บทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(ตอนที่ ๒๘)
(ตอนที่ ๒๙)
แถว 2,670: แถว 2,670:
</tpoem>
</tpoem>
-
=== ตอนที่ ๒๙ ===
+
ตอนที่  ๒๙  ขุนแผนแก้พระท้ายน้ำ
 +
 
 +
=== ตอนที่ ๒๙ ขุนแผนแก้พระท้ายน้ำ===
 +
==== ====
<tpoem>
<tpoem>
-
+
จะกล่าวถึงพระนายท้ายน้ำ  ลาวมันจำครบไว้ในคุกขัง
 +
เป็นกึ่งปีได้ออกนอกฝาบัง  แทบจะคลั่งไคล้ไปด้วยใจตรอม
 +
แสนรันทดอดอยากลำบากกาย  แต่ร้องไห้ไม่วายจนผ่ายผอม
 +
ไม่ถูกน้ำเนื้อตัวก็มัวมอม  ต้องอดออมเฝ้าสะอื้นทุกคืนวัน
 +
โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้ว  จะทิ้งลูกเสียแล้วหรือไรนั่น
 +
ต้องทนทุกข์ทรมานมานานครัน  พระทรงธรรม์มิได้ใช้ผู้ใดมา
 +
ทั้งเพี้ยกึ่งกำกงที่ส่งนาง  ก็ครวญครางขุ่นคอยละห้อยหา
 +
ทนลำบากยากแค้นแสนเวทนา  กินน้ำตาต่างข้าวทุกเช้าเย็น
 +
พระท้ายน้ำร่ำไห้ใจจะขาด  โอ้อนาถยากแค้นนี้แสนเข็ญ
 +
เหมือนมาอยู่ในนรกตกทั้งเป็น  ไม่ว่างเว้นโพยภัยกระไรเลย
 +
แต่อ้ายหลอออสามันผาสุก  มาปรับทุกข์กันบ้างเป็นไรเหวย
 +
ช่างหน้าเป็นเล่นหัวมัวเสบย  ดูเชิงเฉยไม่ช้ำระกำใจ
 +
ตาหลอว่าคุณพ่อก็ติดคุก  ถึงจะทุกข์จะทำอย่างไรได้
 +
ต้องแช่มชื่นกลืนกล้ำด้วยจำใจ  จะดิ้นรนร้องไห้ก็ไม่พ้น
 +
พระท้ายน้ำร่ำว่าอ้ายหลอเอ๋ย  ท่านละเลยเรานี้ให้ปี้ป่น
 +
ประหลาดนักนอนพระทัยไม่ใช่คน  ให้กรูกรีรี้พลมาแก้กัน
 +
ตาหลอว่าคุณพ่ออย่าดิ้นโดด  คุณกับโทษมันก็เท่ากันอยู่นั่น
 +
ถึงจะยกโยธามาประจัญ  ลาวขยันมิใช่เล่นเห็นแก่ตา
 +
ฝีมือศึกสอยดาวท้าวกรุงกาฬ  ทหารปราบเมืองแมนแสนเพชรกล้า
 +
ผิดพ่อแผนแม้นใช้ผู้ใดมา  เหมือนเร่งให้มันฆ่าเสียเร็วพลัน
 +
เมื่อเรายกแกยังนั่งติดคุก  จะขุกเข็ญเป็นตายอย่างไรนั่น
 +
ขุนนางไทยใครอื่นสักหมื่นพัน  เห็นไม่ทันมือลาวชาวเชียงอินทร์
 +
พระท้ายน้ำฟังคำของตาหลอ  เอออ้ายพ่อเอ็งว่าก็จริงสิ้น
 +
กูเล็งไม่เห็นใครในแผ่นดิน  ที่จะภิญโญยิ่งขุนแผนไป
 +
เจ้าประคุณเทวาสุราฤทธิ์  ซึ่งสถิตในเศวตฉัตรใหญ่
 +
จงช่วยดับทุกข์ทนดลพระทัย  ให้ทรงใช้ให้พ่อขุนแผนมา
 +
แต่ปรับทุกข์สองคนจนค่ำลง  อัสดงแดดดับลงลับหล้า
 +
อ้ายผู้คุมเข้มงวดเที่ยวตรวจตรา  ใส่ขื่อคาร้อยแหล่งทุกแห่งไป
 +
พระท้ายน้ำกำกงพวกอาสา  มันจำห้าประการหมดหาลดไม่
 +
ให้คนโทษตีเกราะเคาะไม้  นั่งยามตามไปไม่นิทรา
 +
แต่กำกงท้ายน้ำมันจำนั่ง  ต้องบ่ายเบนเอนหลังพิงข้างฝา
 +
หาวนอนอ่อนคอลงทับคา  ภาวนาไปจนม่อยผ็อยหลับลง ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ คืนนั้นพระท้ายน้ำระกำจิต  เกิดนิมิตเห็นพราหมณ์งามระหง
 +
กระหมวดมุ่นมวยผมรูปสมทรง  จิ้มประจงเจิมหน้าอุณาโลม
 +
ถือสังข์ทรงศักดิ์ทักขินาวัฏ  สังวาลรัดเจ็ดเส้นเห็ฯเฉิดโฉม
 +
ใส่ตุ้มหูห่มสไบไขว้กระโจม  ผ้าขาวโขมพัตถ์นุ่งดูรุ่งเรือง
 +
บรรจงจีบโจงข้างแล้ววางชาย  พรรณรายรัศมีเนื้อสีเหลือง
 +
เหาะลอยคล้อยลงตรงท้ายเมือง  เปิดตะรางย้างเยื่องเข้าใกล้ตน
 +
เอาน้ำสังข์โอสถรดเกศา  เครื่องพันธนาทั้งปวงก็ร่วงหล่น
 +
แล้วก็สาดราดรดหมดทุกคน  เครื่องจำตนร่วงกราวทั้งลาวไทย
 +
พรามหณ์ก็คลายหายวับไปกับตา  สะดุ้งฟื้นตื่นผวาหาช้าไม่
 +
คิดว่าจำหลุดกายสบายใจ  พอหวาดไหวตัวตึงอยู่ตรึงตรา
 +
นิ่งนึกตรึกดูรู้ว่าฝัน  นิมิตนี้สำคัญเป็นหนักหนา
 +
กระซิบปลุกตาหลอพ่อกูอา  ลุกขึ้นมาช่วยทำนายทายฝันที
 +
ตาหลอว่าคุณพ่อฝันอย่างไร  พระท้ายน้ำเล่าให้เป็นถ้วนถี่
 +
จงตรองคำทำนายทายให้ดี  นิมิตนี้ล้ำเลิศประเสริฐครัน ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ตาหลอยิ้มพลางทางทำนาย  ไม่ตายในเชียงใหม่แล้วแม่นมั่น
 +
คงจะพ้นพันธนาไม่ช้าวัน  เห็นสำคัญคนดีจะมีมา
 +
พิเคราะห์ฤกษ์ก็งามเป็นยามเสาร์  ทีนี้เรารอดแท้แน่นักหนา
 +
ซุบซิบกันสองคนสนทนา  จนเวลายามสองร้องเรียกยาม
 +
ถึงชื่อใครลนลานขึ้นขานรับ  เสียงโวยวายเป็นลำดับตลอดหลาม
 +
ใครไม่ขานเฆี่ยนสิ้นดิ้นโครมคราม  ร้องเรียกตามโทษทั่วทุกตัวคน
 +
ครั้นเสร็จแล้วตีเกราะเคาะห้อง  เสียงสนั่นลั่นก้องโกลาหล
 +
ผลัดกันลุกปลุกกันนั่งระวังตน  ประจวบจนรุ่งแจ้งแสงรวี ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ นายร้อยพะทำมะรงตรงเข้าคุก  จ่ายคนโทษไปทุกตำแหน่งที่ 
 +
ตาหลอกับตารักบักจันดี  อ้ายเหล่านี้เกี่ยวหญ้าหาเคียวคาน
 +
ตาหลอนึกถึงฝันท่านท้ายน้ำ  ร้องรำปรีเปรมเกษมศานต์
 +
ผู้คุมตามกันมาลนลาน  เดินผ่านล้วงตลาดวินาศไป
 +
ฉวยกระชากหมากดิบหยิบใส่กระ  เขาโขลกพลาดกลับฉวยเอากล้วยไข่
 +
เสียงฉุ่งฉิ่งวิ่งเลยไม่หลีกใคร  เจออะไรไขว่คว้ามาเป็นราว
 +
โซ่ตรวนโกร่งกร่างตามทางมา  เข้าร้านไหนแม่ค้าก็ฉ่าวฉาว
 +
บ้างโกรธด่าเปรี้ยงเสียงกราว  ข้ามสะพานย่านยาวเหย่าเหย่ามา
 +
ครั้นถึงทุ่งมุ่งตรงลงขอบหนอง  กำเริบร้องรำเคียวแล้วเกี่ยวหญ้า
 +
ผู้คุมนั่งบังสุมทุมพุ่มพุทรา  แล้วปูผ้านอนเล่นเย็นหลับไป ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสะท้าน  กำชับสั่งพวกหทารทั้งน้อยใหญ่
 +
ให้ผลัดกันลุกนั่งระวังระไว  อยู่แต่ในที่ซุ่มประชุมกัน
 +
อย่าเที่ยวไปเที่ยวมารอท่าเรา  ข้าสองคนจะเข้าไปเขตขัณฑ์
 +
ไปคิดอ่านแก้ไทยในคุกนั้น  กับพวกลาวเวียงจันทน์ที่มันจำ
 +
เอารีบร้นมาให้พ้นจากพารา  เราคงมาถึงนี่พรุ่งนี้ค่ำ
 +
พวกทหารต่างคำนับรับถ้อยคำ  แล้วสั่งกำชับกันให้มั่นคง
 +
สั่งเสร็จขุนแผนกับลูกชาย  ต่างคนแต่งกายงามระหง
 +
โพกประเจียดเคยประจญรณรงค์  สอดสวมเสื้อลงเป็นองค์พระ
 +
แล้วนุ่งผ้าลาวเหมือชาวไร่  เอาช้องใส่สีชมพูโพกศีรษะ
 +
ผูกพันกระสันเครื่องเรืองเดชะ  เข็มขัดปะขมองพรายคาดกายพลัน
 +
ขุนแผนจับดาบกลายสะพายย่าม  เจ้าพลายงามแบกทวนดูแข็งขัน
 +
ดูดังสองสิหราชกาจฉกรรจ์  เยื้องกรายผายผันเข้ากรุงไกร ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ เดินปนมากับลาวชาวพารา  หามีใครสงการสังเกตไม่
 +
ด้วยฤทธิ์ผีแรงมนตร์เข้าดลใจ  เห็นป็นลาวชาวไร่เข้าพารา
 +
นางสาวสาวชาวบ้านในชานเมือง  ชำเลืองดูพลายน้อยเสนหา
 +
ให้วาบวับจับใจไม่วางตา  เจ้าพลายเดินเมินหน้าไม่ดูใคร
 +
พวกสาวแส้แม่ม่ายทั้งยายเฒ่า  ทักว่าเจ้าหนุ่มน้อยจะไปไหน
 +
จงหยุดยั้งนั่งเล่นก่อนเป็นไร  ข้อยจะให้หมากพลูบุหรี่ดี
 +
ปีศาจน้อยศรีวิชัยที่ไปด้วย  ก็ช่วยตอบคำลาวนางสาวศรี
 +
สาวเอยเพื่อนว่าจงปรานี  ธุระมีจะไปในนคร
 +
จิตข้อยนี้มักเจ้าหนักหนา  แต่เดี๋ยวนี้พี่จะลาเจ้าไปก่อน
 +
ไปเที่ยวเบิ่งเมืองเล่นพอเย็นรอน  กลับมานอนจึงจะเข้ามาเว้ากัน
 +
พูดพลางเดินพลางตามทางมา  ถึงแม่ค้าขายของล้วนคมสัน
 +
เห็นโฉมฉายพลายน้อยเป็นนวลจันทร์  คิดสำคัญว่าลาวชาวป่าดง
 +
จึงทักทายแม่นายที่เดินหลัง  ไม่เอิ้นมั่งนั่งบึ้งตะลึงหลง
 +
อยากได้อะไรมั่งก็นั่งลง  แล้วยื่นส่งดอกไม้ให้พลายงาม
 +
เจ้าพลายรับจับมือรื้อสะกิด  นางลาวบิดเบือนสะบัดประหวัดหวาม
 +
บ้านเฮือนเพื่อนอยู่ใดอยากได้ความ  จะใคร่ตามหนุ่มน้อยไปแนบนอน
 +
เจ้าพลายชายตาว่าพี่มัก  นางลาวรักทำทอดฤทัยถอน
 +
ชมดชม้อยเชือนชายชม้ายงอน  ยิ้มแล้วก้มคมค้อนตะแคงดู
 +
นางแม่ม่ายขายหมากปากคะนอง  ร้องทักออกไปไม่อดสู
 +
เจ้าหนุ่มน้อยรูปดีสีชมพู  เพื่อนจะอยากหมากพลูของตูมี
 +
นางสาวอ่องร้องห้ามนางสาวฟัก  เราบ่มักแม่ม่ายจึงหน่ายหนี
 +
เพราะรูปร่างของสูไม่สู้ดี  ไปเรียกเขาเซ้าซี้บ่อายใจ
 +
นางสาวฟักตอบว่าอย่ากั้นกาง  สาวนางอย่างสูสู้ข้อยบ่ได้
 +
เพื่อนบ่เคยเชยชู้รู้อะไร  ทำนองในนางสาวเหมือนลาวตาย
 +
มีแต่ลมหายใจใครจะมัก  เชิงเยื้องยักอย่าประมาทชาติแม่ม่าย
 +
ยังหนุ่มเหมือนเพื่อนนี้ขี้งมงาย  ถูกแต่ปลายเงื่อนกระทกจะงกไป ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ขุนแผนพลายงามตามกันมา  ถึงไหนแม่ค้าก็ปราศรัย
 +
สองสูอยู้บ้านถิ่นฐานใด  มีธุระสิ่งไรจึงได้มา
 +
ผีที่ไปด้วยช่วยขุนแผน  พูดแทนว่าเราเป็นชาวป่า
 +
เขาลือว่าจับไทยไว้ในพารา  ข้อยบ่เคยเห็นหน้าไอ้บักไทย
 +
อยากจะไปเบิ่งเล่นว่าเป็นหยัง  เขาจำขังคนโทษไว้ที่ไหน
 +
พวกลาวบอกตามจริงไม่กริ่งใจ  เขาจำไว้ในตะรางข้างโรงม้า
 +
แต่ตัวนายตรำตรากไม่ลากใช้  พวกไพร่นั้นเขาคุมไปเกี่ยวหญ้า
 +
เพื่อนจะเบิ่งบักไทยไปท้องนา  มันกลับมาสายัณห์ตะวัรอน
 +
ขุนแผนชื่นชมสมปรารถนา  ว่ากระนั้นฉันจะลาท่านไปก่อน
 +
พ่อลูกสองราพากันจร  ก็รีบร้อนตรงมุ่งไปทุ่งนา
 +
เห็นพวกไทยไขว่คว้างอยู่กลางบึง  ก็ย่างเยาะเดาะดึ่งเข้าไปหา
 +
เห็นผู้คุมคลุมหัวมัวหลับตา  จึงเลาะลัดตัดมาที่ไทยพลัน ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ตารักกับตาหลอพอแลไป  เจ้าสองรามาแต่ไหนดูคมสัน
 +
พ่อลูกเดินเข้าไปพอใกล้กัน  ตาหลอผันหน้าพิศพินิจแล
 +
แต่แรกเห็นเป็นลาวชาวบ้านป่า  ครั้นดูซ้ำจำหน้าถนัดแน่
 +
เอ๊ะพ่อขุนแผนแล้วแม่นแท้  พาตารักรีบแร่ไปทันใด
 +
พอเข้าใกล้ตาหลอว่าพ่อเรา  โถมเข้ากอดตีนแล้วร้องไห้
 +
ซบหน้ากลิ้งเกลือกเสือกไป  เป็นครู่หนึ่งจึงได้สติคืน
 +
ขุนแผนว่าตาหลอกับตารัก  อย่าอึงนักอ้ายผู้คุมมันจะตื่น
 +
โศกเศร้าแต่เท่านั้นจงกลั้นกลืน  ฉวยผู้อื่นมันเห็นไม่เป็นการ
 +
ตาหลอกับตารักได้ฟังว่า  เช็ดน้ำตาร่อยร่อยค่อยเล่าขาน
 +
พ่อแผนลูกนี้แสนทรมาน  ถูกจองจำทำประจานให้เจ็บช้ำ
 +
มันใช้จับจ่ายหวายล่อหลัง  เหลือกำลังข้าวเช้าเป็นข้าวค่ำ
 +
หลังลูกกว่าร้อยรอยระยำ  พระท้ายน้ำจำครบทุกคืนวัน
 +
ทั้งเจ็บใจเจ็บเนื้อเหลือพรรณนา  คิดจะฆ่าตัวเสียให้อาสัญ
 +
เดชะบุญเจ้าประคุณขึ้นมาทัน  พ่อหนุ่มน้อยคนนั้นนั่นลูกใคร ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงคราม  ก็ชี้แจงแจ้งความหาช้าไม่
 +
คนนี้มิใช่ผู้อื่นไกล  ลูกคนใหญ่เกิดแต่แม่วันทอง
 +
พระนายถวายเป็นมหาดเล็ก  ถึงตัวเด็กใจใหญ่ไม่มีสอง
 +
เขาองอาจอาสาฝ่าละออง  ข้าพ้นจากจำจองเพราะเจ้าพลาย
 +
ทูลขอคนดทษก็โปรดปราน  สามสิบห้ากล้าหาญสิ้นทั้งหลาย
 +
จะขึ้นมาแก้ไขให้พ้นตาย  บอกพระนายท้ายน้ำให้รู้ตัว
 +
บอกทั้งพวกลาวชาวเวียงจันทน์  กับพวกเราเหล่านั้นเสียให้ทั่ว
 +
คืนนี้จะเข้าไปอย่าได้กลัว  คอยช่วยกันหั่นหัวอ้ายผู้คุม
 +
อย่าเห็นแก่หลับใหลให้ชักช้า  จะเข้าไปในเวลาสักห้าทุ่ม
 +
มัวพูดกันมันเห็นจะจับกุม  แต่กลางวันนั้นจะซุ่มอยู่ไหนดี ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ตาหลอว่าคุณพ่อออย่าเป็นทุกข์  วัดหนังหลังคุกเห็นชอบที่
 +
กุฎีร้างริมสระพระไม่มี  ทั้งตาปีไม่เห็นใครเที่ยวไปมา
 +
ว่าพลางทางชี้ตำแหน่งให้  ตรงไปหลังเมืองเยื้องข้างขวา
 +
ก็จะเห็นตะรางข้างโรงม้า  วัดหนังหลังศาลาตรงเข้าไป ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ขุนแผนรู้ตำแหน่งแจ้งกิจจา  พูดกันนักจักช้าเห็นไม่ได้
 +
พ่อลูกสองราก็คลาไคล  ตัดทุ่งมุ่งไปที่หมู่ยาง
 +
สังเกตผู้คนตามทางมา  แวะข้างขวาข้ามย่านสะพานขวาง
 +
หลีกคนด้นเดินเสียนอกทาง  ผ่านตะรางเห็นถนัดวัดรุงรัง
 +
ร้างรกปกคลุมล้วนพุ่มหนาม  เอออารามนี้แน่แลวัดหนัง
 +
ตรงเข้ากุฎีคร่ำคร่ามีฝาบัง  ต่างนอนนั่งคอยท่าเวลากาล ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ พอสายัณห์ตะวันลงตรงปลายไม้  ผู้คนเรียกคนไปเสียงมี่ฉาน
 +
พวกคนโทษวิ่งรี่ตะลีตะลาน  จับสาแหรกแบกคานเข้าทุกคน
 +
สวบสาบหาบหญ้ามาเป็นกลุ่ม  อ้ายผู้คุมถือหวายแล้วไล่ก้น
 +
เสียงฉุ่งฉิ่งวิ่งออกอลวน  หาบหญ้าผ่าถนนตลาดมา
 +
แม่ค้าเห็นคนพวงล่วงเข้าตลาด  บ้างยกกระจาดหับกระชังระวังผ้า
 +
พวกที่นั่งร้านรายขายกุ้งปลา  ถือกะโล่โงง่าตั้งท่าคอย
 +
ตาหลอหัวพวงล้วงปลาไหล  ตารักร่าคว้าใส่เอาปลาสร้อย
 +
อ้ายลูกแล่งแย่งคว้าปลาเล็กน้อย  เขาโขกคอยหลบหน้าแล้วด่าทอ
 +
ตาหลอหัวร่อร่าออกราแต้  วันนี้แลพ่อจะสั่งปีสังก้อ
 +
เขาตีตบหลบขนเอาจนพอ  ทั้งส้มกล้วยมะละกอก็พอการ
 +
เสียงโซ่ตรวนโกร่งกร่างวางกันอึง  นางคนหนึ่งรำมาะก้าออกหน้าบ้าน
 +
ฉวยไม้คานตีผลับแกจับคาน  พลัดตกคานล้มเค้ลงเก้กัง
 +
พวกแม่ค้าด่าเปรี้ยงเสียงเกรี้ยวโกรธ  อ้ายคนโทษวันนี้เป็นปีสัง
 +
จึงเริงร่ากล้าหาญออกตึงตัง  จะไปเรียนเฆี่ยนหลังเสียให้เลอะ
 +
ตาหลอว่าพ่อไม่อยากกลัว  จะฟ้องใครไสหัวมึงไปเถอะ
 +
ไม่พรั่นพรึงมึงดอกอีหน้าเคอะ  เชอะเข้ามากูจะใส่ให้นอนคราง
 +
พ้นตลาดพอเวลาสายัณห์  ก็ชวนกันวุ่นวิ่งมากริ่งกร่าง
 +
หิ้วปลาหาบหญ้ามาตามทาง  ถึงตะรางวางหญ้าลงหากิน
 +
ชวนกันตั้งหม้อข้าวเผาปลาดุก  ประเดี๋ยวใจก็สุกอยู่เสร็จสิ้น
 +
คดข้าวใส่กระบายให้นายกิน  พอตะวันตกดินลงทันใด
 +
นายร้อยคอยนับคนโทษถ้วน  ตรวจตรวนแล้วก็ร้อยด้วยโซ่ใหญ่
 +
ตะเกียงตามสามแห่งออกแดงไป  กุญแจใส่ลั่นกลอนซ้อนสองชั้น ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ พอผู้คุมสามคนขึ้นบนร้าน  ตาหลอคลานหานายขมีขมัน
 +
กระซิบบอกพระท้ายน้ำพลัน  คุณพ่อฝันแน่นักประจักษ์ตา
 +
ที่พูดกับกระผมสมทุกสิ่ง  ขุนแผนมาจริงเจียวพ่อขา
 +
กับลูกชายแปลงกายเป็นลาวมา  กระผมยืนเกี่ยวหญ้าผ่าเข้าไป
 +
ใส่ผมยาวเหมือนลาวสนิทนัก  แต่กระผมกับอ้ายรักยังจำได้
 +
ถ่มถึงคุณเจียวขอรับกับพวกไทย  ข้าพเจ้าเล่าไปทุกสิ่งอัน
 +
เธอให้บอกให้ทั่วเตรียมตัวท่า  คืนวันนี้จะเข้ามาเป็นแม่นมั่น
 +
จะสะกดให้หมดทั้งคุกนั้น  สะเดาะกุญแจแก้กันให้พ้นไปฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ พระท้ายน้ำฟังคำตาหลอเล่า  ดังได้น้ำทิพย์มารดให้
 +
สว่างอกอิ่มเอิบกำเริบใจ  ดุจได้ไปผ่านพิมานอินทร์
 +
เฮ้ยอ้ายหลอโม้โซ่มันยาว  ค่อยค่อยสาวกระซิบบอกกันให้สิ้น
 +
พวกเชียงใหม่อย่าให้มันได้ยิน  พ่อจะพามาบินไปคืนนี้
 +
ค่อยงุบงิบกระซิบกันต่อไป  ลาวไทยที่ติดตรวนรู้ถ้วนถี่
 +
พวกคนโทษทั้งสิ้นก็ยินดี  เตรียมตัวไว้ไม่มีใครนิทราฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท  เรืองฤทธิ์เชี่ยวชาญหาญกล้า
 +
กับพลายงามลูกกรักอันศักดา  ดูเวลาปลอดห่วงการทัณฑ์
 +
เห็นดวงดาวสะกดหมดจดแจ่ม  พระจันทร์แรมลบสิ้นดินสวรรค์
 +
ดึกได้ฤกษ์งามยามสำคัญ  ก็แต่งตัวจัดสรรให้มั่นคง
 +
ปลดเปลื้องเครื่องลาวลงใส่ย่าม  นุ่งม่วงสีครามงามระหง
 +
เข็มขัดขมองโขมดคาดดูอาจอง  แล้วประจงโพกประเจียดประจุฤทธิ์
 +
ใส่เสื้อลงเลขยันตร์ย้อมว่านยา  เสกจันทน์เจิมหน้าประกาศิต
 +
จับดาบย่างกรายบ่ายตามทิศ  แล้วยกเมฆได้นิมิตเหมือนรูปคน
 +
ลมจันกลาล่องคล่องทางซ้าย  ก็ก้าวกรายซ้ายก่อนออกจรถนน
 +
แล้วร่ายเวทจังงังกำบังตน  เดินรีบร้นถึงตะรางสว่างไฟ
 +
ขุนแผนอ่านอาคมสะดมคน  ทั้งตารางครางกรนไม่ทนได้
 +
กระซิบสั่งโหงพรายทั้งหลายไป  สะกดอ้ายนายคุกเสียทุกคน
 +
แล้วแก้มนตร์พวกไทยที่ในคุก  ราวกลับปลุกตื่นเตือนกันเกลื่อนกล่น
 +
สะเดาะประตูเปิดกว้างทั้งล่างบน  ทั้งสองคนเข้าไปมิได้ช้า ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ขุนแผนเสกข้าวสารหว่านซัดซ้ำ  เครื่องจำหลุดกายทั้งซ้ายขวา
 +
ร่วงกราวเท้ามือทั้งขื่อคา  ต่างทะลึ่งลุกถลาทั้งลาวไทย
 +
พระท้ายน้ำกำกงตรงออกมา  วันทาขุนแผนทั้งนายไพร่
 +
อ้ายลางคนขุ่นแค้นแสนเจ็บใจ  ใครข่มเหงนึกได้ไล่ฟาดฟัน
 +
อ้ายผู้คุมสามนายที่ร้ายกาจ  ฟันผลัวะฉัวะฉาดขาดสะบั้น
 +
เลือดอาบดาบมันแลฟันมัน  มันดุดันด่าเฆี่ยนพ่อเจียนตาย
 +
ยังอ้ายผู้กำกับอยู่ทับนอก  อ้ายขี้ครอกเฆี่ยนพ่อถึงสองหวาย
 +
ตาหลอขึ้นทับคร่าฝาทลาย  เอาดาบป่ายปุบดิ้นสิ้นชีวี
 +
ตารักแค้นใจอ้ายตรวจเพลิง  มันตรวจหวดหลังเปิงอยู่ป่นปี้
 +
จะเอามันไว้ไยไอ้อัปรีย์  แกฟันทิ้งกลิ้งคี่อยู่คาเรือน
 +
อ้ายคนโทษโกรธใครไล่พิฆาต  ฟันเสียหัวขาดออกกลาดเกลื่อน
 +
ที่ไม่ถูกฆ่าฟันก็ฟั่นเฟือน  ละเมอกรนป่นเปื้อนเหมือนป่าช้า ฯ
 +
ครั้นออกจากตะรางมาข้างนอก  ตาหลอจึงบอกขุนแผนว่า
 +
พวกเราถูกรัดรึงไว้ตรึงตรา  จนง่อยเปลี้ยเสียขาไปหลายคน
 +
จะคลุกคลีหนีไล่ไม่ถนัด  ฉวยมันตัดทางตีสิปี้ป่น
 +
ต้องลักม้าไปบ้างต่างตีนตน  ได้ถ้วนคนตามพ่อพอจะทัน
 +
พวกฉันจะไปดูด้วยรู้แห่ง  โรงข้างขวาม้าแซงนั้นแข็งขัน
 +
โรงซ้ายม้าทาวนล้วนสำคัญ  เอาให้ครบขากันทุกคนไป ฯ
</tpoem>
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
๏ ขุนแผนร้องว่าช้าตาเฒ่า  แต่ลำพังพวกเจ้าเห็นไม่ได้
 +
ไปเจอลาวก็จะฉาวทั้งเวียงชัย  มันจะไล่เอาแหลกขี้แตกตาย
 +
จึงสั่งตาหลอให้นำหน้า  แล้วต่างคนตามมาสิ้นทั้งหลาย
 +
ถึงโรงม้าซัดปาข้าสารปราย  แล้วสั่งพรายให้กำบังระวังตัว
 +
อ้ายพวกลาวเฝ้าม้าพากันหลับ  กอดประกับกรนดังทั้งเมียผัว
 +
เปิดประตูกรูเข้าไปไม่คิดกลัว  เที่ยวค้นของมองทั่วทุกสิ่งไป
 +
บ้างฉวยคว้าผ้าแพรแก้ผ้านุ่ง  รูดเอาถุงเมียหมดปลดเอาไถ้
 +
ทั้งเงินทองของดีที่พอใจ  พบที่ไหนฉวยคว้าไม่ปรานี
 +
ขุนแผนร้องเหวยเฮ้ยอย่าช้า  ต่างก็มาแก้ม้าขมันขมี
 +
เครื่องใครใส่มันเข้าทันที  แล้วขึ้นขี่พร้อมหน้าถ้วนขากัน
 +
ตาหมอเลือกม้าดีให้สี่นาย  ล้วนแยบคายขี่ถูกผูกเครื่องมั่น
 +
พระท้ายน้ำขับม้านำหน้าพลัน  ถัดนั้นกำกงมาตรงกลาง
 +
ม้าขุนแผนพลายงามตามต้อนหลัง  กระทืบโกกลนกังกังสะบัดย่าง
 +
ครั้นถึงสี่แพรกจะแยกทาง  ขุนแผนถากไม้ทองหลางคาบหลักไว้
 +
เอาถ่านมาจารึกอักษรศรี  ให้ชาวบุรีรู้ระบิลสิ้นสงสัย
 +
ใครมาพบอักษรอย่านอนใจ  จงรีบเอาเข้าไปให้นายมึง
 +
ครั้นสำเร็จเสร็จปักหลักสารา  เผ่นขึ้นหลังม้ากระทืบผึง
 +
ตามกันสะบัดย่างวางปรึงปรึง  มาถึงทางจะออกนอกนคร ฯ
 +
 +
 +
๏ ตาโม้กับตามาทั้งตาหลอ  ว่าคุณพ่ออย่าเพ่อรีบไปก่อน
 +
อ้ายพวกลาวเลี้ยงช้างอยู่กลางดอน  ล้วนงางอนงามงามสามสิบตัว
 +
เราจะต้องรบรับยับยั้ง  ถ้าช้างมีขี่มั่งจะยังชั่ว
 +
ล้วนแต่ดีฝีงาน่ากลัว  ฉันรู้ที่ทอดทั่งทุกตำบล ฯ
 +
ขุนแผนร้องว่าเออตาเฒ่า  ถ้าพวกเรารู้ตำแหน่งแห่งหน
 +
คิดจะเข้าเอาช้างก็ชอบกล  ด้วยผู้คนของเราไม่มากมาย
 +
ถึงแม้นได้ช้างงามมาหลายหลัง  พอจะได้เป็นกำลังเราทั้งหลาย
 +
ควาญหมอเราก็มีดีมากนาย  ไว้ดันแดกแหกค่ายทลายทัพ
 +
แน่ตาหลอคุมไพร่ไปสักร้อย  อ้ายลาวน้อยจงกลุ้มเข้ารุมจับ
 +
ชิงช้างทั้งจำลองสัปคับ  เอาให้ได้พร้อมสรรพแล้วขับมา ฯ
 +
 +
 +
๏ ตาหลอรับนับคนได้ร้อยเศษ  สังเกตที่ได้ชัดเดินลัดป่า
 +
ถึงก็ยั้งตั้งโห่ขึ้นสามลา  ตรงเข้าคว้าจับเอาอ้ายชาวช้าง
 +
ทำแต่ให้ตกใจไม่ฆ่าฟัน  มัดศอกติดกันทั้งสองข้าง
 +
เข้าควักล้วงช่วงชิงวิ่งโกรงกราง  เครื่องเคราขนพลางไม่รั้งรอ
 +
ประโคนพานหน้าหลังหนังชนัก  อานจำหลักทั้งแหย่งกระแชงขอ
 +
บรรดาของต้องการกว้านจนพอ  แล้วขึ้นคอไล่วิ่งลูกดิ่งตี
 +
ช้างถูกลูกดิ่งวิ่งชิงคลอง  บ้างก็ร้องแหกป่ามาอึงมี่
 +
พวกไทยลาวตัวลือฝีมือดี  ทั้งหมอควาญขับขี่ไม่มีช้า
 +
ครู่หนึ่งถึงที่ขุนแผนคอย  ตาหลอตามรอยเข้าไปหา
 +
บอกว่าลูกไปได้ช้างมา  ล้วนว่องไวใหญ่กล้างาลากดิน
 +
ขุนแผนฟังตาหลอัวร่อร่า  สั่งให้เดินช้างม้ามาทั้งสิ้น
 +
กำลังดึกดาวกระจ่างน้ำค้างริน  ก็เข้าถิ่นจะถึงที่บึงบอน ฯ
 +
 +
 +
๏ ฝ่ายข้างทหารสามสิบห้า  ได้ยินอื้ออึงมาป่ากระฉ่อน
 +
สำคัญคิดว่าลาวชาวนคร  ก็รีบร้อนแต่งตัวทั่วทุกคน
 +
พรหมศรสำมะยังสั่งอาสา  เราคอยท่าตัดทัพให้ยับย่น
 +
ถ้าได้ยินกลองน้อยแล้วถอยตน  ฆ้องกระแตรีบร้นเร่งเข้ามา
 +
สั่งกันเสร็จสรรพจับอาวุธ  คาดตะกรุดโพกประเจียดมงคลใส่
 +
พรหมศรคุมอาสาแยกขวาไป  สำมะยังคุมไพร่แยกซ้ายจร
 +
ครั้นถึงที่แถบทางหว่างช่องแคบ  ต่างเข้าไปแอบในพุ่มแล้วซุ่มซ่อน
 +
แต่ล้วนคนหัวไม้ใจแน่นอน  มิได้หย่อนย่อท้อต่อไพรี
 +
พอพระท้ายน้ำที่นำหน้า  ขับม้าเดินเฉยเลยพ้นที่
 +
สำมะยังสั่งให้โห่ขึ้นสามที  ออกจากพงตรงรี่เข้าตัดทัพ
 +
เผ่นขึ้นงาช้างง้างฟันคอ  ถูกตาหลอพอเลือดเป็นยางหนับ
 +
ตาหลอยกขอขึ้นรำรับ  ฟาดขวับถูกถนัดพลัดตกตึง
 +
หล่นปุกลุกขึ้นได้ใส่พวกม้า  เอาดาบปาพระท้ายน้ำเข้าต้ำผึง
 +
เสื้อขาดพลาดท่าควบม้าปรึง  กระทืบโกลนโผ่นทะลึ่งไปตามช้าง
 +
ทั้งพวกลาวไทยไม่รู้ตัว  พากันกลัวโดดวิ่งทิ้งดาบผาง
 +
ขุนแผนคิดว่าลาวมาดักทาง  กระทืบม้าผ่ากลางวางเข้าไป
 +
เจ้าพลายกระทืบแผงแข่งบิดา  ฟันฟาดสาตราเข้าลุยใส่
 +
ธรรมเถียรวิ่งถลันมาทันใด  กับพวกไพร่กรูพร้อมล้อมเข้ามา
 +
ขุนแผนตวาดอำนาจครุฑ  ดาบหลุดหกล้มลงจมหญ้า
 +
พรหมศรสำมะยังยืนจังก้า  หยักรั้งตั้งท่าแล้วแทงเอา
 +
ถูกอกขุนแผนเข้าต้ำอัก  หอกหักยู่ไปไม่ยักเข้า
 +
ขุนแผนเห็นหอกหักชักนางกระเบา  แทงอ่ายเฒ่าพรหมศรลงนอนดิ้น
 +
ไม่เข้าหนังสำมะยังวิ่งเข้าแก้  แร่เข้าฟันเจ้าพลายคล้ายฟันหิน
 +
ชั้นเสื้อนอกหอกดาบก็ไม่กิน  หักบิ่นยู่พับยับย่อยไป
 +
นายโดดกับนายเสือเงื้อหอกง่า  ขุนแผนปาลงต้ำฉาดพลาดไถล
 +
สำมะยังธรรมเถียรเปลี่ยนแปลกใจ  นี่อย่างไรคงทนพ้นกำลัง
 +
พิโรธแรงแกว่งดาบทะลวงไล่  เหลือบไปเห็นขุนแผนก็ถอยหลัง
 +
ใครนั่นหนอคุณพ่อดอกกระมัง  เออ้ายสำมะยังดอหรือไร
 +
พวกทหารเห็นแม่นขุนแผนนาย  ใจหายทิ้งดาบลงกราบไหว้
 +
ไม่รู้ว่าคุณพ่อขออภัย  คิดว่าลาวเชียงใหม่มันยกมา
 +
แทงคุณพ่อกับพ่อพลายเป็นหลายที  โทษลูกถึงที่จะสังขาร์
 +
ขุนแผนชอบใจไม่โกรธา  ว่าแกล้วกล้าเช่นนี้แลดีครัน
 +
ครั้นรู้จักตัวกันทั่วหน้า  ให้ลดเลี้ยวเที่ยวหากันจ้าละหวั่น
 +
ทั้งพวกช้างพวกม้าตามมาพลัน  เสียงเพรียกเรียกกันอึงคะนึง
 +
กำกงกับพระท้ายน้ำนั้น  ด้วยความกลัวตัวสั่นจนมาถึง
 +
ประทับทอดม้าช้างวางกันอึง  พร้อมกันอยู่ที่บึงสบายใจ ฯ
 +
 +
 +
๏ ครั้นรุ่งรางสางแสงสุริเยนทร์  เยื้องพระเมรุเลื่อนล่องส่องแสงใส
 +
พวกพนักงานลาวชาวเวียงชัย  จะเบิกไขคนโทษไปทำงาน
 +
ถึงประตูจู่เดินมาดุ่มดุ่ม  เห็นผู้คุมหัวขาดอยู่กลาดย่าน
 +
ต่างตกใจไปค้านวิ่งลนลาน  พบซมซานยังไม่ตายก็หลายคน
 +
เรือนนายตรวจหักแหกของแตกหาย  กระจัดกระจายไปทุกเรือนออกเกลื่อนกล่น
 +
เข้าไปในตะรางที่ข้างบน  เห็นผู้คนหายไปทั้งไทยลาว
 +
นายร้อยพะทำมะรงลงกลิ้งกลาด  บ้างหัวขาดเหลือกตาดูหน้าขาว
 +
โซ่ตรวนหลุดกองทั้งสองราว  คาขื่อมือเท้าเกะกะไป
 +
โซ่พันยังลั่นกุญแจติด  ตรวนก็ชิดหาเห็นรอยตัดไม่
 +
ขื่อลิ่มก็ยังดีนี่อย่างไร  ประหลาดใจโดดตะรางวางวิ่งมา
 +
ฝ่ายอ้ายลาวเฝ้าม้าทั้งผัวเมีย  ลุกขึ้นนั่งงัวเงียยังแก้ผ้า
 +
ครั้นสร่างมนตร์เหลี้ยวคว้างเห็นว่างตา  หมอนมุ้งกระบุงตะกร้าก็หายไป
 +
เมียแลดูผัวเห็นตัวเปล่า  เอ๊ะใครเอาผ้านุ่งไปเสียไหน
 +
ผัวแลดูเมียเสียน้ำใจ  ผ้าผ่อนล่อนกระไรไม่ติดกาย
 +
ผัวเมียตีอกตกประหม่า  นางเมียไม่มีผ้าคว้าเสื่อหวาย
 +
ผัวขยุ้มกุมจุ่นอยู่วุ่นวาย  ฉวยกระสอบสวมกายคล้ายกางเกง
 +
ทั้งโรงเหนือโรงใต้ไม่มีม้า  พวกคนเลี้ยงวิ่งร่ามาเหยงเหยง
 +
อ้ายบางคนแก้ผ้ามาดโทงเทง  โรงกูเองก็หายตายแล้วเรา
 +
กำลังพวกเลี้ยงม้าจ้าละหวั่น  ก็พบกันกับอ้ายพวกนายคุกเข้า
 +
พูดกันฟั่นเฟือนเหมือนกับเมา  พออ้ายเฒ่าเลี้ยงช้างวางวิ่งมา
 +
พบกันเข้าทุกคนที่ต้นทาง  เล่าคดีถี่ห่างกันพร้อมหน้า
 +
จะพากันเข้าไปในศาลา  มาพบหลักอักขราเข้ากลางทาง
 +
ก็รู้ว่าหนังสือฝีมือไทย  ตรงเข้าไปถอนชักหลักทองหลาง
 +
อ่านดูรู้แจ้งไม่แคลงคลาง  ก็แบกวางเข้ามาศาลาใน ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นแสนท้าวเหล่าพระยา  นั่งอยู่บนศาลาลูกขุนใหญ่
 +
กำลังว่าราชการงานเวียงชัย  แลไปเห็นคนวิ่งลนลาน
 +
บ้างนุ่งเสื่อใส่กระสอบวิ่งหอบโครง  บ้างโล่งโต้งแก้ผ้ามางุ่นง่าน
 +
ก็ร้องทักถามไปไม่ได้การ  อ้ายพวกนั้นจัณฑาลเป็นสิใด
 +
ผ้าผ่อนล่อนแก่นแล่นออกฉาว  ใครฉกชิงวิ่งราวหรือไฉน
 +
คนดีหรือคนบ้ามาทำไม  นายเวรไปถามดูให้รู้ความ
 +
พอพวกนั้นเข้าไปในศาลา  หมอบกราบคลานเข้ามาออกงุ่นง่าน
 +
ปากคอสั่นให้ครั่นคร้าม  ฟังถามต่างก็แจ้งแห่งกิจจา
 +
ว่าสาธุเจ้าประคุณบุญปกหัว  โทษตัวข้อยนี้เป็นหนักหนา
 +
เมื่อยามดึกคนดีมีเข้ามา  สะกดฆ่าผู้คุมเสียมากมาย
 +
สะเดาะโซ่กุญแจเข้าแก้ไทย  ทั้งพวกล้านช้างไปเสียศูนย์หาย
 +
นายตรวนนายตรามันฆ่าตาย  เจ้าประคุณทั้งหลายได้โปรดปราน
 +
ฝ่ายพวกกองช้างก็กราบเรียน  มันผูกมัดรัดเฆี่ยนกระหม่อมฉาน
 +
เข้าแก้แหล่งลักช้างทั้งเครื่องอาน  เอาช้างไปประมาณสามสิบตัว
 +
อ้ายพวกม้าปากสั่นรันเรียนไป  ว่าสาธุคุณผู้ใหญ่ได้ปกหัว
 +
มันสะกดข้าพเจ้าหลับเมามัว  แก้ผ้าผ่อนล่อนตัวไม่ว่าใคร
 +
แล้วเลือกม้าดีดีมีกำลัง  ทั้งเครื่องอานเบาะหนังหาเหลือไม่
 +
ประมาณม้าทั้งหลายที่หายไป  นับได้เป็นม้าห้าร้อยปลาย
 +
แล้วมาพบไม้หลักปักกลางทาง  ปิดหนังสืออวดอ้างไว้มากหลาย
 +
ว่ากล่าวหยาบช้าถึงท้าทาย  จะทำลายเชียงอินทร์ให้สิ้นกรุง ฯ
 +
 +
 +
๏ พระยาลาวฟังแถลงแจ้งคดี  อ้ายพวกไทยแล้วนี่ที่ทำยุ่ง
 +
ต่างพิโรธโกรธใจดังไฟฟุ้ง  จับหนังสือถือมุ่งเขม้นดู
 +
ครั้นรู้แจ้งประจักษ์ในอักษรา  ต่างคนต่างผลัดผ้าไม่ช้าอยู่
 +
เพี้ยกวานตามหลังมาพรั่งพรู  กรูเข้าท้องพระโรงด้วยทันใด ฯ
 +
ครานั้นเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นพุงดำ  ฤทธิ์ล้ำลึกจบพิภพไหว
 +
สถิตแท่นสุวรรณอันอำไพ  อยู่ที่ในพระโรงรัตน์ชัชวาล
 +
หร้อมหมู่แสนท้าวเหล่าพระยา  บัญชาตรัสประภาษอยู่ฉาดฉาน
 +
เห็นข้าเฝ้าเข้ามาดูลนลาน  เฮ้ยเพี้กวานเอาไม้อะไรมา ฯ
 +
 +
 +
๏ เพี้ยกวานกราบทูลมูลเหตุ  ว่าสาธุทรงเดชโปรดเกศา
 +
เมื่อคืนมีโจรอหังการ์  มาแก้ชาวอยุธยาพาหนีไป
 +
ซ้ำลักเอาม้าห้าร้อยถ้วน  เลือกแต่ล้วนตัวดีที่สูงใหญ
 +
แล้วออกไปชิงช้างที่กลางไพร  เอาไปได้งามงามสามสิบตัว
 +
อ้ายคนโทษพวกลาวชาวล้านช้าง  ก็พลอยหนีหมดตะรางพระทูนหัว
 +
มันปักหนังสือท้าว่าไม่กลัว  ได้ค้นคว้าหาทั่วก็ไม่ทัน ฯ
 +
 +
 +
๏ เจ้าเชียงใหม่ได้ฟังดังไฟผลาญ  ร้องเรียกล่ามพนักงานขมีขมัน
 +
เฮ้ยอ่านไปให้แจ้งแห่งสำคัญ  หนังสือนั้นมันว่าท่ากระไร ฯ
 +
 +
 +
๏ ฝ่ายว่าพันจามล่ามพนักงาน  คลานมารับจับอ่านหาช้าไม่
 +
ว่าพระจอมนครินทร์ปิ่นกรุงไทย  บัญชาใช้ให้ทหารพระกาลมา
 +
เราหรือชื่อพระยาแผนพิฆาฏ  คุมพวกไพร่อาทมาตสามสิบห้า
 +
กับพลายงามลูกรักอันศักดา  ยกมาจะประหารผลาญบุรี
 +
ด้วยลาวชิงสร้อยทองของท่านไว้  แล้วจับไทยจองจำทำป่นปี้
 +
เราเข้ามาแก้ไขไทยเหล่านี้  กับพวกที่ล้านช้างส่งนางไป
 +
ให้พวกเรารอดพ้นทนทุกข์ก่อน  จะหลบลี้หนีซ่อนนั้นหาไม่
 +
จะรอเราให้เข้ามาชิงชัย  หรือจะตามก็ไปที่บึงบัว
 +
ถ้ารักชีวิตคิดถึงซึ่งพวกพ้อง  จงทูนนางสร้อยทองไว้บนหัว
 +
ส่งให้แล้วคำนับรับว่ากลัว  จึงจะปลอดรอดตัวไม่มรณา ฯ 
 +
 +
 +
๏ ครานั้นเจ้าเชียงใหม่ครั้นได้ฟัง  แค้นคั่งราวกับไฟไหม้เวหา
 +
เหม่อ้ายไทยขี้ถังอหังการ์  มาอวดกล้าท้าทายหยาบคายแท้
 +
เฮ้ยบรรดาแสนท้าวเหล่าพระยา  ซึ่งมันว่ายังจะจริงฉะนั้นแน่
 +
หรือพรั่นตัวกลัวเราจะตามแจ  จึงพูดแก้ขู่ไว้ให้รอช้า
 +
กับพวกมันสามสิบสักหยิบมือ  อ้ายที่หนีคุกหรือจะสู้หน้า
 +
ล้อมฟันเสยไม่ทันจะพริบตา  ซึ่งเราว่าใครจะเห็นเป็นอย่างไร ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นพระยาจันทรังสี  ผู้ว่าที่สมุหทหารใหญ่
 +
คิดพลางทางทูลไปทันใด  มันท้าไว้ถ้อยคำก็สำคัญ
 +
ถ้าไม่ดีไหนจะมีหนังสือท้า  อ้ายคนที่ยกมาจะแข็งขัน
 +
เรายกไปคงได้ถึงรบกัน  ด้วยว่ามันอิ่มเอิบกำเริบใจ
 +
แต่อ้ายพวกมาตามสามสิบห้า  ถึงดีแท้ก็จะมาทำไมได้
 +
อ้ายห้าร้อยที่มันลักพาไป  ทั้งลาวไทยไม่มีอ้วนล้วนพุงโร
 +
มันเสมือนหมู่เนื้อเสือเคยทับ  ไหนจะกลับหันหน้าเข้ามาโต้
 +
สามสิบห้าถึงจะกล้าเป็นเอกโท  อ้ายคนโซก็จะพาอ้ายกล้าไป
 +
ขอให้แต่งม้าใช้ออกไปดู  ถ้ามันยังตั้งอยู่ที่บึงใหญ่
 +
จึงค่อยยกกองทัพขับพลไกร  เข้าลุยไล่เสียให้แหลกเป็นผงคลี ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นพิภพ  ฟังจบตรึกตรองเห็นต้องที่
 +
จึงสั่งตรัสมุงกะยองกองพาชี  จงเลือกหาม้าดีขี่ออกไป
 +
รีบไปสืบดูให้รู้แท้  มันหนีแน่หรือยังอยู่ที่บึงใหญ่
 +
ถ้ามันอยู่สูมาอย่านอนใจ  เราจะได้เกณฑ์ทัพไปจับมัน ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นมุงกะยองมองไล่  รับสั่งแล้วรีบไปขมีขมัน
 +
ผูกม้าโผนธรณีสีจันทน์  ขึ้นกระทบแผงผันผยองไป
 +
ปล่อยใหญ่ใส่ห้อไม่ย่อหย่อน  พอแดดอ่อนก็ถึงที่บึงใหญ่
 +
ลงจากม้าดอดดุ่มเข้าพุ่มไพร  ขึ้นบนต้นไม้ลอบแลดู
 +
ประมาณคนเบ็ดเสร็จเจ็ดร้อยกว่า  เห็นทางท่าไม่หนีทีจะสู้
 +
แต่แลไปไม่เห็นตั้งค่ายคู  สังเกตรู้แน่ชัดถนัดตา
 +
ลงจากต้นไม้มารี่หรับ  ขึ้นพาชีขี่ขับไปกลางป่า
 +
พอตะวันอัสดงก็ปลงม้า  ตรงเข้ามายังท้องพระโรงชัย
 +
ครั้นถึงหน้าที่นั่งบังคมทูล  ตามมูลเหตุแจ้งแถลงไข
 +
ข้าพเจ้าเล็ดลอดดอดเข้าไป  เห็นลาวไทยลุกนั่งอยู่พรั่งพรู
 +
ทั้งนายไพร่ใหญ่น้อยเจ็ดร้อยกว่า  เห็นทางท่ารั้งรอจะต่อสู้
 +
แต่อย่างไรไม่เห็นตั้งค่ายคู  มันตั้งอยู่ที่บึงทางครึ่งวัน ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟัง  แผดเสียงเปรี้ยงดังสนั่นลั่น
 +
เหม่เหม่อ้ายไทยใจฉกรรจ์  เจ็ดร้อยน้อยหรือนั่นมาขันรบ
 +
ไม่พอครือมือลาวชาวเชียงใหม่  สักอึดใจก็จะมัดดังรัดกบ
 +
เพียงหักไม้คนละกิ่งทิ้งสมทบ  ก็จะกลบเสียได้ไม่คณนา
 +
ดำรัสตรัสประภาษอยู่ฉาดฉาน  สั่งท้าวกรุงกาฬตรีเพชรกล้า
 +
จงเร่งพหลพลโยธา  ไปจับจิกหัวมาให้หนำใจ
 +
อันเพี้ยปราบเมืองแมนแสนกำกอง  ทั้งสองเคยเคี่ยวเข็ญเป็นผู้ใหญ่
 +
ยกเป็นปีกซ้ายขวาคลาไคล  ให้กรุงกาฬนั้นไซร้เป็นแม่ทัพ
 +
แสนตรีเพชรกล้าขี่ม้าคล่อง  เคยทำนองหักโหมเข้าโจมจับ 
 +
เป็นแม่ทัพสินธพไปรบรับ  ให้พร้อมสรรพพรุ่งนี้สี่โมงปลาย ฯ
 +
 +
 +
๏ พระยาจันทรังสีได้รับสั่ง  ออกมานั่งศาลาให้บัตรหมาย
 +
เร่งเรียกพลไกรทั้งไพร่นาย  จัดจ่ายช้างม้าเครื่องอาวุธ
 +
ทัพม้าห้าพันสกรรจ์หมด  ใจคอทรหดเป็นที่สุด
 +
เคยฝึกฝนทนทานชำนาญยุทธ์  ทั้งซ้ายขวาอุตลุดล้วนขี่ม้า
 +
บ้างถือทวนถือเสน่าเกาทัณฑ์  เรี่ยวแรงแข็งขันเคยอาสา
 +
มีนายกองนายหมวดคอยตรวจตรา  พร้อมสรรพทัพหน้าได้ห้าพัน
 +
เพชรกล้าประทานม้าพระที่นั่ง  มีกำลังไวว่องคล่องขยัน
 +
ชื่อว่าเหมรัศมีสีจันทน์  ผูกเครื่องกุดั่นประดับพลอย
 +
แผงข้างเขียงนางกินนรรำ  โกลนคร่ำโพธิ์ทองทั้งพู่ย้อย
 +
อานปรุลายฉลุจำหลักลอย  ควาญประจำจูงคอยจะยาตรา ฯ
 +
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
๏ กรุงกาฬทัพใหญ่ยกไว้ก่อน  กล่าวถึงทัพอัสดรตรีเพชรกล้า
 +
อันแม่ทัพคนนี้มีศักดา  อยู่คงสาตราวิชาดี
 +
แขนขวาสักรงเป็นองค์นารายณ์  แขนซ้ายสักชาดเป็นราชสีห์
 +
ขาขวาหมึกสักพยัคฆี  ขาซ้ายสักหมีมีกำลัง
 +
สักอุระรูปพระโมคคัลลาน์  ภควัมปิดตานั้นสักหลัง
 +
สีข้างสักอักขระนะจังงัง  ศีรษะฝังพลอยนิลเม็ดจินดา
 +
ฝังเข็มแล่มทองไว้สองไหล่  ฝังเพชรเม็ดใหญ่ไว้แสกหน้า
 +
ฝังก้อนเหล็กไหลไว้อุรา  ข้างหลังฝังเทียนคล้าแก้วตาแมว
 +
เป็นโปเปาปุบปิบยิบทั้งกาย  ดูเรี่ยรายรอยร่องเป็นถ่องแถว
 +
แต่เกิดมาอาวุธไม่พ่องแพว  ไม่มีแนวหนามขีดสักนิดเดียว
 +
สูงใหญ่รูปร่างเหมือนอย่างเสือ  กำลังเหลือเนื้อหนังก็แน่นเหนียว
 +
หนวดโง้งโก่งฟั่นพันเป็นเกลียว  ฟันขาวปากเขียวดังปลิงควาย
 +
นัยน์ตาดำคล้ำคล้ายกับตาเสือ  ขอบตาแดงเรื่องดังชาดป้าย
 +
คิ้วกระหมวดหนวดแดงดูแรงร้าย  ผมมุ่นมวยคล้ายกับโยคี
 +
แต่รุ่นหนุ่มคุ้มใหญ่ไม่อาบน้ำ  เพื่อนตำแต่ว่านยาทาขัดสี
 +
ไม่นอนด้วยภรรยาทั้งตาปี  ต่อศึกมีเมื่อไรได้อาบน้ำ
 +
จะไปทัพจึงหาบรรดาว่าน  มาเสกอ่านอาคมถมถนำ
 +
เครื่องรางตะกรุดลงองค์ภควัม  บริกรรมเสกเป่าเข้าทันใด
 +
แล้วตักน้ำตีนท่ามาใส่ขัน  หยิบเครื่องอานว่านนั่นเอาลงใส่
 +
เสกเดือดพล่านพลั่งดังตั้งไฟ  เห็นประจักษ์วักได้ใส่หัวพลัน
 +
หยิบเครื่องอานว่านยาขึ้นมาไว้  เพชรกล้าลงไปในแม่ขัน
 +
ประจงจบเคารพแล้วอาบพลัน  ดูสำคัญในนทีจะมีลาง
 +
ถ้าจะเกิดอันตรายวายชีวิต  ในนิมิตน้ำแดงเป็นแสงฝาง
 +
ถ้าไม่ชนะไม่แพ้แต่ปานกลาง  น้ำเป็นอย่าสีรงลงละลาย
 +
ถ้าจะไปมีชัยแก่ข้าศึก  น้ำเลื่อมดังผลึกวิเชียรฉาย
 +
ครั้งนั้นขาดชันษาชะตาตาย  นิมิตสายชลธีเป็นสีแดง
 +
เพชรกล้ามุ่งเขม้นเห็นนิมิต  รู้แท้แน่จิตประจักษ์แจ้ง
 +
น้ำอย่างสีฝางลางร้ายแรง  นึกแสยงสยดสยอนถอนฤทัย
 +
เป็นสุดทุกข์ลุกออกมาผลัดผ้า  ประหนึ่งว่าไม่ดำรงทรงกายได้
 +
แล้วนึกว่าชาติทหารอันชาญชัย  ถึงบรรลัยก็ให้ลือฝีมือลาว
 +
ฮึดฮัดจัดแจงแต่งกายา  วันจันทร์นุ่งผ้ายกพื้นขาว
 +
คาดตะกรุดเครื่องรางปรอทวาว  ใส่แหวนเพชรเม็ดวาวเหมือนดาวราย
 +
ประเจียดประจงจับตะเบงมาน  สอดสังวาลสะอิ้งรัดจำรัสฉาย
 +
โพกผ้าขลิบพื้นขาวดาวกระจาย  เข็มขัดสายทองถักล้วนอักขรา
 +
จบจับประคำทองเข้าคล้องคอ  ผงดินสอเสกเสริมแล้วเจิมหน้า
 +
ถือง้าวก้าวย่างสามขุมมา  เผ่นขึ้นหลังม้าสง่างาม
 +
ท่วงทีองอาจดังราชสีห์  สมกับที่ชาญชัยในสนาม
 +
ขยับยกเมฆในได้ฤกษ์ยาม  ให้โห่สามลาเลิกโยธาไป
 +
แม่ทัพสัปทนคนกางกั้น  เสียงฝีเท้าม้าลั่นแผ่นดินไหว
 +
พวกพลโห่ร้องคะนองใจ  เป็นโกลามาในอรัญวา ฯ
 +
 +
 +
๏ จะกล่าวถึงกองทัพท้าวกรุงกาฬ  ทหารแม่ทัพใหญ่ใจกล้า
 +
ต่างเร่งรัดจัดแจงแต่โยะา  สั่งให้ผูกช้างงาเข้าฉับพลัน
 +
กรมช้างเร่งรัดจัดช้างตั้ง  ล้วนพ่วงพีมีกำลังผูกเครื่องมั่น
 +
ควาญหมอท้ายคอคนสำคัญ  ทหารนั้นนั่งกลางข้างละคน
 +
มีอาวุธพร้อมสรรพสำหรับช้าง  มายืนข้างสองแถวแนวถนน
 +
สวมสอดเสื้อลงใส่มงคล  ล้วนอยู่ยงคงทนซึ่งสาตรา
 +
บ้างอยู่ด้วยรากไม้ไพรว่าน  บ้างอยู่ด้วยโอมอ่านพระคาถา
 +
บ้างอยู่ด้วยเลขยันตร์น้ำมันทา  บ้างอยู่ด้วยสุราอาพัดกิน
 +
บ้างอยู่ด้วยเขี้ยวงาแก้วตาสัตว์  บ้างอยู่ด้วยกำจัดทองแดงหิน
 +
บ้างอยู่ด้วยเนื้อหนังฝังเพชรนิล  ล้วนอยู่สิ้นทุกคนทนสาตรา
 +
เพี้ยปราบเมืองแมนแสนเสนี  คุมกองโยธีข้างปีกขวา
 +
ขึ้นขี่คชสารตระหง่านงา  โพกผ้าสีทับทิมริมขลิบทอง
 +
ใส่เสื่อสีชมพูดูแดงฉาด  ขลิบตาดต้นแขนไว้ทั้งสอง
 +
ฝ่ายข้างปีกซ้ายนายกำกอง  โพกทับทิมขลิบททองอยู่เหมือนกัน
 +
ใส่เสื้อกำมะหยี่สีตอง  ประคำทองคล้องคอดูแข็งขัน
 +
ทั้งสองล้วนอยู่คงลงเลขยันตร์  คุมพลข้างละพันทั้งขวาซ้าย
 +
แต่ล้วนเหล่าทหารชำนาญยุทธ์  ถือสาตราอาวุธเป็นเหล่าหลาย
 +
นายสอยดาวคุมสกรรจ์ก็พันปลาย  เป็นทัพหลังรั้งท้ายสำราจพล
 +
ขี่พลายแก้วมิ่งเมืองผูกเครื่องมั่น  ใส่เสื้อจีบสีจันทน์หนังไก่ย่น
 +
หมวดโหมดลงยันตร์กั้นสัปทน  พร้อมพรั่งทั้งพหลพลโยธี
 +
ที่นั่งรองขององค์เจ้าเชียงใหม่  ประทานให้แม่ทัพนั้นขับขี่
 +
สำหรับทรงชิงชัยกับไพรี  ชื่อพลายพลิกธรณีมีน้ำมัน
 +
สูงหกศอกกำมางารัดทอง  ตะพองผายท้ายด้อยดังช้างปั้น
 +
หางยาวหูใหญ่ใจฉกรรจ์  โขมดหัวสองชั้นคั่นมงคล
 +
จะย่างย่องว่องไวใช้กิริยา  หนังหนาหน้ายักษ์ชักเนื้อย่น
 +
อยู่ปืนฟืนไฟไม่ดิ้นรน  หางสะพัดปัดส้นเส้นขนกลม
 +
ผูกสะพักปักตระพองด้วยทองแล่ง  พู่แดงห้อยหูดูงามสม
 +
พานหน้าท้านลายดาวเป็นดอกกลม  สองช้างแนบแถบถมด้วยเงินยวง
 +
สายชนักถักไหมกลางใส่เบาะ  ขอเกาะปลายง้าวคมขาวช่วง
 +
ควาญใส่เสื้อแดงแย่งชิงดวง  ใส่หมวกโหมดม่วงทะมัดทะแมง ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นกรุงกาฬชำนาญทัพ  จบจับเครื่องอานเข้าตกแต่ง
 +
นุ่งยกอย่างลาวขาวดอกแดง  ใส่เสื้อกรองทองแล่งเป็นแย่งครุฑ
 +
สายสังวาลภควัมประจำคล้อง  แหวนทองปัทมราชคาดตะกรุด 
 +
เสื้อในลงยันต์กันอาวุธ  เข็มขัดขุดขมองพรายเป็นลายดุน
 +
เหน็บกริชตรงลงคมประจุขาด  แล้วซ้ำคาดราตคดหนามขุน
 +
ใส่หมวกถักไหมทองกรองตาชุน  สะพายดาบญี่ปุ่นฝักหุ้มทอง
 +
เอาน้ำสระสรงองค์นารายณ์  มาพรมกายกรายกรากออกจากห้อง
 +
ควาญเทียบช้างประทับเข้ารับรอง  ก็ย่างย่องขึ้นคอจับขอกราย
 +
ภาวนาเขม้นเห็นนิมิต  วิปริตเป็นรูปคนหัวหาย
 +
จะยกต่อคอแขนไม่ติดกาย  เป็นลางร้ายวิปริตก็ผิดใจ
 +
ครั้นจะทูลขอรั้งรออยู่  ก็อดสูโยธาบรรดาไพร่
 +
เกิดเป็นคนใครจะพ้นที่บรรลัย  ก็แข็งใจไปตามแต่เวรา
 +
ขาขยับไสช้างพอย่างกราย  เห็นลูกนกตกตายลงต่อหน้า
 +
นกแสกแถกเสียดศีรษะมา  แร้งกาบินจับสัปทน
 +
วันนั้นท้าวกรุงกาฬสะท้านจิต  โอ้ชีวิตกูนี้คงปี้ป่น
 +
จะใจได้ฤกษ์ให้เลิกพล  ขานโห่สามหนแล้วยกไป
 +
ดูชายธงตรงลิ่วไม่ปลิวสะบัด  ลมก็จัดวิปลาสไม่หวาดไหว
 +
ทั้งเสียงโห่ก็ไม่ก้องให้หมองใจ  สะทึกสะท้อนถอนฤทัยมาในดง ฯ
 +
 +
 +
๏ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิท  เรืองฤทธิ์พริ้งเพริศระเหิดระหง
 +
กับเจ้าพลายท้ายน้ำกึงกำกง  นั่งปรึกษาการณรงค์กับโยธา
 +
เห็นผงคลีกลุ้มกลบตลบบน  ชะรอยลาวยกพลมาหนักหนา
 +
ขุนแผนนิ่งระงับหลับตา  พิจารณารู้แน่ในทางปราณ
 +
นี่ลาวยกทัพหมื่นมาดื่นป่า  ก็บัญชาสั่งให้ไพร่ทหาร
 +
ไปตัดอ้อขมมาอย่าเนิ่นนาน  ปักขนาบหน้ากระดานด้านท้ายบึง
 +
แล้วปักแยกแหกฉีกเป็นปีกกา  เอาไม้มาขีดคูดูขังขึง
 +
ทั้งหอรบหอคอยร้อยแขมกรึง  ดูประหนึ่งปักเล่นไม่แน่นแฟ้น
 +
พอแม่ทัพจับซัดข้าวสารปร๋อ  แขมอ้อกลายไปเป็นไม้แก่น
 +
เชิงเทินรอบขัณฑ์ไม่คลอนแคลน  ปีกกาชักปักแน่นกว่าไม้จริง
 +
ที่รอยขีดกลับเป็นคูดูลึกซึ้ง  อยู่ข้างบึงขวางดงตรงตลิ่ง
 +
ถึงจะต้องปืนใหญ่ไม่ไหวติง  ทั้งหอรบครบสิ่งสำเร็จการ
 +
ขุนแผนสั่งพวกไพร่ที่ในทัพ  กำชับเตรียมตัวทั่วทุกด้าน
 +
แต่ตัวนายสี่คนอยู่บนร้าน  ให้กองด่านดูลาวจะเข้ามา ฯ
 +
 +
 +
๏ จะขอหยุดยับยั้งข้างขุนแผน  กล่าวถึงทัพนายแสนตรีเพชรกล้า
 +
รีบร้อนต้อนขับกองทัพม้า  มาถึงป่าดอนตะแบกจะแยกทาง
 +
ดูไปไกลประมาณสามสิบเส้น  แลเห็นค่ายไทยทั้งใหญ่กว้าง
 +
ทั้งขวาซ้ายรายชักปีกกากาง  ขุดคูข้างขอบบึงไปถึงกัน
 +
ครั้นถึงที่เห็นสนามตามตำรับ  ก็หยุดทัพยับยั้งลงตั้งมั่น
 +
แล้วปักธงยิงปืนเป็นสำคัญ  ให้โห่สามลาลั่นสนั่นไป ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนทหาร  ได้ยินลาวโห่ขานสะท้านไหว
 +
ร้องประกาศบอกกันนั่นเป็นไร  ลาวยกทัพใหญ่มาคั่งคับ
 +
เรากับลูกรักอันศักดา  จะยกพลโยธาออกเคี่ยวขับ
 +
ท่านทั้งสองคอยอยู่ดูในทัพ  เราจะรับมือลาวชาวเชียงอินทร์
 +
แต่บรรดาพวกลาวบ่าวของท่าน  ประจำการอยู่ในค่ายวงสายสิญจน์
 +
แต่บรรดาพวกไทยใจทมิฬ  จงขี่ม้ามาสิ้นให้ครบกัน
 +
เจ้าพลายงามยกไปเป็นทัพหน้า  คุมพวกสามสิบห้าล้วนแข็งขัน
 +
เราจะยกทัพใหญ่หนุนไปพลัน  ถ้าได้ทีตีตะบันบุกเข้าไป
 +
ถ้าพลลาวเหลือล้นพ้นประมาณ  เราจะไสคชสารเข้าลุยไล่
 +
จะรบราฆ่ามันให้บรรลัย  จงตั้งใจอย่าประมาทต้องอาจอง
 +
สั่งแล้วขุนแผนกับลูกชาย  แต่งกายคาดเครื่องเรืองระหง
 +
นุ่งผ้าตามตำรารณงค์  เข็มขัดลงยันต์คาดสะอาดงาม
 +
เสื้อลงเลขยันต์ใส่ชั้นใน  เสื้อนอกดอกใหญ่ทองอร่าม
 +
แหวนมณฑปนพเก้าดูวาววาม  สังวาลสามสายแย่งตะแบงมาน
 +
สวมสายประคำทองเข้าคล้องคอ  ทั้งลูกพ่อองอาจชาติทหาร
 +
ใส่หมวกขลิบตาดพระราชทาน  ถือฟ้าฟื้นยืนตระหง่านสง่าดี
 +
ภาวนาตาเขม้นเห็นเมฆฉาย  นิมิตเป็นรูปนารายณ์เรืองศรี
 +
สี่กรร่อนติดบนเมฆี  ขุนแผนขึ้นคอขี่คชฉกรรจ์
 +
เอานายเพชรเจ็ดปานเป็นควาญท้าย  ใส่เสื้อลายสีแดงแสงเฉิดฉัน
 +
พลายงามขึ้นขี่ม้าสีจันทน์  สั่งให้ลั่นฆ้องฤกษ์แล้วเลิกพล
 +
ยิงปืนสัญญาณขึ้นห้าตึง  ฆ้องหึ่งขานโห่ขึ้นสามหน
 +
นายปลออดโบกธงเป็นมงคล  ก็รีบร้นโยธาคลาไคล ฯ
 +
 +
 +
๏ พอสองทัพถึงกันประจันหน้า  ลาวก็แยกปีกกาออกหวั่นไหว
 +
แสนตรีเพชรกล้าทอดตาไป  เห็นทัพไทยลิบลิบสักหยิบมือ
 +
มันเสมือนแมลงเม่ามาเข้าไฟ  นี่เข้าใจว่าจะรอดไปแล้วหรือ
 +
สั่งให้ขับอัสดรต้อนพลฮือ  คนละมือก็จะยับทั้งทัพไทย
 +
เอาเหวยเอาหวาโยธาทัพ  จับเอาตัวมันให้จงได้
 +
อย่าให้มันปลอดรอดหนีไป  กระทืบม้าผ่าไล่ไพร่พลมา
 +
เข้าล้อมหน้าล้อมหลังประดังฟัน  พวกไทยตัวกลั่นล้วนแกล้วกล้า
 +
เจ้าพลายสั่งตั้งโห่ขึ้นสามลา  กระทืบม้าฝ่าฟันประจัญรับ
 +
ลาวแทงเข้าด้วยทวนสวนสกัด  ไทยปัดทวนพลาดฟาดฟันฉับ
 +
พวกลาวแร่แก้กันไทยฟันยับ  โถมจับล้มคะมำคว่ำโก้งโค้ง
 +
ไล่ตะบันฟันฟัดสกัดสะแกง  ลาวแทงไทยผลุงสะดุ้งโหยง
 +
ไม่เข้าไทยไทยกระทืบอยู่โกรงโกรง  ไล่ทันฟันโป้งเข้าหลังปึง
 +
ลาวเงื้อทวนใหญ่แทงไทยปราด  ไทยฟาดคันทวนสวนแทงผึง
 +
หัวถลำคว่ำถลาตกม้าตึง  ยิ่งตายยิ่งตะบึงเข้าบุกบัน ฯ
 +
 +
 +
๏ เจ้าพลายกับพวกสามสิบห้า  คว้างคว้างวางมาดังกังหัน
 +
เห็นลาวล้อมเข้าใกล้ออกไล่ฟัน  ลาวเข้ารันรุมตีไม่หนีไทย
 +
ลาวแทงไทยฟันตะบันฆ่า  ที่อยู่เหยียบกันเข้ามาหาถอยไม่
 +
เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มห้อมล้อมเข้าไว้  จนเต็มทีพวกไทยหัวไหล่ล้า
 +
เจ้าพลายขับสีจันทน์เข้าฟันฟาด  ดาบลงยันต์ฟันขาดดังฟ้าผ่า
 +
ถึงลาวคาดเครื่องอานกินว่านยา  ถูกดาบมรณาลงดาดดิน
 +
ลาวรุมกลุ้มแทงเสียงอึกอัก  ทวนหักหอกยู่บู้บิ่น
 +
บุกตะบันฟันขนาบดาบไม่กิน  เจ้าพลายฟาดขาดดิ้นสิ้นเป็นเบือ
 +
พวกลาวหวาดหวั่นพรั่นชะงัก  ดังสุนัขพาหมู่เข้าสู้เสือ
 +
ร้องว่าดาบเราบ่เข้าเนื้อ  กูฟันชั้นแต่เสื้อบ่เข้ามัน
 +
เจ้าพลายแกว่งดาบอยู่วาบวาว  พวกลาวถอยท้อย่อขยั้น
 +
ดังพระยาสีหราชกาจฉกรรจ์  เข้าผกผันเผ่นคว้างกลางฝูงวัว
 +
เข้าไหนลาวหนีอยู่มี่ฉาว  พวกลาวต่างขยั้นสั่นหัว
 +
เกรงสง่าไม่กล้าเข้าใกล้ตัว  ด้วยความกลัวชีวันจะบรรลัย ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นจึงแสนตรีเพชรกล้า  ขับต้อนโยธาอยู่หวั่นไหว
 +
เห็นไพร่พลเรรวนปั่นป่วนไป  เพชรกล้าขัดใจกระโจนมา
 +
เท้ากระทืบแผงข้างผางผางลั่น  เร่งรุกบุกบันขึ้นมาหน้า
 +
เสียงตวาดประกาศก้องเป็นโกลา  มาจนหน้าม้าเจ้าพลายงาม
 +
เห็นรูปร่างสำอางลออตา  เพชรกล้าเข้าใกล้แล้วไต่ถาม
 +
แน่ะเจ้านายทหารชาญสงคราม  เจ้านี้มีนามกรไร
 +
พึ่งรุ่นหนุ่มร่างน้อยกะจิดริด  เจ้าเป็นศิษย์ศึกษาอาจารย์ไหน
 +
เป็นเผ่าพงศ์วงศ์วานท่านผู้ใด  จงบอกไปให้แจ้งแก่กิจจา ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นพลายงามทรามคะนอง  ร้องตอบคดีตรีเพชรกล้า
 +
อันตัวเราเป็นทหารอยุธยา  ชื่อว่าพลายงามมาตามวงศ์
 +
บิดาชื่อพระยาแผนพิฆาฏ  พระราชทานตั้งนามตามประสงค์
 +
ตัวเราเป็นศิษย์บิตุรงค์  เผ่าพงศ์วงศ์พลายหลายชั่วมา
 +
ท่านนี้มีนามกรใด  ครั้นจะถามถึงผู้ใหญ่ก็เกินหน้า
 +
ถึงยังมีมิตายก็เต็มชรา  แต่เรียนรู้ครูบาอาจารย์ใด ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นเพชรกล้าได้ฟังถาม  ก็ชื่นชมตอบความหาช้าไม่
 +
ซึ่งถามเราจะเล่าให้เข้าใจ  เจ้าชาวใต้ไม่รู้จู่ขึ้นมา
 +
เราเป็นเชื้อเจ้าท้าวคำแมน  มียศเป็นแสนตรีเพชรกล้า
 +
เราเป็นเชื้อชาติทหารชาญศักดา  ในลานนาใครใครไม่ต่อแรง
 +
พระครูผู้บอกวิทยา  ชื่อว่าศรีแก้วฟ้ากล้าแข็ง
 +
สถิตยังเขาคำถ้ำวัวแดง  ทุกหนแห่งเลื่องลือนับถือจริง
 +
เจ้าหนุ่มน้อยนี้หรือชื่อพลายงาม  ช่างสมรูปสมนามดูงามยิ่ง
 +
ตะละแกล้งหล่อเหลาเพราพริ้ง  รูปร่างอย่างผู้หญิงพริ้งพรายตา
 +
จะเปรียบลูกก็อ่อนกว่าลูกเล็ก  จะเปรียบหลานพานจะเด็กกว่าหลานข้า
 +
ไม่ควรจะรบสู้กับปู่ตา  กลับไปบอกบิดามารอนราญ
 +
จะได้เป็นขวัญตาโยธาทัพ  เห็นฉบับแบบไว้ในทหาร
 +
ยังเด็กอยู่คอยดูวิชาการ  เฮ้ยหลานพ่ออยู่ไหนไปบอกมา ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นพลายงามทรามคะนอง  ร้องตอบต่อคดีตรีเพชรกล้า
 +
แน่เธออย่าเพ่ออหังการ์  เจรจาหมิ่นประมาทเราชาติเชื้อ
 +
ตัวท่านแก่กายอย่างควายเฒ่า  อันตัวถึงเด็กเล็กลูกเสือ
 +
ฝีมือใครไพร่ลาวแหลกเป็นเบือ  อย่าหลงเชื่อว่าผู้ใหญ่จะไม่แพ้
 +
ถ้าไม่ดีที่ไหนใครจะมา  จะขอลองวิชากับตาแก่
 +
ให้ปรากฎฤทธีว่าดีแท้  หรือเป็นแต่ปากกล้ากว่าฝีมือ
 +
ขออภัยอย่าเพ่อให้ถึงบิดา  แต่ลูกยาท่านจะชนะหรือ
 +
มาลองดูสักหนให้คนลือ  จะปลกเปลี้ยเสียชื่อดอกกระมัง ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นแสนตรีเพชรกล้า  โกรธาตาแดงดังแสงครั่ง
 +
เหม่อ้ายนี่หนักหนาว่าไม่ฟัง  มาโอหังอวดรู้สู้สงคราม
 +
เท้ากระทืบกระทบโกลนโผนผก  มุ่นหมกขับคว้างมากลางสนาม
 +
ท่วงทีขี่ม้าสง่างาม  รำง้าวก้าวตามกระบวนทวน ฯ
 +
 +
 +
๏ ฝ่ายเจ้าพลายงามทรามสง่า  เห็นตรีเพชรขับม้ามาปั่นป่วน
 +
ก็ชักม้ารับร่ายย้ายกระบวน  แล้วหันทวนว่องไวในทำนอง
 +
เพชรกล้ารำง้าววาววาววับ  เจ้าพลายรำดาบรับสองมือป้อง
 +
สองนายร่ายรำตามทำนอง  ม้าผยองผันผกวกวนเวียน
 +
แล้วยกรำทำท่าหงส์สองคอ  เยื้องล่อเลี้ยวฟันหันเ***ยน
 +
แล้วรำท่ามังกรช้อนวิเชียร  ผลัดเปลี่ยนว่องไวไม่เสียที
 +
เพชรกล้าถือง้าวยาวกว่าดาบ  เจ้าพลายฉาบเข้าฟันแล้วผันหนี
 +
เพชรกล้าขัดใจไม่คลุกคลี  เจ้าพลายรำทำทีให้ไล่ทัน
 +
เพชรกล้าได้ท่าปาลงฉาด  เจ้าพลายหลบลาวพลาดคะมำหัน
 +
พลายงามตามชิดติดตะบัน  สบท่าผ่าฟันลงต้ำตึง
 +
หยึ่นเปล่าหาเข้าตรีเพชรไม่  เยื้องขยับกลับใส่เจ้าพลายผึง
 +
เจ้าพลายผันฟันบ่าเพชรกล้าปึง  เนื้อประหนึ่งหินผาศิลาแลง
 +
แสนตรีเพชรกล้าง่าง้าวกราย  ฟันเจ้าพลายงามพรวดดังกรวดแข็ง
 +
ราวกับเกาหลังให้ยิ่งได้แรง  ฟันตะแบงบุกไปไล่ตะครุบ
 +
เอาดาบฟาดฉาดฟันตะบันส่ง  เป็นหลายหนคงทนไม่บู้บุบ
 +
เพชรกล้ากลับด่ำเข้าตำทุบ  ถูกเนื้อยุบพอขยายก็หายไป ฯ
 +
 +
 +
๏ แสนตรีเพชรกล้าระอาจิต  สุดคิดที่จะเอาชนะได้
 +
น่งนึกตรึกตราแต่ในใจ  ชะเด็กไทยคนนี้มันดีจริง
 +
ช่างกล้าแข็งแรงฤทธิ์นั้นเกินร่าง  ดูแต่หน้าท่าทางอย่างผู้หญิง
 +
มันสู้กูผู้ใหญ่ไหวมันจริง  ด้วยเชิงชิงชัยชาญชำนาญแท้
 +
จะรบรันฟันฟาดด้วยสาตรา  เห็นทางท่าเอาชัยบ่ได้แน่
 +
ต้องใช้มนตร์ทางในให้มันแพ้  ก็ชักม้าราแต้ออกยืนไกล
 +
หลับตาภาวนาร่ายพระเวท  อันวิเศษเชี่ยวชาญอาจารย์ให้
 +
เรียกมหาอาโปเป่าออกไป  เป็นน้ำไหลพลุ่งพลั่งดังท่อธาร
 +
พิลึกล้นท้นท่วมทั่วจังหวัด  ลมก็พัดเป็นระลอกกระฉอกฉาน
 +
พวกทัพไทยต่างคนตะลนตะลาน  ตะเกียกตะกายว่ายซานขึ้นต้นไม้
 +
ทั้งขี่ม้าหยั่งขาไม่ถึงที่  ด้วยนทีโชนเชี่ยวเป็นเกลียวไหล
 +
เหล่าพวกอาสาระอาใจ  ต่างร้องบอกนายไปให้แก้มนตร์ ฯ
 +
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
๏ ครานั้นพลายงามเจ้าความคิด  เรืองฤทธิ์ลือแจ้งทุกแห่งหน
 +
อ่านคาถาเป่าปัดไปบัดดล  ก็ทดท้นน้ำแห้งทุกแห่งไป
 +
แล้วอ่านมนตร์ดลเรียกเตโชธาตุ  เป่าปราดไปเป็นเพลิงเถกิงไหม้
 +
โพลงพลุ่งทุ่งเถือกเป็นเปลวไฟ  วาบวามลามไล่ไพร่พลลาว
 +
พอลาวเห็นไฟไหม้ลามมา  กระทืบม้าหนีพล่านออกฉานฉาว
 +
กัมปนาทหวาดหวั่นตัวสั่นท้าว  ร้องเรียกเจ้านายช่วยข้าด้วยรา ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นเพชรกล้าเป็นจ่าศึก  เห็นไฟไหม้คึกคึกมาเต็มป่า
 +
ระงับการร่ายพระเวทวิทยา  เรียกกมหาวลาหกให้ตกลง
 +
ก็เกิดเป็นเมฆตั้งขึ้นบังปก  แล้วฝนตกโฉมซ่าป่าระหง
 +
สักห่าใหญ่ไหลดาดแผ่นดินดง  ดับไฟไหม้พงนั้นสูญไป
 +
เหล่าพวกอาสาโยธาหาญ  หนาวสะท้านทุกคนไม่ทนได้ 
 +
เข้ามั่วสุมกลุ่มกลมใต้ร่มไม้  ถูกเม็ดใหญ่ลูกเห็บเจ็บแทบตาย ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นพลายงามความสามารถ  ชาญฉลาดเฉลียวเลิศเฉิดฉาย
 +
อ่านอาคมเรียกลมที่ในกาย  ระบายวาโยธาตุเป่าปราดไป
 +
ด้วยอาคมเกิดเป็นลมเพชรหึง  ตึงตึงพัดฝนไม่หล่นได้
 +
ที่หยดหยาดขาดสายหายทันใด  ด้วยพระเวทฤทธิไกรอันชัยชาญ
 +
แล้วเอาก้อนกรวดมาซัดปราด  เป็นเม็ดฝนกรวดทรายกระเซ็นซ่าน
 +
ตกต้องลาวพลตะลนตะลาน  อลหม่านหนีซุกไปทุกคน
 +
บ้างขับม้าเข้าพุ่มคลุมหัวร้อง  บ้างถูกต้องเจ็บปวดเม็ดกรวดฝน
 +
เป็นแผลเหือดเลือดไหลไปทุกคน  เหลือทนเต็มประดาแก้ผ้าคลุม ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นจึงแสนตรีเพชรกล้า  เห็นโยธาหน้าฟกอกเป็นตุ่ม
 +
แสนพิโรธโกรธใจดังไฟรุม  ประชุมนิ้วเหนือเกล้าแล้วเป่าไป
 +
เกิดเป็นตารางกลางอากาศ  กั้นหยาดเม็ดฝนไม่หล่นได้
 +
เม็ดฝนกรวดทรายหายทันใด  แล้วสั่งไพร่ให้ลงจากพาชี
 +
อันจะเข้ารบรุกกันคลุกคลี  การว่องไวไม่ดีเหมือนเดินเท้า
 +
ให้เอาม้าไปซุ่มเสียพุ่มชัฎ  เลือกจัดแต่ล้วนทวนแหลนหลาว
 +
ให้พร้อมสรรพเครื่องยุทธ์อาวุธยาว  สกัดก้าวห้อมล้อมให้พร้อมพรัก
 +
พวกเราเอาแต่แรงแทงมันส่ง  ถึงอยู่คงก็ถูกกระดูกหัก
 +
ด้วยข้างเรากว่าพันมันน้อยนัก  เอาเสียพักเดียวเถิดอ้ายพ่อกู ฯ
 +
 +
 +
๏ ทหารลาวกราวลงจากหลังม้า  วิ่งผลุนหมุนมาเป็นหมู่หมู่
 +
เข้าล้อมหน้าล้อมหลังออกพรั่งพรู  เกรียวกรูทิ่มตำกระหน่ำแทง
 +
เหล่าพวกอาสาเข้าฝ่าฟัน  ถูกลาวขาดสะบั้นสะพายแล่ง
 +
หัวขาดตัวขาดเลือดสาดแดง  พวกกองหลังยังแซงแข่งเข้าไป
 +
เกลื่อนกลุ้มหุ้มไทยไว้เป็นหมู่  หอกยู่แทงเปล่าไม่เข้าได้
 +
พวกอาสาฟันฟอนจนอ่อนใจ  ยิ่งบรรลัยยิ่งรุมกลุ้มเข้ามา ฯ
 +
 +
 +
๏ จนไหล่ตกยกมือขึ้นไม่ไหว  อึดใจเรียกนายพ่อพลายขา
 +
ลูกฟันมันจนสิ้นแรงระอา  ตายหนึ่งหนุนมาห้าหกคน ฯ 
 +
 +
 +
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงาม  เชี่ยวชาญการสงครามไม่ย่อย่น
 +
เห็นพวกอาสาบรรดาพล  เหนื่อยจนไหล่ตกไม่ยกมือ
 +
จึงรูดเอาใบมะขามมาสามกำ  เสกซ้ำเป็นต่อบินปร๋อปรื๋อ
 +
ตั้งโกฎิแสนแน่นป่ามาฮือฮือ  ดูออกคล่ำดำปื้อไปทุกละเมาะ
 +
ตัวยาวราวก้อยไม่ต่อยไทย  จำเพะลาวกราวไล่ใส่เปาะเปาะ
 +
พิษสงเหล็กในดังใครเคาะ  ถูกเหมาะเหมาะล้มทับกันยับยุบ
 +
พวกลาวอาวุธหลุดมือถือ  เอาแต่มือตบสู้อยู่ปับปุบ
 +
เหลือทนลุกล้มลงก้มฟุบ  โดดผลุบลงในน้ำดำหนีไป
 +
พอเต็มกลั้นผุดฟ่อต่อต่อยซ้ำ  ไม่กลับดำต่อยป่นทนไม่ได้
 +
เพชรกล้าตาปิดพิษเหล็กใน  ทั้งม้าม่อยต่อยไล่ไปพรั่งพรู
 +
หน้าตาล้วนแต่คาเหล็กในต่อ  ม้าลาพาห้อชักไม่อยู่
 +
บ่าวนายพ่ายหนีวิ่งกรีกรู  พวกไทยไล่ลู่ตะลุมบอน ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นท่านท้าวกรุงกาฬ  เห็นทหารเพชรกล้าวิ่งว้าว่อน
 +
กะปลกกะเปลี้ยเสียทีหนีซอกซอน  ก็ไสช้างวางต้อนโยธามา ฯ
 +
 +
 +
๏ ฝ่ายว่าขุนแผนแสนสะท้าน  เห็นกรุงกาฬเข้าด้วยช่วยทัพหน้า
 +
ก็ขับกุญชรต้อนโยธา  ไสช้างขวางหน้าเจ้ากรุงกาฬ
 +
จึงร้องฮ้าท่านหรือทัพหลวง  จึงเลยล่วงขับช้างมากลางทหาร
 +
ดูช้างม้ารี้พลพ้นประมาณ  นี่จะไปรบราญบ้านเมืองใด ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นกรุงกาฬชาญกำแหง  ได้ฟังคำเสียดแทงให้หมั่นไส้
 +
สูนี้พระยาแผนแล้วแม่นใจ  มายกความถามไถ่ไม่มีอาย
 +
เข้ามาลักช้างม้าพาคนหนี  แล้วเข่นฆ่าราตีคนทั้งหลาย
 +
ซ้ำปักหนังสือท้าว่าหยาบคาย  ตัวไม่เป็นผู้ร้ายดอกหรือไร
 +
อยุธยาช้างม้าไม่มีหรือ  จึงดึงดื้อมาปล้นจนเชียงใหม่
 +
เรายกพลมาประจญจับโจรไพร  ถ้าคืนของกลางให้จะรอดตัว ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสะท้าน  ได้ฟังท้าวกรุงกาฬก็ยิ้มหัว
 +
ช่างพูดได้ไม่คิดถึงเงาตัว  ทำความชั่วถึงปิดไม่มิดควัน
 +
ซึ่งล้านช้างส่งนางไปกรุงไทย  เจ้าเชียงใหม่เมามืดด้วยโมหันธ์
 +
ลอบไปฉกชิงนางไว้กลางคัน  จับพวกส่งลงทัณฑกรรมไว้
 +
ข้าหลวงไทยที่มารับก็จับจำ  เฆี่ยนขับยับระยำทั้งนายไพร่
 +
กระทำความข่มเหงไม่เกรงใจ  ยังท้าให้ยกพลมาชนช้าง
 +
เจ้าท่านนั้นแลเป็นโจรป่า  เอาชีวาแลกสตรีไม่มีอย่าง
 +
ถ้ารักตัวกลัวว่าจะวายวาง  ให้ส่งนางคืนไปจะไม่ตาย ฯ
 +
 +
 +
๏ กรุงกาฬทหารใหญ่ครั้นได้ฟัง  แค้นคั่งอสนีบาตฟาดสาย
 +
จะตอบเหมือนล้มไม้ลงทับกาย  ด้วยเจ้านายทำความไม่งามดี
 +
จึงแกล้งกลบเกลื่อนเป็นเงื่อนงำ  อันถ้อยคำอาจเอิ้นเห็นเกินที่
 +
เพราะเจ้าเวียงจันทน์นั้นไม่ดี  เป็นพาลีสองหน้ามาแต่ไร
 +
มีสารามาถวายองค์สร้อยทอง  แก่พระผู้ครองเมืองเชียงใหม่
 +
แล้วกลับยกยักย้ายถวายไทย  เราจึงได้อาฆาตวิวาทกัน
 +
จนติดพันประจัญรณรงค์  มากล่าวไยให้ส่งองค์นางนั้น
 +
อย่าช้ามาชนช้างกันกลางครัน  ถ้าใครดีชีวันไม่บรรลัย
 +
ถ้าแม้นเราแพ้ท่านในการณรงค์  ก็ควรละจะส่งสร้อยทองให้
 +
ถ้าแม้นท่านเสียท่าปราชัย  สร้อยทองต้องเอาไว้ในเชียงอินทร์
 +
ว่าพลางทางสั่งปีกซ้ายขวา  ทั้งกองกลางช้างม้าดากันสิ้น
 +
ให้รายล้อมพวกไทยใจทมิฬ  อย่าให้ปลิ้นหนีพล่านออกด้านใคร ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนวิเศษ  ขจรเดชลือเลื่องกระเดื่องไหว
 +
จึงร้องสั่งทหารอันชาญชัย  อย่าคลุกคลีตีให้เป็นด้านกัน
 +
สำมะยังรั้งรับกับปีกขวา  พรหมศรรับราปีกซ้ายนั่น
 +
ธรรมเถียรคอยทัพรับหลังมัน  ตัวเราจะประจญเข้าชนช้าง
 +
สั่งแล้วไสสีห์คชเดช  ร่ายพระเวทเป่าตะพองงาสองข้าง
 +
ให้คงทนทั้งตัวทั่วสรรพางค์  แล้วไสวางช้างมุ่งท้าวกรุงกาฬ ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นกรุงกาฬชาญชัยศรี  ไสพลายพลิกธรณีมาง่านง่าน
 +
กรายของ้าวรำด้วยชำนาญ  คชสารสองปะทะเข้าประงา
 +
ด้วยช้างลาวกำลังที่คลั่งเมา  เมื่อยกออกกรอกเหล้าไว้หนักหนา
 +
คขเดชยั่งยืนชื่นนัยน์ตา  บ่มมันกลั่นกล้าไม่กลัวช้าง
 +
ครั้นพลายพลิกธรณีรี่เข้าชิด  คชเดชก็ขวิดปลายงาผาง
 +
พอช้างลาวเบนเสยเข้าเกยคาง  ช้างไทยได้ล่างเข้าหว่างคอ
 +
นายเจ็ดปานพานกระแชงแทงต้ำเฮือก  ถูกช้างลาวหน้าเสือกหงายท้ายย่อ
 +
ขุนแผนคะยิกใหญ่ไม่รั้งรอ  ช้างไทยเป็นต่อดันตะบึง
 +
ช้างลาวถอยหลังยั้งไม่ถนัด  เพียรจะงัดช้างไทยใส่ผึงผึง
 +
ช้างไทยดันแดกกระแทกตึง  ช้างลาวถอยดึ่งทุกทีไป
 +
กรุงกาฬเหนี่ยวสับให้กลับหัน  ช้างไทยดันไม่ฝืนคืนมาได้
 +
ด้วยช้างลาวเมาสุราเป็นบ้าใจ  ครั้นเจ็บหนักยักไหล่สลัดคว้าง
 +
ขุนแผนเห็นได้ทีไม่รีรอ  รำของ้าวฟาดลงฉาดผาง
 +
ถูกกรุงกาฬซานซบทบคอช้าง  ไม่เข้าคอพอเป็นยางออกช้ำช้ำ
 +
กรุงกาฬฟื้นลุกคืนขึ้นมาได้  ขุนแผนไสช้างกระชั้นไล่ฟันร่ำ
 +
จนตีนหลุดจากชนักหัวปักปำ  ขุนแผนซ้ำลงอีกฉาดพลาดตกตึง
 +
ขุนแผนไสช้างเข้าร้องเอาพ่อ  ช้างก็ปร๋อปราดแปร้นแล่นเข้าถึง
 +
ม้วนงวงหลับตาลงงาตึง  ตีตะบึงแทงตะบันดันจนแบน
 +
พอถอนงาคว้าผีขึ้นโยนขวับ  ตกลงมางารับแล้วร้องแปร้น
 +
ไส้ทะลักหักแหกหัวแตกแตน  ช้างลาวแล่นหนีออกนอกโยธา
 +
สำมะยังคุมไพร่ไล่ขนาบ  ตีกองปราบเมืองแมนข้างปีกขวา
 +
พรหมศรต้อนพลกล่นเกลื่อนมา  เข้ารบราปีกซ้ายนายกำกอง
 +
สองข้างต่างโถมเข้าโจมตี  ถ้อยทีหนีไล่กันไวว่อง
 +
ลาวแทงไทยจับเข้ารับรอง  ไทยฟันลาวป้องจ้องเข้ารับ
 +
พวกไทยไล่ทันฟันตะบึง  นั่นปึงนี่ปังข้างหนึ่งปับ
 +
สำมะยังโถมเข้าเอานายทัพ  นายปราบรันฟันปังดังเหล็กเพชร
 +
สำมะยังเป่าไปให้ประจุขาด  เอาดาบฟาดขาดสะบั้นกระเด็นเด็ด
 +
ดาบล่อนเลือดฝาดดังชาดเช็ด  อ้ายลาวเข็ดคิดขยาดไม่อาจรบ
 +
พรหมศรเสกคาถาว่าถอนโบสถ์  โดดแทงกำกองเข้าท้องกบ
 +
ชักกั้นหยั่นฟันควาญลงซานซบ  ทับศพผีนายลงก่ายกัน
 +
สอยดาวเห็นแม่ทัพอัปรา  นายทั้งปีกซ้ายขวาก็อาสัญ
 +
ก็ขับไสช้างงาเข้ามาพลัน  เอาง้าวหันพวกไทยไล่ตะลุย
 +
ธรรมเถียรยืนดูอยู่ท่ามกลาง  ขัดใจไสช้างมาฉุยฉุย
 +
อ้ายพลายแก้วมิ่งเมืองไม่เงื่องงุย  เอางาชุ่ยสอยดาวเข้าราวนม
 +
นายสอยดาวทรงกายพอหายขัด  เอาของคัดงาหันฟันประสม
 +
ไทยเป่าโอ้ฟ้าผ่ามาตามลม  ฟันลาวง้าวจมลงครึ่งคอ
 +
แล้วเหยียบดจนโผนทะยานฟันควาญท้าย  อ้ายลาวบ่าวนายไม่เหลือหลอ
 +
ฉัวะแาดขาดเด็ดทั้งสองคอ  พวกพลย่นย่อเข้าป่าไป ฯ
 +
 +
 +
๏ จะกล่าวถึงแสนเพชรตรีกล้า  สิ้นพิษต่อลืมตาขึ้นมาได้
 +
แลเห็นทัพแตกตายกระจายไป  ก็ขัดใจขับม้ามาทันที
 +
ร้องว่าฮ้าเจ้าพลายนายแผนนั้น  มิสำคัญคิดเอาว่าเราหนี
 +
ด้วยตัวต่อต่อยตาเอาพาชี  มันแล่นลี้ชักฉุดไม่หยุดยั้ง
 +
เรากลับมากล้าดีมาลองฤทธิ์  อย่าได้คิดว่าเราจะถอยหลัง
 +
มาตรแม้นแพ้นายวายชีวัง  จะให้ชื่อลือดังทั้งแผ่นดิน ฯ
 +
ครานั้นขุนแผนแมนศักดา  ฟังคำเพชรกล้าพูดบ้าบิ่น
 +
จึงร้องตอบคำไปให้ได้ยิน  ยังเล่นลิ้นลอยหน้ามาท้าทาย
 +
เราเห็นทำศักดากับทารก  ยังต้องยกธงล่าเข้าป่าหาย
 +
แพ้ลูกกะจิดริดไม่คิดอาย  จะมาหมายต่อสู้ผู้บิดา
 +
นี่แท้นายอายลาวพวกบ่าวไพร่  จึงซ่องแซ่งแข็งใจมาแก้หน้า
 +
ด้วยจนตรอกบอกไม่ได้แข็งใจมา  ในครั้งนี้ชีวาไม่คงชนม์ ฯ
 +
 +
 +
๏ เพชรกล้าตาเขียวให้เกรี้ยวโกรธ  ดังถูกหอกรอกโสตรสักแสนหน
 +
เดือดดาลไม่ทันอ่านพระเวทย์มนตร์  ก็ขับม้าผ่าพลเข้าชิงชัย
 +
ขุนแผนตวาดอำนาจยักษ์  เพชรกล้าง่าชะงักไม่ไหวได้
 +
แล้วยกเงื้อง้าวฟาดฉาดลงไป  ถูกหัวไหล่ลาวล้มลงจมอาน
 +
ตาหลอว่าคุณพ่อดิฉันเอง  วิ่งถลันฟันเป้งลงด้วยขวาน
 +
ตารักว่าฉันด้วยช่วยลนลาน  เอาพลองกระทุ้งพุงกรานให้ตกม้า
 +
นายโห้สามหอกกรอกด้วยทวน  เหล็กม้วนไม่เข้าตรีเพชรกล้า
 +
ทิ้งทวนเข้าปะทะฉะด้วยพร้า  นายปานขวานฟ้าเอาดาบฟัน
 +
ราวกับฟาดทองแดงแทงก้อนหิน  หักบิ่นยู่ย่นไปจนกั่น
 +
แม้กระดูกก็ไม่หักแต่สักอัน  คงกระพันชาตรีดีทั่วกาย
 +
ตาหลอว่าคุณพ่อพ่อพลายขา  อ้ายเพชรกล้าคนนี้ดีใจหาย
 +
จะฟันแทงสักเท่าไรก็ไม่ตาย  ยังนอนหายใจอยู่ดูพิกล
 +
ขุนแผนร้องว่าอย่ามี่ฉาว  เฮ้ยพวกเราเอาหลาวทะลวงก้น
 +
ถึงมาตรแม้นอยู่ยงมันคงทน  แยงให้จนถึงคอคงมรณา
 +
ตาหลอกับตารักยืนหยักรั้ง  พวกทะลึ่งตึงตังเข้าแก้ผ้า
 +
นายโม้กับนายเม้าเอาหลาวมา  ผ่าทวารเข้าปรอดตลอดตัว
 +
หลายคนช่วยกันดันกระดอก  เอาไม้ตอกกังกังกระทั่งหัว
 +
หน้าเผือดเลือดแดงดังแทงวัว  ถูกรูรั่วเลือดราดลงดาดดิน ฯ
 +
 +
 +
๏ พวกโยธาบรรดาที่เหลือตาย  บ้างหลบลี้หนีหายเข้าป่าสิ้น
 +
พวกม้าเร็วรีบตะบึงถึงบุรินทร์  บอกระบิลแสนท้าวเหล่าพระยา
 +
ว่าสาธุโยธาทั้งห้าทัพ  ตายยับสิ้นแล้วพระเจ้าข้า
 +
เหล่าพวกที่หลบลี้มิมรณา  ไม่ทราบว่ามาได้สักเท่าไร ฯ
 +
 +
 +
๏ พวกผู้ใหญ่ได้ฟังพวกม้าเร็ว  เอาผ้ากราบคาดเอวหาช้าไม่
 +
วิ่งมางกงกด้วยตกใจ  ตรงเข้าในท้องพระดรงรจนา
 +
เห็นจอมนคเรศเกศเชียงอินทร์  สถิตแท่นมณีนิลข้างฝ่ายหน้า
 +
อำมาตย์หมอบยอบกรานคลานเข้ามา  วันทาทูลพลันในทันใด
 +
ว่าเพชรกล้าสอยดาวท้าวกรุงกาฬ  ทหารปราบเมืองแมนทั้งนายไพร่
 +
ยกออกไปรบกรับกับพวกไทย  บรรลัยย่อยยับอัปรา
 +
พวกทหารน้อยใหญ่ทั้งไพร่นาย  ที่เหลือตายหลบลี้หนีเข้าป่า
 +
ยังแตกซ่านซ่อนเร้นไม่เห็นมา  ไม่ทราบว่ามากน้อยกี่ร้อยคน ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นนคเรศ  ได้ฟังเหตุว่าทัพนั้นยับย่น
 +
ดังพระกาลจะผลาญให้วายชนม์  พระพักตร์หม่นหมองสลดระทดใจ
 +
แต่มานะกษัตริย์ตรัสประภาษ  ประกาศสั่งเสนาทั้งน้อยใหญ่
 +
ให้เร่งรัดจัดรักษาซึ่งเวียงชัย  ให้ตั้งค่ายรายไปรอบพารา
 +
ปิดทวารทั้งนั้นให้มั่นคง  ลงเขื่อนไม้แก่นให้แน่นหนา
 +
ปืนหามแล่นเอาจุกทุกเสนา  คาบศิลาใส่ตับลำดับไว้
 +
ที่ขอบค่ายนั้นให้รายปืนจ่ารง  ที่ช่องตรงประตูกลางวางปืนใหญ่
 +
เอาปะขาวกวาดวัดทั้งฉัตรชัย  จุกใส่ให้ทุกช่องทวารา
 +
บนทวารกำแพงข้างด้านใต้  จงเอาซุงแขวนไไว้ให้หนักหนา
 +
แม้นข้าศึกฮึกโหมโจมเข้ามา  เอามีดพร้าตัดทับให้ยับไป
 +
ในกำแพงถากถางหนทางเดิน  แนวถนนบนเชิงเทินให้กว้างใหญ่
 +
ที่ตรงหว่างวางปืนกองฟืนไฟ  คั่วกรวดทรายไว้ให้ทุกกอง
 +
ให้กรมเมืองร้องป่าวชาวประชา  ผู้ดีไพร่ให้เข้ามาทุกบ้านช่อง
 +
นั่งยามตามไฟเที่ยวสอดมอง  ตีฆ้องตรวจตระเวณกะเกณฑ์กัน
 +
ผลัดกันลุกปลุกกันนั่งระวังไฟ  ถ้าเกิดขึ้นเรือนใครจะอาสัญ
 +
เหล่าบ้านนอกกำแพงทุกแห่งนั้น  ให้ผ่อนผันคนมาในธานี
 +
สระบ่อท่อธารบ้านของใคร  ขุดไขน้ำเข้าให้เต็มที่
 +
ข้าวปลานาไร่ของใครมี  ให้ขนมาไว้ที่นี่สิ้นทั้งนั้น
 +
แต่บรรดาแสนท้าวเหล่าเพี้ยกวาน  คอยระวังการงานให้แข็งขัน
 +
ถ้าศึกเข้าด้านใดอย่าไว้มัน  เอาไปฟันเสียบเสียให้สาใจ ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นแสนท้าวเหล่าพระยา  รับสั่งออกมาหาช้าไม่
 +
อื้ออึงเอะอะกะเกณฑ์ไป  ลากปืนใหญ่จุกจ้องช่องประตู
 +
ให้กรมเมืองร้องป่าวชาวประชา  ทั้งชายหญิงวิ่งมาเป็นหมู่หมู่
 +
บ้างตั้งค่ายรายรอบที่ขอบคู  บ้างเกณฑ์คนขึ้นอยู่บนกำแพง
 +
เอาฟืนใส่ไฟก่อเอาหม้อตั้ง  คั่วกรวดทรายรายระวังไปทุกแห่ง
 +
ให้มีสารวัตรเที่ยวจัดแจง  ตีฆ้องป๋องแป๋งออกรอบไป
 +
ชุลมุนวุ่นแาวพวกชาวบ้าน  บ้างอุ้มลูกจูงหลานอยู่ขวักไขว่
 +
เชี่ยนขันโตกพานในบ้านใคร  บ้างขุดไว้ฝังดินสิ้นทั้งนั้น
 +
ลูกแหวนรวงทองของสะอาด  บ้างเย็บไถ้ใส่คาดบั้นเอวมั่น
 +
บ้างเอาผ้าปะในไว้อีกชั้น  ของสำคัญซ่อนซุกไว้ทุกคน
 +
ที่แม่ม่ายยายแก่รำมะก้า  เอาห่อผ้าใส่หนีบไว้กลีบก้น
 +
ให้นึกกลัวพวกไทยจะไล่ค้น  เอาซุกซนลงไว้ใต้พริกเกลือ
 +
บ้างซ่อนใส่มวยผมผ้าห่มนอน  บ้างซุกไว้ในหมอนซ่อนในเสื่อ
 +
บ้างเอาชันปะไว้ใต้ท้องเรือ  ไม่ให้เหลือสักนิดเอาติดไป
 +
ที่รู้ว่าลูกผัวของตัวตาย  ทั้งสาวแส้แม่ม่ายร่ำร้องไห้
 +
ออกอัดแอแซ่เสียงทั้งเวียงชัย  ด้วยกวาดกันเข้ามาในกำแพง
 +
ข้างในวังชุลมุนกันวุ่นวาย  เจ้านายทุกองค์ทรงกันแสง
 +
ทั้งหม่อมคุณวุ่นว่อนข้อนอกแดง  บ้างฝังแฝงของไว้ใต้ตึกราม ฯ
 +
 +
 +
๏ ส่วนพระเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นเชียงใหม่  พูดเอาใจลูกเต้าเหล่าหม่อมห้าม
 +
อ้ายศึกนิดพวกเราเบาสงคราม  เข้ารบรุมซุ่มซ่ามจึงเสียที
 +
เฮ้ยฝีมือของกูสูคอยเบิ่ง  จะลุยไล่ให้เปิงแหกป่าหนี
 +
กับอ้ายพวกห้าร้อยน้อยเท่านี้  จะขยี้เสียให้ยับลงกับเท้า
 +
จะร้องไห้ทำไมให้เป็นลาง  ทัพขุนนางหรือจะสู้กูเป็นเจ้า
 +
ถ้าขืนจะรุกรานบ้านเมืองเรา  ระดมเอาเสียสักวันก็บรรลัย
 +
พระตรัสพลางทางเสด็จออกข้างหน้า  ประกาศสั่งเสนาทั้งน้อยใหญ่
 +
ให้เร่งรัดจัดเตรียมให้พร้อมไว้  เอาเชียงใหม่เป็นค่ายได้สำคัญ
 +
ถ้าแม้นมันบกตะบึงถึงบุรี  อย่าเพ่อออกต่อตีให้ตั้งมั่น
 +
ข้างเรามีข้าวปลาสารพพัน  พวกมันนั้นจะได้อะไรกิน
 +
เหล่าบ้านนอกธานีมียุ้งข้าว  เอาไฟเผายุ้งฉางล้างให้สิ้น
 +
ตัดกำลังพวกไอ้ใจทมิฬ  มันจะบินไปข้างไหนได้เห็นกัน
 +
พอเสบียงเลี้ยงท้องมันหมดตัว  จึงออกไปจิกหัวเอาดาบหั่น
 +
อ้ายศึกสักหยิบมือไม่ครือครัน  พวกเราทำเสียไม่ทันจะพริบตา ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นเสนีสี่จตุสดมภ์  ถวายบังคมเห็นชอบกันพร้อมหน้า
 +
ซึ่งพระองค์ทรงดำริตริตรา  คงสมดังบัญชาทุกประการ
 +
จะมีชัยอาศัยเพราะเสบียง  ตัดลำเลียงเสียให้หมดอดอาหาร
 +
ข้าวตากมันจะมีกี่ทะนาน  หมดข้าวสารก็จะสิ้นกำลังลง
 +
ถึงโดยมันมาล้อมเราอ้อมนอก  อย่าให้ออกไปหาเสบียงส่ง
 +
ไม่กี่วันจะวิ่งเป็นชิงธง  คอยสกัดปากดงคงได้ตัว
 +
ไม่พักต้องรบรับขับเคี่ยว  โห่สักเกรียวก็จะบุกเที่ยวซุกหัว
 +
อ้ายห้าร้อยเป็นเชลยมันเคยกลัว  จับเป็นเอาให้ทั่วทั้งไพร่นาย
 +
แต่บรรดาเพี้ยกวานท่านผู้ใหญ่  ปรึกษาเห็นพร้อมใจสิ้นทั้งหลาย
 +
ออกมานั่งสั่งความตามอุบาย  เอากำแพงเป็นค่ายรายเขื่อนคู ฯ 
 +
</tpoem>
 +
=== ตอนที่ ๓๐ ===
=== ตอนที่ ๓๐ ===
<tpoem>
<tpoem>

การปรับปรุง เมื่อ 15:21, 7 กันยายน 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง:

บทประพันธ์

ตอนที่ ๑

             

ตอนที่ ๒

             

ตอนที่ ๓

             

ตอนที่ ๔

             

ตอนที่ ๕

             

ตอนที่ ๖

             

ตอนที่ ๗

             

ตอนที่ ๘

             

ตอนที่ ๙

             

ตอนที่ ๑๐

             

ตอนที่ ๑๑

             

ตอนที่ ๑๒

             

ตอนที่ ๑๓

             

ตอนที่ ๑๔

             

ตอนที่ ๑๕

             

ตอนที่ ๑๖

             

ตอนที่ ๑๗

             

ตอนที่ ๑๘

             

ตอนที่ ๑๙

             

ตอนที่ ๒๐

             

ตอนที่ ๒๑

             

ตอนที่ ๒๒

             

ตอนที่ ๒๓

             

ตอนที่ ๒๔ กำเนิดพลายงาม

๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภาอยู่เคหากับขุนช้างให้หมางหมอง
ไม่มีสุขทุกเวลาน้ำตานองด้วยว่าท้องสิบเดือนไม่เคลื่อนคลา
จะคลอดบุตรสุดปวดให้รวดร้าวตึงหัวเหน่าเหน็ดเหนื่อยเมื่อยต้นขา
แสงห่องห้อยพรอยพรายพร่างสายตาจะเรียกหาขุนช้างให้หมางใจ
แต่นวดนวดปวดมวนให้ป่วนปั่นสุดจะกลั้นกลอกหน้าน้ำตาไหล
พยุงท้องร้องเรียกพวกข้าไทจะขาดใจแล้วช่วยด้วยแม่คุณ
ขุนช้างตื่นฟื้นตัวหัวผงกเห็นเมียตกใจผวาออกว้าวุ่น
ประคองนางพลางบนเอาต้นทุนอย่าท้อแท้แม่คุณจงแข็งใจ
พลางดูท้องร้องว่าเออออกแล้วซิตั้งสติอารมณ์จะข่มให้
นางวันทองร้องเสือกกลิ้งเกลือกไปขุนช้างได้หมอนรองประคองคอ
เรียกหาข้าคนอลหม่านบนนอกชานพวกผู้หญิงออกวิ่งสอ
ให้ไปรับยายสายกับยายยอแต่ล้วนหมอตำแยเซ็งแซ่มา
เข้าถือท้องต้องถูกว่าลูกต่ำเอาหน้าคว่ำไขว่ขวางไปข้างขวา
ช่วยผันแปรแก้ไขใกล้เวลาบ้างตำยาขยำส้มต้มน้ำร้อน
นางวันทองร้องไห้ใจจะขาดพอกรรมชวาตวาตะประทะถอน
อรุณฤกษ์เบิกสุรินทร์ทินกรอุทรคลอนเคลื่อนคลอดไม่วอดวาย
พอพ้นท้องร้องแว้นางแม่หวีดหน้าซีดอกสั่นมิ่งขวัญหาย
ขุนช้างมองร้องอ้ายหนูเป็นผู้ชายทั้งย่ายายเยี่ยมลูกให้หยูกยา
แล้วทอดเตาเข้าไฟไม่ไข้เจ็บครั้นจะเก็บความกล่าวยาวหนักหนา
ค่อยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้จนใหญ่มากระทั่งอายุเจ้าได้เก้าปี
ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนแม้นขุนแผนพ่อเหลืองลอออวบอ้วนเป็นนวลศรี
ทั้งจุกผมกลมกล่อมกระหม่อมดีช่างพาทีฉอเลาะพูดเพราะพราย
นางวันทองน้องคะนึงถึงขุนแผนด้วยลูกแม้นเหมือนเหลือเป็นเชื้อสาย
บอกบ่าวไพร่ให้สำเหนียกเรียกลูกชายชื่อว่าพลายงามน้อยแก้วกลอยใจ ฯ
๏ ฝ่ายขุนช้างหมางจิตให้คิดแค้นลูกขุนแผนมั่นคงไม่สงสัย
เมื่อกระนั้นเหมือนกูครั้นดูไปก็กลับไพร่เหมือนพ่ออ้ายทรพี
อีแม่มันวันทองก็สองจิตช่างประดิษฐ์ชื่อลูกให้ถูกที่
เรียกพ่อพลายคล้ายผัวอีตัวดีทุกราตรีตรึกตราจะฆ่าฟัน
พอวันทองน้องป่วยลงด้วยเคราะห์มาจำเพาะจะวิโยคให้โศกศัลย์
ฟังเสียงเงียบระงับหลับกลางวันพลายงามนั้นนั่งกับพ่อที่หอกลาง
ขุนช้างเห็นเป็นทีไม่มีเพื่อนแกล้งชี้เชือนชักพาลงมาล่าง
ให้ขี่หลังนั่งบ่าแล้วว่าพลางไปชมช้างกวางทรายมีหลายพรรณ
ทั้งนกยูงฝูงหงส์มันลงเกลื่อนจับไก่เถือนมาเลี้ยงฟังเสียงขัน
พูดให้เพลินเดินพลางกลางอรัญแกล้งให้หมั่นดูแลฝูงแกกา
โพระดกนกงั่นกระตั้วเต้นกระแตเล่นไม้โจนโผนผวา
เจ้าพลายงามถามพ่อพูดจ้อมาขุนช้างพาเลี้ยวไปปะไม้ซุง
เห็นลับลี้ที่สงัดขัดเเขมรสะบัดเบนเบือนเหวี่ยงลงเสียงผลุง
ปะเตะซ้ำต้ำผางเข้ากลางพพุงถีบกระทุ้งถองทุบเสียงอุบโอย
พลายงามร้องสองมือมันอุดปากดิ้นกระดากถลากไถลร้องไห้โหย
พอหลุดมือรื้อร้องวันทองโวยหม่อมพ่อโบยตีฉันแทบบรรลัย
ไม่เห็นแม่แลหาน้ำตาตกขุนช้างชกฉุดคร่าไม่ปราศรัย
จนเหงื่อตกกระปรกประปรอมขึ้นคร่อมไว้หอบหายใจฮักฮักเข้าหักคอ
พลายงามดิ้นสิ้นเสียงสำเนียงร้องยกแต่สองมือไหว้หายใจฝ่อ
มันห้ามว่าอย่าร้องก็ต้องรอเรียกหม่อมพ่อเจ้าขาอย่าฆ่าเลย
จงเห็นแก่แม่วันทองของลูกบ้างพ่อขุนช้างใจบุญพ่อคุณเอ๋ย
ช่วยฝังปลูกลูกไว้ใช้เช่นเคยผงกเงยมันก้ทุบหงุบลงไป
บีบจมูกจุกปากลากกระแทกเสียงแอ้กแอ้กอ่อนซบสลบไสล
พอผีพรายนายขุนแผนผู้แว่นไวเข้ากอดไว้มิให้ถูกลูกของนาย
ขุนช้างเห็นว่าทับจนตับแตกเอาคาแฝกฝุ่นกลบให้ศพหาย
แล้วกลิ้งขอนซ้อนทับให้ลับกายทำลอยชายชมป่ากลับมาเรือนฯ
๏ ฝ่ายผีพรายนายขุนแผนแค้นขุนช้างอุตส่าห์ง้างขอนใหญ่ให้เขยื้อน
แล้วเป่าแผลแก้หายละลายเลือนเจ้าพลายเคลื่อนคลายฟื้นเหมือนตื่นนอน
นางพรายบอกว่าเราบ่าวขุนแผนมาทำแทนเมื่อมันทับช่วยรับขอน
ไม่ม้วยแล้วแก้วตาอย่าอาวรณ์อยู่นี่ก่อนเถิดนะเจ้าอย่าเศร้าใจ
แม่ของเจ้าเราจะบอกออกมารับแล้วหายวับวู่วามตามนิสัย
เจ้าพลายงามยามเย็นไม่เห็นใครเที่ยวร้องไห้หาแม่ชะแง้คอย
จะไปเรือนเพื่อนทางที่กลางป่านึกน้ำตาหยดเหยาะลงเผาะผ็อย
เจ้าแหงนดูสุริย์ฉายก็บ่ายคล้อยให้นึกน้อยใจพ่อพูดล่อลวง
เสียแรงลูกผูกใจจะได้พึ่งพ่อโกรธขึ้งสิ่งใดเป็นใหญ่หลวง
โอ้มีพ่อก็ไม่เหมือนเพื่อทั้งปวงมีแต่ลวงลูกรักไปหักคอ
รู้กระนี้มิอยากเรียกพ่อดอกจะไปบอกแม่วันทองให้ฟ้องพ่อ
เที่ยวผันแปรแลหาน้ำตาคลอนึกระย่อเยือกเย้นไม่เห็นใคร
ดูครึ้มครึกฟฤกษาป่าสงัดไม่แกว่งกวัดก้านกิ่งประวิงไหว
จังหรีดร้องก้องเสียงเคียงเรไรทั้งลองไนเรื่อยแร่แวแววับ
ดุเหว่าร้องมองเมียงเสียงว่าแม่ยืนชะแง้แลดูเงี่ยหูตรับ
อยู่นี่แน่แม่จ๋าจงมารับวิ่งกระสับกระสนวนเวียนไป ฯ
๏ ฝ่ายพวกพรายกายสิทธิ์ฤทธิรุทรเหมือนลมวุดวู่หนึ่งถึงไหนไหน
ไปเข้าฝันวันทองถึงห้องในเหมือนจะให้เห็นลูกคิดผูกพัน ฯ
๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภาเมื่อลูกแก้วแววตาจะอาสัญ
คิ้วกระเหม่นเป็นลางแต่กลางวันให้หวั่นหวั่นหวิวหวิวหิวหาวนอน
พอม่อยหลับคลับคล้ายเห็นพลายน้อยขุนช้างถ่อยทับไว้ด้วยไม้ขอน
ผวาฟื้นตื่นตาด้วยอาวรณ์สะอื้นอ่อนในอกตกตะลึง
พอแมงมุมอุ้มไข่ไต่ตีตกนางผงกเงี่ยฟังดังผึงผึง
ประหลาดลางหมางจิตคิดคะนึงรำลึกถึงลูกชายเจ้าพลายงาม
ลุกออกมาหาจบไม่พบเห็นที่เคยเล่นอยู่กับใครเที่ยวไต่ถาม
แต่อีดูกลูกครอกมันบอกความว่าเห็นตามพ่อขุนช้างไปกลางไพร
นางแคลงผัวกลัวจะพาไปฆ่าเสียน้ำตาเรี่ยเรี่ยตกซกซกไหล
ออกนอกรั้วตัวคนเดียวเที่ยวเดินไปโอ้อาลัยเหลียวแลชะแง้เงย
เห็นคุ่มคุ่มพุ่มไม้ใจจะขาดพ่อพลายงามทรามสวาทของแม่เอ๋ย
เจ้าไปไหนไม่มาหาแม่เลยที่โคกเคยวิ่งเล่นไม่เห็นตัว
หรือล้มตายควายขวิดงูพิษขบไฉนศพสาบสูญพ่อทูนหัว
ยิ่งเย็นย่ำค่ำคลุ้มชอุ่มมัวยิ่งเริ่มรัวเรียกร่ำระกำใจ
เสียงซ้อแซ้แกกาผวาว่อนจิ้งจอกหอนโหยหาที่อาศัย
จักจั่นเจื้อยร้องริมลองไนเสียงเรไรหริ่งหริ่งที่กิ่งรัง
ทั้งเป็ดผีปี่แก้วแว่วแว่วหวีดเสียงจังหรีดกรีดแซ่ดังแตรสังข์
นางวันทองมองหาละล้าละลังหรือผีบังซ่อนเร้นไม่เห็นเลย
จะบนหมูสุรารำว่าครบขอให้พบลูกตัวทูนหัวเอ๋ย
แล้วลดเลี้ยวเที่ยวแลชะแง้เงยโอ้ทรามเชยหลากแล้วพ่อแก้วตา
ตะโกนเรียกพลายงามทรามสวาทใจจะขาดคนเดียวเที่ยวตามหา
สะอื้นโอ้โพล้เพล้เดินเอกาสกุณานอนรังสะพรั่งไพร
เห็นฝูงนกกกบุตรยิ่งสุดเศร้าโอ้ลูกเราไม่รู้ว่าอยู่ไหน
ชะนีโหวยโหยหวนรัญจวนใจยิ่งอาลัยแลหาน้ำตานอง
พอแจ้วแจ้วแว่วเสียงสำเนียงเรียกนึกสำเหนียกหลายหนขนสยอง
ตรงเซิงซุ้มคุ่มเคียงนางเมียงมองเห็นลูกร้องไห้สะอื้นยืนเหลียวแล
ความดีใจไปกอดเอาลูกแก้วแม่มาแล้วอย่ากลัวทูนหัวแม่
เป็นไรไม่ไปเรือนเที่ยวเชือนแชแม่ตามแต่ตะวันบ่ายเห็นหายไป ฯ
๏ เจ้าพลายน้อยสร้อยเศร้าแล้วเล่าว่าหม่อมพ่อพาเวียนวงให้หลงใหล
แล้วทุบถีบบีบจมูกของลูกไว้เอาขอนไม้ทับคอแทบมรณา
พอพวกพ้องของขุนแผนแล่นมาช่วยจึงไม่ม้วยแม่คุณบุญหนักหนา
ยังช้ำชอกยอกเหน็บเจ็บกายาพูดน้ำตาผ็อยผ็อยด้วยน้อยใจฯ
๏ นางวันทองร้องไห้ใจจะขาดโอ้ชาตินี่มีกรรมจะทำไฉน
แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไปเจ้ามิใช่ลูกเต้าเขาจึงชัง
พ่อของเจ้านั้นหรือชื่อขุนแผนเป็นคนแค้นกับขุนช้างแต่ปางหลัง
เอาทุกข์ร้อนก่อนเก่าเล่าให้ฟังเดี๋ยวนี้ยังอยู่ในคุกเป็นทุกข์ทน
จึงจนใจไม่มีที่จะพึ่งมันทำถึงสาหัสก็ขัดสน
ครั้นจะฟ้องร้องเล่าเราก็จนแม้นไม่พ้นมือมันจะอันตราย
แต่รู้อยู่ว่าย่าทองประศรีอยู่บ้านกาญจน์บุรีวัดเชิงหวาย
แม้นไปถึงพึ่งพาย่าพ่อพลายจะสบายบุญปลอดตลอดไป
แต่ทางนั้นวันครึ่งจึงถึงบ้านทางกันดารเดินดงจะหลงใหล
โอ้ใครเล่าเขาจะพาเจ้าคลาไคลนางร้องไห้สะอื้นกลืนน้ำตา ฯ
๏ เจ้าพลายงามถามซักตระหนักแน่พลางบอกแม่ลูกแสนแค้นหนักหนา
อ้ายคนนี้มิใช่พ่อจะขอลาไปหาย่าอยู่บ้านกาญจน์บุรี
สงสารแต่แม่คุณของลูกแก้วจะลับแล้วตายเป็นไม่เห็นผี
เพราะพ่อเลี้ยงเดียงสาไม่ปรานีอยู่ที่นี่ชีวันจะบรรลัย
ไปสู้ตายวายวางเสียข้างหน้าด้วยเกิดมามีกรรมจะทำไฉน
ขอลาแม่แต่นี้นับปีไปแล้วร้องไห้หวลคิดถึงบิดา
โอ้พ่อคุณขุนแผนของลูกเอ๋ยเมื่อไรเลยลูกจะได้ไปเห็นหน้า
ต้องติดคุกทุกข์ทุเรศเวทนาเจ้าครวญคร่ำร่ำว่าด้วยอาลัย ฯ
๏ นางวันทองร้องไห้จิตใจหายกอดเจ้าพลายงามน้อยละห้อยไห้
โอ้ลูกแก้วแววตาจะลาไปหนทางป่าค่าไม้พ่อไม่เคย
จะเลี้ยวหลงวงวกระหกระเหินเจ้าจะเดินไปถูกหรือลูกเอ๋ย
โอ้ยากเย็นเข็ญใจกระไรเลยเพราะกรรมเคยพรากสัตว์ให้พลัดพราย
เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าจะพรากไปจากแม่แม่จะแลเห็นใครน่าใจหาย
พลางสวมสอดกอดแอบไว้แนบกายสะอื้นไห้ไม่วายฟายน้ำตา ฯ
๏ จนจวนค่ำน้ำค้างลงพร่างพรายปลอบลูกชายพลายน้อยเสน่หา
อ้ายศัตรูรู้ความจะตามมาแม่จะพาเจ้าไปฝากขรัวนากไว้
แล้วพากันดั้นดัดไปวัดเขาเห็นสมภารคลานเข้าไปกราบไหว้
แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไปเจ้าคุณได้โปรดด้วยช่วยธุระ
เอาลูกอ่อนซ่อนไว้เสียในห้องเผื่อพวกพ้องเขามาหาอย่าให้ปะ
ท่านขรัวครูผู้เฒ่าว่าเอาวะไว้ธุระเถิดอย่ากลัวที่ผัวเลย
ถ้าหากว่ามาค้นจนถึงห้องกูมิถองก็จงว่าสีกาเอ๋ย
ฆ่าลูกเลี้ยงเอี้ยงดูกูไม่เคยอย่าทุกข์เลยลุงจะช่วยลูกอ่อนไว้ ฯ
๏ นางวันทองหมองหมางไม่สร่างทุกข์กระหมวดจุกลูกยาน้ำตาไหล
เห็นจวนค่ำจำลาทั้งอาลัยลงบันไดเดินด่วนด้วยจวนเย็น
พอเข้าไปในรั้วด่าผัวโผงอ้ายตายโหงหักคอไม่ขอเห็น
แต่ชาตินี้กีกรรมจึงจำเป็นได้ชายเช่นนี้มาเป็นสามี
ขึ้นบนเรือนเหมือนใจจะจากร่างเห็นขุนช้างชิงชังผินหลังหนี
เข้าในห้องหมองอารมณ์ไม่สมประดีเห็นแต่ที่นอนเปล่ายิ่งเศร้าใจ
คิดถึงลูกผูกพันให้หวั่นอกน้ำตาตกผ็อยผ็อยละห้อยไห้
โอ้ลูกเอ๋ยเคยนอนแต่ก่อนไรจนเจ้าได้สิบปีเข้านี่แล้ว
อยู่หลัดหลัดพลัดพรากไปจากแม่แม่ยังแลเห็นแต่ฟูกของลูกแก้ว
โอ้พลายงามทรามสวาทจะคลาดแคล้วเสียงแจ้วแจ้วเจ้าวันทองนองน้ำตาฯ
๏ ฝ่ายขุนช้างคางเคราอ้ายเจ้าเล่ห์เมาโมเมยิ้มกริ่มอยู่ริมฝา
เสียงวันทองร้องไห้จุดไฟมาส่องดูหน้านั่งเคียงบนเตียงนอน
ทำไถลไถ่ถามเป็นความหยอกหรือหนามยอกเจ็บป่วยจะช่วยถอน
พลางรับขวัญวันทองร้องละครเจ้าทุกข์ร้อนรำคาญประการใด ฯ
นางวันทองข้องขัดสะบัดหน้าขุนช้างรำทำท่าเข้าคว้าไขว่
นางผลักพลิกหยิกข่วนว่ากวนใจไฮ้อะไรนี่เล่าเฝ้าเซ้าซี้
ลูกข้าหายตายเป็นไม่เห็นศพอย่ามากลบรอยเสือเบื่อบัดสี
เจ้าพาไปในป่าพนาลีแล้วก็มิพามาว่ากระไร ฯ
๏ ขุนช้างฟังช่างแก้อีแม่เจ้าข้าเมาเหล้าหลับซบสลบไสล
ใครบอกเจ้าเล่าว่าข้าพาไปหล่อนไม่ได้ตามข้าผ่าเถิดซิ
เมื่อกลางวันยังเห็นเล่นไม้หึ่งกับอ้ายอึ่งอีดูกลูกอีปิ
แล้วว่าเจ้าเล่าก็ช่างนั่งมึนมิว่าแล้วซิอย่าให้ลงไปดิน
ลูกปะหล่ำกำไลใส่ออกกลบฉวยว่าพบคนร้ายอ้ายคอฝิ่น
มันจะทุบยุบยับเหมือนกับริ้นง้างกำไลไปกินเสียแล้วกรรม
แล้วแก้เก้อเร่อออกไปนอกห้องตะโกนร้องเรียกข้ามาด่าพร่ำ
ไปเที่ยวตามถามหาถึงท่าน้ำไม่พบทำถอนใจกลับไปเรือน
รินสุรามาดื่มลืมสติอุตริร้องไห้ใครจะเหมือน
ขึ้นหอขวางกลางแจ้งเห็นแสงเดือนโอ้พ่อเพื่อนชีวิตของบิตุรงค์
แกล้งร้องร่ำคร่ำครวญทำหวนโหยสะโอดโอยเอกทุ้มจนลุ่มหลง
ถึงท่อนปลายกรายเกริ่นเป็นเดินดงปีกเจ้าอ่อนร่อนลงในดงเตย
แล้วรู้ตัวกลัวเมียร้องเสียใหม่เจ้าจำไกลพ่อแล้วลูกแก้วเอ๋ย
เสียงอ้อแอ้แผ่กายนอนหงายเลยจนลืมเลยซบเซาด้วยเมามาย ฯ
๏ นวลนางวันทองค่อยย่องย่างเห็นขุนช้างหลับสมอารมณ์หมาย
สะอื้นอั้นพันผูกถึงลูกชายจนพลัดพรายเพราะผัวเป็นตัวมาร
จึงเย็บไถ้ใส่ขนมกับส้มลิ้มทั้งแช่อิ่มจันอับลูกพลับหวาน
แหวนราคาห้าช่างทองบางตะพานล้วนต้องการเก็บใส่ในไถ้น้อย
ไปอยู่บ้านท่านย่าจะหายากเมื่ออดอยากอย่างไรได้ใช้สอย
แล้วนั่งนึกตรึกตราน้ำตาย้อยรำคาญคอยสุริยาจะคลาไคล ฯ
๏ จะกล่าวถึงพลายงามทรามสงสารพึ่งสมภารอยู่ในห้องนั่งร้องไห้
พวกศิษย์เณรเถรชีต้นช่วยฝนไพลมาลูบไล้แผลที่มันตีรัน
แล้วสมภารท่านก็หลับระงับเงียบยิ่งเย็นเยียบเยือกใจเมื่อไก่ขัน
เพราะแม่ลูกผูกจิตคิดถึงกันเฝ้าใฝ่ฝันเฟือนแลเห็นแม่มา
ดุเหว่าร้องซ้องเสียงสำเนียงแจ้วให้แว่วว่าวันทองร้องเรียกหา
สะดุ้งใจไหววับทั้งหลับตาร้องขานขาสุดเสียงแต่เที่ยงคืน
ครั้นรู้สึกนึกได้ให้ละห้อยเจ้าพลายน้อยนิ่งนอนถอนสะอื้น
จนเคาะระฆังหงั่งเหง่งเสียงเครงครื้นสมภารตื่นเตือนชีต้นสวดมนตร์เกณฑ์ฯ
๏ นางวันทองร้องไห้เมื่อใกล้รุ่งน้ำค้างฟุ้งฟ้าแดงเป็นแสงเสน
ด้วยวัดเขาเข้าใจเคยไปเจนโจงกระเบงมั่นเหมาะห่มเพลาะดำ
แล้วถือไถ้ใส่ขนมผ้าห่มหุ้มออกย่างดุ่มเดินเหย่าก้าวถลำ
ลงจากเรือนเชือนมาข้างท่าน้ำแล้วรีบร่ำเดินตรงเข้าดงตาล
ถึงวัดเขาเช้าตรู่ดูลูกน้อยเห็นมาคอยนั่งท่าน่าสงสาร
จะนั่งหยุดพูดจาจะช้าการลาสมภารพามาป่าสะแก
ให้ขนมส้มสูกแก่ลูกรักสงสารนักจะร้างไปห่างแม่
หนทางบ้านกาญจน์บุรีตรงนี้แลจำให้แน่นะอย่าหลงเที่ยววงเวียน
อุตส่าห์ไปให้ถึงเหมือนหนึ่งว่าให้คุณย่าเป็นอาจารย์สอนอ่านเขียน
จงหมายมุ่งทุ่งกว้างตามทางเกวียนที่โล่งเลี่ยนลัดไปในไพรวัน
แล้วเกล้าจุกผูกไถ้ที่ใส่ของให้แหวนทองทุกสิ่งทำมิ่งขวัญ
แล้วกอดลูกผูกใจจะไกลกันสะอื้นอั้นออกปากฝากเทวา
ขอเดชะพระไพรข้าไหว้กราบช่วยกำราบเสือสิงห์มหิงสา
ทั้งปู่เจ้าเขาเขินขอเชิญพาไปถึงย่าอย่าให้หลงเที่ยววงวน
ทั้งพ่อคุณขุนแผนแสนวิเศษบังเกิดเกศแก้วตาสถาผล
ช่วยลูกชายพลายงามเมื่อยามจนให้รอดพ้นภัยพาลถึงกาญจน์บุรี
นางคร่ำครวญร่ำว่าน้ำตาตกเหมือนหนึ่งอกพุพองเป็นหนองฝี
แม่อุ้มท้องครองเลี้ยงถึงเพียงนี้ได้สิบปีเศษแล้วจะแคล้วกัน
เคยกินนอนวอนแม่ไม่แหห่างจะอ้างว้างเปล่าใจในไพรสัณฑ์
ทั้งจุกไรใครเล่าจะเกล้าพันจะนับวันนับเดือนไปเลือนลับ
นับปีมิได้มาเห็นหน้าแม่จะห่างแหหายเหมือนเมื่อเดือนดับ
โอ้เสียชาติวาสนาแม่อาภัพให้ย่อยยับยากแค้นแสนระอา
จะมีผัวผัวก็พลัดกำจัดจากจนแสนยากอย่างนี้แล้วมิหนำ
มามีลูกลูกก็จากวิบากกรมสะอื้นร่ำรันทดสลดใจ ฯ
             

๏ เจ้าพลายงามความแสนสงสารแม่ชำเลืองแลดูหน้าน้ำตาไหล
แล้วกราบกรานมารดาด้วยอาลัยลูกเติบใหญ่คงจะมาหาแม่คุณ
แต่ครั้งนี้มีกรรมจะจำจากต้องพลัดพรากแม่ไปเพราะอ้ายขุน
เที่ยวหาพ่อขอให้ปะเดชะบุญไม่ลืมคุณมารดาจะมาเยือน
แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารักคนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน
จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือนจะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว
แม่วันทองของลูกจงกลับบ้านเขาจะพาลว้าวุ่นแม่ทูนหัว
จะก้มหน้าลาไปมิได้กลัวแม่อย่ามัวหมองนักจงหักใจ ฯ
๏ นางกอดจูบลูบหลังแล้วสั่งสอนอำนวยพรพลายน้อยละห้อยไห้
พ่อไปดีศรีสวัสดิ์กำจัดภัยจนเติบใหญ่ยิ่งยวดได้บวชเรียน
ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศเจ้าจงอตส่าห์ทำสม่ำเสมียน
แล้วพาลูกออกมาข้างท่าเกวียนจะจากเจียนใจขาดอนาถใจ
ลูกก็และดูแม่แม่ดูลูกต่างพันผูกเพียงว่าเลือดตาไหล
สะอื้นร่ำอำลาด้วยอาลัยแล้วแข็งใจจากนางตามทางมา
เหลียวหลังยังเห็นแม่แลเขม้นแม่ก็เห็นลูกน้อยละห้อยหา
แต่เหลียวเหลียวเลี้ยวลับวับวิญญาณ์โอ้เปล่าตาต่างสะอื้นยืนตะลึง ฯ
๏ นางวันทองหมองมัวกลัวขุนช้างไม่เหมือนอย่างคนทั้งปวงมันหวงหึง
ออกชายทุ่งมุ่งเมินเดินตะบึงกลับมาถึงเรือนร่ำระกำตรอม
ทุกเช้าเย็นเศร้าหมองเฝ้าร้องไห้ด้วยอาลัยพลายงามทรามถนอม
ถึงยามกินสิ้นรสสู้อดออมจนซูบผอมผิวพรรณทุกวันคืน ฯ
๏ เจ้าพลายงามตามทางไปกลางทุ่งเขม้นมุ่งเขาเขินเดินสะอื้น
ออกหลังบ้านตาลตะคุ่มเป็นพุ่มพื้นร่มรื่นรังเรียงเคียงตะเคียน
ต้นแคคางกร่างกระทุ่มชอุ่มออกทั้งช่อดอกดูไสวเหมือนไม้เขียน
เจ้าพลายเพลินเดินพลางตามทางเกวียนตลอดเลี่ยนลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยมา
ถงโคกฆ้องหนองสะพานบ้านกะเหรี่ยงเห็นโรงเรียงไร่ฝ้ายทั้งซ้ายขวา
พริกมะเขือเหลืออร่ามงามตาสาลิกาแก้วกินแล้วบินฮือ
เห็นไก่เตี้ยเขี่ยคุ้ยที่ขุยไผ่กระโชกไล่ลดเลี้ยวมันเปรียวปรื๋อ
พบนกยูงฝูงใหญ่ไล่กระพือมันบินหวือโห่ร้องคะนองใจ
จนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยข้อให้ท้อแท้คิดถึงแม่วันทองแล้วร้องไห้
พระสุริยาสายัณห์ลงเรไรเหมือนจิตใจเจ้าจะขาดลงรอนรอน
พอจวนพลบพบฝูงจิ้งจอกน้อยวิ่งร่อยร่อยตามเขาแล้วเห่าหอน
แสยงเส้นโลมาให้อาวรณ์ถึงดงดอนแดนบ้านกาญจน์บุรี
เห็นวัดร้างข้างเขาดูเก่าแก่ยังมีแต่รูปพระชินสีห์
โบสถ์โบราณบานประตูยังดูดีพอราตรีกราบไหว้อาศัยนอน
ครั้นรุ่งเช้าเอาขนมทั้งส้มลิ้มพอกินอิ่มแล้วออกเดินเนินสิงขร
ถึงบ้านกร่างทางคนเขาหาบคอนเห็นเด็กต้อนควายอึงคะนึงไป
ไม่รู้ความถามเหล่าพวกชาวบ้านว่าเรือนท่านทองประศรีอยู่ที่ไหน
เด็กบ้านนอกบอกเล่าให้เข้าใจแกอยู่ไร่โน่นแน่ะยังแลลับ
มะยมใหญ่ในบ้านกินหวานนักกูไปลักบ่อยบ่อยแกคอยจับ
พอฉวยได้อ้ายขิกหยิกเสียยับร้ายเหมือนกับผีเสื้อแกเหลือตัว
ถ้าลูกใครไปเล่นแกเห็นเข้าแกจับเอานมยานฟัดกบาลหัว
มาถามหาว่าไรช่างไม่กลัวแกจับตัวตีตายยายนมยาน ฯ
๏ เจ้าพลายงามถามแจ้งแล้วแกล้งว่าเอ็งช่วยพาเราไปชมมะยมหวาน
จะขึ้นลักหักห่อให้พอการมาสู่ท่านทั้งสิ้นกินด้วยกัน
พวกเด็กเด็กดีใจไปสิหวาซ่อนข้าวปลาปล่อยควายแล้วผายผัน
บ้างเหน็บหน้าผ้านุ่งเกี้ยวพุงพันหัวเราะกันกูจะห่อให้พอแรง
พอถึงบ้านท่านยายทองประศรีพวกเด็กชี้เรือนให้แล้วแอบแฝง
เจ้าพลายงามขามจิตยังคิดแคลงค่อยลัดแลงเล็งแลมาแต่ไกล
ดูเงียบเชียบเลียบรอบริมขอบรั้วไม่เห็นตัวท่านย่าน่าสงสัย
ประตูหับยับยั้งยืนฟังไปเสียงแต่ในออดแอดแรดแรแร
รู้ว่าคนบนนั้นนั่งปั่นฝ้ายจะอุบายบอกความตามกระแส
ขึ้นมะยมห่มล้อทำตอแยให้ท่านแลเห็นเรามาเอาตัว
จึงจะบอกออกตามเนื้อความลับได้อยู่กับย่าบังเกิดกำเนิดหัว
แล้วเมียงมองย่องดอดเข้าลอดรั้วค่อยแฝงตัวขึ้นบนต้นมะยม
แล้วพยักกวักเรียกอ้ายเด็กเด็กลูกเล็กหลบลอบค่อยหมอบก้ม
ระวังตัวกลัวยายเฒ่าเจ้าคารมเก็บมะยมซุบซิบกระหยิบตา ฯ
๏ ครานั้นท่านยายทองประศรีกับยายปลียายเปลอยู่เคหา
ให้พวกเหล่าบ่าวไพร่ไปไร่นาตามประสาเพศบ้านกาญจน์บุรี
แต่ขุนแผนแสนสนิทต้องติดคุกไม่มีสุขเศร้าหมองทองประศรี
จนซูบผอมตรอมใจมาหลายปีอยู่แต่ที่ในห้องนองน้ำตา
แต่หูไวได้ยินมะยมหล่นเป็นทำวลแหวกมองตามช่องฝา
เห็นเด็กเด็กเล็ดดลอดดอเข้ามาแกฉวยคว้าไม้ตระบองค่อยมองเมียง
ลงบันไดอ้ายเด็กเล็กกเล็กวิ่งแกไล่ทิ้งด่าทอมันล้อเถียง
ชกโคตรเหง้าเหล่ากอเอาพอเพียงพอแว่วเสียงอยู่บนต้นมะยม
มองเขม้นเห็นลูกหัวจุกน้อยเหม่อ้ายจ้อยโจรป่าด่าขรม
อย่าแอบอิงนิ่งนั่งตั้งเทพนมลงมาก้มหลังลองตระบองกู ฯ
๏ เจ้าพลายงามคร้ามพรั่นขยั้นหยุดความกลัวสุดแสนกลัวตัวเป็นหนู
จึงว่าฉานหลานดอกบอกให้รู้อันอยู่ที่เมืองสุพรรณบ้านวันทอง
ทองประศรีชี้หน้าว่าอุเหม่อ้ายเจ้าเล่ห์หลานข้ามันน่าถอง
มาเถิดมาย่าจะให้ไม้ตระบองแกคอยจ้องจะทำให้หนำใจ
เจ้าพลายงามความกลัวจนตัวสั่นหยุดขยั้นอยู่ไม่กล้าลงมาได้
แล้วนึกว่าย่าตัวกลัวอะไรโจนลงไปกราบย่าที่ฝ่าตีน ฯ
๏ ทองประศรีตีหลังเสียงดังผึงจะมัดมึงกูไม่ปรับเอาทรัพย์สิน
มาแต่ไหนลูกไทยหรือลูกจีนเฝ้าลักปีนมะยมห่มหักราน
เจ้าพลายน้อยคอยหลบแล้วนบนอบฉันเจ็บบอบแล้วย่าเมตตาหลาน
ข้าเป็นลูกพ่อขุนแผนแสนสะท้านข้างฝ่ายมารดาชื่อแม่วันทอง
จะมาหาย่าชื่อทองประศรีอย่าเพ่อตีฉันจะเล่าความเศร้าหมอง
ย่าเขม้นเห็นจริงทิ้งตระบองกอดประคองรับขวัญกลั้นน้ำตา
แล้วด่าตัวชั่วเหลือไม่เชื่อเจ้าขืนตีเอาหลานรักเป็นหนักหนา
จนหัวห้อยพลอยนอพ่อนี่นาแล้วพามาขึ้นเรือนเตือนยายปลี
ช่วยฝนไพลให้เหลวเร็วเร็วเข้าอีเปลเอาขันล้างหน้าออกมานี่
แกตักน้ำร่ำรดหมดราคีช่วยขัดสีโซมขมิ้นสิ้นเป็นชาม
แล้วทาไพลให้หลานสงสารเลหือมานั่งเสื่อลันไตปราศรัยถาม
เจ้าชื่อไรใครบอกออกเนื้อความจึงได้ตามขึ้นมาถึงย่ายาย ฯ
๏ เจ้าพลายน้อยสร้อยเศร้าแล้วเล่าเรื่องแต่อยู่เมืองสุพรรณเหมือนมั่นหมาย
แม่วันทองครองเลี้ยงไว้เคียงกายให้ชื่อพลายงามน้อยแก้วกลอยใจ
ให้ไหว้บุญขุนช้างเหมือนอย่างพ่อมันลวงล่อหลานหลงไม่สงสัย
พาหลานเที่ยวเลี้ยวทางไปกลางไพรเอาขอนไม้ทับคอแทบมรณา
แม่จึงบอกออกว่าพ่อชื่อขุนแผนขุนช้างแค้นเคืองคิดริษยา
อยู่ไม่ได้ในสุพรรณจึงดั้นมาขอพึ่งบุญคุณย่าประสาจน ฯ
๏ ทองประศรีตีอกชกผางผางทุดอ้ายช้างชาติข้าอ้ายหน้าขน
ลูกอีเฒ่าเทพทองคลองน้ำชนจะฆ่าคนเสียทั้งเป็นไม่เอ็นดู
ทำราวเจ้าชีวิตกูคิดฟ้องให้มันต้องโทษกรณ์จนอ่อนหู
แกบ่นว่าด่าร่ำออกพร่ำพรูพ่อมาอยู่บ้านย่าแล้วอย่ากลัว
แม้นอ้ายขุนวุ่นมาว่าเป็นลูกมันมิถูกนมยานฟัดกบาลหัว
พลางเรียกอีไหมที่ในครัวเอาแกงคั่วข้าวปลามาให้กิน
พอบ่ายเบี่ยงเสียงละว้าพวกข้าบ่าวทั้งมอญลาวเลิกนาเข้ามาสิ้น
บ้างสุมไฟใส่ควันกันยุงริ้นตามถิ่นบ้านนอกอยู่คอกนา ฯ
๏ ครั้นพลบค่ำย่ำฆ้องทองประศรีเรียกยายปลียายเปลเข้าเคหา
เย็บบายศรีนมแมวจอกแก้วมาใส่ข้าวปลาเปรี้ยวหวานเอาจานรอง
เทียนดอกไม้ไข่ข้าวมะพร้าวพร้อมน้ำมันหอมแป้งปรุงฟุ้งทั้งห้อง
ลูกปะหล่ำกำไลไขออกกองบอกว่าของพ่อเจ้าแต่เยาว์มา
เอาสอดใส่ให้หลานสงสารเหลือด้วยหน่อเนื้อนึกรักเป็นหนักหนา
เหมือนพ่อแผนแสนเหมือนไม่เคลื่อนคลาทั้งหูตาคมสันเป็นมันยับ
พลางเรียกหาข้าคนมาบนหอให้นั่งต่อต่อกันเป็นอันดับ
บายศรีตั้งพรั่งพร้อมน้อมคำนับเจริญรับมิ่งขวัญรำพันไป ฯ
๏ ขวัญพ่อพลายงามทรามสวาทมาชมภาชนะทองอันผ่องใส
ล้วนของขวัญจันทร์จวงพวงมาลัยขวัญอย่าไปป่าเขาลำเนาเนิน
เห็นแต่เนื้อเสือสิงห์ฝูงลิงค่างจะอ้างว้างเวียนวกระหกระเหิน
ขวัญมาหาย่าเถิดอย่าเพลิดเพลินจงเจริญร้อยปีอย่ามีภัย
แล้วจุดเทียนเวียนวงส่งให้บ่าวมันโห่กราวเกรียวลั่นสนั่นไหว
คอยรับเทียนเเวียนส่งเป็นวงไปแล้วดับไฟโบกควันให้ทันที
มะพร้าวอ่อนป้อนเจ้าทั้งข้าวขวัญกระแจะจันทน์เจิมหน้าเป็นราศี
ให้สาวสาวลาวเวียงที่เสียงดีมาซอปี่อ้อซั้นทำขวัญนาย ฯ
             
๏ พ่อเมื้อเมืองดงเอาพงเป็นเหย้าอึดปลาอึดข้าวขวัญเจ้าตกหาย
ขวัญอ่อนร่อแร่ว้าเหว่สู่กายอยู่ปลายยางยูงท้องทุ่งท้องนา
ขวัญเผือเมื้อเมินขอเชิญขวัญพ่อฟังซอเสียงอ้อขวัญพ่อเจ้าจ๋า
ข้าวเหนียวเต็มพ้อมข้าวป้อมเต็มป่าขวัญเจ้าจงมาสู่กายพลายเอยฯ
             
๏ แล้วพวกมอญซ้อนซอเสียงอ้อแอ้ร้องทะแยย่องกระเหนาะย่ายเตาะเหย
ออระน่ายพลายงามพ่อทรามเชยขวัญเอ๋ยกกกะเนียงเกรียงเกลิง
ให้อยู่ดีกินดีมีเมียสาวเนียงกะราวกนตะละเลิงเคลิ่ง
มวยบามาขวัญจงบันเทิงจะเปิงยี่อิกะปิปอน
ทองประศรีดีใจให้เงินบาทเห็นแต่ทาสพรั่งพร้อมล้อมสลอน
ถึงเวลาพาเจ้าเข้าที่นอนมีฟูกหมอนมุ้งม่านสำราญใจ ฯ
๏ เจ้าพลายงามถามย่าว่าพ่อแผนต้องคับแค้นเคืองเข็ญเป็นไฉน
ไม่เคยคุ้นคุณย่าช่วยพาไปพอหลานได้เห็นหน้าบิดาตัว
ได้ฟังหลานท่านย่าน้ำตาตกสะอื้นอกอาดูรว่าทูนหัว
พ่อเอ็งย่าว่าไรเขาไม่กลัวเพราะเมามัวเมียลาวนางชาววัง
ไปทูลขอพระองค์ทรงพระโกรธให้ลงโทษทนทุกข์ใส่คุกขัง
แต่ไม่ต้องจองจำอยู่ลำพังถึงสิบปีแล้วยังไม่พ้นเลย
รุ่งพรุ่งนี้สิย่าจะพาเจ้าไปหาเขาอยู่ที่ทับริมหับเผย
ให้พ่อเห็นเย็นอารมณ์ได้ชมเชยพูดจนเลยลืมหลับระงับไป ฯ
๏ เห็นแสงทองหมองจิตคิดถึงลูกสั่งบ่าวผูกช้างสัปคับใหญ่
ใส่ข้าวปลาผ้าผ่อนท่อนสไบกับไต้ไฟฟักแฟงแตงน้ำตาล
ทั้งปูนยาสาคูแลพลูหมากจะไปฝากขุนแผนแสนสงสาร
อ้ายกุลาตาหลอเป็นหมอควาญแล้วพาหลานขึ้นช้างตามทางมา
ลงบางขามข้ามบ้านสะพานโขลงออกทุ่งโล่งเลี้ยวทางไปข้างขวา
สองวันครึ่งถึงกรุงอยุธยาลงเดินพาพลายงามไปตามทาง ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายนายขุนแผนที่แสนทุกข์แต่ติดคุกขัดข้องให้หมองหมาง
อยู่หับเผยเคยสะอาดขาดสำอางจนผอมซูบรูปร่างดูรุงรัง
ผมยาวเกล้ากระหวัดตัดไม่เข้าเหตุด้วยเขาคงทนทั้งมนตร์ขลัง
อยู่เปล่าเปล่าเล่าก็จนพ้นกำลังอุตส่าห์นั่งทำการสานกระทาย
ให้นางแก้วกิริยาช่วยทารักขุนแผนถักขอบรัดกระหวัดหวาย
ใบละบาทคาดได้ด้วยง่ายดายแขวนไว้ขายทั้งเรือนออกเกลื่อนไป
พอมารดามาถึงทับรับเข้าห้องทั้งข้าวของผู้คนขนมาให้
เห็นลูกชายพลายงามถามทันใดนี่ลูกใครหน้าตาน่าเอ็นดู ฯ
๏ ทองประศรีชี้แจงแถลงเล่านี่ลูกเจ้าแล้วเป็นไรไหว้เสียหนู
แล้วบอกความตามที่มีศัตรูขุนแผนรู้รับขวัญกลั้นน้ำตา
เข้าสวมสอดกอดจูบแล้วลูบหลังน้ำตาพรั่งพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา
แค้นขุนช้างดังจะดิ้นสิ้นชีวามันชะล่าชะเลยจนเคยตัว
ฉุดคร่าพาวันทองไปครองคู่เห็นว่ากูถือสัตย์ไม่ตัดหัว
ทั้งลูกเต้าเอาไปฆ่าเหมือนม้าวัวหมายว่ากลัวแล้วกระมังอ้ายจังไร
วันนี้ค่ำจำจะไปให้ถึงบ้านสับกบาลหัวเชือดให้เลือดไหล
ลูกผู้ชายตายไหนก็ตายไปขัดใจฮึดฮัดกัดฟันฟาง ฯ
๏ ท่านย่าทองประศรีว่าอีพ่อแม่จะขอทัดทานเหมือนขัดขวาง
ไปฆ่าผีดีกว่าฆ่าขุนช้างจะสืบสร้างบาปกรรมไปทำไม
ลูกของเจ้าเล่าก็มาหาเจ้าแล้วใช่เชื้อแถวเจ้ายังมีอยู่ที่ไหน
จงฟังแม่แต่เท่านั้นแล้วกันไปพ่อจะได้ภาวนารักษากาย
ลูกของเจ้าเล่าแม่จะรับเลี้ยงช่วยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้ได้ถวาย
ที่กริ้วโกรธโทษกรณ์จะผ่อนคลายคราวเคราะห์ร้ายเจ้าจงเจียมเสงี่ยมตน
โบราณท่านสมมุติมนุษย์นี้ยากแล้วมีใหม่สำเร็จถึงเจ็ดหน
ที่ทุกข์โศกโรคร้อนค่อยผ่อนปรนคงจะพ้นโทษทัณฑ์ไม่บรรลัย ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพก้มกราบมารดาน้ำตาไหล
ลูกเห็นแต่แม่คุณค่อยอุ่นใจช่วยสอนให้พลายงามเรียนความรู้
อันตำรับตำราสารพัดลูกเก็บจัดแจงไว้ที่ในตู้
ถ้าลืมหลงตรงไหนไขออกดูทั้งของครูของพ่อต่อกันมา
แล้วลูบหลังสั่งความพลายงามน้อยเจ้าจงค่อยร่ำเรียนเขียนคาถา
รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชาไปเบื้องหน้าเติบใหญ่จะให้คุณ
เรายากแล้วแก้วตาอย่าประมาททั้งสิ้นญาติสิ้นเชื้อจะเกื้อหนุน
ทุกวันนี้มีแต่ย่ายังการุญพ่อพึ่งบุญเถิดลูกได้ปลูกเลี้ยง
จงนึกว่าย่าเหมือนกับแม่พ่อถึงด่าทอเท่าไรอย่าได้เถียง
อันพ่อนี้มิได้อยู่ใกล้เคียงไม่ได้เลี้ยงลูกแล้วนาแก้วตา
พลางกอดพลายงามแอบไว้แนบอกน้ำตาตกพร่างพรายทั้งซ้ายขวา
โอ้มีกรรมทำไว้แต่ไรมาพอเห็นหน้าลูกแล้วจะแคล้วกัน
มาหาพ่อพ่อไม่มีสิ่งไรผูกยังแต่ลูกประคำจะทำขวัญ
อยู่หอกปืนยืนยงคงกระพันได้ป้องกันกายาข้างหน้าไป ฯ
๏ เจ้าพลายงามความแสนสงสารพ่อน้ำตาคลอคลอตกซกซกไหล
รับประคำร่ำว่าประสาใจฉันจะใคร่อยู่ด้วยช่วยบิดา
ได้ตักน้ำตำข้าวทุกเช้าค่ำที่พอทำฟืนผักจะหักหา
ให้พ่อพ้นทนทุกข์แล้วลูกยาจะอุตส่าห์เล่าเรียนค่อยเพียรไป ฯ
๏ ขุนแผนแสนสวาทจะขาดจิตกะจิริดรู้ว่าจะหาไหน
น่าสงสารท่านย่าพลอยอาลัยน้ำตาไหลพรากพรากเพราะยากเย็น
ขุนแผนว่าจะอยู่ดูไม่ได้ในคุกใหญ่มันยากแค้นถึงแสนเข็ญ
เหมือนกับนรกตกทั้งเป็นมิได้เว้นโทษทัณฑ์สักวันเลย
แต่พ่อนี้ท่านเจ้ากรมยมราชอนุญาตให้อยู่ทับในหับเผย
คนทั้งหลายนายมุลก็คุ้นเคยเขาละเลยพ่อไม่ต้องถูกจองจำ
ทั้งข้าวปลาสารพันทุกวันนี้พระหมื่นศรีเธอช่วยชุบอุปถัมภ์
ค่อยเบาใจไม่พักต้องตักตำคุณท่านล้ำล้นฟ้าด้วยปรานี
ถ้าแม้นเจ้าเล่าเรียนความรู้ได้จะพาไปพึ่งพระจมื่นศรี
ถวายตัวพระองค์ทรงธรณีจะได้มีเกียรติยศปรากฏไป ฯ
             

๏ พลายงามน้อยสร้อยเศร้ารับเจ้าคะดีฉันจะพากเพียรเรียนให้ได้
ต่างพูดจาพาทีค่อยดีใจจนจวนใกล้โพล้เพล้ถึงเวลา
ทองประศรีสั่งความว่ายามค่ำแม่จะจำจากพ่อแก้วไปแล้วหนา
ขุนแผนแสนสะท้านไหว้มารดาพลายงามลาพ่อลูกผูกอาลัย
ตามย่ามาพ้นทับที่หับเผยไม่ลืมเลยเหลียวหน้าน้ำตาไหล
ทั้งขุนแผนแสนสวาทเพียงขาดใจต่างอาลัยแลลับวับวิญญาณ์
ไปขึ้นช้างข้างวัดท่าการ้องพอเดือนส่องแสงสว่างกลางเวหา
ออกข้ามทุ่งกรุงศรีอยุธยารีบกลับมาถึงบ้านกาญจน์บุรีฯ
๏ อันเรื่องราวกล่าวความพลายงามน้อยค่อยเรียบร้อยเรียนรู้ครูทองประศรี
ทั้งขอมไทยได้สิ้นก็ยินดีเรียนคัมภีร์พุทธเพทพระเวทมนตร์
ปัถมังตั้งตัวนะปัดตลอดแล้วถอนถอดถูกต้องเป็นล่องหน
หัวใจกริดอิทธิเจเสน่ห์กลแล้วเล่ามนตร์เสกขมิ้นกินน้ำมัน
เข้าในห้องลองวิชาประสาเด็กแทงจนเหล็กแหลมลู่ยู่ขยั้น
มหาทะมื่นยืนยงคงกระพันทั้งเลขยันตร์ลากเหมือนไม่เคลื่อนคลาย
แล้วทำตัวหัวใจปิติโสสะเดาะโซ่ตรวนได้ดังใจหมาย
สะกดคนมนตร์จังงังกำบังกายเมฆฉายสูรย์จันทร์ขยันดี
ทั้งเรียนธรรมกรรมฐานนิพพานสูตรร้องเรียกภูตพรายปราบกำราบผี
ผูกพยนต์หุ่นหญ้าเข้าราวีทองประศรีสอนหลานชำนาญมา
จนอายุพลายงามสิบสามขวบดูขาวอวบอ้วนท้วนเป็นนวลหน้า
ด้วยเนื้อแตกแรกรุ่นละมุนตากิริยาแย้มยิ้มหงิมหงิมงาม
นัยน์ตากลมคมขำดูดำขลับใครแลลับรักใคร่ปราศรัยถาม
ทองประศรีดีใจได้ฤกษ์ยามได้สิบสามปีแล้วหลานแก้วกู
จะโกนจุกสุกดิบขึ้นสิบค่ำแกทำน้ำยาจีนต้มตีนหมู
พวกเพื่อนบ้านวานมาผ่าหมากพลูบ้างปัดปูเสื่อสาดลาดพรมเจียม
ทั้งหม้อเงินหม้อทองสำรองตั้งมีทั้งสังข์ใส่น้ำมนตร์ไว้จนเปี่ยม
อัฒจันทร์ชั้นพระก็ตระเตรียมตามธรรมเนียมห้องกลองฉลองทาน
ถึงวันดีนิมนต์ขรัวเกิดเฒ่าอยู่วัดเขาชนไก่ใกล้กับบ้าน
พอพิณพาทย์คาดตระสาธุการท่านสมภารพาพระสงฆ์สิบองค์มา
นั่งสวดมนตร์จนจบพอพลบค่ำก็ซัดน้ำมนตร์สาดเสียงฉาดฉ่า
ผู้ชายเสียดเบียดสาวชาวละว้าเสียงเฮฮาฮึดฮัดเมื่อซัดน้ำ
ผู้หญิงหยิกตะกายผู้ชายทับเสียงหนุบหนับเหนาะแหนะแขยะขยำ
จนอีหังคลั่งใจถีบอ้ายดำลุกขึ้นปล้ำกันออกอึงเสียงตึงตัง
ทองประศรีดีใจว่าใครแพ้สนุกแน่แล้วอ้ายดำปล้ำอีหัง
แล้วให้หลานผลัดผ้ามาเก้กังเข้าไปนั่งกราบกรานสมภารครู
ขรัวเกิดแลมองเห็นทองประศรีถามว่านี่ลูกใครเล่าไอ้หนู
เจ้าขรัวย่าอ้าปากน้ำหมากพรูเล่าให้รู้แต่ต้นมาจนปลาย
เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าขุนแผนยังติดคุกนี่โกนจุกแล้วจะได้ไปถวาย
ท่านขรัวครูดูพ่อของออพลายเคราะห์จะคลายเคลื่อนบ้างหรืออย่างไร ฯ
๏ ท่านขรัวครูรู้เรื่องให้เคืองแค้นทุดอ้ายแผนถ่อยแท้ไม่แก้ไข
เมื่อความรู้กูสอนเจ้าหล่อนไว้ยังวิ่งไปเข้าคุกสนุกจริง
อ้ายเจ้าชู้กูได้ว่ามาแต่ก่อนจะทุกข์ร้อนอ่อนหูเพราะผู้หญิง
หัวเราะพลางทางเอกเขนกอิงพินิจนิ่งดูกายเจ้าพลายงาม
เห็นน่ารักลักษณะก็ฉลาดจะมีวาสนาดีขี่คานหาม
ถ้าถึงวันชั้นโชคโฉลกยามก็ต้องตามลักษณะว่าจะรวย
แต่ที่เมียเสียถนัดปัตนิตัวตำหนิรูปขาวเป็นสาวสวย
แต่อ้ายนี่ขี้หลงจะงงงวยต้องถูกด้วยละโมบโลภโลกีย์
แล้วท่านขรัวหัวร่อว่าออหนูมันเจ้าชู้เกินการหลานอีศรี
ก็แต่ว่าอายุสิบแปดปีจะได้ที่หมื่นขุนเป็นมุลนาย
ทั้งเมียสาวชาวเหนือเป็นเชื้อแถวอีนั่นแล้วมันจะมาพาฉิบหาย
อันอ้ายขุนแผนพ่อของออพลายจะพ้นปลายเดือนยี่ในปีกุน
นับแต่นี้มีสุขไม่ทุกข์ร้อนได้เตียงนอนนั่งเก้าอี้เป็นที่ขุน
ทองประศรีดีใจไหว้เจ้าคุณช่วยแบ่งบุญให้ได้ฟื้นคืนสักที
สมภารรับกลับมายังอาวาสเสียงพิณพาทย์พวกพ้องทองประศรี
หาเสภามาทั่วที่ตัวดีท่านตามีช่างประทัดถนัดรบ
ดูทำนองพองคอเสีบงอ้อแอ้พวกคนแก่ชอบหูว่ารู้จบ
ตารองศรีดีแต่ขันรู้ครันครบกรับกระทบทำหลอกแล้วกลอกตา
แล้วนายทั่งดังโด่งเสียงโว่งโวกว่ากระโชกกระชั้นขันหนักหนา
ฝ่ายนายเพรชเม็ดมากลากช้าช้าตั้งสามวาสองศอกเหมือนบอกยาว
ส่วนนายมาพระยานนท์คนตลกว่าหยกหยกหยาบช้าคนฮาฉาว
ตาทองอยู่รู้ว่าภาษาลาวแล้วส่งกราวเชิดเพลงโหน่งเหน่งไป
ครั้นรุ่งเช้าเจ้าพลายก็โกนจุกเป็นพ้นทุกข์พ้นร้อนนอนหลับใหล
จนผมยาวเจ้าได้ตัดมหัดไทยคิดจะใคร่ไปเป็นข้าฝ่าธุลี
เดชะบุญทูลขอพ่อพ้นโทษเหมือนได้โปรดบิดาเป็นราศี
แต่นิ่งนึกตรึกตราจนราตรีเข้าข้างที่นอนย่าน้ำตาคลอ
ทำคลึงเคล้าเว้าวอนด้วยอ่อนหวานพรุ่งนี้หลานจะลาไปหาพ่อ
จะได้เฝ้าเจ้าชีวิตชิดชอบพอทูลขอเผื่อจะโปรดที่โทษทัณฑ์ ฯ
๏ ทองประศรีดีใจให้อนุญาตเจ้าเชื้อชาติพงศ์พลายจงผายผัน
จะได้ช่วยพ่อแม่คิดแก้กันตามกตัญญูเถิดประเสริฐดี
ย่าจะให้ไปส่งจนถึงพ่อจึงพาต่อไปหาพระหมื่นศรี
ตามแต่บุญวาสนาบารมีอันย่านี้นับวันจะบรรลัย
มีลูกเต้าเล่าก็ทำให้ซ้ำทุกข์ไม่มีสุขสักเวลาน้ำตาไหล
โรคก็ซ้ำช้ำบอบทั้งหอบไอใครจะได้เผาผีก็มิรู้
เจ้าจงจำตำราที่ย่าสอนจะถาวรเพิ่มยศไม่อดสู
ย่าจะให้ไอ้พลัดไอ้ปัดไอ้ปูเข้าไปอยู่ติดตามทั้งสามคน
พอถือร่มสมปักตักน้ำท่าหุงข้าวปลาสารพัดไม่ขัดสน
พูดจนดึกตรึกการกับหลานตนแล้วหลับจนแจ่มแจ้งแสงตะวัน ฯ
๏ รู้สึกกายยายทองประศรีย่าเอาเงินผ้าเสื้อใส่ในกำปั่น
ทั้งหวานคาวข้าวปลาสารพันขนขึ้นบรรทุกสัปคับช้าง
พลายงามลาย่าช่วยอวยสวัสดิ์ได้ฤกษ์พาสารพัดไม่ขัดขวาง
ขึ้นขี่หลังพังสะเทินเดินตามทางไม่แรมค้างข้ามทุ่งถึงกรุงไกร
ไปหาพ่อพอพบนั่งนบนอบขุนแผนสอบไต่ถามความสงสัย
เจ้าพลายน้อยค่อยเล่าให้เข้าใจลูกจะใคร่ให้พระนายถวายตัว ฯ
๏ ขุนแผนแสนสวาทอนุญาตว่าจงอุตส่าห์สืบตะรกูลเถิดทูนหัว
พ่อพงศ์พลายหมายศึกอย่านึกกลัวจะพาตัวเจ้าไปให้พระนาย
แล้วซักไซ้ไต่ถามถึงความรู้ให้ท่องดูได้สมอารมณ์หมาย
ที่เข้าออกบอกความตามอุบายสอนลูกชายอยู่จนสนธยา
พอเสียงฆ้องกลองย่ำเข้าค่ำพลบถึงเดินพบผู้ใดไม่เห็นหน้า
ชวนลูกชายพลายงามตามกันมาไปเคหาพระหมื่นศรีที่ริมคลอง
ขึ้นบันไดไฟอร่ามถามพวกบ่าวพอรู้ข่าวว่าสบายค่อยคลายหมอง
ตรงมาหอรอรั้งยั้งหยุดมองหมื่นศรีร้องเรียกว่ามาซิเกลอ
ด้วยรักใคร่ใจซื่อถือว่าเพื่อนไม่บากเบือนหน้าหนีดีเสมอ
ขุนแผนพาลูกไปนั่งไหว้เธอถามว่าเออนั่นใครที่ไหนมา ฯ
๏ ขุนแผนบอกออกว่าลูกเจ้าวันทองที่มีท้องเกือบแก่มาแต่ป่า
เอาความหลังทั้งนั้นพรรณนาจะพามามอบไว้ให้เจ้าคุณ
ด้วยไม่มีที่เห็นแต่เป็นโทษพระนายโปรดช่วยเหลือทั้งเกื้อหนุน
เป็นที่พึ่งจึงมาจงการุญเอาแต่บุญเถิดพ่อเจ้าเมื่อคราวจน
อันวิชาย่าสอนลูกอ่อนแล้วเห็นคล่องแคล่วการศึกพอฝึกฝน
ถ้ากระไรได้ช่องเห็นชอบกลช่วยผ่อนปรนโปรดถวายเจ้าพลายงาม ฯ
๏ พระหมื่นศรีดีใจปราศรัยทักดูแหลมหลักลูกทหารชาญสนาม
เป็นข้าเฝ้าเจ้าชีวิตอย่าคิดคร้ามมีสงครามเมื่อไรคงได้ดี
ไว้ธุระจะถวายช่วยบ่ายเบี่ยงให้ชุบเลี้ยงลูกรักเป็นศักดิ์ศรี
ที่กินอยู่ผู้คนของเรามีอยู่เรือนนี่นั่งนอนไม่ร้อนรน
ขุนแผนเล่าเจ้าก็รู้อยู่ว่ารักจนเจียนจักแหล่นตายด้วยหลายหน
ก็เอ็นดูอยู่ว่าเกลอถึงเธอจนที่ขัดสนสารพัดไม่ขัดกัน
แต่สุดช่วยด้วยว่าอาญาหลวงต่อได้ท่วงทีก่อนจะผ่อนผัน
จริงนะเจ้าเราก็คิดทุกคืนวันคงช่วยกันไปกว่ากายจะวายวาง ฯ
๏ นายขุนแผนแสนชื่นให้ตื้นอกอุตส่าห์ยกมือไหว้มิได้หมาง
สู้กลืนกล้ำน้ำตาแล้วว่าพลางพ่อเหมือนอย่างพ่อแม่ช่วยแก้ทุกข์
จนยากเย็นเป็นโทษเห็นโหดไร้ยังส่งให้ข้าวปลาเป็นผาสุก
ก็หมายมั่นกตัญญูถึงอยู่คุกกราบพ่อทุกทุกคืนได้ชื่นใจ
อันลูกชายพลายงามตามแต่พ่อลูกจะขอกราบลาช้าไม่ได้
พลางลูบหลังสั่งลูกผูกอาลัยพ่อจะไปก่อนแล้วนะแก้วตา
อยู่พึ่งบุญคุณพ่อต่อไปเถิดจะประเสริฐสมหวังเป็นฝั่งฝา
แล้วลงเรือนเดือนสว่างกระจ่างตาก็กลับมาหับเผยที่เคยนอน ฯ
๏ ครานั้นจมื่นศรีเสาวรักษ์ราชเรียกพลายงามทรามสวาทมาสั่งสอน
จะเป็นข้าจอมนรินทร์ปิ่นนครอย่านั่งนอนเปล่าเปล่าไม่เข้าการ
พระกำหนดกฎหมายมีหลายเล่มเก็บไว้เต็มตู้ใหญ่ไขออกอ่าน
กรมศักดิ์หลักชัยพระอัยการมนเทียรบาลพระบัญญัติตัดสำนวน
แล้วให้รู้สุภาษิตบัณฑิตพระร่วงตามกระทรวงผิดชอบคิดสอบสวน
ราชาศัพท์รับสั่งให้บังควรรู้จงถ้วนถี่ไว้จึงได้การ
ที่ไม่สู้รู้อะไรผู้ใหญ่เด็กมหาดเล็กสามต่อพ่อลูกหลาน
เสียตระกูลสูญลับอัประมาณเพราะเกียจคร้านคร่ำคร่าเหมือนพร้ามอญ
นี่ตัวเจ้าเหล่ากอทั้งพ่อแม่อย่าเชือนแชอุตส่าห์จำเอาคำสอน
แล้วจัดแจงห้องหับให้หลับนอนไม่อาวรณ์เธอช่วยเลี้ยงเป็นเที่ยงธรรม์ ฯ
๏ ครานั้นพลายงามทรามสวาทแหลมฉลาดเลขผาปัญญาขยัน
อยู่บ้านพระหมื่นศรียินดีครันทุกคืนวันตามหลังเข้าวังใน
เธอเข้าเฝ้าเจ้าก็นั่งบังไม้ดัดคอยฟังตรัสตรึกตราอัชฌาสัย
ค่อยรู้กิจผิดชอบรอบคอบไปด้วยมิได้คบเพื่อนเที่ยวเชือนแช
ครั้นอยู่บ้านอ่านคำพระธรรมศาสตร์ตำรับราชสงครามตามกระแส
ค่อยชื่นชุ่มหนุ่ตะกอดูฟ้อแฟ้นางสาวแส้ใส่ใจจะใคร่พบ
เข้าไปหามาสู่ไม่รู้เกี้ยวแต่พอเหลียวเห็นผู้หญิงก็วิ่งหลบ
อุตส่าห์เพียรเรียนรู้ดูจนครบรู้ขนบธรรมเนียมก็เจียมใจ ฯ
๏ ครานั้นท่านพระจมื่นศรีถึงวันดีได้ช่องก็ผ่องใส
จึงจัดแจงแต่งธูปเทียนดอกไม้จะเข้าไปทูลถวายเจ้าพลายงาม
นุ่งสมปักชักกลีบจีบสลับครั้นเสร็จสรรพสำราญขึ้นคานหาม
พวกข้าคนอลหม่านถือพานตามเจ้าพลายงามตามหลังเข้าวังใน
ถึงพระลานวานเขาพวกชาวที่ที่ค่อยมีกิริยาอัชฌาสัย
ถือพานทองรองธูปเทียนดอกไม้ยกเข้าไปเตรียมตั้งพอบังควร
ให้พลายงามตามไปนั่งตรงตั้งของตามทำนองพระหมื่นศรีสั่งถี่ถ้วน
ฝ่ายข้าเฝ้าเจ้าพระยาเวลาจวนต่างก็ชวนกันเข้ามาหน้าพระโรง
นุ่งสมปักชักชายกรายกรีดเล็บผ้ากราบเหน็บแนบหน้าดูอ่าโถง
พอเวลานาทีถ้วนสี่โมงเข้าพระโรงพร้อมหน้าข้าราชการ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชมงกุฎเกศอยุธยามหาสถาน
สถถิตแท่นแว่นฟ้าโอฬาฬารดังวิมานเมืองฟ้าสุราลัย
ห้ามแหนแน่นหนุนละมุนหมอบงามประกอบกิริยาอัชฌาสัย
ระเรื่อยรับขับร้องทำนองในสำราญราชหฤทัยทุกเวลา
ยามกลางวันนั้นก็ออกพระโรงรัตน์มีแต่ตรัสสรวลสันต์ทรงหรรษา
ทั้งเหนือใต้ไพรีไม่มีมาสำราญใจไพร่ฟ้าประชาชี
ด้วยเดชะบุญญาอานุภาพมีแต่ลาภมาประมูลพูนภาษี
แต่บรรดาข้าเฝ้าเหล่าเสนีใครทำดีได้ประทานถึงพานทอง ฯ
๏ ฝ่ายพระจมื่นศรีเสาวรักษ์ราชอภิวาทบาทมูลทูลฉลอง
ขอเดชะพระกรุณาฝ่าละอองดอกไม้ธูปเทียนทองของพลายงาม
บุตรขุนแผนแสนสะท้านหลานทองประศรีความรู้มีเรียบราบไม่หยาบหยาม
จะขอรองมุลิกาพยายามพลางกราบสามทีสดับตรับโองการ ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษาเหลือบเห็นหน้าพลายงามความสงสาร
จะออกโอษฐ์โปรดขขุนแผนแสนสะท้านแต่กรรมนั้นบันดาลดลพระทัย
ให้เคลิ้มองค์ทรงกลอนละครนอกนึกไม่ออกเวียนวงให้หลงใหล
ลืมประภาษราชกิจที่คิดไว้กลับเข้าในแท่นที่ศรีไสยา ฯ
๏ อันเรื่องกล่าวความพลายงามสวาทเป็นมหาดเล็กแล้วค่อยแกล้วกล้า
อยู่ด้วยพระหมื่นศรีผู้ปรีชาเฝ้าเวลาเช้าเย็นไม่เว้นวัน
มุลนายถ้วนหน้าก็ปรานีมิได้มีใครรังเกียจเดียดฉันท์
ถึงว่าท่านจางวางทั้งสองนั้นก็ฝากตัวกลัวทั่นทุกคนไป ฯ
             

ตอนที่ ๒๕

             

ตอนที่ ๒๖

             

ตอนที่ ๒๗ พลายงามอาสา

๏ จะกล่าวถึงพระเจ้าเชียงใหม่แต่ได้นางมาไว้ในกรุงศรี
ไม่วายเว้นนึกคะนึงถึงไพรีเห็นจะมีศึกมาไม่ช้านัก
ด้วยล้านช้างข้างหนึ่งก็โกรธาฝ่ายข้างอยุธยาก็โกรธหนัก
ถ้าสองข้างต่างยกมาพร้อมพรักจะหาญหักต่อสู้ดูยากครัน
จำจะคิดชิงชัยข้างไทยก่อนต้องรีบรัดตัดรอนผ่อนผัน
ถ้าเสร็จสิ้นศึกไทยข้างใต้นั้นล้านช้างก็คงพรั่นไม่อาจมา
แต่นิ่งนึกตรึกไตรอยู่ในที่จนสุริย์ศรีเรืองแรงแสงกล้า
เสด็จออกท้องพระโรงรจนาท้าวพระยานอบน้อมอยู่พร้อมกัน
จึงปรึกษาเสนาข้าเฝ้าชาวเราจะเห็นเป็นไฉนนั่น
เดิมเจ้าอยุธยาทำอาธรรม์มาชิงเมียมิ่งขวัญของกูไป
ฝ่ายเราไปสั่งดักกักทางรับนางจับพวกมันมาได้
ถ้ารู้ข่าวราวเรื่องถึงเมืองไทยเห็นจะยกทัพใหญ่มาราญรอน
เราจะเตรียมกำลังตั้งต่อสู้หรือจะจู่ลงไปทำไทยก่อน
จงปรึกษาว่ากันให้แน่นอนจะตัดรอนคิดอ่านประการใด ฯ
๏ ครานั้นเสนาพระยาลาวพระยาท้าวแสนหลวงผู้เป็นใหญ่
ปรึกษากันพร้อมมูลแล้วทูลไปอันศึกไทยไพรีมีกำลัง
เห็นจะจู่ลงไปไม่ชนะแต่ถ้าละช้าไว้ให้พร้อมพรั่ง
จะเป็นศึกใหญ่มาดาประดังที่จะหวังต่อสู้ดูยากนัก
ขอให้คิดอ่านการอุบายท้าทายยั่วไทยให้โกรธหนัก
ให้รีบมาอย่าทันจะพร้อมพรักจึงจะหักศึกไทยได้ง่ายดาย ฯ
๏ พระเจ้าเชียงใหม่ได้ฟังทูลเค้ามูลเห็นสมอารมณ์หมาย
จึงได้แต่งสาราว่าท้าทายให้หยาบคายหมายยั่วให้โกรธา
เสร็จสรรพพับใส่ลงในกล่องมอบให้แสนกำกองตรีเพชรกล้า
คุมไพร่ร้อยถ้วนล้วนขี่ม้าไปส่งด่านอยุธยาธานี ฯ
๏ ครานั้นตรีเพชรแสนกำกองทั้งสองรับราชสารศรี
เรียกไพรได้ครบตามบาญชีแล้วขึ้นขี่ม้าตามกันหลามมา
ได้ข้าวตากใส่ไถ้ตะพายแล่งเครื่องม้าเครื่องแสงแดงดาดป่า
ทวนดูพู่ระยับจับนัยน์ตาข้ามท่าน้ำได้ไปลำพูน
ข้ามห้วยแม่ทามาเมืองนครไม่หยุดหย่อนขับควบเข้าไพรสูญ
ค่ำเข้าเขตเถินเดินพร้อมมูลแสงจันทร์จำรูญจำรัสฟ้า
ม้าคนหิวหอบอยู่บอบแบบขึ้นเขาช่องแคบแล้วลงป่า
แดดร้อนผ่อนพักเป็นเพลาหยุดให้ม้ากินหญ้าหากำลัง
พอหายเหนื่อยขึ้นมาพากันไปสะบัดย่างวางใหญ่ไม่เหลียวหลัง
สามวันดั้นมาไม่รอรั้งจนกระทั่งถึงด่านบ้านท่าเกวียน ฯ
๏ ครานั้นนายบุญเป็นขุนไกรเห็นลาวสงสัยว่าศึกเสี้ยน
จึงเรียกพวกไพร่เวรเกณฑ์จำเนียรออกยืนขวางทางเตียนตรงประตู
ถือสาตราอาวุธอยู่พร้อมหน้าโน่นแน่ลาวขี่ม้ามาเป็นหมู่
แต่งตัวโพกหัวพันชมพูแลดูแดงเถือกมะเหลือกมา
บ้างปิดประตูด่านงุ่นง่านไปยัดปืนใหญ่หับชุดจุดไว้ท่า
ไปไหนเหวยเฮ้ยสูอย่าได้ช้าดีร้ายเร่งว่าให้รู้พลัน
ถ้าดีมานี่แต่สองม้าร้ายแล้วยกมากูไม่พรั่น
บ้างแกว่งดาบถือปืนออกยืนยันต่างพากันเตรียมตัวออกทั่วไป ฯ
๏ ฝ่ายว่าพวกลาวเห็นชาวด่านอาจหาญยืนขวางหนทางใหญ่
จึงพากันหยุดยั้งรั้งม้าไว้บอกให้แจ้งใจมิได้ช้า
เราเป็นแต่ผู้น้อยที่นำสารจะมาเว้าชาวด่านแจ้งการหวา
เพชรกล้ากำกองแต่สองม้าเข้าไปส่งสาราแล้วว่าไป
เรื่องราวกล่าวด้วยพระท้ายน้ำกับไพร่ต้องจองจำอยู่เชียงใหม่
เจ้าเราให้สารมากรุงไทยสูจงรีบส่งไปให้กราบทูล ฯ
๏ ฝ่ายว่าขุนด่านรับสารมาไปตามดูหมู่ม้าเข้าป่าสูญ
เห็นมิใช่กองทัพกลับพร้อมมูลให้นายมูลนายหมวดอยู่ตรวจตรา
ขุนไกรได้สารขึ้นมาใช้สะบัดย่างวางใหญ่เข้าในป่า
ข้ามทุ่งชะเรียงเร่งตะเบ็งมาบ่ายหน้ามาตรงลงธานี
ถึงสังคโลกพลันทันใดลงม้าจูงคลาไคลไปเร็วรี่
ขุนนางกรมการนั่งศาลมีปรึกษาคดีอีเม้ยทอง
จีนแสไม่แก้ยอมให้ปรับว่าไสบวยพวยรับแต่คล่องคล่อง
พอเห็นขุนด่านกรมการร้องเยี่ยมมองอยู่ไยไม่เข้ามา
ขุนไกรตรงมาศาลากลางแหวกทางหมอบคลานเข้าไปหา
ส่งกล่องใส่ลานสารตราแล้วเล่าแจ้งกิจจาทุกสิ่งอัน ฯ
๏ ครานั้นจึงท่านเจ้าพระยาทั้งเวียงวังคลังนาอยู่ที่นั่น
กรมการถ้วนหน้าปรึกษากันเกิดเหตุสำคัญหนักหนานัก
ชิงนางมิหนำซ้ำจับทหารทำการอาจองทะนงศักดิ์
แล้วยังมีสารามาอึกฮักไม่รู้จักเหมือนริ้นบินเข้าไฟ
แต่ทว่าหญ้าแพรกจะแหลกก่อนต้องยกทัพขับต้อนจะร้อนไพร่
อย่าดูเบาเราต้องรีบส่งไปถ้านิ่งไว้เข้าร้ายตายทีเดียว
อ้ายลาวเจ้ากรรมทำแล้วหวาเขียนบอกปิดตราสักประเดี๋ยว
เสร็จสรรพใส่กลักถักเป็นเกลียวเคี่ยวคั่งติดประจำซ้ำตีตรา
แต่งให้พันมโนเป็นนายใหญ่ถือไปบอกกับไพร่ยี่สิบห้า
หาบโพล่แฟ้มยุ่งกรุ่งกริ่งมาลงเรือเก้าวากัญญายาว
ให้แก้หน้าจากท่าตะเบ็งพายเดือนหงายน้ำฟุ้งเป็นฟองขาว
ตะละเล่มเต็มเหนี่ยวเสียงเกรียวกราวโห่ฉ่าวฉ่าลั่นสนั่นไป
พอเช้าตรู่ลงมาถึงท่าเกษมหุงต้มกินเปรมทั้งนายไพร่
อิ่มแล้วรีบร้อนไม่นอนใจพันมโนนายใหญ่นั่งโยกมา
ครั้นพ้นวัดใหม่ไปบ้านตรุลุถึงท่ากงลงพิงหวา
เเข้าพิจิตรวังวังจันทร์นน้ำดันซ่ารับวาเฮ้ยโขนโดนเรือเจ๊ก
เออเรือขายเหล้าชาวเราหวยพะซี้ไบใส่บวยฉวยเหวยเด็ก
ยกขึ้นเรือได้ไหไม่เล็กถีบเรือเจ๊กเจ้าของร้องโล่ไป
มึงบึกกูบึกสะอึกคว้าเรือกัญญษหน้าโขนเข้าโนไผ่
จะร่ำพรรณนาให้ช้าไยเจ็ดวันมาได้ถึงท่าคัน ฯ
๏ พอเรือจอดทอดถึงที่หน้าท่าพันมโนรีบมาขมีขมัน
ทั้งบ่าวไพร่ตามไปอยู่พร้อมกันเห็นสาวชาววังนั้นก็ชอบเชิง
จุปากเจาะเจาะกระเดาะลิ้นหอมกลิ่นแหงนหงายเหมือนควายเบิ่ง
ทำกรีดกรายชายตาร่าเริงหลงละเลิงลดเลี้ยวเกี้ยวพานมา
งุ่มง่ามข้ามฉนวนประตูดินตาถินนายประตูครู่เอาผ้า
ชายพกหลุดลุ่ยหุยหม่อมตายั่นอ้ายบ้าลอยชายคาดใต้พก
พ่อเอ๋ยชาวบ้านนอกถือบอกมามึงซ่อนอะไรหวาเอาผ้าปก
ดูเป็นตะะกร้าใส่ไข่นกสกปรกชาวเหนือมันเหลือใจ
เสียเงินให้สลึงเขาจึงปล่อยหน้าจ๋อยกลับมาทั้งนายไพร่
เที่ยวถามหาศาลาลูกขุนในเขาชี้บอกให้ก็ตรงมา
เห็นหัวพันนายเวรเกณฑ์เมืองรั้งพันมโนก็นั่งลงตรงหน้า
พอนายควรสวนออกนอกศาลากราบไหว้วางตราอยู่ลนลาน
นายเวรต่อยกลักกับพนักผางชักบอกออกวางกับราชการ
อ่านดูรู้ข้อราชการก็รีบมาเรียนท่านลูกขุนใน
ฝ่ายท่านเจ้าพระยาจักรีเอกอัครอธิบดีเป็นใหญ่
ทราบเรื่องราชสารรำคาญใจสั่งให้รีบคัดจะกราบทูล ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงภพเลิศลบโภไคยมไหศูรย์
สถิตในห้องแก้วแพรวไพฑูรย์ไพบูลย์พูนสุขทุกเวลา
แต่เหตุการณ์ราชการหาทราบไม่ให้รุ่มร้อนฤทัยเป็นหนักหนา
ด้วยเทพเจ้าสิงสู่อยู่อัตรารักษาพระองค์ผู้ทรงธรรม์
ประทับอยู่ข้างในได้เวลาสามโมงนาฬิกาตีฆ้องลั่น
จะเสด็จออกท้องพระโรงคัลจรจรัลไปสรงพระคงคา
น้ำกุหลาบอาบอบตลบกลิ่นหอมประทิ่นพระสุคนธ์ปนบุปผา
ฝ่ายนางพนักงานก็คลานมาถวายภูษาทรงอลงการ
ทรงเครื่องเสร็จสรรพจับพระขรรค์เพชรกุดั่นพรรณรายฉายฉาน
นางในใจภักดิ์พนักงานถวายพานพระศรีแล้วกราบลง
เสวยเสร็จพระเสด็จลีลาศผุดผาดดั่งพระยาราชหงศ์
นางในตามชิดติดพระองค์ตรงขึ้นบรรยงค์รัตนาศน์
พระสูตรรูดกร่างขุนนางเฝ้าคู้เข่าคึกคักแทบถมปักขาด
กราบถวายบังคมบรมราชทั้งอำมาตย์เสนาพระยาครู
แตรสังข์กระทั่งถวายเสียงขุนนางหมอบเรียงเคียงเป็นหมู่
ตำรวจในไล่คนพ้นประตูคอยดูเข้าออกบอกไปมา ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพระยาจักรีได้ทีก็ประนมก้มเกศา
กราบทูลขึ้นพลันมิทันช้าอันชีวาอยู่ใต้บาทบงสุ์
บัดนี้เชียงใหม่มีราชสารมอบให้นายด่านท่าเกวียนส่ง
พระยาเกษตรสงครามรามณรงค์ให้พันมโนจำนงนั้นถือมา
เรื่องราวกล่าวด้วยพระท้ายน้ำเชียงใหม่จับจำยังไม่ฆ่า
ให้ทรงฟังยังมิทันอ่านสาราก็โกรธากลุ้มกลัดขัดพระทัย
กระทืบบาทผาดพระสุรเสียงก้องพระแท่านทองสนั่นหวั่นไหว
เหม่อ้ายลาวจองหองคะนองใจมันพูดจาว่ากระไรให้บอกพลัน ฯ
๏ ขอเดชะในสารว่าทรงเดชครองนิเวศสน์เชียงใหม่มไหสวรรย์
ตั้งอยู่ในสัตย์สุตจริตธรรม์เป็นมหันต์อิศโรอันโอฬาร
ลือเดชทุกเขตอาณาจักรปรปักษ์ย่อท้อไม่ต่อต้าน
ในตำรับข้างที่มีมานานจารจารึกกไว้ในแผ่นทอง
ว่าพระเจ้ากษัตริย์ศึกองค์นี้เป็นมโหฬีเลื่องโลกไม่มีสอง
ดังอวตารมาผลาญศึกคะนองมิให้ข้องเคืองขุ่นราะคายมี
เดิมให้ราชทูตจำทูลสารไปขอองค์เยาวมาลย์โฉมศรี
ตามโบราณราชประเพณีบุตรีล้านช้างนางสร้อยทอง
หวังพระทัยจะได้ซึ่งองค์เอกมาอภิเษกสู่สมภิรมย์สอง
ยังเยาว์อยู่มิควรภิรมย์ครองจึงยังไม่รับรองมาแนบองค์
แต่เดิมมากรุงไทยอยู่ในสัตย์มาวิบัติถือจริตด้วยฤทธิ์หลง
ให้พระท้ายน้ำนำจตุรงค์ดั้นดงล่วงแดนของเรามา
ไม่เกรงเราผู้เป็นเจ้านคเรศโอหังบังเหตุแล้วมิสา
ยังซ้ำกลับรับองค์พระธิดาสร้อยทองเสนหาของเราไป
จึงได้เกณฑ์กองทัพออกรับรบตีตลบชิงนางนั้นไว้ได้
พระท้ายน้ำนายทัพกับพวกไทยเราจับจำคุกไว้ไม่ฆ่าตี
ครั้นจะไม่บอกมาว่าให้แจ้งจะเคลือบแคลงเราว่าพานางหนี
อันโฉมยงค์องค์ราชบุตรีรับมาไว้ในที่ตำหนักจันทน์
ถ้าประสงค์ซึ่งองค์อัคเรศละนิเวศน์ยกมาอย่าได้พรั่น
ขอเชิญเจ้าอยุธยามาประจัญตัวต่อตัวสู้กันบนหลังช้าง
มีชัยก็จะได้นางสร้อยทองไปสมสองสัมผัสไม่ขัดขวาง
พระท้ายน้ำเราจำเอาไว้พลางเป็นจำนำฝ่ายข้างอยุธยา
ครบสามเดือนจะฆ่าทั้งห้าร้อยเราคอยฟังอย่างไรให้เร่งว่า
จะไว้ยศให้ปรากฏกัลป์ปาหรือเกรงภัยไม่มาก็ว่าไป
จะกำหนดสงครามตามแบบอย่างอันองค์นางยังหาร่วมภิรมย์ไม่
กว่าจะได้รบพุ่งเจ้ากรุงไทยให้ประจักษ์ฤทธิไกรใครรุ่งเรือง
แล้วจึงจะอภิเษกให้ปรากฏเกียรติยศระบือลือเลื่อง
ว่าชนช้างได้นางเป็นศรีเมืองอ่านสารสิ้นเรื่องบังคมคัล ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟังแค้นคั่งเคืองขัดจนอัดอั้น
ให้ร้อนรุ่มกลุ้มพระทัยดังไฟกัลป์จะเผาผลาญชีวันให้บรรลัย
เป็นครู่หนึ่งจึงเปล่งสิงหนาทกระทืบบาทสนั่นหวั่นไหว
ฉวยชักพระแสงออกแกว่งไกวข้าเฝ้าน้อยใหญ่ก็ถอยทรุด
หน้าซีดตัวสั่นอยู่งันงกบ้างล่วมหมากพลัดตกพกไม่หยุด
บ้างแอบเสาท้องพระดรงหมอบโค้งคุดอุตลุดหวั่นไหวไปทั้งวัง
ความกลัวดังจะแทรกแผ่นดินด้นบางคนลนลานคลานถอยหลัง
เปล่งพระสุรเสียงประเปรี้ยงดังนักสนมแน่นนั่งก็ตกใจ
เหม่เหม่อ้ายเชียงใหม่ใจพาลจับพวกพลทหารของกูได้
หยาบช้าท้าให้ไปชิงชัยกำเริบนี่กระไรใช่พอดี
อ้ายบ้านเล็กเมืองน้อยร้อยประเทศบังเหตุจะสู้กับกูนี่
มันเหมือนหนึ่งลูกมฤคีจะมาสู้ราชสีห์ให้วายปราณ
ตัวกูผู้เป็นหลักนัคเรศทุกประเทศมิได้รอต่อต้าน
อ้ายนี่โมหันธ์อันธการกรรมของมันบันดาลให้หลงคิด
เชียงใหม่ใหญ่เท่าสักหยิบมือไม่พอครือทัพไทยจะไปติด
จะพลอยพาโตตรวงศ์ปลงชีวิตอวดฤทธิ์ประจญชนช้างกู
เคลือบแฝงแกล้งว่าขอนางไว้ดังว่าเขายกให้ไม่อดสู
เมื่อตัวนางล้านช้างเขาให้กูทูตมาก็รู้อยู่ทั่วไป
ถ้ามันมีอำนาจดังราชสารเขากลัวโพธิสมภารไม่ขัดได้
นี่เพราะรู้เช่นเห็นจัญไรเขาจึงยกลูกให้เสียเมืองนี้
ชิงนางกลางคันแล้วมิหนำจับพระท้ายน้ำทำป่นปี้
เอาไว้ไยให้หนักพระธรณีเหวยพระยาจักรีเร่งเตรียมทัพ
อีกสามวันกูจะยกไปเชียงใหม่ถ้าตีเมืองไม่ได้กูไม่กลับ
เกณฑ์เมืองขึ้นน้อยใหญ่อย่าได้นับเร่งขับตามไปให้สิ้นพล
อ้ายพวกเชียงใหม่อย่าไว้มันพบที่ไหนไล่ฟันเสียให้ป่น
จนให้เมืองมันร้างว่างผู้คนรื้อจนกำแพงล้อมป้อมปราการ ฯ
๏ ครานั้นจตุสดมภ์กรมทั้งสี่ฟังคดีรับสั่งดั่งศรผลาญ
สะกิดกันตัวสั่นหวั่นสะท้านให้ท่านอธิบดีจักรีทูล
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงเดชปิ่นปักนัคเรศมไหศูรย์
บารมีทรงบำเพ็ญเห็นไพบูลย์จะเพิ่มพูนปรโยชน์โพธิสมภาร
ซึ่งพระองค์จะทรงกิจสงครามก็เห็นว่าเสี้ยนหนามไม่ต่อต้าน
ขอพระราชทานโทษจงโปรดปรานจะหนักหน่วงโพธิญาณให้นานไป
กับข้อราชการแต่เพียงนี้หาควรที่จะถึงเสด็จไม่
กับรบพุ่งพวกลาวชาวพงไพรใช่เสนาข้าใช้จะไม่มี
เห็นพระเกียรติยศจะถดถอยเชียงใหม่กลับจะพลอยได้ราศี
ว่าเป็นคู่สู้พระองค์ทรงธรณีไม่ควรที่แผ่นฟ้าลงมาดิน
ครั้นเมื่อสมเด็จพระรามาหนุมานอาสาก็เสร็จสิ้น
จนได้นางสีดาคืนธานินทร์อสุรินทร์ย่นย่อท้อทด
ครั้งนี้ถ้าเสด็จไปเชียงใหม่ตกทหารกรุงไกรนี้สิ้นหมด
ขอพระองค์ทรงชัยจงไว้ยศให้ปรากฏเหมือนครั้งพระรามา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงศักดิ์ปิ่นปักหลักโลกนาถา
ได้ฟังคำทูลเป็นมูลมาพระตรึกตรานิ่งนึกในพระทัย
จึงตรัสถามเสนาข้าเฝ้านี่ออเจ้าคิดเห็นเป็นไฉน
เมื่อมาทานทัดขัดกูไว้ใครจะอาสาไปก็ว่ามา ฯ
๏ ครานั้นบรรดาท่านผู้ใหญ่จนใจด้วยไม่มีผู้อาสา
มิรู้ที่จะสนองพระบัญชาก็หมอบนิ่งก้มหน้าไปตามกัน
พระองค์ทรงพิโรธกระทืบบาทสุรเสียงสิงหนาทดังฟ้าลั่น
อย่างไรเล่าเอาจริงก็นิ่งงันเปล่าทั้งนั้นพูดเล่นไม่เป็นงาน
ดีแต่ฉ้อไพร่ไพล่เงินกินปลอบปลิ้นสิ้นลมประสมประสาน
เลี้ยงเสียเบี้ยหวัดไม่ต้องการมีศฤงคารยศศักดิ์หนักแผ่นดิน
กริ้วพลางทางเสด็จเข้าวังในขุนนางน้อยใหญ่กลับไปสิ้น
พรั่นตัวทุกคนเป็นมลทินด้วยได้ยินประภาษคาดโทษทัณฑ์ฯ
๏ จะกล่าวถึงพลายงามทรามสวาทเฉลียวฉลาดแกล้วกล้าวิชาขยัน
เรืองฤทธิ์ประสิทธิ์ทุกสิ่งอันหมายประจัญสงครามไม่ขามใคร
อยู่กับพระหมื่นศรีมาปีกว่าเจ้าอุตส่าห์ฝากตัวให้รักใคร่
จนเธอเลี้ยงเป็นลูกด้วยถูกใจสารพัดจัดให้ได้สุขสบาย
วันนั้นรู้คดีว่ามีศึกคะเนนึกเห็นจะสมอารมณ์หมาย
จะอ้อนวอนพึ่งบุญคุณพระนายเบี่ยงบ่ายให้ได้รับอาสาไป
ถ้ากระไรจะได้ทูลขอพ่อคิดมาน้ำตาคลอสะอื้นไห้
โอ้กรรมพ่อทำมาอย่างไรจึงต้องไปทนทุกข์ทรมาน
ติดคุกมาแต่ลูกอยู่ในท้องแม่วันทองช่างกระไรไม่สงสาร
เสียแรงร่วมยากมาเป็นช้านานครั้นถึงบ้านแล้วแม่ก็แชไป
เป็นหลายปีดีดักไม่อินังหาคิดถึงความหลังของพ่อไม่
แต่ตัวลูกจักแหล่นจะบรรลัยเพราะเหตุอ้ายขุนช้างเป็นตัวมาร
สะอื้นพลางทางคิดถึงคุณพพระเดชะความสัตย์อธิษฐาน
ข้าพเจ้าจะดำริตริการคิดอ่านขอโทษให้บิดา
ขอให้ได้สมอารมณ์คิดอย่าให้ผิดมุ่งมาดปรารถนา
อธิษฐานเสร็จพลันแล้ววันทาพอเพลาพลบค่ำเข้าไต้ไฟ
เห็นพระหมื่อนศรีอยู่หอกลางแสงเทียนสว่างกระจ่างไข
ลูกเมียหมอบนั่งสะพรั่งไปพระหมื่นศรีทีใจไม่สบาย
เล่าความถึงเรื่องกริ้วด้วยเรื่องทัพรับสั่งเสร็จสรรพให้บัตรหมาย
เตรียมทัพหลวงไว้ทั้งไพร่นายวุ่นวายอึกทึกทั้งพารา
พลายงามแอบฟังพระหมื่นศรีพอได้ทีก็คลานเข้าไปหา
พลางร่ายพระเวทให้เมตตาวันทาแล้วถามไปทันที
ดูคุณพ่อเป็นไรไม่สบายได้ยินว่าวุ่นวายทั้งกรุงศรี
เกณฑ์ทัพจับกันเป็นโกลีลูกนี้อยากรู้เป็นอย่างไร ฯ
             

๏ พระหมื่นศรีว่าเออพลายงามเอ๋ยรบพุ่งเราจะเคยก็หาไม่
วันนี้พระองค์ผู้ทรงชัยตรัสไถ่ถามทั่วทุกตัวคน
นิ่งหมดไม่มีใครอาสากริ้วดังฟ้าผ่าโกลาหล
เสด็จออกพรุ่งนี้เข้าที่จนเอากุศลเสี่ยงสุดแต่บุญกรรม
ถ้าไม่มีผู้ใดใครอาสาพ่อนี้เห็นว่าไม่เป็นส่ำ
จะพากันวุ่นวายตายระยำหน้าดำอยู่ทั่วทุกตัวคน ฯ
๏ พลายงามฟังความก็สมคิดหมอบชิดแล้วตอบอนุสนธิ์
คุณพ่ออย่าได้เป็นทำวลจงผ่อนปรนเพ็ดทูลให้ชอบที
ลูกนี้จะรับอาสาไปทำเมืองเชียงใหม่ให้ป่นปี้
จะจับเจ้าเชียงใหม่ไอ้ตัวดีมิให้มีลำบากแก่ไพร่พล
เสียแรงลูกเรียนรู้แต่ครูมาจะอาสาทำศึกเสียสักหน
ให้มีชื่อลือทั่วทั้งสากลว่าเป็นคนชาติทหารอันชาญชัย ฯ
๏ ครานั้นพระหมื่นศรีผู้ปรีชาฟังพลายงามว่ายังสงสัย
ซึ่งเจ้าจะกล้าอาสาไปพ่อนี้ยังไม่ไว้อารมณ์
ด้วยตัวเจ้ายังเล็กเด็กหนักหนาจะทูลความอาสาเห็นไม่สม
ไม่เคยเห็นวิชาอาคมเจ้าสะสมร่ำเรียนไว้อย่างไร
ลูกเอ๋ยการศึกนี้ลึกนักเอาแต่หาญหักนั้นไม่ได้
ถ้าเหมือนพ่อก็พอจะไว้ใจหรือพ่อเจ้าเขาให้ตำรับเรียน
ไปเพ็ดทูลถ้าดีก็มีหน้าเคลื่อนคลาดก็จะพากันถูกเฆี่ยน
จะเสียทีที่ลำบากพากเพียรไปพลั้งพลาดแล้วเจียนพากันตาย
ตรองดูให้ดีนะลูกรักจะหาญหักเพ็ดทูลมิใช่ง่าย
เอ็นดูอยู่ว่าเจ้าเป็นลูกชายพ่อหมายจะปลูกฝังให้เป็นตัว
มิใช่แกล้งเกียดกันฉันทาเกรงแต่ว่าจะไปไม่รอดชั่ว
อย่าประมาทคาดได้ด้วยไม่กลัวจงถ่ายเทดูให้ทั่วถึงทางความ ฯ
๏ เจ้าพลายนบนอบตอบวาจาคุณพ่อว่าเพราะรักจึงหักห้าม
ด้วยยังไม่เห็นดีของพลายงามมิใช่ลูกว่าตามใจคะนอง
เป็นลูกศิษย์มีครูรู้เที่ยงแท้ท่านทำนายไว้แน่ไม่เป็นสอง
ถ้าจะให้ปรากฎจะทดลองให้ถ่องแท้ได้เห็นเป็นแก่ตา
ว่าแล้วยกมือขึ้นไหว้ครูให้สิงสู่แล้วอ่านพระคาถา
หายตัวไปพลันมิทันช้าต่อหน้าคนผู้อยู่ทั้งนั้น
พระหมื่นศรีค่อยมีน้ำใจมาหัวเราะร่าเออเช่นนี้ดีขยัน
พอจะเอาการได้ไม่เสียพันธุ์คลายเวทย์พูดกันเถิดลูกยา
เจ้าพลายก็คลายให้คนเห็นกลับเป็นเสือโคร่งตัวคร่ำคร่า
โตทะมื่นยืนหยัดดัดกายาทำท่าเหมือนโดดโลดไล่คน
แต่บรรดาลูกเมียพระหมื่นศรีตกใจวิ่งหนีอยู่สับสน
แต่พระหมื่นศรีรู้ทีกลไม่ร้อนรนหัวร่ององันไป
พลายงามก็คลายฤทธิมนตร์กลับกลายเป็นคนลงนั่งไหว้
พระหมื่นศรีเปรมปริ่มยิ้มละไมลูบหลังลูบไหล่เจ้าพลายงาม
เอาการแน่แล้วลูกแก้วพ่อเจ้าเป็นต่อนักเลงอย่าเกรงขาม
เมื่อแรกพ่อแคลงใจจึงไม่ตามพึ่งเห็นความรู้ดีฉะนี้เจียว
อย่างนี้พระองค์ก็คงโปรดไม่พักทรงพิโรธเป็นสองเที่ยว
ทั้งพระหลวงเจ้าพระยาได้หน้ากรียวเพราะเจ้าคนเดียวได้รอดดอน
พูดกันสองคนจนสว่างสุริยาเยื้องย่างเยี่ยมสิงขร
ก็เลยเตรียมไปเฝ้าไม่เข้านอนได้เวลาพาจรจากบ้านพลัน ฯ
๏ พระหมื่นศรีขึ้นขี่คลานหามเจ้าพลายเดินตามขมีขมัน
เข้าไปในศาลาลูกขุนนั้นท่านผู้ใหญ่พร้อมกันอยู่ศาลา
กำลังท่านกลาโหมจักรีจตุสดมภ์ทั้งสี่นั่งปรึกษา
จึงพระหมื่นศรีผู้ปรีชาก็พาตัวพลายงามตามเข้าไป
กราบเรียนความพลันในทันทีว่าคนดีจะเข้ามาอาสาได้
ลูกขุนแผนแสนสะท้านหลานขุนไกรชื่อพลายงามว่องไวใจคอดี
วิชากล้าแกล้วแคล่วคล่องล่องหนหายตัวได้ถ้วนถี่
ท่านผู้ใหญ่ได้ฟังก็เปรมปรีดิ์เจ้าพระยาจักรีว่าชอบกล
หน่วยก้านหาญเหี้ยมดูเจียวเจ้าลาดเลาก็เห็นจะเป็นผล
เป็นลูกหลานทหารถึงสองคนฤทธิ์เดชเวทมนตร์คงได้การ
ดูคมคายคล้ายกับขุนแผนพ่อทั้งน้ำใจในคอก็อาจหาญ
นี่แน่เจ้าจะเข้ารับราชการถ้าเชี่ยวชาญเหมือนว่าแล้วอย่ากลัว
เราจะช่วยยกย่องให้มียศปรากฏเลื่องลือระบือทั่ว
ถ้าตีได้เชียงใหม่ไหนครอบครัวทั้งควายวัวเหลือหลายสบายใจ
พูดจาหารือกันเสร็จสรรพเป็นลำดับแต่ล้วนท่านผู้ใหญ่
จวนเสด็จออกท้องพระโรงชัยก็เตรียมเฝ้าเข้าไปได้เวลา ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ทรงสวัสดิ์เนาในปรางค์รัตน์จำรัสหล้า
ครั้นรุ่งแจ้งแสงสีสุริยาพระผ่านฟ้าสระสรงทรงเครื่องครัน
ให้เร่าร้อนพระทัยด้วยไพรีพระเสด็จออกที่สุทธาสวรรย์
ขุนนางหมอบราบกราบพร้อมกันเสียงแตรแซ่สั่นเสนาะวัง
ทอดพระเนตรเห็นข้าราชการพระพักตร์เผือดเดือดดาลดังจะคลั่ง
เป็นอย่างไรนิ่งอยู่กูรอฟังใครจะอาสามั่งหรือไม่มี
อ้ายเลกทาสเลกสมกรมนอกในมันจะอาสาได้กระมังนี่
จะได้แต่งตั้งมันให้ทันทีถอดออเจ้าเหล่านี้ลงแทนมัน ฯ
๏ ครานั้นจมื่นศรีเสาวรักษ์อภิวาททูลไปมิได้พรั่น
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงธรรม์อันชีวันอยู่ใต้พระบาทา
กระหม่อมฉันออกไปไต่ถามได้นายพลายงามจะอาสา
เป็นบุตรขุนแผนแสนศักดาได้ร่ำเรียนวิชามาเชี่ยวชาญ
กระหม่อมฉันสงสัยได้ทดลองก็แคล่วคล่องสามารถอาจหาญ
เป็นคนดีมีวิชาอาการแล้วเหล่าปราณก็เคยสงครามมา ฯ
๏ พระองค์ทรงฟังพระหมื่นศรีเปรมปรีดิ์ดำรัสตรัสให้หา
ตัวมันอยู่ไหนอย่าได้ช้าเรียกให้กูดูหน้าให้เต็มใจ
พระหมื่นศรีเหลียวหลังสั่งให้เรียกเจ้าพลายงามสำเหนียกหาช้าไม่
ค่อยคลานผ่านหมู่หุ้มแพรไปนายเวรแหวกช่องให้เป็นทางมา
ถึงหน้าพระที่นั่งก็บังคมปลงอารมณ์ร่ายเวทพระคาถา
ผูกพระทัยให้ทรงพระเมตตาหมอบนิ่งภาวนาอยู่ในใจ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชทอดพระเนตรพอเห็นให้รักใคร่
จึงมีสีหนาทประภาษไปเฮ้ยไอ้พลายงามทรามคะนอง
โคตรเหง้าเหล่ามึงเป็นทหารอุตส่าห์ทำราชการให้แคล่วคล่อง
แม้นมึงทำลาวได้ดังใจปองเงินทองยศอย่างจะรางวัล
จะได้หรือมิได้ให้ว่ามากูดูหน้าตาก็คมสัน
น้ำใจในคอก็พ่อมันนิ่งอั้นอยู่ไยไม่ว่ามา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงามฟังความรับสั่งใส่เกศา
ขอเดชะพระองค์ทรงศักดาอันชีวาอยู่ใต้ฝ่าละออง
กระหม่อมฉันจะขอรับอาสาเอาพระเดชามาปกป้อง
จะจับเจ้าเชียงใหม่ใจคะนองมิให้ต้องร้อนใจแก่ไพร่พล
ขอพระราชทานโทษโปรดบิดาไปเป็นคู่ปรึกษากันกลางหน
ทั้งจะได้ช่วยเหลือเผื่ออับจนแก้กลศึกสู้ศัตรูนั้น
แม้นว่าได้ร่วมคิดกับบิดาจะขอรับอาสาจนอาสัญ
ถ้าพ่ายแพ้แก่พวกเชียงใหม่มันขอถวายชีวันทั้งโคตรปราณ ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จนเรนทร์สูรฟังทูลตบพระหัตถ์อยู่ฉาดฉาน
ทรงพระสรวลร่วนรื่นชื่นบานเออเอ็งเอาการมิเสียที
อนิจจาอ้ายขุนแผนแสอาภัพตกอับเสียคนแทบป่นปี้
ติดคุกทุกข์ยากมาหลายปีกูนี้ก็ชั่วมัวลืมไป
ให้บังอกบังใจกระไรหนออ้ายพลายงามมาขอจึงนึกได้
ครั้งขออีลาวทองกูหมองใจจำไว้ช้านานถึงปานนี้
ดูดู๋ขุนนางทั้งน้อยใหญ่พากันนิ่งเสียได้ไม่พอที่
ทาระกรรมมันมาสิบห้าปีช่างไม่มีผู้ใดใครชอบพอ
เหตุด้วยอ้ายนี่ไม่มีทรัพย์เนื้อความมันจึงลับไปเจียวหนอ
ถ้ามั่งมีไม่จนคนก็ปรอมึงขอกูขอไม่เว้นวัน
นับประสาหาคนไปสู้ศึกก็ไม่มีใครนึกถึงมันนั่น
ด้วยอิจฉาว่าวิชาไม่เท่ามันมันไล่ฟันเอาเมื่อตามขุนช้างไป
ความกลัววิ่งหัวเป็นดอกล่อรู้จักฝีมือพ่อหรือหาไม่
พระยายมฟังว่าช้าอยู่ไยจงสั่งให้ไปถอดอ้ายแผนมา ฯ
๏ ท่านเจ้ากรมยมราชได้รับสั่งถวายบังคมคัลด้วยหรรษา
รีบออกนอกพระโรงรัตนาให้หานรบาลแล้วสั่งพลัน
ไปถอดขุนแผนเป็นการด่วนเวลาจวนพามาขมีขมัน
ให้ทันเฝ้าองค์พระทรงธรรม์นรบาลงกงันรีบออกไป
ถึงคุกเร่งรัดพัสดีถอดกันทันทีไม่ช้าได้
แล้วพาขุนแผนผู้แว่นไวเข้าในวังนั่งไหว้ท่านเจ้าคุณ
ท่านพระยายมราชก็ทักถามบอกความขุนแผนว่าแสนวุ่น
พลายงามทูลขอพ่อเป็นบุญทรงการรุญยกโทษโปรดประทาน
อนิจจาผมเผ้ายาวเลื้อยดินผิดหน้าตาสิ้นน่าสงสาร
เข้าไปเฝ้าเถิดเจ้าจะช้าการว่าแล้วก็คลานพาเข้าไป ฯ
๏ พระองค์ทรงศักดิ์กวักพระหัตถ์ตรัสเรียกขุนแผนเข้ามาใกล้
หมอบหน้าพลายงามทรามวัยบังคมไหว้กราบงามลงสามที
พระองค์ทรงตรัสประภาษไปเออไอ้ขุนแผนไม่พอที่
มึงจำเพาะเคราะห์ร้ายมาหลายปีวันนี้สิ้นเคราะห์เพราะลูกชาย
บัดนี้มีศึกข้างเชียงใหม่อ้ายลูกมันจะไปตีถวาย
มันจะขอพ่อไปเป็นเพื่อนตายปรึกษากับลูกชายก็เป็นไร
ตัวมึงกูเคยได้เชื่อถือไม้มือไม่มีใครหักได้
กูนี้ชั่วมัวเอามึงจำไว้ลืมไปใช่ว่าจะแค้นเคือง
มึงจะเอาผู้คนสักกี่หมื่นให้เร่งกะวันคืนอย่าร่ำเรื่อง
จะเอาไพร่ในกรุงหรือหัวเมืองวัวต่างช้างเครื่องให้หมายไป ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพก้มกราบแล้วทูลเฉลยไข
มิต้องให้ไพร่ยากไปมากมายครั้นกะเกณฑ์วุ่นวายจะช้าการ
ขอพระราชทานแต่ไพร่ราบพอหามหาบหาเสบียงเลี้ยงอาหาร
อันพวกพลจะประจญประจัญบานขอประทานคนโทษที่ในคุก
มีสามสิบห้าคนล้วนทนคงยืนยงสามารถอาจอุก
ได้ร่ำเรียนรู้ครบเชิงรบรุกเห็นมีทุกความรู้ครูต่างกัน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพฟังขุนแผนพูดจบเห็นขบขัน
เออเขตแขวงเชียงใหม่สิใหญ่ครันคนมันมากมายเป็นหลายเมือง
ผู้คนเอ็งจะเอาไปเท่านี้ถึงว่าได้คนดีที่ปราดเปรื่อง
จะรบราฆ่าฟันมันไม่เปลืองกูเห็นเครื่องจะยับกลับลงมา
มันดีดีอย่างไรว่าไวว่องมะรืนนี้เอามาลองกันต่อหน้า
พระยายมว่าอย่างไรอย่าได้ช้าไปถอดทั้งสามสิบห้าให้แก่มัน
สั่งเสร็จพระเสด็จเข้าในที่ภูมีแสนสุขเกษมสันต์
พวกขุนนางออกมาพร้อมหน้ากันขุนแผนนั้นไหว้ทั่วตัวขุนนาง
บ้างทักทายปราศรัยเป็นไมตรีล้วนยินดีเชยชมกันต่างต่าง
ให้ศีลให้พรสั่งสอนพลางเคราะห์โศกสิ้นสร่างแล้วคราวนี้
ท่านเจ้ากรมยมราชก็เรียกหาทั้งพ่อลูกตามมากับจมื่นศรี
ให้จดหมายรายชื่อลงบาญชีครบคนโทษที่พระราชทาน
แล้วสั่งให้ประแดงไปถอดมาตรวจตัวทั่วหน้าให้นับอ่าน
ต่อหน้าขุนแผนแสนสะท้านสอบคำให้การให้ขานมา ฯ
๏ ข้าพเจ้าอ้ายพุกอยู่ลุกแกเมียชื่ออีแตพระเจ้าข้า
โทษปล้นให้รำระบำป่าให้อีมารำรื้อไปมือเดียว
ถัดไปอ้ายมีบ้านยี่ล้นเมียชื่ออีผลปล้นตาเขียว
แทงถูกอีชังกำลังเยี่ยวปากเบี้ยวล้มหงายน้ำลายฟด
ถัดไปอ้ายปานบ้านชีหนเมียชื่ออีสนปล้นบางปลากด
ผูกคอตาจ่ายกับยายรดเอาไฟจดจุดขนหล่นร่วงไป
ถัดนั้นอ้ายจันสามพันตึงเมียชื่ออีอึ่งบ้านเหมืองใหม่
พวกปล้นขุนศรีวิชัยเอาไม้เสียบก้นจนแกตาย
ถัดมาข้าชื่ออ้ายคงเคราเมียชื่ออีเต่าบ้านหนองหวาย
ปล้นบ้านบางภาษีเมื่อปีกลายได้ทรัพย์จับควายผูกต่างมา
ต่อมาข้านี้อ้ายสีอาดเมียชื่ออีกงราดพระเจ้าข้า
คบไทยไล่ปล้นบ้านละว้าแล้วเข่นฆ่าตาปานบ้านตาลเอน
ถัดไปอ้ายทองอยู่ช่องขวากผัวอีมากฆ่าลาวชื่อท้าวเสน
ขึ้นย่องเบาเอาบาตรผ้าพาดเณรทุบตาเถรแล้วซ้ำปล้ำหลวงชี
ที่นั่งถัดไปอ้ายช้างดำอยู่บ้านถ้ำย่องเบาเจ้าภาษี
เก็บเงินทองของข้าวบรรดามีของดีดีไม่น้อยทั้งพลอยเพชร
ถัดมาอ้ายบัวหัวกะโหลกโทษปล้นชีโคกที่บ้านเกร็ด
แล้วตีอ้ายดูกจมูกเฟ็ดฟันตาสายขายเป็ดบ้านตึกแดง
ถัดมาข้าชื่ออ้ายแตงโมเมียชื่อออีโตบ้านชุมสาย
ปล้นชีดักขนนขนพอแรงฆ่าขุนทิพย์แสงเจ้าทรัพย์ตาย
อ้ายอินเสือเหลืองเมืองชัยนาทเมียชื่ออีปาดบ้านขนาย
เที่ยวปล้นฆ่าคนสักร้อยรายลักควายแทงกินสิ้นเป็นเบือ
อ้ายมอญมือด่างบางโฉลงเมียชื่ออีโค่งเป็นชาวเหนือ
ลักถ้วนลักถี่ทั้งตีเรือครกกระบากสากกะเบือไล่เก็บครบ
ถัดไปอ้ายทองอยู่หนองฟูกเมียชื่ออีดูกลูกตาจบ
กลางวันปีนเรือนเหมือนชะมบแต่พอพลบคนเดียวเที่ยวย่องเมา
อ้ายมากสากเหล็กปล้นเจ๊กกือเมียมันตาปรือชื่ออีเสา
ถัดไปอ้ายกุ้งคุ้งตะเภาฟันผัวแย่งอีเม้าเอาเป็นเมีย
อ้ายสงผัวอีคงอยู่กงคอนตีชิงผ้าผ่อนฆ่ามอญเสีย
ถัดไปอ้ายกร่างอยู่บางเหี้ยหาเมียมิได้ไล่ตีเรือ
อ้ายกลิ้งผัวอีกลักดักขนนลักควายขายคนปล้นเรือเหนือ
อ้ายพานผัวอีพาบ้านนาเกกลือเอายาเบื่อหลวงโชฎึกเก็บตึกเตียน
อ้ายจั่วผัวอีปรางบางน้ำชนขึ้นย่องเบาหมื่นชนขนเอาเลี่ยน
อ้ายแมวผัวอีมาอยู่ท่าเกวียนเข้าบ้านทิดเพียนปล้นปลอมริบ
พิจารณาเป็นสัตย์ซัดทอดฟ้องเก็บเอาข้าวของนางทองกระหมิบ
ถัดไปอ้ายมั่นผัวอีจันทิพอยู่น้ำดิบปล้นตีหลวงชีเภา
หาได้แทงแกไม่ดังให้การนครบาลสอบแก้เป็นแผลเก่า
อ้ายจันผัวอีจานบ้านกระเพราโทษปล้นจีนเก๊าเผาโรงเจ๊ก
ยิงปืนปึงปังประดังโห่แล้วเอาสันพร้าโต้ต่อยหัวเด็ก
ถัดมาอ้ายสานกเล็กอยู่คุ้งถลุงเหล็กผัวอีดี
สกัดตีโคต่างทางโคราชแทงอ้ายขั้วผัวอีปาดล้มกลิ้งคี่
อ้ายมากหนวดผัวอีขวดอยู่บางพลีโทษตีเดิมบางเอากลางวัน
อ้ายเกิดกระดูกดำผัวอีคำด่างโทษสะดมกรมช้างกับหมอมั่น
ปล้นละว้าป่าดงคงกระพันกระหำไขว้ไข่ดันเป็นทองแดง
สิริคนโทษซึ่งโปรดมาครบสามสิบห้าล้วนกล้าแข็ง
อยู่ยงคงกระพันทั้งฟันแทงเรี่ยวแรงทรหดอดทน
ทำกรรมต้องจำมาช้านานสิ้นกรรมบันดาลจึงให้ผล
พลายงามทูลขอพ่อออกพ้นจึงปล่อยโปรดโทษคนทั้งนี้มา ฯ
๏ ครั้นตรวจตราสำเร็จเสร็จทั่วจึงมอบตัวไพร่ทั้งสามสิบห้า
ให้แก่ขุนแผนแสนศักดาท่านพระยายมราชก็อวยชัย
ให้พ่อชนะมารผลาญศัตรูเชิดชูพระยศปรากฏกระฉ่อน
ทั้งลูกชายพลายงามไปราญรอนตีนครเชียงใหม่ให้สมนึก
แล้วหันหน้ามาสั่งพวกทนายจงเลือกหาผ้าลายที่ในตึก
ทั้งส้มสูกลูกไม้ให้ครันครึกแจกพวกอาสาศึกให้ทั่วกัน
พวกทนายขนของมากองเกลื่อนพระยายมตัดเตือนให้เลือกสรร
ขุนแผนจึงจัดแจงแล้วแบ่งปันแจกให้ไพร่นั้นทุกตัวคน
ต่างผลัดผ้าเก่าเอาโยนเสียทุดกูขายหน้าเมียไม่ปิดก้น
บางคนเปลื้องกระสอบดูชอบกลมันช่างจนเหลือจนได้พ้นทุกข์
ชวนกันกินของร้องโมทนาตั้งแต่วันหน้าจะเป็นสุข
ถ้าหากพ่อไม่ขออกจากคุกก็สิ้นคิดติดกรุกจนตายไป
จะเป็นข้าของนายจนตายจากใช้สอยน้อยมากจะทำให้
ฝ่ายว่าขุนแผนผู้แว่นไวกราบกรานท่านผู้ใหญ่แล้วอำลา
พระหมื่นศรีขี่ม้านำมาบ้านผู้คนอลหม่านเป็นหนักหนา
พลายงามเดินตามขุนแผนมาพวกไพร่สามสิบห้าก็มาพลัน
พระหมื่นศรีจัดที่ให้พักอยู่แต่งสำรับเลี้ยงดูเกษมสันต์
พวกไพร่สามสิบห้าเฮฮากันพลุกพล่านจนตะวันลงรอนรอน ฯ
             

๏ จะกล่าวถึงนางแก้วกิริยาเจ้าติดตามผัวมาอยู่แต่ก่อน
อาศัยทับหับเผยเคยหลับนอนตั้งอุทรเติบใหญ่ได้สิบเดือน
ครั้นผัวพ้นทุกข์จากคุกได้หม้อกระออมโอ่งไหกองไว้เกลื่อน
ผ้าขี้ริ้วผ่อนขาดกลาดทั้งเรือนเคยเป็นเพื่อนเมื่อยากจะจากกัน
พิษฐานให้ทานคนโทษแล้วผ่องแผ้วตามมาหาผัวขวัญ
พระหมื่นศรีดีใจบอกไปพลันอยู่ด้วยกันอย่ากลัวผัวไปทัพ
แล้วชวนขุนแผนกับเจ้าพลายทั้งสามนายนั่งพร้อมล้อมลำดับ
เรียกให้เมียน้อยยกสำรับกินเสร็จสรรพระหมื่นศรีก็ชี้แจง
เกลอเอ๋ยน่าอดสูดูเผ้าผมทำรุงรังช่างสมอ้ายใจแข็ง
จะเป็นเจ๊กก็ใช่ไทยก็แคลงมันระแวงคล้ายละว้าน่าขันครัน
ขุนแผนหัวร่อคุณพ่อช่างว่าแล้วลุกมาเสกน้ำที่ในขัน
ชุบตัดมหาดไทยใส่น้ำมันเสร็จพลันอาบน้ำชำระกาย
ทาแป้งแต่งตัวเอี่ยมสะอาดนุ่งลายผ้าคาดดูเฉิดฉาย
แล้วกลับมาหน้าหอของพระนายทั้งเจ้าพลายสามคนสนทนา
ขุนแผนวอนไหว้พระหมื่นศรีว่าลูกนี้ตั้งใจจะอาสา
ยังเป็นห่วงบ่วงใยด้วยมารดาคร่อแคร่แก่ชราลงทุกวัน
อยู่บ้านกาญจน์บุรีไม่มีสุขจะเฝ้าทุกข์ถึงลูกกับหลานขวัญ
ถ้ารับมาเลี้ยงดูอยู่ด้วยกันถึงลูกไปทัพนั้นจะนอนใจ
พระหมื่นศรีฟังคำขุนแผนว่าโมทนาข้าจะเป็นธุระให้
รับมาจะลำบากยากอะไรพรุ่งนี้ข้าจะให้ไปรับมา
แล้วพูดกันสามคนจนดึกดื่นครั้นเที่ยงคืนก็เข้าในเคหา
ต่างระงับหลับใหลไสยาจนเวลารุ่งแจ้งแสงตะวัน ฯ
๏ จะกล่าวถึงสมเด็จพระพันวษาตรัสเรียกลาวทองมาขมีขมัน
อ้ายพลายงามอาสามันกล้าครันแล้วทูลขอพ่อมันพ้นจากคุก
มึงทรมานมากว่าสิบปีกูเห็นมึงนี้ไม่มีสุข
จะโปรดยกโทษให้พ้นทุกข์อย่าปักสะดึงกรึงกรุกเร่งออกไป
ลาวทองได้ฟังรับสั่งโปรดปราโมทย์ยินดีจะมีไหน
ถวายบังคมลามาทันใดออกไปกราบลาหม่อมป้าโต
เพื่อนฝูงร้องไปจะได้ลาภค่อยกระซิบกระซาบนางมีโหว่
นางสีนางพรมแม่ส้มโอเพื่อนฝูงอักโขจะลาไป
แล้วลาเจ้าขรัวนายกรายเข้าห้องหวีหัวกระจกส่องน้ำมันใส่
ทั้งกระแจะจันทน์ปรุงจรุงใจหวังจะให้ชื่นอารมณ์ชมชิด
นุ่งยกดอกกลมห่มม่วงอ่อนเทพนมห่มซ้อนดูวิจิตร
ก้มแลดูกายไม่วายคิดใส่จริตเยื้องย่างสำอางงาม
จัดแจงหีบหมากเครื่องนากทองถาดรองขันน้ำทำอย่างห้าม
ใส่เครื่องประดับวับแวววามออกประตูข้างข้ามประตูดิน
อีถึงถือหีบรีบตามนายอีกห้าคนขวนขวายเก็บของสิ้น
เพื่อนทักถามไถ่ไม่ได้ยินมาถึงถิ่นบ้านขึ้นบนบันได ฯ
๏ ขุนแผนครั้นเห็นนางลาวทองเจียนจะแปลกเจียวน้องนึกขึ้นได้
ร้องเรียกทันทีด้วยดีใจแปลกพี่ไปหรือเจ้าไม่เข้ามา
ลาวทองฟังคำจำเสียงได้เข้าใกล้ผัวรักรู้จักหน้า
กอดตีนร่ำไห้ฟายน้ำตาท่านโปรดโทษข้าข้าจึงรู้
ครั้นติดตามมาหาผัวรักแปลกไปไม่รู้จักจึงยืนอยู่
ไม่กล้าเข้าไปในประตูแลดูพ่อซูบผิดรูปไป
โอ้โอ๋เจ้าประคุณของเมียแก้วเหมือนตายแล้วเกิดมาหากันใหม่
ตั้งแต่เมียถูกขังอยู่วังในเฝ้าแต่ร่ำร้องไห้ไม่วายวัน
ยามกินกินข้าวไม่เป็นคำต้องฝืนกลืนกับน้ำร่ำโศกศัลย์
ยามนอนนอนคิดจิตผูกพันแทบจะกลั้นใจตายไม่วายเว้น
ปักสะดึงกรึงไหมมิได้หยุดจะสิ้นสุดเมื่อไรไม่แลเห็น
ได้แต่โศกเศร้าทั้งเช้าเย็นตั้งแต่เป็นทุกข์มาช้านานครัน
พูดพลางทางแลแล้วถามผัวทูนหัวใครนั่งข้างหลังนั่น
ขุนแผนจึงบอกออกมาพลันนางนั้นชื่อแก้วกิริยา
เมียข้าเมื่อพาวันทองหนีครั้นติดคุกนางนี้อยู่รักษา
นั่นลูกพี่ที่เขาทูลขอมาชื่อพลายงามมารดาคือวันทอง
ว่าแล้วก็พากันเข้าเรือนข้าวของกองเกลื่อนอยู่ในห้อง
ต่างปรึกษาหารือตามทำนองปรองดองมิได้คิดจิตฉันทาฯ
๏ ขุนแผนออกมาหน้าหอนั่งพลันสั่งทหารสามสิบห้า
ให้แต่งตัวตัดผมสมหน้าตาเตรียมผ้านุ่งห่มให้คมคาย
ขาดเหลือพึ่งพระจมื่นศรีพรุ่งนี้จะได้ไปลองถวาย
พระหมื่นศรีขุนแผนกับลูกชายทั้งสามนายสนทนาจนราตรี ฯ
๏ ครั้นรุ่งเช้าข้าวปลาหากินเสร็จจวนเสด็จออกต่างก็เร็วรี่
เข้าวังพร้อมกันในทันทีวันนี้ชาวเมืองนั้นเลื่องลือ
ว่าจะลองความรู้พวกอาสาต่างแตกตื่นกันมาออกอึงอื้อ
ไทยจีนมอญพม่าข่าลาวลื้อจูงมือลูกหลานซานเข้าไป
ยัดเยียดเสียดแทรกเข้าประตูนมจู้เบียดบีบกันเหลวไหล
เจ้าหนุ่มหนุ่มที่ลำพองคะนองใจเข้าคว้าไขว่สาวสาวออกกราวเกรียว
บ้างกระชากผ้าห่อมฉวยนมหมับพวกตำรวจหวดขวับเอาเต็มเหนี่ยว
จับตัวได้ใส่คาทำหน้าเซียวที่เลี่ยงเลี้ยวหลบได้ไพล่เข้าวัง
ยัดเยียดเบียดกันอยู่ชั้นนอกพอเวลาเสด็จออกก็พร้อมพรั่ง
สังข์แตรแซ่เสียงสนั่นดังถวายบังคมกราบลงพร้อมกัน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์เสด็จสถิตพระที่นั่งสุทธาสวรรย์
พระสูตรรูดกร่างกระจ่างพลันดังองค์พระสุริยันเหมื่อเยี่ยมรถ
ตรัสเรียกขุนแผนพลายงามทหารสามสิบห้าเข้ามาหมด
ต่างคลานเข้าเฝ้าองค์พระทรงยศน้อมประณตดาษดาหน้าพระลาน
ทนายเลือกตีวงตรงพระที่นั่งเอาเชือกหนังขึงขอบรอบหน้าฉาน
ข้างในล้วนบรรดาข้าราชการวงนอกไพร่บ้านพลเมือง
เสียงระเบ็งเซ็งแซ่ทั้งแก่หนุ่มมามั่วสุมคับคั่งนั่งเนื่อง
บ้างยงโย่แยงแย่แลชำเลืองบ้างยักเยื้องหยุกหยิกคะยิกกัน
พวกตำรวจเรียงรายถือหวายห้ามรอบทั้งท้องสนามเป็นกวดขัน
ฝ่ายว่าพระองค์ผู้ทรงธรรม์สั่งขุนแผนให้สรรกันเข้ามาฯ
๏ นายบัวหัวกะโหลกบ้านโคกขามถวายบังคมงามแล้วออกหน้า
นอนหงายร่ายมนตร์ภาวนาให้เอาขวานผ่าเป็นหลายซ้ำ
โปกโปกขวานกระดอนนอนพยักไม่แตกหักลุกมาหน้าแดงก่ำ
นายคงเคราเข้านั่งบริกรรมให้เอาหอกตำเข้าจำเพาะ
ถูกตรงยอดอกไม่ฟกช้ำแทงซ้ำหลายทีที่เหมาะเหมาะ
เสียงอักอักพยักหน้านั่งหัวเราะจนด้ามหอกหักเดาะไม่ทานทน
นายมอญนอนเปลือยเอาเลื่อยชักเลื่อยหักฟันเยินพระเนินย่น
ให้เปลี่ยนหน้ามาเลื่อยก็หลายคนเป็นหลายหนไม่เข้าเปล่าทั้งนั้น
นายช้างดำกำลังดังช้างสารถวายบังคมคลานมาไม่พรั่น
กระโดสูงสามวาตาเป็นมันแข็งขันข้อลำดำทมิฬ
นายสีอาดคลาดแคล้วแล้วไม่แตกหอกซัดเจ็ดแบกพุ่งจนสิ้น
ไม่ถูกเพื่อนเชือนไถลไปปักดินนายอินอึดใจแล้วหายตัว
นายทองลองให้เอาปืนยิงยืนนิ่งคอยรับจับลูกตะกั่ว
นายจันนั้นแปลกเข้าแบกวัวนายบัวทำคล้ายเป็นหลายคน
นายแตงโมทำโตได้เหมือนยักษ์คึกคักกรอกตาดูหน้าย่น
นายจั่งหัวหูดูพิกลเอาไฟลนทนได้ไฟวับวับ
ลองถวายสิ้นทั้งสามสิบห้าต่างสำแดงวิชาเป็นลำดับ
แล้วมาหมอบเรียงเคียงคำนับรับสั่งให้ประทานรางวัลพลัน
คนหนึ่งเงินตราห้าตำลึงกับผ้าสำรับหนึ่งให้จัดสรร
ทั้งเพิ่มนอกออกไปให้ต่างกันตามไม้มือมันใครเอกโท
ยังอ้ายพลายงามจะอาสาดีจริงหรือว่ามันโยโส
ดูตัวก็ไม่ใหญ่ใจมันโตเฮ้ยอ้ายแผนลองโต้กับลูกดู ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนพลายงามถวายบังคมตามกันทั้งคู่
ที่คนดูลุกยืนตื่นกันกรูคอยดูพ่อลูกจะลองกัน
เจ้าพลายงามขออภัยพ่อขุนแผนแล้วจับทวนทอดแขนดูขบขัน
ขุนแผนดาบสองมือถือยืนยันชักท่าทางวางหันเข้าสู้ทวน
กลองแขกติงทั่งตั้งเพลงรำไม่เพลี่ยงพล้ำถ้อยทีถี่ถ้วน
ชั้นเชิงกรีดกรายหลายกระบวนสับสวนท่าทางสันทัดกัน
ดูข้างพลายงามก็ไวว่องดูทำนองขุนแผนก็แข็งขัน
ได้ทีหนีไล่พัลวันกลับแทงแย้งฟันกันคนละที
ถูกฉับไม่เข้าเปล่าทั้งนั้นเจ้าพลายหันเยื้องย่องทำนองหนี
แต่พอห่างวางทวนกับปัถพีอัญชลีร่ายเวทเป็นไฟกัลป์
ลุกโพลงโผงผางกลางสนามเปลวฟู่วู่วามเสียงสนั่น
ลามไหม่ไล่คนทั้งหลายนั้นคนผู้อยู่นั่นก็หนีกรู
ตกใจหน้าซีดทุกตัวคนขุนแผนอ่านมนตร์ฝนตกซู่
เป็นน้ำไหลไฟดับอยู่วับวูเสียงคนดูฮาลั่นสนั่นอึง
ชมปรอพ่อลูกนี้เอาจริงวิชาเขายวดยิ่งไม่มีถึง
ฝ่ายขุนแผนเสกซ้ำพร่ำตะบึงประเดี๋ยวหนึ่งเป็นงูชูโพนเพน
อ้ายตัวใหญ่มีหงอนเท่าท่อนซุงเลื้อยพุ่งตาแดงดังแสงเสน
บริวารมากมายมาก่ายเกนแผ่พังพานเพ่นเพ่นสักสองพัน
เที่ยวเลี้ยวไล่ไชชอนไปทุกแห่งพวกคนดูแอบแฝงเป็นจ้าละหวั่น
เหล่าผู้หญิงวิ่งหนีพัลวันตัวสั่นหน้าซีดกรีดกราดไป
ผ้าผ่อนล่อนหลุดสะดุดล้มเหยียบทับกันจมออกเหลวไหล
พลายงามขว้างตะกรุดไปทันใดเป็นนกกดตัวใหญ่ไล่ตามงู
ตีนหยิกปากจิกปีกป้องรับงูขยับเลี้ยวฉกนกจิกสู้
ฝูงคนกล่นเกลื่อนกันมาดูนกกดคาบงูชูร่อนบิน
บรรดางูบริวารสิ้นทั้งหลายก็พลอยหายสาบสูญไปหมดสิ้น
พลายงามตัวเอกเสกก้อนดินนกหายกลายปลิ้นไปเป็นช้าง
ซับมันชันหูชูงวงงายาวขาวช่วงทั้งสองข้าง
เงยแหงนแปร๋มาคว้างคว้างขุนแผนยืนขวางรำขอรับ
เหยียบขึ้นปลายงาขาคร่อมคอช้างร้ายแรงหล่อเอาขอสับ
ฟันกระชากหน้าผาก.....ยับจนตาหลับแหงนหงายท้ายติดดิน
ช้างหายพลายงามทรามคะนองมีวิชาสำรองไม่รู้สิ้น
บริกรรมสำแดงแปลงกายินเปลี่ยนปลิ้นกลับกลายเป็นควายรับ
ขุนแผนหายกลายกลับเป็นเสือโคร่งเขี้ยวโง้งโดดหลอกกลอกกลับ
ล่อควายบ่ายหน้ามาที่ประทับตบขวับขวิดผึงทะลึ่งลอย
ชุลมุนผลุนผลันถลันโดดเสือโดดควายขวิดชิดไม่ถอย
สู้กันฟั่นเฝือจนเหงื่อย้อยต่างปละปล่อยกลายกลับไปฉับพลัน
พ่อเป็นนกแก้วแจ้วส่งเสียงลูกเลี่ยงเป็นสาลิกานั่น
บินไปจับต้นไม้อยู่ใกล้กันรู้พูดสารพันภาษาคน
แต่บรรดาคนผู้ดูจนเพลินสรรเสริญสองนายทุกแห่งหน
เออช่างศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์เวทมนตร์ข้าศึกไหนจะทนฤทธาเธอ
พระองค์ตบพระหัตถ์อยู่ฉัดฉานเบิกบานทรงพระสรวลสำรวลเร่อ
อ้ายคู่นี้ใช้ได้ไม่อมเออฤทธิ์เดชมันเสมอสมานกัน
ทีนี้จะได้ดูอ้ายเชียงใหม่มันอวดอิทธิ์ฤทธิไกรอย่างไรนั่น
จะสู้กับลูกกูอยากดูมันไม่ถึงวันก็จะวิ่งเข้าป่าไป
สิ้นพุงมึงเท่านี้แล้วหรือหวานกแก้วสาลิกาก็ทูลไข
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงชัยยังไม่สิ้นตำราของอาจารย์
ทูลแล้วพ่อลูกก็คลายมนตร์กลับเป็นคนมาหมอบอยู่หน้าฉาน
พระพันวษาปราโมทย์โปรดปรานให้เลื่อนเครื่องประทานแล้วตรัสมา
ฮ้าเฮ้ยอ้ายขุนแผนพลายงามมึงลูกพ่อต่อตามกันหนักหนา
ดูหน้านิ่วหิวเหนื่อยจะเลื่อยล้ากินข้าวปลาเสียทีให้มีแรง
แล้วจึงตรัสสั่งคลังวิเศษให้จัดเสื้อโหมดเทศอย่างก้านแย่ง
แพรจีนดวงพุดตานส่านสีแดงทั้งสมปักตามตำแหน่งขุนนางใน
ให้คลังหาสมบัติจัดเงินตราห้าชั่งเอามาประทานให้
มึงทั้งสองใช้ของเหล่านี้ไปกว่าจะได้บำเหน็จเสร็จสงคราม
ขุนแผนพลายงามความยินดีถวายบังคมอยู่ที่กลางสนาม
ด้วยทรงพระกรุณาสง่างามคนผู้ดูหลามไปทั้งวัง ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษาตรัสเรียกโหราเข้ามาสั่ง
ให้คูณหารฤกษ์ยามตามกำลังวันไรจะตั้งให้ยาตรา
พระโหราหาฤกษ์แล้วทูลพลันขึ้นเจ็ดค่ำนั้นเป็นเศษห้า
ได้ฤกษ์เบิกพยุหเสนาเวลาสี่โมงเช้าเก้านาที
ปลอดทั้งผีหลวงห่วงวันยามนั้นได้เมื่อพระฤาษี
แค้นขัดมัดมือลิงกาลีจะไปตีบ้านเมืองย่อมมีชัย
พระองค์ทรงฟังก็สั่งพลันไปให้ทันฤกษ์พาอย่าช้าได้
มันขอแต่ไพร่ราบหาบของไปก็เกณฑ์ไพร่ให้มันเจ็ดสิบคน
สั่งเสร็จพระเสด็จเข้าในวังขุนนางลุกสะพรั่งอยู่สับสน
ออกบอบแบบแสบท้องจนเต็มทนอลวนกลับบ้านสำราญใจ
พวกคนดูโจษกันสนั่นมาไม่เลือกหน้าไทยเจ๊กเด็กผู้ใหญ่
เขาดีจริงยิ่งยวดในกรุงไกรแปลงตัวไปได้ดังเทวดา
ชั่วพ่อชั่วแม่ไม่เคยเห็นแต่รำเต้นนั้นก็ดูมาหนักหนา
สันนี้ได้เห็นเป็นบุญตาเรากำเนิดเกิดมาไม่เสียทีฯ
ฝ่ายว่าขุนแผนแสนสะท้านกลับมาอยู่บ้านพระหมื่นศรี
ครั้นรุ่งเช้าเข้าไปอัญชลีบอกคดีได้ข่าวบ่าวมันมา
ว่าบัดนี้คุณแม่ทองประศรีมาแต่กาญจน์บุรีอยู่เคหา
เพราะฝ่าเท้าเจ้าคุณกรุณาลูกกับบุตรภรรยาจะลาไป
พระหมื่นศรีเมตตาสั่งข้าคนให้ช่วยขนข้าวของไปส่งให้
พ่อลูกกราบลาแล้วคลาไคลภรรยาข้าไทก็ไปตาม
พวกทหารสามสิบห้ามาติดก้นเดินดาเต็มถนนจนล้นหลาม
ชาวตลาดแลดูไม่รู้ความกระซิบถามเพื่อนกันว่านั่นใคร
บ้างบอกพวกนี้ที่พ้นโทษโปรดให้ไปทัพจับเชียงใหม่
ขุนแผนมาถึงบ้านวัดตระไกรก็เข้าไปไหว้กราบท่านมารดา ฯ
๏ ครานั้นนวลนางทองประศรีเห็นลูกยินดีเป็นหนักหนา
ลูบหน้าลูบหลังถั่งน้ำตาเออเหมือนมาเกิดใหม่ได้พบกัน
กูขอบใจออแก้วกิริยามันอุตส่าห์ติดตัวตามผัวขวัญ
เอ็งจงเป็นพี่น้องลาวทองนั้นอย่าขึ้งเคียดเดียดฉันท์กันวุ่นไป
อนิจจาน่ารักออพลายงามเพียรติดตามทูลขอพ่อจนได้
นี่แลบุราณท่านกล่าวไว้ว่าเป็นชายมิให้ดูหมิ่นชาย
แล้วหันมาหาขุนแผนแสนสะท้านยิ่งสงสารดูไปใจคอหาย
ช่างผอมซูปวิปริตรผิดทั้งกายนี่หากว่าไม่ตายเสียในคุก
สิ้นเคราะห์โศกโรคภัยเถิดแก้วแม่ตั้งแต่นี้มีแต่ให้เป็นสุข
ร้อยปีพันปีอย่ามีทุกข์จงเป็นสุขตราบเท่าเข้านิพพาน ฯ
๏ ขุนแผนรับพรของมารดาแล้วออกมาเร่งรัดให้จัดบ้าน
ขนของขึ้นเรือนเกลื่อนนอกชานให้ปลูกร้านพวกไพร่จะได้นอน
เรือนเหย้าเก่าเกจะเซคว่ำเอาไม้ค้ำจุนดูพออยู่ก่อน
ทำกันจนตะวันลงรอนรอนต่างพักผ่อนลืมทุกข์สุขสำราญ ฯ
๏ ฝ่ายเจ้ากรมสัสดีก็มีหมายทุกตัวนายหมวดหมู่อยู่อลหม่าน
เป็นการจวนด่วนวิ่งไม่นิ่งนานเอาที่บ้านใกล้ใกล้จะได้ทัน
บ้างเร่งรัดมัดผูกลูกเมียมาอุตลุดฉุดคร่าจ้าละหวั่น
ผัดดผ่อนไม่ได้ไม่ฟังกัยครบครันเบ็ดเสร็จเจ็ดสิบคน
จึงสั่งให้นายสมุห์บาญชีไปส่งที่ขุนแผนออกสับสน
ลูกเมียหาข้าวสารอยูลานลนอลวนจัดแจงประจุบัน
หาได้ตามยากตามมีให้ทันทีตามส่งกันตัวสั่น
ที่ในบ้านขุนแผนออกแน่นนันต์พร้อมเพรียงสามวันจะครรไล ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดาคิดกับลูกยาหาช้าไม่
จะปลุกเครื่องให้เรืองฤทธิไกรจึงชวนกันออกไปที่ป่าช้า
ให้ทหารปลูกศาลขึ้นฉับพลันตั้งบายศรีสามชั้นทั้งซ้ายขวา
หัวหมูเป็ดไก่ทั้งเหล้ายาเครื่องเซ่นจัดหามาเรียงราย
เอาผ้าขาวปูลาดดาดเพดานนมัสการจุดธูปเทียนถวาย
ในมณฑลนั้นให้อยู่แต่ผู้ชายวงสายสิญจน์สิณจน์รอบเป็นขอบคัน
ทั้งพ่อลูกเข้านั่งกลางมณฑลอ่านมนตร์โองการอันกวดขัน
ชุมนุมเทวดามาพร้อมกันทุกช่องชั้นอินทร์พรหมยมยักษ์
ทั้งพระเพลิงพระพายกรุงพาลีพระภูมิเจ้าที่อันมีศักดิ์
อีกพระไพรเจ้าป่าพนารักษ์พระนารายณ์ทรงจักรศิวาทิตย์
พระคเณศร์พินายทั้งซ้ายขวาขอเชิญลงมาให้ศักดิ์สิทธิ์
ทั้งคุณแก้วสามประการอันชาญชิตบิดามารดาสถาวร
คุณครูอุปัชฌาอาจารย์พระโองการบพิตรอดิศร
ขออับเชิญช่วยมาอวยพรให้เรืองฤทธิ์ขจรทุกสิ่งอัน
แล้วร่ายคาถามหาเวทปลุกเครื่องวิเศษทุกสิ่งสรรพ์
ว่านยาผ้าประเจียดมงคลนั้นตะกรุดโทนน้ำมันอันเรืองฤทธิ์
เดชะพระเวทอันเชี่ยวชาญเครื่องอานกลิ้งไปดังใครบิด
แล้วตั้งกองอัคคีทั้งสี่ทิศเอาเครื่องวางกลางมิดในกองไฟ
เปลวไฟคึกคึกไม่ขาดสายชั้นแต่เส้นด้ายหาไหม้ไม่
จึงเอาพระควำที่ทำไว้ใส่ขันสำริดประสิทธิ์มนตร์
ในขันนั้นใส่น้ำมันหอมเสกพร้อมเป่าลงไปสามหน
พระนั่งขึ้นได้ในบัดดลน้ำมันทาทนทั้งทุบตี
ล่องหนกำบังจังงังครบอุปเท่ห์เล่ห์จบเป็นถ้วนถี่
ปลุกเครื่องเสร็จพลันอัญชลีอ่านมนตร์เรียกผีพวกภูตพราย
ผีตายฟ้าผ่าทั้งห่าโหงอยู่ในหลุมในโลงสิ้นทั้งหลาย
ผีตายคลอดลูกผูกคอตายผีนายผีไพร่ให้รีบมา
ฝูงผีมิอาจจะซุ่มซ่อนด้วยเร่าร้อนฤทธิ์เวทพระคาถา
พากันเหลื่อนกลาดดาษดาพร้อมหน้ามาที่พิธีการ
บรรดาผู้นั่งอยู่ในมณฑลเห็นผีทุกคนออกพลุกพล่าน
พลายงามขุนแผนแสนสำราญเอาเหล้าข้าวใส่กบาลออกเซ่นวัก
เนื้อพล่าปลายำทำตามมีฝูงผีเข้ามากินหนักกว่าหนัก
ข้างนอกยังนั่งล้อมอยู่พร้อมพรักชักชวนกันกินสิ้นทั้งปวง
ที่อดหยากปากไหม้ไส้ขมต่างชื่นชมรับเอาเครื่องบวงสรวง
ล้อมกินปลิ้นตาอ้าปากกลวงตวงเหล้าเติบบ่อยอร่อยครัน
เสร็จแล้วพ่อลูกก็สั่งผีว่าพวกท่านวันนี้จงจัดสรร
มาอาสาศึกใหญ่ไปด้วยกันให้ทันฤกษ์พาเวลาเพล
พวกผีดีใจไปสิพ่อลูกจะขอเป็นบ่าวให้กราวเขน
อันทัพผีมิให้ต้องกะเกณฑ์จะเข้านอนออกเวรให้ทันการ ฯ
             

๏ ครานั้นขุนแผนกับพลายงามเสร็จพิธีมีความเกษมศานต์
จึงจัดแจงจงแบ่งปันซึ่งเครื่องอานแจกทหารกับไพร่ให้ผูกพัน
พวกพลทั้งสิ้นก็ยินดีเห็นอย่างนี้ละคุณพ่อใจคอมั่น
ถึงจะให้ไปไหนก็ไปกันจะสู้คนร้อยพันไม่พรั่นใจ
ครั้นเสร็จสรรพกลับพากันมาบ้านขุนแผนเรียกทหารเข้ามาใกล้
สาตราอาวุธจงเลือกใช้ใครถนัดอย่างไหนเอาไปพลัน
บางคนฉวยดาบชักวาบวับที่บางคนก็จับเอากั้นหยั่น
บ้างเข้ามาคว้าปืนถือยืนยันบางคนนั้นร้องบอกขอหอกยาว
อ้ายเฉยว่าฉันเคยแต่ไม้พลองอ้ายมาว่าฉันคล่องก็เพลงหลาว
อ้ายเพชรว่าพร้าก็พอกับคอลาวอ้ายทิดสาคว้าง้าวออกลองรำ
ต่างคนต่างเลือกหาเครื่องอาวุธอุตลุดสับสนอยู่จนค่ำ
แล้วแจกจ่ายเสื้อผ้ายาประจำกระบอกน้ำถุงไถ้ใส่ข้าวปลา
ที่พวกหาบหาไม้มาทำคานจักสานโพล่แฟ้มแซมตะกร้า
ที่ได้เป็นนายหมวดคอยตรวจตราเสียงเฮฮาครึกครื้นรื่นเริงกัน ฯ
๏ ฝ่ายนางทองประศรีกระปรี้กระเปร่าตั้งแต่เช้าจัดเสบียงเสียงสนั่น
พริกเกลือข้าวปลาสารพันใครเชือนช้าด่าลั่นไม่เลือกตัว
นางแก้วกิริยากับลาวทองจัดของเครื่องใช้ให้แก่ผัว
ปรึกษากันปรองดองไม่หมองมัวด้วยความกลัวผัวรักจักทุกข์ร้อน
หีบหมากเครื่องนากอยู่ในกลี่ซองบุหรี่ย่ามใหญ่ใส่ผ้าผ่อน
เสื้อผ้าจัดพับที่หลับนอนมุ้งหมอนพร้อมสิ้นทุกสิ่งอัน
ข้าวของขนมาไว้หน้าเรือนกองเกลื่อนบ่าวข้าจ้าละหวั่น
ส่วนว่าของนายพลายงามนั้นพระหมื่นศรีจัดสรรทุกสิ่งไป ฯ
๏ ครั้นรุ่งเช้าจะเข้าไปทูลลาขุนแผนลูกยาไม่ช้าได้
จัดพานธูปเทียนแลดอกไม้ไปหาท่านผู้ใหญ่ที่ในวัง
เวลาสี่โมงเสด็จออกพระโรงนอกเสียงแตรแซ่กระทั่ง
เสด็จประทับเหนืออาสน์ราชบังลังก์มีรับสั่งไต่ถามความนานา ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพระยาจักรีได้ทีก็ประนมก้มเกศา
กราบทูลเบิกไปมิได้ช้าขอเดชะพระบาทามาปกครอง
ดอกไม้ธูปเทียนทองของถวายของขุนแผนนายพลายงามทั้งสอง
กราบถวายบังคมลาฝ่าละอองไปราชการศึกสนองพระเดชา ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จนเรนทร์สูรฟังทูลทรงพระสรวลสำรวลร่า
เฮ้ยขุนแผนพลายงามทั้งสองราซึ่งอาสาทำชอบกูขอบใจ
จงไปดีมาดีศรีสวัสดิ์พ้นวิบัติเสี้ยนหนามความเจ็บไข
ให้ศัตรูพ่ายแพ้แก่ฤทธิไกรมีชัยได้เวียงเชียงใหม่มา
ตรัสพลางทางสั่งพนักงานพระราชทานเครื่องยศกับเสื้อผ้า
ทั้งกระบี่ทั้งทองของนานาเงินตราเตรียมไปใช้ในทัพ
อีกทั้งม้าต้นคนละม้าเครื่องอานพานหน้าให้พร้อมสรรพ
พวกไพร่ให้ผ้าคนละสำรับสั่งเสร็จเสด็จกลับเข้าวังใน ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนกับลูกยาเสด็จขึ้นกลับมาหาช้าไม่
หาธูปเทียนใส่พานคลานเข้าไปกราบไหว้ทองประศรีผู้มารดา
ลูกหลายจะมาลาคุณแม่จงอยู่ดูแลซึ่งเคหา
อันลาวทองกับเจ้าแก้วกิริยาคุณแม่ได้เมตตาช่วยดูแล
ถัาทุกข์ร้อนก่อนลูกกลับมาถึงจะหมายพึ่งผู้ใดให้เป็นแน่
พระหมื่นศรีแลเธอเป็นเกลอแท้คุณแม่เจ็บไข้จงไหว้วาน
เหย้าเรือนรุงรังจะพังคว่ำพอจะทำเงินมีอยู่ที่บ้าน
ขอแต่ให้คุณแม่อยู่สำราญถึงลูกไปช้านานไม่ร้อนใจ ฯ
๏ ครานั้นทองประศรีผู้มารดาฟังลูกหลานลาน้ำตาไหล
ลูบหลังลูบหน้าแล้วว่าไปอย่าเป็นห่วงบ่วงใยเลยทางนี้
เมียเจ้านั้นไซร้ไว้ธุระแม่จะดูแลสารพัดให้ถ้วนถี่
ทั้งเรือนเหย้าข้าวของบรรดามีได้พึ่งพระหมื่นศรีก็ดีแล้ว
แม่ขัดขวางอย่างไรจะไปหาเจ้าตั้งหน้าไปเถิดนะลูกแก้ว
ทุกข์โศกโรคภัยให้คลาดแคล้วจงผ่องแผ้วพูนสุขทุกเวลา
ให้เจ้าชนะมารผลาญศัตรูใครอย่ารอต่อสู้ได้สักหน้า
อองามเจ้าอย่าห่างข้างบิดายังเด็กนักเด็กหนาย่าห่วงนัก
อย่าประมาททอาจหาญการรบสู้ขุนไกรปู่นั้นแต่หนุ่มคุ้มฟันหัก
แกมิได้หมิ่นศึกทำฮึกฮักเบาหนักตรองดูให้รู้ความ
อนึ่งพวกพลไพร่ที่ไปด้วยใครเดือดร้อนผ่อนช่วยอย่าหยาบหยาม
อุตส่าห์เอาอกใจให้งดงามไปรบพุ่งเหมือนตามกันไปตาย
ถ้าใจเดียวเกลียวกลมกันหนึ่งแน่ถึงน้อยก็ไม่แพ้ที่มากหลาย
ท่านว่าป่าพึ่งเสือเรือพึ่งพายเราเป็นายก็ต้องพึ่งซึ่งไพร่พล
อนึ่งความกตัญญูรู้คุณเจ้าทุกค่ำเช้านึกไว้จะให้ผล
ให้รุ่งเรืองฤทธิเดชทั้งเวทมนตร์เจ้าจงสนใจจำคำย่าไว้ ฯ
๏ ขุนแผนพลายงามความยินดีรับพรทองประศรีแล้วก้มไหว้
ขุนแผนกลับมาสั่งข้าไทแล้วเข้าไปในห้องทั้งสองนาง
เจ้าลาวทองกับเจ้าแก้วกิริยาจงอุตส่าห์ปรองดองอย่าหมองหมาง
ไปทัพถ้าข้างบ้านเกิดรานทางมักเป็นลางให้ร้ายฝ่ายผู้ไป
การกินอยู่ดูแลแม่ทองประศรีอย่าให้มีทุกข์ยากลำบากได้
เจ้าแก้วก็อลักเอลื่ออยู่เหลือใจท้องไส้จงระวังจะนั่งนอน
เมื่อคลอดลูกลาวทองน้องช่วยดูทั้งฟืนไฟให้อยู่แลผ้าผ่อน
ให้บ่าวมันคั้นส้มต้มน้ำร้อนเอาผ้าซ้อนเปลลูกผูกเห่ช้า
อันที่จะทำมิ่งสิ่งขวัญเรื่องนั้นมอบไว้ให้คุณย่า
ด้วยท่านเป็นผู้ใหญ่ได้เคยมาถึงหยูกยาสารพัดทั่นเข้าใจ
อนึ่งพี่นึกได้ไปคราวนี้ท่วงทีจะได้พบท่านผู้ใหญ่
ด้วยเดินทางไม่ห่างสุโขทัยไปเชียงใหม่ก็จะผ่านบ้านจอมทอง
จะสั่งเสียอย่างไรไปถึงบ้างหรือสองนางเจ้าอยากฝากข้าวของ
พี่จะรับไปให้ดังใจปองถ้าได้ช่องคงพบประสบกัน ฯ
๏ ครานั้นลาวทองแก้วกิริยาฟังว่าอกใจให้ไหวหวั่น
จะร้องไห้กลัวลางในกลางคันอุตส่าห์กลั้นโศกาแล้วว่าไป
พ่ออย่าได้รำพึงถึงตัวน้องจะปรองดองผูกสมัครรักใคร่
รับการงานให้ท่านคุณแม่ใช้จะตั้งใจปฏิบัติเป็นอัตรา
ถ้าขึ้นไปได้พบกับพ่อแม่จงบอกแต่ว่าลูกเป็นสุขา
แล้วผัวเมียต่างคนสนทนาด้วยสนิทเสนหาต่างอาลัย ฯ
๏ ฝ่ายว่าขุนแผนแสนศักดาตื่นขึ้นเวลาปัจจุบันสมัย
บ้วนปากล้างหน้าแล้วคลาไคลชวนลูกออกไปตระเตรียมทัพ
ที่ตำบลวัดใหม่ชัยชุมพลเป็นมงคลเคยตั้งตามตำรับ
ผู้คนพร้อมพรั่งอยู่คั่งคับขุนแผนกับลูกยาตรวจตราการ
ทองประศรีลาวทองแก้วกิริยาก็ตามมาจัดเสบียงเลี้ยงอาหาร
ทั้งบ่าวไพร่พวกพงศ์วงศ์วารตามไปส่งพลุกพล่านทั้งลานวัด
พระหมื่นศรีดีจริงไม่นิ่งได้พาลูกเมียบ่าวไพร่ไปเป็นขนัด
ขาดเหลือเจอจานสารพัดแล้วช่วยจัดข้าวของจะเอาไป
ของใหญ่ให้เอาขึ้นหลังช้างวัวต่างนั้นบรรทุกเสบียงใส่
ที่เบาเบาเหล่าของต้องการใช้ให้พวกไพร่หาบหามตามติดนาย
ครั้นจัดเสร็จเรียบร้อยคอยเวลาโหราเหยียบเงาเอาชั้นฉาย
พอถ้วนนาทีสี่โมงปลายถึงฤกษ์จะขยายกระบวนพล ฯ
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยาแต่เช้ามาหาสำรับอยู่สับสน
ท้องแก่อลักเอลื่อก็เหลือทนเจ็บท้องร้องทุรนจะขาดใจ
ทองประศรีว้าวุ่นเรียกขุนแผนแล้วลุกแล่นมาประคองทั้งสองไหล่
ขุนแผนทำน้ำสะเดาะให้ทันใดกลืนเข้าไปพอตลอดคลอดลูกชาย
ประจวบฤกษ์ดิถีกรีธาทัพต้องตำรับว่าประเสริฐเลิศหลาย
ทองประศรีอุ้มแอบไว้แนบกายให้ชื่อพลายชุมพลรณรงค์
แล้วเรียกเรือมารับกลับเข้าบ้านด้วยห่วงหลานลูกสะใภ้ไม่อยู่ส่ง
พระหมื่นศรีรับว่าอย่าพะวงจงวางใจให้ฉันไว้ทางนี้ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดาดูท้องฟ้าเห็นจำรัสรัศมี
สบยามตามตำราว่าฤกษ์ดีสั่งให้ตีฆ้องชัยไว้เดโช
ยกจากวัดใหม่ชัยชุมพลพวกพหลพร้อมพรั่งตั้งโห่
พระสงฆ์ส่งสวดชยันโตออกทุ่งโพธิ์สามต้นขับพลมา
โห่ร้องฆ้องลั่นมาหึ่งหึ่งนายจันสามพันตึงเป็นกองหน้า
กองหลังสีอาดราชอาญาพวกทหารสามสิบห้าต่างคลาไคล
บ้างคอนกระสอบหอบกัญชาตุ้งก่าใส่ย่ามตามเหงื่อไหล
บ้างเหล้าใส่กระบอกหอกคอนไปล้าเมื่อไรใส่อึกไม่อื้ออึง
บ้างห่อใบหระท่อมตะพายแล่งเงี่ยนยาหน้าแห้งตะแคงขึง
ถุนกระท่อมใส่ห่อพอตึงตึงค่อยมีแรงเดินดึ่งถึงเพื่อนกัน ฯ
๏ ขุนแผนพลายงามตามกันมาชักม้าข้ามทุ่งมุ่งไพรสัณฑ์
พอพ้นถิ่นก็สิ้นแสงตะวันผ่อนผันหยุดพักพิตเพียน
นายกำนันก็ชวนลูกบ้านช่องแบกสำรับเนืองนองไม่ต้องเฆี่ยน
ไฟฟืนดื่นไปทั้งไต้เตียนเยี่ยมเยียนกองทัพสับสนกัน
พวกกองทัพทั้งสิ้นกินข้าวปลาชาวบ้านเอามาเลี้ยงที่นั่น
แล้วกำนันไปจัดที่วัดพลันให้พวกกองทัพนั้นอาศัยนอน
รุ่งเช้าข้าวปลาหากินสรรพขับกันรีบไปไม่หยุดหย่อน
พ้นทุ่งเข้าป่ามาทางดอนพอแดดกล้าหน้าร้อนอ่อนระทม
มาถึงบ้านดาบก่งธนูพักร้อนเข้าอยู่อาศัยร่ม
พ่อลูกนั่งเล่นเย็นเย็นลมเชยชมลูกชายสบายใจ ฯ
๏ ขุนแผนจึงเรียกเจ้าพลายงามเดินตามไปที่ต้นไทรใหญ่
หมากพลูธูปเทียนเอาถือไปถึงต้นพระไทรก็กราบลง
บอกว่าฟ้าฟื้นของพ่อฝังไว้แต่ครั้งพระพิจิตรเขาบอกส่ง
ดาบนี้มีฟทธิ์ปราบณรงค์ฝังไว้ตรงกิ่งทิศบูรพา
พลายงามก็ขุดดินลงไปพบดาบดีใจเป็นหนักหนา
ส่งให้พ่อชักวาบปลาบนัยน์ตาขุนแผนทูนเกศาด้วยสุดรัก
ดาบนี้ต่อไปจะให้เจ้ารบพุ่งจะได้เอาไปเป็นหลัก
อันฟ้าฟื้นเล่มนี้ดียิ่งนักดาบอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเลย
ถึงพระแสงทรงองค์กษัตริย์ไม่เทียมทัดของเราดอกเจ้าเอ๋ย
จะฝึกเจ้าให้ใช้เสียให้เคยชมเชยดาบพลางทางเดินมา ฯ
๏ กลับถึงที่สำนักแล้วพักผ่อนตะวันรอนแดดบ่ายลงชายป่า
เตือนกันทั้งสิ้นกินข้าวปลาพอเพลาลมตกยกต่อไป
ค่ำลงหยุดนอนลพบุรีเช้ายกจากที่อีกพักใหญ่
ตัดบางขามข้ามบ้านด่านโพธิ์ชัยล่องเข้าแขวงใกล้อู่ตะเภา
ตรงมาหัวแดนภูเขาทองหนองบัวห้วยเฉียงเลี่ยงชายเขา
ตัดลงชายดอนร้อนไม่เบาพอย่างเข้าทุ่งหลวงเพลาพลบ
ขุนแผนก็สั่งให้หยุดพักที่ล้าเมื่อยเหนื่อยหนักนอนสลบ
บรรดาพวกพหลพลรบจุดคบกองไฟไว้เป็นวง
ลางคนหาเขียงหั่นกัญชานั่งชักตุ้งก่าจนคอก่ง
บ้างมีแต่กัญชามานั่งลงผลัดกันหั่นส่งใส่ไฟโพลง
ที่ไม่มีขอซื้อสามมื้อสลึงพอส่งถึงรับหั่นชักควันโขมง
อยากหวานเมางวงล้วงกระโปรงบ้างโก้งโค้งค้นหาพุทรากวน
พวกขี้ยาขึงผ้าขึ้นบังมิดลงนอนขิดกองไฟใส่กล้องง่วน
สิ้นเนื้อเหลือขี้ลงรีรวนจวนหมดอตส่าห์สงวนไว้
เพื่อนกันขอปันหุนละบาทคราวขาดกลัวตายหาขายไม่
อ้ายที่เงี่ยนเต็มอ่อนวอนร่ำไรได้แต่ขี้สองชั้นพอกันตาย
เอาดาบหอกออกแลกกับขี้ยาจนชั้นขันล้างหน้าก็ยื่นขาย
พอแก้เงี่ยนเหียนห้อยค่อยสบายกินอยู่พูวายแล้วหลับนอน ฯ
             

ตอนที่ ๒๘ พลายงามได้นางศรีมาลา

๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายงามเพลายามสามหลับอยู่กับหมอน
กำนัดหนุ่มกลุ้มใจให้อาวรณ์เทพเจ้าจึงสังหรณ์ให้เห็นตัว
ฝันว่านารีเพิ่งรุ่นสาวผิวขาวคมคายมิใช่ชั่ว
สองเต้าเต่งตั้งดังดอกบัวมายืนยิ้มยั่วแล้วเยื้องกราย
พอภปรายทายทักชักสนิทนางเบือนบิดทำทีจะหนีหน่าย
ก็ลุกรีบตามติดเข้าชิดกายคว้าเข้าเจ้าก็หายไปกับมือ
เคลิ้มผวาคว้ากอดขุนแผนพ่อพูดจ้อนี่เจ้าไม่เมตตาหรือ
ขุนแผนตื่นฟื้นตัวก็ผลักมือร้องฮื้อพลายงามทำอะไร
เจ้าพลายกลัวพ่อใจคอหวั่นบอกว่าฝันเห็นผู้หญิงลูกวิ่งไล่
รุ่นสาวขาวอร่ามงามสุดใจจึงเผลอไปขอโทษได้โปรดปราน ฯ
๏ ขุนแผนฟังความพลายงามเล่าเอ๊ะออเจ้าช่างฝันดูขันจ้าน
ฝันเช่นนี้มีตำรับแต่บุราณใครฝันมักบันดาลได้เมียดี
หรือจะถูกลูกเจ้าบ้านผ่านเมืองทำนายพลางย่างเยื้องออกจากที่
บอกกันทั่วหน้าบรรดามีวันนี้ถึงพิจิตรไม่ทันเย็น
ว่าแล้วเตือนกันกินข้าวปลารีบยกยาตราขะมักเขม้น
ไม่หยุดหย่อนร้อนเหลือเหงื่อกรเด็นพอแลเห็นเมืองแวะเข้าวัดจันทร์ฯ
๏ ฝ่ายว่านวลนางศรีมาลาคืนวันนั้นนิทราก็ใฝ่ฝัน
ว่าลงสระเล่นน้ำสำราญครันเห็นบุษบันดอกหนึ่งดูพึงตา
ผุดขึ้นพ้นน้ำงามสะอาดนางโผดผาดออกไปด้วยหรรษา
เด็ดได้ดีใจว่ายกลับมากอดแนบแอบอุราประคองดม
ลืมตาคว้าดูดอกบัวหายเสียดายนี่กระไรไม่ได้สม
ปลุกอีเม้ยแก้ฝันหวั่นอารมณ์อีเม้ยชมว่าฝันของนายดี
ดอกบัวคือผัวมิใช่อื่นมิพรุ่งนี้ก็มะรืนคงถึงนี่
ไม่เหมือนอีเม้ยทายให้นายดีฝันอย่างนี้ได้ทายมาหลายคน
ศรีมาลาว่าไฮ้อีมอญถ่อยเอาผัวผ้อยมาพูดไม่เป็นผล
อุตริทำนายทายสัปดนถึงใครใครให้จนเทวดา
ถ้ามีหน้ามาเกี้ยวก็คงเก้ออย่าเพ้อเลยไม่อยากปรารถนา
อยู่คนเดียวไม่สบายเอาชายมาเขาย่อมว่ามันเป็นเจ้าหัวใจ
อีเม้ยมอญคะนองร้องอุยย่ายอย่าพักพูดเลยนายหาเชื่อไม่
ยังไม่พบปะก็พูดไปถึงตัวเข้าเมื่อไรได้ดูกัน
บ่าวนายสัพยอกหยอกเย้ารุ่งเช้าศรีมาลาก็ผายผัน
ไปดูการบ้านเรือนเหมือนทุกวันนึกถึงฝันพรั่นใจไม่รู้วาย ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงครามพักอยู่อารามจนตกบ่าย
จะเข้าไปในจวนชวนลูกชายแล้วย่างกรายบ่าวตามออกหลามไป
ถือถาดหมากคนโทเป็นยศอย่างเดินมาตามทางกับบ่าวไพร่
พลายงามคิดถึงฝันปั่นป่วนใจเข้าในย่านตลาดก็แลชม
ที่เหล่าร้านขายผ้ามีหน้าถังลายสุหรัดมัดตั้งทั้งผ้าห่ม
ร้านถ้วยชามรามไหมีอุดมสะสมสินค้าสารพัด
สิ่งของทองเหลืองทั้งเครื่องแก้วเป็นถ่องแถวคนผู้ดูแออัด
พวกลูกสาวชาวร้านพานสันทัดทำเหยาะหยัดกิริยาท่าชาวกรุง
พวกขมิ้นเหลืองจ้อยสอยไรจุกมีแทบทุกหน้าถังบ้างเย็บถุง
แต่ละหน้าหน้านวลชวนบำรุงใส่กลิ่นหอมฟุ้งสองฟากทาง
นุ่งลายห่มสีไม่มีเศร้าผัดหน้าจับเขม่าเหมือนชาวล่าง
คนหนึ่งรูปขาวสาวสำอางดูคล้ายนางคืนนี้เป็นนวลจันทร์
ครั้นเข้าใกล้แลเขม้นเป็นแต่แม้นไม่อ้อนแอ้นเหมือนนางที่ในฝัน
ทั้งนมคล้อยหน่อยนึงจึงผิดกันนอกจากนั้นตะละอย่างต่างต่างไป
นางนิมิตติดใจมิได้ลืมยิ่งป่วนปลื้มถึงฝันให้หวั่นไหว
สู้เดินเมินหน้าไม่อาลัยล่วงตลาดเข้าไปในจวนพลัน ฯ
๏ พระพิจิตรนั่งเล่นอยู่หอขวางเห็นคนเดินมาสล้างก็นึกหวั่น
เอ๊ะข้าหลวงมาทำไมหลายคนครันที่เดินหน้ามานั่นดังพระยา
ครั้นดูไปจำได้ว่าขุนแผนดีใจลุกแล่นลงมาหา
จูงมือขึ้นจวนชวนพูดจาขุนแผนวันทากับลูกชาย
พระพิจิตรเรียกศรีบุษบาขุนแผนเขามาไปไหนหาย
บุษบาเยี่ยมหน้าเห็นสองนายยิ้มพรายออกมาด้วยดีใจ
นั่งลงไต่ถามความทุกข์ยากแต่ไปจากแม่ได้แต่ร้องไห้
มิรู้ที่จะถามข่าวคราวใครด้วยทางไกลเหลือไกลมิได้รู้
จะเป็นตายหายลับไปหลายปีวันนี้แลหวังว่ายังอยู่
เห็นเจ้าเหมือนใครให้แก้วชูด้วยเอ็นดูเหมือนลูกจึงผูกใจ
วันทองท้องแก่ไปแต่นี่คลอดง่ายดายดีหรือเจ็บไข้
ลูกเป็นชายหญิงอย่างกระไรเดี๋ยวนี้อยู่ไหนไม่พามา ฯ
๏ ขุนแผนเล่าความไปตามเรื่องเมื่อส่งไปจากเมืองก็สุขา
เขาผ่อนปรนจนถึงอยุธยาโปรดประทานโทษาไม่ฆ่าตี
เป็นความกับขุนช้างก็ชนะลูกไปอยู่บ้านพระจมื่นศรี
เผอิญกรรมตามซัดวิบัติมีไปเห็นชั่วเป็นดีไม่ควรการ
ให้ทูลขอลาวทองต้องติดคุกทนทุกข์โทษแทบถึงประหาร
วันทองท้องแก่เหลือกันดารทรมานว้าเหว่อยู่เอกา
อ้ายขุนช้างบังอาจฉุดเอาไปไม่มีผู้ใดจะตามว่า
จนคลอดลูกชายคนนี้มาชันษาเจ้าได้ถึงสิบปี
มันจะเอาไปฆ่าในป่ใหญ่พลายช่วยไว้ได้ไม่เป็นผี
หนีไปอยู่บ้านกาญจน์บุรีแม่ทองประศรีเลี้ยงไว้ให้เรียนรู้
พอมีศึกเจ้าสะอึกเข้าอาสาแต่ตัวข้ายังติดคุกอยู่
จึงเป็นเหตุให้พระองค์ทรงเอ็นดูได้ช่องคูทูลขอพ่ออกมา
ก็โปรดให้พลายงามด้วยความชอบรับสั่งมอบการศึกให้รักษา
ประทานคนโทษที่มีวิชาสามสิบห้าลูกหาบเจ็ดสิบคน
ที่มานี่จะยกไปเชียงใหม่ไปจับอ้ายลาวตีให้ปี้ป่น
นึกถึงคุณปกเกล้าเมื่อคราวจนจึงแวะวนเข้ามนมัสการ ฯ
๏ ครานั้นพระพิจิตรบุษบาฟังขุนแผนว่าน่าสงสาร
อนิจจาเคราะห์ร้ายแทบวายปราณนมนานน้อยหรือแต่ทนทุกข์
นี่หากลูกยากล้าทูลขอหวังจะแทนคุณพ่อสู้บั่นบุก
หาไม่ก็จะตายอยู่ในคุกเจ้าให้พ่อเป็นสุขมิเสียแรง
ผัวเมียชอบอารมณ์ชมเปาะหน้าตาเหมาะเจาะใจกล้าแข็ง
ชาติทหารเหมือนพ่อไม่ย่อแยงดูกล้องแกล้งนึกรักเฝ้าทักทาย
แค้นใจแต่ท้องบุษบาเป็นผู้หญิงเสียข้าขันใจหาย
คิดคิดขึ้นมาน่าเสียดายถ้าแม้นชายจะให้ไปด้วยพลัน
ว่าพลางทางร้องเรียกลูกสาวมาศรีมาลาเอ๋ยนั่งทำไมนั่น
ออกมาหาพี่ชายอย่าอายกันศรีมาลาหวั่นหวั่นแล้วแอบมอง
พี่เชื้อมาแต่ไหนไม่รู้จักค่อยค่อยผลักบานประตูดูตามช่อง
เห็นหนุ่มน้อยหน้านวลชวนคะนองสองคนพ่อลูกประหลาดตา
อีเม้ยรับขยับเข้ายืนชิดมือสะกิดเย้าเยาะหัวเราะว่า
นั่นเป็นไรใครบนเทวดาอีเม้ยทายแล้วว่าอย่าไม่ผิดคำ
ศรีมาลาว่าชิอีขี้เค้าว่าได้ว่าเอาไม่เป็นส่ำ
ขืนว่าแล้วจะด่าให้ระยำค้อนควักหน้าคว่ำแล้วยิ้มเมิน
พอพระพิจิตรเรียกซ้ำมาขานเจ้าขาค่อยเยี่ยมเฟี้ยมแฝงเขิน
นางอุทัจอัดใจมิใคร่เดินก้มสะเทินทรุดนั่งบังมารดา
ยกมือไหว้ขุนแผนกับพลายงามให้วาบหวามอารมณ์แล้วก้มหน้า
พลายงามรับไหว้ชายแลมาพอสบตาก็ตะลึงตะลานใจ
คนนี้แลแน่แล้วที่เราฝันรูปโฉมโนมพรรณหาผิดไม่
น้องเอ๋ยรูปร่างช่างกระไรถึงนางในกรุงศรีไม่มีเทียม
ดังพระจันทร์วันเพ็ญเมื่อผ่องผุดบริสุทธิ์โอภาสสะอาดเอี่ยม
สองแก้มแย้มเหมือนจะยั่วเรียมงามเงี่ยมราศีผู้ดีจริง
ทั้งจริตกิริรยามารยาทดูฉลาดไว้วางอย่างผู้หญิง
อ่อนชะอ้อนเหมือนจะวอนให้ประวิงจะยิ้มพรายก็พริ้งยิ่งเพราตา
ดูไหนไม่ขัดแต่สักอย่างนี่คู่สร้างของเรากระมังหนา
พอแลลอดสอดรับจับนัยน์ตาดังว่าเจ้าจะตัดเอาหัททัย
หญิงอื่นหมื่นแสนที่เคยเห็นก็หาจับใจเป็นเช่นนี้ไม่
ถ้าแม้นได้ร่วมรักสักอึดใจจะตายไปก็ไม่คิดสักนิดเดียว
นึกพลางเจ้าพลายร่ายพระเวทประสบเนตรเป่าไปให้ซ่านเสียว
ศรีมาลาต้องมนตร์ขนลุกเกรียวชำเลืองเหลียวแลมาประหม่าใจ
พอสบเนตรให้สะท้านละลานจิตยิ่งต่อตายิ่งคิดพิสมัย
อกอ่อนร้อนรุ่มดังสุมไฟไม่อยู่ได้นางก็ลาเข้ามาเรือน
แอบช่องมองดูอยู่ข้างในยิ่งเพ่งพิศพาใจอาลัยเลื่อน
ความรักมีแต่ชักกระตุ้นเตือนฟั่นเฟือนดังจะคลั่งตั้งตามอง
ชะชายคนนี้มิเสียแรงดังหนึ่งแกล้งหล่อเหลาไม่เศร้าหมอง
ดูเนื้อตัวหน้าตาดังทาทองไม่ขัดข้องสวยสมช่างคมคาย
รู้สึกตัวนึกอายระคายเขินไถลเดินเลยเข้าในห้องหาย
อีเม้ยยิ้มกริ่มตามไปถามนายวันนี้ดูไม่สบายเป็นอย่างไร
ออกไปไหว้พี่มาแต่กรุงแล้ววิ่งกลับเข้ามุ้งเหมือนเป็นไข้
หรือผีสางทักทายนายตกใจฉันจะบนบวงให้กบาลกิน
ผีมาแต่กรุงหรือบ้านนอกอย่าหลอนหลอกจงคลายให้หายสิ้น
ขอผัดหน่อยคอยตะวันให้ตกดินปัดยุงริ้นแล้วจะเซ่นในมุ้งนี้
ศรีมาลาต่อยหัวลงต้ำเหงาะเฝ้าค่อนเคาะร่ำไปไม่บัดสี
นี่แลสัญชาติไพร่ที่ไหนมีเซ่นผีในมุ้งมอญจัญไร
เย้ากันจนตะวันนั้นเย็นลงศรีมาลายิ่งพะวงหลงใหล
บุษบาเห็นช้าจึงเกริ่นไปเป็นอย่างไรสำรับไม่จัดแจง
ศรีมาลาฟังว่าก็ลุกไปช่วยดูแลข้าไทให้ตกแต่ง
จัดสำรับอุดมทั้งต้มแกงฝาชีแดงปิดปกแล้วยกมา
นางยกชามข้าวบ่าวยกสำรับใจวับวับมิค่อยออกไปนอกฝา
ครั้นถึงจัดวางข้างบิดาไม่อาจเงยดูหน้าเจ้าพลายงาม
พระพิจิตรก็ชวนกันกินข้าวเจ้าพลายร้อนเร่าประหวั่นหวาม
ตะลึงแลศรีมาลาคว้าแต่ชามกลืนข้าวเหมือนหนามอยู่ในคอ
กลัวเนื้อความจะฟุ้งสะดุ้งคิดเหลือบดูพระพิจิตรแล้วดูพ่อ
พระพิจิตรรู้ทีทำตัดพ้ออย่างไรหนอกินอยู่ดูระคาง
กินอะไรไม่อร่อยหรือพ่อหรือชาวเหนือฝีมือไม่เหมือนล่าง
รสชาตปิ้งจี่มันจืดจางหัวเราะพลางหยอกเย้าเจ้าพลายงาม
แล้วจึงชักชวนทั้งสองนายค้างที่นี่เถิดสบายอย่าเกรงขาม
บ้านมีอยู่ไยในอารามมาอยู่ตามชอบใจในหอนั้น
อิ่มเสร็จแล้วสั่งศรีมาลาให้จัดแจงฟูกผ้าทุกสิ่งสรรพ์
ที่นอนน้อยกำมะหยี่นุ่นสองอันเสื่ออ่อนสองชั้นจัดออกมา ฯ
๏ ขุนแผนถามพระพิจิตรพลันสีหมอกนั้นอยู่ดีหรือเจ้าขา
พระพิจิตรบอกว่าสีหมอกม้าอยู่ดีแต่ชราถนัดใจ
เนื้อหนังพาลติดจะเหี่ยวคร่ำอันหญ้าน้ำค่ำเช้าหาขาดไม่
ข้าก็ช่วยเยี่ยมเยียนเวียนมาไปเกณฑ์ให้อ้ายจันมันเลี้ยงดู
ขุนแผนจึงชวนลูกชายพลันไปเยี่ยมม้าด้วยกันเสียสักครู่
ว่าพลางทางออกนอกประตูตรงไปที่อยู่สีหมอกม้า
อ้ายจันครั้นเห็นยกมือไหว้ฉันเลี้ยงไว้อ้วนพีดีหนักหนา
พ่อลูกเข้าไปใกล้อาชาขุนแผนเสกหญ้าให้ม้ากิน ฯ
๏ สีหมอกม้าหญ้ามนตร์เข้าดลใจจำได้รู้ภาษาพูดจาสิ้น
ลงตีนโปกโปกโขกแผ่นดินเพียงจะดิ้นหลุดแหล่งด้วยดีใจ
เลียชมดมทั่วทั้งกายาขุนแผนกอดม้าน้ำตาไหล
ลูบหลังสีหมอกแล้วบอกไปข้านี้ต้องราชภัยเพิ่งพ้นมา
ไปติดคุกจนลูกทูนขอโทษท่านปล่อยโปรดจึงได้มาเห็นหน้า
เจ้าพลายนี้ลูกวันทองน้องยาที่ท่านรับบุกป่ามากับเรา
สีหมอกฟังเหลียวหน้าหาวันทองไม่เห็นน้องอยู่ไหนให้สร้อยเศร้า
มิรู้ที่จะถามความหนักเบาเฝ้าแต่ดูลูกพ่อคลอน้ำตา ฯ
๏ ขุนแผนบอกว่าข้าจะไปทัพหมายจะรับไปด้วยช่วยอาสา
เพราะได้เคยเห็นใจแต่ไรมาจะไปได้หรือว่าท่านหย่อนแรง
สีหมอกดีใจจะไปทัพเต้นหรับร้องร่าดัดขาแข้ง
ดังบอกว่าข้าจะไปอย่าได้แคลงขุนแผนแจ้งท่วงทีก็ดีใจ
จึงเลือกเด็ดยอดหญ้ามาเต็มมือถือเสกด้วยพระเวทมุขใหญ่
ป้อนม้ากินหญ้าในทันใดระงับโศกโรคภัยให้บรรเทา
เดชะพระเวทวิเศษขลังสีหมอกมีกำลังขึ้นดังเก่า
ผูกเครื่องเรืองอร่ามงามเพริศเพราขุนแผนขี่เหยาะเหย่าออกมาพลัน
ลองขับน้อยใหญ่ทั้งไล่หนีท่วงทีไวว่องคล่องขยัน
ถึงม้าหนุ่มจะเปรียบไม่เทียบทันสารพันถูกทำนองด้วยว่องไง
ขุนแผนดีใจลงจากหลังเรียกอ้ายจันมาสั่งหาช้าไม่
เอ็งดูให้อิ่มหนำสำราญใจจะขี่ไปในรุ่งพรุ่งนี้เช้าฯ
๏ ครั้นสั่งแล้วขุนแผนแสนศักดาเรียกลูกชายมาแถลงเล่า
พ่อเกรงว่าช้าอยู่เหมือนดูเบาเราจะยกในรุ่งขึ้นพรุ่งนี้
ด้วยปลอดสิ้นทักทอนยมขันเป็นฤกษ์เสาร์เก้าชั้นวิเศษศรี
มีตบะจะชนะแก่ไพรีเจ้านี้จะเห็นเป็นอย่างไร
พลายงามความอาลัยศรีมาลาไม่รับมาว่าจะจากพิจิตรได้
จะแจ้งข้อกลัวพ่อไม่ตามใจจึงแก้ไขเบือนบิดคิดเจรจา
ว่าไพร่พลบอบช้ำระกำอกจะด่วนยกไปไหนนี่เจ้าขา
ขอให้ไพร่พักสักเวลาพอหายเหนื่อยเมื่อยล้าจึงคลาไคล
ขุนแผนว่าดูเอาเถิดเจ้าพลายจะหยุดหาความสบายก็เป็นได้
การรับสั่งว่ายากลำบากไยที่ไหนจะเหมือนบ้านเรือนตน
เจ้าพลายงามตอบว่าหามิได้ลูกจะใคร่ปลุกเครื่องอีกสักหน
ด้วยยังหย่อนฤทธิ์เดชทั้งเวทมนตร์ขอพักพลปลุกเครื่องเสียสักนิด
ขุนแผนว่าถ้าไปเสียให้ทันพรุ่งนี้เป็นวันมหาสิทธิ์
จะปลุกเครื่องก็เรืองอิทธิฤทธิ์ประกอบกิจกับฤกษ์ที่เบิกไพร
อันพิธีในเรื่องปลุกเครื่องอานทำในบ้านไม่เหมือนในป่าใหญ่
ด้วยบ้านเมืองผู้คนเกลื่อนกล่นไปจะระงับดับใจไม่สู้ดี
เจ้าพลายว่าป่าไม้จะปลุกฤทธิ์ไม่ประสิทธิ์เหมือนหนึ่งป่าช้าผี
อยู่ในพาราป่าช้ามีก็เป็นที่สงัดเงียบปากคอ
ขุนแผนรู้ว่าบิดก็คิดเคืองเอ็งห่วงเมืองอยู่ทำไมไฉนหนอ
ธุระสิ่งไรมีจะรีรอพ่อพูดมิฟังช่างกระไร
พลายงามคร้ามพ่อไม่ต่อเถียงพูดเลี่ยงว่าธุระหามีไม่
แล้วพ่อลูกก็พากันคลาไคลขึ้นจวนใหญ่พลายน้อยคะนึงนาง
ขุนแผนพลายงามพระพิจิตรชอบชิดพูดจากันต่างต่าง
ถึงเรื่องรบพุ่งแลทุ่งทางพูดพลางต่างหัวร่อกันเรื่อยไป ฯ
๏ ครั้นสิ้นแสงสุริยนสนธยาพระจันทราแย้มเยี่ยมเหลี่ยมไศล
เคลื่อนคล้อนลอยฟ้านภาลัยหมดเมฆปัถไหมไม่หมองมอม
พระพายพามาลาละอองกลิ่นรวยรินรสร่อนขจรหอม
ศรีมาลาอาวรณ์นอนใจตรอมถนอมแนบหมอนข้างเคียงคะนึง
โอ้พ่อพลายงามของน้องเอ๋ยใครเลยจะเอ็นดูให้รู้ถึง
ว่าน้องนี้มีจิตคิดรำพึงดังศรตรึงทรวงโศกวิโยคคิด
พ่อชายตามาสบเมื่อน้องแลจะรู้แน่หรือจะแหนงแคลในจิต
ดูลาดเลาเจ้าก็ใคร่จะเป็นมิตรหรือวิปริตคิดว่าไม่ปรานี
อกน้องยากนักด้วยเป็นหญิงต้องซ่อนรักหนักนิ่งอยู่กับที่
แม้นเป็นชายพ่อพลายเป็นสตรีค่ำวันนี้เป็นตายจะหมายไป
นึกพลางนางนอนสะท้อนท้อน้ำตาคลอมิใคร่จะเคลิ้มได้
ให้เฟื่องฟุ้งพลุ่งพล่านรำคาญใจนึกอาลัยไปจนหลับกับที่นอน ฯ
๏ พระพิจิตรขุนแผนพลายงามพูดกันจนยามไม่หยุดหย่อน
พระพิจิตรว่าเช้าเจ้าจะจรจงพักผ่อนเสียเถิดทั้งสองรา
ว่าแล้วก็ลุกไปเข้าเรือนพลายงามฟั่นเฟือนเป็นหนักหนา
ชวนพ่อเข้านอนวอนพูดจาคุณพ่อขานี่ดึกแล้วกระมัง
ฉันวันนี้อย่างไรไม่สบายระส่ำระสายเหน็ดเหนื่อยเมื่อยสันหลัง
จะนอนเสียแต่หัวค่ำเอากำลังจะได้ตั้งหน้ายกแต่เช้าไป ฯ
ขุนแผนนึกในใจไอ้เจ้าชู้มันสำคัญว่ากูหารู้ไม่
กรรมกรรมเจียวจะทำเป็นอย่างไรมันจะแกล้งให้ผู้ใหญ่ผิดใจกัน
คิดแล้วก็ทำเป็นมารยาหลับตานอนนิ่งไม่พลิกผัน
คอยจับแยบคายลูกชายนั้นไม่วางใจให้หวั่นในอารมณ์ ฯ
             

๏ เจ้าพลายก่ายหมอนทำนอนนิ่งสุดประวิงอกไหม้ไส้พุงขม
กำเริบรักหนักแน่นแสนระทมโอ้เจ้านมพวงพี่ศรีมาลา
ป่านนี้เนื้ออ่อนจะนอนสนิทหรือดวงจิตจะนึกเสนหา
ดูทีเหมือนจะมีซึ่งเมตตาแต่ทว่าเป็นหญิงก็นิ่งไว้
อันความรักหนักแน่นในอกพี่ข้อนี้เจ้ารู้หรือหาไม่
แม้นรู้เค้าเจ้าก็เห็นจะอาลัยคงมิให้เสียทีพี่หมายชิด
เขาย่อมว่าถ้ามีมิตรใจแล้วคงไม่สาบสูญมิตรจิต
พี่รักเจ้าเทียมเท่าดวงชีวิตนี่จะคิดฉันใดให้เป็นการ
จะวนเวียนเพียรพูดให้ถึงปากก็สุดยากเชิงชักสมัครสมาน
ด้วยพรุ่งนี้ก็จะไปไม่อยู่นานจะพึ่งพานผู้ใดก็ไม่มี
ถ้าจะไว้สู่ขอต่อขากลับเห็นตัวพี่นี้จะยับลงเป็นผี
ด้วยความรักหนักใจเสียเต็มทีจะทวีขึ้นทุกวันจนบรรลัย
จำจะคิดเข้าสนิทให่สมนึกจึงจะคิดทำศึกต่อไปได้
แม้นมิได้ศรีมาลายาใจซึ่งจะไปเชียงใหม่อย่าสงกา
ตามแต่บุญกรรมเถิดน้องแก้วคนหลับแล้วจะลอบเข้าไปหา
ถ้าแม้นแก้วพี่มิเมตตาก็ตามแต่เวราจะเป็นไป
ยิ่งนึกยิ่งตรมอารมณ์หมองแสงเดือนเด่นส่องสว่างไสว
น้ำค้างพร่างพร้อยละห้อยใจเสียงไก่แก้วขันกระชั้นยาม
ฟังพ่อรอหูดูจนใกล้ไม่ไว้ใจแคลงคลำแล้วทำถาม
ขุนแผนรู้แยบคายเจ้าพลายงามไม่ตอบความนิ่งอยู่จะดูที
เจ้าพลายสำคัญว่าพ่อหลับค่อยขยับลุกย่องมาจากที่
พอออกนอกห้องได้ก็ยินดีหมายว่าหนีพ้นพ่อรอบังเงา ฯ
๏ ขุนแผนลุกมองแล้วย่องตามพอทันถามออกมาทำไมเจ้า
พลายงามแก้เก้อละเมอเดาฉันจะออกไปเบาที่นอกชาน
วันนี้มันให้ปวดแต่ท้องเยี่ยวหลายเที่ยวแล้วด้วยกล่อนมันสังหาร
จะปลุกพ่อขอยารับประทานขุนแผนว่าไม่ได้การแล้วเจ้าพลาย
อ้ายโรคกล่อนเช่นนี้มันขี้ถ่อยหมอสักร้อยรักษาก็ไม่หาย
ว่าพลางทางจูงมือลูกชายย่างกรายเข้าห้องต้องระวัง ฯ
๏ เจ้าพลายงามขัดใจไม่เป็นสุขล้มนอนแล้วลุกทะลึ่งนั่ง
แค้นพ่อเหมือนหัวอกจะฟกพังกระไรช่างแกล้งได้ไม่เมตตา
เป็นไรมีดีแล้วว่าไม่หลับจะคอยจับให้ได้ก็ไม่ว่า
พลางร่ายมนตร์ขลังสั่งนิทราตั้งสมาธิปลงตรงภวังค์
เป่าต้องขุนแผนแสนสนิทก็เคลิ้มจิตด้วยพระเวทวิเศษขลัง
หลับสนิทแน่วนิ่งลงจริงจังพลายงามสมหวังสิ้นอาวรณ์
ขยับเท้าก้าวย่างออกจากห้องพระจันทร์ส่องแสงจำรัสประภัสสร
พระพายพัดบุปผาพาขจรรวยรินรสอ่อนระรื่นไป ฯ
๏ มาถึงเรือนที่ศรีมาลาอยู่แอบบังเงาดูด้วยสงสัย
หลังนี้ดอกกระมังยืนชั่งใจแสงไฟวับวามตามตะเกียง
คิดพลางทางร่ายมนตร์สะกดหลับหมดเงียบดีไม่มีเสียง
สะเดาะกลอนถอนหลุดแล้วมองเมียงเลี่ยงเข้าในห้องย่องเดินมา
อัจกลับตามวางกระจ่างแสงเจ้าตกแต่งเครื่องเรือนไว้หนักหนา
เครื่องแป้งจัดตั้งไว้หลังม้าขันล้างหน้าพานรองของผู้ดี
เครื่องนากเครื่องทองสองสำรับเรียงลำดับวางไว้เป็นที่ที่
โถขี้ผึ้งแป้งร่ำน้ำมันตานีโต๊ะหวีตั้งเรียงไว้เคียงกัน
โตกพานหีบปัดจัดตั้งซ้อนทั้งผ้าผ่อนพับเรียบทุกสิ่งสรรพ์
เครื่องไหว้พระนั้นจัดอัฒจันทร์คันฉ่องแกะงาเป็นหน้าพรหม
กระจกใหญ่ใส่ตั้งทั้งไม้สอยอุบะห้อยรื่นรวยดูสวยสม
สะอาดสะอ้านลานตาน่านิยมพลางชมม่านกางข้างที่นอน
พื้นไหมใส่ทองเป็นลายปักน่ารักรูปร่างบางชะอ้อน
ปักระเด่นเป็นไข้ใจอาวรณ์ทุรนร้อนรักนุชบุษบา
เอาไฟเผาเข้าลักพระน้องนาฎโอบอุ้มใส่ราชรถา
ระเด่นแกล้งแปลงเป็นจรกาปักเป็นบุษบาเจ้าจาบัลย์
๏ พระรีบเร่งชักรถถึงคีรีเข้าสู่ถ้ำมณีภิรมย์ขวัญ
สองกษัตริย์เชยชมสมสู่กันพอรุ่งแสงสุริยันก็จากนาง
เข้ามาเมืองจะเปลื้องความสงสัยสั่งพี่เลี้ยงไว้มิให้ห่าง
ผลกรรมจำจากจะพรากร้างเผอิญข้างนางนึกนิยมไป
ออกทรงรถชมพรรณบุปผาปักปะการะตาหลาอันเป็นใหญ่
ให้ลมเพชรหึงลั่นสนั่นไพรพัดพาอรไทไปทั้งรถ
ครั้นไกลไปตกกลงกลางป่าบุษบายิ่งแสนโศกกำสรด
คิดถึงพระองค์ผู้ทรงยศนางระทดระทวยแทบทำลายชนม์
ปักเป็นระเด่นเที่ยวตามหาค้นคว้าจบแหล่งทุกแห่งหน
พระวงศาแยกย้ายหลายตำบลแปลงตนเป็นปันจุเหร็จไพร
ฉลาดนักปักงามนี้น้อยหรือช่างฟัดครือเรื่องพี่หาผิดไม่
อันองค์บุษบายาใจพิเคราะห์ไปเหมือนเจ้าศรีมาลา
อันอกของระเด่นมนตรีเหมือนอกพี่นี่ที่โหยหา
คล้ายระเด่นกับพระนุชบุษบาแต่ไม่มีจรกาจึงผิดกัน
ถ้าใครเป็จรกาเข้ามาแกล้งพี่ไม่แปลงอย่างเช่นระเด่นนั่น
จะจิกหัวจรกาเอามาฟันแล้วสรวลสันต์ผันแปรแลชำเลือง
เตียงจีนตีนตั้งบนตัวสิงห์ฉลุลายพรายพริ้งพร้อมทั้งเครื่อง
แลวิจิตรปิดทองดูรองเรืองมุ้งเหลืองแพรดอกกกระเด็นลอย
หน้าระบายลายทับสลับสีมุ้งผู้ดีมีแส้หางม้าห้อย
เปิดมุ้งเมียงมองเห็นน้องน้อยเจ้าหลับผ็อยเพ่งพิศจิตทะยาน
พักตร์พริ้มเหมือนยิ้มอยู่ทั้งหลับประทีปจับหน้านวลชวนสมาน
เจ้านิทรามารยาทไม่มีปานยิ่งคิดก็ยิ่งซ่านสวาทเตือน
ค่อยประคองลองจูบเจ้าทั้งหลับหอมกระไรใจวับขยับเขยื้อน
พอต้องเต้าตัวสั่นให้ฟั่นเฟือนค่อยลูบเลื่อนโลมเล้าละลานใจ
จับแล้ววางเล่าเฝ้ากลัดกลุ้มด้วยรุ่นหนุ่มชู้สาวหาเคยไม่
จะปลุกนางกลัวร้องย่องห่างไปคลายเวทแล้วก็ไอให้สำเนียง ฯ
๏ ครานั้นศรีมาลานารีรู้สึกสมประดีได้ยินเสียง
ลืมตาเห็นชายอยู่ปลายเตียงเจ้ามองเมียงจำได้ว่าพลายงาม
นึกสำคัญในจิตคิดว่าฝันไม่หวาดหวั่นยิ้มแล้วก็ทักถาม
นึกอย่างไรใจกล้าเข้ามาตามจะเกิดความงามหน้าพากันอาย
เจ้าพลายได้ฟังเข้านั่งอิงนางรู้ว่าคนจริงมิ่งขวัญหาย
ตกใจเพียงจะดิ้นสิ้นใจตายร้องว้ายแล้วก็ซบสลบไป ฯ
๏ อีเม้ยรับหลับอยู่ที่เฉลียงได้ยินเสียงนายร้องก็จำได้
ลุกขึ้นด้วยตระหนกตกใจเข้าในห้องมองเมียงถึงเตียงพลัน
เห็นเจ้าหนุ่มอุ้มนางวางบนตักรู้จักว่าเจ้าพลายที่หมายมั่น
ก็แจ้งใจในเหตุปัจจุบันมาฉวยขันน้ำส่งให้เจ้าพลาย
พ่อเอาผ้าชุบน้ำนี้ลูบหน้าลูบไล้ไปมากว่าจะหาย
แล้วปลอบโยนตามใจให้สบายถ้าขืนใจแล้วจะตายในพริบตา
ว่าแล้วปิดห้องย่องกลับไปอีเม้ยยิ้มละไมอยู่ในหน้า
คอยดูผู้คนจะไปมาด้วยสงสารศรีมาลากับพลายงาม ฯ
๏ จะกล่าวถึงท่านพระพิจิตรหลับสนิทเสียงลูกตกใจหวาม
จะเกิดเหตุอะไรไม่รู้ความจึงร้องถามอีเม้ยเฮ้ยเป็นไร
กูแว่วเหมือนเสียงศรีมาลามึงลืมตาขึ้นฟังมั่งหรือไม่
อีเม้ยเอ่ยตอบไปทันใดนายท่านเรียกฉันไปให้ปัดยุง
ปัดไปปัดมาไม่ทันดูจิ้งจกมันอยู่ที่ในอุ้ง
ฉันปัดมันพลัดลงจากมุ้งถูกพุงเธอจึงร้องออกก้องเรือน
พระพิจิตรว่าดูอีมอญถ่อยสักหน่อยอ่อนจะเลยเป็นกลากเกลื้อน
บุษบาว่าฉันก็ได้เตือนมันไม่เชือนดูแลแต่กลางวัน ฯ
๏ ฝ่ายว่าขุนแผนอยู่หอนั่งสะดุ้งฟื้นตื่นฟังใจหวั่นหวั่น
ออพลายหายแล้วไม่แคล้วกันอ้ายขี้เค้าคงถลันไปเข้ามุ้ง
อ้ายลูกเจ้ากรรมมาทำเข็ญพรุ่งนี้ทีเห็นจะเกิดยุ่ง
แต่ตริตรองแก้ไขสิ้นไส้พุงคืนยังรุ่งไม่ระงับหลับนอน ฯ
๏ ครานั้นนารีศรีมาลาค่อยฟื้นตื่นมายังเหนื่อยอ่อน
ได้สติลืมตาด้วยอาวรณ์เห็นเจ้าพลายกอดช้อนไว้ทั้งตัว
มือหนึ่งลูบน้ำชดลมหน้านางประหม่าขนพองสยองหัว
ใจเต้นหวามหวามด้วยความกลัวยังมึนมัวมิรู้ที่จะหนีไป
จึงค่อยเคลื่อนเลื่อนตัวลงจากตักละอายนักนิ่งนอนถอนใจใหญ่
ค่อยกระดิกพลิกตัวเข้าข้างในเจ้าแกล้งหันหลังให้ไม่แลดู ฯ
๏ ครานั้นพลายงามทรามสวาทยังไม่อาจถามทักเป็นสักครู่
ด้วยอาการอย่างไรยังไม่รู้เห็นนอนอยู่ดิบดีค่อยมีใจ
จึงหยิบพัดหางปลามารำเพยน้องเอ๋ยนอนเถิดจะพัดให้
เมื่อตะกี้พี่วิตกนี่กระไรถ้าบรรลัยพี่ชายจะตายตาม
พี่บนบวงเทวดาคงมาช่วยจึงรอดด้วยเทพไทมิได้ห้าม
ท่านเอ็นดูโฉมฉายกับพลายงามเพราะเห็นความรักพี่มีต่อน้อง
แต่แลพบสบตาเมื่อมาถึงพี่เหมือนหนึ่งกับปลามาติดข้อง
ทุรนร้อนรักรึงคะนึงปองถ้าเจ้าไม่ปรองดองก็ถึงตาย
เหลือที่พี่จะโศกโรครักร้างช่วยรักษาพี่บ้างพอห่างหาย
เชิญเจ้าผินหน้ามาหาพี่ชายพูดภิปรายพอให้พี่มีน้ำใจ ฯ
๏ ครานั้นนวลนางศรีมาลาได้ฟังวาจายิ่งรักใคร่
แต่หากมารยาแกล้งว่าไปนี่อยากรู้ว่าใครให้เข้ามา
เป็นผู้ดีช่างไม่มีอัชฌาสัยไม่เกรงใจพ่อแม่แต่สักหน้า
รู้จักกันไม่ทันล่วงเวลาจะมาฆ่าแท้แท้แก้ว่ารัก
รักจริงนิ่งไยมิไปขอบอกแม่พ่อเป็นผู้ใหญ่ให้ประจักษ์
ล่วงเกินแล้วมาเชิญให้ทายทักนี่จะให้ใครสมัครไปทักทาย ฯ
๏ อนิจจาแก้วตาช่างว่าได้ไม่เห็นใจหรือว่ารักสมัครหมาย
พี่กล้ามาถึงตัวไม่กลัวตายก็เพราะรักโฉมฉายกว่าชีวิต
ถ้าสามารถอาจขอต่อพ่อแม่แน่แล้วพี่จะขอต่อพระพิจิตร
ท่วงทีก็จะสมอารมณ์คิดท่านเป็นมิตรกับบิดามาช้านาน
เมื่อนั่งกินข้าวเย็นเห็นหรือเปล่าท่านหยอกเย้าพี่อย่างว่าลูกหลาน
แต่สุดคิดเพราะติดราชการจะต้องคุมพวกทหารไปพรุ่งนี้
ถ้าร้างรักหักใจไปจากเจ้าทุกค่ำเช้าจะระทมดังตรมฝี
คงบรรลัยไม่ทันเป็นไมตรีใช่ว่าพี่จงจิตจะคิดร้าย
เพราะขัดขวางอย่างอื่นไม่คิดเห็นจำเป็นจึงเข้ามาหาโฉมฉาย
ถ้าเจ้าไม่ปรานีพี่ยอมตายขอฝากกายไว้ในห้องของน้องรัก ฯ
๏ ศรีมาลาฟังความพลายงามว่านางตรึกตราทุกสิ่งจริงประจักษ์
นึกถึงตัวกลัวอายยิ่งร้ายนักเหมือนชวนชักชายไว้ที่ในเรือน
ถึงเพียงนี้แล้วที่ไหนจะไปจากยากที่จะผลัดวันประกันเลื่อน
ทั้งใจนางความรักก็ตักเตือนจึงลุกเบือนหน้าค้อนเข้าพลายงาม
อ้อชาวกรุงศรีเช่นนี้เจียวฉลาดเฉลียวลิ้นลมเป็นคมหนาม
จะว่าไรแก้ไขได้ทุกความมิน่าหญิงวิ่งตามกันปรอปรอ
ขึ้นมาถึงพิจิตรติดผู้หญิงครั้นติดทัพกลับนิ่งไม่สูขอ
ไปทัพก็ไม่ไปไถลรอจนแม่พ่อหลับใหลเข้าในเรือน
ไม่คบค้าก็ว่าจะบรรลัยชาวบ้านนอกที่ไหนใครจะเหมือน
ถ้าหญิงใดใจเบาให้เจ้าเชือนไม่ถึงเดือนก็จะทิ้งวิ่งไปทัพ
ปล่อยนางร้างเปล่าอยู่ข้างนี้ต้องให้คอยร้อยปีไม่มีกลับ
ให้เสียตัวชั่วช้ำระกำยับเพราะสับปลับหลงเสน่ห์เล่ห์ชาวกรุง
ฉันขอบคุณที่อุตส่าห์รักษาไข้ไปเสียเถิดพ่อไปจะใกล้รุ่ง
ถ้าพ่อแม่รู้ความจะลามนุงจะโกรธยุ่งไม่ได้ดังใจปอง ฯ
๏ น้องเอ๋ยที่จะไปอย่าได้คิดสิ้นชีวิตก็จะตายอยู่ในห้อง
พี่ไม่ลวงหลอกดอกนะน้องจะครอบครองเป็นคู่อยู่จนตาย
ปรานีพี่เถิดอย่าเฝ้าดื้อได้ถูกถือแล้วเช่นนี้ไม่มีหน่าย
ว่าพลางอิงแอบเข้าแนบกายเจ้าพลายจับต้องจะลองใจ ฯ
๏ ศรีมาลาป้องปัดสะบัดเบี่ยงเขาว่าแล้วยังเมียงเข้ามาใกล้
สัญญาว่าแต่ปากยากอะไรอย่าด่วนได้นะจงยั้งตั้งใจคิด
ถ้าจริงใจก็ให้ความสัตย์ก่อนให้แน่นอนภายหน้าว่าสุจริต
เชื่อได้จึงจะปลงลงเป็นมิตรถ้าเบือนบิดอย่าสำรวยให้ป่วยการ ฯ
๏ จริงจริงกระนั้นหรือน้องแก้วมันก็แล้วมิให้น้องต้องว่าขาน
พี่จะให้ความสัตย์ปฏิญาณขอบันดาลเทพยดาจงมาฟัง
ถ้าพี่นี้ทิ้งขว้างร้างหย่าไม่เลี้ยงเจ้าศรีมาลาไปวันหลัง
ขอให้มีอันเป็นเห็นจริงจังลงนรกตกกระทั่งถึงโลกันต์
พี่ให้สัตย์ปฏิญญาณอย่างนี้แล้วน้องแก้วยังสงสัยหรือไรนั่น
เชิญเจ้าช่วยรับรักพี่หนักครันจะหวาดหวั่นต่อไปไม่ต้องการ ฯ
๏ เห็นแล้วหม่อมพี่ที่รักน้องคงปรองดองร่วมรักสมัครสมาน
แต่ฉันยังเป็นไข้ให้สะท้านขอผัดพอนานนานจะตามใจ
เจ้าพลายรู้ใจไข้มารยาไม่รอช้ากอดรัดกระหวัดไขว่
ประจงจูบลูบลอดในสไบนางผลักไสอยู่จนพับกับที่นอน
ทั้งหนุ่มสาวคราวแรกภิรมย์รักไม่ประจักษ์เสนหามาแต่ก่อน
กำเริบรักเหลือทนทุรนร้อนพอร่วมหมอนก็เห็นเป็นอัศจรรย์
เหมือนเกิดพายุกล้ามาเป็นคลื่นครืนครืนฟ้าร้องก้องสนั่น
พอฟ้าแลบแปลบเปรี้ยงลงทันควันสะเทือนลั่นดินฟ้าจลาจล
นทีตีฟองนองฝั่งฝาท้องฟ้าโปรยปรายด้วยสายฝน
โลกธาตุหวาดไหวในกมลทั้งสองคนรสรักประจักษ์ใจ ฯ
๏ ครานั้นนวลนางศรีมาลาเสนหาพะวงหลงใหล
แอบผัวเคียงข้างไม่ห่างไกลเอาสไบซับเนื้อที่เหื่อนอง
พัดพลางถามผัวกลัวอิดโรยหิวโหยหรือข้าจะหาของ
เจ้าพลายสวมสอดกอดประคองได้แนบน้องเนื้อนิ่มพี่อิ่มทิพย์
กินอยู่ไม่ต้องกล่าวทั้งคาวหวานขึ้นสวรรค์เห็นวิมานอยู่หวิบหวิบ
ต่าคะนึงคลึงเคล้าเฝ้ากระซิบงุบงิบกันจนม่อยผ็อยหลับไป ฯ
๏ จวนอรุณเรื่อฟ้านภาแผ้วไก่แก้วขันเร่งปัจจุสมัย
ศรีมาลาตื่นนอนถอนฤทัยด้วยจำใจจะต้องพรากจากผัวนั้น
นางล้างหน้าทาแป้งแล้วหวีหัวค่อยขยับจับตัวผัวปลุกสั่น
ตื่นเถิดจวนจะแจ้งแสงตะวันอยู่ด้วยกันช้าไปจะได้อาย
เจ้าพลายตื่นฟื้นตัวมัวแต่จูบโลมลูบอยู่ใม่ใคร่จะผันผาย
จะเหินห่างนางไปให้เสียดายซังตายลุกมาล้างหน้าพลัน
ศรีมาลามพาไปที่เครื่องแป้งตกแต่งแป้งร่ำน้ำดอกไม้กลั่น
เจือกระแจะปรุงประทิ่นกลิ่นจวงจันทน์นางจัดสรรให้ผัวแต่งตัวไป
เจ้าพลายประแป้งแต่งตัวแล้วจะคลาดแคล้วสะท้อนถอนใจใหญ่
นั่งลงอุ้มนางวางตักไว้ยิ่งอาลัยยิ่งอนาถไม่อาจจร ฯ
๏ ครานั้นนวลนางศรีมาลาเจ้าโศกาสะอึกสอื้นอ้อน
นึกได้เหลียวหน้ามาว่าวอนคิดก่อนนะจะไปไกลจากน้อง
เรื่องของเราผู้ใหญ่ไม่รู้ความต้องคิดอ่านลากหนามไว้จุกช่อง
พ่อไปเผื่อใครจะขอร้องอย่าให้ต้องขืนขัดคำบิดา
ถึงน้องจะยากเข็ญเป็นอย่างไรก็คงจะเอาใจไว้รอท่า
เสร็จราชการทัพจงกลับมาอย่าเชือนช้าให้ม้วยด้วยตรอมใจ
พลายงามความอาลัยใจละเหี่ยฟังเมียไม่กลั้นน้ำตาได้
พี่นี้เหลือที่จะห่วงใยพี่จะไปบอกพ่อให้ขอน้อง
ถึงกระไรให้ขอพอได้หมั้นป้องกันมิให้ใครเกี่ยวข้อง
ถ้าหากว่าบิดาไม่ปรองดองถึงจะต้องฟันคอมิขอไป
อย่าวิตกหมกไหม้เลยน้องแก้วไปแล้วพี่หาลืมปลื้มจิตไม่
เจ้าจงจำคำสัตย์ของพี่ไว้เสร็จศึกเมื่อไรจะรีบมา
อย่าร้องไห้ไปนักจงฟังพี่พรุ่งนี้ใครเห็นจะผิดหน้า
ว่าพลางทางช่วยเช็ดน้ำตาแล้วจูบซ้ายย้ายขวาจะลาจร
ศรีมาลาอาลัยใจจะขาดนางมิอาจดูหน้าดังแต่ก่อน
ผละผัวตัวเจ้าเข้าที่นอนลงแอบหมอนซ่อนหน้าโศกาลัย ฯ
             

๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงามแลตามเมียขวัญให้หวั่นไหว
รามรามจะใคร่ตามกลับเข้าไปแต่จนใจจะกระจ่างสว่างฟ้า
หักใจเดินออกมานอกห้องค่อยค่อยย่องบังเงาเข้าริมฝา
ถึงหอนั่งตั้งใจจะไสยาเห็นบิดาตื่นอยู่ก็ตกใจ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดาเห็นพลายงามถามว่ามาแต่ไหน
เจ้าพลายทำเฉยเอ่ยตอบไปฉันปวดท้องลงบันไดไปที่เว็จ
ขุนแผนว่าเว็จไหนในเมืองนี้ถึงกับมีเครื่องแป้งแต่งตัวเสร็จ
หน้าตาทาแป้งเป็นเม็ดเม็ดกูรู้เช่นเห็นเท็จอย่าหลอกลวง
มาอยู่บ้านพระพิจิตรผู้บิดาพระคุณท่านมีมาเป็นใหญ่หลวง
เอ็งนี้จ้วงจาบละลาบละล้วงบังอาจล่วงลูกท่านผู้มีคุณ
หากว่าติดนิดหนึ่งด้วยการทัพหาไม่กูจะขับลงใต้ถุน
ไม่ถูกหวายลายพร้อยก็เป็นบุญทำวุ่นแล้วจะว่าประการใด ฯ
๏ ครานั้นพลายงามทรามสวาทฟังพ่อบริภาษหาเถียงไม่
คิดไปได้ทีก็ดีใจกราบไหว้ว่าลูกนี้ผิดจริง
ด้วยความรักอักอ่วนเหลือกำลังราวจะคลั่งจะใคล้ไปทุกสิ่ง
มิรู้ที่จะสลัดตัดทิ้งถ้าขืนนิ่งไปศึกนึกว่าตาย
จะพึ่งบุญคุณพ่อช่วยขอสู่ก็ว่าจะไม่อยู่ตอนบ่าย
คิดไปไม่ตลอดจะวอดวายจึงปีนป่ายเข้าห้องน้องศรีมาลา
อ่อนก็เป็นมิตรจิตไม่แหนงคุณพ่อก็เห็นแป้งที่ประหน้า
ลูกได้ให้คำมั่นเป็นสัญญาว่าจะบอกบิดาให้ขอร้อง
ถึงกระไรได้หมั้นพอกันเท็จการเบ็ดเสร็จไว้ว่าเมื่อขาล่อง
คุณพ่อโปรดด้วยช่วยปรองดองจะได้คล่องอกใจไปราวี ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิทนิ่งคิดใคร่ครวญดูถ้วนถี่
การทั้งปวงล่วงเลยถึงเเพียงนี้จะทิ้งไปไม่ดีเป็นเนรคุณ
อองามก็หลงจนงงงวยไม่ช่วยไปข้างหน้าจะว้าวุ่น
ตกกระไดพลอยโผนโจนตามบุญทำเป็นหุนหันโกรธเจ้าพลายงาม
อ้ายลูกนอกพ่อก่อความร้อนเมื่อแต่ก่อนทำไมไม่ไต่ถาม
เอาแต่ใจหนุ่มตะกรุมตะกรามเกิดความแล้วมาง้อพ่อทำไม
ถ้าไม่รักพระพิจิตรผู้บิดากูหาพักพูดจาให้มึงไม่
ลูกของท่านท่านรักดังดวงใจมึงทำให้เสียตัวเหมือนชั่วช้า
ก็จะต้องแก้ไขเสียให้หายอย่าให้ท่านอับอายขายหน้า
ถ้าวันหน้าทิ้งขว้างนางศรีมาลากูมิฆ่าอย่านับว่าเป็นชาย
เจ้าพลายดีใจกราบไหว้พ่อข้อนั้นมิให้มีที่เสียหาย
ว่าพลางล้างหน้าทั้งสองนายแล้วเยื้องกรายออกมาอยู่หน้าเรือน ฯ
๏ จะกล่าวถึงนวลนางศรีมาลาโศกาอาลัยใครจะเหมือน
กอดหมอนถอนใจให้ฟั่นเฟือนนอนแชเชือนจนเช้าเจ้าไม่ลุก
อีเม้ยเห็นนายยังหายเงียบค่อยย่องเกรียบไถลเข้าไปปลุก
เห็นนายเฉยเลยทำเหมือนเป็นทุกข์ลงนั่งปุกแกล้งสะท้อนแล้วถอนใจ
อนิจจาขัดสนช่างจนยากแต่จะหาใส่ปากมิใคร่ได้
ยังมาซ้ำฝันเห็นให้เป็นไปว่าเทพไทเธอมาเมื่อคืนนี้
กลับไปเมื่อใกล้จะสว่างไปกลางทางเธออยากหมากบุหรี่
เบี้ยหอยแต่สักร้อยก็ไม่มีจะเอาที่ไหนไปให้เทวดา
นายตื่นจะต้องขึ้นค่าตัวใช้ด้วยสงสารเทพไทเป็นหนักหนา
น่าเอ็นดูเธอสู้เหาะลงมาถ้านายไม่เมตตาจะเสียใจ ฯ
๏ ศรีมาลาไม่อินังกำลังเฉยฟังอีเม้ยแก้ฝันไม่กลั้นได้
ลุกขึ้นมาต่อยหัวตัวจัญไรไม่มีเลือกเสือกไปเที่ยวล่วงรู้
มึงอย่าพูดมากปากสำรวยมานั่งช่วยกันทำเสียสักครู่
ว่าพลางเจียนหมกแล้วจีบพลูบุหรี่มีในตู้เอาแก้มัด
เย็บกระทงประจงเจียนฝาชีใส่หมากพลูบุหรี่ที่นางจัด
ทั้งของกินระหว่างทางอัตคัดใส่ขวดอัดผูกผ้าตราประทับ
จัดเสร็จซ่อนใส่ในตะกร้าแล้วเอาผ้าซ้อนซ้ำเป็นลำดับ
เอ็งเอาไปให้ดีอีเม้ยรับของคำนับเทวดาที่หามึง ฯ
๏ ครานั้นพระพิจิตรบุษบาสั่งผู้คนจนเวลาสักโมงครึ่ง
เบิกเสบียงเลี้ยงกันอึงคะนึงครั้นเสร็จจึงออกมาหาสองนาย
พอนั่งลงบุษบาก็เรียกไปศรีมาลาเป็นไรไปไหนหาย
พ่อแผนจะไปแต่ในงายสายแล้วสำรับไม่ยกมา
อีเม้ยบอกไปใจคอหายผงเข้าตานายเมื่อล้างหน้า
ยังปวดแสบเต็มที่เห็นยี่ตาบุษบาว่ามึงเป็นแต่เล่นลิ้น
ทิ้งนายมานั่งตั้งสำออยสักหน่อยตาอ่อนจะบวมปลิ้น
ชาติอีมอญหน้าเป็นเห็นแก่กินน้ำขมิ้นไม่เอาไปหยอดตา ฯ
๏ เจ้าพลายได้ฟังนั่งนึกขันอีคนนี้สำคัญมันหนักหนา
คงรู้เห็นเป็นใจกับศรีมาลานึกหน้าได้แล้วเมื่อคืนนี้
ที่เข้าไปช่วยเหลือเมื่อนางแน่แล้วช่วยปดพ่อแม่เป็นถ้วนถี่
นิ่งนึกตรึกตรองเห็นช่องดีได้ทีบอกบุษบาพลัน
คุณแม่แก้ผงเข้าตาช้ำถ้าลืมตาในน้ำดีขยัน
กระตุกหนังตาช่วยไปด้วยกันทำอย่างนั้นก็จะหายระคายตา ฯ
๏ บุษบาได้ฟังนั่งหัวร่อพ่อคุณอารีดีหนักหนา
อีเม้ยมึงจำเอาตำราไปบอกศรีมาลาเหมือนพ่อพลาย
แล้วหันหน้ามาพูดกับขุนแผนแม่นี้แค้นตัวเองมิรู้หาย
มีลูกก็ไม่เห็นเป็นผู้ชายยังเสียดายอยากได้ไว้สักคน ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดาเห็นสบท่าตอบต่ออนุสนธิ์
ลูกได้พึ่งฝ่าเท้าเมื่อคราวจนมีพระคุณเป็นพ้นคณนา
แต่ตริตรองจะสนองพระคุณตอบคิดดูรอบคอบเป็นหนักหนา
ยังไม่เห็นสิ่งใดในปัญญาจนขึ้นมาถึงพิจิตรบุรี
มาถึงก็รำพึงแต่เย็นวานเห็นการสมควรเป็นถ้วนถี่
คุณพ่อแม่ลูกชายนั้นไม่มีอองามนี้ลูกจะยกให้ช่วงใช้
ให้แทนคุณต่างตัวทั้งแม่พ่อตามแต่จะตีด่าหาว่าไม่
คุณพ่อจะเห็นเป็นอย่างไรใจเด็กก็สมัครรักฝ่าเท้า ฯ
๏ ครานั้นพระพิจิตรบิดาฟังว่าเต็มใจให้ลูกสาว
ยิ้มแล้วตอบความตามเรื่องราวอย่าต้องกล่าวอุปไมยไปเป็นเพลง
เจ้าว่าข้าก็เห็นว่าเป็นมิตรที่จริงจิตคิดดูก็เหมาะเหม็ง
แต่เป็นชาวบ้านนอกยังออกเกรงลูกข้าเองมันไม่สู้รู้อะไร
เป็นแต่คนซื่อซื่อไม่ดื้อดึงจะเอาถึงชาวกรุงนั้นไม่ได้
ฉวยวันหน้าถ้าลูกไม่ถูกใจเจ้าจะทำฉันใดอย่าให้อาย ฯ
๏ ขุนแผนนบนอบตอบพระพิจิตรข้อนั้นลูกก็คิดเป็นเหลือหลาย
เอาทานบาดคาดทานบนจนออพลายหายวิตกแล้วลูกจึงพูดจา
อันเช่นศรีมาลานารีถึงในที่กรุงศรีก็สุดหา
ทั้งรูปร่างท่วงทีกิริยาพอลูกมาเห็นลูกก็ถูกใจ
ถึงอองามจะเป็นเจ้าพระยาแขกไปใครมาก็รับได้
ทั้งตัวลูกก็จะอยู่ดูไปคงมิให้อับอายขายฝ่าเท้า ฯ
๏ พระพิจิตรจึงว่าถ้ากระนั้นพอเชื่อกันวางใจที่ในเจ้า
แต่บุษบาจะว่าข้าใจเบาลูกของเจ้าเจ้าถามบ้างเป็นไร ฯ
๏ บุษบาได้ฟังนั่งอมยิ้มใจสมัครรักปิ้มจะบอกให้
แต่คิดคิดก็ตะขิดตะขวงใจเป็นผู้ใหญ่จู่ลู่จะดูแคลน
จึงว่าลูกข้าก็คนเดียวขับเคี่ยวมาแต่น้อยคอยหวงแหน
ขอไปแม่จะได้ที่ไหนแทนพ่อแผนก็จำเพาะมาเจาะจง
เพราะรักเจ้าล้นเหลือเหมือนเนื้อไขไม่ขัดได้จำตามความประสงค์
แต่ทว่าข้าจะบอกออกตรงตรงยังนึกสงสัยบ้างทางเจ้าพลาย
มีธุระทางไกลไปเมืองลาวสาวสาวทางนั้นมันมากหลาย
ถ้ากระไรไปถูกลูกเจ้านายที่พูดกันมันจะกลายเป็นเหลวเลอะ
จะทำให้เสียหายฝ่ายผู้ใหญ่เกิดระกำช้ำใจกันไปเถอะ
เขาจะว่าข้านี้เป็นคนเคอะช่างซมเซอะไม่รู้จะดูชาย
ที่ว่านี้มิใช่จะตัดรอนรักเจ้ามาแต่ก่อนนั้นเหลือหลาย
จะควักแก้วตาไปให้เจ้าพลายก็เบี่ยงบ่ายอย่างไรให้มั่นคง ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงามคิดแล้วกล่าวความตามประสงค์
ถ้าหากท่านผู้ใหญ่ได้ตกลงที่ตรงดีฉันนั้นอย่าแคลง
ถึงจะไปนอกฟ้าป่าหิมพานต์อันที่การนอกใจอย่าได้แหนง
แม้จะให้สัญญาปิดตราแดงจะขีดแกงไดให้ในสัญญา
ถึงเด็กอยู่รู้พระคุณแต่หนหลังพ่อแม่เล่าให้ฟังเป็นหนักหนา
จะขอเป็นเกือกทองรองบาทาคุณแม่พ่อขออย่าได้ปรารมภ์
ขุนแผนพ่อพูดต่อเจ้าพลายงามความที่มันสัญญาน่าจะสม
เห็นจะไม่โกหกพกลมแต่นานนมหนักไปก็ไม่ดี
ลูกคิดว่าถ้าหมั้นต่อกันไว้ถึงห่างไกลก็พะวงตรงที่นี่
เหมือนตัวไปใจอยู่ด้วยคู่มีอย่างนี้เป็นทำนองที่ป้องกัน
วันนี้ก็ประเสริฐเลิศดิถีจงปรานีรับรองซึ่งของหมั้น
แล้วจึงทำเหย้าเรือนหาเดือนวันการเหล่านั้นฝากไว้ในเจ้าคุณ
ด้วยจะต้องไปทัพรับอาสาการของลูกข้างหน้ายังว้าวุ่น
คุณพ่อแม่เมตตาได้การุญให้อุ่นอกเช่นครั้งแต่หลังมา ฯ
๏ ครานั้นจึงท่านพระพิจิตรทั้งบุษบาสมคิดก็หรรษา
รับทองหมั้นไว้มิได้ช้าพระพิจิตรจึงว่าเป็นไรมี
เจ้าคิดอ่านการศึกเอาเชียงใหม่ถ้าคล่องใจคงสำเร็จราวเดือนยี่
ยังจะต้องคุมทัพกลับธานีก็เดือนสี่แลประมาณการวิวาห์
ครั้นตกลงปลงใจให้กันแล้วต่างคนผ่องแผ้วเป็นหนักหนา
สำรับพร้อมล้อมนั่งกินข้าวปลาสนทนาเบิกบานสำราญใจ
เลี้ยงดูกันสำเร็จเสร็จสรรพพ่อลูกลากลับหาช้าไม่
พระพิจิตรมาส่งลงบันได้ออกจากจวนไปยังวัดจันทร์ ฯ
๏ ฝ่ายอีเม้ยดักทางอยู่ข้างบ้านพอขุนแผนเดินผ่านพ้นที่นั่น
กระแอมไอให้เสียงเป็นสำคัญเจ้าพลายหันมาดูก็รู้ที
จึงหลีกเข้าข้างทางหว่างต้นไม้ถามว่ามาทำไมจนถึงนี่
อีเม้ยบอกว่าตะกร้านี้มีของดีจะขายพ่อพลายงาม
เจ้าพลายยิ้มแล้วว่าข้าอยากได้จะถูกแพงเท่าไรไม่ต้องถาม
รับตะกร้ามาให้ไพร่แบกตามเอาเงินสามตำลึงส่งให้อีเม้ย
แล้วค่อยงุบงิบกระซิบสั่งกลับหลังเข้าเรือนอย่าเชือนเฉย
ถ้านายยังร้องไห้ไม่เสบยเจ้าคนเคยปฏิบัติอยู่อัตรา
ปลอยโยนนางไว้อย่าให้เศร้าตัวเจ้าจงพิทักษ์รักษา
ให้เป็นสุขค่ำเช้าจนเรามาเงินตราข้าจะเติมเพิ่มรางวัล
ว่าแล้วเท่านั้นก็ผันผายเจ้าพลายปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
รีบตามบิดามาวัดจันทร์แล้วช่วยกันจัดพหลพลโยธี ฯ
๏ ครั้นเรียกคนสำรวจตรวจถ้วนจัดกระบวนหน้าหลังตั้งตามที่
พระพิจิตรมาช่วยอวยสวัสดีแล้วคลายคลี่พหลพลโยธา
กองหน้านายจันสามพันตึงพอฆ้องหึ่งโห่กระหน่ำออกนำหน้า
กองหลวงกองเสบียงเรียงกันมาราชอาญากองหลังนั้นรั้งพล
พวกชาวบ้านร้านตลาดดาษดื่นแตกตื่นมาดูอยู่สับสน
ที่ตามวัดก็พระประน้ำมนตร์ขุนด่านนำส่งจนพ้นพรมแดน ฯ
๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายงามขี่ม้ามาตามพ่อขุนแผน
ยังง่วงเหงาหาวนอนนั่งคลอนแคลนทรวงแสนกระสันโศกวิโยคครวญ
โอ้ว่าศรีมาลาแก้วตาพี่ป่านฉะนี้จะเศร้าเฝ้าโหยหวน
เหมือนใจพี่ที่นึกคะนึงนวลใครจะชวนโฉมฉายให้คลายใจ
ที่พูดกันเมื่อเช้าถ้าเจ้ารู้ว่าขอสู่แม่พ่อก็ยกให้
เห็นจะวายหวาดหวั่นพรั่นฤทัยนั่งนับวันไปจนถึงงาน
ค่ำเช้าเจ้าคะนึงถึงตัวพี่พอมีที่แก้ไขได้คิดอ่าน
ตระเตรียมจัดแจงแต่งเรือนชานแก้รำคาญเบ่งบานที่เศร้าใจ
๏ เออเมื่อคิดขึ้นมาก็น่ารู้ว่าเนื้อคู่คิดเห็นเป็นไฉน
จะตกแต่หอห้องทำนองใดใครจะเป็นที่ปรึกษาหารือนาง
คู่คิดเจ้าก็มีแต่อีเม้ยมันเป็นไพร่ไม่เคยคงพานขวาง
จะชวนซื้อหาใหม่ไปทุกทางของเก่ามีดีบ้างไม่นำพา
เครื่องเรือนในห้องของน้องแก้วล้วนดีดีมีแล้วก็หนักหนา
พี่ยังได้ชมเล่นเห็นแก่ตาจะต้องหาใหม่นั้นมีเพียงไร
๏ เตียงนอนค่อนจะแคบอยู่สักนิดแต่ก็ดีที่ชิดพิสมัย
ถึงหนาวร้อนก็ไม่นอนห่างกันไปอย่าต้องหาเตียงใหม่เลยน้องรัก
ม่านกรองทองทับสลับสีเรื่องระเด่นมนตรีที่เจ้าปัก
มันถูกเรื่องของเราเข้าทีนักจะเยื้องยักปักใหม่ไม่ต้องการ
ถ้ากระไรปักต่อก็จะดีเติมเมื่อตรงศึกชีอีกสักม่าน
ยังเครื่องแป้งแต่งไว้ไม่มีปานขันพานขวดน้อยน้อยน่าเอ็นดู
เมื่อคืนนี้ตอนดึกยังนึกได้เจ้าพาไปนั่งเรียงเคียงคู่
เครื่องเชี่ยนหมากนากทองของโฉมตรูยังติดตาพี่อยู่ทุกสิ่งอัน
พี่จะปลูกหอใหม่ให้ใหญ่กว้างทั้งของนางของพี่จะจัดสรร
ของของพี่มีมากหลากหลากกันเครื่องอาวุธยุทธภัณฑ์ก็ดีดี
๏ ยังเครื่องรางปลุกเสกด้วยเลขยันต์หรือขวัญข้าวเจ้ารังเกียจด้วยเกลียดผี
ก็ไว้ที่อื่นได้เป็นไรมีพี่จะสร้างหอน้อยเป็นหอพระ
ที่ในห้องของเราเอาพรมปูวางหมอนคู่เคียงไว้ไม่เกะกะ
ไว้นอนเล่นเย็นเช้านะเจ้านะพี่จะเฝ้าถนอมกล่อมน้องยา
ถึงจะนั่งกินข้าวทั้งเช้าเย็นเราอย่าให้ใครเห็นจะดีกว่า
ได้หยอกเอินพูดเล่นเจรจากินข้าวปลาเอิบอิ่มกระหยิ่มใจ
ทำไมกับเรื่องเครื่องเรือนชานจะเบิกบานก็ที่ชิดพิสมัย
ชั้นชั่วเสื่ออ่อนกับหมอนใบก็คงได้ความสุขทุกคืนวัน
๏ กำลังง่วงดวงจิตคิดเลื่อนเปื้อนเจ้าพลายฟั่นเฟือนเหมือนกับฝัน
สำคัญว่าเนื้อคู่อยู่ด้วยกันยิ่งยั่วยวนสรวลสันต์จำนรรจา
พี่ยังทุกข์อยู่นิดคิดไม่ถูกเผื่อเจ้าจะมีลูกในวันหน้า
พี่เห็นเขาเจ็บท้องร้องเต็มประดาแก้วตาจะอย่างไรก็ไม่รู้
เขาว่ามดถ่อหมอตำแยมักเชือนแชข่มขยำทำจู่ลู่
ถ้าหากไม่คอยนั่งระวังดูเคยลากถูจนตายมาหลายคน
พี่จะคอยถือตระบองมองกำกับถ้าสัปปลับเอาอย่างนี้ตีให้ป่าน
เคลิ้มฟาดแส้ม้ามาประดนถูกก้นม้าพ่อเข้าพอแรง ฯ
๏ ม้าผลุนขุนแผนเจียนจะตกหากแอบอกอยู่ที่ด้วยขี่แข็ง
พอรั้งอยู่เหลียวมาโกรธหน้าแดงนี่มึงแกล้งหรือไรให้ว่ามา
เจ้าพลายตกใจไม่มีขวัญบอกความพ่อพลันไม่มุสา
ลูกหลับใหลฝันไปว่าศรีมาลาเจ้าจะคลอดลูกยาเจ็บครวญคราง
เห็นยายหมอตำแยแกมักง่ายทำจู่ลู่ดูดายเมื่อลูกขวาง
เกรงจะเป็นอันตรายวายวางลูกตีแกดังผางพอถูกม้า
เพราะเคลิ้มเขลาเมามัวด้วยความฝันใช่จะแกล้งตีรันไม่มุสา
สีหมอกก็ได้มีพระคุณมาคุณพ่อได้เมตตาที่โทษกรณ์ ฯ
             

๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิทฟังลูกคิดคิดก็ใจอ่อน
นี่แลรักชักพาให้อาวรณ์ร้อนทั้งหลับตื่นทุกคืนวัน
ว่าแล้วนิ่งนึกตรึกตราอองามหลงศรีมาลาจนใฝ่ฝัน
ด้วยพึ่งแรกรู้จักความรักนั้นที่สำคัญทุกอย่างแต่ข้างดี
ลูกเอ๋ยยังไม่เคยรู้รสร้ายที่ความรักกลับกลายแล้วหน่ายหนี
อันเจ็บปวดยวดยิ่งทุกสิ่งมีไม่เท่าที่เจ็บช้ำระกำรัก
จะว่าเขาอื่นไกลไปไยเล่าถึงแม่เจ้าพ่อก็ช้ำระกำหนัก
ต้องทนทุกข์มากมายมาหลายพักจักแหล่นเลือดตาจะกระเด็น
เมื่อหนุ่มสาวคราวอยู่เป็นชู้ชื่นดังจะกลืนไว้ได้มิใช่เล่น
จะร่วมหอคลึงเคล้าทุกเช้าเย็นไม่คิดเห็นว่าจะพรากไปจากกัน
พอไปทัพกลับมาเห็นหน้านิดมันปลดปลิดผลาญรักหักสะบั้น
ต้องคับแค้นเพียงจะดิ้นสิ้นชีวันแต่โศกศัลย์โหยหาอยู่กว่าปี
สู้พากเพียรพยายามตามมาได้เที่ยวบุกป่าฝ่าไพรพากันหนี
ทนลำบากยากไร้ในพงพีไม่อาลัยชีวีเพราะความรัก
พอพ้นภัยหมายใจว่าพ้นทุกข์จะร่วมสุขอยู่เย็นเป็นแหล่งหลัก
เกิดวิบากผลกรรมมานำชักให้ไอ้มารผลาญรัก***ไป
ความแค้นแสนที่จะชอกช้ำก็มิรู้ว่าจะทำอย่างไรได้
เพราะตัวต้องทนทุกข์อยู่คุกในต้องเจ็บใจตรมมากว่าสิบปี
โอ้ว่าเจ้าวันทองน้องแก้วจะลืมพี่เสียแล้วกระมังนี่
ด้วยเริดร้างห่างนานเสียเต็มทีป่านนี้จะหลงบุญอ้ายขุนช้าง
หรือว่ายังมีจิตคิดคะนึงนึกถึงเพื่อนยากที่จากบ้าง
พี่คิดถึงเช้าเย็นไม่เว้นวางรำพึงพลางถอนใจอยู่ไปมา ฯ
๏ กองทัพยกออกนอกพิจิตรต้องเลียบชิดบึงบางที่ขวางหน้า
บางแห่งใหญ่โตมโหฬาร์เป็นที่ปลาอาศัยทั้งใหญ่น้อย
ดูจากหลังม้าเห็นคลาคล่ำบ้างโดดดำโผล่ผุดแล้วมุดถอย
ชะโดดุกอ้ายด้องขึ้นล่องลอยฝูงปลาสร้อยเป็นหมู่ดูคลับคล้าย
เทโพเทพาทั้งปลาช่อนเนื้ออ่นนวลจันทร์พรรณสวาย
สลิดสลาดปลาตะเพียนเวียนกรายหลากหลายว่ายแหวกอยู่ในบึง
ที่บางแห่งปลาชุมเหล่ากุมภาไล่ปลาฟาดหางดังผางผึง
พอได้ยินเสียงคนข้างบนอึงก็จมดึ่งหลีกหลบลงกบดาน
ยังเหล่าปักษาทิชาชาติเกลื่อนกลาดหาปลาเป็นอาหาร
กระทุงทองล่องลอยนทีธารเหนียงยานปากอ้าเอาราน้ำ
อ้ายงั่วดำด้นลงค้นปลาทั้งเหล่านกกระสาก็คลาค่ำ
นกยางยืนมองจ้องประจำพอพลบค่ำนกแขวกแกรกแกรกร้อง
ฝูงเหยี่ยวเที่ยวว่อนทั้งร่อนบินโฉบเฉี่ยวปลากินที่ในหนอง
ตะกรุมหัวเหม่เที่ยเร่มองขามันยาวก้าวท่องย่องสุ่มปลา
นกฝักบัวช้อนหอยแลปากห่างหลายอย่างต่างพรรณกันหนักหนา
ฝูงนกเกลื่อนกลาดดาษดาดูมาไม่สิ้นในถิ่นทาง
ยังพืชพรรณบุปผาลดาชาติก็ประหลาดมากมายเป็นหลายอย่าง
ล้วนผลิดอกออกใบในบึงบางต่างต่างน่าชมภิรมย์ใจ
ที่บางแห่งโกมุทบุษบันเป็นพืชพรรณติดต่อกอไสว
บ้างชูดอกออกฝักแล้วชักใบแลไปล้วนโกมุทจนสุดตา
เหล่าบัวสายรายกอกันห่างห่างพอสางสางก็ตระการบานบุปผา
ทั้งกระจับตับเต่าเถาสันตะวาในคงคาหลายอย่างต่างต่างพรรณ
พอเช้าตรู่หมู่ภมรร่อนมาถึงหึ่งหึ่งฟังจำเรียงเสียงสนั่น
เที่ยวซอกซอนเกสรบุษบันเลาะสรรรสหวานตระการใจ
ลมพัดเฉื่อยฉ่ำน้ำกระเพื่อมแลละเลื่อมริ้วริ้วปลิวไสว
ถึงแดดร้อนลมรื่นชื่นฤทัยทั้งนายไพร่เพลิดเพลินเดินชมมา ฯ
๏ พอพ้นแนวหนองคลองบึงบางก็เลี้ยวลัดตัดทางมากลางป่า
เป็นพงแซมแกมอ้อกอหญ้าคาทั้งซ้ายขวาสูงปรกดูรกชัฏ
เห็นแต่นกกระจาบคาบทำรังไม่มีทั้งสิงสาราสัตว์
ทางกันดารน้ำท่าสารพัดก็เร่งรัดรี้พลด้นเดินมา
พ้นป่าพงลงทางข้างตลิ่งถึงปากพิงเลี้ยวข้ามไปข้างขวา
เข้าทางป่าไม้ไพรพนาถึงพาราพิษณุโลกโอฆบุรี
ทั้งนายไพร่ไปวัดมหาธาตุไหว้พระชินราชชินสีห์
ขอให้มีชัยสวัสดีแล้วมาที่ศาลากลางวางท้องตรา
เจ้าพระยาพิษณุโลกกรมการอลหม่านเลี้ยงดูกันทั่วหน้า
พอพักไพร่หายเหนื่อยเลื่อยล้าก็ยกพลต่อมาเมืองพิชัย
ผู้รั้งกรมการด้านทางต่างเมืองต้อนรับไม่นิ่งได้
ยกฟากข้ามจากเมืองพิชัยไปถึงบ้านไกรป่าแฝกแล้วแยกมา
วันหนึ่งถึงเมืองสัชนาลัยกรมการผู้ใหญ่ก็พร้อมหน้า
เลี้ยงดูรับรองตามท้องตราพักอยู่สามเวลาในธานี ฯ
๏ ยกออกนอกเมืองสวรรคโลกข้ามโคกเข้าป่าพนาศรี
เจ้าพลายกระสันพันทวีรำลึกถึงนารีศรีมาลา
ถ้าแม้นแก้วตามาด้วยพี่จะชวนชี้ชมไม้ไพรพฤกษา
คิดพลางเดินพลางตามทางมาข้ามท่าเขินเขาลำเนาธาร
แลเห็นเขาเงาเงื้อมชะง่อนชะโงกเป็นกรวยโกรกน้ำสาดกระเซ็นซ่าน
โครมครึกกึกก้องท้องพนานต์พลุ่งพล่านมาแต่ยอดศิขรินทร์
เป็นชะวากวุ้งเวิ้งตะเพิงพักแง่ชะงักเงื้อมชะง่อนล้วนก้อนหิน
บ้างใสสดหยดย้อยเหมือนพลอยนิลบ้างเหมือนกลิ่นพู่ร้อยห้อยเรียงราย
ตรงตระพักเพิงผาศิลาเผินชะงักเงิ่นเงื้อมงอกชะแง้หงาย
ที่หุบห้วยเหวหินบิ่นทะลายเป็นวุ้งโว้งโพรงพรายดูลายพร้อย
บ้างเป็นยอดกอดก่ายระเกะระกะตะขรุตะขระเหี้ยนหักเป็นหินห้อย
ขยุกขยิกหยดหยอดเป็นยอดย้อยบ้างแหลมลอยเลื่อมสลับระยับยิบ
บ้างงอกเง้าเป็นเงี่ยงบ้างเกลี้ยงกลมบ้างโปปมเป็นปุ่มกระปุบกระปิบ
บ้างปอดแป้วเป็นพูดูลิบลิบโล่งตลิบแลตลอดยอดศิขรินทร์
เหล่ามิ่งไม้ไทรโศกอยู่ริมห้วยลมชวยหล่นตามกระแสสินธิ์
น้ำใสแลซึ้งถึงพื้นดินฟุ้งกลิ่นสุมามาลย์บานระย้า
สัตตบุษย์บัวแดงเข้าแฝงฝักพันผักพาดผ่านก้านบุปผา
แพงพวยพุ่งพาดพันสันตะวาลอยคงคาทอดยอดไปตามธาร
สาหร่ายเรียงเคียงทับกระจับจอกผักบุ้งงอกยอดชูดูสะอ้าน
ภุมรินบินเคล้าสุมามาลย์ในธาราปลาพล่านตระการตา
ชมพลางทางเดินเนิพนมรื่นร่มพรรณไม้ใบหนา
แลดูหมู่วิหคนกนานาสาลิกาพูดจ้ออยู่จอแจ
คุ่มขาบเขาขันสนั่นป่ากระสาจับกระสังส่งเสียงแซ่
กระลิงจับกิ่งประโลงแลคับแคไต่คางริมทางจร
ค้อนทองจับบนต้นกระถินแก้วจับแก้วกินแล้วบินร่อน
นกยูงจับยางแผ่หางฟ้อนกระทุงทองจับกระท้อนทำอ่อนคอ
กระจาบจ้อยดจนจับกระเจาเจ่าแซงแซวเซาจับสนดูซอมซ่อ
นกกระไนไก่ฟ้าพระยาลอนกกรอดพรอดจ้ออยู่กิ่งจันทน์
นกเขาจับเงื่อมเขาแล้วเคล้าคู่จู้หุกกูจู้ฮุกกูเฝ้าคูขัน
อัญชันจับกิ่งต้นชิงชันเบญจวรรณจับเจ่าเถาวัลย์เปรียง
ไก่ป่าวิ่งกรากกระต๊ากลั่นตัวผู้ขันเอกอี๊เอ๊กวิเวกเสียง
เข้ากินขุยคุ้ยเขี่ยยตัวเมียเมียงเห็นคนเลี่ยงลัดแลงเข้าแฝงกอ
นกกระทาราแต้แผ่ปีกปักขันชักปักกะจาดกะจ้าจ้อ
เห็นตัวเมียเขี่ยจังหวีดเข้ากรีดรอปักก้อป่องร่าดูน่าชม
เดินพลางชมพลางมากลางชัฎชักม้าหลีดลัดเข้าร่มร่ม
ตะวันชายบ่ายรังบังพนมเพลาลมตกตัดออกทางเตียน
ไฟป่าครอกหญ้าเพิ่งแตกอ่อนแผ่นดินร่อนแลโล่งตลิบเลี่ยน
หมู่สัตว์จตุบาทออกวาดเวียนบ้างหยอกกันหันเหียนหาคู่เคียง
พยัคฆีมีกำลังทะลวงโลดทะลึ่งโดดเท้าถีบปีบปะเปรี้ยง
มฤคกลัวตัวลอบลงหมอบเมียงบ้างหลีกเลี่ยงหลบเพริดเตลิดไป
ริมทางกวางทองดูผ่องผุดยั้งหยุดหย่งกีบบีบเสียงใส
กระทิงถึกโทนเที่ยวอยู่ในไพรกระบือเบิ่งเถลิงไล่กันดาดดง
อีเห็นเม่นหมีหมู่ชะมดกระจงจดจ้องกีบดูหยิบหย่ง
ละมั่งละมาดผาดเผ่นออกจากพงกระสู้ส่งซัดกระทิงออกวิ่งโทง
เสือดาวเดาะเราะรายหมายละมั่งช้างพังชักผากกระชากโผง
สมันเมินเดินดุ่มจากพุ่มโพรงออกเลียดินกินโป่งอร่อยไป
ตัดข้ามเขตระแหงแขวงเถินเดินเลยหาเยื้องเข้าเมืองไม่
สิบสี่วันดั้นเดินตามเนินไพรเกือบจะถึงเชียงใหม่อีกสองวัน
หยุดหนองโคกเต่าไม่เข้าบ้านพักทหารตั้งกองริมหนองนั่น
ชักหนามวงรอบเป็นขอบคันกำชับกันมิให้ใครเที่ยวไปมา ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงครามเรียกลูกชายพลายงามมาปรึกษา
เราเกือบถึงเชียงใหม่ใกล้พาราจะด่วนเข้ายุทธนาไม่สู้ดี
มันจับพระท้ายน้ำจำเอาไว้เราตรงไปคงหั่นบั่นเกศี
จะคิดลอบเข้าไปในบุรีดูท่วงทีแก้ไขเอาไทยมา
แล้วจึงเข้าประชิดติดนครเราผันผ่อนเช่นนี้จะดีกว่า
พ่อกับเจ้าเข้าไปแต่สองราไปเที่ยวหาพวกไทยให้พบพาน
ต้องปลอมตัวเป็นลาวพวกชาวเมืองเราหาเครื่องแต่งตัวเอาตามบ้าน
จำจะรีบเข้าไปอย่าได้นานหรือเจ้าจะคิดอ่านประการใด ฯ
๏ เจ้าพลายเห็นชอบตอบบิดาคุณพ่อว่าต้องจิตหาผิดไม่
ถ้าเรายกโยธาผ่าเข้าไปมันเห็นไทยพวกลาวจะร้าวราน
จะระมือลือเลื่องทั้งเมืองใหญ่มิทันได้คนโทษจะฉาวฉาน
อ้ายคนต้องจองจำจะรำคาญมันประหารตายสิ้นสิเสียที
ถ้าเราลอบเข้าไปให้พบก่อนจะได้ผ่อนผู้คนให้พ้นที่
เป็นกำลังรบลาวชาวบุรีทั้งไทยยลาวราวสักสี่ห้าร้อยคน
ปรึกษากันทั้งสองเห็นต้องใจแล้วเหลียวไปข้างหลังสั่งพหล
จงซุ่มซ่อนนอนั่งระวังตนคอยดูผู้คนจะไปมา
ครั้นกำชับสั่งพลทุกคนทั่วพ่อลูกแต่งตัวงามสง่า
ประจงคาดเครื่องอานทาว่านยาแล้วโพกผ้าประเจียดประจุฤทธิ์
พลายงามจับดาบขยับยืนขุนแผนจับฟ้าฟื้นอันศักดิ์สิทธิ์
บ่ายหน้ามาสู่บูรพาทิศตั้งจิตหมายหมาดพิฆาตลาว
ขยับยืนภาวนานัยน์ตาหลับตามตำรับบุราณอาจารย์กล่าว
นิมิตดูลมกลาออกขวายาวก็ยกก้าวตีนขวาแล้วคลาไคล
พ่อลูกลัดเลาะละเมาะเมืองแยกเยื้องเสียหาเข้าหนทางไม่
พอแลเห็นไร่แตงเข้าแฝงไม้ริมทางลาวชาวไร่เดินไปมา ฯ
๏ จะยกกลับจับกล่าวลาวพ่อลูกออกไปปลูกห้างไร่อยู่ชายป่า
ปลูกผักฟักแฟงทั้งแตงกวาถั่วงากล้วยกล้ายเป็นหลายพรรณ
เมื่อจะถึงที่ตายวายชีวิตให้หงุดหงิดง่านใจอยู่ไหวหวั่น
คิดจะคืนกลับหลังแต่ยังวันก็ชวนกันออกเดินดำเนินมา
ตาพ่อถือดาบงามย่ามตะพายลูกชายถือทวนขึ้นพาดบ่า
เอาน้ำเต้าสอดด้ามซ้ำห้อยมาโพกชมพูดูสง่าพากันเดิน
ตาพ่อเฒ่าออกหน้ามาดุ่มดุ่มเจ้าลูกหนุ่มตามไปไม่ห่างเหิน
เมื่อถึงวันจะบรรลัยให้บังเอิญเจ้าลูกเพลินรับซอพ่อรับแคน
โอหนออ่อเจ้าสาวคำเอ๋ยข้อยอยากเซ้ยสาวเวียงที่เชียงแสน
ขอให้ข้อยเบิ่งนางที่ต่างแดนข้อยแค่นใจตายแล้วแก้วพี่อา
เพี้ยงเอ๋ยปู่เจ้าในเขาเขินช่วยชักเชิญสาวเวียงมาเคียงข้า
เหล้าเข้มไก่หมูจะบูชาจะเซ่นส้าบวงสรวงเข้าแทรกใจ ฯ
๏ พ่อลูกร้องขับรับกันมาใกล้พฤกษาที่ขุนแผนเข้าอาศัย
ขุนแผนเห็นลาวซ้องร้องแต่ไกลกระซิบบอกลูกให้ระวังตัว
เห็นหรือไม่เเล่านะเจ้าพ่ออ้ายลาวซอแลไปไม่มีหัว
มันถึงที่มรณาแล้วอย่ากลัวจิกหัวฟันเสียให้พร้อมกัน
ต่างถอดดาบจากฝักยืนหยักรั้งพอลาวเดินมากระทั่งถึงที่นั่น
ดังองคตหนุมานชาญฉกกรจ์ทะลึ่งถลันด้วยกำลังไม่รั้งรอ
ขุนแผนฟันป่ายพลายงามฟาดฉะฉาดหัวเด็ดกระเด็นปร๋อ
เลือดพุ่งโชนเชี่ยวสองเกลียวคอลาวลูกพ่อล้มดิ้นลงสิ้นใจ
เหลือกตาหน้าเผือดเลือดไหลนองทั้งสองยินดีจะมีไหน
หยิบเอาหัวมาต่อคอเข้าไว้สนิทนั่งตั้งใจภาวนา
ขุนแผนซัดข้าวสารอ่านมนตร์ปลุกผีลาวผุดลุกขึ้นต่อหน้า
เคารพราบกราบเท้าทั้งสองราขุนแผนว่าสองผีมีนามใด
สองผีหมอบราบแล้วกราบกรานกระผมชื่อขนานมโนใหญ่
นั่นลูกข้อยชื่อน้อยศรีวิชัยเจ้าประสงค์สิ่งไรจึงขึ้นมา
ขุนแผนว่าขนานมโนใหญ่เราตั้งใจมุ่งมาดปรารถนา
จะขึ้นไปประจญปล้นพาราเจ้าช่วยพาตัวเราเข้าบุรี
ผีคำนับนรับแล้วก็ล้มลงพ่อลูกตรงเข้าเปลื้องเอาผ้าผี
เอาดาบตัดผมพลันด้วยทันทีสีชมพูโพกเกล้าก็เอามา
พ่อลูกนุ่งห่มใส่ผมช้องโพกสะพองเหมือนลาวพวกชาวป่า
ขุนแผนหยิบย่ามใหญ่ใส่ไหล่มาพลายงามคว้าทวนถือติดมือพลัน
ทั้งลูกทั้งพ่อหัวร่อร่าก็พากันเดินขมีขมัน
ถึงโคกเต่าเข้าเพลาจะสายัณห์พวกอาสาทั้งนั้นก็ตกใจ
บ้างก็เข้าซ่อนซุ่มในพุ่มชิดสำคัญคิดว่าเป็นลาวพวกชาวไร่
ขุนแผนไม่แวะวงตรงเข้าไปพวกอาสาสงสัยว่าลาวจริง
พากันมองดูไม่รู้จักไม่มีใครถามทักต่างแอบนิ่ง
ขุนแผนว่าอย่างไรไม่ไหวติงทหารรู้กรูวิ่งมาวันทา
เจ้าประคุณนุ่งห่มใส่ผมยาวช่างเหมือนลาวจริงจังไม่กังขา
ลูกได้แอบพินิจพิจารณาช่างแปลกหน้าแปลกกายคล้ายพุงดำ
พ่อลูกปลดผมแล้วเปลื้องผ้าแล้วสั่งว่าเราจะไปเสียในค่ำ
ถ้าช้าอยู่มันจะรู้ซึ่งเงื่อนงำลาวจะร่ำลือดังไปทั้งกรุงฯ
ทหารรับจับจัดผูกช้างม้าแล้วก็ยกโยธามากลางทุ่ง
อย่าอื้อฉาวชาวเมืองจะเฟื่องฟุ้งพอจวนรุ่งเข้าดงปลงม้าช้าง
ให้แฝพุ่มซุ่มซ่อนนอนจนค่ำกลางคืนร่ำรุดไปจนใกล้สว่าง
สองคืนสองวันดั้นเดินทางกระทั่งถึงบึงกว้างเข้าทันใด
ก็หยุดทัพจับจัดตัดไม้ปักชักหนามวงรอบขอบบึงใหญ่
สงบทัพยับยั้งตั้งมั่นไว้ด้วยทางใกล้จวนถึงสักครึ่งวัน
ช้างม้าหญ้าน้ำก็สำราญพวกทหารพักผ่อนนอนที่นั่น
เอากูบอานเรีบเรียงเข้าเคียงกันให้สองท่านแม่ทัพนั้นยับยั้ง ฯ
             

ตอนที่ ๒๙ ขุนแผนแก้พระท้ายน้ำ

ตอนที่ ๒๙ ขุนแผนแก้พระท้ายน้ำ

๏ จะกล่าวถึงพระนายท้ายน้ำลาวมันจำครบไว้ในคุกขัง
เป็นกึ่งปีได้ออกนอกฝาบังแทบจะคลั่งไคล้ไปด้วยใจตรอม
แสนรันทดอดอยากลำบากกายแต่ร้องไห้ไม่วายจนผ่ายผอม
ไม่ถูกน้ำเนื้อตัวก็มัวมอมต้องอดออมเฝ้าสะอื้นทุกคืนวัน
โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้วจะทิ้งลูกเสียแล้วหรือไรนั่น
ต้องทนทุกข์ทรมานมานานครันพระทรงธรรม์มิได้ใช้ผู้ใดมา
ทั้งเพี้ยกึ่งกำกงที่ส่งนางก็ครวญครางขุ่นคอยละห้อยหา
ทนลำบากยากแค้นแสนเวทนากินน้ำตาต่างข้าวทุกเช้าเย็น
พระท้ายน้ำร่ำไห้ใจจะขาดโอ้อนาถยากแค้นนี้แสนเข็ญ
เหมือนมาอยู่ในนรกตกทั้งเป็นไม่ว่างเว้นโพยภัยกระไรเลย
แต่อ้ายหลอออสามันผาสุกมาปรับทุกข์กันบ้างเป็นไรเหวย
ช่างหน้าเป็นเล่นหัวมัวเสบยดูเชิงเฉยไม่ช้ำระกำใจ
ตาหลอว่าคุณพ่อก็ติดคุกถึงจะทุกข์จะทำอย่างไรได้
ต้องแช่มชื่นกลืนกล้ำด้วยจำใจจะดิ้นรนร้องไห้ก็ไม่พ้น
พระท้ายน้ำร่ำว่าอ้ายหลอเอ๋ยท่านละเลยเรานี้ให้ปี้ป่น
ประหลาดนักนอนพระทัยไม่ใช่คนให้กรูกรีรี้พลมาแก้กัน
ตาหลอว่าคุณพ่ออย่าดิ้นโดดคุณกับโทษมันก็เท่ากันอยู่นั่น
ถึงจะยกโยธามาประจัญลาวขยันมิใช่เล่นเห็นแก่ตา
ฝีมือศึกสอยดาวท้าวกรุงกาฬทหารปราบเมืองแมนแสนเพชรกล้า
ผิดพ่อแผนแม้นใช้ผู้ใดมาเหมือนเร่งให้มันฆ่าเสียเร็วพลัน
เมื่อเรายกแกยังนั่งติดคุกจะขุกเข็ญเป็นตายอย่างไรนั่น
ขุนนางไทยใครอื่นสักหมื่นพันเห็นไม่ทันมือลาวชาวเชียงอินทร์
พระท้ายน้ำฟังคำของตาหลอเอออ้ายพ่อเอ็งว่าก็จริงสิ้น
กูเล็งไม่เห็นใครในแผ่นดินที่จะภิญโญยิ่งขุนแผนไป
เจ้าประคุณเทวาสุราฤทธิ์ซึ่งสถิตในเศวตฉัตรใหญ่
จงช่วยดับทุกข์ทนดลพระทัยให้ทรงใช้ให้พ่อขุนแผนมา
แต่ปรับทุกข์สองคนจนค่ำลงอัสดงแดดดับลงลับหล้า
อ้ายผู้คุมเข้มงวดเที่ยวตรวจตราใส่ขื่อคาร้อยแหล่งทุกแห่งไป
พระท้ายน้ำกำกงพวกอาสามันจำห้าประการหมดหาลดไม่
ให้คนโทษตีเกราะเคาะไม้นั่งยามตามไปไม่นิทรา
แต่กำกงท้ายน้ำมันจำนั่งต้องบ่ายเบนเอนหลังพิงข้างฝา
หาวนอนอ่อนคอลงทับคาภาวนาไปจนม่อยผ็อยหลับลง ฯ
๏ คืนนั้นพระท้ายน้ำระกำจิตเกิดนิมิตเห็นพราหมณ์งามระหง
กระหมวดมุ่นมวยผมรูปสมทรงจิ้มประจงเจิมหน้าอุณาโลม
ถือสังข์ทรงศักดิ์ทักขินาวัฏสังวาลรัดเจ็ดเส้นเห็ฯเฉิดโฉม
ใส่ตุ้มหูห่มสไบไขว้กระโจมผ้าขาวโขมพัตถ์นุ่งดูรุ่งเรือง
บรรจงจีบโจงข้างแล้ววางชายพรรณรายรัศมีเนื้อสีเหลือง
เหาะลอยคล้อยลงตรงท้ายเมืองเปิดตะรางย้างเยื่องเข้าใกล้ตน
เอาน้ำสังข์โอสถรดเกศาเครื่องพันธนาทั้งปวงก็ร่วงหล่น
แล้วก็สาดราดรดหมดทุกคนเครื่องจำตนร่วงกราวทั้งลาวไทย
พรามหณ์ก็คลายหายวับไปกับตาสะดุ้งฟื้นตื่นผวาหาช้าไม่
คิดว่าจำหลุดกายสบายใจพอหวาดไหวตัวตึงอยู่ตรึงตรา
นิ่งนึกตรึกดูรู้ว่าฝันนิมิตนี้สำคัญเป็นหนักหนา
กระซิบปลุกตาหลอพ่อกูอาลุกขึ้นมาช่วยทำนายทายฝันที
ตาหลอว่าคุณพ่อฝันอย่างไรพระท้ายน้ำเล่าให้เป็นถ้วนถี่
จงตรองคำทำนายทายให้ดีนิมิตนี้ล้ำเลิศประเสริฐครัน ฯ
๏ ตาหลอยิ้มพลางทางทำนายไม่ตายในเชียงใหม่แล้วแม่นมั่น
คงจะพ้นพันธนาไม่ช้าวันเห็นสำคัญคนดีจะมีมา
พิเคราะห์ฤกษ์ก็งามเป็นยามเสาร์ทีนี้เรารอดแท้แน่นักหนา
ซุบซิบกันสองคนสนทนาจนเวลายามสองร้องเรียกยาม
ถึงชื่อใครลนลานขึ้นขานรับเสียงโวยวายเป็นลำดับตลอดหลาม
ใครไม่ขานเฆี่ยนสิ้นดิ้นโครมครามร้องเรียกตามโทษทั่วทุกตัวคน
ครั้นเสร็จแล้วตีเกราะเคาะห้องเสียงสนั่นลั่นก้องโกลาหล
ผลัดกันลุกปลุกกันนั่งระวังตนประจวบจนรุ่งแจ้งแสงรวี ฯ
๏ นายร้อยพะทำมะรงตรงเข้าคุกจ่ายคนโทษไปทุกตำแหน่งที่
ตาหลอกับตารักบักจันดีอ้ายเหล่านี้เกี่ยวหญ้าหาเคียวคาน
ตาหลอนึกถึงฝันท่านท้ายน้ำร้องรำปรีเปรมเกษมศานต์
ผู้คุมตามกันมาลนลานเดินผ่านล้วงตลาดวินาศไป
ฉวยกระชากหมากดิบหยิบใส่กระเขาโขลกพลาดกลับฉวยเอากล้วยไข่
เสียงฉุ่งฉิ่งวิ่งเลยไม่หลีกใครเจออะไรไขว่คว้ามาเป็นราว
โซ่ตรวนโกร่งกร่างตามทางมาเข้าร้านไหนแม่ค้าก็ฉ่าวฉาว
บ้างโกรธด่าเปรี้ยงเสียงกราวข้ามสะพานย่านยาวเหย่าเหย่ามา
ครั้นถึงทุ่งมุ่งตรงลงขอบหนองกำเริบร้องรำเคียวแล้วเกี่ยวหญ้า
ผู้คุมนั่งบังสุมทุมพุ่มพุทราแล้วปูผ้านอนเล่นเย็นหลับไป ฯ
๏ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสะท้านกำชับสั่งพวกหทารทั้งน้อยใหญ่
ให้ผลัดกันลุกนั่งระวังระไวอยู่แต่ในที่ซุ่มประชุมกัน
อย่าเที่ยวไปเที่ยวมารอท่าเราข้าสองคนจะเข้าไปเขตขัณฑ์
ไปคิดอ่านแก้ไทยในคุกนั้นกับพวกลาวเวียงจันทน์ที่มันจำ
เอารีบร้นมาให้พ้นจากพาราเราคงมาถึงนี่พรุ่งนี้ค่ำ
พวกทหารต่างคำนับรับถ้อยคำแล้วสั่งกำชับกันให้มั่นคง
สั่งเสร็จขุนแผนกับลูกชายต่างคนแต่งกายงามระหง
โพกประเจียดเคยประจญรณรงค์สอดสวมเสื้อลงเป็นองค์พระ
แล้วนุ่งผ้าลาวเหมือชาวไร่เอาช้องใส่สีชมพูโพกศีรษะ
ผูกพันกระสันเครื่องเรืองเดชะเข็มขัดปะขมองพรายคาดกายพลัน
ขุนแผนจับดาบกลายสะพายย่ามเจ้าพลายงามแบกทวนดูแข็งขัน
ดูดังสองสิหราชกาจฉกรรจ์เยื้องกรายผายผันเข้ากรุงไกร ฯ
๏ เดินปนมากับลาวชาวพาราหามีใครสงการสังเกตไม่
ด้วยฤทธิ์ผีแรงมนตร์เข้าดลใจเห็นป็นลาวชาวไร่เข้าพารา
นางสาวสาวชาวบ้านในชานเมืองชำเลืองดูพลายน้อยเสนหา
ให้วาบวับจับใจไม่วางตาเจ้าพลายเดินเมินหน้าไม่ดูใคร
พวกสาวแส้แม่ม่ายทั้งยายเฒ่าทักว่าเจ้าหนุ่มน้อยจะไปไหน
จงหยุดยั้งนั่งเล่นก่อนเป็นไรข้อยจะให้หมากพลูบุหรี่ดี
ปีศาจน้อยศรีวิชัยที่ไปด้วยก็ช่วยตอบคำลาวนางสาวศรี
สาวเอยเพื่อนว่าจงปรานีธุระมีจะไปในนคร
จิตข้อยนี้มักเจ้าหนักหนาแต่เดี๋ยวนี้พี่จะลาเจ้าไปก่อน
ไปเที่ยวเบิ่งเมืองเล่นพอเย็นรอนกลับมานอนจึงจะเข้ามาเว้ากัน
พูดพลางเดินพลางตามทางมาถึงแม่ค้าขายของล้วนคมสัน
เห็นโฉมฉายพลายน้อยเป็นนวลจันทร์คิดสำคัญว่าลาวชาวป่าดง
จึงทักทายแม่นายที่เดินหลังไม่เอิ้นมั่งนั่งบึ้งตะลึงหลง
อยากได้อะไรมั่งก็นั่งลงแล้วยื่นส่งดอกไม้ให้พลายงาม
เจ้าพลายรับจับมือรื้อสะกิดนางลาวบิดเบือนสะบัดประหวัดหวาม
บ้านเฮือนเพื่อนอยู่ใดอยากได้ความจะใคร่ตามหนุ่มน้อยไปแนบนอน
เจ้าพลายชายตาว่าพี่มักนางลาวรักทำทอดฤทัยถอน
ชมดชม้อยเชือนชายชม้ายงอนยิ้มแล้วก้มคมค้อนตะแคงดู
นางแม่ม่ายขายหมากปากคะนองร้องทักออกไปไม่อดสู
เจ้าหนุ่มน้อยรูปดีสีชมพูเพื่อนจะอยากหมากพลูของตูมี
นางสาวอ่องร้องห้ามนางสาวฟักเราบ่มักแม่ม่ายจึงหน่ายหนี
เพราะรูปร่างของสูไม่สู้ดีไปเรียกเขาเซ้าซี้บ่อายใจ
นางสาวฟักตอบว่าอย่ากั้นกางสาวนางอย่างสูสู้ข้อยบ่ได้
เพื่อนบ่เคยเชยชู้รู้อะไรทำนองในนางสาวเหมือนลาวตาย
มีแต่ลมหายใจใครจะมักเชิงเยื้องยักอย่าประมาทชาติแม่ม่าย
ยังหนุ่มเหมือนเพื่อนนี้ขี้งมงายถูกแต่ปลายเงื่อนกระทกจะงกไป ฯ
๏ ขุนแผนพลายงามตามกันมาถึงไหนแม่ค้าก็ปราศรัย
สองสูอยู้บ้านถิ่นฐานใดมีธุระสิ่งไรจึงได้มา
ผีที่ไปด้วยช่วยขุนแผนพูดแทนว่าเราเป็นชาวป่า
เขาลือว่าจับไทยไว้ในพาราข้อยบ่เคยเห็นหน้าไอ้บักไทย
อยากจะไปเบิ่งเล่นว่าเป็นหยังเขาจำขังคนโทษไว้ที่ไหน
พวกลาวบอกตามจริงไม่กริ่งใจเขาจำไว้ในตะรางข้างโรงม้า
แต่ตัวนายตรำตรากไม่ลากใช้พวกไพร่นั้นเขาคุมไปเกี่ยวหญ้า
เพื่อนจะเบิ่งบักไทยไปท้องนามันกลับมาสายัณห์ตะวัรอน
ขุนแผนชื่นชมสมปรารถนาว่ากระนั้นฉันจะลาท่านไปก่อน
พ่อลูกสองราพากันจรก็รีบร้อนตรงมุ่งไปทุ่งนา
เห็นพวกไทยไขว่คว้างอยู่กลางบึงก็ย่างเยาะเดาะดึ่งเข้าไปหา
เห็นผู้คุมคลุมหัวมัวหลับตาจึงเลาะลัดตัดมาที่ไทยพลัน ฯ
๏ ตารักกับตาหลอพอแลไปเจ้าสองรามาแต่ไหนดูคมสัน
พ่อลูกเดินเข้าไปพอใกล้กันตาหลอผันหน้าพิศพินิจแล
แต่แรกเห็นเป็นลาวชาวบ้านป่าครั้นดูซ้ำจำหน้าถนัดแน่
เอ๊ะพ่อขุนแผนแล้วแม่นแท้พาตารักรีบแร่ไปทันใด
พอเข้าใกล้ตาหลอว่าพ่อเราโถมเข้ากอดตีนแล้วร้องไห้
ซบหน้ากลิ้งเกลือกเสือกไปเป็นครู่หนึ่งจึงได้สติคืน
ขุนแผนว่าตาหลอกับตารักอย่าอึงนักอ้ายผู้คุมมันจะตื่น
โศกเศร้าแต่เท่านั้นจงกลั้นกลืนฉวยผู้อื่นมันเห็นไม่เป็นการ
ตาหลอกับตารักได้ฟังว่าเช็ดน้ำตาร่อยร่อยค่อยเล่าขาน
พ่อแผนลูกนี้แสนทรมานถูกจองจำทำประจานให้เจ็บช้ำ
มันใช้จับจ่ายหวายล่อหลังเหลือกำลังข้าวเช้าเป็นข้าวค่ำ
หลังลูกกว่าร้อยรอยระยำพระท้ายน้ำจำครบทุกคืนวัน
ทั้งเจ็บใจเจ็บเนื้อเหลือพรรณนาคิดจะฆ่าตัวเสียให้อาสัญ
เดชะบุญเจ้าประคุณขึ้นมาทันพ่อหนุ่มน้อยคนนั้นนั่นลูกใคร ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงครามก็ชี้แจงแจ้งความหาช้าไม่
คนนี้มิใช่ผู้อื่นไกลลูกคนใหญ่เกิดแต่แม่วันทอง
พระนายถวายเป็นมหาดเล็กถึงตัวเด็กใจใหญ่ไม่มีสอง
เขาองอาจอาสาฝ่าละอองข้าพ้นจากจำจองเพราะเจ้าพลาย
ทูลขอคนดทษก็โปรดปรานสามสิบห้ากล้าหาญสิ้นทั้งหลาย
จะขึ้นมาแก้ไขให้พ้นตายบอกพระนายท้ายน้ำให้รู้ตัว
บอกทั้งพวกลาวชาวเวียงจันทน์กับพวกเราเหล่านั้นเสียให้ทั่ว
คืนนี้จะเข้าไปอย่าได้กลัวคอยช่วยกันหั่นหัวอ้ายผู้คุม
อย่าเห็นแก่หลับใหลให้ชักช้าจะเข้าไปในเวลาสักห้าทุ่ม
มัวพูดกันมันเห็นจะจับกุมแต่กลางวันนั้นจะซุ่มอยู่ไหนดี ฯ
๏ ตาหลอว่าคุณพ่อออย่าเป็นทุกข์วัดหนังหลังคุกเห็นชอบที่
กุฎีร้างริมสระพระไม่มีทั้งตาปีไม่เห็นใครเที่ยวไปมา
ว่าพลางทางชี้ตำแหน่งให้ตรงไปหลังเมืองเยื้องข้างขวา
ก็จะเห็นตะรางข้างโรงม้าวัดหนังหลังศาลาตรงเข้าไป ฯ
๏ ขุนแผนรู้ตำแหน่งแจ้งกิจจาพูดกันนักจักช้าเห็นไม่ได้
พ่อลูกสองราก็คลาไคลตัดทุ่งมุ่งไปที่หมู่ยาง
สังเกตผู้คนตามทางมาแวะข้างขวาข้ามย่านสะพานขวาง
หลีกคนด้นเดินเสียนอกทางผ่านตะรางเห็นถนัดวัดรุงรัง
ร้างรกปกคลุมล้วนพุ่มหนามเอออารามนี้แน่แลวัดหนัง
ตรงเข้ากุฎีคร่ำคร่ามีฝาบังต่างนอนนั่งคอยท่าเวลากาล ฯ
๏ พอสายัณห์ตะวันลงตรงปลายไม้ผู้คนเรียกคนไปเสียงมี่ฉาน
พวกคนโทษวิ่งรี่ตะลีตะลานจับสาแหรกแบกคานเข้าทุกคน
สวบสาบหาบหญ้ามาเป็นกลุ่มอ้ายผู้คุมถือหวายแล้วไล่ก้น
เสียงฉุ่งฉิ่งวิ่งออกอลวนหาบหญ้าผ่าถนนตลาดมา
แม่ค้าเห็นคนพวงล่วงเข้าตลาดบ้างยกกระจาดหับกระชังระวังผ้า
พวกที่นั่งร้านรายขายกุ้งปลาถือกะโล่โงง่าตั้งท่าคอย
ตาหลอหัวพวงล้วงปลาไหลตารักร่าคว้าใส่เอาปลาสร้อย
อ้ายลูกแล่งแย่งคว้าปลาเล็กน้อยเขาโขกคอยหลบหน้าแล้วด่าทอ
ตาหลอหัวร่อร่าออกราแต้วันนี้แลพ่อจะสั่งปีสังก้อ
เขาตีตบหลบขนเอาจนพอทั้งส้มกล้วยมะละกอก็พอการ
เสียงโซ่ตรวนโกร่งกร่างวางกันอึงนางคนหนึ่งรำมาะก้าออกหน้าบ้าน
ฉวยไม้คานตีผลับแกจับคานพลัดตกคานล้มเค้ลงเก้กัง
พวกแม่ค้าด่าเปรี้ยงเสียงเกรี้ยวโกรธอ้ายคนโทษวันนี้เป็นปีสัง
จึงเริงร่ากล้าหาญออกตึงตังจะไปเรียนเฆี่ยนหลังเสียให้เลอะ
ตาหลอว่าพ่อไม่อยากกลัวจะฟ้องใครไสหัวมึงไปเถอะ
ไม่พรั่นพรึงมึงดอกอีหน้าเคอะเชอะเข้ามากูจะใส่ให้นอนคราง
พ้นตลาดพอเวลาสายัณห์ก็ชวนกันวุ่นวิ่งมากริ่งกร่าง
หิ้วปลาหาบหญ้ามาตามทางถึงตะรางวางหญ้าลงหากิน
ชวนกันตั้งหม้อข้าวเผาปลาดุกประเดี๋ยวใจก็สุกอยู่เสร็จสิ้น
คดข้าวใส่กระบายให้นายกินพอตะวันตกดินลงทันใด
นายร้อยคอยนับคนโทษถ้วนตรวจตรวนแล้วก็ร้อยด้วยโซ่ใหญ่
ตะเกียงตามสามแห่งออกแดงไปกุญแจใส่ลั่นกลอนซ้อนสองชั้น ฯ
๏ พอผู้คุมสามคนขึ้นบนร้านตาหลอคลานหานายขมีขมัน
กระซิบบอกพระท้ายน้ำพลันคุณพ่อฝันแน่นักประจักษ์ตา
ที่พูดกับกระผมสมทุกสิ่งขุนแผนมาจริงเจียวพ่อขา
กับลูกชายแปลงกายเป็นลาวมากระผมยืนเกี่ยวหญ้าผ่าเข้าไป
ใส่ผมยาวเหมือนลาวสนิทนักแต่กระผมกับอ้ายรักยังจำได้
ถ่มถึงคุณเจียวขอรับกับพวกไทยข้าพเจ้าเล่าไปทุกสิ่งอัน
เธอให้บอกให้ทั่วเตรียมตัวท่าคืนวันนี้จะเข้ามาเป็นแม่นมั่น
จะสะกดให้หมดทั้งคุกนั้นสะเดาะกุญแจแก้กันให้พ้นไปฯ
๏ พระท้ายน้ำฟังคำตาหลอเล่าดังได้น้ำทิพย์มารดให้
สว่างอกอิ่มเอิบกำเริบใจดุจได้ไปผ่านพิมานอินทร์
เฮ้ยอ้ายหลอโม้โซ่มันยาวค่อยค่อยสาวกระซิบบอกกันให้สิ้น
พวกเชียงใหม่อย่าให้มันได้ยินพ่อจะพามาบินไปคืนนี้
ค่อยงุบงิบกระซิบกันต่อไปลาวไทยที่ติดตรวนรู้ถ้วนถี่
พวกคนโทษทั้งสิ้นก็ยินดีเตรียมตัวไว้ไม่มีใครนิทราฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิทเรืองฤทธิ์เชี่ยวชาญหาญกล้า
กับพลายงามลูกกรักอันศักดาดูเวลาปลอดห่วงการทัณฑ์
เห็นดวงดาวสะกดหมดจดแจ่มพระจันทร์แรมลบสิ้นดินสวรรค์
ดึกได้ฤกษ์งามยามสำคัญก็แต่งตัวจัดสรรให้มั่นคง
ปลดเปลื้องเครื่องลาวลงใส่ย่ามนุ่งม่วงสีครามงามระหง
เข็มขัดขมองโขมดคาดดูอาจองแล้วประจงโพกประเจียดประจุฤทธิ์
ใส่เสื้อลงเลขยันตร์ย้อมว่านยาเสกจันทน์เจิมหน้าประกาศิต
จับดาบย่างกรายบ่ายตามทิศแล้วยกเมฆได้นิมิตเหมือนรูปคน
ลมจันกลาล่องคล่องทางซ้ายก็ก้าวกรายซ้ายก่อนออกจรถนน
แล้วร่ายเวทจังงังกำบังตนเดินรีบร้นถึงตะรางสว่างไฟ
ขุนแผนอ่านอาคมสะดมคนทั้งตารางครางกรนไม่ทนได้
กระซิบสั่งโหงพรายทั้งหลายไปสะกดอ้ายนายคุกเสียทุกคน
แล้วแก้มนตร์พวกไทยที่ในคุกราวกลับปลุกตื่นเตือนกันเกลื่อนกล่น
สะเดาะประตูเปิดกว้างทั้งล่างบนทั้งสองคนเข้าไปมิได้ช้า ฯ
๏ ขุนแผนเสกข้าวสารหว่านซัดซ้ำเครื่องจำหลุดกายทั้งซ้ายขวา
ร่วงกราวเท้ามือทั้งขื่อคาต่างทะลึ่งลุกถลาทั้งลาวไทย
พระท้ายน้ำกำกงตรงออกมาวันทาขุนแผนทั้งนายไพร่
อ้ายลางคนขุ่นแค้นแสนเจ็บใจใครข่มเหงนึกได้ไล่ฟาดฟัน
อ้ายผู้คุมสามนายที่ร้ายกาจฟันผลัวะฉัวะฉาดขาดสะบั้น
เลือดอาบดาบมันแลฟันมันมันดุดันด่าเฆี่ยนพ่อเจียนตาย
ยังอ้ายผู้กำกับอยู่ทับนอกอ้ายขี้ครอกเฆี่ยนพ่อถึงสองหวาย
ตาหลอขึ้นทับคร่าฝาทลายเอาดาบป่ายปุบดิ้นสิ้นชีวี
ตารักแค้นใจอ้ายตรวจเพลิงมันตรวจหวดหลังเปิงอยู่ป่นปี้
จะเอามันไว้ไยไอ้อัปรีย์แกฟันทิ้งกลิ้งคี่อยู่คาเรือน
อ้ายคนโทษโกรธใครไล่พิฆาตฟันเสียหัวขาดออกกลาดเกลื่อน
ที่ไม่ถูกฆ่าฟันก็ฟั่นเฟือนละเมอกรนป่นเปื้อนเหมือนป่าช้า ฯ
ครั้นออกจากตะรางมาข้างนอกตาหลอจึงบอกขุนแผนว่า
พวกเราถูกรัดรึงไว้ตรึงตราจนง่อยเปลี้ยเสียขาไปหลายคน
จะคลุกคลีหนีไล่ไม่ถนัดฉวยมันตัดทางตีสิปี้ป่น
ต้องลักม้าไปบ้างต่างตีนตนได้ถ้วนคนตามพ่อพอจะทัน
พวกฉันจะไปดูด้วยรู้แห่งโรงข้างขวาม้าแซงนั้นแข็งขัน
โรงซ้ายม้าทาวนล้วนสำคัญเอาให้ครบขากันทุกคนไป ฯ
             

๏ ขุนแผนร้องว่าช้าตาเฒ่าแต่ลำพังพวกเจ้าเห็นไม่ได้
ไปเจอลาวก็จะฉาวทั้งเวียงชัยมันจะไล่เอาแหลกขี้แตกตาย
จึงสั่งตาหลอให้นำหน้าแล้วต่างคนตามมาสิ้นทั้งหลาย
ถึงโรงม้าซัดปาข้าสารปรายแล้วสั่งพรายให้กำบังระวังตัว
อ้ายพวกลาวเฝ้าม้าพากันหลับกอดประกับกรนดังทั้งเมียผัว
เปิดประตูกรูเข้าไปไม่คิดกลัวเที่ยวค้นของมองทั่วทุกสิ่งไป
บ้างฉวยคว้าผ้าแพรแก้ผ้านุ่งรูดเอาถุงเมียหมดปลดเอาไถ้
ทั้งเงินทองของดีที่พอใจพบที่ไหนฉวยคว้าไม่ปรานี
ขุนแผนร้องเหวยเฮ้ยอย่าช้าต่างก็มาแก้ม้าขมันขมี
เครื่องใครใส่มันเข้าทันทีแล้วขึ้นขี่พร้อมหน้าถ้วนขากัน
ตาหมอเลือกม้าดีให้สี่นายล้วนแยบคายขี่ถูกผูกเครื่องมั่น
พระท้ายน้ำขับม้านำหน้าพลันถัดนั้นกำกงมาตรงกลาง
ม้าขุนแผนพลายงามตามต้อนหลังกระทืบโกกลนกังกังสะบัดย่าง
ครั้นถึงสี่แพรกจะแยกทางขุนแผนถากไม้ทองหลางคาบหลักไว้
เอาถ่านมาจารึกอักษรศรีให้ชาวบุรีรู้ระบิลสิ้นสงสัย
ใครมาพบอักษรอย่านอนใจจงรีบเอาเข้าไปให้นายมึง
ครั้นสำเร็จเสร็จปักหลักสาราเผ่นขึ้นหลังม้ากระทืบผึง
ตามกันสะบัดย่างวางปรึงปรึงมาถึงทางจะออกนอกนคร ฯ
๏ ตาโม้กับตามาทั้งตาหลอว่าคุณพ่ออย่าเพ่อรีบไปก่อน
อ้ายพวกลาวเลี้ยงช้างอยู่กลางดอนล้วนงางอนงามงามสามสิบตัว
เราจะต้องรบรับยับยั้งถ้าช้างมีขี่มั่งจะยังชั่ว
ล้วนแต่ดีฝีงาน่ากลัวฉันรู้ที่ทอดทั่งทุกตำบล ฯ
ขุนแผนร้องว่าเออตาเฒ่าถ้าพวกเรารู้ตำแหน่งแห่งหน
คิดจะเข้าเอาช้างก็ชอบกลด้วยผู้คนของเราไม่มากมาย
ถึงแม้นได้ช้างงามมาหลายหลังพอจะได้เป็นกำลังเราทั้งหลาย
ควาญหมอเราก็มีดีมากนายไว้ดันแดกแหกค่ายทลายทัพ
แน่ตาหลอคุมไพร่ไปสักร้อยอ้ายลาวน้อยจงกลุ้มเข้ารุมจับ
ชิงช้างทั้งจำลองสัปคับเอาให้ได้พร้อมสรรพแล้วขับมา ฯ
๏ ตาหลอรับนับคนได้ร้อยเศษสังเกตที่ได้ชัดเดินลัดป่า
ถึงก็ยั้งตั้งโห่ขึ้นสามลาตรงเข้าคว้าจับเอาอ้ายชาวช้าง
ทำแต่ให้ตกใจไม่ฆ่าฟันมัดศอกติดกันทั้งสองข้าง
เข้าควักล้วงช่วงชิงวิ่งโกรงกรางเครื่องเคราขนพลางไม่รั้งรอ
ประโคนพานหน้าหลังหนังชนักอานจำหลักทั้งแหย่งกระแชงขอ
บรรดาของต้องการกว้านจนพอแล้วขึ้นคอไล่วิ่งลูกดิ่งตี
ช้างถูกลูกดิ่งวิ่งชิงคลองบ้างก็ร้องแหกป่ามาอึงมี่
พวกไทยลาวตัวลือฝีมือดีทั้งหมอควาญขับขี่ไม่มีช้า
ครู่หนึ่งถึงที่ขุนแผนคอยตาหลอตามรอยเข้าไปหา
บอกว่าลูกไปได้ช้างมาล้วนว่องไวใหญ่กล้างาลากดิน
ขุนแผนฟังตาหลอัวร่อร่าสั่งให้เดินช้างม้ามาทั้งสิ้น
กำลังดึกดาวกระจ่างน้ำค้างรินก็เข้าถิ่นจะถึงที่บึงบอน ฯ
๏ ฝ่ายข้างทหารสามสิบห้าได้ยินอื้ออึงมาป่ากระฉ่อน
สำคัญคิดว่าลาวชาวนครก็รีบร้อนแต่งตัวทั่วทุกคน
พรหมศรสำมะยังสั่งอาสาเราคอยท่าตัดทัพให้ยับย่น
ถ้าได้ยินกลองน้อยแล้วถอยตนฆ้องกระแตรีบร้นเร่งเข้ามา
สั่งกันเสร็จสรรพจับอาวุธคาดตะกรุดโพกประเจียดมงคลใส่
พรหมศรคุมอาสาแยกขวาไปสำมะยังคุมไพร่แยกซ้ายจร
ครั้นถึงที่แถบทางหว่างช่องแคบต่างเข้าไปแอบในพุ่มแล้วซุ่มซ่อน
แต่ล้วนคนหัวไม้ใจแน่นอนมิได้หย่อนย่อท้อต่อไพรี
พอพระท้ายน้ำที่นำหน้าขับม้าเดินเฉยเลยพ้นที่
สำมะยังสั่งให้โห่ขึ้นสามทีออกจากพงตรงรี่เข้าตัดทัพ
เผ่นขึ้นงาช้างง้างฟันคอถูกตาหลอพอเลือดเป็นยางหนับ
ตาหลอยกขอขึ้นรำรับฟาดขวับถูกถนัดพลัดตกตึง
หล่นปุกลุกขึ้นได้ใส่พวกม้าเอาดาบปาพระท้ายน้ำเข้าต้ำผึง
เสื้อขาดพลาดท่าควบม้าปรึงกระทืบโกลนโผ่นทะลึ่งไปตามช้าง
ทั้งพวกลาวไทยไม่รู้ตัวพากันกลัวโดดวิ่งทิ้งดาบผาง
ขุนแผนคิดว่าลาวมาดักทางกระทืบม้าผ่ากลางวางเข้าไป
เจ้าพลายกระทืบแผงแข่งบิดาฟันฟาดสาตราเข้าลุยใส่
ธรรมเถียรวิ่งถลันมาทันใดกับพวกไพร่กรูพร้อมล้อมเข้ามา
ขุนแผนตวาดอำนาจครุฑดาบหลุดหกล้มลงจมหญ้า
พรหมศรสำมะยังยืนจังก้าหยักรั้งตั้งท่าแล้วแทงเอา
ถูกอกขุนแผนเข้าต้ำอักหอกหักยู่ไปไม่ยักเข้า
ขุนแผนเห็นหอกหักชักนางกระเบาแทงอ่ายเฒ่าพรหมศรลงนอนดิ้น
ไม่เข้าหนังสำมะยังวิ่งเข้าแก้แร่เข้าฟันเจ้าพลายคล้ายฟันหิน
ชั้นเสื้อนอกหอกดาบก็ไม่กินหักบิ่นยู่พับยับย่อยไป
นายโดดกับนายเสือเงื้อหอกง่าขุนแผนปาลงต้ำฉาดพลาดไถล
สำมะยังธรรมเถียรเปลี่ยนแปลกใจนี่อย่างไรคงทนพ้นกำลัง
พิโรธแรงแกว่งดาบทะลวงไล่เหลือบไปเห็นขุนแผนก็ถอยหลัง
ใครนั่นหนอคุณพ่อดอกกระมังเออ้ายสำมะยังดอหรือไร
พวกทหารเห็นแม่นขุนแผนนายใจหายทิ้งดาบลงกราบไหว้
ไม่รู้ว่าคุณพ่อขออภัยคิดว่าลาวเชียงใหม่มันยกมา
แทงคุณพ่อกับพ่อพลายเป็นหลายทีโทษลูกถึงที่จะสังขาร์
ขุนแผนชอบใจไม่โกรธาว่าแกล้วกล้าเช่นนี้แลดีครัน
ครั้นรู้จักตัวกันทั่วหน้าให้ลดเลี้ยวเที่ยวหากันจ้าละหวั่น
ทั้งพวกช้างพวกม้าตามมาพลันเสียงเพรียกเรียกกันอึงคะนึง
กำกงกับพระท้ายน้ำนั้นด้วยความกลัวตัวสั่นจนมาถึง
ประทับทอดม้าช้างวางกันอึงพร้อมกันอยู่ที่บึงสบายใจ ฯ
๏ ครั้นรุ่งรางสางแสงสุริเยนทร์เยื้องพระเมรุเลื่อนล่องส่องแสงใส
พวกพนักงานลาวชาวเวียงชัยจะเบิกไขคนโทษไปทำงาน
ถึงประตูจู่เดินมาดุ่มดุ่มเห็นผู้คุมหัวขาดอยู่กลาดย่าน
ต่างตกใจไปค้านวิ่งลนลานพบซมซานยังไม่ตายก็หลายคน
เรือนนายตรวจหักแหกของแตกหายกระจัดกระจายไปทุกเรือนออกเกลื่อนกล่น
เข้าไปในตะรางที่ข้างบนเห็นผู้คนหายไปทั้งไทยลาว
นายร้อยพะทำมะรงลงกลิ้งกลาดบ้างหัวขาดเหลือกตาดูหน้าขาว
โซ่ตรวนหลุดกองทั้งสองราวคาขื่อมือเท้าเกะกะไป
โซ่พันยังลั่นกุญแจติดตรวนก็ชิดหาเห็นรอยตัดไม่
ขื่อลิ่มก็ยังดีนี่อย่างไรประหลาดใจโดดตะรางวางวิ่งมา
ฝ่ายอ้ายลาวเฝ้าม้าทั้งผัวเมียลุกขึ้นนั่งงัวเงียยังแก้ผ้า
ครั้นสร่างมนตร์เหลี้ยวคว้างเห็นว่างตาหมอนมุ้งกระบุงตะกร้าก็หายไป
เมียแลดูผัวเห็นตัวเปล่าเอ๊ะใครเอาผ้านุ่งไปเสียไหน
ผัวแลดูเมียเสียน้ำใจผ้าผ่อนล่อนกระไรไม่ติดกาย
ผัวเมียตีอกตกประหม่านางเมียไม่มีผ้าคว้าเสื่อหวาย
ผัวขยุ้มกุมจุ่นอยู่วุ่นวายฉวยกระสอบสวมกายคล้ายกางเกง
ทั้งโรงเหนือโรงใต้ไม่มีม้าพวกคนเลี้ยงวิ่งร่ามาเหยงเหยง
อ้ายบางคนแก้ผ้ามาดโทงเทงโรงกูเองก็หายตายแล้วเรา
กำลังพวกเลี้ยงม้าจ้าละหวั่นก็พบกันกับอ้ายพวกนายคุกเข้า
พูดกันฟั่นเฟือนเหมือนกับเมาพออ้ายเฒ่าเลี้ยงช้างวางวิ่งมา
พบกันเข้าทุกคนที่ต้นทางเล่าคดีถี่ห่างกันพร้อมหน้า
จะพากันเข้าไปในศาลามาพบหลักอักขราเข้ากลางทาง
ก็รู้ว่าหนังสือฝีมือไทยตรงเข้าไปถอนชักหลักทองหลาง
อ่านดูรู้แจ้งไม่แคลงคลางก็แบกวางเข้ามาศาลาใน ฯ
๏ ครานั้นแสนท้าวเหล่าพระยานั่งอยู่บนศาลาลูกขุนใหญ่
กำลังว่าราชการงานเวียงชัยแลไปเห็นคนวิ่งลนลาน
บ้างนุ่งเสื่อใส่กระสอบวิ่งหอบโครงบ้างโล่งโต้งแก้ผ้ามางุ่นง่าน
ก็ร้องทักถามไปไม่ได้การอ้ายพวกนั้นจัณฑาลเป็นสิใด
ผ้าผ่อนล่อนแก่นแล่นออกฉาวใครฉกชิงวิ่งราวหรือไฉน
คนดีหรือคนบ้ามาทำไมนายเวรไปถามดูให้รู้ความ
พอพวกนั้นเข้าไปในศาลาหมอบกราบคลานเข้ามาออกงุ่นง่าน
ปากคอสั่นให้ครั่นคร้ามฟังถามต่างก็แจ้งแห่งกิจจา
ว่าสาธุเจ้าประคุณบุญปกหัวโทษตัวข้อยนี้เป็นหนักหนา
เมื่อยามดึกคนดีมีเข้ามาสะกดฆ่าผู้คุมเสียมากมาย
สะเดาะโซ่กุญแจเข้าแก้ไทยทั้งพวกล้านช้างไปเสียศูนย์หาย
นายตรวนนายตรามันฆ่าตายเจ้าประคุณทั้งหลายได้โปรดปราน
ฝ่ายพวกกองช้างก็กราบเรียนมันผูกมัดรัดเฆี่ยนกระหม่อมฉาน
เข้าแก้แหล่งลักช้างทั้งเครื่องอานเอาช้างไปประมาณสามสิบตัว
อ้ายพวกม้าปากสั่นรันเรียนไปว่าสาธุคุณผู้ใหญ่ได้ปกหัว
มันสะกดข้าพเจ้าหลับเมามัวแก้ผ้าผ่อนล่อนตัวไม่ว่าใคร
แล้วเลือกม้าดีดีมีกำลังทั้งเครื่องอานเบาะหนังหาเหลือไม่
ประมาณม้าทั้งหลายที่หายไปนับได้เป็นม้าห้าร้อยปลาย
แล้วมาพบไม้หลักปักกลางทางปิดหนังสืออวดอ้างไว้มากหลาย
ว่ากล่าวหยาบช้าถึงท้าทายจะทำลายเชียงอินทร์ให้สิ้นกรุง ฯ
๏ พระยาลาวฟังแถลงแจ้งคดีอ้ายพวกไทยแล้วนี่ที่ทำยุ่ง
ต่างพิโรธโกรธใจดังไฟฟุ้งจับหนังสือถือมุ่งเขม้นดู
ครั้นรู้แจ้งประจักษ์ในอักษราต่างคนต่างผลัดผ้าไม่ช้าอยู่
เพี้ยกวานตามหลังมาพรั่งพรูกรูเข้าท้องพระโรงด้วยทันใด ฯ
ครานั้นเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นพุงดำฤทธิ์ล้ำลึกจบพิภพไหว
สถิตแท่นสุวรรณอันอำไพอยู่ที่ในพระโรงรัตน์ชัชวาล
หร้อมหมู่แสนท้าวเหล่าพระยาบัญชาตรัสประภาษอยู่ฉาดฉาน
เห็นข้าเฝ้าเข้ามาดูลนลานเฮ้ยเพี้กวานเอาไม้อะไรมา ฯ
๏ เพี้ยกวานกราบทูลมูลเหตุว่าสาธุทรงเดชโปรดเกศา
เมื่อคืนมีโจรอหังการ์มาแก้ชาวอยุธยาพาหนีไป
ซ้ำลักเอาม้าห้าร้อยถ้วนเลือกแต่ล้วนตัวดีที่สูงใหญ
แล้วออกไปชิงช้างที่กลางไพรเอาไปได้งามงามสามสิบตัว
อ้ายคนโทษพวกลาวชาวล้านช้างก็พลอยหนีหมดตะรางพระทูนหัว
มันปักหนังสือท้าว่าไม่กลัวได้ค้นคว้าหาทั่วก็ไม่ทัน ฯ
๏ เจ้าเชียงใหม่ได้ฟังดังไฟผลาญร้องเรียกล่ามพนักงานขมีขมัน
เฮ้ยอ่านไปให้แจ้งแห่งสำคัญหนังสือนั้นมันว่าท่ากระไร ฯ
๏ ฝ่ายว่าพันจามล่ามพนักงานคลานมารับจับอ่านหาช้าไม่
ว่าพระจอมนครินทร์ปิ่นกรุงไทยบัญชาใช้ให้ทหารพระกาลมา
เราหรือชื่อพระยาแผนพิฆาฏคุมพวกไพร่อาทมาตสามสิบห้า
กับพลายงามลูกรักอันศักดายกมาจะประหารผลาญบุรี
ด้วยลาวชิงสร้อยทองของท่านไว้แล้วจับไทยจองจำทำป่นปี้
เราเข้ามาแก้ไขไทยเหล่านี้กับพวกที่ล้านช้างส่งนางไป
ให้พวกเรารอดพ้นทนทุกข์ก่อนจะหลบลี้หนีซ่อนนั้นหาไม่
จะรอเราให้เข้ามาชิงชัยหรือจะตามก็ไปที่บึงบัว
ถ้ารักชีวิตคิดถึงซึ่งพวกพ้องจงทูนนางสร้อยทองไว้บนหัว
ส่งให้แล้วคำนับรับว่ากลัวจึงจะปลอดรอดตัวไม่มรณา ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงใหม่ครั้นได้ฟังแค้นคั่งราวกับไฟไหม้เวหา
เหม่อ้ายไทยขี้ถังอหังการ์มาอวดกล้าท้าทายหยาบคายแท้
เฮ้ยบรรดาแสนท้าวเหล่าพระยาซึ่งมันว่ายังจะจริงฉะนั้นแน่
หรือพรั่นตัวกลัวเราจะตามแจจึงพูดแก้ขู่ไว้ให้รอช้า
กับพวกมันสามสิบสักหยิบมืออ้ายที่หนีคุกหรือจะสู้หน้า
ล้อมฟันเสยไม่ทันจะพริบตาซึ่งเราว่าใครจะเห็นเป็นอย่างไร ฯ
๏ ครานั้นพระยาจันทรังสีผู้ว่าที่สมุหทหารใหญ่
คิดพลางทางทูลไปทันใดมันท้าไว้ถ้อยคำก็สำคัญ
ถ้าไม่ดีไหนจะมีหนังสือท้าอ้ายคนที่ยกมาจะแข็งขัน
เรายกไปคงได้ถึงรบกันด้วยว่ามันอิ่มเอิบกำเริบใจ
แต่อ้ายพวกมาตามสามสิบห้าถึงดีแท้ก็จะมาทำไมได้
อ้ายห้าร้อยที่มันลักพาไปทั้งลาวไทยไม่มีอ้วนล้วนพุงโร
มันเสมือนหมู่เนื้อเสือเคยทับไหนจะกลับหันหน้าเข้ามาโต้
สามสิบห้าถึงจะกล้าเป็นเอกโทอ้ายคนโซก็จะพาอ้ายกล้าไป
ขอให้แต่งม้าใช้ออกไปดูถ้ามันยังตั้งอยู่ที่บึงใหญ่
จึงค่อยยกกองทัพขับพลไกรเข้าลุยไล่เสียให้แหลกเป็นผงคลี ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นพิภพฟังจบตรึกตรองเห็นต้องที่
จึงสั่งตรัสมุงกะยองกองพาชีจงเลือกหาม้าดีขี่ออกไป
รีบไปสืบดูให้รู้แท้มันหนีแน่หรือยังอยู่ที่บึงใหญ่
ถ้ามันอยู่สูมาอย่านอนใจเราจะได้เกณฑ์ทัพไปจับมัน ฯ
๏ ครานั้นมุงกะยองมองไล่รับสั่งแล้วรีบไปขมีขมัน
ผูกม้าโผนธรณีสีจันทน์ขึ้นกระทบแผงผันผยองไป
ปล่อยใหญ่ใส่ห้อไม่ย่อหย่อนพอแดดอ่อนก็ถึงที่บึงใหญ่
ลงจากม้าดอดดุ่มเข้าพุ่มไพรขึ้นบนต้นไม้ลอบแลดู
ประมาณคนเบ็ดเสร็จเจ็ดร้อยกว่าเห็นทางท่าไม่หนีทีจะสู้
แต่แลไปไม่เห็นตั้งค่ายคูสังเกตรู้แน่ชัดถนัดตา
ลงจากต้นไม้มารี่หรับขึ้นพาชีขี่ขับไปกลางป่า
พอตะวันอัสดงก็ปลงม้าตรงเข้ามายังท้องพระโรงชัย
ครั้นถึงหน้าที่นั่งบังคมทูลตามมูลเหตุแจ้งแถลงไข
ข้าพเจ้าเล็ดลอดดอดเข้าไปเห็นลาวไทยลุกนั่งอยู่พรั่งพรู
ทั้งนายไพร่ใหญ่น้อยเจ็ดร้อยกว่าเห็นทางท่ารั้งรอจะต่อสู้
แต่อย่างไรไม่เห็นตั้งค่ายคูมันตั้งอยู่ที่บึงทางครึ่งวัน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟังแผดเสียงเปรี้ยงดังสนั่นลั่น
เหม่เหม่อ้ายไทยใจฉกรรจ์เจ็ดร้อยน้อยหรือนั่นมาขันรบ
ไม่พอครือมือลาวชาวเชียงใหม่สักอึดใจก็จะมัดดังรัดกบ
เพียงหักไม้คนละกิ่งทิ้งสมทบก็จะกลบเสียได้ไม่คณนา
ดำรัสตรัสประภาษอยู่ฉาดฉานสั่งท้าวกรุงกาฬตรีเพชรกล้า
จงเร่งพหลพลโยธาไปจับจิกหัวมาให้หนำใจ
อันเพี้ยปราบเมืองแมนแสนกำกองทั้งสองเคยเคี่ยวเข็ญเป็นผู้ใหญ่
ยกเป็นปีกซ้ายขวาคลาไคลให้กรุงกาฬนั้นไซร้เป็นแม่ทัพ
แสนตรีเพชรกล้าขี่ม้าคล่องเคยทำนองหักโหมเข้าโจมจับ
เป็นแม่ทัพสินธพไปรบรับให้พร้อมสรรพพรุ่งนี้สี่โมงปลาย ฯ
๏ พระยาจันทรังสีได้รับสั่งออกมานั่งศาลาให้บัตรหมาย
เร่งเรียกพลไกรทั้งไพร่นายจัดจ่ายช้างม้าเครื่องอาวุธ
ทัพม้าห้าพันสกรรจ์หมดใจคอทรหดเป็นที่สุด
เคยฝึกฝนทนทานชำนาญยุทธ์ทั้งซ้ายขวาอุตลุดล้วนขี่ม้า
บ้างถือทวนถือเสน่าเกาทัณฑ์เรี่ยวแรงแข็งขันเคยอาสา
มีนายกองนายหมวดคอยตรวจตราพร้อมสรรพทัพหน้าได้ห้าพัน
เพชรกล้าประทานม้าพระที่นั่งมีกำลังไวว่องคล่องขยัน
ชื่อว่าเหมรัศมีสีจันทน์ผูกเครื่องกุดั่นประดับพลอย
แผงข้างเขียงนางกินนรรำโกลนคร่ำโพธิ์ทองทั้งพู่ย้อย
อานปรุลายฉลุจำหลักลอยควาญประจำจูงคอยจะยาตรา ฯ
             

๏ กรุงกาฬทัพใหญ่ยกไว้ก่อนกล่าวถึงทัพอัสดรตรีเพชรกล้า
อันแม่ทัพคนนี้มีศักดาอยู่คงสาตราวิชาดี
แขนขวาสักรงเป็นองค์นารายณ์แขนซ้ายสักชาดเป็นราชสีห์
ขาขวาหมึกสักพยัคฆีขาซ้ายสักหมีมีกำลัง
สักอุระรูปพระโมคคัลลาน์ภควัมปิดตานั้นสักหลัง
สีข้างสักอักขระนะจังงังศีรษะฝังพลอยนิลเม็ดจินดา
ฝังเข็มแล่มทองไว้สองไหล่ฝังเพชรเม็ดใหญ่ไว้แสกหน้า
ฝังก้อนเหล็กไหลไว้อุราข้างหลังฝังเทียนคล้าแก้วตาแมว
เป็นโปเปาปุบปิบยิบทั้งกายดูเรี่ยรายรอยร่องเป็นถ่องแถว
แต่เกิดมาอาวุธไม่พ่องแพวไม่มีแนวหนามขีดสักนิดเดียว
สูงใหญ่รูปร่างเหมือนอย่างเสือกำลังเหลือเนื้อหนังก็แน่นเหนียว
หนวดโง้งโก่งฟั่นพันเป็นเกลียวฟันขาวปากเขียวดังปลิงควาย
นัยน์ตาดำคล้ำคล้ายกับตาเสือขอบตาแดงเรื่องดังชาดป้าย
คิ้วกระหมวดหนวดแดงดูแรงร้ายผมมุ่นมวยคล้ายกับโยคี
แต่รุ่นหนุ่มคุ้มใหญ่ไม่อาบน้ำเพื่อนตำแต่ว่านยาทาขัดสี
ไม่นอนด้วยภรรยาทั้งตาปีต่อศึกมีเมื่อไรได้อาบน้ำ
จะไปทัพจึงหาบรรดาว่านมาเสกอ่านอาคมถมถนำ
เครื่องรางตะกรุดลงองค์ภควัมบริกรรมเสกเป่าเข้าทันใด
แล้วตักน้ำตีนท่ามาใส่ขันหยิบเครื่องอานว่านนั่นเอาลงใส่
เสกเดือดพล่านพลั่งดังตั้งไฟเห็นประจักษ์วักได้ใส่หัวพลัน
หยิบเครื่องอานว่านยาขึ้นมาไว้เพชรกล้าลงไปในแม่ขัน
ประจงจบเคารพแล้วอาบพลันดูสำคัญในนทีจะมีลาง
ถ้าจะเกิดอันตรายวายชีวิตในนิมิตน้ำแดงเป็นแสงฝาง
ถ้าไม่ชนะไม่แพ้แต่ปานกลางน้ำเป็นอย่าสีรงลงละลาย
ถ้าจะไปมีชัยแก่ข้าศึกน้ำเลื่อมดังผลึกวิเชียรฉาย
ครั้งนั้นขาดชันษาชะตาตายนิมิตสายชลธีเป็นสีแดง
เพชรกล้ามุ่งเขม้นเห็นนิมิตรู้แท้แน่จิตประจักษ์แจ้ง
น้ำอย่างสีฝางลางร้ายแรงนึกแสยงสยดสยอนถอนฤทัย
เป็นสุดทุกข์ลุกออกมาผลัดผ้าประหนึ่งว่าไม่ดำรงทรงกายได้
แล้วนึกว่าชาติทหารอันชาญชัยถึงบรรลัยก็ให้ลือฝีมือลาว
ฮึดฮัดจัดแจงแต่งกายาวันจันทร์นุ่งผ้ายกพื้นขาว
คาดตะกรุดเครื่องรางปรอทวาวใส่แหวนเพชรเม็ดวาวเหมือนดาวราย
ประเจียดประจงจับตะเบงมานสอดสังวาลสะอิ้งรัดจำรัสฉาย
โพกผ้าขลิบพื้นขาวดาวกระจายเข็มขัดสายทองถักล้วนอักขรา
จบจับประคำทองเข้าคล้องคอผงดินสอเสกเสริมแล้วเจิมหน้า
ถือง้าวก้าวย่างสามขุมมาเผ่นขึ้นหลังม้าสง่างาม
ท่วงทีองอาจดังราชสีห์สมกับที่ชาญชัยในสนาม
ขยับยกเมฆในได้ฤกษ์ยามให้โห่สามลาเลิกโยธาไป
แม่ทัพสัปทนคนกางกั้นเสียงฝีเท้าม้าลั่นแผ่นดินไหว
พวกพลโห่ร้องคะนองใจเป็นโกลามาในอรัญวา ฯ
๏ จะกล่าวถึงกองทัพท้าวกรุงกาฬทหารแม่ทัพใหญ่ใจกล้า
ต่างเร่งรัดจัดแจงแต่โยะาสั่งให้ผูกช้างงาเข้าฉับพลัน
กรมช้างเร่งรัดจัดช้างตั้งล้วนพ่วงพีมีกำลังผูกเครื่องมั่น
ควาญหมอท้ายคอคนสำคัญทหารนั้นนั่งกลางข้างละคน
มีอาวุธพร้อมสรรพสำหรับช้างมายืนข้างสองแถวแนวถนน
สวมสอดเสื้อลงใส่มงคลล้วนอยู่ยงคงทนซึ่งสาตรา
บ้างอยู่ด้วยรากไม้ไพรว่านบ้างอยู่ด้วยโอมอ่านพระคาถา
บ้างอยู่ด้วยเลขยันตร์น้ำมันทาบ้างอยู่ด้วยสุราอาพัดกิน
บ้างอยู่ด้วยเขี้ยวงาแก้วตาสัตว์บ้างอยู่ด้วยกำจัดทองแดงหิน
บ้างอยู่ด้วยเนื้อหนังฝังเพชรนิลล้วนอยู่สิ้นทุกคนทนสาตรา
เพี้ยปราบเมืองแมนแสนเสนีคุมกองโยธีข้างปีกขวา
ขึ้นขี่คชสารตระหง่านงาโพกผ้าสีทับทิมริมขลิบทอง
ใส่เสื่อสีชมพูดูแดงฉาดขลิบตาดต้นแขนไว้ทั้งสอง
ฝ่ายข้างปีกซ้ายนายกำกองโพกทับทิมขลิบททองอยู่เหมือนกัน
ใส่เสื้อกำมะหยี่สีตองประคำทองคล้องคอดูแข็งขัน
ทั้งสองล้วนอยู่คงลงเลขยันตร์คุมพลข้างละพันทั้งขวาซ้าย
แต่ล้วนเหล่าทหารชำนาญยุทธ์ถือสาตราอาวุธเป็นเหล่าหลาย
นายสอยดาวคุมสกรรจ์ก็พันปลายเป็นทัพหลังรั้งท้ายสำราจพล
ขี่พลายแก้วมิ่งเมืองผูกเครื่องมั่นใส่เสื้อจีบสีจันทน์หนังไก่ย่น
หมวดโหมดลงยันตร์กั้นสัปทนพร้อมพรั่งทั้งพหลพลโยธี
ที่นั่งรองขององค์เจ้าเชียงใหม่ประทานให้แม่ทัพนั้นขับขี่
สำหรับทรงชิงชัยกับไพรีชื่อพลายพลิกธรณีมีน้ำมัน
สูงหกศอกกำมางารัดทองตะพองผายท้ายด้อยดังช้างปั้น
หางยาวหูใหญ่ใจฉกรรจ์โขมดหัวสองชั้นคั่นมงคล
จะย่างย่องว่องไวใช้กิริยาหนังหนาหน้ายักษ์ชักเนื้อย่น
อยู่ปืนฟืนไฟไม่ดิ้นรนหางสะพัดปัดส้นเส้นขนกลม
ผูกสะพักปักตระพองด้วยทองแล่งพู่แดงห้อยหูดูงามสม
พานหน้าท้านลายดาวเป็นดอกกลมสองช้างแนบแถบถมด้วยเงินยวง
สายชนักถักไหมกลางใส่เบาะขอเกาะปลายง้าวคมขาวช่วง
ควาญใส่เสื้อแดงแย่งชิงดวงใส่หมวกโหมดม่วงทะมัดทะแมง ฯ
๏ ครานั้นกรุงกาฬชำนาญทัพจบจับเครื่องอานเข้าตกแต่ง
นุ่งยกอย่างลาวขาวดอกแดงใส่เสื้อกรองทองแล่งเป็นแย่งครุฑ
สายสังวาลภควัมประจำคล้องแหวนทองปัทมราชคาดตะกรุด
เสื้อในลงยันต์กันอาวุธเข็มขัดขุดขมองพรายเป็นลายดุน
เหน็บกริชตรงลงคมประจุขาดแล้วซ้ำคาดราตคดหนามขุน
ใส่หมวกถักไหมทองกรองตาชุนสะพายดาบญี่ปุ่นฝักหุ้มทอง
เอาน้ำสระสรงองค์นารายณ์มาพรมกายกรายกรากออกจากห้อง
ควาญเทียบช้างประทับเข้ารับรองก็ย่างย่องขึ้นคอจับขอกราย
ภาวนาเขม้นเห็นนิมิตวิปริตเป็นรูปคนหัวหาย
จะยกต่อคอแขนไม่ติดกายเป็นลางร้ายวิปริตก็ผิดใจ
ครั้นจะทูลขอรั้งรออยู่ก็อดสูโยธาบรรดาไพร่
เกิดเป็นคนใครจะพ้นที่บรรลัยก็แข็งใจไปตามแต่เวรา
ขาขยับไสช้างพอย่างกรายเห็นลูกนกตกตายลงต่อหน้า
นกแสกแถกเสียดศีรษะมาแร้งกาบินจับสัปทน
วันนั้นท้าวกรุงกาฬสะท้านจิตโอ้ชีวิตกูนี้คงปี้ป่น
จะใจได้ฤกษ์ให้เลิกพลขานโห่สามหนแล้วยกไป
ดูชายธงตรงลิ่วไม่ปลิวสะบัดลมก็จัดวิปลาสไม่หวาดไหว
ทั้งเสียงโห่ก็ไม่ก้องให้หมองใจสะทึกสะท้อนถอนฤทัยมาในดง ฯ
๏ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิทเรืองฤทธิ์พริ้งเพริศระเหิดระหง
กับเจ้าพลายท้ายน้ำกึงกำกงนั่งปรึกษาการณรงค์กับโยธา
เห็นผงคลีกลุ้มกลบตลบบนชะรอยลาวยกพลมาหนักหนา
ขุนแผนนิ่งระงับหลับตาพิจารณารู้แน่ในทางปราณ
นี่ลาวยกทัพหมื่นมาดื่นป่าก็บัญชาสั่งให้ไพร่ทหาร
ไปตัดอ้อขมมาอย่าเนิ่นนานปักขนาบหน้ากระดานด้านท้ายบึง
แล้วปักแยกแหกฉีกเป็นปีกกาเอาไม้มาขีดคูดูขังขึง
ทั้งหอรบหอคอยร้อยแขมกรึงดูประหนึ่งปักเล่นไม่แน่นแฟ้น
พอแม่ทัพจับซัดข้าวสารปร๋อแขมอ้อกลายไปเป็นไม้แก่น
เชิงเทินรอบขัณฑ์ไม่คลอนแคลนปีกกาชักปักแน่นกว่าไม้จริง
ที่รอยขีดกลับเป็นคูดูลึกซึ้งอยู่ข้างบึงขวางดงตรงตลิ่ง
ถึงจะต้องปืนใหญ่ไม่ไหวติงทั้งหอรบครบสิ่งสำเร็จการ
ขุนแผนสั่งพวกไพร่ที่ในทัพกำชับเตรียมตัวทั่วทุกด้าน
แต่ตัวนายสี่คนอยู่บนร้านให้กองด่านดูลาวจะเข้ามา ฯ
๏ จะขอหยุดยับยั้งข้างขุนแผนกล่าวถึงทัพนายแสนตรีเพชรกล้า
รีบร้อนต้อนขับกองทัพม้ามาถึงป่าดอนตะแบกจะแยกทาง
ดูไปไกลประมาณสามสิบเส้นแลเห็นค่ายไทยทั้งใหญ่กว้าง
ทั้งขวาซ้ายรายชักปีกกากางขุดคูข้างขอบบึงไปถึงกัน
ครั้นถึงที่เห็นสนามตามตำรับก็หยุดทัพยับยั้งลงตั้งมั่น
แล้วปักธงยิงปืนเป็นสำคัญให้โห่สามลาลั่นสนั่นไป ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนทหารได้ยินลาวโห่ขานสะท้านไหว
ร้องประกาศบอกกันนั่นเป็นไรลาวยกทัพใหญ่มาคั่งคับ
เรากับลูกรักอันศักดาจะยกพลโยธาออกเคี่ยวขับ
ท่านทั้งสองคอยอยู่ดูในทัพเราจะรับมือลาวชาวเชียงอินทร์
แต่บรรดาพวกลาวบ่าวของท่านประจำการอยู่ในค่ายวงสายสิญจน์
แต่บรรดาพวกไทยใจทมิฬจงขี่ม้ามาสิ้นให้ครบกัน
เจ้าพลายงามยกไปเป็นทัพหน้าคุมพวกสามสิบห้าล้วนแข็งขัน
เราจะยกทัพใหญ่หนุนไปพลันถ้าได้ทีตีตะบันบุกเข้าไป
ถ้าพลลาวเหลือล้นพ้นประมาณเราจะไสคชสารเข้าลุยไล่
จะรบราฆ่ามันให้บรรลัยจงตั้งใจอย่าประมาทต้องอาจอง
สั่งแล้วขุนแผนกับลูกชายแต่งกายคาดเครื่องเรืองระหง
นุ่งผ้าตามตำรารณงค์เข็มขัดลงยันต์คาดสะอาดงาม
เสื้อลงเลขยันต์ใส่ชั้นในเสื้อนอกดอกใหญ่ทองอร่าม
แหวนมณฑปนพเก้าดูวาววามสังวาลสามสายแย่งตะแบงมาน
สวมสายประคำทองเข้าคล้องคอทั้งลูกพ่อองอาจชาติทหาร
ใส่หมวกขลิบตาดพระราชทานถือฟ้าฟื้นยืนตระหง่านสง่าดี
ภาวนาตาเขม้นเห็นเมฆฉายนิมิตเป็นรูปนารายณ์เรืองศรี
สี่กรร่อนติดบนเมฆีขุนแผนขึ้นคอขี่คชฉกรรจ์
เอานายเพชรเจ็ดปานเป็นควาญท้ายใส่เสื้อลายสีแดงแสงเฉิดฉัน
พลายงามขึ้นขี่ม้าสีจันทน์สั่งให้ลั่นฆ้องฤกษ์แล้วเลิกพล
ยิงปืนสัญญาณขึ้นห้าตึงฆ้องหึ่งขานโห่ขึ้นสามหน
นายปลออดโบกธงเป็นมงคลก็รีบร้นโยธาคลาไคล ฯ
๏ พอสองทัพถึงกันประจันหน้าลาวก็แยกปีกกาออกหวั่นไหว
แสนตรีเพชรกล้าทอดตาไปเห็นทัพไทยลิบลิบสักหยิบมือ
มันเสมือนแมลงเม่ามาเข้าไฟนี่เข้าใจว่าจะรอดไปแล้วหรือ
สั่งให้ขับอัสดรต้อนพลฮือคนละมือก็จะยับทั้งทัพไทย
เอาเหวยเอาหวาโยธาทัพจับเอาตัวมันให้จงได้
อย่าให้มันปลอดรอดหนีไปกระทืบม้าผ่าไล่ไพร่พลมา
เข้าล้อมหน้าล้อมหลังประดังฟันพวกไทยตัวกลั่นล้วนแกล้วกล้า
เจ้าพลายสั่งตั้งโห่ขึ้นสามลากระทืบม้าฝ่าฟันประจัญรับ
ลาวแทงเข้าด้วยทวนสวนสกัดไทยปัดทวนพลาดฟาดฟันฉับ
พวกลาวแร่แก้กันไทยฟันยับโถมจับล้มคะมำคว่ำโก้งโค้ง
ไล่ตะบันฟันฟัดสกัดสะแกงลาวแทงไทยผลุงสะดุ้งโหยง
ไม่เข้าไทยไทยกระทืบอยู่โกรงโกรงไล่ทันฟันโป้งเข้าหลังปึง
ลาวเงื้อทวนใหญ่แทงไทยปราดไทยฟาดคันทวนสวนแทงผึง
หัวถลำคว่ำถลาตกม้าตึงยิ่งตายยิ่งตะบึงเข้าบุกบัน ฯ
๏ เจ้าพลายกับพวกสามสิบห้าคว้างคว้างวางมาดังกังหัน
เห็นลาวล้อมเข้าใกล้ออกไล่ฟันลาวเข้ารันรุมตีไม่หนีไทย
ลาวแทงไทยฟันตะบันฆ่าที่อยู่เหยียบกันเข้ามาหาถอยไม่
เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มห้อมล้อมเข้าไว้จนเต็มทีพวกไทยหัวไหล่ล้า
เจ้าพลายขับสีจันทน์เข้าฟันฟาดดาบลงยันต์ฟันขาดดังฟ้าผ่า
ถึงลาวคาดเครื่องอานกินว่านยาถูกดาบมรณาลงดาดดิน
ลาวรุมกลุ้มแทงเสียงอึกอักทวนหักหอกยู่บู้บิ่น
บุกตะบันฟันขนาบดาบไม่กินเจ้าพลายฟาดขาดดิ้นสิ้นเป็นเบือ
พวกลาวหวาดหวั่นพรั่นชะงักดังสุนัขพาหมู่เข้าสู้เสือ
ร้องว่าดาบเราบ่เข้าเนื้อกูฟันชั้นแต่เสื้อบ่เข้ามัน
เจ้าพลายแกว่งดาบอยู่วาบวาวพวกลาวถอยท้อย่อขยั้น
ดังพระยาสีหราชกาจฉกรรจ์เข้าผกผันเผ่นคว้างกลางฝูงวัว
เข้าไหนลาวหนีอยู่มี่ฉาวพวกลาวต่างขยั้นสั่นหัว
เกรงสง่าไม่กล้าเข้าใกล้ตัวด้วยความกลัวชีวันจะบรรลัย ฯ
๏ ครานั้นจึงแสนตรีเพชรกล้าขับต้อนโยธาอยู่หวั่นไหว
เห็นไพร่พลเรรวนปั่นป่วนไปเพชรกล้าขัดใจกระโจนมา
เท้ากระทืบแผงข้างผางผางลั่นเร่งรุกบุกบันขึ้นมาหน้า
เสียงตวาดประกาศก้องเป็นโกลามาจนหน้าม้าเจ้าพลายงาม
เห็นรูปร่างสำอางลออตาเพชรกล้าเข้าใกล้แล้วไต่ถาม
แน่ะเจ้านายทหารชาญสงครามเจ้านี้มีนามกรไร
พึ่งรุ่นหนุ่มร่างน้อยกะจิดริดเจ้าเป็นศิษย์ศึกษาอาจารย์ไหน
เป็นเผ่าพงศ์วงศ์วานท่านผู้ใดจงบอกไปให้แจ้งแก่กิจจา ฯ
๏ ครานั้นพลายงามทรามคะนองร้องตอบคดีตรีเพชรกล้า
อันตัวเราเป็นทหารอยุธยาชื่อว่าพลายงามมาตามวงศ์
บิดาชื่อพระยาแผนพิฆาฏพระราชทานตั้งนามตามประสงค์
ตัวเราเป็นศิษย์บิตุรงค์เผ่าพงศ์วงศ์พลายหลายชั่วมา
ท่านนี้มีนามกรใดครั้นจะถามถึงผู้ใหญ่ก็เกินหน้า
ถึงยังมีมิตายก็เต็มชราแต่เรียนรู้ครูบาอาจารย์ใด ฯ
๏ ครานั้นเพชรกล้าได้ฟังถามก็ชื่นชมตอบความหาช้าไม่
ซึ่งถามเราจะเล่าให้เข้าใจเจ้าชาวใต้ไม่รู้จู่ขึ้นมา
เราเป็นเชื้อเจ้าท้าวคำแมนมียศเป็นแสนตรีเพชรกล้า
เราเป็นเชื้อชาติทหารชาญศักดาในลานนาใครใครไม่ต่อแรง
พระครูผู้บอกวิทยาชื่อว่าศรีแก้วฟ้ากล้าแข็ง
สถิตยังเขาคำถ้ำวัวแดงทุกหนแห่งเลื่องลือนับถือจริง
เจ้าหนุ่มน้อยนี้หรือชื่อพลายงามช่างสมรูปสมนามดูงามยิ่ง
ตะละแกล้งหล่อเหลาเพราพริ้งรูปร่างอย่างผู้หญิงพริ้งพรายตา
จะเปรียบลูกก็อ่อนกว่าลูกเล็กจะเปรียบหลานพานจะเด็กกว่าหลานข้า
ไม่ควรจะรบสู้กับปู่ตากลับไปบอกบิดามารอนราญ
จะได้เป็นขวัญตาโยธาทัพเห็นฉบับแบบไว้ในทหาร
ยังเด็กอยู่คอยดูวิชาการเฮ้ยหลานพ่ออยู่ไหนไปบอกมา ฯ
๏ ครานั้นพลายงามทรามคะนองร้องตอบต่อคดีตรีเพชรกล้า
แน่เธออย่าเพ่ออหังการ์เจรจาหมิ่นประมาทเราชาติเชื้อ
ตัวท่านแก่กายอย่างควายเฒ่าอันตัวถึงเด็กเล็กลูกเสือ
ฝีมือใครไพร่ลาวแหลกเป็นเบืออย่าหลงเชื่อว่าผู้ใหญ่จะไม่แพ้
ถ้าไม่ดีที่ไหนใครจะมาจะขอลองวิชากับตาแก่
ให้ปรากฎฤทธีว่าดีแท้หรือเป็นแต่ปากกล้ากว่าฝีมือ
ขออภัยอย่าเพ่อให้ถึงบิดาแต่ลูกยาท่านจะชนะหรือ
มาลองดูสักหนให้คนลือจะปลกเปลี้ยเสียชื่อดอกกระมัง ฯ
๏ ครานั้นแสนตรีเพชรกล้าโกรธาตาแดงดังแสงครั่ง
เหม่อ้ายนี่หนักหนาว่าไม่ฟังมาโอหังอวดรู้สู้สงคราม
เท้ากระทืบกระทบโกลนโผนผกมุ่นหมกขับคว้างมากลางสนาม
ท่วงทีขี่ม้าสง่างามรำง้าวก้าวตามกระบวนทวน ฯ
๏ ฝ่ายเจ้าพลายงามทรามสง่าเห็นตรีเพชรขับม้ามาปั่นป่วน
ก็ชักม้ารับร่ายย้ายกระบวนแล้วหันทวนว่องไวในทำนอง
เพชรกล้ารำง้าววาววาววับเจ้าพลายรำดาบรับสองมือป้อง
สองนายร่ายรำตามทำนองม้าผยองผันผกวกวนเวียน
แล้วยกรำทำท่าหงส์สองคอเยื้องล่อเลี้ยวฟันหันเ***ยน
แล้วรำท่ามังกรช้อนวิเชียรผลัดเปลี่ยนว่องไวไม่เสียที
เพชรกล้าถือง้าวยาวกว่าดาบเจ้าพลายฉาบเข้าฟันแล้วผันหนี
เพชรกล้าขัดใจไม่คลุกคลีเจ้าพลายรำทำทีให้ไล่ทัน
เพชรกล้าได้ท่าปาลงฉาดเจ้าพลายหลบลาวพลาดคะมำหัน
พลายงามตามชิดติดตะบันสบท่าผ่าฟันลงต้ำตึง
หยึ่นเปล่าหาเข้าตรีเพชรไม่เยื้องขยับกลับใส่เจ้าพลายผึง
เจ้าพลายผันฟันบ่าเพชรกล้าปึงเนื้อประหนึ่งหินผาศิลาแลง
แสนตรีเพชรกล้าง่าง้าวกรายฟันเจ้าพลายงามพรวดดังกรวดแข็ง
ราวกับเกาหลังให้ยิ่งได้แรงฟันตะแบงบุกไปไล่ตะครุบ
เอาดาบฟาดฉาดฟันตะบันส่งเป็นหลายหนคงทนไม่บู้บุบ
เพชรกล้ากลับด่ำเข้าตำทุบถูกเนื้อยุบพอขยายก็หายไป ฯ
๏ แสนตรีเพชรกล้าระอาจิตสุดคิดที่จะเอาชนะได้
น่งนึกตรึกตราแต่ในใจชะเด็กไทยคนนี้มันดีจริง
ช่างกล้าแข็งแรงฤทธิ์นั้นเกินร่างดูแต่หน้าท่าทางอย่างผู้หญิง
มันสู้กูผู้ใหญ่ไหวมันจริงด้วยเชิงชิงชัยชาญชำนาญแท้
จะรบรันฟันฟาดด้วยสาตราเห็นทางท่าเอาชัยบ่ได้แน่
ต้องใช้มนตร์ทางในให้มันแพ้ก็ชักม้าราแต้ออกยืนไกล
หลับตาภาวนาร่ายพระเวทอันวิเศษเชี่ยวชาญอาจารย์ให้
เรียกมหาอาโปเป่าออกไปเป็นน้ำไหลพลุ่งพลั่งดังท่อธาร
พิลึกล้นท้นท่วมทั่วจังหวัดลมก็พัดเป็นระลอกกระฉอกฉาน
พวกทัพไทยต่างคนตะลนตะลานตะเกียกตะกายว่ายซานขึ้นต้นไม้
ทั้งขี่ม้าหยั่งขาไม่ถึงที่ด้วยนทีโชนเชี่ยวเป็นเกลียวไหล
เหล่าพวกอาสาระอาใจต่างร้องบอกนายไปให้แก้มนตร์ ฯ
             

๏ ครานั้นพลายงามเจ้าความคิดเรืองฤทธิ์ลือแจ้งทุกแห่งหน
อ่านคาถาเป่าปัดไปบัดดลก็ทดท้นน้ำแห้งทุกแห่งไป
แล้วอ่านมนตร์ดลเรียกเตโชธาตุเป่าปราดไปเป็นเพลิงเถกิงไหม้
โพลงพลุ่งทุ่งเถือกเป็นเปลวไฟวาบวามลามไล่ไพร่พลลาว
พอลาวเห็นไฟไหม้ลามมากระทืบม้าหนีพล่านออกฉานฉาว
กัมปนาทหวาดหวั่นตัวสั่นท้าวร้องเรียกเจ้านายช่วยข้าด้วยรา ฯ
๏ ครานั้นเพชรกล้าเป็นจ่าศึกเห็นไฟไหม้คึกคึกมาเต็มป่า
ระงับการร่ายพระเวทวิทยาเรียกกมหาวลาหกให้ตกลง
ก็เกิดเป็นเมฆตั้งขึ้นบังปกแล้วฝนตกโฉมซ่าป่าระหง
สักห่าใหญ่ไหลดาดแผ่นดินดงดับไฟไหม้พงนั้นสูญไป
เหล่าพวกอาสาโยธาหาญหนาวสะท้านทุกคนไม่ทนได้
เข้ามั่วสุมกลุ่มกลมใต้ร่มไม้ถูกเม็ดใหญ่ลูกเห็บเจ็บแทบตาย ฯ
๏ ครานั้นพลายงามความสามารถชาญฉลาดเฉลียวเลิศเฉิดฉาย
อ่านอาคมเรียกลมที่ในกายระบายวาโยธาตุเป่าปราดไป
ด้วยอาคมเกิดเป็นลมเพชรหึงตึงตึงพัดฝนไม่หล่นได้
ที่หยดหยาดขาดสายหายทันใดด้วยพระเวทฤทธิไกรอันชัยชาญ
แล้วเอาก้อนกรวดมาซัดปราดเป็นเม็ดฝนกรวดทรายกระเซ็นซ่าน
ตกต้องลาวพลตะลนตะลานอลหม่านหนีซุกไปทุกคน
บ้างขับม้าเข้าพุ่มคลุมหัวร้องบ้างถูกต้องเจ็บปวดเม็ดกรวดฝน
เป็นแผลเหือดเลือดไหลไปทุกคนเหลือทนเต็มประดาแก้ผ้าคลุม ฯ
๏ ครานั้นจึงแสนตรีเพชรกล้าเห็นโยธาหน้าฟกอกเป็นตุ่ม
แสนพิโรธโกรธใจดังไฟรุมประชุมนิ้วเหนือเกล้าแล้วเป่าไป
เกิดเป็นตารางกลางอากาศกั้นหยาดเม็ดฝนไม่หล่นได้
เม็ดฝนกรวดทรายหายทันใดแล้วสั่งไพร่ให้ลงจากพาชี
อันจะเข้ารบรุกกันคลุกคลีการว่องไวไม่ดีเหมือนเดินเท้า
ให้เอาม้าไปซุ่มเสียพุ่มชัฎเลือกจัดแต่ล้วนทวนแหลนหลาว
ให้พร้อมสรรพเครื่องยุทธ์อาวุธยาวสกัดก้าวห้อมล้อมให้พร้อมพรัก
พวกเราเอาแต่แรงแทงมันส่งถึงอยู่คงก็ถูกกระดูกหัก
ด้วยข้างเรากว่าพันมันน้อยนักเอาเสียพักเดียวเถิดอ้ายพ่อกู ฯ
๏ ทหารลาวกราวลงจากหลังม้าวิ่งผลุนหมุนมาเป็นหมู่หมู่
เข้าล้อมหน้าล้อมหลังออกพรั่งพรูเกรียวกรูทิ่มตำกระหน่ำแทง
เหล่าพวกอาสาเข้าฝ่าฟันถูกลาวขาดสะบั้นสะพายแล่ง
หัวขาดตัวขาดเลือดสาดแดงพวกกองหลังยังแซงแข่งเข้าไป
เกลื่อนกลุ้มหุ้มไทยไว้เป็นหมู่หอกยู่แทงเปล่าไม่เข้าได้
พวกอาสาฟันฟอนจนอ่อนใจยิ่งบรรลัยยิ่งรุมกลุ้มเข้ามา ฯ
๏ จนไหล่ตกยกมือขึ้นไม่ไหวอึดใจเรียกนายพ่อพลายขา
ลูกฟันมันจนสิ้นแรงระอาตายหนึ่งหนุนมาห้าหกคน ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงามเชี่ยวชาญการสงครามไม่ย่อย่น
เห็นพวกอาสาบรรดาพลเหนื่อยจนไหล่ตกไม่ยกมือ
จึงรูดเอาใบมะขามมาสามกำเสกซ้ำเป็นต่อบินปร๋อปรื๋อ
ตั้งโกฎิแสนแน่นป่ามาฮือฮือดูออกคล่ำดำปื้อไปทุกละเมาะ
ตัวยาวราวก้อยไม่ต่อยไทยจำเพะลาวกราวไล่ใส่เปาะเปาะ
พิษสงเหล็กในดังใครเคาะถูกเหมาะเหมาะล้มทับกันยับยุบ
พวกลาวอาวุธหลุดมือถือเอาแต่มือตบสู้อยู่ปับปุบ
เหลือทนลุกล้มลงก้มฟุบโดดผลุบลงในน้ำดำหนีไป
พอเต็มกลั้นผุดฟ่อต่อต่อยซ้ำไม่กลับดำต่อยป่นทนไม่ได้
เพชรกล้าตาปิดพิษเหล็กในทั้งม้าม่อยต่อยไล่ไปพรั่งพรู
หน้าตาล้วนแต่คาเหล็กในต่อม้าลาพาห้อชักไม่อยู่
บ่าวนายพ่ายหนีวิ่งกรีกรูพวกไทยไล่ลู่ตะลุมบอน ฯ
๏ ครานั้นท่านท้าวกรุงกาฬเห็นทหารเพชรกล้าวิ่งว้าว่อน
กะปลกกะเปลี้ยเสียทีหนีซอกซอนก็ไสช้างวางต้อนโยธามา ฯ
๏ ฝ่ายว่าขุนแผนแสนสะท้านเห็นกรุงกาฬเข้าด้วยช่วยทัพหน้า
ก็ขับกุญชรต้อนโยธาไสช้างขวางหน้าเจ้ากรุงกาฬ
จึงร้องฮ้าท่านหรือทัพหลวงจึงเลยล่วงขับช้างมากลางทหาร
ดูช้างม้ารี้พลพ้นประมาณนี่จะไปรบราญบ้านเมืองใด ฯ
๏ ครานั้นกรุงกาฬชาญกำแหงได้ฟังคำเสียดแทงให้หมั่นไส้
สูนี้พระยาแผนแล้วแม่นใจมายกความถามไถ่ไม่มีอาย
เข้ามาลักช้างม้าพาคนหนีแล้วเข่นฆ่าราตีคนทั้งหลาย
ซ้ำปักหนังสือท้าว่าหยาบคายตัวไม่เป็นผู้ร้ายดอกหรือไร
อยุธยาช้างม้าไม่มีหรือจึงดึงดื้อมาปล้นจนเชียงใหม่
เรายกพลมาประจญจับโจรไพรถ้าคืนของกลางให้จะรอดตัว ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสะท้านได้ฟังท้าวกรุงกาฬก็ยิ้มหัว
ช่างพูดได้ไม่คิดถึงเงาตัวทำความชั่วถึงปิดไม่มิดควัน
ซึ่งล้านช้างส่งนางไปกรุงไทยเจ้าเชียงใหม่เมามืดด้วยโมหันธ์
ลอบไปฉกชิงนางไว้กลางคันจับพวกส่งลงทัณฑกรรมไว้
ข้าหลวงไทยที่มารับก็จับจำเฆี่ยนขับยับระยำทั้งนายไพร่
กระทำความข่มเหงไม่เกรงใจยังท้าให้ยกพลมาชนช้าง
เจ้าท่านนั้นแลเป็นโจรป่าเอาชีวาแลกสตรีไม่มีอย่าง
ถ้ารักตัวกลัวว่าจะวายวางให้ส่งนางคืนไปจะไม่ตาย ฯ
๏ กรุงกาฬทหารใหญ่ครั้นได้ฟังแค้นคั่งอสนีบาตฟาดสาย
จะตอบเหมือนล้มไม้ลงทับกายด้วยเจ้านายทำความไม่งามดี
จึงแกล้งกลบเกลื่อนเป็นเงื่อนงำอันถ้อยคำอาจเอิ้นเห็นเกินที่
เพราะเจ้าเวียงจันทน์นั้นไม่ดีเป็นพาลีสองหน้ามาแต่ไร
มีสารามาถวายองค์สร้อยทองแก่พระผู้ครองเมืองเชียงใหม่
แล้วกลับยกยักย้ายถวายไทยเราจึงได้อาฆาตวิวาทกัน
จนติดพันประจัญรณรงค์มากล่าวไยให้ส่งองค์นางนั้น
อย่าช้ามาชนช้างกันกลางครันถ้าใครดีชีวันไม่บรรลัย
ถ้าแม้นเราแพ้ท่านในการณรงค์ก็ควรละจะส่งสร้อยทองให้
ถ้าแม้นท่านเสียท่าปราชัยสร้อยทองต้องเอาไว้ในเชียงอินทร์
ว่าพลางทางสั่งปีกซ้ายขวาทั้งกองกลางช้างม้าดากันสิ้น
ให้รายล้อมพวกไทยใจทมิฬอย่าให้ปลิ้นหนีพล่านออกด้านใคร ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนวิเศษขจรเดชลือเลื่องกระเดื่องไหว
จึงร้องสั่งทหารอันชาญชัยอย่าคลุกคลีตีให้เป็นด้านกัน
สำมะยังรั้งรับกับปีกขวาพรหมศรรับราปีกซ้ายนั่น
ธรรมเถียรคอยทัพรับหลังมันตัวเราจะประจญเข้าชนช้าง
สั่งแล้วไสสีห์คชเดชร่ายพระเวทเป่าตะพองงาสองข้าง
ให้คงทนทั้งตัวทั่วสรรพางค์แล้วไสวางช้างมุ่งท้าวกรุงกาฬ ฯ
๏ ครานั้นกรุงกาฬชาญชัยศรีไสพลายพลิกธรณีมาง่านง่าน
กรายของ้าวรำด้วยชำนาญคชสารสองปะทะเข้าประงา
ด้วยช้างลาวกำลังที่คลั่งเมาเมื่อยกออกกรอกเหล้าไว้หนักหนา
คขเดชยั่งยืนชื่นนัยน์ตาบ่มมันกลั่นกล้าไม่กลัวช้าง
ครั้นพลายพลิกธรณีรี่เข้าชิดคชเดชก็ขวิดปลายงาผาง
พอช้างลาวเบนเสยเข้าเกยคางช้างไทยได้ล่างเข้าหว่างคอ
นายเจ็ดปานพานกระแชงแทงต้ำเฮือกถูกช้างลาวหน้าเสือกหงายท้ายย่อ
ขุนแผนคะยิกใหญ่ไม่รั้งรอช้างไทยเป็นต่อดันตะบึง
ช้างลาวถอยหลังยั้งไม่ถนัดเพียรจะงัดช้างไทยใส่ผึงผึง
ช้างไทยดันแดกกระแทกตึงช้างลาวถอยดึ่งทุกทีไป
กรุงกาฬเหนี่ยวสับให้กลับหันช้างไทยดันไม่ฝืนคืนมาได้
ด้วยช้างลาวเมาสุราเป็นบ้าใจครั้นเจ็บหนักยักไหล่สลัดคว้าง
ขุนแผนเห็นได้ทีไม่รีรอรำของ้าวฟาดลงฉาดผาง
ถูกกรุงกาฬซานซบทบคอช้างไม่เข้าคอพอเป็นยางออกช้ำช้ำ
กรุงกาฬฟื้นลุกคืนขึ้นมาได้ขุนแผนไสช้างกระชั้นไล่ฟันร่ำ
จนตีนหลุดจากชนักหัวปักปำขุนแผนซ้ำลงอีกฉาดพลาดตกตึง
ขุนแผนไสช้างเข้าร้องเอาพ่อช้างก็ปร๋อปราดแปร้นแล่นเข้าถึง
ม้วนงวงหลับตาลงงาตึงตีตะบึงแทงตะบันดันจนแบน
พอถอนงาคว้าผีขึ้นโยนขวับตกลงมางารับแล้วร้องแปร้น
ไส้ทะลักหักแหกหัวแตกแตนช้างลาวแล่นหนีออกนอกโยธา
สำมะยังคุมไพร่ไล่ขนาบตีกองปราบเมืองแมนข้างปีกขวา
พรหมศรต้อนพลกล่นเกลื่อนมาเข้ารบราปีกซ้ายนายกำกอง
สองข้างต่างโถมเข้าโจมตีถ้อยทีหนีไล่กันไวว่อง
ลาวแทงไทยจับเข้ารับรองไทยฟันลาวป้องจ้องเข้ารับ
พวกไทยไล่ทันฟันตะบึงนั่นปึงนี่ปังข้างหนึ่งปับ
สำมะยังโถมเข้าเอานายทัพนายปราบรันฟันปังดังเหล็กเพชร
สำมะยังเป่าไปให้ประจุขาดเอาดาบฟาดขาดสะบั้นกระเด็นเด็ด
ดาบล่อนเลือดฝาดดังชาดเช็ดอ้ายลาวเข็ดคิดขยาดไม่อาจรบ
พรหมศรเสกคาถาว่าถอนโบสถ์โดดแทงกำกองเข้าท้องกบ
ชักกั้นหยั่นฟันควาญลงซานซบทับศพผีนายลงก่ายกัน
สอยดาวเห็นแม่ทัพอัปรานายทั้งปีกซ้ายขวาก็อาสัญ
ก็ขับไสช้างงาเข้ามาพลันเอาง้าวหันพวกไทยไล่ตะลุย
ธรรมเถียรยืนดูอยู่ท่ามกลางขัดใจไสช้างมาฉุยฉุย
อ้ายพลายแก้วมิ่งเมืองไม่เงื่องงุยเอางาชุ่ยสอยดาวเข้าราวนม
นายสอยดาวทรงกายพอหายขัดเอาของคัดงาหันฟันประสม
ไทยเป่าโอ้ฟ้าผ่ามาตามลมฟันลาวง้าวจมลงครึ่งคอ
แล้วเหยียบดจนโผนทะยานฟันควาญท้ายอ้ายลาวบ่าวนายไม่เหลือหลอ
ฉัวะแาดขาดเด็ดทั้งสองคอพวกพลย่นย่อเข้าป่าไป ฯ
๏ จะกล่าวถึงแสนเพชรตรีกล้าสิ้นพิษต่อลืมตาขึ้นมาได้
แลเห็นทัพแตกตายกระจายไปก็ขัดใจขับม้ามาทันที
ร้องว่าฮ้าเจ้าพลายนายแผนนั้นมิสำคัญคิดเอาว่าเราหนี
ด้วยตัวต่อต่อยตาเอาพาชีมันแล่นลี้ชักฉุดไม่หยุดยั้ง
เรากลับมากล้าดีมาลองฤทธิ์อย่าได้คิดว่าเราจะถอยหลัง
มาตรแม้นแพ้นายวายชีวังจะให้ชื่อลือดังทั้งแผ่นดิน ฯ
ครานั้นขุนแผนแมนศักดาฟังคำเพชรกล้าพูดบ้าบิ่น
จึงร้องตอบคำไปให้ได้ยินยังเล่นลิ้นลอยหน้ามาท้าทาย
เราเห็นทำศักดากับทารกยังต้องยกธงล่าเข้าป่าหาย
แพ้ลูกกะจิดริดไม่คิดอายจะมาหมายต่อสู้ผู้บิดา
นี่แท้นายอายลาวพวกบ่าวไพร่จึงซ่องแซ่งแข็งใจมาแก้หน้า
ด้วยจนตรอกบอกไม่ได้แข็งใจมาในครั้งนี้ชีวาไม่คงชนม์ ฯ
๏ เพชรกล้าตาเขียวให้เกรี้ยวโกรธดังถูกหอกรอกโสตรสักแสนหน
เดือดดาลไม่ทันอ่านพระเวทย์มนตร์ก็ขับม้าผ่าพลเข้าชิงชัย
ขุนแผนตวาดอำนาจยักษ์เพชรกล้าง่าชะงักไม่ไหวได้
แล้วยกเงื้อง้าวฟาดฉาดลงไปถูกหัวไหล่ลาวล้มลงจมอาน
ตาหลอว่าคุณพ่อดิฉันเองวิ่งถลันฟันเป้งลงด้วยขวาน
ตารักว่าฉันด้วยช่วยลนลานเอาพลองกระทุ้งพุงกรานให้ตกม้า
นายโห้สามหอกกรอกด้วยทวนเหล็กม้วนไม่เข้าตรีเพชรกล้า
ทิ้งทวนเข้าปะทะฉะด้วยพร้านายปานขวานฟ้าเอาดาบฟัน
ราวกับฟาดทองแดงแทงก้อนหินหักบิ่นยู่ย่นไปจนกั่น
แม้กระดูกก็ไม่หักแต่สักอันคงกระพันชาตรีดีทั่วกาย
ตาหลอว่าคุณพ่อพ่อพลายขาอ้ายเพชรกล้าคนนี้ดีใจหาย
จะฟันแทงสักเท่าไรก็ไม่ตายยังนอนหายใจอยู่ดูพิกล
ขุนแผนร้องว่าอย่ามี่ฉาวเฮ้ยพวกเราเอาหลาวทะลวงก้น
ถึงมาตรแม้นอยู่ยงมันคงทนแยงให้จนถึงคอคงมรณา
ตาหลอกับตารักยืนหยักรั้งพวกทะลึ่งตึงตังเข้าแก้ผ้า
นายโม้กับนายเม้าเอาหลาวมาผ่าทวารเข้าปรอดตลอดตัว
หลายคนช่วยกันดันกระดอกเอาไม้ตอกกังกังกระทั่งหัว
หน้าเผือดเลือดแดงดังแทงวัวถูกรูรั่วเลือดราดลงดาดดิน ฯ
๏ พวกโยธาบรรดาที่เหลือตายบ้างหลบลี้หนีหายเข้าป่าสิ้น
พวกม้าเร็วรีบตะบึงถึงบุรินทร์บอกระบิลแสนท้าวเหล่าพระยา
ว่าสาธุโยธาทั้งห้าทัพตายยับสิ้นแล้วพระเจ้าข้า
เหล่าพวกที่หลบลี้มิมรณาไม่ทราบว่ามาได้สักเท่าไร ฯ
๏ พวกผู้ใหญ่ได้ฟังพวกม้าเร็วเอาผ้ากราบคาดเอวหาช้าไม่
วิ่งมางกงกด้วยตกใจตรงเข้าในท้องพระดรงรจนา
เห็นจอมนคเรศเกศเชียงอินทร์สถิตแท่นมณีนิลข้างฝ่ายหน้า
อำมาตย์หมอบยอบกรานคลานเข้ามาวันทาทูลพลันในทันใด
ว่าเพชรกล้าสอยดาวท้าวกรุงกาฬทหารปราบเมืองแมนทั้งนายไพร่
ยกออกไปรบกรับกับพวกไทยบรรลัยย่อยยับอัปรา
พวกทหารน้อยใหญ่ทั้งไพร่นายที่เหลือตายหลบลี้หนีเข้าป่า
ยังแตกซ่านซ่อนเร้นไม่เห็นมาไม่ทราบว่ามากน้อยกี่ร้อยคน ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นนคเรศได้ฟังเหตุว่าทัพนั้นยับย่น
ดังพระกาลจะผลาญให้วายชนม์พระพักตร์หม่นหมองสลดระทดใจ
แต่มานะกษัตริย์ตรัสประภาษประกาศสั่งเสนาทั้งน้อยใหญ่
ให้เร่งรัดจัดรักษาซึ่งเวียงชัยให้ตั้งค่ายรายไปรอบพารา
ปิดทวารทั้งนั้นให้มั่นคงลงเขื่อนไม้แก่นให้แน่นหนา
ปืนหามแล่นเอาจุกทุกเสนาคาบศิลาใส่ตับลำดับไว้
ที่ขอบค่ายนั้นให้รายปืนจ่ารงที่ช่องตรงประตูกลางวางปืนใหญ่
เอาปะขาวกวาดวัดทั้งฉัตรชัยจุกใส่ให้ทุกช่องทวารา
บนทวารกำแพงข้างด้านใต้จงเอาซุงแขวนไไว้ให้หนักหนา
แม้นข้าศึกฮึกโหมโจมเข้ามาเอามีดพร้าตัดทับให้ยับไป
ในกำแพงถากถางหนทางเดินแนวถนนบนเชิงเทินให้กว้างใหญ่
ที่ตรงหว่างวางปืนกองฟืนไฟคั่วกรวดทรายไว้ให้ทุกกอง
ให้กรมเมืองร้องป่าวชาวประชาผู้ดีไพร่ให้เข้ามาทุกบ้านช่อง
นั่งยามตามไฟเที่ยวสอดมองตีฆ้องตรวจตระเวณกะเกณฑ์กัน
ผลัดกันลุกปลุกกันนั่งระวังไฟถ้าเกิดขึ้นเรือนใครจะอาสัญ
เหล่าบ้านนอกกำแพงทุกแห่งนั้นให้ผ่อนผันคนมาในธานี
สระบ่อท่อธารบ้านของใครขุดไขน้ำเข้าให้เต็มที่
ข้าวปลานาไร่ของใครมีให้ขนมาไว้ที่นี่สิ้นทั้งนั้น
แต่บรรดาแสนท้าวเหล่าเพี้ยกวานคอยระวังการงานให้แข็งขัน
ถ้าศึกเข้าด้านใดอย่าไว้มันเอาไปฟันเสียบเสียให้สาใจ ฯ
๏ ครานั้นแสนท้าวเหล่าพระยารับสั่งออกมาหาช้าไม่
อื้ออึงเอะอะกะเกณฑ์ไปลากปืนใหญ่จุกจ้องช่องประตู
ให้กรมเมืองร้องป่าวชาวประชาทั้งชายหญิงวิ่งมาเป็นหมู่หมู่
บ้างตั้งค่ายรายรอบที่ขอบคูบ้างเกณฑ์คนขึ้นอยู่บนกำแพง
เอาฟืนใส่ไฟก่อเอาหม้อตั้งคั่วกรวดทรายรายระวังไปทุกแห่ง
ให้มีสารวัตรเที่ยวจัดแจงตีฆ้องป๋องแป๋งออกรอบไป
ชุลมุนวุ่นแาวพวกชาวบ้านบ้างอุ้มลูกจูงหลานอยู่ขวักไขว่
เชี่ยนขันโตกพานในบ้านใครบ้างขุดไว้ฝังดินสิ้นทั้งนั้น
ลูกแหวนรวงทองของสะอาดบ้างเย็บไถ้ใส่คาดบั้นเอวมั่น
บ้างเอาผ้าปะในไว้อีกชั้นของสำคัญซ่อนซุกไว้ทุกคน
ที่แม่ม่ายยายแก่รำมะก้าเอาห่อผ้าใส่หนีบไว้กลีบก้น
ให้นึกกลัวพวกไทยจะไล่ค้นเอาซุกซนลงไว้ใต้พริกเกลือ
บ้างซ่อนใส่มวยผมผ้าห่มนอนบ้างซุกไว้ในหมอนซ่อนในเสื่อ
บ้างเอาชันปะไว้ใต้ท้องเรือไม่ให้เหลือสักนิดเอาติดไป
ที่รู้ว่าลูกผัวของตัวตายทั้งสาวแส้แม่ม่ายร่ำร้องไห้
ออกอัดแอแซ่เสียงทั้งเวียงชัยด้วยกวาดกันเข้ามาในกำแพง
ข้างในวังชุลมุนกันวุ่นวายเจ้านายทุกองค์ทรงกันแสง
ทั้งหม่อมคุณวุ่นว่อนข้อนอกแดงบ้างฝังแฝงของไว้ใต้ตึกราม ฯ
๏ ส่วนพระเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นเชียงใหม่พูดเอาใจลูกเต้าเหล่าหม่อมห้าม
อ้ายศึกนิดพวกเราเบาสงครามเข้ารบรุมซุ่มซ่ามจึงเสียที
เฮ้ยฝีมือของกูสูคอยเบิ่งจะลุยไล่ให้เปิงแหกป่าหนี
กับอ้ายพวกห้าร้อยน้อยเท่านี้จะขยี้เสียให้ยับลงกับเท้า
จะร้องไห้ทำไมให้เป็นลางทัพขุนนางหรือจะสู้กูเป็นเจ้า
ถ้าขืนจะรุกรานบ้านเมืองเราระดมเอาเสียสักวันก็บรรลัย
พระตรัสพลางทางเสด็จออกข้างหน้าประกาศสั่งเสนาทั้งน้อยใหญ่
ให้เร่งรัดจัดเตรียมให้พร้อมไว้เอาเชียงใหม่เป็นค่ายได้สำคัญ
ถ้าแม้นมันบกตะบึงถึงบุรีอย่าเพ่อออกต่อตีให้ตั้งมั่น
ข้างเรามีข้าวปลาสารพพันพวกมันนั้นจะได้อะไรกิน
เหล่าบ้านนอกธานีมียุ้งข้าวเอาไฟเผายุ้งฉางล้างให้สิ้น
ตัดกำลังพวกไอ้ใจทมิฬมันจะบินไปข้างไหนได้เห็นกัน
พอเสบียงเลี้ยงท้องมันหมดตัวจึงออกไปจิกหัวเอาดาบหั่น
อ้ายศึกสักหยิบมือไม่ครือครันพวกเราทำเสียไม่ทันจะพริบตา ฯ
๏ ครานั้นเสนีสี่จตุสดมภ์ถวายบังคมเห็นชอบกันพร้อมหน้า
ซึ่งพระองค์ทรงดำริตริตราคงสมดังบัญชาทุกประการ
จะมีชัยอาศัยเพราะเสบียงตัดลำเลียงเสียให้หมดอดอาหาร
ข้าวตากมันจะมีกี่ทะนานหมดข้าวสารก็จะสิ้นกำลังลง
ถึงโดยมันมาล้อมเราอ้อมนอกอย่าให้ออกไปหาเสบียงส่ง
ไม่กี่วันจะวิ่งเป็นชิงธงคอยสกัดปากดงคงได้ตัว
ไม่พักต้องรบรับขับเคี่ยวโห่สักเกรียวก็จะบุกเที่ยวซุกหัว
อ้ายห้าร้อยเป็นเชลยมันเคยกลัวจับเป็นเอาให้ทั่วทั้งไพร่นาย
แต่บรรดาเพี้ยกวานท่านผู้ใหญ่ปรึกษาเห็นพร้อมใจสิ้นทั้งหลาย
ออกมานั่งสั่งความตามอุบายเอากำแพงเป็นค่ายรายเขื่อนคู ฯ
             

ตอนที่ ๓๐

             

ตอนที่ ๓๑

             

ตอนที่ ๓๒

             

ตอนที่ ๓๓

             

ตอนที่ ๓๔

             

ตอนที่ ๓๕

             

ตอนที่ ๓๖

             

ตอนที่ ๓๗

             

ตอนที่ ๓๘

             

ตอนที่ ๓๙

             

ตอนที่ ๔๐

             

ตอนที่ ๔๑

             

ตอนที่ ๔๒

             

ตอนที่ ๔๓

             

เชิงอรรถ

ที่มา

เว็บบอร์ดบ้านวรรณกรรม

เครื่องมือส่วนตัว