นิราศหนองคาย

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == หมวดหมู่:วรรณคดีไทย [[หมวดหมู่…')
แตกต่างถัดไป →

การปรับปรุง เมื่อ 10:34, 21 กันยายน 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

ผู้แต่ง: หลวงพัฒนพงศ์ภักดี (ทิม สุขยางค์)

บทประพันธ์

๏ จะเริ่มเรื่องเมืองหนองคายจดหมายเหตุในแดนเขตเขื่อนคุ้งกรุงสยาม
บังเกิดพวกอ้ายฮ่อมาก่อความทำสงครามกับลาวพวกชาวเวียง
ซึ่งเจ้าเมืองเขตขัณฑ์ตะวันออกก็แต่งบอกเขียนหนังสือลงชื่อเสียง
ในเขตแดนหนองคายเมืองรายเรียงเมืองใกล้เคียงบอกบั่นกระชั้นมา
ว่าล้วนพวกอ้ายฮ่อทรลักษณ์ประมาณสักสามพันล้วนกลั่นกล้า
เที่ยวรบปล้นขนทรัพย์จับประชาลาวระอามิได้อาจขยาดกลัว ฯ
๏ สมเด็จพระปรมินทร์บดินทร์เดชซึ่งปกเกศร่มเกล้าเจ้าอยู่หัว
สดับเรื่องเมืองบนกระมลมัวศึกพันพัวราษฎร์ประเทศในเขตคัน
ด้วยไพร่บ้านพลเมืองจะเคืองขุ่นทรงการุญราษฎรคิดผ่อนผัน
เชิญสมเด็จเจ้าพระยาปรึกษาพลันพร้อมด้วยพันธุพงศ์พระวงศ์วาน
เห็นแต่เจ้าพระยามหินทร์เคาซิลลอเป็นเนื้อหน่อพงศ์เผ่าเหล่าทหาร
พอจะเป็นแม่ทัพรับราชการที่รำคาญขุ่นข้องเมืองหนองคาย
แล้วจัดพระยา, พระ, หลวงทั้งปวงอีกให้เป็นปีกซ้ายขวาทัพหน้าหลาย
ทั้งเกณฑ์เลขสมฉกรรจ์พันทนายทั้งเลขจ่ายตามกรมระดมกัน
เกณฑ์เลขทาสทั้งที่มีค่าตัวดูนุงนัวนายหมวดเร่งกวดขัน
ผู้ที่เป็นมุลนายวุ่นวายครันบ้างใช้ปัญญาหลอกบอกอุบาย
ว่าตัวทาสหลบลี้หนีไม่อยู่ข้างเจ้าหมู่เกาะตัวจำนำใจหาย
ที่ตัวทาสหนีจริงวิ่งตะกายทำวุ่นวายยับเยินเสียเงินทอง
เกณฑ์ขุนหมื่นขึ้นใหม่ในเบี้ยหวัดขุนหมื่นตัดเกณฑ์ตามเอาสามสอง
ท่านนายเวรเกณฑ์กวดเต็มหมวดกองเอาข้าวของเงินตราปัญญาดี
เหล่าพวกขุนหมื่นไพร่ต้องไปทัพที่มีทรัพย์พอจะจ่ายไม่หน่ายหนี
สุ้จ้างคนแทนตัวกลัวไพรีที่เงินมีเขาไม่อยากจะจากจร ฯ
๏ ฉันจำร้างห่างมิตรขนิษฐ์นาฏหวานสวาทด้วยจะร้างห่างสมร
แสนถวิลจินดาด้วยอาวรณ์สะท้อนถอนฤทัยอาลัยครวญ
กางกรประคองกอดแม่ยอดรักพิศพักตร์สาวน้อยละห้อยหวน
นึกก็น่าใจหายเสียดายนวลด้วยจำด่วนจากนางไปห่างเรือน
แสนสงสารแต่พธูจะอยู่เดียวนึกเฉลียวอาลัยใครจะเหมือน
พึ่งอยู่กินด้วยพี่สักสี่เดือนจะจากเพื่อนพิศวาสแทบขาดใจ
ครั้นเห็นน้องนองเนตรสังเวชจิตนึกหวนคิดว่าจะเบือนเชือนไถล
จะบอกป่วยเสียให้มากไม่อยากไปกลัวจะไม่เป็นธรรม์กตัญญู
นายมีกิจควรคิดเอาตัวรอดคนจะย้อนค่อนขอดได้อดสู
ต้องจำใจจำร้างห่างพธูจงเชิญอยู่ให้เป็นสุขสนุกดี
อย่าร้องไห้จะเป็นลางจงสร่างโศกอย่าวิโยคนักน้องจะหมองศรี
แม้นตั้งใจไว้ท่าไม่ราคีนั่นแลมีความชอบฉันขอบใจ ฯ
๏ ถึงวันพุธเดือนสิบแรมแปดค่ำเป็นวันอำมฤตโชคโฉลกใหญ่
ณ ปีกุนสัปตกศกจะยกไปจำครรไลโลมลาสุดาดวง
น้ำตาไหลพรากพรากออกจากห้องเหลียวดูน้องใจหายไม่วายห่วง
ค่อยแข็งขืนฝืนอารมณ์ที่ตรมทรวงแล้วเลยล่วงอำลาแม่อาพลัน
ท่านก็ร่ำอวยชัยให้เป็นสุขอย่ามีทุกข์อันตรายทางผายผัน
สวัสดีมีชียพ้นภัยยันเมื่อกลับนั้นจงเป็นสุขสิ้นทุกข์ร้อน
ลงจากเรือนเบือนดูแม่คู่ชื่นถอนสะอื้นโหยไห้ฤทัยถอน
สละรักหักใจอาลัยวรณ์ฝืนใจจรรีบเดินเมินไม่มอง
มาครู่หนึ่งถึงสถานบ้านเจ้าคุณกำลังวุ่นผู้คนเขาขนของ
ฉันฝืนพักตร์เข้าฝาน้ำตานองใจสยองยิ่งสลดระทดระทม
แสนคะนึงภึงมิตรพิศวาสใจจะขาดลงด้วยร้างห่างคู่สม
ค่อยแข็งขืนกลืนน้ำตาหักอารมณ์ครั้นวายตรมแล้วมานั่งคอยฟังการ
คนพร้อมพรั่งนั่งรอหน้าหอใหญ่ทั้งพวกไพร่เหล่าพหลพลทหาร
บ้างขนเสบียงลงเรือเกลือน้ำตาลทั้งข้าวสารข้าวตากและหมากพลู
ของเจ้าคุณขนเนื่องทั้งเครื่องใช้คนขนไม่หยุดหย่อนร้องอ่อนหู
เกินจะพรรณนาเหลือตาดูเครื่องควาหวานมีอยู่ก็มากครัน
เครื่องอาวุธสารพัดท่านจัดซื้อล้วนเครื่องมอรบทัพดูขับขัน
ซื้อเสื้อหมวกแจกจ่ายเป็นหลายพันล้วนแพรพรรณสักหลาดสะอาดตา
ลงทุนซื้อของมีบัญชีเสร็จสักร้อยเจ็ดสิบชั่งก็ยังกว่า
เครื่องหน้าไม้เครื่องมือซื้อเอามาทั้งมีดพร้าจอบเสียบก็เตรียมการ
และท่านทำแวนเพชรสิบเอ็ดวงหวังใจจงแจกจ่ายนายทหาร
ที่ไม่คิดย่อหย่อนเข้ารอนราญใครทำการศึกสำเร็จบำเหน็จมือ
ทั้งเสื้อผ้าสารพัดท่านจัดครบถ้าใครรบจริงจริงไม่วิ่งตื๋อ
เข้าตีข้าศึกแยกให้แตกฮือจดเอาชื่อแล้วจะได้ให้รางวัล ฯ
๏ ครั้นบ่ายสามโมงถ้วนจวนจะฤกษ์เอิกเกริกไพร่นายเตรียมผายผัน
พอสมเด็จเจ้าพระยาท่านมาพลันเจ้าคุณนั้นออกมารับคำนับกาย
พร้อมสมณพราหมณาโหราศาสตร์นั่งเกลื่อนกลาดเคียงขนานประมาณหลาย
พนักงานตั้งเตียงไว้เรียงรายที่อาบสายชลธาร์เบญจางาม
เจ้าคุณแม่ทัพคำนับน้อมสมเด็จแล้วก็เสร็จสู่เบญจาหน้าสนาม
สรงพุทธมนต์ชลอาบปราบสงครามขึ้นเหยียบไม้ข่มนามศัตรูพาล
พระสงฆ์องค์สมมุตวงศ์พุทโธชยันโตสำเนียงเสียงประสาน
เสียงฆ้องชัยลั่นต้องก้องกังวานโหราจารย์พรามหมณ์เคาะบัณเฑาะว์ดัง
พระครูโหรอวยชัยให้เดชะพระหมณะผู้เฒ่าก็เป่าสังข์
พร้อมด้วยเหล่าเจ้าพระยาดาประดังขุนนางนั่งสลอนอวยพรชัย ฯ
๏ ฝ่ายเจ้าคุณแม่ทัพครั้นสรรพเสร็จน้อมสมเด็จเจ้าพระยาอัชฌาสัย
ออกมานั่งคอยฤก์เบิกบานใจผินพักตร์ไปฝ่ายบุรพาทางนาคิน
ท่านสมเด็จเจ้าพระยาคอยหาฤกษ์พอเมฆเลิกดูอุดมสมถวิล
สุริยงทรงรถหมดมลทินทางกสิณบริบูรณ์เพิ่มพูนดี
สมเด็จท่านขานไขบอกได้ฤกษ์แล้วให้เบิกฆ้องชัยได้ดิถี
ก็โห่ร้องเอาชัยปราบไพรีท่านแม่ทัพจรลีลงเรือพลัน
ฝีพายพลโห่ร้องก้องสะเทือนเสร็จคลาเคลื่อนกองทัพดูคับขัน
เรือกระบวนสวนแซงพายแย่งกันเสียงสนั่นเป็นระลอกกระฉอกชล
ทั้งสองฟากเรือตลอดจอดเป็นหมู่ล้วนคนดูกองทัพเรือสับสน
กลามตลอดจอดแพออกแจจนกญิงชายบนตลิ่งดูอยู่สำราญ
ดูเรือแพแออัดสงัดหายไม่อาจพายออกมาตัดหน้าฉาน
กลัวจะกีดกันขวางทางชลธารหลบหนีซ่านเข้าจอดตลอดมา ฯ
๏ ครั้นถึงตำหนักแพแลไสวพวกข้างในนั่งอยู่ดูหนักหนา
ปางพระจอมจักรพรรดิ์กษัตราเสด็จมาคอยรับกองทัพเอง
เหล่าขุนนางแวดล้อมอยู่พร้อมพรั่งลงที่นั่งปิกนิกกั้นบดเก๋ง
ทอดพระเนตรเรือแพทรงแลเล็งเสียงแซ่เซ็งแตรฝรั่งก้องกังวาน
เรือเจ้าคุณจอดเลียบประเทียบลำถวายคำนับน้อมจอมสถาน
แล้วถวายบังคมราบลงกราบกรานตามบูราณประเพณีที่มีมา
กรุงกษัตริย์จิ้มเจิมเฉลิมพักตร์ทรงสังข์ทักษิณาวัฏต่อหัตถา
เป็นสังข์เวียนซ้ายเรียกทักษิณาเป็นภาษาไพร่คิดโดยจิตเดา
ด้วยฉันมาหน้าแคร่ท่านแม่ทัพครั้นได้รับน้ำสังข์ไม่นั่งเหงา
เป็นเหตุให้ทุกข์สร่างลงบางเบาแต่ยังเมาโศกรักหนักอาวรณ์
ท่านเจ้าคุณแม่ทัพคำนับน้อมฝ่ายพระจอมบพิตรอดิศร
เสด็จทรงสังข์สรรเสริญเจริญพรแล้วกรายกรหยิบนาฬิกามาประทาน
ทองคำทำตลับระยับย้อยทั้งสายสร้อยสามกษัตริย์จัดประสาน
พระจอมนาถมีพระราชโองการว่าของนานทำไว้จะให้เธอ
ฉันลงชื่อเขียนไว้ในตลับเจ้าคุณรับได้ของประคองเสนอ
ถวายคำนับซ้ำทำบำเรอเสด็จเผยอเรือออกบอกฝีพาย
ครั้นเรือออกประตูฝ่านาวาคล้อยพระสงฆ์คอยประน้ำมนต์พลทั้งหลาย
คนในเรือรับพลางต่างวางพายน้อมถวายบังคมประนมกร ฯ
.
.
.
ครั้นมาถึงคันยาวขึ้นเขาโขดสูงเด่นโดดแลเยี่ยมเทียมเวหน
ช้างปีนขึ้นตัวตั้งระวังตนขึ้นสุดบนยอดเขาลำเนาเนิน
ข้างทางแลเป็นเปลวล้วนเหวผาหนทางมาสูงโดดบนโขดเขิน
เป็นคันน้อยริมทางพอช้างเดินสะทกสะเทิ้นกลัวจะตกหกคะมำ
ภูเขาเล่าก็ชันเป็นหลั่นลดช้างค่อยจดเดินเรียงกลัวเพลี่ยงพล้ำ
ค่อยค่อยคุกขาหน้าอุตส่าห์คลำแม้นถลำแล้วเป็นเหลวด้วยเหวลึก
.
.
.
ที่ผืนแผ่นดินบางแห่งบ้างแดงล้ำบ้างก็ดำเหมือนแสร้งแกล้งมุสา
บางแห่งเหลืองสีซ้ำดอกจำปาพื้นสุธาบางแห่งขาวไม่ร้าวราน
ที่ในดงพงพฤกษ์นึกประหลาดด้วยอากาศดงร้ายหลายสถาน
บางแห่งร้อนบางแห่งเย็นเป็นวิการบ้างสะท้านจับเท้าหนาวขึ้นมา
บ้างครั่นเนื้อตัวร้าวซักหาวนอนบ้างก็ร้อนวิบัติขัดนาสา
บางแห่งวิงเวียนหัวมืดมัวตาบ้างจับนาสิกให้ชักไอจาม
บ้างก็เหม็นขื่นเขียวเหม็นเปรี้ยวบูดไม่อาจสูดด้วยว่าจิตนั้นคิดขาม
ด้วยอายแร่แต่ดินมักกินลามตลอดตามสองข้างหนทางจร
อีกอายว่านอายยาในป่าชิดล้วนมีพิษขึ้นอยู่ดูสลอน
ครั้งต้องแสงสุริยาทิพากรกำเริบร้อนด้วยพิษฤทธิ์วิกล
อายพื้นดินนำพาให้อาพาธวิปลาสแรงกล้าเมื่อหน้าฝน
ตกแล้งหมาดขาดเหงื่อยังเหลือทนจึงพาคนให้เป็นไข้ได้รำคาญ
คนเดินเท้าก้าวหล่มบ้างล้มลุกช้างเดินบุกหล่มล้าน่าสงสาร
เหล่าโคต่างล้าล้มอยู่ซมซานบ้างวายปราณกลิ้งตายเป็นหลายโค
ช้างบุกหล่มบ้างล้มด้วยเต็มล้าดูก็น่าสมเพชสังเวชโข
เจ้าของช้างเสียใจร้องไห้โฮว่าพุทโธ่ซื้อมาราคาแพง
ที่ช้างใหญ่ไม่สู้ล้ามาติดติดพระอาทิตย์คล้ายบ่ายลงชายแสง
คนเดินเท้าอ่อนล้าระอาแรงบ้างย่องแย่งเท้าพุปะทุพอง
.
.
.
ล้วนความจริงไม่แกล้งมาแต่งปดได้จำจดผูกพันจนวันกลับ
ถึงความร้ายการดีที่ลี้ลับได้สดับเรื่องหมดจดจำมา
ซึ่งบางพวกไม่ได้ขึ้นไปทัพบางคนกลับผูกจิตริษยา
แล้วกล่าวโทษติฉินแกล้งนินทาค่อนขอดว่ากองทัพเสียยับเยิน
.
.
.
             

เชิงอรรถ

ที่มา

นิราศหนองคาย ของ หลวงพัฒนพงศ์ภักดี (ทิม สุขยางค์) พิมพ์ครั้งที่ ๔ ไทยวัฒนาพานิช พ.ศ. ๒๕๔๔

เครื่องมือส่วนตัว