บทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนความเก่า ตอนขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้าง

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == {{เรียงลำดับ|บทสเภารเืองขุนชาง…')
(สำนวนที่ ๒)
แถว 135: แถว 135:
</tpoem>
</tpoem>
===สำนวนที่ ๒===
===สำนวนที่ ๒===
 +
==== ====
<tpoem>
<tpoem>
-
+
ครานั้นขุนแผนแสนสนิธ  อันรุ่งฤทธิ์รังสีไม่มีสอง
 +
บำราสร้างห่างโฉมเจ้าลาวทอง  ใหตริตรองตรึกตรมอารณ์รอน
 +
ยามนอนก่ายกรเกยนลาต  เสียวสวาทลาวทองฤทัยถอน
 +
โอ้ทำไฉนจึงจะได้มาแนบนอน  แต่อาวรณ์วิเวกวังเวงทรวง
 +
นอนเดียวเปลี่ยวใจอยู่ในห้อง  น้ำเนตรนองนิ่งนึกคนึงห่วง
 +
โอ้น้องแม่มาหมองมามัวทรวง  ที่ไหนดวงสุดาพี่จะมีสเบย
 +
ป่านฉนี้แก้วพี่จะโศกแสน  จะนอนแน่นแนบนิ่งเหนือเขนย
 +
ถ้าเจ้าอยู่จะได้ชูชมสเบย  มาละเลยแล้วโอ้อนิจจัง
 +
อนิจจาช่างกะไรอ้ายขุนช้าง  ฉะใจจางเมามืดแต่โมหัง
 +
ให้ขุ่นแค้นเคืองจิตต์คิดพวัง  จนคลุ่มคลั่งลุกออกมานอกชาน
 +
ชมเดือนพอให้เชือนอารมณ์ชื่น  รวยรื่นลืมมิ่งวิมลสมาน
 +
พระจันทรจรแจ่มจักรพาฬ  ดาวตระการเด่นดูระดะดวง
 +
ดูเดือนเสียดายกระต่ายแต้ม  เดือนแรมดาวรายระรุยร่วง
 +
เหมือนขุนช้างอิจฉาสุดาดวง  ดาราร่วมเหมือนเรานิราสร้าง
 +
คิดถึงเรื่องแล้วให้เคืองอารมณ์แค้น  หนักแน่นอัดอั้นอางขนาง
 +
มึงทำกูหมายว่ากูจะละวาง  จะตามล้างให้ระยำจนหนำใจ
 +
แต่วันทองน้องรักดังแก้วตา  เมื่อมึงปรารถนาก็ยอมให้
 +
นี่ลาวทองของกูได้มาไว้  ยังส่อให้ต้องติดอยู่ในวัง
 +
ดีแล้วเปนไรอ้ายขุนช้าง  คิดพลางทางแค้นถึงความหลัง
 +
ไม่ควรชังวันทองไปหมองชัง  แค้นคั่งคลั่งคลุ้มกลับกลุ้มรัก
 +
โอ้โอ๋วันทองของพี่เอ๋ย  ไม่ควรเลยอนิจจามาตกปลัก
 +
โมโหหึงส์ดึงดันจนเด็ดรัก  เพราะหาญหักหุนหวลจึงชวนเชง
 +
ห้ามเจ้าเจ้าก็ตามทรามถวิล  ประมาทหมิ่นอาคมคารมเหลิง
 +
คิดถึงวันจากให้อาไลยละเลิง  เพราะกระเกริงจึงต้องกรากอยู่กรุงกรัง
 +
น่าเอนดูแต่เจ้ารู้ปรนนิบัติ  เมื่อกำดัดยังไม่หน่ายสวาทหวัง
 +
ทั้งชั้นเชิงชิดชมไม่ชิงชัง  อุตส่าห์นั่งนวนฟั้นเจ้าหมั่นจริง
 +
อันการแต่งแล้วก็ดีไม่มีลบ  ขยันครบล้ำเลิศประเสริฐหญิง
 +
น้ำใจเจ้าเล่าก็รักพี่หนักจริง  นี่ประวิงเพราะแม่มันแปรเอง
 +
ทั้งอีเถ้าหัวดกอ้ายอกขน  มันเห็นว่ากูจนจึงข่มเหง
 +
กล้าทำก็กรรมของมึงเอง  นี่หากเกรงพระองค์ผู้ทรงเมือง
 +
กูจะพาแต่น้องวันทองหนี  ให้คดีนั้นลือระบือเลื่อง
 +
แม้ยิ่งตามออกไปพอไกลเมือง  จะกลับเยื้องย้อนชัฎสกัดฟัน
 +
เคืองแค้นคลายคิดถึงลาวทอง  ตรึกตรองจนย่ำพระสุริย์ฉัน
 +
จึงเรียกทนายมาสั่งพลัน  พร้อมกันถ้วนหน้าทั้งข้าไทย
 +
ให้ไปพึ่งพระหมื่นศรีเสาวราช  กับหมื่นไวยวรนาถนั้นจงได้
 +
อันตัวของข้าจะลาไป  จงช่วยเอาใจใส่ท่านมารดา
 +
สั่งพลางไปเรือนท่านมารดร  ยอกรทั้งสองเหนือเกศา
 +
ก้มกราบกับเท้าท่านมารดา  แล้วแจ้งกิจจาแต่จริงไป
 +
อันลูกกับอ้ายขุนช้างล้าน  จะล้างผลาญกันลงให้จงได้
 +
บัดนี้ลูกมาจะลาไป  ตระเตรียมการไว้ทุกสิ่งแล้ว
 +
แม่จงพาข้าไทยไปจากบ้าน  อยู่นี่จะรำคาญด้วยลูกแก้ว
 +
สู้ตายลูกไม่ไว้มันแล้ว  ช่วยอวยพรลูกแก้วให้จงงาม ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ครานั้นทองประศรีผู้มารดา  ได้ฟังลูกว่ารำพรรณห้าม
 +
พ่อยอดรักของแม่อย่าหมิ่นความ  เมื่อวันทองสิเขาตามชุนช้างไป
 +
จะต้องการอะไรกับวันทอง  มันเปนสองใจแล้วไม่เลี้ยงได้
 +
คนสองน้องแขกตามมันใย  สองใจชั่วอัปมงคล
 +
อันหญิงงามเหมือนจามรีพราย  สู้ตามมิให้ซึ่งขนหล่น
 +
ชายอื่นมิให้ชื่นสวาทปน  ประกอบกลว่าเปนแก่กสัตรี
 +
ตัวเจ้าดังเผ่าสิงหราช  มันชาติอุลามกเร่งหกหนี
 +
พระทรงภพโปรดเลี้ยงถึงเพียงนี้  ชาวบุรีเลื่องฟุ้งในกรุงไกร ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิธ  นิ่งคิดคำแม่แล้วแก้ไข
 +
ที่จริงนั้นวันทองไม่สองใจ  ซึ่งชั่วไปทั้งนี้เพราะมารดา
 +
อีเถ้าศรีประจันมันเปนเอง  แนะนำทำเพลงให้เข้าหา
 +
ขุนช้างจึงหากอหังกา  เข้าไขว่คว้านางถีบจนตกเตียง
 +
อีเถ้าแม่แร่เข้าไปตีลูก  ว่าดูถูกทำผัวจนหัวเสี่ยง
 +
วันทองน้อยขยับจับมีดเมียง  อียายแม่เข้าเคียงยุดมีดไว้
 +
ลูกรู้เพราะหนังสือของสายทอง  สอดบอกข่าวน้องหาเว้นไม่
 +
ถึงกระนั้นก็ลูกไม่จงใจ  เดี๋ยวนี้ไปจะแก้เผ็ดอ้ายคนคด
 +
ซึ่งมันทำให้พลัดกับลาวทอง  ลูกจะขอตอยต้องให้ตามบท
 +
จนห้ามเฝ้ามิได้เฝ้าพระทรงยศ  ก็เพราะอ้ายคนคดมันคิดความ
 +
เจ็บอกลูกหนักแล้วนะมารดา  โปรดเกศาเถิดแม่อย่าหักห้าม
 +
ลูกไม่ย่อท้อต่อสงคราม  อ้ายขุนช้างติดามก็ไม่เกรง
 +
ลูกได้ยิ่งยอดปรอทเพ๊ชร  ย่อห่อนเจ็ดขามใครจะข่มเหง
 +
เช่นชาติมันพันหนึ่งลูกไม่เกรง  แต่เพียงต่อยคนละเป้งจะวิ่งไป
 +
หน้าอ้ายตุ่นขุนช้างนี่นะแม่  มันจะแร่อาจตามไปถึงไหน
 +
มีแต่จะกอดหมดนนอนร้องไป  ตีอกร่ำไห้กว่าจะตาย ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ทองประศรีได้ฟังซึ่งน้ำถ้อย  จะจากลูกน้อยแม่ใจหาย
 +
ร้องไห้น้ำหมากขากฟูมฟาย  อวยพรลูกชายทั้งน้ำตา
 +
จะว่ากระไรไม่ออกสอื้นฮึก  ตามที่พ่อจะตึกเอาเถิดหวา
 +
แข็งใจเอามือเช็ดน้ำตา  แล้วแช่งว่าขุนช้างให้ตายไป
 +
แต่ลูกกูอายุให้ยืนนาน  ประเสริฐดังพระอวตารประสิทธิ์ให้
 +
ทั้งพระเวทเรื่องเดชเดโชไชย  ให้อ้ายขุนช้างพ่ายแพ้ฤทธิ์
 +
พรแม่ตั้งใจให้จริงจริง  จะนึกสิ่งใดให้สำเร็จกิจ
 +
ให้มีชัยแก่หมู่ปัจจามิตร  พรแม่ประสิทธิ์ให้ลูกยา ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ขุนแผนรับพรแล้วก้มเกล้า  ยกเท้าแม่ทูลเหนือเกศา
 +
ประทักษิณมัสการซึ่งมารดา  แล้วลีลามาหอพระสี่กร
 +
จึงจุดเทียนประทีปขึ้นบูชา  บุปผาผกาเกสร
 +
เอาหนังราชสีห์อันบวร  ปูซ้อนเชื้อเชิญซึ่งเทวา
 +
นุ่งขาวห่มขาวสมาธิ  ตั้งสติร่ายถูกพระคาถา
 +
ครบร้อยแปดคาบด้วยศาสตรา  ปฏิมารูปปลุกก็ลุกครัน
 +
เป่าสังข์บูชาพระหริวงศ์  น้ำกุหลายอาบสรงเกษมสันต์
 +
จึงเอาขันสำริดน้ำสรงนั้น  มาลงยันต์เจิมกระหม่อมด้วยยินดี
 +
ล้างหน้าแล้วว่าอธิษฐาน  กรายกรานขอพรประเสริฐศรี
 +
จึงสั่งให้บ่าวผูกพาชี  ฤกษ์ดีแต่งตัวด้วยเร็วพลัน
 +
นุ่งยกดวงแย่งระยับเยี่ยง  เข็มขัดเพียงดังแกล้งประสมสัน
 +
ชั้นในย้อมว่านประทับยันต์  ชั้นนอกนั้นอัตลัดสพักทอง
 +
คาดเจียรบาดเทศแล้วเหน็บกฤช  ดังชวากล้าฤทธิ์เรืองสยอง
 +
สังวาลกุดั่นสุวรรณกรอง  ประคำทองตุ้มปี่อาจารย์ลง
 +
แล้วจับเครื่องบวงสรวงสังเวย  ตามเคยเครื่องต้นต้องประสงค์
 +
สายสิญจน์ธูปเทียนเจียนประจง  ฉัตรธงเพดานเอาส่านทำ
 +
ใส่แหวนต่างต่างกระจ่างวาม  สง่างามดูประดิษฐ์พิจิตรขำ
 +
โพกประเจียดประจุเครื่องประจำ  ภควำใส่ยอดมงคลดี
 +
ก้มจับฟ้าฟื้นยืนอ่านเวท  สังเกตคอยฤกษ์ประเสริฐศรี
 +
พอได้ศุภฤกษ์จรลี  ขึ้นพาชีเป่ามนต์เรียกพูตพราย
 +
ปลอดทั้งทักทินยมขัน  ห่วงเฉียงโชคชั้นตวันฉาย
 +
เหลวเหล็กผีหลวงพ้นห่วงร้าย  เร่งพายหน้าหลังกำบังมา
 +
มีดฝานว่านยาทาฝีปาก  ออกจากบ้านตรงเข้าดงป่า
 +
ตั้งจิตต์บริกรรมภาวนา  ตัดมาดงห้วยหนองตะพาน
 +
ถึงหนองจรเข้เพลาค่ำ  ให้ม้ากินหญ้าน้ำเกษมสานต์
 +
แล้วมาถึงบ้านพลับมิทันนาน  ใกล้บ้านขุนช้างเข้าฉับพลัน ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ จึงตัดไม้ทำศาลเพดานดัด  พลีบัตรนั้นทำมาสรรพสรรพ์
 +
ตีเหล็กไฟจุดธูปเทียนพลัน  เอาเครื่องพลีนั้นออกบูชา
 +
วงด้ายสายสิญนจ์โขลนทวาร  แปดด้านแขวนยันต์ทุกทิศา
 +
เอาผ้าผืนเครื่องทั้งนั้นมา  โอมอ่านฤทธาอาคมมนต์
 +
ปลุกเษกชุมนุมเทวดา  ให้ชอุ่มมืดฟ้ามัวฝน
 +
อาราธนาเทวดาทุกตำบล  จอมสกลอิศเรศรแลนารายณ์
 +
อินทราเทวดาศศิธร  ทินกรเวสสุกรรมวรุณฉาย
 +
รามสูรอรชุนแลพระพาย  ขอถวายกรน้อมประนมเชิญ
 +
ทั่วทั้งสินหกห้องสวรรค์ชั้นฟ้า  อิกรุกขาคีรีเขาเขิน
 +
ลำเนาหนองคลองห้วยกรวยโกรกเกริน  เถื่อนเถินปิศาจพระทรงเมือง
 +
ปู่เจ้าจอมภูผาป่าอ้อแดง  เจตคุกเรืองแรงฤทธิ์ลือเลื่อง
 +
ทั้งพระกาลองครักษ์หลักเมือง  ขอเชิญมารับเครื่องพลีกรรม์
 +
แล้วตั้งความสัตย์อธิษฐาน  จงเปนทิพย์พยานประเสริญสรรพ
 +
ขุนช้างมิได้อยู่ในทางธรรม์  สหายกันมันคิดประทุษร้าย
 +
เอาภรรยาของข้าไปชมขวัญ  ซึ่งข้อนั้นข้าก็ดับโมโหหาย
 +
มีเมียใหม่ได้มาไว้แนบกาย  ยังปองร้ายคิดทำให้จำไกล
 +
เสียดส่อต่อเติมเอาความทูล  นเรนทรศูรพิโรธไม่เฝ้าได้
 +
แล้วมิหนำซ้ำให้เอาเมียไป  ปักสดึงอยู่ในนิเวศน์วัง
 +
วันนี้ข้ามาจะตอบแทน  ความแค้นแก้เผ็ดขุนช้างมั่ง
 +
แม้ข้าไม่อยู่ในสัจจัง  เชิญสังหารชีพอย่าได้ไว้
 +
ถ้าข้างขุนช้างกระทำผิด  ขอให้สำเร็จกิจข้าจงได้
 +
เทวาอารักษ์อย่าเข้าใคร  ใครชั่วก็ให้ประจักษ์ตา ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ครานั้นเทพาอารักษ์  สิทธิศักดิ์ปิศาจแกล้วกล้า
 +
ผีภูตโขมดมารยา  ซึ่งมารับสังเวยพลีกรรม์
 +
ปรึกษากันครั้นเห็นว่าขุนช้าง  โหดร้ายใจจางโมหันธ์
 +
ทำลายสหายคิดร้ายกัน  เอาเมียเกลอนั้นมาเคล้าคลึง
 +
มั่งมีเงินทองเสียเปล่าเปล่า  ไม่ตอบแทนคุณเราสักนิดหนึ่ง
 +
ดีแต่จะกินเหล้าแล้วเมาอึง  เข้าของหน่อยหนึ่งไม่ถึงเรา
 +
แต่คุ้มเกรงรักษามาไม่น้อย  คราวนี้จะต้องปล่อยตามทีเขา
 +
ให้สมอ้ายขี้ตืดที่มืดเมา  จะคว้าหาเมียเปล่าไม่รู้ตน ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ขุนแผนแสนเลิศประเสริฐฤทธิ์  ดังอาทิตย์แจ่มแจ้งกระจ่างหน
 +
ปลุกฤทธิ์สิทธิเดชด้วยเวทมนต์  เอิกเริกฤกษ์บนได้ท่วงที
 +
จึงดูนิมิตเมฆฉาย  ดูกายผิวผ่องลอองศรี
 +
ขาวช่วงดังดวงจินดาดี  เปรมปรีดิ์สำอางกระจ่างใจ
 +
จบจับฟ้าฟื้นขึ้นขี่ม้า  พลายกุมารนำหน้ามาไสว
 +
ถึงขอบเขื่อนเขตเรือนเข้าทันใด  ขุนแผนตั้งใจภาวนา
 +
สกดพวกบ่าวเฝ้าประตู  คุดคู้บ่นเพ้อเลมอด่า
 +
ทั้งตัวพันอินท์พัทธยา  เลมอชักตุ้งก่าคว้าเหล็กไฟ ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ครานั้นนางพรายของขุนช้าง  ทั้งห้านางระวังวิ่งไสว
 +
เล็ดลอดสอดมองระมัดไภย  แลไปเห็นคนขี่ม้ามา
 +
บอกกันว่านั่นแน่ขุนแผน  แล้วล่วงแล่นเล็ดลอดละเลิงร่า
 +
ทำจริตบิดเบือนซึ่งกายา  ให้หน้าตาพิลึกสพึงกลัว
 +
สูงดำทมนยืนกั้นม้า  บ้างขึ้นบนต้นหว้าแล้วห้อยหัว
 +
คว่างทิ้งวิ่งเรี่ยบนปลายรั้ว  จับตัวให้ได้อ้ายคนคม
 +
อีคนหนึ่งถลิ้งห้อยหัวเดิร  สูงเกินปลายไม้สยายผม
 +
คึกคึกดังจะแผดแผ่นดินจม  อ้าปากพ่นลมดังไฟกัลป์ ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสท้าน  ปรีชาชาญพริ้งเพริศประเสริฐสรรพ์
 +
เห็นนางพรายรบรุกบุกบัน  กีดกันวงวิ่งเปนสิงคลี
 +
จึงแก้เข้าหอมที่ย้อมว่าน  โอมอ่านพระเวทประเสริฐศรี
 +
ซํดพรายขุนช้างในทันที  ดังอสนีฟอนฟาดจะขาดใจ ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ นางพรายขุนช้างสิ้นทั้งห้า  ดังต้องสายฟ้าไม่ทนได้
 +
ต่างล้มลุกจนซุกซนไป  ปีนขึ้นต้นไม้หักใบบัง
 +
เห็นหนุ่มน้อยหน้านวลชวนชม  ศาสตราอาคมของเขาขลัง
 +
จึงแปลงกายให้เหมือนนางชาววัง  เดิรแอบแยบยังกะทั่งไอ
 +
แฝงคนแล้วถามด้วยความดี  ค่ำมืดป่านนี้จะไปไหน
 +
ประทานโทษเถิดหม่อมนี้ชื่อไร  มาประสงค์สิ่งใดทนงนัก
 +
ชั่งไม่กลัวกองตระเวณที่เกณฑ์เที่ยว  ฉันเปนเสียวใจกลัวแทนหม่อมหนัก
 +
แล้วอย่าแค่นว่าฉันข้อนแสนงอนทัก  เพราะว่ารักดอกจึงห้ามด้วยความกลัว ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ขุนแผนได้ฟังซึ่งแยบยล  น้อยหรือกลดตรึกพลางทางยิ้มหัว
 +
แต่น้องเปนนางในยังไม่กลัว  ตัวพี่นี้เปนชายจะเกรงไย
 +
พี่ขอถามเจ้าบ้างอย่าอางขนาง  ทั้งห้านางนี้น้องอยู่กรมไหน
 +
แม้ประทานจะสนองให้ต้องพระไทย  ไม่อาไลยจานทองสักนิดเลย ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ น้อยหรือกลแยบยลมาลวงหญิง  ชั่งจัดจริงจบเจียวแม่เจ้าเอ๋ย
 +
ใครหลงลิ้นก็จะลอยเปนลมเลย  ถ้าเชื่อเชยชมแล้วก็ชวนเชิง
 +
แต่อย่างฉันนี้หรือสมเปนข้าหลวง  อย่าติล่วงเล่นลิ้นให้ลานเหลิง
 +
ไม่รักเปนชาววังกลัวหลังเปิง  จะอยู่ละเลิงเล่นข้างนอกตามสบาย
 +
ถึงต้องติดเปนข้าท่านขุนช้าง  ก็เหมือนอย่างตัวเปล่าอยู่แหล่หลาย
 +
แม้ว่ายอมตามหม่อมกลัววุ่นวาย  เหมือนทำกรรมใส่กายไม่ต้องการ
 +
มาประสงค์สิ่งใดจะใคร่รู้  จึงมายั้งหยุดอยู่ประตูบ้าน
 +
ถ้าขุนช้างมาเห็นมิเปนการ  เชิญท่านกลับไปอย่าได้ช้า ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ พี่ขอบคุณแล้วที่ข้อรำพรรณแถลง  เจ้าไม่แจ้งจิตต์จงจำนงข้า
 +
พี่จะเล่าให้เจ้าฟังแต่หลังมา  ขุนช้างกับข้าเปนมิตรกัน
 +
บัดนี้เขาพาเจ้าวันทอง  เมียของพี่ไปไว้ชมขวัญ
 +
เสียน้ำสบถคิดคดกัน  มาวันนี้พี่หวังจะแทนทด
 +
จงหลีกให้พี่เข้าไปหน่อยเถิดนาง  อย่ากีดขวางเลยน้องมิต้องขบถ
 +
เกรงอะไรกับอ้ายทรยศ  นี่พี่งดเพราะเจ้าทั้งห้านาง
 +
สามิภักดิ์ต่อนายได้ยากเย็น  ใช้เช่นนี้พี่เห็นเปนผิดอย่าง
 +
อดนอนเดิรนั่งระวังทาง  ใช้นางอย่างนี้มิสมควร
 +
นี่จนใจด้วยเปนข้าเขาข้างนั้น  ถ้าผูกพันกับพี่นี้จะสงวน
 +
จะให้แต่นั่งผัดพักตร์ยักหน้านวล  เชยชวนเจรจาสำราญใจ
 +
แป้งน้ำมันมิให้หมองกระเหม่าม่อย  อีกไม้สอยส้นงาจะหาให้
 +
กระจกแหนบก็จะแอบให้กันไร  จะถึงใจทั้งกระแจะน้ำมันจันทน์ ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ครานั้นนางพรายได้ฟังคำ  ชั่งคมขำแซมสอดทุกสิ่งสรรพ์
 +
นั่งไหว้ทำชม้ายเมียงมัน  เชิงหม่อมว่านั้นเห็นสุดคิด
 +
ด้วยน้องสิอยู่กับท่านขุนช้าง  จะวิ่งวางหนีตัวกลัวความผิด
 +
ซึ่งเมตตาว่าจะพาไปเชยชิด  ก็ควรคิดขอบข้อประคองคุณ
 +
แต่ท่านขุนช้างได้เลี้ยงมา  ไม่ควรเลยที่ข้าจะหันหุน
 +
เห็นเปนตัวน้องนี้เนรคุณ  ต่อท่านขุนช้างที่เลี้ยงมา
 +
อันซึ่งขุนช้างทุจริต  ชอบผิดนั้นไม่รู้ที่จะว่า
 +
จะให้ซ้ำพร่ำโทษท่านเลี้ยงมา  ตัวข้าไปไม่ทำเปนกรรมไป ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ขุนแผนเห็นว่าจะช้าที  ก็คลายคลี่เข้าซัดไปไม่ปราไสย
 +
เจ้าจะยับนะขยับเสียให้ไกล  กลังอกไปพ้นทางอย่าขวางกัน
 +
ว่าแล้วขุนแผนแสนประเสริฐ  เสดาะเปิดกลอนถอนประตูสั่น
 +
เท้าถีบเปิดทวารทั้งสามชั้น  สั่งให้พรายนั้นเร่งเข้าไป
 +
เที่ยวดูผู้คนทุกตำแหน่ง  แอบแฝงหลับตื่นเปนไฉน
 +
คนมีมากน้อยสักเท่าไร  ดูให้สิ้นสุดแล้วกลับมา ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ พรายกุมารรับคำขุนแผนสั่ง  ไม่รอรั้งวิ่งแข่งกันขึ้นหน้า
 +
ประเดี๋ยวหนึ่งถึงเรือนศรพญา  เคหาใหญ่อยู่ประตูกลาง
 +
นอนหลับด้วยกันกับภรรยา  กลับหัวลงมาอยู่ข้างล่าง
 +
เอาก้นเมียต่างหมอนแล้วนอนคราง  ดูกับขุนช้างก็คล้ายกัน
 +
พรายกุมารเล็ดลอดเที่ยวสอดดู  เห็นพวกเฝ้าประตูจับหัวสั่น
 +
อีกเหล่านงยามทั้งสามชั้น  ชวนกันนับคนแล้ววิ่งมา
 +
ถงจึงไหว้บอกกับขุนแผน  บ่าวเข้าเฝ้าแหนอยู่แน่นหนา
 +
ทั้งสามชั้นพร้อมกันคอยตรวจตรา  ชั้นละสิบห้ากำลังนั่งกองไฟ
 +
เรือนทาสรายกลาดรอบรั้วทึบ  พร้อมสพรึบล้อมเรียงรอยเรือนใหญ่
 +
บ้างเล่นหมากรุกสนุกไป  มันตรวจตรากันไม่ให้หลับนอน ฯ
</tpoem>
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
๏ ขุนแผนแสนเลิศประเสริฐฤทธิ์  ไม่วางจิตต์พร่ำสั่งกระซิบสอน
 +
จงกลับเข้าไปชักสลักกลอน  สกดให้นอนหลับใหบไปทุกคน
 +
แต่บันดาผู้คนของขุนช้าง  อย่าได้ว่างเว้นเลยสักแห่งหน
 +
ขนให้สิ้นอย่างทั้งล่างบน  จนสุนัขก็อย่าให้ลืมตา ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นนางพรายกุมารทอง  ต่างคนองกราบไหว้แล้วบ่ายหน้า
 +
วิ่งดังลมพัดสบัดพา  มาทำดังว่าสิ้นทั้งปวง 
 +
บ่าวไพร่ชายหญิงที่ทำการ  บ้างโก้งโค้งคลานเหงาหลับง่วง
 +
เลมอไลมไปว่าโขมยล้วง  ยุดหน่วงไม้พลัดซัดโบยเมีย
 +
มะเปิงเลมอขึ้นโก้งโค้ง  คลำล้วงกระโปรงว่าโพรงเหี้ย
 +
โรงเจ๊กลูกเล็กไว้หางเปีย  เลมอร้องหาเตี่ยอยู่รอบเรือน
 +
บ้างโดดเลมอว่าปักกร่ำ  ลุยบุกน้ำครำถลำเปื้อน
 +
วิปริตผิดเพ้อไปทุกเรือน  ฟั่นเฟื่อนงวยงงด้วยภูตพราย ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิธ  แค้นคิดเกรี้ยวกราดด้วยมาดหมาย
 +
ครั้นสั่งกุมารภูตพราย  ทำคนทั้งหลายให้นิทรา
 +
บ้านขุนช้างเงียบเชียบสงัดเสียง  หลับกายรายเมียงไม่เงยหน้า
 +
ขึ้นม้าผันแปรแลมา  ชมเขตเคหาของขุนช้าง
 +
ขอบนอกนั้นเรือนศรพญา  สอาดตาภูมิฐานกว้างขวาง
 +
ผู้คนนอนกรนเลมอคราง  ดูพลางทางนึกอยู่ในใจ
 +
รุ่งพรุ่งนี้แล้วอ้ายขุนช้าง  จะกอดหมอนนอนครางน้ำตาไหล
 +
วันทองตามันมาเปรมใจ  วันนี้จะได้เห็นหน้ากัน
 +
ขี่ม้าเที่ยวดูมาถ้วนที่  บมีใครทักเธอเพ้อฝัน
 +
มาถึงเรือนใหญ่ขุนช้างพลัน  ผินผันหน้าตรงเข้าหัวนอน
 +
ลงยันต์ปิดม้ายังตาคน  เป่ามนต์ลูบหลังแล้วสั่งสอน
 +
ให้สีหมอกเข้าซอกอยู่เร้นซ่อน  อดนอนแอบบังระวังตัว
 +
สั่งพรายให้ประจำเจ้าขุนช้าง  ทั้งอีนางวันทองคนองผัว
 +
เราปลุกจึงลุกออกจากตัว  อย่าให้เงยหัวทั้งข้าไทย
 +
จึงจุดเทียนสกดเข้าติดเสา  ผีเย่าเฝ้าเรือนไม่อยู่ได้
 +
ขุนแผนกำราบปราบไป  ขับไล่ปรายว่านเข้าสารซ้ำ
 +
 +
ซัดข้ามหลังคาได้สามหน  ผู้คนที่หลับกลับตื่นคล่ำ
 +
แล้วกลับลัมกรนบ่นพึมพำ  เษกมนาวซัดซ้ำกระหน่ำไป
 +
ทิ้งข้ามหลังคาได้สามหน  ขุนช้างหลับกรนไม่ทนได้
 +
กอดวันทองหลับระงับใจ  นางพรายน้อยใหญ่ไม่ละวาง
 +
บ้างช่วยกลิ้งครกเข้าหนุนตีน  ปีนร้านดอกไม้ที่หน้าต่าง
 +
พิศชมต้นไม้นายขุนช้าง  เกลื่อนกระถางเคลือบวางเปนสามชั้น
 +
ต้นส้มมะสังแซมยี่สุ่น  ดอกแก้วหอกกรุ่นพิกุลกลั่น
 +
สมอรัดตัดพุ่มสินเอ็ดชั้น  มขามป่อยขยันเปนฝักงาม
 +
สนสร้อยหางโตตะโกนา  ตะขบข่อยระย้าบ้างสุกห่าม
 +
ยมโดยดอกกลุ่มชอุ่มงาม  ประยงคุ์แย้มแซมซามรบัดใบ
 +
รำดวนดกเด่นช่ออรชร  สารภึเกสรเสียดไสว
 +
สาวหยุดพยอมหอมยวลใจ  กุหลาบกลิ่นไกลปนจำปา
 +
งามกระดังงาจีนกลิ่นหอมเย็น  ดอกดกดูเด่นฟุ้งกลิ่นกล้า
 +
หยุดยืนชมเล่นเห็นจะช้า  เชือนมาชมกระถางอ่างปลาทอง
 +
ว่ายแหวกแถกถาในสาชล  ดำพ่นผุดน้ำแสงเดือนส่อง
 +
ดูกลมเกลี้ยงเกลากลึงประหนึ่งกลอง  ปลาทองผุดดำลำบากคลัน
 +
บ้างก็โปเปาปุ่มเปนยุ่มยอ  ว่ายป๋อหลอเคียงคู่กันดูขัน
 +
กระโดงเข็มกระโดงขามก็ครามครัน  จากนั้นเดิรตรงมาหอกลาง
 +
จึงเสดาะประตูทันที  เที่ยวทุกหอรีแลหอขวาง
 +
ฝูงทาสหลับกลาดนอกหอกลาง  บ้างนอนวิปริตผิดกิริยา
 +
ผ้านุ่งยุ่งปนกับผ้าห่ม  เปิดนมผมปรกลงประบ่า
 +
ดูเปนสมเพชเวทนา  แล้วเดิรมาเห็นห้องหนึ่งชอบกล ฯ
 +
 +
 +
๏ ขุนแผนจึงแวะเข้าไปดู  เห็นม่านน้อยห้อยอยู่ประตูต้น
 +
แล้วมีฉากพับสลับบน  จงกลอรรจกลับวะวับวาม
 +
เปิดม่านเอามือถือค้างไว้  ทนงใจอาจจิตต์ไม่คิดขาม
 +
พิศดูเครื่องห้องลอองงาม  ขันน้ำตั้งพานกระบวยลอย
 +
หีบนากเครื่องคู่กระโถนเคียง  บนม้าเรียงแหนบครบทั้งไม้สรอย
 +
กระจกใหญ่ฉายเฉิดคันฉ่องลอย  พานน้อยเครื่องแป้งนั้นปริกทอง
 +
ราวเช็ดหน้าหีบผ้าเข้าวางแอบ  ด้วยที่แคบรู้การไม่กีดห้อง
 +
หมอนข้างวางเคียงบนเตียงรอง  ก็เปิดมุ้งเห็นน้องขึ้นนั่งชม
 +
เจ้านอนอยู่บนเตียงกจ้อยร่อย  แบบบางร่างน้อยหน้าสวยสม
 +
งามคิ้วผิวเนื้อแลนวลนม  ไรช้ำขำคมอยู่ในที
 +
ดวงหน้าลม้ายคล้ายหน้าเทศ  ดูแก้มดังการเกดยังอ่อนสี
 +
ปากนางอย่างจะยิ้มเยื้อนพาที  คอดังกินรีเมื่อร่อนรา
 +
นิ้วมือลำแขนเหมือนอย่างเขียน  ประจงเจียนดังวิจิตรเลขา
 +
เอวบางอย่างวาดสอาดตา  ทั้งอุรานั้นก็ผายลม้ายที
 +
นุ่งลายห่มผ้าสีนวลน้อย  ดึงนางลอยลิ่งสถานพิมานศรี
 +
หลับสนิธแต่จริตนั้นติดดี  หลากนักนางนี้จะเปนใคร
 +
วงศ์วานว่านเครือของขุนช้าง  หรือญาติข้างวันทองเปนไฉน
 +
จะว่าเมียขุนช้างผิดอย่างไป  นวลเจ้าดูยังไม่ต้องมือชาย
 +
จำจะปลุกให้ลุกขึ้นไต่ถาม  จึงจะแจ้งเนื้อความสิ้นทั้งหลาย
 +
สั่งพรายพรายวางให้นางคลาย  ซ้ำร่ายมนต์แล้วเข้าเคล้าคลึงชม ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยา  นิทราหลับจิตต์สนิธสนม
 +
ฟื้นกายเห็นชายมาลอบชม  จะร้องต้องอาคมมาข่มใจ
 +
ลุกจากเตียงเมียงชม้าย  เอ๊ะชายผู้นี้มาแต่ไหน
 +
อ้อนแอ้นรูปทรงองอาจใจ  จำจะถามไต่ให้แจ้งการ
 +
แฝงม่านแล้วถามเนื้อความไป  ท่านนี้คือใครจึงอาจหาญ
 +
รูปทรงก็ไม่เห็นจะเปนพาล  นี่คิดการอย่างไรจึงเข้ามา ฯ
 +
 +
 +
๏ ขุนแผนฟังวับจับทรวงกระสัล  ชั่งรำพรรณสอดเสียงบ่ายเบี่ยงว่า
 +
พี่มิใช่ชายพาลหาญหยาบช้า  พี่มาติดตามเจ้าวันทอง
 +
ด้วยขุนช้างพานางมาร่วมรัก  พี่ยังไม่รู้จักซึ่งแห่งห้อง
 +
บุญพี่ดลใจได้พบน้อง  สำคัญว่าวันทองมิ่งเมียรัก
 +
ช่างเหมือนสิ้นเหมือนสุดทั้งคิ้วตา  กิริยาหลับนอนก็สมศักดิ์
 +
พี่มานั่งหลงเลยเชยชมพักตร์  ลักลูบจูบน้องคนองใจ
 +
เจ้าต้องมนต์หลับสนิธอยู่  แก้วตาหารู้สึกตัวไม่
 +
อย่าถือโทษโกรธพี่ขออไภย  ช่วยบอกให้ประจักษ์สักสองคำ
 +
นี่เจ้าเปนอะไรกับขุนช้าง  เจ้าอย่าพรางพี่เลยที่ข้อขำ
 +
ขอถามถึงวันทองสักสองคำ  แม่อย่าอำนะช่วยบอกแต่ความจริง ฯ
 +
 +
 +
๏ นางแก้วกิริยาได้ฟังถาม  สดุ้งคร้ามไหวจิตต์ให้คิดกริ่ง
 +
นี่จะเปนขุนแปนแม่นมั่นจริง  ที่จะตามมาชิงท่านวันทอง
 +
วิทยาอาคมเขาหนักหนา  อาจใจเที่ยวมาถึงในห้อง
 +
ให้กลัวขนลุกหนังหัวพอง  เห็นจะเสียวันทองแล้วแน่ใจ
 +
ครั้นจะมิโอนอ่อนรับวอนคำ  เคืองแค้นก็จะทำเหตุใหญ่
 +
เร่งคิคครั่นคร้ามขามไภย  มานี่เจ็บใจด้วยวันทอง
 +
คิดแล้วตอบว่าช่างน่าหัว  มาหลงตัวแล้วมิหนำซ้ำหลงห้อง
 +
ไม่น่าขันเลยว่าฉันเหมือนวันทอง  อย่าซ้องสรรเสริญให้เกินดี
 +
จะชักปัดนี้หรือไปเทียมแก้ว  ก็รู้แล้วว่าแสร้งแกล้งใส่สี
 +
ตัวฉันนั้นมิใช่เปนผู้ดี  ฉันเปนแต่ทาสีแม่วันทอง
 +
บิดาเปนพระยาสุโขไทย  ท่านตกยากเข็ญใจเศร้าหมอง
 +
ขัดเงินไถ่โทษที่จำจอง  จึงเอาน้องมามาขายฝากไว้
 +
เปนเงินตราสิบห้าตำลืง  ถึงปีแล้วก็ยังหาส่งไม่
 +
ชื่อแก้วกิริยามาตกไร้  ฉันบอกแล้วเชิญไปเสียโดยดี
 +
เปนไทยอย่าได้มาคบทาส  ถ้าประมาทก็จะเสื่อมซึ่งศักดิ์ศรี
 +
จะตอบแค้นแทนกันในวันนี้  ตามแต่ท่านผู้ดีจะทำกัน ฯ
 +
 +
 +
๏ ฟังคำร่ำว่าช่างน่ารัก  จะใคร่ลูบจูบพักตรเฉลิมขวัญ
 +
รู้เสงี่ยมเจียมตัวทุกสิ่งอัน  พิไรร่ำรำพรรณน่าเอ็นดู
 +
สมเปนลูกสาวสุโขไทย  น่าสงสารสายใจด้วยไร้คู่
 +
ชายใดได้ร่วมภิรมย์รู้  จะชื่นชูอาลัยทุกเวลา
 +
เจ้ายากก็ไม่มากสักเท่าไร  พี่จะช่วยด้วยใจสเนหา
 +
อย่าว่าแต่ยากเพียงสิบห้า  ถึงห้าชั่งก็จะมาช่วยทุกข์น้อง
 +
ว่าพลางทางแก้ห่อเงินให้  เหลียวจูบลูบไล้อยู่ในห้อง
 +
แม่ช่วยชี้ที่ห้องเจ้าวันทอง  พี่ไม่ลืมคุณน้องคุ้มวันตาย ฯ
 +
 +
 +
๏ นางแก้วกิริยาครั้นได้ฟัง  ชุดนั่งแอบเตียงแล้วเมียงม่าย
 +
ค้อนควักผลักมือด้วยแสนอาย  หม่อมมาทำหยาบคายดีฉันไย
 +
ช่วยทุกข์ช่วยอยากจะเอาบุญ  ทำคุณแล้วจะซ้ำทำโทษให้
 +
ฉันไม่คู่ควรอย่ากวนใจ  ด้วยบิดาสั่งไว้ให้สงวนตัว
 +
ถึงจะยากเย็นแสนเข็ญใจ  ว่ามิให้คบชู้ทำสู่ผัว
 +
มิให้ทำแต่อำเภอใจตัว  ขืนคบชู้ซึ่งผัวไม่เลี้ยงไว้
 +
ให้บิดามารดาข้ารู้ก่อน  ก็จะประสิทธิ์พรอำนวยให้
 +
ได้รับคำสั่งบิดาไว้  ฉันไม่ยอมด้วยได้อย่าพาที
 +
จะเห็นอะไรแก่แก้วกิริยา  เปนคนอนาถาไม่พอที่
 +
เมื่อคู่จิตต์ชิดสมานของท่านมี  ไม่ควรที่เลยจะทำให้จำใจ
 +
พอได้แล้วก็จะสลัดลิ่ว  ไม่รู้ว่าปลิวไปทิศไหน
 +
ข้างฝ่ายฉันก็จะซ้ำระกำใจ  เหมือนติดใบบอยพอให้หลงลม
 +
พอรู้รสก็จะร้างแรมประเวศ  กุสุเมศหมางธารประสานสม
 +
ภุมเรศก็จะเร่เรณูชม  ดวงสุกรมก็จะช้ำระกำกาย
 +
อกฉันก็จะกินกำสรดโศก  แสนวิโยคเหมือนมณีสีสลาย
 +
มิควรข้องก็จะต้องเคืองระคาย  ไม่ควรที่จะอายก็อัปมาน
 +
ไหนเพื่อนข้าเขาจะว่าให้เจ็บจิตต์  ต่อติดเย้ยหยันประจัญจ้าน
 +
ทั้งเจ้าเงินก็จะข้อนแคะประจาน  ให้อัปมานฝูงข้าไปตาปี
 +
ฝ่ายพ่อแม่รู้เรื่องจะเคืองโกรธ  ทำโทษเฆี่ยนขับดังสับสี
 +
หม่อมใช้ก็จะได้แต่เปรมปรีดิ์  ดังขึ้นวิมานตระการทิพย์
 +
ข้างแก้วกิริยาตั้งตาคอย  จะแลลอยคลับคล้ายไปหายฉิบ
 +
แม้นใครรู้ก็จะจู่กันกระซิบ  ตากระหยิบปากด่าใส่หน้าเอา
 +
ว่าเปนข้าแล้วให้ผ้าเหม็นสายสิ้น  ฉันจะผิดหน้าเถียงอย่างไรเล่า
 +
สมน้ำหน้าจัญไรอีใจเบา  จะต้องเอาหนังหุ้มอยู่ตาปี ฯ
 +
 +
 +
๏ ขุนแผนได้ฟังซึ่งน้ำคำ  เฉี่อยฉ่ำแสนสุดสวาทพี่
 +
ซึ่งบิดาน้องสั่งไว้ทั้งนี้  ก็ชอบประเพณีบุราณมา
 +
พี่ไม่ลวงน้องให้หมองสัตย์  จะปรนนิบัติไปตามคำที่ว่า
 +
เพราะใจพี่รักมิตรคิดเวทนา  พี่จึงมาแก้เผ็ดอ้ายขุนช้าง
 +
พี่สกดหลับหมดทั้งเรือนแล้ว  เจ้าแก้วกิริยาปรานีบ้าง
 +
พี่ก็ได้อิงแอบแนบทรวงนาง  จะให้ร้างเลิกกันไม่ทันแล้ว
 +
พี่ขอฝากรักไว้ที่ในน้อง  แล้วจึงจะสนองพระคุณแก้ว
 +
จะไปไหว้เกิดเกล้าของเจ้าแล้ว  นางแก้วกิริยาอย่ากริ่งใจ
 +
ถ้าพี่ลวงน้องให้หมองสัตย์  วิทยาอย่าชงัดสักสิ่งได้
 +
จะทำตามให้งามสมสั่งไว้  พี่ให้สัตย์น้องจงครองรัก
 +
ว่าพลางเปลื้องเครื่องขึ้นแขวนฝา  อุ้มแก้วกิริยาขึ้นวางตัก
 +
พลางตระโบมโลมลูบจูบพักตร  จะผลักเท่าไรไม่ฟังนาง
 +
พระพายชายชวยมารวยริน  ฟุ้งกลิ่นบุปผชาติสอาดกระจ่าง
 +
ฉิวฉิวปลิวชายสไบนาง  พระจันทร์จรแจ่มกระจ่างอยู่พราวพราย
 +
เรื่อเรืองเหลืองใสอยู่ในเมฆ  ดาวช่วงดวงเอกรับเดือนฉาย
 +
ดาวฤกษ์เบิกเมฆอยู่คลับคล้าย  พระพายพัดยิ่งเย็นเปนลมลาง ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยา  ในอุรานึกพรั่นอางขนาง
 +
เกรงใจกลัวไภยท่านขุนช้าง  อิงแอบแนบข้างรำคาญใจ
 +
มาคุมเหงฉันเล่นถึงเช่นนี้  จะพาวันทองหนีจากเรือนใหญ่
 +
ท่านหากจะไปสบายใจ  ฝ่ายฉันจะได้แต่เดือดร้อน
 +
ท่านขุนช้างจะง่านทยานใจ  จะพาลด่าข้าไทยไม่หยุดหย่อน
 +
ไม่เข้าการจะพาลให้พลอยร้อน  คิดรักควักค้อนด้วยงอนใจ ฯ
 +
 +
 +
๏ ขุนแผนจึงว่าแก้วตาเอ๋ย  ไม่หายแคลงบ้างเลยข้อสงไสย
 +
พี่ไม่ล่อลวงเจ้าดวงใจ  ไปแล้วก็จะกลับมารับน้อง
 +
นี่หากมาแก้เผ็ดอ้ายพาลา  ใช่ว่าจะพาไปสมสอง
 +
จะทดแทนแก้แค้นทั้งวันทอง  ดูไปเถิดน้องจะเห็นใจ
 +
ถึงเทวดาเหาะลงมาห้าม  อันจะอดงดความอย่าสงไสย
 +
เจ้าอย่าด่วนแหนงคลางแคลงใจ  พลางกอดจูบลูบไล้อยู่ในที ฯ
 +
 +
 +
๏ ไอ้มีแต่แนมแก้มฉันอย่างเชลย  หม่อมเสบยใจน้องช้ำคล้ำเปนฝี
 +
จงเมตตาเถิดอย่าให้เกินดี  ไม่ปรานีคนยากปิดปากทำ ฯ
 +
 +
 +
๏ ขุนแผนจึงว่าแก้วตาพี่  ชั่งพาทีงอนเหลือแม่เนื้อขำ
 +
พี่แสนรักเจ้าอย่าหักให้ใจจำ  ถึงจะร่ำพิไรคงไม่ฟัง
 +
ว่าพลางกอดกระหวัดรัดรึง  เคล้าคลึงคว้าไขว่ดังใจหวัง
 +
เหมือนนาคารึงรัดกระหวัดวัง  อกทั้งทับสอดมือกอดกลม
 +
กาเมเรรวนปั่นป่วนจิตต์  สองสนิธแนมแนบเกษมสม
 +
ถ้อยทีกอดเกี่ยวกันเกลียวกลม  ต่างภิรมย์ต่างชื่นด้วยแรกชม
 +
พระพายพาคันธรสมารวยรื่น  เหมือนชวนชื่นเชยชิดในเชิงสม
 +
ภุมเรศร่อนประเวศวงเวียนชม  ก็เชยฉมบุษบงประจงชวน
 +
ฟุ้มหอมกล่อมกลั้วกับกลิ่นแก้ม  แกมกลีบเกสรตระหลบหวล
 +
ถนอมชมกอดชิดสนิธนวล  อุ่นอุ่นเหมือนจะชวนให้หลงชม ฯ
 +
 +
 +
๏ นางแก้วกิริยาแรกรู้รส  หลงชดเชยชิดสนิธสนม
 +
ต่างคนต่างสอดกอดกันกลม  สองภิรมย์สำราญเบิกบานใจ
 +
จะสู่สมชมนักจะชักช้า  ไม่สมควรจวนเวลาปัจจุสไสมย
 +
ข่มรักสนิธคิดอาไลย  กอดจูบลูบไล้แล้วบอกความ
 +
ตามสิ่งซึ่งจิตต์ประสงค์มา  นางแก้วกิริยารำพรรณห้าม
 +
พ่ออย่าได้หมายมาดประมาทความ  น้องคิดครั่นคร้ามไปทั้งตัว
 +
แม้นเขาจับได้จะวอดวาย  น้องจะยอมพลอยตายด้วยทูลหัว
 +
ตรอมใจไหนน้องจะเปนตัว  ว่าพลางกอดผัวเข้าร่ำไร ฯ
 +
 +
 +
๏ ขุนแผนถอดแหวนออกจากก้อย  เพ็ชรประดับวงน้อยออกส่งให้
 +
ราคาสิบตำลึงอันพึงใจ  เจ้าเอาไว้ต่างหน้ากว่าจะมา
 +
จับเครื่องที่ถอดนั้นสอดใส่  แล้วควักเงินออกให้อีกสิบห้า
 +
นี่เอาไว้จะได้กินกว่าจะมา  จูบสั่งสอนว่าแล้วคลาไคล
 +
 +
 +
๏ นางแก้วกิริยาสลดจิตต์  นั่งคิดแลตามน้ำตาไหล
 +
ดังใครแคะแขวะล้วนเอาดวงใจ  กลับวิ่งไปยึดผัวด้วยความรัก
 +
หม่อมเอ๋ยกระไรเลยสลัดสละ  เอาดาบฉะเสียเถิดให้คอหัก
 +
น้องจะได้เหือดหายคลายความรัก  สอื้นฮักข้อนอกเข้ารุมรัน ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิธ  นิ่งพินิจดูนางพลางรับขวัญ
 +
ใช่พี่แกล้งเริศร้างห่างจรัล  อย่าโศกศัลย์เลยแม่จงวางมือ
 +
แม้หม่อมยอมกระนี้ไม่ดีแล้ว  ไม่รักจริงทิ้งแก้วเสียแล้วหรือ
 +
ไม่ฟังฉันดึงดันแกะไม้มือ  ฟ้าผ่าเถิดร้องให้อื้อขึ้นสาใจ
 +
โอ้กรรมแล้วเจ้าแก้วกิริยา  อนิจจาเหมือนจะแกล้งแต่งความให้
 +
พี่มิได้ล่อลวงเจ้าดวงใจ  ก็ได้แจ้งจริงไว้แรกมา ฯ
 +
 +
 +
๏ นางแก้วกิริยาได้ฟังคำ  ดังหนึ่งดาบซ้ำเอาเกศา
 +
ไม่รู้ที่จะออกบอกวาจา  ด้วยแจ้งธุระมาแต่เดิมที
 +
นางก้มกราบลงกับฝ่าเท้า  เปลี่ยวเปล่าจิตต์ใจให้หมองศรี
 +
ครั้นจะห้ามปรามนักก็ผิดที่  เมื่อสาระทุกข์ท่านมีก็จนใจ ฯ
 +
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
๏ ขุนแผนพานางมาสู่ห้อง  โลมลอยปลอบน้องอย่าร้องไห้
 +
พี่ไม่ทิ้งขวัญเมืองอย่าเคืองใจ  จากไปไม่ช้าจะกลับมา
 +
ว่าพลางทางลุกออกจากห้อง  เหลียวหลังดูน้องนั่งก้มหน้า
 +
ให้คิดสงสารใจมิใคร่กลา  รื้อคิดแค้นขึ้นมาก็หักใจ
 +
ฉวยถอดฟ้าฟื้นขึ้นหอกลาง  ของขุนช้างสร้างขนไว้ใหม่ใหม่
 +
ที่หอนั่งตั้งฉากพับไว้  กระจกใสใส่อย่างยี่ปุ่นกลาง
 +
รูปฝรั่งนั่งไพล่ในกระจก  นกโนรีแขวนไว้ที่หน้าต่าง
 +
ดูฝรั่งนั้นใคร่ดูตานาง  เหมือนอย่างข้องค้อนงอนดังเปน
 +
นี่ใครหนอฉลาดชั่งวาดเขียน  เวียนดูอยู่พลางทางลูบเล่น
 +
เปิดหน้าต่างเผยรำเพยเย็น  เห็นฝูงหญิงนอนเปนขนัดมา
 +
แล้วเสดาะกลอนเข้าในเรือนใหญ่  ม่านบางกางไว้ทั้งซ้ายขวา
 +
อรรจกลับวับแวมแจ่มแจ้งตา  เห็นลวดลายรจนาคนึงใน
 +
ม่านนี้ฝีมือเจ้าวันทอง  นั่นก็ฝีมือน้องพี่จำได้
 +
ปักเปนรูปเขาพระเมรุไกร  โตใหญ่สูงเยี่ยมมหึมา
 +
มีรูปรามสูรอสุรี  ไล่ชิงมณีเมขลา
 +
ปักเปนองค์พระสุริยา  เสด็จคลาส่องโลกชโลธร
 +
ทรงรถโอภาสประหลาทเลิศ  แสนประเสริฐเทียมเทพไกรสร
 +
แล้วปักเปนองค์พระศศิธร  เสด็จจรแจ่มแจ้งจักรพาฬ
 +
รถทิพย์เทียมม้าพลาหก  บุษบกลอยล่องส่องแสงฉาน
 +
แล้วปักพระอินทรจรจักรวาฬ  สำราญทรงช้างเอราวัณ
 +
มีพระมเหษีทั้งสี่นาง  งามสำอางดังหนึ่งแสร้งประสงค์สรรค์
 +
มีเขาวินัตกนั้นเรียงรัน  อัสสกรรณอิสินธรยุคนธร
 +
แล้วปักเปนไกลาสประหลาทผา  พระอุมากับองค์มหิศร
 +
มีสระอโนดาตอันบวร  พระสี่กรทรงอนันตนาคา
 +
นางลักษณวดีลักษมี  มเหษีบำเรออยู่ซ้ายขวา
 +
มีคนธรรพเทพกินรา  ถัดมาสถานพิมานครุฑ
 +
ทั้งวิทยาธรนารีผล  ติดต้นไม้ใหญ่ลม้ายสุด
 +
รูปร่างแลกับอย่างมนุษย์  มีสมุทรวารีสีทันดร
 +
ฝูงนาคามัจฉาชล่าโลด  ช้างน้ำดำโตดแลสลอน
 +
ชมพลางทางคิดจิตต์อาวรณ์  เอาดาบชอนรานสายกระจายลง
 +
ชมพลางเยื้องย่างไม่อยู่ช้า  ด้วยตรึกตราถึงน้องปองประสงค์
 +
คิดเสียดายมิได้วายสวาทปลง  เดิรตรงหมายมาดพิฆาฏแค้น
 +
เข้ามาถึงม่านที่ชั้นสอง  นี่ก็ตรองปักเลิศประเสริฐแสน
 +
 +
 +
๏ (ฉบับขาด)
 +
 +
ชมพลางทางคิดถึงวันทอง  ให้ขุ่นข้องเคืองแค้นระคายหนัก
 +
ไม่ควรเลยน้องเอ๋ยมาหน่ายรัก  เกรงจะชักช้ามุ่งมาหัวนอน
 +
เห็นขุนช้างสอดกอดนางหลับ  ถอดดาบจะสับสักสิบท่อน
 +
พรายห้ามตัวสั่งใคร่ฟันฟอน  จิตต์ใจค่อนค่อนจะใคร่ฟัน
 +
พรายยึดยิ่งเหี้ยมเตรียมตรมใจ  กูจะฟันมันให้ขาดสะบั้น
 +
ถีบพรายกุมารที่วิ่งกัน  ไว้มันทำไมอ้ายงูพิษ
 +
ฝ่ายพรายกุมารจึงว่า  จะฆ่าเขาทำไมจะได้ผิด
 +
เขาก็เปนข้าเฝ้าเจ้าชีวิต  พระทรงฤทธิ์จะว่าเราไม่ยำเยง
 +
ขุนแผนว่าจะผิดให้ผิดไป  ให้สาสมแก่ใจมันคุมเหง
 +
อาจทำกูได้มันไม่เกรง  ใช่การของเองกูแค้นนัก
 +
ถีบขุนช้างที่หว่างอก  พลัดตกจากเตียงเสียงดังอัก
 +
ทุดทำแก่กูดูหมิ่นนัก  เมียกูมึงลักมาแนบนอน
 +
ขุนแผนพิศดูเจ้าวันทอง  เห็นน้องแล้วทอดคฤไทยถอน
 +
ไม่ควรเลยน้องเอ๋ยให้แนบนอน  น่าใคร่ช้อนหยิกขาให้สาแค้น
 +
วันทองเนื้อนิดหนึ่งเท่านี้  จะแบบบี้ลงด้วยมันเปนมั่นแม่น
 +
เนื้อนวลเจ้าไม่ควรจะบี้แบน  พี่คิดแค้นด้วยมันนั้นเปนแรง
 +
แก้มเปล่งเพ่งพิศไปจนทรวง  ทั้งนมพวงสักนิดไม่มีแขง
 +
พอสมใจน้องน้อยเมื่อพลอยแล้ง  ไม่แอบแฝงชื่นชมด้วยคนใด
 +
ไม่เข้าหอรอท่าจนทัพกลับ  พี่ก็นับว่าเจ้าดีคนหนึ่งได้
 +
ชมว่าดีกลับซ้ำระยำไป  น่าใคร่แหวะอกใจออกเพ่งพิศ
 +
เมื่อคราวอยู่กับพี่ถนอมนัก  แต่ต้องหนักเกรงน้องจะหมองจิตต์
 +
นิ่งให้มันกอดปล้ำทำโดยฤทธิ์  จะมีดีที่จะติดเอาตัวใย
 +
ทั้งอีเถ้าศรีประจันแม่มันเปนเอง  ไม่เกรงดายกูดูหมิ่นได้
 +
ชอบทำอีแม่แล่อกใจ  สับสับออกให้แร้งกากิน
 +
เอาดาบเคาะเยาะหัวขุนช้าง  อ้ายยาจกมัวครางมุดหัวดิ้น
 +
ทั้งอีเถ้าเทพทองคนองลิ้น  ดูหมิ่นกูยิ่งกว่าเด็กน้อย
 +
นี่แม่ยายพี่ชายไปอยู่ไหน  จึงไม่มาดูดแต่สักหน่อย
 +
อีนางแม่ดีแต่นั่งตะบอย  เอาดาบต่อยหัวเคาะดังหัวปลา
 +
หัวลูกขุนช้างจะเปนแผล  สมน้ำหน้าแม่จะเอาหน้า
 +
ทุดซึ่งอ้ายพันศรพญา  ถ้ามีเกรงพระพันวสาไม่ไว้มึง
 +
ทุดช่างทุดมุดหัวนอนดังขอนไม้  พุงพองท้องใสอลึ่งฉึ่ง
 +
ดาบกูจะโบยซึ่งหัวมึง  อ้ายอิ่งอ่างนอนหลับไม่รู้ตัว
 +
โกนหัวสมาแถวตลอดขวัญ  เอามินหม้อน้ำมันขึ้นเขียนหัว
 +
เปนนกตะกรุมสุ่มปลามาห้าตัว  เอาปลาสดลุกหัวให้แมวเลีย
 +
แล้วขอดขนอกเอาชาดหมาย  ทำเหมือนเปื้อนป้ายออกรายเรี่ย
 +
ให้สมอ้ายติดปลักลักชมเมีย  ก็ทำเล่นส่ำเสียอ้ายชาติงัว
 +
นี่หากกุมารเขาห้ามไว้  หาไม่ไอ้รูปงามจะขาดหัว
 +
สั่งพรายคลางวางนางฟื้นตัว  เจ้าลุกขึ้นดูผัวเถิดขันครัน ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภา  นิทราหลับเพ้อเลมอฝัน
 +
สดุ้งตกใจตื่นฟื้นตัวพลัน  ผวากอดสำคัญว่าขุนช้าง
 +
ยังเพ้อเลมอมัวตน  ด้วยต้องมนต์ดลยังไม่ส่าง
 +
กอดขุนแผนไว้ไม่ละวาง  หวั่นไหวใจนางยังมึนตึง
 +
ว่าเจ้าคุณเอ๋ยน้องอัศจรรย์  ช่วยทำนายทายฝันให้หน่อยหนึ่ง
 +
ในฝันว่าเจ้าสุมเท่ารึง  ประเดี๋ยวหนึ่งไหม้มุ้งข้างหัวนอน
 +
วูบวาบปลาบเปลวถึงหลังคา  แล้วตกมาไหม้ฟูกตลอดหมอน
 +
ถูกเนื้อตัวลวกพองรนร้อน  ลามไหม้ฟากกลอนลงย่อยยับ
 +
ตกถูกเร่าร้อนทั้งกายา  ก็ไม่มีใครมาช่วยดับ
 +
แสงเพลิงลุกลามวาบวามวับ  ตัวน้องราวกับจะสิ้นใจ
 +
เชิญช่วยทำนายให้จงดี  เช่นนี้หาเคยจะฝันไม่
 +
ในฝันว่าน้องนี้ร่ำไร  ตกใจจนตื่นขึ้นมาพลัน ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิธ  แค้นคิดชังนางพลางแก้ฝัน
 +
ลูบอกแล้วว่าอย่าจาบัลย์  ความฝันดีดอกมิเปนไร
 +
ซึ่งฝันว่าไฟนั้นไหม้มุ้ง  พลุ่งขึ้นติดกลอนฟูกหมอนไหม้
 +
นั้นว่าจะได้อยู่เรอนใหม่  มีผู้จะให้ฟูกหมอนเรา
 +
ซึ่งตกถูกเนื้อตัวหัวรนร้อน  จะต้องไกลเตียงนอนฟูกหมอนเก่า
 +
ซึ่งฝันว่าร่ำไรใจร้อนเร่า  นั้นมิ่งมิตรเก่าจะมาชม
 +
เจ้าจะได้เกลียดไกลอ้ายคนชั่ว  ผัวเก่าน้องนั้นจะสู่สม
 +
ทุกข์สุขเจ้าอย่าปรารมภ์  กอดจูบลูกบชมให้ชื่นใจ ฯ
 +
 +
 +
๏ วันทองนอนฟังซึ่งสำเนียง  ผิดเสียงขุนช้างยิ่งสงไสย
 +
แคลงคลำเนื้อตัวทั่วอกใจ  เอ๊ะใครนี่ผิดเจ้าขุนช้าง
 +
เมื่อพ่วงพีมีขนอกดกคางเครา  นี่ใครเล่าจึงซูบผิดรูปร่าง
 +
ฟุ้งกลิ่นกระแจะจันทน์ทั่วสรรพางค์  ไม่เหมือนอย่างเคยกลิ่นกินสุรา
 +
ข้อมือน้อยนิดหนึ่งสักครึ่งกำ  ไม่มีล่ำโตใหญ่ใจชล่า
 +
ขึ้นมาถึงบนเตียงเคียงนิทรา  นางผวาพลิกกลับด้วยตกใจ
 +
พิศดูเปนครู่รู้จักหน้า  ยิ่งประหม่าตัวสั่นอยู่หวั่นไหว
 +
แลหาผัวตนลุกลนไป  เห็นขุนช้างหลับใหลอยู่ใต้เตียง
 +
หัวหูยับย่อยเปนรอยมีด  นางตกใจร้องกรีดขึ้นสุดเสียง
 +
วิ่งเข้ากอดขุนช้างที่ข้างเตียง  ร้องเรียกสุดเสียงไม่ตื่นเลย ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าขุนแผน  คิดแค้นจึงว่าวันทองเอ๋ย
 +
อย่าเฝ้าสั่นปลุกให้มันลุกเลย  เจ้าเงยหน้าทักพี่บ้างเปนไร
 +
หรือเห็นว่าข้าคนอนาถา  ไม่ผินผันหันหน้ามาปราไสย
 +
เพราะเจ้ามีเงินทองกองสัดสนัดใจ  ไม่อาไลยเพื่อนยากที่จากเลย
 +
เราพูดกันที่ใต้กระทุ่มเตี้ย  นั้นลืมเสียสิ้นแล้วหรือน้องเอ๋ย
 +
ชั่งไม่จำให้แม่นยำบ้างเลย  ลืมเกยกะเฌอนอนต่างหมอนรอง
 +
ลืมสิ้นกินน้ำด้วยใบบอน  ลืมนอนใบไม้มากั้นห้อง
 +
อาภัพหลับไปใบไผ่รอง  หมากซีกผ่าสองออกสู่กัน
 +
อนิจจาคราวรวยพี่มาหา  แต่จะแลดูหน้ามิอยากผัน
 +
แล้วมิหน่ำซ้ำช่างปลุกสั่นกัน  จะให้ตื่นขึ้นฟันด้วยดาบเพ็ชร
 +
ชิจิตต์ชะใจเจ้าวันทอง  นิจจาน้องชั่งตัดพี่ขาดเด็ด
 +
รักขุนกินโคนจนหมดเม็ด  ตัดเด็ดยวกปลีไม่มีใย
 +
ถึงคราวบินเจ้าไม่ผินมาดูหลัง  จะคิดถึงเรามั่งหามีไม่
 +
สงสารแขนซ้ายบ้างเปนไร  จะคอดขาดเสียเพราะให้เจ้าหนุนนอน ฯ
 +
 +
 +
๏ วันทองฟังคำเจ้าขุนแผน  แสนแค้นโศกาไม่หยุดหย่อน
 +
นางประเทียบเปรียบผัวชั่งมัวนอน  หยิกผลักควักค้อนแล้วว่าไป
 +
นี่มาทำไมเล่าเจ้าขุนช้าง  สิอวดอ้างว่าหารักเลี้ยงข้าไม่
 +
แล้วกลับมาหลับนิ่งอยู่ทำไม  แกล้งทำหลับกระไรไม่รู้ตัว
 +
คิดมาอนึ่งก็น่าแค้น  คิดหายหึงส์แค่นน่าใคร่หัว
 +
ให้น่าอายเปนชายอยู่ทั้งตัว  ชั่งไม่กลัวที่เขาจะไยไพ
 +
คราวโมโหโวหารทยานอีก  อีวันทองมึงอย่านึกหารักใคร่
 +
ไม่ขออ้อนวอนมึงอีกต่อไป  ก็นี่ใครเล่าไปเชิญให้เจ้ามา
 +
ชะมีเสียทีที่พ่อนี้เปนชาย  ไม่เสียดายความสัตย์ที่ตัวว่า
 +
แต่เราเปนผู้หญิงจะดีกว่า  ที่จะเสียวาจาอย่าพึ่งนึก ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสท้าน  ปรีชาชาญหาญครบทั้งรบศึก
 +
ฟังคำแค้นคั่งนั่งนิ่งนึก  กลับระลึกขึ้นได้ก็ว่าไป
 +
นี่แน่ว่ากันออกให้ชัด  ว่าข้าเสียความสัตย์ที่ตรงไหน
 +
เปนธรรมดาว่ากันด้วยขัดใจ  เดี๋ยวนี้ที่ใครเปนทองแดง
 +
นึกว่าหงส์ก็จะจงแต่ศีขเรศ  ตามเพศวิไสยเคยแสวง
 +
มิรู้กาพาหงส์มาหลงแปลง  ตามแหล่งแลเล่นไม่เห็นรอย
 +
เพียงรู้เรื่องความเคืองขึ้นคับอก  น้ำตาพี่นี้ตกลงผอยผอย
 +
ยิ่งขุนช้างทูลข้าได้หน้าลอย  เจ้าก็พลอยห่างเหินสเทินที
 +
ก็แจ้งจิตต์แล้วว่ามิตรห่างสวาท  พอพบพักตรเจ้าก็ผาดผินหน้าหนี
 +
เออกระนั้นดอกหรือใจกะสัตรี  เปนราคีมัวมืดไม่ยืดยาว
 +
เหมือนจุฬาคว้าตกติดดักเดี้ย  พอสบเสียคราวสั้นไม่ทันสาว
 +
ท่านก็วิ่งรอกรันไปจนราว  นางปักเป้าพันน้อยก็ลอยปลิว
 +
พี่หวังจิตต์ว่าจะคิดถึงความหลัง  พี่เฝ้าตั้งหน้าคอยละห้อยหิว
 +
จนด้านหน้ามาเรือนกลับเชือนพลิ้ว  ชักหน้านิ่วพานโกรธพิโรธเรียม
 +
ดูตาก็ไม่ตอบให้เต็มตา  อนิจจาทำได้ไม่อายเหนียม
 +
จะว่านักเปนจักระดี้เดียม  เหมือนธรรมเนียมข่มเขาให้โคยอม
 +
เพราะมีที่หวังจึงนั่งหยัด  ชมสมบัติหม่อมผัวจนตัวผอม
 +
รูปพี่พานชั่วเห็นตัวมอม  ไม่เหมือนหม่อนขุนช้างที่ใจจง
 +
ได้ผัวดีมีทรัพย์เขานับถือ  กระนั้นหรือหม่อมแม่มิแร่หลง
 +
ล้มลุกเจ้าก็คอยทำลอยทรง  พิศวงหวังสวาทไม่ขาดแล
 +
เพียงเดี๋ยวนี้ยังเห็นว่าเอนเซ  สมคเนแล้วกระนั้นสิหม่อมแม่
 +
ดูผ่องฟ้าหน้าผากเปนปากแตร  พักตราแม่เหมือนเพ็งไม่เปล่งทัน
 +
พี่ยังจำคำสัตย์ที่ไร่ฝ้าย  สู้ตายมิได้ร้างภิรมย์ขวัญ
 +
คงจะอยู่เคียงให้เที่ยงธรรม์  อันตัวนั้นไม่คิดเปนสองใจ
 +
ถึงชายอื่นลอยฟ้าลงมาแล้ว  ถ้านอกจากหม่อมแก้วหารักไม่
 +
นี่นิ่งให้มันก่ายด้วยอันใด  หากไม่ลุกได้ในทันที
 +
ถ้ามันเห็นพี่เมื่อจูบเจ้า  ตายเปล่าขาดเด็ดแล้วคอพี่
 +
ไม่เห็นเลยว่าจะเปนถึงเช่นนี้  ชั่งเสียทีหลงชมอารมณ์รัก ฯ
 +
 +
 +
๏ คะกระนั้นแลฉันมันชาติชั่ว  มืดมัวลามกตกปลัก
 +
ก็เพราะใครหักหาญราญร้างรัก  ฮึกฮักชักดาบจะฆ่าฟัน
 +
แม่น้อยใจจึงให้เขาข้างนี้  ละอายไยไม่ดีกระไรนั่น
 +
เมื่อต่างคนต่างไม่อาไลยกัน  ร่ำไปนั้นจะมาค่อนพรรณา
 +
ถึงใครดีประกอบก็ชั่งเจ้า  ข้าเล่าอยู่ตามประสาข้า
 +
ถึงใครไปย่ำยีบีฑา  หักหน้าคุมเหงเจ้าอย่างไร
 +
เปนความสัตย์เถิดเจ้าอันจิตต์ข้า  ถึงจะว่าก็หาเห็นจริงด้วยไม่
 +
ทุกวันฉันวันทองเปนสองใจ  ยังอาไลยคิดถึงคนึงครวญ
 +
แต่ข้างเจ้าอีกได้นางลาวทอง  ไม่มีคิดถึงน้องเลยสักส่วน
 +
เปนด้วยผลกรรมมาจำกวน  จะรีรวนลำเลิกกันทำไม
 +
ที่ไร่ฝ้ายนั้นข้าให้สัตย์เจ้า  ก็ใครเล่าว่าหาทิ้งขว้างข้าไม่
 +
จึงเก็บของวันทองลอยให้ไป  ไม่นึกได้หรือที่ได้ทำสินสอด
 +
ไม่หลงลิ้นเล่ห์ลมที่ไร่ฝ้าย  ฝ่ายชายหรือจะได้วันทองกอด
 +
เอาเงินตัวให้ผัวทำสินสอด  คราวพี่ทีกอดสิจึงกัดสนัดใจ ฯ
 +
 +
 +
๏ เออนี่แน่คะท่านผู้หญิง  ข้าหาเถียงว่าจริงไปได้ไม่
 +
ก็ใครอ้อนวอนข้าให้ขอใคร  พลอยเอาเงินให้มาทำทุน
 +
วันเจ้ากับข้าวิวาทกัน  หุนหันมาอยู่กับหม่อมขุน
 +
นั้นข้าเก็บเอาไปได้กี่ดุล  หรือยังไม่คุ้มทุนที่ให้ไป
 +
รู้แล้วว่าเจ้านั้นรักข้า  ถึงทุกวันยังหาสิ้นรักไม่
 +
รักจนเลมอเพ้อพึมไป  กอดแก้ฝันให้หม่อมขุนฟัง
 +
แต่มาง้อจะขอคืนสนิธ  ยังเบือนบิดชักหน้าตะแคงหลัง
 +
นั่นหรือรักหากแกล้งเปนเชิงชัง  แต่จะนั่งพูดด้วยก็ไม่มี
 +
เพราะใจเจ้ารักขุนช้างเถื่อน  เห็นข้าเข้าจึงเชือนสบัดหนี
 +
เจ้าอย่าพักแต่งพูดเอาแต่ดี  ผืนม่านยังมีเปนสำคัญ
 +
เพราะมาสาพิภักดิ์ต่อขุนช้าง  จึงนั่งปักม่ายบางทุกสิ่งสรรพ์
 +
ลอยนวลแต่ล้วนเรื่องสำคัญ  หาไม่ม่านสามชั้นฝีมือใคร ฯ
 +
 +
 +
๏ ทำไมจะมาค่อนพิไรว่า  ก็เมื่อก่อนนั้นข้าหาทำไม่
 +
ปักเล่นตามไม่สบายใจ  หรือพลอยพาเอาไหมของใครเปลือง
 +
ข้าโง่ปักตามประสาโง่  ไม่โอ่โยอ้างอวดประกวดเรื่อง
 +
ด้วยไม่ช่างเหมือนอย่างแม่ศรีเมือง  ยักเยื้องเอาตามอารมณ์รัก
 +
เมียหม่อมก็เปนช่างสดึง  เปนไรมิขึงม่านให้กันปัก
 +
ช่วยกันคิดเรื่องทำเยื้องยัก  ปักปักแล้วก็ชวนกันมองดู
 +
นั่งปักนอนปักสักสามปี  หรือใครว่าจู้จี้ให้เคืองหู
 +
เมื่อแรกมาตัวข้าไม่ทันดู  คิดว่าจะจู่กระโจมฟัน
 +
เมื่อคราวเลิกทัพกลับเชียงทอง  จนทุกวันนี้น้องยังนอนฝัน
 +
แม้หม่อมมาหาเพลากลางวัน  เปนไรนั่นจะไม่ทักกันโดยดี ฯ
 +
 +
 +
๏ ชิชะถ้อยคำเจ้าวันทอง  เจ้าชั่งกรองสอยแซมเส้นเกศี
 +
เพราะว่าบ่าวไพร่ข้าไม่มี  จะได้ขี่คานหามมากลางวัน
 +
คุณชายนายเจ้าจะได้ทัก  ไม่พักผลักชักหน้าสบัดผัน
 +
แล้วทั้งนายประตูอยู่หลายชั้น  จะไม่ผันผ่อนให้พี่เข้ามา
 +
นี่สุดรักรวยรัดมาหาน้อง  จะต้องลุกระโทษซึ่งโทสา
 +
ใช่จะทำหุนหันด้วยฉันทา  แก้วตาอย่าได้คิดระแวงเลย
 +
เปนกรรมเราดอกนะเจ้าเมื่อวันนั้น  วิวาทกันไม่ควรดอกน้องเอ๋ย
 +
ไม่ต้องร้างแรมนิวาสสวาทเชย  พี่นอนเกยนลาตนิ่งตลึง
 +
โดยแค้นสุดแสนถึงอยู่บ้าน  ไม่สำราญมีจิตต์นั้นคิดถึง
 +
แสนเสียดายมิได้วายคลายคนึง  พอมาถึงทอดถอนฤไทยครวญ
 +
จึงด้านหน้าหวังว่าจะงอนง้อ  โลมชลอร่วมรักภิรมย์สงวน
 +
เจ้าอย่าได้ร้างรักให้รักรวน  จงคิดทวนบ้างเถิดเจ้าวันทอง ฯ
 +
 +
นี่อย่าว่าเลยคะหม่อมมิตรจิตต์  ฉันก็คิดว่าหม่อมตรอมมัวหมอง
 +
สู้ครองตัวท่าผัวอยู่ในห้อง  จนเลิกทัพเชียงทองกลับลงมา
 +
ก็ดีใจว่าจะไกลเจ้าขุนช้าง  อุส่าห์สร่างกลั้นโศกลงไปหา
 +
ควรหรือพ่อทูลหัวไม่กรุณา  ให้เมียลาวนั้นว่าสารพัน
 +
แล้วมิหนำหม่อมซ้ำชักดาบไล่  จะฆ่าให้วันทองชีวาสัญ
 +
หากพี่สายทองลงไปทัน  พ่อหั้มหั่นบั้นรอญไม่มีไย
 +
ถึงกระนั้นเล่าน้องยังครองสัตย์  หาสลัดเอาใจออกหากไม่
 +
เพราะเขาร่ายมนต์ทับน้องหลับไป  จึงได้เสียตัวด้วยขุนช้าง
 +
เมื่อบัดนี้สิตัวได้ชั่วแล้ว  จะกลับรกพี่แก้วก็ผิดอย่าง
 +
โปรดเถิดเจ้าประคุณอย่าระคาง  เปนกุศลเราสร้างเท่านั้นไว้
 +
จงเด็ดรักเสียให้ขาดสวาทเถิด  อันหญิงอื่นงามเลิศมีไหนไหน
 +
น้องจะกราบฝ่าเท้าทุกวันไป  คำนับไหว้ว่าพี่ร่วมอุทร ฯ
 +
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
๏ อนิจจานิจจาเจ้าวันทอง  ใจน้องมิเหมือนมาแต่ก่อน
 +
พี่แสนสวาทมิรู้วายถวิลวอน  ควรหรือตัดรอนไม่นำพา
 +
รูปร่างขุนช้างก็อัปลักษณ์  อย่างไรเจ้าจึงรักมันหนักหนา
 +
ไม่คิดถึงเพื่อนยากที่จากมา  เอาเถิดพี่จะฆ่าอ้ายขุนช้าง
 +
ให้สิ้นห่วงบ่วงใยของสายสวาท  จะหั้มหั่นให้ขาดเปนสองข้าง
 +
จะได้สิ้นอาไลยในใจนาง  คว้าดาบยืนคว้างจะฆ่าฟัน ฯ
 +
 +
 +
๏ วันทองร้องกรีดหวีดกลัว  ทอดตัวทับขุนช้างกางกั้น
 +
ร้องขอโทษพลางทางตัวสั่น  ว่าฆ่าฟันทำไมให้เปนกรรม
 +
คนพันนี้นี่หรือจะต่อสู้  จนคุดคู้พินาสคาดคอคว่ำ
 +
ตัวฉันแนะจะยอมให้หม่อมทำ  เชิญห้ำหั่นฉันเถิดที่ขัดใจ
 +
พ่อฆ่าน้องเสียเถิดน้องไม่ว่า  เมื่อชาติหน้าน้องขอพบพ่อแก้วใหม่
 +
อันในชาตินี้น้องจนใจ  ซึ่งจะกลับคืนไปสมานรัก
 +
เหมือนถ้วยจานรานร้าวเอากาวติด  ถึงสนิธก็ยังเห็นรอยประจักษ์
 +
แลดูหน้าก็จะว่าทรลักษณ์  ไม่เลือกพักตรครองชายเปนสองคน
 +
ถ้ารักฉันวันทองเช่นน้องเถิด  จะประเสริฐเปนสุขสุภผล
 +
หรือจะเอาเมียงามสักสามคน  น้องจะค้นหาให้ดังใจปอง ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าขุนแผน  คลายแค้นจึงตอบคำสนอง
 +
เจ้าปลื้มใจพี่ก็ได้ภิรมย์ครอง  จะนับเปนพี่น้องได้ฉันใด
 +
นี่ถ้าเราจะมีลูกด้วยกัน  สักสองสามคนนั้นก็พอได้
 +
เมื่อมิสมัครรักพี่ก็แล้วไป  จะหาคนอื่นให้ทำไมมี
 +
ถึงได้นางต่างอื่นสักหมื่นพักตร  นรลักษณ์เลิศโฉมประโลกศรี
 +
มาแลกกับวันทองคนเดียวนี้  เปนความสัตย์เถิดพี่ไม่แลกเลย
 +
คำบุราณท่านว่ามิตรจิตต์  จะมิผิดเสียหรือน้องวันทองเอ๋ย
 +
เมื่อสูญสิ้นเยื่อใยอาไลยเลย  ค่อยอยู่เถิดทรามเชยพี่ขอลา
 +
บุญน้อยมิได้แนบสเน่ห์น้อง  พี่ขอลาวันทองไปสู่ป่า
 +
เหมือนอิเหนาเที่ยวตามบุษบา  มิให้คนเห็นหน้าพี่สืบไป
 +
ว่าพลางทางร่ายพระคาถา  ผูกจิตต์วิญญาหาช้าไม่
 +
ลูบหลังวันทองยองใย  ซ้ำเป่าไปด้วยมนต์มหาลลวย
 +
ทำลุกเชือนเสมือนจะไปจริง  วันทองวิ่งร้องว่าฉันจะไปด้วย
 +
คอยท่าน้องจะเอาของแต่งตัวรวย  เปนเพื่อนม้วยหม่อมแก้วที่กลางไพร ฯ
 +
 +
 +
๏ ขุนแผนยืนหยุดคอยท่า  วันทองรีบมาในห้องใหญ่
 +
จึงหยิบเอาเทียนไปจุดไฟ  จับกุญแจไขกำปั่นยนต์
 +
เลือกแหวนพลุกพล่านลนลานจิตต์  แต่ปิดปิดเปิดเปิดอยู่หลายหน
 +
ไม่เอาเล่าก็คิดเสียดายพ้น  ครั้นจะขนเอาให้หมดก็มากนัก
 +
ทั้งสอิ้งสังวาลย์ตุ้มหูเพ็ชร  นางแกะเกล็ดเอาแต่ยอดไม่สู้หนัก
 +
เงินทองของอื่นก็หนักนัก  เลือกที่เต็มรักจึงเอาไป
 +
แล้วรีบเร่งไขกำปั่นกลาง  ดูผ้าหลายอย่างหาเอาไม่
 +
จะไม่พ้นแก้จนที่กลางไพร  เลือกแต่ล้วนผ้าไหมยกทอง
 +
นาคเกี่ยวกระวัดหางของนางทอ  อิเหนาขอบุษบาประจำช่อง
 +
ปักเปนรูปชุนรัตน์ขี่กวางทอง  แนบน้องนุชนางกินรี
 +
กลางผืนเปนรูปพระยาครุฑ  สมนุชในห้องปราสาทศรี
 +
แล้วสุบรรณลักพาแก้วกากี  ไปพิมานฉิมพลีสำราญรมย์
 +
ลางผืนเปนรูปอุณรุท  แนบนุชอุดสาเกษมสม
 +
เปนรูปสัตว์โสภาดูน่าชม  แล้วมาเลือกผ้าห่มที่หีบใน
 +
แพรชมภูทับทิมม่วงเขียวขาว  เปนระนาววันทองหาต้องไม่
 +
เลือกเอาแต่ตาดเข้มขายไป  พอจะได้ห่มนอนที่กลางทาง
 +
เลือกผ้าเที่ยวช้าอยู่ในห้อง  จนมนต์ต้องตัวนั้นค่อยเสื่อมส่าง
 +
กลับคืนคำนึงถึงขุนช้าง  วางของเสียนางทอดตัวครวญ
 +
อนิจจาเวทนาเจ้าช้างเอ๋ย  จะชวดเชยภิรมย์ชมสงวน
 +
เรียกเมียแต่ล้วนแม่ทุกคำควร  ไม่ลามลวนให้น้องหมองใจเลย
 +
สารพัดจัดหาให้ทุกสิ่ง  พ่อรักเมียจริงจริงเจ้าขุนเอ๋ย
 +
เมียจะเอาอะไรไม่ขัดเลย  พ่อทูลหัวเมียเอ๋ยเมียจนใจ
 +
ทั้งคุณผีคุณคนแล้วยลซ้ำ  พ่อรักจักจำเปนไฉน
 +
ช้อนทรวงกลิ้งเกลือกเสือกไป  ร้องไห้ไม่เปนสมประดี
 +
แล้วนางตริตรึกนึกขึ้นได้  จึงร่ำบลเป็ดไก่แก่ฝูงผี
 +
ผีพรายช่วยพลันให้ทันที  ให้ผัวน้องนี้ได้ตื่นตน
 +
น้องจะให้พี่กินเป็ดปากทอง  ไก่ของพแนงแกงทั้งขน
 +
แม้นมิได้กินของซึ่งสินบล  จงผลาญให้สิ้นชนม์เถิดอย่าไว้ ฯ
 +
 +
 +
 +
๏ ครานั้นพรายของกุมารทอง  ยิ้มย่องยินดีทั้งน้อยใหญ่
 +
บอกชื่อเป็ดไก่น้ำลายไหล  อยากไก่พแนงก็รับเอา
 +
ฟื้นขึ้นกูจะกินให้อิ่มหนำ  แล้วจะทำให้หลับเสียดังเก่า
 +
จะลวกกินเหล้าเข้มให้เต็มเมา  พลางทุเลาให้ตื่นฟื้นตัวพลัน ฯ
 +
 +
 +
๏ ขุนช้างครั้นตื่นฟื้นกาย  วุ่นวายหลงเพ้อเลมอฝัน
 +
มือลูบกลับหัวตัวสั่นยัน  เจ้าวันทองเอ๋ยกอดพี่เข้าไว้
 +
หลงกอดหมอนข้างว่านางน้อง  นี่แก้มวันทองหรือมิใช่
 +
ครั่นเนื้อครั่นตัวผัวพ้นใจ  นอนนิ่งเสียได้ไม่เยียดมา
 +
คิดจะใคร่ได้สมชมน้อง  ให้หนักดังทับต้องแผ่นผา
 +
กอดหมอนนอนกระซิบเจรจา  ขุนแผนมันจะมาพาแม่ไป
 +
แม้กล้าเข้ามาถึงในห้อง  จะแทงให้ไส้กองออกให้ได้
 +
พูดเพ้อเลมอบ่นพึมไป  ไม่ลืมตาขึ้นได้มัวหาวนอน ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิธ  แค้นคิดใคร่สับสักพันท่อน
 +
เหม่ดูดู๋พรายอีเพื่อนร้อน  มึงไม่กลัวโทษกรณ์สักนิดเลย
 +
อย่าได้ให้พ่อมึงฟื้นตัว  ระวังหัวจะฉิบหายอีพรายเอ๋ย
 +
อยากไก่ไม่คิดชีวิตเลย  ทำเล่นเฉยเฉยเชลยใจ
 +
มัดตีด้วยไม้หวายแซ่  ชาติชั่วเห็นแต่จะกินไก่
 +
แต่มิให้อดอยากลำบากใจ  ยังควรทำกูได้ไม่เกรงกลัว
 +
พรายกรีดหวีดร้องขอโทษ  ได้โปรดเถิดเจ้าประคุณพ่อทูลหัว
 +
ทำเล่นดอกพ่อพอฟื้นตัว  แล้วจะกดหัวทับลงไว้
 +
ทีนี้ลูกหลาบจำไม่ทำแล้ว  ถึงไก่แก้วก็หารับสินบลไม่
 +
แม้นไม่หลาบจำทำสืบไป  อย่าไว้ชีวิตเลยในคราวนี้
 +
ขุนแผนได้ฟังพรายขอโทษ  หายโกรธแก้มัดเสียทั้งสี่
 +
ชิกวนใจวันทองมิเสียที  บลผีให้ผัวตื่นชื่นบานใจ
 +
ผัวแทงไส้ข้าออกรายเรี่ย  เฉยเสียวานช่วยมายัดไส้
 +
นี่เขาชวนหรือด่วนมาทำไม  ไปกอดกันไว้ให้อิ่มใจน้อง
 +
เราคิดว่าจะมาเอาของดี  มิรู้นั่งบลผีไม่หาของ
 +
พิรากลแล้วเจ้าวันทอง  พระสุริยาจวนจะส่องอย่าเนิ่นนาน
 +
แล้วร่ายมนต์เทพรัญจวน  ทำกระบวรเดิรมาจาสถาน
 +
พี่ไม่ข่มขืนใจให้รำคาญ  เมื่อรักบ้านอยู่แล้วก็อย่าไป
 +
วันทองต้องมนต์มาดลจิตต์  คั่งคิดครวญคร่ำน้ำตาไหล
 +
โปรดเถิดไม่ช้าจะคลาไคล  น้องจะไปมิให้หม่อมโกรธา
 +
เลือกเอาอัตลัดเผื่อขัดสน  จะลำบากยากจนไปภายหน้า
 +
จำหาของติดตัวไปนานา  ถึงขาดเข้าขาดปลาไม่ยากนัก
 +
ว่าพลางจุดเทียนเวียนไป  ขวักไขว่ไขของอยู่ขลุกขลัก
 +
แล้วรื้อคิดกรมใจอาไลยนัก  เปนห่วงหน่วงหนักถึงมารดา
 +
โอ้แม่ทูลกระหม่อมของลูกแก้ว  จะลับแล้วไหนเลยจะเห็นหน้า
 +
เสียแรงอุ้มท้องวันทองมา  แต่ซากศพมารดาไม่เห็นใจ
 +
ขุนแผนฟังคำนางร่ำร้อง  สงสารวันทองไม่นิ่งได้
 +
เษกน้ำชะโลมลูบไล้  ชื่นใจได้สมประดีมา
 +
อย่าโศกนักเลยน้องวันทองเอ๋ย  มาชื่นเชยกับพี่จะดีกว่า
 +
อย่าหนักหน่วงนานเนิ่นเกินเวลา  พระสุริยาจวนรุ่งจะรีบไป
 +
วันทองน้องฟังขุนแผนว่า  สอื้นร่ำน้ำตาลงหลั่งไหล
 +
จำจิตต์จำจากจะจำไกล  ไหว้สั่งให้หาน้องลาแล้ว
 +
ผีเหย้าท้าวเรือนจงค่อยอยู่  พิศดูหน้าตาเปนถ่องแถว
 +
มีกรรมตามมาขอลาแล้ว  แก้วแหวนเงินทองจะให้ใคร
 +
เทพาอารักษ์ช่วยตักเตือน  ผีเหย้าท้าวเรือนเอาใจใส่
 +
มีกรรมทำมาจะลาไป  ที่ไหนจะได้กลับคืนมา
 +
เชิญช่วยบอกข่าวเจ้าขุนช้าง  อย่าพรางคำเลยตามคำข้า
 +
อย่าตามไปเลยไม่เข้ายา  เขาจะฆ่าเสียเปล่าไม่เข้าการ
 +
สั่งห้องเสร็จน้องมาผลัดผ้า  เอาหลังเปนหน้าน่าสงสาร
 +
ห่มสีบัวโรยโดยควรการ  กระทายมารดาให้ใส่ของดี
 +
ห่อผ้าใส่ในกระทายน้อย  น้ำตาไหลย้อยลงเรี่ยรี่
 +
สอื้นสั่งขุนช้างด้วยปรานี  ร่ำตีทรวงซ้ำระกำใจ
 +
ขุนแผนว่าน้องหมองมัวนัก  ร่ำรักห่วงใยไม่ไปได้
 +
ฉวยชักฉุดมือออกมาทันใด  ออกจากเรือนใหญ่ของขุนช้าง ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นวันทองหมองใจ  อาวรณ์มิใคร่จะเยื้องย่าง
 +
เหลียวหลังแลสั่งเจ้าขุนช้าง  อักอ่วนนวลนางสลดใจ
 +
วอนว่าขุนแผนให้หยุดอยู่  หมากพลูหาได้หาไปกินไม่
 +
ทั้งซองบุหรี่ก็ลืมไว้  หม่อมคอยประเดี๋ยวใจจะกลับมา
 +
รีบมาเจียนหมากจีบพลูพลาง  ทางเขียนหนังสือไว้ข้างฝา
 +
สั่นปลุกลุกเร็วให้ลืมตา  หยิกผลักหนักหนาไม่ตื่นเลย
 +
ขุนแผนจะพาเอาน้องไป  ลุกขึ้นชิงน้องไว้อย่าได้เฉย
 +
ผีพรายก็ไม่ช่วยน้องด้วยเลย  พ่อมานอนนิ่งเฉยหลับตากรน
 +
นิจจาเอ๋ยน้องไปเห็นไม่รอด  จะม้วยมอดบรรไลยในไพรสนฑ์
 +
ด้วยเขาเคือนแค้นแสนสากล  พอลับคนแล้วจะล้าวให้วางวาย
 +
โอ้เจ้าประคุณของเมียแก้ว  จะกินน้ำตาแล้วไม่ขาดสาย
 +
ว่าพลางนางทอดสกนธ์กาย  เพียงจะวายวางชีพลงทันใด ฯ
 +
 +
 +
๏ ขุนแผนคอยเห็นว่าผิดเวลา  ล่วงมาป่านนี้นี่ไปไหน
 +
กลับมาหานางด้วยขัดใจ  แลเห็นร้องไห้รักขุนช้าง
 +
นี่มาหาหมากพลูละหรือเจ้า  เอามือตีวันทองลงตั้มผาง
 +
ถีบพรายกุมารทับขุนช้าง  ถอดฟ้าฟื้นพลางด้วยขัดใจ
 +
วันทองโมโหโผจะลุก  กำลังจุกหาคิดชีวิตไม่
 +
ค่อนแค้นขุนแผนด้วยขัดใจ  จะเปนไรก็ให้เปนเถิดตามกรรม
 +
ถึงจะไปมิไปคงจะตาย  ไม่รักกายจงฟาดให้คาดคว่ำ
 +
ถึงพาไปที่ไหนจะระยำ  มันจะทำร้ายเล่นเช่นลำพอง
 +
ขุนแผนคว้าได้แขนกระชากมา  วันทองท้าให้ฟันเสียในห้อง
 +
ขุนแผนเข้าใจในทำนอง  เป่ามนต์มาต้องให้อ่อนใจ
 +
วันทองต้องมนต์ดลใจรัก  จะเฝ้าฉุดชักฉันไปถึงไหน
 +
อย่าฉุดแขนฉันจะหักหลุดออกไป  ไม่มีใจแกล้งทำว่าปรานี
 +
กะทายหกหายสิ้นทั้งไม้สอย  หีบหมากพลอยหล่นตกกระจกหวี
 +
ขุนแผนว่ามิน่าไม่เสียที  ดีเอาเถิดแล้วพี่จะหาใช้ ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยา  แฝงดูน้ำตานางหลั่งไหล
 +
แอบแฝงเงาเสาให้เข้าใกล้  กลัวจะทิ้งไว้ ไม่กลับมา
 +
ได้วันทองไปไหนจะกลับ  แล้วจะไม่มารับเหมือนคำว่า
 +
คิดจะใคร่ออกไปเจรจา  กลัววันทองจะว่านัดแนะกัน
 +
แต่เลียบเลียบชายชายอยู่ในหน้า  ค่อนอกร่ำน้ำตาดังเษกสรรค์
 +
พอวันทองเห็นเงาเข้าฉับพลัน  คิดกลัวตัวสั่นว่านางพราย
 +
จะนำความยอกออกตัวไป  เห็นเงาไวไวแล้วกลับหาย
 +
อยู่อยู่ก็จู่มากล้ำกราย  กลัวนางพรายกอดขุนแผนไว้ ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิธ  รุ่งฤทธิ์ไตรภพจบไสมย
 +
กลัวแก้วกิริยาจะน้อยใจ  ทำกล่าวปราไสยว่านางพราย
 +
คอยอยู่เถิดแล้วพี่จะมารับ  มิได้กลับถ้อยคำระส่ำระส่าย
 +
แหวนให้ไว้ชมต่างพี่ชาย  ค่อยอยู่นางพรายอย่าใส่ใจ
 +
แม้ยังมิจวนรุ่งสางสว่างฟ้า  จะอยู่เพื่อนแก้วตาในห้องใหญ่
 +
ว่าพลางทางพาวันทองไป  ชื่นชมสมใจไม่ช้าการ
 +
พานางออกทางประตูใหญ่  วันทองร้องไห้น่าสงสาร
 +
โอ้เคยอยู่เปนสุขสำราญ  เคยนั่งปักม่านประกวดกัน
 +
ค่อยอยู่เถิดเจ้าแก้วกิริยา  อย่าเหมือนตัวข้าได้ โศกศัลย์
 +
ทั้งผีเหย้าท้าวเรือนสิ้นด้วยกัน  ข้าขออภิวันท์ประนมลา ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิธ  อันประสิทธิ์สดมภ์อาคมกล้า
 +
เห็นน้องหมองเศร้าเจ้าโศกา  เหลียวมาหยอกเย้าแล้วเป่ามนต์
 +
ให้ระรวยไปด้วยเทพรัญจวน  ชี้ชวนจะแจ้งทุกแห่งหน
 +
ครั้นว่าวันทองเจ้าต้องมนต์  ก็ค่อยสร่างทุกข์ทนที่ใจน้อง
 +
ครั้นเดิรมาถึงม้าสีหมอก  ม้าวิ่งออกมารับค่อยจับจ่อง
 +
ลูบหลังบอกม้าว่าวันทอง  นางน้องเกรงใจพี่อาชา
 +
เกลือกพี่จะขัดอัชฌาไสย  จะสลัดซัดไว้เสียในป่า
 +
จะขอให้น้องขี่พี่อาชา  บอกม้าม้าเลียนางตกใจ
 +
วันทองว่าน้องเปนสัตรี  จะขึ้นขี่หลังพี่กระไรได้
 +
น้องนี้จะอุส่าห์เดิรตามไป  เกลือกจะหันหุนใจพี่อาชา
 +
สีหมอกเลียมือเจ้าวันทอง  ขุนแผนยิ้มย่องแล้วบอกว่า
 +
ที่เลียไม้มือเจ้าด้วยเมตตา  ขอษมาแล้วขี่ไม่เปนไร
 +
วันทองกราบเท้าพี่พาชี  ว่าอย่ามีบาปเลยน้องกราบไหว้
 +
แม้ชีวิตน้องนี้ไม่บรรไลย  คงจะได้แทนคุณพี่อาชา
 +
เสร็จแล้วอุ้มนางขึ้นวางหลัง  ขุนแผนขึ้นนั่งอยู่ข้างหน้า
 +
ตั้งสติบริกรรมภาวนา  ชักม้าพรายตามมาพร้อมกัน ฯ
 +
 +
 +
๏ วันทองเหลียวดูซึ่งเคหา  ปิ้มจะวายชีวาด้วยโศกศัลย์
 +
โอ้แต่นี้ไปจะไกลกัน  สารพันจะพรากแล้ววันนี้
 +
ใครเลยจะเล่าให้เข้าใจ  ว่าเขาพาน้องไปทางไหนนี่
 +
 +
 
 +
  ( ตรงนี้ฉบับเดิมขาด )
 +
</tpoem>
 +
( เรื่องที่ขาดตรงนี้ คือ ขุนแผนพานางวันทองขี่ม้าออกจากเมืองสุพรรณไปถึงลำน้ำบ้านพลับ น้ำลึกจะขี่ม้าข้ามไม่ได้ จึงไปที่ท่าเรือจ้าง ร้องเรียกคนเรือจ้างให้เอาเรือมารับ โดยอ้างว่ารับสั่งสมเด็จพระพันวสาให้ไปสืบข่าวช้างสำคัญ ฝ่ายมะถ่อทะบมมอญเจ้าของเรือสำคัญว่าจริง ก็เอาเรือจ้างมารับ )
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
  ข่มขี่งันงกด้วยตกใจ
 +
จับกระทงเรือลากกระชากเข็ญ  อ้ายเรือมันติดเลนไม่เข็นไหว
 +
กลับมาข้างท้ายย้ายโยกไป  ตอกไยอย่างไรจึงแน่นนัก
 +
เอาหัวไหล่เข้าดันตะบันเข็น  อ้ายเรือปรูดฉูดเลนเต็มสบัก
 +
เข็นเรือออกได้ดีใจนัก  หอบคักคางสั่นรันรีบมา
 +
ครั้นเข้ามาใกล้เห็นหญิงงาม  คิดขามหวาดหนีไม่เข้าหา
 +
เกลอกล้อยอะไรที่ไหนมา  หลอกเล่นเจรจามาลวงกัน
 +
นี่ลักนางในวังมาแน่แล้ว  แค่นมาลวงให้แจวอยู่ตัวสั่น
 +
หน้าตาเจ้าชู้ดูเมียงมัน  จนกูไม่ทันล้างขี้ตา
 +
ขัดใจเรียกให้กูเข็นเรือ  วิ่งเงื้อพายแร่ทั้งแก้ผ้า
 +
วันทองอดสูไม่ดูมา  หม่อมขาดูแน่ช่างนอกทาง
 +
ขุนแผนร้องเยื่อมันเหลือเถน  โจงกระเบนเสียเปนไรนายเรือจ้าง
 +
เอาของดีออกละเลิงวิ่งเกริงกราง  นุ่งผ้าพายพลางก็เปนไร
 +
มะถ่อตกใจมือปิดพุง  ว่าใครเอาผ้านุ่งกูไปไหน
 +
กูจะบอกให้เขาเอาตัวไป  จำไว้ในคุกนครบาล ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิธ  พรั่นจิตต์เกรงความจะฟุ้งสร้าน
 +
อ้ายมอญเจ้ากรรมทำรำคาญ  โจนม้าทยานวิ่งรี่ไป
 +
โลมเล้าเป่ามนต์ไปตรงหน้า  ชวนพูดเจรจาปราไสย
 +
ช่วยข้ามส่งเราให้รอดไป  เราจะให้ค่าจ้างที่เหนื่อยแรง
 +
ว่าพลางทางถอดแหวนก้อย  ไข่มุกสุกพร้อยวะวับแสง
 +
ยื่นส่งไปให้อย่าได้แคลง  จวนแจ้งข้ามส่งจงเร็วรา
 +
อ้ายมะถ่อหัวร่อแล้วรับแหวน  ชะเง้อแหงนหัวคากจนปากอ้า
 +
เห็นแหวนสุกงามอร่ามตา  กูจะขายช่วยข้าไว้กอดนอน
 +
รักแต่อีคล้ายที่ท้ายบ้าน  กับอีพรมนมยานเมียพันศร
 +
พ่อคตุณเหมือนเอาฟูกมาให้นอน  การร้อนเชิญท่านลงเรือพลัน
 +
ขุนแผนลงเรือช่วยรีบพาย  คอนท้ายกโดกจนตัวสั่น
 +
สีหมอกว่ายเรียงเคียงเรือทัน  เชือกพันข้อมือเจ้าวันทอง
 +
วันทองเจ้าต้องคุณพระเวท  ให้อาเภทเปรมปรีดิ์ไม่มีสอง
 +
ถึงท่าพาขึ้นจากคลอง  อุ้มน้องขึ้นนั่งหลังอาชา
 +
บ่ายหน้ามาตามทิศอิสาณ  ดั้นดัดดงดานชำนาญป่า
 +
ตรงไปบ้านไม้ไผ่ลว้า  ยังโกรธาจึงถากฉลากไว้
 +
เขียนบอกตลอดตามริมทาง  ขุนช้างรีบตามมาจงได้
 +
รบกันเล่นให้สบายใจ  ใครดีก็จะได้เห็นมือกัน
 +
แล้วกล่าวสัพยอกหยอกวันทอง  ถ้าขุนช้างรักน้องจนใฝ่ฝัน
 +
เห็นจะยกพลตามมาครามครัน  จะจัดสรรค์กันมากกว่าสามล้าน
 +
พี่จะบอกเขาว่าวันทอง  เจ้าร้องไห้ตามมาน่าสงสาร
 +
เก็บแหวนเงินทองของตระการ  ลอบหนีจากบ้านวิ่งตามมา
 +
ว่าเพราะขุนช้างนั้นเลวโลน  หัวโกร๋นสี่แถวเหมือนแมวป่า
 +
กอดเอาเราไว้มิให้มา  ยึดผ้าแกะยื้อก็ไม่วาง
 +
ร้องไห้ตีอกจนฟกช้ำ  เนื้อนมเจ้าคล้ำทั้งสองข้าง
 +
เดิรเช็ดน้ำตามากลางทาง  ยึดหางม้าวิ่งวิงวอนมา ฯ
 +
 +
 +
๏ วันทองฟังน้ำคำเฉลย  ฟ้าผี่เอ๋ยข้อนคิดประดิษฐ์ว่า
 +
ปากคอพอสมกับวาจา  มุสาว่าจะประจานไว้
 +
ชั่งไม่อายผีสางที่กลางป่า  ไม่อดสูปูปลาชั่งว่าได้
 +
ทำหน้าตานิ่งเฉยด้วยเคยใจ  ชั่งไม่เกรงผีไพรจะยิ้มเยาะ
 +
นี่หรือทหารผลาญทัพลาว  ว่ากล่าวคมสันเปนมั่นเหมาะ
 +
คิดมาก็น่าใคร่หัวเราะ  ฟังเพราะเสนะสนัดใจ ฯ
 +
 +
 +
๏ ขุนแผนฟังน้องวันทองว่า  เมินหน้าเหมือนหาได้ยินไม่
 +
ชักม้าเลี้ยวลัดตัดทางไป  พลางชี้ชมนกไม้ในไพรพน
 +
โน่นแน่นกอีลุ้มตระกรุมใหญ่  หัวงามนี่กระไรร่ำไซ้ขน
 +
วันทองน้องรักอย่าทุกข์ทน  ชมเถิดที่ต้นอบเชย
 +
แล้วนึกว่าผัวเจ้ามารับ  ช่างงามสรรพรูปร่างขุนช้างเอ๋ย
 +
อนิจจารักใคร่กระไรเลย  วันทองเอ๋ยมารับจงกลับไป
 +
วันทองร้องไฮ้อะไรนั่น  มันไม่ขันดอกคะทำไถล
 +
รู้ว่าฉันชั่วช้าพามาไย  ว่าได้เพราะอยู่ในเงื้อมมือ
 +
หม่อมเห็นแนกอีลุ้มตะกรุมใหญ่  ถัดไปนั้นไม่เห็นดอกหรือ
 +
นกสร้อยทองจับมองต้นสตือ  มิลาวทองแล้วหรือเขาตามมา
 +
ไหนได้ยินว่าเขาไปอยู่ในวัง  มิโปรดเสียแล้วกระมังมาตามหา
 +
เอ๊ะแล้วเห็นฉันจะโกรธา  จะโจนม้าลงเสียแล้วไม่ไปเลย ฯ
 +
 +
 +
๏ ขุนแผนฟังน้องว่าต้องใจ  ยิ้มละไมในหน้าคนึงเฉย
 +
หายกันเท่านั้นอย่าว่าเลย  ชวนเชยชมไม้ในไพรมา
 +
ปักษาพาฝูงยูงรำแพน  นกอีแอ่นเร่าร้องกึกก้องป่า
 +
เสียงดุเหว่าเร้าเร่งพระสุริยา  ไก่ป่าขันเตือนพระอาทิตย์
 +
จักรจั่นเรไรไพเราะร้อง  เสียงลองไนเรื่อยเจื้อยจับจิตต์
 +
ตรู่ตรู่ขาวเคลือนเดือนดับมิด  พระอาทิตย์เยี่ยมเมฆกระจ่างคง
 +
โคถึกมฤคาออกจากซุ้ม  ฝูงลิงวิ่งกลุ้มในไพรระหง
 +
ชนีต่ายร่ายไม้อยู่เวียนวง  ห้อยหัวตัวลงแล้วโจนมา
 +
เห็นผ้าแดงแดงตะแคงดู  ร้องโหวยโหวยโหยคู่กู่เรียกหา
 +
สมจรกับลิงวิ่งไปมา  บนต้นพฤกษาสบายใจ
 +
ขุนแผนชี้บอกให้นางดู  วันทองอดสูไม่ดูได้
 +
หยิกข่วนค้อนให้แล้วเมินไป  ชะกระนั้นชอบใจท่านคนดี
 +
ขุนแผนว่าเห็นน้องไม่เคยเห็น  บอกให้ชมเล่นกลับโกรธพี่
 +
วันทองว่าเบื่อชั่งเหลือดี  ขุนแผนว่าเราหนีมาด้วยกัน
 +
เหลียวมาโลมจูบลูบไล้  วันทองผลักไสแล้วผินผัน
 +
สัพยอกหยอกไปในไพรวัน  บันเทิงเริงกระสัลทั้งสองรา ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นจะกล่าวบทไป  ถึงขุนช้างหลับใหลในเคหา
 +
ครั้นรุ่งสดุ้งด้วยเสียงกา  ลุกขึ้นคว้าหาที่เตียงนอน
 +
กอดหมอนลูบคลำขยำนุ่น  หยุ่นหยุ่นไล่คลำขยำหมอน
 +
คิดว่านิ่มน้องประคองนอน  จูบหมอนวอนว่าให้จุดเกา
 +
พิฝันว่าเหยียบกระดานหก  ตกใจว่าหนีพี่ไปเล่า
 +
ผมพี่เปนไรจึงบางเบา  ลูบเลี่ยนเตียนเปล่าใครเอาไป
 +
ตรงนี้ผมพี่อยู่หนักหนา  นี่ใครมาลักถอนไปเสียไหน
 +
เผยอตาคว้าหาให้ตกใจ  เอ๊ะนี่มิใช่ที่เตียงนอน
 +
เปนไรจึงเปนไปเช่นนี้  ผิดแล้วเอ๊ะนี่ก็เปนหมอน
 +
ตีอกชกใจดังไฟฟอน  แม่เจ้าเอ๋ยนี่ก็หมอนทั้งสองใบ
 +
เมียข้าไปไหนไม่เห็นเลย  แม่วันทองเอ๋ยไปอยู่ไหน
 +
วิ่งเหยียบพานหกงกงันไป  ผ้าลุ่ยหลุดไม่รู้สึกตัว
 +
จะลุกไปไหนไม่มาบอกเลย  แม่วันทองเอ๋ยแกล้งหนีผัว
 +
กูจะอยู่ไปไยให้เปนตัว  จะต่อยหัวแตกตายเสียบัดนี้
 +
รักเมียชายใดในปัฐพิน  ก็ไม่สิ้นสุดรักเหมือนใจพี่
 +
รักใครในท้องพระธรณี  ไม่เหมือนพี่ที่รักวันทองเลย
 +
แต่รักนุชสุดรักถึงเพียงนี้  ควรหรือยังหนีพี่เฉยเฉย
 +
รักใคร่ไม่วายสวาทเลย  พี่เฝ้าเชยชมเจ้าไม่คลาดคลาย
 +
เมื่อตะกี้สิยังจูบเจ้า  ลุกขึ้นคว้าเปล่ามาสูญหาย
 +
เอาสไบเปลี่ยนไว้ให้พี่ชาย  ตัวหายไปไหนจึงไม่พบ
 +
กลิ่นเจ้ายังติดสไบห่ม  กลิ่นเนื้อกลิ่นนมยังอวนอบ
 +
แม่เอ๋ยไปไหนจึงไม่พบ  หรือลองใจไพล่หลบไปแห่งไร
 +
ลดเลี้ยวเหลียวหาทุกแห่งแหงน  เห็นหนังสือแขวนน้ำตาไหล
 +
จูบชมลายมือเจ้าทรามไวย  อ่านหนังสือดูไปทั้งน้ำตา
 +
ในหนังสือนั้นว่าขุนแผน  เขาแสนเคืองแค้นเจ้าหนักหนา
 +
สกดคนขึ้นเรือนทำหยาบช้า  แล้วฉุดคร่าพามาด้วยขัดใจ
 +
ด่าข้าหนักหนาข้าท้าทาย  ว่าสู้ตายหาไปด้วยเขาไม่
 +
เขาว่าเพราะข้ายังอาไลย  ชักดาบออกได้จะฆ่าดี
 +
ข้าโถมเข้ากั้นกางขวางไว้  รับว่าจะไปไม่หลีกหนี
 +
เจ้าจึงไม่ม้วยชีวี  ข้าร่ำตีทุบปลุกจนสุดฤทธิ์
 +
แหวนทองทั้งนี้ที่ข้าเก็บไป  พอจะได้ดูต่างไม่วางจิตต์
 +
เจ้าอย่าอยู่ช้าจงเร่งคิด  ทูลแล้วจงติดตามไป
 +
อ่านหนังสือแล้วรู้สึกตัว  เอาหนังสือทูลหัวแล้วร้องไห้
 +
ผัวชั่วเองแล้วแม่ดวงใจ  พี่ไม่โกรธน้องวันทองเลย
 +
ผลกรรมกระไรไม่รู้ตัว  จนมันลักโกนหัวนี่น้องเอ๋ย
 +
อีพรายไปไหนไม่บอกเลย  นิ่งเฉยเสียได้ให้มันทำ
 +
เสียแรงกูเลี้ยงรักเล่า  เส้นเหล้าเข้าเต่าปลาทุกเช้าค่ำ
 +
ไก่พแนงแกงพล่าปลายำ  เสียแรงกูทำให้มึงกิน
 +
นี่หายไปไหนอีชาติชั่ว  จับได้ตัดหัวเสียให้สิ้น
 +
พาโลตีเคหาเปนอาจิณ  ศัตรูมาหนีสิ้นไม่นำพา
 +
เที่ยวเรียกบ่าวรันหลังดังขวับขวับ  บ้างโดดขึ้นทั้งหลับยืนแก้ผ้า
 +
บ้างพลัดตกนอกชานซานลงมา  บ้างเลมอด่าว่าอ้ายจัญไร
 +
อ้ายหมามาตีกูเปล่าเปล่า  กูได้เอาขวดเหล้ามึงไปไหน
 +
ขุนช้างฮึดฮัดยิ่งขัดใจ  ชั่งนอนหลับกะไรดังหมาน้อย
 +
ปล่อยให้อ้ายขุนแผนเข้ามาจับ  ทำไมไม่สับมันสักหน่อย
 +
ผู้คนคณนาก็กว่าร้อย  ไม่คอยศัตรูให้จู่มา
 +
จักแม่วันทองของกูไป  ชาติชั่วจัญไรอ้ายใจหมา
 +
ร้องไห้พลางทางเรียกศรพญา  จงเร่งตามบ่าวข้ามาบัดนี้ ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นจึงพันศรพญา  ยังมัวนอนหลับตาบ่นอู้อี้
 +
เมียหายในมุ้งมาด่าตี  ไยมิใส่ลั่นกุญแจไว้
 +
กอดกันยังรุ่งไม่ลืมตา  เมียหายมาด่าเอาข้าได้
 +
ลุกขึ้นเรียกบ่าวมี่ฉาวไป  บอกให้แจ้งใจกันทุกคน
 +
บ้างวิ่งหาหอกดาบเครื่องศัสตรา  ผูกช้างผูกม้าโกลาหล
 +
จัดกันได้กว่าห้าร้อยคน  ทั้งพากไพร่พลส่วยหน่องา
 +
อีกทั้งลาวลื้อพวกทวาย  เคยซื้อขายเนื้อไม้กฤษณา
 +
มีอาวุธถือครบมือมา  ศรพญาบอกหมายนายฉับพลัน
 +
ข้าไทข้าเตรียมไว้หนักหนา  ไปอาบน้ำนุ่งผ้าขมีขมัน
 +
รีบตามยามนี้คงจะทัน  มันจะดั้นเหาะไปที่ไหนพ้น ฯ
 +
 +
 +
๏ ขุนช้างเห็นพร้อมไพร่ไม่รอรั้ง  น้ำตาหลั่งหลั่งวิ่งสับสน
 +
อาบน้ำนุ่งผ้ามาลุกลน  เลี้ยงพลด้วยเหล้าเมามัวอึง
 +
ได้ฤกษ์โห่ยกออกจากบ้าน  เสียงปืนสท้านอยู่ผางผึง
 +
เร่งไพร่รีบไปใจรำพึง  ขุนช้างคนึงตลึงมา
 +
ครั้นถึงกึ่งทางระหว่างไพร  อ้ายพวกพลไพร่ที่ไปหน้า
 +
เห็นฉลากบากไม้ในมรรคา  ชวนกันก้มหน้าลงดู
 +
ในหนังสือนั้นว่าอ้ายเต่าตบ  อ้ายขี้เซาบัดซบนอนเหมือนหนู
 +
มึงอวดข่มเหงไม่เกรงกู  ดูหมิ่นพ่อยิ่งกว่าเด็กน้อย
 +
มึงทำกรุ้งกริ่งหยิ่งนัก  ให้ประจักษ์ฝีมือกูสักหน่อย
 +
จะให้น้ำตามึงหยดย้อย  ลูกตามึงจะห้อยกระเด็นลง
 +
เร่งตามกูมาทางนี้เถิด  อย่าเตลิดตเลิงกระเจิงหลง
 +
แม่วันทองของเองมาชมดง  เฮ้ยทางนี้ตรงกูคอยรับ
 +
มาแล้วหรือยังอ้ายขุนช้าง  อ้ายอึ่งอ่างแช่เกลือกูเบื่อสับ
 +
อ้ายชำสามลามปามเหมือนแมวทับ  แล้วอย่าหลับรีบตามวันทองมา
 +
อ่านหนังสือแล้วปฤกษากัน  จะให้ไปทางนั้นผิดหนักหนา
 +
ให้นายดูรู้เข้าจะตีด่า  ด้วยหนังสือหยาบช้าจะโกรธเรา
 +
พูดพลางทางสั่งซึ่งกองแล่น  เอ๊ะขุนแผนอยู่ที่นี่หรือเปล่า
 +
เห็นไม้ไหวไหวเปนเงาเงา  ไม่มีใครอาจเข้าด้วยเกรงฤทธิ์
 +
อ้ายพวกไพร่กองหน้าพากันวิ่ง  บ้างก็ทิ้งผ้าผ่อนล่อนไม่ติด
 +
อ้ายบ้างเมาอู้อี้ไม่มีฤทธิ์  บ้างเห็นผิดร้องว่ามาโน่นแล้ว
 +
ขุนช้างเกี่ยวช้างจนขอหัก  กระชากชักก้นกระแทกลงแตกแต้ว
 +
ควาญท้ายศรพญาตามแบ้งแบ๊ว  ตกช้างต่ำแผลวลงในพง
 +
ศรพญาจึงว่าแก่ขุนช้าง  คนอื่นตื่นบ้างอย่าพลอยหลง
 +
เมื่อเห็นแน่ด้วยกันมั่นคง  ยกพลด้นพงเข้าดงแดง
 +
ตวันเที่ยงถึงหนองออกทุ่ง  เดิรฟุ้งผลคลีออกที่แจ้ง
 +
พบเด็กเลี้ยงวัวมันเล่นแปลง  จะใคร่แจ้งเนื้องความก็ถามไป
 +
ว่าพวกเองเลี้ยงโคอยู่ปลายนา  ยังเห็นใครมาบ้างหรือไม่
 +
ชายหญิงขี่ม้ามาในไพร  เห็นบ้างหรือไม่เจ้าเหล่านี้
 +
เด็กเด็กพวกลว้าพากันไหว้  ชวนกันบอกไปอยู่ถ้วนถี่
 +
เห็นหญิงชายพากันมาวันนี้  ท่านขี่ม้าหยอกกันตามทางมา
 +
ข้างหม่อมผู้หญิงนั้นขี่ท้าย  ท่านหม่อมผู้ชายนั้นขี่หน้า
 +
เอาศอกแขยะและเล็มมา  เหลียวหน้าจูบกันแล้วแอบทับ
 +
ข้าหม่อมผู้หญิงชบหน้าแนบ  ข้างผู้ชายลักแวบเอาตั้มหนับ
 +
แล้วเข้าในพุ่มไม้ใบลับ  ตรงต้นมะพลับที่ชี้ไป ฯ
 +
 +
 +
๏ ขุนช้างได้ฟังเด็กเด็กว่า  ดังจักเปนบ้าเหงื่อไคลไหล
 +
ชิชะถ้าปะไม่ละไว้  เปนไรเปนไปในวันนี้
 +
จะฟาดให้ล้มด้วยคมคาบ  ให้สาแก่ใจมันหยามอ้ายบัดสี
 +
กูจะฟันด้วยดาบกูเล่มนี้  หวดเอาอกพี่เข้าตั้มอัก
 +
พันศรพญาแทบพลัดตก  อะไรนี่นายป่ายอกข้าแทบหัก
 +
นี่แน่นายอย่าวุ่นวายนัก  เราหยุดพักพลก่อนเอากำลัง
 +
ขุนช้างหยุดช้างเข้าอาไศรย  หนองน้ำร่มไม้ไพร่หยุดนั่ง
 +
เลี้ยงเหล้าเมามายอยู่เก้กัง  ชวนกันไปนั่งระวังคน ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนกล้า  พาวันทองมาในไพรสนฑ์
 +
หยุดพักเย็นเย็นเห็นชอบกล  ถึงต้นพระไทรใบกำบัง
 +
พาเจ้าวันทองลงจากม้า  เข้าอาไศรยร่มพระไทรนั่ง
 +
หักใบไม้ลาดลงเอนหลัง  วันทองน้องนั่งแล้วโบกพัด
 +
จูบแก้มแอบอิงพิงน้อง  อายใจวันทองป้องปัด
 +
เวทมนต์ดลใจให้ประดิพัทธ  ปรนนิบัติดังเก่าเกษมมา ฯ
 +
 +
 +
๏ พระพายชายชวยมารวยริน  ฟุ้งกลิ่นบุปผชาติที่ในป่า
 +
หอมหวลยวลยั่วเย้าแย้มผกา  ตระหลบรวยมาลากระจายดง
 +
โกกิลาไก่แก้วสนั่นเสียง  ฟังสำเนียงมยุเรศทั้งเหมหงส์
 +
จักรจั่นสนั่นเสนาะดง  เรไรส่งเสียงวังเวงดังเพลงพิณ
 +
เพราะพร้องต้องใจในกลางป่า  คณายุงร่อนร้องแล้วโผผิน
 +
แจ้วแจ้วเสียงแก้วโกกิล  ดังพิณพาทย์ฆ้องกล่อมใจ
 +
ไพเราะเพราะด้วยประโคมดัง  เจ้าวันทองฟังเจียนหลับไหล
 +
ขุนแผนอักอ่วนรัญจวนใจ  ปลอบให้วันทองขอษมา
 +
เรามาอาไศรยพระไทรนี้  เกลือกจะมีฝูงเทพรุกขา
 +
จอมเจ้าจะว่าเราหยาบช้า  ขอษมาเจ้าเสียเถิดนะน้อง
 +
วันทองว่าไฮ้อะไรนี่  น่าบัดสีกลางแปลงไม่แฝงห้อง
 +
หม่อมเหมือนจะแกล้งประจานน้อง  นี่บ้านช่องแล้วหรือนี่ไม่มีอาย
 +
ถ้าค่ำมืดยังกระไรน้องไม่ว่า  จะยอมให้เสนหาเสียโดยง่าย
 +
จะไปไหนพ้นมือของหม่อมพลาย  นี่สุดอายแล้วหม่อมอย่าทำเลย
 +
เรามาด้วยกันแต่สองคน  ใครจะด้นมามองเล่าน้องเอ๋ย
 +
ว่าพลางทางแอบแนบชมเชย  อย่าผัดเพี้ยนไปเลยให้ยืดยาว
 +
อกแนบอกน้องประคองทับ  เมฆพยับมืดคลุ้มกลุ้มกลางหาว
 +
เมขลาล่อแก้วอยู่แวววาว  รามสูรหน่วงน้าวสนับกร
 +
ประชิดไล่ใกล้นางขว้างขวานเปรี่อง  ฟ้าประเทืองฝนปรอยเปนฝอยว่อน
 +
 +
 +
( หมดฉบับเพียงเท่านี้ )
 +
</tpoem>
 +
== เชิงอรรถ ==
== เชิงอรรถ ==
== ที่มา ==
== ที่มา ==
บทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนความเก่า ตอนขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้าง พิมพ์ในงารพระราชทานเพลิงศพ จางวางโท พระยามนตรีสุริยวงศ์ ดำรงราชบุรมณฑล กมลภักดีพิริยพาหะ (ฉี่ บุนนาค) ปม. ทจว. ตช. รัตน วปร ๓. รจพ. ฯลฯ องคมนตรี เมื่อปีฉลู พ.ศ.๒๔๖๘ พิมพ์ที่โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร
บทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนความเก่า ตอนขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้าง พิมพ์ในงารพระราชทานเพลิงศพ จางวางโท พระยามนตรีสุริยวงศ์ ดำรงราชบุรมณฑล กมลภักดีพิริยพาหะ (ฉี่ บุนนาค) ปม. ทจว. ตช. รัตน วปร ๓. รจพ. ฯลฯ องคมนตรี เมื่อปีฉลู พ.ศ.๒๔๖๘ พิมพ์ที่โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร

การปรับปรุง เมื่อ 03:36, 11 กันยายน 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: ไม่ปรากฏ

บทประพันธ์

สำนวนที่ ๑

คณายางจับต้นยางใหญ่
นกคล้าจับคล้าตะเวนไพรกระในจับในรกราย
ไม้รังดอกร่วงเกสรใยสลอนยังแสงพระสุริย์ฉาย
ตระแบกบานก้านเบียดลมรบายนางกรายกิ่งกรายเมื่อต้องลม
นิจจาเอ๋ยแม้ได้นุชนาฏไม่นิราสแรมร้างภิรมย์สม
จะดิ้นโดยมาด้วยในไพรพรมจะชวนชมเก็บช่อผกาการ
เก็บประดู่ลำดวนยมโดยลมโชยกลิ่นชื่นหอมหวาน
เหมือนกลิ่นวนิดายุพาพาลขุนแผนแสนโศกซ่านกระสัลทรวง
สาวหยุดนางแย้มกาหลงพยอมพยงค์ก็โรยร่วง
เกดแก้วพิกุลเปนพุ่มพวงดอกดวงหล่อนกลาดดาษดิน
เห็นดอกรักเหมือนจะรักไม่ร้างพี่ครั้งนี้หรือมาหน่ายเสียได้สิ้น
ไปอยู่ด้วยขุนช้างเถื่อนเปนเพื่อนกินไม่ถวิลกังวลถึงพี่ยา
โอ้ไฉนใครหนอจะไปแจ้งเหตุว่าพี่ร้างนคเรศมาเดิรป่า
แสนคนึงถึงนางทุกเวลา............................
      (ฉบับขาด)
ครั้นออกจากป่าพนาวันพอสุริยันเย็นลงย่ำสนธยา
ขุนแผนผู้ชาญทหารกล้าจึงโอมอ่านคาถาถามหาสดมภ์พลาง
เสดาะใบดาลบานประตูเที่ยวค้นดูทั่วบนหอรีที่หอขวาง
ฝูงทาสหลับกลาดนอกหอกลางบ้างนอนคราววิปริตผิดกิริยา
ผ้านุ่งยุ่งปนกับผ้าห่มเนื้อนมผมดกปกประหน้า
ดูเห็นสมเพชเวทนาถึงห้องนารีหนึ่งดูพึงชม
นอนอยู่บนเตียงกระจ้อยร่อยเอวบางร่างน้อยดูสวยสม
น้อยแน่งผิวเนื้อนวลนมไรผมขำคมอยู่ในที
ดวงหน้าละม้ายคล้ายหน้าเทศนวลแก้มการเกดลออศรี
หน้าเจ้าคล้ายวันทองน้องรักพี่หลากนักนางนี้จะเปนใคร
วงศวารว่านเครืออ้ายขุนช้างหรือญาติข้างวันทองเปนไฉน
จะว่าเมียขุนช้างก็ผิดไปนวลเจ้ายังไม่ต้องมือชาย
จำจะปลุกให้เจ้าลุกขึ้นไต่ถามจึงจะแจ้งเนื้อความดังใจหมาย
สั่งพรายพรายก็วางให้นางคลายพลางร่ายมนต์เป่าเคล้าคลึงชม
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยานิทรา............................
      (ฉบับขาด)
พี่ลอบชมตามอารมณ์ประสารักลักจูบลูบน้องต้องติดใจ
เจ้าต้องมนต์นอนหลับสนิธอยู่แก้วตาหารู้สึกตัวไม่
โทษพี่ผิดแล้วขออไภยจงบอกให้พี่ประจักษ์สักสองคำ
เจ้าเปนอะไรกับขุนช้างพี่ขอพูดด้วยนางทองร้อยน้ำ
หรือว่าเมียชู้คู่อุปถัมภ์เจ้าอย่าอำบอกพี่ไปแต่ตามจริง ฯ
๏ เจ้าแก้วกิริยาได้ฟังถามนางนิ่งนึกตรึกความแล้วนั่งนิ่ง
มั่นแม่นขุนแผนแล้วจริงจริงจะมาตามช่วงชิงเจ้าวันทอง
วิทยาอาคมก็หนักหนาอาจใจมาเที่ยวบุกเล่นทุกห้อง
สิธุระประสงค์ข้างวันทองนี่ลัดแลงหลงห้องเข้ามาไย
ครั้นจะมีโอนอ่อนผ่อนคำถ้าขัดแค้นก็ทำเหตุใหญ่
ให้ครั่นคร้ามขะขามใจแล้วบอกว่าข้ามิใช่เจ้าวันทอง
อนิจจาคิดมาเปนน่าหัวหลงตัวแล้วมิหนำซ้ำหลงห้อง
แล้วยอข้าว่าเหมือนเจ้าวันทองแสร้งซร้องสรรเสริญให้เกินดี
อันปัดนี้หรือจะเอาไปเทียมแก้วฉันรู้แล้วว่าน้องน้อยศักดิ์ศรี
ข้าเจ้ามิใช่เปนผู้ดีฉันนี้เปนทาสเจ้าวันทอง
ตัวข้าเปนลูกท่านโศกโขไทยต้องเร่งพินัยเงินสิบสอง
บิดาต้องโทษโปรดให้จำจองจึงพาน้องมาขายฝากไว้
เปนต้นเงินตราสิบห้าตำลึงครึ่งปีหนึ่งแล้วยังหาไถ่ไม่
ชื่อแก้วกิริยาข้าตกไร้รู้แล้วเชิญท่านไปอย่าฆ่าตี ฯ
๏ อนิจจาเห็นหน้าเจ้าพี่สงสารมาตกยากช้านานไม่พอที่
แต่เงินสิบห้าเท่านี้ตกนักงารพี่จะช่วยน้อง
เปนบุพเพนิวาสพาสนาชักพามาพบเข้าในห้อง
ขอฝากรักพี่ไว้ในน้องพี่จะครองแก้วตามิให้ราคี
ว่าพลางถอยถดเข้ามาใกล้อย่าสูญใจเหมือนเจ้าได้เอนดูพี่
ลูบหลังสั่งรักด้วยไมตรีฤดีปั่นป่วนอยู่รวนเร ฯ
๏ นางแก้วค้อนควักแล้วผลักเสียใครเปนชู้เมียอย่ามาเลียมเล่ห์
ว่ารักน้องประยุทธเห็นสุดคะเนอย่าแต่งเล่ห์ล่อลวงผิดท่วงที
ท่านเปนไทยหรือจะมาประทาสไม่สอาดไอ่เอี่ยมเทียมศักดิ์ศรี
จะแก้แค้นแทนกันนั้นตามทีท่านผู้ดีต่อดีเขาจะทำกัน
ข้างข้าเจ้านี้ต้องการอะไรจะมาพลอยใครผายผัน
ธุระท่านมีอยู่เปนสิ่งอันจะมาพลอยพัวพันข้าไย ฯ
๏ ขุนแผนจึงว่าอนิจจานะน้องพี่จะรักวันทองนั้นเปนข้อใหญ่
ชั่วดีเจ้าก็รู้อยู่เต็มใจขุนช้างเจ้ากรรมทำให้มาทดแทน
บุญแล้วพบแก้วกิริยาเจ้าแก้วตาพี่รักเจ้าเหลือแสน
พี่ดีใจยิ่งกว่าได้วิมานแมนแสนสุดสวาทพี่ไม่แรมวัน
อิบแอบแนบน้องประคองพุ่มอุ้มขึ้นบนตักแล้วรับขวัญ
เจ้าเหมือนหนึ่งยาทิพย์อันเย็นครันช่วยร้อนที่กระลัลในน้ำใจ
นางแก้วผลักไสไฮ้ฉนี้อย่าพาทีน้องยังหาเชื่อไม่
เลือกว่าเอาแค่เพราะเสนาะในแต่พอได้ก็โผไปลอยลิบ
ทีนั้นนางแก้วกิริยาตั้งตาคอยข้างท่านก็ลอยไปหายฉิบ
ชแง้เปล่าเฝ้าท่าตาไม่พริบเพื่อนเขาจะกระซิบกันนินทา
แต่เปนกรรมแล้วนิหนำซ้ำให้เหม็นสายเล่าใจเบาเชื่อลมสมน้ำหน้า
จะขายฝ่าเท้าท่านบิดาทั้งมูลนายเขาจะว่าให้ซ้ำใจ ฯ
๏ ขุนแผนว่าน้อยหรือถ้อยคำหวานฉ่ำน้ำฟ้าไม่เปรียบได้
มาหวานวัยจับจิตต์ติดน้ำใจชายใดได้ฟังเห็นจะหลงลม
แล้วแก้เงินสิบห้าออกยื่นให้สิ่งหนึ่งสิ่งไรจงเสร็จสม
ไม่ลวงล่อข้อนั้นอย่าปรารมภ์เชยชมแก้เครื่องเปลื้องจากกาย
ห้อยไว้ข้างฝาแล้วคว้ากอดสวมสอดด้วยความรักไม่เหือดหาย
จะหยิกข่วนผลักไสไม่ห่างคลายพลางชิดติดกายแนบนวลนาง
พอพระพายชายโชยโรยรินฟุ้งกลิ่นมาลาที่หน้าต่าง
ริ้วริ้วปลิวชายสไบนางจันทร์แจ่มกระจ่างอยู่พรายพราย
เรื่อเรื่อไรไรอยู่ในเมฆดาวช่วงดาวเอกรับเดือนหงาย
ดาวฤกษ์เบิกเมฆอยู่คล้ายคล้ายพระพายเยือกเย็นเปนลมลาง
หอมระรินกลิ่นแก้มแกมกลิ่นดอกไม้กอดจูบลูบไล้ไม่ไกลข้าง
รสรักแล่นทั่วสรรพางค์ต่างคนต่างมีผาสุกใจ ฯ
๏ ขุนแผนยืนอยู่ดูหอขวางของขุนช้างสร้างขึ้นไว้ใหม่ใหม่
หอนั่งตั้งฉากตลอดไปกระจกใสใส่อย่างยี่ปุ่นกลาง
รูปฝรั่งนั่งไพล่ในกระจกแล้วแขวนนกโนรีที่หน้าต่าง
ดูฝรั่งตั้งตาชำเลืองนางเหมือนอย่างคมค้อนงอนตละเปน
ใครหนอช่างฉลาดมาวาดเขียนฝูงหญิงนอนเปนอันดับมา
แล้วเสดาะใบบานดังดาลไขย่างเท้าเข้าไปในเคหา
อรรจกลับวับแวมแจ่มตาเห็นม่านปักลักขนาคนึงใจ
ผืนนี้ฝีมือเจ้าวันทองนี่ก็ฝีมือน้องพี่จำได้
ปักชั้นช่องหิมวาไลยเปนเขาใหญ่ไกลาสดังเงินยวง
ปักเปนฝูงนางกินราลอยล่องฟ่องฟ้าชมเขาพลาง
ต้นไม้รายช่อช้อยห้อยดอกดวงบานตูมพุ่มพวงร่วงกลีบโรย
น่ารักชนีที่ร่ายไม้ลิงโล่ลูกน้อยห้อยตัวโหย
ลมพัดตระบัดโบกโบยค่างโปรยใบยางเหมือนอย่างเปน
น่ารักปักเปนไม้นารีผลนวลหน้านฤมลน่าชมเล่น
วิทยามาชมทุกเช้าเย็นเนื้อนมชมเล่นเหมือนเปนจริง
งามฝูงยูงทองป้องปีกรำกิเลสเล่นน้ำนำนรสิงห์
ดูไหนก็ลไมลม่อมจริงยิ่งพิศยิ่งเพลินจำเริญใจ
จะชมม่านช้านักก็จักช้าพลางเดิรเข้ามาหาช้าไม่
ตัดสายม่านน้องลงกองไว้ด้วยอาไลยน้องวันทองนัก
มาถึงม่านกั้นชั้นสองนี่ก็ฝีมือน้องวันทองปัก
เจ้าพี่เอ๋ยน่าชมนักเจ้าช่างปักเปนรูปพระยาครุฑ
กางกรโอบอุ้มแก้วกากีสู่ต้นไม้ฉิมพลีอันสูงสุด
เข้าสู่สถานพิมารครุฑแสนสุดสวาทนาฎกากี
ปักเปนวารีสีทันดรเงือกงูมังการสลอนมี
นำคู่ลอยล่องท่องวารีกุมภีล์มัจฉาปลาหน้าน
ฝูงนาคฉลากฉลามตามโลดช้างน้ำโดดขึ้นชลพ่น
อรหันต์กางปีกกระพือชล............................
(หมดฉบับเท่านี้)
             

สำนวนที่ ๒

๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิธอันรุ่งฤทธิ์รังสีไม่มีสอง
บำราสร้างห่างโฉมเจ้าลาวทองใหตริตรองตรึกตรมอารณ์รอน
ยามนอนก่ายกรเกยนลาตเสียวสวาทลาวทองฤทัยถอน
โอ้ทำไฉนจึงจะได้มาแนบนอนแต่อาวรณ์วิเวกวังเวงทรวง
นอนเดียวเปลี่ยวใจอยู่ในห้องน้ำเนตรนองนิ่งนึกคนึงห่วง
โอ้น้องแม่มาหมองมามัวทรวงที่ไหนดวงสุดาพี่จะมีสเบย
ป่านฉนี้แก้วพี่จะโศกแสนจะนอนแน่นแนบนิ่งเหนือเขนย
ถ้าเจ้าอยู่จะได้ชูชมสเบยมาละเลยแล้วโอ้อนิจจัง
อนิจจาช่างกะไรอ้ายขุนช้างฉะใจจางเมามืดแต่โมหัง
ให้ขุ่นแค้นเคืองจิตต์คิดพวังจนคลุ่มคลั่งลุกออกมานอกชาน
ชมเดือนพอให้เชือนอารมณ์ชื่นรวยรื่นลืมมิ่งวิมลสมาน
พระจันทรจรแจ่มจักรพาฬดาวตระการเด่นดูระดะดวง
ดูเดือนเสียดายกระต่ายแต้มเดือนแรมดาวรายระรุยร่วง
เหมือนขุนช้างอิจฉาสุดาดวงดาราร่วมเหมือนเรานิราสร้าง
คิดถึงเรื่องแล้วให้เคืองอารมณ์แค้นหนักแน่นอัดอั้นอางขนาง
มึงทำกูหมายว่ากูจะละวางจะตามล้างให้ระยำจนหนำใจ
แต่วันทองน้องรักดังแก้วตาเมื่อมึงปรารถนาก็ยอมให้
นี่ลาวทองของกูได้มาไว้ยังส่อให้ต้องติดอยู่ในวัง
ดีแล้วเปนไรอ้ายขุนช้างคิดพลางทางแค้นถึงความหลัง
ไม่ควรชังวันทองไปหมองชังแค้นคั่งคลั่งคลุ้มกลับกลุ้มรัก
โอ้โอ๋วันทองของพี่เอ๋ยไม่ควรเลยอนิจจามาตกปลัก
โมโหหึงส์ดึงดันจนเด็ดรักเพราะหาญหักหุนหวลจึงชวนเชง
ห้ามเจ้าเจ้าก็ตามทรามถวิลประมาทหมิ่นอาคมคารมเหลิง
คิดถึงวันจากให้อาไลยละเลิงเพราะกระเกริงจึงต้องกรากอยู่กรุงกรัง
น่าเอนดูแต่เจ้ารู้ปรนนิบัติเมื่อกำดัดยังไม่หน่ายสวาทหวัง
ทั้งชั้นเชิงชิดชมไม่ชิงชังอุตส่าห์นั่งนวนฟั้นเจ้าหมั่นจริง
อันการแต่งแล้วก็ดีไม่มีลบขยันครบล้ำเลิศประเสริฐหญิง
น้ำใจเจ้าเล่าก็รักพี่หนักจริงนี่ประวิงเพราะแม่มันแปรเอง
ทั้งอีเถ้าหัวดกอ้ายอกขนมันเห็นว่ากูจนจึงข่มเหง
กล้าทำก็กรรมของมึงเองนี่หากเกรงพระองค์ผู้ทรงเมือง
กูจะพาแต่น้องวันทองหนีให้คดีนั้นลือระบือเลื่อง
แม้ยิ่งตามออกไปพอไกลเมืองจะกลับเยื้องย้อนชัฎสกัดฟัน
เคืองแค้นคลายคิดถึงลาวทองตรึกตรองจนย่ำพระสุริย์ฉัน
จึงเรียกทนายมาสั่งพลันพร้อมกันถ้วนหน้าทั้งข้าไทย
ให้ไปพึ่งพระหมื่นศรีเสาวราชกับหมื่นไวยวรนาถนั้นจงได้
อันตัวของข้าจะลาไปจงช่วยเอาใจใส่ท่านมารดา
สั่งพลางไปเรือนท่านมารดรยอกรทั้งสองเหนือเกศา
ก้มกราบกับเท้าท่านมารดาแล้วแจ้งกิจจาแต่จริงไป
อันลูกกับอ้ายขุนช้างล้านจะล้างผลาญกันลงให้จงได้
บัดนี้ลูกมาจะลาไปตระเตรียมการไว้ทุกสิ่งแล้ว
แม่จงพาข้าไทยไปจากบ้านอยู่นี่จะรำคาญด้วยลูกแก้ว
สู้ตายลูกไม่ไว้มันแล้วช่วยอวยพรลูกแก้วให้จงงาม ฯ
๏ ครานั้นทองประศรีผู้มารดาได้ฟังลูกว่ารำพรรณห้าม
พ่อยอดรักของแม่อย่าหมิ่นความเมื่อวันทองสิเขาตามชุนช้างไป
จะต้องการอะไรกับวันทองมันเปนสองใจแล้วไม่เลี้ยงได้
คนสองน้องแขกตามมันใยสองใจชั่วอัปมงคล
อันหญิงงามเหมือนจามรีพรายสู้ตามมิให้ซึ่งขนหล่น
ชายอื่นมิให้ชื่นสวาทปนประกอบกลว่าเปนแก่กสัตรี
ตัวเจ้าดังเผ่าสิงหราชมันชาติอุลามกเร่งหกหนี
พระทรงภพโปรดเลี้ยงถึงเพียงนี้ชาวบุรีเลื่องฟุ้งในกรุงไกร ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิธนิ่งคิดคำแม่แล้วแก้ไข
ที่จริงนั้นวันทองไม่สองใจซึ่งชั่วไปทั้งนี้เพราะมารดา
อีเถ้าศรีประจันมันเปนเองแนะนำทำเพลงให้เข้าหา
ขุนช้างจึงหากอหังกาเข้าไขว่คว้านางถีบจนตกเตียง
อีเถ้าแม่แร่เข้าไปตีลูกว่าดูถูกทำผัวจนหัวเสี่ยง
วันทองน้อยขยับจับมีดเมียงอียายแม่เข้าเคียงยุดมีดไว้
ลูกรู้เพราะหนังสือของสายทองสอดบอกข่าวน้องหาเว้นไม่
ถึงกระนั้นก็ลูกไม่จงใจเดี๋ยวนี้ไปจะแก้เผ็ดอ้ายคนคด
ซึ่งมันทำให้พลัดกับลาวทองลูกจะขอตอยต้องให้ตามบท
จนห้ามเฝ้ามิได้เฝ้าพระทรงยศก็เพราะอ้ายคนคดมันคิดความ
เจ็บอกลูกหนักแล้วนะมารดาโปรดเกศาเถิดแม่อย่าหักห้าม
ลูกไม่ย่อท้อต่อสงครามอ้ายขุนช้างติดามก็ไม่เกรง
ลูกได้ยิ่งยอดปรอทเพ๊ชรย่อห่อนเจ็ดขามใครจะข่มเหง
เช่นชาติมันพันหนึ่งลูกไม่เกรงแต่เพียงต่อยคนละเป้งจะวิ่งไป
หน้าอ้ายตุ่นขุนช้างนี่นะแม่มันจะแร่อาจตามไปถึงไหน
มีแต่จะกอดหมดนนอนร้องไปตีอกร่ำไห้กว่าจะตาย ฯ
๏ ทองประศรีได้ฟังซึ่งน้ำถ้อยจะจากลูกน้อยแม่ใจหาย
ร้องไห้น้ำหมากขากฟูมฟายอวยพรลูกชายทั้งน้ำตา
จะว่ากระไรไม่ออกสอื้นฮึกตามที่พ่อจะตึกเอาเถิดหวา
แข็งใจเอามือเช็ดน้ำตาแล้วแช่งว่าขุนช้างให้ตายไป
แต่ลูกกูอายุให้ยืนนานประเสริฐดังพระอวตารประสิทธิ์ให้
ทั้งพระเวทเรื่องเดชเดโชไชยให้อ้ายขุนช้างพ่ายแพ้ฤทธิ์
พรแม่ตั้งใจให้จริงจริงจะนึกสิ่งใดให้สำเร็จกิจ
ให้มีชัยแก่หมู่ปัจจามิตรพรแม่ประสิทธิ์ให้ลูกยา ฯ
๏ ขุนแผนรับพรแล้วก้มเกล้ายกเท้าแม่ทูลเหนือเกศา
ประทักษิณมัสการซึ่งมารดาแล้วลีลามาหอพระสี่กร
จึงจุดเทียนประทีปขึ้นบูชาบุปผาผกาเกสร
เอาหนังราชสีห์อันบวรปูซ้อนเชื้อเชิญซึ่งเทวา
นุ่งขาวห่มขาวสมาธิตั้งสติร่ายถูกพระคาถา
ครบร้อยแปดคาบด้วยศาสตราปฏิมารูปปลุกก็ลุกครัน
เป่าสังข์บูชาพระหริวงศ์น้ำกุหลายอาบสรงเกษมสันต์
จึงเอาขันสำริดน้ำสรงนั้นมาลงยันต์เจิมกระหม่อมด้วยยินดี
ล้างหน้าแล้วว่าอธิษฐานกรายกรานขอพรประเสริฐศรี
จึงสั่งให้บ่าวผูกพาชีฤกษ์ดีแต่งตัวด้วยเร็วพลัน
นุ่งยกดวงแย่งระยับเยี่ยงเข็มขัดเพียงดังแกล้งประสมสัน
ชั้นในย้อมว่านประทับยันต์ชั้นนอกนั้นอัตลัดสพักทอง
คาดเจียรบาดเทศแล้วเหน็บกฤชดังชวากล้าฤทธิ์เรืองสยอง
สังวาลกุดั่นสุวรรณกรองประคำทองตุ้มปี่อาจารย์ลง
แล้วจับเครื่องบวงสรวงสังเวยตามเคยเครื่องต้นต้องประสงค์
สายสิญจน์ธูปเทียนเจียนประจงฉัตรธงเพดานเอาส่านทำ
ใส่แหวนต่างต่างกระจ่างวามสง่างามดูประดิษฐ์พิจิตรขำ
โพกประเจียดประจุเครื่องประจำภควำใส่ยอดมงคลดี
ก้มจับฟ้าฟื้นยืนอ่านเวทสังเกตคอยฤกษ์ประเสริฐศรี
พอได้ศุภฤกษ์จรลีขึ้นพาชีเป่ามนต์เรียกพูตพราย
ปลอดทั้งทักทินยมขันห่วงเฉียงโชคชั้นตวันฉาย
เหลวเหล็กผีหลวงพ้นห่วงร้ายเร่งพายหน้าหลังกำบังมา
มีดฝานว่านยาทาฝีปากออกจากบ้านตรงเข้าดงป่า
ตั้งจิตต์บริกรรมภาวนาตัดมาดงห้วยหนองตะพาน
ถึงหนองจรเข้เพลาค่ำให้ม้ากินหญ้าน้ำเกษมสานต์
แล้วมาถึงบ้านพลับมิทันนานใกล้บ้านขุนช้างเข้าฉับพลัน ฯ
๏ จึงตัดไม้ทำศาลเพดานดัดพลีบัตรนั้นทำมาสรรพสรรพ์
ตีเหล็กไฟจุดธูปเทียนพลันเอาเครื่องพลีนั้นออกบูชา
วงด้ายสายสิญนจ์โขลนทวารแปดด้านแขวนยันต์ทุกทิศา
เอาผ้าผืนเครื่องทั้งนั้นมาโอมอ่านฤทธาอาคมมนต์
ปลุกเษกชุมนุมเทวดาให้ชอุ่มมืดฟ้ามัวฝน
อาราธนาเทวดาทุกตำบลจอมสกลอิศเรศรแลนารายณ์
อินทราเทวดาศศิธรทินกรเวสสุกรรมวรุณฉาย
รามสูรอรชุนแลพระพายขอถวายกรน้อมประนมเชิญ
ทั่วทั้งสินหกห้องสวรรค์ชั้นฟ้าอิกรุกขาคีรีเขาเขิน
ลำเนาหนองคลองห้วยกรวยโกรกเกรินเถื่อนเถินปิศาจพระทรงเมือง
ปู่เจ้าจอมภูผาป่าอ้อแดงเจตคุกเรืองแรงฤทธิ์ลือเลื่อง
ทั้งพระกาลองครักษ์หลักเมืองขอเชิญมารับเครื่องพลีกรรม์
แล้วตั้งความสัตย์อธิษฐานจงเปนทิพย์พยานประเสริญสรรพ
ขุนช้างมิได้อยู่ในทางธรรม์สหายกันมันคิดประทุษร้าย
เอาภรรยาของข้าไปชมขวัญซึ่งข้อนั้นข้าก็ดับโมโหหาย
มีเมียใหม่ได้มาไว้แนบกายยังปองร้ายคิดทำให้จำไกล
เสียดส่อต่อเติมเอาความทูลนเรนทรศูรพิโรธไม่เฝ้าได้
แล้วมิหนำซ้ำให้เอาเมียไปปักสดึงอยู่ในนิเวศน์วัง
วันนี้ข้ามาจะตอบแทนความแค้นแก้เผ็ดขุนช้างมั่ง
แม้ข้าไม่อยู่ในสัจจังเชิญสังหารชีพอย่าได้ไว้
ถ้าข้างขุนช้างกระทำผิดขอให้สำเร็จกิจข้าจงได้
เทวาอารักษ์อย่าเข้าใครใครชั่วก็ให้ประจักษ์ตา ฯ
๏ ครานั้นเทพาอารักษ์สิทธิศักดิ์ปิศาจแกล้วกล้า
ผีภูตโขมดมารยาซึ่งมารับสังเวยพลีกรรม์
ปรึกษากันครั้นเห็นว่าขุนช้างโหดร้ายใจจางโมหันธ์
ทำลายสหายคิดร้ายกันเอาเมียเกลอนั้นมาเคล้าคลึง
มั่งมีเงินทองเสียเปล่าเปล่าไม่ตอบแทนคุณเราสักนิดหนึ่ง
ดีแต่จะกินเหล้าแล้วเมาอึงเข้าของหน่อยหนึ่งไม่ถึงเรา
แต่คุ้มเกรงรักษามาไม่น้อยคราวนี้จะต้องปล่อยตามทีเขา
ให้สมอ้ายขี้ตืดที่มืดเมาจะคว้าหาเมียเปล่าไม่รู้ตน ฯ
๏ ขุนแผนแสนเลิศประเสริฐฤทธิ์ดังอาทิตย์แจ่มแจ้งกระจ่างหน
ปลุกฤทธิ์สิทธิเดชด้วยเวทมนต์เอิกเริกฤกษ์บนได้ท่วงที
จึงดูนิมิตเมฆฉายดูกายผิวผ่องลอองศรี
ขาวช่วงดังดวงจินดาดีเปรมปรีดิ์สำอางกระจ่างใจ
จบจับฟ้าฟื้นขึ้นขี่ม้าพลายกุมารนำหน้ามาไสว
ถึงขอบเขื่อนเขตเรือนเข้าทันใดขุนแผนตั้งใจภาวนา
สกดพวกบ่าวเฝ้าประตูคุดคู้บ่นเพ้อเลมอด่า
ทั้งตัวพันอินท์พัทธยาเลมอชักตุ้งก่าคว้าเหล็กไฟ ฯ
๏ ครานั้นนางพรายของขุนช้างทั้งห้านางระวังวิ่งไสว
เล็ดลอดสอดมองระมัดไภยแลไปเห็นคนขี่ม้ามา
บอกกันว่านั่นแน่ขุนแผนแล้วล่วงแล่นเล็ดลอดละเลิงร่า
ทำจริตบิดเบือนซึ่งกายาให้หน้าตาพิลึกสพึงกลัว
สูงดำทมนยืนกั้นม้าบ้างขึ้นบนต้นหว้าแล้วห้อยหัว
คว่างทิ้งวิ่งเรี่ยบนปลายรั้วจับตัวให้ได้อ้ายคนคม
อีคนหนึ่งถลิ้งห้อยหัวเดิรสูงเกินปลายไม้สยายผม
คึกคึกดังจะแผดแผ่นดินจมอ้าปากพ่นลมดังไฟกัลป์ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสท้านปรีชาชาญพริ้งเพริศประเสริฐสรรพ์
เห็นนางพรายรบรุกบุกบันกีดกันวงวิ่งเปนสิงคลี
จึงแก้เข้าหอมที่ย้อมว่านโอมอ่านพระเวทประเสริฐศรี
ซํดพรายขุนช้างในทันทีดังอสนีฟอนฟาดจะขาดใจ ฯ
๏ นางพรายขุนช้างสิ้นทั้งห้าดังต้องสายฟ้าไม่ทนได้
ต่างล้มลุกจนซุกซนไปปีนขึ้นต้นไม้หักใบบัง
เห็นหนุ่มน้อยหน้านวลชวนชมศาสตราอาคมของเขาขลัง
จึงแปลงกายให้เหมือนนางชาววังเดิรแอบแยบยังกะทั่งไอ
แฝงคนแล้วถามด้วยความดีค่ำมืดป่านนี้จะไปไหน
ประทานโทษเถิดหม่อมนี้ชื่อไรมาประสงค์สิ่งใดทนงนัก
ชั่งไม่กลัวกองตระเวณที่เกณฑ์เที่ยวฉันเปนเสียวใจกลัวแทนหม่อมหนัก
แล้วอย่าแค่นว่าฉันข้อนแสนงอนทักเพราะว่ารักดอกจึงห้ามด้วยความกลัว ฯ
๏ ขุนแผนได้ฟังซึ่งแยบยลน้อยหรือกลดตรึกพลางทางยิ้มหัว
แต่น้องเปนนางในยังไม่กลัวตัวพี่นี้เปนชายจะเกรงไย
พี่ขอถามเจ้าบ้างอย่าอางขนางทั้งห้านางนี้น้องอยู่กรมไหน
แม้ประทานจะสนองให้ต้องพระไทยไม่อาไลยจานทองสักนิดเลย ฯ
๏ น้อยหรือกลแยบยลมาลวงหญิงชั่งจัดจริงจบเจียวแม่เจ้าเอ๋ย
ใครหลงลิ้นก็จะลอยเปนลมเลยถ้าเชื่อเชยชมแล้วก็ชวนเชิง
แต่อย่างฉันนี้หรือสมเปนข้าหลวงอย่าติล่วงเล่นลิ้นให้ลานเหลิง
ไม่รักเปนชาววังกลัวหลังเปิงจะอยู่ละเลิงเล่นข้างนอกตามสบาย
ถึงต้องติดเปนข้าท่านขุนช้างก็เหมือนอย่างตัวเปล่าอยู่แหล่หลาย
แม้ว่ายอมตามหม่อมกลัววุ่นวายเหมือนทำกรรมใส่กายไม่ต้องการ
มาประสงค์สิ่งใดจะใคร่รู้จึงมายั้งหยุดอยู่ประตูบ้าน
ถ้าขุนช้างมาเห็นมิเปนการเชิญท่านกลับไปอย่าได้ช้า ฯ
๏ พี่ขอบคุณแล้วที่ข้อรำพรรณแถลงเจ้าไม่แจ้งจิตต์จงจำนงข้า
พี่จะเล่าให้เจ้าฟังแต่หลังมาขุนช้างกับข้าเปนมิตรกัน
บัดนี้เขาพาเจ้าวันทองเมียของพี่ไปไว้ชมขวัญ
เสียน้ำสบถคิดคดกันมาวันนี้พี่หวังจะแทนทด
จงหลีกให้พี่เข้าไปหน่อยเถิดนางอย่ากีดขวางเลยน้องมิต้องขบถ
เกรงอะไรกับอ้ายทรยศนี่พี่งดเพราะเจ้าทั้งห้านาง
สามิภักดิ์ต่อนายได้ยากเย็นใช้เช่นนี้พี่เห็นเปนผิดอย่าง
อดนอนเดิรนั่งระวังทางใช้นางอย่างนี้มิสมควร
นี่จนใจด้วยเปนข้าเขาข้างนั้นถ้าผูกพันกับพี่นี้จะสงวน
จะให้แต่นั่งผัดพักตร์ยักหน้านวลเชยชวนเจรจาสำราญใจ
แป้งน้ำมันมิให้หมองกระเหม่าม่อยอีกไม้สอยส้นงาจะหาให้
กระจกแหนบก็จะแอบให้กันไรจะถึงใจทั้งกระแจะน้ำมันจันทน์ ฯ
๏ ครานั้นนางพรายได้ฟังคำชั่งคมขำแซมสอดทุกสิ่งสรรพ์
นั่งไหว้ทำชม้ายเมียงมันเชิงหม่อมว่านั้นเห็นสุดคิด
ด้วยน้องสิอยู่กับท่านขุนช้างจะวิ่งวางหนีตัวกลัวความผิด
ซึ่งเมตตาว่าจะพาไปเชยชิดก็ควรคิดขอบข้อประคองคุณ
แต่ท่านขุนช้างได้เลี้ยงมาไม่ควรเลยที่ข้าจะหันหุน
เห็นเปนตัวน้องนี้เนรคุณต่อท่านขุนช้างที่เลี้ยงมา
อันซึ่งขุนช้างทุจริตชอบผิดนั้นไม่รู้ที่จะว่า
จะให้ซ้ำพร่ำโทษท่านเลี้ยงมาตัวข้าไปไม่ทำเปนกรรมไป ฯ
๏ ขุนแผนเห็นว่าจะช้าทีก็คลายคลี่เข้าซัดไปไม่ปราไสย
เจ้าจะยับนะขยับเสียให้ไกลกลังอกไปพ้นทางอย่าขวางกัน
ว่าแล้วขุนแผนแสนประเสริฐเสดาะเปิดกลอนถอนประตูสั่น
เท้าถีบเปิดทวารทั้งสามชั้นสั่งให้พรายนั้นเร่งเข้าไป
เที่ยวดูผู้คนทุกตำแหน่งแอบแฝงหลับตื่นเปนไฉน
คนมีมากน้อยสักเท่าไรดูให้สิ้นสุดแล้วกลับมา ฯ
๏ พรายกุมารรับคำขุนแผนสั่งไม่รอรั้งวิ่งแข่งกันขึ้นหน้า
ประเดี๋ยวหนึ่งถึงเรือนศรพญาเคหาใหญ่อยู่ประตูกลาง
นอนหลับด้วยกันกับภรรยากลับหัวลงมาอยู่ข้างล่าง
เอาก้นเมียต่างหมอนแล้วนอนครางดูกับขุนช้างก็คล้ายกัน
พรายกุมารเล็ดลอดเที่ยวสอดดูเห็นพวกเฝ้าประตูจับหัวสั่น
อีกเหล่านงยามทั้งสามชั้นชวนกันนับคนแล้ววิ่งมา
ถงจึงไหว้บอกกับขุนแผนบ่าวเข้าเฝ้าแหนอยู่แน่นหนา
ทั้งสามชั้นพร้อมกันคอยตรวจตราชั้นละสิบห้ากำลังนั่งกองไฟ
เรือนทาสรายกลาดรอบรั้วทึบพร้อมสพรึบล้อมเรียงรอยเรือนใหญ่
บ้างเล่นหมากรุกสนุกไปมันตรวจตรากันไม่ให้หลับนอน ฯ
             

๏ ขุนแผนแสนเลิศประเสริฐฤทธิ์ไม่วางจิตต์พร่ำสั่งกระซิบสอน
จงกลับเข้าไปชักสลักกลอนสกดให้นอนหลับใหบไปทุกคน
แต่บันดาผู้คนของขุนช้างอย่าได้ว่างเว้นเลยสักแห่งหน
ขนให้สิ้นอย่างทั้งล่างบนจนสุนัขก็อย่าให้ลืมตา ฯ
๏ ครานั้นนางพรายกุมารทองต่างคนองกราบไหว้แล้วบ่ายหน้า
วิ่งดังลมพัดสบัดพามาทำดังว่าสิ้นทั้งปวง
บ่าวไพร่ชายหญิงที่ทำการบ้างโก้งโค้งคลานเหงาหลับง่วง
เลมอไลมไปว่าโขมยล้วงยุดหน่วงไม้พลัดซัดโบยเมีย
มะเปิงเลมอขึ้นโก้งโค้งคลำล้วงกระโปรงว่าโพรงเหี้ย
โรงเจ๊กลูกเล็กไว้หางเปียเลมอร้องหาเตี่ยอยู่รอบเรือน
บ้างโดดเลมอว่าปักกร่ำลุยบุกน้ำครำถลำเปื้อน
วิปริตผิดเพ้อไปทุกเรือนฟั่นเฟื่อนงวยงงด้วยภูตพราย ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิธแค้นคิดเกรี้ยวกราดด้วยมาดหมาย
ครั้นสั่งกุมารภูตพรายทำคนทั้งหลายให้นิทรา
บ้านขุนช้างเงียบเชียบสงัดเสียงหลับกายรายเมียงไม่เงยหน้า
ขึ้นม้าผันแปรแลมาชมเขตเคหาของขุนช้าง
ขอบนอกนั้นเรือนศรพญาสอาดตาภูมิฐานกว้างขวาง
ผู้คนนอนกรนเลมอครางดูพลางทางนึกอยู่ในใจ
รุ่งพรุ่งนี้แล้วอ้ายขุนช้างจะกอดหมอนนอนครางน้ำตาไหล
วันทองตามันมาเปรมใจวันนี้จะได้เห็นหน้ากัน
ขี่ม้าเที่ยวดูมาถ้วนที่บมีใครทักเธอเพ้อฝัน
มาถึงเรือนใหญ่ขุนช้างพลันผินผันหน้าตรงเข้าหัวนอน
ลงยันต์ปิดม้ายังตาคนเป่ามนต์ลูบหลังแล้วสั่งสอน
ให้สีหมอกเข้าซอกอยู่เร้นซ่อนอดนอนแอบบังระวังตัว
สั่งพรายให้ประจำเจ้าขุนช้างทั้งอีนางวันทองคนองผัว
เราปลุกจึงลุกออกจากตัวอย่าให้เงยหัวทั้งข้าไทย
จึงจุดเทียนสกดเข้าติดเสาผีเย่าเฝ้าเรือนไม่อยู่ได้
ขุนแผนกำราบปราบไปขับไล่ปรายว่านเข้าสารซ้ำ
ซัดข้ามหลังคาได้สามหนผู้คนที่หลับกลับตื่นคล่ำ
แล้วกลับลัมกรนบ่นพึมพำเษกมนาวซัดซ้ำกระหน่ำไป
ทิ้งข้ามหลังคาได้สามหนขุนช้างหลับกรนไม่ทนได้
กอดวันทองหลับระงับใจนางพรายน้อยใหญ่ไม่ละวาง
บ้างช่วยกลิ้งครกเข้าหนุนตีนปีนร้านดอกไม้ที่หน้าต่าง
พิศชมต้นไม้นายขุนช้างเกลื่อนกระถางเคลือบวางเปนสามชั้น
ต้นส้มมะสังแซมยี่สุ่นดอกแก้วหอกกรุ่นพิกุลกลั่น
สมอรัดตัดพุ่มสินเอ็ดชั้นมขามป่อยขยันเปนฝักงาม
สนสร้อยหางโตตะโกนาตะขบข่อยระย้าบ้างสุกห่าม
ยมโดยดอกกลุ่มชอุ่มงามประยงคุ์แย้มแซมซามรบัดใบ
รำดวนดกเด่นช่ออรชรสารภึเกสรเสียดไสว
สาวหยุดพยอมหอมยวลใจกุหลาบกลิ่นไกลปนจำปา
งามกระดังงาจีนกลิ่นหอมเย็นดอกดกดูเด่นฟุ้งกลิ่นกล้า
หยุดยืนชมเล่นเห็นจะช้าเชือนมาชมกระถางอ่างปลาทอง
ว่ายแหวกแถกถาในสาชลดำพ่นผุดน้ำแสงเดือนส่อง
ดูกลมเกลี้ยงเกลากลึงประหนึ่งกลองปลาทองผุดดำลำบากคลัน
บ้างก็โปเปาปุ่มเปนยุ่มยอว่ายป๋อหลอเคียงคู่กันดูขัน
กระโดงเข็มกระโดงขามก็ครามครันจากนั้นเดิรตรงมาหอกลาง
จึงเสดาะประตูทันทีเที่ยวทุกหอรีแลหอขวาง
ฝูงทาสหลับกลาดนอกหอกลางบ้างนอนวิปริตผิดกิริยา
ผ้านุ่งยุ่งปนกับผ้าห่มเปิดนมผมปรกลงประบ่า
ดูเปนสมเพชเวทนาแล้วเดิรมาเห็นห้องหนึ่งชอบกล ฯ
๏ ขุนแผนจึงแวะเข้าไปดูเห็นม่านน้อยห้อยอยู่ประตูต้น
แล้วมีฉากพับสลับบนจงกลอรรจกลับวะวับวาม
เปิดม่านเอามือถือค้างไว้ทนงใจอาจจิตต์ไม่คิดขาม
พิศดูเครื่องห้องลอองงามขันน้ำตั้งพานกระบวยลอย
หีบนากเครื่องคู่กระโถนเคียงบนม้าเรียงแหนบครบทั้งไม้สรอย
กระจกใหญ่ฉายเฉิดคันฉ่องลอยพานน้อยเครื่องแป้งนั้นปริกทอง
ราวเช็ดหน้าหีบผ้าเข้าวางแอบด้วยที่แคบรู้การไม่กีดห้อง
หมอนข้างวางเคียงบนเตียงรองก็เปิดมุ้งเห็นน้องขึ้นนั่งชม
เจ้านอนอยู่บนเตียงกจ้อยร่อยแบบบางร่างน้อยหน้าสวยสม
งามคิ้วผิวเนื้อแลนวลนมไรช้ำขำคมอยู่ในที
ดวงหน้าลม้ายคล้ายหน้าเทศดูแก้มดังการเกดยังอ่อนสี
ปากนางอย่างจะยิ้มเยื้อนพาทีคอดังกินรีเมื่อร่อนรา
นิ้วมือลำแขนเหมือนอย่างเขียนประจงเจียนดังวิจิตรเลขา
เอวบางอย่างวาดสอาดตาทั้งอุรานั้นก็ผายลม้ายที
นุ่งลายห่มผ้าสีนวลน้อยดึงนางลอยลิ่งสถานพิมานศรี
หลับสนิธแต่จริตนั้นติดดีหลากนักนางนี้จะเปนใคร
วงศ์วานว่านเครือของขุนช้างหรือญาติข้างวันทองเปนไฉน
จะว่าเมียขุนช้างผิดอย่างไปนวลเจ้าดูยังไม่ต้องมือชาย
จำจะปลุกให้ลุกขึ้นไต่ถามจึงจะแจ้งเนื้อความสิ้นทั้งหลาย
สั่งพรายพรายวางให้นางคลายซ้ำร่ายมนต์แล้วเข้าเคล้าคลึงชม ฯ
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยานิทราหลับจิตต์สนิธสนม
ฟื้นกายเห็นชายมาลอบชมจะร้องต้องอาคมมาข่มใจ
ลุกจากเตียงเมียงชม้ายเอ๊ะชายผู้นี้มาแต่ไหน
อ้อนแอ้นรูปทรงองอาจใจจำจะถามไต่ให้แจ้งการ
แฝงม่านแล้วถามเนื้อความไปท่านนี้คือใครจึงอาจหาญ
รูปทรงก็ไม่เห็นจะเปนพาลนี่คิดการอย่างไรจึงเข้ามา ฯ
๏ ขุนแผนฟังวับจับทรวงกระสัลชั่งรำพรรณสอดเสียงบ่ายเบี่ยงว่า
พี่มิใช่ชายพาลหาญหยาบช้าพี่มาติดตามเจ้าวันทอง
ด้วยขุนช้างพานางมาร่วมรักพี่ยังไม่รู้จักซึ่งแห่งห้อง
บุญพี่ดลใจได้พบน้องสำคัญว่าวันทองมิ่งเมียรัก
ช่างเหมือนสิ้นเหมือนสุดทั้งคิ้วตากิริยาหลับนอนก็สมศักดิ์
พี่มานั่งหลงเลยเชยชมพักตร์ลักลูบจูบน้องคนองใจ
เจ้าต้องมนต์หลับสนิธอยู่แก้วตาหารู้สึกตัวไม่
อย่าถือโทษโกรธพี่ขออไภยช่วยบอกให้ประจักษ์สักสองคำ
นี่เจ้าเปนอะไรกับขุนช้างเจ้าอย่าพรางพี่เลยที่ข้อขำ
ขอถามถึงวันทองสักสองคำแม่อย่าอำนะช่วยบอกแต่ความจริง ฯ
๏ นางแก้วกิริยาได้ฟังถามสดุ้งคร้ามไหวจิตต์ให้คิดกริ่ง
นี่จะเปนขุนแปนแม่นมั่นจริงที่จะตามมาชิงท่านวันทอง
วิทยาอาคมเขาหนักหนาอาจใจเที่ยวมาถึงในห้อง
ให้กลัวขนลุกหนังหัวพองเห็นจะเสียวันทองแล้วแน่ใจ
ครั้นจะมิโอนอ่อนรับวอนคำเคืองแค้นก็จะทำเหตุใหญ่
เร่งคิคครั่นคร้ามขามไภยมานี่เจ็บใจด้วยวันทอง
คิดแล้วตอบว่าช่างน่าหัวมาหลงตัวแล้วมิหนำซ้ำหลงห้อง
ไม่น่าขันเลยว่าฉันเหมือนวันทองอย่าซ้องสรรเสริญให้เกินดี
จะชักปัดนี้หรือไปเทียมแก้วก็รู้แล้วว่าแสร้งแกล้งใส่สี
ตัวฉันนั้นมิใช่เปนผู้ดีฉันเปนแต่ทาสีแม่วันทอง
บิดาเปนพระยาสุโขไทยท่านตกยากเข็ญใจเศร้าหมอง
ขัดเงินไถ่โทษที่จำจองจึงเอาน้องมามาขายฝากไว้
เปนเงินตราสิบห้าตำลืงถึงปีแล้วก็ยังหาส่งไม่
ชื่อแก้วกิริยามาตกไร้ฉันบอกแล้วเชิญไปเสียโดยดี
เปนไทยอย่าได้มาคบทาสถ้าประมาทก็จะเสื่อมซึ่งศักดิ์ศรี
จะตอบแค้นแทนกันในวันนี้ตามแต่ท่านผู้ดีจะทำกัน ฯ
๏ ฟังคำร่ำว่าช่างน่ารักจะใคร่ลูบจูบพักตรเฉลิมขวัญ
รู้เสงี่ยมเจียมตัวทุกสิ่งอันพิไรร่ำรำพรรณน่าเอ็นดู
สมเปนลูกสาวสุโขไทยน่าสงสารสายใจด้วยไร้คู่
ชายใดได้ร่วมภิรมย์รู้จะชื่นชูอาลัยทุกเวลา
เจ้ายากก็ไม่มากสักเท่าไรพี่จะช่วยด้วยใจสเนหา
อย่าว่าแต่ยากเพียงสิบห้าถึงห้าชั่งก็จะมาช่วยทุกข์น้อง
ว่าพลางทางแก้ห่อเงินให้เหลียวจูบลูบไล้อยู่ในห้อง
แม่ช่วยชี้ที่ห้องเจ้าวันทองพี่ไม่ลืมคุณน้องคุ้มวันตาย ฯ
๏ นางแก้วกิริยาครั้นได้ฟังชุดนั่งแอบเตียงแล้วเมียงม่าย
ค้อนควักผลักมือด้วยแสนอายหม่อมมาทำหยาบคายดีฉันไย
ช่วยทุกข์ช่วยอยากจะเอาบุญทำคุณแล้วจะซ้ำทำโทษให้
ฉันไม่คู่ควรอย่ากวนใจด้วยบิดาสั่งไว้ให้สงวนตัว
ถึงจะยากเย็นแสนเข็ญใจว่ามิให้คบชู้ทำสู่ผัว
มิให้ทำแต่อำเภอใจตัวขืนคบชู้ซึ่งผัวไม่เลี้ยงไว้
ให้บิดามารดาข้ารู้ก่อนก็จะประสิทธิ์พรอำนวยให้
ได้รับคำสั่งบิดาไว้ฉันไม่ยอมด้วยได้อย่าพาที
จะเห็นอะไรแก่แก้วกิริยาเปนคนอนาถาไม่พอที่
เมื่อคู่จิตต์ชิดสมานของท่านมีไม่ควรที่เลยจะทำให้จำใจ
พอได้แล้วก็จะสลัดลิ่วไม่รู้ว่าปลิวไปทิศไหน
ข้างฝ่ายฉันก็จะซ้ำระกำใจเหมือนติดใบบอยพอให้หลงลม
พอรู้รสก็จะร้างแรมประเวศกุสุเมศหมางธารประสานสม
ภุมเรศก็จะเร่เรณูชมดวงสุกรมก็จะช้ำระกำกาย
อกฉันก็จะกินกำสรดโศกแสนวิโยคเหมือนมณีสีสลาย
มิควรข้องก็จะต้องเคืองระคายไม่ควรที่จะอายก็อัปมาน
ไหนเพื่อนข้าเขาจะว่าให้เจ็บจิตต์ต่อติดเย้ยหยันประจัญจ้าน
ทั้งเจ้าเงินก็จะข้อนแคะประจานให้อัปมานฝูงข้าไปตาปี
ฝ่ายพ่อแม่รู้เรื่องจะเคืองโกรธทำโทษเฆี่ยนขับดังสับสี
หม่อมใช้ก็จะได้แต่เปรมปรีดิ์ดังขึ้นวิมานตระการทิพย์
ข้างแก้วกิริยาตั้งตาคอยจะแลลอยคลับคล้ายไปหายฉิบ
แม้นใครรู้ก็จะจู่กันกระซิบตากระหยิบปากด่าใส่หน้าเอา
ว่าเปนข้าแล้วให้ผ้าเหม็นสายสิ้นฉันจะผิดหน้าเถียงอย่างไรเล่า
สมน้ำหน้าจัญไรอีใจเบาจะต้องเอาหนังหุ้มอยู่ตาปี ฯ
๏ ขุนแผนได้ฟังซึ่งน้ำคำเฉี่อยฉ่ำแสนสุดสวาทพี่
ซึ่งบิดาน้องสั่งไว้ทั้งนี้ก็ชอบประเพณีบุราณมา
พี่ไม่ลวงน้องให้หมองสัตย์จะปรนนิบัติไปตามคำที่ว่า
เพราะใจพี่รักมิตรคิดเวทนาพี่จึงมาแก้เผ็ดอ้ายขุนช้าง
พี่สกดหลับหมดทั้งเรือนแล้วเจ้าแก้วกิริยาปรานีบ้าง
พี่ก็ได้อิงแอบแนบทรวงนางจะให้ร้างเลิกกันไม่ทันแล้ว
พี่ขอฝากรักไว้ที่ในน้องแล้วจึงจะสนองพระคุณแก้ว
จะไปไหว้เกิดเกล้าของเจ้าแล้วนางแก้วกิริยาอย่ากริ่งใจ
ถ้าพี่ลวงน้องให้หมองสัตย์วิทยาอย่าชงัดสักสิ่งได้
จะทำตามให้งามสมสั่งไว้พี่ให้สัตย์น้องจงครองรัก
ว่าพลางเปลื้องเครื่องขึ้นแขวนฝาอุ้มแก้วกิริยาขึ้นวางตัก
พลางตระโบมโลมลูบจูบพักตรจะผลักเท่าไรไม่ฟังนาง
พระพายชายชวยมารวยรินฟุ้งกลิ่นบุปผชาติสอาดกระจ่าง
ฉิวฉิวปลิวชายสไบนางพระจันทร์จรแจ่มกระจ่างอยู่พราวพราย
เรื่อเรืองเหลืองใสอยู่ในเมฆดาวช่วงดวงเอกรับเดือนฉาย
ดาวฤกษ์เบิกเมฆอยู่คลับคล้ายพระพายพัดยิ่งเย็นเปนลมลาง ฯ
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยาในอุรานึกพรั่นอางขนาง
เกรงใจกลัวไภยท่านขุนช้างอิงแอบแนบข้างรำคาญใจ
มาคุมเหงฉันเล่นถึงเช่นนี้จะพาวันทองหนีจากเรือนใหญ่
ท่านหากจะไปสบายใจฝ่ายฉันจะได้แต่เดือดร้อน
ท่านขุนช้างจะง่านทยานใจจะพาลด่าข้าไทยไม่หยุดหย่อน
ไม่เข้าการจะพาลให้พลอยร้อนคิดรักควักค้อนด้วยงอนใจ ฯ
๏ ขุนแผนจึงว่าแก้วตาเอ๋ยไม่หายแคลงบ้างเลยข้อสงไสย
พี่ไม่ล่อลวงเจ้าดวงใจไปแล้วก็จะกลับมารับน้อง
นี่หากมาแก้เผ็ดอ้ายพาลาใช่ว่าจะพาไปสมสอง
จะทดแทนแก้แค้นทั้งวันทองดูไปเถิดน้องจะเห็นใจ
ถึงเทวดาเหาะลงมาห้ามอันจะอดงดความอย่าสงไสย
เจ้าอย่าด่วนแหนงคลางแคลงใจพลางกอดจูบลูบไล้อยู่ในที ฯ
๏ ไอ้มีแต่แนมแก้มฉันอย่างเชลยหม่อมเสบยใจน้องช้ำคล้ำเปนฝี
จงเมตตาเถิดอย่าให้เกินดีไม่ปรานีคนยากปิดปากทำ ฯ
๏ ขุนแผนจึงว่าแก้วตาพี่ชั่งพาทีงอนเหลือแม่เนื้อขำ
พี่แสนรักเจ้าอย่าหักให้ใจจำถึงจะร่ำพิไรคงไม่ฟัง
ว่าพลางกอดกระหวัดรัดรึงเคล้าคลึงคว้าไขว่ดังใจหวัง
เหมือนนาคารึงรัดกระหวัดวังอกทั้งทับสอดมือกอดกลม
กาเมเรรวนปั่นป่วนจิตต์สองสนิธแนมแนบเกษมสม
ถ้อยทีกอดเกี่ยวกันเกลียวกลมต่างภิรมย์ต่างชื่นด้วยแรกชม
พระพายพาคันธรสมารวยรื่นเหมือนชวนชื่นเชยชิดในเชิงสม
ภุมเรศร่อนประเวศวงเวียนชมก็เชยฉมบุษบงประจงชวน
ฟุ้มหอมกล่อมกลั้วกับกลิ่นแก้มแกมกลีบเกสรตระหลบหวล
ถนอมชมกอดชิดสนิธนวลอุ่นอุ่นเหมือนจะชวนให้หลงชม ฯ
๏ นางแก้วกิริยาแรกรู้รสหลงชดเชยชิดสนิธสนม
ต่างคนต่างสอดกอดกันกลมสองภิรมย์สำราญเบิกบานใจ
จะสู่สมชมนักจะชักช้าไม่สมควรจวนเวลาปัจจุสไสมย
ข่มรักสนิธคิดอาไลยกอดจูบลูบไล้แล้วบอกความ
ตามสิ่งซึ่งจิตต์ประสงค์มานางแก้วกิริยารำพรรณห้าม
พ่ออย่าได้หมายมาดประมาทความน้องคิดครั่นคร้ามไปทั้งตัว
แม้นเขาจับได้จะวอดวายน้องจะยอมพลอยตายด้วยทูลหัว
ตรอมใจไหนน้องจะเปนตัวว่าพลางกอดผัวเข้าร่ำไร ฯ
๏ ขุนแผนถอดแหวนออกจากก้อยเพ็ชรประดับวงน้อยออกส่งให้
ราคาสิบตำลึงอันพึงใจเจ้าเอาไว้ต่างหน้ากว่าจะมา
จับเครื่องที่ถอดนั้นสอดใส่แล้วควักเงินออกให้อีกสิบห้า
นี่เอาไว้จะได้กินกว่าจะมาจูบสั่งสอนว่าแล้วคลาไคล
๏ นางแก้วกิริยาสลดจิตต์นั่งคิดแลตามน้ำตาไหล
ดังใครแคะแขวะล้วนเอาดวงใจกลับวิ่งไปยึดผัวด้วยความรัก
หม่อมเอ๋ยกระไรเลยสลัดสละเอาดาบฉะเสียเถิดให้คอหัก
น้องจะได้เหือดหายคลายความรักสอื้นฮักข้อนอกเข้ารุมรัน ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิธนิ่งพินิจดูนางพลางรับขวัญ
ใช่พี่แกล้งเริศร้างห่างจรัลอย่าโศกศัลย์เลยแม่จงวางมือ
แม้หม่อมยอมกระนี้ไม่ดีแล้วไม่รักจริงทิ้งแก้วเสียแล้วหรือ
ไม่ฟังฉันดึงดันแกะไม้มือฟ้าผ่าเถิดร้องให้อื้อขึ้นสาใจ
โอ้กรรมแล้วเจ้าแก้วกิริยาอนิจจาเหมือนจะแกล้งแต่งความให้
พี่มิได้ล่อลวงเจ้าดวงใจก็ได้แจ้งจริงไว้แรกมา ฯ
๏ นางแก้วกิริยาได้ฟังคำดังหนึ่งดาบซ้ำเอาเกศา
ไม่รู้ที่จะออกบอกวาจาด้วยแจ้งธุระมาแต่เดิมที
นางก้มกราบลงกับฝ่าเท้าเปลี่ยวเปล่าจิตต์ใจให้หมองศรี
ครั้นจะห้ามปรามนักก็ผิดที่เมื่อสาระทุกข์ท่านมีก็จนใจ ฯ
             

๏ ขุนแผนพานางมาสู่ห้องโลมลอยปลอบน้องอย่าร้องไห้
พี่ไม่ทิ้งขวัญเมืองอย่าเคืองใจจากไปไม่ช้าจะกลับมา
ว่าพลางทางลุกออกจากห้องเหลียวหลังดูน้องนั่งก้มหน้า
ให้คิดสงสารใจมิใคร่กลารื้อคิดแค้นขึ้นมาก็หักใจ
ฉวยถอดฟ้าฟื้นขึ้นหอกลางของขุนช้างสร้างขนไว้ใหม่ใหม่
ที่หอนั่งตั้งฉากพับไว้กระจกใสใส่อย่างยี่ปุ่นกลาง
รูปฝรั่งนั่งไพล่ในกระจกนกโนรีแขวนไว้ที่หน้าต่าง
ดูฝรั่งนั้นใคร่ดูตานางเหมือนอย่างข้องค้อนงอนดังเปน
นี่ใครหนอฉลาดชั่งวาดเขียนเวียนดูอยู่พลางทางลูบเล่น
เปิดหน้าต่างเผยรำเพยเย็นเห็นฝูงหญิงนอนเปนขนัดมา
แล้วเสดาะกลอนเข้าในเรือนใหญ่ม่านบางกางไว้ทั้งซ้ายขวา
อรรจกลับวับแวมแจ่มแจ้งตาเห็นลวดลายรจนาคนึงใน
ม่านนี้ฝีมือเจ้าวันทองนั่นก็ฝีมือน้องพี่จำได้
ปักเปนรูปเขาพระเมรุไกรโตใหญ่สูงเยี่ยมมหึมา
มีรูปรามสูรอสุรีไล่ชิงมณีเมขลา
ปักเปนองค์พระสุริยาเสด็จคลาส่องโลกชโลธร
ทรงรถโอภาสประหลาทเลิศแสนประเสริฐเทียมเทพไกรสร
แล้วปักเปนองค์พระศศิธรเสด็จจรแจ่มแจ้งจักรพาฬ
รถทิพย์เทียมม้าพลาหกบุษบกลอยล่องส่องแสงฉาน
แล้วปักพระอินทรจรจักรวาฬสำราญทรงช้างเอราวัณ
มีพระมเหษีทั้งสี่นางงามสำอางดังหนึ่งแสร้งประสงค์สรรค์
มีเขาวินัตกนั้นเรียงรันอัสสกรรณอิสินธรยุคนธร
แล้วปักเปนไกลาสประหลาทผาพระอุมากับองค์มหิศร
มีสระอโนดาตอันบวรพระสี่กรทรงอนันตนาคา
นางลักษณวดีลักษมีมเหษีบำเรออยู่ซ้ายขวา
มีคนธรรพเทพกินราถัดมาสถานพิมานครุฑ
ทั้งวิทยาธรนารีผลติดต้นไม้ใหญ่ลม้ายสุด
รูปร่างแลกับอย่างมนุษย์มีสมุทรวารีสีทันดร
ฝูงนาคามัจฉาชล่าโลดช้างน้ำดำโตดแลสลอน
ชมพลางทางคิดจิตต์อาวรณ์เอาดาบชอนรานสายกระจายลง
ชมพลางเยื้องย่างไม่อยู่ช้าด้วยตรึกตราถึงน้องปองประสงค์
คิดเสียดายมิได้วายสวาทปลงเดิรตรงหมายมาดพิฆาฏแค้น
เข้ามาถึงม่านที่ชั้นสองนี่ก็ตรองปักเลิศประเสริฐแสน
๏ (ฉบับขาด)
ชมพลางทางคิดถึงวันทองให้ขุ่นข้องเคืองแค้นระคายหนัก
ไม่ควรเลยน้องเอ๋ยมาหน่ายรักเกรงจะชักช้ามุ่งมาหัวนอน
เห็นขุนช้างสอดกอดนางหลับถอดดาบจะสับสักสิบท่อน
พรายห้ามตัวสั่งใคร่ฟันฟอนจิตต์ใจค่อนค่อนจะใคร่ฟัน
พรายยึดยิ่งเหี้ยมเตรียมตรมใจกูจะฟันมันให้ขาดสะบั้น
ถีบพรายกุมารที่วิ่งกันไว้มันทำไมอ้ายงูพิษ
ฝ่ายพรายกุมารจึงว่าจะฆ่าเขาทำไมจะได้ผิด
เขาก็เปนข้าเฝ้าเจ้าชีวิตพระทรงฤทธิ์จะว่าเราไม่ยำเยง
ขุนแผนว่าจะผิดให้ผิดไปให้สาสมแก่ใจมันคุมเหง
อาจทำกูได้มันไม่เกรงใช่การของเองกูแค้นนัก
ถีบขุนช้างที่หว่างอกพลัดตกจากเตียงเสียงดังอัก
ทุดทำแก่กูดูหมิ่นนักเมียกูมึงลักมาแนบนอน
ขุนแผนพิศดูเจ้าวันทองเห็นน้องแล้วทอดคฤไทยถอน
ไม่ควรเลยน้องเอ๋ยให้แนบนอนน่าใคร่ช้อนหยิกขาให้สาแค้น
วันทองเนื้อนิดหนึ่งเท่านี้จะแบบบี้ลงด้วยมันเปนมั่นแม่น
เนื้อนวลเจ้าไม่ควรจะบี้แบนพี่คิดแค้นด้วยมันนั้นเปนแรง
แก้มเปล่งเพ่งพิศไปจนทรวงทั้งนมพวงสักนิดไม่มีแขง
พอสมใจน้องน้อยเมื่อพลอยแล้งไม่แอบแฝงชื่นชมด้วยคนใด
ไม่เข้าหอรอท่าจนทัพกลับพี่ก็นับว่าเจ้าดีคนหนึ่งได้
ชมว่าดีกลับซ้ำระยำไปน่าใคร่แหวะอกใจออกเพ่งพิศ
เมื่อคราวอยู่กับพี่ถนอมนักแต่ต้องหนักเกรงน้องจะหมองจิตต์
นิ่งให้มันกอดปล้ำทำโดยฤทธิ์จะมีดีที่จะติดเอาตัวใย
ทั้งอีเถ้าศรีประจันแม่มันเปนเองไม่เกรงดายกูดูหมิ่นได้
ชอบทำอีแม่แล่อกใจสับสับออกให้แร้งกากิน
เอาดาบเคาะเยาะหัวขุนช้างอ้ายยาจกมัวครางมุดหัวดิ้น
ทั้งอีเถ้าเทพทองคนองลิ้นดูหมิ่นกูยิ่งกว่าเด็กน้อย
นี่แม่ยายพี่ชายไปอยู่ไหนจึงไม่มาดูดแต่สักหน่อย
อีนางแม่ดีแต่นั่งตะบอยเอาดาบต่อยหัวเคาะดังหัวปลา
หัวลูกขุนช้างจะเปนแผลสมน้ำหน้าแม่จะเอาหน้า
ทุดซึ่งอ้ายพันศรพญาถ้ามีเกรงพระพันวสาไม่ไว้มึง
ทุดช่างทุดมุดหัวนอนดังขอนไม้พุงพองท้องใสอลึ่งฉึ่ง
ดาบกูจะโบยซึ่งหัวมึงอ้ายอิ่งอ่างนอนหลับไม่รู้ตัว
โกนหัวสมาแถวตลอดขวัญเอามินหม้อน้ำมันขึ้นเขียนหัว
เปนนกตะกรุมสุ่มปลามาห้าตัวเอาปลาสดลุกหัวให้แมวเลีย
แล้วขอดขนอกเอาชาดหมายทำเหมือนเปื้อนป้ายออกรายเรี่ย
ให้สมอ้ายติดปลักลักชมเมียก็ทำเล่นส่ำเสียอ้ายชาติงัว
นี่หากกุมารเขาห้ามไว้หาไม่ไอ้รูปงามจะขาดหัว
สั่งพรายคลางวางนางฟื้นตัวเจ้าลุกขึ้นดูผัวเถิดขันครัน ฯ
๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภานิทราหลับเพ้อเลมอฝัน
สดุ้งตกใจตื่นฟื้นตัวพลันผวากอดสำคัญว่าขุนช้าง
ยังเพ้อเลมอมัวตนด้วยต้องมนต์ดลยังไม่ส่าง
กอดขุนแผนไว้ไม่ละวางหวั่นไหวใจนางยังมึนตึง
ว่าเจ้าคุณเอ๋ยน้องอัศจรรย์ช่วยทำนายทายฝันให้หน่อยหนึ่ง
ในฝันว่าเจ้าสุมเท่ารึงประเดี๋ยวหนึ่งไหม้มุ้งข้างหัวนอน
วูบวาบปลาบเปลวถึงหลังคาแล้วตกมาไหม้ฟูกตลอดหมอน
ถูกเนื้อตัวลวกพองรนร้อนลามไหม้ฟากกลอนลงย่อยยับ
ตกถูกเร่าร้อนทั้งกายาก็ไม่มีใครมาช่วยดับ
แสงเพลิงลุกลามวาบวามวับตัวน้องราวกับจะสิ้นใจ
เชิญช่วยทำนายให้จงดีเช่นนี้หาเคยจะฝันไม่
ในฝันว่าน้องนี้ร่ำไรตกใจจนตื่นขึ้นมาพลัน ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิธแค้นคิดชังนางพลางแก้ฝัน
ลูบอกแล้วว่าอย่าจาบัลย์ความฝันดีดอกมิเปนไร
ซึ่งฝันว่าไฟนั้นไหม้มุ้งพลุ่งขึ้นติดกลอนฟูกหมอนไหม้
นั้นว่าจะได้อยู่เรอนใหม่มีผู้จะให้ฟูกหมอนเรา
ซึ่งตกถูกเนื้อตัวหัวรนร้อนจะต้องไกลเตียงนอนฟูกหมอนเก่า
ซึ่งฝันว่าร่ำไรใจร้อนเร่านั้นมิ่งมิตรเก่าจะมาชม
เจ้าจะได้เกลียดไกลอ้ายคนชั่วผัวเก่าน้องนั้นจะสู่สม
ทุกข์สุขเจ้าอย่าปรารมภ์กอดจูบลูกบชมให้ชื่นใจ ฯ
๏ วันทองนอนฟังซึ่งสำเนียงผิดเสียงขุนช้างยิ่งสงไสย
แคลงคลำเนื้อตัวทั่วอกใจเอ๊ะใครนี่ผิดเจ้าขุนช้าง
เมื่อพ่วงพีมีขนอกดกคางเครานี่ใครเล่าจึงซูบผิดรูปร่าง
ฟุ้งกลิ่นกระแจะจันทน์ทั่วสรรพางค์ไม่เหมือนอย่างเคยกลิ่นกินสุรา
ข้อมือน้อยนิดหนึ่งสักครึ่งกำไม่มีล่ำโตใหญ่ใจชล่า
ขึ้นมาถึงบนเตียงเคียงนิทรานางผวาพลิกกลับด้วยตกใจ
พิศดูเปนครู่รู้จักหน้ายิ่งประหม่าตัวสั่นอยู่หวั่นไหว
แลหาผัวตนลุกลนไปเห็นขุนช้างหลับใหลอยู่ใต้เตียง
หัวหูยับย่อยเปนรอยมีดนางตกใจร้องกรีดขึ้นสุดเสียง
วิ่งเข้ากอดขุนช้างที่ข้างเตียงร้องเรียกสุดเสียงไม่ตื่นเลย ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าขุนแผนคิดแค้นจึงว่าวันทองเอ๋ย
อย่าเฝ้าสั่นปลุกให้มันลุกเลยเจ้าเงยหน้าทักพี่บ้างเปนไร
หรือเห็นว่าข้าคนอนาถาไม่ผินผันหันหน้ามาปราไสย
เพราะเจ้ามีเงินทองกองสัดสนัดใจไม่อาไลยเพื่อนยากที่จากเลย
เราพูดกันที่ใต้กระทุ่มเตี้ยนั้นลืมเสียสิ้นแล้วหรือน้องเอ๋ย
ชั่งไม่จำให้แม่นยำบ้างเลยลืมเกยกะเฌอนอนต่างหมอนรอง
ลืมสิ้นกินน้ำด้วยใบบอนลืมนอนใบไม้มากั้นห้อง
อาภัพหลับไปใบไผ่รองหมากซีกผ่าสองออกสู่กัน
อนิจจาคราวรวยพี่มาหาแต่จะแลดูหน้ามิอยากผัน
แล้วมิหน่ำซ้ำช่างปลุกสั่นกันจะให้ตื่นขึ้นฟันด้วยดาบเพ็ชร
ชิจิตต์ชะใจเจ้าวันทองนิจจาน้องชั่งตัดพี่ขาดเด็ด
รักขุนกินโคนจนหมดเม็ดตัดเด็ดยวกปลีไม่มีใย
ถึงคราวบินเจ้าไม่ผินมาดูหลังจะคิดถึงเรามั่งหามีไม่
สงสารแขนซ้ายบ้างเปนไรจะคอดขาดเสียเพราะให้เจ้าหนุนนอน ฯ
๏ วันทองฟังคำเจ้าขุนแผนแสนแค้นโศกาไม่หยุดหย่อน
นางประเทียบเปรียบผัวชั่งมัวนอนหยิกผลักควักค้อนแล้วว่าไป
นี่มาทำไมเล่าเจ้าขุนช้างสิอวดอ้างว่าหารักเลี้ยงข้าไม่
แล้วกลับมาหลับนิ่งอยู่ทำไมแกล้งทำหลับกระไรไม่รู้ตัว
คิดมาอนึ่งก็น่าแค้นคิดหายหึงส์แค่นน่าใคร่หัว
ให้น่าอายเปนชายอยู่ทั้งตัวชั่งไม่กลัวที่เขาจะไยไพ
คราวโมโหโวหารทยานอีกอีวันทองมึงอย่านึกหารักใคร่
ไม่ขออ้อนวอนมึงอีกต่อไปก็นี่ใครเล่าไปเชิญให้เจ้ามา
ชะมีเสียทีที่พ่อนี้เปนชายไม่เสียดายความสัตย์ที่ตัวว่า
แต่เราเปนผู้หญิงจะดีกว่าที่จะเสียวาจาอย่าพึ่งนึก ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสท้านปรีชาชาญหาญครบทั้งรบศึก
ฟังคำแค้นคั่งนั่งนิ่งนึกกลับระลึกขึ้นได้ก็ว่าไป
นี่แน่ว่ากันออกให้ชัดว่าข้าเสียความสัตย์ที่ตรงไหน
เปนธรรมดาว่ากันด้วยขัดใจเดี๋ยวนี้ที่ใครเปนทองแดง
นึกว่าหงส์ก็จะจงแต่ศีขเรศตามเพศวิไสยเคยแสวง
มิรู้กาพาหงส์มาหลงแปลงตามแหล่งแลเล่นไม่เห็นรอย
เพียงรู้เรื่องความเคืองขึ้นคับอกน้ำตาพี่นี้ตกลงผอยผอย
ยิ่งขุนช้างทูลข้าได้หน้าลอยเจ้าก็พลอยห่างเหินสเทินที
ก็แจ้งจิตต์แล้วว่ามิตรห่างสวาทพอพบพักตรเจ้าก็ผาดผินหน้าหนี
เออกระนั้นดอกหรือใจกะสัตรีเปนราคีมัวมืดไม่ยืดยาว
เหมือนจุฬาคว้าตกติดดักเดี้ยพอสบเสียคราวสั้นไม่ทันสาว
ท่านก็วิ่งรอกรันไปจนราวนางปักเป้าพันน้อยก็ลอยปลิว
พี่หวังจิตต์ว่าจะคิดถึงความหลังพี่เฝ้าตั้งหน้าคอยละห้อยหิว
จนด้านหน้ามาเรือนกลับเชือนพลิ้วชักหน้านิ่วพานโกรธพิโรธเรียม
ดูตาก็ไม่ตอบให้เต็มตาอนิจจาทำได้ไม่อายเหนียม
จะว่านักเปนจักระดี้เดียมเหมือนธรรมเนียมข่มเขาให้โคยอม
เพราะมีที่หวังจึงนั่งหยัดชมสมบัติหม่อมผัวจนตัวผอม
รูปพี่พานชั่วเห็นตัวมอมไม่เหมือนหม่อนขุนช้างที่ใจจง
ได้ผัวดีมีทรัพย์เขานับถือกระนั้นหรือหม่อมแม่มิแร่หลง
ล้มลุกเจ้าก็คอยทำลอยทรงพิศวงหวังสวาทไม่ขาดแล
เพียงเดี๋ยวนี้ยังเห็นว่าเอนเซสมคเนแล้วกระนั้นสิหม่อมแม่
ดูผ่องฟ้าหน้าผากเปนปากแตรพักตราแม่เหมือนเพ็งไม่เปล่งทัน
พี่ยังจำคำสัตย์ที่ไร่ฝ้ายสู้ตายมิได้ร้างภิรมย์ขวัญ
คงจะอยู่เคียงให้เที่ยงธรรม์อันตัวนั้นไม่คิดเปนสองใจ
ถึงชายอื่นลอยฟ้าลงมาแล้วถ้านอกจากหม่อมแก้วหารักไม่
นี่นิ่งให้มันก่ายด้วยอันใดหากไม่ลุกได้ในทันที
ถ้ามันเห็นพี่เมื่อจูบเจ้าตายเปล่าขาดเด็ดแล้วคอพี่
ไม่เห็นเลยว่าจะเปนถึงเช่นนี้ชั่งเสียทีหลงชมอารมณ์รัก ฯ
๏ คะกระนั้นแลฉันมันชาติชั่วมืดมัวลามกตกปลัก
ก็เพราะใครหักหาญราญร้างรักฮึกฮักชักดาบจะฆ่าฟัน
แม่น้อยใจจึงให้เขาข้างนี้ละอายไยไม่ดีกระไรนั่น
เมื่อต่างคนต่างไม่อาไลยกันร่ำไปนั้นจะมาค่อนพรรณา
ถึงใครดีประกอบก็ชั่งเจ้าข้าเล่าอยู่ตามประสาข้า
ถึงใครไปย่ำยีบีฑาหักหน้าคุมเหงเจ้าอย่างไร
เปนความสัตย์เถิดเจ้าอันจิตต์ข้าถึงจะว่าก็หาเห็นจริงด้วยไม่
ทุกวันฉันวันทองเปนสองใจยังอาไลยคิดถึงคนึงครวญ
แต่ข้างเจ้าอีกได้นางลาวทองไม่มีคิดถึงน้องเลยสักส่วน
เปนด้วยผลกรรมมาจำกวนจะรีรวนลำเลิกกันทำไม
ที่ไร่ฝ้ายนั้นข้าให้สัตย์เจ้าก็ใครเล่าว่าหาทิ้งขว้างข้าไม่
จึงเก็บของวันทองลอยให้ไปไม่นึกได้หรือที่ได้ทำสินสอด
ไม่หลงลิ้นเล่ห์ลมที่ไร่ฝ้ายฝ่ายชายหรือจะได้วันทองกอด
เอาเงินตัวให้ผัวทำสินสอดคราวพี่ทีกอดสิจึงกัดสนัดใจ ฯ
๏ เออนี่แน่คะท่านผู้หญิงข้าหาเถียงว่าจริงไปได้ไม่
ก็ใครอ้อนวอนข้าให้ขอใครพลอยเอาเงินให้มาทำทุน
วันเจ้ากับข้าวิวาทกันหุนหันมาอยู่กับหม่อมขุน
นั้นข้าเก็บเอาไปได้กี่ดุลหรือยังไม่คุ้มทุนที่ให้ไป
รู้แล้วว่าเจ้านั้นรักข้าถึงทุกวันยังหาสิ้นรักไม่
รักจนเลมอเพ้อพึมไปกอดแก้ฝันให้หม่อมขุนฟัง
แต่มาง้อจะขอคืนสนิธยังเบือนบิดชักหน้าตะแคงหลัง
นั่นหรือรักหากแกล้งเปนเชิงชังแต่จะนั่งพูดด้วยก็ไม่มี
เพราะใจเจ้ารักขุนช้างเถื่อนเห็นข้าเข้าจึงเชือนสบัดหนี
เจ้าอย่าพักแต่งพูดเอาแต่ดีผืนม่านยังมีเปนสำคัญ
เพราะมาสาพิภักดิ์ต่อขุนช้างจึงนั่งปักม่ายบางทุกสิ่งสรรพ์
ลอยนวลแต่ล้วนเรื่องสำคัญหาไม่ม่านสามชั้นฝีมือใคร ฯ
๏ ทำไมจะมาค่อนพิไรว่าก็เมื่อก่อนนั้นข้าหาทำไม่
ปักเล่นตามไม่สบายใจหรือพลอยพาเอาไหมของใครเปลือง
ข้าโง่ปักตามประสาโง่ไม่โอ่โยอ้างอวดประกวดเรื่อง
ด้วยไม่ช่างเหมือนอย่างแม่ศรีเมืองยักเยื้องเอาตามอารมณ์รัก
เมียหม่อมก็เปนช่างสดึงเปนไรมิขึงม่านให้กันปัก
ช่วยกันคิดเรื่องทำเยื้องยักปักปักแล้วก็ชวนกันมองดู
นั่งปักนอนปักสักสามปีหรือใครว่าจู้จี้ให้เคืองหู
เมื่อแรกมาตัวข้าไม่ทันดูคิดว่าจะจู่กระโจมฟัน
เมื่อคราวเลิกทัพกลับเชียงทองจนทุกวันนี้น้องยังนอนฝัน
แม้หม่อมมาหาเพลากลางวันเปนไรนั่นจะไม่ทักกันโดยดี ฯ
๏ ชิชะถ้อยคำเจ้าวันทองเจ้าชั่งกรองสอยแซมเส้นเกศี
เพราะว่าบ่าวไพร่ข้าไม่มีจะได้ขี่คานหามมากลางวัน
คุณชายนายเจ้าจะได้ทักไม่พักผลักชักหน้าสบัดผัน
แล้วทั้งนายประตูอยู่หลายชั้นจะไม่ผันผ่อนให้พี่เข้ามา
นี่สุดรักรวยรัดมาหาน้องจะต้องลุกระโทษซึ่งโทสา
ใช่จะทำหุนหันด้วยฉันทาแก้วตาอย่าได้คิดระแวงเลย
เปนกรรมเราดอกนะเจ้าเมื่อวันนั้นวิวาทกันไม่ควรดอกน้องเอ๋ย
ไม่ต้องร้างแรมนิวาสสวาทเชยพี่นอนเกยนลาตนิ่งตลึง
โดยแค้นสุดแสนถึงอยู่บ้านไม่สำราญมีจิตต์นั้นคิดถึง
แสนเสียดายมิได้วายคลายคนึงพอมาถึงทอดถอนฤไทยครวญ
จึงด้านหน้าหวังว่าจะงอนง้อโลมชลอร่วมรักภิรมย์สงวน
เจ้าอย่าได้ร้างรักให้รักรวนจงคิดทวนบ้างเถิดเจ้าวันทอง ฯ
นี่อย่าว่าเลยคะหม่อมมิตรจิตต์ฉันก็คิดว่าหม่อมตรอมมัวหมอง
สู้ครองตัวท่าผัวอยู่ในห้องจนเลิกทัพเชียงทองกลับลงมา
ก็ดีใจว่าจะไกลเจ้าขุนช้างอุส่าห์สร่างกลั้นโศกลงไปหา
ควรหรือพ่อทูลหัวไม่กรุณาให้เมียลาวนั้นว่าสารพัน
แล้วมิหนำหม่อมซ้ำชักดาบไล่จะฆ่าให้วันทองชีวาสัญ
หากพี่สายทองลงไปทันพ่อหั้มหั่นบั้นรอญไม่มีไย
ถึงกระนั้นเล่าน้องยังครองสัตย์หาสลัดเอาใจออกหากไม่
เพราะเขาร่ายมนต์ทับน้องหลับไปจึงได้เสียตัวด้วยขุนช้าง
เมื่อบัดนี้สิตัวได้ชั่วแล้วจะกลับรกพี่แก้วก็ผิดอย่าง
โปรดเถิดเจ้าประคุณอย่าระคางเปนกุศลเราสร้างเท่านั้นไว้
จงเด็ดรักเสียให้ขาดสวาทเถิดอันหญิงอื่นงามเลิศมีไหนไหน
น้องจะกราบฝ่าเท้าทุกวันไปคำนับไหว้ว่าพี่ร่วมอุทร ฯ
             

๏ อนิจจานิจจาเจ้าวันทองใจน้องมิเหมือนมาแต่ก่อน
พี่แสนสวาทมิรู้วายถวิลวอนควรหรือตัดรอนไม่นำพา
รูปร่างขุนช้างก็อัปลักษณ์อย่างไรเจ้าจึงรักมันหนักหนา
ไม่คิดถึงเพื่อนยากที่จากมาเอาเถิดพี่จะฆ่าอ้ายขุนช้าง
ให้สิ้นห่วงบ่วงใยของสายสวาทจะหั้มหั่นให้ขาดเปนสองข้าง
จะได้สิ้นอาไลยในใจนางคว้าดาบยืนคว้างจะฆ่าฟัน ฯ
๏ วันทองร้องกรีดหวีดกลัวทอดตัวทับขุนช้างกางกั้น
ร้องขอโทษพลางทางตัวสั่นว่าฆ่าฟันทำไมให้เปนกรรม
คนพันนี้นี่หรือจะต่อสู้จนคุดคู้พินาสคาดคอคว่ำ
ตัวฉันแนะจะยอมให้หม่อมทำเชิญห้ำหั่นฉันเถิดที่ขัดใจ
พ่อฆ่าน้องเสียเถิดน้องไม่ว่าเมื่อชาติหน้าน้องขอพบพ่อแก้วใหม่
อันในชาตินี้น้องจนใจซึ่งจะกลับคืนไปสมานรัก
เหมือนถ้วยจานรานร้าวเอากาวติดถึงสนิธก็ยังเห็นรอยประจักษ์
แลดูหน้าก็จะว่าทรลักษณ์ไม่เลือกพักตรครองชายเปนสองคน
ถ้ารักฉันวันทองเช่นน้องเถิดจะประเสริฐเปนสุขสุภผล
หรือจะเอาเมียงามสักสามคนน้องจะค้นหาให้ดังใจปอง ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าขุนแผนคลายแค้นจึงตอบคำสนอง
เจ้าปลื้มใจพี่ก็ได้ภิรมย์ครองจะนับเปนพี่น้องได้ฉันใด
นี่ถ้าเราจะมีลูกด้วยกันสักสองสามคนนั้นก็พอได้
เมื่อมิสมัครรักพี่ก็แล้วไปจะหาคนอื่นให้ทำไมมี
ถึงได้นางต่างอื่นสักหมื่นพักตรนรลักษณ์เลิศโฉมประโลกศรี
มาแลกกับวันทองคนเดียวนี้เปนความสัตย์เถิดพี่ไม่แลกเลย
คำบุราณท่านว่ามิตรจิตต์จะมิผิดเสียหรือน้องวันทองเอ๋ย
เมื่อสูญสิ้นเยื่อใยอาไลยเลยค่อยอยู่เถิดทรามเชยพี่ขอลา
บุญน้อยมิได้แนบสเน่ห์น้องพี่ขอลาวันทองไปสู่ป่า
เหมือนอิเหนาเที่ยวตามบุษบามิให้คนเห็นหน้าพี่สืบไป
ว่าพลางทางร่ายพระคาถาผูกจิตต์วิญญาหาช้าไม่
ลูบหลังวันทองยองใยซ้ำเป่าไปด้วยมนต์มหาลลวย
ทำลุกเชือนเสมือนจะไปจริงวันทองวิ่งร้องว่าฉันจะไปด้วย
คอยท่าน้องจะเอาของแต่งตัวรวยเปนเพื่อนม้วยหม่อมแก้วที่กลางไพร ฯ
๏ ขุนแผนยืนหยุดคอยท่าวันทองรีบมาในห้องใหญ่
จึงหยิบเอาเทียนไปจุดไฟจับกุญแจไขกำปั่นยนต์
เลือกแหวนพลุกพล่านลนลานจิตต์แต่ปิดปิดเปิดเปิดอยู่หลายหน
ไม่เอาเล่าก็คิดเสียดายพ้นครั้นจะขนเอาให้หมดก็มากนัก
ทั้งสอิ้งสังวาลย์ตุ้มหูเพ็ชรนางแกะเกล็ดเอาแต่ยอดไม่สู้หนัก
เงินทองของอื่นก็หนักนักเลือกที่เต็มรักจึงเอาไป
แล้วรีบเร่งไขกำปั่นกลางดูผ้าหลายอย่างหาเอาไม่
จะไม่พ้นแก้จนที่กลางไพรเลือกแต่ล้วนผ้าไหมยกทอง
นาคเกี่ยวกระวัดหางของนางทออิเหนาขอบุษบาประจำช่อง
ปักเปนรูปชุนรัตน์ขี่กวางทองแนบน้องนุชนางกินรี
กลางผืนเปนรูปพระยาครุฑสมนุชในห้องปราสาทศรี
แล้วสุบรรณลักพาแก้วกากีไปพิมานฉิมพลีสำราญรมย์
ลางผืนเปนรูปอุณรุทแนบนุชอุดสาเกษมสม
เปนรูปสัตว์โสภาดูน่าชมแล้วมาเลือกผ้าห่มที่หีบใน
แพรชมภูทับทิมม่วงเขียวขาวเปนระนาววันทองหาต้องไม่
เลือกเอาแต่ตาดเข้มขายไปพอจะได้ห่มนอนที่กลางทาง
เลือกผ้าเที่ยวช้าอยู่ในห้องจนมนต์ต้องตัวนั้นค่อยเสื่อมส่าง
กลับคืนคำนึงถึงขุนช้างวางของเสียนางทอดตัวครวญ
อนิจจาเวทนาเจ้าช้างเอ๋ยจะชวดเชยภิรมย์ชมสงวน
เรียกเมียแต่ล้วนแม่ทุกคำควรไม่ลามลวนให้น้องหมองใจเลย
สารพัดจัดหาให้ทุกสิ่งพ่อรักเมียจริงจริงเจ้าขุนเอ๋ย
เมียจะเอาอะไรไม่ขัดเลยพ่อทูลหัวเมียเอ๋ยเมียจนใจ
ทั้งคุณผีคุณคนแล้วยลซ้ำพ่อรักจักจำเปนไฉน
ช้อนทรวงกลิ้งเกลือกเสือกไปร้องไห้ไม่เปนสมประดี
แล้วนางตริตรึกนึกขึ้นได้จึงร่ำบลเป็ดไก่แก่ฝูงผี
ผีพรายช่วยพลันให้ทันทีให้ผัวน้องนี้ได้ตื่นตน
น้องจะให้พี่กินเป็ดปากทองไก่ของพแนงแกงทั้งขน
แม้นมิได้กินของซึ่งสินบลจงผลาญให้สิ้นชนม์เถิดอย่าไว้ ฯ
๏ ครานั้นพรายของกุมารทองยิ้มย่องยินดีทั้งน้อยใหญ่
บอกชื่อเป็ดไก่น้ำลายไหลอยากไก่พแนงก็รับเอา
ฟื้นขึ้นกูจะกินให้อิ่มหนำแล้วจะทำให้หลับเสียดังเก่า
จะลวกกินเหล้าเข้มให้เต็มเมาพลางทุเลาให้ตื่นฟื้นตัวพลัน ฯ
๏ ขุนช้างครั้นตื่นฟื้นกายวุ่นวายหลงเพ้อเลมอฝัน
มือลูบกลับหัวตัวสั่นยันเจ้าวันทองเอ๋ยกอดพี่เข้าไว้
หลงกอดหมอนข้างว่านางน้องนี่แก้มวันทองหรือมิใช่
ครั่นเนื้อครั่นตัวผัวพ้นใจนอนนิ่งเสียได้ไม่เยียดมา
คิดจะใคร่ได้สมชมน้องให้หนักดังทับต้องแผ่นผา
กอดหมอนนอนกระซิบเจรจาขุนแผนมันจะมาพาแม่ไป
แม้กล้าเข้ามาถึงในห้องจะแทงให้ไส้กองออกให้ได้
พูดเพ้อเลมอบ่นพึมไปไม่ลืมตาขึ้นได้มัวหาวนอน ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิธแค้นคิดใคร่สับสักพันท่อน
เหม่ดูดู๋พรายอีเพื่อนร้อนมึงไม่กลัวโทษกรณ์สักนิดเลย
อย่าได้ให้พ่อมึงฟื้นตัวระวังหัวจะฉิบหายอีพรายเอ๋ย
อยากไก่ไม่คิดชีวิตเลยทำเล่นเฉยเฉยเชลยใจ
มัดตีด้วยไม้หวายแซ่ชาติชั่วเห็นแต่จะกินไก่
แต่มิให้อดอยากลำบากใจยังควรทำกูได้ไม่เกรงกลัว
พรายกรีดหวีดร้องขอโทษได้โปรดเถิดเจ้าประคุณพ่อทูลหัว
ทำเล่นดอกพ่อพอฟื้นตัวแล้วจะกดหัวทับลงไว้
ทีนี้ลูกหลาบจำไม่ทำแล้วถึงไก่แก้วก็หารับสินบลไม่
แม้นไม่หลาบจำทำสืบไปอย่าไว้ชีวิตเลยในคราวนี้
ขุนแผนได้ฟังพรายขอโทษหายโกรธแก้มัดเสียทั้งสี่
ชิกวนใจวันทองมิเสียทีบลผีให้ผัวตื่นชื่นบานใจ
ผัวแทงไส้ข้าออกรายเรี่ยเฉยเสียวานช่วยมายัดไส้
นี่เขาชวนหรือด่วนมาทำไมไปกอดกันไว้ให้อิ่มใจน้อง
เราคิดว่าจะมาเอาของดีมิรู้นั่งบลผีไม่หาของ
พิรากลแล้วเจ้าวันทองพระสุริยาจวนจะส่องอย่าเนิ่นนาน
แล้วร่ายมนต์เทพรัญจวนทำกระบวรเดิรมาจาสถาน
พี่ไม่ข่มขืนใจให้รำคาญเมื่อรักบ้านอยู่แล้วก็อย่าไป
วันทองต้องมนต์มาดลจิตต์คั่งคิดครวญคร่ำน้ำตาไหล
โปรดเถิดไม่ช้าจะคลาไคลน้องจะไปมิให้หม่อมโกรธา
เลือกเอาอัตลัดเผื่อขัดสนจะลำบากยากจนไปภายหน้า
จำหาของติดตัวไปนานาถึงขาดเข้าขาดปลาไม่ยากนัก
ว่าพลางจุดเทียนเวียนไปขวักไขว่ไขของอยู่ขลุกขลัก
แล้วรื้อคิดกรมใจอาไลยนักเปนห่วงหน่วงหนักถึงมารดา
โอ้แม่ทูลกระหม่อมของลูกแก้วจะลับแล้วไหนเลยจะเห็นหน้า
เสียแรงอุ้มท้องวันทองมาแต่ซากศพมารดาไม่เห็นใจ
ขุนแผนฟังคำนางร่ำร้องสงสารวันทองไม่นิ่งได้
เษกน้ำชะโลมลูบไล้ชื่นใจได้สมประดีมา
อย่าโศกนักเลยน้องวันทองเอ๋ยมาชื่นเชยกับพี่จะดีกว่า
อย่าหนักหน่วงนานเนิ่นเกินเวลาพระสุริยาจวนรุ่งจะรีบไป
วันทองน้องฟังขุนแผนว่าสอื้นร่ำน้ำตาลงหลั่งไหล
จำจิตต์จำจากจะจำไกลไหว้สั่งให้หาน้องลาแล้ว
ผีเหย้าท้าวเรือนจงค่อยอยู่พิศดูหน้าตาเปนถ่องแถว
มีกรรมตามมาขอลาแล้วแก้วแหวนเงินทองจะให้ใคร
เทพาอารักษ์ช่วยตักเตือนผีเหย้าท้าวเรือนเอาใจใส่
มีกรรมทำมาจะลาไปที่ไหนจะได้กลับคืนมา
เชิญช่วยบอกข่าวเจ้าขุนช้างอย่าพรางคำเลยตามคำข้า
อย่าตามไปเลยไม่เข้ายาเขาจะฆ่าเสียเปล่าไม่เข้าการ
สั่งห้องเสร็จน้องมาผลัดผ้าเอาหลังเปนหน้าน่าสงสาร
ห่มสีบัวโรยโดยควรการกระทายมารดาให้ใส่ของดี
ห่อผ้าใส่ในกระทายน้อยน้ำตาไหลย้อยลงเรี่ยรี่
สอื้นสั่งขุนช้างด้วยปรานีร่ำตีทรวงซ้ำระกำใจ
ขุนแผนว่าน้องหมองมัวนักร่ำรักห่วงใยไม่ไปได้
ฉวยชักฉุดมือออกมาทันใดออกจากเรือนใหญ่ของขุนช้าง ฯ
๏ ครานั้นวันทองหมองใจอาวรณ์มิใคร่จะเยื้องย่าง
เหลียวหลังแลสั่งเจ้าขุนช้างอักอ่วนนวลนางสลดใจ
วอนว่าขุนแผนให้หยุดอยู่หมากพลูหาได้หาไปกินไม่
ทั้งซองบุหรี่ก็ลืมไว้หม่อมคอยประเดี๋ยวใจจะกลับมา
รีบมาเจียนหมากจีบพลูพลางทางเขียนหนังสือไว้ข้างฝา
สั่นปลุกลุกเร็วให้ลืมตาหยิกผลักหนักหนาไม่ตื่นเลย
ขุนแผนจะพาเอาน้องไปลุกขึ้นชิงน้องไว้อย่าได้เฉย
ผีพรายก็ไม่ช่วยน้องด้วยเลยพ่อมานอนนิ่งเฉยหลับตากรน
นิจจาเอ๋ยน้องไปเห็นไม่รอดจะม้วยมอดบรรไลยในไพรสนฑ์
ด้วยเขาเคือนแค้นแสนสากลพอลับคนแล้วจะล้าวให้วางวาย
โอ้เจ้าประคุณของเมียแก้วจะกินน้ำตาแล้วไม่ขาดสาย
ว่าพลางนางทอดสกนธ์กายเพียงจะวายวางชีพลงทันใด ฯ
๏ ขุนแผนคอยเห็นว่าผิดเวลาล่วงมาป่านนี้นี่ไปไหน
กลับมาหานางด้วยขัดใจแลเห็นร้องไห้รักขุนช้าง
นี่มาหาหมากพลูละหรือเจ้าเอามือตีวันทองลงตั้มผาง
ถีบพรายกุมารทับขุนช้างถอดฟ้าฟื้นพลางด้วยขัดใจ
วันทองโมโหโผจะลุกกำลังจุกหาคิดชีวิตไม่
ค่อนแค้นขุนแผนด้วยขัดใจจะเปนไรก็ให้เปนเถิดตามกรรม
ถึงจะไปมิไปคงจะตายไม่รักกายจงฟาดให้คาดคว่ำ
ถึงพาไปที่ไหนจะระยำมันจะทำร้ายเล่นเช่นลำพอง
ขุนแผนคว้าได้แขนกระชากมาวันทองท้าให้ฟันเสียในห้อง
ขุนแผนเข้าใจในทำนองเป่ามนต์มาต้องให้อ่อนใจ
วันทองต้องมนต์ดลใจรักจะเฝ้าฉุดชักฉันไปถึงไหน
อย่าฉุดแขนฉันจะหักหลุดออกไปไม่มีใจแกล้งทำว่าปรานี
กะทายหกหายสิ้นทั้งไม้สอยหีบหมากพลอยหล่นตกกระจกหวี
ขุนแผนว่ามิน่าไม่เสียทีดีเอาเถิดแล้วพี่จะหาใช้ ฯ
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยาแฝงดูน้ำตานางหลั่งไหล
แอบแฝงเงาเสาให้เข้าใกล้กลัวจะทิ้งไว้ ไม่กลับมา
ได้วันทองไปไหนจะกลับแล้วจะไม่มารับเหมือนคำว่า
คิดจะใคร่ออกไปเจรจากลัววันทองจะว่านัดแนะกัน
แต่เลียบเลียบชายชายอยู่ในหน้าค่อนอกร่ำน้ำตาดังเษกสรรค์
พอวันทองเห็นเงาเข้าฉับพลันคิดกลัวตัวสั่นว่านางพราย
จะนำความยอกออกตัวไปเห็นเงาไวไวแล้วกลับหาย
อยู่อยู่ก็จู่มากล้ำกรายกลัวนางพรายกอดขุนแผนไว้ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิธรุ่งฤทธิ์ไตรภพจบไสมย
กลัวแก้วกิริยาจะน้อยใจทำกล่าวปราไสยว่านางพราย
คอยอยู่เถิดแล้วพี่จะมารับมิได้กลับถ้อยคำระส่ำระส่าย
แหวนให้ไว้ชมต่างพี่ชายค่อยอยู่นางพรายอย่าใส่ใจ
แม้ยังมิจวนรุ่งสางสว่างฟ้าจะอยู่เพื่อนแก้วตาในห้องใหญ่
ว่าพลางทางพาวันทองไปชื่นชมสมใจไม่ช้าการ
พานางออกทางประตูใหญ่วันทองร้องไห้น่าสงสาร
โอ้เคยอยู่เปนสุขสำราญเคยนั่งปักม่านประกวดกัน
ค่อยอยู่เถิดเจ้าแก้วกิริยาอย่าเหมือนตัวข้าได้ โศกศัลย์
ทั้งผีเหย้าท้าวเรือนสิ้นด้วยกันข้าขออภิวันท์ประนมลา ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิธอันประสิทธิ์สดมภ์อาคมกล้า
เห็นน้องหมองเศร้าเจ้าโศกาเหลียวมาหยอกเย้าแล้วเป่ามนต์
ให้ระรวยไปด้วยเทพรัญจวนชี้ชวนจะแจ้งทุกแห่งหน
ครั้นว่าวันทองเจ้าต้องมนต์ก็ค่อยสร่างทุกข์ทนที่ใจน้อง
ครั้นเดิรมาถึงม้าสีหมอกม้าวิ่งออกมารับค่อยจับจ่อง
ลูบหลังบอกม้าว่าวันทองนางน้องเกรงใจพี่อาชา
เกลือกพี่จะขัดอัชฌาไสยจะสลัดซัดไว้เสียในป่า
จะขอให้น้องขี่พี่อาชาบอกม้าม้าเลียนางตกใจ
วันทองว่าน้องเปนสัตรีจะขึ้นขี่หลังพี่กระไรได้
น้องนี้จะอุส่าห์เดิรตามไปเกลือกจะหันหุนใจพี่อาชา
สีหมอกเลียมือเจ้าวันทองขุนแผนยิ้มย่องแล้วบอกว่า
ที่เลียไม้มือเจ้าด้วยเมตตาขอษมาแล้วขี่ไม่เปนไร
วันทองกราบเท้าพี่พาชีว่าอย่ามีบาปเลยน้องกราบไหว้
แม้ชีวิตน้องนี้ไม่บรรไลยคงจะได้แทนคุณพี่อาชา
เสร็จแล้วอุ้มนางขึ้นวางหลังขุนแผนขึ้นนั่งอยู่ข้างหน้า
ตั้งสติบริกรรมภาวนาชักม้าพรายตามมาพร้อมกัน ฯ
๏ วันทองเหลียวดูซึ่งเคหาปิ้มจะวายชีวาด้วยโศกศัลย์
โอ้แต่นี้ไปจะไกลกันสารพันจะพรากแล้ววันนี้
ใครเลยจะเล่าให้เข้าใจว่าเขาพาน้องไปทางไหนนี่
      
      ( ตรงนี้ฉบับเดิมขาด )
             

( เรื่องที่ขาดตรงนี้ คือ ขุนแผนพานางวันทองขี่ม้าออกจากเมืองสุพรรณไปถึงลำน้ำบ้านพลับ น้ำลึกจะขี่ม้าข้ามไม่ได้ จึงไปที่ท่าเรือจ้าง ร้องเรียกคนเรือจ้างให้เอาเรือมารับ โดยอ้างว่ารับสั่งสมเด็จพระพันวสาให้ไปสืบข่าวช้างสำคัญ ฝ่ายมะถ่อทะบมมอญเจ้าของเรือสำคัญว่าจริง ก็เอาเรือจ้างมารับ )

ข่มขี่งันงกด้วยตกใจ
จับกระทงเรือลากกระชากเข็ญอ้ายเรือมันติดเลนไม่เข็นไหว
กลับมาข้างท้ายย้ายโยกไปตอกไยอย่างไรจึงแน่นนัก
เอาหัวไหล่เข้าดันตะบันเข็นอ้ายเรือปรูดฉูดเลนเต็มสบัก
เข็นเรือออกได้ดีใจนักหอบคักคางสั่นรันรีบมา
ครั้นเข้ามาใกล้เห็นหญิงงามคิดขามหวาดหนีไม่เข้าหา
เกลอกล้อยอะไรที่ไหนมาหลอกเล่นเจรจามาลวงกัน
นี่ลักนางในวังมาแน่แล้วแค่นมาลวงให้แจวอยู่ตัวสั่น
หน้าตาเจ้าชู้ดูเมียงมันจนกูไม่ทันล้างขี้ตา
ขัดใจเรียกให้กูเข็นเรือวิ่งเงื้อพายแร่ทั้งแก้ผ้า
วันทองอดสูไม่ดูมาหม่อมขาดูแน่ช่างนอกทาง
ขุนแผนร้องเยื่อมันเหลือเถนโจงกระเบนเสียเปนไรนายเรือจ้าง
เอาของดีออกละเลิงวิ่งเกริงกรางนุ่งผ้าพายพลางก็เปนไร
มะถ่อตกใจมือปิดพุงว่าใครเอาผ้านุ่งกูไปไหน
กูจะบอกให้เขาเอาตัวไปจำไว้ในคุกนครบาล ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิธพรั่นจิตต์เกรงความจะฟุ้งสร้าน
อ้ายมอญเจ้ากรรมทำรำคาญโจนม้าทยานวิ่งรี่ไป
โลมเล้าเป่ามนต์ไปตรงหน้าชวนพูดเจรจาปราไสย
ช่วยข้ามส่งเราให้รอดไปเราจะให้ค่าจ้างที่เหนื่อยแรง
ว่าพลางทางถอดแหวนก้อยไข่มุกสุกพร้อยวะวับแสง
ยื่นส่งไปให้อย่าได้แคลงจวนแจ้งข้ามส่งจงเร็วรา
อ้ายมะถ่อหัวร่อแล้วรับแหวนชะเง้อแหงนหัวคากจนปากอ้า
เห็นแหวนสุกงามอร่ามตากูจะขายช่วยข้าไว้กอดนอน
รักแต่อีคล้ายที่ท้ายบ้านกับอีพรมนมยานเมียพันศร
พ่อคตุณเหมือนเอาฟูกมาให้นอนการร้อนเชิญท่านลงเรือพลัน
ขุนแผนลงเรือช่วยรีบพายคอนท้ายกโดกจนตัวสั่น
สีหมอกว่ายเรียงเคียงเรือทันเชือกพันข้อมือเจ้าวันทอง
วันทองเจ้าต้องคุณพระเวทให้อาเภทเปรมปรีดิ์ไม่มีสอง
ถึงท่าพาขึ้นจากคลองอุ้มน้องขึ้นนั่งหลังอาชา
บ่ายหน้ามาตามทิศอิสาณดั้นดัดดงดานชำนาญป่า
ตรงไปบ้านไม้ไผ่ลว้ายังโกรธาจึงถากฉลากไว้
เขียนบอกตลอดตามริมทางขุนช้างรีบตามมาจงได้
รบกันเล่นให้สบายใจใครดีก็จะได้เห็นมือกัน
แล้วกล่าวสัพยอกหยอกวันทองถ้าขุนช้างรักน้องจนใฝ่ฝัน
เห็นจะยกพลตามมาครามครันจะจัดสรรค์กันมากกว่าสามล้าน
พี่จะบอกเขาว่าวันทองเจ้าร้องไห้ตามมาน่าสงสาร
เก็บแหวนเงินทองของตระการลอบหนีจากบ้านวิ่งตามมา
ว่าเพราะขุนช้างนั้นเลวโลนหัวโกร๋นสี่แถวเหมือนแมวป่า
กอดเอาเราไว้มิให้มายึดผ้าแกะยื้อก็ไม่วาง
ร้องไห้ตีอกจนฟกช้ำเนื้อนมเจ้าคล้ำทั้งสองข้าง
เดิรเช็ดน้ำตามากลางทางยึดหางม้าวิ่งวิงวอนมา ฯ
๏ วันทองฟังน้ำคำเฉลยฟ้าผี่เอ๋ยข้อนคิดประดิษฐ์ว่า
ปากคอพอสมกับวาจามุสาว่าจะประจานไว้
ชั่งไม่อายผีสางที่กลางป่าไม่อดสูปูปลาชั่งว่าได้
ทำหน้าตานิ่งเฉยด้วยเคยใจชั่งไม่เกรงผีไพรจะยิ้มเยาะ
นี่หรือทหารผลาญทัพลาวว่ากล่าวคมสันเปนมั่นเหมาะ
คิดมาก็น่าใคร่หัวเราะฟังเพราะเสนะสนัดใจ ฯ
๏ ขุนแผนฟังน้องวันทองว่าเมินหน้าเหมือนหาได้ยินไม่
ชักม้าเลี้ยวลัดตัดทางไปพลางชี้ชมนกไม้ในไพรพน
โน่นแน่นกอีลุ้มตระกรุมใหญ่หัวงามนี่กระไรร่ำไซ้ขน
วันทองน้องรักอย่าทุกข์ทนชมเถิดที่ต้นอบเชย
แล้วนึกว่าผัวเจ้ามารับช่างงามสรรพรูปร่างขุนช้างเอ๋ย
อนิจจารักใคร่กระไรเลยวันทองเอ๋ยมารับจงกลับไป
วันทองร้องไฮ้อะไรนั่นมันไม่ขันดอกคะทำไถล
รู้ว่าฉันชั่วช้าพามาไยว่าได้เพราะอยู่ในเงื้อมมือ
หม่อมเห็นแนกอีลุ้มตะกรุมใหญ่ถัดไปนั้นไม่เห็นดอกหรือ
นกสร้อยทองจับมองต้นสตือมิลาวทองแล้วหรือเขาตามมา
ไหนได้ยินว่าเขาไปอยู่ในวังมิโปรดเสียแล้วกระมังมาตามหา
เอ๊ะแล้วเห็นฉันจะโกรธาจะโจนม้าลงเสียแล้วไม่ไปเลย ฯ
๏ ขุนแผนฟังน้องว่าต้องใจยิ้มละไมในหน้าคนึงเฉย
หายกันเท่านั้นอย่าว่าเลยชวนเชยชมไม้ในไพรมา
ปักษาพาฝูงยูงรำแพนนกอีแอ่นเร่าร้องกึกก้องป่า
เสียงดุเหว่าเร้าเร่งพระสุริยาไก่ป่าขันเตือนพระอาทิตย์
จักรจั่นเรไรไพเราะร้องเสียงลองไนเรื่อยเจื้อยจับจิตต์
ตรู่ตรู่ขาวเคลือนเดือนดับมิดพระอาทิตย์เยี่ยมเมฆกระจ่างคง
โคถึกมฤคาออกจากซุ้มฝูงลิงวิ่งกลุ้มในไพรระหง
ชนีต่ายร่ายไม้อยู่เวียนวงห้อยหัวตัวลงแล้วโจนมา
เห็นผ้าแดงแดงตะแคงดูร้องโหวยโหวยโหยคู่กู่เรียกหา
สมจรกับลิงวิ่งไปมาบนต้นพฤกษาสบายใจ
ขุนแผนชี้บอกให้นางดูวันทองอดสูไม่ดูได้
หยิกข่วนค้อนให้แล้วเมินไปชะกระนั้นชอบใจท่านคนดี
ขุนแผนว่าเห็นน้องไม่เคยเห็นบอกให้ชมเล่นกลับโกรธพี่
วันทองว่าเบื่อชั่งเหลือดีขุนแผนว่าเราหนีมาด้วยกัน
เหลียวมาโลมจูบลูบไล้วันทองผลักไสแล้วผินผัน
สัพยอกหยอกไปในไพรวันบันเทิงเริงกระสัลทั้งสองรา ฯ
๏ ครานั้นจะกล่าวบทไปถึงขุนช้างหลับใหลในเคหา
ครั้นรุ่งสดุ้งด้วยเสียงกาลุกขึ้นคว้าหาที่เตียงนอน
กอดหมอนลูบคลำขยำนุ่นหยุ่นหยุ่นไล่คลำขยำหมอน
คิดว่านิ่มน้องประคองนอนจูบหมอนวอนว่าให้จุดเกา
พิฝันว่าเหยียบกระดานหกตกใจว่าหนีพี่ไปเล่า
ผมพี่เปนไรจึงบางเบาลูบเลี่ยนเตียนเปล่าใครเอาไป
ตรงนี้ผมพี่อยู่หนักหนานี่ใครมาลักถอนไปเสียไหน
เผยอตาคว้าหาให้ตกใจเอ๊ะนี่มิใช่ที่เตียงนอน
เปนไรจึงเปนไปเช่นนี้ผิดแล้วเอ๊ะนี่ก็เปนหมอน
ตีอกชกใจดังไฟฟอนแม่เจ้าเอ๋ยนี่ก็หมอนทั้งสองใบ
เมียข้าไปไหนไม่เห็นเลยแม่วันทองเอ๋ยไปอยู่ไหน
วิ่งเหยียบพานหกงกงันไปผ้าลุ่ยหลุดไม่รู้สึกตัว
จะลุกไปไหนไม่มาบอกเลยแม่วันทองเอ๋ยแกล้งหนีผัว
กูจะอยู่ไปไยให้เปนตัวจะต่อยหัวแตกตายเสียบัดนี้
รักเมียชายใดในปัฐพินก็ไม่สิ้นสุดรักเหมือนใจพี่
รักใครในท้องพระธรณีไม่เหมือนพี่ที่รักวันทองเลย
แต่รักนุชสุดรักถึงเพียงนี้ควรหรือยังหนีพี่เฉยเฉย
รักใคร่ไม่วายสวาทเลยพี่เฝ้าเชยชมเจ้าไม่คลาดคลาย
เมื่อตะกี้สิยังจูบเจ้าลุกขึ้นคว้าเปล่ามาสูญหาย
เอาสไบเปลี่ยนไว้ให้พี่ชายตัวหายไปไหนจึงไม่พบ
กลิ่นเจ้ายังติดสไบห่มกลิ่นเนื้อกลิ่นนมยังอวนอบ
แม่เอ๋ยไปไหนจึงไม่พบหรือลองใจไพล่หลบไปแห่งไร
ลดเลี้ยวเหลียวหาทุกแห่งแหงนเห็นหนังสือแขวนน้ำตาไหล
จูบชมลายมือเจ้าทรามไวยอ่านหนังสือดูไปทั้งน้ำตา
ในหนังสือนั้นว่าขุนแผนเขาแสนเคืองแค้นเจ้าหนักหนา
สกดคนขึ้นเรือนทำหยาบช้าแล้วฉุดคร่าพามาด้วยขัดใจ
ด่าข้าหนักหนาข้าท้าทายว่าสู้ตายหาไปด้วยเขาไม่
เขาว่าเพราะข้ายังอาไลยชักดาบออกได้จะฆ่าดี
ข้าโถมเข้ากั้นกางขวางไว้รับว่าจะไปไม่หลีกหนี
เจ้าจึงไม่ม้วยชีวีข้าร่ำตีทุบปลุกจนสุดฤทธิ์
แหวนทองทั้งนี้ที่ข้าเก็บไปพอจะได้ดูต่างไม่วางจิตต์
เจ้าอย่าอยู่ช้าจงเร่งคิดทูลแล้วจงติดตามไป
อ่านหนังสือแล้วรู้สึกตัวเอาหนังสือทูลหัวแล้วร้องไห้
ผัวชั่วเองแล้วแม่ดวงใจพี่ไม่โกรธน้องวันทองเลย
ผลกรรมกระไรไม่รู้ตัวจนมันลักโกนหัวนี่น้องเอ๋ย
อีพรายไปไหนไม่บอกเลยนิ่งเฉยเสียได้ให้มันทำ
เสียแรงกูเลี้ยงรักเล่าเส้นเหล้าเข้าเต่าปลาทุกเช้าค่ำ
ไก่พแนงแกงพล่าปลายำเสียแรงกูทำให้มึงกิน
นี่หายไปไหนอีชาติชั่วจับได้ตัดหัวเสียให้สิ้น
พาโลตีเคหาเปนอาจิณศัตรูมาหนีสิ้นไม่นำพา
เที่ยวเรียกบ่าวรันหลังดังขวับขวับบ้างโดดขึ้นทั้งหลับยืนแก้ผ้า
บ้างพลัดตกนอกชานซานลงมาบ้างเลมอด่าว่าอ้ายจัญไร
อ้ายหมามาตีกูเปล่าเปล่ากูได้เอาขวดเหล้ามึงไปไหน
ขุนช้างฮึดฮัดยิ่งขัดใจชั่งนอนหลับกะไรดังหมาน้อย
ปล่อยให้อ้ายขุนแผนเข้ามาจับทำไมไม่สับมันสักหน่อย
ผู้คนคณนาก็กว่าร้อยไม่คอยศัตรูให้จู่มา
จักแม่วันทองของกูไปชาติชั่วจัญไรอ้ายใจหมา
ร้องไห้พลางทางเรียกศรพญาจงเร่งตามบ่าวข้ามาบัดนี้ ฯ
๏ ครานั้นจึงพันศรพญายังมัวนอนหลับตาบ่นอู้อี้
เมียหายในมุ้งมาด่าตีไยมิใส่ลั่นกุญแจไว้
กอดกันยังรุ่งไม่ลืมตาเมียหายมาด่าเอาข้าได้
ลุกขึ้นเรียกบ่าวมี่ฉาวไปบอกให้แจ้งใจกันทุกคน
บ้างวิ่งหาหอกดาบเครื่องศัสตราผูกช้างผูกม้าโกลาหล
จัดกันได้กว่าห้าร้อยคนทั้งพากไพร่พลส่วยหน่องา
อีกทั้งลาวลื้อพวกทวายเคยซื้อขายเนื้อไม้กฤษณา
มีอาวุธถือครบมือมาศรพญาบอกหมายนายฉับพลัน
ข้าไทข้าเตรียมไว้หนักหนาไปอาบน้ำนุ่งผ้าขมีขมัน
รีบตามยามนี้คงจะทันมันจะดั้นเหาะไปที่ไหนพ้น ฯ
๏ ขุนช้างเห็นพร้อมไพร่ไม่รอรั้งน้ำตาหลั่งหลั่งวิ่งสับสน
อาบน้ำนุ่งผ้ามาลุกลนเลี้ยงพลด้วยเหล้าเมามัวอึง
ได้ฤกษ์โห่ยกออกจากบ้านเสียงปืนสท้านอยู่ผางผึง
เร่งไพร่รีบไปใจรำพึงขุนช้างคนึงตลึงมา
ครั้นถึงกึ่งทางระหว่างไพรอ้ายพวกพลไพร่ที่ไปหน้า
เห็นฉลากบากไม้ในมรรคาชวนกันก้มหน้าลงดู
ในหนังสือนั้นว่าอ้ายเต่าตบอ้ายขี้เซาบัดซบนอนเหมือนหนู
มึงอวดข่มเหงไม่เกรงกูดูหมิ่นพ่อยิ่งกว่าเด็กน้อย
มึงทำกรุ้งกริ่งหยิ่งนักให้ประจักษ์ฝีมือกูสักหน่อย
จะให้น้ำตามึงหยดย้อยลูกตามึงจะห้อยกระเด็นลง
เร่งตามกูมาทางนี้เถิดอย่าเตลิดตเลิงกระเจิงหลง
แม่วันทองของเองมาชมดงเฮ้ยทางนี้ตรงกูคอยรับ
มาแล้วหรือยังอ้ายขุนช้างอ้ายอึ่งอ่างแช่เกลือกูเบื่อสับ
อ้ายชำสามลามปามเหมือนแมวทับแล้วอย่าหลับรีบตามวันทองมา
อ่านหนังสือแล้วปฤกษากันจะให้ไปทางนั้นผิดหนักหนา
ให้นายดูรู้เข้าจะตีด่าด้วยหนังสือหยาบช้าจะโกรธเรา
พูดพลางทางสั่งซึ่งกองแล่นเอ๊ะขุนแผนอยู่ที่นี่หรือเปล่า
เห็นไม้ไหวไหวเปนเงาเงาไม่มีใครอาจเข้าด้วยเกรงฤทธิ์
อ้ายพวกไพร่กองหน้าพากันวิ่งบ้างก็ทิ้งผ้าผ่อนล่อนไม่ติด
อ้ายบ้างเมาอู้อี้ไม่มีฤทธิ์บ้างเห็นผิดร้องว่ามาโน่นแล้ว
ขุนช้างเกี่ยวช้างจนขอหักกระชากชักก้นกระแทกลงแตกแต้ว
ควาญท้ายศรพญาตามแบ้งแบ๊วตกช้างต่ำแผลวลงในพง
ศรพญาจึงว่าแก่ขุนช้างคนอื่นตื่นบ้างอย่าพลอยหลง
เมื่อเห็นแน่ด้วยกันมั่นคงยกพลด้นพงเข้าดงแดง
ตวันเที่ยงถึงหนองออกทุ่งเดิรฟุ้งผลคลีออกที่แจ้ง
พบเด็กเลี้ยงวัวมันเล่นแปลงจะใคร่แจ้งเนื้องความก็ถามไป
ว่าพวกเองเลี้ยงโคอยู่ปลายนายังเห็นใครมาบ้างหรือไม่
ชายหญิงขี่ม้ามาในไพรเห็นบ้างหรือไม่เจ้าเหล่านี้
เด็กเด็กพวกลว้าพากันไหว้ชวนกันบอกไปอยู่ถ้วนถี่
เห็นหญิงชายพากันมาวันนี้ท่านขี่ม้าหยอกกันตามทางมา
ข้างหม่อมผู้หญิงนั้นขี่ท้ายท่านหม่อมผู้ชายนั้นขี่หน้า
เอาศอกแขยะและเล็มมาเหลียวหน้าจูบกันแล้วแอบทับ
ข้าหม่อมผู้หญิงชบหน้าแนบข้างผู้ชายลักแวบเอาตั้มหนับ
แล้วเข้าในพุ่มไม้ใบลับตรงต้นมะพลับที่ชี้ไป ฯ
๏ ขุนช้างได้ฟังเด็กเด็กว่าดังจักเปนบ้าเหงื่อไคลไหล
ชิชะถ้าปะไม่ละไว้เปนไรเปนไปในวันนี้
จะฟาดให้ล้มด้วยคมคาบให้สาแก่ใจมันหยามอ้ายบัดสี
กูจะฟันด้วยดาบกูเล่มนี้หวดเอาอกพี่เข้าตั้มอัก
พันศรพญาแทบพลัดตกอะไรนี่นายป่ายอกข้าแทบหัก
นี่แน่นายอย่าวุ่นวายนักเราหยุดพักพลก่อนเอากำลัง
ขุนช้างหยุดช้างเข้าอาไศรยหนองน้ำร่มไม้ไพร่หยุดนั่ง
เลี้ยงเหล้าเมามายอยู่เก้กังชวนกันไปนั่งระวังคน ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนกล้าพาวันทองมาในไพรสนฑ์
หยุดพักเย็นเย็นเห็นชอบกลถึงต้นพระไทรใบกำบัง
พาเจ้าวันทองลงจากม้าเข้าอาไศรยร่มพระไทรนั่ง
หักใบไม้ลาดลงเอนหลังวันทองน้องนั่งแล้วโบกพัด
จูบแก้มแอบอิงพิงน้องอายใจวันทองป้องปัด
เวทมนต์ดลใจให้ประดิพัทธปรนนิบัติดังเก่าเกษมมา ฯ
๏ พระพายชายชวยมารวยรินฟุ้งกลิ่นบุปผชาติที่ในป่า
หอมหวลยวลยั่วเย้าแย้มผกาตระหลบรวยมาลากระจายดง
โกกิลาไก่แก้วสนั่นเสียงฟังสำเนียงมยุเรศทั้งเหมหงส์
จักรจั่นสนั่นเสนาะดงเรไรส่งเสียงวังเวงดังเพลงพิณ
เพราะพร้องต้องใจในกลางป่าคณายุงร่อนร้องแล้วโผผิน
แจ้วแจ้วเสียงแก้วโกกิลดังพิณพาทย์ฆ้องกล่อมใจ
ไพเราะเพราะด้วยประโคมดังเจ้าวันทองฟังเจียนหลับไหล
ขุนแผนอักอ่วนรัญจวนใจปลอบให้วันทองขอษมา
เรามาอาไศรยพระไทรนี้เกลือกจะมีฝูงเทพรุกขา
จอมเจ้าจะว่าเราหยาบช้าขอษมาเจ้าเสียเถิดนะน้อง
วันทองว่าไฮ้อะไรนี่น่าบัดสีกลางแปลงไม่แฝงห้อง
หม่อมเหมือนจะแกล้งประจานน้องนี่บ้านช่องแล้วหรือนี่ไม่มีอาย
ถ้าค่ำมืดยังกระไรน้องไม่ว่าจะยอมให้เสนหาเสียโดยง่าย
จะไปไหนพ้นมือของหม่อมพลายนี่สุดอายแล้วหม่อมอย่าทำเลย
เรามาด้วยกันแต่สองคนใครจะด้นมามองเล่าน้องเอ๋ย
ว่าพลางทางแอบแนบชมเชยอย่าผัดเพี้ยนไปเลยให้ยืดยาว
อกแนบอกน้องประคองทับเมฆพยับมืดคลุ้มกลุ้มกลางหาว
เมขลาล่อแก้วอยู่แวววาวรามสูรหน่วงน้าวสนับกร
ประชิดไล่ใกล้นางขว้างขวานเปรี่องฟ้าประเทืองฝนปรอยเปนฝอยว่อน
( หมดฉบับเพียงเท่านี้ )
             

เชิงอรรถ

ที่มา

บทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนความเก่า ตอนขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้าง พิมพ์ในงารพระราชทานเพลิงศพ จางวางโท พระยามนตรีสุริยวงศ์ ดำรงราชบุรมณฑล กมลภักดีพิริยพาหะ (ฉี่ บุนนาค) ปม. ทจว. ตช. รัตน วปร ๓. รจพ. ฯลฯ องคมนตรี เมื่อปีฉลู พ.ศ.๒๔๖๘ พิมพ์ที่โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร

เครื่องมือส่วนตัว