นิราศท่าดินแดง

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

การปรับปรุง เมื่อ 06:50, 18 กุมภาพันธ์ 2553

ข้อมูลเบื้องต้น

พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก

๏ แสนรักสุดรักภิรมย์สมร
ทุกอนงค์ทรงลักษณ์อันสุนทรสถาวรพูนสวาดิสวัสดี
ประกอบศักดิ์สมบูรณ์จำรูญเนตรอัคเรศงอนงามจำเริญศรี
แสนกระสันปั่นป่วนฤดีทวีมีมโนเสน่ห์น้อมถนอมนวล
อันราคีมิให้เคืองระคางข้องปองประคองนิ่มเนื้อนวลสงวน
หวังสวาสดิ์มิรู้ขาดอารมณ์ครวญเป็นที่ชวนชูชื่นทุกอิริยา
เกษมสุขภิรมย์สมสมานเคยสำราญมิได้แรมนิราศา
ไม่นิราศขาดชมสักเวลาบำเรอล้อมพร้อมหน้าไม่ราวัน
นิจาเอ๋ยโอ้กรรมจึงจำไกลมาซ้ำให้ทุเรศร้างมไหสวรรย์
ก็เพราะมีอธิราชไภยันเข้าหักหั่นด่านแดนบุรีรมย์
จึงต้องกรูกรีธาพลากรมาจำจรจากสุขเกษมสม
สารพัดสิ่งสวัสดิ์ที่เคยชมก็นิยมให้วิโยคด้วยจำเป็น
เมื่อวันออกนาเวศทุเรศสถานแสนสงสารสุดอาไลยใครจะเห็น
พี่เคยทัศนาเจ้าทุกเช้าเย็นเพราะเกิดเข็ญจึงต้องละสละมา
      ๏ ครั้นถึงด่านดาลเทวษทวีถึงคนึงในให้หวนละห้อยหา
ถึงนางนองเหมือนพี่นองชลนายิ่อาทวาอาวรณ์สท้อนใจ
ครั้นถึงโขลนทวารยิ่งลานแลให้หวาดแหวอารมณ์ดังลมไข้
จนลุล่วงคลองชลามหาไชยย่านไกลสุดสายในตาแล
เหมือนอกเราที่นิรามาทุเรศเหลือสังเกตมุ่งหามาห่างแห
ระกำเดียวเปลี่ยวดิ้นฤดีแดจนล่วงกระแสสาครบุรีไป
ลุสถานบ้านบ่อนาขวางให้อางขนางร้อนรนกมลไหม้
ถึงย่านซื่อเหมือนพี่ซื่อสังวรใจมิได้มีลำเอียงเที่ยงธรรม
เมื่อถึงสามสิบสามคดแล้วแคล้วแคล้วเหมือนจะกลับมารับขวัญ
คล้ายคล้ายอัษฎงค์พระสุริยันก็บรรลุถึงคลองสุนัขใน
พอชลาถอยถดลดลงฝั่งเรือดั่งเคืองเขินไม่เดินได้
พลพายรายกันลงเข็นไปเหมือนเข็ญใจเคืองจิตที่จากมา
๏      ครั้นเพลาสุริยาอรุณเรืองแสงประเทืองเบื้องบูรพ์ทิศา
พอตกลึกแล้วให้ล่องนาวาคลาประทับท่าเมืองสมุทรบุรีรมย์
อันฝุงชนชาวบ้านย่านนั้นผิวพรรณไม่รื่นรวยสวยสม
ไม่เป็นที่ชวนชื่นอารมณ์ชมยิ่งเกรียบกรมสุดแสนระกำใจ
ให้ปั่นป่วนหวนสวาสดิ์ประวัติหาจะดูใครไม่พาใจชื่นได้
จึงให้ออกนาวาคลาไคลรีบไปตามสายชลธี
อันเรือหลังตั้งกันสิ้นทั้งหลายก็พายแซงแข่งขึ้นไปอึงมี่
โห่สนั่นครั่นครึ้นทั้งนาวีมีแต่ความเกษมสุขไปทุกคน
เสียงเส้าเร้าเร่งพลพายเหมือนรักหมายสายสวาททุกขุมขน
ให้อักอ่วนป่วนจิตจลาจลถึงตำบลบางกุ้งเป็นคุ้งเลี้ยว
ยิ่งลับไม้ไกลเนตรทุเรศสถานให้แดดาลหวั่นหวั่นกระสันเสียว
ดังเอกามาแต่นาวาเดียวเปลี่ยวสวาสดินิราศไร้ภิรมย์ชม
      ๏ มาถึงย่านนกแขวกแสกส่งเสียงทั้งสำเนียงถอนใจเพียงใจล่ม
เคยยินเสียงประโคมขานสำราญรมย์โอ้ครั้งนี้มาระงมแต่เสียงนก
แสนทุเรศเวทนานิจาเอ๋ยนี่ใครเลยจะเล็งเห็นในอก
ได้ระกำช้ำใจมาหลายยกหวังจะป้องปิดปกให้พ้นไภย
มิให้หมู่พาลาอาธรรม์มาย่ำยีเขตขัณฑ์บุรีได้
จึงสู้สละรักหักใจมาทนเทวษอยู่ไกลเอกา
      ๏ ถึงบำหรุเหมือนพี่นิราศรักให้อักอ่วนครวญใคร่อาลัยหา
ครั้นลุราชบุรีภิรมยาที่อาทวาหักอารมย์ค่อยสมประดี
จึงรีบรัดจัดหมู่โยธาให้อยู่รักษาบุรีศรี
ครั้นอรุณเรืองแรงแสงรวีก็จรลีนาเวศทุเรศจร
ด่วนเดินทางโดยทางชลมารคแสนลำบากด้วยร้างแรมสมร
กระหายหิวหวิวใจให้อาวรณ์แต่ข้อนข้อนขุ่นเข็ญเป็นนิรันดร์
ถึงท่าราบเหมือนพี่ทาบทรวงถวิลยิ่งโดยดิ้นโหยหวนครวญกระสัน
ด้วยได้ทุกข์ฉุกใจมาหลายวันจนบรรลุเจ็ดเสมียนตำบลมา
ลำลำจะใคร่เรียกเสมียนหมายมารายทุกข์ที่ทุกข์คนึงหา
จึงรีบเร่งนาเวศครรไลยคลาพอทิวากรเยื้องจะสายัณห์
ก็ลุถึงวังศาลาท่าลาดชายหาดทรายแดงดังแกล้งสรร
จึงประทับแรมรั้งยังที่นั้นพอพักพวกพลขันธ์ให้สำราญ
พรั่งพร้อมล้อมวงเป็นหมู่หมวดชาวมหาดตำรวจแลทวยหาญ
เฝ้าแหนแน่นนันต์กราบกรานนุ่งห่มสะคราญจำเริญตา
ต่างว่าจะเข้าโหมหักศึกห้าวฮึกขอขันอาสา
ไม่คิดกายขอถวายชีวาพร้อมหน้าถ้วนทุกตัวไป
แต่ตริการที่จะผลาญอรินราชจนโอภาสแสงจันทร์จำรัสไข
ให้ขุกคิดอาวรณ์สะท้อนใจถึงอนงค์นางในไม่รู้วาย
ด้วยเคยทอดทัศนาไม่รารักภิรมย์พักตร์ร้องรำบำเรอถวาย
บ้างเฝ้าแหนหมอบเมียงเรียงรายกรกรายโบกพัชนีพาน
ยิ่งเร่าร้อนทอนทอดฤทัยทุกข์เมื่อเคยสุขฤามาเสื่อมทุกสิ่งสมาน
จนลืมหลงที่ดำรงดำริการแต่เดือดดาลอารมณ์ไม่สมประดี
จนเพลาสิบทุ่มยิ่งรุ่มร้อนให้ยกพลนิกรออกจากที่
กระบวนทัพซับซ้อนมามากมีโห่มีสะเทือนก้องท้องวาริน
      ๏ ถึงม่วงชุมเหมือนเคยประชุมเฝ้ายิ่งร้อนเร่ารื้อกำหนัดประวัติถวิล
ยามเสวยเคยเห็นเป็นอาจิณแดดิ้นถึงเนื้อวิมลมาลย์
แสนเทวษเสื่อมสิ้นสิ่งสวาสดิด้วยนิราศแรมร้างห่างสถาน
ถึงยามชื่นมิได้ชื่นสำราญบานแต่นี้นานสวาสดิ์เว้นไม่เห็นใคร
ถึงปากแพรกซึ่งเป็นที่ประชุมพลพร้อมพหลพลนิกรน้อยใหญ่
ค่ายคูเขื่อนขัณฑ์ทั้งนั้นไซ้สารพัดแต่งไว้ทุกประการ
จึงรีบรัดจัดโดยกระบวนทัพสรรพด้วยพยุหทวยหาญ
ทุกหมู่หมวดตรวจกันไว้พร้อมการครั้นได้ศุภวารเวลา
ให้ยกพลขึ้นทางไทรโยคสถานทั้งบกเรือล้วนทหารอาสา
จะสังหารอริราชพาลาอันสถิตย์อยู่ยังท่าดินแดง
      ๏ ครั้นเดือนสามวันแรมเก้าค่ำ
ย่ำรุ่งสี่บาทอรุณแสง
จึงให้ยกพหลรณแรง
ล้วนกำแหงหาญเหี้ยมสงครามครัน
ไปโดยพยุหบาตรรัถยา
พลนาวาตามไปเป็นหลั่นหลั่น
สะพรึบพร้อมหน้าหลังตั้งกัน
โห่สนั่นสะเทือนท้องนทีธาร
รีบเร่งพลพายให้เร่งพาย
ฝืนสายชลเชี่ยวฉ่าฉาน
ถึงตำแหน่งแก่งหลวงศิลาดาล
ชลธารไหลเชี่ยวเป็นเกรียวมา
แต่จำเพาะเตราะตรอกซอกทาง
แก่งเกาะขัดขวางอยู่หนักหนา
แสนลำบากยากใจที่ไคลคลา
ใครจะเห็นเวทนาบรรดามี
สองวันบรรลุถึงวังยาง
คนึงวังอ้างว้างเกษมศรี
เคยเป็นสุขทุกเวลาราตรี
โอ้ครานี้มีกรรมมาจำไกล
ถึงบางลางยิ่งดาลทรวงสมร
ให้ขุ่นข้อนอารมณ์หม่นไหม้
จึงเร่งรีบนาวาคลาไคล
มาถึงไศลชลชีสีขริน
สูงส่งตรงโตรกโดดเดี่ยว
อยู่ริมสายชลเชี่ยวกระแสสินธุ์
พรายแพร้วดังแก้วแกมนิล
ปักษินบินร้องร้องระงมไพร
บ้างจับไม้รายเรียงบนเชิงเขา
บ้างง่วงเหงาหาคู่พิศมัย
นกเอ๋ยยังรู้มีอาลัย
อกเราฤาจะไม่เวทนา
ครั้นบรรลุถึงศาลเทพารักษ์
อันพิทักษ์ปากน้ำประจำท่า
มีแต่ศาลสันโดษอยู่เอกา
คิดมาเหมือนอกพี่ที่จากจร
เห็นอารักษ์แล้วคิดสังเวชจิต
มาใช้มิตรเหมือนพี่ร้างแรมสมร
สารพัดจะวิบัติอนาทร
แต่ร้อนแรมตามทางทุเรศมา
ครั้นมาถึงวังนางตะเคียน
พิศเพี้ยนมิ่งไม้ใบหนา
ตั้งเคียงเรียงราบริมชลา
สาขารื่นรมสำราญใจ
ต้นไม้เปลาเปลาอยู่สล้าง
เหมือนไม้กระถางวางเรียงงามไสว
ชมพลางพลางรีบนาวาไป
บรรลุล่วงมาได้หลายตำบล
มาพลางทางแสนคนึงหา
นัยนาแลลับไพรสณฑ์
ยิ่งแดดาลร่านร้อนทุรนทน
จนลุดลเข้าท้องไอยรารมย์
เป็นช่องชั้นเชิงผาศิลาลาด
รุกขชาติรื่นรวยสวยสม
ไพจิตรพิศพรรณอยู่น่าชม
ลมพัดพากลิ่นสุมาลย์มา
มีท่อธารน้ำพุดุดัน
ตลอดลั่นไหลลงแต่ยอดผา
เป็นโปลงปล่องช่องชั้นบรรพตา
เซนซ่าดังสายสุหร่ายริน
บ้างเป็นท่อแถวทางหว่างบรรพต
เลี้ยวลดไหลมามิรู้สิ้น
น้ำใสไหลรินซอกศิขริน
แสนถวิลถึงสวาดิไม่คลาดคลา
เกษมสุขสรงสนานสำราญเริง
บันเทิงจิตพิศวงหรรษา
ชลอได้ก็จะใคร่ชลอมา
ให้เป็นที่ผาสุขทุกนางใน
คิดเคยเมื่อเคยสรงสนาน
สุธาธารทิพรสสดใส
อันหอมหวลอวลอบสุมาไลย
มาร้างไร้สุคนธกำจร
เจ้าเคยถวายภูษาสุธาสรง
อันบรรจงทิพรสเกษร
เคยไพบูลย์ด้วยดรุณนิกร
ทีนี้มาจำจรอยู่เอกา
ชมเขาลำเนาพนาวาศ
แสนสวาดิไม่วายถวิลหา
ค ถึงไทรโยคปลายแดนนัครา
มิให้หยุดโยธาเร่งคลาไคล
แต่เห็นทางท่าชลานั้น
เป็นเกาะแก่งขัดขึ้นล้วนเนินไศล
ยากที่นาวีจะหลีกไป
จึงสั่งให้รอรั้งยั้งนาวา
เร่งรีบคชสารอัสดร
บทจรตามแถวแนวพฤษา
ชมพรรณมิ่งไม้นานา
บ้างทรงผลผกาเขียวขจี
ลางต้นสาขาดูน่าชม
รื่นร่มมิดแสงพระสุริยศรี
สดับเสียงปักษาสุวาที
ลิงค่างบ่างชนีวิเวกดง
เสนาะเสียงจักจั่นสนั่นไพร
แม่ม่ายลองในในป่าระหง
เรไรร้องหริ่งหริ่งอยู่ริมพง
ส่งเสียงดังสำเนียงอนงค์นวล
คิดคล้ายลม้ายเหมือนดนตรี
จำเรียงรี่เรื่อยโรยโหยหวน
ยิ่งซับซาบอาบชื่นอารมณ์ชวน
กำสรวลว้าเหว่ทุเรโรย
ฟังแต่เสียงสำเนียงนกวิหคร้อง
วิเวกก้องเกริ่นไพรฤทัยโหย
รุกขชาติแกว่งกวัดสบัดโบย
ลมโชยคันธรสจรุงใจ
ตะวันรอนอ่อนแสงจะอัสดง
เหล่าจัตุรงค์เตรียมกายทั้งนายไพร่
แรมรอนนอนแนวพนาไลย
แต่ไศลป่าระหงดงดอน
นอนเดียวเปลี่ยวเทวษทวีทุกข์
ไม่มีสุขเร่าร้อนสท้อนถอน
แสงจันทร์ส่องสว่างกลางอัมพร
ยิ่งอาวรณ์หวังสวาดิไม่ขาดคิด
วายุพัดพานดวงศศิธร
เขจรจรบังเมฆมิดสนิท
พิรุณโรยโปรยปรายใบไม้ชิด
สะท้านจิตเจียนจักเป็นไข้ใจ
เย็นฉ่ำน้ำฟ้าละอองฝน
มาทนเทวษครั้งนี้จะมีไหน
ถึงทั้งหลายหนาวกายได้ผิงไฟ
ไม่เหมือนพี่หนาวใจที่ในทรวง
เห็นดาวดึกนึกหวนรัญจวนหา
ในอุษาเพียงทับด้วยเขาหลวง
อันหาบหามที่เขาตามมาทั้งปวง
ไม่หนักทรวงเหมือนพี่หนักอาลัยไกล
เขาหนักหาบถึงที่ก็ได้พัก
พี่หนักรักนี้ไม่ปลงเอาลงได้
มีแต่คอยคอยทุกข์ทุกวันไป
จะเห็นใจฤาที่ใจการุณกัน
แต่นอนนิ่งกลิ้งกลับไม่หลับสนิท
ยิ่งคิดคิดก็ยิ่งโทมนัสสัน
จนอรุณเรืองศรีรวีวรรณ
จึงให้ยกพลขันธ์ยาตรา
ออกจากเนินผาศิลาพนัส
เร่งรัดทวยหาญทั้งซ้ายขวา
ไปตามแนวแถวในพนาวา
พอสุริยาสายัณห์ลงรอนรอน
ก็ถึงด่านท่าขนุนโดยหมาย
ให้ตั้งค่ายตามเชิงศิขร
แล้วรีบเร่งพหลพลนิกร
ทั้งลาวมอญเขมรไทยเข้าโจมตี
ทัพพม่าอยู่ยังท่าดินแดง
แต่งค่ายรายไว้เป็นถ้วนถี่
ทั้งเสบียงอาหารสารพันมี
ดังสร้างสรรค์ธานีทุกประการ
มีทั้งพ่อค้ามาขาย
ร้านรายกระท่อมพลทุกสถาน
ด้านหลังท่าทางวางตะพาน
ตามละหานห้วยน้ำทุกตำบล
ร้อยเส้นมีฉางระหว่างค่าย
ถ่ายเสบียงมาไว้ทุกแห่งหน
แล้วแต่งกองร้อยอยู่คอยคน
จนตำบลสามสบครบครัน
อันค่ายคูประตูหอรบ
ตบแต่งสารพันเป็นที่มั่น
ทั้งขวากหนามเขื่อนคูป้องกัน
เป็นชั้นชั้นอันดับมากมาย
ให้ทหารเข้าหักโหมโรมรัน
สามวันพวกพม่าก็พังพ่าย
แตกยับกระจัดพลัดพราย
ทั้งค่ายคอยน้อยใหญ่ไม่ต่อดี
ให้ติดตามไปจนแม่กษัตร
เหล่าพม่ารีบรัดลัดหนี
บ้างก็ตายก่ายกองในปัถพี
ด้วยเดชะบารมีที่ทำมา
ตั้งใจจะอุปถัมภก
ยอยกพระพุทธศาสนา
จะป้องกันขอบขัณฑสีมา
รักษาประชาชนแลมนตรี
จะบำรุงทั้งฝูงสุรางค์รัก
ให้อัคเรศเป็นสุขเจริญศรี
ครั้นเสร็จการผลาญราชไพรี
ก็ให้กรีธาทัพกลับมา
ทั้งทิวาราตรีไม่หยุดหย่อน
ด้วยอาวรณ์ทนเทวษถวิลหา
แสนคนึงถึงสวาดิไม่คลาดคลา
แต่พร่ำปรารภนั้นเป็นอาจิณ
จิตเจ็บจะขาดด้วยนิราศรส
จะอดไว้ก็สุดอาลัยถวิล
อันบำราบรบราชไพริน
ถึงจะไร้ศรศิลป์ที่ชิงไชย
ก็พอจะพยายามตามตี
ให้ชนะไพรีจงได้
จะสู้สงครามรักนี้หนักใจ
ด้วยไร้ศรรสสวาดิจะราวี
อันแสนศึกทั้งหลายก็พ่ายแพ้
ยากแต่จะรบรักให้หน่ายหนี
ที่ลำบากแต่หลังในครั้งนี้
สุดที่จะปรับทุกข์กับผู้ใด
อันฝูงสุรางค์นางทั้งหลาย
ยังค่อยอยู่สุขสบายฤาไฉน
ฤาในจิตคิดอ่านประการใด
อย่าอำไว้จงแจ้งแต่จริง เอย ฯ
             
เครื่องมือส่วนตัว