นิพพานวังหน้า

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(แก้ไขย่อหน้า)
(เพิ่มเติมบทที่ ๓๐-๔๐)
แถว 77: แถว 77:
   คือล้นกระหม่อมมิ่งมไหวงษ์  สองพระองค์เลิศฟ้ามงกุฏสฐาน
   คือล้นกระหม่อมมิ่งมไหวงษ์  สองพระองค์เลิศฟ้ามงกุฏสฐาน
แบ่งภาคจากองค์พระอวตาร  ผ่านนิเวศน์ปราบดาด้วยบารมี  ... (๑๐)
แบ่งภาคจากองค์พระอวตาร  ผ่านนิเวศน์ปราบดาด้วยบารมี  ... (๑๐)
 +
   จึงสิ้นยุคสุขกระเษมทั้งสามภพ  เทพนบน้อมเกษทุกราษี
   จึงสิ้นยุคสุขกระเษมทั้งสามภพ  เทพนบน้อมเกษทุกราษี
แถว 98: แถว 99:
   ถวายต่างทิพมาศมโนแผ้ว  กราบแล้วจึงลิขิตอักษรสม
   ถวายต่างทิพมาศมโนแผ้ว  กราบแล้วจึงลิขิตอักษรสม
โอ้พระปิ่นภพร้อนดังเพลิงรม  ล้มพระโรคแรกประทับจะอับจน ... (๒๐)
โอ้พระปิ่นภพร้อนดังเพลิงรม  ล้มพระโรคแรกประทับจะอับจน ... (๒๐)
 +
 +
 +
๏ ประชวรแต่มาขมาสเหมันต์  รดูนั้นเดือนหนาวเปนคราวฝน
 +
สิ้นทั้งวังตั้งแต่ทุกข์รทมทน  ถึงยุคลมิ่งแก้วเกษกำนัล
 +
  ๏ เสด็จนั่งหนือบัลลังก์วิเชียรช่วง  ประดับดวงมณฑามาแต่สวรรค์
 +
ดารารายพรายพร้อมเข้าล้อมจันทร์  เหมือนสุริยันย่างเยี่ยงพระเมรุทอง
 +
  ๏ หมู่อับสรเฝ้ารอบหมอบรดาษ  พร้มพระราชธิดาประนมสนอง
 +
สุวรรณผุดโพธิญาฝ่าลออง  ให้แผ่ปองทรงปิดพระปฏิมา
 +
  ๏ พระรัศมีหมองเหมือนเมื่อเดือนดับ  ลูกวาววับหวั่นทรวงสหัสา
 +
พระฉวีเสียศรีสุนทรา  ชลนานองเนตรตลึงแล
 +
  ๏ ยลอนงค์นุชนางสนมน้อม  งามลม่อมหมอบผจงดังวงแข
 +
เคยรองบาทจะบำราศสวาดิแด  เหมือนจะแปรปราศจากไม่อยากยล
 +
  ๏ เหนพระไทยจะเปนห่วงหน่วงถนอม  จะไกลกล่อมขวัญให้รหวยหน
 +
จึงเรียกรศอมฤตยวิเชียรชล  เสี่ยงกุศลซึ่งสร้างพระโพธิญาณ
 +
  ๏ แม้นชนม์จะอยู่ช่วยบำรุงทวีป  ขอให้รีบรับน้ำรศาหาร
 +
ถ้าชีวิตนั้นจะปลิดไม่เนาว์นาน  อย่าให้พานสอดคล่องนิยมยืน
 +
  ๏ เทวศว่าต่อพระภักรพระชนศรี  แล้วทวีทรงพระวิตกถวิล
 +
พิศฐานเสร็จเสวยวารีริน  แต่ชั้นกลิ่นกลืนกลับวิบัติเปน
 +
  ๏ พระอาเจียนเวียนประทะอุรหมอง  จึงตรัสร้องว่าโอ้มิพ้นเข็ญ
 +
เคยเปนร่มเกล้าโลกย์ไอ้อยู่เย็น  เห็นสุเมรุเอนแล้วจะตรมตรอม
 +
  ๏ สุเรตดังสุรางค์บำเรออินทร์  จะไกลกลิ่นกล่อมกลีบมณฑาหอม
 +
เคยสงวนนวลเฉลิมเปนเจิมจอม  ยามถนอมแนบชื่นไม่คืนเคียง ... (๓๐)
 +
 +
 +
  ๏ แต่ครวญคร่ำน้ำพระเนตรนั้นนองเนตร  แสนเทวศพร้องเพราะพระสุระเสียง
 +
พระสนมรอบร่ำพิไรเรียง  เคยชุบเลี้ยงจะนิราศพระบาทา
 +
  ๏ จึงดำรัสเรียกเหล่าบุตรีสมร  ประโลมสอนพ่อจะร้างนิราศา
 +
ดวงจิตรฝากชีวิตรพระบิตุลา  วาศนาหาไม่จงเจียมสกล
 +
  ๏ สมรยากฝากองค์ให้การุญ  ถ้าพระคุณเคืองเข็ญไม่เปนผล
 +
จะพึ่งพ่อเล่าก็พ่อไม่ยืนชนม์  ยลแต่บาทนะจงตั้งภักดีตรง
 +
  ๏ หนึ่งพระเสาวนีที่มียศ  พระธิดาปรากฎมงกุฎหงษ์
 +
จงฝากกายนะอย่าหมายหมิ่นทนง  เจ้าเปนวงษ์จงรักษ์ธุลีลออง
 +
  ๏ ที่นี้ถึงเทพถือโอสถทิพย์  ผจงหยิบมาประมูลทูลฉลอง
 +
ไม่เสวยเลยให้เวทนาปอง  จะต้องเนิ่นทรมานรำคาญเคือง
 +
  ๏ สดับตรัสดังมัจจุราชรีบ  ประหารชีพลูกหายทำลายเบื้อง
 +
เมรุมุ่งเคยประจำทวีปเรือง  ถ้าล่มแล้วจะมิเนืองน้ำตาตาย
 +
  ๏ บ้างค่อนอกร่ำโอ้มิควรเข็ญ  ดังกระเดนเศียรเกล้าของเราหาย
 +
เคยปราโมทมีศุขทุกวันวาย  เหมือนสายเนตรจะเปนสายโลหิตกอง
 +
  ๏ ถึงยามกระเษมเคยแสนสำเริงรื่น  กลับสอื้นนึกโอ้มโนหมอง
 +
แต่นั้นมาพร้อมหน้าไม่ไกลลออง  หมายฉลองพระคุณคอยรวัง
 +
  ๏ ผลัดโมงกันไม่ให้คลาดสักบาททุ่ม  ดังเพลิงรุมร้อนอกวิตกหลัง
 +
แต่นั่งยามย่ำฆ้องจนเคาะรฆัง  ลูกหวังฟังราชกิจจะหนักเบา
 +
  ๏ ปางปิ่นโมฬีทั้งสี่ทวีป  ดังศศิธรร่อนรีบขึ้นเหลี่ยมเขา
 +
เสวยทุกข์มิได้ศุขสถิตย์เนาว์  ให้เชิญเอาพระอาการนราพงษ์ ... (๔๐)
 +
</tpoem>   
</tpoem>   
(ยังมีต่อ)
(ยังมีต่อ)

การปรับปรุง เมื่อ 14:35, 13 กุมภาพันธ์ 2553

เรื่องนิพานวังน่า

นิราศบาทเบื้องโอ้โมฬี
พานจะโศกทั้งศรีอยุทเยศ
วังเย็นสรหงัดตีอกร่ำ ก่ำเอย
น่ามุขพิมานเมศร์เมื้อมิ่งแรมหมอง
แต่พระจอมมงกุฎโลกย์แรมวัง
แผ่นพิภพเพียงพังม้วยไหม้
ดินโดยอดูรหวังหวั่นเทวศ
ต้นแต่ตีทรวงให้ห่อนเว้นวันเสบย
             
      วงษ์อินทกรุงธิปัตเอกอิศรา
หน่อมงกุฎอยุทธยาเลื่องโลกย์
สืบสายกรมฝ่ายน่าแรมนิราศ
ทรงคิดคราววิโยคพระบิดุร้างสู่สวรรค์
      พระปิ่นอยุทธเยศเจ้าทรงธรรม์
นุภาพปราบมนุศย์สวรรค์ฟากฟ้า
สี่ทวีปถวายบรรณาน้อม
เกรงบพิตรพระจอมหล้าโลกย์ลั่นฦๅแขยง
      เคยเสด็จออกแสนเสหนางค์
ร้อยเอ็ดโอนอุตมางค์นอบน้อม
พระฤทธิ์เรืองปานปางสุริเยศ
ทั้งหมื่นกรุงสพรั่งพร้อมกราบเกล้าเศียรสยอง
      พระคุณเฮยแต่นี้เงียบวังเยน
เคยเผยสีหเหนลูกไห้
ยามศุขกลับไปเปนทุกข์เทวศ
คิดฤๅวายวางไข้จิตรโอ้อาดูร
      พระจอมมกุฎสามภพไห้สั่งเวียง
พระสนมเสนาะเรียงร่ำร้อง
หมู่มุขมนตรีเคียงครวญคร่ำ
เสียงพิฦกลั่นก้องโศกแส้วังโหย
      พระกาญจน์ยอดแก้วเฮ่ยยังหัน
เสร็จมาเมื้อเมืองสวรรค์สู่ฟ้า
ฤๅเคียดเสน่ห์ผันหุยหุง      เสียเนอ
ม้วยแต่นับโมงถ้าทุกค่ำคืนหาย
      พระร่มโพธิ์เกษมิ่งกระหม่อมเฮย
ยามกระเษมแสนเสวยศุขภาพ
สุรางค์บำเรอเคยสพรั่ง      พร้อมแฮ
เรียงรอบศิโรราบราชร้างแรมโฉม
      โอ้จอมมงกุฎเกล้าจากจร
กรมพระราชวังบวรแรมร้าง
ลูกทุ่มทรวงอาทรเทวศไห้
แสนทุกข์บวายว่างที่เมื้อจักเห็น
      ย่ำยามสดับเสียงประโคมวัง
ดุริยางค์เสนาะดังพาทย์ฆ้อง
ทีนี้จะเงียบแตรสังข์สูญถนัด
ฟังแต่เสียงสกุณก้องกรู่แก้วเกลื่อนขัน
      พระคุณเอ๋ยเคยทรงสร้างสมภาร
ปราถนาพระโพธิญาณยอดแก้ว
ออกโอษฐ์ขอคชทการนำสัตว์
จากบ่วงสงสารแคล้วคลาศพ้นพลันเข็ญ
             

ครุวารกติกมาเส สุกรอัคสังวชเร เหมันต์จตุมีดิถียัง

      นาฬิกาหึ่งๆ ถึงยามสองได้สามบาทคาดฆ้องประโคมสังข์
พระมงกุฏปิ่นเกษนิเวศวังไม่รอรั้งร้างมิ่งพิมานเย็น
      พระสฐานสถิตย์เยือกยินแต่เสียงสุรางค์เรียงร่ำเทวศก็เหลือเข็ญ
ข้าธุลีมีกรรมจึงจำเปนไม่เห็นเลยหลักภพวิบัติวาย
      โอ้พระมิ่งโมฬีที่พึ่งโลกย์ประชาโศกแสนลห้อยไม่รู้หาย
ฤๅผลเวรสัตว์ทำประจำกายจึงทำลายเจาะจอมกระหม่อมจง
      พระกฤษดาดังพรหมอุดมเดชที่ทรงเพศพาหนะพระยาหงษ์
เหมือนสุริเยศไขศรีรวีวงษ์เมื่อเสร็จทรงกลดเยี่ยมโพยมงาม
      อรินทร์ราชกราบเกรงพระบารเมศมงกุฏเกษสรวมชีพทวีปสาม
เคยเปนฉัตรแก้วกั้นสุวรรณวามดังศศิตามส่องโลกย์สว่างวาว
      เย็นเกษบารเมศบรมจักรที่พำนักนิ์หายหาชนาหนาว
พระอานุภาพเลิศลบจบแตนดาวปัจจาผ่าวอุรพารอาใจ
      อันปิ่นราชนิเวศน์วังบวรดัษกรรื่นาบกราบไสว
ถึงรัตนังอังวะที่ฦๅไกรก็ปราบได้ด้วยพระฤทธิ์เดชาชาย
      เมื่อปางหลังที่นั่งสุรามรินทร์อยุทธสิ้นย่อยยับประหารหาย
เพราะไพรินทร์ลุยลามตามทำลายกระหม่อมหมายเมืองล่มไม่เล็งคืน
      บิตุรงทรงนามธรรมิกราชทั้งสามโลกย์เนียรนาศไม่อาจฝืน
มายกพระสาศนาภิญยายืนประชาชื่นชมโพธิสมภาร
      คือล้นกระหม่อมมิ่งมไหวงษ์สองพระองค์เลิศฟ้ามงกุฏสฐาน
แบ่งภาคจากองค์พระอวตารผ่านนิเวศน์ปราบดาด้วยบารมี      ... (๑๐)
      จึงสิ้นยุคสุขกระเษมทั้งสามภพเทพนบน้อมเกษทุกราษี
สรรเสริญเดชาทั้งธาษ์ตรีกรชุลีโปรยทิพย์สุมาลย์มา
      โอ้พระคุณเคยการุญพำนักนิ์โลกยิ่งวิโยคยามร้อนไม่ผ่อนหา
เมื่อดับเข็ญเย็นแล้วทั้งโลกาไยนิราร้างราษฏร์อนาถเนาว์
      ปางครั้งทศเศียรอสุรภักตร์เที่ยวหาญหักสามโลกย์ได้โศกเศร้า
นารายน์รามตามล้างจึงบางเบาบันเทาทุกข์ทั่วเทพดาคืน
      สุดกระเษมไตรภพสบกระสันอภิวันทุกพิมานสำราญรื่น
เหมือนปิ่นจอมล้นกระหม่อมเมื่อยังยืนหมื่นนิเวศน์วรถวายสุมาลี
      จึงนิพนธ์แต่หลังไว้หวังสนองให้จำลองสืบกระษัตริย์บดีศรี
หนึ่งครุลหุเคียงแต่เพียงตรีที่ท่านปรีชาช่วยอำนวยกลอน
      ใครยลอย่าเพ่อเย้ยพึ่งศึกษาใช่เมธาเจนจิตรบัณฑิตย์สอน
แสนถวิลถึงพระปิ่นชนากรสุดนิวรณ์หวั่นเทวศกำศรวญครวญ
      ปัญญาหญิงไหนจะพริ้งไม่คล่องเคล้านี่โดยเดานึกคเนอย่าเสสรวล
ถ้าชำนาญอ่านเล่นเห็นสำนวนปราชช่วยปรวนเติมแต้มให้งามคำ
      เราใช่ราชกระวีที่เฉลียวก็เสียวใจจะไม่คมเหมือนลมขำ
อ่อนหัดไม่สันทัดพึ่งลองทำจะริร่ำร่างลงก็งงนาน
      หนึ่งชุลิตฝ่าธุลีมีพระเดชซึ่งก่อเกษเลื่องโลกย์ระบือหาญ
เสด็จสู่สวรรค์เทวพิมานขอมัศการกรน้อมศิโรดม
      ถวายต่างทิพมาศมโนแผ้วกราบแล้วจึงลิขิตอักษรสม
โอ้พระปิ่นภพร้อนดังเพลิงรมล้มพระโรคแรกประทับจะอับจน ... (๒๐)
๏ ประชวรแต่มาขมาสเหมันต์รดูนั้นเดือนหนาวเปนคราวฝน
สิ้นทั้งวังตั้งแต่ทุกข์รทมทนถึงยุคลมิ่งแก้วเกษกำนัล
      ๏ เสด็จนั่งหนือบัลลังก์วิเชียรช่วงประดับดวงมณฑามาแต่สวรรค์
ดารารายพรายพร้อมเข้าล้อมจันทร์เหมือนสุริยันย่างเยี่ยงพระเมรุทอง
      ๏ หมู่อับสรเฝ้ารอบหมอบรดาษพร้มพระราชธิดาประนมสนอง
สุวรรณผุดโพธิญาฝ่าลอองให้แผ่ปองทรงปิดพระปฏิมา
      ๏ พระรัศมีหมองเหมือนเมื่อเดือนดับลูกวาววับหวั่นทรวงสหัสา
พระฉวีเสียศรีสุนทราชลนานองเนตรตลึงแล
      ๏ ยลอนงค์นุชนางสนมน้อมงามลม่อมหมอบผจงดังวงแข
เคยรองบาทจะบำราศสวาดิแดเหมือนจะแปรปราศจากไม่อยากยล
      ๏ เหนพระไทยจะเปนห่วงหน่วงถนอมจะไกลกล่อมขวัญให้รหวยหน
จึงเรียกรศอมฤตยวิเชียรชลเสี่ยงกุศลซึ่งสร้างพระโพธิญาณ
      ๏ แม้นชนม์จะอยู่ช่วยบำรุงทวีปขอให้รีบรับน้ำรศาหาร
ถ้าชีวิตนั้นจะปลิดไม่เนาว์นานอย่าให้พานสอดคล่องนิยมยืน
      ๏ เทวศว่าต่อพระภักรพระชนศรีแล้วทวีทรงพระวิตกถวิล
พิศฐานเสร็จเสวยวารีรินแต่ชั้นกลิ่นกลืนกลับวิบัติเปน
      ๏ พระอาเจียนเวียนประทะอุรหมองจึงตรัสร้องว่าโอ้มิพ้นเข็ญ
เคยเปนร่มเกล้าโลกย์ไอ้อยู่เย็นเห็นสุเมรุเอนแล้วจะตรมตรอม
      ๏ สุเรตดังสุรางค์บำเรออินทร์จะไกลกลิ่นกล่อมกลีบมณฑาหอม
เคยสงวนนวลเฉลิมเปนเจิมจอมยามถนอมแนบชื่นไม่คืนเคียง ... (๓๐)
      ๏ แต่ครวญคร่ำน้ำพระเนตรนั้นนองเนตรแสนเทวศพร้องเพราะพระสุระเสียง
พระสนมรอบร่ำพิไรเรียงเคยชุบเลี้ยงจะนิราศพระบาทา
      ๏ จึงดำรัสเรียกเหล่าบุตรีสมรประโลมสอนพ่อจะร้างนิราศา
ดวงจิตรฝากชีวิตรพระบิตุลาวาศนาหาไม่จงเจียมสกล
      ๏ สมรยากฝากองค์ให้การุญถ้าพระคุณเคืองเข็ญไม่เปนผล
จะพึ่งพ่อเล่าก็พ่อไม่ยืนชนม์ยลแต่บาทนะจงตั้งภักดีตรง
      ๏ หนึ่งพระเสาวนีที่มียศพระธิดาปรากฎมงกุฎหงษ์
จงฝากกายนะอย่าหมายหมิ่นทนงเจ้าเปนวงษ์จงรักษ์ธุลีลออง
      ๏ ที่นี้ถึงเทพถือโอสถทิพย์ผจงหยิบมาประมูลทูลฉลอง
ไม่เสวยเลยให้เวทนาปองจะต้องเนิ่นทรมานรำคาญเคือง
      ๏ สดับตรัสดังมัจจุราชรีบประหารชีพลูกหายทำลายเบื้อง
เมรุมุ่งเคยประจำทวีปเรืองถ้าล่มแล้วจะมิเนืองน้ำตาตาย
      ๏ บ้างค่อนอกร่ำโอ้มิควรเข็ญดังกระเดนเศียรเกล้าของเราหาย
เคยปราโมทมีศุขทุกวันวายเหมือนสายเนตรจะเปนสายโลหิตกอง
      ๏ ถึงยามกระเษมเคยแสนสำเริงรื่นกลับสอื้นนึกโอ้มโนหมอง
แต่นั้นมาพร้อมหน้าไม่ไกลลอองหมายฉลองพระคุณคอยรวัง
      ๏ ผลัดโมงกันไม่ให้คลาดสักบาททุ่มดังเพลิงรุมร้อนอกวิตกหลัง
แต่นั่งยามย่ำฆ้องจนเคาะรฆังลูกหวังฟังราชกิจจะหนักเบา
      ๏ ปางปิ่นโมฬีทั้งสี่ทวีปดังศศิธรร่อนรีบขึ้นเหลี่ยมเขา
เสวยทุกข์มิได้ศุขสถิตย์เนาว์ให้เชิญเอาพระอาการนราพงษ์ ... (๔๐)
             

(ยังมีต่อ)

เครื่องมือส่วนตัว