระบาทา | ||
| จะให้เสนานำของไป | ยังนิเวศเวียงชัยพระเชษฐา | ||
| บรรจบกับอิเหนานัดดา | ไปเขตขัณฑ์หมันหยาธานี | ||
| สั่งเสร็จเสด็จยุรยาตร | ไปปราสาทองค์ประไหมสุหรี | ||
| นั่งเหนือบัลลังก์รัตน์รูจี | พระส่งสารศรีให้กัลยา ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเสนหา | ||
| คลี่สารอ่านพลันมิทันช้า | แจ้งว่าชนนีทิวงคต | ||
| นางตระหนกอกสั่นขวัญหาย | เพียงจะวายชีวิตปลิดปลง | ||
| สองกรข้อนอุรารันทด | พิไรร่ำกำสรดโศกา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ โอด | |||
| ๏ โอ้ว่าพระมารดาเจ้า | พระบาทเคยปกเกล้าเกศา | ||
| เฝ้าถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกมา | มิให้เคืองวิญญาณ์เท่ายองใย | ||
| พระเจ็บไข้ก็มิได้พยาบาล | จะรู้ข่าวอาการก็หาไม่ | ||
| จนสุดสิ้นชีวันบรรลัย | ลูกมิได้เห็นใจพระมารดร | ||
| ร่ำพลางทางทรงโศกี | ทอดองค์ลงกับที่บรรถรณ์ | ||
| ดังจะม้วยชีวาด้วยอาวรณ์ | บังอรไม่เป็นสมประดี ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ โอด | |||
| ร่าย | |||
| ๏ ครั้นค่อยคลายอาดูรจึงทูลไป | ภูวไนยจงโปรดเกศี | ||
| ข้าขอบังคมลาไปธานี | ดูเปลวอัคคีพระมารดา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | ||
| จึ่งโลมเล้าเอาใจไปมา | เจ้าอย่าอาวรณ์ร้อนฤทัย | ||
| อันกำเนิดเกิดมาในสากล | ใครจะพ้นมรณะก็หาไม่ | ||
| จงระงับดับความอาลัย | ถึงโศกไปใช่ที่จะเป็นมา | ||
| ซึ่งเจ้าว่าจะลาบทจร | ไปนครเขื่อนขัณฑ์หมันหยา | ||
| ในฤดูเดือนนี้จะลีลา | กันดารโดยมรคาท่าทาง | ||
| ฝูงโขมดมายาย่อมอาเพศ | ให้เกิดเหตุอันตรายหลายอย่าง | ||
| ใช่จะแกล้งเกียดกันกั้นทาง | ถึงพี่นางก็ไม่ไคลคลา | ||
| โฉมยงจงจัดไทยทาน | ส่งสักการพระศพจะดีกว่า | ||
| ให้เสนีนำไปด้วยนัดดา | ก็เหมือนกัลยาคลาไคล ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส | ||
| ได้ฟังบัญชาภูวไนย | อรไทค่อยคลายโศกา | ||
| จึงมีเสาวนีย์ตรัสสั่ง | พนักงานชาวคลังซ้ายขวา | ||
| จงจัดเครื่องไทยทานนานา | จะให้ไปหมันหยาธานี ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายนางพนักงานสาวศรี | ||
| รับสั่งแล้วรีบจรลี | มาจัดตามเสาวนีย์กัลยา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ สิ่งของไทยทานก็เตรียมพร้อม | ทั้งเครื่องหอมเนื้อไม้กฤษณา | ||
| ครั้นเสร็จให้ขนเข้ามา | ถวายองค์กัลยาทันที ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี | ||
| เคารพจบพระหัตถ์ด้วยยินดี | เทวีสมาโทษพระมารดา | ||
| จึงตรัสสั่งสาวสวรรค์ทันใด | ให้ขนของไปข้างหน้า | ||
| มอบให้ดะหมังเสนา | ไปด้วยนัดดาโดยลำพัง ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | นางกำนัลคำนับรับสั่ง | ||
| จึงขนของออกไปจากวัง | มอบให้ดะหมังทันที | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังนั่งตรวจดูถ้วนถี่ | ||
| ให้เสมียนจดหมายรายบัญชี | ผูกถือใส่ที่แล้วตีตรา | ||
| ให้ขนสิ่งของบรรทุกช้าง | เหลือนั้นใส่ต่างมหิงสา | ||
| ครั้นเสร็จก็ยกโยธา | ออกจากพารารีบไป ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ เร่งรัดพลมาสิบห้าวัน | ก็ถึงกุเรปันกรุงใหญ่ | ||
| ครั้นเวลาเข้าเฝ้าท้าวไท | ก็เข้าไปพระโรงรัตนา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ จึงก้มเกล้าประณตบทบงส์ | พระองค์ทรงพิภพนาถา | ||
| ทูลแถลงแจ้งความตามกิจจา | ให้ทราบบาทาทุกสิ่งไป ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกุเรปันเป็นใหญ่ | ||
| ได้ฟังดะหมังเสนาใน | จึงตรัสไปแก่องค์พระลูกยา | ||
| เจ้าจงคุมของสองธานี | ไปปลงศพอัยกียังหมันหยา | ||
| แทนองค์พระราชมารดา | กับประหมันดาหาเวียงชัย | ||
| แล้วดูโยธีที่ทำงาน | แม้นเห็นการล่าแล้เป็นไฉน | ||
| บอกกมาจะเพิ่มพลไกร | ไประดมทำให้ทันที | ||
| เสร็จแล้วลูกแก้วอย่าอยู่ช้า | เร่งกลับมากุเรปันกรุงศรี | ||
| จึงตรัสสั่งปาเตะเสนี | จงตรวจเตรียมโยธารี้พล | ||
| ท่านไปด้วยช่วยดูเป็นผู้ใหญ่ | เอาใจใส่อย่าให้มีเหตุผล | ||
| สั่งเสร็จเสด็จจรดล | ขึ้นสู่ไพชยนต์ปราสาทชัย ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
| ครั้นเสด็จขึ้นแล้วก็คลาไคล | กลับไปอยู่ที่ภูมี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ปาเตะเสนาบดีศรี | ||
| ออกมาจัดพลโยธี | ตามมีพระราชบัญชา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ยานี | |||
| ๏ ขุนช้างต่างผูกคชสาร | เคยชำนาญการณรงค์แกล้วกล้า | ||
| ขุนม้าก็ผูกอาชา | เบาะอานพานหน้าประดับดาว | ||
| ขุนรถตรวจเตรียมเทียมพาชี | สลับสีเหลืองกะเลียวเขียวขาว | ||
| ขุนพลจัดพลเดินเท้า | นายหมวดตรวจบ่าวพร้อมเพรียง | ||
| พวกทำที่ประทับพลับพลา | ให้ล่วงหน้ารีบไปแต่ในเที่ยง | ||
| จัดแจงหาบคอนผ่อนเสบียง | ตามเยี่ยงอย่างเสด็จยาตรา ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| @ร่าย | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีโอรสา | ||
| ครั้นรุ่งรางสร่างแสงสุริยา | เสด็จมาสระสรงสรรพางค์ ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| โทน | |||
| ๏ ลูบไล้สุคนธาอ่าองค์ | น้ำมันจันทน์บรรจงทรงพระสาง | ||
| สอดใส่สนับเพลาพลาง | ทรงภูษาแย่งอย่างลายกระบวน | ||
| ฉลององค์โหมดม่วงร่วงระยับ | อบอุหรับจับกลิ่นหอมหวน | ||
| เจียระบาดตาดทองแล่งล้วน | เข็มขัดคาดค่าควรพระนคร | ||
| กรองศอสังเวียนวิเชียรช่วง | ทับทรวงสังวาลห้อยสร้อยอ่อน | ||
| ตาบกุดั่นประดับทับซ้อน | ทอกรเก้าคู่ชมพูนุท | ||
| ธำมรงค์เพชรแพรวแวววับ | กรรเจียกปรับรับทรงมงกุฎ | ||
| เหน็บกริชฤทธิรอนสำหรับยุทธ์ | งามดั่งเทพบุตรบทจร ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ บาทสกุณี | |||
| ร่าย | |||
| ๏ มาทรงรถแก้วแววไว | เสนาในกราบกรานอยู่สลอน | ||
| สั่งให้ยกโยธาพลากร | บทจรออกจากนิวศน์วัง ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| โทน | |||
| ๏ รถเอ๋ยราชรถแก้ว | จำหลักลายพรายแพร้วพลอยฝัง | ||
| งามงอนอ่อนแอกแปรกบัง | บุษบกที่นั่งบัลลังก์ลอย | ||
| หน้ากระดานฐานปัทม์บัวหงาย | กระจังรายรจนาตาอ้อย | ||
| กระหนกเกรินท้ายรถชดช้อย | เพลาพลอยประดับทับทิมแดง | ||
| เทียมสินธพที่นั่งทั้งสี่ | สารถีขี่ขับเข้มแข็ง | ||
| ทหารม้าเกณฑ์หัดจัดแจง | เดินแซงสองข้างมรคา | ||
| ประดับด้วยเครื่องสูงชุมสาย | ธงชายปลายเชือกนั้นนำหน้า | ||
| เยียดยัดจัตุรงค์โยธา | ไคลคลามาในไพรพนม ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
| ชมดง | |||
| ๏ เดินเอยเดิทาง | สองข้างพ่างพื้นรื่นร่ม | ||
| พี่เลี้ยงเคียงคอยบังคม | พระชี้ชมรุกขาชาติดาษเดียร | ||
| บ้างผลิดอกออกผลพวงดก | ดั่งไม้ฉากกระจกจีนเขียน | ||
| ป่าระหงดงยางนางตะเคียน | ใต้ต้นแลเตียนสะอาดตา | ||
| มะลิวัลย์พันพุ่มคัดค้าว | ฤดูดอกออกขาวทั้งราวป่า | ||
| บ้างเลื้อยเลี้ยวเกี้ยวกิ่งเหมือชิงช้า | ลมพาพัดแกว่งดังแกล้งไกว | ||
| ร่มรังบังแสงทินกร | ที่หาบคอนเรื่อยล้าเข้าอาศัย | ||
| สารวัดรัดเร่งพลไกร | คลาไคลไปตามมรคา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
| ร่าย | |||
| ๏ แต่แรมรอนนอนในพนาเวศ | มาถึงเขตนครหมันหยา | ||
| หยุดประทับยั้บยั้งโยธา | เสด็จขึ้นพลับพลาพนาลี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ เจรจา | |||
| ๏ บัดนั้น | ขุนด่านแจ้งความถ้วนถี่ | ||
| จึงเหยียบโกลนโผนเผ่นขึ้นพาชี | ขับขี่ตีควบเข้าเวียงชัย ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงตรงไปหา | ทั้งสี่เสนาผู้ใหญ่ | ||
| เรียนคดีชี้แจงให้แจ้งใจ | โดยนัยอนุสนธิ์แต่ต้นมา | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนีได้ฟังไม่กังขา | ||
| ก็เข้าไปในพระโรงรัตนา | กราบทูลกิจจาทุกประการ | ||
| บัดนี้อิเหนากุเรปัน | ยกพวกพลขันธ์มาถึงด่าน | ||
| จะเข้ามาประณตบทมาลย์ | ภูบาลจงทราบพระบาทา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | ||
| ได้ฟังจึงสั่งเสนา | จงไปรับนัดดามาธานี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงรับสั่งใส่เกศี | ||
| ออกมาเกณฑ์กันทันที | เร่งรัดสัสดีเอาผู้คน | ||
| บ้างเบิกเสื้อเบิกหมวกอลหม่าน | ทั่วทุกพนักงานสับสน | ||
| พรั่งพร้อมโยธีรี้พล | เสนานำพหลเกณฑ์แห่ไป ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงถวายอัญชลี | องค์ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
| บังคมทูลแถลงให้แจ้งใจ | ระตูให้มารับเข้าบุรี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| ได้ฟังตำมะหงงเสนี | จึงตรัสสั่งทั้งสี่พี่เลี้ยง | ||
| วันนี้เราจะเข้าพระนคร | อย่าให้ทันแดดร้อนก่อนเที่ยง | ||
| จงจัดทหารแห่เป็นคู่เคียง | ให้พร้อมเพรียงแต่ในบัดนี้ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงรับสั่งใส่เกศี | ||
| มาจัดพลจัดพวกพาชี | ทหารแห่ให้ขี่คู่กัน | ||
| แล้วนุ่งห่มสมตัวตกแต่ง | ตามตำแหน่งเสนากิดาหยัน | ||
| ปลายเชือกให้ชาวหมันหยานั้น | จัดกันเดินหน้านำพล | ||
| เหล่ากำนัลเชิญพระแสงสำหรับตาม | ล้วนงามงามต้นเหลี่ยมหลังถนน | ||
| เข้าขบวนถ้วนทั่วทุกตัวคน | แล้วผูกม้าต้นเตรียมไว้ | ||
| สารวัดจัดตรวจเป็นหมวดกอง | ทวนทองธงทิวปลิวไสว | ||
| คอยเสด็จยาตราคลาไคล | คับคั่งทั้งในแดนดง ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีสูงส่ง | ||
| เสด็จจากแท่นสุวรรณบรรจง | มาสระสรงวารินกลิ่นเกลา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| ลงสรงสุหร่าย | |||
| ๏ ทรงสุคนธ์ปนทองชมพูนุท | นวลละอองผ่องผุดดังหล่อเหลา | ||
| พระฉายตั้งคันฉ่องส่องเงา | สอดใส่สนับเพลาเพราผจง | ||
| ทรงภูษายกแย่งอย่างนอก | พื้นม่วงดอกดวงตันหยง | ||
| โหมดเทศริ้วทองฉลององค์ | กระสันทรงเจียระบาดคาดทับ | ||
| ปั้นเหน่งเพชรลงยาราชาวดี | ทับทรวงดวงมณีศรีสลับ | ||
| เฟื่องห้อยสร้สอยสังวาลพานพับ | ทองกรแก้วประดับดวงจินดา | ||
| สอดใส่ธำมรงค์เรือนครุฑ | ทรงมงกุฎห้อยพวงบุปผา | ||
| เหน็บกริชฤทธิไกรแล้วไคลคลา | เสด็จมาขึ้นทรงสินธพ ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ | |||
| โทน | |||
| ๏ ม้าเอยม้าต้น | สามารถอาจผจญเจนจบ | ||
| เคล่าคล่องทีทวนกระบวนรบ | ไม่หลีกหลบเลื่อมตื่นปืนประทัด | ||
| เผ่าโผนโจนฝ่ามากลางพล | ผู้คนเดินกีดก็ดีดกัด | ||
| ม้ากิดาหยันตามเยียดยัด | ม้าแห่แออัดรัถยา | ||
| ม้าระเด่นดาหยันเดินรอง | ม้าพี่เลี้ยงเคียงสองซ้ายขวา | ||
| พนักงานกั้นกลดรจนา | บังแสงสุริยาตรัสไตร | ||
| อภิรุมชุมสายสีประเทือง | ธงเทียวเขียวเหลืองล้วนใหม่ใหม่ | ||
| สนั่นเสียงฆ้องกลองก้องไพร | รีบรนพลไกรเข้าในเมือง ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
| ร่าย | |||
| ๏ บัดนั้น | หญิงชายระบือลือเลื่อง | ||
| มาคอยภูวไนยนองเนือง | นั่งเนื่องแน่นถนนไปจนวัง | ||
| บ้างกลัวต่ำสูงจูงลูกหลาน | ลงจากร้านขายผ้าหน้าถัง | ||
| บ้างลดไม่ค้ำฝาหน้ากระชัง | มาแทรกเสียดเบียดบังนั่งปน | ||
| ที่หญิงปากกล้าก็ด่าทอ | เพิดพ้อผลักไสพิไรบ่น | ||
| ปะชายโฉงเฉงข่มเหงคน | ปากลนปะเตะเล่นก็เป็นไร | ||
| ที่ทาง........ได้ที่ไหนมา | จะนิ่งดูแต่ตาก็ไม่ได้ | ||
| ขึ้นเสียงเถียงทะเลาะกันอึงไป | ฮึดฮัดขัดใจเต็มที | ||
| ที่เป็นผู้ใหญ่ก็ห้ามปราม | ข้าขอความเอ็นดูอย่าจู้จี้ | ||
| มิใช่คนชั่วช้าหน้าตาดี | ไม่พอที่จะโมโหโกรธา | ||
| ครั้นได้เห็นองค์พระทรงธรรม์ | งามดังอสัญแดหวา | ||
| พิศวงงงไปในพริบตา | ทั่วทั้งไพร่ฟ้าประชากร | ||
| หญิงชายชาวเมืองก็หมอบกราน | ทุกบ้านบังคมอยู่สลอน | ||
| บ้างร้องอำนวยอวยพร | ราษฎรเกษมเปรมปรีดิ์ ฯ | ||
| ฯ ๑๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ทหารแห่คับคั่งทั้งวิถี | ||
| เห็นหญิงสาวสาวชาวบุรี | หน้าไหนใครดีก็แลดู | ||
| บ้างกระซิบบุ้ยปากบอกกัน | รูปร่างนางคนนั้นขยันอยู่ | ||
| ที่หนุ่มหนุ่มนักเลงเหล่าเจ้าชู้ | เอาปูนพลูซัดหยอกแล้วยิ้มพราย | ||
| บ้างชักม้าพยศย่างขวางถนน | สะดุดคนเหยียบของเขากองขาย | ||
| บ้างโผนผกหกมุ่นวุ่นวาย | ตื่นตะกายเกะกะเข้าระรั้ว | ||
| พวกผู้หญิงวิ่งวุ่นอลวน | ลางคนผ้าห่อมหายขายหน้าผัว | ||
| บ้างแฝงฝาหน้าถังบังตัว | บ้างหัวบ้างโกรธโกรธา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์องค์อสัญแดหวา | ||
| เร่งขับมโนมัยไคลคลา | มรคาคับคั่งผู้คน | ||
| ครั้นถึงทิมริมที่ทวารวัง | เสด็จลงจากหลังม้าต้น | ||
| จึงให้หยุดโยธีรี้พล | ชวนระเด่นดาหยันยาตรา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ เข้าในพระโรงรัตน์รูจี | เห็นเสนีเฝ้าแหนแน่นหนา | ||
| จึงถวายบังคมคัลวันทา | พระผู้ผ่านสวรรยาธานี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาเรืองศรี | ||
| เห็นอิเหนาเข้ามาอัญชลี | จึงมีมธุรสพจมาน | ||
| ปราศรัยไต่ถามพระนัดดา | ซึ่งเจ้ามาท่าทางทุรัศสถาน | ||
| เดินโดยอรัญกันดาร | โยธาทวยหาญยังพร้อมมูล | ||
| พระชนกชนนีทั้งสอง | ครอบครองโภไคยไอศูรย์ | ||
| เสวยรมย์สมบัติบริบูรณ์ | ทั้งประยูรสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ | ||
| อันฝูงไพร่ฟ้าประชาชน | ทั้งเสนาสามนต์พลขันธ์ | ||
| อยู่เย็นเป็นสุขพร้อมกัน | เหมือนแต่ก่อนกระนั้นหรือนัดดา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | อิเหนาอภิวันท์หรรษา | ||
| ทูลว่าแต่ยกพลมา | เดินโดยมรคาสิบห้าวัน | ||
| อันพวกพหลพลไกร | ไม่มีเหตุเภทภัยในไพรสัณฑ์ | ||
| สมเด็จพระบิตุรงค์ทรงธรรม์ | ก็เสวยไอศวรรย์เปรมปรีดิ์ | ||
| ถ้วนหน้าผาสุกไม่ทุกข์ร้อน | ไพร่ฟ้าประชากรเกษมศรี | ||
| ปราศจากอันตรายราคี | มิได้มีภัยพานประการใด | ||
| แต่องค์พระชนนีนั้น | ทรงครรภ์แก่เกือบไม่มาได้ | ||
| ให้ข้าคุ้มของสองเวียงชัย | มาปลงศพท่านไทยอัยกี | ||
| แม้นพระเมรุเกณฑ์ทำไม่ทันการ | จะแจ้งสารไปให้ทราบบทศรี | ||
| พระเพิ่มเติมพลมนตรี | ทั้งสองบุรีมาทำการ ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวหมันหยายิ้มย่องสนองสาร | ||
| ซึ่งสององค์บรรจงไทยทาน | ให้หลานมาช่วยถึงพารา | ||
| พระคุณนั้นหาที่สุดไม่ | จะเลื่องชื่อลือไปทุกทิศา | ||
| อันการศพสมเด็จพระมารดา | ก็จัดแจงทำมาไม่เงือดงด | ||
| แต่ยังหาได้ตั้งพระเมรุไม่ | ตัวไม้ปรับปรุงไว้พร้อมหมด | ||
| หลานมาน้าสมมโนรถ | จะรีบกำหนดให้แน่ลง | ||
| ว่าพลางทางมีบัญชา | ตรัสสั่งเสนาตำมะหงง | ||
| จงแต่งที่ประเสบันอากง | ให้องค์อิเหนากุเราปัน ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงรับสั่งแล้วผายผัน | ||
| มาจัดแจงแต่งที่ประเสบัน | ช่วยกันอุตลุดทั้งไพร่นาย | ||
| บ้างกั้นฉากแพรลับแลตั้ง | กรมวังวงพระสูตรรูดสาย | ||
| จัดแจงแต่งตำหนักยักย้าย | เพดานดาดรายดารากร | ||
| บ้างตกแต่งพระยี่ภู่ปูอาสน์ | ชาวที่ทอดราชบรรจถรณ์ | ||
| ที่เสวยที่สรงสาคร | เสร็จตามภูธรบัญชาการฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ผู้ดำรงราชฐาน | ||
| จึงตรัสสั่งพฤฒาโหราจารย์ | ให้หาฤกษ์ตั้งการกำหนดวัน ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ขุนโหรผู้ใหญ่คนขยัน | ||
| คลี่ตำราขับไล่ลัคน์จันทร์ | ดูโฉลกโชคชั้นทันที | ||
| จึงนบนิ้วประนมบังคมทูล | นเรนทร์สูรจงทราบบทศรี | ||
| กำหนดเชิญพระศพฤกษ์ดี | เดือนสี่สิบค่ำวันอังคาร ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาได้ฟังสาร | ||
| จึงสั่งเสนีพนักงาน | จงจัดการพระเมรุเกณฑ์กัน | ||
| นายมุลขุนหมื่นทุกหมู่หมวด | สมทบสี่ตำรวจกวดขัน | ||
| เครื่องประดับพระศพครบครัน | รีบทำให้ทันกำหนดไว้ | ||
| สั่งพลางทางกล่าววาที | ชวนระเด่นมนตรีศรีใส | ||
| ทั้งระเด่นดาหยันคลาไคล | เสด็จไปไหว้ศพพระอัยกี ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| จึงถวายอภิวันท์อัญชลี | ศพพระอัยกีด้วยปรีดา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | ||
| จึงมีพระราชบัญชา | สั่งกำนัลกัลยาฉับพลัน | ||
| จงไปเชิญองค์ประไหมสุหรี | กับบุตรีขึ้นมาขมีขมัน | ||
| บอกว่าอิเหนากุเรปัน | มาอภิวันท์พระศพอยู่บนนี้ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | นางกำนัลประณตบทศรี | ||
| รับสั่งพระผู้ทรงธรณี | แล้วรีบจรลีออกมา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงถวายบังคมไหว้ | องค์ประไหมสุหรีเสนหา | ||
| ทูลว่าอิเหนานัดดา | เสด็จมาอยู่ที่พระศพนั้น | ||
| บัดนี้พระผู้ผ่านเวียงชัย | ให้เชิญสองอรทัยผายผัน | ||
| ขึ้นไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | ยังสุวรรณปราสาทรูจี ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงค์องค์ประไหมสุหรี | ||
| จึงชวนจินตะหราวาตี | เข้าที่สรงสนานสำราญกาย ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ชมตลาด | |||
| ๏ สองกษัตริย์ขัดสีฉวีวรรณ | นางกำนัลตั้งสุคนธ์คอยถวาย | ||
| ทรงอุหรับจับกลิ่นอบอาย | น้ำกุหลาบละลายกรายกรีดนิ้ว | ||
| กวดเกล้าเปลาปลายพระฉายส่อง | ผัดพักตร์นวลละอองผ่องผิว | ||
| ทรงภูษายักแย่งแพลงพลิ้ว | ห่มริ้วทองทับซับใน | ||
| สร้อยสะอิ้งสังวาลบานพับ | ตามประดับมรกตสดใส | ||
| ทองกรแก้วมณีเจียระไน | สอดใส่เนาวรัตน์ธำมรงค์ | ||
| ทรงมงกุฎสำหรับพระธิดา | ห้อยอุบะบุหงาตันหยง | ||
| พรั่งพร้อมสุรางค์นางอนงค์ | สององค์เสด็จคลาไคล ฯ | ||
| ร่าย | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงบังคมบรมศพ | แล้วนอบนบอภิวันท์ท้าวหมันหยา | ||
| พลางทอดพระเนตรแลมา | ดูพระนัดดาธิบดี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| จึงถวายอภิวันท์อัญชลี | องค์ประไหมสุหรีศรีดสภา | ||
| แล้วทำทีมิให้ใครสังเกต | ชำเลืองเนตรดูระเด่นจินตหรา | ||
| งามอ่อนจริตกิริยา | ลักขณาเลิศล้ำนารี | ||
| พีศพักตร์งามพักตร์ผุดผ่อง | ผิวเนื้อนวลละอองสองสี | ||
| อรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์ | ภูมีดูนางไม่วางตา ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเสนหา | ||
| พินิจพิศพักตร์พระนัดดา | กัลยาแย้มพรายทายทัก | ||
| แต่เจ้ากำเนิดเกิดมา | ถึงเพียงนี้น้าเพิ่งรู้จัก | ||
| ทรงโฉมประโลมเลิศลักษณ์ | สมศักดิ์สุริย์วงศ์เทวัญ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน | ||
| จึงทูลว่าคิดอยู่ก่อนนั้น | จะใคร่มาอภิวันท์พระบาทา | ||
| พึ่งจะสมจินดาครานี้ | มีความยินดีเป็นหนักหนา | ||
| ทูลพลางชำเลืองนัยนา | ดูระเด่นจินตะหราด้วยใจรัก ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | จินตะหราวาตีมีศักดิ์ | ||
| เห็นอิเหนาเฝ้าดูอดสูนัก | นงลักษณ์แอบหลังพระชนนี | ||
| พลางชม้ายชายเนตรดูเชษฐา | นัยนาแลสบก็หลบหนี | ||
| หมอบเมียงเอียงอายเป็นท่วงที | เทวีขวยเขินสะเทินใจ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส | ||
| จึงตรัสแก่ธิดาทันใด | เป็นไรไม่ไหว้พี่ยา | ||
| จงฝากตัวไว้ให้รู้จัก | จะได้พึ่งพำนักในภายหน้า | ||
| อันองค์อิเหนานัดดา | ก็แก่เดือนกว่าเทวี | ||
| อย่าทำกระแหน่แง่งอน | อะหนะก็อ่อนกว่าพี่ | ||
| มิใช่ว่าอื่นไกลหาไหนมี | เจ้าจงอัญชลีพี่ยา ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา | ||
| ฟังพระชนนีตรัสมา | กัลยาอายเอียงเมียงมัน | ||
| เหลือบไปปะเนตรภูวไนย | ยิ่งสะเทินฤทัยไหวหวั่น | ||
| อุตส่าห์ขืนอารมณ์บังคมคัล | อิเหนากุเรปันแล้วก้มพักตร์ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีมีศักดิ์ | ||
| เหลือบไปรับไหว้นางนงลักษณ์ | พิศพักตร์ผิวเนื้อนวลละออง | ||
| ลำลำจะใคร่ตรัสปราศรัย | แต่หากเกรงท้าวไททั้งสอง | ||
| ให้คิดพิสมัยใจปอง | พระนิ่งตรึกตรองไปมา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | ||
| เห็นอิเหนาเฝ้าดูธิดา | ก็แจ้งในกิริยาอาการ | ||
| พระแสร้งทำเฉยเชือนเหมือนไม่รู้ | ยิ้มอยู่ในหน้าไม่ว่าขาน | ||
| นิ่งนึกตรึกตราไปช้านาน | แล้วภูบาลบัญชาพาที | ||
| สั่งประไหมสุหรีมีศักดิ์ | ว่าหลานรักมาอยู่ในกรุงศรี | ||
| จงแต่งโภชนาสาลี | ให้นารีไปส่งทุกวัน | ||
| สั่งพลางทางตรัสแก่นัดดา | วันนี้เหนื่อยมาจงผายผัน | ||
| ไปหยุดพักอยู่ตำหนักประเสบัน | ให้ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์สำราญ ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีได้ฟังสาร | ||
| จึงบังคมก้มพักตร์พจมาน | จวนเย็นแล้วหลานจะทูลลา | ||
| พระคลานคล้อยถอยองค์ออกมาพลาง | ชำเลืองเนตรดูนางจินตะหรา | ||
| องค์อ่อนถอนฤทัยไปมา | แล้วลีลาลงจากอัฒจันทร์ | ||
| ชวนระเด่นดาหยันยุรยาตร | มาทรงอัศวราชผายผัน | ||
| ทวยหาญแห่แหนแน่นนันต์ | ไปยังประเสบันอากง ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงลงจากอัสดร | กรายกรยุรยาตรดังราชหงส์ | ||
| เข้าในห้องสุวรรณบรรจง | ทอดองค์ลงกับที่ไสยา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ช้า | |||
| ๏ พระยอกรก่ายวิลาสพาดพักตร์ | ถวิลถึงน้องรักจินตะหรา | ||
| โฉมงามทรามสวาทเเพียงบาดตา | ใต้ฟ้าหาไหนไม่ทัดเทียม | ||
| งามจริตกิริยาเป็นน่าชม | แต่บังคมพี่ชายก็อายเหนียม | ||
| ที่ลอบแลโฉมน้องลองเลียม | งามเสงี่ยมเจียมจิตพี่ติดใจ | ||
| เมื่อชม้ายมาสบหลบเนตรหนี | ท่วงทีที่ทำยังจำได้ | ||
| ยิ่งแสนเสน่หาอาลัย | เร่าร้อนฤทัยเกรียมตรม | ||
| จะผ่อนผันฉันใดนะอกเอ๋ย | จะได้เชยชวนชิดสนิทสนม | ||
| แต่ระลึกตรึกตราเป็นอารมณ์ | จนบรรทมหลับไปกับไสยา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ ตระ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนีสี่นายทั้งซ้ายขวา | ||
| ให้จับการทุกด้านดังบัญชา | ตรวจตราหน้าที่ทำพระเมรุ | ||
| ลากเสาเข้าที่ทั้งสี่ต้น | ผู้คนอึงอัดขัดเขมร | ||
| บ้างขุดหลุมลงลุยคุ้ยเลน | บ้างกะเกณฑ์กันตั้งนั่งร้าน | ||
| เอาเชือกผูกแทงทบครบเสา | ได้ฤกษ์เร่งคนเข้าขันกว้าน | ||
| ตั้งไม่ใช้เดินรอกตะพาน | คนประจำทำงานไม่เงือดงด | ||
| พวกทำเมรุทิศทั้งนั้น | ก็พร้อมกันยกตั้งขึ้นทั้งหมด | ||
| ติดตะม่อสองชั้นเป็นหลั่นลด | นายช่างกำหนดอำนวยการ | ||
| เจ้าหน้าที่สามสร้างต่างมาจับ | ชักระดับปลายเสาเสมอสมาน | ||
| บ้างใส่สอดรอดพรึงตรึงกระดาน | เสียงสิ่วเสียงขวานอึงอล ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | พวกวิเสทแต่งสำรับสับสน | ||
| ครั้นเพลาจวนเที่ยงจะเลี้ยงคน | ก็รีบล้นขนสำรับมาฉับไว | ||
| กรมวังนั่งจ่ายให้นายด่าน | พวกทำการเมรุทิศเมรุใหญ่ | ||
| ข้าวกระทงส่งมาแต่ข้างใน | เจ้าขรัวนายเกณฑ์ให้ทำทุกเรือน | ||
| ประชาชนชายหญิงเอาสิ่งของ | มาถวายกรายกองไว้กล่นเกลื่อน | ||
| แจกให้ไพร่สมระดมเดือน | ทั้งทหารพลเรือนทั่วกัน ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนีสี่ตำรวจกวดขัน | ||
| นายด้านทำการพระเมรุนั้น | ทั้งกลางคืนกลางวันเร่งรัด | ||
| ให้ยกดูกผูกเชือกแย่งระบาง | ยอดปรางค์นภศูลสวมฉัตร | ||
| ตำรวจในไม้สูงสันทัด | ขึ้นผูกแผงผัดจัดกระจัง | ||
| ติดชั้นเชิงบาตรบัวหงาย | เรียงรายเทพนมยืนนั่ง | ||
| บัญชรชัชวาลบานบัง | ฝาผนังหลังคากระยารงค์ | ||
| พนักงานด้านทำพระเมรุทอง | ก็ติดตัวลำยองหางหงส์ | ||
| หน้ากระดาษฐานปัทม์ไม่ขัดทรง | บรรจงตั้งเครื่องพระเบญจา | ||
| เพดานดาราระย้าย้อย | ผูกห้อยภู่พวงบุปผา | ||
| ฉากกระจกยกตั้งบังตา | แต่งที่เป็นข้างหน้าข้างใน | ||
| บ้างตั้งไม้กระถางวางรูปสัตว์ | รอบจังหวัดบริเวณพระเมรุใหญ่ | ||
| รูปกินอ้อนแอ่นเอาใจ | วางไว้ริมมุขทุกทิศ | ||
| ซุ้มดอกไม้รุ่งรายซ้ายขวา | โคมระย้าหลายลูกผูกติด | ||
| ราชวัติทึบตั้งบังมิด | ฉัตรเงินทองปิดน้ำตะกู | ||
| บ้างยกฉัตรเบญจรงค์เรียงเรียบ | เสาตะเกียบปักเคียงเป็นคู่คู่ | ||
| ยักษ์โตตั้งวางข้างประตู | ยืนอยู่หูตาน่ากลัว | ||
| บ้างทำโรงหุ่นโขนช่องระทา | ขึ้นหลังคาดาดแผงผูกจั่ว | ||
| ปลูกศาลาฉ้อทานทำครัว | เสร็จทั่วทุกตำแหน่งแต่งไว้ ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายเจ้าพนักงานน้อยใหญ่ | ||
| ครั้นจวนกำหนดไม่นอนใจ | ก็ตระเตรียมเทียมพิชัยราชรถ | ||
| รถใหญ่สำหรับใส่พระโกศทอง | เรืองรองรจนาปรากฏ | ||
| รถโยงปรายข้าวตอกเป็นหลั่นลด | รถอ่านหนังสือรถใส่ท่อนจันทน์ | ||
| เกณฑ์ไพร่ไว้สำหรับชักฉุด | ใส่เสื้อเสนากุฎขบขัน | ||
| ที่บ่าวไพร่ใครช้ามาไม่ทัน | ก็พากันวิ่งวุ่นทุกมุลนาย | ||
| บรรดาหมู่คู่แห่เข้ากระบวน | ก็มาถ้วนตามบัญชีซึ่งมีหมาย | ||
| ล้วนใส่เสื้อครุยกรุยกราย | สมปักลายลำพอกถือดอกบัว | ||
| คนชักรูปสัตว์จัดหนุ่มหนุ่ม | ใส่ศีรษะโมงคลุมครอบหัว | ||
| ทับทรวงสังวาลลอดสอดพันพัว | แต่งตัวนุ่งตาโถงโจงกระเบน | ||
| กิดาหยันจัดกันตามตำแหน่ง | เชิญพระแสงหอกดาบดั้งเขน | ||
| ตั้งตาริ้วรายไปใกล้พระเมรุ | พรั่งพร้มตามเกณฑ์ทั้งไพร่นาย ฯ | ||
| ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ประชาชนพลเมืองทั้งหลาย | ||
| จะดูชักพระศพตบแต่งกาย | หญิงชายโอ่อวดประกวดกัน | ||
| บรรดาเหล่าชาวบ้านบางไกล | ก็ลงเรือรีบไปแต่ไก่ขัน | ||
| เร่างพายเตือนผัวกลัวไม่ทัน | ถุ้งเถียงทะเลาะกันมากลางทาง | ||
| ที่บ้านอยู่คนละฟากอยากจะดู | แต่เช้าตรู่ก็ลงมาท่าเรือจ้าง | ||
| ให้เบี้ยเขาข้ามส่งตราท่าช้าง | บ้างยังค้างคอยอยู่กู่ตะโกน | ||
| พวกเมียขุนนางต่างแต่งแง่ | มาคอยดูอยู่ที่แคร่หน้าโรงโขน | ||
| ปะชายายหน้าประสาโลน | ทำเมินเดินโดนผู้หญิงไป | ||
| ชาวแพแม่ค้าพาลูกเต้า | ผัวพวกนายสำเภาเป็นจีนใหม่ | ||
| พูดจาไม่ขัดสันทัดไทย | นั่งไหนหนุ่มหนุ่มก็ล้อมอึง | ||
| เมียน้อยเจ้าภาษีมิใช่ชั่ว | หน้าเป็นเล่นตัวจนผัวหึง | ||
| พวกกินเหล้าเมามาหน้าตึง | ปากโป้งโผงผึงอวดตน | ||
| เห็นสาวสาวที่ไหนชุมเข้ากลุ้มกลัด | แทรกสกัดกั้นขวางกลางถนน | ||
| ตำรวจในไล่ตีผู้คน | สับสนอลหม่านไปมา ฯ | ||
| ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | ||
| ครั้นแสงทองส่องสว่างกระจ่างตา | เสด็จมาสรงชลฉับพลัน ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| โทน | |||
| ๏ ทรงสุคนธ์รวยรินกลิ่นเกลา | สอดใส่สนับเพลาลายกระสัน | ||
| ทรงภูษาพื้นขาวเขียวสุวรรณ | เกรียวกรวยสามชั้นบรรจงโจง | ||
| ฉลององค์โหมดเทศทองอร่าม | อินทร์ธนูดูงามอ่าโถง | ||
| เจียระบาดตาดเงินเงาโง้ง | ปั้นเหน่งลายปรุโปร่งประดับพลอย | ||
| กรองศอสังเวียนวิเชียรช่วง | ตาบทิศทับทรวงห่วงห้อย | ||
| ทองกรจำหลักเป็นรักร้อย | ธำมรงค์เพชรพลอยร่วงรุ้ง | ||
| กรรเจียกแก้วแพรวพายทั้งซ้ายขวา | ทรงชฎาห้อยยอดสอดสะดุ้ง | ||
| ห้อยอุบะตันหยงส่งกลิ่นฟุ้ง | ครั้นรุ่งก็เสด็จจรจรัล ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ | |||
| ร่าย | ||||
| ๏ มายังเกยมณีที่ข้างหน้า | พระราชาขึ้นทรงอุสงหงัน | |||
| เสนีแห่แหนแน่นนันต์ | อิเหนากุเรปันก็ตามไป ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | ||||
| ๏ ครั้นถึงหยุดประทับพลับพลา | พร้อมหมู่มาตยาน้อยใหญ่ | |||
| หมอบเฝ้าคอยฟังรับสั่งใช้ | ตำรวจในพิทักษ์รักษาองค์ ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ประไหมสุหรีมีศักดิ์สูงส่ง | |||
| ชวนระเด่นจินตะหราโฉมยง | มาทรงวอสุวรรณกั้นกลาง | |||
| เสด็จโดยฉนวนในไคลคลา | โขลนจ่าร้องให้ปิดประตูข้าง | |||
| หร้อมหมู่สาวสวรรค์กำนัลนาง | ต่างต่างตามเสด็จจรลี ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | ||||
| ๏ ครั้นถึงจึงชวนพระธิดา | หยุดประทับพลัยพลาหลังคาสี | |||
| คอยดูชักศพพระอัยกี | เลิกมู่ลี่แลลอดสอดตา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | เสนีธิบดีซ้ายขวา | |||
| เร่งรัดจัดถ้วนกระบวนตรา | พอเวลาไขสีรวีวรรณ | |||
| จึงให้เชิญพระศพในปราสาท | ขึ้นสู่ยานุมาศผายผัน | |||
| เกณฑ์แห่แห่แหนแน่นันต์ | มายังเกยสุวรรณที่ประทับ | |||
| พนักงานเชิญพระโกษขึ้นตั้ง | บนบัลลังก์รถทรงเสร็จสรรพ | |||
| คู่แห่แตรสังข์คั่งคับ | เป็นลำดับเดินโดยมรคา | |||
| เชื้อพระวงศ์ทรงรถเรืองรอง | มือถือแว่นทองซองสลา | |||
| โขมพัตถ์พับยาวโยงมา | พาดเหนืออังสาทรงไว้ | |||
| รถพระวงศ์เชื้อสายปรายข้าวตอก | ใส่ชฎาลำพอกดอกไม้ไหว | |||
| รถบีกูดูหนังสืออ่านไป | รถหลังตั้งเนื้อไม้ท่อนจันทน์ | |||
| เครื่องสูงเคียงคู่ทั้งสองข้าง | พระกลดหักทองขวางกางกั้น | |||
| อินทร์พรหมพร้อมเพรียงเรียงกัน | เสียงประโคมครื้นครั่นสนั่นไปป | |||
| รูปสัตว์สิ่งละคู่ดูต่างต่าง | ตามตำแหน่งขุนนางน้อยใหญ่ | |||
| บุษบกบัลลังก์ตั้งผ้าไตร | ชักไปเป็นขนัดอัดมา | |||
| ระเด่นดาหยกสุริย์วงศ์ | ทั้งเผ่าพงศ์ประยูรในหมันหยา | |||
| ต่างองค์ทรงเครื่องใส่ชฎา | ขี่ม้าตามไปในกระบวน ฯ | |||
| ฯ ๑๖ คำ ฯ กลองโยน | ||||
| ๏ บัดนั้น | หญิงชายหนุ่มสาวชาวเรือกสวน | |||
| ลูกเต้าหลานเหลนอยู่เป็นพรวน | เห็นกระบวนแห้หน้ามาแต่ไกล | |||
| พวกผู้หญิงชิงช่องราชวัติ | ด่าทอพ้อตัดผลักไส | |||
| บ้างลุกขึ้นชี้หน้าแล้วว่าไป | ทำไมตะกายเอานายกู | |||
| ลูกผัวพี่น้องทั้งสองข้าง | วิ่งวางเข้าช่วยเหมือนหมวยหมู่ | |||
| พวกผู้ชายเฮฮาเข้ามาดู | ตำรวจในไล่ขู่ห้ามปราม | |||
| ผู้คนคั่งคับนับแสน | นับแน่นไปทั้งท้องสนาม | |||
| บ้างชมรถรัตน์สารพัดงาม | พระโกศทองอร่ามรูจี | |||
| ท้าวนางข้างในออกไปดู | นั่งอยู่หน้าพลับพลาหลังคาสี | |||
| บ้างพูดถึงครั้งการบ้านเมืองดี | ว่างามยิ่งกว่านี้มากมาย | |||
| เมียขุนนางลางคนติผัว | แต่งตัวใส่ลำพอกปานจะหงาย | |||
| สะกิดเพื่อนเตอนให้ดูท่านผู้ชาย | แย้มยิ้มพริ้มพรายไปมา ฯ | |||
| ฯ ๑๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พวกพระวงศ์พงศ์พันธุ์ในหมันหยา | |||
| ทั้งขุนนางข้าง๓ูษามาลา | ครั้นพระศพชักมาถึงพระเมรุ | |||
| ให้เชิญโกษลงจากบุษบก | พยุงยกฮึดฮัดขัดเขมร | |||
| ใส่ที่นั่งบัลลังก์ราเชนทร์ | เวียนรอบบริเวณพระเมรุมา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯกลองโยน | ||||
| ๏ ครั้นครบคำรบสามตามธรรมเนียม | หนักงานคอยเตรียมอยู่พร้อมหน้า | |||
| จึงเชิญพระโกศแก้วแววฟ้า | ขึ้นตั้งบนเบญจห้าชั้น | |||
| พวกประโคมสังข์แตรแซ่เสียง | สำเนียงกลองชนะครื้นครั่น | |||
| ชาววังชักรูดพระสูตรสุวรรณ | บังแสงสุริยันตรัสไตร ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาเป็นใหญ่ | |||
| ชวนอิเหนานัดดาคลาไคล | เข้าไปในพระเมรุรจนา | |||
| ครั้นถึงจึงบังคมเคารพ | พระศพอัยกีนาถา | |||
| แล้วทรงจุดธูปเทียนบูชา | เครื่องสุวรรณบุปผามาลี ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ สาธุการ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี | |||
| ทั้งระเด่นจินตะหราวาตี | จรลีมายังพระเมรุทอง ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ จึงจุดธูปเทียนนมัสการ | เยาวมาลย์กำสรดเศร้าหมอง | |||
| สาวสนมกรมในเนืองนอง | ฟูมฟายชลนัยน์จาบัลย์ ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ โอด | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านไอศวรรย์ | |||
| ให้สังฆ์การีพระนันธรรม์ | พร้อมกันเข้ามาสดับปกรณ์ ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ แล้วถวายไทยทานวัตถุ | บริขารเสื่อร่มพรมหมอน | |||
| โสมนัสศรัทธาสถาวร | ภูธรเสด็จกลับมาพลับพลา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ๏ นั่งเหนือพระยี่ภู่ปูลาด | หมู่อำมาตย์เฝ้าแหนแน่นหนา | |||
| ประชาชนกล่นเกลื่อนกันมา | จึงตรัสสั่งเสนาให้ทิ้งทาน ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | เสนีที่เฝ้าอยู่หน้าฉาน | |||
| รับสั่งแล้ววิ่งไปลนลาน | โบกมือให้ทิ้งทานโปรยปราย ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | ขุนหมื่นชาวคลังทั้งหลาย | |||
| นั่งประจำกำมพฤกษ์รอบราย | ต่างถวายบังคมแล้วขึ้นทิ้ง | |||
| ผู้คนคั่งคับสับสน | ปนละวนวุ่นวายทั้งชายหญิง | |||
| บ้างโดดโลดลอยคอยชิง | ชูสวิงร่มรับลูกมะนาว | |||
| บ้างตบมือเพรียกเรียกร้อง | ไล่ตะครุบทุบถองกันอื้อฉาว | |||
| เป็นหมู่หมู่วิ่งกรูเกรียวกราว | ประชาชาวบุรีปรีดา ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ บัดนั้น | พนักงานการเล่นทุกภาษา | |||
| ทั้งหุ่นโขนโรงใหญ่ช่องระทา | มานอนโรงคอยท่าแต่ราตรี | |||
| ครั้นพระศพชักมาถึงหน้าเมรุ | ก็โห่ฉาวกราวเขนขึ้นอึงมี่ | |||
| ต่างเล่นเต้นรำทำท่วงที | เสียงฆ้องกลองตีทุกโรงงาน ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ บัดนั้น | ฝูงประชามาสิ้นทุกถิ่นฐาน | |||
| พวกผู้หญิงสาวสาวชาวร้าน | เดินเที่ยวดูงานพล่านไป | |||
| นักเลงเหล่าเจ้าชู้ฉุยฉาย | นุ่งรายฉีกผ้าดัดตัดผมใหม่ | |||
| ดัดจริตปิดขมัดทาไพล | ห่มแพรหนังไก่สองเพลาะ | |||
| เห็นสาวสาวเหล่าเข้าหลวงเรือนนอก | สะกิดบอกเพื่อนกันคนนั้นเหมาะ | |||
| บ้างเดินเวียนแวดวายชายร่ยเราะ | พูดปะเหลาะลดเลี้ยงเกี้ยวพาน | |||
| พวกดูโขนโคนตมก็ไม่ว่า | สู้ทนฝนฟ้าไม่ไปบ้าน | |||
| บ้างยืนนั่งตั้งใจจะดูงาน | สับสนอลหม่านเล้าลุม | |||
| พวกผู้ชายรายยืนอยู่สองข้าง | แหวกทางให้ผู้หญิงถลำหลุม | |||
| ที่ลื่นล้มกลางถนนคนชุม | หนุ่มหนุ่มสรวลเสเฮฮา ฯ | |||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านเขตขัณฑ์หมันหยา | |||
| ตะวันชายบ่ายบังหลังพลับพลา | ให้เรียกมวยเข้ามาฉับพลัน ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | คู่มวยลุกขึ้นขมีขมัน | |||
| บ่างเท้าสาวหมัดกัดฟัน | ตั้งมั่นตาเขม็งคอยรับ | |||
| ชกนอกหลอกหลอนลวงให้ไล่ | ว่องไวได้ที่ตีเท้ากลับ | |||
| ยังไม่ทันถึงยกฟกบวมยับ | อดเหนียวเคี่ยวขับไม่รับแพ้ | |||
| มุทะลุไล่สุ่มตะลุมบอน | ชกซ้อนถูกถนัดหมัดทอดแห | |||
| ล้มลงกลอกคอทำท้อแท้ | เรียกหมอมาแก้แล้วหยุดไว้ ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาเป็นใหญ่ | |||
| ทรงพระสรวลตรัสสั่งเสนาใน | จงไปเปรียบมวยผู้หญิงดู | |||
| เลือกล่ำงามงามตามสมัคร | ที่ใจรักชกตีจะมีอยู่ | |||
| ลูกเมียของใครก็ไม่รู้ | ได้คู่คาดหมัดมาบัดนี้ ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศี | |||
| มาเปรียบมวยผู้หญิงเป็นสิงคลี | ตามมีพระราชบัญชา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ คู่แรกหัวไรจุกจับกระเหม่า | หน้าเง้าเจ้าคารมผมประบ่า | |||
| แต่งตัวผัวเสกขมิ้นทา | ห่มผ้าแพรแดงตระแบงมาน | |||
| คาดหมัดขัดเขมรมงคลใส่ | แล้วไปยังสนามหน้าฉาน | |||
| ทุบหลังลงให้นั่งกราบกราน | พระผู้ผ่านสวรรยาธานี ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวหมันหยาปรีดิ์เปรมเกษมศรี | |||
| จึงว่าชอบกลอยู่คู่นี้ | ชกให้ดีดีอย่าเกี้ยวกัน ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | คู่มวยผู้หญิงคนขยัน | |||
| กราบลงแล้วลุกขึ้นฉับพลัน | ตั้งมั่นเหม่นเหม่ไม่มีแรง | |||
| ย่างเท้าสาวหมัดเมินหน้า | หลับตาทุบถองกันพล่องแพล่ง | |||
| เลี้ยวลอดกอดกัดวัดแวง | ล้มตะแคงคนดูเฮฮา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | |||
| ทอดพระเนตรอยู่บนพลับพลา | จนโพล้เพล้เวลาใกล้จะพลบ ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | พนักงานด้านพระเมรุเจนจบ | |||
| พร้าขอตะกร้อน้ำเตรียมครบ | หน้าพลับพลาจุดคบรายไป ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวหมันหยาเป็นใหญ่ | |||
| ให้จุดพุ่มระทาดอกไม้ | ไสวสว่างช่วงดังดวงดาว ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | พวกหนังต่างประชันโห่ฉาว | |||
| บ้างหยุดพากษ์เจรจาว่าเรื่องราว | บ้างเชิดบ้างกราวอึงไป ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ บัดนั้น | ประชาชนอลหม่านไม่นับได้ | |||
| เป็นหมู่หมู่มาดูดอกไม้ | แล้วไปดูหนังฟังเจรจา | |||
| พวกผู้ดีหนุ่มหนุ่มคลุมศีรษะ | เดินปะใครพบก็หลบหน้า | |||
| ปลอมปนมิให้คนสงกา | เที่ยวเล่นตามประสาหนุ่มคะนอง | |||
| พวกผู้หญิงชาวร้านบ้านใกล้ | ตามไต้นั่งรายขายของ | |||
| หมากพลูบุหรี่ใส่ซอง | เห็นใครเดินมาร้องเรียกให้ซื้อ | |||
| พวกบัณฑิตติดจะเคอะเข้านั่งใกล้ | ช่วยเขี่ยไต้อ่านอวดสวดหนังสือ | |||
| ปะเหล่าโลนลำพองคะนองมือ | เอาอิฐถือลอบทิ้งจนนิ่งไป | |||
| พวกผู้ชายโฉงเฉงนักเลงถั่ว | แต่งตัวนุ่งผ้าพกใหญ่ | |||
| เห็นบ่อนตั้งหลังระทาดอกไม้ | ก็แวะวางเข้าไปนั่งแทง | |||
| บ้างยักขึ้นเส้นเล่นพกเปล่า | ครั้นเสียเข้าก็นั่งทำหน้าแห้ง | |||
| บ้างปลอมเปลี่ยนสับจับเงินแดง | ที่ติดพันยื้อแย้งกันรุงรัง | |||
| ลางลอบเหล่าลอบจุดประทัดทิ้ง | พวกผู้หญิงเป็นหมู่มาดูหนัง | |||
| บ้างโกรธบ้างว่าน่าชัง | บ้างนั่งดูสนุกบ้างลุกไป ฯ | |||
| ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีสีใส | |||
| ครั้นค่ำคำนึงถึงทรามวัย | ภูวไนยนิ่งนึกตรึกตรา | |||
| จะเข้าไปคอยอยู่ที่พระศพ | จะได้พบพุ่มพวงดวงยิหวา | |||
| คิดพลางย่างเยื้องลีลา | เข้ามาเมรุสุวรรณชั้นใน ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า | ||||
| ๏ ครั้นถึงจึงถวายอัญชลี | พระศพอัยกีเป็นใหญ่ | |||
| จึงจุดธูปเทียนทันใด | ด้วยใจเคารพบูชา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ สาธุการ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเสนหา | |||
| สถิตยังสุวรรณพลับพลา | ครั้นสิ้นแสงสุริยาเวลาพลบ | |||
| จึงชวนพระธิดายาใจ | จะเข้าไปทักษิณพระศพ | |||
| โขลนจ่าข้าหลวงวิ่งกระทบ | จุดคบโคมส่องเสด็จมา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า | ||||
| ๏ ครั้นถึงบริเวณพระเมรุใหญ่ | เห็นนายไพร่พร้อมพรั่งนั่งรักษา | |||
| จึงหยุดยืนอยู่แทบทวารา | ทั้งสองกษัตราไม่คลาไคล ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ บัดนั้น | นางโขลนผู้มีอัฌชาสัย | |||
| วิ่งวางมาชับฉับไว | พวกผู้ชายออกไปเสียให้พ้น ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีแจ้งเหตุผล | |||
| จึงขับเสนาสามนต์ | ผู้คนทั้งนั้นออกมา | |||
| แต่องค์เดียวเสด็จจรจรัล | ไปรับประหมันด้วยหรรษา | |||
| น้อมองค์ลงถวายวันทา | แล้วแลดูจินตะหราวาตี ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี | |||
| จึงตรัสชวนระเด่นมนตรี | มาทักษิณอัยกีด้วยกัน ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเกษมสันต์ | |||
| สมคิดดังจิตผูกพัน | จึงเสด็จจรจรัลตามมา | |||
| พระแสร้งทำทักษิณไปพลาง | ชำเลืองเนตรดูนางจินตะหรา | |||
| แสงเพลิงส่องจับกับพักตรา | โสภาเพียงบุหลันลอยโพยม | |||
| ดูไหนให้เพลินจำเริญจิต | ยิ่งคิดพิสมัยที่ในโฉม | |||
| ครั้นตึงช่องกลางหว่างโคม | ลำลำจะใคร่โลมนางเทวี ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหรามารศรี | |||
| ดำเนินเดินเคียงพระภูมี | ทำท่วงทีอายเอียงเมียงเมิน | |||
| แลสบหลบเนตรเชษฐา | กัลยายิ่งระทวยขวยเขิน | |||
| ให้อดสูจิตคิดสะเทิ้น | พลางเดินก้มพักตร์ทักษิณไป ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส | |||
| เห็นท่วงทีอิเหนาก็เข้าใจ | ทำเมินเดินไปไม่นำพา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงกำนัลในซ้ายขวา | |||
| แจ้งใจในทีกิริยา | ชายตาดูองค์พระทรงธรรม์ | |||
| เห็นดำเนินเดินชิดพระธิดา | กิริยาแยบคายคมสัน | |||
| บ้างบอกเพื่อนสนิทสะกิดกัน | นางกำนัลซุบซิบกระหยิบตา | |||
| ที่มีอัฌชาสัยมิใคร่เดิน | ทำเมินยิ้มละไมอยู่ในหน้า | |||
| บ้างรอรั้งยั้งยืนพูดจา | ตามเสด็จเดินมาแต่ไกลไกล ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | |||
| เดินเคียงกัลยาคลาไคล | เห็นนางห่างไกลพระชนนี | |||
| จึงเอาพลูรอยกัดซัดต้ององค์ | โฉมยงสะดุ้งเดินเมินหนี | |||
| พระรีบไปพลันทันเทวี | ภูมียิ้มพรายชายตา | |||
| เห็นนางเดินเมินเมียงเลี่ยงหลบ | พระแกล้งทำกระทบอังสา | |||
| นาสิกสูดรสสุคนธา | กัลยาเคืองค้อนงอนงาม | |||
| แต่เวียนวงทักษิณรอบพระศพ | จนจบถ้วนครบคำรบสาม | |||
| ให้อาลัยที่จะไกลนงราม | ด้วยความประดิพัทธ์พันทวี ฯ | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี | |||
| ครั้นเสร็จทักษิณศพพระอัยกี | ก็จรลีมาสุวรรณพลับพลา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เพลงเร็ว | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวเจ้าเมืองหมันหยา | |||
| สมโภชพระศพเสร็จเจ็ดทิวา | ครั้นเพลาบ่ายแสงสุริยง | |||
| จึ่งให้เชิญพระโกศทองลองใน | ขึ้นใส่เชิงตะกอนสูงส่ง | |||
| พร้อมพระมเหสีสุรย์วงศ์ | ทั้งองค์อิเหนานัดดา | |||
| ต่างถือธูปเทียนดอกไม้ | เข้าไปประนมน้อมพร้อมหน้า | |||
| จบพระหัตถ์มัสการขอสมา | อย่าให้มีเวราสืบไป | |||
| ครั้นเสร็จจึงจุดเพลิงพลัน | สารพันเครื่องหอมซัดใส่ | |||
| คับคั่งทั้งข้างหน้าข้างใน | ต่างคนเข้าไปจุดอัคคี ฯ | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ ปี่กลอง | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี | |||
| ทั้งระเด่นจินตะหราวาตี | ดูเปลวอัคคีชัชวาล | |||
| นางยิ่งระทดสลดจิต | อาลัยให้คิดสงสาร | |||
| ต่างองค์ยกหัตถ์มัสการ | เยาวมาลย์ช้อนทรวงเข้าโศกา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ โอด | ||||
| โอ้บูชากนฑ์ | ||||
| ๏ โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมเอ๋ย | พระคุณเคยปกเกล้าเกศา | |||
| เฝ้าถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกมา | ไม่นิราศคลาดคลาสักคืนวัน | |||
| พระพี่นางทั้งสองมาเชิญไป | ก็มิได้จำนงผายผัน | |||
| เพราะรักใคร่ในลูกผูกพัน | ประโลมเลี้ยงหลานขวัญทุกเวลา | |||
| ทีนี้ตั้งแต่จะแลลับ | ที่ไหนจะได้กลับมาเห็นหน้า | |||
| ร่ำพลางนางทรงโศกา | กัลยาเพียงจะสิ้นสมประดี ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ โอด | ||||
| ร่าย | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านหมันหยากรุงศรี | |||
| ครั้นเสร็จส่งสักการะพระอัยกี | ภูมีสร้อยเศร้าเปล่าวิญญ์ | |||
| จึ่งชวนมเหสีโฉมยง | กับองค์บุตรีเสนหา | |||
| พร้อมฝูงกำนัลกัลยา | ลีลาเข้ายังวังใน ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | |||
| ครั้นท้าวหมันหยาคลาไคล | ก็กลับไปที่อยู่พระภูธร ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ๏ ครั้นถึงห้องสุวรรณบรรจง | ทอดองค์ลงกับที่บรรจถรณ์ | |||
| ถวิลถึงวนิดายิ่งอาวรณ์ | พลางสะท้อนถอนใจไปมา | |||
| กรกอดเขนยข้างไว้หว่างทรวง | สำคัญว่าพุ่มพวงดวงยิหวา | |||
| เคลิ้มเคล้นเหมือนจะเห็นกัลยา | พระหลงใหลไขว่คว้าม่านมอง | |||
| ครั้นรู้สึกสมประดีว่ามิใช่ | ก็เศร้าเสียพระทัยหม่นหมอง | |||
| ให้โศกศัลย์รัญจวนถึงนวลน้อง | นิ่งตรึกตรองจนหลับไป ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ ตระ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาเป็นใหญ่ | |||
| ครั้นรุ่งสางสร่างแสงอโณทัย | ภูวไนยแต่งองค์อลงกร | |||
| ครั้นเสร็จเสด็จจรลี | มายังที่เกยลาหน้าฉาน | |||
| ขึ้นทรงยานุมาศสามคาน | พนักงานแห่แหนแน่นนันต์ | |||
| องค์ประไหมสุหรีกกับธิดา | เสด็จมาในแนวแนวนกั้น | |||
| ระเด่นมนตรีกุเรปัน | ก็ตามมาเมรุสุวรรณบรรจง ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | ||||
| ๏ | ||||
| ครั้นถึงจึงชวนพระวงศา | เขี่ยหาพระธาตุกวาดเผ้าผง | |||
| เก็บได้ใส่ขันสุวรรณลง | โสรจสรงสุคนธาวารี ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหรามารศรี | |||
| เขี่ยหาพระธาตุอัยกี | เทวีพลางทรงโศกาลัย ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | |||
| เห็นนางหยิบลงที่แห่งใด | ภูวไนยหยิบลงที่ตรงนั้น | |||
| พระกรกระทบกรนางเทวี | ทำทีแยบคายคมสัน | |||
| แล้วแสร้งทรงโศกาจาบัลย์ | มิให้สองประหมันกินใจ ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านหมันหยาเป็นใหญ่ | |||
| เสร็จสรงพระธาตุทันใด | ใส่ในโกศรัตน์ชัชวาล | |||
| ให้เชิญเข้าไปในวัง | สถิตยังปราสาทราชฐาน | |||
| และสั่งให้ลอยพระอังคาร | ตามจารีตบุราณแต่ก่อนมา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | เสนีรับสั่งใส่เกศา | |||
| มาจัดแจงแต่งตามพระบัญชา | ชาวมาลาไปกวาดพระอังคาร | |||
| เอาห่อหุ้มคลุมผ้าโขมพัตถ์ | แล้วผูกรัดพันเข้าทั้งเถ้าถ่าน | |||
| ใส่ในขันทองรองพาน | เชิญขึ้นพระยานมาศมา | |||
| คู่แห่แต่ล้วนใส่ลำพอก | พนมมือถือดอกบุปผา | |||
| เสียงประโคมฆ้องกลองก้องโกลา | แห่ไปยังท่าชลาลัย ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ กลองโยน | ||||
| ๏ ครั้นถึงตะพานเหนือตำหนักแพ | เรือแห่ธงทิวปลิวไสว | |||
| จึงเชิญพระอังคารลงไป | เรือที่นั่งเอกชัยฉับพลัน | |||
| พลพายนั่งพายเป็นคู่คู่ | ใส่เสื้อปัศตูดูขบขัน | |||
| เรือขุนนางเรือที่นั่งดั้งกัน | แห่แหนแน่นันต์นทีธาร ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ ครั้นถึงกึ่งกลางสาชล | เป็นวังวนกว้างใหญ่ไพศาล | |||
| ชาวภูษามาลาพนักงาน | ก็เชิญพระอังคารลอยไป ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาสูงส่ง | |||
| ครั้นเสร็จถวายพระเพลองปลง | จึ่งชวนองค์ระเด่นมนตรี | |||
| จะไปสรงสนานสำราญใจ | ที่สระใหญ่อยู่นอกกรุงศรี | |||
| ตามอย่างทางราชประเพณี | กษัตราธิบดีสืบมา | |||
| ว่าแล้วลีลาคลาไคล | เสนาในแห่แหนแน่นหนา | |||
| องค์ประไหมสุหรีศรีโสภา | กับธิดาเสด็จตามกันไป ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | ||||
| ๏ มาเอยมาถึง | ยังโบกขรณีสระใหญ่ | |||
| ร่มรอบคันล้วนพรรณไม้ | โศกไทรสาขาริมวารี | |||
| บุษบงส่งกลิ่นอายอบ | หอมตลบไปทั้งสระศรี | |||
| ต่างองค์เกษมเปรมปรีดิ์ | จรลีลงสรงคงคา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | ||||
| สระบุหลง | ||||
| ๏ ชำระสระสนานสำราญกาย | เย็นสบายซ่านซาบมังสา | |||
| เสร็จนั่งยังแท่นแผ่านศิลา | ชุ่มแช่กายาในวารี | |||
| นางกำนัลบรรดาที่โปรดปราน | ประคององค์เอางานแล้วขัดสี | |||
| บ้างชำเลืองแลดูพระภูมี | ทำท่วงทีแยบยลกลใน | |||
| ลางนางบ้างเก็บบัวเผื่อน | ชวนเพื่อนหักห้อยเป็นสร้อยใส่ | |||
| บ้างแหวกว่ายคงคาชลาลัย | เลี้ยวไล่สัพยอกหยอกกัน | |||
| ลางนางบ้างเก็บใบบัว | มาบังตัวถือเล่นเป็นร่มกั้น | |||
| บ้างเก็บโกมุทบุษบัน | ฝูงกำนัลเล่นน้ำสำราญ ฯ | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ ลงสรง | ||||
| ร่าย | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเกษมศานต์ | |||
| สรงทางพลางดูเยามาลย์ | ฤดีดาลเดือดดิ้นในวิญญาณ์ | |||
| พระแกล้งแสร้งเสด้วยเล่ห์กล | ว่ายไปให้พ้นท้าวหมันหยา | |||
| เข้าแฝงกอโกสุมปทุมา | ลอบดูพระธิดาในวารี ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหรามารศรี | |||
| สรงสนานอยู่ในชลธี | กับกำนัลนารีพี่เลี้ยง | |||
| ต่างชิงกันเก็บโกสุม | บ้างบานตูมหุ้มกลีบกิ่นเกลี้ยง | |||
| โฉมฉายว่ายแซงแข่งเคียง | กับบาหยันพี่เลี้ยงร่วมใจ | |||
| เด็ดปักหักดอกปทุมมาลย์ | ขาวแดงเบ่งบานอยู่ไสว | |||
| เพลิดเพลินจำเริญหฤทัย | จนใกล้อิเหนาเข้ามา ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา | |||
| แฝงใบบุษบงในคงคา | เห็นกัลยามาใกล้ก็ได้ที | |||
| จึงยื่นกรช้อนสอดไปสัมผัส | นางสะบิ้งสะบัดเบี่ยงหนี | |||
| พระแกล้งแสร้งสาดวารี | ให้ชลธีถูกองค์นงคราญ | |||
| ครั้นบาหยันผันหน้ามาตรง | ก็ทำเป็นสีองค์สรงสนาน | |||
| แล้วเก็บโกสุมปทุมมาลย์ | มาประทานบาหยันกัลยา ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | จินตะหราวาตีเสนหา | |||
| แย้มพรายชายชำเลืองนัยนา | สบเนตรเชษฐาก็อายใจ | |||
| จึงแสร้งแกล้งว่าพี่บาหยัน | อาไรนั่นช่างพาเข้ามาใกล้ | |||
| อัปยศอดสูเป็นพ้นไป | ทำผลักไสหยิกตีพี่เลี้ยง ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | บาหยันยิ้มพลางทางทูลเถียง | |||
| พี่มิได้แกล้งพามาใกล้เคียง | พระมาเมียงอยู่เมื่อไรก็ไม่รู้ | |||
| ชะรอยเป็นวาสนาของบาหยัน | เห็นติดพันชั้นเชิงชอบกลอยู่ | |||
| ปากข้าว่าแม่นเหมือนหมอดู | โฉมตรูอย่ากริ้วโกรธา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา | |||
| ค้อนให้แล้วตอบวาจา | เอาอะไรมาว่าเป็น่าชัง | |||
| ช่างไม่เจียมตัวแต่สักนิด | เกลียดจริตกิริยาเหมือนบ้าหลัง | |||
| ว่าแล้วลัดแลงแฝงบัวบัง | มายังที่อยู่พระชนนี ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เพลงฉิ่ง | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาเรืองศรี | ||
| เสร็จสรงคงคาวารี | ภูมีสำอางอ่าองค์ | ||
| แล้วชวนมเหสีโสภา | กับธิดาแน่งน้อยนวลหง | ||
| พร้อมฝูงสุรางค์นางอนงค์ | เสด็จตรงเข้ายังวังใน ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
| เสด็จทรงอาชาคลาไคล | กลับไปยังที่ประเสบัน ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงลงจากอัสดร | ภูธรย่างเยื้องผายผัน | ||
| เข้าในห้องแก้วแพรวพรรณ | ทรงธรรม์ถอนฤทัยไปมา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ช้า | |||
| ๏ ทอดองค์ลงกับที่ไสยาสน์ | ยอกรก่ายวิล่ศถวิลหา | ||
| ทีนี้เสร็จการจะนานช้า | จึงจะได้เห็นหน้านางเทวี | ||
| จะผ่อนผันฉันใดนะอกกู | จะได้อยู่หมันหยากรุงศรี | ||
| พระบิดาให้กลับไปธานี | มิรู้ที่จะทำประการใด | ||
| ยังมได้สนิทเสนหา | จะนิราศคลาดคลากกระไรได้ | ||
| แม้นมิสมดังจิตที่คิดไว้ | ก็ไม่ไปพารากุเรปัน | ||
| แต่ครวญคร่ำกำสรดสลดจิต | ต้องติดฤทัยใฝ่ฝัน | ||
| แสนสวาทมาดหมายผูกพัน | จนบรรทมหลับไปกับไสยา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านไอศวรรย์หมันหยา | ||
| ครั้นรุ่งสางสร่างงแสงสุริยา | ก็แต่งองค์โอ่อ่าเอาใจ | ||
| จึงตรัสชวนอัครมเหสี | กับราชบุตรีศรีใส | ||
| พรั่งพร้อมฝูงสุรางค์นางใน | เสด็จไปสู่สีหบัญชร ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ ลดองค์ลงนั่งบัลลังก์อาสน์ | อำมาตย์หมอบเฝ้าอยู่สลอน | ||
| ว่าขานกิจการพระนคร | ภูธรเกษมเปรมปรีดิ์ ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| ครั้นรุ่งรางสว่างธาตรี | ภูมีตื่นจากที่ไสยา | ||
| เข้าที่สรงสนานสำราญองค์ | บรรจงทรงเครื่องโอ่อ่า | ||
| ชวนระเด่นดาหยันยาตรา | ทรงม้าที่นั่งเข้าวังใน ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นมาถึงที่ราชฐาน | พระผ่านผู้สวรรยาเป็นใหญ่ | ||
| จึงลงจากอาชาคลาไคล | เข้าไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯเสมอ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวหมันหยาปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ | ||
| เห็นอิเหนาเข้ามาบังคมคัล | จึงปราศรัยไปพลันทันที | ||
| ได้ยินเขาระบือลือเล่า | ว่าเจ้าชำนาญการกระบี่ | ||
| ท่าทางทำนองคล่องดี | วันนี้จงรำให้น้าดู | ||
| แล้วให้เสนากิดาหยัน | จัดกันขึ้นตีทีละคู่ | ||
| โล่ดั่งดาบเชลยมลายู | จะได้ดูเล่นเป็นขวัญตา ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงองค์อสัญแดหวา | ||
| คำนับรับราชบัญชา | แล้วแลดูจินตะหราวาตี | ||
| แต่รอรั้งยั้งหยุดอยู่เป็นครู่ | ให้คิดอดสูนางโฉมศรี | ||
| ยิ้มละไมในพักตร์เป็นท่วงที | ต่อภูมีย้ำเตือนจึงเคลื่อนคลาย ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ประสันตาหยิบกระบี่มาถวาย | ||
| ค่อยกระซิบทูลว่าพระอย่าอาย | ครั้งนี้ตีหมายเอารางัล ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน | ||
| ยิ้มพลางทางว่าอย่าเยาะกัน | ดีแต่พูดเช่นนั้นอัตรา | ||
| แล้วพยักเรียกระเด่นดาหยันไป | ต่างองค์บังคมไหว้ท้าวหมันหยา | ||
| ลุกขึ้นร่ายรำกิริยา | ทรงกระบี่เบื้อขวากรีดกราย | ||
| ประเท้ากก้าวกระหยับเยื้องย่าง | ชำเลืองนัยนาสอดส่าย | ||
| แลสบเนตรนางพลางยิ้มพราย | แล้วประปรายปลายกระบี่ดีกัน ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ กลองแขก | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายฝูงสุรางค์นางสาวสวรรค์ | ||
| ทั้งเถ้าแก่ชะแม่นางกำนัล | แอบดูอยู่ที่ชั้นศาลา | ||
| บ้างนิยมชมระเด่นมนตรี | รำกระบี่น่ารักหนักหนา | ||
| บุญตัวได้เห็นเป็นขวัญตา | งามดั่งเทวาสุราลัย | ||
| ลางนางนั่งชิดสะกิดเพื่อน | แย้มเยื้อนพูดจาอัชฌาสัย | ||
| ดูทีทำนองภูวไนย | จะมีที่ต้องใจสักสิ่งอัน | ||
| บ้างว่าข้าเห็นเป็นแยบคาย | นัยนาสอดส่ายคมสัน | ||
| บ้างซุบซิบกระหยิบตากัน | นางกำนัลลอบดูพระภูธร ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหราดวงสมร | ||
| เมียงมองอยู่ที่ช่องบัญชร | บังอรแลลอดสอดตา | ||
| ครั้นสบเนตรเชษฐาทีไร | อรไทสะเทินเมินหน้า | ||
| เสหยอกบาหยันด้วยมารยา | ชายตาแย้มยิ้มพริ้มไป ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวาอัชฌาสัย | ||
| ผันผัดปัดป้องว่องไว | ถ้อยทีหนีไล่ไปมา | ||
| ครั้นระเด่นดาหยันเสียที | ภูมีตีต้องหัตถา | ||
| บรรดาพี่เลี้ยงแลเสนา | ก็สรวลเสเฮฮาขึ้นพร้อมกัน ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ประสันตาแสนกลคนขยัน | ||
| คลานเข้าไปรับกระบี่พลัน | อภิวันท์แล้วกระซิบทูลพลาง | ||
| ข้าเห็นพระองค์ทรงกระบี่ | ท่าทีเคล่าคล่องทั้งสองอย่าง | ||
| ไหนจะกรายร่ายรำทำท่าทาง | ไหนจะดูอยู่ข้างบัญชรชัย | ||
| แต่ส่ายสอดทอดพระเนตรอยู่อย่างนี้ | ยังทรงตีมีชัยชนะได้ | ||
| ชอบเอาของที่ต้องพระหฤทัย | มารางวัลภูวไนยจะสมควร ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีแย้มสรวล | ||
| จึงตรัสว่าอย่าเย้าเฝ้ากวน | ดีแต่ชวนพูดเล่นเช่นนั้น ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านกรุงไกรไอศวรรย์ | ||
| ตรัสชมอิเหนากุเรปัน | การกระบี่ดีครันขยันัก | ||
| ไม่มีใครเป็นคู่สู้ได้ | ทั้งในแดนชวาอาณาจักร | ||
| สมเป็นวงศาสุรารักษ์ | ยศศักดิ์ประเสริฐเลิศชายฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองฉาย | ||
| ให้เสนาพี่เลี้ยงตัวนาย | รำถวายทีละคู่สู้กัน ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงเสนากิดาหยัน | ||
| รับสั่งแล้วบงคมคัล | ก็จัดคู่สู้กันทันใด ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ กลองแขก | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวหมันหยายิ้มย่องผ่องใส | ||
| ทอดพระเนตรอยู่บนบัญชรชัย | แสนสำราญพระหฤทัยพระทรงธรรม์ | ||
| จึงสั่งให้เอาของมาประทาน | ทวยหาญเสนากิดาหยัน | ||
| ทั้งเงินทองเสื้อผ้แพรพรรณ | รางวัลให้ทั่วทุกตัวคน | ||
| อันองค์ระเด่นมนตรี | ให้จัดของดีดีเครื่องต้น | ||
| ธำมรงค์มงกุฎกุณฑล | สร้อยสนสังวาลแววไว | ||
| อันระเด่นดาหยันวงศา | เอาชฎาเดินหนมาให้ | ||
| ทั้งทองกรพาหุรัดตรัสไตร | เร่งไปเอามาบัดนี้ ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศี | ||
| อภิวันท์แล้ววิ่งเป็นสิงคลี | ออกมาสั่งดังมีบัญชาการ | ||
| คลังวิเศษภูษามาลา | ก็ขนของเข้ามายังหน้าฉาน | ||
| กราบถวายบังคมก้มกราน | แล้วเอาของมาประทานทันใด ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาเป็นใหญ่ | ||
| เสร็จสรรพก็หับบัญชรชัย | เข้าในปราสาทแก้วแพรวพรรณ ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน | ||
| เสด็จทรงอัสดรจรจรัล | กลับไปประเสบันอากง ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| ครั้นถึงลงจากม้าที่นั่ง | ให้คลุ้มคลั่งหฤทัยใหลหลง | ||
| ไม่ทันจะเปลื้องเครื่องทรง | เสด็จตรงไปที่ไสยา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ช้า | |||
| ๏ ทอดองค์ลงกับที่บรรจถรณ์ | ให้อาวรณ์หวังถวิลถึงจินตะหรา | ||
| องค์อ่อนถอนฤทัยไปมา | มิได้ตรัสจำนรรจาพาที | ||
| ลืมเลยเสวยทรงสุคนธ์ | แต่พลิกกลับสับสนบนที่ | ||
| ไม่เป็นอารมณ์สมประดี | ภูมีกลัดกลุ้มคลุ้มใจ | ||
| พระหัตถ์ซ้ายก่ายเขนยคะนึงคิด | เจ็บจิตประชวรเช่นเป็นไข้ | ||
| แสนกระสันรันทดหฤทัย | พระมิได้วายอาวรณ์ร้อนรน ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ ร่าย ๑ | |||
| บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงประหลาดจิตคิดฉงน | ||
| ดูพระจริตติดพิกล | บรรทมทั้งเครื่องต้นที่ทรงมา | ||
| จึงเข้าไปช่วยเปลื้องเครื่องทรง | ให้พระองค์ทรงผลัดภูษา | ||
| แล้วกราบทูลไปมิได้ช้า | พระจงอุตส่าห์สะกดใจ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
| จึงตอบทั้งสี่พี่เลี้ยงไป | เมื่อไม่เห็นวิตกในอกเลย | ||
| อันความทุกข์เหลือทุกข์ครั้งนี้ | จะคิดฉันใดดีนะพี่เอ๋ย | ||
| แม้นมิได้สู่สมชมเชย | ที่ไหนเลยน้องจะมีชีวา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงบังคมเหนือเกศา | ||
| จึ่งทูลตอบปลอบให้ชอบอัชฌา | พระอย่ารันทดกำสรดทรง | ||
| จงระงับดับโศกเสียก่อน | ภูธรอุตส่าห์เสวยสรง | ||
| อันพระธิดาโฉมยง | ไหนจะพ้นพระองค์อย่าสงกา | ||
| จะทูลโลมเล้าสักเท่าใด | พระมิได้วายเทวษถวิลหา | ||
| พี่เลี้ยงทั้งสี่มีอัชฌา | ซุบซิบปรึกษาพาที ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ บัดนั้น | ปาเตะเสนาบดีศรี | ||
| เวลาเฝ้าก็มาเข้าอัญชลี | เห็นภูมีไสยาสน์ประหลาดใจ | ||
| จึงถามยะรุเดะลูกชาย | พระโฉมฉายประชวรหรือไฉน | ||
| ช่างไม่บอกสักคำทำอย่างไร | เหตุผลก็มิให้ผู้ใหญ่รู้ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ยะรุเดะอิดเอื้อนเยื้อนอยู่ | ||
| หันหน้ามาบังบานประตู | ยิ้มพลางทางดูตากัน ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ประสันตาแสนกลคนขยัน | ||
| ทำเฉยหน้าแล้วว่าไปพลัน | ประชวรมาแต่วันถึงเวียงชัย | ||
| พระดรคเรื้อรังประทังอยู่ | ไม่สุดรู้มดหมอพอแก้ไข | ||
| หรือชะรอยทรงกระบี่วันนี้ไซร้ | จะเป็นไข้เนื้อขาดประหลาดนัก | ||
| ดูอาการที่ทำให้คร่ำครวญ | จะประชวรสิ่งใดไม่ประจักษื | ||
| แม้นได้โอสถรสรัก | เห็นไม่พักนวดฟั้นจะพลันคลาย | ||
| เจ้าจอมหม่อมลุงได้เมตตา | ช่วยเข้าไปขอยามาถวาย | ||
| ที่พระร้อนรนกระวนกระวาย | นั่นแหละเห็นจะหายเป็นมั่นคง ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ปาเตะตกใจตะลึงหลง | ||
| จึ่งทูลเล้าโลมโฉมยง | พระบิตุรงค์กำชับรับสั่งมา | ||
| การพระศพเสร็จสรรพให้กลับไป | ป่านนี้ภูวไนยจะคอยหา | ||
| อันพระน้องนุชบุษบา | พระปิตุเรศเจตนาไปกล่าวไว้ | ||
| ยังแต่จะเสกสองให้ครองกัน | เป็นปิ่นกุเรปันกรุงใหญ่ | ||
| อันจะเลี้ยงพระน้องสองเวียงชัย | รู้ไปถึงดาหาธานี | ||
| เกลือกจะไม่ปลดปลงให้นงลักษณ์ | จะเกิดเหตุใหญ่นักพระโฉมศรี | ||
| ทั้งจะได้แค้นเคืองแสนทวี | พระภูมีจงถวิลจินดา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์อสัญแดหวา | ||
| ไม่ตอบถ้อยคำจำนรรจา | ให้เคืองขัดอัธยาในอารมณ์ | ||
| พระผินผันหันพักตร์เมินหนี | แล้วหยิบผ้ามาคลี่ทรงห่ม | ||
| พลางสะท้อนถอนถ่ายระบายลม | แกล้งทำเหมือนบรรทมหลับไป ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ปาเตะเสนาอัชฌาสัย | ||
| มิรู้ที่จะผ่อนผันฉันใด | ก็ออกไปจากที่แท่นทอง ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงทรงโศกเศร้าหมอง | ||
| ยิ่งคิดพิสมัยใจปอง | พระนิ่งนึกตรึกตรองไปมา | ||
| อันระเด่นบุษบาตุนาหงัน | ตามวงศ์อสัยแดหวา | ||
| แต่มิได้มีใจเจตนา | เหมือนระเด่นจินตะหรายุพาพาล | ||
| ชะรอยวาสนาได้สร้างไว้ | เผอิญให้จงรักสมัครสมาน | ||
| จะว่าไปก็ในวงศ์วาน | เยาวมาลย์ก็มิใช่หาไหนมา | ||
| มาตรแม้นสองกษัตริย์จะขัดเคือง | มิให้กูอยู่เมืองหมันหยา | ||
| ก็จะพาดวงใจไคลคลา | ไปมะงุมมะงาหราสำราญ | ||
| แต่บรรทมนิ่งนึกตรึกไตร | จนอุทัยรุ่งแจ้งแสงฉาน | ||
| เสด็จจากอท่นรัตน์ชัชวาล | มาสระสรงชลธารทันใด ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
| ๏ ลูบไล้สุคนธาอ่าองค์ | บรรจุทรงเครื่องประทานใหม่ | ||
| แล้วทรงอาชาคลาไคล | เสนาใสตามเสด็จจรลี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงลงจากอัสดร | บทจรเข้าปราสาทศรี | ||
| บังคมสองประหมันทันที | พลางดูเทวีไม่วางตา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | ||
| ทอดพระเนตรอิเหนานัดดา | เห็นพักตราเสร้อยเศร้าก็เข้าใจ | ||
| จึงบัญชาถามด้วยความรัก | เป็นไรผิวพักตร์จึงหม่นไหม้ | ||
| หรือโรคายายีประการใด | ด่วนเข้ามาไยไม่สบาย ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองฉาย | ||
| ประสานหัตถ์เคารพอภิปราย | วันตีกระบี่ถวายภูวไนย | ||
| ให้ตึงตัวไปทั่วสรรพางค์ | จิตใจเหมือนอย่างจะเป็นไข้ | ||
| หยุดช้ากลัวว่าจะมากไป | จึ่งแข็งใจเข้ามาอัญชลี | ||
| ทูลพลางทางชำเลืองแลมา | ดูระเด่นจินตะหรามารศรี | ||
| ความรักสลักทรวงแสนทวี | ภูมีคอนใจไปมา ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเสนหา | ||
| พิศดูรู้รหัสพระนัดดา | จึ่งกล่าวรสพจนาพาที | ||
| เพียงพระเข้าสู่สวรรคต | ตั้งแต่กำสรดหมองศรี | ||
| พร่ำกินน้ำตาทุกนาที | น้านี้เปลี่ยวเปล่าเศร้าใจ | ||
| ได้เห็นหน้านัดดาค่อยผาสุก | พอบรรเทาเบาทุกข์ที่โหยไห้ | ||
| เจ้าจงอยู่ด้วยน้าอย่าคลาไคล | สักเดือนหนึ่งจึงไปพารา ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | อิเหนากุเรปันก็หรรษา | ||
| ชื่นชมด้วยสมดั่งจินดา | รับรสพจนาวาที | ||
| พลางเยื้อนแย้มยิ้มพริ้มเพรา | ค่อยบรรเทาทุข์ที่หมองศรี | ||
| แล้วชำเลืองแลดูพระบุตรี | ภูมีประดิพัทธ์ผูกพัน ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านไอศวรรย์ | ||
| ครั้นเวลาสายสีวีวรรณ | ก็จรจรัลเข้าที่บรรทมใน ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
| เสด็จทรงอาชาคลาไคล | กลับไปประเสปันมิทันช้า ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงลงจากหลังม้า | ขึ้นมายังตำหนักที่ข้างหน้า | ||
| เปลื้องเครื่องประดับองค์แล้วตรงมา | เข้าห้องไสยาฉับพลัน ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ พระนิ่งนึกตรึกคิดพิศวง | ตะลึงหลงอาลัยใฝ่ฝัน | ||
| ทอดองค์ลงกับที่แท่นสุวรรณ | แสนวิโยคโศกศัลย์รัญจวน | ||
| โอ้จะคิดผ่อนผันฉันใด | จึ่งจะได้โฉมงามทรามสงวน | ||
| พลางสะท้อนถอนใจใคร่ครวญ | ปั่นป่วนไม่เป็นสมประดี | ||
| พระลืมล่วงเวลาสรงเสวย | กรกอดกับเขนยอยู่ในที่ | ||
| ความรักหนักทรวงแสนทวี | ภูมีเศร้าสร้อยละห้อยใจ ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ปาเตะเสนาอัชฌาสัย | ||
| เห็นพระองค์ร่ำรักนั้นหนักไป | จะผ่อนผันฉันใดก็สุดคิด | ||
| ได้ทูลขัดทัดทานเป็นหลายครั้ง | พระมิได้เชื่อฟังแต่สักนิด | ||
| กลัวความครั้งนี้จะมิมิด | จนจิตกอดเข่าเข้าเป็นทุกข์ | ||
| เสียแรงพระชุบเลี้ยงถึงเพียงนี้ | ได้มั่งมีอยู่เย็นเป็นสุข | ||
| จะมานิ่งนอนใจให้เกิดยุค | เห็นความจะลามลุกวุ่นวาย | ||
| แม้นทราบถึงองค์ศรีปัตหรา | โทษาจะมีเป็นมากหลาย | ||
| ฉวยพระไม่ไต่ถามสิงามตาย | จะลงร้ายเอาว่ารู้ด้วยภูธร | ||
| จำจะลอบบอกความตามจริงไป | กราบทูลภูวไนยให้แจ้งก่อน | ||
| จึงเรียกนายรองเข้าห้องนอน | ให้เขียนอักษรสารา | ||
| ครั้นเสร็จแล้วส่งให้เสนี | นำคดีไปแจ้งแก่ยาสา | ||
| กราบทูลบทมาลย์พระผ่านฟ้า | ตามในกิจจาให้แจ้งการ ฯ | ||
| ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนีดีใจได้ไปบ้าน | ||
| อำลาปาเตะมิทันนาน | มาขึ้นพาชีชาญฉับไไว | ||
| ออกจากหมันหยาธานี | รีบตีอาชาเข้าป่าใหญ่ | ||
| นอนค้างอ้างแรมมาในไพร | ตรงไปกุเรปันพารา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงศาลาหน้าทิมดาบ | ตรงเข้าไปกราบท่านยาสา | ||
| แถลงเล่าเหตุผลแต่ต้นมา | แล้วส่งสาราให้ทันที ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ บัดนั้น | ยาสาแจ้งใจในสารศรี | ||
| ก็รีบพาเสนาจรลี | มายังที่พระโรงรจนา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ จึงบังคมทูลทันใด | ว่าปาเตะที่ไปหมันหยา | ||
| แต่งคนให้ถือหนังสือมา | จงทราบบาทาฝ่าธุลี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ช้า | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหราเรืองศรี | ||
| รับสารามาจากเสนี | พระองค์ทรงคลี่ออกอ่านพลัน | ||
| ว่าปาเตะถวายอภิวาท | เบื้องบาทพระผู้ผ่านไอศวรรย์ | ||
| ด้วยพระโอรสาลาวัณย์ | กำสรดโศกศัลย์ทุกวันไป | ||
| ตั้งแต่คลั่งไคล้ใหลหลง | ในองค์พระบุตรีศรีใส | ||
| ทั้งสองประหมันก็เป็นใจ | แยบเยื้อนเหมือนจะให้เยาวมาลย์ | ||
| ข้าได้ทูลเตือนเป็นหลายครั้ง | พระไม่ฟังพจนาว่าขาน | ||
| มิรู้ที่จะขืนขัดทัดทาน | จงกราบบทมาลย์พระภูมี ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ ครั้นอ่านเสร็จสิ้นในอักษร | ภูธรเคืองข้องหมองศรี | ||
| จึงส่งสารามาทันที | ให้ประไหมสุหรีทัศนา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเสนหา | ||
| อ่านสารสิ้นเรื่องเคืองอุรา | จึงทูลพระภัสดาทันใด | ||
| เหตุนี้ผู้ใหญ่แกล้งหน่วงเหนี่ยว | จะโทษเด็กข้างเดียวก็ไม่ได้ | ||
| ประสาหนุ่มจึงลุ่มหลงไป | จะทำให้ผิดกันด้วยฉันทา | ||
| ครั้นจะนิ่งดูทีบัดนี้เล่า | ไหนอิเหนาจะจากหมันหยา | ||
| แม้นมิให้ไปหาตัวมา | ก็เห็นว่าจะไม่เงือดงด | ||
| จงเอาอาการข้านี้บอกไป | ว่าตั้งใจครวญคร่ำกำสรด | ||
| ด้วยครรภ์ถ้วนจวนคลอดโอรส | กำหนดให้ลูกรักเร่งมา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพนาถา | ||
| เห็นต้องระบอบชอบอัชฌา | จึงตรัสเรียกยาสาทันที | ||
| ทรงสั่งให้ร่างราชสาร | แจ้งความตามคำประไหมสุหรี | ||
| ให้ลูกยากลับมาธานี | แต่ในเจ็ดราตรีอย่านอนใจ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ยาสารับสั่งบังคมไหว้ | ||
| ออกมาศาลาลูกขุนใน | เร่งให้เขียนราชสารา | ||
| ครั้นเสร็จจึงสั่งเสนี | จงถือสารศรีไปหมันหยา | ||
| ทูลเชิญเสด็จพระลูกยา | ให้กลับมาอย่านานเป็นการร้อน ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนาคำนับรับอักษร | ||
| อำลามาขึ้นอัสดร | ออกจากพระนครรีบไป ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงหมันหยาไม่หยุดยั้ง | ตรงไปติกาหรังที่อาศัย | ||
| เข้าหาพี่เลี้ยงภูวไนย | เอาสารส่งให้ทันที ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | จึงพระพี่เลี้ยงทั้งสี่ | ||
| ซักไซ้ได้ความตามคดี | แล้วเข้าไปในที่ไสยา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ จึงบังคมทูลแถลงแจ้งเหตุ | ว่าพระปิตุเรศนาถา | ||
| ให้เสนีถือหนังสือมา | แล้วถวายสาราภูวไนย ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นหม่นตรีศรีใส | ||
| ฟังข่าวผ่าวร้อนหฤทัย | จำใจคลี่สารออกอ่านพลัน ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ช้า | |||
| ๏ ในสารนั้นว่าพระมารดร | ให้อาวรณ์วิโยคโศกศัลย์ | ||
| แต่คอยคอยลูกยาเห็นช้าพลัน | ด้วยครรภ์นั้นถ้วนทสมาสตรา | ||
| เห็นอาการเจ็บจวนอยู่เนืองนิตย์ | ให้หนักจิตที่จะคลอดโอรสา | ||
| เกลือกจะอันตรายวายชีวา | ไหนเลยลูกยาจะเห็นใจ | ||
| จงเร่งกลับมายังธานี | แต่ในเจ็ดราตรีให้จงได้ | ||
| แม้นช้ากว่าที่กำหนดไว้ | ถึงจะมาก็ไม่ต้องการ ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ ครั้นอ่านเสร็จสิ้นในอักษร | เร่าร้อนหฤทัยดังไฟผลาญ | ||
| ให้อาลัยที่จะไกลเยาวมาลย์ | จะเบือนบิดคิดอ่านเห็นสุดที | ||
| จะไปทูลลาสองประหมัน | กลับไปกุเรปันกรุงศรี | ||
| คิดแล้วม้าทรงพาชี | จรลีเข้ายังวังใน ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงลงจากม้าต้น | ขึ้นบนปราสาททองผ่องใส | ||
| บังคมสองประหมันทันใด | แล้วทูลไปให้แจ้งกิจจา | ||
| บัดนี้สมเด็จพระบิดร | มิศุภอักษรให้หา | ||
| พระชนนีเจ็บครรภ์หลายวันมา | หลานรักจักลาไปธานี | ||
| ถ้าไปไม่ทันพระบรรหาร | เนิ่นนานก็จะเคืองบทศรี | ||
| แม้องค์พระชนกชนนี | มีความสวัสดีจะกลับมา ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | ||
| ทั้งประไหมสุหรีศรีโสภา | ฟังพระหลานลาก็อาลัย | ||
| คิดจะใคร่ทานทัดตรัสห้าม | ก็เกรงความนินทาไม่ว่าได้ | ||
| สององค์จึงอำนวยอวยชัย | เจ้าจงไปเป็นสุขทุกเวลา | ||
| น้านี้อยู่หลังทั้งสอง | จะทุกข์ทนหม่นหมองละห้อยหา | ||
| เช้าเย็นเคยเห็นพระนัดดา | ทีนี้น้าจะเปลี่ยวเปล่าเศร้าใจ ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ จึงมีพจนาบัญชาสั่ง | ดะหมังเสนาอัชฌาสัย | ||
| จงจัดของขวัญทั้งนั้นไซร้ | ตามในสุริย์วงศ์เทวัญ | ||
| ทั้งพี่เลี้ยงนางนมสมศักดิ์ | อุดมด้วยนรลักษณ์เลือกสรร | ||
| ชายหญิงสิ่งละร้อบครบครัน | ฝากไปทำขวัญพระนัดดา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกศส | |||
| มาจัดของขวัญดังบัญชา | แล้วมอบให้เสนากุเรปัน ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเฉิดฉัน | |||
| พิศพักตร์พระนัดดาลาวัณย์ | เห็นโศกศัลย์สร้อยเศร้าก็เข้าใจ | |||
| จึงตรัสเรียกราชบุตรี | เข้ามานั่งถึงนี่ให้ใกล้ | |||
| อิเหนาเขาจะลาคลาไคล | เจ้าจงบังคมไหว้พี่ยา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา | |||
| ได้ฟังชนนีตรัสมา | ให้ขวยเขินวิญญาณ์อารมณ์ | |||
| ต่อปิตุเรศเตือนจึงเคลื่อนคลาย | ระวังช่ายสะพักชักห่อม | |||
| ครั้นถึงหน้าที่นั่งก็บังคม | กราบก้มพักตราไม่พาที ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | |||
| คำนับรับไหว้นางเทวี | ภูมีดูนางไม่วางตา | |||
| ความรักหนักอุราด้วยอาลัย | จะจำไกลพุ่มพวงดวงยิหวา | |||
| องค์อ่อนถอนฤทัยไปมา | เหมือนจะบอกกัลยาให้รู้ที ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายฝูงสุรางค์นางสาวศรี | |||
| ต่างดูระเด่นมนตรี | แล้วพาทีซุบซิบสะกิดกัน | |||
| พระจริตเห็นผิดกิริยา | พักตราเศร้าสร้อยโศกศัลย์ | |||
| น่าจะทุกข์ทรมานรำคาญครัน | สงสารพระทรงธรรม์เป็นพ้นไป | |||
| เมื่อกี้ดูเหมือนจะเยื้อนสั่ง | ใครใครเห็นมั่งหรือหาไม่ | |||
| ชลเนตรคลอเนตรแล้วถอนใจ | เห็นอาลัยในองค์พระธิดา | |||
| บ้างว่าน่ารักพระโฉมตรู | จะใคร่ให้เสด็จอยู่หมันหยา | |||
| ถ้าได้กับพระบุตรีศรีโสภา | ดังจินดาประดับรับเรือนทอง | |||
| ลางนางบ้างว่าข้าชอบใจ | ทั้งในธรณีไม่มีสอง | |||
| ต่างคิดพิสมัยใจปอง | หม่นหมองไปทุกหน้านางกำนัล ฯ | |||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริยวงศ์เทวากระยาหงัน | |||
| อาลัยมิใคร่จะจรจรัล | จึ่งทูลสองประหมันทันที | |||
| แต่ตัวนี้หากจะจากไป | จำใจไกลเบื้องบทศรี | |||
| แม้นมิกังวลด้วยชนนี | หลานนี้ก็ยังไม่จากจร | |||
| ทูลพลางทางถวายบังคมลา | แล้วแลดูพระธิดาดวงสมร | |||
| ทำทีเหมือนจะสั่งบังอร | ภูธรถอนใจอาลัยลา | |||
| มาทรงพาชีฉับพลัน | หวั่นหวั่นถวิลถึงจินตะหรา | |||
| จึ่งขับมโนมัยไคลคลา | ตรงมาที่อยู่ภูวไนย ฯ | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | ||||
| ๏ ครั้นถึงลงจากม้าที่นั่ง | ขึ้นยังตำหนักที่อาศัย | |||
| จึ่งสั่งพี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ | จงไปจัดพหลมนตรี | |||
| แต่ในย่ำรุ่งให้เสร็จสรรพ | พรุ่งนี้จะกลับไปกรุงศรี | |||
| สั่งพลางย่างเยื้องจรลี | เข้าไปในที่ไสยา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ๏ พระบรรทมรำพึงถึงความรัก | ไม่ประจักษ์แจ้งจิตขนิษฐา | |||
| จะจำใจกลับไปพารา | อนิจจาจะทำประการใด | |||
| อันความทุกข์สุดทุกข์แสนทวี | เจ้าจะเห็นอกพี่บ้างหรือไม่ | |||
| คิดจะใคร่แจ้งความแก่ทรามวัย | จึงสั่งให้หาดอกลำเจียกมา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | วิเดนกิดาหยันหรรษา | |||
| รับสั่งแล้วบังคมลา | ออกมายังสวนมาลี | |||
| เก็บได้ดอกปะหนันมิทันนาน | ใส่พานเข้าไปในที่ | |||
| ประนมก้มเกล้าดุษฎี | แล้วถวายมาลีภูวไนย ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวาอัชฌาสัย | |||
| จึ่งหยิบมาลามาทันใด | ภูวไนยนิ่งนึกตรึกตรอง | |||
| เอานขาจารึกกลีบปะหนัน | ผูกพันเพลงยาวเคล่าคล่อง | |||
| แจ้งความตามซึ่งคะนึงน้อง | เป็นทำนองครวญคร่ำรำพัน | |||
| แล้วเอาซ่าโบะห่อดอกไม้ | ส่งให้วิเดนกิดาหยัน | |||
| ธำมรงค์สองวงนอกนั้น | ให้พี่เลี้ยงสาวสวรรค์กัลยา | |||
| จงรับแหวนไว้พลางพลาง | เป็นค่าจ้างวานถวายบุหงา | |||
| อันซ่าโบะของเราเอามา | ขอเปลี่ยนผ้าบุรีสไบพรต ฯ | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | วิเยนรับสั่งใส่เกศี | |||
| ถวายบังคมอัญชลี | ออกจากที่ไสยาแล้วคลาไคล ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | ||||
| ๏ มาถึงทิมริมดรงรอเฝ้า | ก็แวะเข้านั่งหยุดอาศัย | |||
| พอเห็นนางค่อมาแต่ไกล | เดินเคียงเข้าใกล้แล้พาที | |||
| จะเข้าไปในวังข้าสั่งด้วย | เอ็นดูช่วยบอกพี่เลี้ยงสองศรี | |||
| บาหยันซ่าเหง็ดชนนี | ว่าลูกนี้จะลาไปเวียงชัย ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | นางค่อมงวยงงสงสัย | |||
| รับคำรีบลาคลาไคล | เข้าในห้องฉนวนด่วนมา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ ฉุยฉาย | ||||
| ๏ จึ่งบอกสองพี่เลี้ยงนารี | บัดนี้เจ้าบ่าวน้อยมาคอยหา | |||
| ให้บอกสองท่านผู้มารดา | มีธุระจะลาไปธานี ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงจึงว่าแก่ทาสี | |||
| หลากใจใครหนอช่างพาที | ล้อเล่นเช่นนี้น่าน้อยใจ | |||
| ร้ายดีจะไปดูให้รู้จัก | ลูกรักของข้ามาแต่ไหน | |||
| จึงพาดุหวาค่อมคลาไคล | ออกไปยังนอกทวารา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เพลง | ||||
| ๏ บัดนั้น | วิเยนเห็นสองนางก็มาหา | |||
| นั่งไหว้แล้วแถลงแจ้งกิจจา | โดยดังบัญชาพระทรงธรรม์ | |||
| แหวนนี้ประทานมารดร | จงช่วยธุระร้อนผ่อนผัน | |||
| ถึงใจให้พลางเป็นรางวัล | วานถวายดอกปะหนันนงเยาว์ | |||
| อันซ่าโบะรอยทรงจงพระทัย | จะขอเปลี่ยนสไบโฉมเฉลา | |||
| แจ้งความตามสั่งสิ้นสำเนา | แล้วเอาธำมรงค์ใส่ให้นาง ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงทั้งสองไม่หมองหมาง | |||
| ยิ้มอยู่ในหน้าแล้วว่าพลาง | ชิช่างฉลาดหลอกให้ออกมา | |||
| จึ่งรับเอาแหวนทั้งสองวง | กับผ้าทรงที่ห่อบุหงา | |||
| จะถวายให้ตามพระบัญชา | ว่าแล้วก็พากันกลับไป ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ๏ ครั้นถึงจึ่งเข้าไปในห้อง | ทั้งสองพิศวงสงสัย | |||
| จึงคลี่ห่อปะหนันออกทันใด | เห็นอักษรเขียนใส่กลีบมาลา | |||
| ถ้อยคำร่ำว่าโอดครวญ | น้ำนวลน่ารักเป็นหนักหนา | |||
| แต่เฝ้าอ่านสารซ้ำไปมา | สรวลสันต์หรรษาพาที ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหรามารศรี | |||
| ได้ยินเสียงสรวลระริกซิกซี้ | จึ่งจรลีมาดูด้วยพลัน | |||
| เห็นสองพี่เลี้ยงกัลยา | พิศดูบุหงาแล้วสรวลสันต์ | |||
| เมื่อกี้พี่ว่าอะไรกัน | บุหงาปะหนันนั้นของใคร ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | ทั้งสองกัลยาอัชฌาสัย | |||
| ดูตายิ้มพริ้มไป | แล้วทูลอรทัยพระธิดา | |||
| ข้าไปสะตาหมันวันนี้ | เคราะห์ดีได้บุหงาในห่อผ้า | |||
| นึกเดาเจ้าของลองปัญญา | ไม่รู้ว่าจะเป็นของใคร ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | จินตะหราพาซื่อไม่สงสัย | |||
| หยิบบุหงามาดูทันใด | อรไทเห็นสารก็อ่านพลัน ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ช้า | ||||
| ๏ ในลักษณ์อักษรเสนหา | ของพี่ยาจารึกกลีบปะหนัน | |||
| มาแจ้งความทรามวัยวิไลวรรณ | ด้วยผูกพันพิศวาสไม่คลาดคลาย | |||
| แต่ทุกข์ตรอมจนผอมผิดร่าง | เจ้าไม่เห็นบ้างหรือโฉมฉาย | |||
| ถึงจะม้วยชีวันอันตราย | ก็ไม่หมายว่าจะคืนพารา | |||
| นี่เนื้อชะรอยกรรมได้ทำไว้ | จะจำไกลพุ่มพวงดวงยิหวา | |||
| มิรู้ที่จะแข็งขัดพระบัญชา | จะขอลาโฉมยงอยู่จงดี | |||
| ซ่าโบะจะขอเปลี่ยนสไบนาง | ไปชมพลางต่างพักตร์ยาหยี | |||
| กับทั้งชานสลาจงปรานี | เหมือนช่วยชูชีวีของพี่ไว้ | |||
| ถึงกลับไปก็ไม่อยู่ช้า | จะคืนมาชมชิดพิสมัย | |||
| จงเป็นมิตรไมตรีแต่นี้ไป | ดังได้ตุนาหงันกันมา ฯ | |||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||||
| ร่าย | ||||
| ๏ ครั้นอ่านเสร็จสิ้นอักษร | ชอบพระทัยในกลอนที่วอนว่า | |||
| แต่เล่ห์กลสตรีมีมารยา | ทำโกรธาทิ้งประหนันเสียทันใด | |||
| จึ่งว่าชอบขอบใจพี่เจ้า | ช่างเอาบุหงาใครมาให้ | |||
| แย้มเยื้อนเหมือนหนึ่งไม่เข้าใจ | ยิ้มละไมในหน้าพาที | |||
| จะมาเสใส่ข้าว่าไรเล่า | พิสมัยก็เอาเป็นผัวพี่ | |||
| ผู้ใหญ่อะไรอย่างนี้ | ไม่มีความคิดสักนิดเดียว | |||
| ช่างเชื่อลิ้นหลงเลห์ลมชาย | หวานนักมักกลายเป็นเปรี้ยว | |||
| อย่าพักพูดบ่ายเบี่ยงเลี่ยงเลี้ยว | ล่อลวงหน่วงเหนี่ยวเกี่ยวพัน | |||
| ไม่เจียมตนจะไปปนที่สูงศักดิ์ | เห็นเกินหน้าน้องนักพี่บาหยัน | |||
| ดังกระต่ายหมายชมดวงจันทร์ | อะไรนั่นพาทีไม่มีอาย ฯ | |||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | สองพี่เลี้ยงเล้าโลมโฉมฉาย | |||
| ใจจะแกล้งแสร้งเสเพทุบาย | คิดหมายว่ามิใช่หาไหนมา | |||
| ก็นับในสุริยวงศ์พงศ์พันธุ์ | จะกระไรว่ากันนักหนา | |||
| สมศักดิ์สมสกุลทั้งสองรา | นี่พี่หากว่าประสากัน | |||
| ถึงมาตรไม่จงจิตคิดปอง | แต่อย่าข้องเคืองเคียดเดียดฉันท์ | |||
| สงสารพระองค์วงศ์เทวัญ | โศกศัลย์วอนว่าน่าปรานี | |||
| ในสารว่าจะขอเปลี่ยนสไบ | จะบิดเบือนมิให้ก็ใช่ที่ | |||
| โฉมยงทรงคิดจงดี | พระภูมีจะละห้อยน้อยใจ ฯ | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | จินตะหราวาตีศรีใส | |||
| ฟังพี่เลี้ยงสนองต้องฤทัย | ให้อาลัยในองค์พระทรงธรรม์ | |||
| แต่ปากนางหากทำเป็นว่า | สมเพชเวทนาพี่บาหยัน | |||
| ช่างลุ่มหลงงงงวยไปด้วยกัน | สารพันล้วนเห็นว่าเป็นดี | |||
| อย่ามาเฝ้าเซ้าซี้ให้ขัดใจ | จะอย่างไรก็ตามความคิดพี่ | |||
| ว่าพลางย่างเยื้องจรลี | เข้าไปในที่ไสยา ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | สองศรีพี่เลี้ยงเสนหา | |||
| แจ้งใจในทีพระธิดา | ก็ตามมายังที่บรรทม | |||
| ครั้นถึงจึงประณตบทมาลย์ | นบนอบหมอบคลานกรานก้ม | |||
| บาหยันทำสนิทชิดชม | บังคมแล้วทูลไปทันใด | |||
| โฉมยงจงทรงพระเมตตา | วันนี้ข้าหนาวเหน็บเหมือนเป็นไข้ | |||
| จะขอผ้ารอยทรงองค์อรทัย | แม้นโปรดได้ให้ห่มจะค่อยคลาย | |||
| ว่าพลางทางทำเฉยหน้า | หยิบยกพานผ้ามาถวาย | |||
| แต่เฝ้าเตือนเยื้อนยิ้มพริ้มพราย | จงเปลี่ยนเปลื้องจากกายกัลยา ฯ | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา | |||
| เสแสร้งแกล้งกล่าววาจา | รำคาญวานอย่าให้ขัดใจ | |||
| น้องหรือจะรู้เท่าทัน | เชิงชั้นแยบยลคนผู้ใหญ่ | |||
| นางค้อนเคืองเปลื้องเปลี่ยนผ้าสไบ | ทำทิ้งประชดให้ด้วยมารยา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงบาหยันหรรษา | |||
| หยิบสไบรอยทรงนั้นมา | พัดพาดอังสาแล้วพาที | |||
| ครั้งี้เห็นแท้แน่ตระหนัก | ว่าโฉมยงนงลักษณ์รักพี่ | |||
| ว่าพลางทางทำยินดี | อัญชลีแลดูตากัน ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงบาหยันหรรษา | |||
| หยิบสไบรอยทรงนั้นมา | พัดพาดอังสาแล้วพาที | |||
| ครั้งี้เห็นแท้แน่ตระหนัก | ว่าโฉมยงนงลักษณ์รักพี่ | |||
| ว่าพลางทางทำยินดี | อัญชลีแลดูตากัน ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | ซ่าเหง็ดรู้กิริยาบาหยัน | |||
| จึงทูลองค์อรทัยวิไลวรรณ | ทำเจ็บฟันปวดป่วยเป็นพ้นไป | |||
| รำมะนาดเจ้ากรรมทำวิบาก | จะเคี้ยวสลาอ้าปากก็ไม่ได้ | |||
| จึงหยิบหมากมาถวายทันใด | ทรามวัยได้โปรดเคี้ยวประทาน ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหราจึงว่าขาน | ||
| อะไรนี่มีแต่บอกอาการ | บ้างขอผ้าขอชานรำคาญใจ | ||
| เวทนามาเฝ้าเซ้าซี้ | เช่นนี้น่าชังมั่งหรือไม่ | ||
| จึงรับหมากมาเคี้ยวประเดี๋ยวใจ | แล้วส่งให้ซ่าเหง็ดด้วยเมตตา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ซ่าเหง็ดได้ประทานชานสลา | ||
| สะกิดเตือนบาหยันกัลยา | บังคมลามาจากเยาวมาลย์ | ||
| เดินด่วนชวนกันเข้ในห้อง | ทั้งสองประดิษฐ์คิดอ่าน | ||
| เจียนตองแต่พอห่อชาน | ใส่ผอบเอาพานทองรอง | ||
| แล้วพับผ้ารอยทรงองค์อรไท | ซ่อนใส่สไบห่มปิดป้อง | ||
| มิให้ใครสงสัยในทำนอง | ทั้งสองกัลยาคลาไคล ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ เพลง | |||
| ๏ ถึงฉนวนก็ชวนกันหยุดอยู่ | ตรงประตูหูช้างข้างใต้ | ||
| แกล้งส่งเสียงดังกระทั่งไอ | พยักให้วิเยนเป็นสำคัญ ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | วิเยนรู้แยบคายก็ผายผัน | ||
| เข้ามานั่งลงตรงที่นั้น | ไหว้สองสาวสรรค์กัลยา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ซ่าเหง็ดบาหยันก็หรรษา | ||
| ครั้นเห็นวิเยนเข้ามา | เหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นใคร | ||
| จึงหยิบชานสลากับผ้าทรง | สองนางนั่งลงแล้วส่งให้ | ||
| สั่งว่าข้าถวายบังคมไป | ด้วยตั้งใจจงรักภักดี | ||
| เสด็จไปอย่าได้อยู่ช้า | รีบกลับมาหมันหยากรุงศรี | ||
| จงจำถ้อยคำของข้านี้ | ไปทูลภูมีดังวาจา ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | วิเยนยินดีเป็นหนักหนา | ||
| คำนับรับคำแล้วอำลา | กลับมาที่อยู่พระภูมี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯเชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงถวายผ้าสไบ | กับผอบที่ใส่ชานพระศรี | ||
| แล้วแถลงแจ้งความตามคดี | โดยที่พี่เลี้ยงสั่งมา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ช้า | |||
| เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวัญหรรษา | ||
| ชื่นชมด้วยสมดังจินดา | พระราชาเวยชานสำราญใจ | ||
| ซึ่งทรงแสนโศกสร้อยเศร้า | ค่อยบรรเทาทุกข์ทนหม่นไหม้ | ||
| จึ่งหยิบผ้ารอยทรงทรามวัย | ภูวไนยเอาคลี่คลุมองค์ | ||
| กลิ่นร่ำน้ำกุหลาบอาบอบ | หอมตลบจับใจใหลหลง | ||
| คล้ายคล้ายหมายเหมือนรูปทรง | โฉมยงนงค์เยาว์เข้ามา | ||
| พระแย้มยิ้มพริ้มพรายทายทัก | พลางพยักกวักเรียกขนิษฐา | ||
| หยุดอยู่นั่นไยไม่ไคลคลา | เชิญมาพาทีด้วยพี่ชาย | ||
| แลตะลึงแลเล็งเพ่งพิศ | เห็นผิดมิใช่นางโฉมฉาย | ||
| พระผินผันบรรทมสะเทินอาย | กรก่ายเขนยนึกจนหลับไป ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนาปาเตะผู้ใหญ่ | ||
| ทั้งสี่พี่เลี้ยงภูวไนย | ออกไปเร่งรัดจัดพล ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ยานี | |||
| ๏ ขุนช้างผูกช้างในกลางคืน | มายืนเยียดยัดอัดถนน | ||
| บ้างขนของเครื่องอานอลวน | ประทับบนสัปคับคชา | ||
| ขุนม้าผูกม้าพาชี | เคยขี่ควบขับสำหรับเขา | ||
| ขุนรถเร่งเทียมอาชา | ประทับเกยคอยท่าภูธร | ||
| ขุนพลตรวจพลนายไพร่ | เจ็บปวดป่วยไข้ให้ไปก่อน | ||
| สับสนอลหม่านไม่หลับนอน | หาบคอนผ่อนล่วงแต่กลางคืน ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนานายมุลขุนหมื่น | ||
| บ้างเต้นรำทำเพลงเครงครื้น | ดีใจจะได้คืนไปพารา | ||
| ที่ป่วยเจ็บจับไข้ได้ข่าว | ก็หายหนาวไม่พักห่มผ้า | ||
| เรียกเพื่อสบู่ฝิ่นกินน้ำชา | พูดจาเย้าหยอกกันออกอึง | ||
| บ้างหาสิ่งของสำรองไป | จะได้ให้กำนัลกันเมียหึง | ||
| ถึงแม่ยายพ่อตาจะมึนตึง | ได้เล็กน้อยหน่อยหนึ่งก็จะคลาย | ||
| ที่มีภรรยาเป็นข้าหลวง | ก็เป็นห่วงด้วยหาของถวาย | ||
| แพรหลินเลี่ยงโผโล่ลาย | หวังจะให้เจ้านายโปรดปราน | ||
| พวกนักเลงกลอนแขกก็เสาะหา | หนังแพะหนาหนาทำหน้าต่าน | ||
| ต่างคนหาของที่ต้องการ | จะไปบ้านมิให้เสียคราว | ||
| พวกสันทัดกาพย์กลอนก็นอนคิด | แต่งลิลิตโคลงกระทู้ให้ชู้สาว | ||
| บ้างทำเรื่องนิราศเพลงยาว | ว่ากล่าวบทกลอนเพราะพริ้ง | ||
| ที่มีแม่เลี้ยงก็ไปหา | อาลัยลาละห้อยอ้อยอิ่ง | ||
| ขอยืมผ้าห่มนอนวอนวิง | ทำทางเล่นทางจริงลองใจ | ||
| บรรดาโยธาทุกหมวดกอง | คับคั่งทั้งท้องถนนใหญ่ | ||
| เสียงตีฆ้องกระแตแซ่ไป | นายไพร่ตรวจตราหากัน ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน | ||
| ครั้นจะใกล้ไขสีวีสรรณ | ทรงธรรม์บรรทมตื่นฟื้นองค์ | ||
| เสียงไก่กระชั้นขันขาน | แซ่ประสานสำเนียงเสียงบุหรง | ||
| เสด็จออกจากแท่นสุวรรณบรรจง | มาชำระสระสรงสินธู ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
| โทน | |||
| ๏ น้ำใสไขฝักปทุมทอง | ผินผันหันขนองเข้ารองสู้ | ||
| ทรงสุคนธ์ปนสุวรรณกำภู | หอมระรื่นชื่นชูกลิ่นชะมด | ||
| สอดใส่สนับเพลสเนาหน่วง | โขมพัตถ์พื้นม่วงก้านขด | ||
| ฉลององค์อินทรธนูสะบัดคต | ดุมประดับมรกตรจนา | ||
| เจียรบาดตาดสุวรรณวาววับ | กรองศอซ้อนสลับทับอังสา | ||
| ตาบทิศทับทรวงดวงจินดา | พาหาพาหุรัดทองกร | ||
| ธำมรงค์ลงยาประดับเพชร | แต่ละเม็ดยอดใหญ่เท่าบัวอ่อน | ||
| ทรงมหามงกุฎกรรเจียกจอน | กรายกรกุมกริชจรลี ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เพลง | |||
| ร่าย | |||
| ๏ มาทรงรถแก้วแววไว | พออุทัยเรืองรองผ่องศรี | ||
| พรั่งพร้อมพหลมนตรี | คลายคลี่รี้พลยาตรา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นออกมานอกทวารวัง | เหลียวหลังดูปราสาทจินตะหรา | ||
| ตั้งแต่แลตะลึงจลับตา | ยังเปลี่ยวเปล่าวิญญาณ์เยือกเย็น | ||
| โอ้ดวงยิหวายาใจพี่ | แต่นี้นานช้าจะมาเห็น | ||
| จะทุกข์ถึงคะนึงนางไม่วางเว้น | ด้วยจำเป็นจำใจไคลคลา | ||
| พระเสด็จมาในพิชัยรถ | เร่งรันทดฤทัยถวิลหา | ||
| รีบรัดจัตุรงค์ตรงมา | เดินโดยมรคาพนาดร ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | |||
| ร่าย | |||
| ๏ ครั้นถึงที่ประทับยับยั้ง | พระสุริย์ฉายบ่ายบังสิงขร | ||
| จึ่งหยุดโยธาพลกร | ภูธรเสด็จขึ้นพลับพลา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ บัดนั้น | ปะตะเสนีมียศถา | ||
| ออกมากำชับสั่งโยธา | ให้ตรวจตราตระเวนเกณฑ์กัน | ||
| บ้างนั่งยามตีเกราะเคาะฆ้อง | ทุกกองทุกหมวดกวดขัน | ||
| ตั้งตาริ้วรายหลายชั้น | รอบสุวรรณพลับพลาพนาลี ฯ | ||
| ฯ ๕ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| ครั้นล่วงปฐมยามราตรี | ก็เข้าสู่แท่นที่ไสยา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ช้า | |||
| ๏ พระกรก่ายพักตราจาบัลย์ | หวั่นหวั่นถวิลถึงจินตะหรา | ||
| ป่านฉะนี้โฉมตรูอยู่พารา | จะนิทราหลับแล้วหรือฉันใด | ||
| เจ้าจะมีมิตรจิตคิดคะนึง | รำลึกถึงพี่บ้างหรือหาไม่ | ||
| เห็นทีขนิษฐายาใจ | จะโหยหาอาลัยถึงพี่ชาย | ||
| แต่ครุ่นครวญรวนเรคะเนนึก | จนยามดึกเดือนส่องแสงฉาย | ||
| พระเผยม่านสุวรรณพรรณราย | ลมชายตามช่องมาต้ององค์ | ||
| น้ำค้างพร่างพรมสุมามาลย์ | เบ่งบานแย้มกลีบกลิ่นส่ง | ||
| หอมละม้ายคล้ายกลิ่นโฉมยง | พระเคลิ้มองค์หลงขับขึ้นฉับพลัน ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| พัดชา | |||
| ๏ ดวงเอยดวงยิหวา | งามอย่างนางฟ้ากระยาหงัน | ||
| นวลละอองผ่องพักตร์ผิวพรรณ | ดังบุหลันทรงกลดหมดมลทิน | ||
| งามเนตรดั่งเนตรมฤคมาศ | งามขนงวงวาดดั่งวงศิลป์ | ||
| อรชรอ้อนแอ้นดั่งกินริน | งามสิ้นทุกสิ่งพริ้งพร้อม | ||
| แต่เห็นน้องก็ต้องหฤทัย | พิสมัยไม่วายหวังถนอม | ||
| แสนทุกข์ระทมตรมตรอม | จะผ่ายผอมผิดรูปซูบทรง | ||
| โอ้ว่ายาหยีของพี่เอ๋ย | เมื่อไรเลยจะได้ดังประสงค์ | ||
| พระชมสไบบางต่างโฉมยง | เอนองค์ลงบรรทมหลับไป ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ ตระ ประทมไพร | |||
| ชา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายประไหมสุหรีสีใส | ||
| แต่ละห้อยคอยหาพระดนัย | นางไม่เป็นสุขสักเวลา | ||
| พระครรภ์สิบเดือนโดยกำหนด | จะประสูติโอรสเสนหา | ||
| ให้เจ็บปวดรวดเร้าทั้งกายา | ประหนึ่งว่าโฉมฉายจะวายปราณ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ บัดนั้น | นางกำนัลต่างคนอลหม่าน | ||
| บ้างเข้าประคององค์นงคราญ | หมอผู้หญิงอยู่งานผันแปร | ||
| เหล่าพวกข้าหลวงก็ตกใจ | บ้างวิ่งไปบอกกล่าวท่านเถ้าแก่ | ||
| เจ้าขรัวนายออกมานั่งสั่งหุ้มแพร | ให้เครียมแตรพิณพาทย์ฆ้องชัย | ||
| แล้วหมายไปบอกเบิกน้ำสุรา | สำหรับยาจะได้ดองสักสองไห | ||
| เตือนเจ้าพนักงานทหารใน | ให้ยกที่ประทมไฟเข้าไปพลาง | ||
| เชื้อพระวงศ์ทรงถือเขนยทอง | นั่งหนุนพระขนองทั้งสองข้าง | ||
| เห็นโฉมฉายประชวรครวญคราง | กำนัลนางน้อยน้อยพลอยตีทรวง | ||
| บ้างเร่งหาหมอยาหมอนวด | เรียกตำรวจเข้ามาผูกผ้าหน่วง | ||
| บ้างต้มน้ำทำการทั้งปวง | ในเรือนหลวงวิ่งไข่กันไปมา | ||
| ที่นับถือผีสางบางคน | ก็บวงบนเอาเบี้ยขึ้นเหน็บฝา | ||
| บ้างอวดรู้ดูยามสามตา | จะประสูติในไม่ช้าเวลานี้ | ||
| เหล่าพวกเจ้าจอมหม่อมอยู่งาน | ก็ลนลานคลานเข้าไปในที่ | ||
| ชิงกันเอาหน้าพาที | ทูลคดีให้ทราบบาทา | ||
| ฯ ๑๔ คำ เจรจา ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผ่านภพกุเรปันนาถา | ||
| ครั้นแจ้งก็รีบลีลา | ลงมาที่อยู่เยาวมาลย์ | ||
| ทรงนั่งบัลลังก์รัตน์รูจี | พิศพักตร์มารศรีแล้วสงสาร | ||
| จึงกำชับหมอผู้หญิงที่อยู่งาน | ดูอาการกัลยายิ่งอาวรณ์ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีสมร | ||
| เจ็บจวนประชวรพระอุทร | บังอรไม่เป็นสมประดี | ||
| ครั้นปัจจุสมัยใกล้สว่าง | เสียงประโคมดุริยางค์อึงมี่ | ||
| พอได้ฤกษ์เวลานาที | มารศรีประสูติพระธิดา | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ มโหรี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์มเดหวีเสนหา | ||
| รับราชบุตรีนั้นมา | โสรจสรงธาราทันใด | ||
| แล้ววางองค์ลงเหนือพระยี่ภู่ | ลาดปูโขมพัตถ์ผ่องใส | ||
| แล้วเอาพานทองรองรับไว้ | ที่ในกระโจมแพรแสสุวรรณ | ||
| พระวงศามาเฝ้าพิทักษ์ถนอม | แน่นนั่งพรั่งพร้อมรับขวัญ | ||
| ท้าวนางพระสนมกำนัล | ชวนกันชื่นชมยินดี | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านกุเรปันกรุงศรี | ||
| พิศโฉมพระราชบุตรี | ลออองค์อินทรีย์เพียงนางฟ้า | ||
| อันนิมิตที่เป็นให้เห็นนั้น | ก็เหมือนกันกับบุตรีดาหา | ||
| จึงให้นามตามวงศ์เทวา | ชื่อระเด่นวิยดานารี | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายมหาอำมาตย์ทั้งสี่ | ||
| จึงจัดบุตรเสนาบรรดามี | แปดร้อยนารีจำเริญวัย | ||
| ทั้งเงินทองของขวัญต่างๆ | ตามอย่างพระธิดาประสูติใหม่ | ||
| ให้เถ้าแก่โขลนจ่าพาเข้าไป | ยังในนิเวศน์วังพลัน | ||
| ต่างบังคมคัลอัญชลี | องค์ศรีปัตหรารังสรรค์ | ||
| ตำมะหงงยาสาเสนานั้น | ทูลถวายของขวัญทันที | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกุเรปันเรืองศรี | ||
| ยิ่งทรงโสมนัสพันทวี | จึงจัดสี่พี่เลี้ยงพระธิดา | ||
| ล้วนบุตรเสนีมีศักดิ์ | นรลักษณ์รูปทรงวงศา | ||
| คนหนึ่งชื่อบาหยันกัลยา | ซ่าเหง็ดโสภานารี | ||
| หนึ่งชื่อประเสหรันแน่งน้อย | ประลาหงันแช่มช้อยโฉมศรี | ||
| ตำแหน่งที่พี่เลี้ยงพระบุตรี | ตั้งได้แต่สี่พารา | ||
| อันบุตรเสนีทั้งนั้น | แบ่งเป็นกำนัลซ้ายขวา | ||
| แล้วประทานสิ่งของนานา | เงินทองแพรผ้าสารพัน | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน | |||
| เนาในพลับพลาพนาวัน | สุริยันเยี่ยมยอดบรรพต | |||
| จึงเข้าที่ชำระสระสรง | ทรงเครื่องประดับองค์อลงกต | |||
| แล้วเสด็จขึ้นยังบัลลังก์รถ | ให้เคลื่อนทศโยธาคลาไคล | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | ||||
| ชมดง | ||||
| ๏ เดินพลางทางชมรุกขชาติ | เดียรดาษดวงดอกออกไสว | |||
| หอมประทิ่นเหมือนกลิ่นทรามวัย | ภูวไนยถวิลหาปรารภ | |||
| สกุณาพาคู่เคียงบิน | เหมือนเคียงพักตร์ทักษิณที่พระศพ | |||
| โนรีเรียงหน้าบนค่าคบ | เหมือนพี่แสร้งแกล้งกระทบอังสานาง | |||
| นกขมิ้นบินโผเข้าพงพี | เหมือนเจ้าเดินหนีพี่ไปให้ห่าง | |||
| สีชมพูเหมือนสีสะใบบาง | ที่เปลี่ยนมากลางทางแทนองค์ | |||
| นางนวลเล่นน้ำอยู่ในหนอง | เหมือนนวลน้องเมื่อสนานในสระสรง | |||
| ชมพลางทางระทดกำสรดทรง | ให้รีบรัดจตุรงค์จรลี | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | ||||
| ร่าย | ||||
| ๏ แต่รอนแรมนอนป่าสิบห้าวัน | ลุถึงกุเรปันกรุงศรี | |||
| ให้หยุดรถคชพลพาชี | ภูมีเสด็จไปเข้าในวัง | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เพลง | ||||
| ๏ ครั้นถึงปราสาทพระธิดา | ฝูงกำนัลกัลยาพร้อมพรั่ง | |||
| พระหยุดแฝงทวารบานบัง | ยับยั้งดูทีกิริยา | |||
| เห็นพระบิตุเรศมารดร | สโมสรสรวลสันต์หรรษา | |||
| จึงเข้าไปในปราสาทรจนา | วันทาพระชนกชนนี | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี | |||
| เห็นอิเหนาเข้ามาอัญชลี | จึงมีมธุรสพจนา | |||
| นี่หากว่าชีวันไม่บรรลัย | จึงได้เห็นพักตร์โอรสา | |||
| มิเสียแรงกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงมา | เสนหาก็ไม่เสียที | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ร่าย | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | |||
| ก้มเกล้าทูลสนองพระเสาวนีย์ | อันโทษาลูกนี้ผิดนัก | |||
| ได้ทูลลาว่าจะมาเป็นหลายหน | สองประหมันนั้นก่นแต่หน่วงหนัก | |||
| ต่างองค์อาลัยด้วยใจรัก | หาญหักห้ามไว้มิให้มา | |||
| ต่อได้แจ้งอาการในสารศรี | ว่าชนนีจะคลอดโอรสา | |||
| พระจึงอวยให้ลูกไคลคลา | รีบเดินทั้งทิวาราตรี | |||
| จะว่าไปก็ในลูกผิดเอง | เหมือนไม่เกรงเบื้องบาทบทศรี | |||
| ถึงประหมันมิให้อัญชลี | แม้นมิฟังใช่ที่จะทำไม | |||
| ตกแต่งเกรงผู้อื่นนั้นยิ่งกว่า | พระบิตุเรศมมารดาเป็นใหญ่ | |||
| ลูกได้พลั้งผิดคิดเบาใจ | ขอพระองค์จงได้เมตตา | |||
| แล้วทูลถวายของขวัญ | สองประหมันประทานขนิษฐา | |||
| พระพินิจพิศโฉมวิยดา | เสนหาพ่างเพียงดวงใจ | |||
| พลางดูทำนองสองกษัตริย์ | เห็นค่อยคลายเคืองขัดอัชฌาศรัย | |||
| จึงบังคมลาคลาไคล | เสด็จไปที่อยู่พระภูมี | |||
| ฯ ๑๔ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ช้า | ||||
| ๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงท้าวดาหากรุงศรี | |||
| แจ้งว่าพระเชษฐาธิบดี | มีราชบุตรีโสภา | |||
| จึงให้จัดของขวัญทันใด | ตามในสุริย์วงศ์อสัญหยา | |||
| ทั้งของตุนาหงันกัลยา | ให้อะหนะสียะตราลูกรัก | |||
| ตำมะหงงจงนำสารไป | กราบทูลภูวไนยให้ประจักษ์ | |||
| ว่าเรากับขนิษฐาสามิภักดิ์ | คิดถึงพระทรงศักดิ์เป็นพ้นไป | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ร่าย | ||||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงรับสั่งบังคมไหว้ | |||
| ออกมาจัดของขวัญทันใด | ใส่ในราชรถเรียงรัน | |||
| ตำมะหงงทั้งสี่นั้นขึ่ม้า | รีบยกโยธาผายผัน | |||
| นอนทางค้างแรมมาหลายวัน | ตรงไปกุเรปันธานี | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | ||||
| ๏ พอพบเสนาเมืองกาหลัง | อีกทั้งสิงหัดส่าหรี | |||
| สามนายก็พากันจรลี | เข้าในบุรีกุเรปัน | |||
| ไปหายาสาตำมะหงง | จึ่งส่งบรรณาการของขวัญ | |||
| เวลาเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | ก็พากันเข้าสู่พระโรงชัย | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ๏ ต่างประนมก้มเกล้าเคารพ | พระปิ่นภพกุเรปันเป็นใหญ่ | |||
| ตำมะหงงมหาเสนาใน | ทูลไปให้แจ้งกิจจา | |||
| บัดนี้พระอนุชาทั้งสาม | มีความโสมนัสเป็นหนักหนา | |||
| ให้เสนีนำบรรณาการมา | ทำขวัญพระนัดดายาใจ | |||
| แต่ศรีปัตหราดาหานั้น | ตุนาหงันพระบุตรีศรีใส | |||
| ให้สียะตราโอรสยศไกร | ตามในสุริย์วงศ์เทวา | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านกุเรปันนาถา | |||
| จึงมีพระราชบัญชา | ปราศรัยเสนาทั้งสามคน | |||
| ซึ่งมาท่าทางทุรัศสถาน | เทศกาลเป็นห้าฟ้าฝน | |||
| กันดารโดยมรคาอารญ | ไพร่พลยังพร้อมมูลกัน | |||
| อันพระอนุชาทั้งสามองค์ | ยังดำรงไอสูรย์เกษมสันต์ | |||
| อยู่เย็นเป็นสุขทุกนิรันดร์ | ฤาโรคันอันตรายสิ่งใด | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | สามเสนาทูลสนองไข | |||
| เดชะพระเดชปกเกศไป | มรคามาได้สะดวกดาย | |||
| อันสามสมเด็จพระอนุชา | กับพระญาติวงศาทั้งหลาย | |||
| มิได้มีไภยันอันตราย | กราบถวายบังคมด้วยภักดี | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นกุเรปันกรุงศรี | |||
| จึงหันพักตรามาพาที | กับประไหมสุหรีนงเยาว์ | |||
| อันระเด่นบุษบาดาหานั้น | ได้ไปตุนาหงันให้อิเหนา | |||
| บัดนี้วิยะดาลูกเรา | ฝ่ายเขามาขอให้สียะตรา | |||
| ถ้อยทีมีใจจำนง | มิให้เสียสุริย์วงศ์อสัญหยา | |||
| จะโอนอ่อนผ่อนตามอนุชา | กัลยาจะเห็นประการใด | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส | |||
| เคารพอภิวันท์แล้วทูลไป | ตามแต่ภูวไนยจะโปรดปราน | |||
| มิใช่ว่าอื่นไกลหาไหนมา | สียะตราหนึ่งหรัดก็เป็นหลาน | |||
| น้องมิได้แข็งขัดทัดทาน | ให้เคืองบทมาลย์พระผ่านฟ้า | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผ่านภพกุเรปันหรรษา | |||
| จึงดำรัสตรัสสั่งเสนา | จงบอกแก่อนุชาทั้งสามเมือง | |||
| ว่าเราอำนวยอวยชัย | ทุกข์โศกโรคภัยจงปลดเปลื้อง | |||
| อย่ารู้มีอันตรายระคายเคือง | ให้รุ่งเรืองเดชากฤษฎาการ | |||
| ซึ่งพระอนุชาดาหานั้น | ให้มาตุนาหงันว่าขาน | |||
| ก็ชอบตามระบอบโบราณ | มิให้เสียวงศ์วานเทวา | |||
| ครั้นเสร็จเสด็จยุรยาตร | จากอาสน์สุวรรณเลขา | |||
| ชวนประไหมสุหรีลีลา | ไปปราสาทวิยดานารี | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | เสนาทั้งสามกรุงศรี | |||
| ครั้นเสด็จขึ้นแล้วก็จรลี | ออกไปจากที่พระโรงคัล | |||
| ต่างคนต่างขึ้นอาชา | รีบเร่งโยธาผายผัน | |||
| มาจากกรุงไกรกุเรปัน | แยกกันไปยังพารา | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | ||||
| ช้า | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา | |||
| แต่จากเยาวมาลย์ช้านานมา | ไม่วายถวิลหาอาลัย | |||
| ยามเข้าไสยาในราตรี | ยิ่งทวีทุกข์ทนหม่นไหม้ | |||
| บรรทมชมเชยแต่สไบ | แทนองค์อรทัยทุกเวลา | |||
| โอ้ว่ายิหวาของพี่เอ๋ย | เมื่อไรเลยจะได้เห็นหน้า | |||
| ยังมิทันสู่สมภิรมยา | เวราสิ่งใดให้ไกลกัน | |||
| แม้ช้าอีกสักห้าราตรี | เห็นทีจะได้ดังใฝ่ฝัน | |||
| พระรำลึกตรึกตราจาบัลย์ | แสนวิโยคโศกศัลย์ไม่เสื่อมคลาย | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
| ร่าย | ||||
| ๏ จึงทรงกำศรดสลดรัก | อุตส่าห์หักฤทัยเสียให้หาย | |||
| แสร้งทำสุขเกษมเปรมปราย | มิให้คนทั้งหลายสงกา | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ ครั้งรุ่งรางสร่างแสงสุริยง | พระแต่งองค์ทรงเครื่องโอ่อ่า | |||
| เสด็จทรงมโมยไคลคลา | ขึ้นเฝ้าพระบิดาด้วยพลัน | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ช้า | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นภพลบโลกเป็นใหญ่ | |||
| แสนสวาทสองราชดนัย | พระนิ่งนึกตรึกไตรไปมา | |||
| อันองค์อิเหนาเยาวเรศ | รักดังดวงเนตรเบื้องขวา | |||
| อันอะหนะระเด่นวิยดา | เพียงดวงนัยนาเบื้องซ้าย | |||
| พลางพินิจพิศพักตร์พระโอรส | เห็นกำศรดสร้อยเศร้าไม่เหือดหาย | |||
| เหตุที่ทุกข์ใจไม่สบาย | เพราะมุ่งหมายจินตะหราวาตี | |||
| จำจะให้ไปนัดอนุชา | กำหนดการวิวาห์ภิเษกศรี | |||
| เหมือนเอาเสี้ยนบ่งหนามเห็นงามดี | คิดแล้วจึงมีพระบัญชา | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
| ร่าย | ||||
| ๏ จึงสั่งดะหมังเสนาใน | พรุ่งนี้จงไปเมืองดาหา | |||
| ทูลแจ้งแก่พระอนุชา | จะแต่งการวิวาห์เดือนหกนี้ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกศี | |||
| ถวายบังคมคัลอัญชลี | ออกมาจากที่พระโรงคัล | |||
| จึงบอกบ่าวไพร่ให้พร้อมเพียง | ลูกเมียหาเสบียงขมีขมัน | |||
| ครั้นรุ่งก็รีบจรจรัล | ขึ้นม้าพากันคลาไคล | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | ||||
| ๏ รอนแรมนอนทางกลางอรัญ | สิบห้าวันถึงดาหากรุงใหญ่ | |||
| พอเวลาเฝ้าเข้าไป | ยังท้องพระโรงชัยฉับพลัน | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ จึงถวายอภิวาทบาทบงสุ์ | พระผู้พงศ์เทวากระยาหงัน | |||
| ทูลว่าพระเชษฐากุเรปัน | มีบัญชาใช้ให้มา | |||
| กำหนดนัดการสยุมพร | ให้ตกแต่งพระนครไว้ท่า | |||
| เดือนหกจะยกยาตรา | มาแต่งการวิวาห์พระบุตรี | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวดาหาปรีดิ์เปรมเกษมศรี | |||
| จึงตรัสแก่ดะหมังเสนี | ว่าเรานี้ถวายบังคมไป | |||
| งดสักสามเดือนจึงยกมา | จะตกแต่งพาราเสียใหม่ | |||
| ท่านจงไปทูลพระภูวไนย | ให้ทราบใต้ละอองบาทา | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังกุเรปันหรรษา | |||
| รับสั่งแล้วบังคมลา | มาขึ้นม้ารีบกลับไปฉับไว | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปเฝ้า | พระปิ่นเกล้ากุเรปันเป็นใหญ่ | |||
| ทูลแถลงแจ้งความทั้งปวงไป | ให้ทราบใต้ฝ่าละอองบาทา | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระทรงภพลบโลกไม่มีสอง | |||
| ได้ฟังก็ดำริตริตรอง | ซึ่งพระน้องกำหนดนัดผลัดไป | |||
| จำเป็นจะหย่อนผ่อนผัน | จะทำเมือนนนึกนั้นเห็นไม่ได้ | |||
| คิดแล้วเสด็จคลาไคล | เข้าในปราสาทแก้วแพรวพรรณ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน | |||
| แจ้งว่าบิตุรงค์ทรงธรรม์ | ใช้ให้ดะหมังนั้นไปนัดการ | |||
| จัดแจงที่จะแต่งสยุมพร | พระเร่งร้อนหฤทัยดังไฟผลาญ | |||
| แต่โศกาครวญคร่ำรำคาญ | จะคิดอ่านผ่อนผันฉันใดดี | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ อย่าเลยจะทูลลาไปเล่นไพร | แต่พอได้ออกจากกรุงศรี | |||
| แล้วจะไปหมันหยาธานี | ให้สมที่จินดาอาวรณ์ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ คิดแล้วอ่าองค์ทรงเครื่อง | ย่างเยื้องจากแท่นบรรจถรณ์ | |||
| มาทรงกัณฐัศว์อัสดร | บทจรเข้ายังวังใน | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ๏ ครั้นถึงจึงถวายอัญชลี | พระชนกชนนีเป็นใหญ่ | ||
| เห็นท่วงทีชอบช่องจึงทูลไป | ว่าลูกไม่สบายมาหลายวัน | ||
| ขอพระองค์จงโปรดปรานี | พรุ่งนี้จะลาไปไพรสัณฑ์ | ||
| เที่ยวไล่มฤคาในอารัญ | เจ็ดวันจะกลับมาเวียงชัย | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงภิภพสบสมัย | ||
| ฟังโอรสลาไปเล่นไพร | ภูวไนยไม่พะวงสงกา | ||
| จึงตริตรึกปรึกษามเหษี | อิเหนานี้คะนึงถึงจินตะหรา | ||
| เศร้าหมองไม่หายหลายเดือนมา | จะต้องตามวิญญาณ์ให้คลายใจ | ||
| ว่าพลางทางมีพจนารถ | อนุญาตโดยดังอัชฌาสัย | ||
| ลูกรักจักลาไปเล่นไพร | ก็ตามใจแต่อย่าอยู่ช้า | ||
| แล้วดำรัสตรัสสั่งตำมะหงง | ท่านจงไปด้วยโอรสา | ||
| เป็นผู้ใหญ่ต่างใจต่างตา | อย่าให้พระลูกยาอยู่นาน | ||
| กำชับให้กลับในเจ็ดวัน | ถึงกรุงกุเรปันราชฐาน | ||
| สั่งเสร็จเสด็จจากพระโรงธาร | ภูบาลเข้าสู่ปราสาทชัย | ||
| ฯ ๑๐ คำฯ เสมอ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
| ชื่นชมสมจิตที่คิดไว้ | ก็คลาไคลไปปราสาทวิยดา | ||
| พอประสบองค์มะเดหวี | สถิตที่ห้องทองขนิษฐา | ||
| พระลดองค์ลงถวายวันทา | ทำทีกิริยาเปรมปรีดิ์ | ||
| แล้วโอบอุ้มประคองพระน้องรัก | มาใส่ตักเชยชมมารศรี | ||
| ชันษายังไม่ถึงกึ่งปี | อนิจาพี่นี้จะจากไป | ||
| พระสะท้อนถอนจิตจาบัลย์ | สุดที่จะกลั้นกันแสงได้ | ||
| ชลเนตรคลอเนตรภูวไนย | ผินไปทรงซับเสียฉับพลัน | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | มะเดหวีมีศักดิ์เฉิดฉัน | ||
| เห็นอิเหนาลูกยาจาบัลย์ | จึงตรัสถามไปพลันทันใด | ||
| เจ้าอุ้มน้องเชยชมภิรมย์รัก | เป็นไรนั่นผันพักตร์ไปร้องไห้ | ||
| เห็นผิดทีเที่ยวป่าพนาลัย | เหมือนจะไปอยู่ช้าสักห้าปี | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| เสแสร้งแกล้งทูลพระชนนี | เมื่อกี้ผงปลิวเข้าตา | ||
| ก้มกรีดชลเนตรจะให้หาย | ยังระคายเคืองเนตรเป็นหนักหนา | ||
| อย่ากินแหนงแคลงใจพระมารดา | ใช่ว่าจะโศกศัลย์ด้วยอันใด | ||
| ซึ่งลูกจะลาไปอารัญ | เจ็ดวันก็จะกลับกรุงใหญ่ | ||
| ว่าพลางวางองค์พระน้องไว้ | บังคมไหว้มะเดหวีแล้วลีลา | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ ครั้นถึงประเสบันทันที | นั่งเหนือแท่นมณีที่ข้างหน้า | ||
| จึงสั่งสี่พี่เลี้ยงให้ตรวจตรา | โยธาสำหรับทัพชัย | ||
| จงจัดคนนำทางที่สันทัด | ดั้นดัดมรคาป่าใหญ่ | ||
| พอย่ำยามสามจะยกไป | อย่านอนใจให้ทันเวลา | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ประสันตารู้นัยแต่ไม่ว่า | ||
| ทำนับนิ้วจับยามสามตา | เงยหน้าทูลองค์พระทรงชัย | ||
| เสด็จในยามนี้เถิดดีจริง | จะเกิดลาภสักสิ่งเป็นแม่นมั่น | ||
| ถ้ามิได้สมจิตที่คิดนั้น | ขอถวายชีวันประสันตา | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงค์อสัญแดหวา | ||
| ยิ้มพลางทางเขม้นนัยนา | แล้วตรัสว่าช่างทำนายทายเดา | ||
| นี่ใครใช้ให้เจ้าเป็นหมอดู | อวดรู้พูดโป้งไปเปล่าเปล่า | ||
| จะได้ลาภมิได้ก็ทำเนา | มิใช่การอย่าเอามาพาที | ||
| ไม่สบายวิญญาณ์จะคลาไคล | ก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจของพี่ | ||
| รำคาญวานอย่าเฝ้าเซ้าซี้ | จงไปจัดโยธีให้พร้อมไว้ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ยะรุเดะผู้มีอัชฌาสัย | ||
| แย้มยิ้มในหน้าแล้วว่าไป | เจ้าพูดไยอย่างนั้นประสันตา | ||
| ถึงได้ลาภอย่างไรก็ไม่ชื่น | ไม่เหมือนคืนเขตขัณฑ์หมันหยา | ||
| ว่าพลางทางถวายบังคมลา | ออกมาหน้าจักวรรดิ์จัดพล | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
| ยานี | |||
| ๏ ตั้งกองท้องสนามตามอย่าง | ขุนช้างผูกช้างระวางต้น | ||
| แต่ละตัวห้าวหาญชำนาญตน | ชนะศึกฝึกฝนมาหลายคราว | ||
| ขุนม้าผูกม้าพาชี | แซมสีเหลืองกระเลียวเขียวขาว | ||
| เลือกล้วนตัวดีมีฝีเท้า | ประดับเครื่องกุดั่นดาวนากทอง | ||
| ขุนรถเร่งเตรียมรถา | อาชาฉุดชักเคล่าคล่อง | ||
| สารถีขึ่ขับตามทำนอง | เหน็บกริชฝักทองถือธนู | ||
| ขุนพลจัดพลพร้อมพรั่ง | คับคั่งโยธีทั้งสี่หมู่ | ||
| กรมวังนั่งคอยไขประตู | เตรียมท่าพระโฉมตรูจะยาตรา | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
| ร่าย | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา | ||
| ครั้นล่วงปฐมยามเวลา | เสด็จมาเข้าที่พระบรรทม | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| ช้า | |||
| ๏ เอนองค์ลงรำพึงคะนึงใน | ดังได้โฉมตรูมาสู่สม | ||
| ยินดีปรีดาในอารมณ์ | พลางชมสไบบางต่างเทวี | ||
| หอมตลบอบซาบนาสา | เหมือนกลิ่นจินตระหรามารศรี | ||
| นึ่งนึกตรึกไตรในราตรี | ภูมีไม่สนิทนิทรา | ||
| แต่เฝ้าเปรมปริ่มกระหยิ่มใจ | เหมือนพรุ่งนี้จะได้ไปเห็นหน้า | ||
| พระกรรณตรับนับทุ่มนาฬิกา | นั่งคอยเวลาจะคลาไคล | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ ครั้นประโคมฆ้องย่ำยามสามเศษ | ภูวเรศยินดีจะมีไหน | ||
| เสด็จออกจากห้องทองทันใด | คลาไคลไปสรงชลธาร | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| โทน | |||
| ๏ ไขสุหร่ายวารินกลิ่นเกลี้ยง | สถิตนั่งเหนือเตียงสรงสนาน | ||
| ทรงสุคนธ์ปนทองรองพาน | กลิ่นสุมาลย์ตลบอบองค์ | ||
| สอดใส่สนับเพลาพื้นตาด | ปักรูปสีหราชเหมหงส์ | ||
| ภูษายกแย่งครุฑภุชงค์ | ฉลององค์อินทร์ธนูงามงอน | ||
| เจียระบาดคาดสุวรรณพรรณราย | คาดปั้นเหน่งเพชรพรายสายสร้อยอ่อน | ||
| ทับทรวงดวงกุดั่นดอกซ้อน | ทองกรแก้วมณีเจียระไน | ||
| ธำมรงค์ค่าเมืองเรืองระยับ | มงกุฎเพชรเก็จประดับดอกไม้ไหว | ||
| เหน็บกริชเทวาแล้วคลาไคล | มาทรงมโนมัยในเที่ยงคืน | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง | |||
| โทน | |||
| ๏ ม้าเอยม้าต้น | สามารถอาจผจญไม่เต้นตื่น | ||
| พ่วงพีมีกำลังยั่งยืน | ตัวรู้อยู่ปืนได้ทดลอง | ||
| ผูกเครื่องกุดั่นดาวจำหลัก | สายถือเทศถักเป็นลายสอง | ||
| ห้อยหูภู่จามรีกรอง | ใบโพธิ์ทองถมยาประดับเพชร | ||
| พานหน้าผนังข้างอย่างนอก | ดวงดอกเนาวรัตน์ตรัสเตร็จ | ||
| พระทรงแส้สุวรรณกัลเม็ด | เสนาตามเสด็จแน่นนันต์ | ||
| ม้าพี่เลี้ยงเคียงม้าที่นั่งทรง | ตำมะหงงนั้นนำพลขันธ์ | ||
| เดินทางสว่างแจ้งด้วยแสงจันทร์ | เร่งกันให้รีบจรลี | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
| โอ้ร่าย | |||
| ๏ เข้าในอรัญวาป่าใหญ่ | ภูวไนยคะนึงถึงโฉมศรี | ||
| โอ้ว่าจินตระหราวาตี | ป่านฉะนี้ดวงใจจะไสยา | ||
| ฤาจะตื่นนิทราเวลาดึก | รำลึกถึงพี่บ้างกระมังหนา | ||
| หอมหวนอวลรสสุมาลา | พระพายพากลิ่นตลบอบอาย | ||
| น้ำค้างตกต้องใบพฤกษา | จับแสงจันทราจำรัสฉาย | ||
| หิ่งห้อยย้อยระยับจับไม้ราย | พรายพรายแพร้วแพร้วที่แถวทาง | ||
| เสียงบุหรงร้องก้องพนาวัน | สุริย์ฉันจวนแจ้งแสงสว่าง | ||
| พอพ้นด่านกุเรปันชั้นกลาง | หนทางรื่นราบดังปราบไว้ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ พระคิดดูรู้ระยะมรคา | เห็นยังไกลหมันหยากรุงใหญ่ | ||
| จะอุบายขับควบอาชาไนย | รีบไปให้เปลืองหนทางจร | ||
| คิดแล้วจึงมีบัญชาสั่ง | ให้รอรั้งมโนมัยไว้ก่อน | ||
| พอรุ่งรางสร่างแสงทินกร | จึงให้ควบอัสดรดูกำลัง | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ แล้ววางม้าทรงลงแส้ | ทั้งทวยหาญม้าแห่หน้าหลัง | ||
| ต่างควบอาชาดาประดัง | คับคั่งเคียงแข่งแซงไป | ||
| บ้างมุ่นหกผกโผนลำพอง | แตกคลองพากระเจิงเข้าเซิงไผ่ | ||
| แต่กระชากลากฉุดจนอ่อนใจ | แก้ไขสิ้นคิดถึงปิดตา | ||
| พวกขี้ขลาดอวดดีขี่เบาะบาง | สะบัดย่างวางตามเป็นสามขา | ||
| รัดอกขาดพลาดพลัดลงมา | ปากคอคิ้วตาระยำยับ | ||
| บ้างควบปรึงตะบึงไปไม่รอรั้ง | จนตาลายสิ้นกำลังลมจับ | ||
| เหงื่อออกอาบหน้าเอาผ้าซับ | แล้วรีบขับควบตามเสด็จไป | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ลุล่วงมรคามาถึง | ที่หนึ่งธารท่าชลาไหล | ||
| เวลาเที่ยงแดดร้อนอ่อนใจ | จึงสั่งให้พักพลโยธา | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ขุนหมื่นพันทนายซ้ายขวา | ||
| ต่างเปลื้องเครื่องอานอาชา | พานหน้าซองหางออกวางไว้ | ||
| คนเลี้ยงเคียงม้าจูงประจำ | มาลงน้ำกินหญ้าในป่าใหญ่ | ||
| บรรดาคนเดินเท้านั้นไซร้ | ก็ตามไปถึงพลันทันที | ||
| บ้างหุงโภชนาอาหาร | สับสนอลหม่านอึงมี่ | ||
| บ้างถากเสาเกลาไม้มากมี | ทำที่ประทับพลับพลาพลัน | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน | ||
| พระเสด็จย่างเยื้องจรจรัล | ขึ้นสู่สุวรรณพลับพลาชัย | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
ศึกกะหมังกุหนิง
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี | ||
| เสด็จเหนือแท่นรัตน์มณี | ภูมีเห็นสองอนุชา | ||
| จึ่งตรัสเรียกให้นั่งร่วมอาสน์ | สำราญราชฤทัยหรรษา | ||
| แล้วปราไสระตูบรรดามา | ยังปรีดาผาสุกหรือทุกข์ภัย | ||
| ซึ่งเราให้หามาทั้งนี้ | จะไปตีดาหากรุงใหญ่ | ||
| ระตูทุกนครอย่านอนใจ | ช่วยเราชิงชัยให้ทันการ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | เหล่าระตูปรีดิ์เปรมเกษมสานต์ | ||
| จึงสนองมธุรสพจมาน | พระมีการสงครามแต่ละครั้ง | ||
| จะตั้งหน้าอาสาออกชิงชัย | มิได้ย่อท้อถอยหลัง | ||
| สู้ตายไม่เสียดายแก่ชีวัง | กว่าจะสิ้นกำลังของข้านี้ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี | ||
| ฟังระตูตอบชอบที | สมถวิลยินดีปรีดา | ||
| จึงตรัสว่าท่านมาเหนื่อยนัก | จงไปพักพลขันธ์ให้หรรษา | ||
| ตรัสพลางทางชวนอนุชา | เข้ามหาปราสาทรูจี | ||
| ๏ ลดองค์ลงนั่งบนแท่นทอง | กับด้วยพระน้องทั้งสองศรี | ||
| จึงตรัสเล่าความตามคดี | จนใช้เสนีถือสารไป | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สองกษัตริย์ฟังแจ้งแถลงไข | ||
| จึงทูลขัดทัดทานทันใด | เป็นไฉนผ่านเกล้ามาเบาความ | ||
| อันสุริย์วงศ์เทวันอสัญหยา | เรืองเดขเดชาชาญสนาม | ||
| ทั้งโยธีก็ชำนาญการสงคราม | ลือนามในชะวาระอาฤทธิ์ | ||
| กรุงกษัตริย์ขอขึ้นก็นับร้อย | เราเป็นเมืองน้อยกะจิหริด | ||
| ดังหิ่งห้อยจะแข่งแสงอาทิตย์ | เห็นผิดระบอบโบราณมา | ||
| ใช่จะไร้ธิดาทุกธานี | มีงามแต่บุตรีท้าวดาหา | ||
| พระองค์จงควรตรึกตรา | ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์จะร้อนนัก | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงมีศักดิ์ | ||
| จึงบ่ายเบี่ยงเลี่ยงตอบพระน้องรัก | ใช่จะหักหาญวงศ์เทวัน | ||
| ด้วยบัดนี้บุตรีดาหา | จรกาให้มาตุนาหงัน | ||
| เราจะยกพลไกรไปโรมรัน | ช่วงชิงนางนั้นกับจรกา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สองระตูทูลตอบพระเชษฐา | ||
| เมื่อนางยังอยู่กับบิดา | ที่ในดาหากรุงไกร | ||
| แม้เกิดการสงครามช่วงชิง | ท้าวดาหาหรือจะนิ่งดูได้ | ||
| จะบอกความไปสามเวียงชัย | กรีธาทัพใหญ่มามากมาย | ||
| ก็จะเป็นศึกกระหนาบหน้าหลัง | เหลือกำลังโยธาทั้งหลาย | ||
| ถ้าเสียทีเพลี่ยงพล้ำสิซ้ำร้าย | จะอัประยศอดอายแก่จรกา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงนาถา | ||
| จึงตรัสตอบสองพระน้องยา | ซึ่งว่านี้เจ้าไม่เข้าใจ | ||
| อันระเด่นมนตรีกุเรปัน | ก็ขัดข้องเคืองกันเป็นข้อใหญ่ | ||
| ไปอยู่เมืองหมันหยากว่าปีไป | ที่ไหนจะยกพลมา | ||
| แต่กาหลังสิงหัดส่าหรี | จะกลัวดีเป็นกระไรหนักหนา | ||
| ฝ่ายเราเล่าก็สามพารา | เป็นใหญ่ในชะวาแว่นแคว้น | ||
| ถึงทัพจรกาล่าสำนั้น | พี่ไม่พรั่นให้มาสักสิบแสน | ||
| จะหักโหมโจมตีให้แตกแตน | พักเดียวก็จะแล่นเข้าป่าไป | ||
| เจ้าอย่าย่อท้าไม่พอที่ | แต่เพียงนี้ไม่พรั่นหวั่นไหว | ||
| เอ็นดูนัดดาโศกาลัย | ว่ามิได้อรทัยจะมรณา | ||
| แม้นวิหยาสะกำมอดม้วย | พี่จะตายด้วยโอรสา | ||
| ไหน ๆ คงจะวายชีวา | ถึงเร็วถึงช้าก็เหมือนกัน | ||
| ผิดก็ทำสงครามดูตามที | เคราะห์ดีก็จะได้ดังใฝ่ฝัน | ||
| พี่ดังพฤกษาพนาวัน | จะอาสัญเพราะลูกเหมือนกล่าวมา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สองกษัตริย์ฟังตรัสพระเชษฐา | ||
| จะเซ้าซี้ก็จะขัดพระอัชฌา | ต่างก้มพักตราไม่พาที | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี | ||
| ชวนสองอนุชาธิบดี | เข้าสู่ที่บรรทมสำราญ | ||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายทูตจำทูลราชสาร | ||
| เดินทางอรัญกันดาร | รีบมาประมาณสิบห้าวัน | ||
| ครั้นถึงด่านดาหาธานี | ก็หยุดยั้งโยธีอยู่ที่นั่น | ||
| จึงบอกแก่ขุนด่านด้วยพลัน | ตามบัญชาใช้ให้มา | ||
| ๏ บัดนั้น | ขุนด่านซึ่งพิทักษ์รักษา | ||
| ถามไถ่ไม่แคลงกิจจา | ก็ขึ้นม้าควบขับเข้าธานี | ||
| ๏ ครั้นถึงศาลาลูกขุนใน | จึงกราบไหว้เสนาทั้งสี่ | ||
| แล้วเรียนเรื่องความตามมี | ถ้วนถี่แถลงให้แจ้งใจ | ||
| ๏ บัดนั้น | ทั้งสี่เสนีผู้ใหญ่ | ||
| ได้ฟังกิจจาก็คลาไคล | เข้าไปยังท้องพระโรงคัล | ||
| ก้มเกล้าประณตบทบงสุ์ | พระวงศ์เทวากระยาหงัน | ||
| ทูลว่าท้าวกะหมังกุหนิงนั้น | แต่งเครื่องสุวรรณบรรณาการ | ||
| ให้ทูตถือมาถึงธานี | บัดนี้ยังหยุดอยู่ปลายด่าน | ||
| จะขอเข้ามาเฝ้าบทมาลย์ | พระผู้ผ่านเขตต์ขัณฑ์ศวรรยา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | ||
| จึงตรัสสั่งดะหมังเสนา | เร่งไปรับเข้ามาบัดนี้ | ||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกศี | ||
| ก้มเกล้ากราบงามสามที | มากะเกณฑ์ตามมีพจมาน | ||
| จัดเครื่องแห่แหนต่าง ๆ | ตามอย่างเคยรับราชสาร | ||
| ครั้นเสร็จพร้อมกันมิทันนาน | ให้เจ้าพนักงานรีบไป | ||
| ๏ บัดนั้น | เสนีนายร้อยน้อยใหญ่ | ||
| นำกระบวนโยธาคลาไคล | ออกจากเวียงชัยฉับพลัน | ||
| ๏ ครั้นถึงจึงแจ้งกิจจา | แก่ทูตานุทูตคนขยัน | ||
| แล้วคำนับรับราชสารพลัน | แห่แหนแน่นนันต์เข้าธานี | ||
| ๏ พาไปสู่ศาลาที่อาศัย | ทั้งนายไพร่เป็นสุขเกษมศรี | ||
| จ่ายเสบียงเลี้ยงเหล่าโยธี | มิให้มีเดือดร้อนวิญญาณ์ | ||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงดะหมังยาสา | ||
| ครั้นถึงวันแขกเมืองจะเข้ามา | ก็ตรวจตราตามเคยเหมือนทุกครั้ง | ||
| ให้ผูกเครื่องม้าช้างนางพระยา | เอาพานทางรองหญ้าเข้ามาตั้ง | ||
| บรรดาโรงปืนใหญ่ที่ในวัง | เกณฑ์ฝรั่งอยู่ประจำรายไป | ||
| เหล่านั่งกลาบาตนั้นจัดแจง | เอาเสื้อแดงหมวกแดงมาให้ใส่ | ||
| ราชวัติรายคั่นกันไว้ | พนักงานของใครก็ตรวจดู | ||
| บ้างตกแต่งปราสาทราชฐาน | เพดานระย้าย้อยห้อยพู่ | ||
| พรมเจียมสะอาดลาดปู | แท่นที่ตั้งอยู่ท่ามกลาง | ||
| เครื่องอานพานพระศรีและพระแสง | จัดแจงแต่งตั้งตามยศอย่าง | ||
| ผูกม่านสุวรรณกั้นกาง | พวกขุนนางนั่งเฝ้าเป็นเหล่ามา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | ||
| ครั้นสุริย์ฉายบ่ายสามนาฬิกา | ก็โสรจสรงคงคาอ่าองค์ | ||
| ทรงเครื่องประดับสรรพเสร็จ | แล้วเสด็จย่างเยื้องยุรหงส์ | ||
| ออกจากพระโรงคัลบรรจง | นั่งลงบนบัลลังก์รูจี | ||
| ยาสาบังคมบรมนาถ | เบิกทูตถือราชสารศรี | ||
| จึงดำรัสตรัสสั่งไปทันที | ให้เสนีนำแขกเมืองมา | ||
| ๏ บัดนั้น | อำมาตย์รับสั่งใส่เกศา | ||
| ออกไปพาสองทูตา | เข้ามาประณตบทมาลย์ | ||
| ๏ บัดนั้น | เสนีผู้ใหญ่ฝ่ายทหาร | ||
| จึงให้อาลักษณ์พนักงาน | รับราชสารมาอ่านพลัน | ||
| ๏ ในสารพระผู้ผ่านนคเรศ | กะหมังกุหนิงนิเวศน์เขตต์ขัณฑ์ | ||
| ขอถวายประณมบังคมคัล | พระผู้วงศ์เทวันอันศักดา | ||
| ไม่ควรเคืองเบื้องบาทบทศรี | ด้วยข้าน้อยนี้มีโอรสา | ||
| เดิมไปไล่ล้อมมฤคา | ได้รูปพระธิดาในกลางไพร | ||
| ชะรอยเป็นบุพเพนิวาสา | เทวาอารักษ์มาชักให้ | ||
| ความแสนเวทนาอาลัย | แต่หลงใหลใฝ่ฝันรันทด | ||
| หวังเป็นเกือกทองรองบาทา | พระผู้วงศ์เทวาอันปรากฏ | ||
| จะขอพระบุตรีมียศ | ให้โอรสข้าน้อยดังจินดา | ||
| อันกรุงไกรไอศูรย์ทั้งสอง | จะเป็นทองแผ่นเดียวไปวันหน้า | ||
| ขอพำนักพักพึ่งพระเดชา | ไปกว่าชีวันจะบรรลัย | ||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหราเป็นใหญ่ | ||
| ฟังสารทราบอัตถ์แล้วตรัสไป | แก่เสนาในทั้งสองนั้น | ||
| อันอะนะบุษบาบังอร | ครั้งก่อนจรกาตุนาหงัน | ||
| ได้ปลดปลงลงใจให้ปัน | นัดกันจะแต่งการวิวาห์ | ||
| ซึ่งจะรับของสู่ระตูนี้ | เห็นผิดประเพณีหนักหนา | ||
| ฝูงคนทั้งแผ่นดินจะนินทา | สิ่งของที่เอามาจงคืนไป | ||
| ๏ บัดนั้น | ทูตานุทูตแถลงไข | ||
| ท้าวกะหมังกุหนิงภูวไนย | สั่งให้ข้าทูลพระภูมี | ||
| ถ้าแม้มิยินยอมอนุญาต | ให้พระราชธิดามารศรี | ||
| เร่งระวังพระองค์ให้จงดี | ตกแต่งบุรีให้มั่นคง | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านไอศูรย์สูงส่ง | ||
| ปกาสิตสีหนาทอาจอง | จะทำการณรงค์ก็ตามใจ | ||
| ตรัสพลางย่งเยื้องยุรยาตร | จากอาสน์แท่นทองผ่องใส | ||
| พนักงานปิดม่านทันใด | เสด็จขึ้นข้างในฉับพลัน | ||
| ๏ บัดนั้น | ทูตานุทูตก็ผายผัน | ||
| ออกจากพาราดาหานั้น | พากันกลับไปมิได้ช้า | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์องค์ศรีปัตหรา | ||
| เผยสีหบัญชรแล้วบัญชา | ตรัสสั่งเสนาธิบดี | ||
| จงเร่งไปทูลเหตุพระเชษฐา | อีกองค์อนุชาทั้งสองศรี | ||
| บอกระตูจรกาอย่าช้าที | ว่าไพรีจะยกมาชิงชัย | ||
| ๏ บัดนั้น | เสนีสี่นายบังคมไหว้ | ||
| มาขึ้นม้าเร็วรีบไป | ออกจากกรุงไกรพร้อมกัน | ||
| ๏ ครั้นถึงสิงหัดส่าหรี | ก็ลงจากพาชีขมีขมัน | ||
| ให้ยาสาพาเข้าไปเฝ้าพลัน | บังคมคัลทูลแจ้งกิจจา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวสิงหัดส่าหรีนาถา | ||
| ครั้นทราบดังนั้นจึงบัญชา | เสนาเร่งกลับไปฉับไว | ||
| ทูลพระเชษฐาสุริย์วงศ์ | อย่าให้ทรงพระวิตกหมกไหม้ | ||
| เราจะให้สุหรานากงไป | ช่วยพระชิงชัยด้วยไพรี | ||
| ๏ บัดนั้น | เสนาประณตบทศรี | ||
| บังคมลามาขึ้นพาชี | รีบไปบุรีไม่หยุดยั้ง | ||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายอำมาตย์ที่มากาหลัง | ||
| ครั้นถึงนคเรศนิเวศน์วัง | ก็ไปยังพระโรงรัตน์ชัชวาล | ||
| จึงบังคมก้มเกล้าเคารพ | พระองค์ทรงพิภพราชฐาน | ||
| ทูลแถลงแจ้งเหตุทุกประการ | ให้ทราบบทมาลย์พระผ่านฟ้า | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกาหลังฟังแจ้งไม่กังขา | ||
| จึงมีพจนาตถ์ประภาษมา | พระเชษฐาทำผิดจะโทษใคร | ||
| เอาอะนะไปยกให้ระตู | ศัตรูจึงประมาทหมิ่นได้ | ||
| แล้วสั่งตำมะหงงเสนาใน | เร่งตรวจเตรียมทัพชัยอย่าช้าที | ||
| ท่านเป็นแม่ทัพกับดะหมัง | ยกไปยังดาหากรุงศรี | ||
| สั่งเสร็จเสด็จจรลี | เข้าปราสาทมณีพรายพรรณ | ||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายเสนาม้าใช้คนขยัน | ||
| รีบมาถึงกรุงกุเรปัน | จึงแจ้งความทั้งนั้นแก่เสนา | ||
| แล้วพากันคลาไคลเข้าไปเฝ้า | ก้มเกล้าบังคมเหนือเกศา | ||
| กราบทูลคดีซึ่งมีมา | ให้ทราบบาทาทุกประการ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นภพกุเรปันราชฐาน | ||
| แจ้งว่าไพรีมารอนราญ | พระจึงให้แต่งสารหนังสือลับ | ||
| ครั้นเสร็จสั่งสองเสนา | จงถือไปหมันหยาสองฉบับ | ||
| ใบหนึ่งนั้นเร่งกองทัพ | กำชับอิเหนาให้ยกมา | ||
| ใบหนึ่งให้แก่ระตู | ท้าวผู้ผ่านเมืองหมันหยา | ||
| จงรีบไปให้ถึงพารา | แต่ในสิบห้าราตรี | ||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกศี | ||
| จึงนำสาราจรลี | มาจากที่พระโรงชัยฉับพลัน | ||
| เรียกหาบ่าวไพร่ได้พร้อมหน้า | ดะหมังขึ้นขี่ม้าผายผัน | ||
| ออกจากนคเรศกุเรปัน | พากันเร่งรีบคลาไคล | ||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้ากุเรปันเป็นใหญ่ | ||
| ครั้นดะหมังเสนาทูลลาไป | พระตรึกไตรในคดีด้วยปรีชา | ||
| แล้วตรัสแก่กะหรัดติปาตี | อันสงคามครั้งนี้เห็นหนักหนา | ||
| จะเปลี่ยวเปล่าเศร้าใจอนุชา | ไม่มีที่ปรึกษาหารือใคร | ||
| เจ้าจงยกพลขันธ์ไปบรรจบ | สมทบทัพอิเหนาให้จงได้ | ||
| ชวนกันยกรีบเร็วไป | อย่าให้ทันปัจจามิตรติดพารา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | กะหรัดติปาตีโอรสา | ||
| ก้มเกล้าทูลสนองพระบัญชา | จะถวายบังคมลาพรุ่งนี้ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นภพกุเรปันกรุงศรี | ||
| ฟังโอรสาพาที | จึงตรัสสั่งเสนีทันใด | ||
| จงเร่งเกณฑ์พวกพลรณยุทธ | ให้สรรพด้วยอาวุธน้อยใหญ่ | ||
| กำหนดกันให้ทันยกไป | แต่ในย่ำรุ่งสุริยา | ||
| ๏ บัดนั้น | ปาเตะรับสั่งใส่เกศา | ||
| รีบออกไปยังศาลา | ให้หาพ้นพุฒพันพรหม | ||
| ๏ เร่งรัดขุนหมื่นสัสดี | ทำบัญชีหางว่าวเหล่าเลขสม | ||
| เกณฑ์ทหารพลเรืองเตือนระดม | มาพร้อมกันทุกกรมมากมาย | ||
| ขุนนางเจ้าตำแหน่งแสงนอก | เอาดาบหอกปืนผามาจ่าย | ||
| หมวกเสื้อสำหรับรบครบไพร่นาย | แจกจำหน่ายลูกดินศิลา | ||
| ผู้กำกับนับอ่านประมาณคน | ได้สิบหมื่นพื้นพลอาสา | ||
| ตั้งกองท้องสนามตามตำรา | เตรียมรถคชาพาชี | ||
| ให้ผูกสินธพที่นั่งทรง | พร้อมขนัดจัตุรงค์อึงมี่ | ||
| ที่บ่าวไพร่ใครมาไม่ทันที | นายหมวดตรวจตีกันวุ่นไป | ||
| ๏ เมื่อนั้น | กะหรัดติปาตีศรีใส | ||
| ครั้นรุ่งรางสุริยาก็คลาไคล | เข้าในที่สนานสำราญองค์ | ||
| ๏ รดชำระมลทินอินทรีย์ | มูรธาวารีภิเษกสรง | ||
| ลูบไล้เสาวคนธ์ธารทรง | บรรจงสอดซับสนับเพลา | ||
| ภูษายกพื้นดำอำไพ | สอดใส่ฉลององค์ทรงวันเสาร์ | ||
| เจียรบาดคาดรัดหน่วงเนา | ปั้นเหน่งเพ็ชร์เพริดเพราพรรณราย | ||
| ตาบทิศทับทรวงห่วงห้อย | สวมสร้อยสังวาลประสานสาย | ||
| ทองกรแก้วกิ่งพริ้งพราย | ธำมรงค์เรือนรายพลอยเพ็ชร์ | ||
| ทรงชฎามาลัยดอกไม้ทัด | กรรเจียกจอนจำรัสตรัสเตร็จ | ||
| เหน็บพระแสงกั้นหยั่งกัลเม็ด | แล้วเสด็จขึ้นเฝ้าพระบิดา | ||
| ๏ ก้มเกล้าเคารพอภิวาท | พระปิ่นภูวนาถนาถา | ||
| ยับยั้งคอยฟังพระวาจา | จะบัญชาให้ยกโยธี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกุเรปันเรืองศรี | ||
| จึงอำนวยอวยพรสวัสดี | ให้เจ้ามีเดชาวราฤทธิ์ | ||
| อันเหล่าศัตรูหมู่ร้าย | จงแพ้พ่ายอย่ารอต่อติก | ||
| อานุภาพปราบไปทั่วทิศ | ปัจจามิตรจงเกรงฤทธิรอน | ||
| ๏ เมื่อนั้น | กะหรัดติปาตีชาญสมร | ||
| กราบถวายบังคมประณมกร | รับพรพระบิดาแล้วคลาไคล | ||
| ๏ ครั้นถึงเกยชาลาหน้าพระลาน | พร้อมหมู่ทวยหาญน้อยใหญ่ | ||
| เสด็จทรงมิ่งม้าอาชาไนย | ให้เคลื่อนพลไกรยาตรา | ||
| ๏ รอนแรมมาในพนาเวศ | ถึงทางร่วมนัคเรศหมันหยา | ||
| พระสั่งให้หยุดพลโยธา | คอยท่าทัพระเด่นมนตรี | ||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายดะหมังสิงหัดส่าหรี | ||
| เร่งกะเกณฑ์พลขันธ์ทันที | ตามบัญชีใหม่เก่าเข้างบ | ||
| ๏ เลือกเหล่าอาสาล้วนกล้าหาญ | วิชชาการโล่เขนเจนจบ | ||
| แปดหมื่นพื้นฉกรรจ์ครันครบ | เคยรุกรบไพรีมีฝีมือ | ||
| ไพร่นายชำนาญในการยุทธ | เลือกหาอาวุธสำหรับถือ | ||
| ทดลองคะนองฝึกปรือ | แต่ออกชื่อไพรีก็ดีใจ | ||
| ตั้งกองเต็มท้องสนามนอก | ทวนธงดาบหอกออกไสว | ||
| ม้าช้างต่างตรวจเตรียมไว้ | ปืนใหญ่ใส่ล้อลากมา | ||
| เกณฑ์ถ้วนกระบวนทัพหน้าหลัง | พร้อมพรั่งปีกซ้ายปีกขวา | ||
| ผูกสินธพประทับกับเกยลา | คอยท่ารับเสด็จจรลี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สุหรานากงเรืองศรี | ||
| ครั้นอรุณรุ่งราษราตรี | ก็เข้าที่สระสรงคงคา | ||
| ๏ สระสรงทรงสุคนธ์ปนทอง | ชมพูนุทผุดผ่องมังสา | ||
| สอดใส่สนับเพลาเพราตา | ภูษาเชิงกรวยเจ็ดตะครี | ||
| ฉลององค์โหมดม่วงดวงระยับ | เจียรบาดคาดทับสลับสี | ||
| ปั้นเหน่งลงยาราชาวดี | ทับทรวงดวงมณีเจียระไน | ||
| สังวาลเพ็ชร์พรรณรายสายสร้อย | เฟื่องห้อยพลอยแดงแสงใส | ||
| ทองกรภุกามแก้วแววไว | สอดใส่เนาวรัตน์ธำมรงค์ | ||
| ทรงชฎาประดับเพ็ชร์เตร็จตรัจ | ห้อยทัดพวงสุวรรณตันหยง | ||
| ถือเช็ดหน้าเหน็บกฤชฤทธิรงค์ | มาทรงมโนมัยชัยชาญ | ||
| ๏ ได้ฤกษ์ให้เลิกโยธี | แสนสุรเสนีทวยหาญ | ||
| เข้าในไพรระหงดงดาน | ข้ามห้วยเหวธารผ่านไป | ||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงกาหลังกรุงใหญ่ | |||
| ทั้งดะหมังมหาเสนาใน | เร่งเกณฑ์ทัพชัยฉับพลัน | |||
| จัดทหารอาสาได้ห้าหมื่น | แต่พื้นกำแหงแข็งขัน | |||
| ช้างม้าอาวุธครบครัน | ธงสำคัญคอยนำดำเนินพลี | |||
| ทั้งสองเสนีขึ้นขี่ม้า | โยธาเยียดยัดอัดถนน | |||
| ทนายเดินเคียงข้างกางสัปทน | ยกพลออกจากพารา | |||
| ๏ มาถึงทางร่วมริมดง | พบสุหรานากงวงศา | |||
| สองทัพสมทบโยธา | ยกร่วมมรรคามาพร้อมกัน | |||
| ๏ บัดนั้น | ทั้งสองทูตาคนขยัน | |||
| ซึ่งถือสารไปเมืองดาหานั้น | พากันรีบกลับมาฉับไว | |||
| ถึงกะหมังกุหนิงนคเรศ | มายังนิเวศน์วังใหญ่ | |||
| พอเวลาเฝ้าท้าวไทย | ก็เข้าไปพระโรงรจนา | |||
| ๏ จึงประณมก้มเกล้าเคารพ | ทูลพระองค์ทรงพิภพนาถา | |||
| ข้าไปได้ถวายสารา | ท้าวดาหาทราบสิ้นทุกประการ | |||
| ตรัสขาดว่าราชบุตรี | จรกาธิบดีมาว่าขาน | |||
| พระยกให้ได้กำหนดนัดงาน | ยังแต่จะแต่งการวิวาห์กัน | |||
| บรรดาของถวายนั้นไม่รับ | ส่งกลับคืนมาทุกสิ่งสรรพ์ | |||
| มิได้คิดเกรงองค์พระทรงธรรม | บากบั่นสลัดตัดรอน | |||
| ข้าทูลความตามสั่งนอกสารา | ว่ามิให้ธิดาดวงสมร | |||
| จงเร่งตกแต่งพระนคร | รับทัพภูธรจะยกมา | |||
| จะชิงนางโฉมยงให้จงได้ | ใครมีชัยก็จะสมปรารถนา | |||
| ท้าวตรัสว่าตามแต่วิญญาณ์ | พระราชาจงทราบบาทมูล | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงนเรนทร์สูร | |||
| ได้ฟังทั้งสองทูตทูล | ให้อาดูรเดือดใจดังไฟฟ้า | |||
| จึงบัญชาตรัสด้วยขัดเคือง | ดูดู๋เจ้าเมืองดาหา | |||
| เราอ่อนง้อขอไปในสารา | แต่ว่าจะรับไว้ก็ไม่มี | |||
| ถึงจรกามากล่าวนางไว้ | ได้ยกให้เขาก่อนก็ควรที่ | |||
| จะโอภาปราไสเป็นไรมี | นี่สิตัดไมตรีให้ขาดทาง | |||
| เราก็เรืองฤทธาศักดาเดช | อาณาจักรนัคเรศกว้างขวาง | |||
| จำมีมานะไม่ละวาง | จะชิงนางบุษบาลาวัณย์ | |||
| แม้นมิได้สมคิดดังจิตต์ปอง | ไม่คืนครองกรุงไกรไอศวรรย์ | |||
| จะสงครามตามตีติดพัน | ไปกว่าชีวันจะบรรลัย | |||
| ๏ บัดนั้น | สองทูตทูลแจ้งแถลงไข | |||
| ข้าได้ยินตระหนักประจักษ์ใจ | ท้าวดาหาตรัสใช้เสนี | |||
| ให้รีบไปแจ้งเหตุพระเชษฐา | กับพาราสิงหัดส่าหรี | |||
| อนุชากาหลังธิบดี | อีกบุรีระตูจรกา | |||
| เห็นกษัตริย์ทั้งสี่ธานีนั้น | จะมาช่วยป้องกันกรุงดาหา | |||
| เมื่อวันข้าออกจากเมืองมา | เสนาก็ไปพร้อมกัน | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงแข็งขัน | |||
| ได้ฟังกริ้วโกรธดังเพลิงกัลป์ | จึงกระชั้นสิงหนาทประภาษไป | |||
| ถึงว่ากษัตริย์ทั้งสี่กรุง | จะมาช่วยรบพุ่งเป็นศึกใหญ่ | |||
| กูก็ไม่ครั่นคร้ามขามใจ | จะหักให้เป็นภัสม์ธุลีลง | |||
| ว่าพลางทางมีพจนาตถ์ | สั่งอำมาตย์ดะหมังตำมะหงง | |||
| เร่งเกณฑ์พวกพลรณรงค์ | ที่สามารถอาจองค์ในสงคราม | |||
| เลือกสรรโยธีทั้งสี่หมู่ | เคยทำลายค่ายคูขวากหนาม | |||
| แต่กองร้อยรบพันไม่ครั่นคร้าม | ให้ครบสามสิบหมื่นพื้นตัวดี | |||
| เอาวิหยาสะกำเป็นกองหน้า | ตรวจตราเตรียมกระบวนจงถ้วนถี่ | |||
| อันกองหลังรั้งพลมนตรี | ทั้งสองศรีอนุชาผู้ใจภักดิ์ | |||
| กูจะเป็นจอมพลโยธา | หนุนทัพลูกยาเข้าโหมหัก | |||
| ไม่เกรงวงศ์เทวาสุรารักษ์ | ให้ปรากฏยศศักดิ์เสียครั้งนี้ | |||
| ครั้นเสร็จสั่งมหาเสนา | จึงถามขุนโหราทั้งสี่ | |||
| เราจะยกพลไกรไปต่อตี | พรุ่งนี้ดีร้ายประการใด | |||
| ๏ บัดนั้น | โหราราชครูผู้ใหญ่ | |||
| รับรสพจนาตถ์ภูวไนย | คลี่ตำหรับขับไล่ไปมา | |||
| เทียบดูดวงชตาพระทรงยศ | กับโอรสถึงฆาตชันษา | |||
| ตั้งชั้นโชคโยคยามยาตรา | พระเคราะห์ขัดฤกษ์พาสารพัน | |||
| จึงทูลว่าถ้ายกวันพรุ่งนี้ | จะเสียชัยไพรีเป็นแม่นมั่น | |||
| งดอยู่อย่าเสด็จสักเจ็ดวัน | ถ้าพันนั้นก็เห็นไม่เป็นไร | |||
| ขอพระองค์จงกำหนดงดยาตรา | ฟังคำโหราหาฤกษ์ใหม่ | |||
| อันการยุทธยิงชิงชัย | หนักหน่วยน้ำพระทัยดูให้ดี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี | |||
| ได้ฟังโหราพาที | จึงมีพจนาตถ์ประภาษไป | |||
| เมื่อบัญชาการกำหนดทัพ | แล้วจะกลับงดอยู่อย่างไรได้ | |||
| อายแก่ไพร่ฟ้าเสนาใน | จะว่ากลัวฤทธิไกรไพริน | |||
| จำจะไปต้านต่อรอฤทธิ์ | ถึงม้วยมิดมิให้ใครดูหมิ่น | |||
| เกียรติยศจะไว้ในธรณิน | จนสุดสิ้นดินแดนแผ่นฟ้า | |||
| ประการหนึ่งถ้าว่าช้าวันไป | ทัพใหญ่จะมาพร้อมยังดาหา | |||
| จะต้องหักหนักมือโยธา | เห็นจะยากยิ่งกว่านี้ไป | |||
| สุดแท้แต่บุญกับกรรม | จะฟังคำโหรานั้นหาไม่ | |||
| ตรัสพลางเสด็จคลาไคล | เข้าในไพชยนต์มนเทียรทอง | |||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงดะหมังทั้งสอง | |||
| ให้ประชุมนายทัพนายกอง | พร้อมกันที่ท้องสนามใน | |||
| ๏ จึงกะเกณฑ์กำหนดกฎหมาย | ทุกมูลนายตรวจตราหาไพร่ | |||
| หมวดหมู่ผู้คนของใคร | จะบอกขาดป่วยไข้นั้นไม่ฟัง | |||
| ที่มีเกวียนเกณฑ์บรรทุกลำเลียง | ใส่เสบียงครบคนละสิบถัง | |||
| ไพร่หลวงต่างกรมสมกำลัง | พร้อมพรั่งแออัดขนัดปืน | |||
| บ้างจัดหาหอกดาบหาบคอน | จอบพร้าผ้าผ่อนหลายผืน | |||
| เอาโคต่างช้างม้าออกมายืน | คั่งคับนับหมื่นมากมาย | |||
| พวกกองนอกนั้นเกณฑ์ทำทาง | ปลูกฉางถางที่ตั้งค่าย | |||
| แบ่งกองป้องกันอันตราย | ไพร่นายทั้งปวงให้ล่วงไป | |||
| จัดถ้วนกระบวนทัพหน้าหลัง | กองฝรั่งตั้งเตรียมปืนใหญ่ | |||
| แล้วเทียมรถประทับกับเกยไว้ | สารวัดตรวจไตรไปมา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงนาถา | |||
| บรรทมตื่นฟื้นฟังนาฬิกา | พอเวลาย่ำรุ่งราตรี | |||
| จึงตรัสเรียกโอรสยศยง | ชวนองค์อนุชาทั้งสองศรี | |||
| ต่างเสด็จจากแท่นมณี | ไปเข้าที่โสรจสรงคงคาลัย | |||
| ๏ สี่องค์ชำระสระสนาน | สำราญสรรพางค์ผ่องใส | |||
| สุคนธารกลิ่นฟุ้งจรุงใจ | ต่างใส่สนับเพลาเชิงงอน | |||
| ภูษายกแย่งครุฑภุชงค์ | ฉลององค์ตาดโหมดม่วงอ่อน | |||
| ผ้าทิพย์ขลิบสลับซับซ้อน | ปั้นเหน่งค่าพระนครคาดรัด | |||
| ทับทรวงสังวาลประดับเพ็ชร์ | น้ำหนักแต่ละเม็ดเจ็ดกะหรัด | |||
| ทองกรมุกดาดวงช่วงชัด | ธำมรงค์เนาวรัตน์รจนา | |||
| ทรงใส่ชฎาแก้วแพรวพราย | กรรเจียกห้อยพลอยรายซ้ายขวา | |||
| เหน็บกฤชฤทธิไกรแล้วไคลคลา | เสด็จไปเกยชาลาหน้าพระลาน | |||
| ๏ ต่างองค์ขึ้นทรงรถมณี | ให้คลายคลี่กรีธาทวยหาญ | |||
| ออกตามทิศพิธีโขลนทวาร | ล่วงด่านผ่านมาในอารญ | |||
| ๏ รถเอยราชรถแก้ว | ทั้งสี่รถพรายแพรวเวหน | |||
| บัลลังก์ลอยคล้อยเคลื่อนมากลางพล | งอนระหงธงบนสะบัดปลาย | |||
| สารถีนั่งหน้าถือธนู | เทียมอาชาห้าคู่ผันผาย | |||
| เครื่องสูงครบเคียงเรียงราย | อภิรุมชุมสายพรายพรรณ | |||
| กองหน้าแต่พื้นถือปืนแดง | ม้าแซงช้างเขนสลับคั่น | |||
| กองหลวงกองหลังคั่งกัน | ประโคมฆ้องกลองลั่นสนั่นดง | |||
| ทัพหนุนเนื่องแน่นพนาสิน | ลูกดินหาบหามตามส่ง | |||
| บ้างลากปืนจินดาจ่ารง | สำคัญธงนำหน้าคลาไคล | |||
| ๏ มาถึงแดนเมืองบุหราหงัน | เขตต์ขัณฑ์ดาหากรุงใหญ่ | |||
| จึงตรัสสั่งเสนาบรรดาไป | หมวดกองของใครกำชับกัน | |||
| หยุดไหนให้ตั้งค่ายนอน | ทุกสำนักพักผ่อนพลขันธ์ | |||
| จะเดินทัพหน้าหลังทั้งนั้น | ให้กองพันกองร้อยระวังระไว | |||
| เกลือกศัตรูจะจู่โจมตี | ในทางที่จะข้ามแม่น้ำใหญ่ | |||
| ถึงช่องแคบช่องเขาแห่งไร | อย่าไว้ใจจัดกองออกป้องกัน | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนาสามนต์คนขยัน | |||
| รับสั่งพระองค์ทรงธรรม์ | มาบอกกันกำชับทั้งทัพชัย | |||
| นายกองซ้ายขวาหน้าหลัง | คอยระวังมิให้เสียกระบวนได้ | |||
| หยุดพลจตุรงค์ลงไว้ | ตรวจไตรตามพระบัญชาการ | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายพวกกองเกณฑ์ตระเวนด่าน | |||
| นั่งทางอยู่กลางดงดาน | คอยเหตุเภทพาลไพรี | |||
| ได้ยินเสียงฟันไม้ในไพรเพรียก | ก็ร้อยเรียกพวกเพื่อนออกจากที่ | |||
| มาแอบฟังริมฝั่งวารี | เสียงช้างม้ามี่อึงไป | |||
| บ้างชวนกันขึ้นบนต้นไม้มอง | แลเห็นเป็นกองทัพใหญ่ | |||
| หมายประมาณพวกพลสกลไกร | ดูไปไม่สิ้นสุดตา | |||
| ต่างคนแจ้งใจในเหตุการณ์ | ก็ลนลานลงจากพฤกษา | |||
| ค่อยเล็ดลอดดอดด้อมมองมา | ที่ชายดงพงคาป่าชัฎ | |||
| พบคนสองคนด้นตัดไม้ | พร้อมกันออกไล่ล้อมสกัด | |||
| รุมจับตัวได้ให้ผูกมัด | แล้วพาลัดเลาะป่ามานอกทาง | |||
| ๏ ครั้นถึงเมืองรีบมาหาผู้รั้ง | ให้บ่าวคุมคนนั่งอยู่ข้างล่าง | |||
| ขุนด่านคลานขึ้นศาลากลาง | กราบพลางทางเรียนเนื้อความไป | |||
| ข้าเลียบด่านพานพบกองทัพ | ก็ซุ่มอยู่จู่จับคนได้ | |||
| ชาวกะหมังกุหนิงกรุงไกร | เห็นจะเป็นศึกใหญ่ยกมา | |||
| ไพร่พลนับแสนแน่นดง | ทวนธงแดงดาษไปทั้งป่า | |||
| แต่ทีพบกองทัพกับพารา | แม้นว่าเดินลำลองก็สองวัน | |||
| ๏ บัดนั้น | ระตูผู้รั้งบุหราหงัน | |||
| ยกกระบัตรปลัดนั่งพร้อมกัน | ฟังข่าวคิดพรั่นอยู่ในใจ | |||
| ท่านเจ้าเมืองจึงสั่งบังคับ | เอาตัวคนที่จับมาได้ | |||
| พะทำมะรงจงถามซักไซ้ | ว่าผู้ใดใครมาเป็นแม่ทัพ | |||
| ๏ บัดนั้น | พะทำมะรงพร้อมพรั่งนั่งกำกับ | |||
| เอาคนโทษออกมาถามตามบังคับ | บ้างสำทับขู่ว่าจะฆ่าตี | |||
| พวกพลเท่าไรใครยกมา | เร่งว่าตามจริงจงถ้วนถี่ | |||
| จะเป็นศึกเสนาบดี | หรือทัพท้าวเจ้าบุรียกมา | |||
| ๏ บัดนั้น | สองคนจวนตัวกลัวจะฆ่า | |||
| ยกมือไหว้ใจนึกภาวนา | ให้การว่าตามจริงทุกสิ่งอัน | |||
| ๏ บัดนั้น | ผู้รั้งฟังความเห็นเหมาะมั่น | |||
| จึงปรึกษากรมการทั้งนั้น | จำจะคิดป้องกันเมืองไว้ | |||
| ว่าพลางทางสั่งหลวงพล | เร่งแบ่งคนผ่อนครัวเสียจงได้ | |||
| บ้านเมืองรายทางที่ห่างไกล | ออกไปบอกกันให้ทันที | |||
| แล้วเกณฑ์คนเข้ามารักษาค่าย | จงรอบรายประจำทุกหน้าที่ | |||
| ปืนผาอาวุธของใครมี | กฤชกระบี่สำหรับมือถือมา | |||
| ข้าศึกสองคนที่จับได้ | มหาดไทยคุมตัวไปดาหา | |||
| แต่งหนังสือบอกคดีตีตรา | รีบไปในเวลาพรุ่งนี้ | |||
| ๏ บัดนั้น | พระหลวงขุนหมื่นอึงมี่ | |||
| รับคำผู้รั้งสั่งคดี | ต่างไปจากที่ศาลา | |||
| บ้างกะเกณฑ์ผู้คนอลหม่าน | นายบ้านเที่ยวเร่งเรียกหา | |||
| ทั้งนอกเมืองในเมืองเนื่องมา | พร้อมกันยังหน้าศาลากลาง | |||
| ตัวนายจ่ายปืนสำหรับยุทธ | ตรวจเตรียมอาวุธต่าง ๆ | |||
| ยกปืนฉัตรชัยขึ้นใส่ราง | ผูกประจำที่ทางทุกป้อมไป | |||
| บ้างบอกเหล่าชาวบ้านให้รู้ทั่ว | จงผ่อนครัววัวควายแอกไถ | |||
| เร่งเก็บของข้างอย่าเอาไว้ | อพยพยกไปในพรุ่งนี้ | |||
| มหาดไทยให้ทำหนังสือบอก | จำลองลอกลงกระดาษถ้วนถี่ | |||
| เรียกหาบ่าวไพร่ได้ทันที | ให้คุมไพรีที่จับมา | |||
| จำตะโหงกใส่ลิ่มขื่อมือ | ผู้คุมถือเชือกเดินนำหน้า | |||
| แล้วขุนมหาดไทยไปขึ้นม้า | เร่งรัดรีบพรากันคลาไคล | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝูงคนชนบทน้อยใหญ่ | |||
| ครั้นรู้ข่าวศึกมาไม่ไว้ใจ | บ้านช่องของใครก็ผ่อนครั้ว | |||
| พวกผู้หญิงวิ่งหาแสรกคาน | ลนลานแบ่งเสบียงไว้ให้ผัว | |||
| เอาผ้าคาดอกมั่นพันพัว | เตรียมตัวเก็บของใส่หาบคอน | |||
| บ้างขนของน้าป้าย่ายาย | ฝืมผ้ายฟูกเบาะเมาะหมอน | |||
| ช่วยกันหาบหิ้วหอบที่นอน | ลูกอ่อนอุ้มจูงมารุงรัง | |||
| บ้างชวนชักพรรคพวกพี่น้อง | ยักย้ายเงินทองไปเที่ยวฝัง | |||
| ซุบซิบพูดกันมิให้ดัง | ซ่อนมิดปิดบังไม่บอกใคร | |||
| เหล่าพวกแม่หม้ายไร้ลูกผัว | หาบคอนของตัวมาตามได้ | |||
| เข้าประสมกรมการที่คุมไป | พูดจาเกลี่ยไกล่เป็นไมตรี | |||
| ทุกถิ่นฐานบ้านเรือนรายทาง | ก็ยกครัววัวต่างออกจากที่ | |||
| ทั้งครอบครัวหัวเมืองบรรดามี | อพยพหลบหนีเข้าป่าดง | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงสูงส่ง | |||
| หยุดสำนักพักพลจตุรงค์ | ประทับแรมริมดงพงไพร | |||
| ครั้นอรุณเรื่อแรงแสงทอง | ให้ลั่นฆ้องสำคัญหวั่นไหว | |||
| ทัพหน้าดำเนินธงชัย | คลายเคลื่อนพลไกรจรจรัล | |||
| ๏ ครั้นถึงริมฝั่งคงคา | ฟากท่าหน้าเมืองบุหราหงัน | |||
| เห็นป้อมค่ายคูรอบขอบคัน | หอรบนางจรัลเรียงราย | |||
| จึงดำรัสตรัสสั่งบังคับ | แก่นายทัพนายกองทั้งหลาย | |||
| เร่งข้ามพหลพลนิกาย | เดินค่ายเข้าประชิดติดพารา | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนีนายกองทัพหน้า | |||
| ได้แจ้งแห่งราชบัญชา | ต่างคุมโยธามาทันใด | |||
| วางกองเหนือน้ำประจำฝั่ง | ขุดสนามเพลาะบังปืนใหญ่ | |||
| ลูกหาบเร่งรัดตัดไม้ | ขนส่งลงไปริมวารี | |||
| ๏ บัดนั้น | ชาวเมืองไม่ท้อถอยหนี | |||
| ประจุปืนป้อมพลันทันที | หมายที่ท่าข้ามคนประชุม | |||
| เห็นตรงทางแล้ววางใหญ่ | ฉัตรชัยมณฑกนกคุ่ม | |||
| จุดปืนหลักลั่นควันคลุ้ม | กลบกลุ้มไปกลางคงคา | |||
| ๏ บัดนั้น | พวกทหารชาญชัยใจกล้า | |||
| พูนสนามเพลาะตั้งบังตา | วัดวาหน้าที่ทำการ | |||
| บ้างลงหลักปักเรือกออกไป | ผ่าไม้ตีตะล่อมอลหม่าน | |||
| ขนศิลามาใส่เป็นเสาตะพาน | ตะม่อค้ำซ้ำกรานขาทราย | |||
| บนหลังรอดทอดตงเรียงชิด | ผูกบิดลูกชะเนาะเปลาะหวาย | |||
| ที่น้ำลึกเป็นห้วงพ่วงแพราย | ทอดสายทุ่นถ่วงหน่วงรั้ง | |||
| บ้างตีเรือกรัดขัดลายสาม | ปูพื้นตะพานข้ามไปถึงฝั่ง | |||
| แล้วฉายที่ตลิ่งชันกันดินพัง | ประชิดตั้งค่ายตับขึ้นฉับพลัน | |||
| ๏ บัดนั้น | กรมการตัวนายในค่ายมั่น | |||
| จัดแจงแบ่งคนได้สามพัน | ยกออกทะลวงฟันทันที | |||
| ทหารปืนยืนยิงกลางแปลง | บ้างวิ่งเข้าโถมแทงจนถึงที่ | |||
| หักด่านตะพานเรือกริมวารี | ต่อตีตะลุมบอนรอนรบ | |||
| ๏ บัดนั้น | พวกกองทัพรับไว้ไม่หลีกหลบ | |||
| แย้งยิงปืนระดมสมทบ | รุกรบไพรีตีประดา | |||
| เหล่าพวกลำลองกองแซง | ขับม้าทวนทางแข่งหน้า | |||
| แยกปืนหลีกเลยลงมา | กระหนาบข้างซ้ายขวาฝ่าแทง | |||
| ๏ บัดนั้น | ชาวเมืองบุหราหงันขันแข็ง | |||
| คนน้อยถอยล่อต่อแย้ง | แอบแฝงไม้ยิงหยุดรับ | |||
| ผลัดกันรั้งหลังระวังทาง | หนีพลางวางปืนปล่อยตับ | |||
| ตีฆ้องสำคัญสัญญาทัพ | ม้วนธงถอยกลับเข้าในเมือง | |||
| ๏ บัดนั้น | พวกทัพหน้าทัพหนุนแน่นเนื่อง | |||
| ขุดดินค่ายตับขยับเยื้อง | ถึงมุมเมืองคูคั่นชั้นใน | |||
| ทำหอรบเสร็จสรรพ์วิหลั่นบัง | ยกตั้งประชิดเข้าไปใกล้ | |||
| เกณฑ์คนขึ้นคอยประจำไว้ | ปืนใหญ่ยิงตอบกันไปมา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | วิหยาสะกำใจกล้า | |||
| ให้กองทัพประชิดติดพารา | เห็นว่าเกือบใกล้ได้ท่วงที | |||
| จึงตรัสสั่งสารวัดตรวจค่าย | จงไปบอกตัวนายทุกหน้าที่ | |||
| เร่งคนปล้นปีนเข้าบุรี | รีบตีอย่าไว้ให้ช้าวัน | |||
| ๏ บัดนั้น | สารวัดกองตรวจกวดขัน | |||
| รับสั่งแล้วรีบเร็วพลัน | ไปบอกกันตามมีพระบัญชา | |||
| ๏ บัดนั้น | พวกทหารตัวนายค่ายหน้า | |||
| ให้ตีกลองสำคัญสัญญา | ต่างต้อนโยธาเข้าชิงชัย | |||
| ทะลายรั้วขวากลงตรงประตู | เอาแตะทิ้งทับคูข้ามไปได้ | |||
| ระดมปืนครีนครั่นสนั่นไป | ยกบันไดพาดปืนขึ้นทันที | |||
| ๏ บัดนั้น | ชาวเมืองซึ่งประจำหน้าที่ | |||
| สอดแทงแย้งยิงไพรี | ไม่ท้อถอยคอยทีต้านทาน | |||
| วางปืนตับตอบรอบค่าย | คนรายรักษาทุกหน้าด้าน | |||
| ชักปีกกากั้นประจัญบาน | บ้างทุ่มทิ้งหินผาตังห่าฝน | |||
| ตัวนายรายกำกับพวกพล | ต่างคนคอยรบรับไว้ | |||
| ๏ บัดนั้น | พวกทหารโห่สนั่นหวั่นไหว | |||
| ยัดปืนยืนยิงชิงชัย | หนุนกันขึ้นไปมากมาย | |||
| บ้างวิ่งทึ้งถอนขวากเขากวาง | คืนขว้างเข้าไปในค่าย | |||
| เอาเชื้อชุดจุดคบเพลิงพลาย | เผาทำลายค่ายล่อหอคอย | |||
| กองช้างขับช้างเข้าง้างแย่ง | งวงคว้างาแทงไม่ท้อถอย | |||
| กรุยแตะเสาไต้ใหญ่น้อย | ทั้งทัพยับย่อยลงทันใด | |||
| ๏ บัดนั้น | ชาวเมืองหน้าด่านไม่ทานได้ | |||
| ต่างทิ้งปืนผาอาวุธไว้ | วิ่งวนซนไปออกประตู | |||
| ผู้รั้งทั้งปลัดหลวงพล | สะกัดกั้นฟันคนไว้ไม่อยู่ | |||
| ข้างด้านหลังพังเขื่อนขวากคู | เหยียบกันไม่รู้ว่าไพร่นาย | |||
| บ้างโจนจากสนามเพลาะเลาะลัด | บุกพงหลงพลัดเข้าเซิงหวาย | |||
| บ้างปีนขึ้นต้นไม้ไต่ตะกาย | จวนตัวกลัวตายเต็มที | |||
| ลางคนสุดกำลังลงนั่งหอบ | เสียงใบไม้กรอบก็วิ่งหนี | |||
| แลเห็นพวกเพื่อนว่าไพรี | ท่อยทีตื่นตระหนกตกใจ | |||
| บ้างบุกชัฎลัดดงหลงป่า | ไม่รู้ว่าหนทางอยู่ข้างไหน | |||
| ต่างคนต่างพลัดกันไป | นายไพร่ไม่เป็นสมประดี | |||
| ๏ บัดนั้น | พวกทหารองอาจดังราชสีห์ | |||
| ครั้นหักเข้าไปได้ในบุรี | ขึ้นค้นทุกหน้าที่ทั่วไป | |||
| เก็บเอาหอกดาบปืนผา | ศาสตราอาวุธน้อยใหญ่ | |||
| ขนมาศาลากลางวางไว้ | ส่งให้นายหมวดนายกอง | |||
| บ้างจัดแจงแต่งพลโยธา | ไปลาดหาเสบียงทุกบ้านช่อง | |||
| ให้เหล่าทหารปืนพื้นลำลอง | ตั้งกองประจำไว้ในพารา | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายขุนมหาดไทยใจกล้า | |||
| ถือหนังสือคุมคนโทษมา | นอนทางกลางป่าหลายวัน | |||
| ลุถึงดาหาธานี | ลงจากพาชีขมีขมัน | |||
| จึงนำเอาหนังสือบอกนั้น | พากันมายังวังใน | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงตรงไปศาลา | วางตราเสมียนเวรผู้ใหญ่ | |||
| แล้วนำนักโทษนั้นเข้าไป | กราบไหว้แจ้งการท่านเสนา | |||
| ๏ บัดนั้น | ปาเตะได้ฟังไม่กังขา | |||
| ก็ลนลานลงจากศาลา | รีบมาพระโรงคัลมิทันนาน | |||
| ๏ ก้มเกล้ากราบทูลมูลเหตุ | พระปิ่นปักนัคเรศราชฐาน | |||
| บัดนี้มีหนังสือกรรมการ | บอกขานข่าวศึกมาติดพัน | |||
| จับคนมาได้ให้การว่า | จะตีพาราบุหราหงัน | |||
| ราษฎาผ่อนครัวเข้าไพรวัน | พระทรงธรรม์จงทราบฝ่าธุลี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผ่านภพดาหากรุงศรี | |||
| ได้ฟังข่าวราชไพรี | ภูมีสั่งปะหรัดกะติกา | |||
| ไปตรวจทัพเมืองขึ้นของเรานั้น | มาพร้อมกันอยู่นอกดาหา | |||
| ให้ตั้งค่ายรายรอบพารา | รักษาเป็นสองชั้นมั่นไว้ | |||
| ๏ บัดนั้น | ปะหรัดกะติกาบังคมไหว้ | |||
| รับพระบัญชาแล้วคลาไคล | รีบไปเร็วพลันทันที | |||
| ๏ จึงบอกกล่าวท้าวพระยาทั้งหลาย | เร่งตั้งค่ายรายรอบกรุงศรี | |||
| ข้าศึกเห็นจะมาถึงธานี | รับสั่งทั้งนี้อย่านอนใจ | |||
| ๏ บัดนั้น | ท้าวพระยาน้อยใหญ่ | |||
| ฟังกำหนดพจนาตถ์ภูวไนย | ก็ตรวจตราหาไพร่ได้พรั่งพร้อม | |||
| เร่งตั้งค่ายรายรอบกำแพงเมือง | ยักเยื้องมิให้บังหน้าป้อม | |||
| ชักปีกกาถึงกันเป็นหลั่นล้อม | วงอ้อมโอบรอบขอบคู | |||
| ยกหอรบหอคอยลอยตระหง่าน | สับกระดานต้านตั้งบังอยู่ | |||
| รั้วขวากชั้นในไว้ประตู | เสากระทู้เขื่อนขันธ์มั่นคง | |||
| ทุกหน้าค่ายภายนอกออกไป | ก็ก่นไม้ขุดตอไม่หลอหลง | |||
| ฉายจอมปลวกปราบราบลง | ให้เตียนตรงป้อมปืนในพารา | |||
| สนามเพลาะในค่ายรายปืนน้อย | วางคนประจำคอยอยู่รักษา | |||
| แล้วนายกองรีบรัดจัดโยธา | เป็นหมู่หวดตรวจตราทุกราตรี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายวิหยาสะกำเรืองศรี | |||
| ครั้นหักศึกมีชัยได้บุรี | ให้ตรวจเตรียมโยธีทุกกระทรวง | |||
| แล้วยกพลนิกรกองหน้า | ยาตราดำเนินนำทัพหลวง | |||
| ตีเมืองรายทางทั้งปวง | เลยล่วงไปตามมรคา | |||
| ๏ สิบวันดั้นเดินในไพรพง | ก็สิ้นดงตกทุ่งกรุงดาหา | |||
| แลไปเห็นกำแพงพารา | ทั้งมหาปราสาทเรียงรัน | |||
| จึงยับยั้งฟังองค์พระทรงยศ | จะกำหนดให้ตั้งค่ายมั่น | |||
| กองทัพนับแสนแน่นนันต์ | พร้อมกันหยุดอยู่ชายไพร | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเป็นใหญ่ | |||
| เร่งรีบรี้พลสกลไกร | มาใกล้ทิวทุ่งธานี | |||
| เห็นละหานธารน้ำไหลหลั่ง | ร่มไทรใบบังสุริย์ศรี | |||
| จึงดำรัสตรัสสั่งเสนี | ให้ตั้งที่นาคนามตามตำรา | |||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกศา | |||
| ออกมาเกณฑ์กันดังบัญชา | ให้โยธาถางที่นี่นัน | |||
| ๏ ทำค่ายหน้าค่ายหลังตั้งบรรจบ | ยกหอรบขึ้นปรับสับวิหลั่น | |||
| ชักปีกกาขึงไปถึงกัน | ผูกคร่าวสามชั้นขันสะเนาะ | |||
| วางป้อมเป็นจังหวะระยะแย่ง | ใส่บังตางาแซงมั่นเหมาะ | |||
| พูนดินเต็มตรมสนามเพลาะ | ไม่ไผ่เจาะรวงปล้องเป็นช่องปืน | |||
| บ้างปลูกโรงรถคชา | ทั้งที่ผูกช้างม้ามิให้ตื่น | |||
| เสาตะลุงหลักแหล่งแปลงปืน | พ่างพื้นปราบเลี่ยนเตียนตา | |||
| บ้างเร่งทำตำหนักน้อยใหญ่ | เพิงรายรอบในซ้ายขวา | |||
| ข้างนอกค่ายปักขวากดาษดา | ชักเขื่อนเข้าหาประจบมุม | |||
| บ้างจัดคนลำลองทุกกองเกณฑ์ | ออกตระเวนนั่งทางวางหลุม | |||
| คอยเล็ดลอดสอดแนมจับกุม | ชั้นในให้ประชุมจตุรงค์ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงสูงส่ง | |||
| เห็นตั้งค่ายเสร็จพลันมั่นคง | จึงชวนองค์โอรสธิบดี | |||
| ตรัสเรียกสองราชอนุชา | เสด็จจากรถาเรืองศรี | |||
| พร้อมด้วยกิดาหยันเสนี | จรลีขึ้นสุวรรณพลับพลา | |||
| ๏ บัดนั้น | กองร้อยคอยเหตุข้างดาหา | |||
| ออกสอดแนมอยู่นอกพารา | เห็นไพรียกมาถึงชายไพร | |||
| กระบวนทัพหน้าหลังมาตั้งลง | ทิวธงซ้อนซับไม่นับได้ | |||
| เสียงคนอึงอัดตัดไม้ | ราบไปทั้งป่าพนาลี | |||
| ต่างคนต่างเผ่นขึ้นหลังม้า | พลางประมาณหมายตาดูถ้วนถี่ | |||
| แล้วอ้อมออกนอกทุ่งทันที | ขับควบพาชีเข้าเวียงชัย | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงไปแจ้งกิจจา | แก่ปาเตะเสนาผู้ใหญ่ | |||
| เล่าความแต่ต้นจนปลายไป | โดยได้เห็นสิ้นทุกสิ่งอัน | |||
| ๏ บัดนั้น | ปาเตะตกใจไหวหวั่น | |||
| ให้จดเอาถ้อยคำสำคัญ | แล้วผายผันเข้าพระโรงรจนา | |||
| ๏ ก้มเกล้าประณตบทบงสุ์ | ทูลพระองค์ทรงพิภพดาหา | |||
| ว่าไพรีตีเมืองล่วงมา | รี้พลโยธามากมาย | |||
| ม้ารถคชกรรม์ครั่นครื้น | ดังเสียงคลื่นในสมุทไม่ขาดสาย | |||
| บัดนี้มาตั้งยังเนินทราย | ที่ชายทุ่งกับป่าต่อกัน | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหรารังสรรค์ | |||
| ได้ฟังปาเตะทูลพลัน | พระทรงธรรม์ตริตรึกนึกใน | |||
| อันศึกครั้งนี้ซึ่งมีมา | เพราะเขาขอบุษบาเราไม่ให้ | |||
| จึงเป็นเสี้ยนศัตรูหมู่ภัย | น้อยใจด้วยอิเหนานัดดา | |||
| แกล้งจะให้เกิดการโกลาหล | ร้อนรนไปทั่วทุกเส้นหญ้า | |||
| เสื่อมเดชเพศพงศ์เทวา | ศึกมาถึงราชธานี | |||
| คิดพลางทางสั่งเสนาใน | เร่งให้เกณฑ์คนขึ้นหน้าที่ | |||
| รักษามั่นไว้ในบุรี | จะดูทีข้าศึกซึ่งยกมา | |||
| อนึ่งจะคอยท่าม้าใช้ | ที่ให้ไปแจ้งเหตุพระเชษฐา | |||
| กับสองศรีราชอนุชา | ยังจะมาช่วยหรือประการใด | |||
| แม้นจะเคืองขัดตัดรอน | ทั้งสามพระนครหาช่วยไม่ | |||
| แต่ผู้เดียวจะเคี่ยวสงครามไป | จะยากเย็นเป็นกระไรก็ตามที | |||
| ๏ บัดนั้น | ปาเตะประณตบทศรี | |||
| ออกมาเกณฑ์ไพร่พลมนตรี | ตามมีพระบัญชาการ | |||
| ๏ เร่งรัดจัดพลอาสา | ขึ้นประจำเสมาทุกหน้าด้าน | |||
| ประตูเมืองสี่ทิศให้ปิดบาน | ลงเขื่อนมั่นลั่นดาลทันใด | |||
| เหล่าพวกกองฝรั่งพรั่งพร้อม | ขึ้นอยู่ป้อมประจะปืนใหญ่ | |||
| กะเกณฑ์กองกลางวางไว้ | เสียงปืนหนักไหนให้ไปทัน | |||
| อันโยธาอาสาหกเหล่า | ทั้งเกณฑ์หัดจัดเข้าเป็นกองขัน | |||
| สามารถอาจออกทะลวงฟัน | รายกันตั้งกองริมกำแพง | |||
| ล้อมวังตั้งล้อมพระนิเวศน์ | วางม้าคอยเหตุไว้สี่แห่ง | |||
| กองตระเวนสารวัดจัดแจง | ตกแต่งตรวจตราทั้งธานี | |||
| ๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงสุหรานากงเรืองศรี | |||
| กับเสนากาหลังบุรี | ยกพลมนตรีรับมา | |||
| แรมร้อนนอนป่าสิบห้าวัน | ก็ละถึงเขตต์ขัณฑ์ดาหา | |||
| ได้ข่าวปัจจามิตรติดพารา | ก็เร่งยกโยธาเข้ากรุงไกร | |||
| ๏ ครั้งถึงกึ่งกลางพระนคร | จึงหยุดพลนิกรน้อยใหญ่ | |||
| แล้วชวนตำมะหงงคลาไคล | เข้าไปที่เฝ้าพระผ่านฟ้า | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | |||
| เห็นสุหรานางนัดดา | กับเสนากาหลังบุรี | |||
| จึงมีบัญชาปราไส | เราขอบใจอนุชาทั้งสองศรี | |||
| ให้ยกมาช่วยต่อตี | ก็เห็นชอบท่วงทีดีนัก | |||
| แต่การศึกครั้งนี้ไม่ควรเป็น | เกิดเข็ญเพราะลูกอัประลักษณ์ | |||
| จะมีคู่ผู้ชายก็ไม่รัก | จึงหักให้สาสมใจ | |||
| อันองค์พระบรมเชษฐา | เห็นจะให้ใครมาหรือหาไม่ | |||
| เจ้ามาในทางพนาลัย | ยังได้ข่าวบ้างหรือนัดดา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | สุหรานากงวงศา | |||
| ก้มเกล้าทูลสนองพระบัญชา | ข้ามาแจ้งข่าวที่กลางคัน | |||
| พระปิ่นภพกุเรปันธานี | ให้กะหรัดติปาตีเป็นทัพขัน | |||
| ยกจากเวียงชัยได้หลายวัน | บรรจบกันกับระเด่นมนตรีมา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | |||
| ฟังสุหรานากงนัดดา | จึงมีบัญชาว่าไป | |||
| อันกะหรัดติปาตีจะมาช่วย | เห็นจะจริงอยู่ด้วยไม่สงสัย | |||
| แต่อิเหนาเขาจะมาทำไม | ผิดไปเจ้าอย่าเจรจา | |||
| พระเชษฐาให้สารไปกี่ครั้ง | เขายังไม่จากหมันยา | |||
| จนสลัดตัดการวิวาห์ | ศึกติดพาราก็เพราะใคร | |||
| เห็นจะรักเมียงจริงยิ่งกว่าญาติ | ไหนจะคลาดจากเมืองหมันยาได้ | |||
| ถึงมาตรจะมาก็จำใจ | ด้วยกลัวภัยพระราชบิดา | |||
| เราอย่าคอยเขาเลยนะหลานรัก | ก้มพักตร์รบศึกไปดีกว่า | |||
| แต่ว่าวันนี้เจ้าเหนื่อยมา | จงไปพักโยธาให้สำราญ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | สุหรานากงใจหาญ | |||
| ก้มเกล้าสนองพจมาน | อันการสงครามครั้งนี้ | |||
| จะขอเอาเมืองขึ้นบรรดามา | กับโยธาสิงหัดส่าหรี | |||
| ยกออกโรมรันประจัญตี | ดูทีฝีมือปัจจามิตร | |||
| ถ้าเห็นศึกย่นย่อท้อกำลัง | จะโหมหักมิให้ตั้งตัวติด | |||
| ขออาสากว่าจะสิ้นสุดฤทธิ์ | ชีวิตอยู่ใต้บาทบงสุ์ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผ่านภพดาหาสูงส่ง | |||
| จึงตรัสตอบสุหรานากง | เจ้าคิดอ่านการณรงค์ทนงนัก | |||
| ทัพเขายกมาย่อมสามารถ | ทั้งสิทธิ์ขาดความคิดแหลมหลัก | |||
| ม้ารถคชพลก็พร้อมพรัก | หมายจะหักที่กล้าด้วยกัน | |||
| ไม่ควรจะด่วนออกชิงชัย | ชอบอยู่ในพารารักษามั่น | |||
| แม้นข้าศึกประชิดติดพัน | บุกบั่นเข้าปล้นปีนกำแพง | |||
| เราจะรบรับไว้ให้หยุดยั้ง | แต่พอผ่อนหย่อนกำลังเข้มแข็ง | |||
| จึงยกหนักออกหักเอากลางแปลง | จะมีชัยไม่แคลงวิญญาณ์ | |||
| ทัพช่วยก็ไม่ช้าจะมาทัน | พร้อมกันตีกระหนาบหลังหน้า | |||
| รุกรบกระทบนอกเข้ามา | เห็นศึกก็จะล่าเลิกไป | |||
| เจ้าเป็นผู้บัญชาในธานี | โยธาหน้าที่เอาใจใส่ | |||
| ตรัสแล้วลีลาคลาไคล | เข้าในปราสาทรจนา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | สุหรานากงวงศา | |||
| ครั้นเสด็จขึ้นแล้วก็ไคลคลา | ออกมาที่อยู่ภูมี | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายดะหมังกุเรปันกรุงศรี | |||
| ครั้นถึงหมันยาธานี | ก็ตรงไปยังที่ประเสบัน | |||
| ขึ้นบนชาลพักตำหนักนอก | พอเห็นเสด็จออกกิดาหยัน | |||
| จึงเข้าไปใกล้องค์พระทรงธรรม์ | อภิวันท์แล้วถวายสารา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา | |||
| คลี่สารสมเด็จพระบิดา | พลางทอดทัศนาทันใด | |||
| ๏ ในลักษณ์นั้นว่าปัจจามิตร | มาตั้งติดดาหากรุงใหญ่ | |||
| จงเร่งรีบรี้พลสกลไกร | ไปช่วยชิงชัยให้ทันที | |||
| ถึงไม่เลี้ยงบุษบาเห็นว่าชั่ว | แต่เขารู้อยู่ว่าตัวนั้นเป็นพี่ | |||
| อันองค์ท้าวดาหาธิบดี | นั้นมิใช่อาหรือว่าไร | |||
| มาตรแม้นเสียเมืองดาหา | จะพลอยอายขายหน้าหรือหาไม่ | |||
| ซึ่งเกิดศึกสาเหตุเภทภัย | ก็เพราะใครทำความไว้งามพักตร์ | |||
| ครั้งหนึ่งก็ให้เสียวาจา | อายชาวดาหาอาณาจักร | |||
| ครั้งนี้เร่งคิดดูจงนัก | จะซ้ำให้เสียศักดิ์ก็ตามที | |||
| แม้นมิยกพลไกรไปช่วย | ถึงเราม้วยก็อย่ามาดูผี | |||
| อย่าดูทั้งเปลวอัคคี | แต่วันนี้ขาดกันจนบรรลัย | |||
| ๏ ครั้นอ่านสารเสร็จสิ้นพระทรงฤทธิ์ | ถอนฤาทัยให้คิดสงสัย | |||
| บุษบาจักงามสักเพียงไร | จึงต้องใจระตูทุกบุรี | |||
| หลงรักรูปนางแต่อย่างนั้น | จะพากันมาม้วยไม่พอที่ | |||
| แม้นงามเหมือนจินตะหราวาตี | ถึงจะเสียชีวีก็ควรนัก | |||
| แล้วตรัสแก่ดะหมังเสนา | เราจะยกโยธาไปโหมหัก | |||
| มิให้เสียวงศาสุรารักษ์ | งดสักเจ็ดวันจะยกไป | |||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังบังคมประณมไหว้ | |||
| ทูลว่าช้านักภูวไนย | เกลือกไปไม่ทันจะเสียที | |||
| เชิญเสด็จคลาไคลไปก่อน | แล้วจึงค่อยผันผ่อนมากรุงศรี | |||
| อันข้าศึกยกมาต่อตี | ป่านนี้จะประชิดติดกรุงไกร | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวาอัชฌาสัย | |||
| สุดที่จะบิดเบือนเลื่อนวันไป | ด้วยเกรงในบิตุเรศตัดมา | |||
| ความกลัวความรักสลักทรวง | ให้เป็นห่วงหนหลังกังวลหน้า | |||
| แต่เรรวนหวนนึกตรึกตรา | พระราชาสะท้อนถอนใจ | |||
| จึงดำรัสตรัสสั่งตำมะหงง | เร่งเตรียมจตุรงค์ทัพใหญ่ | |||
| ม้ารถคชสารชาญชัย | รีบรัดจัดไว้ให้ครบครัน | |||
| เลือกสรรโยธาจงสามารถ | ที่อยู่คงองอาจแข็งขัน | |||
| แต่ปืนตึงก็ถึงทันควัน | เข้าโรมรุกบุกบันฟันแทง | |||
| เราจะตัดศึกใหญ่ให้ย่อย่น | ด้วยกำลังรี้พลเข้มแข็ง | |||
| แม้นไพรีหนีมือกลางแปลง | เห็นหักได้ไม่แคลงวิญญาณ์ | |||
| ฤกษ์รุ่งพรุ่งนี้จะยกไป | ชิงชัยช่วยกรุงดาหา | |||
| สั่งเสร็จเสด็จทรงอาชา | ไปเฝ้าท้าวหมันหยาฉับพลัน | |||
| ๏ ครั้นถึงนิเวศน์วังใน | ลงจากมโนมัยผายผัน | |||
| ยุรยาตรนาดกรจรจรัล | เข้าพระโรงสุวรรณทันใด | |||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังกุเรปันกรุงใหญ่ | |||
| จึงรีบไปหาเสนาใน | แถลงไขข้อความตามคดี | |||
| ๏ บัดนั้น | อำมาตย์หมันหยากรุงศรี | |||
| ได้แจ้งแห่งดะหมังเสนี | ก็พาไปในที่พระโรงคัล | |||
| ๏ ก้มเกล้าประณตบทมาลย์ | พระผู้ผ่านเวียงชัยไอศวรรย์ | |||
| ทูลเบิกดะหมังเสนานั้น | ว่าพระปิ่นกุเรปันใช้มา | |||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังผู้มียศฐาน์ | |||
| นบนิ้วบังคมคัลวันทา | ทูลถวายสาราพระภูมี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยากรุงศรี | |||
| รับสารมาจากเสนี | แล้วคลี่ออกอ่านทันใด | |||
| ๏ ในลักษณ์อักษรสารา | ว่าระตูหมันหยาเป็นผู้ใหญ่ | |||
| มีราชธิดายาใจ | แกล้งให้แต่งตัวไว้ยั่วชาย | |||
| จนลูกเราร้างคู่ตุนาหงัน | ไปหลงรักผูกพันมั่นหมาย | |||
| จะให้ชิงผัวเขาเอาเด็ดตาย | ช่างไม่อายไพร่ฟ้าประชาชน | |||
| บัดนี้ศึกประชิดติดดาหา | กิจจาลือแจ้งทุกแห่งหน | |||
| เสียการงานวิวาห์จลาจล | ต่างคนค่างข้องหมองใจ | |||
| การสงครามครั้งนี้มิไปช่วย | ยังเห็นชอยอยู่ด้วยหรือไฉน | |||
| จะตัดวงศ์ตัดญาติให้ขาดไป | ก็ตามแต่น้ำใจจะเห็นดี | |||
| ๏ ทรงอ่านสารเสร็จสิ้นเรื่อง | กลัวจะเคืองขุ่นข้องหมองศรี | |||
| จึงยื่นสารให้ระเด่นมนตรี | แล้วมีพจนาตถ์วาจา | |||
| เห็นงามอยู่แล้วหรือหลานรัก | เจ้าหาญหักไม่ฟังคำข้า | |||
| มาพลอยได้ความผิดด้วยนัดดา | หาให้อยู่กับจินตะหราไม่ | |||
| อย่าหน่วงหนักชักช้าเร่งคลาไคล | รีบไปให้ทันท่วงที | |||
| อันระเด่นดาหยนวงศา | จงคุมพลหมันหยากรุงศรี | |||
| สมทบทัพระเด่นมนตรี | ได้ฤกษ์รุ่งพรุ่งนี้จงยาตรา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา | |||
| รับสั่งแล้วบังคมลา | ไปปราสาทจินตะหราวาตี | |||
| ๏ ครั้นถึงแท่นสุวรรณบรรจง | นั่งแนบองค์นางโฉมศรี | |||
| ทอดถอนฤทัยพลางทางพาที | ภูมีแจ้งความแก่ทรามวัย | |||
| บัดนี้ดะหมังเสนา | ถือสารพระบิดามาให้ | |||
| เป็นเหตุด้วยดาหาเวียงชัย | เกิดการศึกใหญ่ไพรี | |||
| ให้พี่กรีธาทัพขัน | ไปช่วยป้องกันกรุงศรี | |||
| จะรีบยกพหลมนตรี | พรุ่งนี้ให้ทันพระบัญชา | |||
| อยู่จงดีเถิดพี่จะลาน้อง | อย่าหม่นหมองเศร้าสร้อยละห้อยหา | |||
| เสร็จศึกวันไรจะไคลคลา | กลับมาสู่สมภิรมรัก | |||
| ๏ เมื่อนั้น | จินตะหราวาตีมีศักดิ์ | |||
| ฟังตรัสขัดแค้นฤทัยนัก | สะบัดพักตร์ผินหลังไม่บังคม | |||
| แล้วตอบถ้อยน้อยหรือพระทรงฤทธิ์ | ช่างประดิดคิดความพองามสม | |||
| ล้วนกล่าวแกล้งแสร้งเสเล่ห์ลม | คดคมแยบคายหลายชั้น | |||
| พระจะไปดาหาปราบข้าศึก | หรือรำลึกถึงคู่ตุนาหงัน | |||
| ด้วยสงครามในจิตต์ติดพัน | จึงบิดผันพจนาไม่อาลัย | |||
| ไหนพระผ่านฟ้าสัญญาน้อง | จะปกป้องครองความพิสมัย | |||
| ไม่นิราศแรมร้างห่างไกล | จนบรรลัยมอดม้วยไปด้วยกัน | |||
| พระวาจาน่าเชื่อเป็นพ้นนัก | จึงหลงรักภักดีไม่เดียดฉัน | |||
| พาซื่อสุจริตคิดสำคัญ | หมายมั่นว่าเมตตาปราณี | |||
| มิรู้มาอาภัพกลับกลาย | จะหลีกเลี่ยงเบี่ยงบ่ายหน่ายหนี | |||
| ยังสมคำสัญญาพาที | กี่ร้อยปีพระจะกลับคืนมา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวันอสัญหยา | |||
| โลมนางพลางกล่าววาจา | จงผินมาพาทีด้วยพี่ชาย | |||
| เป็นสัจจาจริงไม่ทิ้งน้อง | ว่าจะครองไมตรีไม่หนีหน่าย | |||
| มิได้แกล้งพาทีภิปราย | อย่าสงกาว่าจะวายคลายรัก | |||
| จะจำจากโฉมเฉลาเยาวเรศ | เพราะเกรงเดชบิตุรงค์ทรงศักดิ์ | |||
| ข้อความงามแคลงกินแหนงนัก | ด้วยเจ้าไม่ประจักษ์ที่จริงใจ | |||
| สมเด็จพระบิดาให้หาพี่ | ใช่แต่ครั้งนี้นั้นหาไม่ | |||
| ถึงสองครั้งพี่ขัดรับสั่งไว้ | ยังมิได้บอกเจ้าให้แจ้งการ | |||
| บัดนี้เกิดศึกก็สุดคิด | จนจิตต์ที่จะขัดพระบรรหาร | |||
| สารามีมาเป็นพยาน | พระยื่นสารให้นางทัศนา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา | |||
| ค้อนให้ไม่แลดูสารา | กัลยาคั่งแค้นแน่นใจ | |||
| โอ้ว่าอนิจจาความรัก | พึ่งประจักษ์ดังสายน้ำไหล | |||
| ตั้งแต่จะเชี่ยวเป็นเกลียวไป | ไหนเลยจะไหลกลับมา | |||
| สตรีใดในพิภพจบแดน | ไม่มีใครได้แค้นเหมือนอกข้า | |||
| ด้วยใฝ่รักให้เกินพักตรา | จะมีแต่เวทนาเป็นเนืองนิตย์ | |||
| โอ้ว่าน่าเสียดายตัวนัก | เพราะเชื่อลิ้นหลงรักจึงช้ำจิตต์ | |||
| จะออกชื่อลือชั่วไปทั่วทิศ | เมื่อพลั้งคิดผิดแล้วจะโทษใคร | |||
| เสียแรงหวังฝังฝากชีวี | พระจะมีเมตตาก็หาไม่ | |||
| หมายบำเหน็จจะเสด็จรีบไป | พอรู้เท่าเข้าใจในทำนอง | |||
| ด้วยระเด่นบุษบาโฉมตรู | ควรคู่ภิรมย์สมสอง | |||
| ไม่ต่ำศักดิ์รูปชั่วเหมือนตัวน้อง | ทั้งพวกพ้องสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ | |||
| โอ้แต่นี้สืบไปภายหน้า | จะอายชาวดาหาเป็นแม่นมั่น | |||
| เขาจะค่อนนินทาทุกสิ่งอัน | นางรำพรรณว่าพลางทางโศกา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวันอสัญหยา | |||
| ปลอบนางพลางเช็ดชลนา | ดวงยิหวาอย่าทรงโศกี | |||
| จงสร่างสิ้นกินแหนงแคลงใจ | ที่ในบุษบามารศรี | |||
| พี่สลัดตัดใจไม่ไยดี | มิได้มีปรารถนาอาลัย | |||
| จรกาจึงได้ไปว่าขาน | กำหนดนัดทำงานการใหญ่ | |||
| พอกะหมังกุหนิงรู้ไป | ก็ซ้ำให้มากล่าวกัลยา | |||
| ครั้นขอนางมิได้ดังใจจง | จึงเกิดการณรงค์ในดาหา | |||
| เพราะแหนหวงช่วงชิงวนิดา | ใช่ว่านางเปล่าอยู่เมื่อไร | |||
| อันลือข่าวบุษบาว่างามนัก | จะดีกว่าน้องรักนั้นหาไม่ | |||
| นี่จำเป็นจึงจำจากไป | เพราะกลัวภัยพระราชบิดา | |||
| แม้นเสียดาหาก็เสียวงศ์ | อัประยศถึงองค์อสัญหยา | |||
| เจ้ากับพี่ก็จะมีแต่นินทา | แก้วตาจงดำริตริตรอง | |||
| ถึงไปก็ไม่อยู่นาน | เยาวมาลย์อย่าโศกเศร้าหมอง | |||
| พระจุมพิตชิดเชยปรางทอง | กรประคองนฤมลขึ้นบนเพลา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | จินตะหราวาตีโฉมเฉลา | |||
| ได้เห็นสารทราบความตามสำเนา | ค่อยบรรเทาเบาทุกข์ที่แคลงใจ | |||
| จึงเคลื่อนองค์ลงจากพระเพลาพลาง | น้องนางบังคมทูลแถลงไข | |||
| ซึ่งพระจะเสด็จไปชิงชัย | ก็ตามใจไม่ขัดอัธยา | |||
| แม้นสำเร็จราชการงานศึก | แล้วรำลึกอย่าลืมหมันหยา | |||
| จงเร่งรีบยกทัพกลับมา | น้องจะนับวันท่าภูวไนย | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมพิสมัย | |||
| รับขวัญกัลยาแล้วว่าไป | พี่จะลืมปลื้มใจไยมี | |||
| เป็นเวลากรรมจำจาก | ขอฝากมาหยารัศมี | |||
| กับนางสะการะวาต | ด้วยทรามวัยไร้ที่พึ่งพา | |||
| นางไกลบิตุราชมาตุรงค์ | โฉมยงอย่าเคียดขึ้งหึงสา | |||
| ถ้าพลั้งผิดสิ่งใดได้เมตตา | อย่าถือโทษโกรธาเทวี | |||
| ว่าพลางทางเปลื้องสังวาลทรง | ให้องค์จินตะหรามารศรี | |||
| เจ้าจงเอาเครื่องประดับนี้ | ไว้ดูต่างพักตร์พี่จะขอลา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา | |||
| ได้ฟังพระราชบัญชา | กัลยานอบนบอภิวันท์ | |||
| แล้วทูลว่าพระองค์อย่าสงสัย | น้องมิได้รังเกียจเดียดฉันท์ | |||
| จะรักใคร่ในสองนางนั้น | เหมือนพี่น้องร่วมครรภ์กันมา | |||
| ว่าพลางนางเปลื้องสไบทรง | ถวายองค์ทรงเดชพระเชษฐา | |||
| เกลือกจะลืมคำมั่นสัญญา | ได้เห็นผ้าเป็นเพื่อนเตือนฤาทัย | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | |||
| เห็นนางค่อยสร่างโศกาลัย | ภูวไนยตรัสบอกบังอร | |||
| บัดนี้พี่จะขออำลา | ไปสั่งสอนสุดาดวงสมร | |||
| ว่าพลางผันผายกรายกร | บทจรไปห้องสองนารี | |||
| ๏ เสด็จนั่งบัลลังก์รัตน์รจนา | แล้วตรัสบอกมาหยารัศมี | |||
| ทั้งนางสะการะวาตี | ตามในสารศรีซึ่งมีมา | |||
| พรุ่งนี้พี่จะลาเจ้าไป | ชิงชัยไพรีถึงดาหา | |||
| ค่อยอยู่เถิดนวลน้องสองสุดา | อุสส่าห์อุปถัมภ์บำรุงกัน | |||
| จะผิดชอบสิ่งไรให้ปรองดอง | มิควรข้องเคืองขุ่นอย่าหุนหัน | |||
| เจ้าก็ร่วมสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ | ถนอมน้ำใจกันไว้ให้ดี | |||
| จงอดออมถ่อมคำจำนรรจา | ฝากตัวจินตะหรามารศรี | |||
| โฉมเฉลาอย่าเศร้าโศกี | พอศึกเสร็จแล้วพี่จะกลับมา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | สองนางแน่งน้อยเสน่หา | |||
| ได้ฟังดังจะม้วยชีวา | กัลยาครวญคร่ำรำพรรณ | |||
| โอ้อนิจจานะอกเอ๋ย | กะไรเลยไม่วายที่โศกศัลย์ | |||
| จากบิดามารดามานั้น | ก็โศกาจาบัลย์พันทวี | |||
| ได้พึ่งบาทบงสุ์พระทรงเดช | ดังฉัตรแก้วกั้นเกศเกศี | |||
| หรือจะซ้ำจำจากพระภูมี | ครั้งนี้จะบ่ายหน้าไปหาใคร | |||
| จะกินแต่น้ำตาต่างอาหาร | ทนทุกข์ทรมานหม่นไหม้ | |||
| ชะรอยเวรากรรมทำไว้ | จึงจำให้ได้ความเวทนา | |||
| โอ้แต่นี้นับจะลับเนตร | แสนเทวษเศร้าสร้อยละห้อยหา | |||
| ร่ำพลางบังอราค่อนอุรา | กอดบาทภัสดาเข้าโศกี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | |||
| เห็นสองสุดานารี | โศกีกอดบาทไม่คลาดคลาย | |||
| พระจุมพิตชิดชมเชยปราง | โลมลูบปฤษฎางคนางโฉมฉาย | |||
| เช็ดชลนาพลางทางภิปราย | เจ้าสายสุดที่รักจงหักใจ | |||
| จำเป็นจำร้างห่างห้อง | กรรมของเราแล้วจะทำไฉน | |||
| พี่นี้มิใคร่จะจากไป | แต่จนใจด้วยกิจการณรงค์ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | สองนางแน่งน้อยนวลหงศ์ | |||
| ฟังถ้อยค่อยคลายกำสรดทรง | โฉมลงทูลฝากน้องรัก | |||
| อันสังคามาระตากุมาร | ไม่ชำนาญการรบหาญหัก | |||
| ทั้งความคิดติดจะเยาว์เบานัก | พระทรงศักดิ์จงได้เมตตา | |||
| เกลือกจะประมาทในราชกิจ | ถ้าพลั้งผิดพระจะลงโทษา | |||
| จงโปรดปรานขอประทานชีวา | เหมือนเห็นแก่ข้าทั้งสองนี้ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้วงศ์เทวาในราศี | |||
| ฟังนางพลางกล่าววาที | แก้วพี่อย่าประหวั่นพรั่นใจ | |||
| อันองค์พระน้องของเจ้า | พี่รักเท่าดวงตาก็ว่าได้ | |||
| ถึงผิดพลั้งจะสั่งสอนไป | จะเอาไว้เป็นเพื่อนชีวี | |||
| ว่าพลางทางถอดธำมรงค์ | ให้โฉมยงมาหยารัศมี | |||
| ทรงเปลื้องซ่าโบ๊ะของภูมี | ให้สะการะวาตีกัลยา | |||
| แล้ว่าซ่าโบ๊ะกับธำมรงค์ | สองอนงค์เอาไว้ดูต่างหน้า | |||
| พอระงับดับความโศกา | ให้คลายทุกข์ถวิลหาอาวรณ์ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | นวลนางพี่น้องสองสมร | |||
| ได้ธำมรงค์ทรงสะพักภูธร | บังอรค่อยคลายวายโศกี | |||
| นางมาหยารัศมีนงลักษณ์ | จึงถอดปิ่นที่ปักเกศี | |||
| นวลนางสะการะวาตี | ถอดสะพังมณีออกจากกรรณ | |||
| ต่างประณมก้มกราบกับบาทา | ทูลถวายภัสดารังสรรค์ | |||
| แต่พอได้ไปเห็นเป็นสำคัญ | ให้ทรงธรรม์ชมพลางต่างพักตรา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงองค์อสัญแดหวา | |||
| เห็นเครื่องทรงของสองสุดา | ยิ่งแสนเสน่หาอาลัย | |||
| กรกอดประทับไว้กับทรวง | เป็นห่วงด้วยความพิสมัย | |||
| ชมโฉมโลมเล้าเอาใจ | เห็นทรามวัยคล่อยคลายจาบัลย์ | |||
| จึงตรัสว่าพี่ยาจะลาแล้ว | จงผ่องแผ้วผาสุกเกษมสันต์ | |||
| สั่งนางพลางเสด็จจรจรัล | ไปปราสาทแก้วกัลยาณี | |||
| ๏ ครั้นถึงห้องทองรจนา | พระกุมกรจินตะหรามารศรี | |||
| ขึ้นบนแท่นรัตน์รูจี | พระภูมีสวมสอดกอดประคอง | |||
| หยอกเย้าเคล้าดวงบุษบง | โฉมยงยึดพระหัตถ์ปัดป้อง | |||
| พระจุมพิตชิดเชยปรางทอง | นวลละอองค้อนคมนัยนา | |||
| รสรักหนักจิตต์พิศวง | สองทรงโศกสั่งเสน่หา | |||
| พลางภิรมย์สมสนิทนิทรา | อยู่บนแท่นไสยาพรายพรรณ | |||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังเสนาคนขยัน | |||
| กับสี่พี่เลี้ยงทรงธรรม์ | พากันมาจัดโยธา | |||
| ๏ กะเกณฑ์พลขันธ์บรรจบ | สมทบกองทัพหมันหยา | |||
| ตั้งเป็นกระบวนเบญจเสนา | ทัพหน้าทัพหลังทั้งปวง | |||
| จัดทหารหน้าช้างพระที่นั่ง | พร้อมพรั่งทวนทองกองหลวง | |||
| ปีกซ้ายปีกขวาตามกระทรวง | มิให้ล่วงหมู่หมวดตรวจกัน | |||
| จัดช้างชะนะงาออกมายืน | ผูกปืนสัปประคับเครื่องมั่น | |||
| โลดแล่นโจมทัพซับมัน | พลายพังดั้งกันแทรกแซง | |||
| เกณฑ์ถ้วนกระบวนทัพคชสาร | หมอควาญขับขี่เข้มแข็ง | |||
| ล้วนใส่เสื่อแดงหมวกแดง | ตกแต่งเตรียมไว้ทั้งไพร่นาย | |||
| ผูกช้างพระที่นั่งหลังคาทอง | เรืองรองพระสูตรรูดสาย | |||
| ประสันตาตัวดีขึ้นขี่ท้าย | คอยเสด็จพระโฉมฉายจรลี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | |||
| บรรทมเหนือแท่นรัตน์รูจี | ด้วยจินตะหราวาตีกัลยา | |||
| ประคองเชยชื่นชมสมสวาท | แล้วทุกข์ที่จะนิราศเสน่หา | |||
| แต่เวียนสั่งทรามวัยอาลัยลา | จนสุริยาเยี่ยมยอดยุคันธร | |||
| ไก่ขันกระชั้นเสียงอยู่แจ้ว ๆ | ฟังแว่วหวั่นใจจะไกลสมร | |||
| พิศพักตร์พนิดายิ่งอาวรณ์ | พลางสะท้อนถอนจิตต์จาบัลย์ | |||
| ๏ อุ้มองค์นงลักษณ์ใส่ตักไว้ | ลูบไล้โลมนางพลางรับขวัญ | |||
| จำเป็นจำพรากจากกัน | สาวสวรรค์ค่อยอยู่สวัสดี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | นวลนางจินตะหรามารศรี | |||
| ให้ละห้อยสร้อยเศร้าแสนทวี | สงสารที่ถ้อยคำพระอำลา | |||
| ก้มพักตร์ลงเช็ดชลเนตร | พลางทูลภูวเรศเชษฐา | |||
| น้องจะอยู่ผู้เดียวเปลี่ยววิญญาณ์ | ทุกข์ถึงคะนึงหาไม่เว้นวาย | |||
| เสด็จไปจงดีมีสุข | ให้ห่างภัยไกลทุกข์ทั้งหลาย | |||
| อันศัตรูนอกกายในกาย | สารพัตรแพ้พ่ายอย่าพ้องพาน | |||
| แม้นเสร็จศึกนึกกลับหมันหยา | ให้สมซึ่งสัญญาได้ว่าขาน | |||
| อย่าลืมคำลืมเคยที่โปรดปราน | เยาวมาลย์ทูลพลางทางโศกี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | |||
| ตรัสปลอบกนิษฐาแล้วพาที | แก้วพี่อย่าพะวงสงกา | |||
| ถึงตัวพี่จะไปรณรงค์ | แต่ใจจงพุ่มพวงดวงยิหวา | |||
| พอเสร็จพันตูไม่อยู่ช้า | จะเร่งรีบกลับมาหาน้อง | |||
| ประโลมลาลูบหลังแล้วสั่งเล่า | ขวัญข้าวค่อยอยู่อย่าหม่นหมอง | |||
| ตรัสพลางย่างเยื้องจากแท่นทอง | เสด็จไปยังห้องสองนารี | |||
| ๏ นั่งแนบแอบองค์กัลยา | ประคองชมมาหยารัศมี | |||
| เชยปรางนางสะการะวาตี | ตรัสสั่งสองศรีด้วยสุนทร | |||
| ค่อยอยู่เถิดนะน้องอย่าหมองไหม้ | พี่จะลาทรามวัยไปก่อน | |||
| อย่ากรรแสงโศกาอาวรณ์ | เป็นกรรมจำจรจากกัน | |||
| จงรู้รักอดออมถนอมจิตต์ | สิ่งใดอย่าได้คิดเดียดฉันท์ | |||
| สั่งเสร็จพระเสด็จจรจรัล | ขึ้นเฝ้าทรงธรรม์เจ้าธานี | |||
| ๏ ก้มเกล้าประณตบทบงสุ์ | ทูลองค์ประหมันทั้งสองศรี | |||
| พระองค์จงอยู่สวัสดี | หลานนี้ขอถวายบังคมลา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | |||
| ทั้งประไหมสุหรีศรีโสภา | ฟังราชนัดดาก็อาวรณ์ | |||
| ต่างองค์อำนวยอวยชัย | เจ้าไปเป็นสุขสโมสร | |||
| อันเหล่าอาสัจดัสกร | จงพ่ายแพ้ฤทธิรอนพระหลานรัก | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีมีศักดิ์ | |||
| รับพรภูวไนยด้วยใจภักดิ์ | บังคมลามาตำหนักประเสบัน | |||
| ๏ ครั้นถึงมนเทียรที่ข้างหน้า | พร้อมหมู่เสนากิดาหยัน | |||
| เสด็จเข้ามณฑลพิธีกรรม์ | นั่งเหนือเตียงสุวรรณบรรจง | |||
| ราชครูบีกูประมาหนา | ถวายอาเศียรพาทภิเษกสรง | |||
| ลูบไล้สุคนธาอ่าองค์ | บรรจงทรงเครื่องวันอาทิตย์ | |||
| ๏ ทรงภูษาแย่งยกกระหนกกระหนาบ | ฉลององค์เข้มขายคดกฤช | |||
| ห้อยหน้าปักทองกรองดอกชิด | สังวลาวรรณอันวิจิตรจำรัสเรือง | |||
| ทับทรวงพวงเพ็ชร์เม็อแตง | ทองกรแก้วแดงประดังเนื่อง | |||
| ธำมรงค์รจนาค่าเมือง | อร่ามเรืองเพ็ชร์รัตน์ตรัจไตร | |||
| ทรงมงกุฎกรรเจียกจอนสุวรรณ | วาวแววแก้วกุดั่นดอกไม้ไหว | |||
| ห้อยอุบะบุหงามาลัย | เหน็บกฤชฤทธิไกรแล้วไคลคลา | |||
| ๏ ขึ้นเกยกิริณีที่ประทับ | ผันพักตร์สู่พายัพทิศา | |||
| พร้อมหมู่อำมาตย์มาตยา | โหราธิบดีชีพราหมณ์ | |||
| พอได้ศุภฤกษ์ก็ลั่นฆ้อง | ประโคมคึกกึกก้องท้องสนาม | |||
| ปุโรหิตฟันไม้ข่มนาม | ทำตามตำราพิชัยยุทธ์ | |||
| ทัพหน้าทัพหลวงทัพหลัง | พร้อมพรั่งตั้งโห่อึงอตม์ | |||
| ทหารโบกธงทองกระบี่ครุฑ | ฝรั่งจุดปืนใหญ่เป็นสัญญา | |||
| บีกูก็เบิกโขลนทวาร | โอมอ่านอาคมคาถา | |||
| โห่สนั่นลั่นฆ้องขึ้นสามลา | คลายเคลื่อนโยธาทุกหมวดกอง | |||
| ๏ ช้างเอยช้างที่นั่ง | สะพักพังหลังดีไม่มีสอง | |||
| งามสรรพสรรพางค์หางบังคลอง | ผูกจำลองจำหลักลายพรายพรรณ | |||
| สองหูพู่ห้อยพรอยแพรว | จงกลแก้วแวววาวดาวกุดั่น | |||
| ปกกระพองพรรณรายข่ายสุวรรณ | ผูกชนักจักรันรึงรัด | |||
| ประดับอภิรุมชุมสาย | ธงฉานธงชายมุยรฉัตร | |||
| อาชาแซงนอกล้วนหอกซัด | เบียดเสียดเยียดยัดอัดแอ | |||
| ขนัดหอกขนัดดาบโล่ดั้ง | คับคั่งธงทวนกระบวนแห่ | |||
| สนั่นเสียงปี่กลองฆ้องกระแต | สังข์แตรแซ่เสนาะเพราะเพรียง | |||
| เสียงช้างเสียงม้าโกลาหล | เสียงคนอึงอื้อบันลือเสียง | |||
| กองหลังรั้งท้ายคุมลำเลียง | รีบร้นขนเสบียงตามไป | |||
| ๏ ครั้นออกมานอกนคเรศ | พระทรงเดชเศร้าสร้อยละห้อยไห้ | |||
| เหลียงหลังตั้งตาดูเวียงชัย | ฤาทัยหวั่น ๆ ถึงกัลยา | |||
| โอ้ว่าเจ้าดวงยิหวาพี่ | ป่านนี้จะคร่ำครวญหวนหา | |||
| ใครจะปลอบโฉมงามสามสุดา | แต่พอพาใจเศร้าบรรเทาคลาย | |||
| สงสารน้ำคำที่พร่ำสั่ง | คิดถึงความหลังแล้วใจหาย | |||
| ครวญพลางกำสรดระทดกาย | แล้วคิดอายพวกพลมนตรี | |||
| จึงชักม่านทองทั้งสี่ทิศ | ดังจะปิดบังแสงพระสุริย์ศรี | |||
| ลมหวนอวลกลิ่นสุมาลี | เหมือนผ้ายาหยีซึ่งเปลี่ยนมา | |||
| แว่วเสียงสำเนียงบุหรงร้อง | ว่าเสียงสามนิ่มน้องเสน่หา | |||
| พระแย้มเยี่ยมม่านทองทัศนา | เห็นแต่ป่าพุ่มไม้ใบบัง | |||
| เอนองค์ลงอิงพิงเขนย | กรเกยก่ายพักตร์ถวิลหวัง | |||
| รสรักร้อนรนพ้นกำลัง | ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย | |||
| ๏ บัดนั้น | ประสันตาพี่เลี้ยงพระโฉมฉาย | |||
| ขี่ช้างพระที่นั่งมาข้างท้าย | เห็นพระไม่สบายคลายทุกข์ทน | |||
| จึงเสแสร้งแกล้งกล่าววาจา | ป่านี้สนุกกว่าทุกแห่งหน | |||
| แต่เห็นมามากมายหลายตำบล | ก็ยังไม่ชอบกลเหมือนป่านี้ | |||
| แม้นไม่มีราชการงานเดือน | คงจะมาปลูกเรือนอยู่ที่นี่ | |||
| น้ำท่าหาง่ายสบายดี | สารพัตรจะมีไม่ยากใจ | |||
| ถ้าเลิกทัพกลับมาหมันหยา | จะจำป่าไว้ทูลแถลงไข | |||
| ให้พระพาสามสมรอรทัย | มาประพาสพรรณไม้ให้สำราญ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวาศักดาหาญ | |||
| นิ่งฟังประสันตาอยู่ช้านาน | ค่อยคลายร้อนรำคาญวิญญาณ์ | |||
| จึงลุกขึ้นตรัสถามทันที | ป่านี้หรือสนุกหนักหนา | |||
| ตรัสพลางแหวกม่านทัศนา | ไหนชี้บอกมาอย่าลวงกัน | |||
| ๏ บัดนั้น | ประสันตาแสนกลคนขยัน | |||
| ทำตกใจทูลองค์พระทรงธรรม์ | ข้าสำคัญมั่นคงอยู่ดงนี้ | |||
| ด้วยช้างบาทย่างทีสะเทิน | เดินเกินตำบลมาพ้นที่ | |||
| เขาว่าดงหน้าก็ยังมี | จึงจะชี้ทูลเชิญให้ทัศนา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา | |||
| ยิ้มพลางทางตอบวาจา | ปดเล่นต่อหน้าไม่อายใจ | |||
| ครั้นซักไซ้ไล่หาความจริง | ยังกลอกกลิ้งกลับลวงไปใหม่ | |||
| ชอบผลักให้พลัดตกลงไป | คนอะไรเช่นนี้ก็ยังมี | |||
| ๏ ว่าพลางทางชมคณานก | โผนผกจับไม้อึงมี่ | |||
| เบญจวรรณจับวัลย์ชาลี | เหมือนวันพี่จากสามสุดามา | |||
| นางนวลจับนางนวลนอน | เหมือนพี่แนบนวลสมรจินตะหรา | |||
| จากพรากจับจากจำนรรจา | เหมือนจากนางสะการะวาตี | |||
| แขกเต้าจับเต่าร้างร้อง | เหมือนร้างน้องมาหยารัศมี | |||
| นกแก้วจับแก้วพาที | เหมือนแก้วพี่ทั้งสามสั่งความมา | |||
| ตระเวนไพรร่อนร้องตระเวนไพร | เหมือนเวรใดให้นิราศเสน่หา | |||
| เค้าโมงจับโมงอยู่เอกา | เหมือนพี่นับโมงมาที่ไกลนาง | |||
| คับแคจับแคสันโดษเดี่ยว | เหมือนเปล่าเปลี่ยวคับใจในไพรกว้า | |||
| ชมวิหคนกไม้ไปตามทาง | คะนึงนางพลางรีบโยธี | |||
| ๏ แรมร้อนผ่อนพักมาหลายวัน | ถึงทางร่วมกุเรปันกรุงศรี | |||
| พบทัพกะหรัดติปาตี | ภูมีให้หยุดโยธา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | กะหรัดปาตีเชษฐา | |||
| เห็นระเด่นมนตรีก็ปรีดา | จึงเสด็จมาหาทันใด | |||
| แล้วทูลว่าสมเด็จพระบิดร | ให้ข้าคุมนิกรน้อยใหญ่ | |||
| มาบรรจบทัพพระองค์ไป | ช่วยพิชัยดาหาธานี | |||
| หลายวันแล้วแต่มาคอยท่า | ยับยั้งโยธาอยู่ที่นี่ | |||
| ข่าวศึกว่าประชิดติดบุรี | มาจะจรลีรีบไป | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉลยไข | |||
| ข้าก็เร่งรีบร้อนไม่นอนใจ | แต่ทางไกลอ้อมกว่ากุเรปัน | |||
| ว่าแล้วสองกษัตริย์ก็จัดทัพ | พร้อมสรรพพหลพลขันธ์ | |||
| เข้ากระบวนสมทบบรรจบกัน | แล้วยกจากที่นั่นรีบมา | |||
| ๏ ครั้นถึงเนินทรายชายทุ่ง | แว่นแควันแดนกรุงดาหา | |||
| จึงให้หยุดกองทัพตั้งพลับพลา | ที่ต้องนามครุฑาเกรียงไกร | |||
| แล้วบัญชาใช้ตำมะหงง | ท่านจงรีบเข้าไปกรุงใหญ่ | |||
| ทูลศรีปัตหราเรืองชัย | แก้ไขอย่าให้เคืองพระบาทา | |||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงรับสั่งใส่เกศา | |||
| ก้มเกล้ากราบถวายบังคมลา | มาขึ้นม้าควบขับไปฉับพลัน | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงแจ้งคดี | แก่ยาสาเสนีคนขยัน | |||
| บัดนี้องค์อิเหนากุเรปัน | กรีธาทัพขันยกมา | |||
| สองทัพกับกะหรัดติปาตี | มาช่วยบุรีดาหา | |||
| จงพาเราเข้าเฝ้าพระผ่านฟ้า | จะกราบทูลกิจจาให้แจ้งการ | |||
| ๏ บัดนั้น | ยาสาปรีดิ์เปรมเกษมสานต์ | |||
| จึงพากันเข้าไปมิทันนาน | ยังสถานท้องพระโรงรูจี | |||
| ๏ นบนิ้งประณมบังคมคัล | กราบทูลทรงธรรม์ถ้วนถี่ | |||
| บัดนี้ระเด่นมนตรี | กับกะหรัดติปาตียกมา | |||
| รี้พลมากมายหลายแสน | ตั้งอยู่ปลายแดนกรุงดาหา | |||
| ใช้ให้ตำมะหงงเสนา | เข้ามาเฝ้าเบื้องบาทบงสุ์ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นปักนัคเรศสูงส่ง | |||
| แจ้งว่าอิเหนาสุริย์วงศ์ | มาช่วยรณรงค์ราวี | |||
| มีความเกษมสันต์หรรษา | ดังได้ผ่านเมืองฟ้าราศี | |||
| ด้วยนัดดาเรืองอิทธิฤทธี | เห็นว่าบุรีไม่อันตราย | |||
| พระเปรมปรีดิ์ดีใจอยู่ในพักตร์ | มิให้ประจักษ์คนทั้งหลาย | |||
| จึงเยื้อนเอื้อนโอษฐ์อภิปราย | ซึ่งหลานชายเราอุสส่าห์มา | |||
| ตำมะหงงไปบอกให้ถ้วนถี่ | ว่ากูนี้ขอบใจนักหนา | |||
| เชิญให้เข้ามาในพารา | จะได้พักโยธาให้สำราญ | |||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงได้ฟังพระบรรหาร | |||
| จึงสนองมธุรสพจมาน | พระหลานรักถวายบังคมมา | |||
| ให้ข้าทูลองค์พระทรงฤทธิ์ | ด้วยโทษผิดติดพันอยู่หนักหนา | |||
| จะขอทำการสนองพระบาทา | เสร็จแล้วจึงจะมาอัญชลี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านดาหากรุงศรี | |||
| ได้ฟังตำมะหงงเสนี | มิได้มีพจมานประการใด | |||
| จึงผินพระพักตร์มาบัญชา | แก่สุหรานางกงศรีใส | |||
| บัดนี้อิเหนาชาญชัย | กรีธาทัพใหญ่ยกมา | |||
| กับกะหรัดติปาตีพี่ยานั้น | แม่นมั่นเหมือนคำของเจ้าว่า | |||
| เจ้าจะอยู่ทำการในพารา | หรือจะช่วยเชษฐาราวี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | สุหรานากงเรืองศรี | |||
| ได้ฟังผ่านฟ้าพาที | อัญชลีแล้วสนองพระบัญชา | |||
| แต่มาอยู่ดาหาก็ช้านาน | ยังมิได้ทำการอาสา | |||
| ขอกราบบาทภูวนาถบังคมลา | ออกไปช่วงเชษฐาชิงชัย | |||
| ทูลพลางทางถวายอัญชลี | ลาศรีปัตหราเป็นใหญ่ | |||
| ออกมาที่อยู่ภูวไนย | ตรวจเตรียมทัพชัยฉับพลัน | |||
| ครั้นเสร็จเสด็จทรงอาชา | พร้อมพี่เลี้ยงเสนากิดาหยัน | |||
| ยกจากพระนครจรจรัล | ตำมะหงงกุเรปันก็ตามมา | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงหยุดจตุรงค์ | เสด็จไปเฝ้าองค์พระเชษฐา | |||
| ถ้อยทีมีใจปรีดา | ตรัสสั่งสนทนาพาที | |||
| แล้วแถลงแจ้งเหตุบรรยาย | แต่ต้นจนปลายถ้วนถี่ | |||
| วันเมื่อน้องมาถึงธานี | ได้ทูลว่าพระพี่จะยกมา | |||
| ดูทีท้าวตรัสเห็นขัดเคือง | ว่าไหนจะจากเมืองหมันหยา | |||
| เมียเขาเขารักดังแก้วตา | หรือจะอาจคลาดคลาเห็นผิดไป | |||
| แต่พระเชษฐาให้หาตัว | ก็ไม่มีความกลัวยังขัดได้ | |||
| เกิดณรงค์สงครามก็เพราะใคร | จนเดือดร้อนทั่วไปทั้งธานี | |||
| นับประสาอะไรกับตัวเรา | ถึงตายเขาก็ไม่ดูผี | |||
| เห็นเคืองขัดตรัสซ้ำอยู่ดังนี้ | พระภูมีจงทราบบามาลย์ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีใจหาญ | |||
| ฟังสุหรานากงแจ้งการ | จึงตอบพจมานอนุชา | |||
| ซึ่งท่านขุ่นแค้นเคืองนัก | ก็ประจักษ์แจ้งใจไม่กังขา | |||
| ไม่ถือโทษโกรธตอบพระผ่านฟ้า | จะตั้งหน้าหักหาญพาลภัย | |||
| เสร็จศึกจะเข้าไปอัญชลี | จะด่าตีก็ตามอัชฌาสัย | |||
| เมื่อได้เกินแล้วก็จนใจ | ตามแต่ภูวไนยจะปราณี | |||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงบังคมเหนือเกศี | |||
| จึงกราบทูลแถลงแจ้งคดี | องค์ศรีปัตหรารับสั่งมา | |||
| ให้ข้าบังคมทูลภูวไนย | ว่าชี้ชอบขอบพระทัยหนักหนา | |||
| ขอเชิญเข้าไปในพารา | จะได้พักโยธาพลากร | |||
| ข้าจึงทูลสนองพจมาน | พระนัดดาจะทำการแก้ตัวก่อน | |||
| เสร็จศึกจึงจะบทจร | มาเฝ้าภูธรธิบดี | |||
| พระมิได้ตรัสตอบว่าขาน | ตรัสแต่กิจการกรุงศรี | |||
| แต่ดูพระกิริยาพาที | เหมือนจะเคลื่อนคลายที่โกรธา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงองค์อสัญแดหวา | |||
| ได้ฟังตำมะหงงเสนา | เกษมสันต์หรรษาเป็นพ้นไป | |||
| จึงเสด็จคลาไคลเข้าในห้อง | ให้ชักปิดม่านทองสองไข | |||
| สุหรานากงทรงชัย | ก็กลับไปที่ประทับพลับพลา | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายกองร้อยคอยเหตุอาสา | |||
| ชาวกะหมังกุหนิงพารา | เห็นทัพใหญ่ยกมามากมี | |||
| รี้พลคณนานับแสน | อเนกแน่นรถรัถหัตถี | |||
| ต่างตื่นตกใจไม่สมประดี | เผ่นขึ้นพาชีกลับไป | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงเข้าในค่ายหลวง | เอากิจจาทั้งปวงแถลงไข | |||
| บอกแก่ยาสาเสนาใน | โดยได้ไปเห็นรี้พล | |||
| ๏ บัดนั้น | ยาสาได้แจ้งแห่งเหตุผล | |||
| จึงพาม้าใช้สองคน | รีบร้นมายังพลับพลาชัย | |||
| ๏ ก้มเกล้ากราบทูลภูวเรศ | ว่าคอยเหตุได้เห็นทัพใหญ่ | |||
| ยกมาแน่นดงพงไพร | ดูไปไม่สิ้นโยธา | |||
| เซ็งแซ่แตรสังข์ฆ้องกลอง | ช้างร้องเรียกมันสนั่นป่า | |||
| เสียงโกลนกระทบแผงข้างม้า | ดังว่าเสียงพยุห์อึงอล | |||
| อันแสงอาวุธหอกดาบ | ปลาบแปลบแวบวับเวหน | |||
| ฝุ่นคลุ้มกลุ้มกลบพะโยมบน | บดบังสุริยนในท้องฟ้า | |||
| ธงหน้ามาปักลงบัดใจ | แลไปไม้รายไปทั้งป่า | |||
| แล้วมีทัพออกมาจากพารา | เข้าหาสมทบบรรจบกัน | |||
| กำลังสงครามครั้งนี้ | ดูทียิ่งยวดกวดขัน | |||
| พรุ่งนี้เห็นทีจะโรมรัน | พระทรงธรรม์จงทราบฝ่าธุลี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี | |||
| ได้ฟังยาสาเสนี | จึงมีสีหนาทประภาษไป | |||
| กูเห็นจะเป็นจรกา | ทั้งเชษฐาล่าสำกรุงใหญ่ | |||
| บรรจบกับทัพชาวเวียงชัย | พลไกรจึงมาโดยประมาณ | |||
| แต่อรุณฤกษ์รุ่งพรุ่งนี้ | จำจะยกไปตีให้แตกฉาน | |||
| จงตรวจตราม้าช้างที่ชำนาญ | จัดทัพทวยหาญเตรียมไว้ | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งบังคมไหว้ | |||
| มาเร่งรัดจัดทัพทันใด | ตามในพระราชบัญชา | |||
| ๏ เกณฑ์ทหารหอกปืนพื้นลำลอง | เป็นกองสอดแนมขึ้นหน้า | |||
| แล้วกองร้อยคอยหนุนเนื่องมา | กระทั้งถึงโยธากองพัน | |||
| อันกองซุ่มเสือป่าแมวเซา | ให้ลอบเข้าโจมตีทัพขัน | |||
| กองกลางห้าหมื่นพื้นฉกรรจ์ | หนักไหนช่วยนั่นให้ทันที | |||
| เกณฑ์ถ้วนกระบวนทัพหน้า | กองวิหยาสะกำเรืองศรี | |||
| ทัพหลวงล้วนทหารตัวดี | สิบหมื่นพื้นมีฝีมือรบ | |||
| โยธาปาหยังประหมัน | เป็นปีกป้องกองขันบรรจบ | |||
| ตำมะหงงรั้งหลังตั้งครบ | พลรบกองละห้าหมื่นปลาย | |||
| แล้วให้ผูกสินธพอาชา | คอยท่ารับเสด็จผันผาย | |||
| พรั่งพร้อมพหลพลนิกาย | ตัวนายตรวจตราในราตรี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี | |||
| ครั้นแสงทองส่องพื้นปถพี | พระตื่นจากที่บรรทมใน | |||
| จึงชวนสองระตูอนุชา | กับโอรสาพิสมัย | |||
| บทจรจากอาสน์อำไพ | เสด็จไปที่สรงคงคา | |||
| ๏ สี่องค์สรงน้ำทิพย์สนาน | สุคนธ์ธารประทิ่นกลิ่นบุหงา | |||
| ต่างใส่สนับเพลารจนา | ทรงภูษาแย่งยกกระหนกพัน | |||
| เกราะเพ็ชร์เก็จกรองฉลององค์ | เจียรบาดบรรจงทรงกระสัน | |||
| คาดปั้นเหน่งพรรณรายสายสุวรรณ | สลับคั่นประจำยามอร่ามเรือง | |||
| ใส่สังวาลสำหรับรณรงค์ | ทัพทรวงทรงสายสร้อยห้อยเฟื่อง | |||
| ตาบทิศทับทิมแสงประเทือง | ทองกรประดับเนื่องเนาวรัตน์ | |||
| ทรงมหาธำมรงค์เรือนครุฑ | ทรงมงกุฎกรรเจียกจอนจำรัส | |||
| อุบะเพ็ชร์พวงผจงทรงทัด | สี่กษัตริย์ทรงกฤชแล้วคลาไคล | |||
| ๏ เสด็จยังเกยรัตน์รูจี | พร้อมกระบวนโยธีทัพใหญ่ | |||
| ต่างองค์ขึ้นทรงมโนมัย | เสนาในอภิวาทดาษดา | |||
| ได้ฤกษ์เลิกพลรณรงค์ | ให้ดำเนินเดินธงทัพหน้า | |||
| สารวัดรัดเร่งโยธา | ออกจากค่ายชายป่าพนาลี | |||
| ๏ พระรีบเร่งพลขันธ์แล้วผันผาย | มาตามชายทิวทุ่งกรุงศรี | |||
| ทอดพระเนตร์แลดูหมู่โยธี | ภูมีเห็นเป็นอัศจรรย์ | |||
| อันทวนทองธงฉานธงชัย | แลไปไม่มีสีสัน | |||
| จะดูดินฟ้าพนาวัน | สารพันอัประภาคหลากลาง | |||
| มิ่งม้าพาชีที่นั่งทรง | พะเอินงงงวยเงื่อเยื้องย่าง | |||
| กาเหนี่ยวเฉี่ยวฉาบมาริมทาง | ข้ามขวางหน้าฉานผ่านไป | |||
| ให้อาเพศเหตุเห็นวิปริต | ก็แจ้งจิตต์ว่าจะม้วยไม่สงสัย | |||
| ยิ่งคิดคร้ามครั่นพรั่นใจ | พระสั่งให้หยุดพลมนตรี | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศี | |||
| ให้นายกองเอาฆ้องกระแตตี | สัญญาโยธีให้หยุดยั้ง | |||
| ขุนพลผู้ใหญ่ไปตรวจตรา | วางกองโยธาหน้าหลัง | |||
| ปีกขวาปีกซ้ายรายระวัง | จัดตั้งให้ต้องนามนาคา | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายทหารกุเรปันแกล้วกล้า | |||
| นั่งทางอยู่ท้ายพารา | เห็นไพรียกมาแต่ชายไพร | |||
| ม้ารถคชพลคับคั่ง | หยุดตั้งกลางทุ่งกรุงใหญ่ | |||
| ต่างคนเผ่นขึ้นมโนมัย | ควบขับกลับไปพลับพลา | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงลงจากพาชี | เห็นเสนีพี่เลี้ยงพร้อมหน้า | |||
| จึงเข้าไปแจ้งความตามกิจจา | โดยได้เห็นโยธาไพรี | |||
| ๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงแจ้งเหตุถ้วนถี่ | |||
| ก็เข้าไปบังคมคัลอัญชลี | ทูลระเด่นมนตรีกุเรปัน | |||
| บัดนี้ม้าคอยเหตุมรคา | กลับมาแต่ชายพนาสัณฑ์ | |||
| เห็นทัพท้าวกะหมังกุหนิงนั้น | ออกจากค่ายมั่นยกมา | |||
| หยุดยั้งตั้งกองอยู่ชายทุ่ง | ที่เนินทรายท้ายกรุงดาหา | |||
| ขอพระองค์ผู้ทรงศักดา | จงทราบบาทาฝ่าธุลี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้พงศ์เทวาในราศี | |||
| ได้ฟังพี่เลี้ยงทูลคดี | จึงมีพระบัญชาการ | |||
| ตำมะหงงจงเร่งไปตรวจตรา | เกณฑ์พลโยธาทวยหาญ | |||
| เราจะออกหักโหมโรมราญ | รีบรัดจัดการให้พร้อมไว้ | |||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงกุเรปันกรุงใหญ่ | |||
| รับสั่งบังคมลาคลาไคล | ออกไปจัดทัพฉับพลัน | |||
| ๏ เกณฑ์กระบวนทัพหน้าห้าหมื่น | แต่พื้นพวกปักมาหงัน | |||
| จัดลำลองกองร้อยกองพัน | ทั้งกองกันกองแล่นล้วนตัวดี | |||
| ปีกซ้ายนายไพร่พร้อมหน้า | ล้วนโยธาสิงหัดส่าหรี | |||
| ปีกขวากองกะหรัดติปาตี | จัดพลโยธีให้เท่ากัน | |||
| พวกอาสาพาชีช้างเขน | ต่างเกณฑ์เป็นกองแซงแข็งขัน | |||
| ทัพหลวงล้วนทหารกุเรปัน | เก้าหมื่นพื้นฉกรรจ์สรรมา | |||
| กองหลังรั้งท้ายทั้งนายไพร่ | พื้นพวกพลพิชัยหมันหยา | |||
| เกณฑ์ถ้วนกระบวนเบ็ญจเสนา | นายหมวดตรวจตราทั้งห้าทัพ | |||
| แล้วให้ผูกพาชีที่นั่งทรง | เครื่องกุดั่นบรรจงดาวประดับ | |||
| จตุรงค์พร้อมพรั่งคั่งคับ | เตรียมทัพรับเสด็จจรจรัล | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้พงศ์เทวากระยาหงัน | |||
| ครั้นฤกษ์ดีแจ่มดวงสุริยัน | ทรงธรรม์ชวนกะหรัดติปาตี | |||
| ทั้งสุหรานากงอนุชา | สังคามาระตาเรืองศรี | |||
| กับระเด่นดาหยนผู้ภักดี | มาเข้าที่สรงน้ำทิพยมนตร์ | |||
| ๏ ห้าองค์ชำระสระสนาน | กิดาหยันถวายพานเครื่องต้น | |||
| บรรจงทรงทาพระสุคนธ์ | ปรุงปนเกสรสุมาลี | |||
| สอดใส่สนับเพลาภูษาทรง | ฉลององค์โหมดตาดต่างสี | |||
| เจียรบาดคาดรัดรูจี | ปั้นเหน่งเพ็ชร์พลอยมณีหนุนซับ | |||
| ทรงมหาสังวาลพิชัยยุทธ | ชมพูนุทเฟื่องห้อยพลอยประดับ | |||
| ทองกรแก้วพุกามวามวับ | ธำมรงค์รุ้งระยังจับตา | |||
| ทรงมงกุฎกุณฑลทัดตรัสเตร็จ | อุบะเพ็ชร์แพรวพรายเวหา | |||
| เหน็บกฤชฤทธิไกรแล้วไคลคลา | เสด็จมายังเกยแก้วมณี | |||
| ๏ ต่างองค์ขึ้นทรงม้าต้น | พร้อมพลจตุรงค์ทั้งสี่ | |||
| กิดาหยันพี่เลี้ยงเคียงพาชี | ถวายกลดโหมดสีต่างกัน | |||
| ให้เดินทัพโยธาห้ากอง | เสียงกลองเสียงปืนครื้นครั่น | |||
| ผงคลีมืดคลุ้มฉะอุ่มควัน | รีบร้นพลขันธ์คลาไคล | |||
| ๏ ครั้นมาใกล้กองทัพไพรี | เห็นโยธีธงทิวปลิวไสว | |||
| ช้างม้าดาทุ่งเป็นแถวไป | พระสั่งให้หยุดพลจตุรงค์ | |||
| ๏ บัดนั้น | จึงมหาเสนาตำมะหงง | |||
| รับราชบัญชาพระโฉมยง | ให้หยุดธงสำคัญสัญญา | |||
| แล้วรีบรัดจัดพลรณยุทธ | ตั้งที่นามครุฑปักษา | |||
| วางกองเยื้องกันเป็นฟันปลา | ให้โยธาคอยยิงชิงชัย | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเป็นใหญ่ | |||
| เห็นทัพมาตั้งมั่นกันเมืองไว้ | พลไกรเพียบพื้นปถพี | |||
| จึงตรัสเรียกโอรสยศยง | กับองค์อนุชาทั้งสองศรี | |||
| ต่างรีบกะระตะพาชี | ออกยืนที่ประจำโยธา | |||
| แล้วมีสิงหนาทโองการ | ประกาศสั่งทวยหาญกองหน้า | |||
| จงเร่งตีทัพให้อัปรา | หักเอาดาหาในวันนี้ | |||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกศี | |||
| ก็เร่งพลเร่งพวกพาชี | เข้าต่อตีหักโหมโจมทัพ | |||
| บ้างเป่าชุดจุดยิงปืนใหญ่ | ฉัตรชัยมณฑกนกสับ | |||
| นายกอกแกว่งดาบวาบวับ | ต่างขับพลวิ่งเข้าชิงชัย | |||
| ๏ บัดนั้น | นายทหารกุเรปันไม่หวั่นไหว | |||
| ให้ระดาปืนตับรับไว้ | แล้วไล่โยธีตีประจัญ | |||
| ต่างมีฝืมือดื้อดึง | วางวิ่งเข้าถึงอาวุธสั้น | |||
| ดาบสองมือถือโถมทะลวงฟัน | เหล่ากฤชติดพันประจัญรบ | |||
| ทหารหอกกลอกกลับสัประยุทธ | ป้องปัดอาวุธไม่หลีกหลบ | |||
| พวกพลพาชีตีกระทบ | รำทวนสวนประจบทบแทง | |||
| บ้างสกัดซัดพุ่งหอกคู่ | เกาทัณฑ์ธนูน้าวแผลง | |||
| ตะลุมบอนฟอนฟันกันกลางแปลง | ต่อแย้งยุทธยิงชิงชัย | |||
| ตายระดับทับกันดังฟอนฟาง | เลือดนองท้องช้างเหลวไหล | |||
| กองหลังประดังหนุนขึ้นไป | ตัวนายไล่ไพร่เข้าบุกบัน | |||
| ๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาแข็งขัน | |||
| เห็นพวกพลไพรีตีประจัญ | โยธาขยั้นหยุดยั้ง | |||
| พระกริ้วโกรธหนักดังอัคคี | แกว่งกระบี่ขี่ขับม้าที่นั่ง | |||
| โรมรุกบุกไปแต่ลำพัง | ไลหลังพวกพลเข้ารณรงค์ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ระเด่นมนตรีสูงส่ง | |||
| กับระเด่นทั้งสามสุริย์วงศ์ | ต่างองค์ผันแปรแลตาม | |||
| เห็นสังคามาระตากล้านัก | ยังอ่อนศักดิ์หักศึกไม่นึกขาม | |||
| มิไว้ใจในทีทำสงคราม | ต่างขับม้าตามไปทันใด | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเป็นใหญ่ | |||
| เห็นระเด่นทั้งสี่จึงถามไป | เจ้าผู้ใดที่ชื่อจรกา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีใจกล้า | |||
| ยิ้มพลางทางตอบวาจา | เรายกมาแต่กรุงกุเรปัน | |||
| จะสังหารผลาญพวกปัจจามิตร | ที่มาติดดาหาเขตต์ขัณฑ์ | |||
| ซึ่งท่านถามหาจรกานั้น | มิได้มาด้วยกันในกองนี้ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี | |||
| รู้ว่าระเด่นมนตรี | ภูมีครั่นคร้ามขามวิญญาณ์ | |||
| แต่มานะตอบไปด้วยใจหาญ | เจ้าผู้วงศ์วานอสัญหยา | |||
| แต่ละองค์ทรงโฉมโสภา | ชันษาอายุก็ยังเยาว์ | |||
| ได้เห็นก็เป็นน่าเสียดาย | จะพากันมาตายเสียเปล่า ๆ | |||
| ไม่ควรคู่สู้รบกันกับเรา | ครั้นจะฆ่าเสียเล่าก็อายใจ | |||
| อันหนึ่งตัวเจ้ากับเรานี้ | จะราคีเคืองกันก็หาไม่ | |||
| ให้จรกามาเถิดจะชิงชัย | เจ้าจะได้ดูเล่นเป็นขวัญตา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์วงศ์อสัญแดหวา | |||
| จึงว่าอันตัวจรกา | มิได้อยู่ดาหาธานี | |||
| เมื่อหลับตามารบให้ผิดเมือง | รี้พลตายเปลืองไม่พอที่ | |||
| จะรบกับจรกาดังว่านี้ | จงล่าเลิกโยธีถอยไป | |||
| แม้นไม่รู้แห่งเมืองจรกา | จะช่วยชี้มรรคานำให้ | |||
| จะขืนตั้งประชิดติดกรุงไกร | จะชิงชัยไม่ฟังท่านพาที | |||
| มาตรแม้นจรกามิมาเล่า | ตัวเราจำช่วยด้วยเป็นพี่ | |||
| เมตตาว่าน้องเป็นสตรี | จะทอดทิ้งมารศรีเสียอย่างไร | |||
| ใช่นางเกิดในประทุมา | สุริย์วงศ์พงศานั้นหาไม่ | |||
| จะมาช่วงชิงกันดังผลไม้ | อันจะได้นางไปอย่าสงกา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงใจกล้า | ||
| จึงว่าเรายกโยธา | หมายมาจะชิงพระบุตรี | ||
| ถึงจะรับของสู่ระตูไว้ | ยังมิได้ทำการภิเษกศรี | ||
| จรกาไม่มาก็ยิ่งดี | ไม่มีผู้หวงแหนเกียจกัน | ||
| สุดแต่นางอยู่ที่ไหน | เราจะชิงชัยที่นั่น | ||
| อันชิงนางอย่างนี้ไม่ผิดธรรม์ | ธรรมเนียมนั้นมีแต่บุราณมา | ||
| สุดแต่ใครดีก็ใครได้ | การอะไรของเจ้าผู้เชษฐา | ||
| จงยกทัพกลับคืนไปพารา | เบื้องหน้าจะได้สืบสุริย์วงศ์ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีตอบตามประสงค์ | ||
| ซึ่งจะให้เรายกจตุรงค์ | คืนคงกรุงไกรนั้นไม่ควร | ||
| อับอายไพร่ฟ้าประชาชน | เสนีรี้พลจะแซ่สรวล | ||
| หรือหมายไม่สมคะเนเรรวน | จึงชวนพูดจาอย่าทัพ | ||
| อย่าพักอุบายให้ตายใจ | ท่านมิยกคืนไปก็ไม่กลับ | ||
| รี้พลก็จะพลอยย่อยยับ | เรากับระตูมาสู้กัน | ||
| จะได้ดูฤทธีฝืมือ | ให้ลือชื่อในชะวาเขตต์ขัณฑ์ | ||
| หรือรักตัวกลัวจะม้วยชีวัน | บังคมคัลจะให้คืนไปพารา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | วิหยาสะกำใจกล้า | ||
| ได้ฟังคั่งแค้นแทนบิดา | จึงตอบวาจาว่าไป | ||
| ดูกอ่นอริราชไพรี | อย่าพาทีลบหลู่ท่านผู้ใหญ่ | ||
| โอหังบังอาจประมาทใคร | จะนบนอบยอบไหว้อย่าพึงนึก | ||
| มิเราก็เจ้าจะตายลง | อย่าหมายจิตต์คิดทะนงในการศึก | ||
| ยังมิทันพันตูมาขู่คึก | จะรับแพ้แลลึกไม่มีลาย | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเฉิดฉาย | ||
| ฟังวิหยาสะกำอภิปราย | หยาบคายเคืองขัดอัธยา | ||
| จึงทูลองค์ระเด่นมนตรี | น้องนี้จะขออาสา | ||
| สู้วิหยาสะกำผู้ศักดา | พระองค์จงยืนม้าเป็นประธาน | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีใจหาญ | ||
| จึงตอบอนุชาชัยชาญ | เจ้าจะต้านต่อฤทธิ์ก็ตามใจ | ||
| แต่อย่าลงจากพาชี | เพลงกระบี่ยังหาชำนาญไม่ | ||
| เพลงทวนสันทัดชัดเจนใจ | เห็นจะมีชัยแก่ไพรี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเรืองศรี | ||
| น้อมองค์ลงถวายอัญชลี | กะระตรพาชีขึ้นไปพลัน | ||
| ๏ ยืนม้าอยู่ตรงวิหยาสะกำ | แสร้งทำเป็นทีเย้ยหยัน | ||
| แล้วว่าใครไม่คิดแก่ชีวัน | จะชิงตุนาหงันพระธิดา | ||
| จงมาเล่นทวนด้วยกันก่อน | ให้เห็นฤทธิรอนแกล้วกล้า | ||
| แม้ควรคู่กับวงศ์เทวา | จึงจะยกกัลยาให้ไป | ||
| ๏ เมื่อนั้น | วิหยาสะกำศรีใส | ||
| ได้ฟังแค้นขัดอัดใจ | จึงตอบคำไปด้วยพลัน | ||
| ดูก่อนผู้เรืองฤทธิรงค์ | รูปทรงงามสมคมสัน | ||
| เชื้อชาติญาติวงศ์พงศ์พันธุ์ | อยู่เขตต์ขัณฑ์ธานีบุรีไร | ||
| หรือเป็นวงศ์อสัญแดหวา | ในสี่นคราเป็นไฉน | ||
| จึงปั้นหน้ามาต่อฤทธิไกร | ไม่กลัวชีวาลัยจะมรณา | ||
| ที่ยืนม้าอยู่ข้างหลังนั้น | กั้นกลดพื้นสุวรรณโอ่อ่า | ||
| นามวงศ์พงศ์ใครจงบอกมา | แจ้งกิจจาแล้วจึงจะรบกัน | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเฉิดฉัน | ||
| ได้ฟังดังศรเสียดกรรณ | จึงตอบไปพลันทันใด | ||
| อันองค์สมเด็จพระเป็นเจ้า | คืออิเหนากุเรปันเป็นใหญ่ | ||
| นั่นกะหรัดติปาตีชาญชัย | ร่วมในสุริย์วงศ์ธิบดี | ||
| นี่สุหรานากงทรงสวัสดิ์ | องค์อะนะสิงหัดส่าหรี | ||
| นั่นระเด่นดาหยนภูมี | อยู่หมันหยาธานีกรุงไกร | ||
| เราชื่อสังคามาระตา | หน่อท้าวปักมาหงันเป็นใหญ่ | ||
| ได้เป็นอนุชาเรืองชัย | ภูวไนยองค์ระเด่นมนตรี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | วิหยาสะกำเรืองศรี | ||
| ยิ้มแล้วจึงตอบวาที | ซึ่งว่ามานี้ก็เข้าใจ | ||
| อันกาหลังสิงหัดส่าหรีนั้น | ดาหากุเรปันกรุงใหญ่ | ||
| หมันหยาธานีนั้นไซ้ | ก็แจ้งใจว่าวงศ์นั้นสืบมา | ||
| ตัวสิอยู่ปักมาหงัน | ใช่วงศ์อสัญแดหวา | ||
| เหตุใดว่าเป็นอนุชา | นับในวงศาประการใด | ||
| หรือหนึ่งพึ่งจะมาเป็นน้อง | เกี่ยวข้องรักกันเป็นไฉน | ||
| เราคิดเห็นผิดประหลาดใจ | จงบอกไปแต่จริงบัดนี้ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเรืองศรี | ||
| ฟังวิหยาสะกำพาที | ดังตรีเพ็ชร์บาดในอุรา | ||
| จึงร้องว่าเหวยไพริน | ลมลิ้นหยาบคายหนักหนา | ||
| มาถามไถ่ไล่เอาสัจจา | คือจะปรารถนาสิ่งใด | ||
| สุดแต่ว่าจิตพิศวาส | ก็นับว่าวงศ์ญาติกันได้ | ||
| อย่าชักเจรจาให้ช้าไป | จะชิงชัยให้เห็นฝืมือกัน | ||
| ว่าพลางทางกรายปลายทวน | รำร่ายเป็นกระบวนหวนหัน | ||
| ชักอาชาชิดติดพัน | เข้าประจัญจ้วงโจมโถมแทง | ||
| ๏ เมื่อนั้น | วิหยาสะกำเข้มแข็ง | ||
| ขับม้าเลี้ยวล่อต่อแย้ง | กรายพระแสงทวนรำเป็นทำนอง | ||
| กลอกกระหยับกลับแทงทั้งซ้ายขวา | สังคามาระตาปัดป้อง | ||
| ถ้อยทีหนีไล่รับรอง | เปลี่ยนท่าทวนทองแทงกัน | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาแข็งขัน | ||
| ขับม้าไว้ว่องป้องประจัญ | เป็นเชิงชั้นชิงชัยในทีทวน | ||
| ร่ายรับกลับแทงไม่แพลงพล้ำ | วิหยาสะกำผัดผันหันหวน | ||
| ต่างเรียงเคียงร่ายย้ายกระบวน | ปะทะทวนรวนรุกคลุกคลี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | วิหยาสะกำเรืองศรี | ||
| ชักม้าวงวิ่งชิงที | โหมหักไพรีด้วยแรงฤทธิ์ | ||
| โถมแทงแล้วแปลงเปลี่ยนกระบวน | ทบทวนม้าที่นั่งไม่พลั้งผิด | ||
| หมายเขม้นเข่นฆ่าปัจจามิตร | ตามติดต้านทานราญรอน | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาชาญสมร | ||
| รบรับเคี่ยวขับอัศดร | ยอกย้อนเป็นกลรณรงค์ | ||
| กลับกลอกรำร่ายกรายพระแสง | ปะทะแทงทะลวงไล่พอให้หลง | ||
| แล้วทำเสียเชิงชักม้าทรง | ตลบองค์เวียนหันไปทันที | ||
| พระเนตร์มุ่งหมายม้าวิหยาสะกำ | เห็นถลำเลี้ยวไล่ได้ที่ | ||
| แทงสอดลอดเกราะถูกไพรี | ตกจากพาชีมรณา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงใจกล้า | ||
| เห็นโอรสต้องศาสตรา | ตกจากอาชาบรรลัย | ||
| พระกริ้วโกรธโกรธาบ้าจิตต์ | จะรอรั้งยั้งคิดก็หาไม่ | ||
| แกว่งหอกควบขับอาชาไนย | เข้ารุกไล่สังคามาระตา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์พงศ์อสัญแดหวา | ||
| เห็นไพรีรุกไล่อนุชา | พระขับม้าถลันออกกั้นกาง | ||
| กลับกลอกหอกทรงพุ่งสกัด | ระตูรับผันผัดไม่ขับขวาง | ||
| พระชักอาชาไนยไว้วาง | สะบัดย่างเชือนชายย้ายทำนอง | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงไวว่อง | ||
| ขับม้าวงวิ่งชิงคลอง | แคล่วคล่องกลับกลอกหอกซัด | ||
| ขยับกรผ่อนพุ่งข้างละที | ระเด่นมนตรีป้องปัด | ||
| ระตูตามติดพันด้วยสันทัด | ผันผัดอาวุธกันไปมา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้พงศ์เทวันอสัญหยา | ||
| รบพลางทางชักอาชา | รั้งรำรอไว้ไม่รอนราญ | ||
| จึงคิดว่าระตูผู้นี้ | ท่วงทีสามารถอาจหาญ | ||
| ทั้งอาวุธต่าง ๆ ก็ชำนาญ | จะผลาญบนหลังม้าเห็นยากใจ | ||
| อย่าเลยจะชวนตีกระบี่ | ได้ทีจะฆ่าเสียให้ได้ | ||
| คิดแล้วจึงร้องประกาศไป | ดูก่อนภูวไนยธิบดี | ||
| เรารบกันบนหลังอาชา | ต่างกล้าสามารถไม่ถอยหนี | ||
| มาจะลงยังพื้นปถพี | ตีกระบี่ให้เห็นฝืมือกัน | ||
| ว่าพลางลงจาอัศดร | พระกรทรงกระบี่ผายผัน | ||
| รำร่ายหันเหียนเวียนระวัน | หมายมั่นเข่นฆ่าราวี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี | ||
| จึงถอดโกลนโจนจากพาชี | ภูมีไม่ยั้งรั้งรา | ||
| ทรงกระบี่รำเรียงเคียงร่าย | ประปรายปลายกระบี่แล้วให้ท่า | ||
| กระหยับหันผันหลังออกมา | แล้วกลับหน้าจ้วงโจมเข้าฟันแทง | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวากล้าแข็ง | ||
| กลับกระบี่ให้ท่าเปลี่ยนแปลง | ต่อแย้งย่างท้าวก้าวชิด | ||
| แทงต้องระตูแล้วฟันซ้ำ | ไม่ชอกช้ำผิวหนังแต่สักหนิด | ||
| ต่างทรงศักดาวราฤทธิ์ | เลี้ยวไล่ตามติดต้านทาน | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงห้าวหาญ | ||
| แกว่งกระบี่ผัดผันประจัญบาน | ไม่ย่อท้อต่อต้านราญรบ | ||
| แทงทะลวงจ้วงฟันทันที | ระเด่นมนตรีหลีกหลบ | ||
| กระบี่ต่อกระบี่ตีกระทบ | เป็นประกายกลุ้มกลบกันไปมา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีใจกล้า | ||
| เห็นระตูต่อตีมีศักดา | คงทั้งศาสตราอาวุธ | ||
| ทางหนีทีไล่ไวว่อง | เพลงกระบี่ตีคล่องเป็นที่สุด | ||
| ยากที่ใครจะรอต่อยุทธ์ | เป็นบุรุษย์ผู้หนึ่งในแดนไตร | ||
| จำกูจะสังหารด้วยกฤช | ซึ่งเทเวศร์ประสิทธิ์ประสาทให้ | ||
| คิดพลางชักกฤชฤทธิไกร | แล้วร้องว่าไปมิได้ช้า | ||
| ดูก่อนระตูภูมี | เพลงกระบี่ตีกันจนสิ้นท่า | ||
| ต่างคนไม่แพ้ฤทธา | เรามารำกฤชสู้กัน | ||
| ว่าพลางทางถอดกฤชกราย | เยื้องย้ายร่ายรำบิดผัน | ||
| กวักพระหัตถ์ตรัสเรียกระตูพลัน | พระทำทีเย้ยหยันไพรี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี | ||
| ได้ฟังชื่นชมยินดี | ครั้นนี้อิเหนาจะวายชนม์ | ||
| อันเพลงกฤชชะวามลายู | กูรู้สันทัดไม่ขัดสน | ||
| คิดแล้วชักกฤชฤทธิรน | ร่ายรำทำกลมารยา | ||
| กรขวานั้นกุมกฤชกราย | พระหัตถ์ซ้ายนั้นถือเช็ดหน้า | ||
| เข้าปะทะประกฤชด้วยฤทธา | ผัดผันไปมาไม่ครั่นคร้าม | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีชาญสนาม | ||
| พระกรกรายกฤชติดตาม | ไม่เข็ดขามคร้ามถอยคอยรับ | ||
| หลบหลีกไวว่องป้องกัน | ผัดผันหันออกกลอกกลับ | ||
| ปะทะแทงแสร้งทำสำทับ | ย่างกระหยับรุกไล่มิได้ยั้ง | ||
| ๏ เห็นระตูถอยเท้าก้าวผิด | พระกรายกฤชแทงอกตลอดหลัง | ||
| ล้มลงด่าวดิ้นสิ้นกำลัง | มอดม้วยชีวังปลดปลง | ||
| ๏ เมื่อนั้น | กะหรัดติปาตีสูงส่ง | ||
| ทั้งระเด่นดาหยนสุริย์วงศ์ | สุหรานากงทรงฤทธิ์ | ||
| เห็นระเด่นมนตรีต่อสู้ | แทงระตูแม่ทัพดับจิตต์ | ||
| สามองค์ทรงม้ากระชั้นชิด | จะสังหารผลาญชีวิตไพรี | ||
| ต่างเข้าลุยไล่ไม่รอรั้ง | ท้าวปาหยังประหมันผันหนี | ||
| ทหารโห่เอาชัยได้ที | ตามตีโยธาฝ่าฟัน | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูปาหยังประหมัน | ||
| สุดที่จะรับรอบป้องกัน | พลขันธ์พังพ่ายตายยับ | ||
| ไพร่พลัดจากนายกระจายหนี | เห็นเสียทีตีม้าควบขับ | ||
| ปลอมพลปนไปในกองทัพ | ไม่ผันหน้ามารับแต่สักคน | ||
| บ้างเข้าแบกคนละบ่าพานายวิ่ง | ประเจียดเครื่องเปลื้องทิ้งไว้เกลื่อนกล่น | ||
| บ้างหนามเกี่ยวหัวหูไม่รู้ตน | ซุกซนด้นไปแต่ลำพัง | ||
| บางเหล่าทิ้งไถ้เขนงปืน | ลือตื่นเสียงเพื่อนกันข้างหลัง | ||
| ที่ถูกปืนป่วยขาละล้าละลัง | อุสส่าห์คลานซานซังซุกไป | ||
| ๏ ครั้นมาถึงท้ายค่ายมั่น | ท้าวประหมันปาหยังเปนใหญ่ | ||
| จึงหยุดปรึกษากันทันใด | อันเราจะหนีไปเห็นไม่พ้น | ||
| ครั้นจะคืนเข้าค่ายรายรับ | ไม่ทันทีกองทัพยังสับสน | ||
| จะซ้ำเสียเสนีรี้พล | จำจะผ่อนให้พ้นมรณา | ||
| มาเราจะเข้าบังคมคัล | พระผู้พงศ์อสัญแดหวา | ||
| จึงให้ยกธงอัปรา | โยธายั้งหยุดพร้อมกัน | ||
| ๏ สององค์ลงจากอาชา | เสด็จมากับหมู่กิดาหยัน | ||
| เสนาแวดล้อมแน่นนันต์ | จรจรัลมาสมรภูมิ์ชัย | ||
| ๏ ครั้นถึงจึงแจ้งกิจจา | แก่ตำมะหงงเสนาผู้ใหญ่ | ||
| เราน้องระตูที่บรรลัย | ตั้งใจมาเฝ้าบาทบงสุ์ | ||
| ๏ บัดนั้น | จึงมหาเสนาตำมะหงง | ||
| พาระตูพี่น้องทั้งสององค์ | มาเฝ้าพระสุริย์วงศ์ทรงธรรม์ | ||
| ๏ วันทาทูลแถลงแจ้งคดี | บัดนี้ท้าวปาหยังประหมัน | ||
| น้องระตูผู้ม้วยชีวัน | มาบังคมคัลภูวไนย | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สองระตูตัวสั่นหวั่นไหว | ||
| กราบบาทมูลแล้วทูลไป | ภูวไนยได้ทรงพระเมตตา | ||
| ข้าบาททั้งสองเป็นไพรี | โทษผิดครั้งนี้หนักหนา | ||
| จงโปรดปรานขอประทานชีวา | ไว้เป็นข้าใต้เบื้องบทมาลย์ | ||
| ขอเอาพระเดชปกเกศเกล้า | ตราบเท่าสิ้นชีพสังขาร | ||
| ถึงปีจะมีบรรณาการ | มาถวายตามบุราณประเพณี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| ฟังระตูสองราพาที | ภูมีจึงตรัสตอบไป | ||
| ซึ่งท่านมาวอนง้อขอโทษ | เราจะถือโกรธนั้นหาไม่ | ||
| อันเชษฐานัดดาซึ่งบรรลัย | เพราะใจโอหังกำลังพาล | ||
| ท่านจงรับศพทั้งสองนั้น | พากันกลับไปยังถิ่นฐาน | ||
| บูชาเพลิงปลงส่งสักการ | ให้พร้อมวงศ์วานในธานี | ||
| ๏ ตรัสพลางย่างเยื้องยุรยาตร์ | องอาจดังไกรสรสีห์ | ||
| สองระตูตามเสด็จจรลี | ไปที่วิหยาสะกำตาย | ||
| มาเห็นศพทอดทิ้งกลิ้งอยู่ | พระพินิจพิศดูแล้วใจหาย | ||
| หนุ่มน้อยโสภาน่าเสียดา | ควรจะนับว่าชายโฉมยง | ||
| ทนต์แดงดังแสงทับทิม | เพริดพริ้มเพรารับกับขนง | ||
| เกศาปลายงอนงามทรง | เอวองค์สารพัตรไม่ขัดตา | ||
| กระนี้หรือบิดามิพิศวาส | จนพินาศด้วยโอรสา | ||
| แม้นว่าระตูจรกา | งามเหมือนวิหยาสะกำนี้ | ||
| มิได้ร้อนรนด้วนปนศักดิ์ | น่ารักรูปทรงส่งศรี | ||
| ตรัสแล้วลีลาขึ้นพาชี | กลับไปยังที่พลับพลาพลัน | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สองระตูวิโยคโศกศัลย์ | ||
| กอดศพเชษฐาเข้าจาบัลย์ | พิไรร่ำพรรณโศกา | ||
| ๏ โอ้ว่าพระองค์ผู้ทรงยศ | พระเกียรติ์ปรากฏในแหล่งหล้า | ||
| สงครามทุกครั้งแต่หลังมา | ไม่เคยอัปราแก่ไพรี | ||
| ครั้งนี้ควรหรือมาพินาศ | เบาจิตต์คิดประมาทไม่พอที่ | ||
| เพราะรักบุตร์สุดสวาทแสนทวี | จะทัดทานภูมีไม่เชื่อฟัง | ||
| อนิจจาวิหยาสะกำเอ๋ย | เวรสิ่งใดเลยแต่หนหลัง | ||
| เสียแรงเรืองฤทธีมีกำลัง | มาวอดวายชีวังแต่ยังเยาว์ | ||
| ตั้งแต่นี้ไปไม่เห็นหน้า | กลับคืนพาราจะเงียบเหงา | ||
| สองกษัตริย์กำสรดซบเซา | ให้ละห้อยสร้อยเศร้าวิญญาณ์ | ||
| ๏ ครั้นคลายวายโศกกรรแสงศัลย์ | ให้เชิญศพทรงธรรม์เชษฐา | ||
| กับศพศรีราชนัดดา | ขึ้นมหาบุษบกรถชัย | ||
| ระตูสององค์ทรงอัศดร | เลิกนิกรโยธาทัพใหญ่ | ||
| เข้าในพนมพนาลัย | กลับไปยังราชธานี | ||
| ๏ บัดนั้น | เสนาดาหากรุงศรี | ||
| เห็นอิเหนามีชัยแก่ไพรี | ก็เผ่นขึ้นพาชีรีบมา | ||
| ๏ ครั้นถึงซึ่งท้องพระโรงคัล | อภิวันท์องค์ศรีปัตหรา | ||
| ทูลว่าอิเหนานัดดา | เข่นฆ่าไพรีวายปราณ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นปักนัคเรศราชฐาน | ||
| แจ้งว่าข้าศึกประลัยลาญ | มีความเกษมสานต์โสมนัส | ||
| ซึ่งดาลเดือดนัดดามาแต่หลัง | ก็ค่อยคลายแค้นคั่งเคืองขัด | ||
| เสด็จจากแท่นที่นั่งบัลลังก์รัตน์ | เข้าปราสาทจำรัสรูจี | ||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงกุเรปันกรุงศรี | ||
| จึงสั่งพนักงานทันที | บัดนี้เสร็จการชิงชัย | ||
| จะเชิญเสด็จพระโฉมยง | ไปสรงสนานในสระใหญ่ | ||
| ริมเชิงกุหนุงมาลัย | เร่งไปปลูกเกยและพลับพลา | ||
| ประชุมเหล่าโหราราชครู | พราหมณ์ชีบีกูประมาหนา | ||
| สำหรับราชพิธีกษัตรา | ให้พร้อมแต่เวลาตะวันชาย | ||
| ๏ บัดนั้น | จึงเหล่าพนักงานทั้งหลาย | ||
| รับคำบังคับคำนับนาย | ออกจากค่ายเข้าป่าพากันไป | ||
| ๏ ครั้นถึงซึ่งฝั่งสระศรี | ริมเชิงคิรีเขาใหญ่ | ||
| เกณฑ์กันปลูกเกยพลับพลาชัย | ทุกหมวดหมายนายไพร่ระดมกัน | ||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงเสนาคนขยัน | ||
| เข้าไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | บังคมคัลแล้วทูลทันใด | ||
| อันประเวณีกษัตริยแต่ก่อน | รณรงค์ราญรอนศึกใหญ่ | ||
| แม้นชะนะไพรีมีชัย | ย่อมไปสระสนานสำราญองค์ | ||
| ขอเชิญเสด็จพระภูวนาถ | ลีลาศไปชำระสระสรง | ||
| ยังสระชื่อเบ็ญจบุษบง | ให้เป็นมงคลสวัสดี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| ฟังคำตำมะหงงเสนี | ภูมีชื่นชมภิรมยา | ||
| จึงเสด็จขึ้นม้าที่นั่งทรง | กับระเด่นสี่องค์วงศา | ||
| พร้อมม้าพี่เลี้ยงและเสนา | ม้าหมู่โยธาพลไกร | ||
| ครบถ้วนกระบวนพาชี | ขับขี่สะบัดย่างวางใหญ่ | ||
| ควบแข่งแซงเสียดกันไป | ตามแถวแนวไม้ชายดง | ||
| ๏ ครั้นถึงซึ่งสระประทุเมศ | อยู่นอกนคเรศสำหรับสรง | ||
| เสด็จจากพาชีที่นั่งทรง | แล้วลงสรงสนานสำราญกาย | ||
| ๏ ชี้ชมโกสุมประทุมมาศ | ขาวแดงเดียรดาษประหลาดหลาย | ||
| ชูก้านบานกลีบคลี่คลาย | เกสรร่วงรายเรณูนวล | ||
| เหล่าระเด่นเล่นน้ำในสระนั้น | ยิ้มแย้มหยอกกันเกษมสรวล | ||
| พระทรงฤทธิ์คิดกระศัลย์รัญจวน | คะนึงนวลโฉมงามสามสุดา | ||
| บุษบงส่งรสรวยริน | หอมละม้ายคล้ายกลิ่นจินตะหรา | ||
| ถวิลวันลงสรงคงคา | เมื่อไปฌาปนกิจอัยยกี | ||
| เห็นหมู่มัจฉาว่ายคลาคล่ำ | เหมือนเจ้าว่ายแหวกน้ำหนีพี่ | ||
| โหยหวนครวญคำนึงถึงเทวี | ภูมีเศร้าสร้อยกำสรดทรง | ||
| ๏ สรงเสร็จก็เสด็จคลาไคล | ประพาสไปริมฝั่งสระสรง | ||
| กับระเด่นทั้งสี่สุริย์วงศ์ | ต่างองค์สับพะยอกหยอกกัน | ||
| พระหักก้านโกสุมประทุมา | รำท่ากระบี่บิดผัน | ||
| กับระเด่นสิงหัดส่าหรีนั้น | ป้องปัดผัดผันอลวน | ||
| อันองค์กะหรัดติปาตี | รำกระบี่กับระเด่นดาหยน | ||
| สังคามาระตานั้นประจญ | ด้วยเสนาสามนต์ไปมา | ||
| ยะรุเดะสันทัดกั้นหยั่ง | คู่กันกับกะระตาหลา | ||
| ปูนตาคู่กับประสันตา | รำกฤชชะวาว่องไว | ||
| ๏ ครั้นเสร็จพระเสด็จจรลี | ไปยังที่พลับพลาอาศัย | ||
| ทรงภูษาโขมพัสตร์อำไพ | แล้วตรงไปขึ้นเกยพิธีการ | ||
| ๏ บัดนั้น | ปุโรหิตโหรามหาศาล | ||
| ต่างตนประณตบทมาลย์ | โอมอ่านไสยเวทขึ้นฉับพลัน | ||
| จึงเอาใบมะพร้าวมาจำลัก | เป็นรูปจักรหอกดายพระแสงขรรค์ | ||
| ทั้งกฤชและเสนาเกาทัณฑ์ | สารพันอาวุธนานา | ||
| ลอยลงในน้ำพิธีการ | ซ้ำอ่านอาคมคาถา | ||
| โสรจสรงห้าองค์กษัตรา | ให้เมาะตาริยะกัดสวัสดี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| ครั้นเสร็จสรงน้ำพิธี | ภูมีชื่นชมภิรมยา | ||
| จึงสำอางอ่าองค์ทรงเครื่อง | อร่ามเรืองจำรัสทัดบุหงา | ||
| ขึ้นทรงสินธพอาชา | ควบขับกลับมาพลับพลาทอง | ||
| ๏ ครั้นถึงจึงเสด็จขึ้นเหนืออาศน์ | ภูวนาถทุกข์ทนหม่นหมอง | ||
| คะนึงสามทรามสงวนนวลน้อง | ตรึกตรองแต่จะคืนไปพารา | ||
| ๏ พระสุริยาสายัณห์สิ้นแสง | ศศิธรแจ่มแจ้งเวหา | ||
| พระดูเดือนเหมือนผิวพักตรา | ระเด่นจินตะหรายาใจ | ||
| โอ้ว่าเจ้าดวงยิหวาพี่ | อนิจจาป่านนี้จะเป็นไฉน | ||
| จะตั้งแต่อาวรณ์ร้อนฤทัย | คร่ำครวญหวนไห้ไม่เว้นวัน | ||
| สรงเสวยเคยสุขจะทุกข์ร้อน | ยามนอนจะวิโยคโศกศัลย์ | ||
| ใครจะปลอบอรทัยวิไลวรรณ | ให้สร้างกรรแสงเศร้าโศกา | ||
| จะได้แต่ปรับทุกข์กันทั้งสาม | จะนับวันคืนยามคอยหา | ||
| อกเอ๋ยจำใจไกลสุดา | เพราะต้องมาปราบราชไพรี | ||
| บัดนี้การศึกก็เสร็จสรรพ | พี่จะเร่งรีบกลับไปสมศรี | ||
| พระครวญคร่ำกำสรดแสนทวี | คิดอยู่แต่ที่จะคลาไคล | ||
| ๏ จึงสั่งระเด่นดาหยน | จงจัดพลโยธาทัพใหญ่ | ||
| พร้อมทั้งม้ารถคชไกร | ตรวจตราเตรียมไว้ในราตรี | ||
| พรุ่งนี้จะเข้าไปทูลลา | กลับไปหมันหยากรุงศรี | ||
| สั่งเสร็จเสด็จจรลี | เข้าในแท่นที่ไสยา | ||
| ๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงระตูจรกานาถา | ||
| ตั้งแต่ให้ราชสารา | ไปกล่าวบุษษได้ดังใจ | ||
| พระยิ่งชื่นชมโสมนัส | ในจิตต์ประดิพัทธ์พิสมัย | ||
| มีแต่เปรมปริ่มกระหยิ่มใจ | ดังได้เสวยสวรรค์ชั้นฟ้า | ||
| เวียนคลี่กระดาษวาดรูปนาง | ประทับกับทรวงพลางทางหวลหา | ||
| ป่านนี้พุ่มพวงดวงสุดา | จะคิดคอยพี่ยาทุกนาที | ||
| พี่ก็ให้เร่งรัดจัดงาน | จะยกไปทำการภิเษกศรี | ||
| แต่โหยหวนครวญคะนึงถึงเทวี | ไม่เป็นอันที่จะนิทรา | ||
| ๏ ครั้นรุ่งรังสีรวีวรรณ | พระทรงธรรม์อ่าองค์ทรงภูษา | ||
| ย่างเยื้องยุรยาตร์คลาดคลา | ออกมาพระโรงรัตน์ชัชวาล | ||
| ๏ บัดนั้น | เสนาดาหาราชฐาน | ||
| ก้มเกล้าประณตบทมาลย์ | ทูลแถลงแจ้งการทันที | ||
| บัดนี้พระผู้ผ่านดาหา | ใช้ข้ามาทูลบทศรี | ||
| ด้วยท้าวกะหมังกุหนิงภูมี | ให้เสนีนำราชสารา | ||
| ไปกล่าวพระบุตรีโฉมยง | ให้องค์พระโอรสา | ||
| สมเด็จพระราชบิดา | ตอบว่าได้ให้แก่ภูวไนย | ||
| ในว่าไม่ให้ไม่ฟังกัน | จะชิงตุนาหงันให้ได้ | ||
| ป่านนี้เห็นจะยกพลไกร | มาชิงชัยดาหาธานี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูจรกาเรืองศรี | ||
| ได้ฟังคั่งแค้นแสนทวี | ดังอัคคีจี้จุดดวงใจ | ||
| แผดเสียงสิงหนาทอาจหาญ | เหม่มันอหังการหยาบใหญ่ | ||
| จะชิงดวงยิหวาของกูไป | ดีแล้วจะได้เห็นกัน | ||
| จึงตรัสสั่งดะหมังมนตรี | เร่งตรวจเตรียมโยธีทัพขัน | ||
| ม้ารถคชไกรครบครัน | ให้ทันจะยกยาตรา | ||
| ตำมะหงงจงเร่งรีบไป | ทูลไทธิเบศร์เชษฐา | ||
| ให้กรีธาทัพใหญ่ไคลคลา | ไปช่วยเข่นฆ่าไพรี | ||
| ๏ บัดนั้น | ทั้งสองเสนาบดีศรี | ||
| รับสั่งแล้วรีบจรลี | มาตรวจเตรียมโยธีรี้พล | ||
| ๏ กรมช้างผูกช้างขะนะงา | กรมม้าผูกม้าโกลาหล | ||
| เหล่าทหารจัดแจงแต่งตน | แต่ละคนแข็งขันเคยพันตู | ||
| มาเข้ากระบวนทัพคับคั่ง | ซ้ายขวาหน้าหลังเป็นหมวดหมู่ | ||
| บ้างถือเสน่าเกาทัณฑ์ทวนธนู | โล่เขนหอกคู่ปืนไฟ | ||
| พร้อมพรั่งดั้งพยุหโยธา | ดาบดาดังสายน้ำไหล | ||
| ตำมะหงงเสนนั้นรีบไป | ยังกรุงไกรล่าสำธานี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูจรกาเรืองศรี | ||
| ครั้นใกล้พิชัยฤกษ์ดี | ก็จรลีมาสรงคงคา | ||
| ๏ ขัดสีสารพางค์สำอางองค์ | บรรจงทรงสุคนธ์โอ่อ่า | ||
| ผัดพักตร์ลูบไล้ไปมา | ให้กลบผิวพัตราพระภูมี | ||
| ใส่สนับเพลาทรงภูษา | งามวิจิตรรจนาระบายสี | ||
| ฉลององค์ทรงกระสันอินทรีย์ | ซึ่งพ่วงพีให้เห็นเป็นทรวดทรง | ||
| ห้อยหน้าผ้าทิพย์ขลิบสุวรรณ | ทับทรวงดวงกุดั่นดอกตันหยง | ||
| ทองกรกาบกิ่งยิ่งยง | ธำมรงค์ร่วงรุ้งพาหุรัด | ||
| ทรงชฎาเดินหนกุณฑลทอง | เรืองรองดอกไม้ไหวสะบัด | ||
| ห้อยอุบะบรรจงทรงทัด | พระหัตถ์กุมกฤชแล้วจรจรัล | ||
| ๏ เสด็จขึ้นทรงคอคชสาร | สอดชนักหน่วงพานผูกมั่น | ||
| ได้ฤกษ์ยิงปืนเป็นสำคัญ | ให้เคลื่อนพลขันธ์มิทันนาน | ||
| ๏ ช้างเอยช้างต้น | ชาญชนชะนะงากล้าหาญ | ||
| ใหญ่หลวงพ่วงพีพ้นประมาณ | เคยเป็นคชาธารที่นั่งทรง | ||
| ทนปืนยืนสู้ศึกใหญ่ | เข้าไหนไล่ลุยเป็นผุยผง | ||
| สำเนียงโกญจนาทอาจอง | งางอนดังจะส่งสอยดาว | ||
| ผูกเครื่องเรืองรัตน์รายอร่าม | ห้อยหูพู่จามรีขาว | ||
| ปกกระพองกรองแก้วแพรวพราว | กระวินวาวชนักถักทอง | ||
| เครื่องสูงชุมสายรายเรียง | แส้เสียงประโคมคึกกึกก้อง | ||
| ช้างม้ารนร่านทะยานร้อง | ยกกองทัพรีบคลาไคล | ||
| ๏ เดินทางค้างทิวาราตรี | หมายจะล้างไพรีให้ตักษัย | ||
| รีบเร่งบทจรไม่นอนใจ | ถึงพิชัยดาหาธานี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| ไสยาสน์ในราษราตรี | แสนทวีเทวษในวิญญาณ์ | ||
| ม่อยหลัยแล้วกลับผวาตื่น | คิดแต่จะคืนไปหมัยหยา | ||
| ป่านนี้โฉมงามสามสุดา | จะละห้อยคอยหาทุกคืนวัน | ||
| เวลาดึกเดือนตกนกร้อง | ระวังไพรไก่ก้องกระชั้นขัน | ||
| เสียงดุเหว่าเร้าเรียกหากัน | ฟังหวั่นว่าเสียงทรามวัย | ||
| พระลุกขึ้นเหลือบแลชะแง้หา | เจ้าตามมาร้องเรียกหรือไฉน | ||
| ลมชวยรวยรสสุมาลัย | หอมเหมือนกลิ่นสะไบบังอร | ||
| ยิ่งเคลิ้มคลุ้มกลุ้มจิตต์พิศวง | ทอดองค์ลงกับบรรจฐรณ์ | ||
| กลิ้งกลับสับสนทุรนร้อน | กรตระกองกอดหมอนถอนฤทัย | ||
| ๏ ครั้นรุ่งรางสว่างเวหน | สุริยนแย้มเยี่ยมเหลี่ยมไศล | ||
| จึงอ่าองค์ทรงเครื่องอำไพ | ภูวไนยเสด็จออกหน้าพลับพลา | ||
| ๏ ได้ยินเสียงแตรสังข์ฆ้องกลอง | ครั่นครึกกึกก้องมาหนักหนา | ||
| จึงดำรัสตรัสสั่งปูนตา | จงให้โยธาไปถามดู | ||
| ใครยกทัพมาแต่เมืองไหน | เหตุใดจึงล่าช้าอยู่ | ||
| หรือพวกอริราชศัตรู | จะมาพันตูต่อตี | ||
| ๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงประณตบทศรี | ||
| ออกมาสั่งกันทันที | ตามมีพระราชบัญชา | ||
| ๏ บัดนั้น | ปะหรัดกะติกาใจกล้า | ||
| คำนับรับคำแล้วอำลา | เผ่นขึ้นม้าควบขับไปฉับไว | ||
| ๏ ครั้นถึงจึงถามถ้วนถี่ | ทัพยกมานี้จะไปไหน | ||
| อยู่ยังถิ่นฐานบ้านเมืองใด | คือใครเป็นจอมจตุรงค์ | ||
| ระเด่นมนตรีตรัสใช้ | มาถามไถ่ให้แจ้งโดยประสงค์ | ||
| จงบอกเนื้อความตามตรง | จะได้ไปทูลองค์พระทรงธรรม์ | ||
| ๏ บัดนั้น | ปะหรัดกะติกาอัชฌาสัย | ||
| ได้ฟังจะแจ้งไม่แคลงใจ | ก็เร่งรีบกลับไปไม่รอรั้ง | ||
| ๏ ครั้นถึงจึงตรงเข้าไปหา | ปูนตาพี่เลี้ยงผู้รับสั่ง | ||
| แล้วแถลงแจ้งความให้ฟัง | โดยดังคดีทุกประการ | ||
| ๏ บัดนั้น | ปูนตาฟังคำว่าขาน | ||
| มายังพลับพลาพลันมิทันนาน | กราบกรานแล้วทูลพระทรงธรรม์ | ||
| ว่าทัพนี้คือท้าวจรกา | ซึ่งมาขอพระธิดาตุนาหงัน | ||
| แจ้งว่าปัจจามิตร์ติดพัน | จึงมาช่วยป้องกันเวียงชัย | ||
| ๏ บัดนั้น | ประสันตาได้ฟังไม่นิ่งได้ | ||
| จึงว่าเราลำบากยากใจ | สู้ทนปืนไฟแทบตาย | ||
| ท่านมาชุบมือเอาสรรพ | นั่งกินสำรับเล่นง่าย ๆ | ||
| เมื่อมีชัยท่านได้พลอยสบาย | แม้นแพ้ก็จตายแต่พวกเรา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้เฉิดโฉมยงองค์อิเหนา | ||
| จึงว่าอย่าพูดมากปากเบา | ใครเขาได้ยินจะนินทา | ||
| ตรัสพลางทางเรียกอัศดร | เห็นทินกรเรืองแรงแสงกล้า | ||
| จะเข้าไปถวายบังคมลา | สั่งเสร็จเสด็จมาอ่าองค์ | ||
| ๏ ทรงสุคนธ์รวยรินกลิ่นเกลา | สนับเพลาเชิงตระหนกวิหคหงส์ | ||
| ภูษิตวิจิตรบรรจงทรง | ฉลององค์ดวงกุดั่นรังแตน | ||
| อินทรธนูติดต้นพระพาหา | ริ้วทองปัตหร่าปลายแขน | ||
| ผ้าทิพย์ขลิบริมทับทิมแทน | ชายไหวหัวแหวนสังวาลวาว | ||
| ตาบประดับทับทรวงสายสร้อย | เฟื่องห้อยพลอยแดงเขียวขาว | ||
| ทองกรวิเชียรช่วงดังดวงดาว | ธำมรงศ์เพ็ชร์พราวไปทุกนิ้ว | ||
| ทรงมงกุฎกรรเจียกจอนจรัส | ผัดพักตร์นวลละอองผ่องผิว | ||
| ห้อยอุบะลมชายปลายปลิว | ดูดังจะเลื่อนลิ่วลอยฟ้า | ||
| ๏ พระหัตถ์กุมกฤชฤทธิรอน | กรายกรอ่อนระทวยทั้งซ้ายขวา | ||
| ลงจากที่ประทับพลับพลา | เสด็จมาขึ้นทรงพาชี | ||
| ๏ ม้าเอยม้าต้น | ผ่านดำขำขนสองสี | ||
| สูงระหงทรงงามพ่วงพี | ท่วงทีขี่ขับเรียบร้อย | ||
| เยื้องอกยกเท้าสอดซ้ำ | ติดพยศย่องย่ำทำถอย | ||
| เปลี่ยนขวามาซ้ายซ้ำรอย | ถูกน้อยซอยเต้นมาตามทาง | ||
| ผูกเครื่องสุวรรณวาวดาวจำลัก | หมอนกำมะหยี่ปักหักทองขวาง | ||
| สอดสายง่องง้ำประจำคาง | พะนังข้างอย่างเทศโกลนทอง | ||
| ม้าทหารแห่น่าสง่างาม | ม้ากิดาหยันตามเป็นแถวท่อง | ||
| อนุชาขี่ม้าที่นั่งรอง | ม้าพี่เลี้ยงเคียงสองข้างไป | ||
| ๏ บัดนั้น | ประชาชนชายหญิงน้อยใหญ่ | ||
| รู้ว่าเสด็จเข้าเวียงชัย | เขม้นใจคอยดูด้วยโกรธา | ||
| คับคั่งนั่งแน่นริมถนน | ผู้ดีปนเข็ญใจก็ไม่ว่า | ||
| ครั้นเห็นพระองค์ทรงม้ามา | ที่แค้นขัดอัธยาก็ลืมไป | ||
| บ้างตั้งตาพินิจพิศวง | ตลึงแลรูปทรงหลงใหล | ||
| บ้างบังคมชมโฉมภูวไนย | ความงามกระไรเหมือนเทวา | ||
| บรรดาประชาชาวพระนคร | หญิงชายถวายพรถ้วนหน้า | ||
| ให้ได้ครองกับพระธิดา | ไพร่ฟ้าจะได้พึ่งสืบไป | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
| ครั้นถึงประเสบันทันใด | ภูวไนยลงจากพาชี | ||
| จึงชวนสังคามาระตา | อนุชามาไปเป็นเพื่อนพี่ | ||
| ตรัสพลางย่างเยื้องจรลี | เสด็จขึ้นยังที่มนเทียรทอง | ||
| ๏ ครั้นถึงจึงถวายบังคม | องค์บรมกษัตริย์ทั้งสอง | ||
| หฤทัยระทึกตรึกตรอง | ให้ระคางหมางหมองวิญญาณ์ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นภพพิชัยดาหา | ||
| ทั้งประไหมสุหรีศรีโสภา | เห็นอิเหนาเข้ามาบังคมคัล | ||
| ต่างแค้นเคืองขัดไม่ตรัสทัก | มึนเมินพระพักตร์ผินผัน | ||
| แล้วขับสียะตราลูกยานั้น | จงไปอภิวันท์พระพี่ยา | ||
| เราพ้นเป็นชะเลยก็เพราะเขา | คุณอยู่แก่เราหนักหนา | ||
| แม้นหาไม่พ่อจะมรณา | เจ้าจะไปเป็นข้าไพรี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สียะตราหนึ่งหรัดเรืองศรี | ||
| ลุกแล่นไปพลันทันที | ถึงระเด่นมนตรีก็บังคม | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์ทรงลักษณ์งามสม | ||
| อุ้มองค์อนุชาเชยชม | แล้วปรารมภ์รำพึงคะนึงใน | ||
| แต่กุมารยังงามถึงเพียงนี้ | ถ้าบุตรีจะงามสักเพียงไหน | ||
| ชมพลางทางชำเลืองแลไป | ดูทีท้าวไทเห็นโกรธา | ||
| ยิ่งคิดครั่นคร้ามขามเขิน | ทั้งกลัวทั้งสะเทินเมินหน้า | ||
| ม่อยเมียงเคียงแอบอนุชา | มิได้จำนรรจาพาที | ||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี | ||
| จึงมีพจนาตถ์เสาวนี | สงครามครั้งนี้ไม่ควรเป็น | ||
| เพราะลูกเจ้ากรรมทำแค้นขัด | จนวิบัติบ้านเมืองได้เคืองเข็ญ | ||
| ทั้งทุกข์ทั้งอายไม่วายเว้น | เลือดตาจะกระเด็นอยู่เป็นนิตย์ | ||
| มันช่างอาภัพอัประลักษณ์ | เจ็บช้ำน้ำจิตต์เป็นพ้นไป | ||
| นี่หากว่ามีนัดดา | ได้เป็นที่พึ่งพาอาศัย | ||
| สังหารศัตรูกู้เวียงชัย | ภักดีมีใจช่วยเจ็บแค้น | ||
| จึงมิได้เป็นเมืองขึ้นเขา | บุญคุณของเจ้าเหลือแสน | ||
| ไม่มีของสิ่งใดจะตอบแทน | ถ้าแม้นบุษบาธิดาเรา | ||
| ยังมิได้ให้แก่จรกา | จะยกให้เป็นข้าของเจ้า | ||
| นึกว่าวิบากกรรมก็ทำเนา | ลูกคนหนึ่งเราไม่เสียดาย | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองฉาย | ||
| ได้ฟังเสาวนีอภิปราย | ให้ระคายระคางหมางใจ | ||
| กราบบาทบังคมแล้วก้มหน้า | จะสนองพจนาก็หาไม่ | ||
| ในอกร้อนรุ่มดังสุมไฟ | หฤทัยไหวหวั่นพันทวี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวดาหาเรืองศรี | ||
| จึงตรัสแก่ระเด่นมนตรี | บัดนี้เสร็จศึกสงคราม | ||
| เจ้าสิมีธุระร้อนรน | จะรีบร้นกลับไปเราไม่ห้าม | ||
| หรือจะอยู่ยังนครก่อนก็ตาม | สุดแต่ความคิดของนัดดา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | อิเหนานบนิ้วเหนือเกศา | ||
| จึงบ่ายเบี่ยงเลี่ยงทูลพระราชา | เมื่อมารีบร้นพลไกร | ||
| เดินทางกลางคืนกลางวัน | จะได้พักพลขันธ์นั้นหาไม่ | ||
| จะยับยั้งอยู่ยังเวียงชัย | สักสามวันจึงจะได้บังคมลา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นปักนัคเรศดาหา | ||
| จึงมีสิงหนาทบัญชา | ตรัสสั่งยาสาเสนาใน | ||
| จงแต่งที่ประเสบันอากง | ให้องค์นัดดาอาศัย | ||
| โภชนาสาลีจงส่งไป | กว่าจะได้กลับคืนธานี | ||
| ๏ บัดนั้น | ยาสารับสั่งใส่เกศี | ||
| ก้มเกล้ากราบงามสามที | ไปจัดแจงแต่งที่ดังบัญชา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระทรงภพลบโลกนาถา | ||
| จึงสั่งสาวสรรกัลยา | จงไปบอกบุษบามาบัดนี้ | ||
| ๏ บัดนั้น | นวลนางกำนัลสาวศรี | ||
| รับสั่งพระองค์ทรงธรณี | แล้วรีบจรลีลงไป | ||
| ๏ ครั้นถึงปราสาทนางโฉมยง | กราบลงแล้วทูลแถลงไข | ||
| องค์ศรีปัตหราบัญชาใช้ | ให้เชิญอรทัยเสด็จจร | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นบุษาดวงสมร | ||
| ได้แจ้งรับสั่งพระบิดร | บังอรถวิลจินดา | ||
| อิเหนากุเรปันมาเฝ้า | จะให้เราไปไหว้กระมังหนา | ||
| คิดแล้วเข้าที่ไสยา | มิได้จำนรรจาประการใด | ||
| ๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงผู้มีอัชฌาสัย | ||
| จึงชวนกันโลมเล้าเอาใจ | แม่มาเป็นไรดังนี้ | ||
| พระบิดาให้หาขึ้นไปเฝ้า | เหตุผลหนักเบาไม่รู้ที่ | ||
| ไปฟังดูให้รู้ว่าร้ายดี | ทูลเท่าไรเทวีไม่ลีลา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์มะเดหวีเสน่หา | ||
| แต่คอย ๆ อะนะบุษบา | ไม่เห็นขึ้นมาช้าไป | ||
| พรั่นจิตต์คิดกลัวสองกษัตริย์ | จะเคืองขัดวิญญาณ์อัชฌาสัย | ||
| จึงยุรยาตราคลาไคล | ลงไปปราสาทพระบุตรี | ||
| ๏ เผยม่านสุวรรณซึ่งกั้นกาง | เห็นนางบรรทมอยู่ในที่ | ||
| พี่เลี้ยงโลมไล้ไม่ไยดี | มะดีหวีจึงเข้าไปว่าวอน | ||
| พระบิตุเรศคอยท่าอยู่ช้านาน | เยาวมาลย์แม่จงขึ้นไปก่อน | ||
| จะปลอบปลุกเท่าไรก็นิ่งนอน | จึงอุ้มองค์บังอรจากไสยา | ||
| แล้วเอาสุคนธามาทรงให้ | อรทัยกวดเกล้าเกศา | ||
| พี่เลี้ยงทั้งสี่ก็ปรีดา | ช่วยแต่งกายาให้ทรามวัย | ||
| ๏ ให้ทรงภูษายกพื้นตอง | ห่มสไบตาดทองผ่องใส | ||
| สอดสีทับทิมซับใน | แล้วใส่สร้อยสะอิ้งสังวาลทรง | ||
| ตาบประดับดอกดวงพวงเพ็ชร์ | ทองกรแก้วกาบเก็จก่องก่ง | ||
| เข็มขัดรัดรอบสะเอวองค์ | ธำมรงค์เพ็ชร์เรืองรูจี | ||
| ทรงปะหรัดผัดพักตร์ปลั่งเปล่ง | ดังบุหลันวันเพ็ญผ่องศรี | ||
| ทรงมงกุฎสำหรับพระบุตรี | เสร็จแล้วเทวีไม่ลีลา | ||
| ๏ องค์มะดีหวีจึงว่าไป | จิตต์ใจกระด้างหนักหนา | ||
| ว่าพลางผลักไสให้ไคลคลา | ขึ้นมายังปราสาทพระทรงธรรม์ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส | ||
| จึงตรัสแก่ธิดายาใจ | หามาจะให้ไหว้พี่ยา | ||
| จะได้รู้จักกันว่าพี่น้อง | เกลือกมีเหตุเภทพ้องไปภายหน้า | ||
| ยากจนจะได้ไปพึ่งพา | มิใช่จรกาจะอายไย | ||
| ๏ เมื่อนั้น | บุษบาแค้นขัดอัชฌาสัย | ||
| สะบัดพักตร์ผินผันเสียทันใด | ไม่ออกไปตามคำพระมารดา | ||
| นางนั่งนิ่งแฝงม่านอยู่ | คิดละอายอดสูหนักหนา | ||
| ชนนีซ้ำเตือนให้เคลื่อนคลา | ก็ผูกคิ้วนิ่วหน้าไม่พาที | ||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์มะดีหวี | ||
| จึงปลอบบุษบานารี | มารศรีอย่าประหวั่นพรั่นใจ | ||
| ไปเถิดจงฟังแม่ว่า | พระพี่ยาจะติโทษได้ | ||
| ปลอบพลางผลักไสให้ออกไป | บุษบาก็ไม่ไคลคลา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | ||
| จึงว่าเจ้าจงไปวันทา | จะละอายเชษฐาไปว่าไร | ||
| หาบุญไม่มิได้เลี้ยงกันแล้ว | ลูกแก้วอย่าพรั่นหวั่นไหว | ||
| แต่จะให้รู้จักกันไว้ | ด้วยได้มาร่วมเรียงวงศ์ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | บุษบาแน่งน้อยนวลหงส์ | ||
| กลัวพระบิตุเรศฤทธิรงค์ | ก็เผยม่านคลานตรงออกมา | ||
| ๏ ครั้นถึงจึงถวายอัญชลี | พระชนกชนนีนาถา | ||
| ให้ขวยเขินสะเทินวิญญาณ์ | ก้มหน้านิ่งอยู่ไม่ดูไป | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาอัชฌาสัย | ||
| ค่อยกระซิบทูลองค์พระทรงชัย | เป็นไฉนไม่ดูกัลยา | ||
| อันนางโฉมยงองค์นี้ | เลิดล้ำนารีในแหล่งหล้า | ||
| นวลละอองผ่องพักตร์โสภา | เพียงจันทราทรงกลดหมดราคี | ||
| งามดังโกสุมประทุมทอง | บานอยู่ในท้องสระศรี | ||
| แต่พร่ำทูลระเด่นมนตรี | ภูมีฮึดให้ไม่แลไป | ||
| ๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงกำนัลน้อยใหญ่ | ||
| ทั้งเหล่าท้าวนางข้างใน | บ้างไปเบียดเสียดกันดู | ||
| ชมโฉมระเด่นมนตรี | ไม่มีผู้ใดใครควรคู่ | ||
| บ้างว่าพระบุตรีโฉมตรู | งามดูดังแก้วแกมสุวรรณ | ||
| บ้างว่าเหมือนอสัญแดหวา | กับนางเทพธิดากระยาหงัน | ||
| บ้างว่าเหมือนสุริยากับพระจันทร์ | ถ้าได้ครองกันจะสมควร | ||
| สมทั้งรูปทรงและยศศักดิ์ | เสียดายนักพระมาคิดหักหวน | ||
| ต่างคนก็ต่างรัญจวน | คร่ำครวญไปทุกหน้านารี | ||
| ๏ บัดนั้น | นวลนางบาหยันสาวศรี | ||
| จึงห้ามฝูงกำนัลไปทันที | อย่าพูดเล่นเช่นนี้ไม่ชอบกล | ||
| เจ้าเราหรือจะควรเป็นคู่เคียง | ถึงจะเลี้ยงก็ไม่เป็นผล | ||
| ต่ำศักดิ์อย่าชักเข้าไปปน | ฝูงคนเขาจะเย้ยไยไพ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส | ||
| จึงว่าเขามาช่วยชิงชัย | จึงพ้นภัยไม่เสียพารา | ||
| เจ้าก็มีคู่ผู้อื่นแล้ว | จะอายไยลูกแก้วเสน่หา | ||
| เป็นพี่แล้วก็มีคุณมา | วันทาเสียเถิดนะบังอร | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นบุษบาดวงสมร | ||
| ฟังพระมารดาว่าวอน | ยิ่งกลัดกลุ้มรุ่มร้อนหฤทัย | ||
| คิดถึงความหลังคั่งแค้นนัก | นงลักษณ์มิใคร่จะไหว้ได้ | ||
| จำเป็นด้วยกลัวก็จนใจ | จำไหว้นิดหนึ่งพอเป็นที | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| เหลียวไปรับไหว้นางเทวี | ภูมีดูนางไม่วางตา | ||
| งามจริงยิ่งเทพนิมิตร์ | ให้คิดเสียดายหนักหนา | ||
| เสโทไหลหลั่งทั้งกายา | สะบัดปลายเกศาเนืองไป | ||
| กรกอดอนุชาก็ตกลง | จะรู้สึกพระองค์ก็หาไม่ | ||
| แต่เวียนจูบสียะตรายาใจ | สำคัญพระทัยว่าเทวี | ||
| ความรักรุมจิตต์พิศวง | จนลืมองค์ลืมอายนางโฉมศรี | ||
| ไม่เป็นอารมณ์สมประดี | ภูมีหลงขับขึ้นฉับพลัน | ||
| ๏ เจ้าเอยเจ้าดวงยิหวา | ดังหยาดฟ้ามาแต่กระยาหงัน | ||
| พี่ได้เห็นโฉมฉายเสียดายครัน | ฉุกใจไม่ทันคิด เอย | ||
| ๏ สังคามาระตาโฉมเฉลา | ค่อยสั่นพระเพลาพลางทางสะกิด | ||
| หยิกเอาบาทบงสุ์พระทรงฤทธิ์ | ภูวไนยได้คิดก็นิ่งไป | ||
| ๏ เมื่อนั้น | บุษบาเยาวยอดพิสมัย | ||
| ถวายบังคมลาคลาไคล | แล้วคลานเข้าไปในม่านทอง | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรียิ่งหม่นหมอง | ||
| แลตามทรามวัยด้วยใจปอง | พลางร้องครวญขับขึ้นฉับไว | ||
| ๏ เจ้าดวงยิหวาพี่ | เจ้าจะจรลีไปไหน | ||
| พี่จะอุ้มไปส่งนะดวงใจ | ภูวไนยก็เคลื่อนองค์เอย | ||
| ๏ สังคามาระตาลอบสะกิด | เห็นทรงฤทธิ์เคลิ้มคลั่งกำลังหลง | ||
| จึงยึดข้อพระบาทไว้มั่นคง | พระรู้องค์ได้คิดก็คืนมา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงบอกองค์กนิษฐา | ||
| เท้าพี่นี้เป็นเหน็บชา | จะกลับกายาอย่ายึดไว้ | ||
| ๏ บัดนั้น | ฝูงนางกำนัลน้อยใหญ่ | ||
| เห็นอิเหนากุเรปันฟั่นเฟือนไป | นางในสรวลแล้วก็บอกกัน | ||
| เมื่อกี้พระชัยชมนาง | ได้ยินบ้างหรือไม่นะสาวสรร | ||
| พระจริตก็ผิดไปทุกอัน | พระพักตร์นั้นก็ซีดสลดไป | ||
| กรกอดพระกุมารก็เลื่อนลง | เสโทโทรมองค์หลั่งไหล | ||
| ดูทีทำนองจะต้องใจ | จึงเคลิ้มไคล้ไม่เป็นสมประดี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายระตูจรกาเรืองศรี | ||
| ครั้นมาถึงดาหาธานี | เสด็จทรงพาชีคลาไคล | ||
| ๏ รีบไปจะเฝ้าพระราชา | พอพลบเสนาผู้ใหญ่ | ||
| จึงว่าท่านจงทูลภูวไนย | ว่าเราจะเข้าไปบังคมคัล | ||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงเสนาคนขยัน | ||
| รับสั่งแล้วรีบจรจรัล | มายังพระโรงคัลทันที | ||
| บังคมก้มเกล้ากราบทูล | พระผู้ผ่านไอศูรย์เรืองศรี | ||
| บัดนี้จรกาธิบดี | จะมาเฝ้าธุลีพระบาทา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพนาถา | ||
| จึงบรรหารให้หาจรกา | เข้ามายังท้องพระโรงชัย | ||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงเสนาผู้ใหญ่ | ||
| รับสั่งบังคมภูวไนย | แล้วรีบออกไปทันที | ||
| จึงแถลงแจ้งความตามกิจจา | ว่าพระปิ่นดาหากรุงศรี | ||
| ให้มาเชิญเสด็จจรลี | เข้าไปยังที่พระโรงคัล | ||
| ๏ เมื่อนั้น | จรกาได้ฟังเกษมสันต์ | ||
| ลงจากอาชาฉับพลัน | แล้วเสด็จจรจรัลเข้ามา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีคิดอิจฉา | ||
| แต่ได้ยินออกชื่อจรกา | ดังเอาไฟฟ้ามาจุดใจ | ||
| ครั้นจะอยู่จนระตูมาเฝ้า | จะแลดูหน้าเขากระไรได้ | ||
| จึงบังคมลาคลาไคล | ออกไปจากพระโรงรูจี | ||
| กับสังคามาระตาลีลาศ | เสด็จมาโดยราชวิถี | ||
| พอพบจรกาธิบดี | ยังที่หน้าพระลานโอฬาร์ | ||
| ระตูทรุดนั่งลงบังคม | พระก้มลงรับหัตถา | ||
| พลางขยับจับกฤชฤทธา | อนุชาก็ยึดพระกรไว้ | ||
| สะดุ้งจิตต์คิดได้แล้วเดินหนี | แกล้งกล่าววาทีแก้ไข | ||
| กฤชเคลื่อนจะเลื่อนตกไป | พี่จึงกุมไว้นะน้องรัก | ||
| ตรัสพลางย่างเยื้องยุรยาตร์ | แสนสวาทวิตกเพียงอกหัก | ||
| คะนึงถึงโฉมยงนงลักษณ์ | ตรงมายังตำหนักห้องใน | ||
| ๏ ทอดองค์ลงบนที่บรรจฐรณ์ | จะเปลื้องเครื่องอาภรณ์ก็หาไม่ | ||
| ให้ระทวยระทดสลดใจ | แต่ตริตรึกนึกในไปมา | ||
| โอ้ว่าโฉมเฉลาเยาวลักษณ์ | เสียดายศักดิ์อสัญแดหวา | ||
| จะระคนปนศักดิ์จรกา | อนิจจาพี่จะทำประการใด | ||
| จะคิดไฉนดีนะอกเอ๋ย | จะได้เชยชมชิดพิสมัย | ||
| พระเร่งร้อนร่านทะยานใจ | ดังเพลิงกาสไหม้ทั้งกายา | ||
| มาฉุกใจได้คิดสิการแล้ว | ดังดวงแก้วตกต้องแผ่นผา | ||
| ร้าวระยำช้ำจิตต์เจ็บอุรา | ประหนึ่งว่าจะวายชีวี | ||
| นิ่งนอนถอนฤทัยใหลหลง | คะนึงองค์บุษบายาหยี | ||
| ลืมสามสุดานารี | ภูมีสร้อยเศร้าโศกาลัย | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายระตูจรกาอัชฌาสัย | ||
| ครั้นถึงที่เฝ้าท้าวไท | ก็เข้าไปอภิวาทวันทา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | ||
| ทั้งสองมเหสีโสภา | เห็นระตูเข้ามาบังคมคัล | ||
| พิศดูรูปร่างเหมือนอย่างไพร่ | เติบใหญ่กำยำล่ำสัน | ||
| น่าชังชั่วช้าสาระพัน | ไม่คู่ควรกันกับบุตรี | ||
| สามกษัตริย์เศร้าเสียพระทัยนัก | เสียดายลูกรักและศักดิ์ศรี | ||
| จะผ่อนผันฉันใดก็ใช่ที | จำเปนจึงมีบัญชา | ||
| เจ้าค่อยอยู่สุขสำราญ | ครอบครองศฤงคารเป็นสุขา | ||
| หรือทุกข์โศกโรคภัยพาธา | แต่คอย ๆ เห็นช้าปรารมภ์ใจ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | จรกากราบทูลแถลงไข | ||
| เดชะพระเดชปกเกศไป | สำราญใจเป็นสุขทุกนิรันดร์ | ||
| ครั้นรู้ข่าวว่าท้าวกะหมังกุหนิง | ยกมาช่วงชิงตุนาหงัน | ||
| ก็กะเกณฑ์กองทัพฉับพลัน | รีบมาสิบห้าวันถึงพารา | ||
| พระเชษฐาจะตามมาภายหลัง | ข้าสั่งเสนีให้คอยท่า | ||
| อนึ่งพวกไพรีที่ยกมา | ม้วยชีวาแล้วหรือพระภูมี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหราเรืองศรี | ||
| จึงตรัสตอบจรกาธิบดี | อันไพรีพ่อลูกนั้นม้วยมิด | ||
| ยังแต่ระตูผู้น้อง | ทั้งสองไม่รอต่อติด | ||
| ขอออกแก่อิเหนาเรืองฤทธิ์ | ปัจจามิตร์เลิกทัพกลับไป | ||
| ๏ บัดนั้น | ฝูงสนมนารีศรีใส | ||
| ทั้งเฒ่าแก่ชะแม่กำนัลใน | ต่างไปชิงช่องมองเมียง | ||
| ครั้นเห็นจรกาเข้ามาเฝ้า | บรรดาเหล่าชะแม่แซ่เสียง | ||
| บ้างตำหนิติว่าหน้าเพรียง | ดูดำดังเหนี่ยงน่าชังนัก | ||
| ไม่มีทรวดทรงองค์เอวอ้วน | พิศไหนแล้วล้วนอัปลักษณ์ | ||
| ใส่ชฎาก็ไม่รับกันกับพักตร์ | งามบาดตานักขี้คร้านดู | ||
| บ้างว่าเสียงเพราะเสนาะเหลือ | แหบเครือเบื่อฟังรำคาญหู | ||
| รูปร่างอย่างไพร่ใช่ระตู | ไม่ควรเคียงคู่พระบุตรี | ||
| กระนี้หรือช่างมาตุนาหงัน | เห็นเกินหน้าไกลกันทั้งศักดิ์ศรี | ||
| ดังเอาปัดขี้ร้ายราคี | ปนมณีจินดาค่าเมือง | ||
| บางคนว่าระตูจะคู่ครอง | ดังเพ็ชร์ผูกเรือนรองด้วยทองเหลือง | ||
| เหมือนทองคำธรรมชาติรุ่งเรือง | มารู่กับกระเบื้องไม่ควรกัน | ||
| ลางนางบ้างโกรธแล้วพาที | เสียดายพระบุตรีสาวสวรรค์ | ||
| ถ้าได้กับอิเหนากุเรปัน | น่าชมสมกันข้าชอบใจ | ||
| อันระตูผู้นี้บัดสีนัก | จะร่วมเรียงเคียงพักตร์หาควรไม่ | ||
| บ้างห้ามว่าอย่าอื้ออึงไป | บ้างบ่นพิไรไปมา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | ||
| จึงมีพระราชบัญชา | ตรัสแก่จรกาทันใด | ||
| เจ้าจงไปคอยเชษฐา | ถึงให้เข้ามาที่อาศัย | ||
| สั่งเสร็จเสด็จคลาไคล | เข้าในปราสาทแก้วแพรวพราย | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองฉาย | ||
| แน่นอนถอนใจอยู่ไม่วาย | กรก่ายพักตร์นึกตรึกไตร | ||
| ซึ่งทูลไว้ว่าจะอยู่สามวัน | จะผ่อนผันให้นานออกจงได้ | ||
| ด้วยอุบายสวยสนกลใน | คิดแล้วลุกไปจากไสยา | ||
| จึงดำรัสตรัสสั่งเสนี | พรุ่งนี้จงคุมพลอาสา | ||
| ไปกะหมังกุหนิงพารา | ตรวจตราสิ่งของทั้งปวง | ||
| แต่บรรดาพวกเผ่าเหล่าระบาด | จงริบราชกวาดส่งมาเป็นหลวง | ||
| ทั้งเสนาโยธาทุกกระทรวง | ให้เข้าควงรัดรายบัญชีมา | ||
| ๏ บัดนั้น | เสนีรับสั่งใส่เกศา | ||
| มากะเกณฑ์กันดังบัญชา | แล้วออกจากพารารีบไป | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
| ครั้งรุ่งรางส่างแสงอโณทัย | ภูวไนยสระสงคงคา | ||
| ทรงเครื่องเรืองจำรัสพรายพรรณ | ลงจากประเสบันที่ข้างหน้า | ||
| ชวนระเด่นสังคามาระตา | ลีลาขึ้นเฝ้าพระภูมี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายสุหรานากงเรืองศรี | ||
| ทั้งองค์กะหรัดติปาตี | จรกาธิบดีชาญชัย | ||
| ต่างเข้าที่สรงทรงเครื่อง | เนาวรัตน์จำรัสเรืองแสงใส | ||
| แล้วเสด็จลีลาคลาไคล | เข้าไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | ||
| ๏ ครั้นถึงหน้าตำหนักที่นั่งเย็น | พบระเด่นมนตรีอยู่ที่นั่น | ||
| สามกษัตริย์ก็ถวายบังคมคัล | แล้วจรจรัลตามเสด็จเข้ามา | ||
| ๏ จึงน้อมเศียรเกล้าอภิวาท | เบื้องบาทองค์ศรีปัตหรา | ||
| พร้อมกษัตริย์สามนต์นานา | ต่างถวายวันทาทุกองค์ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านไอศูรย์สูงส่ง | ||
| ครั้นเห็นสุหรานากง | อีกองค์กะหรัดติปาตี | ||
| ทั้งกรุงกษัตริย์ถ้วนหน้า | เข้ามาประณตบทศรี | ||
| พระชื่นชมภิรมย์ยินดี | ภูมีอำนวยอวยชัย | ||
| จงเจริญในราชสมบัติ | เสวยสุขศรีสวัสดิ์ผ่องใส | ||
| ให้มีอานุภาพปราบไป | ทั้งในแผ่นพื้นภูวดล | ||
| ๏ แล้วมีมธุรสพจนา | ชวนสุหรานากง เป็นตัน | ||
| กับกะหรัดติปาตีสองคน | ธุระร้อนรนเจ้าไม่มี | ||
| จงอยู่ไปใช้บนด้วยกันก่อน | อย่าเพ่อคืนนครทั้งสองศรี | ||
| อันวิลิศมาหราคิรี | แสนสนุกพ้นที่จะพรรณนา | ||
| แล้วสั่งเสนาในให้จัดแจง | พระตำหนักตำแหน่งที่ข้างหน้า | ||
| ให้แก่สองราชนัดดา | เร่งเร็วอย่าช้าบัดนี้ | ||
| ๏ บัดนั้น | กรมวังรับสั่งใส่เกศี | ||
| ไปจัดแจงแต่งตำหนักทันที | แล้วเสร็จดังมีพระบัญชา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | ||
| ให้จัดสรรเครื่องทรงอลงการ์ | เอามาปูนบำเหน็จกองทัพ | ||
| อันระเด่นมนตรีกุเรปัน | เป็นจอมพลขันธ์เคี่ยวขับ | ||
| มีชัยไพรีระยำยับ | กะหมังกุหนิงนายทัพม้วยมุด | ||
| ให้ประทานสังวาลเพ็ชรรัตน์ | จอนจำรัสธำมรงค์มงกุฎ | ||
| สังคามาระตายงยุทธ์ | วิหยาสะกำบุตร์บรรลัย | ||
| เครื่องประดับทับทิมทั้งนั้น | สร้อยสุวรรณสังวาลประทานให้ | ||
| อันสุหรานากงทรงชัย | ได้คุมทัพใหญ่ยกมา | ||
| ทั้งระเด่นกะหรัดติปาตี | ล้วนมีความชอบได้อาสา | ||
| ประทานเครื่องประดับองค์อลงการ์ | มรกตรจนาเหมือนกัน | ||
| พวกพี่เลี้ยงเสนีทั้งสี่กอง | ให้เจียดเงินพานทองเป็นหลั่น ๆ | ||
| ทั้งเงินตราผ้าเสื้อแพรพรรณ | จัดสรรประทานทั่วทุกตัวนาย | ||
| ๏ บัดนั้น | แม่ทัพนายกองทั้งหลาย | ||
| ได้ของประทานมากมาย | ต่างถวายประณมบังคมคัล | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านนคเรศเขตตขัณฑ์ | ||
| ครั้นปูนบำเหน็จเสร็จพลัน | ก็จรจรัลเข้าสู่ปราสาทชัย | ||
เชิงอรรถ
ที่มา
- คุณพรพรรณ วัฑฒนายน ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน
 - [1]
 - คำกลอนอิเหนา ศึกกะหมังกุหนิง พระราชนิพนธ์ ในรัชกาลที่ ๒ พิมพ์ครั้งที่ ๙ พ.ศ. ๒๔๖๗ โรงพิมพ์อักษรนิติ บางขุนพรหม
 
[ขอขอบคุณ คุณ gignoi สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์ตอนศึกกะหมังกุหนิงทั้งหมดเป็นวิทยาทาน]
