นิพพานวังหน้า

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(เพิ่มเติมข้อความและได้ตรวจทานแล้ว)
แถว 54: แถว 54:
จากบ่วงสงสารแคล้ว  คลาศพ้นพลันเข็ญ
จากบ่วงสงสารแคล้ว  คลาศพ้นพลันเข็ญ
</tpoem>
</tpoem>
 +
 +
ครุวารกติกมาเส  สุกรอัคสังวชเร  เหมันต์จตุมีดิถียัง
 +
<tpoem>
 +
  นาฬิกาหึ่งๆ ถึงยามสอง  ได้สามบาทคาดฆ้องประโคมสังข์
 +
พระมงกุฏปิ่นเกษนิเวศวัง  ไม่รอรั้งร้างมิ่งพิมานเย็น
 +
  พระสฐานสถิตย์เยือกยินแต่เสียง  สุรางค์เรียงร่ำเทวศก็เหลือเข็ญ
 +
ข้าธุลีมีกรรมจึงจำเปน  ไม่เห็นเลยหลักภพวิบัติวาย
 +
  โอ้พระมิ่งโมฬีที่พึ่งโลกย์  ประชาโศกแสนลห้อยไม่รู้หาย
 +
ฤๅผลเวรสัตว์ทำประจำกาย  จึงทำลายเจาะจอมกระหม่อมจง
 +
  พระกฤษดาดังพรหมอุดมเดช  ที่ทรงเพศพาหนะพระยาหงษ์
 +
เหมือนสุริเยศไขศรีรวีวงษ์  เมื่อเสร็จทรงกลดเยี่ยมโพยมงาม
 +
  อรินทร์ราชกราบเกรงพระบารเมศ  มงกุฏเกษสรวมชีพทวีปสาม
 +
เคยเปนฉัตรแก้วกั้นสุวรรณวาม  ดังศศิตามส่องโลกย์สว่างวาว
 +
  เย็นเกษบารเมศบรมจักร  ที่พำนักนิ์หายหาชนาหนาว
 +
พระอานุภาพเลิศลบจบแตนดาว  ปัจจาผ่าวอุรพารอาใจ
 +
  อันปิ่นราชนิเวศน์วังบวร  ดัษกรรื่นาบกราบไสว
 +
ถึงรัตนังอังวะที่ฦๅไกร  ก็ปราบได้ด้วยพระฤทธิ์เดชาชาย
 +
  เมื่อปางหลังที่นั่งสุรามรินทร์  อยุทธสิ้นย่อยยับประหารหาย
 +
เพราะไพรินทร์ลุยลามตามทำลาย  กระหม่อมหมายเมืองล่มไม่เล็งคืน
 +
  บิตุรงทรงนามธรรมิกราช  ทั้งสามโลกย์เนียรนาศไม่อาจฝืน
 +
มายกพระสาศนาภิญยายืน  ประชาชื่นชมโพธิสมภาร
 +
  คือล้นกระหม่อมมิ่งมไหวงษ์  สองพระองค์เลิศฟ้ามงกุฏสฐาน
 +
แบ่งภาคจากองค์พระอวตาร  ผ่านนิเวศน์ปราบดาด้วยบารมี  ... (๑๐)
 +
 +
  จึงสิ้นยุคสุขกระเษมทั้งสามภพ  เทพนบน้อมเกษทุกราษี
 +
สรรเสริญเดชาทั้งธาษ์ตรี  กรชุลีโปรยทิพย์สุมาลย์มา
 +
  โอ้พระคุณเคยการุญพำนักนิ์โลก  ยิ่งวิโยคยามร้อนไม่ผ่อนหา
 +
เมื่อดับเข็ญเย็นแล้วทั้งโลกา  ไยนิราร้างราษฏร์อนาถเนาว์
 +
  ปางครั้งทศเศียรอสุรภักตร์  เที่ยวหาญหักสามโลกย์ได้โศกเศร้า
 +
นารายน์รามตามล้างจึงบางเบา  บันเทาทุกข์ทั่วเทพดาคืน
 +
  สุดกระเษมไตรภพสบกระสัน  อภิวันทุกพิมานสำราญรื่น
 +
เหมือนปิ่นจอมล้นกระหม่อมเมื่อยังยืน  หมื่นนิเวศน์วรถวายสุมาลี
 +
  จึงนิพนธ์แต่หลังไว้หวังสนอง  ให้จำลองสืบกระษัตริย์บดีศรี
 +
หนึ่งครุลหุเคียงแต่เพียงตรี  ที่ท่านปรีชาช่วยอำนวยกลอน
 +
  ใครยลอย่าเพ่อเย้ยพึ่งศึกษา  ใช่เมธาเจนจิตรบัณฑิตย์สอน
 +
แสนถวิลถึงพระปิ่นชนากร  สุดนิวรณ์หวั่นเทวศกำศรวญครวญ
 +
  ปัญญาหญิงไหนจะพริ้งไม่คล่องเคล้า  นี่โดยเดานึกคเนอย่าเสสรวล
 +
ถ้าชำนาญอ่านเล่นเห็นสำนวน  ปราชช่วยปรวนเติมแต้มให้งามคำ
 +
  เราใช่ราชกระวีที่เฉลียว  ก็เสียวใจจะไม่คมเหมือนลมขำ
 +
อ่อนหัดไม่สันทัดพึ่งลองทำ  จะริร่ำร่างลงก็งงนาน
 +
  หนึ่งชุลิตฝ่าธุลีมีพระเดช  ซึ่งก่อเกษเลื่องโลกย์ระบือหาญ
 +
เสด็จสู่สวรรค์เทวพิมาน  ขอมัศการกรน้อมศิโรดม
 +
  ถวายต่างทิพมาศมโนแผ้ว  กราบแล้วจึงลิขิตอักษรสม
 +
โอ้พระปิ่นภพร้อนดังเพลิงรม  ล้มพระโรคแรกประทับจะอับจน ... (๒๐)
 +
</tpoem> 
 +
 +
(ยังมีต่อ)

การปรับปรุง เมื่อ 14:54, 12 กุมภาพันธ์ 2553

เรื่องนิพานวังน่า

นิราศบาทเบื้องโอ้โมฬี
พานจะโศกทั้งศรีอยุทเยศ
วังเย็นสรหงัดตีอกร่ำ ก่ำเอย
น่ามุขพิมานเมศร์เมื้อมิ่งแรมหมอง
แต่พระจอมมงกุฎโลกย์แรมวัง
แผ่นพิภพเพียงพังม้วยไหม้
ดินโดยอดูรหวังหวั่นเทวศ
ต้นแต่ตีทรวงให้ห่อนเว้นวันเสบย
             
      วงษ์อินทกรุงธิปัตเอกอิศรา
หน่อมงกุฎอยุทธยาเลื่องโลกย์
สืบสายกรมฝ่ายน่าแรมนิราศ
ทรงคิดคราววิโยคพระบิดุร้างสู่สวรรค์
      พระปิ่นอยุทธเยศเจ้าทรงธรรม์
นุภาพปราบมนุศย์สวรรค์ฟากฟ้า
สี่ทวีปถวายบรรณาน้อม
เกรงบพิตรพระจอมหล้าโลกย์ลั่นฦๅแขยง
      เคยเสด็จออกแสนเสหนางค์
ร้อยเอ็ดโอนอุตมางค์นอบน้อม
พระฤทธิ์เรืองปานปางสุริเยศ
ทั้งหมื่นกรุงสพรั่งพร้อมกราบเกล้าเศียรสยอง
      พระคุณเฮยแต่นี้เงียบวังเยน
เคยเผยสีหเหนลูกไห้
ยามศุขกลับไปเปนทุกข์เทวศ
คิดฤๅวายวางไข้จิตรโอ้อาดูร
      พระจอมมกุฎสามภพไห้สั่งเวียง
พระสนมเสนาะเรียงร่ำร้อง
หมู่มุขมนตรีเคียงครวญคร่ำ
เสียงพิฦกลั่นก้องโศกแส้วังโหย
      พระกาญจน์ยอดแก้วเฮ่ยยังหัน
เสร็จมาเมื้อเมืองสวรรค์สู่ฟ้า
ฤๅเคียดเสน่ห์ผันหุยหุง      เสียเนอ
ม้วยแต่นับโมงถ้าทุกค่ำคืนหาย
      พระร่มโพธิ์เกษมิ่งกระหม่อมเฮย
ยามกระเษมแสนเสวยศุขภาพ
สุรางค์บำเรอเคยสพรั่ง      พร้อมแฮ
เรียงรอบศิโรราบราชร้างแรมโฉม
      โอ้จอมมงกุฎเกล้าจากจร
กรมพระราชวังบวรแรมร้าง
ลูกทุ่มทรวงอาทรเทวศไห้
แสนทุกข์บวายว่างที่เมื้อจักเห็น
      ย่ำยามสดับเสียงประโคมวัง
ดุริยางค์เสนาะดังพาทย์ฆ้อง
ทีนี้จะเงียบแตรสังข์สูญถนัด
ฟังแต่เสียงสกุณก้องกรู่แก้วเกลื่อนขัน
      พระคุณเอ๋ยเคยทรงสร้างสมภาร
ปราถนาพระโพธิญาณยอดแก้ว
ออกโอษฐ์ขอคชทการนำสัตว์
จากบ่วงสงสารแคล้วคลาศพ้นพลันเข็ญ
             

ครุวารกติกมาเส สุกรอัคสังวชเร เหมันต์จตุมีดิถียัง

นาฬิกาหึ่งๆ ถึงยามสองได้สามบาทคาดฆ้องประโคมสังข์
พระมงกุฏปิ่นเกษนิเวศวังไม่รอรั้งร้างมิ่งพิมานเย็น
      พระสฐานสถิตย์เยือกยินแต่เสียงสุรางค์เรียงร่ำเทวศก็เหลือเข็ญ
ข้าธุลีมีกรรมจึงจำเปนไม่เห็นเลยหลักภพวิบัติวาย
      โอ้พระมิ่งโมฬีที่พึ่งโลกย์ประชาโศกแสนลห้อยไม่รู้หาย
ฤๅผลเวรสัตว์ทำประจำกายจึงทำลายเจาะจอมกระหม่อมจง
      พระกฤษดาดังพรหมอุดมเดชที่ทรงเพศพาหนะพระยาหงษ์
เหมือนสุริเยศไขศรีรวีวงษ์เมื่อเสร็จทรงกลดเยี่ยมโพยมงาม
      อรินทร์ราชกราบเกรงพระบารเมศมงกุฏเกษสรวมชีพทวีปสาม
เคยเปนฉัตรแก้วกั้นสุวรรณวามดังศศิตามส่องโลกย์สว่างวาว
      เย็นเกษบารเมศบรมจักรที่พำนักนิ์หายหาชนาหนาว
พระอานุภาพเลิศลบจบแตนดาว      ปัจจาผ่าวอุรพารอาใจ
      อันปิ่นราชนิเวศน์วังบวรดัษกรรื่นาบกราบไสว
ถึงรัตนังอังวะที่ฦๅไกร      ก็ปราบได้ด้วยพระฤทธิ์เดชาชาย
      เมื่อปางหลังที่นั่งสุรามรินทร์อยุทธสิ้นย่อยยับประหารหาย
เพราะไพรินทร์ลุยลามตามทำลายกระหม่อมหมายเมืองล่มไม่เล็งคืน
      บิตุรงทรงนามธรรมิกราชทั้งสามโลกย์เนียรนาศไม่อาจฝืน
มายกพระสาศนาภิญยายืนประชาชื่นชมโพธิสมภาร
      คือล้นกระหม่อมมิ่งมไหวงษ์สองพระองค์เลิศฟ้ามงกุฏสฐาน
แบ่งภาคจากองค์พระอวตารผ่านนิเวศน์ปราบดาด้วยบารมี      ... (๑๐)
      จึงสิ้นยุคสุขกระเษมทั้งสามภพเทพนบน้อมเกษทุกราษี
สรรเสริญเดชาทั้งธาษ์ตรีกรชุลีโปรยทิพย์สุมาลย์มา
      โอ้พระคุณเคยการุญพำนักนิ์โลกยิ่งวิโยคยามร้อนไม่ผ่อนหา
เมื่อดับเข็ญเย็นแล้วทั้งโลกาไยนิราร้างราษฏร์อนาถเนาว์
      ปางครั้งทศเศียรอสุรภักตร์เที่ยวหาญหักสามโลกย์ได้โศกเศร้า
นารายน์รามตามล้างจึงบางเบาบันเทาทุกข์ทั่วเทพดาคืน
      สุดกระเษมไตรภพสบกระสันอภิวันทุกพิมานสำราญรื่น
เหมือนปิ่นจอมล้นกระหม่อมเมื่อยังยืนหมื่นนิเวศน์วรถวายสุมาลี
      จึงนิพนธ์แต่หลังไว้หวังสนองให้จำลองสืบกระษัตริย์บดีศรี
หนึ่งครุลหุเคียงแต่เพียงตรีที่ท่านปรีชาช่วยอำนวยกลอน
      ใครยลอย่าเพ่อเย้ยพึ่งศึกษาใช่เมธาเจนจิตรบัณฑิตย์สอน
แสนถวิลถึงพระปิ่นชนากรสุดนิวรณ์หวั่นเทวศกำศรวญครวญ
      ปัญญาหญิงไหนจะพริ้งไม่คล่องเคล้านี่โดยเดานึกคเนอย่าเสสรวล
ถ้าชำนาญอ่านเล่นเห็นสำนวนปราชช่วยปรวนเติมแต้มให้งามคำ
      เราใช่ราชกระวีที่เฉลียวก็เสียวใจจะไม่คมเหมือนลมขำ
อ่อนหัดไม่สันทัดพึ่งลองทำจะริร่ำร่างลงก็งงนาน
      หนึ่งชุลิตฝ่าธุลีมีพระเดชซึ่งก่อเกษเลื่องโลกย์ระบือหาญ
เสด็จสู่สวรรค์เทวพิมานขอมัศการกรน้อมศิโรดม
      ถวายต่างทิพมาศมโนแผ้วกราบแล้วจึงลิขิตอักษรสม
โอ้พระปิ่นภพร้อนดังเพลิงรมล้มพระโรคแรกประทับจะอับจน ... (๒๐)
             

(ยังมีต่อ)

เครื่องมือส่วนตัว