นิราศท่าดินแดง

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(บันทึกครั้งที่ ๑)
(บันทึกครั้งที่ ๒)
แถว 35: แถว 35:
พลพายรายกันลงเข็นไป  เหมือนเข็ญใจเคืองจิตที่จากมา
พลพายรายกันลงเข็นไป  เหมือนเข็ญใจเคืองจิตที่จากมา
-
  ๏ ครั้นเพลาสุริยาอรุณเรือง  แสงประเทืองเบื้องบูรพ์ทิศา
+
  ๏ ครั้นเพลาสุริยาอรุณเรือง  แสงประเทืองเบื้องบูรพ์ทิศา
พอตกลึกแล้วให้ล่องนาวาคลา  ประทับท่าเมืองสมุทรบุรีรมย์
พอตกลึกแล้วให้ล่องนาวาคลา  ประทับท่าเมืองสมุทรบุรีรมย์
อันฝุงชนชาวบ้านย่านนั้น  ผิวพรรณไม่รื่นรวยสวยสม
อันฝุงชนชาวบ้านย่านนั้น  ผิวพรรณไม่รื่นรวยสวยสม
แถว 91: แถว 91:
จะสังหารอริราชพาลา  อันสถิตย์อยู่ยังท่าดินแดง
จะสังหารอริราชพาลา  อันสถิตย์อยู่ยังท่าดินแดง
-
   ๏ ครั้นเดือนสามวันแรมเก้าค่ำ  
+
   ๏ ครั้นเดือนสามวันแรมเก้าค่ำ   ย่ำรุ่งสี่บาทอรุณแสง
-
 
+
จึงให้ยกพหลรณแรง  ล้วนกำแหงหาญเหี้ยมสงครามครัน
-
ย่ำรุ่งสี่บาทอรุณแสง
+
ไปโดยพยุหบาตรรัถยา  พลนาวาตามไปเป็นหลั่นหลั่น
-
 
+
สะพรึบพร้อมหน้าหลังตั้งกัน  โห่สนั่นสะเทือนท้องนทีธาร
 +
รีบเร่งพลพายให้เร่งพาย  ฝืนสายชลเชี่ยวฉ่าฉาน
 +
ถึงตำแหน่งแก่งหลวงศิลาดาล  ชลธารไหลเชี่ยวเป็นเกรียวมา
 +
แต่จำเพาะเตราะตรอกซอกทาง  แก่งเกาะขัดขวางอยู่หนักหนา
 +
แสนลำบากยากใจที่ไคลคลา  ใครจะเห็นเวทนาบรรดามี
 +
สองวันบรรลุถึงวังยาง  คนึงวังอ้างว้างเกษมศรี
 +
เคยเป็นสุขทุกเวลาราตรี  โอ้ครานี้มีกรรมมาจำไกล
 +
ถึงบางลางยิ่งดาลทรวงสมร  ให้ขุ่นข้อนอารมณ์หม่นไหม้
 +
จึงเร่งรีบนาวาคลาไคล  มาถึงไศลชลชีสีขริน
 +
สูงส่งตรงโตรกโดดเดี่ยว  อยู่ริมสายชลเชี่ยวกระแสสินธุ์
 +
พรายแพร้วดังแก้วแกมนิล  ปักษินบินร้องร้องระงมไพร
 +
บ้างจับไม้รายเรียงบนเชิงเขา  บ้างง่วงเหงาหาคู่พิศมัย
 +
นกเอ๋ยยังรู้มีอาลัย  อกเราฤาจะไม่เวทนา
 +
ครั้นบรรลุถึงศาลเทพารักษ์  อันพิทักษ์ปากน้ำประจำท่า
 +
มีแต่ศาลสันโดษอยู่เอกา  คิดมาเหมือนอกพี่ที่จากจร
 +
เห็นอารักษ์แล้วคิดสังเวชจิต  มาใช้มิตรเหมือนพี่ร้างแรมสมร
 +
สารพัดจะวิบัติอนาทร  แต่ร้อนแรมตามทางทุเรศมา
   
   
-
จึงให้ยกพหลรณแรง
+
  ๏ ครั้นมาถึงวังนางตะเคียน  พิศเพี้ยนมิ่งไม้ใบหนา
 +
ตั้งเคียงเรียงราบริมชลา  สาขารื่นรมสำราญใจ
 +
ต้นไม้เปลาเปลาอยู่สล้าง  เหมือนไม้กระถางวางเรียงงามไสว
 +
ชมพลางพลางรีบนาวาไป  บรรลุล่วงมาได้หลายตำบล
 +
มาพลางทางแสนคนึงหา  นัยนาแลลับไพรสณฑ์
 +
ยิ่งแดดาลร่านร้อนทุรนทน  จนลุดลเข้าท้องไอยรารมย์
 +
เป็นช่องชั้นเชิงผาศิลาลาด  รุกขชาติรื่นรวยสวยสม
 +
ไพจิตรพิศพรรณอยู่น่าชม  ลมพัดพากลิ่นสุมาลย์มา
 +
มีท่อธารน้ำพุดุดัน  ตลอดลั่นไหลลงแต่ยอดผา
 +
เป็นโปลงปล่องช่องชั้นบรรพตา  เซนซ่าดังสายสุหร่ายริน
 +
บ้างเป็นท่อแถวทางหว่างบรรพต  เลี้ยวลดไหลมามิรู้สิ้น
 +
น้ำใสไหลรินซอกศิขริน  แสนถวิลถึงสวาดิไม่คลาดคลา
 +
เกษมสุขสรงสนานสำราญเริง  บันเทิงจิตพิศวงหรรษา
 +
ชลอได้ก็จะใคร่ชลอมา  ให้เป็นที่ผาสุขทุกนางใน
 +
คิดเคยเมื่อเคยสรงสนาน  สุธาธารทิพรสสดใส
 +
อันหอมหวลอวลอบสุมาไลย  มาร้างไร้สุคนธกำจร
 +
เจ้าเคยถวายภูษาสุธาสรง  อันบรรจงทิพรสเกษร
 +
เคยไพบูลย์ด้วยดรุณนิกร  ทีนี้มาจำจรอยู่เอกา
 +
ชมเขาลำเนาพนาวาศ  แสนสวาดิไม่วายถวิลหา
-
  ล้วนกำแหงหาญเหี้ยมสงครามครัน
+
  ๏ ถึงไทรโยคปลายแดนนัครา มิให้หยุดโยธาเร่งคลาไคล
 +
แต่เห็นทางท่าชลานั้น  เป็นเกาะแก่งขัดขึ้นล้วนเนินไศล
 +
ยากที่นาวีจะหลีกไป  จึงสั่งให้รอรั้งยั้งนาวา
 +
เร่งรีบคชสารอัสดร  บทจรตามแถวแนวพฤษา
 +
ชมพรรณมิ่งไม้นานา  บ้างทรงผลผกาเขียวขจี
 +
ลางต้นสาขาดูน่าชม  รื่นร่มมิดแสงพระสุริยศรี
 +
สดับเสียงปักษาสุวาที  ลิงค่างบ่างชนีวิเวกดง
 +
เสนาะเสียงจักจั่นสนั่นไพร  แม่ม่ายลองในในป่าระหง
 +
เรไรร้องหริ่งหริ่งอยู่ริมพง  ส่งเสียงดังสำเนียงอนงค์นวล
 +
คิดคล้ายลม้ายเหมือนดนตรี  จำเรียงรี่เรื่อยโรยโหยหวน
 +
ยิ่งซับซาบอาบชื่นอารมณ์ชวน  กำสรวลว้าเหว่ทุเรโรย
 +
ฟังแต่เสียงสำเนียงนกวิหคร้อง  วิเวกก้องเกริ่นไพรฤทัยโหย
 +
รุกขชาติแกว่งกวัดสบัดโบย  ลมโชยคันธรสจรุงใจ
 +
ตะวันรอนอ่อนแสงจะอัสดง  เหล่าจัตุรงค์เตรียมกายทั้งนายไพร่
 +
แรมรอนนอนแนวพนาไลย  แต่ไศลป่าระหงดงดอน
 +
นอนเดียวเปลี่ยวเทวษทวีทุกข์  ไม่มีสุขเร่าร้อนสท้อนถอน
 +
แสงจันทร์ส่องสว่างกลางอัมพร  ยิ่งอาวรณ์หวังสวาดิไม่ขาดคิด
 +
วายุพัดพานดวงศศิธร  เขจรจรบังเมฆมิดสนิท
 +
พิรุณโรยโปรยปรายใบไม้ชิด  สะท้านจิตเจียนจักเป็นไข้ใจ
 +
เย็นฉ่ำน้ำฟ้าละอองฝน  มาทนเทวษครั้งนี้จะมีไหน
 +
ถึงทั้งหลายหนาวกายได้ผิงไฟ  ไม่เหมือนพี่หนาวใจที่ในทรวง
 +
เห็นดาวดึกนึกหวนรัญจวนหา  ในอุษาเพียงทับด้วยเขาหลวง
 +
อันหาบหามที่เขาตามมาทั้งปวง  ไม่หนักทรวงเหมือนพี่หนักอาลัยไกล
 +
เขาหนักหาบถึงที่ก็ได้พัก  พี่หนักรักนี้ไม่ปลงเอาลงได้
 +
มีแต่คอยคอยทุกข์ทุกวันไป  จะเห็นใจฤาที่ใจการุณกัน
 +
แต่นอนนิ่งกลิ้งกลับไม่หลับสนิท  ยิ่งคิดคิดก็ยิ่งโทมนัสสัน
 +
  ๏ จนอรุณเรืองศรีรวีวรรณ  จึงให้ยกพลขันธ์ยาตรา
 +
ออกจากเนินผาศิลาพนัส  เร่งรัดทวยหาญทั้งซ้ายขวา
 +
ไปตามแนวแถวในพนาวา  พอสุริยาสายัณห์ลงรอนรอน
 +
ก็ถึงด่านท่าขนุนโดยหมาย  ให้ตั้งค่ายตามเชิงศิขร
 +
แล้วรีบเร่งพหลพลนิกร  ทั้งลาวมอญเขมรไทยเข้าโจมตี
 +
ทัพพม่าอยู่ยังท่าดินแดง  แต่งค่ายรายไว้เป็นถ้วนถี่
 +
ทั้งเสบียงอาหารสารพันมี  ดังสร้างสรรค์ธานีทุกประการ
 +
มีทั้งพ่อค้ามาขาย  ร้านรายกระท่อมพลทุกสถาน
 +
ด้านหลังท่าทางวางตะพาน  ตามละหานห้วยน้ำทุกตำบล
 +
ร้อยเส้นมีฉางระหว่างค่าย  ถ่ายเสบียงมาไว้ทุกแห่งหน
 +
แล้วแต่งกองร้อยอยู่คอยคน  จนตำบลสามสบครบครัน
 +
อันค่ายคูประตูหอรบ  ตบแต่งสารพันเป็นที่มั่น
 +
ทั้งขวากหนามเขื่อนคูป้องกัน  เป็นชั้นชั้นอันดับมากมาย
 +
ให้ทหารเข้าหักโหมโรมรัน  สามวันพวกพม่าก็พังพ่าย
 +
แตกยับกระจัดพลัดพราย  ทั้งค่ายคอยน้อยใหญ่ไม่ต่อดี
 +
ให้ติดตามไปจนแม่กษัตร  เหล่าพม่ารีบรัดลัดหนี
 +
บ้างก็ตายก่ายกองในปัถพี  ด้วยเดชะบารมีที่ทำมา
   
   
-
ไปโดยพยุหบาตรรัถยา
+
  ๏ ตั้งใจจะอุปถัมภก   ยอยกพระพุทธศาสนา
-
 
+
จะป้องกันขอบขัณฑสีมา   รักษาประชาชนแลมนตรี
-
พลนาวาตามไปเป็นหลั่นหลั่น
+
จะบำรุงทั้งฝูงสุรางค์รัก   ให้อัคเรศเป็นสุขเจริญศรี
-
 
+
ครั้นเสร็จการผลาญราชไพรี   ก็ให้กรีธาทัพกลับมา
-
+
ทั้งทิวาราตรีไม่หยุดหย่อน   ด้วยอาวรณ์ทนเทวษถวิลหา
-
สะพรึบพร้อมหน้าหลังตั้งกัน
+
แสนคนึงถึงสวาดิไม่คลาดคลา   แต่พร่ำปรารภนั้นเป็นอาจิณ
-
 
+
จิตเจ็บจะขาดด้วยนิราศรส   จะอดไว้ก็สุดอาลัยถวิล
-
โห่สนั่นสะเทือนท้องนทีธาร
+
อันบำราบรบราชไพริน   ถึงจะไร้ศรศิลป์ที่ชิงไชย
-
 
+
ก็พอจะพยายามตามตี   ให้ชนะไพรีจงได้
-
+
จะสู้สงครามรักนี้หนักใจ   ด้วยไร้ศรรสสวาดิจะราวี
-
รีบเร่งพลพายให้เร่งพาย
+
อันแสนศึกทั้งหลายก็พ่ายแพ้   ยากแต่จะรบรักให้หน่ายหนี
-
 
+
ที่ลำบากแต่หลังในครั้งนี้   สุดที่จะปรับทุกข์กับผู้ใด
-
ฝืนสายชลเชี่ยวฉ่าฉาน
+
อันฝูงสุรางค์นางทั้งหลาย   ยังค่อยอยู่สุขสบายฤาไฉน
-
 
+
ฤาในจิตคิดอ่านประการใด   อย่าอำไว้จงแจ้งแต่จริง เอย ฯ
-
+
-
ถึงตำแหน่งแก่งหลวงศิลาดาล
+
-
 
+
-
ชลธารไหลเชี่ยวเป็นเกรียวมา
+
-
 
+
-
+
-
แต่จำเพาะเตราะตรอกซอกทาง
+
-
 
+
-
แก่งเกาะขัดขวางอยู่หนักหนา
+
-
 
+
-
+
-
แสนลำบากยากใจที่ไคลคลา
+
-
 
+
-
ใครจะเห็นเวทนาบรรดามี
+
-
 
+
-
+
-
สองวันบรรลุถึงวังยาง
+
-
 
+
-
คนึงวังอ้างว้างเกษมศรี
+
-
 
+
-
+
-
เคยเป็นสุขทุกเวลาราตรี
+
-
 
+
-
โอ้ครานี้มีกรรมมาจำไกล
+
-
 
+
-
+
-
ถึงบางลางยิ่งดาลทรวงสมร
+
-
 
+
-
ให้ขุ่นข้อนอารมณ์หม่นไหม้
+
-
 
+
-
+
-
จึงเร่งรีบนาวาคลาไคล
+
-
 
+
-
มาถึงไศลชลชีสีขริน
+
-
 
+
-
+
-
สูงส่งตรงโตรกโดดเดี่ยว
+
-
 
+
-
อยู่ริมสายชลเชี่ยวกระแสสินธุ์
+
-
 
+
-
+
-
พรายแพร้วดังแก้วแกมนิล
+
-
 
+
-
ปักษินบินร้องร้องระงมไพร
+
-
 
+
-
+
-
บ้างจับไม้รายเรียงบนเชิงเขา
+
-
 
+
-
บ้างง่วงเหงาหาคู่พิศมัย
+
-
 
+
-
+
-
นกเอ๋ยยังรู้มีอาลัย
+
-
 
+
-
อกเราฤาจะไม่เวทนา
+
-
 
+
-
+
-
ครั้นบรรลุถึงศาลเทพารักษ์
+
-
 
+
-
อันพิทักษ์ปากน้ำประจำท่า
+
-
 
+
-
+
-
มีแต่ศาลสันโดษอยู่เอกา
+
-
 
+
-
คิดมาเหมือนอกพี่ที่จากจร
+
-
 
+
-
+
-
เห็นอารักษ์แล้วคิดสังเวชจิต
+
-
 
+
-
มาใช้มิตรเหมือนพี่ร้างแรมสมร
+
-
 
+
-
+
-
สารพัดจะวิบัติอนาทร
+
-
 
+
-
แต่ร้อนแรมตามทางทุเรศมา
+
-
 
+
-
+
-
ครั้นมาถึงวังนางตะเคียน
+
-
 
+
-
พิศเพี้ยนมิ่งไม้ใบหนา
+
-
 
+
-
+
-
ตั้งเคียงเรียงราบริมชลา
+
-
 
+
-
สาขารื่นรมสำราญใจ
+
-
 
+
-
+
-
ต้นไม้เปลาเปลาอยู่สล้าง
+
-
 
+
-
เหมือนไม้กระถางวางเรียงงามไสว
+
-
 
+
-
+
-
ชมพลางพลางรีบนาวาไป
+
-
 
+
-
บรรลุล่วงมาได้หลายตำบล
+
-
 
+
-
+
-
มาพลางทางแสนคนึงหา
+
-
 
+
-
นัยนาแลลับไพรสณฑ์
+
-
 
+
-
+
-
ยิ่งแดดาลร่านร้อนทุรนทน
+
-
 
+
-
จนลุดลเข้าท้องไอยรารมย์
+
-
 
+
-
+
-
เป็นช่องชั้นเชิงผาศิลาลาด
+
-
 
+
-
รุกขชาติรื่นรวยสวยสม
+
-
 
+
-
+
-
ไพจิตรพิศพรรณอยู่น่าชม
+
-
 
+
-
ลมพัดพากลิ่นสุมาลย์มา
+
-
 
+
-
+
-
มีท่อธารน้ำพุดุดัน
+
-
 
+
-
ตลอดลั่นไหลลงแต่ยอดผา
+
-
 
+
-
+
-
เป็นโปลงปล่องช่องชั้นบรรพตา
+
-
 
+
-
เซนซ่าดังสายสุหร่ายริน
+
-
 
+
-
+
-
บ้างเป็นท่อแถวทางหว่างบรรพต
+
-
 
+
-
เลี้ยวลดไหลมามิรู้สิ้น
+
-
 
+
-
+
-
น้ำใสไหลรินซอกศิขริน
+
-
 
+
-
แสนถวิลถึงสวาดิไม่คลาดคลา
+
-
 
+
-
+
-
เกษมสุขสรงสนานสำราญเริง
+
-
 
+
-
บันเทิงจิตพิศวงหรรษา
+
-
 
+
-
+
-
ชลอได้ก็จะใคร่ชลอมา
+
-
 
+
-
ให้เป็นที่ผาสุขทุกนางใน
+
-
 
+
-
+
-
คิดเคยเมื่อเคยสรงสนาน
+
-
 
+
-
สุธาธารทิพรสสดใส
+
-
 
+
-
+
-
อันหอมหวลอวลอบสุมาไลย
+
-
 
+
-
มาร้างไร้สุคนธกำจร
+
-
 
+
-
+
-
เจ้าเคยถวายภูษาสุธาสรง
+
-
 
+
-
อันบรรจงทิพรสเกษร
+
-
 
+
-
+
-
เคยไพบูลย์ด้วยดรุณนิกร
+
-
 
+
-
ทีนี้มาจำจรอยู่เอกา
+
-
 
+
-
+
-
ชมเขาลำเนาพนาวาศ
+
-
 
+
-
แสนสวาดิไม่วายถวิลหา
+
-
 
+
-
+
-
ค ถึงไทรโยคปลายแดนนัครา
+
-
 
+
-
มิให้หยุดโยธาเร่งคลาไคล
+
-
 
+
-
+
-
แต่เห็นทางท่าชลานั้น
+
-
 
+
-
เป็นเกาะแก่งขัดขึ้นล้วนเนินไศล
+
-
 
+
-
+
-
ยากที่นาวีจะหลีกไป
+
-
 
+
-
จึงสั่งให้รอรั้งยั้งนาวา
+
-
 
+
-
+
-
เร่งรีบคชสารอัสดร
+
-
 
+
-
บทจรตามแถวแนวพฤษา
+
-
 
+
-
+
-
ชมพรรณมิ่งไม้นานา
+
-
 
+
-
บ้างทรงผลผกาเขียวขจี
+
-
 
+
-
+
-
ลางต้นสาขาดูน่าชม
+
-
 
+
-
รื่นร่มมิดแสงพระสุริยศรี
+
-
 
+
-
+
-
สดับเสียงปักษาสุวาที
+
-
 
+
-
ลิงค่างบ่างชนีวิเวกดง
+
-
 
+
-
+
-
เสนาะเสียงจักจั่นสนั่นไพร
+
-
 
+
-
แม่ม่ายลองในในป่าระหง
+
-
 
+
-
+
-
เรไรร้องหริ่งหริ่งอยู่ริมพง
+
-
 
+
-
ส่งเสียงดังสำเนียงอนงค์นวล
+
-
 
+
-
+
-
คิดคล้ายลม้ายเหมือนดนตรี
+
-
 
+
-
จำเรียงรี่เรื่อยโรยโหยหวน
+
-
 
+
-
+
-
ยิ่งซับซาบอาบชื่นอารมณ์ชวน
+
-
 
+
-
กำสรวลว้าเหว่ทุเรโรย
+
-
 
+
-
+
-
ฟังแต่เสียงสำเนียงนกวิหคร้อง
+
-
 
+
-
วิเวกก้องเกริ่นไพรฤทัยโหย
+
-
 
+
-
+
-
รุกขชาติแกว่งกวัดสบัดโบย
+
-
 
+
-
ลมโชยคันธรสจรุงใจ
+
-
 
+
-
+
-
ตะวันรอนอ่อนแสงจะอัสดง
+
-
 
+
-
เหล่าจัตุรงค์เตรียมกายทั้งนายไพร่
+
-
 
+
-
+
-
แรมรอนนอนแนวพนาไลย
+
-
 
+
-
แต่ไศลป่าระหงดงดอน
+
-
 
+
-
+
-
นอนเดียวเปลี่ยวเทวษทวีทุกข์
+
-
 
+
-
ไม่มีสุขเร่าร้อนสท้อนถอน
+
-
 
+
-
+
-
แสงจันทร์ส่องสว่างกลางอัมพร
+
-
 
+
-
ยิ่งอาวรณ์หวังสวาดิไม่ขาดคิด
+
-
 
+
-
+
-
วายุพัดพานดวงศศิธร
+
-
 
+
-
เขจรจรบังเมฆมิดสนิท
+
-
 
+
-
+
-
พิรุณโรยโปรยปรายใบไม้ชิด
+
-
 
+
-
สะท้านจิตเจียนจักเป็นไข้ใจ
+
-
 
+
-
+
-
เย็นฉ่ำน้ำฟ้าละอองฝน
+
-
 
+
-
มาทนเทวษครั้งนี้จะมีไหน
+
-
 
+
-
+
-
ถึงทั้งหลายหนาวกายได้ผิงไฟ
+
-
 
+
-
ไม่เหมือนพี่หนาวใจที่ในทรวง
+
-
 
+
-
+
-
เห็นดาวดึกนึกหวนรัญจวนหา
+
-
 
+
-
ในอุษาเพียงทับด้วยเขาหลวง
+
-
 
+
-
+
-
อันหาบหามที่เขาตามมาทั้งปวง
+
-
 
+
-
ไม่หนักทรวงเหมือนพี่หนักอาลัยไกล
+
-
 
+
-
+
-
เขาหนักหาบถึงที่ก็ได้พัก
+
-
 
+
-
พี่หนักรักนี้ไม่ปลงเอาลงได้
+
-
 
+
-
+
-
มีแต่คอยคอยทุกข์ทุกวันไป
+
-
 
+
-
จะเห็นใจฤาที่ใจการุณกัน
+
-
 
+
-
+
-
แต่นอนนิ่งกลิ้งกลับไม่หลับสนิท
+
-
 
+
-
ยิ่งคิดคิดก็ยิ่งโทมนัสสัน
+
-
 
+
-
+
-
จนอรุณเรืองศรีรวีวรรณ
+
-
 
+
-
จึงให้ยกพลขันธ์ยาตรา
+
-
 
+
-
+
-
ออกจากเนินผาศิลาพนัส
+
-
 
+
-
เร่งรัดทวยหาญทั้งซ้ายขวา
+
-
 
+
-
+
-
ไปตามแนวแถวในพนาวา
+
-
 
+
-
พอสุริยาสายัณห์ลงรอนรอน
+
-
 
+
-
+
-
ก็ถึงด่านท่าขนุนโดยหมาย
+
-
 
+
-
ให้ตั้งค่ายตามเชิงศิขร
+
-
 
+
-
+
-
แล้วรีบเร่งพหลพลนิกร
+
-
 
+
-
ทั้งลาวมอญเขมรไทยเข้าโจมตี
+
-
 
+
-
+
-
ทัพพม่าอยู่ยังท่าดินแดง
+
-
 
+
-
แต่งค่ายรายไว้เป็นถ้วนถี่
+
-
 
+
-
+
-
ทั้งเสบียงอาหารสารพันมี
+
-
 
+
-
ดังสร้างสรรค์ธานีทุกประการ
+
-
 
+
-
+
-
มีทั้งพ่อค้ามาขาย
+
-
 
+
-
ร้านรายกระท่อมพลทุกสถาน
+
-
 
+
-
+
-
ด้านหลังท่าทางวางตะพาน
+
-
 
+
-
ตามละหานห้วยน้ำทุกตำบล
+
-
 
+
-
+
-
ร้อยเส้นมีฉางระหว่างค่าย
+
-
 
+
-
ถ่ายเสบียงมาไว้ทุกแห่งหน
+
-
 
+
-
+
-
แล้วแต่งกองร้อยอยู่คอยคน
+
-
 
+
-
จนตำบลสามสบครบครัน
+
-
 
+
-
+
-
อันค่ายคูประตูหอรบ
+
-
 
+
-
ตบแต่งสารพันเป็นที่มั่น
+
-
 
+
-
+
-
ทั้งขวากหนามเขื่อนคูป้องกัน
+
-
 
+
-
เป็นชั้นชั้นอันดับมากมาย
+
-
 
+
-
+
-
ให้ทหารเข้าหักโหมโรมรัน
+
-
 
+
-
สามวันพวกพม่าก็พังพ่าย
+
-
 
+
-
+
-
แตกยับกระจัดพลัดพราย
+
-
 
+
-
ทั้งค่ายคอยน้อยใหญ่ไม่ต่อดี
+
-
 
+
-
+
-
ให้ติดตามไปจนแม่กษัตร
+
-
 
+
-
เหล่าพม่ารีบรัดลัดหนี
+
-
 
+
-
+
-
บ้างก็ตายก่ายกองในปัถพี
+
-
 
+
-
ด้วยเดชะบารมีที่ทำมา
+
-
 
+
-
+
-
ตั้งใจจะอุปถัมภก
+
-
 
+
-
ยอยกพระพุทธศาสนา
+
-
 
+
-
+
-
จะป้องกันขอบขัณฑสีมา
+
-
 
+
-
รักษาประชาชนแลมนตรี
+
-
 
+
-
+
-
จะบำรุงทั้งฝูงสุรางค์รัก
+
-
 
+
-
ให้อัคเรศเป็นสุขเจริญศรี
+
-
 
+
-
+
-
ครั้นเสร็จการผลาญราชไพรี
+
-
 
+
-
ก็ให้กรีธาทัพกลับมา
+
-
 
+
-
+
-
ทั้งทิวาราตรีไม่หยุดหย่อน
+
-
 
+
-
ด้วยอาวรณ์ทนเทวษถวิลหา
+
-
 
+
-
+
-
แสนคนึงถึงสวาดิไม่คลาดคลา
+
-
 
+
-
แต่พร่ำปรารภนั้นเป็นอาจิณ
+
-
 
+
-
+
-
จิตเจ็บจะขาดด้วยนิราศรส
+
-
 
+
-
จะอดไว้ก็สุดอาลัยถวิล
+
-
 
+
-
+
-
อันบำราบรบราชไพริน
+
-
 
+
-
ถึงจะไร้ศรศิลป์ที่ชิงไชย
+
-
 
+
-
+
-
ก็พอจะพยายามตามตี
+
-
 
+
-
ให้ชนะไพรีจงได้
+
-
 
+
-
+
-
จะสู้สงครามรักนี้หนักใจ
+
-
 
+
-
ด้วยไร้ศรรสสวาดิจะราวี
+
-
 
+
-
+
-
อันแสนศึกทั้งหลายก็พ่ายแพ้
+
-
 
+
-
ยากแต่จะรบรักให้หน่ายหนี
+
-
 
+
-
+
-
ที่ลำบากแต่หลังในครั้งนี้
+
-
 
+
-
สุดที่จะปรับทุกข์กับผู้ใด
+
-
 
+
-
+
-
อันฝูงสุรางค์นางทั้งหลาย
+
-
 
+
-
ยังค่อยอยู่สุขสบายฤาไฉน
+
-
 
+
-
+
-
ฤาในจิตคิดอ่านประการใด
+
-
 
+
-
อย่าอำไว้จงแจ้งแต่จริง เอย ฯ
+
-
+
-
 
+
</tpoem>
</tpoem>

การปรับปรุง เมื่อ 07:33, 18 กุมภาพันธ์ 2553

ข้อมูลเบื้องต้น

พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก

๏ แสนรักสุดรักภิรมย์สมร
ทุกอนงค์ทรงลักษณ์อันสุนทรสถาวรพูนสวาดิสวัสดี
ประกอบศักดิ์สมบูรณ์จำรูญเนตรอัคเรศงอนงามจำเริญศรี
แสนกระสันปั่นป่วนฤดีทวีมีมโนเสน่ห์น้อมถนอมนวล
อันราคีมิให้เคืองระคางข้องปองประคองนิ่มเนื้อนวลสงวน
หวังสวาสดิ์มิรู้ขาดอารมณ์ครวญเป็นที่ชวนชูชื่นทุกอิริยา
เกษมสุขภิรมย์สมสมานเคยสำราญมิได้แรมนิราศา
ไม่นิราศขาดชมสักเวลาบำเรอล้อมพร้อมหน้าไม่ราวัน
นิจาเอ๋ยโอ้กรรมจึงจำไกลมาซ้ำให้ทุเรศร้างมไหสวรรย์
ก็เพราะมีอธิราชไภยันเข้าหักหั่นด่านแดนบุรีรมย์
จึงต้องกรูกรีธาพลากรมาจำจรจากสุขเกษมสม
สารพัดสิ่งสวัสดิ์ที่เคยชมก็นิยมให้วิโยคด้วยจำเป็น
เมื่อวันออกนาเวศทุเรศสถานแสนสงสารสุดอาไลยใครจะเห็น
พี่เคยทัศนาเจ้าทุกเช้าเย็นเพราะเกิดเข็ญจึงต้องละสละมา
      ๏ ครั้นถึงด่านดาลเทวษทวีถึงคนึงในให้หวนละห้อยหา
ถึงนางนองเหมือนพี่นองชลนายิ่อาทวาอาวรณ์สท้อนใจ
ครั้นถึงโขลนทวารยิ่งลานแลให้หวาดแหวอารมณ์ดังลมไข้
จนลุล่วงคลองชลามหาไชยย่านไกลสุดสายในตาแล
เหมือนอกเราที่นิรามาทุเรศเหลือสังเกตมุ่งหามาห่างแห
ระกำเดียวเปลี่ยวดิ้นฤดีแดจนล่วงกระแสสาครบุรีไป
ลุสถานบ้านบ่อนาขวางให้อางขนางร้อนรนกมลไหม้
ถึงย่านซื่อเหมือนพี่ซื่อสังวรใจมิได้มีลำเอียงเที่ยงธรรม
เมื่อถึงสามสิบสามคดแล้วแคล้วแคล้วเหมือนจะกลับมารับขวัญ
คล้ายคล้ายอัษฎงค์พระสุริยันก็บรรลุถึงคลองสุนัขใน
พอชลาถอยถดลดลงฝั่งเรือดั่งเคืองเขินไม่เดินได้
พลพายรายกันลงเข็นไปเหมือนเข็ญใจเคืองจิตที่จากมา
๏ ครั้นเพลาสุริยาอรุณเรืองแสงประเทืองเบื้องบูรพ์ทิศา
พอตกลึกแล้วให้ล่องนาวาคลาประทับท่าเมืองสมุทรบุรีรมย์
อันฝุงชนชาวบ้านย่านนั้นผิวพรรณไม่รื่นรวยสวยสม
ไม่เป็นที่ชวนชื่นอารมณ์ชมยิ่งเกรียบกรมสุดแสนระกำใจ
ให้ปั่นป่วนหวนสวาสดิ์ประวัติหาจะดูใครไม่พาใจชื่นได้
จึงให้ออกนาวาคลาไคลรีบไปตามสายชลธี
อันเรือหลังตั้งกันสิ้นทั้งหลายก็พายแซงแข่งขึ้นไปอึงมี่
โห่สนั่นครั่นครึ้นทั้งนาวีมีแต่ความเกษมสุขไปทุกคน
เสียงเส้าเร้าเร่งพลพายเหมือนรักหมายสายสวาททุกขุมขน
ให้อักอ่วนป่วนจิตจลาจลถึงตำบลบางกุ้งเป็นคุ้งเลี้ยว
ยิ่งลับไม้ไกลเนตรทุเรศสถานให้แดดาลหวั่นหวั่นกระสันเสียว
ดังเอกามาแต่นาวาเดียวเปลี่ยวสวาสดินิราศไร้ภิรมย์ชม
      ๏ มาถึงย่านนกแขวกแสกส่งเสียงทั้งสำเนียงถอนใจเพียงใจล่ม
เคยยินเสียงประโคมขานสำราญรมย์โอ้ครั้งนี้มาระงมแต่เสียงนก
แสนทุเรศเวทนานิจาเอ๋ยนี่ใครเลยจะเล็งเห็นในอก
ได้ระกำช้ำใจมาหลายยกหวังจะป้องปิดปกให้พ้นไภย
มิให้หมู่พาลาอาธรรม์มาย่ำยีเขตขัณฑ์บุรีได้
จึงสู้สละรักหักใจมาทนเทวษอยู่ไกลเอกา
      ๏ ถึงบำหรุเหมือนพี่นิราศรักให้อักอ่วนครวญใคร่อาลัยหา
ครั้นลุราชบุรีภิรมยาที่อาทวาหักอารมย์ค่อยสมประดี
จึงรีบรัดจัดหมู่โยธาให้อยู่รักษาบุรีศรี
ครั้นอรุณเรืองแรงแสงรวีก็จรลีนาเวศทุเรศจร
ด่วนเดินทางโดยทางชลมารคแสนลำบากด้วยร้างแรมสมร
กระหายหิวหวิวใจให้อาวรณ์แต่ข้อนข้อนขุ่นเข็ญเป็นนิรันดร์
ถึงท่าราบเหมือนพี่ทาบทรวงถวิลยิ่งโดยดิ้นโหยหวนครวญกระสัน
ด้วยได้ทุกข์ฉุกใจมาหลายวันจนบรรลุเจ็ดเสมียนตำบลมา
ลำลำจะใคร่เรียกเสมียนหมายมารายทุกข์ที่ทุกข์คนึงหา
จึงรีบเร่งนาเวศครรไลยคลาพอทิวากรเยื้องจะสายัณห์
ก็ลุถึงวังศาลาท่าลาดชายหาดทรายแดงดังแกล้งสรร
จึงประทับแรมรั้งยังที่นั้นพอพักพวกพลขันธ์ให้สำราญ
พรั่งพร้อมล้อมวงเป็นหมู่หมวดชาวมหาดตำรวจแลทวยหาญ
เฝ้าแหนแน่นนันต์กราบกรานนุ่งห่มสะคราญจำเริญตา
ต่างว่าจะเข้าโหมหักศึกห้าวฮึกขอขันอาสา
ไม่คิดกายขอถวายชีวาพร้อมหน้าถ้วนทุกตัวไป
แต่ตริการที่จะผลาญอรินราชจนโอภาสแสงจันทร์จำรัสไข
ให้ขุกคิดอาวรณ์สะท้อนใจถึงอนงค์นางในไม่รู้วาย
ด้วยเคยทอดทัศนาไม่รารักภิรมย์พักตร์ร้องรำบำเรอถวาย
บ้างเฝ้าแหนหมอบเมียงเรียงรายกรกรายโบกพัชนีพาน
ยิ่งเร่าร้อนทอนทอดฤทัยทุกข์เมื่อเคยสุขฤามาเสื่อมทุกสิ่งสมาน
จนลืมหลงที่ดำรงดำริการแต่เดือดดาลอารมณ์ไม่สมประดี
จนเพลาสิบทุ่มยิ่งรุ่มร้อนให้ยกพลนิกรออกจากที่
กระบวนทัพซับซ้อนมามากมีโห่มีสะเทือนก้องท้องวาริน
      ๏ ถึงม่วงชุมเหมือนเคยประชุมเฝ้ายิ่งร้อนเร่ารื้อกำหนัดประวัติถวิล
ยามเสวยเคยเห็นเป็นอาจิณแดดิ้นถึงเนื้อวิมลมาลย์
แสนเทวษเสื่อมสิ้นสิ่งสวาสดิด้วยนิราศแรมร้างห่างสถาน
ถึงยามชื่นมิได้ชื่นสำราญบานแต่นี้นานสวาสดิ์เว้นไม่เห็นใคร
ถึงปากแพรกซึ่งเป็นที่ประชุมพลพร้อมพหลพลนิกรน้อยใหญ่
ค่ายคูเขื่อนขัณฑ์ทั้งนั้นไซ้สารพัดแต่งไว้ทุกประการ
จึงรีบรัดจัดโดยกระบวนทัพสรรพด้วยพยุหทวยหาญ
ทุกหมู่หมวดตรวจกันไว้พร้อมการครั้นได้ศุภวารเวลา
ให้ยกพลขึ้นทางไทรโยคสถานทั้งบกเรือล้วนทหารอาสา
จะสังหารอริราชพาลาอันสถิตย์อยู่ยังท่าดินแดง
      ๏ ครั้นเดือนสามวันแรมเก้าค่ำย่ำรุ่งสี่บาทอรุณแสง
จึงให้ยกพหลรณแรงล้วนกำแหงหาญเหี้ยมสงครามครัน
ไปโดยพยุหบาตรรัถยาพลนาวาตามไปเป็นหลั่นหลั่น
สะพรึบพร้อมหน้าหลังตั้งกันโห่สนั่นสะเทือนท้องนทีธาร
รีบเร่งพลพายให้เร่งพายฝืนสายชลเชี่ยวฉ่าฉาน
ถึงตำแหน่งแก่งหลวงศิลาดาลชลธารไหลเชี่ยวเป็นเกรียวมา
แต่จำเพาะเตราะตรอกซอกทางแก่งเกาะขัดขวางอยู่หนักหนา
แสนลำบากยากใจที่ไคลคลาใครจะเห็นเวทนาบรรดามี
สองวันบรรลุถึงวังยางคนึงวังอ้างว้างเกษมศรี
เคยเป็นสุขทุกเวลาราตรีโอ้ครานี้มีกรรมมาจำไกล
ถึงบางลางยิ่งดาลทรวงสมรให้ขุ่นข้อนอารมณ์หม่นไหม้
จึงเร่งรีบนาวาคลาไคลมาถึงไศลชลชีสีขริน
สูงส่งตรงโตรกโดดเดี่ยวอยู่ริมสายชลเชี่ยวกระแสสินธุ์
พรายแพร้วดังแก้วแกมนิลปักษินบินร้องร้องระงมไพร
บ้างจับไม้รายเรียงบนเชิงเขาบ้างง่วงเหงาหาคู่พิศมัย
นกเอ๋ยยังรู้มีอาลัยอกเราฤาจะไม่เวทนา
ครั้นบรรลุถึงศาลเทพารักษ์อันพิทักษ์ปากน้ำประจำท่า
มีแต่ศาลสันโดษอยู่เอกาคิดมาเหมือนอกพี่ที่จากจร
เห็นอารักษ์แล้วคิดสังเวชจิตมาใช้มิตรเหมือนพี่ร้างแรมสมร
สารพัดจะวิบัติอนาทรแต่ร้อนแรมตามทางทุเรศมา
      ๏ ครั้นมาถึงวังนางตะเคียนพิศเพี้ยนมิ่งไม้ใบหนา
ตั้งเคียงเรียงราบริมชลาสาขารื่นรมสำราญใจ
ต้นไม้เปลาเปลาอยู่สล้างเหมือนไม้กระถางวางเรียงงามไสว
ชมพลางพลางรีบนาวาไปบรรลุล่วงมาได้หลายตำบล
มาพลางทางแสนคนึงหานัยนาแลลับไพรสณฑ์
ยิ่งแดดาลร่านร้อนทุรนทนจนลุดลเข้าท้องไอยรารมย์
เป็นช่องชั้นเชิงผาศิลาลาดรุกขชาติรื่นรวยสวยสม
ไพจิตรพิศพรรณอยู่น่าชมลมพัดพากลิ่นสุมาลย์มา
มีท่อธารน้ำพุดุดันตลอดลั่นไหลลงแต่ยอดผา
เป็นโปลงปล่องช่องชั้นบรรพตาเซนซ่าดังสายสุหร่ายริน
บ้างเป็นท่อแถวทางหว่างบรรพตเลี้ยวลดไหลมามิรู้สิ้น
น้ำใสไหลรินซอกศิขรินแสนถวิลถึงสวาดิไม่คลาดคลา
เกษมสุขสรงสนานสำราญเริงบันเทิงจิตพิศวงหรรษา
ชลอได้ก็จะใคร่ชลอมาให้เป็นที่ผาสุขทุกนางใน
คิดเคยเมื่อเคยสรงสนานสุธาธารทิพรสสดใส
อันหอมหวลอวลอบสุมาไลยมาร้างไร้สุคนธกำจร
เจ้าเคยถวายภูษาสุธาสรงอันบรรจงทิพรสเกษร
เคยไพบูลย์ด้วยดรุณนิกรทีนี้มาจำจรอยู่เอกา
ชมเขาลำเนาพนาวาศแสนสวาดิไม่วายถวิลหา
      ๏ ถึงไทรโยคปลายแดนนัครา      มิให้หยุดโยธาเร่งคลาไคล
แต่เห็นทางท่าชลานั้นเป็นเกาะแก่งขัดขึ้นล้วนเนินไศล
ยากที่นาวีจะหลีกไปจึงสั่งให้รอรั้งยั้งนาวา
เร่งรีบคชสารอัสดรบทจรตามแถวแนวพฤษา
ชมพรรณมิ่งไม้นานาบ้างทรงผลผกาเขียวขจี
ลางต้นสาขาดูน่าชมรื่นร่มมิดแสงพระสุริยศรี
สดับเสียงปักษาสุวาทีลิงค่างบ่างชนีวิเวกดง
เสนาะเสียงจักจั่นสนั่นไพรแม่ม่ายลองในในป่าระหง
เรไรร้องหริ่งหริ่งอยู่ริมพงส่งเสียงดังสำเนียงอนงค์นวล
คิดคล้ายลม้ายเหมือนดนตรีจำเรียงรี่เรื่อยโรยโหยหวน
ยิ่งซับซาบอาบชื่นอารมณ์ชวนกำสรวลว้าเหว่ทุเรโรย
ฟังแต่เสียงสำเนียงนกวิหคร้องวิเวกก้องเกริ่นไพรฤทัยโหย
รุกขชาติแกว่งกวัดสบัดโบยลมโชยคันธรสจรุงใจ
ตะวันรอนอ่อนแสงจะอัสดงเหล่าจัตุรงค์เตรียมกายทั้งนายไพร่
แรมรอนนอนแนวพนาไลยแต่ไศลป่าระหงดงดอน
นอนเดียวเปลี่ยวเทวษทวีทุกข์ไม่มีสุขเร่าร้อนสท้อนถอน
แสงจันทร์ส่องสว่างกลางอัมพรยิ่งอาวรณ์หวังสวาดิไม่ขาดคิด
วายุพัดพานดวงศศิธรเขจรจรบังเมฆมิดสนิท
พิรุณโรยโปรยปรายใบไม้ชิดสะท้านจิตเจียนจักเป็นไข้ใจ
เย็นฉ่ำน้ำฟ้าละอองฝนมาทนเทวษครั้งนี้จะมีไหน
ถึงทั้งหลายหนาวกายได้ผิงไฟไม่เหมือนพี่หนาวใจที่ในทรวง
เห็นดาวดึกนึกหวนรัญจวนหาในอุษาเพียงทับด้วยเขาหลวง
อันหาบหามที่เขาตามมาทั้งปวงไม่หนักทรวงเหมือนพี่หนักอาลัยไกล
เขาหนักหาบถึงที่ก็ได้พักพี่หนักรักนี้ไม่ปลงเอาลงได้
มีแต่คอยคอยทุกข์ทุกวันไปจะเห็นใจฤาที่ใจการุณกัน
แต่นอนนิ่งกลิ้งกลับไม่หลับสนิทยิ่งคิดคิดก็ยิ่งโทมนัสสัน
      ๏ จนอรุณเรืองศรีรวีวรรณจึงให้ยกพลขันธ์ยาตรา
ออกจากเนินผาศิลาพนัสเร่งรัดทวยหาญทั้งซ้ายขวา
ไปตามแนวแถวในพนาวาพอสุริยาสายัณห์ลงรอนรอน
ก็ถึงด่านท่าขนุนโดยหมายให้ตั้งค่ายตามเชิงศิขร
แล้วรีบเร่งพหลพลนิกรทั้งลาวมอญเขมรไทยเข้าโจมตี
ทัพพม่าอยู่ยังท่าดินแดงแต่งค่ายรายไว้เป็นถ้วนถี่
ทั้งเสบียงอาหารสารพันมีดังสร้างสรรค์ธานีทุกประการ
มีทั้งพ่อค้ามาขายร้านรายกระท่อมพลทุกสถาน
ด้านหลังท่าทางวางตะพานตามละหานห้วยน้ำทุกตำบล
ร้อยเส้นมีฉางระหว่างค่ายถ่ายเสบียงมาไว้ทุกแห่งหน
แล้วแต่งกองร้อยอยู่คอยคนจนตำบลสามสบครบครัน
อันค่ายคูประตูหอรบตบแต่งสารพันเป็นที่มั่น
ทั้งขวากหนามเขื่อนคูป้องกันเป็นชั้นชั้นอันดับมากมาย
ให้ทหารเข้าหักโหมโรมรันสามวันพวกพม่าก็พังพ่าย
แตกยับกระจัดพลัดพรายทั้งค่ายคอยน้อยใหญ่ไม่ต่อดี
ให้ติดตามไปจนแม่กษัตรเหล่าพม่ารีบรัดลัดหนี
บ้างก็ตายก่ายกองในปัถพีด้วยเดชะบารมีที่ทำมา
      ๏ ตั้งใจจะอุปถัมภกยอยกพระพุทธศาสนา
จะป้องกันขอบขัณฑสีมารักษาประชาชนแลมนตรี
จะบำรุงทั้งฝูงสุรางค์รักให้อัคเรศเป็นสุขเจริญศรี
ครั้นเสร็จการผลาญราชไพรีก็ให้กรีธาทัพกลับมา
ทั้งทิวาราตรีไม่หยุดหย่อนด้วยอาวรณ์ทนเทวษถวิลหา
แสนคนึงถึงสวาดิไม่คลาดคลาแต่พร่ำปรารภนั้นเป็นอาจิณ
จิตเจ็บจะขาดด้วยนิราศรสจะอดไว้ก็สุดอาลัยถวิล
อันบำราบรบราชไพรินถึงจะไร้ศรศิลป์ที่ชิงไชย
ก็พอจะพยายามตามตีให้ชนะไพรีจงได้
จะสู้สงครามรักนี้หนักใจด้วยไร้ศรรสสวาดิจะราวี
อันแสนศึกทั้งหลายก็พ่ายแพ้ยากแต่จะรบรักให้หน่ายหนี
ที่ลำบากแต่หลังในครั้งนี้สุดที่จะปรับทุกข์กับผู้ใด
อันฝูงสุรางค์นางทั้งหลายยังค่อยอยู่สุขสบายฤาไฉน
ฤาในจิตคิดอ่านประการใดอย่าอำไว้จงแจ้งแต่จริง เอย ฯ
             
เครื่องมือส่วนตัว