โคลงกวีโบราณ

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == {{เรียงลำดับ|คลโงกวีบโราณ}} [[หมวด…')

รุ่นปัจจุบันของ 14:24, 27 สิงหาคม 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: พระยาตรัง

บทประพันธ์

พระราชนิพนธ์

๏ พระเรียมมาแขกน้องถึงกง
มีมโนรถจงจอดเจ้า
เรียมคลาครไลหงส์บารนี มาแม่
คุณบารนี่น้องเหน้าหน่อไท้เทวี ฯ
             

พระเทวี

๏ พระผัวพระผ่านเผ้านฤพาน
ไฟไป่ดับแดดาลหมดม้วย
สดักลูกเหลนหลานเรียงรอบ ตัวแฮ
เถ้าวอกเว้ากัดกล้วยรีรื้อทําสาว ฯ
             

พระราชนิพนธ์

๏ ทังหลายว่าแม่เถ้ามานยาว
พระว่านางยังสาวไป่เถ้า
ทัดดอกพลับพลึงขาวแซมเกศ
สระกว่าสาวสิบเข้าแข่งหน้าบูรณจันทร์ ฯ
๏ ศศิวรเดชฤ้ๅงามนัก
อ้าใช่เดือนเพ็ญพักตร์หนุ่มเหน้า
อักษรบวรลักษณ์เรืองแต่ง ผจงฤๅ
อ้าใช่นางฟ้าเจ้าพี่ใช้อย่าไฉน ฯ
             

พระเทวี

๏ ทินกรวรเดชฤ้ๅงามยง ยิ่งแฮ
อ้าใช่อาทิตย์จงอยู่เกล้า
นารายณ์เสด็จลงมาแปลก ปลอมฤๅ
อ้าใช่นารายณ์เจ้าพระผู้เสด็จมา ฯ
             

ศรีปราชญ์

๏ โคลงสองธกล่าวอ้างหญิงชาย
คือสมรรถไชยพายเฟื่องฟื้น
สรมุขวิ่งวางสายชลเชี่ยว
สองอาจแขงขมังขึ้นแข่งให้กันเสมอ ฯ
             

พระเทวี

๏ เชิญไทธิราชไท้เสด็จยูร ยาตรแฮ
กั้นก่อภพไอศูรย์สืบหล้า
ขอถวายธิดาทูลทรงบาท
แต่บพิตรเจ้าฟ้าผ่านหล้าครองเมือง ฯ
             

ศรีปราชญ์ต่อพระนิพนธ์

๏ หวังตามาลั่นได้เป็นเขย
สรวลแต่ชาวเราเหยหะห้าย
เชิญพระตระกองเกยกรหนุ่ม ดีพ่อ
นางแก่กลกามหม้ายหม่นเศร้าโรยโฉม ฯ
             

บโทนต่อพระนิพนธ์

๏ เรียมพิศแต่บาทเท้าถึงผม
บตํ่าบสูงสมแน่งน้อย
อ้อนแอ้นอ่อนเอวกลมกํารอบ
ติแต่นมเล็กหน้อยหนึ่งนั้นเสียโฉม ฯ
             

พระนิพนธ์

๏ ชาลีเชื้อชาติชิ้งชาลี
นามแม่อามอัปรีตํ่าต้อ
พ่อมึงชื่อตาศรีขายถ่าน
ส่วนตัวมึงคือกร้อแต่งไว้วิดเรือ ฯ
             

นายชาลี

๏ ชาลีใช่ชาติเชื้อชาลี
นามแม่นาฏมัทรีเผ่าท้าว
บิตุเรศชื่อพระศรีเพสยัน ดรนา
ปู่ข้าผู้หาญห้าวชื่อท้าวสญชัย ฯ
             

นางข้างใน

๏ หะหายกระต่ายเต้นชมจันทร์
มันบ่เจียมตัวมันตํ่าต้อย
นกยูงหากกระสันถึงเมฆ
มันบ่เจียมตัวน้อยตํ่าเตี้ยเดียรฉาน ฯ
             

ศรีปราชญ์

๏ หะหายกระต่ายเต้นชมแข
สูงส่งสุดตาแลสู่ฟ้า
ระดูฤดีแดสัตว์สู่ กันนา
อย่าว่าเราเจ้าข้าอยู่พื้นดินเดียว ฯ
             

ศรีปราชญ์ทูลเป็นโคลง

๏ ครืนครืนสนั่นพื้นปัถพี
เสียงตะขาบขับตีเร่งร้น
ภูธรธเรศตรีสุรสั่ง เองแฮ
ร้องสําทับช้างต้นเพิดแก้วมาเมือง ฯ
             

นายประตูถามเป็นโคลงศรีปราชญ์ตอบเป็นโคลง

๏ แหวนนี้ท่านได้แต่ใดมา
เจ้าพิภพโลกาท่านให้
๏ ทําซึ่งสิ่งใดนาวานบอก
เราถวายกาพย์โคลงไท้ท่านให้รางวัล ฯ
             

เจ้าเชียงใหม่ถามเป็นโคลงศรีปราชญ์ตอบเป็นโคลง

๏ ศรีเอ๋ยพระเจ้าฮื่อปางใด
ฮื่อเมื่อพระเสด็จไปป่าแก้ว
๏ รังษีบ่สดใสสักหยาด
ดําแต่นอกในแผ้วผ่องเนื้อนพคุณ ฯ
             

ศรีปราชญ์ ๕ บทลงไว้

๏ ไยแม่หิ้วนั้นใช่จะตก
เอาพระกรมาปกดอกไม้
สองมือทาบตีอกครวญใคร่ เห็นนา
หัวยะยิ้มรอยให้พี่เต้าไปหา ฯ
๏ ออกปากไว้แก่เจ้าเป็นสัตย์
ดั่งหนึ่งเหลี่ยมเพชรรัตน์ยอดตั้ง
ขอร่วมภิรมย์สวัสดิ์เสมอชีพ
จงแม่เชื่อเรียมครั้งหนึ่งนี้ลองดู ฯ
๏ ปลอกคําดํ้ามีดเขียวพยุนหาย
ตัวบ่คิดเสียดายแต่ดํ้า
แม้มีที่ซื้อขายของเก่า
ทองแท่งเนื้อเจ็ดนํ้าชั่งให้ฤๅเสมอ ฯ
๏ ธรณีภพนี้เพ่งทิพยาน หนึ่งรา
เราก็ลูกอาจารย์หนึ่งบ้าง
เราผิดท่านประหารเราชอบ
เราบ่ผิดท่านมล้างดาบนี้คืนสนอง ฯ
๏ เจ้าอย่าย้ายคิ้วให้เรียมเหงา
ดูดุจนายพรานเขาล่อเนื้อ
จะยิงก็ยิงเอาอกพี่ราแม่
เจ็บไป่ปานเจ้าเงื้อเงือดแล้วราถอย ฯ
             

พระเยาวราช

๏ เจ้าอย่าย้ายคิ้วชํ่ามเลืองมา
อย่าหมายเมียงหางตาร่อเหล้น
จะมาก็มาราอย่าเหนียว นานเลย
ครั้นพี่มาอย่าเร้นเรียกเจ้าจงมา ฯ
             

พระศรีภูริปรีชา

๏ ยามดึกวิเวกด้วยเสียงนก
เค้าแสรกแถกถาผกกู่ร้อง
ยอกรกอดกับอกออมสวาท
มือตระโบมโลมน้องปากพร้องรับขวัญ ฯ
             

ศรีธนญชัย ๓ บท

๏ มลักเห็นม้าซ้อนเมื่อมันสุข
ล้วนเล่ห์กลยลสนุกใช่น้อย
มาเห็นเมื่อมันคลุกกันอยู่
แหนงจึ่งกลับไปจ้อยแม่เหย้าเรือนตน ฯ
๏ เรียมไห้ชลเนตรถ้วมถึงพรหม
พาหมู่สัตว์จ่อมจมชีพม้วย
พระสุเมรุเปื่อยเป็นตมทบท่าว ลงแฮ
อักนิฐมหาพรหมฉ้วยพี่ไว้จึงคง ฯ
๏ ผิดผีผียั้งละลาเพ
ผิดพระราชโปเลจะข้า
เหนื่อยหนักพักพอเทปะแม่ กระมังนา
พระกฤษฏีกาอ้าท่านไว้ยังไฉน ฯ
             

พระมหาราช

๏ มลักเห็นใบจากเจ้านิรมิตร
เป็นสําเภาไพจิตรแป๊ะโล้
จะลงระวางวิดจวนแก่ อกเอย
แม้นหนุ่มวันนั้นโอ้พี่เพี้ยงเดินสาน ฯ
             

โบราณแต่งไว้ ๑๐ บท

๏ ครืนครืนกลใช่ฟ้าเรียมครวญ
ฝนใช่กลฝนชวนพี่ไว้
ลมก็ใช่ลมหวนใจพี่ หวนนา
ไฟใช่กลไฟไหม้สวาทไหม้ใจเรียม ฯ
๏ วิษณุกฤษณเกล้ากษิรสินธุ์ สมุทแฮ
นิทรปฤษฏางค์นาคินตื่นช้า
ธาดาท่านทฤษฎินดูโลก
เชิญช่วยเล็งทุกข์ข้าราศร้างแรมสมร ฯ
๏ ศุลีตรีเนตรเรื้องเรืองฤทธิ์
พรหเมศแมนสรวงสิทธิสี่เกล้า
เชิญพระบรรทมนิทรเหนือนาค
เสร็จสําราญทุกข์เร้ารุ่งฟ้าดินขจร ฯ
๏ ทรงเพชรประจญแทตย์ท้าวดาวดึงส์
นํานิกรอมรพึงพรั่งพร้อง
ยามาดุสิตอึงอาราธน์
ปรายกุสุมทิพย์ร้องเรียกท้าวชมไชย ฯ
๏ จาตุรมหาราชไท้จตุรทิศ
ยเมศมาราฤทธิ์ข่ายข้อง
พันแสงศศิสถิตโพยมมาศ
วายุพรุณรุทร้องอ่านอ้างชวนเชิญ ฯ
๏ แล่นรถสุริเยศม้าแมนผยอง
คือศิขรเขาทองเฟื่องฟ้อน
ตรีมูลเมฆเรืองรองอรุโณทย์
ควรคือองค์กลิ่นป้อนเปลื่ยนชู้ชิวหา ฯ
๏ พิทยุพยัพเมฆครื้นครวญหาว
พรุณร่วงรินโรยฉาวชุ่มฟ้า
โพยมมาศมืดมัวดาวเดือนดับ ไปแม่
โหยละห้อยขวัญอรอ้าสวาทน้องใครโลม ฯ
๏ บิตุฉาภาสิตเชื้อเขมรมา ก็ดี
เป็นแต่บุตรนัดดาสืบแส้
นานนานจึ่งเจรจาเต็มคิด พระเอย
เสียมิทําจําแล้พี่เพี้ยงมีคุณ ฯ
๏ สี่หน้าบบ่ายหน้าดูดิน
ตรีเนตรลืมแลถวิลแหล่งหล้า
นารายณ์บรรทมสินธุ์์นานตื่น
สองโศกสามเจ้าฟ้าบ่เอื้ออาดูร ฯ
๏ นพบุรีบุเรศเจ้าสุดเจียว
ยังแต่พิภพเดียวดอกฟ้า
แสนโกฏิจักมาเยียวหยากเยื่อ
ทรงพระไตรรัตนรุ่งหล้าเลิศลํ้าเลอสวรรค์ ฯ
             

เจ้าฟ้าอภัย ๒๕ บท

พระนาคท่าทรายแต่นี้ไป ๒๒ บท

ทวาทศมาศฉบับใหญ่ ๘ บท

๏ ศรีสวัสดิวิเศษไท้จักรี
พระบาทพระศรีทูลท่ามเกล้า
บงกชกึ่งนาภีพูลช่อ
กมลาสจอมฟ้าเจ้าเกิดขึ้นแจกบัว ฯ
๏ พรหมาแสงหล่อเหลื้อมพรหมาน
พรหมวิทธิชั่วพรหมอื่นอ้อย
กามาพจรการกาเมศ
กามหากเป็นช่อช้อยช่องกาม ฯ
๏ อมราอมเรศไท้อมรินทร์
สองยํ่ายามยวนรสแห่งห้า
วิลาสนีนิลนองโลก
สมสนุกนิเหล้นหล้าชื่นสอง ฯ
๏ จักรพรรดิยศโยคเจ้าจักรวาฬ
บุญพ่อผยองจักรรัตน์ผ่านแผ้ว
แสนกระษัตริย์ประนมมาลย์มูลธาตุ
โอนมกุฏเก้าแก้วจอดจร ฯ
๏ ดวงเดียวหอมยิ่งสร้อยโสฬศ
สงวนจุมเพรางายกลืนกลิ่นไว้
ดวงเดียวดุจบงกชตรูโลก
สงวนชูชมบให้หม่นหมอง ฯ
๏ ฤดูหล้าเล่นเหว้าใจหาย
อกพี่ปลิวกลวางว่าวขึ้น
สายทรุงสืบสายทรวงเสียวสวาท
ครรภ์เคร่งชักฟื้นยั้งย่องโดย ฯ
๏ สายโคมสาวลากขึ้นแขวนใจ
ถนัดดั่งกังหันหันพี่ด้วย
กลใจเมื่อใจหายหาแม่ คืนแม่
อกหนึ่งใจท้วยได้พี่ด้วยใจหา ฯ
๏ พี่วงวนน้องน้อยแต่เตียมพงา แม่เอย
บห่อนเอองค์ครองกอดเกื้อ
ประมาณกึ่งเกศาฤๅห่าง เรียมเลย
เนื้อพี่เนื้อน้องเนื้อแนบเนื้อคือเดียว ฯ
             

พระนาค

๏ มาถึงบ้านพิศพื้นพรรณผัก
เถาถั่วแตงแฟงฟักฟ่ายเฟื้อย
งางอกดอกคําปักเปนช่อ
เข้าฟ่างซ่างรวงเรื้อยป่านเปื้อนปนกระเจา ฯ
๏ สามเล่มราเมศไท้สังหร
แม่ก็ทรงสามศรเปรียบท้าว
ท่านผลาญอสุรมรณ์ลาญชีพ
เจ้าก็ผลาญชายอกร้าวมอดม้วยดูเสมอ ฯ
๏ ศรเนตรเสียบเนตรค้นคมขัน
ศรสําเนียงตรึงกรรณส่งซํ้า
ศรโฉมแม่ยิงยันยายาก
ต้องผู้ใดอกชํ้าเฉกท้าวสาดศร ฯ
๏ สองไทธทรงสุขวสันต์ศิวสิทธเสด็จดล
ในโนทยานนิกรกลก็พิพิธพิศเพียร
๏ เมิลมังคลาธิกธิคุณสดรุณดราเชียร
ชมพฤกษพลาลรุขรเมียลมลเมฆบดบัง
๏ อังกขสราทิกรกงกรกรรทยวดบัง
เยาโยทิกาพิกุลกังสรพินทอบองค์
๏ คนธาสุมาสมลมาลยวิวิธอัศวง
สาโขปรมาบวรบงกชรัตนพรายโพยม
๏ เศวโตตมางควรเวควิเลขซรูโซรม
บทบังทิฆัมพรวิโลมนุกุสุมพัตรา
๏ รัชฎางคณานคลไนสวิไลยเลขา
เศวตรังสุมังสุรสลาธรทิพมาลี
๏ รุกขรักตรการกลตรกูนุตรโกวิลันที
ปรางทรางลชกรุกขกนีถิรทรรทโสดโสดม
๏ เฟืองฟองทลองนุลทลอกแลตรบอกตรแบกโทรม
ทรุดบุษปมาพิกิณโจมจิตรเทพหฤหรรษ์
๏ สาใสวิสุทธสุวิสารสวิสุทธิจวงจันทน์
เจียรใจคณานิกรสรรคสฤทธิกฤษณา ฯ
             

กรนารายณ์โบราณแต่ง

๏ ศรี ศรรอญราพล้มฤๅ ไชย
พ่อ ประสิทธิฤทธิไกรแก่ แก้ว
มา กรุงรุ่งเรืองไตรภพ เล่า
แล ประเสริฐเลิศแล้วโลกย์ลํ้านา นา
             

กรนารายณ์พญาตรังแต่ง

๏ ศรี ทรงศรีสมรรถเรื้องเรือง ไชย
พ่อ แข่งสรมุขไวกิ่ง แก้ว
มา ครุฑถัดเหมไกรสร เล่า
แล แห่แลเจ้าแคล้วเคล่านํ้าไนย นา
             

นารายณ์กางกรโบราณแต่ง

๏ วัด วรนิเวศเรื้อรัง เสือ
ไป ตัดมัดหวายเหลือค่า คู้
บาง บึงรกแฝกเฝือเป็น ป่า
หา แห่งตําแหน่งรู้เรียกท้องนา ยาง
             

พญาตรังแต่งนารายณ์กางกรไว้ ๖ บทลงไป

๏ วัด ทางสองไร่ถ้วนถึง เสือ
ไป ฟุบพุ่มแฝงเฝือแฝก คู้
บาง ใต้จะหลบเหนือติด ป่า
หา นุชพบเสือสู้หว่างไม้รัง ยาง
๏ วัด ข่ายกะที่ล้อมจับ เสือ
ไป ครุบกัดนายเหลือแหล่ง คู้
บาง แคบคับลําเรือริม ป่า
หา ซากพบพึงรู้ว่าม้วยโคน ยาง
๏ จาก สมรเสมอเรืองร้างมัน หยา
เพียง พี่นุชเดียงสาสู่ ชู้
หมาง สมานสุรสุดาดาล เหตุ
เพศ ประพฤติราศรู้รสแจ้งกล นาง
๏ เรือ โดนเรือขวํ้าที่ตวง เกลือ
ฟาก พี่จอดคิดเจือเจ็บ หล้ม
ขวาง ลอยติดครึมเครือทิว ท่า
นา เวศเวียนคือต้มแม่หว้ายวน นาง
๏ เรือ น้องหลีกแม่ค้าฝืน เกลือ
ฟาก ฝั่งสวนทิศเหนือหนัก หล้ม
ขวาง ต้นกิ่งตาเสือริม ท่า
นา แม่มาอย่าก้มพักตร์ให้เลย นาง
๏ เรือ ฟางตะพุ่มหญ้าปลา เกลือ
ฟาก ชเลอัดเฝือฝั่ง หล้ม
ขวาง ทับแม่ลงเหลือหลาย ท่า
นา เนกเปรี้ยวหวานส้มรอดบ้างฤๅ นาง
             

กระทู้ยี่สิบโบราณแต่งไว้

๏ พี่ พบ รัก ชู้ ช่างวิงวอน
เย้า สวาท ครวญ คนึง นอนแนบน้อง
เจ้า คลาศ ป่วน ถึง สมรเสมอชีพ เรียมนา
หลบ พักตร์ อยู่ นาง ข้องคึ่งแค้นฤๅไฉน ฯ
             

โคลงกระทู้พระราชนิพนธ์

๏ เสีย พ่อจักสู่โพ้นจงภักดิ์
ได้ อื่นเกลือกบ่รักลูกแก้ว
ไว้ ต่างฤไทยจักษุพ่อ สงวนนา
ดี และร้ายตีแล้วด่าเล้าโลมสอน ฯ
             

พระเจ้าล้านช้างตอบพระราชนิพนธ์

๏ เสีย พระบิตุเรศเจ้ามาครอง
ได้ แต่เดียวฤๅปองอื่นอ้าง
ไว้ เป็นปิ่นเมืองสองเสมอชีพ
ดี เรกกรุงล้านช้างแต่นี้สมบูรณ์ ฯ
             

โคลงกระทู้ศรีปราชญ์

๏ จก จักโกรธเคียดขึ้งหวงแหน
จี้ จํ้ารําคาญแสนบ่นบ้า
รี้ พลทั่วดินแดนนอนแม่ ยังเลย
ไร รํ่าทุกเส้นหญ้าบ่นให้ใครฟัง ฯ
๏ ทะ เลแม่ว่าห้วยเรียมฟัง
ลุ่ม ว่าดอนเรียมหวังว่าด้วย
ปุ่ม เปือกว่าปการังเรียมร่วม ความแม่
ปู ว่าหอยแม้กล้วยว่ากล้ายเรียมตาม ฯ
             

พญาตรังแต่งโคลงกระทู้ ๑๗ บทลงไว้

๏ หน้า ชมสมรเอกอ้างอุดร ทวีปเอย
อ่อน ระทวยทอดกรกรีดเยื้อง
ท่อน ทองทิพยอัปสรเศกแม่ มาฤๅ
จันทร หมดเมฆเปลื้องเปลี่ยนไว้พักตร์โฉม ฯ
๏ หน้า น้องวางแว่นแม้นเมียงฉาย
ใย ธุลีลอบกลายเกลื่อนกลํ้า
ไข่ มุขมาศเรือนสลายสอดเนตร เรียมเอย
ปอก กลีบบัวเคียงกํ้ากึ่งแก้มนางหมอง ฯ
๏ หน้า พิศผิวพักตร์เจ้าเจิมอยุธ เยศแฮ
ใย ละอองโกมุทเมื่อแย้ม
ไข่ หงส์กรเวกครุฑเพลิงลวก แล้วเอย
ปอก ไป่ปานนวลแก้มก่องเนื้องามสลวย ฯ
๏ คุก คําฮือฮื้อพี่หึงหวง ใดฤๅ
คัก ค่อยพจนาพวงภู่ฟ้า
กุก เคาะนุชใดปวงมาแม่
กัก แต่กันใจคว้าพี่ไว้ชมเดียว ฯ
๏ ทุ รนอุระร้อนลําเค็ญ แม่เอย
สุ ริยาพลบเรียมเห็นแต่ห้อง
มุ เมิลมุ่งแลเย็นใจวาก แล้วแฮ
ดุ ริยางค์เยือกเสียงฆ้องคํ่าแล้วเรียมครวญ ฯ
๏ ทุ เรศถิ่นแล่นก้าวขัดลม
กัง กระแทกเกาะจมจ่อมม้วย
มัง กรหมู่ปลาระดมฟัดกัด กินแฮ
กง ก็หลุดลอยด้วยรอดด้วยสัดจอง ฯ
๏ ดู รศรีสวัสดิเจ้าจําเริญ ใจเอย
งาม เงื่อนจันทรเดินเด่นฟ้า
ขาม ไยนุชเร็วเชิญมาแม่ ราแม่
คม คู่นิลเนตรถ้าเนตรน้องคมงาม ฯ
๏ ดู รดวงสมรเพ่งเพี้ยงเพ็ญจันทร์ แจ่มแฮ
งาม ศศิธรสรรค์ส่งส้อง
ขาม โฉมแข่งทิพยวรรโณภาส ราแม่
คม คู่นิลเนตรน้องหนึ่งฟ้าคนองสาย ฯ
๏ ดู นางบรเมศไท้ทัดจันทร์ ก็ดี
งาม สุเรนทรสรวงสรรค์สี่หน้า
ขาม องค์อรเอววัลเวียนวาด รูปเฮย
คม สิบหกห้องฟ้าฝากไว้ในสมร ฯ
๏ ดู ในนัคเรศสิ้นสนมนาง แล้วเจ้า
งาม ระหงทรงบางแบบนั้น
ขาม ขามแต่ในปรางประเทียบ ทิพย์เอย
คม ประเหลหกชั้นเช่นน้องสุดหา ฯ
๏ ดู เกษียรวาเรศเวิ้งวาริน
งาม นาถนิทราสินธุ์แท่นนํ้า
ขาม จอมจักรปาณินทร์นอนแนบ อรเอย
คม พระกรกอดกํ้ากึ่งแก้วเรียมถนอม ฯ
๏ ดู รโฉมสมรแม่เนื้อสองสี
งาม ตระแน่วนาภีพี่ดิ้น
ขาม รักรสมาลีลาพโลก ควรฤๅ
คม จะปานปากริ้นร่อยชํ้าชายขนง ฯ
๏ ดู รุดูระเหง้าสุดา เจียวแม่
งาม ระหว่างเวลาชุ่มชื้น
ขาม พางทิพยรัสาสังวาส นางเอย
คม รักรสเรียมอื้นโอษฐ์น้อมความถนอม ฯ
๏ ถ นัดแล้วพี่จึ่งแจ้งความสมร แม่นา
ไหล เลื่อนกลใบบอนหยาดนํ้า
ไถ หักเหตุโคคอนแอกวิ่ง นางเอย
เลน จะพาเจ้าคลํ้าเพื่อพื้นดินสวน ฯ
๏ ถ วิลวันเรียมเริ่มซ้อมคํานง แน่งเอย
ไหล เลื่อนวิจิตรงวยงงง่วงน้อง
ไถ เถียงว่างอนธงรถราช นาแม่
เลน ว่าทรายไป่ต้องต่อต้านคําโฉม ฯ
๏ ถ ลําลงในท้องท่าวังวน
ไหล ฟัดคุ้งแถกตนเสือกหว้าย
ไถ โคลนอยู่จวบจนเย็นมิ่ง กูเอย
เลน จะฝังพี่ย้ายย่างเท้าฤๅไหว ฯ
๏ ถ เมิลโคแรกทุ่งนํ้านองพะ
ไหล พัดคันนาหวะแหวกหวิ้น
ไถ ตกจากมือพระพลเทพ ท่านแฮ
เลน ลื่นล้มด่าวดิ้นที่ท้องนาขวัญ ฯ
             

กาพย์เห่เรือ

๏ เสนาะสนั่นพิณพาทย์ก้องกาหล
เพียงสมุทคลั่งวนคลื่นคลุ้ม
สอดส่ายพักตรายลเยาวรูป
เห็นแต่เรือรายกลุ้มเกลื่อนหน้าพลพาย ฯ
๏ กาหลดนตรีก้องกลองโยนร้องซ้องแตรงอน
ปานเสียงสําเนียงสมรขับกล่อมพี่ที่ไสยา
๏ โดยเสด็จเด็ดดวงสวาทแรมนิราสคลาศพักตรา
ปานนี้แก้วพี่อานอนฤๅนั่งตั้งตาคอย
๏ อยู่เดียวเปลี่ยวใจเศร้าคิดถึงเจ้าเปล่าใจถอย
เสียดายวายรักร้อยชั่งเรียมเอยไม่เคยไกล ฯ
๏ งามงอนกิ่งกาบแก้วแกมศรี
เลื่อนชลาลอยลีลาศคล้อย
เฉกโฉมมิ่งสัตรีตรูเนตร เรียมเอย
งอนชําเลืองคมช้อยเนตรให้เรียมสงวน ฯ
๏ งามพริ้งกิ่งแก้วสบัดพลพายซัดกวัดกรกราย
ดั่งกรช้อนกอดสายสุดรักแนบแอบอิงองค์
๏ เจ็บจากพรากเจ็บจิตรเพียงปืนพิษติดทรวงลง
ยาใดใครจักจงไม่ยาเท่าเจ้ายาใจ
๏ โฉมแกล้งแปลงรูปมาแต่ตาพี่นี้ฤๅไฉน
วันหนึ่งพึ่งจากไปไกลนุชน้อยร้อยปีตรอม
๏ ร้อนแรงแสงสุริยาไฟไหม้ป่าหญ้าฟางลอม
ไม่ร้อนถอนใจผอมเพียงจากเจ้าเฝ้าอาดูร ฯ
๏ เห็นหงศ์นาเวศฟ้อนฟองสินธุ์
งามดั่งหงส์มุจลินท์แหวกหว้าย
ลําทองท่องวารินรวนเห่
ดูดําเนินหงส์คล้ายแม่คล้ายหงส์จร ฯ
๏ เห็นหงส์ส่งภู่แก้วแกมมาศแววแพร้วไพรทอง
เหมือนดวงพวงกลิ่นกรองน้องร้อยเรียงเคียงแนบเขนย
๏ ยามนอนจักวอนใครเอามาไลยให้ชูเชย
นวลเจ้าคู่เคล้าเอยเคยเย้ยเล่นเป็นที่สรวล
๏ ร้อยหน้าพันหน้าสนุกหน้าที่ทุกข์ฉุกใจครวญ
ท่านสุขปลุกสํารวลเรียมชวนใจให้โศกศัลย์
๏ แม้ว่ามาด้วยพี่จะริกรี่ชี้รําพรรณ
น้อยจิตรคิดไม่ทันละขวัญไว้ไม่ชวนมา ฯ
๏ เรือครุฑคือครุฑอุ้มโอบองค์
โฉมนาฏกากีหลงเล่ห์ชู้
ยิ่งคิดยิ่งพิศวงถึงเสน่ห์
เกรงจะลอบให้ผู้อื่นนั้นเชยโฉม ฯ
๏ เห็นครุฑยุดนาคคั้นนาคีฝั้นพันปลายกร
เรียมแอบแนบนวลนอนกรกระหวัดรัดรึงนาง
๏ แลเล็บเจ็บครุฑยุดเล่ห์เล็บนุชสุดคมบาง
เจ็บเล็บเจ็บฤๅครางเจ็บพี่ร้างนางเหลือทน
๏ ทุกครั้งคั่งทรวงแค้นไม่หนักแน่นแสนเจ็บจน
เชยชื่นอื่นร้อยคนไม่เทียมเท่าเจ้าดวงใจ
๏ ร้อยชั่งชั่งความรักที่สุดหนักหนักสิ่งใด
แผ่นภพจบแดนไตรเห็นไม่หนักเท่ารักนวล ฯ
๏ สมรรถไชยสรมุขลํ้าลําทรง
ศรีพิมานมาศผจงแจ่มนํ้า
เหมือนนวลพักตร์นุชสงผิวผ่อง
วันเมื่อจากชายชํ้าชอกด้วยกรรแสง ฯ
๏ ธงชายปลายแกว่งกวัดโบกสบัดนัดโยธี
เหมือนกรอรนารีเจ้าพัดพี่ที่ไสยา
๏ คันธงตรงแน่แน่วก็เห็นแล้วแก้วพี่อา
คํามั่นอันสัญญาถ้าคงคําจะขําคม
๏ เสียดายหมายโกเมศประเวศไว้ให้แรมสม
ภมรจะว่อนชมฤๅจมนํ้าอยู่รํ่าไร
๏ รับขวัญพลันสั่งซํ้าทุกถํ้าท่าชลาไหล
แม้นขวัญนั้นตกใจให้รับขวัญเจ้าพลันคืน ฯ
๏ อนงค์ลําประพาสเพี้ยงสาวสวรรค์
แลนาฏลืมคิดขวัญเนตรน้อง
คิดเจ้าพี่ลืมผันพิศนาฏ
งามบ่แปลกเปลี่ยนต้องแห่งห้ารสเกษม ฯ
๏ อนงค์ทรงประพาสห่มเจียรบาดตาดปักทอง
นุ่งเกี้ยวเขียวแสดตองแต่งต้องสีที่ม่ายเมียง
๏ นุ่งยกทองท้องแย่งสอดสีแดงแกล้งบนเฉียง
ริ้วหัศวรีเรียงเคียงเขมราฐตาดเงินยวง
๏ เพชรยอดสอดประดับแสงระยับรับรุ้งรวง
นพรัตน์จัดเจิมดวงรังแตนพร้อยย้อยพรายพราย
๏ แหวนงูชูมรกฏงามที่พตชดเกล็ดจาย
เขียววับจับสีกายสายเขียวพลอยก้อยนางทรง ฯ
๏ ถึงที่ประทับไท้ธารฉนวน
เสด็จจากนาวาขบวนพยู่ห์นํ้า
พระปิ่นมกุฏควรเฉลิมบาท
ทรงพระยศยิ่งลํ้าเลิศด้วยคุณธรรม ฯ
             

ชื่อว่ากระทู้เสือซ่อนเล็บ

๏ คํา โคลงเหมาะบทที่สี่ให้
หม่อม อ่านสารศรีเสาะแต่งดู เอกโท
พร้อม ไพถ้วนถี่กล่าวราวรู้
เพราะ พรั่งทังพินธุได้เรื่อง ฯ
             

กระทู้ต่อ ๒ บท

๏ โก สินทรบรเมศไท้ทัดจันทร์
วา ยุพรุณรังสรรค์แจ่มเจ้า
ปา นี้อมรคัลยเมศ กูเอย
เปิด บัญชรให้เต้ายาตรฟ้ามาดิน ฯ
๏ ขัด ลงในท้องท่าวังวน
ช้อน เร่งกางขาคนเร่งเน้น
ซ้อน สบสลิดปนปลาช่อน กูเอย
ปลา ตื่นวังขังเต้นตอบต้องปลาเอง ฯ
             

ที่มา

[www.geocities.com/bot_kawee ร้อยรสบทกวี]

เครื่องมือส่วนตัว