à¸à¸¥à¸à¸™à¹„ดเà¸à¸£à¸µà¸‹à¸¶à¸¡à¸—ราบà¸à¸±à¸šà¸•ามเสด็จไทรโยค
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == {{เรียงลำดับ|ดไอรีซึมทราบ}} [[หมวด…') |
ล (ไดอรีซึมทราบ ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น กลอนไดเอรีซึมทราบกับตามเสด็จไทรโยค) |
การปรับปรุง เมื่อ 14:41, 1 ตุลาคม 2552
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงพระนิพนธ์อธิบายมูลเหตุที่พระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์กลอนไดอรีซึมทราบไว้ในคำนำของหนังสือกลอนไดเอรีซึมทราบกับตามเสด็จไทรโยค ความว่า
ทรงเบื่อหน่ายหนังสือชนิด ๑ ซึ่งเจ้านายเรียกกันว่าอย่าง "ซึมทราบ" คือผู้แต่งไม่รู้จักถ้อยจักคำไม่รู้จักอักษรรู้แต่กลอนก็แต่งไป แต่ก็ยังมีคนพอใจอ่าน จึงทรงแต่งบทกลอนอย่างซึมทราบล้อเล่นบ้าง ในจำนวนนี้มีกลอนไดเอรีซึมทราบ ทรงพระราชนิพนธ์ให้เปนของข้าราชการฝ่ายในแต่งเรื่อง ๑ ซึ่งพิมพ์ในสมุดเล่มนี้
ไดเอรีซึมทราบนี้ พระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์เปนอย่างหนังสือของข้าราชการฝ่ายในแต่ง แกล้งทรงพระราชนิพนธ์ ทั้งวิธีใช้ถ้อยคำแลสัมผัสเช่นหนังสือกลอนอย่างซึมทราบ เพราะฉะนั้นต้องใช้อักษรวิธีอย่างซึมทราบ จึงเปนกลอนได้
บทประพันธ์
๏ ข้อคำรบนบหัดอัดทิถาน | อํงพระทุดทะรัดกำจัดมาน | ||
โปรดประทานพระสะทันอันอุดํม | หนึ่งคำนับในพระทัมอันล้ำเลิศ | ||
แสนประเสิดส่องทางข้างสยํม | อีกไหว้อ่ริยสํงวํงบ่อ่รํม | ||
ด้วยชื่นชํมโสมนัดมัดส่กาน | ข่อ่บังคมพระไม้ตรีสีอานเจ้า | ||
อันยังเนาในดุสิตส่ทิดสถาน | อีกไหว้ครูอุปัดชาอํงอาจาน | ||
อีกกราบกรานทั้งช่นกชนละนี | อีกอีนพรมยมเรดวิเสดสัก | ||
ฝูงอารักเทวาทุกราสึ | เดชะข้าอภิวันอันชุลี | ||
ข่ออย่ามีโครไพอันใดพาน | จะจะจำทำใดอ่รีใหม่ | ||
แต่ล้วนใช้กาบกลอนอักสอนสาน | สำหรับฝูงนารีที่ชำนาน | ||
จะได้อ่านซึมทราบอาบอุรา | ข่อ่เริ่มบดพจ่นังตั้งกำหนด | ||
จะจำจดเรื่องรายลายเลขา | แต่ต้นนเดือนสิบสองไปไม่เคลื่อนคลา | ||
เริ่มทิวาอาทิดสิดทิไชย | อันนามปีนี้ชวดสำริดทิสก | ||
ไม่ปิดปกสัก่ราดประกาดไข | พันสองร้อยห้สิบแสดงไว้ | ||
ได้นับไปเปนต้นยุบํนกลอน | |||
วันอาทิตย์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑ ค่ำ | |||
ในวันนี้มีการพยุหยาด | ชล่มาดนาวามาสลอน | ||
เรือกระบวนรูปสัตอัดสาคอน | ทั้งเรือมอนเรือยวนท่วนทุกกรํม | ||
อันเรือหํงทรํงไกรพระกระถิน | ดูดังบินโยนยาวฉาวข่รํม | ||
กลองช่นะแกรสังดังร่งํม | น่าชื่นชมเรือที่นั่บันลังทรํง | ||
ชื่ออนันนาคราชผงาดเงื้อม | แลละเลื่อมบุดส่บํกกระนกร่หง | ||
ที่ประทับลอยเด่นเหนพระอํง | ล้วนฉัดทำรายไสววิไลยตา | ||
ที่นั่งรองเรือพลับพลาหลังคาสี | พายตามที่ระยะย่านข่นานหน้า | ||
เรือตำหรวดเรือเจ้านายพายต่อมา | ทั้งเรือข้าราช่กิตติดกระบวน | ||
ประทับท่าวัดอรุนสุนท่เรด | เสรจประเวดขึ้นทางหว่างฉ่นวน | ||
ขุนนางพร้อมน้อมเกล้าเฝ้าตามควร | เสรจ่ด่วนขึ้นเกยเลยทรํงยาน | ||
ตำหรวดนำสองข้างย่างขยับ | เสียงกุบกับเข้าไปในวิหาร | ||
ประทานกระถินสังคาสาทุกาน | แล้วสวดกรานตามอย่างทางวิไน | ||
ครั้นสำเหรกเสรจจากวัดแจ้งนั้น | ล่องผายผันตามหาช่ลาไหล | ||
มาเข้าคลองบางหลวงล่วงเข้าไป | ถึงวัดในท้ายต่ลาดส่อาดงาม | ||
ประทานกระถินวัดนี้เปนที่สอง | แลถัดรองไปวัดหํงทรํงที่สาม | ||
แต่วัดพลับนับเปนที่สี่อาราม | ตกอยู่ยามสุริยันตวันชาย | ||
ประทานไกรให้กรมภูธ่เรศ | เสรจประเวดคันไลไปถ่วาย | ||
ตั้งกระบวนเสดจกลับจับริ้วราย | ให้เรือพายถ่วายลำนำดำเนิน | ||
สิ้นนาวายาตตราเรือที่นั่ง | ต้นบดตั้งเห่โคลงส่งเสียงเหิ่น | ||
แล้วโหยหวนทวนรับส่ดับเพลิน | เรือพายเดินน่าฉนวนทวนราวี | ||
พอจวนแสงสุริยํงจะลํงลับ | เรือประทับตำหนักแพเซงแส้มี่ | ||
เรือตำหรวดรีบทุกลำจ้ำเต็มที่ | มาจอดที่ท่าขุนนางย่างขึ้นไป | ||
ตั้งริ้วเรียบร้อยคอยพร้อมเสรจ | เสดจขนราช่กิดวินิดไฉ | ||
ทรงพระราดทะยายผ่องอำไพ | คืนเข้าในพระนิเวศสิ้นเขตวัน | ||
วันจันทร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๒ ค่ำ | |||
เวลาบ่ายโมงหนึ่งถึงกำหนด | ได้จำจํดกระถินเรือเหลือข่ยัน | ||
ที่นั่งทรงเทวาสง่าครัน | ที่หนึ่งนั้นวัดระฆังตั้งขึ้นบํน | ||
แล้วล่องกลับโดยลำดับวิถีท่า | วัดกัลยานิมิตอย่าคิดฉง่น | ||
วัดรั้วเหลกที่สามตามตำบํน | แล้วข้ามชํลตรงตัดวัดตีนเลน | ||
พระยารักโขนหักเอาเชือกรัด | สามเปลาะมัดน่าเบื่อดูเหลือเถน | ||
ฝีพายใหม่ไม่ถนัดตัดวาดเบน | จนโขนเขนหักยับได้อับอาย | ||
กลับถึงวังยังไม่ทันค่ำสนิท | คืนส่ทิดพระที่นั่งดังมั่นหมาย | ||
ฝีพายหิวนิ่วน่าบันดาตาย | อันเรื่องรายวันจํดก็หมดกลอน | ||
วันอังคาร เดือน ๑๒ ขึ้น ๓ ค่ำ | |||
ในวันนี้นาวีพระที่นั่ง | ชื่อทวยเทพพาบประนังนั่งส่ลอน | ||
เสดจดนบางลำพูคูน่คอน | ด้านอุดอนโดยระยะมะระคา | ||
ที่หนึ่งวัดบางลำพูสู่ประทับ | กระถินสรับเสรจกรํงมาลํงท่า | ||
เคลื่อนกระบวนด่วนโดยทางช่ลา | มาถึงน่าวัดบนคนประดัง | ||
ชื่อบ่อ่รํมมะนิเวดวิเสดสุด | โดยสมมุตเลื่องลือเปนชื่อตั้ง | ||
ของถ่วายรายเรียบเพียบประนัง | กรํมวังทูลถ่วายรายบาญชี | ||
ของพระยากระเสบพะรักษา | กรํมนาวังน่าเรืองราสี | ||
บ้านอยู่น่าอารามความภักดี | กับบุดกรีคิดพร้อมน้อมนำมา | ||
วัดที่สองครองกระถินสิ้นเสรจกิจ | เสรจส่ทิดเรือที่นั่งแห่หลังน่า | ||
ไปเข้าคลองมหานากบากนาวา | เรือตั้งมาประทะคั่งอยู่ทั้งกอง | ||
ด้วยน้ำตื้นพื้นคลองล้วนกองเสา | เรือเกยเข้าติดประดังอยู่ทั้งผอง | ||
เรือที่นั่งตั้งวางกรํงกลางคลอง | ก็ลอยล่องเข้าไปทอดจอดตะพาน | ||
วัดสะเกดวิเสดดีเปนที่สาม | ขุนนางหลามคนผู้หมู่ทหาน | ||
เสดจกรํงขึ้นทรํงราดทะยาน | เข้าวิหานตามอย่างแต่ปางมา | ||
ครั้นสำเหรดโมทะนารถาถ่วาย | ก็คลี่คลายเคลื่อนพหํพนหลังน่า | ||
ไปตามแถวแนวคลองล่องลิ้นลา | ริมทานท่านคนผู้มาดูครั้น | ||
วัดบูรํมมะวิวาดส่อาดเอี่ยม | ดูใหม่เรี่ยมดิบดีทาสีสัน | ||
ส่นนลาดดาดสินลาน่าจ่อ่ร่จัน | เสรจผายผันด้วยพระบาดลี้ลาดไป | ||
ครั้นประทานพระกระถินสิ้นเสรจแล้ว | เสรจคลาดแคล้วสู่ที่เจดีใหญ่ | ||
มัดส่การตามเคยเลยคันไล | ทอดพระเนตกุดใหม่ในอาราม | ||
แล้วกลับกรํงลํงเรือพระที่นั่ง | ต่างคับคั่งเรือแห่แลออกหลาม | ||
กลับทางเก่าเข้ารากรีอักคีตาม | สว่างวามลอยล่องท้องนัดที | ||
เกือบทุ่มถึงตำหนักแพเสียงแส้ซ้อง | สนั่นกลองแขกแปลงกระแสงปี่ | ||
พ่อ่เสดจขึ้นลับกลับนาวี | ในวันนี้พ่อ่หมดที่จดจำ | ||
วันพุธ เดือน ๑๒ ขึ้น ๔ ค่ำ | |||
พ่อสายแสงสุริยาเวลาบ่าย | เรือดั้งรายเรียงมาออกคลาคล่ำ | ||
คู่ชักเรือรูปสัดจัดให้นำ | ถัดถึงลำพระที่นั่งอ่ลังกา | ||
เรืออะเนกกลายนากหลากแต่ก่อน | ชมพูอ่อนพื้นอะแหร่มแกมทองจ้า | ||
ฝีพายกรายพายมาสเพียงบาดตา | ทั้งนาวาติดตามหลามเปนทิว | ||
เข้าปากคลองขุดใหม่ข้างใต้น้ำ | ต่างพายร่ำรี่เรื่อยแล่นเฉี่อยฉิว | ||
พระพายพัดผ้าพู่ฟ่องฟูปลิว | ตามข้างริ้วเรือดูอยู่เรียงราย | ||
ประทับที่วัดพระเทบเปนที่หนึ่ง | เสรจแล้วจึ่งลอยเลื่อนเคลื่อนข่ยาย | ||
ไปวัดโสม่นัดนั้นตวันชาย | ที่สุดท้ายวัดพระนามสามตำบล | ||
ออกปากคลองข้างเหนือเรือล่องกลับ | ดูคั่งคับเฮฮาโกลาหน | ||
พ่อ่พลบค่ำถึงตำหนักริมสาชล | เสรจนิพลในวันนี้ที่มีการ | ||
วันพฤหัสบดี เดือน ๑๒ ขึ้น ๕ ค่ำ | |||
ตามใบป้ายหมายทางวางวิถี | ในวันนี้คลองบางหลวงกระทรวงสถาน | ||
พ่อ่เวลาแสงสายบ่ายโมงนาน | ก้องส่ท้านเสียงเส้าเร้าระงํม | ||
เรือน่รายทรงสุบันยืนยันเหยียบ | ฝีพายเพียงปืนประจำน่าลำสํม | ||
เรือครุดเปนคู่ชักกสักบ่อ่รํม | ดูอุมํมที่นั่งรองทองเหรา | ||
ที่หนึ่งนั้นวัดจันทารามราช | คนเกลื่อนกลาดคั่งคับส่ลับหน้า | ||
ไม่ช้าทีมีพระราชชงคา | เรียกไกรมาทรงกะพระราช่ทาน | ||
แก่สมเดจพระราช่โอรํฏ | ให้พร้อมหมดทั้งอัดถะบ่อ่ริขาน | ||
ไปทอดพระกระถินมั่งหวังนิพาน | ที่ส่ถานวัดหนังลำพังอํง | ||
ที่นั่งรองสนองเปนเรือที่นั่ง | ให้แต่งตั้งเครื่องอานพานร่หํง | ||
ทูลหม่อมเล๊กเลิกลักจักรพํง | โปรใดให้ทรงทอดบ้างวัดนางนอง | ||
เรือที่นั่งกรมพระกะการเสรจ | ยืมเสดจทรงวันนี้เปนที่สอง | ||
ตามติดไปในกระบวนควนละบอง | ไปแยกกองเมื่อถึงวัดที่จัดปัน | ||
กระบวนหลวงล่วงลงวัดที่สอง | ชื่อจอมทองงามเทียบเปรียบส่วัน | ||
เรียกวัดราชโอรํฏปรากํดครัน | เปนนามอันประทานไว้แต่ไรมา | ||
กระถินเสรจเสดจกลับไม่ทันค่ำ | พ่อ่ฟ้าคล้ำน่อยหนึ่งถึงน่าท่า | ||
เปนวันเลิกเรือกระบวนควนเวลา | สิ้นสาราส่วนวันนี้มีนิยํม | ||
วันศุกร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๖ ค่ำ | |||
วันนี้งดกระถินไว้ไม่ลิ้นลาด | ด้วยพระราช่ปรสงอํงอิส่ยํม | ||
ให้ตั้งสวดตามอย่างตั้งต่างกรํม | ในพระบรํมราชวังแต่หลังมา | ||
พระอํงทองน้องเธอเผ่ยอยด | นามปรากดสัมป่สิดส้อยติดว่า | ||
สามปะสาดสืบส่นองต้องวินยา | ในเวลาค่ำเสรจเสดจวัง | ||
อีกเจ้านายขุนนางข้างในด้วย | ต่างไปช่วยนั่งล้อมอยู่พร้อมพรั่ง | ||
เสียงปี่พาดระนาดค้องก้องประดัง | พระสํงตั้งสวดสับกลับไปวัด | ||
ให้เลื้ยงดูผู้บันดาที่มานั้น | ต่างพร้อมกันกินโต๊ะตามส่นัด | ||
ของฝาหรั่งจีนไทยได้สาร่พัด | ที่ชาจัดถาดสล้างวางรายเลี้ยง | ||
จุดโคมไฟไว้ทุกแห่งแสงส่อาด | น้ำมันก๊าดเรียงรันชั้นเฉลียง | ||
ตามรอบรั้วรายทางวางโคมเคียง | ไฟฟ้าเพียงแสงจันเมื่อวันเพง | ||
ที่พื้นวังตั้งกระถางวางต้นไม้ | ส่นามย่ากว้างใหญ่อยู่น่าเก๋ง | ||
ตำหนักใหม่วิไลยตาน่าแลเลง | ดูเหมาะเหมงงดงามตามทำนอง | ||
เวลาสองทุ่มเสดเสดจกลับ | รถที่นั่งควบขับพาชีสอง | ||
ทหานม้าแห่หลามตามเปนกอง | ผันผยองเข้ายังพระวังใน | ||
อนึ่งคืนวันนี้นั้นมีเหตุ | แปดทุ่มเสดตามข่าวที่กล่าวไข | ||
พระยาธรรมน่าวัดเลียบล่วงลับไป | ไม่ป่วยไข้อยู่ดีดีมีอันเปน | ||
แน่นน่าอกขึ้นมาสิบห้าพินิด | สิ้นชีวิตอนิจจังควรยังเหน | ||
อย่าประมาทสังขาราว่าอยู่เยน | ไม่ว่างเว้นเวลาชีวาวาง | ||
ได้ประทานโกดไปใส่สบท่าน | ด้วยความชอบราชการมีหลายอย่าง | ||
ท่านทั้งเปนกอมมิตตี้มีที่ทาง | ได้ว่าข้างกรมเมืองสืบเนื่องมา | ||
วันเสาร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๗ ค่ำ | |||
เริกตั้งกรํมวันนี้สี่โมงเสด | กำหนดเขตห้าสิบเก้าตามเขาว่า | ||
เสดจโดยราดทะยานกระหง่านตา | ได้เวลาประทานน้ำตามทำนอง | ||
แล้วเจ้านายฝ่ายในทั้งฝ่ายน่า | อีกท่านเสนาบ่อ่ดีที่ไปสอง | ||
พระอาลักนุ่งถํมปักเสื้อครุยกรอง | ก็เพรียกพร้องคำประกาดราดโองการ | ||
สิ้นเสรจสานแล้วประทานน้ำพระสัง | ตีปงปังเป่าแกรแช่ประสาน | ||
ปีพาดค้องก้องดังกังสะดาน | พระสํงท่านพร้อมกันสวดยันโต | ||
ประทานสูวันณะบัดพระแสงถํม | ประคำทองกากลํมเครื่องยะโส | ||
สตาส้อยสายส่พักกราจักโกร | ทั้งมาโลเส้าสะเทินจำเรินเรือง | ||
เสรจแล้วท่านกรํมหมื่นพระอํงใหม่ | ยํกทูบเทียนแพใหญ่เล่มเติบเตื้อง | ||
ไม้เงินทองสองคู่ดูประเทือง | ตลับเพชเมดเขื่องขึ้นโต๊ะราย | ||
แล้วคำนับอับพิวาดพระบาดเบื้อง | เปนเครื่องราช่พลีตั้งที่ถวาย | ||
อีกทูบเทียนทั้งชำล่วยด้วยมากมาย | แจกเจ้านายแลขุนนางอย่างตั้งกรํม | ||
แล้วจัดโต๊ะอย่างฝาหรั่งตั้งเครื่องเส่วย | พร้อมนมเนยเนื้อหนังทั้งขนํม | ||
ไอสะติมไดลี่มีอุดํม | ตะหนุ่นส้มผลไม้ก็ก่ายกอง | ||
เลี้ยงสำเหรดเสรจพลันตวันบ่าย | สองโมงปลายตั้งริ้วเปนทิวท่อง | ||
เสดจกลับแห่หลามตามทำนอง | การทั้งผองเสรจสันที่บันระบาย | ||
อันพระหน่อในพระโกดที่โปรดตั้ง | เปนกรํมครั้งแผ่นดินนี้มีมากหลาย | ||
กรํมพระทั้งสองพระน้องชาย | อํงใหญ่หมายกรํมพระจักรพัด | ||
พระอํงน้อยนั้นกรํมพานุ | ส้อยคระครุจำไม่ได้สนัด | ||
กรํมหลวงสองอํงนามกรํงชัด | ที่วังหลังวัดสทัดเทวาวํง | ||
วังประตูส่สสใหม่นั้นไม่ผิด | พระนามกรํมนุชิดอย่าพิดส่วํง | ||
กรํมขุนวังล่างยังอีกอํง | พระนามกรํงเรียกนริดผิดบูราน | ||
กรํมหมื่นมีสิบสองลองสังเกต | กรํมนาเรศกรํมภูคุ่หนึ่งขาน | ||
อดิดสอนว่อ่ระจักกระหนักการ | อีกซียานทรํงพระหนวดวัดพระนาม | ||
กรํมมะพรมอีกกรํมมะราชสัก | จํงประจักเจดอํงไม่หลงข้าม | ||
กรํมมะศ่ริแลตำรํงกรํงข้อความ | ยังอีกสามคือกรํมมะสํมมด | ||
กับกรํมมะสับพ่สินสัมปะสิด | ตั้งวันนี้นับติดเปนที่สุด | ||
ยังจะตั้งอีกที่วังสานเจ้าครุด | ข่อ่ยั้งอยุดกล่าวต่อข้ออื่นไป | ||
ละคอนฝาหรั่งครั้งสะวิเชนนั้น | เดี๋ยวนมันเข้ามาหากินใหม่ | ||
เล่นที่โอเตนล่างหนทางไกล | เดี๋ยวนี้ไพล่มาประชุมที่มุมวัง | ||
มีเสือหมีโคลาทั้งม้าช้าง | อีกลิงข้างนํกขี้ราบปราบคุมขัง | ||
ถึงดุร้ายสักเท่าใดว่าไรฟัง | ด้วยมํนดํนของเขาขลังกำบังตา | ||
คิดจะไปดูมั่งยังข่ยาด | เสียหลายบาดครู่เดียวเจียวไม่น่า | ||
ยังจะมีถ้อยความตามต่อมา | ลายเลขาข่อ่ส่งํบจํบไว้ที | ||
วันอาทิตย์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๘ ค่ำ | |||
เสรจการจอนย้อนเปนกระถินใหม่ | กระบวนเรือกลไฟใช้ตามที่ | ||
เพราะวัดไกรไปถึงนนบุรี | แต่ก่อนนี้เรือพายหลายชั่วโมง | ||
จึ่งเปลี่ยนใหม่ใช้กระบวนเรือไฟหมด | ถึงกำหนดกลางวันควันโขมง | ||
สองโมงเสดเสดจออกท้องพระโรง | ฤาที่โถงตามสำเหนียกเขาเรียกกัน | ||
เรือที่นั่งตั้งชื่ออาตีกํง | เจ้าขุนนางต่างลํงเปนหลายหลั่น | ||
แล่นขึ้นเหนือเรือตามไปครามครัน | วัดแรกนั้นส่มอรายชายคํงคา | ||
กระถินเสรจเสดจสู่หมู่เสนาด | ดูสอาดอะหร่ามเรืองทั้งเฝืองฝา | ||
ทรํงปุนนะขึ้นใหม่วิไลยตา | วัดเสมาเปนที่สองรองต่อไป | ||
อันที่สามนามวัดเฉลิมพระเกียด | ต่วันเฉียดลับเขาจะเข้าไต้ | ||
โต๊ะจีนจุดเทียนกระจ่างสว่างไฟ | ราบเรียงไว้ริมข้างทางจ่อระลี | ||
เสดจกลับประทับท่าเหนกว่าทุ่ม | ไม่มืดคลุ้มตามทางหว่างวิถี | ||
ด้วยเดือนเด่นเห็นสว่างกลางนัดที | สิ้นเท่านี้จดหมายในรายวัน | ||
วันจันทร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๙ ค่ำ | |||
กระถินเรือเหมือนเมื่อวานที่ขานไข | เปลี่ยนลงไต้จนตลอดเมืองเขื่อนขัน | ||
นาวาล่องมาถึงคลองวัดทองพลัน | อยุดที่นั่นทอดส่มอร่อ่บันลัง | ||
เรือทองที่นั่งทรํงกรํงมาเทียบ | สีพายเพียบนาวาทั้งน่าหลัง | ||
เรือนำตามหลามช่ลาดาประดัง | มากระทั่งน่าท่าก็ราพาย | ||
ลานอารามน้ำท่วมถึงคืบกว่า | บัดาข้าทูลอองต้องขํนขวาย | ||
หาทางดอนผ่อนผันกันวุ่นวาย | บ้างสิ้นอายถอดถุงเท้าลํงก้าวลุย | ||
แต่ตำหรวดกับทหานพานขัดข้อง | ด้วยว่าต้องแห่นำท่องน้ำฉุย | ||
มหาดเล๊กมหาดลอยพลอยตะกุย | ดู่รุกรุยเต็มประดาน่ารำคาน | ||
คุณสาหร่ายนายอะไรได้เปนที่ | เชิญพระพันนะสีตามที่ถาม | ||
เดินชิดติดท้ายพระราดทะยาน | ปาติหานลงในหลุมชุ่มทั้งตัว | ||
น้ำพระสีพระสร้อยพลอยเปื้อนหน้า | ลุกขึ้นมามึนเหมยแล้วเสยหัว | ||
พระราดทะยานย่องมาดูน่ากลัว | น้ำเปนตมขุ่นมัวไม่เห็นทาง | ||
กระถินเสรจเสดจจากวัดทองนั้น | ไปประทับเรือกำปั่นวัดทองล่าง | ||
ส่นํนเลี่ยนลาดสิลาผ่าไปกลาง | ทั้งสองข้างน้ำเหลิงจํนเรือลอย | ||
กระถินสรับเสดจกลับเรือที่นั่ง | แล่นจากฝั่งเฝือมาไม่ราถอย | ||
ถึงปากลัดตัดเข้าคลองไม่ต้องคอย | ไปอีกหน่อยถึงอารามที่สามพลัน | ||
ชื่อโปรดเกษเชดฐาเปรื่องปรากด | เจ้าคุณคํชมุนีอยู่ที่นั่น | ||
ประทานเงินสิบชั่งเปนรางวัล | ในเชิงชั้นแพทยาวิชาดี | ||
ออกจากท่าเวลาจะใกล้ค่ำ | รีบแล่นร่ำตามคลองท้องวิถี | ||
ออกลัดล่างสว่างช่วงดวงอัคคี | เขาตั้งที่บูชาตามน่าเรือน | ||
ต้องทวนน้ำไปตามลำนัดทีใหญ่ | ช้ากระไรก๊ระนี้ไม่มีเหมือน | ||
หากส่ว่างกระจ่างแจ้งด้วยแสงเดือน | ไม่ฟั่นเฟื่อนเรือแพออกแจจัน | ||
จอดประทับที่ตะพานปราการใหญ่ | ให้เรียกไกรวัดทรํงทำนำผายผัน | ||
ด้วยมืดค่ำเกินเวลากว่าทุกวัน | ขึ้นบํกนั้นหํนทางอยู่ข้างไกล | ||
เจ้าพระยาพลเทพเรือท่านเล่า | ต้องคอยกว่ายี่สิบมินูดได้ | ||
ครั้นมาเฝ้าที่ต่พานประทานไกร | ให้ท่านไปทอดกระถินสิ้นเวลา | ||
ประทานเสรจเสดจกลับโดยทางเก่า | ล่วงมาเข้าคลองลัดตัดบากน่า | ||
ทวนกระแสนัดทีรี่เร็วมา | แสงจันกราส่องสว่างดังกลางวัน | ||
เหนตึกกว้านบ้านช่องทั้งสองฟาก | ทำหลากหลากดูเล่นก็เหนขัน | ||
เย่าเรือนมันไม่เหมือนเมื่อกระนั้น | ทำสองชั้นสามชั้นน่ากลัวพัง | ||
แม้นตัวเราแล้วไม่เอาละเช่นนี้ | ต่อให้จ้างอีกสักสี่ห้าสิบชั่ง | ||
พ่อ่ยามเสดนาวามาถึงวัง | ข่อ่อยุดยั้งแรรี่วันนี้ไว้ | ||
วันศุกร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๓ ค่ำ | |||
สามทิวาล่วงมาไม่มีกิด | จึงไม่คิดจํดแจ้งแถ่ลงไข | ||
ถึงวันนี้มีการฉลองไกร | สวดมํนใหญ่พระมากว่าห้าร้อย | ||
เสียงกึก้องท้องพระโรงที่ในสวน | ตามกระบวนพร้องเพราะเสนาะถ้อย | ||
ห้าทุ่มเสดเสดจขึ้นกลับคืนคล้อย | การเล็กน้อยยังมีที่ควรแส่ดง | ||
สิบสองค่ำกำหนดยํกโคมไชย | แลไส่วสว่างงามอร่ามแสง | ||
เมื่อยักจ้องมองหนดวงเด่นแดง | ไม่อาดแผลงฤทธามากราวเกรียว | ||
หนงมีข่าวกล่าวว่าเจ้าฝาหรั่ง | มาจอดยั้งอยุดนาวีที่น้ำเขียว | ||
ข้ามหลังเต่าเข้าไม่ได้จนใจเจียว | ต้องมาเลี้ยวข่อ่ให้เรารับเข้ามา | ||
ซออาชะลิวสุวะโปนโพนประพาศ | เปนเชื้อชาดอ๊อดเกรียนเพียนหนักหนา | ||
ลํงกำปั่นลำใหญ่เที่ยวไคลคลา | เรียนวิชาชาดฝาหรั่งข้างเรือรํบ | ||
เรืออุบลสกลไฟลํงไปรับ | ผู้กำกับเลือกผู้รู้เจนจบ | ||
พระอํงเจ้าปรีดามาสํมทํบ | กับกรํมวังทั้งงํบพนักงาน | ||
คอยอยู่นอกหลังเต่าเข้าไม่ถึง | เฝ้าคะนึงนึกในให้สงสาน | ||
กลางชะเลพระเวหํนทํนกันดาน | จะส่ท้านส่ทํกพรั่นหวั่นวินยา | ||
ถึงแต่วานแล้วยังพานพูดเพี้ยนผัด | เลื่อนหลีกนัดมาวันนี้เปนทีถ้า | ||
พ่อ่ต่วันตกบ่ายได้เวลา | เขาขึ้นมาถึงปากน้ำในลำทรํง | ||
ป้อมผีเสื้อสมุดสลุดรับ | จำนวนนับยี่สิบเบดเสรจประสรํง | ||
อย่างฝาหรั่งเปนคำนับรับพระวํง | เรือแล่นกรํงมาตามทางกลางคงคา | ||
ถึงทน่าวังกรํมอุดมเก่า | เรือพายเข้าไปรับมาขึ้นท่า | ||
พระอํงจรกับพระยาเพชดา | รับขึ้นมาอยู่วังสำรานรํม | ||
กรํมหมื่นวรจักคอยทักถาม | เชิญอยู่ห้องต้องตามที่ใครสํม | ||
อับพี่เซ่ออีกสิบสี่มีนิยํม | มาเที่ยวชํมกรุงสยามตามเจ้านาย | ||
ให้อยู่วังทั้งหมดไม่อํดอยาก | เลี้ยงดูมากฟั่นเฝือจํนเหลือหลาย | ||
สาร่พัดจัดไว้ให้ส่บาย | บันระยายมาก็หมดจํดรายวัน | ||
วันเสาร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๔ ค่ำ | |||
เวลาเช้าเลี้ยงพระตามกะแบ่ง | เป็นสองแห่งคือที่สุดไทสู่วัน | ||
กับที่ตัดสมาคํมรด่มกัน | รวมเปนวันละร้อยเสดสังเกตตา | ||
แต่มิได้เสดจออกบอกกำหนด | หมายแขกเมือเตมยํศให้พร้อมน่า | ||
ทหานก๊าดเข้าแถวแนวสันลา | ถัดเข้ามามีอีกหมู่อยู่ชั้นใน | ||
ตามน่าห่อ่พระสมุดสุดสง่า | ล้วนรักษาพระอํงตื่นยืนไสว | ||
พร้อมแกรวํงทํงคู่ดูเกรียงไกร | ที่แถวในน่าปราสาทก๊าดเรียงราย | ||
ล้วนทหานมหาดเลกราดวันลํบ | แต่งตัวครํบเครื่องครึ่งดูผึ่งผาย | ||
เสนาในใหญ่น้อยทั้งเจ้านาย | ต่างแต่งกายเตมยํศหมดด้วยกัน | ||
ที่ผู้ใหญ่เฝ้าในห้องเสดจออก | ผู้น้อยอยู่ห้องนอกผนังคั่น | ||
ยืนเรียงรายสองข้างทางจรัน | ตามอย่างอันจัดใหม่เคยใช้มา | ||
เวลาสี่โมงเสดเสดจออก | พระโรงนอกต่างคำนับสลับหน้า | ||
สมเดจก็เสดจตามลีลา | ทั้งพระราชโอรํฏสามาพร้อมเพรียง | ||
พ่อ่รถเจ้าเข้าท่วานทหานคำนับ | สนั่นสับแกรวํงส่งแซ่เสียง | ||
บันเลงเพลงสั่งกระเสินเพลินสำเนียง | รดขับเรียงเลี้ยววํงตรงอัศจัน | ||
กรมหมื่นวรจักพระอํงจอน | คอยรับกอนกู๋ดบ๋ายชวนผายผัน | ||
ปางพระอํงผู้ดำรงทศทัน | เสรจจ่อ่ร่จันออกมารับประคับประคอง | ||
ถึงท่วานเจ้าคำนับจับหัตถา | แล้วทรํงพาเข้าไปถึงในห้อง | ||
กรัดปราไสไถ่ถามตามทำนอง | ควรแก่คลองไมกรีมีต่อกัน | ||
แล้วตำหรัดกรัดนำให้ได้เฝ้า | สมเดจพระนางเจ้าจอมสาวสัน | ||
เจ้าถวายคำนับอับพิวัน | แล้วจุ๊บหัดเปนสำคันความนอบนํบ | ||
อันเยี่ยงอย่างข้างฝาหรั่งนางกระสัต | ประทานหัดแล้วต้องจุ๊บตามฉบํบ | ||
เปนนับถือยิ่งอย่างทางคำรับ | ต่อยํศใหญ่จึ่งได้พํบพระราช่ทาน | ||
แล้วประทานดวงตราอร่แชน | กับผ้าแกรนกร๊อดต่พายสายประส | ||
ท้องน้ำเงินขอบขจีมีประมาน | ตราบำนานชั้นที่หนึ่งพึ่งนิยม | ||
แล้วทรํงนำแนะบันดาที่มาเฝ้า | ให้รู้จักกับเจ้าสนิทสนม | ||
เจ้าก็นำแต่บันดาข้าในกรํม | เข้ามาก้มคำนับน้อมพร้อมทุกนาย | ||
ครั้นเสรจกรัดสนทนาโปรดปราไส | เสดจไปส่งพลันให้ผันผาย | ||
เจ้าทูลลาพาขุนนางย่างเยื้องกราย | ขึ้นรดรายเรียงร่ดับขับตามกัน | ||
พ่อ่เคลื่อนรดทหานรับคำนับถวาย | ดังบันร่ยายมาแต่แรกไม่แปลกผัน | ||
สิ้นแขกเมืองเรื่องความตามรายวัน | ตอนค่ำนั้นไว้ข้างน่าจะว่ากลอน | ||
วันอาทิตย์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๕ ค่ำ | |||
เช้าวันนี้มิได้เสรจออกเลี้ยงพระ | ด้วยพระราช่ธุระไม่อยุดหย่อน | ||
บ่ายสี่โมงเปนกำหนดนรินทอร | บทจอรเยี่ยมฝาหรั่งวังสำราน | ||
ทหานแห่แลหลามตามเปนหมู่ | ถึงประตูวังแกรแซ่ประสาน | ||
เจ้าฝาหรั่นทั้งบันดาข้าราช่การ | คอยรับอยู่ที่ท่วานจะเข้าวัง | ||
เสดจจากรํดทรํงกรํงจับหัด | ขุนนางยืนเยียดยัดอยู่สพรั่ง | ||
ตามเสดจยาตกราดาประดัง | ถึงพระที่นั่งอยุดประทับรับห้องใน | ||
พวกฝาหรั่งที่ได้กราติดมาดื่น | ต่างมายืนเฝ้าอยู่ดูไส่ว | ||
ตำหรัดถามศุขทุกขตามฤไท | ทางปราไสสนท่นาไม่ราคี | ||
พ่อ่สมควรเสดจคืนรํดที่นั่ง | ขับผาดผังมาตามทางหว่งวิถี | ||
ถึงประทับกลับขึ้นพระมนทรี | ยามรากรียกไว้ว่าวันน่าไป | ||
วันจันทร์ เดือน ๑๒ แรม ๒ ค่ำ | |||
เลี้ยงพระสํงทรงบาดทั้งปวงเสรจ | สมเดจเสดจตามอํงกานสั่งขานไข | ||
พอสิ้นแสงสุริโยอ่โนทัย | เสรจคันไลห่อ่สมุดวัดชียาน | ||
ชุมนุมคิดกิดการงานเปิดหอ | กานอื่นอิกต่อไปหลายสถาน | ||
เสดจขึ้นข้างในได้ยามนาน | กระเกรียมการลอยกระทงเสรจลงแพ | ||
สองยามเสดเสดจจากพระที่นั่ง | ลงสู่เรือบันลังริมกระแส | ||
เรือล้อมวํงจอดอยู่คอยดูแล | เสียงเซงแซ่ปี่พาดระนาดค้อง | ||
กลองแขกอื้ออึงเสียงตึงทั่ง | แกรฝาหรั่งโครมครึกกลองกึกก้อง | ||
ทุ่นหยวกรายต้ายสว่างอย่างท่ำมอง | เรือคอนพายขึ้นล่องปักโคมบัว | ||
เรืออ่นันสีสะนากมากสนัด | มีทํงฉัดเทียมประจำในลำทั่ว | ||
โคมกระจกสีกระจ่างไม่พร่างมัว | ประดับหัวประดับท้ายคล้ายดารา | ||
บุดส่บํกพระที่นั่งตั้งพระไชย | เครื่องมัดส่การวางไว้ที่ตรงน่า | ||
ทรงช่นวนคัดจามงามกรูตา | จุดเทียนในนาวาที่รายไว้ | ||
ทั้งเจ้านายฝ่ายในได้ทรํงจุด | จนสิ้นสุดแสนกระจ่างสว่างไสว | ||
ที่น่าท้ายสองข้างห่างออกไป | ฝ่ายน่าได้จุดต่อพ่อ่ทั่วลำ | ||
พ่อ่เรือมาทอดที่มีบันหาร | ให้ขับขานเห่เอื่อยเสียงเฉื่อยฉ่ำ | ||
เพดฉลูต้นบดชดช้อยคำ | ถึงแก่คร่ำตาหยียังดีครัน | ||
ส่วนขุนรามที่สองรองค่อ่เล่า | ถึงแก่เถ้าเสียงดังยังขยัน | ||
ไม่ใส่หมวกใส่ม่อยปล่อยอย่างนั้น | กระจ่างแจ้งแสงจันประชันไฟ | ||
แกกลอกหน้าเข้าท้ากันทั้งคู่ | สีพายรับอู้อู้เสียงหวั่นไหว | ||
ขุนรามมักลืมปลายละลายไป | กระล่อมกระแล่มฮ้าไฮ้ได้ทั้งเพ | ||
จุดเทียนหมดร้องบดช้าแล้วะเรือ | สีพายจ้ำสามเตื้อร้องเห่เห่ | ||
เห่โหโอละวะเห้เฮ | แล้วโอ๋เห้มารานาวาจอน | ||
สุวันละหํงกรํงมาน่าบันลัง | พานพุ่มตั้งบุดสะบํกไม่ยํกถอน | ||
พร้อมฉัดทํงเทียนอร่ามงามบ่อ่วอน | จุดแล้วผ่อนลอยลำตามกันไป | ||
เรือกระทํงน้อยลอยถวาย | ปักเทียนรายตลอดลำงามไส่ว | ||
ทั้งเรือสีเรือกราบเอกไชย | สิ้นเรือหลวงแล้วจึงให้ปล่อยสำเภา | ||
มีทํงเที่ยวเขียวแดงปลิวแพลงพลิ้ว | ใบม้วนติ้วรีบรัดมัดกับเสา | ||
ร่ยางแขวนโคมกระจ่างสว่างเงา | เทียนรายปากมากไม่เบาสว่างวาว | ||
ทรงดอกไม้สันยาย่าบันลัง | เขาประดังจุดพุ่มควันกลุ้มขาว | ||
ประเดี๋ยวใจไฟสว่างเหมือนอย่างดาว | ประกายพราวหยดพร่างอย่างพิรุน | ||
จุดกระถางประทัดลั่นสนั่นก้อง | รัดทาร้องอื้อออดตอดออกวุ่น | ||
พุ่มตะไลไปเปนหมู่ดูชุลมุน | จุดที่ทุ่นสายกลางดูพล่างพราว | ||
เพนียงลอยกลางชลาน่าพิดส่วํง | ด้วยว่าส่งลูกถี่เปนสีขาว | ||
บ้องหนึ่งคงส่งลูกถึงสามคราว | เหมือนดวงดาวสุกสว่างกระจ่างตา | ||
ทั้งพลุน้ำก็สำคัญมิใช่หยอก | ตะละดอกลอยทลึ่งถึงเวหา | ||
เหมือนปืนใหญ่ยิงก้องท้องคงคา | ตึงทีไรไนยนาพริบทุกที | ||
เสียงกรวดก้องร้องแปร๋ดวงแตหวาด | เหมือนเสียงสายฟ้าฟาดมิ่งขวันหนี | ||
หวั่นอุรากลัวจะผ่ามาข้างนี้ | นึกเสดจอยู่นี่ไม่ต้องกลัว | ||
ที่ทุ่นไฟทหานในจุดดอกไม้ | ล้วนเปดไซ้แหนจ้อยจ้อยค่อยยังชั่ว | ||
ตะเข้ใหญ่บางทีมีสี่ห้าตัว | บ้างคาบลูกดูออกพัวตัวน้อยน้อย | ||
ที่ทรํงจุดน่าบันลังยังมีอีก | นกบินปีกดีดีมีบ่อยบ่อย | ||
หมุนติ้วติ้วลิ่วขึ้นอากาศลอย | บ้างย้อนรอยเข้าบันลังร้องดังอึง | ||
ที่ใจดีมีสติก็หยิบทิ้ง | ที่ขี้ขลาดหวาดวิ่งลุกทลึ่ง | ||
บ้างผ้าไหม้ไล่ขยี้ตีฟาดทึ้ง | จุดดอกใหม่ใจปึงปึงคอยมุ่งมอง | ||
เรือเจ้านายรายถวายให้ทรํงจุด | ก็สิ้นสุดตามกำหนดหมดทั้งผอง | ||
เรือกระบวนมากมายนับก่ายกอง | จุดเทียนล่องลอยวางกลางคํงคา | ||
แปดทุ่มเสดเสดจขึ้นคืนนิเวศ | เปนสิ้นเขตรในวันนี้ที่จะว่า | ||
สองรากรีที่มิได้เรียบเรียงมา | เหมือนวันนี้ทุกเวลาไม่แปลกกัน | ||
วันอังคาร เดือน ๑๒ แรม ๒ ค่ำ | |||
เช้าวันนี้มีการส่ดับพระกอน | ตามเยี่ยงย่างปางก่อนไม่ผิดผัน | ||
เรียกว่ากาลานุกาลนั้น | สมเดจเสรจผายผันมาทรํงแทน | ||
เยนวันนี้มีประชุมที่สวนหลวง | คนทั้งปวงต่างมาออกหนาแน่น | ||
ในการรับเจ้าฝาหรั่งมาต่างแดน | ตั้งแห่แหนช้างไปให้เขาดู | ||
สมเดจพระราชโอรํฏบํทจอน | ไปสู่ที่สโมสอนเข้าในหมู่ | ||
ขุนนางไทยแลฝาหรั่งมาพรั่งพรู | สิ้นเรื่องรู้จํดระรี่วันนี้ไว้ | ||
วันพุธ เดือน ๑๒ แรม ๓ ค่ำ | |||
เช้าทำบุนทูลหม่อมกลางข้างในสวน | นับจำนวนครบเวลาพรรษาไส่ม | ||
คิดแต่วันทั่นสิ้นพระชนไป | ที่สุดไทส่วันอันอุดํม | ||
พระหัวเมืองมีนามสามสิบถ้วน | แต่ล้วนขึ้นคะนะไต้ไม่ประสํม | ||
ส่ดับพระกอนไกรย่ามตามนิยํม | ว่าชื่นชํมส่วนเจ้าภาบลาบของพระ | ||
ทั่นถ่วายปัดใจมิใช่เล่น | อํงหนึ่งเปนห้าตำลึงทีเดียวหนะ | ||
รายร้อยอีกอํละบาทไม่ขาดละ | สาทุสะโมทะนาสัดทาครัน | ||
ของหลวงสองร้อยไม่น้อยกว่า | ร้อยหนึ่งผ้าขาวพับดูขับขัน | ||
แต่ร้อยหนึ่งเงินเฟื้องตามเบื้องบัน | พ่อ่อสิ้นแสงสุริยันก็ทิ้งทาน | ||
กระละพรึกสี่ต้นคนกลุ้มแน่น | บ้างยื่นแขนชูมืออื้อน่าฉาน | ||
ทรงโปรยมะนาวแผ่ฉลากมากประมาณ | ของกระการต่างต่างล้วนอย่างดี | ||
สวดมํนค่ำแล้วมีทัมเทศนา | กันหนึ่งเงินถึงสิบห้าเปนเสดฐี | ||
ของเครื่องกันหลากหลากก็มากมี | ตกรากรีจุดดอกไม้ไฟทั้งปวง | ||
หนึ่งกานเล่นเยนเช้าไม้สูงต่ำ | ที่ตามตำหรับโบรานในงานหลวง | ||
เวลาค่ำรำโคมอัคคีดวง | ก็มีหมดทุกกระทรวงไม่ลดลา | ||
แต่โขนหนังเจ้าฝาหรั่งเขามาอยู่ | จะหนวกหูรุงรังทั้งไขหน้า | ||
จึงเปลี่ยนมียี่เกที่ช่ลา | เล่นกรํงน่าประสาดใหม่ที่ในวัง | ||
เขาออกแขกแปลกท่ามาใหม่บ้าง | แต่อยู่ข้างจืดเหนื่อยนั่งเมื่อยหลัง | ||
ห้าทุ่มเสดเสดจคืนเข้าในวัง | เปนหยุดยั้งข้อคดีที่มีกาน | ||
เจ้าคุนกรํมนาใหม่ได้ว่าที่ | ท่านมีกานโกนจุกบุดที่บ้าน | ||
ชื่อนายพาดหมายมาดได้ราช่การ | สืบสันดานเชื้อวํงจํงฤไทย | ||
ทูลหม่อมโตคันไลเสรจไปช่วย | ด้วยว่าท่านมีจิตรพิดไส่ม | ||
พรุ่งนี้เล่าเจ้าฝาหรั่งเขาจะไป | ท่านเชินให้รํดน้ำตามทำนอง | ||
มีละคอนสองโรงโอโถงแท้ | คุนท้าวแพวันนี้ที่เจ้าของ | ||
พรุ่งนี้พระอํงสีนากสำรอง | งามทั้งสองโรงเทียบเปรียบหม่อมนาง | ||
จะพันระนาไปอีกก็ไม่ไหว | ด้วยไม่ได้เหนส่นัดพานขัดขวาง | ||
จะงดกลอนตอนวันนี้ไว้ทีพลาง | พรุ่งนี้ว่างจึงจะว่าข้างน่าไป | ||
วันพฤหัสบดี เดือน ๑๒ แรม ๔ ค่ำ | |||
สุดไทยส่วันสันนี้ก็มีกาน | เหมือนเมื่อวานทุกอย่างหาต่างไม่ | ||
เปลี่ยนแต่พระเปนคนะฝ่ายเหนือใน | หัวเมืองใกล้แขวงจังหวัดเลือกคัดมา | ||
หนึ่งทิ้งทานทั้งเมื่อวานแลวันนี้ | เจ้าฝาหรั่งทั้งผู้ที่ตามรักษา | ||
กับปิตันอับพิเซ่อในนาวา | มาเฝ้าที่พลับพลาคอยรับทาน | ||
ส่วนตัวเจ้าเขานั่งบนพลับพลา | นอกนั้นนั่งที่เบงจาน่าส่ถาน | ||
ทรํงแจกจ่ายหลายหลากมากประมาณ | ซ้ำจัดการอย่าง “ผ้าม่วง” ตามท่วงที | ||
ค่ำวันนี้มีการละเล่นใหม่ | ละคอนใช้ตลํกเล่นเหนต้องที่ | ||
จับเมื่อแต่งงานพระไวในทานี | เจ้าขุนช้างเสดถีมาช่วยงาน | ||
เจ้าขุนแผนแต่งอย่างใหม่ใช้เชดหนัง | ดินสีพองเขียนหลังลายเปนย่าน | ||
พระหมี่นสีแต่งตัวใส่หัวล้าน | กรํงน่าบ้านแต่งเช่นเปนขุนนาง | ||
ในระกาขนํมปังทั้งส้อยแขวน | ทาขาแทนถุงเท้ารองเท้าเที่ยวก้าวย่าง | ||
พระพิจิตใส่เสื้อยืดดูจืดจาง | ส่วนขุนช้างนุ่งยกโจงกระเบน | ||
ใส่หนังค่างผมยางอย่างเตมยศ | แต่หน้าลีบไม่รับบดออกเถนเถน | ||
ใส่เสื้อขาวยาวอย่างเสื้อปะเตน | คาดเพลาะเขียวดูเห็นไม่เข้ากัน | ||
เล่นตลํกเกินไปจนไม่ส่นุก | บ่าวมันลุกลี้ลุกลํนจํนเกินขัน | ||
เลยกร่อยกร่อยกันไปไม่ได้รังวัน | ห้าทุ่มพลันเสดจขึ้นคืนข้างใน | ||
เยนวันนี้มีกานแข่งนาวา | ที่กรํงน่าตำหนักแพแม่น้ำใหญ่ | ||
เรือที่นั่งกราบสีเอก่ไชย | มาพายให้เจ้าฝาหรั่งเขานั่งดู | ||
เวลาค่ำซ้ำไปบ้านเจ้าคุนพาด | เลยรำท้าวตามชาตเขาเข้าคู่ | ||
หันเหียนเวียนกันไปคล้ายพะบู๊ | น่าเวียนหัวเวียนหูเล่นสับประดํน | ||
ปะเปนไทยเราเอาไปเล่นเช่นนี้ | ได้หัวแตกหัวลั่นกันปี้ป่น | ||
จะเปนลํมล้มพับถึงอับจน | สิ้นนุสนตามวันนี้มีเรื่องราว | ||
วันศุกร์ เดือน ๑๒ แรม ๕ ค่ำ | |||
สุดไทส่วันเหมือนกันกับวันก่อน | เปลี่ยนแต่เปนพระมอนเสียงเหง่อหง่าว | ||
ฝาหรั่งไม่ได้มารับลูกมะนาว | เขาบอกข่าวว่าขึ้นไปบางปอิน | ||
ในวันนี้มีละคอนต่ลกใหม่ | ค่อยใช้ได้ดูไม่จืดไปทั้งสิ้น | ||
จับเมื่อสุริยํงมาเล่นวาริน | กับเงือกน้ำตามถิ่นชายคงคา | ||
อักส่ดอนกับกุมพํนเทยวค้นทั่ว | มาพบตัวโฉมศรีที่ตินท่า | ||
พานางไปในเมืองพระพัดส่ดา | ซ่อนไว้ในยุท่ยากับม้าทรํง | ||
ฝ่ายกุมพนคนดีมีความรู้ | เข้าไปสู่ที่เฝ้าสุวันะหํง | ||
ยักคินียวนยีอยู่ข้างอํง | เทอไหลหลงขันขันมันชั่งทำ | ||
เมื่อวานนี้นายต่ายเปนขุนช้าง | ดูแก้มคางลดไปไม่ไหล่ล่ำ | ||
จนแปลกน่าท่าถ้อยพลอยงึมงำ | แกแก่คร่ำเตมทนจนแปลกตา | ||
ครั้นวันนี้ว่าเปนทีสุวันละหํง | ดูซวดทรํงผิดไปเปนหนักหนา | ||
เห็นหนุ่มน้อยน่ารักดวงภักกรา | สองแก้มพวงดวงน่านวนเปนใย | ||
คุนท้าวนากท่านก็เหนเหมือนเช่นฉัน | เหนพร้อมกันว่าคนนี้นั้นหมีใช่ | ||
เหมือนเมื่อวานคํนที่เล่นเปนหมื่นไว | ก็ว่าไนเนดเปนเหนไม่จริง | ||
นี่รูปร่างเกลี้ยงเกลาเหนเพราพริ้ง | หนุ่มอย่างยิ่งอายุเพียงสิบเจดปี | ||
จำได้แท้แต่ท่าร่พระพิจิด | รูปาริดท่าเล่นเหนเตมที่ | ||
คือนายนวนลูกเจ้ากรับแล้วคํนนี้ | ยังนายสีที่เปนนางอสุรา | ||
คุนท้าวไยท่านว่าไล่มันไม่จน | เล่นสนุกกว่าทุกคนไม่แกล้งว่า | ||
แต่ขำแกรหายไปไม่เหนมา | หฤาจะแก่ช่ราตาซมซาน | ||
เหนแต่ไอ้เจ้าหวาดลูกของไก | อายุสักสิบสี่ได้น่าสํงสาน | ||
เจ้าแม่นามาอํดนอนได้ทนทาน | ตลํกใหญ่ได้การเหมือนบิดา | ||
เจ้าเมกนั้นมันก็เล่นดีทายาด | แต่เปนรองไอ้เจ้าหวาดสี่เอาห้า | ||
มันภูใหญ่ได้เคยเล่นออกเจนมา | เกลียดน้ำหน้าภูหยิงมักรักใคร่มัน | ||
ได้รังวันกันคํนละโขโข | เจ้าสีแหละกองโตเพราะเขาขัน | ||
สงสานหวาดคลาดไปไม่ได้รังวัน | ภูใหญ่อิดฉามันคอยกันไว้ | ||
เด็กที่เปนพระหมื่นไวก็ไม่เหน | หฤาที่เปนสุริยํงยังสงไสย | ||
แต่มีหนวดแก้มก้อยก็น้อยไป | เจดทุ่มได้เสดจขึ้นคืนกลับมา | ||
วันเสาร์ เดือน ๑๒ แรม ๖ ค่ำ | |||
เวลาค่ำวันนี้มีรับสั่ง | ให้เล่นละคอนฝาหรั่งเหมือนดังว่า | ||
ประทานมันพันเหลียนเปนราคา | มากนักหนาจะระนีก็ดีใจ | ||
ให้เป่าร้องหาเจ้านายข้างฝ่ายหน้า | ทั้งข้าราช่การภูน้อยภูใหญ่ | ||
พระอํงเจ้าท้าวนางพวกข้างใน | ปลูกแต๊นใหญ่ทุ่งพระเมนเหนพี่ลึก | ||
ดูใหญ่โตระโหถานเหมือนบ้านช่อง | ยังอีกสองหลังกระไรใหญ่เท่าตึก | ||
หลังน่าที่ไว้สัดดูอัดคึก | เดินเข้าไปใจทึกทึกนึกกลัวตาย | ||
หมู่ลิงเทาลิงดำทำโครกคราก | บ้างอ้าปากเหลือกตาน่าใจหาย | ||
ทั้งเสือดำเสือดาวต่างพราวพราย | ทั้งเสือลายตลับมีรวมสี่ตัว | ||
กรํงถัดไปในนั้นเขาใส่หมี | โตเตมทีสูงเยี่ยมเทียมค่าหัว | ||
เลกลงไปในนั้นอีกสองตัว | หลุดมาแล้วไม่ชั่วหนังหัวเปิง | ||
ถัดเข้าไปในกรํงมีเสือสาม | ล้วนเสือโคร่งคำรามแหงนน่าเบิ่ง | ||
ไม่ไว้ใจเข้าไปใกล้กลัวเสียเชิง | แล้วเดินเหลืงเหลียวน่ามาขวามือ | ||
มีกรํงเสือฝาหรั่งตั้งอยู่ต้น | บางคนว่าสิงโตเขานับถือ | ||
ผมเปนเชิงชอบกํนคำรํนฮือ | น่าดุดื้อดังจะโผนโจนจับคน | ||
ถัดไปในคอกเขาขังม้า | เลกหนักเลกหนาน่าฉงํน | ||
แลไปใจหมายว่าม้ากํน | เขาติดยํนไยไว้ให้คนดู | ||
เหนไม่ดุเดินเข้าไปใกล้คอกขัง | ต้องยืนตั้งตามเขม้นอยู่เปนครู่ | ||
เหนมันก้มกินย่าน่าเอนดู | อ้วนเปนหมูไม่เคยเหนเลยเช่นนี้ | ||
อีกตัวหนึ่งเขาว่าลาดูน่าเคอะ | เหมซึมเซอะยืนอยู่ทำหูลี่ | ||
ต่อออกไปไว้นางกิรินี | ล่ามแหล่งมีสองตัวน่ากลัวจริง | ||
ไปใจหายแทนงัวตัวหนึ่งนั้น | เขาล่ามแหล่งไว้ด้วยกันลงนอนนิ่ง | ||
สีเทาเทาไม่เข้าท่าน่าประวิง | กลัวช้างจะเต๊ะกลิ้งไม่อาดลุก | ||
พอฝาหรั่งตีระคังเสียงหง่างโหง่ง | เข้าไปนั่งดูในโรงค่อยเปนศุก | ||
เขาขี่ม้าพากันออกมาพลุกพลุก | น่าสนุกหันเหียนวิ่งเวียนวํง | ||
ทั้งหยิงชายหลายคู่ดูไม่ถ้วน | ใส่เสื้อแพรกกระบวนงามระหํง | ||
ขี่ม้าเทดเผ่นผ่งาดดูอาดอํง | จับคู่เคียงเรียงอนํงอยู่กรํงกลาง | ||
ตัวนายใหญ่ขี่ม้ามาผ่ายหลัง | มีคํนยืนแถวตั้งทั้งสองข้าง | ||
ถึงกลางวํงกรํงเข้าหม่ดูท่าทาง | จะเปนอย่างหัดท่หานคานชิงไชย | ||
เข้าตับกันทีละสามแล้วย้ายสี่ | วิ่งออกจี๋ส่บัดย่างแล้ววางใหญ่ | ||
บางทีขับเสมาน่าดากันไป | วิ่งอยู่ในสังเวียนเรียนชำนาน | ||
พ่อ่สิ้นท่าขับม้าเข้าโรงหมํด | ไปเขนรํดเสือมากรํงน่าฉาน | ||
แต่เปนเสือฝาหรั่งที่สีน้ำตาน | ยืนกระหง่ายอยู่ในกรํงจํนวํงกลาง | ||
พวกนั่งดูกรํงประตูอํกเต้นโหยง | ถ้าโดดโผลมาหละยับดับฉวาง | ||
ใช่แต่ฉันแต่ชั้นคุนท้าวนาง | ต้องถอยห่างออกมาดูอยู่แต่ไกล | ||
คุนท้าวอินท่านหนีไปลี้ลับ | จนเลยหลับหลังพลับพลาหาดูไม่ | ||
พ่อ่กรํงเสือไปพ้นรํนเข้าไป | น่าเสียวไซ่ดูฝาหรั่งนั่งขํนพอง | ||
มันเข้าไปในกรํงแสนอํงอาด | เสือขู่ฟู่เอาแซ่ฟาดจํนกลัวหยอง | ||
ให้นั่งหิ้งห้อยได้เหมือนใจปอง | เอาหัวลองเข้าในปากไม่หยากกลัว | ||
เสือก็ไม่ทำไมเขาหมดสิ้น | เราคํนดูเกือบจะดิ้นกลัวขํบหัว | ||
ยิ่งนึกไปใจพรั่นสั่นรัวรัว | นึกพั้วพั้วขอให้เลิกไปพลันพลัน | ||
หมํดชุดนี้มีเดกมาขี่ม้า | แล้วทำท่าต่างต่างอย่างขันขัน | ||
ตีนมันเหนียวเกินไปสงไสยครัน | ฤาหนึ่งมันจะใช้อะไรทา | ||
แต่ก็ขันมันกระโดดได้เหยงเหยง | เหนเก่งเองชาดฝาหรั่งพวกมังข้า | ||
นั่งดุม้าวิ่งวํนจํนลายตา | ต้องเมินน่าเวียนสีสะเหลือจะทํน | ||
ชุดที่สี่ยี่ปุ่นออกเล่นร่ม | เคยมีถมยังได้ไม่ฉงํน | ||
ฉากฉ้อยถีบลอยลอยอย่างเล่นกํน | แต่น่ายํนกว่าเสือเหลือรำคาน | ||
ที่ห้าหัดม้าสีเหลืองเหลือง | ให้ย่างเยื้องเข้าจังหวะแกรทะหาน | ||
ยืนสองเท้าก้าวจังหวะกะประมาณ | คือตัวท่านจะระนีขี่ม้าเอง | ||
ต่อชุดนี้สามีกับพันระยา | ขึ้นขี่ม้าค่เล่นเต้นออกเหยง | ||
นางเมียปืนบ่าผัวไม่กลัวเกรง | มันเหลือเก่งกว่าภูหยิงจิงจิงเจียว | ||
เจ้าผัวจับเอวได้ตะพายหิ้ว | นางเมียลอยราวกับปลิวใจเสียวเสียว | ||
ม้าฮ่อใหญ่ไม่ได้ยั้งสักครั้งเดียว | เล่นขับเขี้ยวให้คนดูอยู่นานครัน | ||
ภูชายมักตบมือออกอื้อฉาว | นั่นเรื่องราวว่ากระไรไฉ่นนั่น | ||
อย่างช้างไทยใช้ผัดพ่อเขาล้อกัน | ฝาหรั่งมันว่ากระไรก็ไม่รู้ | ||
ชุดที่เจดคราวนี้ลิงขี่ม้า | เขาเอาเชือกมัดขาทำน่าจู๋ | ||
วิ่งหัวคลอนย่อนย่อนน่าเอ็นดู | แต่ไม่สู้เมื่อกระนั้นขันกว่านี้ | ||
แล้วคนถือป้ายหนังสือตัวฝาหรั่ง | ว่าไรมั่งจนอยู่ไม่รู้ที่ | ||
ที่อ่านออกเขาบอกว่าข่อ่อยุดที | กำหนดมีเวลาสิบห้าพินิต | ||
ได้เวลาตีระคังเสียงกั่งโก่ง | ตัวละคอนออกทั้งโรงยืนติดติด | ||
จับกันเปนท่าทางอย่างแผลงริด | ไม่ใคร่ผิดกับพะบู๊ดูคล้ายคลึง | ||
ชุดที่เก้าเอาช้างออกมาเล่น | ไม่เหนมีหม่อ่ม่อยปล่อยจํนถึง | ||
ถ้าไล่คํนจะชอบกํนคํงแตกอึง | ฉันต้องถอยมาหน่อยหนึ่งเพราะออกคร้าม | ||
เขาเอาถังมาตั้งไว้ให้ขึ้นยืน | ไม่ขัดขืนปีนช้าช้าน่างุ่มง่าม | ||
ให้ยกตีนยกขาว่าไรตาม | หกขะเมนแลดูงามกว่าทั้งนั้น | ||
ทั้งเป่าปูดเป่าไรไรได้ทุกสิ่ง | แล้วให้กลิ้งถึงเวียนเดินเหียนหัน | ||
แล้วคายหัวคนเลี้ยงถึงเพียงกัน | เขาชั่งหมั่นฝึกฝนเอาจนดี | ||
ทิ่สิบนั้นนางแหม่มเขาขี่ม้า | มีต่ลํกออกมาพูดอู้อี้ | ||
หํกขะเมนลอดบ่วงทำท่วงที | ล้อนารีบํนหลังม้าว่าทำเปน | ||
แล้วนางแหม่มควบม้าท่าดังเหาะ | ตามสังเวียนจำเพาะก็โดดเผ่น | ||
ลอดบ่วงถึงสามระยะน่ากระเดน | ไม่ยักตํกกลับเต้นส่บายใจ | ||
ต่อนี้ไปในกระบวนซ้อนเต้าอี้ | จนถึงมีม้าตั้งยังซ้อนได้ | ||
จนสูงลิ่วแลหวิวหวาดฤไทย | แล้วซ้ำไปหํกขะเมนเล่นบํนนั้น | ||
ชุดต่อนี้มีนกขี้ราบขาว | กับหยิงสาวออกมาเล่นไม่เหนขัน | ||
ม้าตัวเล็กดอกเอนดูมันรู้ครัน | วิ่งสังเวียนเหียนหันได้เรียบร้อย | ||
อีกทั้งยืนสองเท้าก้าวจังหวะ | เอาไม้วางวิ่งปะทะก็กลับถอย | ||
เดินหลังได้ดิบดีทีละน้อย | แล้ววิ่งร่อยเลยลับกลับเข้าเตน | ||
ต่อตอนนี้ยี่ปุ่นเลี้ยงกระได | มีเดกปีนขึ้นไปเช่นเคยเล่น | ||
ม้าสามตัวต่อไปก็ไม่เว้น | เล่นเหมือนเช่นเคยเล่นมาทุกครั้ง | ||
ต่อนี้มีคนหนึ่งออกมา | แต่งอย่างคนแข่งม้าข้างฝาหรั่ง | ||
มายืนขับพาชีมีกำลัง | หนังเต้าอี้ที่บนหลังไม่พลาดแพลง | ||
ดูหมิ่นหมิ่นท้ายม้าน่าจะตก | มันไม่ยักหํกค่เมนเหนเหลือแขง | ||
ด้วยใจมั่นสันทัดไม่พลัดแพลง | แล้วเปลี่ยนแปลงออกเล่นเปนตอนตอน | ||
คราวนี้เสือบั้งก้าหล่าว่าดุนัก | ต้องหลบพักเลี่ยงไถ่ลไปเสียก่อน | ||
คนลากคํดเขากลับดับอาวอน | จึงค่อยผ่อนออกไปนั่งเหมือนยังเดิม | ||
พอเปิดกรํงเสียงโฮกกระโชกลั่น | ให้หวั่นหวั่นไยมันคึกทำฮึกเหิม | ||
ยิ่งแลไปใจพรั่นตัวสั่นเทิ้ม | รู้เช่นนี้หนีไปเคลิ้มเสียจะดี | ||
ถ้ามันผลุดหลุดออกมาจะว่ากระไร | คว้าเอาไคเข้าแล้วเหนต้องเปนผี | ||
ถึงเสือกัดจะไม่มอดรอดชีวี | ท่หานที่ถือปืนยืนประจำ | ||
เขาจะยิงคํงจะกลิ้งลํงเปนแน่ | มิใครก็ใครคํงจะแผ่เพราะปืนร่ำ | ||
ออกเสียใจเราไปดูคือสู่กำ | ต้องกลืนกล้ำฝืนอารมอยู่นมนาน | ||
เขาเข้าไปในให้มันทำเหมือนคราวก่อน | เคื่ยนร่ำไปไม่หยุดหย่อนเสือก็หาน | ||
ขึ้นยืนเกาะกรํงเผ่นเหนท่ยาน | กลัวละลานแล้วเขาให้ลอดบ่วงไฟ | ||
เอากระดานชุบกอฮอห่อบ่วงจุด | เสือลุกผลุดไปมาหาขัดไม่ | ||
ถ้าฝาหรั่งผินหลังมาเมื่อไร | ก็ขู่โฮกเหมือนจะใคร่เข้าคายเคี้ยว | ||
ต้องฟาดแซ่ร่ำไปใส่ขวับขวับ | จนเลิกกลับออกมาน่าหวาดเสียว | ||
เวดมํนเขาคํงชงัดชัดจิงเจียว | คํนคํนเดียวเสือสามตัวจึงกลัวลาน | ||
แล้วเอาชิ้นเนื้อโคโตส่นัด | เสียบส้อมยัดเข้าไปให้เปนอาหาน | ||
เสือตะครุบปากงับรับประทาน | ดูเดือดดานมิใคร่หายวายโกรธา | ||
กว่าจะเสดเกือบเจดทุ่มไปได้ | เสดจขึ้นคืนข้างในไปทั่วน่า | ||
สิ้นเนื้อความตามกำหนดจำจดมา | ต่อพรุ่งนี้จึ่งจะว่าความต่อไป | ||
วันอาทิตย์ เดือน ๑๒ แรม ๗ ค่ำ | |||
วันนี้มีสมโพดขึ้นพระอู่ | ต่างคนรู้ทั่วหน้าหาขาดไม่ | ||
ไปตำหนักท่านอํงเล็กที่ข้างใน | แต่พ่อ่ได้เวลาเสดจลง | ||
คุนว่อ่ร่จันทั่นเชินเสดจมา | สู่ขันถํมทาราให้โสดสง | ||
พระเต้าน้ำบั้งการหรีคราวนี้ทรํง | ด้วยพระอํงสายเสดจไปลันดอน | ||
พรามพระครูชูสังหลั่งถ่วาย | แล้วเชินย้ายลํงสู่ยี่พู่อ่อน | ||
ทรงขมิ้นดินสีพองประคองกอน | แล้วค่อยช้อนผ้าหุ้มคลุมพระกาย | ||
เชินเสดจมานั่งยังเต้าอี้ | กรํงใบสีเงินทองแก้วแพร้วพรายฉาย | ||
พรามสามคํนจุดเทียนแว่นเวียนราย | แล้วเจ้านายภูหยิงทรํงส่งรับกัน | ||
ครบห้ารอบตามร่บอบแบบฉ่บับ | เข้าแว่นดับเทียนสำเนียกเรียกพระขวัน | ||
เสกกะถาว่าโส่ลกแล้วโบกควัน | แป้งน้ำมันเจิมบาทราชโอรํฏ | ||
อีกคํนหนึ่งจึงเข้าไปฟาดด้าย | ผูกบาทซ้ายขวาทำตามกำหนด | ||
ช้อนทองตักน้ำมนาฬีที่มีรํด | ถ่วายให้ทรํงซํดถึงสามครา | ||
แล้วประทานน้ำพระสังแลเจิมจัน | ผูกด้ายขวันที่พระกอนทั้งซ้ายขวา | ||
ใบไม้วางข้างยี่พู่อู่นิดกรา | ทั้งพระหัดะเลขาตั้งพระนาม | ||
ว่าพระอํงอิดสีริยาภอน | ให้ถาวอนสักสีเปนที่ขาม | ||
เหล่าสัตกรูหมู่พาลาอย่าลวนลาม | ให้มีความจำเรินเนิ่นนานเนา | ||
ของสมโพดโปรดประทานเงินหกแท่ง | กับทองคำกำลังแพงอีกลิ่มเล่า | ||
ขันลงยากาทองคำงามไม่เบา | เงินสิบชั่งตั้งริมเสาพระอู่ทอง | ||
ทองพระบาทส้อยทองก้อนร่อนได้ใหม่ | ทรํงวางไว้ในพระอู่ดูไม่หมอง | ||
สายสินโยงเสาไว้ให้คุ้มครอง | พรามประคองพระกุมารพลางอ่านมํล | ||
แล้ววางอํงลํงกลางพระอู่น้อย | ชักสายส้อยเห่ขับไม่สับสํน | ||
ว่ากล่อมหํงลํงทำนองทั้งสองคํน | จํบบํดต้นเป่าสังตั้งต่อไป | ||
บํดสองสามลำดับจนสับสิ้น | ประโคมพินพาดสนั่นเสียงหวั่นไหว | ||
สมโพดเสดเสดจนขึ้คืนคันไล | ต่างคํนไปจากตำหนักไม่พักนาน | ||
ค่ำวันนี้มีเลี้ยงโต๊ะเจ้าฝาหรั่ง | บํนพระที่นั่งปัดกวาดสอาดสอ้าน | ||
ฉันขึ้นไปชมเล่นเหนกระกาน | เหลือประมาณที่จะร่ำเปนคำกลอน | ||
ท้องพระโรงสีจัมพูดูสดใส | จัดไว้เปนที่พักข้างน่าก่อน | ||
พรํมลวดลาดทางย่างเยื้องจอร | ท่วานตอนต่วันออกบอกม่อ่ร่คา | ||
ห้องเลี้ยงโต๊ะโต๊ะวางอยู่กลางห้อง | เต้าอี้สองข้างรายเปนซ้ายขวา | ||
กลางโต๊ะตั้งเครื่องดอกไม้วิไลตา | ที่กรํงน่าเต้าอี้มีซ่อมช้อน | ||
ทั้งจานกราผ้าเชดมือมีดน้อยใหญ่ | ถ้วยแก้วไว้วางจังหวะเรียงสะหลอน | ||
จานสุบใส่ขนมปังนั้นตั้งช้อน | มีก๊าดบอกนามกอนกำกับจาน | ||
พวกบ๋อยมาคอยอยู่พร้อมพรั่ง | แกรฝาหรั่งมโหรีมีขับขาน | ||
ยังที่บํนห้องเหลืองมโหลาน | ล้วนที่ชาถ้วยปั้นตั้งตู้ราย | ||
ที่ห้องเขียวเลี้ยวขวาน่าชมยิ่ง | มีทุกสิ่งสุดร่ำคำข่ยาย | ||
ตู้ผนังตู้ตั้งยังมากมาย | ท่วงทีคล้ายห่อ่เจียมเอื่ยมอำไพ | ||
ห้องน้ำเงินนั้นยิ่งงามไปกว่านี้ | ตั้งเต้าอี้นอนนั่งทั้งน้อยใหญ่ | ||
ตามตู้เกลียวเหลียวน่าตาแลไป | เหมือนอย่างได้ขึ้นวิมานกระกานตา | ||
ตู้เครื่องนากก็ล้วนนากรูบมากหลาย | ดูมากมายล้วนจะร่ำรำพันว่า | ||
ตู้เครื่องทองทองล้วนชวนทัดส่นา | ตู้สํงยาล้วนลํงยาราชาวดี | ||
ตู้กระไหล่ของกระไหล่ใส่ทุกชั้น | ตู้ถํมสันถํมตะทองให้ต้องที่ | ||
ตู้เครื่องเล่นตุกตาน่าเปรมปรี | สาร่พัดที่จะมีล้วนน้อยน้อย | ||
ตู้เครื่องเพดแลผาดหวาดส่ดุ้ง | เหมือนแสงรุ้งฤาว่าพรายคล้ายฮิงห้อย | ||
ทุกวันนี้มีมากหนอเพดพลอย | หาใส่ก้อยเมื่อกระนั้นแทบบันไล | ||
เพดเดียวนี้มีมาก็จริงแหล่ | แต่น้ำแพ้สู้แต่ก่อนเขาไม่ได้ | ||
ตะกั่วตัดยักกราหายน่าไป | มีแต่เพดบ่อใหม่น้ำหลัวนัก | ||
แขกบอกมาว่าฝาหรั่งทำด้วยถ่าน | เกยไว้นานดำไปได้เหนประจัก | ||
อีกตำราว่าถ้าแซ่สานส้มนัก | ครู่หนึ่งจักเปนสานส้มสิ้นเหลี่ยมเงา | ||
อันเรื่องนี้ที่พระองค์ ป.ร. | ท่านเคยเหนมาก่อนรับสั่งเล่า | ||
ฝาหรั่งชั่งหลอกขายได้ไม่เบา | นี่หมีเอาเงินไปเปนหลายพัน | ||
กรํงพระท่วานทั่นร้อยดอกไม้แขวน | เปนแผ่นแผ่นเอออะไรที่ไหนนั่น | ||
บ้างเปนอย่างข้างฝาหรั่งรงรังครัน | เมื่อกระนั้นแล้วเปนยอดเพียงระย้า | ||
เดี๋ยวนี้แผลงแผลงไปให้วิถาน | อย่างโบรานเหนจะสูนเสียแล้วหนา | ||
เลี้ยงโต๊ะเสดจวนเสดจจะขึ้นมา | ต้องหนีไปแอบฝาแฝงตาดู | ||
ตั้งใจจะใคร่เหนเจ้าฝาหรั่ง | รูปร่างจะขึงขังอย่างไรอยู่ | ||
เขาตามเสรจเยื้องย่างทางพรมปู | พ่อ่โผล่เข้าในประตูก็เหนตัว | ||
ไม่มีหนวดมีเคราเค้ายังเด็ก | แต่ไม่เล็กสูงใหญ่มิใช่ชั่ว | ||
ดูยิ้มแย้มน่าตาไม่น่ากลัว | อยากให้ตัวกวินเขาเข้ามาเอง | ||
อยู่แต่เมืองวิลาดไม่คลาดบ้าน | ให้แต่ลูกแต่หลานที่เก่งเก่ง | ||
มาท่องเที่วทุกน่คอรจอนแลเลง | เดี๋ยวนี้เร่งเรียกให้กลับไปเมือง | ||
วันนี้เจ้าเขาจึงเข้ามาทูนลา | ว่าจะลงนาวาแต่ฟ้าเหลือง | ||
ห้าทุ่มเสดกลับไปไม่ขุ่นเคือง | ก็สิ้นเรื่องหมดเท่านั้นในวันนี้ | ||
วันอังคาร เดือน ๑๒ แรม ๙ ค่ำ | |||
แรมแปดค่ำวันพระระยะว่าง | วันนี้วางแขกเมืองไว้ให้ต้องที่ | ||
เสดจออกพระโรงนอกนามจักรกรี | พร้อมหมู่มุขมนตรีเนืองประนัง | ||
ด้วยเมืองมุกดาหานบอกขานไข | ส่งต้นไม้เงินทองของเครื่องตั้ง | ||
อีกส่วยสายบรรณาการเหมือนทุกครั้ง | เสียงเซงแส้แกรฝาหรั่งม่ห่อ่ร่ทึก | ||
ท่หานก๊าดดาดส่ดามาเข้าแถว | แกรวํงส่งเสียงแจ้วดูก้องกึก | ||
เปนแขกเมืองสามันไม่พันลึก | สุดสิ้นความตามที่นึกได้เท่านี้ | ||
วันพุธ เดือน ๑๒ แรม ๑๐ ค่ำ | |||
ใจปั๋งปั๋งฟังข่าวหนาวส่ท้าน | เหนมีงานมิได้ห่างว่างดิถี | ||
คุนท้าวคลังฤาก็ยังเจบเตมที | กลัวเบี้ยหวัดปีนี้จะเลื่อนไป | ||
ยังมีลืออื้อมาว่ารับสั่ง | คุนท้าวคลังยังไม่หายหาแจกไม่ | ||
เวียนปฤกษากันว่าถ้าท่านบันไล | เหนไม่ได้เบี้ยหวัดกินคํงสิ้นทุน | ||
พ่อ่ได้ข่าวเช้าเมื่อวานปานจะโลด | นั่งที่ไหนเวียนแต่โจดกันออกวุ่น | ||
บ้างแคลงใจไปเที่ยวสืบออกชุนละมุน | ย้ายที่ใหม่ทำให้ขุ่นขึ้นอีกพัก | ||
มาดูพระที่นั่งใหม่ไม่มีคํน | ต้องเสือกสํนไปใหม่ได้ประจัก | ||
ว่าย้ายไปไพสานสำรานนัก | ไปคอยอยู่พร้อมพรักพระโรงใน | ||
เสดจออกข้างน่าเวลาบ่าย | สมโพดเงินตามหมายหาผิดไม่ | ||
แจกเบี้ยหวัดเจ้าพระแล้วระไป | ถึงงบใหญ่โหนพรามตามทำนอง | ||
เสดจขึ้นข้างน่ากว่าสามโมง | ประทับน่าท้องพระโรงที่กรํงช่อง | ||
แจกข้างในรายน่ามาเปนกอง | แม่โป๊ยร้องขานบานชีปีนี้ดัง | ||
ถึงท้าวนางยังไม่ทันจะเสรจสับ | เสดจกลับขึ้นบํนพระที่นั่ง | ||
กลัวอยุดไว้ใจเต้นอยู่ปังปัง | พ่อ่รับสั่งให้แจกไปมิให้งํด | ||
ได้เบี้ยหวัดแล้วลัดกลับมาที่อยู่ | เก็บเงินเข้าตู้เรียบร้อยหมํด | ||
ลั่นประแจตีตราไม่ลาลํด | ใจกระจ่างสว่างหมํดไม่ราคี | ||
ถึงขวบปีที่เสวยราชสมบัต | จะสมโพดเสวกรฉัตเฉลิมศรี | ||
อีกบังคํมบุรํมรูปประจำปี | สวดมํนที่พระมหาปราสาดนั้น | ||
ตั้งพระไชยไว้ทั้งห้าแผ่นดิน | โยงสายสินจัดการทุกสิ่งสัน | ||
บํนบันลังตั้งราชกุกุพัน | พระแสงพานสองชั้นประจํงรอง | ||
พระสํงนั้นคะนะเหนือสามสิบถ้วน | ล้วนท่านเจ้าท่านพระครูสิ้นทั้งผอง | ||
พวกเจ้านายเสนามาเปนกอง | พ่อ่สักสองทุ่มเสดเสดจลํง | ||
ทรํงจุดเครื่องสะการะมัดส่กาน | อาลักอ่านคำประกาดไม่คลาดหลง | ||
แล้วพระท่านสวดมํนไม่วํนวํง | พ่อ่จํบลํงเสดจขึ้นก็คืนมา | ||
วันพฤหัสบดี เดือน ๑๒ แรม ๑๑ ค่ำ | |||
เลี้ยงพระสํงทรงประเคนเพนไปได้ | แล้วถ่วายของพระท่านยะถา | ||
สวดยานีมีสับพ่พุดทา | แล้วไคลคลากลับอารามตามส่บาย | ||
ทรํงจุดเทียนสังเวยเทวะราช | โหนประกาดชํงกานขานพอนถ่วาย | ||
พรามอ่านคำฉันบันระยาย | แล้วออกแว่นเวียนรายตามโบราน | ||
สํมโภคสับเสดจกลับพระที่นั่ง | เวลาค่ำเช้าตั้งที่ไพสาน | ||
สวดมํนเยนเช่นที่ว่าแต่วันวาน | แต่พระเปลี่ยนตามกานที่กะไว้ | ||
คือวันนี้มีแต่ทำมะยุด | บ่อ่ริสุดสิกขาอัดชาไสย | ||
สวดมํนจํบเสดสับพระกลับไป | ข่อ่จํบแดรีไว้เพียงนี้ที | ||
วันศุกร์ เดือน ๑๒ แรม ๑๒ ค่ำ | |||
สดุ้งตื่นลุกขึ้นนั่งได้ฟังเสียง | ปืนใหญ่เปรี้ยงตัวสั่นมิ่งขวันหนี | ||
นี่ทั่นยิงกันทำไมมาหลายปี | อันเรื่องนี้แปรไม่ออกบอกกรํงกรํง | ||
ยิงอัตต่นาในเวลาสวดพันยัก | เพราะทั่นจักไล่ผีให้หนีส่ง | ||
ดูเปนคุนคุ้มไภยไม่ปลํดปลํง | ทำเนียนมคํงยืนอยู่แต่บูราน | ||
ยิ่งอย่างใหม่ไม่ได้ตั้งพระอัตต่นา | ทั้งเวลาก็กลางวันขันอีกส่ถาน | ||
เปนเยี่ยงอย่างข้างอังกฤษพิสดาน | ดูเกินกานสลุดได้เคยใช้มา | ||
จะไปไหนไปยากลำบากยิ่ง | กลัวจะถูกปืนกลิ้งดับสังขา | ||
เลี้ยงพระสํงทรํงประเคนตามเพลา | เจ้าข้างในถวายผ้าแลไชยทาน | ||
ยีมํนพระทีละอํงกรํงมารับ | ตามลำดับที่ชานพักบํนไพสาน | ||
แล้วโมทนาเหมือนตำราเมื่อวันวาน | อีกทั้งการสังเวยท้าวเทวัน | ||
สมโภคเสดเสดจกลับพระที่นั่ง | พ่อ่ปืนดังตอบบ่ายรีบผายผัน | ||
ไปคอยรับเสดจอยู่ในสวนพลัน | พวกนอกวังทั้งนั้นมามากมาย | ||
ที่ได้หีบรีบมาตามประกาศ | ไม่ใคร่ขาดเหมือนทุกปีมีเหลือหลาย | ||
พ่อ่เสดจถึงสักครู่ฝนพรูพราย | ตํกกระจายไปไม่จํบจํนพลํบเยน | ||
เสดจออกที่นั่งตัดสมาคํม | ทางท่วานพระบ่อ่รํมฉันไม่เหน | ||
หลังปรางมาดฝนสาดไหลกระเซน | แต่จำเปนนั่งอยู่คอยบูชา | ||
เสียงประโคมห่อ่ระทึกออกกึกก้อง | ทีหลังกลองชะนะดังไม่กังขา | ||
ทราบว่าเสรจสู่ปราสาดยาดกรามา | ทรํงวันทาพระบ่อ่รมรูปแล้ว | ||
เสดจขึ้นมุกหลังทางข้างใน | กรัดปราไสยทั้งผองดัวยผ่องแผ้ว | ||
เล้วบทจอนจากปราสาดเสรจคลาดแคล้ว | ไปตามแถวท้องฉนวนด่วนดำเนิน | ||
อันแต่งตัวกันเดี๋ยวนี้วิเสศนัก | ใช่ว่าจักกล่าวแกล้งแส้งสั่งกระเสิน | ||
แต่ราคาแลมันแรงแพงเหลือเกิน | ดูน่ากลัวยับเยินถึงยากจํน | ||
เต่งกระจุกกระจิกหยุกหยิกมาก | เหนเตมยากฉันนี้ยอมเปนขัดสํน | ||
ถึงสาวแส้จะยอมแพ้ไม่ต่อชํน | ห่มห่มนอนแลพ่อ่ทํนงามถํมไป | ||
ประทานกราที่ข้างน่าวันนี้นั้น | เขาบอกฉันว่าทูลหม่อมโตท่านได้ | ||
สายส้อยทองลํงยาน่าปลื้มใจ | เจ้าคุนกรํมนาใหม่สายทองชัด | ||
พระอ่มอต่อเติมเพิ่มยศถา | เปนพระยาเดชโชโตขึ้นส่นัด | ||
พระยารักษากรุงพวยพุ่งชงัด | ได้ที่สองรองถัดทั้งสองคํน | ||
ยังที่สามตามสกุนอีกหลายนาย | จะบันระยายชื่อเสียงก็ขัดสํน | ||
ว่าไม่ได้เปนใหม่ให้เวียนวํน | ข่อ่ยอมจํนเปนคํนตื้นว่าอื่นแทน | ||
สวดมํนวันนี้ที่พระที่นั่งใหม่ | เครื่องกุกุพันตั้งไว้บํนพระแท่น | ||
เรียงพระตั้งน่าอีกทีไม่มีแม้น | ผิดแบบแผนที่อื่นหมดจึ่งจํดไว้ | ||
พระที่มาสวดมํนแลจะฉัน | เปนเวนวันฝ่ายพระคะนะได้ | ||
สวดมํนเสรจเสดจคืนเข้าข้างใน | จํบเรื่องไรแรรี่วันนี้ลํง | ||
วันเสาร์ เดือน ๑๒ แรม ๑๓ ค่ำ | |||
พ่อ่สายแสงสุริยาเวลาเพน | ก็ประเคนสำรับเลี้ยงพระสํง | ||
ของพระราช่วํษานุวํง | จัดบันจงอย่างดีที่โตโต | ||
เมื่อวันกลางข้างในสิ้นทั้งนั้น | วันแรกแจกปันพระวังโส | ||
ทั้งฝ่ายน่าข้าราช่กาโร | มีไชยทาโนตามกำลัง | ||
ทรํงพระเต้าเสนอทุกพระยะถา | สวดยัดส่มิงตำราพระคาถัง | ||
อีกยานีทะพูตาออกวาจัง | แล้วสับพะพุดทังจํนตุเต | ||
แล้วท่านอติเรกะพวะตุสับ | ถ่วายพระพอนลากกลับอาวาเส | ||
ทรํงจุดเทียนสังเวยอํงทเว | ขุนโหเรยืนร่ำคำบูชา | ||
แล้วพรามอ่านดุษดีเปนคำฉัน | อันเชินฝูงเทวันนัดส่มา | ||
อีกทั้งจตุโลกปาลา | แผ้วไพยาอย่าให้ข้องมาพ้องพาน | ||
แก่พระอํงผู้ดำรงพํบพัดสะ | จำเรินพระชันสาสักดาหาน | ||
ทั้งเจ้านาเยนะข้าราช่การ | ให้สำรานทั่วน่าประชาชน | ||
ทั้งฝูงสัตตัมหานานาชาต | ให้แคล้วคลาดไพเยศเหดขัดสํน | ||
แล้วออกแว่นจุดเทียนให้เวียนวน | ประโคมดํนกรีลั่นสนั่นดัง | ||
ทั้งข้างในข้างน่าโกลาหํน | มะโหรีตีบนพระที่นั่ง | ||
ทั้งขับไม้ซ่อ่รับกับปํงปัง | พรามเป่าสังเมื่อบันจํบครํบรอบวํง | ||
ลั่นค้องไซไล่ตามกันสามคาบ | ขุนนางกราบรับแว่นโยกควันส่ง | ||
ข้างในท้าวนางรับจับประจํง | เจ้านายทุกพระอํงส่งต่อไป | ||
ส่วนเจ้านายฝ่ายน่าบันดาเฝ้า | จุดทูบเทียนน้อมเกล้าบังคํมไหว้ | ||
บูชาพระเสวกรฉัดไชย | ตามแบบอย่างวางไว้แต่ไรมา | ||
เวียนเทียนสับดับโบกควันเฉลิม | เสรจทรํงเจิมพระที่นั่งอยู่ข้างน่า | ||
เจิมทั้งเครื่องกุกุพันอันวรา | ทั้งมหาเสวกรฉัดสวัสดี | ||
อีกพระแสงน้อยใหญ่ที่ไปตั้ง | แล้วคืนยังปรางมาดปราสาดศรี | ||
ฝ่ายพระครูชูสังหลั่งชํนละที | แล้วเจิมที่เครื่องต้นบํนบันลัง | ||
พระโหราถือผ้าชํมพูจัด | ห้อยคันเสวกรฉัดข้างเบื้องหลัง | ||
ทั้งพระแท่นพุดตานด้านกำบัง | ตามแบบอย่างปางหลังที่เคยมา | ||
อันใดรีที่จะจํดต่อไปนั้น | อีกสองวันแรมสิบสี่แลสิบห้า | ||
เปนวันว่างห่างานกานพารา | ครั้นจะว่าต่อไปก็ไม่ควร | ||
จะของํดเพียงพิธีสีสวัด | กานฉลองเสวกรฉัดกระสัดส่งวน | ||
ก็สิ้นข้อพ่อ่จํดหมํดกระบวน | จะต่อไปให้รันจวนชวนระอา | ||
ทุกวันนี้เจ้านายแลขุนนาง | ท่านพูดกันต่างต่างหลายประสา | ||
ไม่เข้าอํกเข้าใจไปไหนมา | ที่เจรจาสังเกดไว้ได้หลายคำ | ||
อัน”โคมลอย”นั้นว่าเหลวเปนแน่หละ | ยังคำ”บ๊ะ”อีกก็เหนเปนความขำ | ||
ทีจะคล้ายกับบ่อ่พ่อ่นึกคลำ | ยัง”สับพี”มีซ้ำแปลกออกมา | ||
ออกชื่อ “ นุ่ง “ ละส่ดุ้งได้ทุกครั้ง | มันจะยังไรอยู่ไม่รู้ท่า | ||
ยัง “ กู๋กู “ คู่กันหวั่นวินยา | ดูน่าตานั้นจะไปข้างไม่ดี | ||
คำ “ สวิต “ ติดฝาหรั่งเสียงอังกฤษ | เคยคิดคิดลองเดาเหนเข้าที่ | ||
คนเหลวเหลวแล้วประใจใช้อย่างนี้ | เหนท่วงทีจะละม้ายคล้ายโคมลอย | ||
“มะหลึกดึก” นึกดูอยู่ข้างหยาบ | ทีขนาบว่าทลึ่งไม่ลํดถอย | ||
แต่คำ “ เย “ นั้นอิดฉาท่าร่องรอย | เคยได้ยินมาบ่อยบ่อยจึงเข้าใจ | ||
“เว้นไม่ได้” คล้ายกันกับว่า “หนัก” | ดูไม่สู้ลึกนักแต่สงไสย | ||
“เม๊ก” อีกคำดูอยู่ข้างจะกระไร | เหนจะไม่สู้ดีทีทำนอง | ||
ยัง “โก๋” นี้มีพูดแต่เก่าแก่ | เกือบจะเหมือนกันกับแย่เข้าใจคล่อง | ||
ยังคำไก๋, ใช้ติดต่อได้คิดกรอง | เห็นจะต้องกับไถลใช้เพี้ยนตัว | ||
อันคำ โอ, คำ กลํม, มีถํมเถ | ทั้งคำ เอ้, ก็เคยใช้มิใช่ชั่ว | ||
บางทีมี อูด, เข้าพันพัว | อีกรัวรัว, ใช้บ่อยไม่น้อยเลย | ||
ทั้งลูกตุ้ม, แลบุหรี่, มีคำกล่าว | อัน, แลอิม, ริมอํกร้าวเจียวอกเอ๋ย | ||
ท่านจะว่ากระไรให้ไม่รู้เลย | คำว่า ป๊อด, นั้นก็เคยใช้เนืองเนือง | ||
แถมโลกย, ฤาแถม, เปล่าเขาก็ใช้ | ลางทีโลกย, เปล่าก็ได้ ไม่รู้เรื่อง | ||
ลางทีเหลือแต่ โล โก, โอ๊น่าเคือง | อีกอย่างเยื้อง ไปเปน หยอด, ก็ยังมี | ||
บางครั้งว่า หยอดตาลงขลุ้กขลุ้ก | จะเล่นกันมุก ใดไฉนนี่ | ||
หฤาว่าเราสูบกันชาเปนราคี | ก็ใช่ที่ไม่มีเค้าเราไม่รับ | ||
คำว่า พัด, จัดเอาเปนไทแท้ | แต่จะแปลกรํง ไป ไม่เข้าสับ | ||
กางร่ม, หฤาร่ม, เปล่าเข้าสำทับ | ใช้ระคนปนกับว่า คันดาน, | ||
ยังลอยแพ, ลอย, เปล่าเข้าประสา | เปนตำราเกิดใหม่ใหม่ ใช้ว่าขาน | ||
แต่ใยเขื่อง, หฤาว่า โคม, พโยมยาน | ค่เนการคํงสํงเคราะ ใน โคมลอย | ||
ยังคำ ลัก, คำ เลข, หฤา ลักขู, | ดูหนาหูร่ำ ไป ใช้บ่อยบ่อย | ||
ยังพื้นเก่า, พื้นใหม่, มิใช่น้อย | จํน โคลงคล่อยท่านก็ ใส่ ได้ ดิบดี | ||
ยังคำ ตุ๋ง, คำ ทึ่ง, นี้ถึงเอก | อีกคำ เต๊ก, คำ ตั้น, ขันสิ้นที่ | ||
หัวร่อ, แง้ม, แย้ม, แล กีดีกรี | ทั้งว่า มี, อิง, บึ, ก็เทือกบ๊ะ, | ||
ยังคำ ห้อ, แต๊กแต๊ก, แล กีตัน, | ทั่นประใจรับสั่งกันอยู่เอะอะ | ||
อีกคำหนึ่งนั้นทั่นว่า ทัก, ละ | ไม่รู้จะแก้กะถาว่ากะไร | ||
ส่วนคำ หึ, คำ มัน, นั้นค่อยง่าย | พ่อ่จะทายว่าเปนกานไม่ชอบได้ | ||
ยัง รวมรวม, แล หลวม, ละลายไป | ทั้งคำใหม่ นอร่อหร่อ่, หฤา นอ, ชุม | ||
เหนจะมาแต่พระยาน่อ่ร่รัด | แต่เรื่องอะไรไม่ชัดใช้เกลื่อนกลุ้ม | ||
ยังคำ ดีด, นี้ใหม่ใหม่ให้มืดคลุ้ม | เหลือจะสุ่มสืบไปให้ได้ความ | ||
อันคำ โก้งโค้ง, หฤา โค้งแฮ้, | เปนคำข้างจีนแท้ไม่พักถาม | ||
คำเตี้ยเตี้ย, ก็ใช้เลอะเปรอะเปื้อนลาม | ดูเค้าความมิใช่คำต่ำกรํงกรํง | ||
คำว่าปัน, ฟัน, ยูดี, มีมานาน | สังเกตกานก็ยิ่งคิดพิดส่วํง | ||
เค้าคล้ายกันแต่ดูมันไม่แน่ลํง | อีกปาส่ง, ทุ่มส่ง, ลงเหวลึก, | ||
คำนี้ทีจะไปข้างว่าย่อ่ | ใครมาล้อก็คํงพ่อ่จะรู้สึก | ||
ถึงคำว่าทับฮ่อ, ก็พ่อ่นึก | แต่คำขลึก, นั้นแลเหนเปนเหลือแปร | ||
อันคำอี่, โขลกเน่า, แลนางนอง | เหลือจะกรองกรึกกราหากระแส | ||
ทั้งพาวพาว, เพาเพา, สุดเดาแท้ | แต่กระหายแหนจะแน่ในเชิงตะกลาม | ||
กรึ่, ครึ่, กึ, เคาะ, ดูเพราะมาก | ยังหาฟ, ยาก, หอย, เหนเปนหลายง่าม | ||
อีกยัว, มอง, กะระหม่า, ทั้งอาราม | วุฒิ, อา, ถ้าความคล้ายคลึงกัน | ||
คำชั่งเถอะ, แลจะโปรด, หนาโสดส้า | ล่าก้อนบ้า, กุลู, อีกกุหลัน, | ||
กระโหลก, กระลา, เจ้าก้า, ว่าพัวพัน | ดูเชิงชั้นจะว่าเสือกตาเหลือกตาลาน | ||
หัวเหดย้ำ, แลย้ำ, เปล่าก็เอามั่ง | เบเรียน, ครั้ง, ขาก, แจก, แปลกโวหาร | ||
คำโรม, เหลี่ยม, เหี้ย, นี้มีมานาน | ยังวิถานไปอีกชิ้นอินเทเว, | ||
หนึ่งอัคคี, โคลน, ไฟ, จดไม่ติด | นิ่งคิดคิดหฤาจะคล้ายกับรายเหว, | ||
ถึงลึกลับจำปั๊บปั้บ, กับปัจเจ | ตื้น, เสเพลจํน พรุ่งนี้, ก็มีใช้ | ||
ลํมจับ, กับ อินเดียรับเบอ, | จะคล้ายกับอำปะเรอ, หฤามิใช่ | ||
พูดฝรั่งมังค่าน่ากลุ้มใจ | รับว่าได้, เน้นหนักเหนก็มี | ||
ควง, เปล่า ควงหนวด, อีกหนุงหนิง | หยอกภูหยิงหฤายังไรไม่รู้ที่ | ||
ขนํดหาง, กาหล, จํนแวง, วี, | ยะโส, ยะ, คู่นี้ที่ว่ายศ | ||
รัศมี, วิธีใช้มีหลายอย่าง | ถอน, กระชาก, ร่วง, บ้างใช้ได้หมํด | ||
ทั้งปักหลัก, ปักคา, ว่าไม่งํด | อีกออกรศ, แจ้กแจ้ก, แปลกสำนวน | ||
คำจัปบรือ, ซึบจื้อ, บื่อ, เปล่าเปล่า | ดูเปนเค้าเหนบแนมแกมเสสวน | ||
กร้าว, หฤาคร่าว, โฮ้ โฮ้, โก๊ เกากวน | เปนกระบวนเลียนล้อทางตอแย | ||
ยังกัมกึ, ก้ะก้ำ, ซ้ำ อํมก๋อ | เกิ๊ก, เกิ๋ม, ฮ้อฮ้อ, เห็นจีนแน่ | ||
เอาไหม, ให้เถอะ, เนื่องกันแท้ | เปนคำแก้คำไขกันในเชิง | ||
เกรี้ยวกร่าว, กริ้ว, กุสํน, โกนหฤาถอน | กุลีไท่, ใช้แต่ก่อนวางกันเหลิง | ||
ยังก้นแป้ว, ปวดหูดูละเลิง | เลยกระเจิงจํน ครูจ๋า, อาเจระ, | ||
ยังคลุกคลัก, จับเคละ, แลจับเคลอะ | อีกซับเฟอะ, ยับเคลอะ, เปรอะเปะปะ | ||
ไปข้างทางโสโครกโปกถูกละ | ปลาแห้ง, แคลงว่าจะไม่ชุ่มมัน | ||
คำว่าทอย, ว่าสลูด, พูดกันถี่ | ข้างท้ายมีคำเอายับ, จับได้มั่น | ||
คงเหมือนขับ, ที่เราใช้เมื่อกระนั้น | แต่ขอช้าง, พึ่งใช้กันเรวเรวนี้ | ||
ทั้งพอง, เปล่าพองแก้ม, แถมมาใหม่ | แต่ สวิทธิไชย, เคยใช้ ถี่ | ||
เปนคำเดียกับสวิด, คิดดูที | เช่นกับ วี, วีโวหาร ถานวาจา | ||
อันคำหื้อ, คือว่าขู่ส่พัด | สั่น, ซีด, ซัด, คึ้ก, อือหฤาจะว่า | ||
ตมูกคัดอัดอืดครืดขึ้นมา | ยังคำโบราณนานมาว่า มะกลาม, | ||
เปนชั้นเก่าเกือบจะเท่าโคมเข้าแขก, | แต่คำ เทวครอกแครก, แลอีกสาม | ||
คือจุก, บู, ม่วง, ควงกับความ | ว่าห่อ่พราม, งึมงำ, คำเจรจา | ||
ตักกระแตน, ตักกระเต๋, ตักกระไต๋ | ตักกะเตยโย, ก็ใช้เปนคำว่า | ||
กระเรยฉัน, โกร้, เข็ม, เก็บเลมมา | พูดเฮฮาหนวกหูผู้นั่งเคียง | ||
เขลียะ, คริ้ม, ครึม, อีกคำ ควิ้ว, | คล้ายกับผิวปากซ้ำทำสุ้มเสียง | ||
อีกกร๊อกกร๊อก, แลกว้า, ค้าสำเนียง | บิ๊บ, เบ๊ะ, เบี่ยง, เหวี่ยงรับกับจับคาง, | ||
อันตะโป, เหรา, พูดมาเก่า | วันยังค่ำ, นับเข้าได้ อีกอย่าง | ||
ติ๋ติ๋, เตียวล่อ, ต่อตามทาง | เตียว, เปล่าบ้างอีก ทั้งตั้ง, คำดั้งเดิม | ||
ฟิปฟอบแฟบ, แบบว่าทางอาพาด | ลอองบาด, แลรางวับ, ปั้นเป้อ, เบิ้ม | ||
สวิง, เพลีย, เสียแต้ม กันดานเทิ้ม | จับกล๊อก, เติม ตุ๊กะฉิ้ก, หลีกคำไทย | ||
อนึ่งคำบิดพระส่อ่, ข่อ่พระเสียน | คำไพร่เปลี่ยน บิดคอ, ขอหัว, ได้ | ||
อีกเรียกตัวตุ๊กกะตุ่น วุ่นกระไร | ทั้งคำใช้ ปลิ๊ด, ควัช, ชัดวิที | ||
หง่อยหง่อย, กร่อยกร่อย, ฟังค่อยกระจ่าง | เหมนนุหน่าย, หลายอย่างไม่เลือกที่ | ||
วิมารพรํม, กับไพร่ว่าอเวจี | เปนท่วงทีข้างอย่างทางประชํด | ||
คำกา, คำค้างคาว, คราวปีวอก | คำจะบอก, นี้พึ่งมีทีหลังหมํด | ||
ซิ้ว, คำจีนหฤาอย่างไรใช้ไม่งํด | เก, ปี, อา, ปรากํดฝรั่งลึก | ||
ยังมี ตี, ปี, แลบีเลียด | กับเอ็มปี, ฉันชั่งเกลียดเกือบส่อึก | ||
ที่ข้างในใช้อีกคำล้ำเหลือนึก | ทั่นอึกกระทึกกันว่า กรุด, สุดปัญญา | ||
ทั้งคำย่อ, คำปรึอ, หฤาคำยิง, | เปนคำเจ้านายภูหยิงรับสั่งหนา | ||
ทั้งเกเก, แลกับ, สดับมา | เปนประสาที่ข้างในใช้เนืองเนือง | ||
เม้ย, เหมย, แมว, มืด, อีกเม็ดถั่ว, | มวย, เบะโบ้ย, บี้ด, มัวไม่แจ้งเรื่อง | ||
ทั้วบวม, แบ, เป๊ะ, ปอน, ค่อนทั้งเมือง | อีกเละ, เป๊ะ, ป่ายเยื้องไปปูมปาม, | ||
ป๋อป่อง, เปิดเปิง, เปนเชิงขูด | ทั้งปรี๊ด, ปรูด, ปรวด, ปราด, คํนขลาดขาม | ||
อีกอิ้ง, อื่ด, อื้ด, เอียน, เหลือเลียนตาม | ยังห่าง, ห่าม, หุบ, แจ๊บ, แยบคายคำ | ||
ตู้, เต่า, ตั้บตั้บ, สำหรับติ | ทั่นช่างริห์เอามากรัดคัดขำขำ | ||
ตลุยตลาย, ตรังตัง, ตั้งใจทำ | ก๋อมก้อ, ก่ำ, เก๋, กลั้น, สันเอามา | ||
แง้ก, งัก, เงียบ, เงี่ยง, อีกทั้งหง่าว, | ก๊วย, แก๊บ, กล๊อก, กล่าวกันหนาหนา | ||
เชี้ยบ, สนิท, หนุน, น้ำ, ทั้งเหน็บชา, | อีกคำว่าเผ่น, ผ่อย, ทั้งพุ่งเพรียว, | ||
ทั้งคำฉูด, ขุด, แข็บ, ขอ, เข้าอู่, | ยิ้บยิ้บเหยเริ่ย, ดูน่าเฉลียว | ||
อันฉีก, เต้น, เผยอ, สั้บ ลับจริงเจียว | อีกว่าเขียว, ทับถม, ทั้งถอน, แทง | ||
ยังตืบ, เตี้อง, ติ้ว, ต๊อก, ออกกันใหม่ | กุ้ง, กั้ง, เก๋ง, กิ๋ม, ใช้ไม่เลือกแห่ง | ||
อีกหยุกหยุย, ยุ่มย่าม, ความแสดง | ไม่สู้แรงหนักหนาดูท่าทาง | ||
เป่ง, ปั่น, ปักปำ, ปาว, โปะ, ปิ้ก, | เปนคำลึกเหลือรู้ดูขัดขวาง | ||
แต่ปาก้อน, ปั้นก้อน, ค่อนรางราง | จะไปข้างปั้นน้ำขึ้นเปนตัว | ||
ตักกระแต, ห่วงตึก, อีกตักหมอน | หฤาคล้ายถอนตัก, อะไรใช้ได้ทั่ว | ||
เต๊ก, กระดาน, เดาะ, กระเต เล่นลิ้นนัว | ถวย, ถับเถะเถิม, ถัว, กับถาก, โทน | ||
ทั้งปวดท้อง, ตีค้อง, กระชากไส้, | ดูรุนแรงอยู่กระไรเหนผาดโผน | ||
แต่แกะแดะ, คิดเค้าเดาคงโดน | ไม่แปลกโจนจากเก่าเขาไปนัก | ||
อ่านประกาศ, ยับกราน, ละลานลึก, | จะกรองกรึกสันเท่าใดไม่ประจัก | ||
หีบ, เหี้ยน, หิ้ด, ได้แจก, อีกเจาะควัก, | ระมัด, มัด, ก็มักจะพูดกัน | ||
ตีพิม, เพิ่ม, เผละ, แลพราม, นี้ | ดูอยู่ข้างพูดถี่ชินหูฉัน | ||
เสงี่ยม, เพี้ยม, รุ่งโรด, หนาโสดครัน | ซุดโซม, ส้อบ, สอง, นั้นพอเข้าใจ | ||
ยังประจง, สาด, หรี่, มีอีกแน่ | อุกอุ๋ย, แอ๋, แว่น, วาว, กล่าวกันใหม่ | ||
บิด, กับปลื้ม, อีกสองคำฉันจำไว้ | ทั้นจันโท, ท่านก็ใช้ มีตำรา | ||
ขึ้น, แขก, ขิก,ขยี้, เขย่า, หยอง, | ทั้งออมครอม, ย้อม, พร้องนานหนักหนา | ||
นวด, รีด, เอ้อเร้อ, เพ้อกันมา | กับคำว่าโท่งเท่ง, ทั้งกว่าง, แงว | ||
โป๊ก, เปล่าโป๊กเป๊ก, แลจับปรี๊ด, | คำจืดจืด, ผุ, เปื่อย, เรื่อยเปนแถว | ||
ยังกรี๊ด, กรอบ, โกร๊ด, ใช้ไปจนแกว | ตุกขลัก, ปัก, แล้วเจื่อง, ตะเปน | ||
คำโต้, วิ่ง, หวาน, ทั้งว่าแน็บ, | แสนเจบแสบคำกว้าน, กว้างเกินเหน | ||
อีกแจกกรา, แลกุมาน, พานยากเยน | อยู่อีกเปนคำผวนชวนเสียดแทง | ||
คำข้างในไม่เหมือนกับข้างน่า | ท่านใช้เกยกิริยาทั่วทุกแห่ง | ||
คงคอยแต่ค่อนว่าน่าคิดแคลง | ฉันสู้แกล้งทำให้เหนเปนไม่เคือง | ||
ฝ่ายข้างน่านั้นประสาทั่นเรียนยาก | ยังมีอยู่อีกมากไม่รู้เรื่อง | ||
จะจํดไปไม่สิ้นสุดสมุดเปลือง | เฝ้ายักเยื้องเหลือจะร่ำทำเปนกลอน | ||
ยังประสาฝาหรั่งไปทั้งนั้น | ทั่นกรัดกันเลียนไม่ไหวไม่ได้สอน | ||
ดํงซิ้วซิ้วเซ้าเซ้าชาวลันดอน | ไม่เหมือนอย่างเมื่อแต่ก่อนเคยพูดกัน | ||
คำเหลวไหลไม่มีคำอื่นผลัด | เพราะคำขัดจึงต้องใช้หมีใช่ขัน | ||
ยังหาปี้, หาแปะ, แลเพ้ย, นั้น | คํนชั้นฉันพูดบ้างอย่างคนอง | ||
คำฝาหรั่งตั้งแต่ก่อนก็เคยใช้ | เหมือนคำไขไอสติม, ก็แคล่วคล่อง | ||
ทั้งเต็มเปา, เขาก็พากันพูดพร้อง | ถ้ากรองกรองไปคํงได้อีกหลายคำ | ||
ถึงพูดแผลงแปลงคำก็จำเพาะ | ที่เหมาะเหมาะเปนต่ลํกหฤาขำขำ | ||
แต่เดี๋ยวนี้ใช้เฝื่อพดเพรื่องพรำ | จํนเหลือจำไม่รู้ถ้าว่ากระไร | ||
ครั้นจะถามก็มีความละอายจิตร | จํนร่อ่ทั่นไม่ใคร่ติดพูดไม่ได้ | ||
เช่นนี้และจึ่งขัดสํนเปนจํนใจ | จะจํดแรรี่ไปก็ออกคร้าม | ||
ความคิดเหนหฤาก็เปนอย่างบุราน | ท่านภูอ่านก็จะว่าฉันงุ่มง่าม | ||
จึ่งข่อ่หยุดสุดบดจํดเนื้อความ | แม้นไม่งามข้อใดในกายกลอน | ||
หฤาคดีที่จํดหมดทั้งนั้น | เอกโทชั้นตลอดชั่วตัวอักสอน | ||
ข่อ่จงช่วยแก้ไขในสุนทอน | อย่าขอดข้อนร่ำว่านินทากัน | ||
ถ้านารีมีปันยาอันสามาด | ฉลาดรู้อักสอนสีดีกว่าฉัน | ||
ช่วยแก้ให้ถูกได้หมดทั้งนั้น | ฉันจะใหรังวันช่างหนึ่ง เอย ๚ะ | ||
เชิงอรรถ
ที่มา
กลอนไดเอรีซึมทราบกับตามเสด็จไทรโยค พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ สมเด็จพระศรีสวรินทราบรมราชเทวี พระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า ทรงให้พิมพ์ประทานช่วย พระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้าหญิงผ่อง ในงานทรงบำเพ็ญกุศลฉลองพระชันษาครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๐
[ขอขอบคุณ คุณพิกุลแก้ว สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน]