เสภาเรื่à¸à¸‡à¸žà¸£à¸°à¸£à¸²à¸Šà¸žà¸‡à¸¨à¸²à¸§à¸”าร
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
												
			
		ล   | 
		ล   | 
		||
| แถว 155: | แถว 155: | ||
ไม่มีกองลำเลียงเลี้ยงทหาร   ทางกันดารสารพัดจะขัดสน  | ไม่มีกองลำเลียงเลี้ยงทหาร   ทางกันดารสารพัดจะขัดสน  | ||
ก็เลิกทัพกลับจรไม่ร้อนรน   ประมาทตนมิได้คิดจะติดตาม ฯ  | ก็เลิกทัพกลับจรไม่ร้อนรน   ประมาทตนมิได้คิดจะติดตาม ฯ  | ||
| - | + |   ๏ ฝ่ายพระราเมศวรสุริยวงศ์   ให้พักพวกจัตุรงค์กลางสนาม  | |
แล้วชุมนุมเสนาปฤกษาความ   แม้นวู่วามเล่าก็เห็นจะเปนรอง  | แล้วชุมนุมเสนาปฤกษาความ   แม้นวู่วามเล่าก็เห็นจะเปนรอง  | ||
พลเรามาห้าพันถึงกลั่นกล้า   ก็น้อยกว่าสิบเอาหนึ่งไม่ถึงสอง  | พลเรามาห้าพันถึงกลั่นกล้า   ก็น้อยกว่าสิบเอาหนึ่งไม่ถึงสอง  | ||
| แถว 161: | แถว 161: | ||
บอกขอพลคนเพิ่มเติมมาใหม่   ไม่มีไชยแล้วพากันกลับอย่านับถือ  | บอกขอพลคนเพิ่มเติมมาใหม่   ไม่มีไชยแล้วพากันกลับอย่านับถือ  | ||
ได้เรียนรู้สู้เขาเอาให้ฦๅ   แต่งหนังสือบอกพลันให้ทันที ฯ  | ได้เรียนรู้สู้เขาเอาให้ฦๅ   แต่งหนังสือบอกพลันให้ทันที ฯ  | ||
| - | + |   ๏ ครานั้นข้าเฝ้าเหล่าทหาร   กราบกรานเห็นพร้อน้อมเกษี  | |
แต่งหนังสือปิดตราไม่ราวี   ให้เสนีสิบม้ารีบคลาไคล ฯ  | แต่งหนังสือปิดตราไม่ราวี   ให้เสนีสิบม้ารีบคลาไคล ฯ  | ||
| - | + |   ๏ ครานั้นพระราเมศวรราช   ให้เคลื่อนพยุหบาตรทั้งน้อยใหญ่  | |
ประทับอยู่เขตแคว้นแดนกรุงไกร   ตั้งพระไทยท่าทัพอยุธยา ฯ  | ประทับอยู่เขตแคว้นแดนกรุงไกร   ตั้งพระไทยท่าทัพอยุธยา ฯ  | ||
| - | + |   ๏ ครานั้นเสนีปรีชาชาญ   จำทูลสารทรงยศโอรสา  | |
แรมร้อนนอนในพนาวา   ถึงกรุงศรีอยุธยาด้วยฉับพลัน  | แรมร้อนนอนในพนาวา   ถึงกรุงศรีอยุธยาด้วยฉับพลัน  | ||
ก็เข้าในนักเรศเขตรสถาน   แจ้งสารเสนีขมีขมัน  | ก็เข้าในนักเรศเขตรสถาน   แจ้งสารเสนีขมีขมัน  | ||
ถึงเวลามาเตรียมอยู่พร้อมกัน   คอยเฝ้าองค์ทรงธรรม์พระโรงไชย ฯ  | ถึงเวลามาเตรียมอยู่พร้อมกัน   คอยเฝ้าองค์ทรงธรรม์พระโรงไชย ฯ  | ||
| - | + |   ๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงเดช   เนานิเวศน์ปรางทองอันผ่องใส  | |
แสนสำราญบานาชหฤไทย   อนงค์ในเคียงคู่เข้าอยู่งาน  | แสนสำราญบานาชหฤไทย   อนงค์ในเคียงคู่เข้าอยู่งาน  | ||
บ้างหมอบเมียงเคียงคอยชม้อยม้วน   เปนนวลนวลน่าชมสมสัณฐาน  | บ้างหมอบเมียงเคียงคอยชม้อยม้วน   เปนนวลนวลน่าชมสมสัณฐาน  | ||
| แถว 177: | แถว 177: | ||
เสียงประโคมโครมครึกพิฦกก้อง   ตามทำนองขันติยราชสังสรรค์  | เสียงประโคมโครมครึกพิฦกก้อง   ตามทำนองขันติยราชสังสรรค์  | ||
ดังจักรกฤษณ์ฤทธิรงค์ทรงสุบรรณ   ผันพระภักตร์ซักถามความบุรี ฯ  | ดังจักรกฤษณ์ฤทธิรงค์ทรงสุบรรณ   ผันพระภักตร์ซักถามความบุรี ฯ  | ||
| - | + |   ๏ ครานั้นพระยามหาอำมาตย์   อภิวาททูลความไปเต็มที่  | |
ขอเดชะพระองค์ทรงธรณี   อันชีวีอยู่ใต้พระบาทา  | ขอเดชะพระองค์ทรงธรณี   อันชีวีอยู่ใต้พระบาทา  | ||
บัดนี้พระโอรสยศยง   ให้ขุนโจรจัตุรงค์แม่กองน่า  | บัดนี้พระโอรสยศยง   ให้ขุนโจรจัตุรงค์แม่กองน่า  | ||
| แถว 183: | แถว 183: | ||
พอทูลเสร็จคลี่สารอ่านถวาย   บรรยายโดยคดีขมีขมัน  | พอทูลเสร็จคลี่สารอ่านถวาย   บรรยายโดยคดีขมีขมัน  | ||
อ่านจบนบนิ้วบังคมคัล   ตรงหน้าบัลลังก์รัตน์ชัชวาลย์ ฯ  | อ่านจบนบนิ้วบังคมคัล   ตรงหน้าบัลลังก์รัตน์ชัชวาลย์ ฯ  | ||
| - | + |   ๏ ครานั้นพระองค์ดำรงวัง   ได้ทรงฟังอึ้งอั้นไม่บรรหาร  | |
คนึงนึกตรึกตราเปนช้านาน   มีโองการสิงหนาทประภาษมา  | คนึงนึกตรึกตราเปนช้านาน   มีโองการสิงหนาทประภาษมา  | ||
เอออะไรลูกเราช่างเบาจิตร   แพ้ความคิดข้าศึกนึกขายหน้า  | เอออะไรลูกเราช่างเบาจิตร   แพ้ความคิดข้าศึกนึกขายหน้า  | ||
การปรับปรุง เมื่อ 14:23, 25 กุมภาพันธ์ 2553
เนื้อหา | 
ข้อมูลเบื้องต้น
เสภาเรื่องพระราชพงศาวดาร ของสุนทรภู่
ตอนที่ ๑ เรื่องตีเมืองขอม
| ๏ กราบบังคมสมเด็จบดินทร์สูร | |||
| พระยศอย่างปางนารายณ์วายุกูล | มาเพิ่มภูลภิญโญในโลกา | ||
| ทุกประเทศเขตรขอบมานอบน้อม | สพรั่งพร้อมเปนศุขทุกภาษา | ||
| ขอเดชะพระคุณกรุณา | ด้วยเสภาถวายนิยายความ | ||
| ๏ จะกล่าวพงศาวดารกาลแต่หลัง | เมื่อแรกตั้งอยุธยาภาษาสยาม | ||
| ท้าวอู่ทองท่านอุส่าห์พยายาม | ชีพ่อพราหมร์ปโรหิตคิดพร้อมกัน | ||
| มีจดหมายลายลักษณ์ศักราช | เจ็ดร้อยสิบสองคาดเปนข้อขัน | ||
| ปีขาลโทศกตกสำคัญ | เดือนห้าวันศุกร์ขึ้นหกค่ำควร | ||
| เพลาสามนาฬิกากับเก้าบาท | ตั้งพิธีไสยสาตรพระอิศวร | ||
| ได้สังขทักษิณาวัฏมงคลควร | ใต้ต้นหมันตามกระบวนแต่บุราณ | ||
| เปนมหามงคลเลิศประเสริฐศักดิ์ | สร้างปราสาทสำนักไพฑูรย์สถาน | ||
| สำเร็จแล้วจึงให้สร้างปรางปราการ | ชื่อไพชยนต์ทิพพิมานอลงการ์ | ||
| แล้วสร้างพระที่นั่งใหญ่ไอสวรรย์ | สามปราสาทเสร็จพลันด้วยหรรษา | ||
| ท้าวอู่ทองครองเสวยสวรรยา | พระชัณษาสามสิบเจ็ดเสร็จสมปอง | ||
| ชีพ่อพราหมณ์ถวายนามตามที่ | พระรามาธิบดีไม่มีสอง | ||
| นามบุรีศรีอยุธยาครอง | ให้ถูกต้องตามนามพระรามา ฯ | ||
| ๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงศักดิ์ | จุลจักรจอมทศทิศา | ||
| บำรุงเมืองเรืองฤทธิ์อิศรา | ฝูงประชาชมชื่นทุกคืนวัน | ||
| มีเมืองขึ้นสิบหกพระบุรี | คือเมืองตะนาวศรี นครสวรรค์ | ||
| เมืองชวา มละกา พิจิตรนั้น | เมืองสวรรคโลก ศุโขทัย | ||
| เมาะลำเลิงบุรี ศรีธรรมราช | ทั้งสงขลามาภิวาทไม่ขาดได้ | ||
| พิษณุโลก กำแพงเพ็ชร เมืองพิชัย | ทวายใหญ่ เมาะตมะ จันทบูร | ||
| แสนอุดมสมพงษ์วงศ์กระษัตริย์ | เจ้าจังหวัดราเชนทร์นเรนทร์สูร | ||
| โภชนาสาลีบริบูรณ์ | ยิ่งเพิ่มพูนผาศุกทุกนิรันดร์ | ||
| ทรงรำพึงถึงองค์พระเชษฐา | ร่วมครรภาอัคเรศนรังสรรค์ | ||
| จำจะให้ไปบำรุงกรุงสุพรรณ | ด้วยท่านนั้นสิร่วมสุริวงศ์ | ||
| อนึ่งราชกุมารชาญศักดา | องค์พระราเมศวรควรประสงค์ | ||
| จำเริญไวยใหญ่ยิ่งประยูรวงศ์ | ควรดำรงเมืองลพบุรี | ||
| ดำริห์พลางทางออกพระโรงรัตน์ | ตั้งกษัตริย์ขนานนามต้องตามที่ | ||
| เฉลิมเดชเชษฐาธิบดี | ให้เปนที่พระบรมราชา ฯ | ||
| ๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงสุพรรณ | พระราเมศวรนั้นก็หรรษา | ||
| ต่างองค์ทรงคำนับรับบัญชา | แล้วลีลาไปสู่พระบูรี ฯ | ||
| ๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงเดช | มิ่งมงกุฎอยุธเยศจำเริญศรี | ||
| สถิตย์แท่นแสนสำราญดาลฤดี | ด้วยบุรีขอมคดประทษร้าย | ||
| จำจะให้ราชบุตรสุดสงสาร | ไปรอนราญไล่ริบให้ฉิบหาย | ||
| เสด็จออกพระโรงคัลพรรณราย | แล้วเผยผายสิงหนาทประภาษมา | ||
| เฮ้ย เสนีย์รีบร้อนจรโดยด่วน | บอกพระราเมศวรมาหน่อยหวา | ||
| ตำรวจรับพระโองการคลานออกมา | ลงนาวารีบไปดังใจจง | ||
| วันหนึ่งก็ถึงลพบุรี | อัญชลีทูลความตามประสงค์ | ||
| ว่าพระทรงฤทธิ์บิตุรงค์ | เชิญเสด็จเสร็จลงไปกรุงไกร ฯ | ||
| ๏ ครานั้น พระราเมศวรราช | ฟังอำมาตย์ทูลแจ้งแถลงไข | ||
| ให้จัดเรือเร็วพลันในทันใด | รีบครรไลคืนหนึ่งถึงบุรี | ||
| ประทับจอดทอดท่าน่าตำหนัก | ขึ้นเฝ้าองค์หริรักษรังษี | ||
| น้อมประนมบังคมคัลอัญชลี | สถิตย์ที่พระโรงรัตน์ชัชวาลย์ ฯ | ||
| ๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงเดช | ทอดพระเนตรแลมาตรงน่าฉาน | ||
| เห็นลูกยามาประนตบทมาลย์ | มีโองการทักทายภิปรายเปรย | ||
| นี่แน่ เจ้าเยาวยอดปิโยรส | อ้ายขอมคดดูถูกนะลูกเอ๋ย | ||
| พ่อสุดแสนแค้นใจไม่เสบย | แม้นละเลยจะกระเจิงละเลิงใจ | ||
| เจ้าแก้วตายาจิตรของปิตุเรศ | ไปเหยียบเขตรดับเข็ญให้เย็นใส | ||
| จักประหารผลาญชีวันให้บรรไลย | จะได้ฤๅฤๅมิได้ให้ว่ามา ฯ | ||
| ๏ ครานั้น พระโอรสยศยง | ศิโรราบกราบลงแล้วทูลว่า | ||
| ซึ่งข้อขอมคบคิดจิตรพาลา | จะอาสามิให้เคืองเบื้องบทมาลย์ ฯ | ||
| ๏ ครานั้น พระภูเบนทร์นิเรนทร์สูร | ได้ฟังทูลตบพระหัตถ์อยู่ฉัดฉาน | ||
| จึงเอื้อนอรรถตรัสมาไม่ช้านาน | จงจัดการรีบร้อนอย่านอนใจ | ||
| พลของเราห้าวหาญชำนาญยุทธ | เจียนจะขุดกัมพุชาก็ว่าได้ | ||
| อย่าถอยหลังรั้งรอไปพ่อไป | แม้นมีไชยพ่อจะภูลรางวัลครัน ฯ | ||
| ๏ ครานั้น พระราเมศวรราช | เคารพรับอภิวาทขมีขมัน | ||
| มาเกณฑ์พวกโยธาได้ห้าพัน | ล้วนฉกรรจ์แข็งข้อจะต่อตี | ||
| ทั้งอาจองคงทนด้วยมนต์เวท | แสนวิเศษฤทธิไกรชาญไชยศรี | ||
| ถืออาวุธครบมือล้วนฦๅดี | โพกแพรสีแสดเสียดประเจียดรัด | ||
| บ้างก็ผูกลูกสะกดตะกรุดคาด | ล้วนองอาจโล่ห์เขนก็เจนจัด | ||
| มาพร้อมพรั่งนั่งเบียดเยียดยัด | สารวัดตรวจตราพลากร ฯ | ||
| ๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงยศ | เอกโอรสชาญไชยดังไกรสร | ||
| เสด็จเข้าที่สรงอลงกรณ์ | แล้วสอดซ้อนเครื่องทรงณรงค์ครบ | ||
| ครั้นสำเร็จเสร็จสรรพจับพระแสง | โดยตำแหน่งสงครามตามขนบ | ||
| มาทูลลาบิตุรงค์ทรงพิภพ | ประนมนบคอยสดับรับโองการ ฯ | ||
| ๏ ครานั้น พระองค์ดำรงราชย์ | สถิตย์อาศน์รจนามุกดาหาร | ||
| เห็นพระปิยะบุตรสุดสำราญ | จึงมีรศพจมานประภาษมา | ||
| เจ้าดวงใจพ่อจะไปกัมพุชประเทศ | ระวังเหตุกลศึกฤกหนักหนา | ||
| จะหยุดยั้งจงระวังพระกายา | ไม่ได้ท่าแล้วอย่าหาญเข้าราญรอน | ||
| ชื่อว่าศึกแล้วอย่านึกประมาทหมิ่น | คอยประคิ่นจดจำเอาคำสอน | ||
| อย่าให้อายขายหน้าประชากร | จงถาวรสวัสดีอย่ามีไภย | ||
| รีบปรามปราบราบเตียนที่เสี้ยนหนาม | ดังองค์รามดับเข็ญให้เย็นใส | ||
| จงมีโชคไชยะชนะไภย | ให้สมในมโนรถหมดทุกอัน | ||
| ยื่นพระแสงสาตราอาญาสิทธิ์ | ใครคดคิดเข่นฆ่าให้อาสัญ | ||
| จงอุดมสมศุขทุกนิรันดร์ | ซึ่งไภยันตร์สิ่งใดอย่าใกล้กราย ฯ | ||
| ๏ ครานั้น พระโอรสยศยง | กราบลงแทบบาทพระฤาสาย | ||
| เคารพรับพรพลางแล้วย่างกราย | ผันผายมาทรงคชาธาร | ||
| ได้มหาพิชัยฤกษ์ให้เลิกทัพ | โห่รับแซ่เสียงสำเนียงขาน | ||
| ลั่นฆ้องหึ่งอึงออกนอกทวาร | เสียงสะท้านลั่นเลื่อนสเทื้อนสทึก | ||
| ทหารธงโบกธงตรงไปน่า | เสียงช้างม้าเริงร้องอยู่กองกึก | ||
| ทวยหาญขานโห่โอฬารฦก | อึกกะทึกข้ามทุ่งพ้นกรุงไกร | ||
| ประทับร้อนนอนค้างกลางอารัญ | หลายวันตั้งพลับพลาหยุดอาไศรย | ||
| เลี้ยวลัดตัดทุ่งเดินมุ่งไป | ถึงเวียงไชยกัมพูชาพอราตรี | ||
| มิทันตั้งค่ายคูอยู่สำนัก | สั่งให้พักพลทหารชายไชยศรี | ||
| ขึ้นประทับพลับพลาพนาลี | ให้โยธีล้อมรอบเปนขอบคัน ฯ | ||
| ๏ ครานั้น พระองค์ทรงนัครา | กัมพูชาธิราชรังสรรค์ | ||
| รู้เรื่องราวข่าวศึกฮึกฉกรรจ์ | มาบุกบันตั้งประชิดติดภารา | ||
| แสนพิโรธโกรธกริ้วกระทืบบาท | ดำรัสเรียกอุปราชโอรสา | ||
| กับข้าเฝ้าเจ้าพระยาและพระยา | มาปฤกษาสงครามตามทำนอง | ||
| จะผ่อนผันฉันใดไฉนเล่า | ภาราเราเกิดวุ่นจะขุ่นหมอง | ||
| จะคิดอ่านการศึกเร่งตรึกตรอง | ใครเห็นช่องฉันใดให้ว่ามา ฯ | ||
| ๏ ครานั้น เจ้าพระยาอุปราช | เคารพรับอภิวาทแล้วทูลว่า | ||
| ซึ่งทัพไทยเดินบกยกกันมา | ขออาสามิให้เคืองเบื้องบทมาลย์ | ||
| จะหักโหมโจมจับสัปรยุทธ | ให้ม้วยมุดยับแยกถึงแตกฉาน | ||
| ซึ่งทัพมาล้าเมื่อยเดินเหนื่อยนาน | ถึงสถานมิทันยั้งตั้งกระบวน | ||
| จะหักหาญรานทำค่ำวันนี้ | เห็นจะมีไชยาสักห้าส่วน | ||
| ไม่มีค่ายถ่ายเทคงเรรวน | ใคร่ครวญเห็นจะได้ดังใจปอง ฯ | ||
| ๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงกัมพูชา | ได้ฟังว่าเปรมปริ่มค่อยยิ้มย่อง | ||
| จึงเอื้อนอรรถตรัสความตามทำนอง | ดีแล้วลูกถูกต้องคลองฤไทย | ||
| แล้วผินภักตร์ถามบรรดาพวกข้าเฝ้า | ซึ่งลูกเราว่าเห็นเป็นไฉน | ||
| จะได้ช่องคล่องจิตรเหมือนคิดไว้ | ฤๅเห็นเป็นอย่างไรให้ว่ามา ฯ | ||
| ๏ ฝ่ายว่าข้าเฝ้าเหล่าพวกขอม | ต่างเห็นพร้อมเพรียงกันยิ่งหรรษา | ||
| จึงกราบทูลตามมูลกิจจา | ซึ่งตรัสมาต้องที่เห็นดีนัก | ||
| ด้วยทัพไทยไพร่นายยังไรเรี่ย | ทำลายเสียจู่โจมรีบโหมหัก | ||
| อย่าให้ตั้งค่ายมั่นขยันนัก | แม้นหน่วงหนักนิ่งไว้ไม่สู้ดี ฯ | ||
| ๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงกัมพุชประเทศ | สดับเหตุปรีดี์เปรมเกษมศรี | ||
| ทรงสำรวลสรวญร่าแล้วพาที | เหวยเสนีตรวจตราพลากร | ||
| แล้วตรัสสั่งอุปราชรชโอรส | จงคุมทศทวยหาญชาญสมร | ||
| ไปโจมทัพจับไทยไพรีรอน | จงถาวรกูลสวัสดิ์กำจัดไภย ฯ | ||
| ๏ ครานั้น พระอุปราชราชบุตร์ | เกษมสุดยินดีจะมีไหน | ||
| บังคมลามาเตรียมพลไกร | จำนวนไพร่โยธาหมื่นห้าพัน | ||
| ถึงยามสองกองทัพไม่สับสน | ดำเนินพลออกทวารปราการกั้น | ||
| ห้ามมิให้เฮฮาพูดจากัน | ถึงกองทัพฉับพลันในทันที | ||
| ให้ยิงปืนครื้นครึกเสียงกึกก้อง | โห่ร้องเลื่อนลั่นสนั่นมี่ | ||
| ดาบดั้งพรั่งพร้อมล้อมวารี | ต้อนตีทัพมาไม่รารอ ฯ | ||
| ๏ ครานั้น แม่กองสองทหาร | อลหม่านตกใจเอ๊ะใครหนอ | ||
| ฉวยดาบโดดโลดไล่ไม่ย่อท้อ | ร้องรับพ่อพวกเราเอาให้ตาย | ||
| หมู่ทหารราญรัญรับสัปรยุทธ | ปรายอาวุธหอกดาบกำซายสาย | ||
| พวกขอมแขงแทงกระทั่งพุงทลาย | ไทยตาแตกตื่นเสียงครื้นครึก | ||
| เขมรโดดโลดไล่พวกไทยล่า | มัวหลับตาเสียกระบวนเมื่อจวนดึก | ||
| ขอมกระทำซ้ำเติมโห่เหิมฮึก | อึกกะทึกรบรับจนทัพไชย ฯ | ||
| ๏ ครานั้น พระราเมศวรราช | ทรงไสยาศน์ในพลับพลาที่อาไศรย | ||
| เสียงครั่นครื้นตื่นพลันในทันใด | ตกพระไทยผลันผลุนหมุนออกมา | ||
| เห็นพลเมืองเนืองหนุนขนาบไร่ | กองทัพไทยย่อหย่อนอ่อนหนักหนา | ||
| แสนพิโรธโดดกลับเข้าพลับพลา | ทรงสาตราวิ่งวางออกกลางทัพ | ||
| ขับพหลพลไกรไล่ตระหลบ | ใครไม่รบหลกเลี่ยงจะเสียงสับ | ||
| ทหารกลัวตัวตายเข้ารายรับ | ทั้งสองทัพแขงขันประจัญบาน | ||
| ต่างกำแหงแรงเริงในเชิงยุทธ | ฤทธิรุทฟันฟาดกันฉาดฉาน | ||
| พวกขอมอ่อนหย่อนยืนไม่ทนทาน | ไทยทหารฮึกโห่เปนโกลา ฯ | ||
| ๏ ครานั้น มหาอุปราช | กริ้วตวาดพลนิกายทั้งซ้ายขวา | ||
| ต้อนกระตุ้นหนุนซ้ำกระหน่ำมา | พวกโยธาร้อนตัวกลัวความตาย | ||
| ฟันแทงแย้งยุทธอาวุธสั้น | แขงขันต่อตีไม่หนีหาย | ||
| ทั้งสองข้างต่างระทมบ้างล้มตาย | ไพร่นายกลิ้งกลาดอนาถใจ ฯ | ||
| ๏ ครานั้น พระราเมศวรราช | องอาจมิได้พรั่นประหวั่นไหว | ||
| ทรงม้าร่ารับด้วยฉับไว | ต้อนไพรพลทหารเข้าราญรบ | ||
| ทั้งสองข้างต่างแขงกำแหงฮึก | อึกกะทึกกรูเกรียวเลี้ยวตระหลบ | ||
| ข้างทัพไทยไพร่น้อยต้องถอยทบ | พวกขอมรบบุกบันประจัญบาน | ||
| จนเพลาฟ้าขาวเช้าตรู่ตรู่ | ยังเกรียวกรูฮึกโห่ด้วยโมหานธ์ | ||
| ไพร่ยิ่งตายนายต้อนเข้ารอนราญ | อลหม่านจนสว่างขึ้นรางรอง ฯ | ||
| ๏ ฝ่ายว่าพระราเมศวรราช | องอจมิได้หลบสยบสยอง | ||
| แต่ห็นพลน้อยกว่าท่าเปนรอง | จำจะต้องผ่อนพักไว้สักที | ||
| ดำริห์พลางทางให้โบกธงทัพ | รอรับรบไปแต่ไม่หนี | ||
| เขมรโห่โกลาตามราวี | พวกไทยตีถอยทนร่นมาพราง ฯ | ||
| ๏ ครานั้น อุปราชราชบุตร | เห็นสิ้นสุดแดนเมืองเครื่องขัดขวาง | ||
| จะติดตามข้ามเขตรประเทศทาง | ก็เหินห่างเวียงชัยไม่ชอบกล | ||
| ไม่มีกองลำเลียงเลี้ยงทหาร | ทางกันดารสารพัดจะขัดสน | ||
| ก็เลิกทัพกลับจรไม่ร้อนรน | ประมาทตนมิได้คิดจะติดตาม ฯ | ||
| ๏ ฝ่ายพระราเมศวรสุริยวงศ์ | ให้พักพวกจัตุรงค์กลางสนาม | ||
| แล้วชุมนุมเสนาปฤกษาความ | แม้นวู่วามเล่าก็เห็นจะเปนรอง | ||
| พลเรามาห้าพันถึงกลั่นกล้า | ก็น้อยกว่าสิบเอาหนึ่งไม่ถึงสอง | ||
| จึรอราล่าให้ใจคนอง | คงจะต้องแก้เผ็ดไม่เข็ดมือ | ||
| บอกขอพลคนเพิ่มเติมมาใหม่ | ไม่มีไชยแล้วพากันกลับอย่านับถือ | ||
| ได้เรียนรู้สู้เขาเอาให้ฦๅ | แต่งหนังสือบอกพลันให้ทันที ฯ | ||
| ๏ ครานั้นข้าเฝ้าเหล่าทหาร | กราบกรานเห็นพร้อน้อมเกษี | ||
| แต่งหนังสือปิดตราไม่ราวี | ให้เสนีสิบม้ารีบคลาไคล ฯ | ||
| ๏ ครานั้นพระราเมศวรราช | ให้เคลื่อนพยุหบาตรทั้งน้อยใหญ่ | ||
| ประทับอยู่เขตแคว้นแดนกรุงไกร | ตั้งพระไทยท่าทัพอยุธยา ฯ | ||
| ๏ ครานั้นเสนีปรีชาชาญ | จำทูลสารทรงยศโอรสา | ||
| แรมร้อนนอนในพนาวา | ถึงกรุงศรีอยุธยาด้วยฉับพลัน | ||
| ก็เข้าในนักเรศเขตรสถาน | แจ้งสารเสนีขมีขมัน | ||
| ถึงเวลามาเตรียมอยู่พร้อมกัน | คอยเฝ้าองค์ทรงธรรม์พระโรงไชย ฯ | ||
| ๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงเดช | เนานิเวศน์ปรางทองอันผ่องใส | ||
| แสนสำราญบานาชหฤไทย | อนงค์ในเคียงคู่เข้าอยู่งาน | ||
| บ้างหมอบเมียงเคียงคอยชม้อยม้วน | เปนนวลนวลน่าชมสมสัณฐาน | ||
| บ้างกล่อมขับรับเพลงบรเลงลาน | พระสำราญรื่นเริงบรรเทิงใจ | ||
| พอสายแสงสุริยาภนุมาศ | ยุรยาตรออกพระโรงวินิจฉัย | ||
| สถิตย์แท่นเนาวรัตน์ใต้ฉัตรไชย | เสนาในหมอบเฝ้าเปนเหล่ากัน | ||
| เสียงประโคมโครมครึกพิฦกก้อง | ตามทำนองขันติยราชสังสรรค์ | ||
| ดังจักรกฤษณ์ฤทธิรงค์ทรงสุบรรณ | ผันพระภักตร์ซักถามความบุรี ฯ | ||
| ๏ ครานั้นพระยามหาอำมาตย์ | อภิวาททูลความไปเต็มที่ | ||
| ขอเดชะพระองค์ทรงธรณี | อันชีวีอยู่ใต้พระบาทา | ||
| บัดนี้พระโอรสยศยง | ให้ขุนโจรจัตุรงค์แม่กองน่า | ||
| กับหลวงศักดิเสนีศรีเสนา | นำสารมาเคารพอภิวันท์ | ||
| พอทูลเสร็จคลี่สารอ่านถวาย | บรรยายโดยคดีขมีขมัน | ||
| อ่านจบนบนิ้วบังคมคัล | ตรงหน้าบัลลังก์รัตน์ชัชวาลย์ ฯ | ||
| ๏ ครานั้นพระองค์ดำรงวัง | ได้ทรงฟังอึ้งอั้นไม่บรรหาร | ||
| คนึงนึกตรึกตราเปนช้านาน | มีโองการสิงหนาทประภาษมา | ||
| เอออะไรลูกเราช่างเบาจิตร | แพ้ความคิดข้าศึกนึกขายหน้า | ||
| ทำให้เสียท่วงทีในปรีชา | ดีแต่กล้าดื้อดื้อถือทนง | ||
| จนเสียพระศรีสวัสดิ์น่าขัดแค้น | เข้าเขตแดนอรินไยมาใหลหลง | ||
| ไม่ระวังเนื้อตัวมัวทนง | อ้ายขอมคงเหิมฮึกนึกดูเบา | ||
| ครั้นจะนิ่งทิ้งไว้ให้กำเริบ | จะโตเติบใหญ่เยี่ยมแทบเทียมเขา | ||
| เขม้นหมายหยิ่งเย่อลเมอเมา | โอรสเราหมิ่นประมาทถึงพลาดพลั้ง | ||
| จำจะให้พระบรมราชา | ยกโยธาตามไปดังใจหวัง | ||
| ทำลายล้างภาราเข้าผ่าพัง | คงได้ดังมโนรถหมดโพยไภย | ||
| เหวยมหามนตรีขมีขมัน | ไปสุพรรณภาราอย่าช้าได้ | ||
| เชิญเสด็จเชษฐามาไวไว | จึงรีบไปเร็วหวาอย่าช้าที ฯ | ||
ตอนที่ ๒ เรื่องศึกหงสาวดี
| ๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงศักดิ์ | มหาจักรพรรดิราชานาถนาถ | ||
| เฉลิมวงศ์มงกุฎอยุธยา | บำรุงราษฎร์สาสนาให้ถาวร | ||
| พระปกเกล้าชาวบุรีเปนที่ชื่น | สำราษรื่นร่มโพธิ์สโมสร | ||
| มีคชาพาหนะนรินทร | ห้ากุญชรเผือกผู้คู่บารมี | ||
| กับเผือกพังทั้งสองล้วนผ่องแผ้ว | ชาติช้างแก้วเกิดสำหรับกับกรุงศรี | ||
| เปนเจ็ดช้างต่างนามล้วนงามดี | อยู่โรงที่ริมปราสาทในราชวัง | ||
| ตั้งพานทองรองหญ้าผลาผล | ผ้ารดกัมพลนั้นปกหลัง | ||
| พเนกฟูกผูกม่านเพดานบัง | หมอควานทั้งพราหมณ์กล่อมอยู่พร้อมเพรียง | ||
| บ่ายสามโมงลงน้ำนำกลองชนะ | ปิ๋งเปิงปะเปิงครื่มกระหึ่มเสียง | ||
| เครื่องสูงสำหรับช้างสองข้างเคียง | พร้อมเพรียงเพราะพระบารมี | ||
| อุดมทั้งโภไคยไอสูรย์ | เพิ่มภูลภิญโญดังโกสีย์ | ||
| ทั้งเหนือใต้ไพร่ฟ้าประชาชี | ล้วนมั่งคั่งมั่งมีต่างปรีดา | ||
| อาณาจักรนัคเรศประเทศราช | พึ่งพระบาทบุญฤทธิ์ทุกทิศา | ||
| ทุกถิ่นฐานบ้านเมืองเลื่องฦๅชา | พระเจ้าช้างเผือกมหาจักรพรรดิ | ||
| ฝ่ายเสนาข้าเฝ้าเหล่าทหาร | ต่างเริงร่านการศึกพร้อมฝึกหัด | ||
| ยิงปืนทั้งช้างม้าฝึกสารพัด | สนามน่าจักรวรรดิหัดทุกวัน ฯ | ||
| ๏ จะกลับกล่าวถึงพระเจ้าเมืองหงษา | เปนปิ่นรามัญประเทศทุกเขตรขัณฑ์ | ||
| พม่าทวายฝ่ายลาวเมื่อคราวนั้น | อภิวันท์หงษาพึ่งบารมี | ||
| เธอทราบเรื่องเมืองไทยที่ใหญ่กว้าง | มีเจ็ดช้างเผือกอยู่บุรีศรี | ||
| คิดจะใคร่ได้มาไว้ธานี | ให้มนตรีคิดอ่านแต่งสารตรา ฯ | ||
| ๏ ครั้นเสร็จสรรพพับผนิดปิดตราแล้ว | ใส่กล่องแก้วมรกฎตามยศถา | ||
| ให้สมิงโยคราชมาตยา | คุมไพร่ห้าสิบตรงเข้าดงตาล | ||
| ยี่สิบวันดั้นเดินตามแผนที่ | ถึงเจดีย์สามองค์ลงทางบ้านด่าน | ||
| พบขุนพลพามาในป่าลาน | เข้าแจ้งเรื่องเมืองกาญจนบุรี ฯ | ||
| ๏ ฝ่ายผู้รั้งปลัดยกรบัตรแจ้ง | ให้ขุนแพ่งรีบพามากรุงศรี | ||
| นำเข้าหาเจ้าพระยาจักรี | พร้อมอยู่ที่ศาลาว่าราชการ | ||
| ให้มอญล่ามถามซักตระหนักแน่ | อ่านเขียนเปลี่ยนแปลพระราชสาร | ||
| เปนคำไทยได้ระเบียบแล้วเทียบทาน | พนักงานนำเข้าคอยเฝ้าพลัน ฯ | ||
| ๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงเดช | ปิ่นปักนัคเรศรังสรรค์ | ||
| สถิตย์แท่นแม้นมหาเวชายันต์ | เสมอชั้นบัณฑุกัมพล์อัมรินทร์ | ||
| สาวสุรางค์นางบำเรอเสนอบาท | บำรุงราชรู้เชิงบรรเทิงถวิล | ||
| บ้างร้องรับขับขานประสานพิณ | บำเรอปิ่นปัถพีให้ปรีดา | ||
| ครั้นสายแสงสุริกาญจน์พระผ่านเกล้า | เสด็จเข้าที่สรงทรงภูษา | ||
| ประดับเครื่องเรืององค์อลงการ์ | ออกข้างน่าพนักงานไขม่านทอง | ||
| เสด็จเหนือพระที่นั่งบัลลังก์อาศน์ | พร้อมมหาดเล็กฟังรับสั่งสนอง | ||
| ประโคมดังสังข์แตรเสียงแซ่ซ้อง | มโหรทึกกึกก้องท้องพระโรง | ||
| ฝ่ายข้าเฝ้าเหล่าขุนนางต่างตำแหน่ง | ก็ตกแต่งกายาล้วนอ่าโถง | ||
| นุ่งสมปักชักกลีบจับจีบโจง | เข้าพระโรงบังคมก้มกราบกราน ฯ | ||
| ๏ เจ้าพระยาจักรีศรีสมุหะ | ขอเดชะทูลความตามราชสาร | ||
| เบิกทูตรเข้าเฝ้าประนตบทมาลย์ | อาลักษณ์พนักงานอ่านสารตรา ฯ | ||
| ๏ ในลักษณพระราชสารสวัสดิ์ | จอมกระษัตริย์ซึ่งดำรงเมืองหงษา | ||
| ทรงพระยศทศธรรม์กรุณา | ให้เย็นใจไพร่ฟ้าประชาชี | ||
| มีเมืองน้อยร้อยเอ็ดเปนเขตรขอบ | มานบนอบน้อมประนตบทศรี | ||
| กับกรุงเพทวาราวดี | เปนทางราชไมตรีได้มีมา | ||
| ทราบว่าองค์ทรงยศมีคชเรศ | ล้วนเผือกผู้คู่พระเดชพระเชษฐา | ||
| เสมอบุญจุลจักรทรงศักดา | จนฦๅชาปรากฎบทมาลย์ | ||
| เมืองหงษาวดีที่ใหญ่กว้าง | ไม่มีช้างเผือกผู้คู่ถิ่นฐาน | ||
| ขอพระองค์ทรงมหาปรีชาชาญ | โปรดประทานให้น้องสักสองช้าง | ||
| จะฦๅนามงามภักตร์สูงศักดิ์แสง | สมประเทศเขตรแขวงที่กว้างขวาง | ||
| ให้ร่วมแดนแผ่นดินร่วมถิ่นทาง | ขอพระองค์จงสร้างทางไมตรี | ||
| แม้นทรงศักดิ์รักข้างช้างเผือกผู้ | ไม่ช่วยชูภักตร์น้องจะหมองศรี | ||
| กรุงอยุธยากับหงษาวดี | จะขาดราชไมตรีซึ่งมีมา ฯ | ||
| ๏ พอจบสารกรานกราบพระทราบเรื่อง | ให้ขุ่นเคืองในพระไทยแต่ไม่ว่า | ||
| ให้จ่ายเสบียงเลี้ยงดูพวกทูตา | แล้วตรองตรึกปฤกษาเสนาใน | ||
| ซึ่งหงษามาขอช้างเผือกผู้ | จงคิดดูใครจะเห็นเปนไฉน | ||
| จะแขงอ่อนผ่อนผันทำฉันใด | เร่งตรึกไตรใคร่ครวญให้ควรการ ฯ | ||
| ๏ ฝ่ายเสนาข้ารองลอองบาท | อยู่พร้อมพรั่งทั้งมหาดไทยทหาร | ||
| ต่งปฤกษาว่าแต่ก่อนเคยรอนราญ | กับผู้ผ่านหงษาเจ้ารามัญ | ||
| จับลูกเธอทั้งสองพี่น้องได้ | ก็คุมไว้ไม่ฆ่าให้อาสัญ | ||
| เมื่อโปรดให้ไปขอพระหน่อนั้น | เจ้ารามัญคืนให้เปนไมตรี | ||
| เดี๋ยวนี้เล่าเขาขอคชสาร | ควรประทานหงษาเปนราษี | ||
| แม้นไม่ให้เห็นจะมารบราวี | ในธานีก็คงเกิดสงคราม ฯ | ||
| ๏ ฝ่ายพระราเมศวรพระยาจักรี | พระสุนทรอยู่ที่เฝ้าทั้งสาม | ||
| ต่างปฤกษาว่จะให้เห็นไม่งาม | จะลวนลามล่วงประมาทบาทยุคล | ||
| จึงทูลว่าข้าพเจ้าทั้งสามนี้ | เห็นไม่สมควรที่ให้ช้างต้น | ||
| ที่ไมตรีมีแต่ก่อนได้ผ่อนปรน | ให้ช้างดีศรีมงคลทวีปไป | ||
| ถึงสองช้างข้างมอญพม่านั้น | จะขี่ขับสับฟันไม่หวั่นไหว | ||
| จึงคืนให้ไว้กับเราก็เอาไว้ | เราได้ให้ได้มีไมตรีกัน | ||
| ช้างเผือกผู้คู่บุญทูลกระหม่อม | มิควรยอมให้ไปจากไอสวรรย์ | ||
| เหมือกลัวดีฝีมือพวกรามัญ | จะเสียชั้นเชิงมอญเพราะอ่อนตาม | ||
| แม้นหงษามาตีบุรีเรา | ข้าพเจ้าพร้อมพรั่งกันทั้งสาม | ||
| ขออาสาพระองค์ออกสงคราม | มิให้ลามล่วงมาถึงธานี ฯ | ||
| ๏ ฝ่ายพระเจ้าแผ่นดินปิ่นพิภพ | หมายจะรบรับศึกไม่นึกหนี | ||
| จึงตรัสสั่งทั้งสามว่าตามที | ให้เสนีที่ชำนาญแต่สารตรา | ||
| เปนความตอบมอบสมิงโยคราช | บังคมลาฝ่าพระบาทนาถนาถา | ||
| กับไพร่ห้าสิบถ้วนด่วนเดินมา | ถึงหงษาเข้าฝ้าเจ้าธานี | ||
| กราบทูลความตามราชสารตอบ | แล้วนอบน้อมประนตบทศรี | ||
| ฝ่ายเสนารามัญอัญชลี | แล้วก็คลี่ราชสารออกอ่านพลัน ฯ ... 11 | ||
เชิงอรรถ
อ้างอิง
หนังสือเรื่อง สามวัง โดย ประยุทธ สิทธิพันธ์ ไม่ระบุปีทีพิมพ์
