เสภาเรื่องพระราชพงศาวดาร

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(เพิ่มเติม)
แถว 109: แถว 109:
จะได้ช่องคล่องจิตรเหมือนคิดไว้  ฤๅเห็นเป็นอย่างไรให้ว่ามา ฯ
จะได้ช่องคล่องจิตรเหมือนคิดไว้  ฤๅเห็นเป็นอย่างไรให้ว่ามา ฯ
   
   
 +
 +
๏ ฝ่ายว่าข้าเฝ้าเหล่าพวกขอม  ต่างเห็นพร้อมเพรียงกันยิ่งหรรษา
 +
จึงกราบทูลตามมูลกิจจา  ซึ่งตรัสมาต้องที่เห็นดีนัก
 +
ด้วยทัพไทยไพร่นายยังไรเรี่ย  ทำลายเสียจู่โจมรีบโหมหัก
 +
อย่าให้ตั้งค่ายมั่นขยันนัก  แม้นหน่วงหนักนิ่งไว้ไม่สู้ดี ฯ
 +
  ๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงกัมพุชประเทศ  สดับเหตุปรีดี์เปรมเกษมศรี
 +
ทรงสำรวลสรวญร่าแล้วพาที  เหวยเสนีตรวจตราพลากร
 +
แล้วตรัสสั่งอุปราชรชโอรส  จงคุมทศทวยหาญชาญสมร
 +
ไปโจมทัพจับไทยไพรีรอน  จงถาวรกูลสวัสดิ์กำจัดไภย ฯ
 +
  ๏ ครานั้น พระอุปราชราชบุตร์  เกษมสุดยินดีจะมีไหน
 +
บังคมลามาเตรียมพลไกร  จำนวนไพร่โยธาหมื่นห้าพัน
 +
ถึงยามสองกองทัพไม่สับสน  ดำเนินพลออกทวารปราการกั้น
 +
ห้ามมิให้เฮฮาพูดจากัน  ถึงกองทัพฉับพลันในทันที
 +
ให้ยิงปืนครื้นครึกเสียงกึกก้อง  โห่ร้องเลื่อนลั่นสนั่นมี่
 +
ดาบดั้งพรั่งพร้อมล้อมวารี  ต้อนตีทัพมาไม่รารอ ฯ
 +
  ๏ ครานั้น แม่กองสองทหาร  อลหม่านตกใจเอ๊ะใครหนอ
 +
ฉวยดาบโดดโลดไล่ไม่ย่อท้อ  ร้องรับพ่อพวกเราเอาให้ตาย
 +
หมู่ทหารราญรัญรับสัปรยุทธ  ปรายอาวุธหอกดาบกำซายสาย
 +
พวกขอมแขงแทงกระทั่งพุงทลาย  ไทยตาแตกตื่นเสียงครื้นครึก
 +
เขมรโดดโลดไล่พวกไทยล่า  มัวหลับตาเสียกระบวนเมื่อจวนดึก
 +
ขอมกระทำซ้ำเติมโห่เหิมฮึก  อึกกะทึกรบรับจนทัพไชย ฯ
 +
  ๏ ครานั้น พระราเมศวรราช  ทรงไสยาศน์ในพลับพลาที่อาไศรย
 +
เสียงครั่นครื้นตื่นพลันในทันใด  ตกพระไทยผลันผลุนหมุนออกมา
 +
เห็นพลเมืองเนืองหนุนขนาบไร่  กองทัพไทยย่อหย่อนอ่อนหนักหนา
 +
แสนพิโรธโดดกลับเข้าพลับพลา  ทรงสาตราวิ่งวางออกกลางทัพ
 +
ขับพหลพลไกรไล่ตระหลบ  ใครไม่รบหลกเลี่ยงจะเสียงสับ
 +
ทหารกลัวตัวตายเข้ารายรับ  ทั้งสองทัพแขงขันประจัญบาน
 +
ต่างกำแหงแรงเริงในเชิงยุทธ  ฤทธิรุทฟันฟาดกันฉาดฉาน
 +
พวกขอมอ่อนหย่อนยืนไม่ทนทาน  ไทยทหารฮึกโห่เปนโกลา ฯ
 +
  ๏ ครานั้น มหาอุปราช  กริ้วตวาดพลนิกายทั้งซ้ายขวา
 +
ต้อนกระตุ้นหนุนซ้ำกระหน่ำมา  พวกโยธาร้อนตัวกลัวความตาย
 +
ฟันแทงแย้งยุทธอาวุธสั้น  แขงขันต่อตีไม่หนีหาย
 +
ทั้งสองข้างต่างระทมบ้างล้มตาย  ไพร่นายกลิ้งกลาดอนาถใจ ฯ
 +
  ๏ ครานั้น พระราเมศวรราช  องอาจมิได้พรั่นประหวั่นไหว
 +
ทรงม้าร่ารับด้วยฉับไว  ต้อนไพรพลทหารเข้าราญรบ
 +
ทั้งสองข้างต่างแขงกำแหงฮึก  อึกกะทึกกรูเกรียวเลี้ยวตระหลบ
 +
ข้างทัพไทยไพร่น้อยต้องถอยทบ  พวกขอมรบบุกบันประจัญบาน
 +
จนเพลาฟ้าขาวเช้าตรู่ตรู่  ยังเกรียวกรูฮึกโห่ด้วยโมหานธ์
 +
ไพร่ยิ่งตายนายต้อนเข้ารอนราญ  อลหม่านจนสว่างขึ้นรางรอง ฯ
 +
  ๏ ฝ่ายว่าพระราเมศวรราช  องอจมิได้หลบสยบสยอง
 +
แต่ห็นพลน้อยกว่าท่าเปนรอง  จำจะต้องผ่อนพักไว้สักที
 +
ดำริห์พลางทางให้โบกธงทัพ  รอรับรบไปแต่ไม่หนี
 +
เขมรโห่โกลาตามราวี  พวกไทยตีถอยทนร่นมาพราง ฯ
 +
  ๏ ครานั้น อุปราชราชบุตร  เห็นสิ้นสุดแดนเมืองเครื่องขัดขวาง
 +
จะติดตามข้ามเขตรประเทศทาง  ก็เหินห่างเวียงชัยไม่ชอบกล
 +
ไม่มีกองลำเลียงเลี้ยงทหาร  ทางกันดารสารพัดจะขัดสน
 +
ก็เลิกทัพกลับจรไม่ร้อนรน  ประมาทตนมิได้คิดจะติดตาม ฯ
 +
</tpoem>
</tpoem>

การปรับปรุง เมื่อ 09:39, 17 กุมภาพันธ์ 2553

แม่แบบ:โครง

เสภาเรื่องพระราชพงศาวดาร

สุนทรภู่

ตอนที่ ๑ เรื่องตีเมืองขอม

      ๏ กราบบังคมสมเด็จบดินทร์สูร
พระยศอย่างปางนารายณ์วายุกูลมาเพิ่มภูลภิญโญในโลกา
ทุกประเทศเขตรขอบมานอบน้อมสพรั่งพร้อมเปนศุขทุกภาษา
ขอเดชะพระคุณกรุณาด้วยเสภาถวายนิยายความ
      ๏ จะกล่าวพงศาวดารกาลแต่หลังเมื่อแรกตั้งอยุธยาภาษาสยาม
ท้าวอู่ทองท่านอุส่าห์พยายามชีพ่อพราหมร์ปโรหิตคิดพร้อมกัน
มีจดหมายลายลักษณ์ศักราชเจ็ดร้อยสิบสองคาดเปนข้อขัน
ปีขาลโทศกตกสำคัญเดือนห้าวันศุกร์ขึ้นหกค่ำควร
เพลาสามนาฬิกากับเก้าบาทตั้งพิธีไสยสาตรพระอิศวร
ได้สังขทักษิณาวัฏมงคลควรใต้ต้นหมันตามกระบวนแต่บุราณ
เปนมหามงคลเลิศประเสริฐศักดิ์สร้างปราสาทสำนักไพฑูรย์สถาน
สำเร็จแล้วจึงให้สร้างปรางปราการชื่อไพชยนต์ทิพพิมานอลงการ์
แล้วสร้างพระที่นั่งใหญ่ไอสวรรย์สามปราสาทเสร็จพลันด้วยหรรษา
ท้าวอู่ทองครองเสวยสวรรยาพระชัณษาสามสิบเจ็ดเสร็จสมปอง
ชีพ่อพราหมณ์ถวายนามตามที่พระรามาธิบดีไม่มีสอง
นามบุรีศรีอยุธยาครองให้ถูกต้องตามนามพระรามา ฯ
      ๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงศักดิ์จุลจักรจอมทศทิศา
บำรุงเมืองเรืองฤทธิ์อิศราฝูงประชาชมชื่นทุกคืนวัน
มีเมืองขึ้นสิบหกพระบุรีคือเมืองตะนาวศรี นครสวรรค์
เมืองชวา มละกา พิจิตรนั้นเมืองสวรรคโลก ศุโขทัย
เมาะลำเลิงบุรี ศรีธรรมราชทั้งสงขลามาภิวาทไม่ขาดได้
พิษณุโลก กำแพงเพ็ชร เมืองพิชัยทวายใหญ่ เมาะตมะ จันทบูร
แสนอุดมสมพงษ์วงศ์กระษัตริย์เจ้าจังหวัดราเชนทร์นเรนทร์สูร
โภชนาสาลีบริบูรณ์ยิ่งเพิ่มพูนผาศุกทุกนิรันดร์
ทรงรำพึงถึงองค์พระเชษฐาร่วมครรภาอัคเรศนรังสรรค์
จำจะให้ไปบำรุงกรุงสุพรรณด้วยท่านนั้นสิร่วมสุริวงศ์
อนึ่งราชกุมารชาญศักดาองค์พระราเมศวรควรประสงค์
จำเริญไวยใหญ่ยิ่งประยูรวงศ์ควรดำรงเมืองลพบุรี
ดำริห์พลางทางออกพระโรงรัตน์ตั้งกษัตริย์ขนานนามต้องตามที่
เฉลิมเดชเชษฐาธิบดีให้เปนที่พระบรมราชา ฯ
      ๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงสุพรรณพระราเมศวรนั้นก็หรรษา
ต่างองค์ทรงคำนับรับบัญชาแล้วลีลาไปสู่พระบูรี ฯ
      ๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงเดชมิ่งมงกุฎอยุธเยศจำเริญศรี
สถิตย์แท่นแสนสำราญดาลฤดีด้วยบุรีขอมคดประทษร้าย
จำจะให้ราชบุตรสุดสงสารไปรอนราญไล่ริบให้ฉิบหาย
เสด็จออกพระโรงคัลพรรณรายแล้วเผยผายสิงหนาทประภาษมา
เฮ้ย เสนีย์รีบร้อนจรโดยด่วนบอกพระราเมศวรมาหน่อยหวา
ตำรวจรับพระโองการคลานออกมาลงนาวารีบไปดังใจจง
วันหนึ่งก็ถึงลพบุรีอัญชลีทูลความตามประสงค์
ว่าพระทรงฤทธิ์บิตุรงค์เชิญเสด็จเสร็จลงไปกรุงไกร ฯ
      ๏ ครานั้น พระราเมศวรราชฟังอำมาตย์ทูลแจ้งแถลงไข
ให้จัดเรือเร็วพลันในทันใดรีบครรไลคืนหนึ่งถึงบุรี
ประทับจอดทอดท่าน่าตำหนักขึ้นเฝ้าองค์หริรักษรังษี
น้อมประนมบังคมคัลอัญชลีสถิตย์ที่พระโรงรัตน์ชัชวาลย์ ฯ
      ๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงเดชทอดพระเนตรแลมาตรงน่าฉาน
เห็นลูกยามาประนตบทมาลย์มีโองการทักทายภิปรายเปรย
นี่แน่ เจ้าเยาวยอดปิโยรสอ้ายขอมคดดูถูกนะลูกเอ๋ย
พ่อสุดแสนแค้นใจไม่เสบยแม้นละเลยจะกระเจิงละเลิงใจ
เจ้าแก้วตายาจิตรของปิตุเรศไปเหยียบเขตรดับเข็ญให้เย็นใส
จักประหารผลาญชีวันให้บรรไลยจะได้ฤๅฤๅมิได้ให้ว่ามา ฯ
      ๏ ครานั้น พระโอรสยศยงศิโรราบกราบลงแล้วทูลว่า
ซึ่งข้อขอมคบคิดจิตรพาลาจะอาสามิให้เคืองเบื้องบทมาลย์ ฯ
      ๏ ครานั้น พระภูเบนทร์นิเรนทร์สูรได้ฟังทูลตบพระหัตถ์อยู่ฉัดฉาน
จึงเอื้อนอรรถตรัสมาไม่ช้านานจงจัดการรีบร้อนอย่านอนใจ
พลของเราห้าวหาญชำนาญยุทธเจียนจะขุดกัมพุชาก็ว่าได้
อย่าถอยหลังรั้งรอไปพ่อไปแม้นมีไชยพ่อจะภูลรางวัลครัน ฯ
      ๏ ครานั้น พระราเมศวรราชเคารพรับอภิวาทขมีขมัน
มาเกณฑ์พวกโยธาได้ห้าพันล้วนฉกรรจ์แข็งข้อจะต่อตี
ทั้งอาจองคงทนด้วยมนต์เวทแสนวิเศษฤทธิไกรชาญไชยศรี
ถืออาวุธครบมือล้วนฦๅดีโพกแพรสีแสดเสียดประเจียดรัด
บ้างก็ผูกลูกสะกดตะกรุดคาดล้วนองอาจโล่ห์เขนก็เจนจัด
มาพร้อมพรั่งนั่งเบียดเยียดยัดสารวัดตรวจตราพลากร ฯ
      ๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงยศเอกโอรสชาญไชยดังไกรสร
เสด็จเข้าที่สรงอลงกรณ์แล้วสอดซ้อนเครื่องทรงณรงค์ครบ
ครั้นสำเร็จเสร็จสรรพจับพระแสงโดยตำแหน่งสงครามตามขนบ
มาทูลลาบิตุรงค์ทรงพิภพประนมนบคอยสดับรับโองการ ฯ
      ๏ ครานั้น พระองค์ดำรงราชย์สถิตย์อาศน์รจนามุกดาหาร
เห็นพระปิยะบุตรสุดสำราญจึงมีรศพจมานประภาษมา
เจ้าดวงใจพ่อจะไปกัมพุชประเทศระวังเหตุกลศึกฤกหนักหนา
จะหยุดยั้งจงระวังพระกายาไม่ได้ท่าแล้วอย่าหาญเข้าราญรอน
ชื่อว่าศึกแล้วอย่านึกประมาทหมิ่นคอยประคิ่นจดจำเอาคำสอน
อย่าให้อายขายหน้าประชากรจงถาวรสวัสดีอย่ามีไภย
รีบปรามปราบราบเตียนที่เสี้ยนหนามดังองค์รามดับเข็ญให้เย็นใส
จงมีโชคไชยะชนะไภยให้สมในมโนรถหมดทุกอัน
ยื่นพระแสงสาตราอาญาสิทธิ์ใครคดคิดเข่นฆ่าให้อาสัญ
จงอุดมสมศุขทุกนิรันดร์ซึ่งไภยันตร์สิ่งใดอย่าใกล้กราย ฯ
      ๏ ครานั้น พระโอรสยศยงกราบลงแทบบาทพระฤาสาย
เคารพรับพรพลางแล้วย่างกรายผันผายมาทรงคชาธาร
ได้มหาพิชัยฤกษ์ให้เลิกทัพโห่รับแซ่เสียงสำเนียงขาน
ลั่นฆ้องหึ่งอึงออกนอกทวารเสียงสะท้านลั่นเลื่อนสเทื้อนสทึก
ทหารธงโบกธงตรงไปน่าเสียงช้างม้าเริงร้องอยู่กองกึก
ทวยหาญขานโห่โอฬารฦกอึกกะทึกข้ามทุ่งพ้นกรุงไกร
ประทับร้อนนอนค้างกลางอารัญหลายวันตั้งพลับพลาหยุดอาไศรย
เลี้ยวลัดตัดทุ่งเดินมุ่งไปถึงเวียงไชยกัมพูชาพอราตรี
มิทันตั้งค่ายคูอยู่สำนักสั่งให้พักพลทหารชายไชยศรี
ขึ้นประทับพลับพลาพนาลีให้โยธีล้อมรอบเปนขอบคัน ฯ
      ๏ ครานั้น พระองค์ทรงนัครากัมพูชาธิราชรังสรรค์
รู้เรื่องราวข่าวศึกฮึกฉกรรจ์มาบุกบันตั้งประชิดติดภารา
แสนพิโรธโกรธกริ้วกระทืบบาทดำรัสเรียกอุปราชโอรสา
กับข้าเฝ้าเจ้าพระยาและพระยามาปฤกษาสงครามตามทำนอง
จะผ่อนผันฉันใดไฉนเล่าภาราเราเกิดวุ่นจะขุ่นหมอง
จะคิดอ่านการศึกเร่งตรึกตรองใครเห็นช่องฉันใดให้ว่ามา ฯ
      ๏ ครานั้น เจ้าพระยาอุปราชเคารพรับอภิวาทแล้วทูลว่า
ซึ่งทัพไทยเดินบกยกกันมาขออาสามิให้เคืองเบื้องบทมาลย์
จะหักโหมโจมจับสัปรยุทธให้ม้วยมุดยับแยกถึงแตกฉาน
ซึ่งทัพมาล้าเมื่อยเดินเหนื่อยนานถึงสถานมิทันยั้งตั้งกระบวน
จะหักหาญรานทำค่ำวันนี้เห็นจะมีไชยาสักห้าส่วน
ไม่มีค่ายถ่ายเทคงเรรวนใคร่ครวญเห็นจะได้ดังใจปอง ฯ
      ๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงกัมพูชาได้ฟังว่าเปรมปริ่มค่อยยิ้มย่อง
จึงเอื้อนอรรถตรัสความตามทำนองดีแล้วลูกถูกต้องคลองฤไทย
แล้วผินภักตร์ถามบรรดาพวกข้าเฝ้าซึ่งลูกเราว่าเห็นเป็นไฉน
จะได้ช่องคล่องจิตรเหมือนคิดไว้ฤๅเห็นเป็นอย่างไรให้ว่ามา ฯ
๏ ฝ่ายว่าข้าเฝ้าเหล่าพวกขอมต่างเห็นพร้อมเพรียงกันยิ่งหรรษา
จึงกราบทูลตามมูลกิจจาซึ่งตรัสมาต้องที่เห็นดีนัก
ด้วยทัพไทยไพร่นายยังไรเรี่ยทำลายเสียจู่โจมรีบโหมหัก
อย่าให้ตั้งค่ายมั่นขยันนักแม้นหน่วงหนักนิ่งไว้ไม่สู้ดี ฯ
      ๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงกัมพุชประเทศสดับเหตุปรีดี์เปรมเกษมศรี
ทรงสำรวลสรวญร่าแล้วพาทีเหวยเสนีตรวจตราพลากร
แล้วตรัสสั่งอุปราชรชโอรสจงคุมทศทวยหาญชาญสมร
ไปโจมทัพจับไทยไพรีรอนจงถาวรกูลสวัสดิ์กำจัดไภย ฯ
      ๏ ครานั้น พระอุปราชราชบุตร์เกษมสุดยินดีจะมีไหน
บังคมลามาเตรียมพลไกรจำนวนไพร่โยธาหมื่นห้าพัน
ถึงยามสองกองทัพไม่สับสนดำเนินพลออกทวารปราการกั้น
ห้ามมิให้เฮฮาพูดจากันถึงกองทัพฉับพลันในทันที
ให้ยิงปืนครื้นครึกเสียงกึกก้องโห่ร้องเลื่อนลั่นสนั่นมี่
ดาบดั้งพรั่งพร้อมล้อมวารีต้อนตีทัพมาไม่รารอ ฯ
      ๏ ครานั้น แม่กองสองทหารอลหม่านตกใจเอ๊ะใครหนอ
ฉวยดาบโดดโลดไล่ไม่ย่อท้อร้องรับพ่อพวกเราเอาให้ตาย
หมู่ทหารราญรัญรับสัปรยุทธปรายอาวุธหอกดาบกำซายสาย
พวกขอมแขงแทงกระทั่งพุงทลายไทยตาแตกตื่นเสียงครื้นครึก
เขมรโดดโลดไล่พวกไทยล่ามัวหลับตาเสียกระบวนเมื่อจวนดึก
ขอมกระทำซ้ำเติมโห่เหิมฮึกอึกกะทึกรบรับจนทัพไชย ฯ
      ๏ ครานั้น พระราเมศวรราชทรงไสยาศน์ในพลับพลาที่อาไศรย
เสียงครั่นครื้นตื่นพลันในทันใดตกพระไทยผลันผลุนหมุนออกมา
เห็นพลเมืองเนืองหนุนขนาบไร่กองทัพไทยย่อหย่อนอ่อนหนักหนา
แสนพิโรธโดดกลับเข้าพลับพลาทรงสาตราวิ่งวางออกกลางทัพ
ขับพหลพลไกรไล่ตระหลบใครไม่รบหลกเลี่ยงจะเสียงสับ
ทหารกลัวตัวตายเข้ารายรับทั้งสองทัพแขงขันประจัญบาน
ต่างกำแหงแรงเริงในเชิงยุทธฤทธิรุทฟันฟาดกันฉาดฉาน
พวกขอมอ่อนหย่อนยืนไม่ทนทานไทยทหารฮึกโห่เปนโกลา ฯ
      ๏ ครานั้น มหาอุปราชกริ้วตวาดพลนิกายทั้งซ้ายขวา
ต้อนกระตุ้นหนุนซ้ำกระหน่ำมาพวกโยธาร้อนตัวกลัวความตาย
ฟันแทงแย้งยุทธอาวุธสั้นแขงขันต่อตีไม่หนีหาย
ทั้งสองข้างต่างระทมบ้างล้มตายไพร่นายกลิ้งกลาดอนาถใจ ฯ
      ๏ ครานั้น พระราเมศวรราชองอาจมิได้พรั่นประหวั่นไหว
ทรงม้าร่ารับด้วยฉับไวต้อนไพรพลทหารเข้าราญรบ
ทั้งสองข้างต่างแขงกำแหงฮึกอึกกะทึกกรูเกรียวเลี้ยวตระหลบ
ข้างทัพไทยไพร่น้อยต้องถอยทบพวกขอมรบบุกบันประจัญบาน
จนเพลาฟ้าขาวเช้าตรู่ตรู่ยังเกรียวกรูฮึกโห่ด้วยโมหานธ์
ไพร่ยิ่งตายนายต้อนเข้ารอนราญอลหม่านจนสว่างขึ้นรางรอง ฯ
      ๏ ฝ่ายว่าพระราเมศวรราชองอจมิได้หลบสยบสยอง
แต่ห็นพลน้อยกว่าท่าเปนรองจำจะต้องผ่อนพักไว้สักที
ดำริห์พลางทางให้โบกธงทัพรอรับรบไปแต่ไม่หนี
เขมรโห่โกลาตามราวีพวกไทยตีถอยทนร่นมาพราง ฯ
      ๏ ครานั้น อุปราชราชบุตรเห็นสิ้นสุดแดนเมืองเครื่องขัดขวาง
จะติดตามข้ามเขตรประเทศทางก็เหินห่างเวียงชัยไม่ชอบกล
ไม่มีกองลำเลียงเลี้ยงทหารทางกันดารสารพัดจะขัดสน
ก็เลิกทัพกลับจรไม่ร้อนรนประมาทตนมิได้คิดจะติดตาม ฯ
             
เครื่องมือส่วนตัว