บทละครนอกเรื่องมณีพิชัย ตอนพราหมณ์ยอพระกลิ่นขอมณีพิชัยไปเป็นทาส

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
()
()
แถว 413: แถว 413:
==== ====
==== ====
<tpoem>
<tpoem>
 +
<sup>สามเส้า</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  พระมณีฟังความเจ้าพราหมณ์ว่า
 +
ทอดถอนใจใหญ่ไปมา  แล้วผัดผาว่ากล่าววิงวอน
 +
วันนี้เวลาก็สายัณห์  จงอยู่นอนด้วยกันสักคืนก่อน
 +
ต่อรุ่งรางสางแสงทินกร  จึงค่อยบทจรก็เป็นไร
 +
พี่จะให้ไพร่พลมนตรี  ออกไปส่งถึงที่อาศัย
 +
มรคาป่ากว้างทางไกล  จงขี่วอกลับไปเหมือนเมื่อมา
 +
เขาจะได้ลือเล่าว่าเจ้าพราหมณ์  ขี่วอคนหามงามนักหนา
 +
เป็นหมองูรู้เวทมนตรา  จะซ้องสาธุการสำราญใจ
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าพราหมณ์กล่าวแกล้งแถลงไข
 +
ข้าเป็นพราหมณ์ชีนี้ไซร้  จะนอนในรั้ววังไม่บังควร
 +
เคยอยู่แต่ศาลาพนาเวศ  รักษาพรตตามเพศพระอิศวร
 +
อย่าเฝ้าหน่วงหนักชักชวน  สายัณตะวันจวนจะด่วนไป
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>โอ้ปี่</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  สองกษัตริย์โศกศัลย์ไม่กลั้นได้
 +
สงสารลูกน้อยกลอยใจ  จะต้องไปเป็นข้าพราหมณ์ชี
 +
จะกะตรกกะตรำลำบาก  อดอยากอยู่ในไพรศรี
 +
ริ้นยุงบุ้งร่าสใช่พอดี  ทุกทิวาราตรีจะตรอมใจ
 +
ยากแค้นเพราะแทนพระคุณแม่  ความสัตย์เที่ยงแท้จะหาไหน
 +
พลางกอดลูกยาโศกาลัย  สะอึกสะอื้นไห้ไปมา
 +
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  โฉมเจ้าพราหมณ์น้อยคอยท่า
 +
เห็นสามกษัตริย์โศกา  พิไรร่ำล่ำลาอาลัย
 +
จึงแย้มเยื้อนเตือนองค์พระมณี  อย่าโศกีเศร้าสร้อยละห้อยไห้
 +
แม้นรำลึกถึงสองท้าวไท  จึงกลับมาก็ได้เป็นไรม่
 +
ว่าแล้วถวายบังคมลา  บิตุเรศมารดาทั้งสองศรี
 +
ผันพักตร์กวักเรียกพระมณี  อย่าเซ้าซี้มาไปด้วยกัน
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระมณีเศร้าสร้อยโศกศัลย์
 +
บังคลสององค์ทรงธรรม์  แล้วจรจรัลเดินตามเจ้าพราหมณ์ไป
 +
ฯ ๒ คำ ฯ ทยอย
 +
 +
 +
<sup>โอ้ลาว</sup>
 +
๏ เดินพลางมากลางมรคา  พระราชาทอดถอนใจใหญ่
 +
โอ้ว่าเวรกรรมได้ทำไว้  จำไปเป็นข้าเจ้าพราหมณ์ชี
 +
อกเอ๋ยไม่เคยจะตกยาก  ลำบากเคืองข้องหมองศรี
 +
ไม่รู้ใจนายร้ายหรือดี  แล้วจะตีกันเล่นไม่เว้นวัน
 +
ครั้นเจ้าพราหมณ์เหลียวมาทำหน้าม่อย  อุยหน่าหนามยอกน้อยไปหรือนั่น
 +
ทำนิ่วพักตร์ชักหนามฉับพลัน  ค่อยเหยียบยันโขยกเขยกมา
 +
เห็นสุมทุมพุ่มไม้ในไพรชัฎ  เกรงกริ่งสิงสัตว์ที่ในป่า
 +
เดินพลางทางนึกภาวนา  ร้องเตือนนายขาระวังตัว
 +
ได้ยินเสียงสกุณีมี่ก้อง  ชะนีเหนี่ยวไม้ร้องเรียกผัว
 +
ใจหายกายสั่นอยู่รัวรัว  คิดกลัวผีสางปะรางควาน
 +
ดำเนินเดินตามเจ้าพราหมณ์ไป  เปลี่ยวเปล่าเศร้าใจในไพรสาณฑ์
 +
ขึ้นเขาข้ามน้ำลำธาร  ดัดดั้นดงดานเดินมา
 +
ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าพราหมณ์ชีมีใจหรรษา
 +
มาถึงที่บรรณศาลา  จึงพาพระมณีเข้าไป
 +
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
 +
 +
 +
๏ นั่งเหนือเสื่อสาดลาดปู  ที่เคยอยู่นิทราอาศัย
 +
พิศพักตร์ภัสดาก็อาลัย  สงสารภูวไนยช่างไม่รู้
 +
ครั้นจะลามลวนชวนชิด  ก็เกรงเดชโกสิตบิดาอยู่
 +
แต่ยิ้มใหญ่ยิ้มน้อยชม้อยดู  คิดอดสูแสร้งกล่าวเป็นมารยา
 +
วันนี้เหนื่อยนักจักเอนหลัง  พระองค์จงนั่งระวังข้า
 +
ต่อดึกหน่อยจึงค่อยนิทรา  แล้วหลับตานิ่งอยู่ดูท่วงที
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระมณีพิชัยเรืองศรี
 +
ถ่อมตัวกลัวเกรงเจ้าพราหมณ์ชี  ปรนนิบัติพัดวีให้นิทรา
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ชมโฉม</sup>
 +
๏ นั่งพินิจพิศโฉมเจ้าพราหมณ์น้อย  แช่มช้อยน่ารักเป็นนักหนา
 +
พิศพักตร์ผ่องผิวโสภา  ดังจันทราทรงกลดหมดมลทิน
 +
รูปทรงสารพัดไม่ขัดขวาง  เหมือนละม้ายคล้ายนางยอพระกลิ่น
 +
นวลละอองสองแก้มดังลูกอิน  จะแย้มเยื้อนเหมือนสิ้นทุกสิ่งอัน
 +
หรือจะเป็นนวลละอองน้องแก้ว  เมียพี่คนนี้แล้วเป็นแม่นมั่น
 +
พลางขยดเข้าใกล้ใจผูกพัน  ลืมองค์หลงสำคัญว่ากัลยา
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ ค่อยยกพระหัตถ์สัมผัสต้อง  ยิ้มพลางทางมองดูหน้า
 +
เห็นคล้ายละม้ายเหมือนไม่เคลื่อนคลา  พระราชาสวมสอดกอดรัด
 +
ครั้นเจ้าพราหมณ์ถามมาว่าอะไร  ก็ตกใจแก้เก้อว่ายุงกัด
 +
ทำเหลียวหลังเหลียวหน้าคว้าพัด  โบกปัดพัดวีไปมา
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าพราหมณ์ยิ้มละไมอยู่ในหน้า
 +
ดูทำนองพระมณีพี่ยา  เห็นว่าจะจู่ลู่วู่วาม
 +
จึงพลิกตัวถอยถอด้วยอดสู  ลุกขึ้นนั่งตั้งกระทู้ขู่ถาม
 +
เอออะไรไม่ควรมาลวนลาม  เซ้าซี้ชีพราหมณ์เป็นน่าชัง
 +
ข้านี้มิใช่นายหม่อมหรือ  ไม่นับถือยำเยงเกรงใจมั่ง
 +
จะว่าโดยดีก็มิฟัง  ไม้เรียวจะลงหลังสักที
 +
จงบรรทมเสียเถิดให้สำราญ  รำคาญวานอย่าจู้จี้
 +
ว่าแล้วนิทราในราตรี  พระมณีพิชัยก็ไสยา
 +
ฯ ๘ คำ ฯ ตระ
 +
 +
 +
๏ รุ่งเอยรุ่งราง  แสงทองส่องสว่างเวหา
 +
เจ้าพราหมณ์นิ่งนึกตรึกตรา  จะลองภัสดาสามี
 +
ท้าวเธอจะสัตย์ซื่ออยู่หรือไม่  หรือจะเป็นไฉนให้รู้ที่
 +
คิดพลางทางว่าไปทันที  นี่แน่พระมณีสุริย์วงศ์
 +
วันนี้ตัวข้าจะคลาไคล  ออกไปหิมวาป่าระหง
 +
เที่ยวหายาหยูกในแดนดง  พระองค์จงอยู่เฝ้าศาลา
 +
ข้าจะให้น้องสาวมาอยู่เพื่อน  เสือสางกลางเถื่อนดุนักหนา
 +
สั่งเสียเสร็จสรรพกำชับกำชา  แล้วลงจากศาลาคลาไคล
 +
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
 +
 +
 +
๏ ลัดแลงแฝงพุ่มพนาลี  มิให้พระมณีสงสัย
 +
จึงร่ายเวทมัฆวานประทานไว้  จำแลงแปลงได้ดังใจปอง
 +
ฯ ๒ คำ ฯ ตระ
</tpoem>
</tpoem>
 +
==== ====
==== ====
<tpoem>
<tpoem>

การปรับปรุง เมื่อ 08:53, 24 สิงหาคม 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

บทประพันธ์

ช้า
๏ เมื่อนั้นนางจันทรเทวีศรีใส
อินทรามาเข้าดลใจเผอิญให้ร้อนรนพ้นปัญญา
คิดจะใคร่ไปสรงชลธียังที่ฉนวนน้ำประจำท่า
ชวนฝูงกำนัลในไคลคลาลีลามาสู่ตำหนักแพ
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า
ร่าย
๏ ครั้นถึงจึงลงสรงสนานกับบริวารข้าสาวชาวแม่
หัวระริกซิกซี้กันซ้อแซ้ชุ่มแช่ชลธารสำราญใจ
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงฉิ่ง เจรจา
๏ นางจันทรทอดทัศนาเห็นดอกบัวลอยมาในน้ำไหล
ไม่แจ้งว่างูร้ายอยู่ภายในครั้นเข้ามาใกล้ก็หยิบเอา
กลิ่นหอมรวยรื่นชื่นอารมณ์นางเชยชมดมแล้วดมเล่า
แซมมวยเล่นลองต้องเบาเบางูงอดตอดเอาพระเศียรนาง
ขึ้นมาบนฉนวนครวญครางนวลนางซอนชบสลบลง
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
๏ บัดนั้นกำนัลนางต่างคนตะลึงหลง
บ้างเข้าประคองต้ององค์เห็นโฉมยงแน่นิ่งไม่ติงกาย
บ้างว่างูขบสลบไปทำกระไรกระนี้จึงจะหาย
บ้างวิ่งไปถึงโรงฝีพายหาหมอผู้ชายก็ไม่มี
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บรรดาข้าหลวงทั้งปวงนั้นต่างตระหนกอกสั่นขวัญหนี
เข้ากลุ้มอุ้มองค์เทวีพาไปยังที่พระบรรทม
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เถ้าแก่ท้าวนางต่างตกใจอลหม่านอกไหม้ไส้ขม
บ้างไปเรียกขอเฝ้าเจ้ากรมบ้างขึ้นมาบังคมทูลคดี
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นท้าวพิชัยนุราชเรืองศรี
ครั้นรู้ก็รีบจรลีพระมณีพิชัยก็ไคลคลา
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ นั่งลงทรงลูบปฤษฏางค์กายนางเย็นฉ่ำดังน้ำท่า
ตกใจสำคัญว่ากัลยามอดม้วยมรณาก็จาบัลย์
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ จึงตรัสสั่งลูกรักให้เร่งหาหมองูเข้ามาขมีขมัน
ใครแก้ไขให้หายจะรางวัลแพรพรรณเงินทองล้วนของดี
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระโอรสรับสั่งใส่เกศี
มาหาหมอวุ่นวิ่งเป็นสิงคลีอึงมี่ตึงตังทั้งวังใน
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ มดหมอแก้ไขก็หนักหนานางจะฟื้นคืนมาก็หาไม่
จึงให้ตีฆ้องร้องป่าวไปหมองูอยู่ที่ไหน เอาตัวมา
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
ลาวปืนตลิ่ง
๏ เมื่อนั้นโฉมเจ้าพราหมณ์น้อยละห้อยหา
นั่งอยู่ยังบรรณศาลาเห็นเขามาร้องป่าวก็เข้าใจ
ชะรอยท่านแม่ผัวตัวอิจฉาบาปหนางูขบสลบไสล
เหมือนคำโกสีย์ที่สาปไว้สมน้ำหน้าสาใจนางเทวี
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นหยุดเสียงฆ้องก็ร้องถามถ้อยความอะไรขาว่าเมื่อกี้
เชิญแวะมาหาข้าข้างนี้เล่าคดีให้ฟังมั่งเป็นไร
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเสนาฟังพราหมณ์ถามไถ่
จึงบอกว่ามเหสีของท้าวไทงูขบสลบไปไม่ฟื้นองค์
หมองูเอายาทาถวายก็ไม่คลายสักนิดที่พิษสง
ถ้าใครแก้ฟื้นคืนคงพระองค์จะให้ทองเท่าลูกฟัก
เข้าใจมั่งหรือพ่อเป็นหมองูชีพราหมณ์ความรู้มักแหลมหลัก
ปากเปราะเราะรายมาทายทักจะรับรักษาได้หรือไรนา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์ยิ้มพลางทางว่า
ข้าเจ้าเป็นหมองูรู้มนตราจะรักษาก็ได้เป็นไรมี
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเสนาได้ฟังถ้วนถี่
จึงว่าขอเชิญเจ้าพราหมณ์ชีไปรักษามเหสีท้าวไท
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์กล่าวแกล้งแถลงไข
เท้าข้าป่วยเจ็บเป็นเหน็บไปเดินเหินไม่ได้นะเสนา
ท่าทางกลางดงก็กันดารแม้นท่านจะให้ไปรักษา
จงไปทูลอาการพระผ่านฟ้าให้เอาวอออกมารับเรา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเสนีดีใจใครจะเท่า
ซักไซ้ได้ความตามลำเนาแล้วกลับเข้าบุรีเร็วพลัน
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงทูลแถลงแจ้งความข้าไปพบเจ้าพราหมณ์ในไพรสัณฑ์
เป็นหมองูรู้จบครบครันหยูกยาว่าขยันเคยทดลอง
จะพามาด้วยก็ป่วยเท้าเดินก้าวไม่ถนัดขัดข้อง
สั่งมาว่าจะเอาวอทองไปรับรองจึงเจ้าจะเข้ามา
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นท้าวพิชัยนุราชนาถา
ได้ฟังจึงสั่งเสนาอย่าช้าเร่งรัดกันบัดนี้
วอทองของกูที่ทำใหม่จงเอาไปให้เจ้าพราหมณ์ขี่
เชื้อเชิญพูดจาให้จงดีรับเจ้าพราหมณ์ชีเข้ามา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเสนีรับสั่งใส่เกศา
มาจัดแจงแต่งวอช่อฟ้าเสร็จแล้วก็พากันคลาไคล
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงบอกแก่เจ้าพราหมณ์เล่าความจะแจ้งแถลงไข
บัดนี้พระองค์ทรงภพไตรสั่งให้มารับฉับพลัน
ฯ ๒ คำ ฯ
             

จระเข้หางยาว
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์เพราเพริศเฉิดฉัน
ในจิตคิดจะใคร่จรจรัลไปประสบพบกันกับผัวรัก
แต่เมียพลัดพรากจากมาพระจะแสนโศกาเพียงอกหัก
วันนี้เข้าไปได้พบพักตร์จะรู้จักเมียบ้างหรืออย่างไร
คิดคะนึงถึงความเสน่หาจะอดกลั้นโศกามิใคร่ได้
เห็นเขาแลดูอดสูใจทำเมียงเมินเดินไปในศาลา
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ อาบน้ำชำระสระสวยหวีผมเกล้ามวยแล้วนุ่งผ้า
มาขึ้นวอสุวรรณมิทันช้าทั้งสี่เสนาก็นำไป
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ มาถึงปราการกั้นชั้นสองจึงลงจากวอทองผ่องใส
เถ้าแก่ท้าวนางข้างในออกไปรับเจ้าพราหมณ์ให้ตามมา
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
ช้าปี่
๏ เมื่อนั้นพระมณีพิชัยใฝ่ฝันหา
เห็นโฉมเจ้าพราหมณ์งามโสภากิริยารูปร่างเหมือนนางเมีย
แล้วจะเป็นยอพระกลิ่นเมียพี่ที่พระชนนีขับเสีย
ร้อนอกหมกไหม้ดังไฟเลียสำคัญคิดว่าเมียก็เข้ามา
แย้มยิ้มหยอกยุดฉุดข้อมือไปไหนน้อยหรือพึ่งเห็นหน้า
พิศวงหลงใหลไขว่คว้าอนิจจาถอยหนีพี่ไย
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์ปัดกรค้อนให้
แลสบหลบเนตรภูวไนยแย้มยิ้มละไปไปมา
คิดคะนึงถึงความเมื่อยามรักสงสารพระทรงศักดิ์เป็นหนักหนา
ชลเนตรคลอคลองนัยนาเมียงเมินพักตราไม่พาที
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระมณีพิชัยโฉมศรี
จึงกุมกรเจ้าพราหมณ์จรลีมานั่งเหนือแท่นที่อันเดียวกัน
คิดพะวงสงสัยอยู่ไม่วายเหมือนละม้ายยอพระกลิ่นเมียขวัญ
จะใคร่รู้ข้อขำสำคัญจึงถามไถ่ไปพลันทันที
นามกรของเจ้านั้นชื่อไรอย่าใส่ไคร้ย้อนยอกจงบอกพี่
สุริยวงศ์พงศ์เผ่าของเจ้ามีหรือกำเนิดเกิดที่แห่งใด
อันถิ่นฐานบ้านช่องของน้องรักแรกเริ่มเดิมสำนักอยู่ที่ไหน
บอกพี่เถิดเจ้าพราหมณ์อย่าขามใจเหตุไรมาอยู่ที่ศาลา
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์ยิ้มเยื้อนเบือนหน้า
เสแสร้งแกล้วกล่าววาจาพระอย่ากินแหนงแคลงใจ
ตัวข้าชื่อว่าอารียพราหมณ์ขนานนามตามสังเกตเพศไสย
บิดามารดาข้าบรรลัยแต่อายุข้าได้สิบปี
จึงเที่ยวสัญจรซอนซอกอยู่บ้านนอกปลายแดนกรุงศรี
เรียนวิชาหาครูความรู้ดีแล้วมาอยู่ยังที่ศาลา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระมณีนิ่งฟังให้กังขา
ถ้อยคำน้ำเสียงจำนรรจาเหมือนเสียงแก้วแววตาของพี่ชาย
ขนงเนตรเกศแก้มแย้มเยื้อนละม้ายเหมือนยอพระกลิ่นโฉมฉาย
กิริยาพาทีก็ขวยอวยผิดชายหนักหนาน่าอัศจรรย์
ถอยถอขยดเข้านั่งชิดทอดสนิทติดใจใฝ่ฝัน
จะใคร่ดูให้รู้สำคัญเป็นไรนั่นกลิ่นอายก็หายไป
นั่งนึกตรึกถวิลยังกินแหนงจึงแสแสร้งแกล้งกล่าวถามไถ่
ยามร้อนผ้าผ่อนเจ้าห่มไยซื้อหรือใครให้จึงได้มา
เนื้อหนังดีหนอจะขอชมเจ้าพราหมณ์ห่มสมตัวหนักหนา
ฉุดชิงชายสไบไขว่คว้านัยนาแลลอดสอดดู
ไม่เห็นแยบคายก็อายใจทอดถอนใจใหญ่แล้วยิ้มอยู่
แก้เก้อนั่งกัดปูนพลูอดสูแก่ใจไม่เจรจา
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์ยิ้มพลางทางว่า
ผ้าของข้านี้ที่ห่มมาไปรักษาคนไข้เขาให้ปัน
ไม่เคยพบผ้าหรือเอามือหยิบมิใช่ว่าผ้าทิพย์ผ้าสวรรค์
ประเพณีชีพราหมณ์พรหมจรรย์ห่มผ้ามากระนั้นตามธรรมเนียม
ข้าเจ้านี้หรือคนซื่อตายไม่รู้ทำแยบคายอายเหนียม
เป็นคนโง่เง่าไม่เท่าเทียมสงบเสงี่ยมอยู่ตามพราหมณ์ชี
อย่าทำลามลวนหาควรไม่สะบัดกรค้อนให้แล้วลุกหนี
ไปรับมาให้รักษาชนนีก่นแต่เฝ้าเซ้าซี้รำคาญใจ
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระมณีนึกพะวงสงสัย
ดำเนินเดินตามเจ้าพราหมณ์ไปรอเรียงเคียงไหล่ชำเลืองดู
จึงว่าตัวเจ้าก็เป็นชายไม่พอที่จะอายอดสู
หามาจะให้ปัดพิษงูจงทำตามความรู้ที่เรียนไว้
เครื่องเทศเครื่องไทยอะไรมั่งพี่จะสั่งให้เขาเอามาให้
เหมือนหนึงกันเองอย่าเกรงใจจะต้องการสิ่งไรจะบอกเรา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์ว่าร้อนใจไปไยเล่า
เครื่องเทศสมุนไพรก็ไม่เอาข้าเจ้าจะให้หายด้วยวิทยา
แม้นพระมารดาฟื้นคืนคงพระองค์จะให้อะไรข้า
จงให้ความสัตย์สัญญาต่อหน้าทั้งปวงเป็นพยาน
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระมณีพิชัยจึงว่าขาน
แม้นรักษาหายไม่วายปราณจะทดแทนคุณท่านให้ถึงใจ
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เจ้าเอยเจ้าพราหมณ์ทั้งนี้ก็ตามอัชฌาสัย
น้องรักจักประสงค์สิ่งใดพี่จะหาให้ดังใจนึก
หรือจะใคร่ได้เมียที่สาวสาวขาวขาวดีดีมีไม่ตรึก
สมบัติวัตถาโอฬารึกจงเลือกนึกเอาตามชอบใจ
เว้นแต่ดาวเดือนดอกฟ้านอกนั้นพี่ยาจะหาให้
เงินทองของข้าวจงเอาไปสิ่งไรสารพัดไม่ขัดกัน
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์สำรวลสรวลสันต์
จึงตอบว่าเงินทองของทั้งนั้นข้าเป็นพราหมณ์พรหมจรรย์ไม่ชอบใจ
ถ้าพระจะยอมไปเป็นข้าจึงจะรับรักษามารดาได้
ครูข้ากำชับบังคับไว้มิให้เอาสินบนเงินทอง
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระมณีได้ฟังก็เศร้าหมอง
นิ่งนึกดำริตริตรองดูทำนองโฉมงามเจ้าพราหมณ์นี้
จะเป็นยอพระกลิ่นดอกกระมังจึงจำเพาะเจาะจังเอาตัวพี่
แก้วแหวนเงินทองล้วนของดีสาวสรรค์สตรีไม่ชอบใจ
จำจะยอมถ่อมตัวเป็นทาสาตามไปถึงศาลาที่อาศัย
จะเป็นชายหรือหญิงยังกริ่งใจก็จะได้สำคัญเป็นมั่นคง
คิดพลางทางว่ากับเจ้าพราหมณ์พี่จะตามใจน้องต้องประสงค์
จงช่วยชุบชีวาตม์มาตุรงค์ให้ฟื้นคืนคงเป็นมา
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์ได้ฟังก็หรรษา
ชวนองค์พระมณีลีลาเข้ามาสู่สถานพระมารดร
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ จึงหยิบเอาหมากมาสามคำเสกคำทำตามที่โกสีย์สอน
สำรวมจิตใจให้แน่นอนประนมกรมัสการอ่านมนต์
ฯ ๒ คำ ฯ ตระ
             

เชื้อ
๏ โอมอสรพิษฤทธิ์กล้างูทับสมิงคลาเป็นต้น
งูเห่างูงอดตอดคนก้นขบจงอางขว้างค้อน
พระอินทร์ตรัสใช้ให้กูมาร้องเรียกร้อยหาอย่าซุ่มซ่อน
ตัวใดที่ขบนางจันทรเร่งมาสูบถอนเอกพิษไป
แม้นข้าจะใช้ให้จักรเพชรตัดหัวขาดเด็ดไม่อยู่ได้
อ่านจบเจ็ดคาบกำราบไปบัดใจงูร้ายก็เลื้อยมา
ฯ ๖ คำ ฯ คุกพาทย์
ร่าย
๏ เมื่อนั้นพระมณีตระหนกตกประหม่า
สิ้นสติตกใจภาวนากลัวงูหูตาเหลือกลาน
ร้องเรียกเจ้าพราหมณ์ให้ช่วยด้วยพี่จะม้วยชีวาวังสังขาร
น้อยหรือนั่นมันเลิกพังพานไม่ได้การแล้วจะไปข้างไหนดี
ฝ่ายฝูงสาวสรรค์กำนัลในตกใจตัวสั่นขวัญหนี
ร้องกรีดหวีดวิ่งเป็นสิงคลีอึงมี่ไปทั้งวังใน
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด เจรจา
๏ เมื่อนั้นโฉมเจ้าพราหมณ์ชีศรีใส
จึงร่ายพระเวทอันเรืองชัยเป่าไปได้ครบสามครา
งูเห่าเข้าสูบเอาพิษสงโดยดังจำนงปรารถนา
แล้วเลื้อยหายไปมิได้ช้ากัลยาค่อยรู้สึกองค์
ฯ ๔ คำ ฯ รัว เชิด
๏ เจ้าพราหมณ์จึงสั่งไปทันใดเร่งให้เอาน้ำมาโสรจสรง
สุคนธาลูบไล้ชโลมลงนางโฉมยงคงคืนฟื้นกาย
ฯ ๒ คำ ฯ สาธุการ เจรจา
ช้า
๏ เมื่อนั้นท้าวพิชัยนุราชฤาสาย
พิศโฉมเจ้าพราหมณ์งามเพริศพรายเหมือนละม้ายเทวีศรีสะใภ้
หน้าตาจิ้มลิ้มยิ้มแย้มสองแก้มนวลลอกดังปอกไข่
จึงตรัสแก่พระมณีพิชัยเหมือนเมียเจ้ากระไรไม่ผิดเพี้ยน
เอวองค์อรชรอ้อนแอ้นแขนแมนรูปร่างเหมือนอย่างเขียน
กิริยามารยาทแนบเนียนพระพินิจพิศเพียนไม่วางตา
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
ช้า
๏ แล้วมีบัญชาว่าไปเจ้าพราหมณ์ได้มีคุณหนักหนา
อยู่ด้วยพ่อเถิดอย่าไคลคลาบิดาจะเลี้ยงเป็นโอรส
สาวสรรค์กัลยาจะหาให้อย่าพะวงสงสัยพ่อไม่ปด
ข้าวของนองเนืองเครื่องยศขอเชิญโอรสครอบครอง
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์นบนิ้วทูลสนอง
โภไคยไอศูรย์มูลมองแก้วแหวนเงินทองไม่ต้องการ
พระมณีพิชัยได้สัญญาจะยอมไปเป็นข้ากระหม่อมฉาน
อย่าให้เสียสัตย์ปฏิญาณจะขอรับประทานเอาตัวไป
ว่าแล้วเข้าไปในที่เฝ้าพระชนนีศรีใส
จึงบังคมทูลถามความในเขาเลื่องลืออื้อไปทั้งพารา
ก็มิใช่กลการของชีพราหมณ์แต่มีความสงสัยอยู่หนักหนา
นึกแหนงจะใคร่แจ้งกิจจาพระมารดาจงเล่าให้เข้าใจ
ไหนว่ายอพระกลิ่นนั้นกินแมวจริงแล้วเหมือนลือหรือไฉน
สับปลับก็จะกลับตายไปลูกช่วยไม่ได้พระมารดา
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนางจันทรร้อนใจเป็นนักหนา
ครั้นจะไม่แจ้งอรรถดังสัจจาก็กลัวว่าจะตายวายชีวิต
แต่เหลียวหน้าเหลียวหลังกระทั่งไอละอายใจอิดเอื้อนเบือนบิด
ค่อยขยดเข้าไปให้ชิดแล้วสะกินบอกความเจ้าพราหมณ์ไป
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เดิมเอยเดิมทีพระมณีลูกยาไปป่าใหญ่
ได้นางคนหนึ่งในปล้องไม้หลงใหลพิศวาสเทวี
กรุงจีนให้มีราชสารไปแต่งการกับลูกสาวศรี
พระมณีพิชัยไม่ใยดีรักเมียข้างนี้อยู่มิไป
แม่กลัวกรุงจีนจะโกรธายกมารบพุ่งเอากรุงใหญ่
จึงแกล้งทำแยบยลกลในพาโลลูกสะใภ้ด้วยมารยา
เอาเลือดวิฬาร์ทาปากนางตัดหางแซมใส่ในเกศา
แล้วขับไล่ไปเสียจากพาราพาลผิดริษยานางทรามวัย
แม่ทำชั่วน่าชังทั้งนี้เพราะจะให้พระมณีมีเมียใหม่
บอกเจ้าตามจริงทุกสิ่งไปอย่าให้แม่ม้วยชีวี
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นท้าวพิชัยนุราชเรืองศรี
แอบองค์แฝงบังฟังคดีภูมีกริ้วกราดตวาดไป
ชิชะพระมเหสีเอกทำย้อนยอกโหยกเหยกอย่างนี้ได้
ใส่ถ้อยร้อยความลูกสะใภ้ช่างไม่สมเพชเวทนา
ขับเมียเขาพรากไปจากผัวทำตามใจตัวไม่ปรึกษา
ถึงกรุงจีนจะยกทัพมาก็สู้กันสิหนาไม่พรั่นใจ
ทั้งแก่กระนี้ไม่หนีเลยมึงไม่เคยเห็นฝีมือหรือไฉน
ชาติเจ๊กกินหมูจะสู้ไทยโกฎิแสนแน่นไปก็ไม่กลัว
น้อยหรืออีเฒ่าเจ้าความคิดทุจริตอิจฉาขายหน้าผัว
เสกสรรปั้นน้ำเป็นตัวเอออะไรไม่กลัวเขานินทา
นั่นแลเทวดาจึงอาเพศปฏิเหตุงูขบสมน้ำหน้า
เจ้าพราหมณ์แก้ไขขึ้นไยนาให้มันม้วยชีวาสาแก่ใจ
พระพิโรธโกรธเกรี้ยวเคี้ยวฟันกระทืบบาทตัวสั่นมันไส้
ฉวยได้ไม้เรียวเลี้ยวไปแล่นไล่ตีรันนางจันทร
ฯ ๑๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์พิดทูลผันผ่อน
นางได้รับผิดแล้วบิดรขอโทษโปรดก่อนอย่าโบยตี
เหตุนี้เพราะข้ามาไต่ถามนางจึงบอกออกความถ้วนถี่
จะเป็นบาปเป็นกรรมแก่พราหมณ์ชีภูมีจงทรงพระเมตตา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวพิชัยนุราชจึงร้องว่า
จะขอโทษมันไว้ใยนาชังน้ำหน้าตีเสียให้แทบตาย
เจ้าพราหมณ์ซ้ำวอนก็อ่อนจิตได้คิดดุเดือดค่อยเหือดหาย
จึงว่ามันพาพ่อได้อายพอดีพอร้ายไปเมื่อไร
นี่หากพ่อเห็นแก่เจ้าพราหมณ์ถ้าคนอื่นมาห้ามหาฟังไม่
ว่าแล้วทิ้งไม้เสียทันใดลงนั่งหอบหายใจไปมา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นโฉมเจ้าพราหมณ์น้อยเสน่หา
จึงชวนพระมณีพี่ยาเวลาเย็นแล้วจะด่วนไป
เป็นห่วงบ่วงใยอะไรเล่าลูกเต้าเมียมีอยู่ที่ไหน
จะหนักหน่วงชักช้าอยู่ว่าไรมาจะไปยังบรรณศาลา
ฯ ๔ คำ ฯ
             

สามเส้า
๏ เมื่อนั้นพระมณีฟังความเจ้าพราหมณ์ว่า
ทอดถอนใจใหญ่ไปมาแล้วผัดผาว่ากล่าววิงวอน
วันนี้เวลาก็สายัณห์จงอยู่นอนด้วยกันสักคืนก่อน
ต่อรุ่งรางสางแสงทินกรจึงค่อยบทจรก็เป็นไร
พี่จะให้ไพร่พลมนตรีออกไปส่งถึงที่อาศัย
มรคาป่ากว้างทางไกลจงขี่วอกลับไปเหมือนเมื่อมา
เขาจะได้ลือเล่าว่าเจ้าพราหมณ์ขี่วอคนหามงามนักหนา
เป็นหมองูรู้เวทมนตราจะซ้องสาธุการสำราญใจ
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์กล่าวแกล้งแถลงไข
ข้าเป็นพราหมณ์ชีนี้ไซร้จะนอนในรั้ววังไม่บังควร
เคยอยู่แต่ศาลาพนาเวศรักษาพรตตามเพศพระอิศวร
อย่าเฝ้าหน่วงหนักชักชวนสายัณตะวันจวนจะด่วนไป
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้ปี่
๏ เมื่อนั้นสองกษัตริย์โศกศัลย์ไม่กลั้นได้
สงสารลูกน้อยกลอยใจจะต้องไปเป็นข้าพราหมณ์ชี
จะกะตรกกะตรำลำบากอดอยากอยู่ในไพรศรี
ริ้นยุงบุ้งร่าสใช่พอดีทุกทิวาราตรีจะตรอมใจ
ยากแค้นเพราะแทนพระคุณแม่ความสัตย์เที่ยงแท้จะหาไหน
พลางกอดลูกยาโศกาลัยสะอึกสะอื้นไห้ไปมา
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นโฉมเจ้าพราหมณ์น้อยคอยท่า
เห็นสามกษัตริย์โศกาพิไรร่ำล่ำลาอาลัย
จึงแย้มเยื้อนเตือนองค์พระมณีอย่าโศกีเศร้าสร้อยละห้อยไห้
แม้นรำลึกถึงสองท้าวไทจึงกลับมาก็ได้เป็นไรม่
ว่าแล้วถวายบังคมลาบิตุเรศมารดาทั้งสองศรี
ผันพักตร์กวักเรียกพระมณีอย่าเซ้าซี้มาไปด้วยกัน
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระมณีเศร้าสร้อยโศกศัลย์
บังคลสององค์ทรงธรรม์แล้วจรจรัลเดินตามเจ้าพราหมณ์ไป
ฯ ๒ คำ ฯ ทยอย
โอ้ลาว
๏ เดินพลางมากลางมรคาพระราชาทอดถอนใจใหญ่
โอ้ว่าเวรกรรมได้ทำไว้จำไปเป็นข้าเจ้าพราหมณ์ชี
อกเอ๋ยไม่เคยจะตกยากลำบากเคืองข้องหมองศรี
ไม่รู้ใจนายร้ายหรือดีแล้วจะตีกันเล่นไม่เว้นวัน
ครั้นเจ้าพราหมณ์เหลียวมาทำหน้าม่อยอุยหน่าหนามยอกน้อยไปหรือนั่น
ทำนิ่วพักตร์ชักหนามฉับพลันค่อยเหยียบยันโขยกเขยกมา
เห็นสุมทุมพุ่มไม้ในไพรชัฎเกรงกริ่งสิงสัตว์ที่ในป่า
เดินพลางทางนึกภาวนาร้องเตือนนายขาระวังตัว
ได้ยินเสียงสกุณีมี่ก้องชะนีเหนี่ยวไม้ร้องเรียกผัว
ใจหายกายสั่นอยู่รัวรัวคิดกลัวผีสางปะรางควาน
ดำเนินเดินตามเจ้าพราหมณ์ไปเปลี่ยวเปล่าเศร้าใจในไพรสาณฑ์
ขึ้นเขาข้ามน้ำลำธารดัดดั้นดงดานเดินมา
ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์ชีมีใจหรรษา
มาถึงที่บรรณศาลาจึงพาพระมณีเข้าไป
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ นั่งเหนือเสื่อสาดลาดปูที่เคยอยู่นิทราอาศัย
พิศพักตร์ภัสดาก็อาลัยสงสารภูวไนยช่างไม่รู้
ครั้นจะลามลวนชวนชิดก็เกรงเดชโกสิตบิดาอยู่
แต่ยิ้มใหญ่ยิ้มน้อยชม้อยดูคิดอดสูแสร้งกล่าวเป็นมารยา
วันนี้เหนื่อยนักจักเอนหลังพระองค์จงนั่งระวังข้า
ต่อดึกหน่อยจึงค่อยนิทราแล้วหลับตานิ่งอยู่ดูท่วงที
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระมณีพิชัยเรืองศรี
ถ่อมตัวกลัวเกรงเจ้าพราหมณ์ชีปรนนิบัติพัดวีให้นิทรา
ฯ ๒ คำ ฯ
ชมโฉม
๏ นั่งพินิจพิศโฉมเจ้าพราหมณ์น้อยแช่มช้อยน่ารักเป็นนักหนา
พิศพักตร์ผ่องผิวโสภาดังจันทราทรงกลดหมดมลทิน
รูปทรงสารพัดไม่ขัดขวางเหมือนละม้ายคล้ายนางยอพระกลิ่น
นวลละอองสองแก้มดังลูกอินจะแย้มเยื้อนเหมือนสิ้นทุกสิ่งอัน
หรือจะเป็นนวลละอองน้องแก้วเมียพี่คนนี้แล้วเป็นแม่นมั่น
พลางขยดเข้าใกล้ใจผูกพันลืมองค์หลงสำคัญว่ากัลยา
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ ค่อยยกพระหัตถ์สัมผัสต้องยิ้มพลางทางมองดูหน้า
เห็นคล้ายละม้ายเหมือนไม่เคลื่อนคลาพระราชาสวมสอดกอดรัด
ครั้นเจ้าพราหมณ์ถามมาว่าอะไรก็ตกใจแก้เก้อว่ายุงกัด
ทำเหลียวหลังเหลียวหน้าคว้าพัดโบกปัดพัดวีไปมา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์ยิ้มละไมอยู่ในหน้า
ดูทำนองพระมณีพี่ยาเห็นว่าจะจู่ลู่วู่วาม
จึงพลิกตัวถอยถอด้วยอดสูลุกขึ้นนั่งตั้งกระทู้ขู่ถาม
เอออะไรไม่ควรมาลวนลามเซ้าซี้ชีพราหมณ์เป็นน่าชัง
ข้านี้มิใช่นายหม่อมหรือไม่นับถือยำเยงเกรงใจมั่ง
จะว่าโดยดีก็มิฟังไม้เรียวจะลงหลังสักที
จงบรรทมเสียเถิดให้สำราญรำคาญวานอย่าจู้จี้
ว่าแล้วนิทราในราตรีพระมณีพิชัยก็ไสยา
ฯ ๘ คำ ฯ ตระ
๏ รุ่งเอยรุ่งรางแสงทองส่องสว่างเวหา
เจ้าพราหมณ์นิ่งนึกตรึกตราจะลองภัสดาสามี
ท้าวเธอจะสัตย์ซื่ออยู่หรือไม่หรือจะเป็นไฉนให้รู้ที่
คิดพลางทางว่าไปทันทีนี่แน่พระมณีสุริย์วงศ์
วันนี้ตัวข้าจะคลาไคลออกไปหิมวาป่าระหง
เที่ยวหายาหยูกในแดนดงพระองค์จงอยู่เฝ้าศาลา
ข้าจะให้น้องสาวมาอยู่เพื่อนเสือสางกลางเถื่อนดุนักหนา
สั่งเสียเสร็จสรรพกำชับกำชาแล้วลงจากศาลาคลาไคล
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
๏ ลัดแลงแฝงพุ่มพนาลีมิให้พระมณีสงสัย
จึงร่ายเวทมัฆวานประทานไว้จำแลงแปลงได้ดังใจปอง
ฯ ๒ คำ ฯ ตระ
             

             

             

เชิงอรรถ

ที่มา

บทละครนอกเรื่อง มณีพิชัย สถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๔๐

( ขอขอบคุณ คุณพิกุลแก้ว สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน)

เครื่องมือส่วนตัว