บทเสภาเรื่à¸à¸‡à¸‚ุนช้างขุนà¹à¸œà¸™
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
(→ข้อมูลเบื้องต้น) |
(→ตอนที่ ๒๔) |
||
แถว 101: | แถว 101: | ||
๏ | ๏ | ||
</tpoem> | </tpoem> | ||
- | === ตอนที่ ๒๔ === | + | === ตอนที่ ๒๔ กำเนิดพลายงาม=== |
+ | ==== ==== | ||
<tpoem> | <tpoem> | ||
- | ๏ | + | ๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภา อยู่เคหากับขุนช้างให้หมางหมอง |
+ | ไม่มีสุขทุกเวลาน้ำตานอง ด้วยว่าท้องสิบเดือนไม่เคลื่อนคลา | ||
+ | จะคลอดบุตรสุดปวดให้รวดร้าว ตึงหัวเหน่าเหน็ดเหนื่อยเมื่อยต้นขา | ||
+ | แสงห่องห้อยพรอยพรายพร่างสายตา จะเรียกหาขุนช้างให้หมางใจ | ||
+ | แต่นวดนวดปวดมวนให้ป่วนปั่น สุดจะกลั้นกลอกหน้าน้ำตาไหล | ||
+ | พยุงท้องร้องเรียกพวกข้าไท จะขาดใจแล้วช่วยด้วยแม่คุณ | ||
+ | ขุนช้างตื่นฟื้นตัวหัวผงก เห็นเมียตกใจผวาออกว้าวุ่น | ||
+ | ประคองนางพลางบนเอาต้นทุน อย่าท้อแท้แม่คุณจงแข็งใจ | ||
+ | พลางดูท้องร้องว่าเออออกแล้วซิ ตั้งสติอารมณ์จะข่มให้ | ||
+ | นางวันทองร้องเสือกกลิ้งเกลือกไป ขุนช้างได้หมอนรองประคองคอ | ||
+ | เรียกหาข้าคนอลหม่าน บนนอกชานพวกผู้หญิงออกวิ่งสอ | ||
+ | ให้ไปรับยายสายกับยายยอ แต่ล้วนหมอตำแยเซ็งแซ่มา | ||
+ | เข้าถือท้องต้องถูกว่าลูกต่ำ เอาหน้าคว่ำไขว่ขวางไปข้างขวา | ||
+ | ช่วยผันแปรแก้ไขใกล้เวลา บ้างตำยาขยำส้มต้มน้ำร้อน | ||
+ | นางวันทองร้องไห้ใจจะขาด พอกรรมชวาตวาตะประทะถอน | ||
+ | อรุณฤกษ์เบิกสุรินทร์ทินกร อุทรคลอนเคลื่อนคลอดไม่วอดวาย | ||
+ | พอพ้นท้องร้องแว้นางแม่หวีด หน้าซีดอกสั่นมิ่งขวัญหาย | ||
+ | ขุนช้างมองร้องอ้ายหนูเป็นผู้ชาย ทั้งย่ายายเยี่ยมลูกให้หยูกยา | ||
+ | แล้วทอดเตาเข้าไฟไม่ไข้เจ็บ ครั้นจะเก็บความกล่าวยาวหนักหนา | ||
+ | ค่อยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้จนใหญ่มา กระทั่งอายุเจ้าได้เก้าปี | ||
+ | ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนแม้นขุนแผนพ่อ เหลืองลอออวบอ้วนเป็นนวลศรี | ||
+ | ทั้งจุกผมกลมกล่อมกระหม่อมดี ช่างพาทีฉอเลาะพูดเพราะพราย | ||
+ | นางวันทองน้องคะนึงถึงขุนแผน ด้วยลูกแม้นเหมือนเหลือเป็นเชื้อสาย | ||
+ | บอกบ่าวไพร่ให้สำเหนียกเรียกลูกชาย ชื่อว่าพลายงามน้อยแก้วกลอยใจ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ฝ่ายขุนช้างหมางจิตให้คิดแค้น ลูกขุนแผนมั่นคงไม่สงสัย | ||
+ | เมื่อกระนั้นเหมือนกูครั้นดูไป ก็กลับไพร่เหมือนพ่ออ้ายทรพี | ||
+ | อีแม่มันวันทองก็สองจิต ช่างประดิษฐ์ชื่อลูกให้ถูกที่ | ||
+ | เรียกพ่อพลายคล้ายผัวอีตัวดี ทุกราตรีตรึกตราจะฆ่าฟัน | ||
+ | พอวันทองน้องป่วยลงด้วยเคราะห์ มาจำเพาะจะวิโยคให้โศกศัลย์ | ||
+ | ฟังเสียงเงียบระงับหลับกลางวัน พลายงามนั้นนั่งกับพ่อที่หอกลาง | ||
+ | ขุนช้างเห็นเป็นทีไม่มีเพื่อน แกล้งชี้เชือนชักพาลงมาล่าง | ||
+ | ให้ขี่หลังนั่งบ่าแล้วว่าพลาง ไปชมช้างกวางทรายมีหลายพรรณ | ||
+ | ทั้งนกยูงฝูงหงส์มันลงเกลื่อน จับไก่เถือนมาเลี้ยงฟังเสียงขัน | ||
+ | พูดให้เพลินเดินพลางกลางอรัญ แกล้งให้หมั่นดูแลฝูงแกกา | ||
+ | โพระดกนกงั่นกระตั้วเต้น กระแตเล่นไม้โจนโผนผวา | ||
+ | เจ้าพลายงามถามพ่อพูดจ้อมา ขุนช้างพาเลี้ยวไปปะไม้ซุง | ||
+ | เห็นลับลี้ที่สงัดขัดเเขมร สะบัดเบนเบือนเหวี่ยงลงเสียงผลุง | ||
+ | ปะเตะซ้ำต้ำผางเข้ากลางพพุง ถีบกระทุ้งถองทุบเสียงอุบโอย | ||
+ | พลายงามร้องสองมือมันอุดปาก ดิ้นกระดากถลากไถลร้องไห้โหย | ||
+ | พอหลุดมือรื้อร้องวันทองโวย หม่อมพ่อโบยตีฉันแทบบรรลัย | ||
+ | ไม่เห็นแม่แลหาน้ำตาตก ขุนช้างชกฉุดคร่าไม่ปราศรัย | ||
+ | จนเหงื่อตกกระปรกประปรอมขึ้นคร่อมไว้ หอบหายใจฮักฮักเข้าหักคอ | ||
+ | พลายงามดิ้นสิ้นเสียงสำเนียงร้อง ยกแต่สองมือไหว้หายใจฝ่อ | ||
+ | มันห้ามว่าอย่าร้องก็ต้องรอ เรียกหม่อมพ่อเจ้าขาอย่าฆ่าเลย | ||
+ | จงเห็นแก่แม่วันทองของลูกบ้าง พ่อขุนช้างใจบุญพ่อคุณเอ๋ย | ||
+ | ช่วยฝังปลูกลูกไว้ใช้เช่นเคย ผงกเงยมันก้ทุบหงุบลงไป | ||
+ | บีบจมูกจุกปากลากกระแทก เสียงแอ้กแอ้กอ่อนซบสลบไสล | ||
+ | พอผีพรายนายขุนแผนผู้แว่นไว เข้ากอดไว้มิให้ถูกลูกของนาย | ||
+ | ขุนช้างเห็นว่าทับจนตับแตก เอาคาแฝกฝุ่นกลบให้ศพหาย | ||
+ | แล้วกลิ้งขอนซ้อนทับให้ลับกาย ทำลอยชายชมป่ากลับมาเรือนฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ฝ่ายผีพรายนายขุนแผนแค้นขุนช้าง อุตส่าห์ง้างขอนใหญ่ให้เขยื้อน | ||
+ | แล้วเป่าแผลแก้หายละลายเลือน เจ้าพลายเคลื่อนคลายฟื้นเหมือนตื่นนอน | ||
+ | นางพรายบอกว่าเราบ่าวขุนแผน มาทำแทนเมื่อมันทับช่วยรับขอน | ||
+ | ไม่ม้วยแล้วแก้วตาอย่าอาวรณ์ อยู่นี่ก่อนเถิดนะเจ้าอย่าเศร้าใจ | ||
+ | แม่ของเจ้าเราจะบอกออกมารับ แล้วหายวับวู่วามตามนิสัย | ||
+ | เจ้าพลายงามยามเย็นไม่เห็นใคร เที่ยวร้องไห้หาแม่ชะแง้คอย | ||
+ | จะไปเรือนเพื่อนทางที่กลางป่า นึกน้ำตาหยดเหยาะลงเผาะผ็อย | ||
+ | เจ้าแหงนดูสุริย์ฉายก็บ่ายคล้อย ให้นึกน้อยใจพ่อพูดล่อลวง | ||
+ | เสียแรงลูกผูกใจจะได้พึ่ง พ่อโกรธขึ้งสิ่งใดเป็นใหญ่หลวง | ||
+ | โอ้มีพ่อก็ไม่เหมือนเพื่อทั้งปวง มีแต่ลวงลูกรักไปหักคอ | ||
+ | รู้กระนี้มิอยากเรียกพ่อดอก จะไปบอกแม่วันทองให้ฟ้องพ่อ | ||
+ | เที่ยวผันแปรแลหาน้ำตาคลอ นึกระย่อเยือกเย้นไม่เห็นใคร | ||
+ | ดูครึ้มครึกฟฤกษาป่าสงัด ไม่แกว่งกวัดก้านกิ่งประวิงไหว | ||
+ | จังหรีดร้องก้องเสียงเคียงเรไร ทั้งลองไนเรื่อยแร่แวแววับ | ||
+ | ดุเหว่าร้องมองเมียงเสียงว่าแม่ ยืนชะแง้แลดูเงี่ยหูตรับ | ||
+ | อยู่นี่แน่แม่จ๋าจงมารับ วิ่งกระสับกระสนวนเวียนไป ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ฝ่ายพวกพรายกายสิทธิ์ฤทธิรุทร เหมือนลมวุดวู่หนึ่งถึงไหนไหน | ||
+ | ไปเข้าฝันวันทองถึงห้องใน เหมือนจะให้เห็นลูกคิดผูกพัน ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภา เมื่อลูกแก้วแววตาจะอาสัญ | ||
+ | คิ้วกระเหม่นเป็นลางแต่กลางวัน ให้หวั่นหวั่นหวิวหวิวหิวหาวนอน | ||
+ | พอม่อยหลับคลับคล้ายเห็นพลายน้อย ขุนช้างถ่อยทับไว้ด้วยไม้ขอน | ||
+ | ผวาฟื้นตื่นตาด้วยอาวรณ์ สะอื้นอ่อนในอกตกตะลึง | ||
+ | พอแมงมุมอุ้มไข่ไต่ตีตก นางผงกเงี่ยฟังดังผึงผึง | ||
+ | ประหลาดลางหมางจิตคิดคะนึง รำลึกถึงลูกชายเจ้าพลายงาม | ||
+ | ลุกออกมาหาจบไม่พบเห็น ที่เคยเล่นอยู่กับใครเที่ยวไต่ถาม | ||
+ | แต่อีดูกลูกครอกมันบอกความ ว่าเห็นตามพ่อขุนช้างไปกลางไพร | ||
+ | นางแคลงผัวกลัวจะพาไปฆ่าเสีย น้ำตาเรี่ยเรี่ยตกซกซกไหล | ||
+ | ออกนอกรั้วตัวคนเดียวเที่ยวเดินไป โอ้อาลัยเหลียวแลชะแง้เงย | ||
+ | เห็นคุ่มคุ่มพุ่มไม้ใจจะขาด พ่อพลายงามทรามสวาทของแม่เอ๋ย | ||
+ | เจ้าไปไหนไม่มาหาแม่เลย ที่โคกเคยวิ่งเล่นไม่เห็นตัว | ||
+ | หรือล้มตายควายขวิดงูพิษขบ ไฉนศพสาบสูญพ่อทูนหัว | ||
+ | ยิ่งเย็นย่ำค่ำคลุ้มชอุ่มมัว ยิ่งเริ่มรัวเรียกร่ำระกำใจ | ||
+ | เสียงซ้อแซ้แกกาผวาว่อน จิ้งจอกหอนโหยหาที่อาศัย | ||
+ | จักจั่นเจื้อยร้องริมลองไน เสียงเรไรหริ่งหริ่งที่กิ่งรัง | ||
+ | ทั้งเป็ดผีปี่แก้วแว่วแว่วหวีด เสียงจังหรีดกรีดแซ่ดังแตรสังข์ | ||
+ | นางวันทองมองหาละล้าละลัง หรือผีบังซ่อนเร้นไม่เห็นเลย | ||
+ | จะบนหมูสุรารำว่าครบ ขอให้พบลูกตัวทูนหัวเอ๋ย | ||
+ | แล้วลดเลี้ยวเที่ยวแลชะแง้เงย โอ้ทรามเชยหลากแล้วพ่อแก้วตา | ||
+ | ตะโกนเรียกพลายงามทรามสวาท ใจจะขาดคนเดียวเที่ยวตามหา | ||
+ | สะอื้นโอ้โพล้เพล้เดินเอกา สกุณานอนรังสะพรั่งไพร | ||
+ | เห็นฝูงนกกกบุตรยิ่งสุดเศร้า โอ้ลูกเราไม่รู้ว่าอยู่ไหน | ||
+ | ชะนีโหวยโหยหวนรัญจวนใจ ยิ่งอาลัยแลหาน้ำตานอง | ||
+ | พอแจ้วแจ้วแว่วเสียงสำเนียงเรียก นึกสำเหนียกหลายหนขนสยอง | ||
+ | ตรงเซิงซุ้มคุ่มเคียงนางเมียงมอง เห็นลูกร้องไห้สะอื้นยืนเหลียวแล | ||
+ | ความดีใจไปกอดเอาลูกแก้ว แม่มาแล้วอย่ากลัวทูนหัวแม่ | ||
+ | เป็นไรไม่ไปเรือนเที่ยวเชือนแช แม่ตามแต่ตะวันบ่ายเห็นหายไป ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เจ้าพลายน้อยสร้อยเศร้าแล้วเล่าว่า หม่อมพ่อพาเวียนวงให้หลงใหล | ||
+ | แล้วทุบถีบบีบจมูกของลูกไว้ เอาขอนไม้ทับคอแทบมรณา | ||
+ | พอพวกพ้องของขุนแผนแล่นมาช่วย จึงไม่ม้วยแม่คุณบุญหนักหนา | ||
+ | ยังช้ำชอกยอกเหน็บเจ็บกายา พูดน้ำตาผ็อยผ็อยด้วยน้อยใจฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ นางวันทองร้องไห้ใจจะขาด โอ้ชาตินี่มีกรรมจะทำไฉน | ||
+ | แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไป เจ้ามิใช่ลูกเต้าเขาจึงชัง | ||
+ | พ่อของเจ้านั้นหรือชื่อขุนแผน เป็นคนแค้นกับขุนช้างแต่ปางหลัง | ||
+ | เอาทุกข์ร้อนก่อนเก่าเล่าให้ฟัง เดี๋ยวนี้ยังอยู่ในคุกเป็นทุกข์ทน | ||
+ | จึงจนใจไม่มีที่จะพึ่ง มันทำถึงสาหัสก็ขัดสน | ||
+ | ครั้นจะฟ้องร้องเล่าเราก็จน แม้นไม่พ้นมือมันจะอันตราย | ||
+ | แต่รู้อยู่ว่าย่าทองประศรี อยู่บ้านกาญจน์บุรีวัดเชิงหวาย | ||
+ | แม้นไปถึงพึ่งพาย่าพ่อพลาย จะสบายบุญปลอดตลอดไป | ||
+ | แต่ทางนั้นวันครึ่งจึงถึงบ้าน ทางกันดารเดินดงจะหลงใหล | ||
+ | โอ้ใครเล่าเขาจะพาเจ้าคลาไคล นางร้องไห้สะอื้นกลืนน้ำตา ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เจ้าพลายงามถามซักตระหนักแน่ พลางบอกแม่ลูกแสนแค้นหนักหนา | ||
+ | อ้ายคนนี้มิใช่พ่อจะขอลา ไปหาย่าอยู่บ้านกาญจน์บุรี | ||
+ | สงสารแต่แม่คุณของลูกแก้ว จะลับแล้วตายเป็นไม่เห็นผี | ||
+ | เพราะพ่อเลี้ยงเดียงสาไม่ปรานี อยู่ที่นี่ชีวันจะบรรลัย | ||
+ | ไปสู้ตายวายวางเสียข้างหน้า ด้วยเกิดมามีกรรมจะทำไฉน | ||
+ | ขอลาแม่แต่นี้นับปีไป แล้วร้องไห้หวลคิดถึงบิดา | ||
+ | โอ้พ่อคุณขุนแผนของลูกเอ๋ย เมื่อไรเลยลูกจะได้ไปเห็นหน้า | ||
+ | ต้องติดคุกทุกข์ทุเรศเวทนา เจ้าครวญคร่ำร่ำว่าด้วยอาลัย ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ นางวันทองร้องไห้จิตใจหาย กอดเจ้าพลายงามน้อยละห้อยไห้ | ||
+ | โอ้ลูกแก้วแววตาจะลาไป หนทางป่าค่าไม้พ่อไม่เคย | ||
+ | จะเลี้ยวหลงวงวกระหกระเหิน เจ้าจะเดินไปถูกหรือลูกเอ๋ย | ||
+ | โอ้ยากเย็นเข็ญใจกระไรเลย เพราะกรรมเคยพรากสัตว์ให้พลัดพราย | ||
+ | เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าจะพรากไปจากแม่ แม่จะแลเห็นใครน่าใจหาย | ||
+ | พลางสวมสอดกอดแอบไว้แนบกาย สะอื้นไห้ไม่วายฟายน้ำตา ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ จนจวนค่ำน้ำค้างลงพร่างพราย ปลอบลูกชายพลายน้อยเสน่หา | ||
+ | อ้ายศัตรูรู้ความจะตามมา แม่จะพาเจ้าไปฝากขรัวนากไว้ | ||
+ | แล้วพากันดั้นดัดไปวัดเขา เห็นสมภารคลานเข้าไปกราบไหว้ | ||
+ | แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไป เจ้าคุณได้โปรดด้วยช่วยธุระ | ||
+ | เอาลูกอ่อนซ่อนไว้เสียในห้อง เผื่อพวกพ้องเขามาหาอย่าให้ปะ | ||
+ | ท่านขรัวครูผู้เฒ่าว่าเอาวะ ไว้ธุระเถิดอย่ากลัวที่ผัวเลย | ||
+ | ถ้าหากว่ามาค้นจนถึงห้อง กูมิถองก็จงว่าสีกาเอ๋ย | ||
+ | ฆ่าลูกเลี้ยงเอี้ยงดูกูไม่เคย อย่าทุกข์เลยลุงจะช่วยลูกอ่อนไว้ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ นางวันทองหมองหมางไม่สร่างทุกข์ กระหมวดจุกลูกยาน้ำตาไหล | ||
+ | เห็นจวนค่ำจำลาทั้งอาลัย ลงบันไดเดินด่วนด้วยจวนเย็น | ||
+ | พอเข้าไปในรั้วด่าผัวโผง อ้ายตายโหงหักคอไม่ขอเห็น | ||
+ | แต่ชาตินี้กีกรรมจึงจำเป็น ได้ชายเช่นนี้มาเป็นสามี | ||
+ | ขึ้นบนเรือนเหมือนใจจะจากร่าง เห็นขุนช้างชิงชังผินหลังหนี | ||
+ | เข้าในห้องหมองอารมณ์ไม่สมประดี เห็นแต่ที่นอนเปล่ายิ่งเศร้าใจ | ||
+ | คิดถึงลูกผูกพันให้หวั่นอก น้ำตาตกผ็อยผ็อยละห้อยไห้ | ||
+ | โอ้ลูกเอ๋ยเคยนอนแต่ก่อนไร จนเจ้าได้สิบปีเข้านี่แล้ว | ||
+ | อยู่หลัดหลัดพลัดพรากไปจากแม่ แม่ยังแลเห็นแต่ฟูกของลูกแก้ว | ||
+ | โอ้พลายงามทรามสวาทจะคลาดแคล้ว เสียงแจ้วแจ้วเจ้าวันทองนองน้ำตาฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ฝ่ายขุนช้างคางเคราอ้ายเจ้าเล่ห์ เมาโมเมยิ้มกริ่มอยู่ริมฝา | ||
+ | เสียงวันทองร้องไห้จุดไฟมา ส่องดูหน้านั่งเคียงบนเตียงนอน | ||
+ | ทำไถลไถ่ถามเป็นความหยอก หรือหนามยอกเจ็บป่วยจะช่วยถอน | ||
+ | พลางรับขวัญวันทองร้องละคร เจ้าทุกข์ร้อนรำคาญประการใด ฯ | ||
+ | นางวันทองข้องขัดสะบัดหน้า ขุนช้างรำทำท่าเข้าคว้าไขว่ | ||
+ | นางผลักพลิกหยิกข่วนว่ากวนใจ ไฮ้อะไรนี่เล่าเฝ้าเซ้าซี้ | ||
+ | ลูกข้าหายตายเป็นไม่เห็นศพ อย่ามากลบรอยเสือเบื่อบัดสี | ||
+ | เจ้าพาไปในป่าพนาลี แล้วก็มิพามาว่ากระไร ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ขุนช้างฟังช่างแก้อีแม่เจ้า ข้าเมาเหล้าหลับซบสลบไสล | ||
+ | ใครบอกเจ้าเล่าว่าข้าพาไป หล่อนไม่ได้ตามข้าผ่าเถิดซิ | ||
+ | เมื่อกลางวันยังเห็นเล่นไม้หึ่ง กับอ้ายอึ่งอีดูกลูกอีปิ | ||
+ | แล้วว่าเจ้าเล่าก็ช่างนั่งมึนมิ ว่าแล้วซิอย่าให้ลงไปดิน | ||
+ | ลูกปะหล่ำกำไลใส่ออกกลบ ฉวยว่าพบคนร้ายอ้ายคอฝิ่น | ||
+ | มันจะทุบยุบยับเหมือนกับริ้น ง้างกำไลไปกินเสียแล้วกรรม | ||
+ | แล้วแก้เก้อเร่อออกไปนอกห้อง ตะโกนร้องเรียกข้ามาด่าพร่ำ | ||
+ | ไปเที่ยวตามถามหาถึงท่าน้ำ ไม่พบทำถอนใจกลับไปเรือน | ||
+ | รินสุรามาดื่มลืมสติ อุตริร้องไห้ใครจะเหมือน | ||
+ | ขึ้นหอขวางกลางแจ้งเห็นแสงเดือน โอ้พ่อเพื่อนชีวิตของบิตุรงค์ | ||
+ | แกล้งร้องร่ำคร่ำครวญทำหวนโหย สะโอดโอยเอกทุ้มจนลุ่มหลง | ||
+ | ถึงท่อนปลายกรายเกริ่นเป็นเดินดง ปีกเจ้าอ่อนร่อนลงในดงเตย | ||
+ | แล้วรู้ตัวกลัวเมียร้องเสียใหม่ เจ้าจำไกลพ่อแล้วลูกแก้วเอ๋ย | ||
+ | เสียงอ้อแอ้แผ่กายนอนหงายเลย จนลืมเลยซบเซาด้วยเมามาย ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ นวลนางวันทองค่อยย่องย่าง เห็นขุนช้างหลับสมอารมณ์หมาย | ||
+ | สะอื้นอั้นพันผูกถึงลูกชาย จนพลัดพรายเพราะผัวเป็นตัวมาร | ||
+ | จึงเย็บไถ้ใส่ขนมกับส้มลิ้ม ทั้งแช่อิ่มจันอับลูกพลับหวาน | ||
+ | แหวนราคาห้าช่างทองบางตะพาน ล้วนต้องการเก็บใส่ในไถ้น้อย | ||
+ | ไปอยู่บ้านท่านย่าจะหายาก เมื่ออดอยากอย่างไรได้ใช้สอย | ||
+ | แล้วนั่งนึกตรึกตราน้ำตาย้อย รำคาญคอยสุริยาจะคลาไคล ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ จะกล่าวถึงพลายงามทรามสงสาร พึ่งสมภารอยู่ในห้องนั่งร้องไห้ | ||
+ | พวกศิษย์เณรเถรชีต้นช่วยฝนไพล มาลูบไล้แผลที่มันตีรัน | ||
+ | แล้วสมภารท่านก็หลับระงับเงียบ ยิ่งเย็นเยียบเยือกใจเมื่อไก่ขัน | ||
+ | เพราะแม่ลูกผูกจิตคิดถึงกัน เฝ้าใฝ่ฝันเฟือนแลเห็นแม่มา | ||
+ | ดุเหว่าร้องซ้องเสียงสำเนียงแจ้ว ให้แว่วว่าวันทองร้องเรียกหา | ||
+ | สะดุ้งใจไหววับทั้งหลับตา ร้องขานขาสุดเสียงแต่เที่ยงคืน | ||
+ | ครั้นรู้สึกนึกได้ให้ละห้อย เจ้าพลายน้อยนิ่งนอนถอนสะอื้น | ||
+ | จนเคาะระฆังหงั่งเหง่งเสียงเครงครื้น สมภารตื่นเตือนชีต้นสวดมนตร์เกณฑ์ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ นางวันทองร้องไห้เมื่อใกล้รุ่ง น้ำค้างฟุ้งฟ้าแดงเป็นแสงเสน | ||
+ | ด้วยวัดเขาเข้าใจเคยไปเจน โจงกระเบงมั่นเหมาะห่มเพลาะดำ | ||
+ | แล้วถือไถ้ใส่ขนมผ้าห่มหุ้ม ออกย่างดุ่มเดินเหย่าก้าวถลำ | ||
+ | ลงจากเรือนเชือนมาข้างท่าน้ำ แล้วรีบร่ำเดินตรงเข้าดงตาล | ||
+ | ถึงวัดเขาเช้าตรู่ดูลูกน้อย เห็นมาคอยนั่งท่าน่าสงสาร | ||
+ | จะนั่งหยุดพูดจาจะช้าการ ลาสมภารพามาป่าสะแก | ||
+ | ให้ขนมส้มสูกแก่ลูกรัก สงสารนักจะร้างไปห่างแม่ | ||
+ | หนทางบ้านกาญจน์บุรีตรงนี้แล จำให้แน่นะอย่าหลงเที่ยววงเวียน | ||
+ | อุตส่าห์ไปให้ถึงเหมือนหนึ่งว่า ให้คุณย่าเป็นอาจารย์สอนอ่านเขียน | ||
+ | จงหมายมุ่งทุ่งกว้างตามทางเกวียน ที่โล่งเลี่ยนลัดไปในไพรวัน | ||
+ | แล้วเกล้าจุกผูกไถ้ที่ใส่ของ ให้แหวนทองทุกสิ่งทำมิ่งขวัญ | ||
+ | แล้วกอดลูกผูกใจจะไกลกัน สะอื้นอั้นออกปากฝากเทวา | ||
+ | ขอเดชะพระไพรข้าไหว้กราบ ช่วยกำราบเสือสิงห์มหิงสา | ||
+ | ทั้งปู่เจ้าเขาเขินขอเชิญพา ไปถึงย่าอย่าให้หลงเที่ยววงวน | ||
+ | ทั้งพ่อคุณขุนแผนแสนวิเศษ บังเกิดเกศแก้วตาสถาผล | ||
+ | ช่วยลูกชายพลายงามเมื่อยามจน ให้รอดพ้นภัยพาลถึงกาญจน์บุรี | ||
+ | นางคร่ำครวญร่ำว่าน้ำตาตก เหมือนหนึ่งอกพุพองเป็นหนองฝี | ||
+ | แม่อุ้มท้องครองเลี้ยงถึงเพียงนี้ ได้สิบปีเศษแล้วจะแคล้วกัน | ||
+ | เคยกินนอนวอนแม่ไม่แหห่าง จะอ้างว้างเปล่าใจในไพรสัณฑ์ | ||
+ | ทั้งจุกไรใครเล่าจะเกล้าพัน จะนับวันนับเดือนไปเลือนลับ | ||
+ | นับปีมิได้มาเห็นหน้าแม่ จะห่างแหหายเหมือนเมื่อเดือนดับ | ||
+ | โอ้เสียชาติวาสนาแม่อาภัพ ให้ย่อยยับยากแค้นแสนระอา | ||
+ | จะมีผัวผัวก็พลัดกำจัดจาก จนแสนยากอย่างนี้แล้วมิหนำ | ||
+ | มามีลูกลูกก็จากวิบากกรม สะอื้นร่ำรันทดสลดใจ ฯ | ||
</tpoem> | </tpoem> | ||
+ | ==== ==== | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ เจ้าพลายงามความแสนสงสารแม่ ชำเลืองแลดูหน้าน้ำตาไหล | ||
+ | แล้วกราบกรานมารดาด้วยอาลัย ลูกเติบใหญ่คงจะมาหาแม่คุณ | ||
+ | แต่ครั้งนี้มีกรรมจะจำจาก ต้องพลัดพรากแม่ไปเพราะอ้ายขุน | ||
+ | เที่ยวหาพ่อขอให้ปะเดชะบุญ ไม่ลืมคุณมารดาจะมาเยือน | ||
+ | แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก คนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน | ||
+ | จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือน จะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว | ||
+ | แม่วันทองของลูกจงกลับบ้าน เขาจะพาลว้าวุ่นแม่ทูนหัว | ||
+ | จะก้มหน้าลาไปมิได้กลัว แม่อย่ามัวหมองนักจงหักใจ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ นางกอดจูบลูบหลังแล้วสั่งสอน อำนวยพรพลายน้อยละห้อยไห้ | ||
+ | พ่อไปดีศรีสวัสดิ์กำจัดภัย จนเติบใหญ่ยิ่งยวดได้บวชเรียน | ||
+ | ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ เจ้าจงอตส่าห์ทำสม่ำเสมียน | ||
+ | แล้วพาลูกออกมาข้างท่าเกวียน จะจากเจียนใจขาดอนาถใจ | ||
+ | ลูกก็และดูแม่แม่ดูลูก ต่างพันผูกเพียงว่าเลือดตาไหล | ||
+ | สะอื้นร่ำอำลาด้วยอาลัย แล้วแข็งใจจากนางตามทางมา | ||
+ | เหลียวหลังยังเห็นแม่แลเขม้น แม่ก็เห็นลูกน้อยละห้อยหา | ||
+ | แต่เหลียวเหลียวเลี้ยวลับวับวิญญาณ์ โอ้เปล่าตาต่างสะอื้นยืนตะลึง ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ นางวันทองหมองมัวกลัวขุนช้าง ไม่เหมือนอย่างคนทั้งปวงมันหวงหึง | ||
+ | ออกชายทุ่งมุ่งเมินเดินตะบึง กลับมาถึงเรือนร่ำระกำตรอม | ||
+ | ทุกเช้าเย็นเศร้าหมองเฝ้าร้องไห้ ด้วยอาลัยพลายงามทรามถนอม | ||
+ | ถึงยามกินสิ้นรสสู้อดออม จนซูบผอมผิวพรรณทุกวันคืน ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เจ้าพลายงามตามทางไปกลางทุ่ง เขม้นมุ่งเขาเขินเดินสะอื้น | ||
+ | ออกหลังบ้านตาลตะคุ่มเป็นพุ่มพื้น ร่มรื่นรังเรียงเคียงตะเคียน | ||
+ | ต้นแคคางกร่างกระทุ่มชอุ่มออก ทั้งช่อดอกดูไสวเหมือนไม้เขียน | ||
+ | เจ้าพลายเพลินเดินพลางตามทางเกวียน ตลอดเลี่ยนลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยมา | ||
+ | ถงโคกฆ้องหนองสะพานบ้านกะเหรี่ยง เห็นโรงเรียงไร่ฝ้ายทั้งซ้ายขวา | ||
+ | พริกมะเขือเหลืออร่ามงามตา สาลิกาแก้วกินแล้วบินฮือ | ||
+ | เห็นไก่เตี้ยเขี่ยคุ้ยที่ขุยไผ่ กระโชกไล่ลดเลี้ยวมันเปรียวปรื๋อ | ||
+ | พบนกยูงฝูงใหญ่ไล่กระพือ มันบินหวือโห่ร้องคะนองใจ | ||
+ | จนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยข้อให้ท้อแท้ คิดถึงแม่วันทองแล้วร้องไห้ | ||
+ | พระสุริยาสายัณห์ลงเรไร เหมือนจิตใจเจ้าจะขาดลงรอนรอน | ||
+ | พอจวนพลบพบฝูงจิ้งจอกน้อย วิ่งร่อยร่อยตามเขาแล้วเห่าหอน | ||
+ | แสยงเส้นโลมาให้อาวรณ์ ถึงดงดอนแดนบ้านกาญจน์บุรี | ||
+ | เห็นวัดร้างข้างเขาดูเก่าแก่ ยังมีแต่รูปพระชินสีห์ | ||
+ | โบสถ์โบราณบานประตูยังดูดี พอราตรีกราบไหว้อาศัยนอน | ||
+ | ครั้นรุ่งเช้าเอาขนมทั้งส้มลิ้ม พอกินอิ่มแล้วออกเดินเนินสิงขร | ||
+ | ถึงบ้านกร่างทางคนเขาหาบคอน เห็นเด็กต้อนควายอึงคะนึงไป | ||
+ | ไม่รู้ความถามเหล่าพวกชาวบ้าน ว่าเรือนท่านทองประศรีอยู่ที่ไหน | ||
+ | เด็กบ้านนอกบอกเล่าให้เข้าใจ แกอยู่ไร่โน่นแน่ะยังแลลับ | ||
+ | มะยมใหญ่ในบ้านกินหวานนัก กูไปลักบ่อยบ่อยแกคอยจับ | ||
+ | พอฉวยได้อ้ายขิกหยิกเสียยับ ร้ายเหมือนกับผีเสื้อแกเหลือตัว | ||
+ | ถ้าลูกใครไปเล่นแกเห็นเข้า แกจับเอานมยานฟัดกบาลหัว | ||
+ | มาถามหาว่าไรช่างไม่กลัว แกจับตัวตีตายยายนมยาน ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เจ้าพลายงามถามแจ้งแล้วแกล้งว่า เอ็งช่วยพาเราไปชมมะยมหวาน | ||
+ | จะขึ้นลักหักห่อให้พอการ มาสู่ท่านทั้งสิ้นกินด้วยกัน | ||
+ | พวกเด็กเด็กดีใจไปสิหวา ซ่อนข้าวปลาปล่อยควายแล้วผายผัน | ||
+ | บ้างเหน็บหน้าผ้านุ่งเกี้ยวพุงพัน หัวเราะกันกูจะห่อให้พอแรง | ||
+ | พอถึงบ้านท่านยายทองประศรี พวกเด็กชี้เรือนให้แล้วแอบแฝง | ||
+ | เจ้าพลายงามขามจิตยังคิดแคลง ค่อยลัดแลงเล็งแลมาแต่ไกล | ||
+ | ดูเงียบเชียบเลียบรอบริมขอบรั้ว ไม่เห็นตัวท่านย่าน่าสงสัย | ||
+ | ประตูหับยับยั้งยืนฟังไป เสียงแต่ในออดแอดแรดแรแร | ||
+ | รู้ว่าคนบนนั้นนั่งปั่นฝ้าย จะอุบายบอกความตามกระแส | ||
+ | ขึ้นมะยมห่มล้อทำตอแย ให้ท่านแลเห็นเรามาเอาตัว | ||
+ | จึงจะบอกออกตามเนื้อความลับ ได้อยู่กับย่าบังเกิดกำเนิดหัว | ||
+ | แล้วเมียงมองย่องดอดเข้าลอดรั้ว ค่อยแฝงตัวขึ้นบนต้นมะยม | ||
+ | แล้วพยักกวักเรียกอ้ายเด็กเด็ก ลูกเล็กหลบลอบค่อยหมอบก้ม | ||
+ | ระวังตัวกลัวยายเฒ่าเจ้าคารม เก็บมะยมซุบซิบกระหยิบตา ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ครานั้นท่านยายทองประศรี กับยายปลียายเปลอยู่เคหา | ||
+ | ให้พวกเหล่าบ่าวไพร่ไปไร่นา ตามประสาเพศบ้านกาญจน์บุรี | ||
+ | แต่ขุนแผนแสนสนิทต้องติดคุก ไม่มีสุขเศร้าหมองทองประศรี | ||
+ | จนซูบผอมตรอมใจมาหลายปี อยู่แต่ที่ในห้องนองน้ำตา | ||
+ | แต่หูไวได้ยินมะยมหล่น เป็นทำวลแหวกมองตามช่องฝา | ||
+ | เห็นเด็กเด็กเล็ดดลอดดอเข้ามา แกฉวยคว้าไม้ตระบองค่อยมองเมียง | ||
+ | ลงบันไดอ้ายเด็กเล็กกเล็กวิ่ง แกไล่ทิ้งด่าทอมันล้อเถียง | ||
+ | ชกโคตรเหง้าเหล่ากอเอาพอเพียง พอแว่วเสียงอยู่บนต้นมะยม | ||
+ | มองเขม้นเห็นลูกหัวจุกน้อย เหม่อ้ายจ้อยโจรป่าด่าขรม | ||
+ | อย่าแอบอิงนิ่งนั่งตั้งเทพนม ลงมาก้มหลังลองตระบองกู ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เจ้าพลายงามคร้ามพรั่นขยั้นหยุด ความกลัวสุดแสนกลัวตัวเป็นหนู | ||
+ | จึงว่าฉานหลานดอกบอกให้รู้ อันอยู่ที่เมืองสุพรรณบ้านวันทอง | ||
+ | ทองประศรีชี้หน้าว่าอุเหม่ อ้ายเจ้าเล่ห์หลานข้ามันน่าถอง | ||
+ | มาเถิดมาย่าจะให้ไม้ตระบอง แกคอยจ้องจะทำให้หนำใจ | ||
+ | เจ้าพลายงามความกลัวจนตัวสั่น หยุดขยั้นอยู่ไม่กล้าลงมาได้ | ||
+ | แล้วนึกว่าย่าตัวกลัวอะไร โจนลงไปกราบย่าที่ฝ่าตีน ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ทองประศรีตีหลังเสียงดังผึง จะมัดมึงกูไม่ปรับเอาทรัพย์สิน | ||
+ | มาแต่ไหนลูกไทยหรือลูกจีน เฝ้าลักปีนมะยมห่มหักราน | ||
+ | เจ้าพลายน้อยคอยหลบแล้วนบนอบ ฉันเจ็บบอบแล้วย่าเมตตาหลาน | ||
+ | ข้าเป็นลูกพ่อขุนแผนแสนสะท้าน ข้างฝ่ายมารดาชื่อแม่วันทอง | ||
+ | จะมาหาย่าชื่อทองประศรี อย่าเพ่อตีฉันจะเล่าความเศร้าหมอง | ||
+ | ย่าเขม้นเห็นจริงทิ้งตระบอง กอดประคองรับขวัญกลั้นน้ำตา | ||
+ | แล้วด่าตัวชั่วเหลือไม่เชื่อเจ้า ขืนตีเอาหลานรักเป็นหนักหนา | ||
+ | จนหัวห้อยพลอยนอพ่อนี่นา แล้วพามาขึ้นเรือนเตือนยายปลี | ||
+ | ช่วยฝนไพลให้เหลวเร็วเร็วเข้า อีเปลเอาขันล้างหน้าออกมานี่ | ||
+ | แกตักน้ำร่ำรดหมดราคี ช่วยขัดสีโซมขมิ้นสิ้นเป็นชาม | ||
+ | แล้วทาไพลให้หลานสงสารเลหือ มานั่งเสื่อลันไตปราศรัยถาม | ||
+ | เจ้าชื่อไรใครบอกออกเนื้อความ จึงได้ตามขึ้นมาถึงย่ายาย ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เจ้าพลายน้อยสร้อยเศร้าแล้วเล่าเรื่อง แต่อยู่เมืองสุพรรณเหมือนมั่นหมาย | ||
+ | แม่วันทองครองเลี้ยงไว้เคียงกาย ให้ชื่อพลายงามน้อยแก้วกลอยใจ | ||
+ | ให้ไหว้บุญขุนช้างเหมือนอย่างพ่อ มันลวงล่อหลานหลงไม่สงสัย | ||
+ | พาหลานเที่ยวเลี้ยวทางไปกลางไพร เอาขอนไม้ทับคอแทบมรณา | ||
+ | แม่จึงบอกออกว่าพ่อชื่อขุนแผน ขุนช้างแค้นเคืองคิดริษยา | ||
+ | อยู่ไม่ได้ในสุพรรณจึงดั้นมา ขอพึ่งบุญคุณย่าประสาจน ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ทองประศรีตีอกชกผางผาง ทุดอ้ายช้างชาติข้าอ้ายหน้าขน | ||
+ | ลูกอีเฒ่าเทพทองคลองน้ำชน จะฆ่าคนเสียทั้งเป็นไม่เอ็นดู | ||
+ | ทำราวเจ้าชีวิตกูคิดฟ้อง ให้มันต้องโทษกรณ์จนอ่อนหู | ||
+ | แกบ่นว่าด่าร่ำออกพร่ำพรู พ่อมาอยู่บ้านย่าแล้วอย่ากลัว | ||
+ | แม้นอ้ายขุนวุ่นมาว่าเป็นลูก มันมิถูกนมยานฟัดกบาลหัว | ||
+ | พลางเรียกอีไหมที่ในครัว เอาแกงคั่วข้าวปลามาให้กิน | ||
+ | พอบ่ายเบี่ยงเสียงละว้าพวกข้าบ่าว ทั้งมอญลาวเลิกนาเข้ามาสิ้น | ||
+ | บ้างสุมไฟใส่ควันกันยุงริ้น ตามถิ่นบ้านนอกอยู่คอกนา ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ครั้นพลบค่ำย่ำฆ้องทองประศรี เรียกยายปลียายเปลเข้าเคหา | ||
+ | เย็บบายศรีนมแมวจอกแก้วมา ใส่ข้าวปลาเปรี้ยวหวานเอาจานรอง | ||
+ | เทียนดอกไม้ไข่ข้าวมะพร้าวพร้อม น้ำมันหอมแป้งปรุงฟุ้งทั้งห้อง | ||
+ | ลูกปะหล่ำกำไลไขออกกอง บอกว่าของพ่อเจ้าแต่เยาว์มา | ||
+ | เอาสอดใส่ให้หลานสงสารเหลือ ด้วยหน่อเนื้อนึกรักเป็นหนักหนา | ||
+ | เหมือนพ่อแผนแสนเหมือนไม่เคลื่อนคลา ทั้งหูตาคมสันเป็นมันยับ | ||
+ | พลางเรียกหาข้าคนมาบนหอ ให้นั่งต่อต่อกันเป็นอันดับ | ||
+ | บายศรีตั้งพรั่งพร้อมน้อมคำนับ เจริญรับมิ่งขวัญรำพันไป ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ขวัญพ่อพลายงามทรามสวาท มาชมภาชนะทองอันผ่องใส | ||
+ | ล้วนของขวัญจันทร์จวงพวงมาลัย ขวัญอย่าไปป่าเขาลำเนาเนิน | ||
+ | เห็นแต่เนื้อเสือสิงห์ฝูงลิงค่าง จะอ้างว้างเวียนวกระหกระเหิน | ||
+ | ขวัญมาหาย่าเถิดอย่าเพลิดเพลิน จงเจริญร้อยปีอย่ามีภัย | ||
+ | แล้วจุดเทียนเวียนวงส่งให้บ่าว มันโห่กราวเกรียวลั่นสนั่นไหว | ||
+ | คอยรับเทียนเเวียนส่งเป็นวงไป แล้วดับไฟโบกควันให้ทันที | ||
+ | มะพร้าวอ่อนป้อนเจ้าทั้งข้าวขวัญ กระแจะจันทน์เจิมหน้าเป็นราศี | ||
+ | ให้สาวสาวลาวเวียงที่เสียงดี มาซอปี่อ้อซั้นทำขวัญนาย ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ พ่อเมื้อเมืองดง เอาพงเป็นเหย้า อึดปลาอึดข้าว ขวัญเจ้าตกหาย | ||
+ | ขวัญอ่อนร่อแร่ ว้าเหว่สู่กาย อยู่ปลายยางยูง ท้องทุ่งท้องนา | ||
+ | ขวัญเผือเมื้อเมิน ขอเชิญขวัญพ่อ ฟังซอเสียงอ้อ ขวัญพ่อเจ้าจ๋า | ||
+ | ข้าวเหนียวเต็มพ้อม ข้าวป้อมเต็มป่า ขวัญเจ้าจงมา สู่กายพลายเอยฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ แล้วพวกมอญซ้อนซอเสียงอ้อแอ้ ร้องทะแยย่องกระเหนาะย่ายเตาะเหย | ||
+ | ออระน่ายพลายงามพ่อทรามเชย ขวัญเอ๋ยกกกะเนียงเกรียงเกลิง | ||
+ | ให้อยู่ดีกินดีมีเมียสาว เนียงกะราวกนตะละเลิงเคลิ่ง | ||
+ | มวยบามาขวัญจงบันเทิง จะเปิงยี่อิกะปิปอน | ||
+ | ทองประศรีดีใจให้เงินบาท เห็นแต่ทาสพรั่งพร้อมล้อมสลอน | ||
+ | ถึงเวลาพาเจ้าเข้าที่นอน มีฟูกหมอนมุ้งม่านสำราญใจ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เจ้าพลายงามถามย่าว่าพ่อแผน ต้องคับแค้นเคืองเข็ญเป็นไฉน | ||
+ | ไม่เคยคุ้นคุณย่าช่วยพาไป พอหลานได้เห็นหน้าบิดาตัว | ||
+ | ได้ฟังหลานท่านย่าน้ำตาตก สะอื้นอกอาดูรว่าทูนหัว | ||
+ | พ่อเอ็งย่าว่าไรเขาไม่กลัว เพราะเมามัวเมียลาวนางชาววัง | ||
+ | ไปทูลขอพระองค์ทรงพระโกรธ ให้ลงโทษทนทุกข์ใส่คุกขัง | ||
+ | แต่ไม่ต้องจองจำอยู่ลำพัง ถึงสิบปีแล้วยังไม่พ้นเลย | ||
+ | รุ่งพรุ่งนี้สิย่าจะพาเจ้า ไปหาเขาอยู่ที่ทับริมหับเผย | ||
+ | ให้พ่อเห็นเย็นอารมณ์ได้ชมเชย พูดจนเลยลืมหลับระงับไป ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เห็นแสงทองหมองจิตคิดถึงลูก สั่งบ่าวผูกช้างสัปคับใหญ่ | ||
+ | ใส่ข้าวปลาผ้าผ่อนท่อนสไบ กับไต้ไฟฟักแฟงแตงน้ำตาล | ||
+ | ทั้งปูนยาสาคูแลพลูหมาก จะไปฝากขุนแผนแสนสงสาร | ||
+ | อ้ายกุลาตาหลอเป็นหมอควาญ แล้วพาหลานขึ้นช้างตามทางมา | ||
+ | ลงบางขามข้ามบ้านสะพานโขลง ออกทุ่งโล่งเลี้ยวทางไปข้างขวา | ||
+ | สองวันครึ่งถึงกรุงอยุธยา ลงเดินพาพลายงามไปตามทาง ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ จะกล่าวฝ่ายนายขุนแผนที่แสนทุกข์ แต่ติดคุกขัดข้องให้หมองหมาง | ||
+ | อยู่หับเผยเคยสะอาดขาดสำอาง จนผอมซูบรูปร่างดูรุงรัง | ||
+ | ผมยาวเกล้ากระหวัดตัดไม่เข้า เหตุด้วยเขาคงทนทั้งมนตร์ขลัง | ||
+ | อยู่เปล่าเปล่าเล่าก็จนพ้นกำลัง อุตส่าห์นั่งทำการสานกระทาย | ||
+ | ให้นางแก้วกิริยาช่วยทารัก ขุนแผนถักขอบรัดกระหวัดหวาย | ||
+ | ใบละบาทคาดได้ด้วยง่ายดาย แขวนไว้ขายทั้งเรือนออกเกลื่อนไป | ||
+ | พอมารดามาถึงทับรับเข้าห้อง ทั้งข้าวของผู้คนขนมาให้ | ||
+ | เห็นลูกชายพลายงามถามทันใด นี่ลูกใครหน้าตาน่าเอ็นดู ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ทองประศรีชี้แจงแถลงเล่า นี่ลูกเจ้าแล้วเป็นไรไหว้เสียหนู | ||
+ | แล้วบอกความตามที่มีศัตรู ขุนแผนรู้รับขวัญกลั้นน้ำตา | ||
+ | เข้าสวมสอดกอดจูบแล้วลูบหลัง น้ำตาพรั่งพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา | ||
+ | แค้นขุนช้างดังจะดิ้นสิ้นชีวา มันชะล่าชะเลยจนเคยตัว | ||
+ | ฉุดคร่าพาวันทองไปครองคู่ เห็นว่ากูถือสัตย์ไม่ตัดหัว | ||
+ | ทั้งลูกเต้าเอาไปฆ่าเหมือนม้าวัว หมายว่ากลัวแล้วกระมังอ้ายจังไร | ||
+ | วันนี้ค่ำจำจะไปให้ถึงบ้าน สับกบาลหัวเชือดให้เลือดไหล | ||
+ | ลูกผู้ชายตายไหนก็ตายไป ขัดใจฮึดฮัดกัดฟันฟาง ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ท่านย่าทองประศรีว่าอีพ่อ แม่จะขอทัดทานเหมือนขัดขวาง | ||
+ | ไปฆ่าผีดีกว่าฆ่าขุนช้าง จะสืบสร้างบาปกรรมไปทำไม | ||
+ | ลูกของเจ้าเล่าก็มาหาเจ้าแล้ว ใช่เชื้อแถวเจ้ายังมีอยู่ที่ไหน | ||
+ | จงฟังแม่แต่เท่านั้นแล้วกันไป พ่อจะได้ภาวนารักษากาย | ||
+ | ลูกของเจ้าเล่าแม่จะรับเลี้ยง ช่วยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้ได้ถวาย | ||
+ | ที่กริ้วโกรธโทษกรณ์จะผ่อนคลาย คราวเคราะห์ร้ายเจ้าจงเจียมเสงี่ยมตน | ||
+ | โบราณท่านสมมุติมนุษย์นี้ ยากแล้วมีใหม่สำเร็จถึงเจ็ดหน | ||
+ | ที่ทุกข์โศกโรคร้อนค่อยผ่อนปรน คงจะพ้นโทษทัณฑ์ไม่บรรลัย ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพ ก้มกราบมารดาน้ำตาไหล | ||
+ | ลูกเห็นแต่แม่คุณค่อยอุ่นใจ ช่วยสอนให้พลายงามเรียนความรู้ | ||
+ | อันตำรับตำราสารพัด ลูกเก็บจัดแจงไว้ที่ในตู้ | ||
+ | ถ้าลืมหลงตรงไหนไขออกดู ทั้งของครูของพ่อต่อกันมา | ||
+ | แล้วลูบหลังสั่งความพลายงามน้อย เจ้าจงค่อยร่ำเรียนเขียนคาถา | ||
+ | รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา ไปเบื้องหน้าเติบใหญ่จะให้คุณ | ||
+ | เรายากแล้วแก้วตาอย่าประมาท ทั้งสิ้นญาติสิ้นเชื้อจะเกื้อหนุน | ||
+ | ทุกวันนี้มีแต่ย่ายังการุญ พ่อพึ่งบุญเถิดลูกได้ปลูกเลี้ยง | ||
+ | จงนึกว่าย่าเหมือนกับแม่พ่อ ถึงด่าทอเท่าไรอย่าได้เถียง | ||
+ | อันพ่อนี้มิได้อยู่ใกล้เคียง ไม่ได้เลี้ยงลูกแล้วนาแก้วตา | ||
+ | พลางกอดพลายงามแอบไว้แนบอก น้ำตาตกพร่างพรายทั้งซ้ายขวา | ||
+ | โอ้มีกรรมทำไว้แต่ไรมา พอเห็นหน้าลูกแล้วจะแคล้วกัน | ||
+ | มาหาพ่อพ่อไม่มีสิ่งไรผูก ยังแต่ลูกประคำจะทำขวัญ | ||
+ | อยู่หอกปืนยืนยงคงกระพัน ได้ป้องกันกายาข้างหน้าไป ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เจ้าพลายงามความแสนสงสารพ่อ น้ำตาคลอคลอตกซกซกไหล | ||
+ | รับประคำร่ำว่าประสาใจ ฉันจะใคร่อยู่ด้วยช่วยบิดา | ||
+ | ได้ตักน้ำตำข้าวทุกเช้าค่ำ ที่พอทำฟืนผักจะหักหา | ||
+ | ให้พ่อพ้นทนทุกข์แล้วลูกยา จะอุตส่าห์เล่าเรียนค่อยเพียรไป ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ขุนแผนแสนสวาทจะขาดจิต กะจิริดรู้ว่าจะหาไหน | ||
+ | น่าสงสารท่านย่าพลอยอาลัย น้ำตาไหลพรากพรากเพราะยากเย็น | ||
+ | ขุนแผนว่าจะอยู่ดูไม่ได้ ในคุกใหญ่มันยากแค้นถึงแสนเข็ญ | ||
+ | เหมือนกับนรกตกทั้งเป็น มิได้เว้นโทษทัณฑ์สักวันเลย | ||
+ | แต่พ่อนี้ท่านเจ้ากรมยมราช อนุญาตให้อยู่ทับในหับเผย | ||
+ | คนทั้งหลายนายมุลก็คุ้นเคย เขาละเลยพ่อไม่ต้องถูกจองจำ | ||
+ | ทั้งข้าวปลาสารพันทุกวันนี้ พระหมื่นศรีเธอช่วยชุบอุปถัมภ์ | ||
+ | ค่อยเบาใจไม่พักต้องตักตำ คุณท่านล้ำล้นฟ้าด้วยปรานี | ||
+ | ถ้าแม้นเจ้าเล่าเรียนความรู้ได้ จะพาไปพึ่งพระจมื่นศรี | ||
+ | ถวายตัวพระองค์ทรงธรณี จะได้มีเกียรติยศปรากฏไป ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ==== ==== | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ พลายงามน้อยสร้อยเศร้ารับเจ้าคะ ดีฉันจะพากเพียรเรียนให้ได้ | ||
+ | ต่างพูดจาพาทีค่อยดีใจ จนจวนใกล้โพล้เพล้ถึงเวลา | ||
+ | ทองประศรีสั่งความว่ายามค่ำ แม่จะจำจากพ่อแก้วไปแล้วหนา | ||
+ | ขุนแผนแสนสะท้านไหว้มารดา พลายงามลาพ่อลูกผูกอาลัย | ||
+ | ตามย่ามาพ้นทับที่หับเผย ไม่ลืมเลยเหลียวหน้าน้ำตาไหล | ||
+ | ทั้งขุนแผนแสนสวาทเพียงขาดใจ ต่างอาลัยแลลับวับวิญญาณ์ | ||
+ | ไปขึ้นช้างข้างวัดท่าการ้อง พอเดือนส่องแสงสว่างกลางเวหา | ||
+ | ออกข้ามทุ่งกรุงศรีอยุธยา รีบกลับมาถึงบ้านกาญจน์บุรีฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ อันเรื่องราวกล่าวความพลายงามน้อย ค่อยเรียบร้อยเรียนรู้ครูทองประศรี | ||
+ | ทั้งขอมไทยได้สิ้นก็ยินดี เรียนคัมภีร์พุทธเพทพระเวทมนตร์ | ||
+ | ปัถมังตั้งตัวนะปัดตลอด แล้วถอนถอดถูกต้องเป็นล่องหน | ||
+ | หัวใจกริดอิทธิเจเสน่ห์กล แล้วเล่ามนตร์เสกขมิ้นกินน้ำมัน | ||
+ | เข้าในห้องลองวิชาประสาเด็ก แทงจนเหล็กแหลมลู่ยู่ขยั้น | ||
+ | มหาทะมื่นยืนยงคงกระพัน ทั้งเลขยันตร์ลากเหมือนไม่เคลื่อนคลาย | ||
+ | แล้วทำตัวหัวใจปิติโส สะเดาะโซ่ตรวนได้ดังใจหมาย | ||
+ | สะกดคนมนตร์จังงังกำบังกาย เมฆฉายสูรย์จันทร์ขยันดี | ||
+ | ทั้งเรียนธรรมกรรมฐานนิพพานสูตร ร้องเรียกภูตพรายปราบกำราบผี | ||
+ | ผูกพยนต์หุ่นหญ้าเข้าราวี ทองประศรีสอนหลานชำนาญมา | ||
+ | จนอายุพลายงามสิบสามขวบ ดูขาวอวบอ้วนท้วนเป็นนวลหน้า | ||
+ | ด้วยเนื้อแตกแรกรุ่นละมุนตา กิริยาแย้มยิ้มหงิมหงิมงาม | ||
+ | นัยน์ตากลมคมขำดูดำขลับ ใครแลลับรักใคร่ปราศรัยถาม | ||
+ | ทองประศรีดีใจได้ฤกษ์ยาม ได้สิบสามปีแล้วหลานแก้วกู | ||
+ | จะโกนจุกสุกดิบขึ้นสิบค่ำ แกทำน้ำยาจีนต้มตีนหมู | ||
+ | พวกเพื่อนบ้านวานมาผ่าหมากพลู บ้างปัดปูเสื่อสาดลาดพรมเจียม | ||
+ | ทั้งหม้อเงินหม้อทองสำรองตั้ง มีทั้งสังข์ใส่น้ำมนตร์ไว้จนเปี่ยม | ||
+ | อัฒจันทร์ชั้นพระก็ตระเตรียม ตามธรรมเนียมห้องกลองฉลองทาน | ||
+ | ถึงวันดีนิมนต์ขรัวเกิดเฒ่า อยู่วัดเขาชนไก่ใกล้กับบ้าน | ||
+ | พอพิณพาทย์คาดตระสาธุการ ท่านสมภารพาพระสงฆ์สิบองค์มา | ||
+ | นั่งสวดมนตร์จนจบพอพลบค่ำ ก็ซัดน้ำมนตร์สาดเสียงฉาดฉ่า | ||
+ | ผู้ชายเสียดเบียดสาวชาวละว้า เสียงเฮฮาฮึดฮัดเมื่อซัดน้ำ | ||
+ | ผู้หญิงหยิกตะกายผู้ชายทับ เสียงหนุบหนับเหนาะแหนะแขยะขยำ | ||
+ | จนอีหังคลั่งใจถีบอ้ายดำ ลุกขึ้นปล้ำกันออกอึงเสียงตึงตัง | ||
+ | ทองประศรีดีใจว่าใครแพ้ สนุกแน่แล้วอ้ายดำปล้ำอีหัง | ||
+ | แล้วให้หลานผลัดผ้ามาเก้กัง เข้าไปนั่งกราบกรานสมภารครู | ||
+ | ขรัวเกิดแลมองเห็นทองประศรี ถามว่านี่ลูกใครเล่าไอ้หนู | ||
+ | เจ้าขรัวย่าอ้าปากน้ำหมากพรู เล่าให้รู้แต่ต้นมาจนปลาย | ||
+ | เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าขุนแผนยังติดคุก นี่โกนจุกแล้วจะได้ไปถวาย | ||
+ | ท่านขรัวครูดูพ่อของออพลาย เคราะห์จะคลายเคลื่อนบ้างหรืออย่างไร ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ท่านขรัวครูรู้เรื่องให้เคืองแค้น ทุดอ้ายแผนถ่อยแท้ไม่แก้ไข | ||
+ | เมื่อความรู้กูสอนเจ้าหล่อนไว้ ยังวิ่งไปเข้าคุกสนุกจริง | ||
+ | อ้ายเจ้าชู้กูได้ว่ามาแต่ก่อน จะทุกข์ร้อนอ่อนหูเพราะผู้หญิง | ||
+ | หัวเราะพลางทางเอกเขนกอิง พินิจนิ่งดูกายเจ้าพลายงาม | ||
+ | เห็นน่ารักลักษณะก็ฉลาด จะมีวาสนาดีขี่คานหาม | ||
+ | ถ้าถึงวันชั้นโชคโฉลกยาม ก็ต้องตามลักษณะว่าจะรวย | ||
+ | แต่ที่เมียเสียถนัดปัตนิ ตัวตำหนิรูปขาวเป็นสาวสวย | ||
+ | แต่อ้ายนี่ขี้หลงจะงงงวย ต้องถูกด้วยละโมบโลภโลกีย์ | ||
+ | แล้วท่านขรัวหัวร่อว่าออหนู มันเจ้าชู้เกินการหลานอีศรี | ||
+ | ก็แต่ว่าอายุสิบแปดปี จะได้ที่หมื่นขุนเป็นมุลนาย | ||
+ | ทั้งเมียสาวชาวเหนือเป็นเชื้อแถว อีนั่นแล้วมันจะมาพาฉิบหาย | ||
+ | อันอ้ายขุนแผนพ่อของออพลาย จะพ้นปลายเดือนยี่ในปีกุน | ||
+ | นับแต่นี้มีสุขไม่ทุกข์ร้อน ได้เตียงนอนนั่งเก้าอี้เป็นที่ขุน | ||
+ | ทองประศรีดีใจไหว้เจ้าคุณ ช่วยแบ่งบุญให้ได้ฟื้นคืนสักที | ||
+ | สมภารรับกลับมายังอาวาส เสียงพิณพาทย์พวกพ้องทองประศรี | ||
+ | หาเสภามาทั่วที่ตัวดี ท่านตามีช่างประทัดถนัดรบ | ||
+ | ดูทำนองพองคอเสีบงอ้อแอ้ พวกคนแก่ชอบหูว่ารู้จบ | ||
+ | ตารองศรีดีแต่ขันรู้ครันครบ กรับกระทบทำหลอกแล้วกลอกตา | ||
+ | แล้วนายทั่งดังโด่งเสียงโว่งโวก ว่ากระโชกกระชั้นขันหนักหนา | ||
+ | ฝ่ายนายเพรชเม็ดมากลากช้าช้า ตั้งสามวาสองศอกเหมือนบอกยาว | ||
+ | ส่วนนายมาพระยานนท์คนตลก ว่าหยกหยกหยาบช้าคนฮาฉาว | ||
+ | ตาทองอยู่รู้ว่าภาษาลาว แล้วส่งกราวเชิดเพลงโหน่งเหน่งไป | ||
+ | ครั้นรุ่งเช้าเจ้าพลายก็โกนจุก เป็นพ้นทุกข์พ้นร้อนนอนหลับใหล | ||
+ | จนผมยาวเจ้าได้ตัดมหัดไทย คิดจะใคร่ไปเป็นข้าฝ่าธุลี | ||
+ | เดชะบุญทูลขอพ่อพ้นโทษ เหมือนได้โปรดบิดาเป็นราศี | ||
+ | แต่นิ่งนึกตรึกตราจนราตรี เข้าข้างที่นอนย่าน้ำตาคลอ | ||
+ | ทำคลึงเคล้าเว้าวอนด้วยอ่อนหวาน พรุ่งนี้หลานจะลาไปหาพ่อ | ||
+ | จะได้เฝ้าเจ้าชีวิตชิดชอบพอ ทูลขอเผื่อจะโปรดที่โทษทัณฑ์ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ทองประศรีดีใจให้อนุญาต เจ้าเชื้อชาติพงศ์พลายจงผายผัน | ||
+ | จะได้ช่วยพ่อแม่คิดแก้กัน ตามกตัญญูเถิดประเสริฐดี | ||
+ | ย่าจะให้ไปส่งจนถึงพ่อ จึงพาต่อไปหาพระหมื่นศรี | ||
+ | ตามแต่บุญวาสนาบารมี อันย่านี้นับวันจะบรรลัย | ||
+ | มีลูกเต้าเล่าก็ทำให้ซ้ำทุกข์ ไม่มีสุขสักเวลาน้ำตาไหล | ||
+ | โรคก็ซ้ำช้ำบอบทั้งหอบไอ ใครจะได้เผาผีก็มิรู้ | ||
+ | เจ้าจงจำตำราที่ย่าสอน จะถาวรเพิ่มยศไม่อดสู | ||
+ | ย่าจะให้ไอ้พลัดไอ้ปัดไอ้ปู เข้าไปอยู่ติดตามทั้งสามคน | ||
+ | พอถือร่มสมปักตักน้ำท่า หุงข้าวปลาสารพัดไม่ขัดสน | ||
+ | พูดจนดึกตรึกการกับหลานตน แล้วหลับจนแจ่มแจ้งแสงตะวัน ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ รู้สึกกายยายทองประศรีย่า เอาเงินผ้าเสื้อใส่ในกำปั่น | ||
+ | ทั้งหวานคาวข้าวปลาสารพัน ขนขึ้นบรรทุกสัปคับช้าง | ||
+ | พลายงามลาย่าช่วยอวยสวัสดิ์ ได้ฤกษ์พาสารพัดไม่ขัดขวาง | ||
+ | ขึ้นขี่หลังพังสะเทินเดินตามทาง ไม่แรมค้างข้ามทุ่งถึงกรุงไกร | ||
+ | ไปหาพ่อพอพบนั่งนบนอบ ขุนแผนสอบไต่ถามความสงสัย | ||
+ | เจ้าพลายน้อยค่อยเล่าให้เข้าใจ ลูกจะใคร่ให้พระนายถวายตัว ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ขุนแผนแสนสวาทอนุญาตว่า จงอุตส่าห์สืบตะรกูลเถิดทูนหัว | ||
+ | พ่อพงศ์พลายหมายศึกอย่านึกกลัว จะพาตัวเจ้าไปให้พระนาย | ||
+ | แล้วซักไซ้ไต่ถามถึงความรู้ ให้ท่องดูได้สมอารมณ์หมาย | ||
+ | ที่เข้าออกบอกความตามอุบาย สอนลูกชายอยู่จนสนธยา | ||
+ | พอเสียงฆ้องกลองย่ำเข้าค่ำพลบ ถึงเดินพบผู้ใดไม่เห็นหน้า | ||
+ | ชวนลูกชายพลายงามตามกันมา ไปเคหาพระหมื่นศรีที่ริมคลอง | ||
+ | ขึ้นบันไดไฟอร่ามถามพวกบ่าว พอรู้ข่าวว่าสบายค่อยคลายหมอง | ||
+ | ตรงมาหอรอรั้งยั้งหยุดมอง หมื่นศรีร้องเรียกว่ามาซิเกลอ | ||
+ | ด้วยรักใคร่ใจซื่อถือว่าเพื่อน ไม่บากเบือนหน้าหนีดีเสมอ | ||
+ | ขุนแผนพาลูกไปนั่งไหว้เธอ ถามว่าเออนั่นใครที่ไหนมา ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ขุนแผนบอกออกว่าลูกเจ้าวันทอง ที่มีท้องเกือบแก่มาแต่ป่า | ||
+ | เอาความหลังทั้งนั้นพรรณนา จะพามามอบไว้ให้เจ้าคุณ | ||
+ | ด้วยไม่มีที่เห็นแต่เป็นโทษ พระนายโปรดช่วยเหลือทั้งเกื้อหนุน | ||
+ | เป็นที่พึ่งจึงมาจงการุญ เอาแต่บุญเถิดพ่อเจ้าเมื่อคราวจน | ||
+ | อันวิชาย่าสอนลูกอ่อนแล้ว เห็นคล่องแคล่วการศึกพอฝึกฝน | ||
+ | ถ้ากระไรได้ช่องเห็นชอบกล ช่วยผ่อนปรนโปรดถวายเจ้าพลายงาม ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ พระหมื่นศรีดีใจปราศรัยทัก ดูแหลมหลักลูกทหารชาญสนาม | ||
+ | เป็นข้าเฝ้าเจ้าชีวิตอย่าคิดคร้าม มีสงครามเมื่อไรคงได้ดี | ||
+ | ไว้ธุระจะถวายช่วยบ่ายเบี่ยง ให้ชุบเลี้ยงลูกรักเป็นศักดิ์ศรี | ||
+ | ที่กินอยู่ผู้คนของเรามี อยู่เรือนนี่นั่งนอนไม่ร้อนรน | ||
+ | ขุนแผนเล่าเจ้าก็รู้อยู่ว่ารัก จนเจียนจักแหล่นตายด้วยหลายหน | ||
+ | ก็เอ็นดูอยู่ว่าเกลอถึงเธอจน ที่ขัดสนสารพัดไม่ขัดกัน | ||
+ | แต่สุดช่วยด้วยว่าอาญาหลวง ต่อได้ท่วงทีก่อนจะผ่อนผัน | ||
+ | จริงนะเจ้าเราก็คิดทุกคืนวัน คงช่วยกันไปกว่ากายจะวายวาง ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ นายขุนแผนแสนชื่นให้ตื้นอก อุตส่าห์ยกมือไหว้มิได้หมาง | ||
+ | สู้กลืนกล้ำน้ำตาแล้วว่าพลาง พ่อเหมือนอย่างพ่อแม่ช่วยแก้ทุกข์ | ||
+ | จนยากเย็นเป็นโทษเห็นโหดไร้ ยังส่งให้ข้าวปลาเป็นผาสุก | ||
+ | ก็หมายมั่นกตัญญูถึงอยู่คุก กราบพ่อทุกทุกคืนได้ชื่นใจ | ||
+ | อันลูกชายพลายงามตามแต่พ่อ ลูกจะขอกราบลาช้าไม่ได้ | ||
+ | พลางลูบหลังสั่งลูกผูกอาลัย พ่อจะไปก่อนแล้วนะแก้วตา | ||
+ | อยู่พึ่งบุญคุณพ่อต่อไปเถิด จะประเสริฐสมหวังเป็นฝั่งฝา | ||
+ | แล้วลงเรือนเดือนสว่างกระจ่างตา ก็กลับมาหับเผยที่เคยนอน ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ครานั้นจมื่นศรีเสาวรักษ์ราช เรียกพลายงามทรามสวาทมาสั่งสอน | ||
+ | จะเป็นข้าจอมนรินทร์ปิ่นนคร อย่านั่งนอนเปล่าเปล่าไม่เข้าการ | ||
+ | พระกำหนดกฎหมายมีหลายเล่ม เก็บไว้เต็มตู้ใหญ่ไขออกอ่าน | ||
+ | กรมศักดิ์หลักชัยพระอัยการ มนเทียรบาลพระบัญญัติตัดสำนวน | ||
+ | แล้วให้รู้สุภาษิตบัณฑิตพระร่วง ตามกระทรวงผิดชอบคิดสอบสวน | ||
+ | ราชาศัพท์รับสั่งให้บังควร รู้จงถ้วนถี่ไว้จึงได้การ | ||
+ | ที่ไม่สู้รู้อะไรผู้ใหญ่เด็ก มหาดเล็กสามต่อพ่อลูกหลาน | ||
+ | เสียตระกูลสูญลับอัประมาณ เพราะเกียจคร้านคร่ำคร่าเหมือนพร้ามอญ | ||
+ | นี่ตัวเจ้าเหล่ากอทั้งพ่อแม่ อย่าเชือนแชอุตส่าห์จำเอาคำสอน | ||
+ | แล้วจัดแจงห้องหับให้หลับนอน ไม่อาวรณ์เธอช่วยเลี้ยงเป็นเที่ยงธรรม์ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ครานั้นพลายงามทรามสวาท แหลมฉลาดเลขผาปัญญาขยัน | ||
+ | อยู่บ้านพระหมื่นศรียินดีครัน ทุกคืนวันตามหลังเข้าวังใน | ||
+ | เธอเข้าเฝ้าเจ้าก็นั่งบังไม้ดัด คอยฟังตรัสตรึกตราอัชฌาสัย | ||
+ | ค่อยรู้กิจผิดชอบรอบคอบไป ด้วยมิได้คบเพื่อนเที่ยวเชือนแช | ||
+ | ครั้นอยู่บ้านอ่านคำพระธรรมศาสตร์ ตำรับราชสงครามตามกระแส | ||
+ | ค่อยชื่นชุ่มหนุ่ตะกอดูฟ้อแฟ้ นางสาวแส้ใส่ใจจะใคร่พบ | ||
+ | เข้าไปหามาสู่ไม่รู้เกี้ยว แต่พอเหลียวเห็นผู้หญิงก็วิ่งหลบ | ||
+ | อุตส่าห์เพียรเรียนรู้ดูจนครบ รู้ขนบธรรมเนียมก็เจียมใจ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ครานั้นท่านพระจมื่นศรี ถึงวันดีได้ช่องก็ผ่องใส | ||
+ | จึงจัดแจงแต่งธูปเทียนดอกไม้ จะเข้าไปทูลถวายเจ้าพลายงาม | ||
+ | นุ่งสมปักชักกลีบจีบสลับ ครั้นเสร็จสรรพสำราญขึ้นคานหาม | ||
+ | พวกข้าคนอลหม่านถือพานตาม เจ้าพลายงามตามหลังเข้าวังใน | ||
+ | ถึงพระลานวานเขาพวกชาวที่ ที่ค่อยมีกิริยาอัชฌาสัย | ||
+ | ถือพานทองรองธูปเทียนดอกไม้ ยกเข้าไปเตรียมตั้งพอบังควร | ||
+ | ให้พลายงามตามไปนั่งตรงตั้งของ ตามทำนองพระหมื่นศรีสั่งถี่ถ้วน | ||
+ | ฝ่ายข้าเฝ้าเจ้าพระยาเวลาจวน ต่างก็ชวนกันเข้ามาหน้าพระโรง | ||
+ | นุ่งสมปักชักชายกรายกรีดเล็บ ผ้ากราบเหน็บแนบหน้าดูอ่าโถง | ||
+ | พอเวลานาทีถ้วนสี่โมง เข้าพระโรงพร้อมหน้าข้าราชการ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช มงกุฎเกศอยุธยามหาสถาน | ||
+ | สถถิตแท่นแว่นฟ้าโอฬาฬาร ดังวิมานเมืองฟ้าสุราลัย | ||
+ | ห้ามแหนแน่นหนุนละมุนหมอบ งามประกอบกิริยาอัชฌาสัย | ||
+ | ระเรื่อยรับขับร้องทำนองใน สำราญราชหฤทัยทุกเวลา | ||
+ | ยามกลางวันนั้นก็ออกพระโรงรัตน์ มีแต่ตรัสสรวลสันต์ทรงหรรษา | ||
+ | ทั้งเหนือใต้ไพรีไม่มีมา สำราญใจไพร่ฟ้าประชาชี | ||
+ | ด้วยเดชะบุญญาอานุภาพ มีแต่ลาภมาประมูลพูนภาษี | ||
+ | แต่บรรดาข้าเฝ้าเหล่าเสนี ใครทำดีได้ประทานถึงพานทอง ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ฝ่ายพระจมื่นศรีเสาวรักษ์ราช อภิวาทบาทมูลทูลฉลอง | ||
+ | ขอเดชะพระกรุณาฝ่าละออง ดอกไม้ธูปเทียนทองของพลายงาม | ||
+ | บุตรขุนแผนแสนสะท้านหลานทองประศรี ความรู้มีเรียบราบไม่หยาบหยาม | ||
+ | จะขอรองมุลิกาพยายาม พลางกราบสามทีสดับตรับโองการ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษา เหลือบเห็นหน้าพลายงามความสงสาร | ||
+ | จะออกโอษฐ์โปรดขขุนแผนแสนสะท้าน แต่กรรมนั้นบันดาลดลพระทัย | ||
+ | ให้เคลิ้มองค์ทรงกลอนละครนอก นึกไม่ออกเวียนวงให้หลงใหล | ||
+ | ลืมประภาษราชกิจที่คิดไว้ กลับเข้าในแท่นที่ศรีไสยา ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ อันเรื่องกล่าวความพลายงามสวาท เป็นมหาดเล็กแล้วค่อยแกล้วกล้า | ||
+ | อยู่ด้วยพระหมื่นศรีผู้ปรีชา เฝ้าเวลาเช้าเย็นไม่เว้นวัน | ||
+ | มุลนายถ้วนหน้าก็ปรานี มิได้มีใครรังเกียจเดียดฉันท์ | ||
+ | ถึงว่าท่านจางวางทั้งสองนั้น ก็ฝากตัวกลัวทั่นทุกคนไป ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | |||
=== ตอนที่ ๒๕ === | === ตอนที่ ๒๕ === | ||
<tpoem> | <tpoem> |
การปรับปรุง เมื่อ 11:56, 7 กันยายน 2552
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง:
บทประพันธ์
ตอนที่ ๑
๏ | |||
ตอนที่ ๒
๏ | |||
ตอนที่ ๓
๏ | |||
ตอนที่ ๔
๏ | |||
ตอนที่ ๕
๏ | |||
ตอนที่ ๖
๏ | |||
ตอนที่ ๗
๏ | |||
ตอนที่ ๘
๏ | |||
ตอนที่ ๙
๏ | |||
ตอนที่ ๑๐
๏ | |||
ตอนที่ ๑๑
๏ | |||
ตอนที่ ๑๒
๏ | |||
ตอนที่ ๑๓
๏ | |||
ตอนที่ ๑๔
๏ | |||
ตอนที่ ๑๕
๏ | |||
ตอนที่ ๑๖
๏ | |||
ตอนที่ ๑๗
๏ | |||
ตอนที่ ๑๘
๏ | |||
ตอนที่ ๑๙
๏ | |||
ตอนที่ ๒๐
๏ | |||
ตอนที่ ๒๑
๏ | |||
ตอนที่ ๒๒
๏ | |||
ตอนที่ ๒๓
๏ | |||
ตอนที่ ๒๔ กำเนิดพลายงาม
๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภา | อยู่เคหากับขุนช้างให้หมางหมอง | |||
ไม่มีสุขทุกเวลาน้ำตานอง | ด้วยว่าท้องสิบเดือนไม่เคลื่อนคลา | |||
จะคลอดบุตรสุดปวดให้รวดร้าว | ตึงหัวเหน่าเหน็ดเหนื่อยเมื่อยต้นขา | |||
แสงห่องห้อยพรอยพรายพร่างสายตา | จะเรียกหาขุนช้างให้หมางใจ | |||
แต่นวดนวดปวดมวนให้ป่วนปั่น | สุดจะกลั้นกลอกหน้าน้ำตาไหล | |||
พยุงท้องร้องเรียกพวกข้าไท | จะขาดใจแล้วช่วยด้วยแม่คุณ | |||
ขุนช้างตื่นฟื้นตัวหัวผงก | เห็นเมียตกใจผวาออกว้าวุ่น | |||
ประคองนางพลางบนเอาต้นทุน | อย่าท้อแท้แม่คุณจงแข็งใจ | |||
พลางดูท้องร้องว่าเออออกแล้วซิ | ตั้งสติอารมณ์จะข่มให้ | |||
นางวันทองร้องเสือกกลิ้งเกลือกไป | ขุนช้างได้หมอนรองประคองคอ | |||
เรียกหาข้าคนอลหม่าน | บนนอกชานพวกผู้หญิงออกวิ่งสอ | |||
ให้ไปรับยายสายกับยายยอ | แต่ล้วนหมอตำแยเซ็งแซ่มา | |||
เข้าถือท้องต้องถูกว่าลูกต่ำ | เอาหน้าคว่ำไขว่ขวางไปข้างขวา | |||
ช่วยผันแปรแก้ไขใกล้เวลา | บ้างตำยาขยำส้มต้มน้ำร้อน | |||
นางวันทองร้องไห้ใจจะขาด | พอกรรมชวาตวาตะประทะถอน | |||
อรุณฤกษ์เบิกสุรินทร์ทินกร | อุทรคลอนเคลื่อนคลอดไม่วอดวาย | |||
พอพ้นท้องร้องแว้นางแม่หวีด | หน้าซีดอกสั่นมิ่งขวัญหาย | |||
ขุนช้างมองร้องอ้ายหนูเป็นผู้ชาย | ทั้งย่ายายเยี่ยมลูกให้หยูกยา | |||
แล้วทอดเตาเข้าไฟไม่ไข้เจ็บ | ครั้นจะเก็บความกล่าวยาวหนักหนา | |||
ค่อยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้จนใหญ่มา | กระทั่งอายุเจ้าได้เก้าปี | |||
ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนแม้นขุนแผนพ่อ | เหลืองลอออวบอ้วนเป็นนวลศรี | |||
ทั้งจุกผมกลมกล่อมกระหม่อมดี | ช่างพาทีฉอเลาะพูดเพราะพราย | |||
นางวันทองน้องคะนึงถึงขุนแผน | ด้วยลูกแม้นเหมือนเหลือเป็นเชื้อสาย | |||
บอกบ่าวไพร่ให้สำเหนียกเรียกลูกชาย | ชื่อว่าพลายงามน้อยแก้วกลอยใจ ฯ | |||
๏ ฝ่ายขุนช้างหมางจิตให้คิดแค้น | ลูกขุนแผนมั่นคงไม่สงสัย | |||
เมื่อกระนั้นเหมือนกูครั้นดูไป | ก็กลับไพร่เหมือนพ่ออ้ายทรพี | |||
อีแม่มันวันทองก็สองจิต | ช่างประดิษฐ์ชื่อลูกให้ถูกที่ | |||
เรียกพ่อพลายคล้ายผัวอีตัวดี | ทุกราตรีตรึกตราจะฆ่าฟัน | |||
พอวันทองน้องป่วยลงด้วยเคราะห์ | มาจำเพาะจะวิโยคให้โศกศัลย์ | |||
ฟังเสียงเงียบระงับหลับกลางวัน | พลายงามนั้นนั่งกับพ่อที่หอกลาง | |||
ขุนช้างเห็นเป็นทีไม่มีเพื่อน | แกล้งชี้เชือนชักพาลงมาล่าง | |||
ให้ขี่หลังนั่งบ่าแล้วว่าพลาง | ไปชมช้างกวางทรายมีหลายพรรณ | |||
ทั้งนกยูงฝูงหงส์มันลงเกลื่อน | จับไก่เถือนมาเลี้ยงฟังเสียงขัน | |||
พูดให้เพลินเดินพลางกลางอรัญ | แกล้งให้หมั่นดูแลฝูงแกกา | |||
โพระดกนกงั่นกระตั้วเต้น | กระแตเล่นไม้โจนโผนผวา | |||
เจ้าพลายงามถามพ่อพูดจ้อมา | ขุนช้างพาเลี้ยวไปปะไม้ซุง | |||
เห็นลับลี้ที่สงัดขัดเเขมร | สะบัดเบนเบือนเหวี่ยงลงเสียงผลุง | |||
ปะเตะซ้ำต้ำผางเข้ากลางพพุง | ถีบกระทุ้งถองทุบเสียงอุบโอย | |||
พลายงามร้องสองมือมันอุดปาก | ดิ้นกระดากถลากไถลร้องไห้โหย | |||
พอหลุดมือรื้อร้องวันทองโวย | หม่อมพ่อโบยตีฉันแทบบรรลัย | |||
ไม่เห็นแม่แลหาน้ำตาตก | ขุนช้างชกฉุดคร่าไม่ปราศรัย | |||
จนเหงื่อตกกระปรกประปรอมขึ้นคร่อมไว้ | หอบหายใจฮักฮักเข้าหักคอ | |||
พลายงามดิ้นสิ้นเสียงสำเนียงร้อง | ยกแต่สองมือไหว้หายใจฝ่อ | |||
มันห้ามว่าอย่าร้องก็ต้องรอ | เรียกหม่อมพ่อเจ้าขาอย่าฆ่าเลย | |||
จงเห็นแก่แม่วันทองของลูกบ้าง | พ่อขุนช้างใจบุญพ่อคุณเอ๋ย | |||
ช่วยฝังปลูกลูกไว้ใช้เช่นเคย | ผงกเงยมันก้ทุบหงุบลงไป | |||
บีบจมูกจุกปากลากกระแทก | เสียงแอ้กแอ้กอ่อนซบสลบไสล | |||
พอผีพรายนายขุนแผนผู้แว่นไว | เข้ากอดไว้มิให้ถูกลูกของนาย | |||
ขุนช้างเห็นว่าทับจนตับแตก | เอาคาแฝกฝุ่นกลบให้ศพหาย | |||
แล้วกลิ้งขอนซ้อนทับให้ลับกาย | ทำลอยชายชมป่ากลับมาเรือนฯ | |||
๏ ฝ่ายผีพรายนายขุนแผนแค้นขุนช้าง | อุตส่าห์ง้างขอนใหญ่ให้เขยื้อน | |||
แล้วเป่าแผลแก้หายละลายเลือน | เจ้าพลายเคลื่อนคลายฟื้นเหมือนตื่นนอน | |||
นางพรายบอกว่าเราบ่าวขุนแผน | มาทำแทนเมื่อมันทับช่วยรับขอน | |||
ไม่ม้วยแล้วแก้วตาอย่าอาวรณ์ | อยู่นี่ก่อนเถิดนะเจ้าอย่าเศร้าใจ | |||
แม่ของเจ้าเราจะบอกออกมารับ | แล้วหายวับวู่วามตามนิสัย | |||
เจ้าพลายงามยามเย็นไม่เห็นใคร | เที่ยวร้องไห้หาแม่ชะแง้คอย | |||
จะไปเรือนเพื่อนทางที่กลางป่า | นึกน้ำตาหยดเหยาะลงเผาะผ็อย | |||
เจ้าแหงนดูสุริย์ฉายก็บ่ายคล้อย | ให้นึกน้อยใจพ่อพูดล่อลวง | |||
เสียแรงลูกผูกใจจะได้พึ่ง | พ่อโกรธขึ้งสิ่งใดเป็นใหญ่หลวง | |||
โอ้มีพ่อก็ไม่เหมือนเพื่อทั้งปวง | มีแต่ลวงลูกรักไปหักคอ | |||
รู้กระนี้มิอยากเรียกพ่อดอก | จะไปบอกแม่วันทองให้ฟ้องพ่อ | |||
เที่ยวผันแปรแลหาน้ำตาคลอ | นึกระย่อเยือกเย้นไม่เห็นใคร | |||
ดูครึ้มครึกฟฤกษาป่าสงัด | ไม่แกว่งกวัดก้านกิ่งประวิงไหว | |||
จังหรีดร้องก้องเสียงเคียงเรไร | ทั้งลองไนเรื่อยแร่แวแววับ | |||
ดุเหว่าร้องมองเมียงเสียงว่าแม่ | ยืนชะแง้แลดูเงี่ยหูตรับ | |||
อยู่นี่แน่แม่จ๋าจงมารับ | วิ่งกระสับกระสนวนเวียนไป ฯ | |||
๏ ฝ่ายพวกพรายกายสิทธิ์ฤทธิรุทร | เหมือนลมวุดวู่หนึ่งถึงไหนไหน | |||
ไปเข้าฝันวันทองถึงห้องใน | เหมือนจะให้เห็นลูกคิดผูกพัน ฯ | |||
๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภา | เมื่อลูกแก้วแววตาจะอาสัญ | |||
คิ้วกระเหม่นเป็นลางแต่กลางวัน | ให้หวั่นหวั่นหวิวหวิวหิวหาวนอน | |||
พอม่อยหลับคลับคล้ายเห็นพลายน้อย | ขุนช้างถ่อยทับไว้ด้วยไม้ขอน | |||
ผวาฟื้นตื่นตาด้วยอาวรณ์ | สะอื้นอ่อนในอกตกตะลึง | |||
พอแมงมุมอุ้มไข่ไต่ตีตก | นางผงกเงี่ยฟังดังผึงผึง | |||
ประหลาดลางหมางจิตคิดคะนึง | รำลึกถึงลูกชายเจ้าพลายงาม | |||
ลุกออกมาหาจบไม่พบเห็น | ที่เคยเล่นอยู่กับใครเที่ยวไต่ถาม | |||
แต่อีดูกลูกครอกมันบอกความ | ว่าเห็นตามพ่อขุนช้างไปกลางไพร | |||
นางแคลงผัวกลัวจะพาไปฆ่าเสีย | น้ำตาเรี่ยเรี่ยตกซกซกไหล | |||
ออกนอกรั้วตัวคนเดียวเที่ยวเดินไป | โอ้อาลัยเหลียวแลชะแง้เงย | |||
เห็นคุ่มคุ่มพุ่มไม้ใจจะขาด | พ่อพลายงามทรามสวาทของแม่เอ๋ย | |||
เจ้าไปไหนไม่มาหาแม่เลย | ที่โคกเคยวิ่งเล่นไม่เห็นตัว | |||
หรือล้มตายควายขวิดงูพิษขบ | ไฉนศพสาบสูญพ่อทูนหัว | |||
ยิ่งเย็นย่ำค่ำคลุ้มชอุ่มมัว | ยิ่งเริ่มรัวเรียกร่ำระกำใจ | |||
เสียงซ้อแซ้แกกาผวาว่อน | จิ้งจอกหอนโหยหาที่อาศัย | |||
จักจั่นเจื้อยร้องริมลองไน | เสียงเรไรหริ่งหริ่งที่กิ่งรัง | |||
ทั้งเป็ดผีปี่แก้วแว่วแว่วหวีด | เสียงจังหรีดกรีดแซ่ดังแตรสังข์ | |||
นางวันทองมองหาละล้าละลัง | หรือผีบังซ่อนเร้นไม่เห็นเลย | |||
จะบนหมูสุรารำว่าครบ | ขอให้พบลูกตัวทูนหัวเอ๋ย | |||
แล้วลดเลี้ยวเที่ยวแลชะแง้เงย | โอ้ทรามเชยหลากแล้วพ่อแก้วตา | |||
ตะโกนเรียกพลายงามทรามสวาท | ใจจะขาดคนเดียวเที่ยวตามหา | |||
สะอื้นโอ้โพล้เพล้เดินเอกา | สกุณานอนรังสะพรั่งไพร | |||
เห็นฝูงนกกกบุตรยิ่งสุดเศร้า | โอ้ลูกเราไม่รู้ว่าอยู่ไหน | |||
ชะนีโหวยโหยหวนรัญจวนใจ | ยิ่งอาลัยแลหาน้ำตานอง | |||
พอแจ้วแจ้วแว่วเสียงสำเนียงเรียก | นึกสำเหนียกหลายหนขนสยอง | |||
ตรงเซิงซุ้มคุ่มเคียงนางเมียงมอง | เห็นลูกร้องไห้สะอื้นยืนเหลียวแล | |||
ความดีใจไปกอดเอาลูกแก้ว | แม่มาแล้วอย่ากลัวทูนหัวแม่ | |||
เป็นไรไม่ไปเรือนเที่ยวเชือนแช | แม่ตามแต่ตะวันบ่ายเห็นหายไป ฯ | |||
๏ เจ้าพลายน้อยสร้อยเศร้าแล้วเล่าว่า | หม่อมพ่อพาเวียนวงให้หลงใหล | |||
แล้วทุบถีบบีบจมูกของลูกไว้ | เอาขอนไม้ทับคอแทบมรณา | |||
พอพวกพ้องของขุนแผนแล่นมาช่วย | จึงไม่ม้วยแม่คุณบุญหนักหนา | |||
ยังช้ำชอกยอกเหน็บเจ็บกายา | พูดน้ำตาผ็อยผ็อยด้วยน้อยใจฯ | |||
๏ นางวันทองร้องไห้ใจจะขาด | โอ้ชาตินี่มีกรรมจะทำไฉน | |||
แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไป | เจ้ามิใช่ลูกเต้าเขาจึงชัง | |||
พ่อของเจ้านั้นหรือชื่อขุนแผน | เป็นคนแค้นกับขุนช้างแต่ปางหลัง | |||
เอาทุกข์ร้อนก่อนเก่าเล่าให้ฟัง | เดี๋ยวนี้ยังอยู่ในคุกเป็นทุกข์ทน | |||
จึงจนใจไม่มีที่จะพึ่ง | มันทำถึงสาหัสก็ขัดสน | |||
ครั้นจะฟ้องร้องเล่าเราก็จน | แม้นไม่พ้นมือมันจะอันตราย | |||
แต่รู้อยู่ว่าย่าทองประศรี | อยู่บ้านกาญจน์บุรีวัดเชิงหวาย | |||
แม้นไปถึงพึ่งพาย่าพ่อพลาย | จะสบายบุญปลอดตลอดไป | |||
แต่ทางนั้นวันครึ่งจึงถึงบ้าน | ทางกันดารเดินดงจะหลงใหล | |||
โอ้ใครเล่าเขาจะพาเจ้าคลาไคล | นางร้องไห้สะอื้นกลืนน้ำตา ฯ | |||
๏ เจ้าพลายงามถามซักตระหนักแน่ | พลางบอกแม่ลูกแสนแค้นหนักหนา | |||
อ้ายคนนี้มิใช่พ่อจะขอลา | ไปหาย่าอยู่บ้านกาญจน์บุรี | |||
สงสารแต่แม่คุณของลูกแก้ว | จะลับแล้วตายเป็นไม่เห็นผี | |||
เพราะพ่อเลี้ยงเดียงสาไม่ปรานี | อยู่ที่นี่ชีวันจะบรรลัย | |||
ไปสู้ตายวายวางเสียข้างหน้า | ด้วยเกิดมามีกรรมจะทำไฉน | |||
ขอลาแม่แต่นี้นับปีไป | แล้วร้องไห้หวลคิดถึงบิดา | |||
โอ้พ่อคุณขุนแผนของลูกเอ๋ย | เมื่อไรเลยลูกจะได้ไปเห็นหน้า | |||
ต้องติดคุกทุกข์ทุเรศเวทนา | เจ้าครวญคร่ำร่ำว่าด้วยอาลัย ฯ | |||
๏ นางวันทองร้องไห้จิตใจหาย | กอดเจ้าพลายงามน้อยละห้อยไห้ | |||
โอ้ลูกแก้วแววตาจะลาไป | หนทางป่าค่าไม้พ่อไม่เคย | |||
จะเลี้ยวหลงวงวกระหกระเหิน | เจ้าจะเดินไปถูกหรือลูกเอ๋ย | |||
โอ้ยากเย็นเข็ญใจกระไรเลย | เพราะกรรมเคยพรากสัตว์ให้พลัดพราย | |||
เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าจะพรากไปจากแม่ | แม่จะแลเห็นใครน่าใจหาย | |||
พลางสวมสอดกอดแอบไว้แนบกาย | สะอื้นไห้ไม่วายฟายน้ำตา ฯ | |||
๏ จนจวนค่ำน้ำค้างลงพร่างพราย | ปลอบลูกชายพลายน้อยเสน่หา | |||
อ้ายศัตรูรู้ความจะตามมา | แม่จะพาเจ้าไปฝากขรัวนากไว้ | |||
แล้วพากันดั้นดัดไปวัดเขา | เห็นสมภารคลานเข้าไปกราบไหว้ | |||
แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไป | เจ้าคุณได้โปรดด้วยช่วยธุระ | |||
เอาลูกอ่อนซ่อนไว้เสียในห้อง | เผื่อพวกพ้องเขามาหาอย่าให้ปะ | |||
ท่านขรัวครูผู้เฒ่าว่าเอาวะ | ไว้ธุระเถิดอย่ากลัวที่ผัวเลย | |||
ถ้าหากว่ามาค้นจนถึงห้อง | กูมิถองก็จงว่าสีกาเอ๋ย | |||
ฆ่าลูกเลี้ยงเอี้ยงดูกูไม่เคย | อย่าทุกข์เลยลุงจะช่วยลูกอ่อนไว้ ฯ | |||
๏ นางวันทองหมองหมางไม่สร่างทุกข์ | กระหมวดจุกลูกยาน้ำตาไหล | |||
เห็นจวนค่ำจำลาทั้งอาลัย | ลงบันไดเดินด่วนด้วยจวนเย็น | |||
พอเข้าไปในรั้วด่าผัวโผง | อ้ายตายโหงหักคอไม่ขอเห็น | |||
แต่ชาตินี้กีกรรมจึงจำเป็น | ได้ชายเช่นนี้มาเป็นสามี | |||
ขึ้นบนเรือนเหมือนใจจะจากร่าง | เห็นขุนช้างชิงชังผินหลังหนี | |||
เข้าในห้องหมองอารมณ์ไม่สมประดี | เห็นแต่ที่นอนเปล่ายิ่งเศร้าใจ | |||
คิดถึงลูกผูกพันให้หวั่นอก | น้ำตาตกผ็อยผ็อยละห้อยไห้ | |||
โอ้ลูกเอ๋ยเคยนอนแต่ก่อนไร | จนเจ้าได้สิบปีเข้านี่แล้ว | |||
อยู่หลัดหลัดพลัดพรากไปจากแม่ | แม่ยังแลเห็นแต่ฟูกของลูกแก้ว | |||
โอ้พลายงามทรามสวาทจะคลาดแคล้ว | เสียงแจ้วแจ้วเจ้าวันทองนองน้ำตาฯ | |||
๏ ฝ่ายขุนช้างคางเคราอ้ายเจ้าเล่ห์ | เมาโมเมยิ้มกริ่มอยู่ริมฝา | |||
เสียงวันทองร้องไห้จุดไฟมา | ส่องดูหน้านั่งเคียงบนเตียงนอน | |||
ทำไถลไถ่ถามเป็นความหยอก | หรือหนามยอกเจ็บป่วยจะช่วยถอน | |||
พลางรับขวัญวันทองร้องละคร | เจ้าทุกข์ร้อนรำคาญประการใด ฯ | |||
นางวันทองข้องขัดสะบัดหน้า | ขุนช้างรำทำท่าเข้าคว้าไขว่ | |||
นางผลักพลิกหยิกข่วนว่ากวนใจ | ไฮ้อะไรนี่เล่าเฝ้าเซ้าซี้ | |||
ลูกข้าหายตายเป็นไม่เห็นศพ | อย่ามากลบรอยเสือเบื่อบัดสี | |||
เจ้าพาไปในป่าพนาลี | แล้วก็มิพามาว่ากระไร ฯ | |||
๏ ขุนช้างฟังช่างแก้อีแม่เจ้า | ข้าเมาเหล้าหลับซบสลบไสล | |||
ใครบอกเจ้าเล่าว่าข้าพาไป | หล่อนไม่ได้ตามข้าผ่าเถิดซิ | |||
เมื่อกลางวันยังเห็นเล่นไม้หึ่ง | กับอ้ายอึ่งอีดูกลูกอีปิ | |||
แล้วว่าเจ้าเล่าก็ช่างนั่งมึนมิ | ว่าแล้วซิอย่าให้ลงไปดิน | |||
ลูกปะหล่ำกำไลใส่ออกกลบ | ฉวยว่าพบคนร้ายอ้ายคอฝิ่น | |||
มันจะทุบยุบยับเหมือนกับริ้น | ง้างกำไลไปกินเสียแล้วกรรม | |||
แล้วแก้เก้อเร่อออกไปนอกห้อง | ตะโกนร้องเรียกข้ามาด่าพร่ำ | |||
ไปเที่ยวตามถามหาถึงท่าน้ำ | ไม่พบทำถอนใจกลับไปเรือน | |||
รินสุรามาดื่มลืมสติ | อุตริร้องไห้ใครจะเหมือน | |||
ขึ้นหอขวางกลางแจ้งเห็นแสงเดือน | โอ้พ่อเพื่อนชีวิตของบิตุรงค์ | |||
แกล้งร้องร่ำคร่ำครวญทำหวนโหย | สะโอดโอยเอกทุ้มจนลุ่มหลง | |||
ถึงท่อนปลายกรายเกริ่นเป็นเดินดง | ปีกเจ้าอ่อนร่อนลงในดงเตย | |||
แล้วรู้ตัวกลัวเมียร้องเสียใหม่ | เจ้าจำไกลพ่อแล้วลูกแก้วเอ๋ย | |||
เสียงอ้อแอ้แผ่กายนอนหงายเลย | จนลืมเลยซบเซาด้วยเมามาย ฯ | |||
๏ นวลนางวันทองค่อยย่องย่าง | เห็นขุนช้างหลับสมอารมณ์หมาย | |||
สะอื้นอั้นพันผูกถึงลูกชาย | จนพลัดพรายเพราะผัวเป็นตัวมาร | |||
จึงเย็บไถ้ใส่ขนมกับส้มลิ้ม | ทั้งแช่อิ่มจันอับลูกพลับหวาน | |||
แหวนราคาห้าช่างทองบางตะพาน | ล้วนต้องการเก็บใส่ในไถ้น้อย | |||
ไปอยู่บ้านท่านย่าจะหายาก | เมื่ออดอยากอย่างไรได้ใช้สอย | |||
แล้วนั่งนึกตรึกตราน้ำตาย้อย | รำคาญคอยสุริยาจะคลาไคล ฯ | |||
๏ จะกล่าวถึงพลายงามทรามสงสาร | พึ่งสมภารอยู่ในห้องนั่งร้องไห้ | |||
พวกศิษย์เณรเถรชีต้นช่วยฝนไพล | มาลูบไล้แผลที่มันตีรัน | |||
แล้วสมภารท่านก็หลับระงับเงียบ | ยิ่งเย็นเยียบเยือกใจเมื่อไก่ขัน | |||
เพราะแม่ลูกผูกจิตคิดถึงกัน | เฝ้าใฝ่ฝันเฟือนแลเห็นแม่มา | |||
ดุเหว่าร้องซ้องเสียงสำเนียงแจ้ว | ให้แว่วว่าวันทองร้องเรียกหา | |||
สะดุ้งใจไหววับทั้งหลับตา | ร้องขานขาสุดเสียงแต่เที่ยงคืน | |||
ครั้นรู้สึกนึกได้ให้ละห้อย | เจ้าพลายน้อยนิ่งนอนถอนสะอื้น | |||
จนเคาะระฆังหงั่งเหง่งเสียงเครงครื้น | สมภารตื่นเตือนชีต้นสวดมนตร์เกณฑ์ฯ | |||
๏ นางวันทองร้องไห้เมื่อใกล้รุ่ง | น้ำค้างฟุ้งฟ้าแดงเป็นแสงเสน | |||
ด้วยวัดเขาเข้าใจเคยไปเจน | โจงกระเบงมั่นเหมาะห่มเพลาะดำ | |||
แล้วถือไถ้ใส่ขนมผ้าห่มหุ้ม | ออกย่างดุ่มเดินเหย่าก้าวถลำ | |||
ลงจากเรือนเชือนมาข้างท่าน้ำ | แล้วรีบร่ำเดินตรงเข้าดงตาล | |||
ถึงวัดเขาเช้าตรู่ดูลูกน้อย | เห็นมาคอยนั่งท่าน่าสงสาร | |||
จะนั่งหยุดพูดจาจะช้าการ | ลาสมภารพามาป่าสะแก | |||
ให้ขนมส้มสูกแก่ลูกรัก | สงสารนักจะร้างไปห่างแม่ | |||
หนทางบ้านกาญจน์บุรีตรงนี้แล | จำให้แน่นะอย่าหลงเที่ยววงเวียน | |||
อุตส่าห์ไปให้ถึงเหมือนหนึ่งว่า | ให้คุณย่าเป็นอาจารย์สอนอ่านเขียน | |||
จงหมายมุ่งทุ่งกว้างตามทางเกวียน | ที่โล่งเลี่ยนลัดไปในไพรวัน | |||
แล้วเกล้าจุกผูกไถ้ที่ใส่ของ | ให้แหวนทองทุกสิ่งทำมิ่งขวัญ | |||
แล้วกอดลูกผูกใจจะไกลกัน | สะอื้นอั้นออกปากฝากเทวา | |||
ขอเดชะพระไพรข้าไหว้กราบ | ช่วยกำราบเสือสิงห์มหิงสา | |||
ทั้งปู่เจ้าเขาเขินขอเชิญพา | ไปถึงย่าอย่าให้หลงเที่ยววงวน | |||
ทั้งพ่อคุณขุนแผนแสนวิเศษ | บังเกิดเกศแก้วตาสถาผล | |||
ช่วยลูกชายพลายงามเมื่อยามจน | ให้รอดพ้นภัยพาลถึงกาญจน์บุรี | |||
นางคร่ำครวญร่ำว่าน้ำตาตก | เหมือนหนึ่งอกพุพองเป็นหนองฝี | |||
แม่อุ้มท้องครองเลี้ยงถึงเพียงนี้ | ได้สิบปีเศษแล้วจะแคล้วกัน | |||
เคยกินนอนวอนแม่ไม่แหห่าง | จะอ้างว้างเปล่าใจในไพรสัณฑ์ | |||
ทั้งจุกไรใครเล่าจะเกล้าพัน | จะนับวันนับเดือนไปเลือนลับ | |||
นับปีมิได้มาเห็นหน้าแม่ | จะห่างแหหายเหมือนเมื่อเดือนดับ | |||
โอ้เสียชาติวาสนาแม่อาภัพ | ให้ย่อยยับยากแค้นแสนระอา | |||
จะมีผัวผัวก็พลัดกำจัดจาก | จนแสนยากอย่างนี้แล้วมิหนำ | |||
มามีลูกลูกก็จากวิบากกรม | สะอื้นร่ำรันทดสลดใจ ฯ | |||
๏ เจ้าพลายงามความแสนสงสารแม่ | ชำเลืองแลดูหน้าน้ำตาไหล | ||
แล้วกราบกรานมารดาด้วยอาลัย | ลูกเติบใหญ่คงจะมาหาแม่คุณ | ||
แต่ครั้งนี้มีกรรมจะจำจาก | ต้องพลัดพรากแม่ไปเพราะอ้ายขุน | ||
เที่ยวหาพ่อขอให้ปะเดชะบุญ | ไม่ลืมคุณมารดาจะมาเยือน | ||
แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก | คนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน | ||
จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือน | จะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว | ||
แม่วันทองของลูกจงกลับบ้าน | เขาจะพาลว้าวุ่นแม่ทูนหัว | ||
จะก้มหน้าลาไปมิได้กลัว | แม่อย่ามัวหมองนักจงหักใจ ฯ | ||
๏ นางกอดจูบลูบหลังแล้วสั่งสอน | อำนวยพรพลายน้อยละห้อยไห้ | ||
พ่อไปดีศรีสวัสดิ์กำจัดภัย | จนเติบใหญ่ยิ่งยวดได้บวชเรียน | ||
ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ | เจ้าจงอตส่าห์ทำสม่ำเสมียน | ||
แล้วพาลูกออกมาข้างท่าเกวียน | จะจากเจียนใจขาดอนาถใจ | ||
ลูกก็และดูแม่แม่ดูลูก | ต่างพันผูกเพียงว่าเลือดตาไหล | ||
สะอื้นร่ำอำลาด้วยอาลัย | แล้วแข็งใจจากนางตามทางมา | ||
เหลียวหลังยังเห็นแม่แลเขม้น | แม่ก็เห็นลูกน้อยละห้อยหา | ||
แต่เหลียวเหลียวเลี้ยวลับวับวิญญาณ์ | โอ้เปล่าตาต่างสะอื้นยืนตะลึง ฯ | ||
๏ นางวันทองหมองมัวกลัวขุนช้าง | ไม่เหมือนอย่างคนทั้งปวงมันหวงหึง | ||
ออกชายทุ่งมุ่งเมินเดินตะบึง | กลับมาถึงเรือนร่ำระกำตรอม | ||
ทุกเช้าเย็นเศร้าหมองเฝ้าร้องไห้ | ด้วยอาลัยพลายงามทรามถนอม | ||
ถึงยามกินสิ้นรสสู้อดออม | จนซูบผอมผิวพรรณทุกวันคืน ฯ | ||
๏ เจ้าพลายงามตามทางไปกลางทุ่ง | เขม้นมุ่งเขาเขินเดินสะอื้น | ||
ออกหลังบ้านตาลตะคุ่มเป็นพุ่มพื้น | ร่มรื่นรังเรียงเคียงตะเคียน | ||
ต้นแคคางกร่างกระทุ่มชอุ่มออก | ทั้งช่อดอกดูไสวเหมือนไม้เขียน | ||
เจ้าพลายเพลินเดินพลางตามทางเกวียน | ตลอดเลี่ยนลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยมา | ||
ถงโคกฆ้องหนองสะพานบ้านกะเหรี่ยง | เห็นโรงเรียงไร่ฝ้ายทั้งซ้ายขวา | ||
พริกมะเขือเหลืออร่ามงามตา | สาลิกาแก้วกินแล้วบินฮือ | ||
เห็นไก่เตี้ยเขี่ยคุ้ยที่ขุยไผ่ | กระโชกไล่ลดเลี้ยวมันเปรียวปรื๋อ | ||
พบนกยูงฝูงใหญ่ไล่กระพือ | มันบินหวือโห่ร้องคะนองใจ | ||
จนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยข้อให้ท้อแท้ | คิดถึงแม่วันทองแล้วร้องไห้ | ||
พระสุริยาสายัณห์ลงเรไร | เหมือนจิตใจเจ้าจะขาดลงรอนรอน | ||
พอจวนพลบพบฝูงจิ้งจอกน้อย | วิ่งร่อยร่อยตามเขาแล้วเห่าหอน | ||
แสยงเส้นโลมาให้อาวรณ์ | ถึงดงดอนแดนบ้านกาญจน์บุรี | ||
เห็นวัดร้างข้างเขาดูเก่าแก่ | ยังมีแต่รูปพระชินสีห์ | ||
โบสถ์โบราณบานประตูยังดูดี | พอราตรีกราบไหว้อาศัยนอน | ||
ครั้นรุ่งเช้าเอาขนมทั้งส้มลิ้ม | พอกินอิ่มแล้วออกเดินเนินสิงขร | ||
ถึงบ้านกร่างทางคนเขาหาบคอน | เห็นเด็กต้อนควายอึงคะนึงไป | ||
ไม่รู้ความถามเหล่าพวกชาวบ้าน | ว่าเรือนท่านทองประศรีอยู่ที่ไหน | ||
เด็กบ้านนอกบอกเล่าให้เข้าใจ | แกอยู่ไร่โน่นแน่ะยังแลลับ | ||
มะยมใหญ่ในบ้านกินหวานนัก | กูไปลักบ่อยบ่อยแกคอยจับ | ||
พอฉวยได้อ้ายขิกหยิกเสียยับ | ร้ายเหมือนกับผีเสื้อแกเหลือตัว | ||
ถ้าลูกใครไปเล่นแกเห็นเข้า | แกจับเอานมยานฟัดกบาลหัว | ||
มาถามหาว่าไรช่างไม่กลัว | แกจับตัวตีตายยายนมยาน ฯ | ||
๏ เจ้าพลายงามถามแจ้งแล้วแกล้งว่า | เอ็งช่วยพาเราไปชมมะยมหวาน | ||
จะขึ้นลักหักห่อให้พอการ | มาสู่ท่านทั้งสิ้นกินด้วยกัน | ||
พวกเด็กเด็กดีใจไปสิหวา | ซ่อนข้าวปลาปล่อยควายแล้วผายผัน | ||
บ้างเหน็บหน้าผ้านุ่งเกี้ยวพุงพัน | หัวเราะกันกูจะห่อให้พอแรง | ||
พอถึงบ้านท่านยายทองประศรี | พวกเด็กชี้เรือนให้แล้วแอบแฝง | ||
เจ้าพลายงามขามจิตยังคิดแคลง | ค่อยลัดแลงเล็งแลมาแต่ไกล | ||
ดูเงียบเชียบเลียบรอบริมขอบรั้ว | ไม่เห็นตัวท่านย่าน่าสงสัย | ||
ประตูหับยับยั้งยืนฟังไป | เสียงแต่ในออดแอดแรดแรแร | ||
รู้ว่าคนบนนั้นนั่งปั่นฝ้าย | จะอุบายบอกความตามกระแส | ||
ขึ้นมะยมห่มล้อทำตอแย | ให้ท่านแลเห็นเรามาเอาตัว | ||
จึงจะบอกออกตามเนื้อความลับ | ได้อยู่กับย่าบังเกิดกำเนิดหัว | ||
แล้วเมียงมองย่องดอดเข้าลอดรั้ว | ค่อยแฝงตัวขึ้นบนต้นมะยม | ||
แล้วพยักกวักเรียกอ้ายเด็กเด็ก | ลูกเล็กหลบลอบค่อยหมอบก้ม | ||
ระวังตัวกลัวยายเฒ่าเจ้าคารม | เก็บมะยมซุบซิบกระหยิบตา ฯ | ||
๏ ครานั้นท่านยายทองประศรี | กับยายปลียายเปลอยู่เคหา | ||
ให้พวกเหล่าบ่าวไพร่ไปไร่นา | ตามประสาเพศบ้านกาญจน์บุรี | ||
แต่ขุนแผนแสนสนิทต้องติดคุก | ไม่มีสุขเศร้าหมองทองประศรี | ||
จนซูบผอมตรอมใจมาหลายปี | อยู่แต่ที่ในห้องนองน้ำตา | ||
แต่หูไวได้ยินมะยมหล่น | เป็นทำวลแหวกมองตามช่องฝา | ||
เห็นเด็กเด็กเล็ดดลอดดอเข้ามา | แกฉวยคว้าไม้ตระบองค่อยมองเมียง | ||
ลงบันไดอ้ายเด็กเล็กกเล็กวิ่ง | แกไล่ทิ้งด่าทอมันล้อเถียง | ||
ชกโคตรเหง้าเหล่ากอเอาพอเพียง | พอแว่วเสียงอยู่บนต้นมะยม | ||
มองเขม้นเห็นลูกหัวจุกน้อย | เหม่อ้ายจ้อยโจรป่าด่าขรม | ||
อย่าแอบอิงนิ่งนั่งตั้งเทพนม | ลงมาก้มหลังลองตระบองกู ฯ | ||
๏ เจ้าพลายงามคร้ามพรั่นขยั้นหยุด | ความกลัวสุดแสนกลัวตัวเป็นหนู | ||
จึงว่าฉานหลานดอกบอกให้รู้ | อันอยู่ที่เมืองสุพรรณบ้านวันทอง | ||
ทองประศรีชี้หน้าว่าอุเหม่ | อ้ายเจ้าเล่ห์หลานข้ามันน่าถอง | ||
มาเถิดมาย่าจะให้ไม้ตระบอง | แกคอยจ้องจะทำให้หนำใจ | ||
เจ้าพลายงามความกลัวจนตัวสั่น | หยุดขยั้นอยู่ไม่กล้าลงมาได้ | ||
แล้วนึกว่าย่าตัวกลัวอะไร | โจนลงไปกราบย่าที่ฝ่าตีน ฯ | ||
๏ ทองประศรีตีหลังเสียงดังผึง | จะมัดมึงกูไม่ปรับเอาทรัพย์สิน | ||
มาแต่ไหนลูกไทยหรือลูกจีน | เฝ้าลักปีนมะยมห่มหักราน | ||
เจ้าพลายน้อยคอยหลบแล้วนบนอบ | ฉันเจ็บบอบแล้วย่าเมตตาหลาน | ||
ข้าเป็นลูกพ่อขุนแผนแสนสะท้าน | ข้างฝ่ายมารดาชื่อแม่วันทอง | ||
จะมาหาย่าชื่อทองประศรี | อย่าเพ่อตีฉันจะเล่าความเศร้าหมอง | ||
ย่าเขม้นเห็นจริงทิ้งตระบอง | กอดประคองรับขวัญกลั้นน้ำตา | ||
แล้วด่าตัวชั่วเหลือไม่เชื่อเจ้า | ขืนตีเอาหลานรักเป็นหนักหนา | ||
จนหัวห้อยพลอยนอพ่อนี่นา | แล้วพามาขึ้นเรือนเตือนยายปลี | ||
ช่วยฝนไพลให้เหลวเร็วเร็วเข้า | อีเปลเอาขันล้างหน้าออกมานี่ | ||
แกตักน้ำร่ำรดหมดราคี | ช่วยขัดสีโซมขมิ้นสิ้นเป็นชาม | ||
แล้วทาไพลให้หลานสงสารเลหือ | มานั่งเสื่อลันไตปราศรัยถาม | ||
เจ้าชื่อไรใครบอกออกเนื้อความ | จึงได้ตามขึ้นมาถึงย่ายาย ฯ | ||
๏ เจ้าพลายน้อยสร้อยเศร้าแล้วเล่าเรื่อง | แต่อยู่เมืองสุพรรณเหมือนมั่นหมาย | ||
แม่วันทองครองเลี้ยงไว้เคียงกาย | ให้ชื่อพลายงามน้อยแก้วกลอยใจ | ||
ให้ไหว้บุญขุนช้างเหมือนอย่างพ่อ | มันลวงล่อหลานหลงไม่สงสัย | ||
พาหลานเที่ยวเลี้ยวทางไปกลางไพร | เอาขอนไม้ทับคอแทบมรณา | ||
แม่จึงบอกออกว่าพ่อชื่อขุนแผน | ขุนช้างแค้นเคืองคิดริษยา | ||
อยู่ไม่ได้ในสุพรรณจึงดั้นมา | ขอพึ่งบุญคุณย่าประสาจน ฯ | ||
๏ ทองประศรีตีอกชกผางผาง | ทุดอ้ายช้างชาติข้าอ้ายหน้าขน | ||
ลูกอีเฒ่าเทพทองคลองน้ำชน | จะฆ่าคนเสียทั้งเป็นไม่เอ็นดู | ||
ทำราวเจ้าชีวิตกูคิดฟ้อง | ให้มันต้องโทษกรณ์จนอ่อนหู | ||
แกบ่นว่าด่าร่ำออกพร่ำพรู | พ่อมาอยู่บ้านย่าแล้วอย่ากลัว | ||
แม้นอ้ายขุนวุ่นมาว่าเป็นลูก | มันมิถูกนมยานฟัดกบาลหัว | ||
พลางเรียกอีไหมที่ในครัว | เอาแกงคั่วข้าวปลามาให้กิน | ||
พอบ่ายเบี่ยงเสียงละว้าพวกข้าบ่าว | ทั้งมอญลาวเลิกนาเข้ามาสิ้น | ||
บ้างสุมไฟใส่ควันกันยุงริ้น | ตามถิ่นบ้านนอกอยู่คอกนา ฯ | ||
๏ ครั้นพลบค่ำย่ำฆ้องทองประศรี | เรียกยายปลียายเปลเข้าเคหา | ||
เย็บบายศรีนมแมวจอกแก้วมา | ใส่ข้าวปลาเปรี้ยวหวานเอาจานรอง | ||
เทียนดอกไม้ไข่ข้าวมะพร้าวพร้อม | น้ำมันหอมแป้งปรุงฟุ้งทั้งห้อง | ||
ลูกปะหล่ำกำไลไขออกกอง | บอกว่าของพ่อเจ้าแต่เยาว์มา | ||
เอาสอดใส่ให้หลานสงสารเหลือ | ด้วยหน่อเนื้อนึกรักเป็นหนักหนา | ||
เหมือนพ่อแผนแสนเหมือนไม่เคลื่อนคลา | ทั้งหูตาคมสันเป็นมันยับ | ||
พลางเรียกหาข้าคนมาบนหอ | ให้นั่งต่อต่อกันเป็นอันดับ | ||
บายศรีตั้งพรั่งพร้อมน้อมคำนับ | เจริญรับมิ่งขวัญรำพันไป ฯ | ||
๏ ขวัญพ่อพลายงามทรามสวาท | มาชมภาชนะทองอันผ่องใส | ||
ล้วนของขวัญจันทร์จวงพวงมาลัย | ขวัญอย่าไปป่าเขาลำเนาเนิน | ||
เห็นแต่เนื้อเสือสิงห์ฝูงลิงค่าง | จะอ้างว้างเวียนวกระหกระเหิน | ||
ขวัญมาหาย่าเถิดอย่าเพลิดเพลิน | จงเจริญร้อยปีอย่ามีภัย | ||
แล้วจุดเทียนเวียนวงส่งให้บ่าว | มันโห่กราวเกรียวลั่นสนั่นไหว | ||
คอยรับเทียนเเวียนส่งเป็นวงไป | แล้วดับไฟโบกควันให้ทันที | ||
มะพร้าวอ่อนป้อนเจ้าทั้งข้าวขวัญ | กระแจะจันทน์เจิมหน้าเป็นราศี | ||
ให้สาวสาวลาวเวียงที่เสียงดี | มาซอปี่อ้อซั้นทำขวัญนาย ฯ | ||
๏ พ่อเมื้อเมืองดง | เอาพงเป็นเหย้า | อึดปลาอึดข้าว | ขวัญเจ้าตกหาย | |||
ขวัญอ่อนร่อแร่ | ว้าเหว่สู่กาย | อยู่ปลายยางยูง | ท้องทุ่งท้องนา | |||
ขวัญเผือเมื้อเมิน | ขอเชิญขวัญพ่อ | ฟังซอเสียงอ้อ | ขวัญพ่อเจ้าจ๋า | |||
ข้าวเหนียวเต็มพ้อม | ข้าวป้อมเต็มป่า | ขวัญเจ้าจงมา | สู่กายพลายเอยฯ | |||
๏ แล้วพวกมอญซ้อนซอเสียงอ้อแอ้ | ร้องทะแยย่องกระเหนาะย่ายเตาะเหย | |||
ออระน่ายพลายงามพ่อทรามเชย | ขวัญเอ๋ยกกกะเนียงเกรียงเกลิง | |||
ให้อยู่ดีกินดีมีเมียสาว | เนียงกะราวกนตะละเลิงเคลิ่ง | |||
มวยบามาขวัญจงบันเทิง | จะเปิงยี่อิกะปิปอน | |||
ทองประศรีดีใจให้เงินบาท | เห็นแต่ทาสพรั่งพร้อมล้อมสลอน | |||
ถึงเวลาพาเจ้าเข้าที่นอน | มีฟูกหมอนมุ้งม่านสำราญใจ ฯ | |||
๏ เจ้าพลายงามถามย่าว่าพ่อแผน | ต้องคับแค้นเคืองเข็ญเป็นไฉน | |||
ไม่เคยคุ้นคุณย่าช่วยพาไป | พอหลานได้เห็นหน้าบิดาตัว | |||
ได้ฟังหลานท่านย่าน้ำตาตก | สะอื้นอกอาดูรว่าทูนหัว | |||
พ่อเอ็งย่าว่าไรเขาไม่กลัว | เพราะเมามัวเมียลาวนางชาววัง | |||
ไปทูลขอพระองค์ทรงพระโกรธ | ให้ลงโทษทนทุกข์ใส่คุกขัง | |||
แต่ไม่ต้องจองจำอยู่ลำพัง | ถึงสิบปีแล้วยังไม่พ้นเลย | |||
รุ่งพรุ่งนี้สิย่าจะพาเจ้า | ไปหาเขาอยู่ที่ทับริมหับเผย | |||
ให้พ่อเห็นเย็นอารมณ์ได้ชมเชย | พูดจนเลยลืมหลับระงับไป ฯ | |||
๏ เห็นแสงทองหมองจิตคิดถึงลูก | สั่งบ่าวผูกช้างสัปคับใหญ่ | |||
ใส่ข้าวปลาผ้าผ่อนท่อนสไบ | กับไต้ไฟฟักแฟงแตงน้ำตาล | |||
ทั้งปูนยาสาคูแลพลูหมาก | จะไปฝากขุนแผนแสนสงสาร | |||
อ้ายกุลาตาหลอเป็นหมอควาญ | แล้วพาหลานขึ้นช้างตามทางมา | |||
ลงบางขามข้ามบ้านสะพานโขลง | ออกทุ่งโล่งเลี้ยวทางไปข้างขวา | |||
สองวันครึ่งถึงกรุงอยุธยา | ลงเดินพาพลายงามไปตามทาง ฯ | |||
๏ จะกล่าวฝ่ายนายขุนแผนที่แสนทุกข์ | แต่ติดคุกขัดข้องให้หมองหมาง | |||
อยู่หับเผยเคยสะอาดขาดสำอาง | จนผอมซูบรูปร่างดูรุงรัง | |||
ผมยาวเกล้ากระหวัดตัดไม่เข้า | เหตุด้วยเขาคงทนทั้งมนตร์ขลัง | |||
อยู่เปล่าเปล่าเล่าก็จนพ้นกำลัง | อุตส่าห์นั่งทำการสานกระทาย | |||
ให้นางแก้วกิริยาช่วยทารัก | ขุนแผนถักขอบรัดกระหวัดหวาย | |||
ใบละบาทคาดได้ด้วยง่ายดาย | แขวนไว้ขายทั้งเรือนออกเกลื่อนไป | |||
พอมารดามาถึงทับรับเข้าห้อง | ทั้งข้าวของผู้คนขนมาให้ | |||
เห็นลูกชายพลายงามถามทันใด | นี่ลูกใครหน้าตาน่าเอ็นดู ฯ | |||
๏ ทองประศรีชี้แจงแถลงเล่า | นี่ลูกเจ้าแล้วเป็นไรไหว้เสียหนู | |||
แล้วบอกความตามที่มีศัตรู | ขุนแผนรู้รับขวัญกลั้นน้ำตา | |||
เข้าสวมสอดกอดจูบแล้วลูบหลัง | น้ำตาพรั่งพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา | |||
แค้นขุนช้างดังจะดิ้นสิ้นชีวา | มันชะล่าชะเลยจนเคยตัว | |||
ฉุดคร่าพาวันทองไปครองคู่ | เห็นว่ากูถือสัตย์ไม่ตัดหัว | |||
ทั้งลูกเต้าเอาไปฆ่าเหมือนม้าวัว | หมายว่ากลัวแล้วกระมังอ้ายจังไร | |||
วันนี้ค่ำจำจะไปให้ถึงบ้าน | สับกบาลหัวเชือดให้เลือดไหล | |||
ลูกผู้ชายตายไหนก็ตายไป | ขัดใจฮึดฮัดกัดฟันฟาง ฯ | |||
๏ ท่านย่าทองประศรีว่าอีพ่อ | แม่จะขอทัดทานเหมือนขัดขวาง | |||
ไปฆ่าผีดีกว่าฆ่าขุนช้าง | จะสืบสร้างบาปกรรมไปทำไม | |||
ลูกของเจ้าเล่าก็มาหาเจ้าแล้ว | ใช่เชื้อแถวเจ้ายังมีอยู่ที่ไหน | |||
จงฟังแม่แต่เท่านั้นแล้วกันไป | พ่อจะได้ภาวนารักษากาย | |||
ลูกของเจ้าเล่าแม่จะรับเลี้ยง | ช่วยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้ได้ถวาย | |||
ที่กริ้วโกรธโทษกรณ์จะผ่อนคลาย | คราวเคราะห์ร้ายเจ้าจงเจียมเสงี่ยมตน | |||
โบราณท่านสมมุติมนุษย์นี้ | ยากแล้วมีใหม่สำเร็จถึงเจ็ดหน | |||
ที่ทุกข์โศกโรคร้อนค่อยผ่อนปรน | คงจะพ้นโทษทัณฑ์ไม่บรรลัย ฯ | |||
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพ | ก้มกราบมารดาน้ำตาไหล | |||
ลูกเห็นแต่แม่คุณค่อยอุ่นใจ | ช่วยสอนให้พลายงามเรียนความรู้ | |||
อันตำรับตำราสารพัด | ลูกเก็บจัดแจงไว้ที่ในตู้ | |||
ถ้าลืมหลงตรงไหนไขออกดู | ทั้งของครูของพ่อต่อกันมา | |||
แล้วลูบหลังสั่งความพลายงามน้อย | เจ้าจงค่อยร่ำเรียนเขียนคาถา | |||
รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา | ไปเบื้องหน้าเติบใหญ่จะให้คุณ | |||
เรายากแล้วแก้วตาอย่าประมาท | ทั้งสิ้นญาติสิ้นเชื้อจะเกื้อหนุน | |||
ทุกวันนี้มีแต่ย่ายังการุญ | พ่อพึ่งบุญเถิดลูกได้ปลูกเลี้ยง | |||
จงนึกว่าย่าเหมือนกับแม่พ่อ | ถึงด่าทอเท่าไรอย่าได้เถียง | |||
อันพ่อนี้มิได้อยู่ใกล้เคียง | ไม่ได้เลี้ยงลูกแล้วนาแก้วตา | |||
พลางกอดพลายงามแอบไว้แนบอก | น้ำตาตกพร่างพรายทั้งซ้ายขวา | |||
โอ้มีกรรมทำไว้แต่ไรมา | พอเห็นหน้าลูกแล้วจะแคล้วกัน | |||
มาหาพ่อพ่อไม่มีสิ่งไรผูก | ยังแต่ลูกประคำจะทำขวัญ | |||
อยู่หอกปืนยืนยงคงกระพัน | ได้ป้องกันกายาข้างหน้าไป ฯ | |||
๏ เจ้าพลายงามความแสนสงสารพ่อ | น้ำตาคลอคลอตกซกซกไหล | |||
รับประคำร่ำว่าประสาใจ | ฉันจะใคร่อยู่ด้วยช่วยบิดา | |||
ได้ตักน้ำตำข้าวทุกเช้าค่ำ | ที่พอทำฟืนผักจะหักหา | |||
ให้พ่อพ้นทนทุกข์แล้วลูกยา | จะอุตส่าห์เล่าเรียนค่อยเพียรไป ฯ | |||
๏ ขุนแผนแสนสวาทจะขาดจิต | กะจิริดรู้ว่าจะหาไหน | |||
น่าสงสารท่านย่าพลอยอาลัย | น้ำตาไหลพรากพรากเพราะยากเย็น | |||
ขุนแผนว่าจะอยู่ดูไม่ได้ | ในคุกใหญ่มันยากแค้นถึงแสนเข็ญ | |||
เหมือนกับนรกตกทั้งเป็น | มิได้เว้นโทษทัณฑ์สักวันเลย | |||
แต่พ่อนี้ท่านเจ้ากรมยมราช | อนุญาตให้อยู่ทับในหับเผย | |||
คนทั้งหลายนายมุลก็คุ้นเคย | เขาละเลยพ่อไม่ต้องถูกจองจำ | |||
ทั้งข้าวปลาสารพันทุกวันนี้ | พระหมื่นศรีเธอช่วยชุบอุปถัมภ์ | |||
ค่อยเบาใจไม่พักต้องตักตำ | คุณท่านล้ำล้นฟ้าด้วยปรานี | |||
ถ้าแม้นเจ้าเล่าเรียนความรู้ได้ | จะพาไปพึ่งพระจมื่นศรี | |||
ถวายตัวพระองค์ทรงธรณี | จะได้มีเกียรติยศปรากฏไป ฯ | |||
๏ พลายงามน้อยสร้อยเศร้ารับเจ้าคะ | ดีฉันจะพากเพียรเรียนให้ได้ | |||
ต่างพูดจาพาทีค่อยดีใจ | จนจวนใกล้โพล้เพล้ถึงเวลา | |||
ทองประศรีสั่งความว่ายามค่ำ | แม่จะจำจากพ่อแก้วไปแล้วหนา | |||
ขุนแผนแสนสะท้านไหว้มารดา | พลายงามลาพ่อลูกผูกอาลัย | |||
ตามย่ามาพ้นทับที่หับเผย | ไม่ลืมเลยเหลียวหน้าน้ำตาไหล | |||
ทั้งขุนแผนแสนสวาทเพียงขาดใจ | ต่างอาลัยแลลับวับวิญญาณ์ | |||
ไปขึ้นช้างข้างวัดท่าการ้อง | พอเดือนส่องแสงสว่างกลางเวหา | |||
ออกข้ามทุ่งกรุงศรีอยุธยา | รีบกลับมาถึงบ้านกาญจน์บุรีฯ | |||
๏ อันเรื่องราวกล่าวความพลายงามน้อย | ค่อยเรียบร้อยเรียนรู้ครูทองประศรี | |||
ทั้งขอมไทยได้สิ้นก็ยินดี | เรียนคัมภีร์พุทธเพทพระเวทมนตร์ | |||
ปัถมังตั้งตัวนะปัดตลอด | แล้วถอนถอดถูกต้องเป็นล่องหน | |||
หัวใจกริดอิทธิเจเสน่ห์กล | แล้วเล่ามนตร์เสกขมิ้นกินน้ำมัน | |||
เข้าในห้องลองวิชาประสาเด็ก | แทงจนเหล็กแหลมลู่ยู่ขยั้น | |||
มหาทะมื่นยืนยงคงกระพัน | ทั้งเลขยันตร์ลากเหมือนไม่เคลื่อนคลาย | |||
แล้วทำตัวหัวใจปิติโส | สะเดาะโซ่ตรวนได้ดังใจหมาย | |||
สะกดคนมนตร์จังงังกำบังกาย | เมฆฉายสูรย์จันทร์ขยันดี | |||
ทั้งเรียนธรรมกรรมฐานนิพพานสูตร | ร้องเรียกภูตพรายปราบกำราบผี | |||
ผูกพยนต์หุ่นหญ้าเข้าราวี | ทองประศรีสอนหลานชำนาญมา | |||
จนอายุพลายงามสิบสามขวบ | ดูขาวอวบอ้วนท้วนเป็นนวลหน้า | |||
ด้วยเนื้อแตกแรกรุ่นละมุนตา | กิริยาแย้มยิ้มหงิมหงิมงาม | |||
นัยน์ตากลมคมขำดูดำขลับ | ใครแลลับรักใคร่ปราศรัยถาม | |||
ทองประศรีดีใจได้ฤกษ์ยาม | ได้สิบสามปีแล้วหลานแก้วกู | |||
จะโกนจุกสุกดิบขึ้นสิบค่ำ | แกทำน้ำยาจีนต้มตีนหมู | |||
พวกเพื่อนบ้านวานมาผ่าหมากพลู | บ้างปัดปูเสื่อสาดลาดพรมเจียม | |||
ทั้งหม้อเงินหม้อทองสำรองตั้ง | มีทั้งสังข์ใส่น้ำมนตร์ไว้จนเปี่ยม | |||
อัฒจันทร์ชั้นพระก็ตระเตรียม | ตามธรรมเนียมห้องกลองฉลองทาน | |||
ถึงวันดีนิมนต์ขรัวเกิดเฒ่า | อยู่วัดเขาชนไก่ใกล้กับบ้าน | |||
พอพิณพาทย์คาดตระสาธุการ | ท่านสมภารพาพระสงฆ์สิบองค์มา | |||
นั่งสวดมนตร์จนจบพอพลบค่ำ | ก็ซัดน้ำมนตร์สาดเสียงฉาดฉ่า | |||
ผู้ชายเสียดเบียดสาวชาวละว้า | เสียงเฮฮาฮึดฮัดเมื่อซัดน้ำ | |||
ผู้หญิงหยิกตะกายผู้ชายทับ | เสียงหนุบหนับเหนาะแหนะแขยะขยำ | |||
จนอีหังคลั่งใจถีบอ้ายดำ | ลุกขึ้นปล้ำกันออกอึงเสียงตึงตัง | |||
ทองประศรีดีใจว่าใครแพ้ | สนุกแน่แล้วอ้ายดำปล้ำอีหัง | |||
แล้วให้หลานผลัดผ้ามาเก้กัง | เข้าไปนั่งกราบกรานสมภารครู | |||
ขรัวเกิดแลมองเห็นทองประศรี | ถามว่านี่ลูกใครเล่าไอ้หนู | |||
เจ้าขรัวย่าอ้าปากน้ำหมากพรู | เล่าให้รู้แต่ต้นมาจนปลาย | |||
เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าขุนแผนยังติดคุก | นี่โกนจุกแล้วจะได้ไปถวาย | |||
ท่านขรัวครูดูพ่อของออพลาย | เคราะห์จะคลายเคลื่อนบ้างหรืออย่างไร ฯ | |||
๏ ท่านขรัวครูรู้เรื่องให้เคืองแค้น | ทุดอ้ายแผนถ่อยแท้ไม่แก้ไข | |||
เมื่อความรู้กูสอนเจ้าหล่อนไว้ | ยังวิ่งไปเข้าคุกสนุกจริง | |||
อ้ายเจ้าชู้กูได้ว่ามาแต่ก่อน | จะทุกข์ร้อนอ่อนหูเพราะผู้หญิง | |||
หัวเราะพลางทางเอกเขนกอิง | พินิจนิ่งดูกายเจ้าพลายงาม | |||
เห็นน่ารักลักษณะก็ฉลาด | จะมีวาสนาดีขี่คานหาม | |||
ถ้าถึงวันชั้นโชคโฉลกยาม | ก็ต้องตามลักษณะว่าจะรวย | |||
แต่ที่เมียเสียถนัดปัตนิ | ตัวตำหนิรูปขาวเป็นสาวสวย | |||
แต่อ้ายนี่ขี้หลงจะงงงวย | ต้องถูกด้วยละโมบโลภโลกีย์ | |||
แล้วท่านขรัวหัวร่อว่าออหนู | มันเจ้าชู้เกินการหลานอีศรี | |||
ก็แต่ว่าอายุสิบแปดปี | จะได้ที่หมื่นขุนเป็นมุลนาย | |||
ทั้งเมียสาวชาวเหนือเป็นเชื้อแถว | อีนั่นแล้วมันจะมาพาฉิบหาย | |||
อันอ้ายขุนแผนพ่อของออพลาย | จะพ้นปลายเดือนยี่ในปีกุน | |||
นับแต่นี้มีสุขไม่ทุกข์ร้อน | ได้เตียงนอนนั่งเก้าอี้เป็นที่ขุน | |||
ทองประศรีดีใจไหว้เจ้าคุณ | ช่วยแบ่งบุญให้ได้ฟื้นคืนสักที | |||
สมภารรับกลับมายังอาวาส | เสียงพิณพาทย์พวกพ้องทองประศรี | |||
หาเสภามาทั่วที่ตัวดี | ท่านตามีช่างประทัดถนัดรบ | |||
ดูทำนองพองคอเสีบงอ้อแอ้ | พวกคนแก่ชอบหูว่ารู้จบ | |||
ตารองศรีดีแต่ขันรู้ครันครบ | กรับกระทบทำหลอกแล้วกลอกตา | |||
แล้วนายทั่งดังโด่งเสียงโว่งโวก | ว่ากระโชกกระชั้นขันหนักหนา | |||
ฝ่ายนายเพรชเม็ดมากลากช้าช้า | ตั้งสามวาสองศอกเหมือนบอกยาว | |||
ส่วนนายมาพระยานนท์คนตลก | ว่าหยกหยกหยาบช้าคนฮาฉาว | |||
ตาทองอยู่รู้ว่าภาษาลาว | แล้วส่งกราวเชิดเพลงโหน่งเหน่งไป | |||
ครั้นรุ่งเช้าเจ้าพลายก็โกนจุก | เป็นพ้นทุกข์พ้นร้อนนอนหลับใหล | |||
จนผมยาวเจ้าได้ตัดมหัดไทย | คิดจะใคร่ไปเป็นข้าฝ่าธุลี | |||
เดชะบุญทูลขอพ่อพ้นโทษ | เหมือนได้โปรดบิดาเป็นราศี | |||
แต่นิ่งนึกตรึกตราจนราตรี | เข้าข้างที่นอนย่าน้ำตาคลอ | |||
ทำคลึงเคล้าเว้าวอนด้วยอ่อนหวาน | พรุ่งนี้หลานจะลาไปหาพ่อ | |||
จะได้เฝ้าเจ้าชีวิตชิดชอบพอ | ทูลขอเผื่อจะโปรดที่โทษทัณฑ์ ฯ | |||
๏ ทองประศรีดีใจให้อนุญาต | เจ้าเชื้อชาติพงศ์พลายจงผายผัน | |||
จะได้ช่วยพ่อแม่คิดแก้กัน | ตามกตัญญูเถิดประเสริฐดี | |||
ย่าจะให้ไปส่งจนถึงพ่อ | จึงพาต่อไปหาพระหมื่นศรี | |||
ตามแต่บุญวาสนาบารมี | อันย่านี้นับวันจะบรรลัย | |||
มีลูกเต้าเล่าก็ทำให้ซ้ำทุกข์ | ไม่มีสุขสักเวลาน้ำตาไหล | |||
โรคก็ซ้ำช้ำบอบทั้งหอบไอ | ใครจะได้เผาผีก็มิรู้ | |||
เจ้าจงจำตำราที่ย่าสอน | จะถาวรเพิ่มยศไม่อดสู | |||
ย่าจะให้ไอ้พลัดไอ้ปัดไอ้ปู | เข้าไปอยู่ติดตามทั้งสามคน | |||
พอถือร่มสมปักตักน้ำท่า | หุงข้าวปลาสารพัดไม่ขัดสน | |||
พูดจนดึกตรึกการกับหลานตน | แล้วหลับจนแจ่มแจ้งแสงตะวัน ฯ | |||
๏ รู้สึกกายยายทองประศรีย่า | เอาเงินผ้าเสื้อใส่ในกำปั่น | |||
ทั้งหวานคาวข้าวปลาสารพัน | ขนขึ้นบรรทุกสัปคับช้าง | |||
พลายงามลาย่าช่วยอวยสวัสดิ์ | ได้ฤกษ์พาสารพัดไม่ขัดขวาง | |||
ขึ้นขี่หลังพังสะเทินเดินตามทาง | ไม่แรมค้างข้ามทุ่งถึงกรุงไกร | |||
ไปหาพ่อพอพบนั่งนบนอบ | ขุนแผนสอบไต่ถามความสงสัย | |||
เจ้าพลายน้อยค่อยเล่าให้เข้าใจ | ลูกจะใคร่ให้พระนายถวายตัว ฯ | |||
๏ ขุนแผนแสนสวาทอนุญาตว่า | จงอุตส่าห์สืบตะรกูลเถิดทูนหัว | |||
พ่อพงศ์พลายหมายศึกอย่านึกกลัว | จะพาตัวเจ้าไปให้พระนาย | |||
แล้วซักไซ้ไต่ถามถึงความรู้ | ให้ท่องดูได้สมอารมณ์หมาย | |||
ที่เข้าออกบอกความตามอุบาย | สอนลูกชายอยู่จนสนธยา | |||
พอเสียงฆ้องกลองย่ำเข้าค่ำพลบ | ถึงเดินพบผู้ใดไม่เห็นหน้า | |||
ชวนลูกชายพลายงามตามกันมา | ไปเคหาพระหมื่นศรีที่ริมคลอง | |||
ขึ้นบันไดไฟอร่ามถามพวกบ่าว | พอรู้ข่าวว่าสบายค่อยคลายหมอง | |||
ตรงมาหอรอรั้งยั้งหยุดมอง | หมื่นศรีร้องเรียกว่ามาซิเกลอ | |||
ด้วยรักใคร่ใจซื่อถือว่าเพื่อน | ไม่บากเบือนหน้าหนีดีเสมอ | |||
ขุนแผนพาลูกไปนั่งไหว้เธอ | ถามว่าเออนั่นใครที่ไหนมา ฯ | |||
๏ ขุนแผนบอกออกว่าลูกเจ้าวันทอง | ที่มีท้องเกือบแก่มาแต่ป่า | |||
เอาความหลังทั้งนั้นพรรณนา | จะพามามอบไว้ให้เจ้าคุณ | |||
ด้วยไม่มีที่เห็นแต่เป็นโทษ | พระนายโปรดช่วยเหลือทั้งเกื้อหนุน | |||
เป็นที่พึ่งจึงมาจงการุญ | เอาแต่บุญเถิดพ่อเจ้าเมื่อคราวจน | |||
อันวิชาย่าสอนลูกอ่อนแล้ว | เห็นคล่องแคล่วการศึกพอฝึกฝน | |||
ถ้ากระไรได้ช่องเห็นชอบกล | ช่วยผ่อนปรนโปรดถวายเจ้าพลายงาม ฯ | |||
๏ พระหมื่นศรีดีใจปราศรัยทัก | ดูแหลมหลักลูกทหารชาญสนาม | |||
เป็นข้าเฝ้าเจ้าชีวิตอย่าคิดคร้าม | มีสงครามเมื่อไรคงได้ดี | |||
ไว้ธุระจะถวายช่วยบ่ายเบี่ยง | ให้ชุบเลี้ยงลูกรักเป็นศักดิ์ศรี | |||
ที่กินอยู่ผู้คนของเรามี | อยู่เรือนนี่นั่งนอนไม่ร้อนรน | |||
ขุนแผนเล่าเจ้าก็รู้อยู่ว่ารัก | จนเจียนจักแหล่นตายด้วยหลายหน | |||
ก็เอ็นดูอยู่ว่าเกลอถึงเธอจน | ที่ขัดสนสารพัดไม่ขัดกัน | |||
แต่สุดช่วยด้วยว่าอาญาหลวง | ต่อได้ท่วงทีก่อนจะผ่อนผัน | |||
จริงนะเจ้าเราก็คิดทุกคืนวัน | คงช่วยกันไปกว่ากายจะวายวาง ฯ | |||
๏ นายขุนแผนแสนชื่นให้ตื้นอก | อุตส่าห์ยกมือไหว้มิได้หมาง | |||
สู้กลืนกล้ำน้ำตาแล้วว่าพลาง | พ่อเหมือนอย่างพ่อแม่ช่วยแก้ทุกข์ | |||
จนยากเย็นเป็นโทษเห็นโหดไร้ | ยังส่งให้ข้าวปลาเป็นผาสุก | |||
ก็หมายมั่นกตัญญูถึงอยู่คุก | กราบพ่อทุกทุกคืนได้ชื่นใจ | |||
อันลูกชายพลายงามตามแต่พ่อ | ลูกจะขอกราบลาช้าไม่ได้ | |||
พลางลูบหลังสั่งลูกผูกอาลัย | พ่อจะไปก่อนแล้วนะแก้วตา | |||
อยู่พึ่งบุญคุณพ่อต่อไปเถิด | จะประเสริฐสมหวังเป็นฝั่งฝา | |||
แล้วลงเรือนเดือนสว่างกระจ่างตา | ก็กลับมาหับเผยที่เคยนอน ฯ | |||
๏ ครานั้นจมื่นศรีเสาวรักษ์ราช | เรียกพลายงามทรามสวาทมาสั่งสอน | |||
จะเป็นข้าจอมนรินทร์ปิ่นนคร | อย่านั่งนอนเปล่าเปล่าไม่เข้าการ | |||
พระกำหนดกฎหมายมีหลายเล่ม | เก็บไว้เต็มตู้ใหญ่ไขออกอ่าน | |||
กรมศักดิ์หลักชัยพระอัยการ | มนเทียรบาลพระบัญญัติตัดสำนวน | |||
แล้วให้รู้สุภาษิตบัณฑิตพระร่วง | ตามกระทรวงผิดชอบคิดสอบสวน | |||
ราชาศัพท์รับสั่งให้บังควร | รู้จงถ้วนถี่ไว้จึงได้การ | |||
ที่ไม่สู้รู้อะไรผู้ใหญ่เด็ก | มหาดเล็กสามต่อพ่อลูกหลาน | |||
เสียตระกูลสูญลับอัประมาณ | เพราะเกียจคร้านคร่ำคร่าเหมือนพร้ามอญ | |||
นี่ตัวเจ้าเหล่ากอทั้งพ่อแม่ | อย่าเชือนแชอุตส่าห์จำเอาคำสอน | |||
แล้วจัดแจงห้องหับให้หลับนอน | ไม่อาวรณ์เธอช่วยเลี้ยงเป็นเที่ยงธรรม์ ฯ | |||
๏ ครานั้นพลายงามทรามสวาท | แหลมฉลาดเลขผาปัญญาขยัน | |||
อยู่บ้านพระหมื่นศรียินดีครัน | ทุกคืนวันตามหลังเข้าวังใน | |||
เธอเข้าเฝ้าเจ้าก็นั่งบังไม้ดัด | คอยฟังตรัสตรึกตราอัชฌาสัย | |||
ค่อยรู้กิจผิดชอบรอบคอบไป | ด้วยมิได้คบเพื่อนเที่ยวเชือนแช | |||
ครั้นอยู่บ้านอ่านคำพระธรรมศาสตร์ | ตำรับราชสงครามตามกระแส | |||
ค่อยชื่นชุ่มหนุ่ตะกอดูฟ้อแฟ้ | นางสาวแส้ใส่ใจจะใคร่พบ | |||
เข้าไปหามาสู่ไม่รู้เกี้ยว | แต่พอเหลียวเห็นผู้หญิงก็วิ่งหลบ | |||
อุตส่าห์เพียรเรียนรู้ดูจนครบ | รู้ขนบธรรมเนียมก็เจียมใจ ฯ | |||
๏ ครานั้นท่านพระจมื่นศรี | ถึงวันดีได้ช่องก็ผ่องใส | |||
จึงจัดแจงแต่งธูปเทียนดอกไม้ | จะเข้าไปทูลถวายเจ้าพลายงาม | |||
นุ่งสมปักชักกลีบจีบสลับ | ครั้นเสร็จสรรพสำราญขึ้นคานหาม | |||
พวกข้าคนอลหม่านถือพานตาม | เจ้าพลายงามตามหลังเข้าวังใน | |||
ถึงพระลานวานเขาพวกชาวที่ | ที่ค่อยมีกิริยาอัชฌาสัย | |||
ถือพานทองรองธูปเทียนดอกไม้ | ยกเข้าไปเตรียมตั้งพอบังควร | |||
ให้พลายงามตามไปนั่งตรงตั้งของ | ตามทำนองพระหมื่นศรีสั่งถี่ถ้วน | |||
ฝ่ายข้าเฝ้าเจ้าพระยาเวลาจวน | ต่างก็ชวนกันเข้ามาหน้าพระโรง | |||
นุ่งสมปักชักชายกรายกรีดเล็บ | ผ้ากราบเหน็บแนบหน้าดูอ่าโถง | |||
พอเวลานาทีถ้วนสี่โมง | เข้าพระโรงพร้อมหน้าข้าราชการ ฯ | |||
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช | มงกุฎเกศอยุธยามหาสถาน | |||
สถถิตแท่นแว่นฟ้าโอฬาฬาร | ดังวิมานเมืองฟ้าสุราลัย | |||
ห้ามแหนแน่นหนุนละมุนหมอบ | งามประกอบกิริยาอัชฌาสัย | |||
ระเรื่อยรับขับร้องทำนองใน | สำราญราชหฤทัยทุกเวลา | |||
ยามกลางวันนั้นก็ออกพระโรงรัตน์ | มีแต่ตรัสสรวลสันต์ทรงหรรษา | |||
ทั้งเหนือใต้ไพรีไม่มีมา | สำราญใจไพร่ฟ้าประชาชี | |||
ด้วยเดชะบุญญาอานุภาพ | มีแต่ลาภมาประมูลพูนภาษี | |||
แต่บรรดาข้าเฝ้าเหล่าเสนี | ใครทำดีได้ประทานถึงพานทอง ฯ | |||
๏ ฝ่ายพระจมื่นศรีเสาวรักษ์ราช | อภิวาทบาทมูลทูลฉลอง | |||
ขอเดชะพระกรุณาฝ่าละออง | ดอกไม้ธูปเทียนทองของพลายงาม | |||
บุตรขุนแผนแสนสะท้านหลานทองประศรี | ความรู้มีเรียบราบไม่หยาบหยาม | |||
จะขอรองมุลิกาพยายาม | พลางกราบสามทีสดับตรับโองการ ฯ | |||
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษา | เหลือบเห็นหน้าพลายงามความสงสาร | |||
จะออกโอษฐ์โปรดขขุนแผนแสนสะท้าน | แต่กรรมนั้นบันดาลดลพระทัย | |||
ให้เคลิ้มองค์ทรงกลอนละครนอก | นึกไม่ออกเวียนวงให้หลงใหล | |||
ลืมประภาษราชกิจที่คิดไว้ | กลับเข้าในแท่นที่ศรีไสยา ฯ | |||
๏ อันเรื่องกล่าวความพลายงามสวาท | เป็นมหาดเล็กแล้วค่อยแกล้วกล้า | |||
อยู่ด้วยพระหมื่นศรีผู้ปรีชา | เฝ้าเวลาเช้าเย็นไม่เว้นวัน | |||
มุลนายถ้วนหน้าก็ปรานี | มิได้มีใครรังเกียจเดียดฉันท์ | |||
ถึงว่าท่านจางวางทั้งสองนั้น | ก็ฝากตัวกลัวทั่นทุกคนไป ฯ | |||
ตอนที่ ๒๕
๏ | |||
ตอนที่ ๒๖
๏ | |||
ตอนที่ ๒๗
๏ | |||
ตอนที่ ๒๘
๏ | |||
ตอนที่ ๒๙
๏ | |||
ตอนที่ ๓๐
๏ | |||
ตอนที่ ๓๑
๏ | |||
ตอนที่ ๓๒
๏ | |||
ตอนที่ ๓๓
๏ | |||
ตอนที่ ๓๔
๏ | |||
ตอนที่ ๓๕
๏ | |||
ตอนที่ ๓๖
๏ | |||
ตอนที่ ๓๗
๏ | |||
ตอนที่ ๓๘
๏ | |||
ตอนที่ ๓๙
๏ | |||
ตอนที่ ๔๐
๏ | |||
ตอนที่ ๔๑
๏ | |||
ตอนที่ ๔๒
๏ | |||
ตอนที่ ๔๓
๏ | |||