โคลงนิราศนครสวรรค์

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == {{เรียงลำดับ|คลโงนิราศนครสวรรค…')

รุ่นปัจจุบันของ 16:34, 24 สิงหาคม 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: พระศรีมโหสถ

บทประพันธ์

๏ ศรีสิทธิวิจิตรสกนธ์ พิมลพิมตประณตประนม บังคมอัญชลี ตรีนรเทพผู้ห้าวท้าวผู้หาญ เรืองฤทธิชาญไชยเดช อันวิเศษวิศาล ถ้วนสบสถานตรศักดิ จงบริรักษ์ช่วยชี้ ทศทิศทางใดผิวงายไซร้ จะได้เห็น ขอเป็นที่กางที่กั้น กลฉัตรตั้งร่มเกษี ศัลยแสนทวีหมื่น ไหม้จากอยุทธยาให้ ที่พึ่งพูนเกษม ฯ

๏ ขอเป็นปราโมชถ้วนหญิงชาย
เหลือแหล่เดินโดยสายน่านน้ำ
จรตามพระนารายณ์จอมโลก
ทุกเทพจงชูค้ำช่วยให้สถาพร ฯ
๏ รอนรอนสุริเยศได้ยามศรี
ยุรยาตรนาวาลีลาศเต้า
คลายสถานพิมานตรีมุขมาศ พระนา
ถึงท่าคัลคัลเจ้าแผ่นหล้าเสวยรมย์ ฯ
๏ไพชยนต์ปราสาทแก้วกรองสนท์
มุขเอี่ยมบัญชรถกลกลีบก้าน
ทิศทายพิธีบนบังเมฆ
แสงจำรูญเรืองต้านต่อด้วยแสงสูรย์ ฯ
๏ ตรีมุขตรงนาคช้วยแททวย
บัญชรบราลีชวยช่อฟ้า
โรงธารคำนันนวยเนืองเนก
พิศพระลานล้ำหน้าแว่นแก้วแสงใส ฯ
๏ ชั้นสิงหโสภาคยชั้นฉานคลี
สิงหชำนันนนทรีเถ่อหน้า
พิศเพียรพ่างโกษีสุรโลก
สมสมภารล้นหน้าเลิศล้ำสากล ฯ
๏ มนเทียรทเถือกแก้วแถวทงัน
งามเงื่อนแมนมาสรรค์แต่งตั้ง
วิหารสมเด็จอันโอภาส
ทุกทั่วชนยลยั้งอยู่เพี้ยงพิศวง ฯ
๏ สรรเพชญปราสาทต้านหาวหน
ชวยโชติพรายอำพลเพริศแพร้ว
มกุฎพิมานพณฑริเทพ เทียมฤๅ
เรียงเรียบโรงคชแก้วถี่ถ้วนงามสม ฯ
๏ สมภารสมโพธิเกล้าศศิสินธุ์
เสด็จดำรงธรณินทร์เฟื่องฟ้า
คชสารย่อมหัสดินทร์ดูยิ่ง
เป็นธำรงค์ฤทธิอฆ้าเข่นพ้องไพรี ฯ
๏ สินธพคือพาหม้ามารุต
รถเมลืองเรืองธุชเปล่าเปลื้อง
แสนสรรพสาตราวุธไวแวก
เขม็งหมู่โยธาเรื้องรวดเร้าสงคราม ฯ
๏ พิศวังเวียงราชล้ำแมนสรรค์
สุขสมบูรณ์ไอศวรรย์เพียบพ้น
สมภารพิศาลธรรมิกราช
จรรโจษพลเพี้ยงข้นโยกย้ายเมรุเอน ฯ
๏ อรรณพอเนกล้วนนาวา
งามลวดลายเลขากิ่งก้อม
โสภาพิมานนาวันราช
ยัลยาบโพลงพรายพร้อมเพริดแพร้วพัฬเหา ฯ
๏ พรายพรายครุธพ่าห์เพี้ยงครุธพิศณุ์
เลื่อมเลื่อมกลนฤมิตเลิศแล้ว
คือพระนารายณ์ฤทธิ์เรืองเดช
เสด็จดำเนินมาแผ้วเผ่าผู้อาธรรม ฯ
๏ เหมหงส์โสภาคยพ้นคณนา
เพียงพ่าหนพรหมมินทราท่านไท้
เสด็จดลแผ่นภูอาดูลโลก
เห็นหากขวัญตาให้โลกเหลื้องสรรเสริญ ฯ
๏ ไกรสรมุขมาศขึ้นเขจร
ผายผาดกลไกรสรผาดผ้าย
ฝ่ายขวารวดเร็วอรโอภาส
ศรีสมรรถไชยคล้ายคลาดเต้นตามชล ฯ
๏ ไกรจักรรัตนราชเรื้องรังสรรค์
เปลวเปล่งดูพรายพรรณกิ่งแก้ว
สามรรถพิเชยขันลำแข่ง
ศรีพิมานไชยแล้วเลิศด้วยทองเฉลา ฯ
๏ ไกรสรจักรแล่นล้ำฤๅหวิว
สรรพรหมไชยไหวปลิวปลาบเปลื้อง
ไกรสรมาศลมลิวเร็วรวด ปานนา
เสี้ยนศัตรูลือเหลื้องสั่นเกล้าแสยงขน ฯ
๏ พิไชยประเสริฐล้วนไชยศรี
มุขมาศลายวรรณวีลาศไส้
เกิดเกษมสำราญดีใจโลก
เรือแลลำตีไว้เปรียบข้าเมืองควร ฯ
๏ นานาอเนกล้วนนาวา
งามเลิศแลเห็นหายากแท้
นารายณ์เสด็จแสดงมาครองโลก
ท้าวทั้งไกรภพแพ้แพ่วฟ้าดินขจร ฯ
๏ เสร็จแถลงยศเจ้าแผ่นธรณินทร์
แล้วค่อยคลาโดยสินธุ์คล่ายคล้าย
โดยเสด็จพระภูมินทร์ยุรยาตร
ยังนครสวรรค์ผ้ายผาดเต้าตามชล ฯ
๏ แถวสถลชลมารคคล้อยธารไหล
คิดคำนึงนึกในสวาทช้ำ
เล็งแลมุ่งเมิลไกลลิวโลด
เรือรี่โดยแนวน้ำพรึบพร้อมไคลคลา ฯ
๏ ลุถึงพะเนียดช้างสาวสรรค์
เอาแต่ตัวตรูมันโอบอ้อม
นำมาสู่ซองกรรกงเขื่อน ขันนา
เสด็จออกเอาพลล้อมลากเข้าโรงรมย์ ฯ
๏ ดลบ้านไทยใหญ่น้ำนองชล เชี่ยวแฮ
ยลย่อมพานิชสนเสียดซ้อง
คิดครวญร่ำจวนจนใจเดือด แดนา
กี่เมื่อเลยจะหล้องลาดเข้าคืนเวียง ฯ
๏ วัดพระงามเงื่อนเพี้ยงแมนสรรค์
งามรูปปฏิมาพรรณรุ่งเร้า
ถวายวันทนอันปราโมช แล้วแฮ
ขอจงพลันคืนเข้าสู่บ้านเมืองหลวง ฯ
๏ ไคลคลานาเวศใกล้ทรายมี มากนา
เกาะราชเทพีศรีชื่อไซร้
ถนัดกลเทพีเพ็ญภาคย์ งามแฮ
มาเพื่อโลมลวงให้หน่วงหน้านานถึง ฯ
๏ สัดจรเลอทุ่งถ้องทางไป เปล่าแฮ
เห็นแต่แฝกแขมใบค่าค้อม
ราตรีสว่างแสงใสโสภาคย เดือนนา
ลมระรวยชวยอ้อมโอบเนื้อเสียวสมร ฯ
๏ ลุบางลางน้ำเชี่ยวใจหมาง
เจ็บจรเทินมรกลางสวาทช้ำ
บางลางบเห็นลางใดหนึ่ง เลยนา
สิจะคืนพลันช้ำใคร่รู้โดยถวิล ฯ
๏ เยียมาดลด่านด้าวแดนไพร
วังซื่อแสงกแสงใจขุ่นขั้ง
นึกวังราชมีในนัคเรศ พูนแฮ
ราเมศมานฤมิตตั้งแต่งไว้เป็นเฉลิม ฯ
๏ ถึงตำบลบ้านป่าในนาม
บ้านนอกดูมูมมามหม่นเศร้า
เรือนรกห่อนฤๅงามสักหยาด
เป็นคอกโคควายเข้าเปลือกปล้อมลอมฟาง ฯ
๏ ปากน้ำพระสพซึ้งสัญญา
ถึงจะรีบจวนเวลาค่ำคลุ้ม
พระสพแต่บูรพามาอยู่ ไซร้นา
ขอเดชพระมาคุ้มโทษแท้จงเกษม ฯ
๏ สุริโยโทเยศแล้วแสงใส สว่างนา
ยุรยาตราคลาไคลไต่เต้า
ลัดทางช่องชลไหลทิวทุ่ง ไปแฮ
ลมลลิ่วฉิวเช้าฉ่ำเนื้อนวลสมร ฯ
๏ บัวขมบัวเผื่อนพร้อมสลับสลอน
นิลุบลบานขจรกลิ่นเกลี้ยง
แพงพวยระทวยอ่อนโอนยอด ยังแฮ
เล็งลมานล้วนเลี้ยงลูกเรื้อรวงงาม ฯ
๏ ลีลาศคลาดเคลื่อนคล้อยถึงตรนิม
วัดรุ่งเรืองพุทธพิมพ์มาศไซร้
ยอกรประนมจิมจอมเกษ แลนา
ตรนิมตรนักบ้านได้สู่ด้าวแดนสวรรค์ ฯ
๏ ถึงละหารสังไม้มากพึงชม
กรายใกล้อารามสมณ์แต่งตั้ง
โพพรายพรรณรายรมย์รมเยศ เย็นแฮ
เป็นที่อาศัยยั้งอยู่ให้หายศัลย์ ฯ
๏ ลุถึงทิวไม้หมู่แสกหนา
เรียกบ้านขวางแนวนาไร่ร้าง
ถนัดดุจดั่งดลมาขวางที่ ทางนา
ไปป่วยวันคืนค้างอยู่ด้วยฤๅไฉน ฯ
๏ ยกไปไคลคลาดบ้านรีโดย ดายแฮ
เห็นป่ากรังเรียมโหยสวาทไหม้
ถนัดดลดั่งกรโกรยกรายเรียก ไซร้นา
ฉงนอยู่เยียจักให้หยุดยั้งเสวยรมย์ ฯ
๏ นกทุงค่อยล่องท้องชลไหล
ยางเจ่าคอยมัจฉในเถื่อนถุ้ง
กาน้ำเหยี่ยวเวียรไวหาเหยื่อ ไซร้นา
จิบจาบจอแจหยุ้งร่อนร้องโผผาย ฯ
๏ ลุถึงปากน้ำชื่อคำทอง
น้ำป่วนปึงเป็นฟองคว่างคว้าง
แลลาญรำจวนสยองพึงพิศ
รีบเร่งพลพายขว้างน่านน้ำนองสินธุ์ ฯ
๏ ดลแด่นบางว่าไม้มีพรรณ มากแฮ
ดูระทวยนวยวัลโอบไม้
กลกรเจียรแจ่มจันทร์รัดรวบ เอวนา
บางว่าวานว่าให้อย่าช้าถึงเมือง ฯ
๏ คล้ายคล้ายลีลาศน้ำไหลหลาม หลั่งนา
ถึงบ้านหอมเรือนงามเงื่อนแต้ม
เรือนเขารวดเรียงตามริมหลิ่ง ไปแฮ
หอมดุจหอมกลิ่นแก้มนิ่มเนื้อนวลศรี ฯ
๏ เห็นวัดงิ้วพ่างเพี้ยงพรหมมาน แต่งนา
ม่วงมากมีในสถานที่นั้น
งิ้วงามงอกใบบานโอภาส พรายแฮ
ดุจฉัตรไชยกางกั้นอาสนเจ้าไอศูรย์ ฯ
๏ พิศโพไพโรจนต้นสูงศักดิ์
เป็นที่เทพารักษ์อยู่ยั้ง
ใจจงจำนงภักดิ์บัวบาท พระนา
ขอเดชพระมากั้งก่อให้เสวยรมย์ ฯ
๏ นาวาลุล่วงด้าววังแมว
วัดเปลี่ยวดูเป็นแถวถ่องไม้
ปรีดาภิรมย์แนวพฤกษโพธิ์
เหมือนดั่งวังเวียงไท้ธิราชเรื้องสมภาร ฯ
๏ บัดถึงจรเข้ร้องเรือนเขา มากนา
อ้อยงอกงามลำเปลาส่งปล้อง
สวนศรีตระการเอาใจชื่น ชมแฮ
จรเข้ร้องคือร้องฮ่ามให้คืนหลัง ฯ
๏ บัดดลตำบลด้าวแดนไชว
ลิงโลดมาทางไกลเดี่ยวน้ำ
ป่าดงใช่สถานในเมืองมิ่ง พูนนา
เห็นถิ่นเขาคิดคล้ำถิ่นถี้อาศัย ฯ
๏ ถึงสเกษพ่างเพี้ยงเยาวมาลย์
ลงแช่ชลในสถานที่นี้
สรงสยายทรส่ายสนานวรเกษ งามนา
คอยเกลือกเกษาผี้หล่นแล้วลอยถึง ฯ
๏ ลุบางพลุกไม้ไล่สยมสยาย อยู่แฮ
สวนราษฎรงามดวงพรายช่อช้อย
บางพลุกพล่านพลุกหายใจใหญ่ แลนา
เล็งลลุงเศร้าสร้อยคลาดแคล้วทางวัน ฯ
๏ ถึงไชโยล้วนแฝกแขมหนา หนั่นนา
น้ำสุดโดยคณนาถ่อถิ้ม
ไชโยจงไคลคลาไชยเยศ มีนา
ภัยสิ่งใดมาปิ้มแป่มข้าจงหาย ฯ
๏ แสงโสมใสสว่างถั้วเวหา
เรือดำเนินไคลคลาคล่าวน้ำ
ถึงวัดพระงามนาวาจอด แลนา
วัดพระงามงามล้ำเลิศแท้งามสม ฯ
๏ สาวรักสาวเรียกเข้าสุขรมย์
ให้สว่างความเกรียมกรมสวาทไหม้
แลสาวบมีสมสูญเปล่า ไซร้นา
สาวแต่สมญาให้ยั่วเย้ายวนสมร ฯ
๏ เห็นบ้านแป้งเพียงแป้งนวลนาง
ผัดแผ่นประจงพักตร์พลางยั่วยิ้ม
พิศพฤกษ์เห็นกลกางกรเรียก ไปฤๅ
ใจรำจวนคิดปิ้มวากเว้เรือหา ฯ
๏ ยลยูงรำฟ้อนคู่เคียงสม อยู่นา
แขกเต้าฟังสุขรมย์ร่อนร้อง
เขาไฟคัลไลชมเชยหมู่ กันแฮ
เอี้ยงแอ่นลมลมต้องต่อต้านหาวหน ฯ
๏ ลีลาจรหล่ำแล้วถึงชลอน
พิศท่าทางพนจรร่มรื้น
อุทยานพิศาลสลอนพฤกษชาติ
ชลอนลับกันเป็นพื้นไร่สร้อยสวนศรี ฯ
๏ น้ำใสสุทธิ์คล้ายเชี่ยวชลปึง ปรี่มา
เซาะซอกธารบางบึงหลั่งหลู้
ปลาเลาปลาหลดลึงลอยล่อง
ช่อนชวาดแชวงแมลงภู่พ่นน้ำขจุยขจาย ฯ
๏ เล็งแลลิงโลดไม้ไปมา
ฉวยฉีกใบพฤกษาย่ามย้ำ
ปักษีส่งเสียงหาเมียงม่าย กันนา
ค่างแล่นเล็มกลืนกล้ำลูกไม้พยามพยาม ฯ
๏ ถึงทิวงิ้วเงื่อนงอกแถวถงัน อยู่นา
ป่าสงัดเสียงสัตว์อันรี่ร้อง
ใจจลกระมลศัลย์ลิงโลด ใจนา
คิดคราครวญขัดข้องขุ่นแค้นคนึงใน ฯ
๏ ถึงแนวนองน้ำหลั่งไหลมา เชี่ยวแฮ
เรียกชื่อบางพุดทราที่นั้น
ราตรีมืดมรรคายลยาก ใจนา
เรือเร่งพายทรั้นถรั้นคึ่นน้ำลาญสมร ฯ
๏ เดินโดยชลมารคแคล้วถึงสถาน
วัดท่าชันแลลาญสวาทไหม้
ท่าชันจงมาบานใจช่วย ชันนา
ให้ได้ยาแนวไส้รั่วร้ามจงหาย ฯ
๏ ถึงวังมันไม้เติบตรูมี มากนา
ริ้นเหลือบยุงยายีคร่ำแค้น
อาศัยว่าแสงศรีสูรส่อง แล้วแฮ
ค่อยคลายคลาเรือแหล้นฝ่าน้ำไหลหลาม ฯ
๏ ดลบางเลาเลิศล้วนรุกขรมย์ เรียงนา
อาวาสดูงามสมแต่งตั้ง
ยอกรประนมชมพุทธโพธิ งามนา
ขอสมภารพระกั้งเกษเกล้าพูลเกษม ฯ
๏ เทวดาดลแด่นด่านด้าวโพหลวง เล่านา
พิศแผ่นพันปักปวงใหญ่กว้าง
ลุบางปลาหมู่ดวงรุกข์เรียบ รายแฮ
ยลย่อมเรือนจีนสร้างอยู่เหยี้ยมสุขรมย์ ฯ
๏ ถึงวัดทองเข้าจอดอาศัย
ลมลาศมาเอาใจสว่างร้อน
พิศตาลโตรดตรงไสวใบพุ่ม งามนา
สล้างลำโยนหย้อนพรั่งพร้อมพึงชม ฯ
๏ ถึงอินทรบุเรศเรื้องเกษมสานต์
เพี้ยงพ่างเมืองมัฆพานท่านไท้
อารามวิมลสถานโอภาส
เย็นชชื้อทิวไม้อ่อนโน้มไปมา ฯ
โพรายเรียงเรียบเบื้องใบไสว อยู่นา
ก้านกิ่งสลอนกวัดไกวแก่งค้อม
พิศกลระใบใบโพมาศ งามแฮ
ห้อยพิดานพรายพร้อมอาสนเจ้าจอมธรรม์ ฯ
๏ สายัณห์ยามย่ำแล้วถึงทยาน
จรดจอดอาศัยสถานหนึ่งเข้า
ว่าศรีมุนีอารยอาวาส พระนา
ปรีดิประนตย์เจ้าชื่นช้อยชมบุญ ฯ
๏ แสงแขไขแข่งขึ้นเวหา
จรจากทยานไคลคลาแล่นล้ำ
โดยเสด็จท้องมรรคาลุล่ง แดนนา
โพแม่นางดำน้ำคล่าวคล้ายคลองสินธุ์ ฯ
๏ ยามสูรอรุโณทแผ้วแสงฉาย
ยอดยุคุนธรพรายแพร่งไซร้
ถึงสรรพยาหลายพรรณสิ่ง ยานา
ยาจงมายาให้ส่างเศร้าเสวยรมย์ ฯ
๏ เห็นเขาชอุ่มล้วนพฤกษา มากนา
โดยเร่งนิยมมาบ่พลั้ง
ขุนวานรินทราทรงเดช แสดงแฮ
ช้อนเชิดชูมาตั้งที่นั้นเป็นเฉลิม ฯ
๏ ชมไพรพนเวศไม้มีพรรณ มากนา
อาจบรรเทาคลายศัลย์ไปล่เปลื้อง
ทางเทาเที่ยวนานวันจรล่ำ แล้วแฮ
เห็นแต่ดงพงเหนื้องฟากน้ำนองไป ฯ
๏ คล้ายคล้ายใกล้ถิ่นถี้สลาขาว
เรือพวกพายไปฉาวอยู่ไซร้
ชมสวนเรียบเรียงยาวทิวท่ิง ไปนา
พิศภิรมย์ไม้ไหล้ร่มรื้นสาขา ฯ
             

ฯ สิ้นฉบับไม่จบ ได้ ๖๙ บท พระศรีมโหสถแต่งเมื่ออายุศม์ ๑๕ ปี ฯ

เชิงอรรถ

ที่มา

นิราศนรินทร์คำโคลง และนิราศปลีกย่อย พ.ณ. ประมวญมารค ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๑๓

เครื่องมือส่วนตัว