เสภาเรื่องพระราชพงศาวดาร

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
แถว 157: แถว 157:
ไม่มีกองลำเลียงเลี้ยงทหาร  ทางกันดารสารพัดจะขัดสน
ไม่มีกองลำเลียงเลี้ยงทหาร  ทางกันดารสารพัดจะขัดสน
ก็เลิกทัพกลับจรไม่ร้อนรน  ประมาทตนมิได้คิดจะติดตาม ฯ
ก็เลิกทัพกลับจรไม่ร้อนรน  ประมาทตนมิได้คิดจะติดตาม ฯ
 +
  ๏ ฝ่ายพระราเมศวรสุริยวงศ์  ให้พักพวกจัตุรงค์กลางสนาม
 +
แล้วชุมนุมเสนาปฤกษาความ  แม้นวู่วามเล่าก็เห็นจะเปนรอง
 +
พลเรามาห้าพันถึงกลั่นกล้า  ก็น้อยกว่าสิบเอาหนึ่งไม่ถึงสอง
 +
จึรอราล่าให้ใจคนอง  คงจะต้องแก้เผ็ดไม่เข็ดมือ
 +
บอกขอพลคนเพิ่มเติมมาใหม่  ไม่มีไชยแล้วพากันกลับอย่านับถือ
 +
ได้เรียนรู้สู้เขาเอาให้ฦๅ  แต่งหนังสือบอกพลันให้ทันที ฯ
 +
  ๏ ครานั้นข้าเฝ้าเหล่าทหาร  กราบกรานเห็นพร้อน้อมเกษี
 +
แต่งหนังสือปิดตราไม่ราวี  ให้เสนีสิบม้ารีบคลาไคล ฯ
 +
  ๏ ครานั้นพระราเมศวรราช  ให้เคลื่อนพยุหบาตรทั้งน้อยใหญ่
 +
ประทับอยู่เขตแคว้นแดนกรุงไกร  ตั้งพระไทยท่าทัพอยุธยา ฯ
 +
  ๏ ครานั้นเสนีปรีชาชาญ  จำทูลสารทรงยศโอรสา
 +
แรมร้อนนอนในพนาวา  ถึงกรุงศรีอยุธยาด้วยฉับพลัน
 +
ก็เข้าในนักเรศเขตรสถาน  แจ้งสารเสนีขมีขมัน
 +
ถึงเวลามาเตรียมอยู่พร้อมกัน  คอยเฝ้าองค์ทรงธรรม์พระโรงไชย ฯ
 +
  ๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงเดช  เนานิเวศน์ปรางทองอันผ่องใส
 +
แสนสำราญบานาชหฤไทย  อนงค์ในเคียงคู่เข้าอยู่งาน
 +
บ้างหมอบเมียงเคียงคอยชม้อยม้วน  เปนนวลนวลน่าชมสมสัณฐาน
 +
บ้างกล่อมขับรับเพลงบรเลงลาน  พระสำราญรื่นเริงบรรเทิงใจ
 +
พอสายแสงสุริยาภนุมาศ  ยุรยาตรออกพระโรงวินิจฉัย
 +
สถิตย์แท่นเนาวรัตน์ใต้ฉัตรไชย  เสนาในหมอบเฝ้าเปนเหล่ากัน
 +
เสียงประโคมโครมครึกพิฦกก้อง  ตามทำนองขันติยราชสังสรรค์
 +
ดังจักรกฤษณ์ฤทธิรงค์ทรงสุบรรณ  ผันพระภักตร์ซักถามความบุรี ฯ
 +
  ๏ ครานั้นพระยามหาอำมาตย์  อภิวาททูลความไปเต็มที่
 +
ขอเดชะพระองค์ทรงธรณี  อันชีวีอยู่ใต้พระบาทา
 +
บัดนี้พระโอรสยศยง  ให้ขุนโจรจัตุรงค์แม่กองน่า
 +
กับหลวงศักดิเสนีศรีเสนา  นำสารมาเคารพอภิวันท์
 +
พอทูลเสร็จคลี่สารอ่านถวาย  บรรยายโดยคดีขมีขมัน
 +
อ่านจบนบนิ้วบังคมคัล  ตรงหน้าบัลลังก์รัตน์ชัชวาลย์ ฯ
 +
  ๏ ครานั้นพระองค์ดำรงวัง  ได้ทรงฟังอึ้งอั้นไม่บรรหาร
 +
คนึงนึกตรึกตราเปนช้านาน  มีโองการสิงหนาทประภาษมา
 +
เอออะไรลูกเราช่างเบาจิตร  แพ้ความคิดข้าศึกนึกขายหน้า
 +
ทำให้เสียท่วงทีในปรีชา  ดีแต่กล้าดื้อดื้อถือทนง
 +
จนเสียพระศรีสวัสดิ์น่าขัดแค้น  เข้าเขตแดนอรินไยมาใหลหลง
 +
ไม่ระวังเนื้อตัวมัวทนง  อ้ายขอมคงเหิมฮึกนึกดูเบา
 +
ครั้นจะนิ่งทิ้งไว้ให้กำเริบ  จะโตเติบใหญ่เยี่ยมแทบเทียมเขา
 +
เขม้นหมายหยิ่งเย่อลเมอเมา  โอรสเราหมิ่นประมาทถึงพลาดพลั้ง
 +
จำจะให้พระบรมราชา  ยกโยธาตามไปดังใจหวัง
 +
ทำลายล้างภาราเข้าผ่าพัง  คงได้ดังมโนรถหมดโพยไภย
 +
เหวยมหามนตรีขมีขมัน  ไปสุพรรณภาราอย่าช้าได้
 +
เชิญเสด็จเชษฐามาไวไว  จึงรีบไปเร็วหวาอย่าช้าที ฯ
 +

การปรับปรุง เมื่อ 14:19, 25 กุมภาพันธ์ 2553

แม่แบบ:โครง

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

เสภาเรื่องพระราชพงศาวดาร ของสุนทรภู่

ตอนที่ ๑ เรื่องตีเมืองขอม

      ๏ กราบบังคมสมเด็จบดินทร์สูร
พระยศอย่างปางนารายณ์วายุกูลมาเพิ่มภูลภิญโญในโลกา
ทุกประเทศเขตรขอบมานอบน้อมสพรั่งพร้อมเปนศุขทุกภาษา
ขอเดชะพระคุณกรุณาด้วยเสภาถวายนิยายความ
      ๏ จะกล่าวพงศาวดารกาลแต่หลังเมื่อแรกตั้งอยุธยาภาษาสยาม
ท้าวอู่ทองท่านอุส่าห์พยายามชีพ่อพราหมร์ปโรหิตคิดพร้อมกัน
มีจดหมายลายลักษณ์ศักราชเจ็ดร้อยสิบสองคาดเปนข้อขัน
ปีขาลโทศกตกสำคัญเดือนห้าวันศุกร์ขึ้นหกค่ำควร
เพลาสามนาฬิกากับเก้าบาทตั้งพิธีไสยสาตรพระอิศวร
ได้สังขทักษิณาวัฏมงคลควรใต้ต้นหมันตามกระบวนแต่บุราณ
เปนมหามงคลเลิศประเสริฐศักดิ์สร้างปราสาทสำนักไพฑูรย์สถาน
สำเร็จแล้วจึงให้สร้างปรางปราการชื่อไพชยนต์ทิพพิมานอลงการ์
แล้วสร้างพระที่นั่งใหญ่ไอสวรรย์สามปราสาทเสร็จพลันด้วยหรรษา
ท้าวอู่ทองครองเสวยสวรรยาพระชัณษาสามสิบเจ็ดเสร็จสมปอง
ชีพ่อพราหมณ์ถวายนามตามที่พระรามาธิบดีไม่มีสอง
นามบุรีศรีอยุธยาครองให้ถูกต้องตามนามพระรามา ฯ
      ๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงศักดิ์จุลจักรจอมทศทิศา
บำรุงเมืองเรืองฤทธิ์อิศราฝูงประชาชมชื่นทุกคืนวัน
มีเมืองขึ้นสิบหกพระบุรีคือเมืองตะนาวศรี นครสวรรค์
เมืองชวา มละกา พิจิตรนั้นเมืองสวรรคโลก ศุโขทัย
เมาะลำเลิงบุรี ศรีธรรมราชทั้งสงขลามาภิวาทไม่ขาดได้
พิษณุโลก กำแพงเพ็ชร เมืองพิชัยทวายใหญ่ เมาะตมะ จันทบูร
แสนอุดมสมพงษ์วงศ์กระษัตริย์เจ้าจังหวัดราเชนทร์นเรนทร์สูร
โภชนาสาลีบริบูรณ์ยิ่งเพิ่มพูนผาศุกทุกนิรันดร์
ทรงรำพึงถึงองค์พระเชษฐาร่วมครรภาอัคเรศนรังสรรค์
จำจะให้ไปบำรุงกรุงสุพรรณด้วยท่านนั้นสิร่วมสุริวงศ์
อนึ่งราชกุมารชาญศักดาองค์พระราเมศวรควรประสงค์
จำเริญไวยใหญ่ยิ่งประยูรวงศ์ควรดำรงเมืองลพบุรี
ดำริห์พลางทางออกพระโรงรัตน์ตั้งกษัตริย์ขนานนามต้องตามที่
เฉลิมเดชเชษฐาธิบดีให้เปนที่พระบรมราชา ฯ
      ๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงสุพรรณพระราเมศวรนั้นก็หรรษา
ต่างองค์ทรงคำนับรับบัญชาแล้วลีลาไปสู่พระบูรี ฯ
      ๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงเดชมิ่งมงกุฎอยุธเยศจำเริญศรี
สถิตย์แท่นแสนสำราญดาลฤดีด้วยบุรีขอมคดประทษร้าย
จำจะให้ราชบุตรสุดสงสารไปรอนราญไล่ริบให้ฉิบหาย
เสด็จออกพระโรงคัลพรรณรายแล้วเผยผายสิงหนาทประภาษมา
เฮ้ย เสนีย์รีบร้อนจรโดยด่วนบอกพระราเมศวรมาหน่อยหวา
ตำรวจรับพระโองการคลานออกมาลงนาวารีบไปดังใจจง
วันหนึ่งก็ถึงลพบุรีอัญชลีทูลความตามประสงค์
ว่าพระทรงฤทธิ์บิตุรงค์เชิญเสด็จเสร็จลงไปกรุงไกร ฯ
      ๏ ครานั้น พระราเมศวรราชฟังอำมาตย์ทูลแจ้งแถลงไข
ให้จัดเรือเร็วพลันในทันใดรีบครรไลคืนหนึ่งถึงบุรี
ประทับจอดทอดท่าน่าตำหนักขึ้นเฝ้าองค์หริรักษรังษี
น้อมประนมบังคมคัลอัญชลีสถิตย์ที่พระโรงรัตน์ชัชวาลย์ ฯ
      ๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงเดชทอดพระเนตรแลมาตรงน่าฉาน
เห็นลูกยามาประนตบทมาลย์มีโองการทักทายภิปรายเปรย
นี่แน่ เจ้าเยาวยอดปิโยรสอ้ายขอมคดดูถูกนะลูกเอ๋ย
พ่อสุดแสนแค้นใจไม่เสบยแม้นละเลยจะกระเจิงละเลิงใจ
เจ้าแก้วตายาจิตรของปิตุเรศไปเหยียบเขตรดับเข็ญให้เย็นใส
จักประหารผลาญชีวันให้บรรไลยจะได้ฤๅฤๅมิได้ให้ว่ามา ฯ
      ๏ ครานั้น พระโอรสยศยงศิโรราบกราบลงแล้วทูลว่า
ซึ่งข้อขอมคบคิดจิตรพาลาจะอาสามิให้เคืองเบื้องบทมาลย์ ฯ
      ๏ ครานั้น พระภูเบนทร์นิเรนทร์สูรได้ฟังทูลตบพระหัตถ์อยู่ฉัดฉาน
จึงเอื้อนอรรถตรัสมาไม่ช้านานจงจัดการรีบร้อนอย่านอนใจ
พลของเราห้าวหาญชำนาญยุทธเจียนจะขุดกัมพุชาก็ว่าได้
อย่าถอยหลังรั้งรอไปพ่อไปแม้นมีไชยพ่อจะภูลรางวัลครัน ฯ
      ๏ ครานั้น พระราเมศวรราชเคารพรับอภิวาทขมีขมัน
มาเกณฑ์พวกโยธาได้ห้าพันล้วนฉกรรจ์แข็งข้อจะต่อตี
ทั้งอาจองคงทนด้วยมนต์เวทแสนวิเศษฤทธิไกรชาญไชยศรี
ถืออาวุธครบมือล้วนฦๅดีโพกแพรสีแสดเสียดประเจียดรัด
บ้างก็ผูกลูกสะกดตะกรุดคาดล้วนองอาจโล่ห์เขนก็เจนจัด
มาพร้อมพรั่งนั่งเบียดเยียดยัดสารวัดตรวจตราพลากร ฯ
      ๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงยศเอกโอรสชาญไชยดังไกรสร
เสด็จเข้าที่สรงอลงกรณ์แล้วสอดซ้อนเครื่องทรงณรงค์ครบ
ครั้นสำเร็จเสร็จสรรพจับพระแสงโดยตำแหน่งสงครามตามขนบ
มาทูลลาบิตุรงค์ทรงพิภพประนมนบคอยสดับรับโองการ ฯ
      ๏ ครานั้น พระองค์ดำรงราชย์สถิตย์อาศน์รจนามุกดาหาร
เห็นพระปิยะบุตรสุดสำราญจึงมีรศพจมานประภาษมา
เจ้าดวงใจพ่อจะไปกัมพุชประเทศระวังเหตุกลศึกฤกหนักหนา
จะหยุดยั้งจงระวังพระกายาไม่ได้ท่าแล้วอย่าหาญเข้าราญรอน
ชื่อว่าศึกแล้วอย่านึกประมาทหมิ่นคอยประคิ่นจดจำเอาคำสอน
อย่าให้อายขายหน้าประชากรจงถาวรสวัสดีอย่ามีไภย
รีบปรามปราบราบเตียนที่เสี้ยนหนามดังองค์รามดับเข็ญให้เย็นใส
จงมีโชคไชยะชนะไภยให้สมในมโนรถหมดทุกอัน
ยื่นพระแสงสาตราอาญาสิทธิ์ใครคดคิดเข่นฆ่าให้อาสัญ
จงอุดมสมศุขทุกนิรันดร์ซึ่งไภยันตร์สิ่งใดอย่าใกล้กราย ฯ
      ๏ ครานั้น พระโอรสยศยงกราบลงแทบบาทพระฤาสาย
เคารพรับพรพลางแล้วย่างกรายผันผายมาทรงคชาธาร
ได้มหาพิชัยฤกษ์ให้เลิกทัพโห่รับแซ่เสียงสำเนียงขาน
ลั่นฆ้องหึ่งอึงออกนอกทวารเสียงสะท้านลั่นเลื่อนสเทื้อนสทึก
ทหารธงโบกธงตรงไปน่าเสียงช้างม้าเริงร้องอยู่กองกึก
ทวยหาญขานโห่โอฬารฦกอึกกะทึกข้ามทุ่งพ้นกรุงไกร
ประทับร้อนนอนค้างกลางอารัญหลายวันตั้งพลับพลาหยุดอาไศรย
เลี้ยวลัดตัดทุ่งเดินมุ่งไปถึงเวียงไชยกัมพูชาพอราตรี
มิทันตั้งค่ายคูอยู่สำนักสั่งให้พักพลทหารชายไชยศรี
ขึ้นประทับพลับพลาพนาลีให้โยธีล้อมรอบเปนขอบคัน ฯ
      ๏ ครานั้น พระองค์ทรงนัครากัมพูชาธิราชรังสรรค์
รู้เรื่องราวข่าวศึกฮึกฉกรรจ์มาบุกบันตั้งประชิดติดภารา
แสนพิโรธโกรธกริ้วกระทืบบาทดำรัสเรียกอุปราชโอรสา
กับข้าเฝ้าเจ้าพระยาและพระยามาปฤกษาสงครามตามทำนอง
จะผ่อนผันฉันใดไฉนเล่าภาราเราเกิดวุ่นจะขุ่นหมอง
จะคิดอ่านการศึกเร่งตรึกตรองใครเห็นช่องฉันใดให้ว่ามา ฯ
      ๏ ครานั้น เจ้าพระยาอุปราชเคารพรับอภิวาทแล้วทูลว่า
ซึ่งทัพไทยเดินบกยกกันมาขออาสามิให้เคืองเบื้องบทมาลย์
จะหักโหมโจมจับสัปรยุทธให้ม้วยมุดยับแยกถึงแตกฉาน
ซึ่งทัพมาล้าเมื่อยเดินเหนื่อยนานถึงสถานมิทันยั้งตั้งกระบวน
จะหักหาญรานทำค่ำวันนี้เห็นจะมีไชยาสักห้าส่วน
ไม่มีค่ายถ่ายเทคงเรรวนใคร่ครวญเห็นจะได้ดังใจปอง ฯ
      ๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงกัมพูชาได้ฟังว่าเปรมปริ่มค่อยยิ้มย่อง
จึงเอื้อนอรรถตรัสความตามทำนองดีแล้วลูกถูกต้องคลองฤไทย
แล้วผินภักตร์ถามบรรดาพวกข้าเฝ้าซึ่งลูกเราว่าเห็นเป็นไฉน
จะได้ช่องคล่องจิตรเหมือนคิดไว้ฤๅเห็นเป็นอย่างไรให้ว่ามา ฯ
๏ ฝ่ายว่าข้าเฝ้าเหล่าพวกขอมต่างเห็นพร้อมเพรียงกันยิ่งหรรษา
จึงกราบทูลตามมูลกิจจาซึ่งตรัสมาต้องที่เห็นดีนัก
ด้วยทัพไทยไพร่นายยังไรเรี่ยทำลายเสียจู่โจมรีบโหมหัก
อย่าให้ตั้งค่ายมั่นขยันนักแม้นหน่วงหนักนิ่งไว้ไม่สู้ดี ฯ
      ๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงกัมพุชประเทศสดับเหตุปรีดี์เปรมเกษมศรี
ทรงสำรวลสรวญร่าแล้วพาทีเหวยเสนีตรวจตราพลากร
แล้วตรัสสั่งอุปราชรชโอรสจงคุมทศทวยหาญชาญสมร
ไปโจมทัพจับไทยไพรีรอนจงถาวรกูลสวัสดิ์กำจัดไภย ฯ
      ๏ ครานั้น พระอุปราชราชบุตร์เกษมสุดยินดีจะมีไหน
บังคมลามาเตรียมพลไกรจำนวนไพร่โยธาหมื่นห้าพัน
ถึงยามสองกองทัพไม่สับสนดำเนินพลออกทวารปราการกั้น
ห้ามมิให้เฮฮาพูดจากันถึงกองทัพฉับพลันในทันที
ให้ยิงปืนครื้นครึกเสียงกึกก้องโห่ร้องเลื่อนลั่นสนั่นมี่
ดาบดั้งพรั่งพร้อมล้อมวารีต้อนตีทัพมาไม่รารอ ฯ
      ๏ ครานั้น แม่กองสองทหารอลหม่านตกใจเอ๊ะใครหนอ
ฉวยดาบโดดโลดไล่ไม่ย่อท้อร้องรับพ่อพวกเราเอาให้ตาย
หมู่ทหารราญรัญรับสัปรยุทธปรายอาวุธหอกดาบกำซายสาย
พวกขอมแขงแทงกระทั่งพุงทลายไทยตาแตกตื่นเสียงครื้นครึก
เขมรโดดโลดไล่พวกไทยล่ามัวหลับตาเสียกระบวนเมื่อจวนดึก
ขอมกระทำซ้ำเติมโห่เหิมฮึกอึกกะทึกรบรับจนทัพไชย ฯ
      ๏ ครานั้น พระราเมศวรราชทรงไสยาศน์ในพลับพลาที่อาไศรย
เสียงครั่นครื้นตื่นพลันในทันใดตกพระไทยผลันผลุนหมุนออกมา
เห็นพลเมืองเนืองหนุนขนาบไร่กองทัพไทยย่อหย่อนอ่อนหนักหนา
แสนพิโรธโดดกลับเข้าพลับพลาทรงสาตราวิ่งวางออกกลางทัพ
ขับพหลพลไกรไล่ตระหลบใครไม่รบหลกเลี่ยงจะเสียงสับ
ทหารกลัวตัวตายเข้ารายรับทั้งสองทัพแขงขันประจัญบาน
ต่างกำแหงแรงเริงในเชิงยุทธฤทธิรุทฟันฟาดกันฉาดฉาน
พวกขอมอ่อนหย่อนยืนไม่ทนทานไทยทหารฮึกโห่เปนโกลา ฯ
      ๏ ครานั้น มหาอุปราชกริ้วตวาดพลนิกายทั้งซ้ายขวา
ต้อนกระตุ้นหนุนซ้ำกระหน่ำมาพวกโยธาร้อนตัวกลัวความตาย
ฟันแทงแย้งยุทธอาวุธสั้นแขงขันต่อตีไม่หนีหาย
ทั้งสองข้างต่างระทมบ้างล้มตายไพร่นายกลิ้งกลาดอนาถใจ ฯ
      ๏ ครานั้น พระราเมศวรราชองอาจมิได้พรั่นประหวั่นไหว
ทรงม้าร่ารับด้วยฉับไวต้อนไพรพลทหารเข้าราญรบ
ทั้งสองข้างต่างแขงกำแหงฮึกอึกกะทึกกรูเกรียวเลี้ยวตระหลบ
ข้างทัพไทยไพร่น้อยต้องถอยทบพวกขอมรบบุกบันประจัญบาน
จนเพลาฟ้าขาวเช้าตรู่ตรู่ยังเกรียวกรูฮึกโห่ด้วยโมหานธ์
ไพร่ยิ่งตายนายต้อนเข้ารอนราญอลหม่านจนสว่างขึ้นรางรอง ฯ
      ๏ ฝ่ายว่าพระราเมศวรราชองอจมิได้หลบสยบสยอง
แต่ห็นพลน้อยกว่าท่าเปนรองจำจะต้องผ่อนพักไว้สักที
ดำริห์พลางทางให้โบกธงทัพรอรับรบไปแต่ไม่หนี
เขมรโห่โกลาตามราวีพวกไทยตีถอยทนร่นมาพราง ฯ
      ๏ ครานั้น อุปราชราชบุตรเห็นสิ้นสุดแดนเมืองเครื่องขัดขวาง
จะติดตามข้ามเขตรประเทศทางก็เหินห่างเวียงชัยไม่ชอบกล
ไม่มีกองลำเลียงเลี้ยงทหารทางกันดารสารพัดจะขัดสน
ก็เลิกทัพกลับจรไม่ร้อนรนประมาทตนมิได้คิดจะติดตาม ฯ
๏ ฝ่ายพระราเมศวรสุริยวงศ์ให้พักพวกจัตุรงค์กลางสนาม
แล้วชุมนุมเสนาปฤกษาความแม้นวู่วามเล่าก็เห็นจะเปนรอง
พลเรามาห้าพันถึงกลั่นกล้าก็น้อยกว่าสิบเอาหนึ่งไม่ถึงสอง
จึรอราล่าให้ใจคนองคงจะต้องแก้เผ็ดไม่เข็ดมือ
บอกขอพลคนเพิ่มเติมมาใหม่ไม่มีไชยแล้วพากันกลับอย่านับถือ
ได้เรียนรู้สู้เขาเอาให้ฦๅแต่งหนังสือบอกพลันให้ทันที ฯ
๏ ครานั้นข้าเฝ้าเหล่าทหารกราบกรานเห็นพร้อน้อมเกษี
แต่งหนังสือปิดตราไม่ราวีให้เสนีสิบม้ารีบคลาไคล ฯ
๏ ครานั้นพระราเมศวรราชให้เคลื่อนพยุหบาตรทั้งน้อยใหญ่
ประทับอยู่เขตแคว้นแดนกรุงไกรตั้งพระไทยท่าทัพอยุธยา ฯ
๏ ครานั้นเสนีปรีชาชาญจำทูลสารทรงยศโอรสา
แรมร้อนนอนในพนาวาถึงกรุงศรีอยุธยาด้วยฉับพลัน
ก็เข้าในนักเรศเขตรสถานแจ้งสารเสนีขมีขมัน
ถึงเวลามาเตรียมอยู่พร้อมกันคอยเฝ้าองค์ทรงธรรม์พระโรงไชย ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงเดชเนานิเวศน์ปรางทองอันผ่องใส
แสนสำราญบานาชหฤไทยอนงค์ในเคียงคู่เข้าอยู่งาน
บ้างหมอบเมียงเคียงคอยชม้อยม้วนเปนนวลนวลน่าชมสมสัณฐาน
บ้างกล่อมขับรับเพลงบรเลงลานพระสำราญรื่นเริงบรรเทิงใจ
พอสายแสงสุริยาภนุมาศยุรยาตรออกพระโรงวินิจฉัย
สถิตย์แท่นเนาวรัตน์ใต้ฉัตรไชยเสนาในหมอบเฝ้าเปนเหล่ากัน
เสียงประโคมโครมครึกพิฦกก้องตามทำนองขันติยราชสังสรรค์
ดังจักรกฤษณ์ฤทธิรงค์ทรงสุบรรณผันพระภักตร์ซักถามความบุรี ฯ
๏ ครานั้นพระยามหาอำมาตย์อภิวาททูลความไปเต็มที่
ขอเดชะพระองค์ทรงธรณีอันชีวีอยู่ใต้พระบาทา
บัดนี้พระโอรสยศยงให้ขุนโจรจัตุรงค์แม่กองน่า
กับหลวงศักดิเสนีศรีเสนานำสารมาเคารพอภิวันท์
พอทูลเสร็จคลี่สารอ่านถวายบรรยายโดยคดีขมีขมัน
อ่านจบนบนิ้วบังคมคัลตรงหน้าบัลลังก์รัตน์ชัชวาลย์ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ดำรงวังได้ทรงฟังอึ้งอั้นไม่บรรหาร
คนึงนึกตรึกตราเปนช้านานมีโองการสิงหนาทประภาษมา
เอออะไรลูกเราช่างเบาจิตรแพ้ความคิดข้าศึกนึกขายหน้า
ทำให้เสียท่วงทีในปรีชาดีแต่กล้าดื้อดื้อถือทนง
จนเสียพระศรีสวัสดิ์น่าขัดแค้นเข้าเขตแดนอรินไยมาใหลหลง
ไม่ระวังเนื้อตัวมัวทนงอ้ายขอมคงเหิมฮึกนึกดูเบา
ครั้นจะนิ่งทิ้งไว้ให้กำเริบจะโตเติบใหญ่เยี่ยมแทบเทียมเขา
เขม้นหมายหยิ่งเย่อลเมอเมาโอรสเราหมิ่นประมาทถึงพลาดพลั้ง
จำจะให้พระบรมราชายกโยธาตามไปดังใจหวัง
ทำลายล้างภาราเข้าผ่าพังคงได้ดังมโนรถหมดโพยไภย
เหวยมหามนตรีขมีขมันไปสุพรรณภาราอย่าช้าได้
เชิญเสด็จเชษฐามาไวไวจึงรีบไปเร็วหวาอย่าช้าที ฯ
             

ตอนที่ ๒ เรื่องศึกหงสาวดี

      ๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงศักดิ์มหาจักรพรรดิราชานาถนาถ
เฉลิมวงศ์มงกุฎอยุธยาบำรุงราษฎร์สาสนาให้ถาวร
พระปกเกล้าชาวบุรีเปนที่ชื่นสำราษรื่นร่มโพธิ์สโมสร
มีคชาพาหนะนรินทรห้ากุญชรเผือกผู้คู่บารมี
กับเผือกพังทั้งสองล้วนผ่องแผ้วชาติช้างแก้วเกิดสำหรับกับกรุงศรี
เปนเจ็ดช้างต่างนามล้วนงามดีอยู่โรงที่ริมปราสาทในราชวัง
ตั้งพานทองรองหญ้าผลาผลผ้ารดกัมพลนั้นปกหลัง
พเนกฟูกผูกม่านเพดานบังหมอควานทั้งพราหมณ์กล่อมอยู่พร้อมเพรียง
บ่ายสามโมงลงน้ำนำกลองชนะปิ๋งเปิงปะเปิงครื่มกระหึ่มเสียง
เครื่องสูงสำหรับช้างสองข้างเคียงพร้อมเพรียงเพราะพระบารมี
อุดมทั้งโภไคยไอสูรย์เพิ่มภูลภิญโญดังโกสีย์
ทั้งเหนือใต้ไพร่ฟ้าประชาชีล้วนมั่งคั่งมั่งมีต่างปรีดา
อาณาจักรนัคเรศประเทศราชพึ่งพระบาทบุญฤทธิ์ทุกทิศา
ทุกถิ่นฐานบ้านเมืองเลื่องฦๅชาพระเจ้าช้างเผือกมหาจักรพรรดิ
ฝ่ายเสนาข้าเฝ้าเหล่าทหารต่างเริงร่านการศึกพร้อมฝึกหัด
ยิงปืนทั้งช้างม้าฝึกสารพัดสนามน่าจักรวรรดิหัดทุกวัน ฯ
      ๏ จะกลับกล่าวถึงพระเจ้าเมืองหงษาเปนปิ่นรามัญประเทศทุกเขตรขัณฑ์
พม่าทวายฝ่ายลาวเมื่อคราวนั้นอภิวันท์หงษาพึ่งบารมี
เธอทราบเรื่องเมืองไทยที่ใหญ่กว้างมีเจ็ดช้างเผือกอยู่บุรีศรี
คิดจะใคร่ได้มาไว้ธานีให้มนตรีคิดอ่านแต่งสารตรา ฯ
      ๏ ครั้นเสร็จสรรพพับผนิดปิดตราแล้วใส่กล่องแก้วมรกฎตามยศถา
ให้สมิงโยคราชมาตยาคุมไพร่ห้าสิบตรงเข้าดงตาล
ยี่สิบวันดั้นเดินตามแผนที่ถึงเจดีย์สามองค์ลงทางบ้านด่าน
พบขุนพลพามาในป่าลานเข้าแจ้งเรื่องเมืองกาญจนบุรี ฯ
      ๏ ฝ่ายผู้รั้งปลัดยกรบัตรแจ้งให้ขุนแพ่งรีบพามากรุงศรี
นำเข้าหาเจ้าพระยาจักรีพร้อมอยู่ที่ศาลาว่าราชการ
ให้มอญล่ามถามซักตระหนักแน่อ่านเขียนเปลี่ยนแปลพระราชสาร
เปนคำไทยได้ระเบียบแล้วเทียบทานพนักงานนำเข้าคอยเฝ้าพลัน ฯ
      ๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงเดชปิ่นปักนัคเรศรังสรรค์
สถิตย์แท่นแม้นมหาเวชายันต์เสมอชั้นบัณฑุกัมพล์อัมรินทร์
สาวสุรางค์นางบำเรอเสนอบาทบำรุงราชรู้เชิงบรรเทิงถวิล
บ้างร้องรับขับขานประสานพิณบำเรอปิ่นปัถพีให้ปรีดา
ครั้นสายแสงสุริกาญจน์พระผ่านเกล้าเสด็จเข้าที่สรงทรงภูษา
ประดับเครื่องเรืององค์อลงการ์ออกข้างน่าพนักงานไขม่านทอง
เสด็จเหนือพระที่นั่งบัลลังก์อาศน์พร้อมมหาดเล็กฟังรับสั่งสนอง
ประโคมดังสังข์แตรเสียงแซ่ซ้องมโหรทึกกึกก้องท้องพระโรง
ฝ่ายข้าเฝ้าเหล่าขุนนางต่างตำแหน่งก็ตกแต่งกายาล้วนอ่าโถง
นุ่งสมปักชักกลีบจับจีบโจงเข้าพระโรงบังคมก้มกราบกราน ฯ
      ๏ เจ้าพระยาจักรีศรีสมุหะขอเดชะทูลความตามราชสาร
เบิกทูตรเข้าเฝ้าประนตบทมาลย์อาลักษณ์พนักงานอ่านสารตรา ฯ
      ๏ ในลักษณพระราชสารสวัสดิ์จอมกระษัตริย์ซึ่งดำรงเมืองหงษา
ทรงพระยศทศธรรม์กรุณาให้เย็นใจไพร่ฟ้าประชาชี
มีเมืองน้อยร้อยเอ็ดเปนเขตรขอบมานบนอบน้อมประนตบทศรี
กับกรุงเพทวาราวดีเปนทางราชไมตรีได้มีมา
ทราบว่าองค์ทรงยศมีคชเรศล้วนเผือกผู้คู่พระเดชพระเชษฐา
เสมอบุญจุลจักรทรงศักดาจนฦๅชาปรากฎบทมาลย์
เมืองหงษาวดีที่ใหญ่กว้างไม่มีช้างเผือกผู้คู่ถิ่นฐาน
ขอพระองค์ทรงมหาปรีชาชาญโปรดประทานให้น้องสักสองช้าง
จะฦๅนามงามภักตร์สูงศักดิ์แสงสมประเทศเขตรแขวงที่กว้างขวาง
ให้ร่วมแดนแผ่นดินร่วมถิ่นทางขอพระองค์จงสร้างทางไมตรี
แม้นทรงศักดิ์รักข้างช้างเผือกผู้ไม่ช่วยชูภักตร์น้องจะหมองศรี
กรุงอยุธยากับหงษาวดีจะขาดราชไมตรีซึ่งมีมา ฯ
      ๏ พอจบสารกรานกราบพระทราบเรื่องให้ขุ่นเคืองในพระไทยแต่ไม่ว่า
ให้จ่ายเสบียงเลี้ยงดูพวกทูตาแล้วตรองตรึกปฤกษาเสนาใน
ซึ่งหงษามาขอช้างเผือกผู้จงคิดดูใครจะเห็นเปนไฉน
จะแขงอ่อนผ่อนผันทำฉันใดเร่งตรึกไตรใคร่ครวญให้ควรการ ฯ
      ๏ ฝ่ายเสนาข้ารองลอองบาทอยู่พร้อมพรั่งทั้งมหาดไทยทหาร
ต่งปฤกษาว่าแต่ก่อนเคยรอนราญกับผู้ผ่านหงษาเจ้ารามัญ
จับลูกเธอทั้งสองพี่น้องได้ก็คุมไว้ไม่ฆ่าให้อาสัญ
เมื่อโปรดให้ไปขอพระหน่อนั้นเจ้ารามัญคืนให้เปนไมตรี
เดี๋ยวนี้เล่าเขาขอคชสารควรประทานหงษาเปนราษี
แม้นไม่ให้เห็นจะมารบราวีในธานีก็คงเกิดสงคราม ฯ
      ๏ ฝ่ายพระราเมศวรพระยาจักรีพระสุนทรอยู่ที่เฝ้าทั้งสาม
ต่างปฤกษาว่จะให้เห็นไม่งามจะลวนลามล่วงประมาทบาทยุคล
จึงทูลว่าข้าพเจ้าทั้งสามนี้เห็นไม่สมควรที่ให้ช้างต้น
ที่ไมตรีมีแต่ก่อนได้ผ่อนปรนให้ช้างดีศรีมงคลทวีปไป
ถึงสองช้างข้างมอญพม่านั้นจะขี่ขับสับฟันไม่หวั่นไหว
จึงคืนให้ไว้กับเราก็เอาไว้เราได้ให้ได้มีไมตรีกัน
ช้างเผือกผู้คู่บุญทูลกระหม่อมมิควรยอมให้ไปจากไอสวรรย์
เหมือกลัวดีฝีมือพวกรามัญจะเสียชั้นเชิงมอญเพราะอ่อนตาม
แม้นหงษามาตีบุรีเราข้าพเจ้าพร้อมพรั่งกันทั้งสาม
ขออาสาพระองค์ออกสงครามมิให้ลามล่วงมาถึงธานี ฯ
      ๏ ฝ่ายพระเจ้าแผ่นดินปิ่นพิภพหมายจะรบรับศึกไม่นึกหนี
จึงตรัสสั่งทั้งสามว่าตามทีให้เสนีที่ชำนาญแต่สารตรา
เปนความตอบมอบสมิงโยคราชบังคมลาฝ่าพระบาทนาถนาถา
กับไพร่ห้าสิบถ้วนด่วนเดินมาถึงหงษาเข้าฝ้าเจ้าธานี
กราบทูลความตามราชสารตอบแล้วนอบน้อมประนตบทศรี
ฝ่ายเสนารามัญอัญชลีแล้วก็คลี่ราชสารออกอ่านพลัน ฯ ... 11
             

เชิงอรรถ

อ้างอิง

หนังสือเรื่อง สามวัง โดย ประยุทธ สิทธิพันธ์ ไม่ระบุปีทีพิมพ์

เครื่องมือส่วนตัว