บทละครนอกเรื่องคาวี

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
()
()
แถว 500: แถว 500:
==== ====
==== ====
<tpoem>
<tpoem>
 +
<sup>โทน</sup>
 +
๏ ลูบไล้สุคนธ์ปนปรุง  ดมดูกลิ่นฟุ้งหอมฉ่ำ
 +
หยิบภูษามาทรงแล้วลูบคลำ  ยกทองท้องช้ำชอบพระทัย
 +
ห่มสีทับทิมกรองคล้องคอ  ใครดูกูหนุ่มฟ้อขึ้นฤๅไม่
 +
นั่งมองส่องกระจกยิ้มละไม  ก็ยังไม่แก่กระไรทีเดียวนัก
 +
ผมเผ้าพิศดูไม่สู้หงอก  เสียสิ่งเดียวดอกแต่ฟันหัก
 +
ถึงกระนั้นโฉมยงก็คงรัก  แล้วทรงศักดิ์เสด็จจากแท่นทอง
 +
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เดินเหินรัดกุมเหมือนหนุ่มแน่น  ลอยชายกรายแขนเข้าในห้อง
 +
พิศดูตัวพลางทางเยี่ยมมอง  ตามช่องฉากบังกระทั่งไอ
 +
เห็นนางซบพักตราโศกาอยู่  จะเหลียวดูภูมีก็หาไม่
 +
ค่อยนั่งลงข้างองค์อรไทย  แล้วปราไสเกี้ยวพานหว่านล้อม
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ชาตรี</sup>
 +
๏ สาวเอยสาวสวรรค์  น้อยฤๅนั่นน่าชมนางผมหอม
 +
งามสิ้นทุกสิ่งพริ้งพร้อม  ดูละม่อมหมดอย่างเหมือนนางฟ้า
 +
นี่กุศลหนหลังเราทั้งสอง  เคยเปนคู่ครองเสนหา
 +
เก็บดอกไม้ไหว้พระด้วยกันมา  วาศนาทำไว้จึงได้น้อง
 +
แต่วันพบผะอบผมเจ้าลอยน้ำ  พี่ครวญคร่ำโศกาหาเจ้าของ
 +
ให้เสนาข้าเฝ้าเที่ยวป่าวร้อง  ได้ข่าวน้องเพราะยายค่อยคลายใจ
 +
ทีนี้เสร็จสมอารมณ์นึก  ดังเอาน้ำอำมฤตมารดให้
 +
ถึงจะได้นางฟ้าสุราลัย  ไม่ดีใจเหมือนเจ้าเยาวมาลย์
 +
เชิญผินพักตรามาพาที  เสียแรงพี่ว่าวอนด้วยอ่อนหวาน
 +
จะครวญคร่ำร่ำร้องไม่ต้องการ  จงพูดจาว่าขานกันโดยดี
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  โฉมจันท์สุดามารศรี
 +
ฟังท้าวเจ้าพาราพาที  เทวีกลุ้มกลัดขัดใจ
 +
ถอยองค์ออกไปเสียให้ห่าง  แล้วนางค่อนว่าไม่ปราไส
 +
นี่แน่ออเถ้าเจ้ากรุงไกร  ช่างไม่คิดถึงตัวมัวเมา
 +
จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รุ้  ยังจะเที่ยวเกี้ยวชู้อยู่อีกเล่า
 +
จนฟันหักผมหงอกเหมือนดอกเลา  ลูกเขาเมียเขาก็ไม่คิด
 +
คบกันกับอีเถ้าเจ้าเล่ห์  ทำการเกเรทุจริต
 +
ลอบฆ่าสามีกูม้วยมิด  มิหนำซ้ำปลิดเอาเมียมา
 +
อย่าพักว่าวอนให้อ่อนใจ  กูไม่มุ่งมาดปรารถนา
 +
ว่าพลางนางทรงโศกา  กัลยาโศกศัลย์รันทด
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>โอ้โลม</sup>
 +
๏ ทรามเอยทรามสงวน  อย่ารัญจวนครวญคร่ำกำสรด
 +
ถึงเจ้าโกรธโกรธาว่าประชด  จะออมอดไม่ถืออรไทย
 +
อย่าเยาะเย้ยเลยเจ้าว่าเถ้าแก่  พี่แพ้ฟันดอกจะบอกให้
 +
อันอายุอานามกับทรามวัย  เห็นจะไม่กะไรกันนัก
 +
อย่าชิงชังรังเกียจที่หนุ่มแก่  จงชมแต่ยศถาบันดาศักดิ์
 +
พี่จะเษกโฉมยงนงลักษณ์  ให้เปนเอกอัครเทวี
 +
ทักวันท่านยายก็แก่เถ้า  ขอเชิญเจ้าร่วมแท่นแทนที่
 +
สมบัติพัศถานเรามั่งมี  คงดีกว่าผัวเก่าของเจ้าจน
 +
พี่ให้ไปรับน้องมา  หวังว่าจะรักเปนพักผล
 +
จะแขงขัดตัดรอนไม่ผ่อนปรน  ใช่ที่นฤมลจะพ้นมือ
 +
ว่าพลางทางถัดเข้าใกล้  ลูบไล้เลียมลองจะต้องถือ
 +
ให้เร่าร้อนฤทัยดังไฟฮือ  แล้วหดมือถอยหลังรั้งรอ
 +
ฯ ๑๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  จันท์สุดาไม่กลัวทำหัวร่อ
 +
ตบมือชี้หน้าด่าทอ  เคืองขัดตัดพ้อภูวไนย
 +
อย่าอวดโอ้โอหังว่ามั่งมี  หานิยมยินดีของมึงไม่
 +
พูดจาบ้าลำโพงโป้งไป  คนอะไรใครบ้างอย่างนี้
 +
ไม่คิดว่าแก่เถ้าจะเข้าโลง  ยังโอ่โถงทำหนุ่มน่าบัดสี
 +
ไม่ช้านักสักปีหนึ่งสองปี  จะได้เกี้ยวกับผีที่ป่าช้า
 +
น่าหัวร่อทั้งทุกข์สนุกจ้าน  ดื้อด้านซานซมหนักหนมหนักหนา
 +
ดูเหมือนมิใช่ท้าวพระยา  เวทนาเชิญไปเสียให้พ้น
 +
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  ท้าวสันนุราชคิดขัดสน
 +
จะเล้าโฉมนางนฤมล  เห็นไม่หย่อนผ่อนปรนก็จนใจ
 +
อำนาจนางซื่อสัตย์ต่อภัศดา  พระราชาร้อนรนไม่ทนได้
 +
จึงเสด็จย่างย่องจากห้องใน  รีบไปสรงชลกระวนกระวาย
 +
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
 +
 +
 +
๏ ตักวารีรดหมดแม่ขัน  แต่กระนั้นร้อนใจมิใคร่หาย
 +
หยิบเครื่องสุคนธามาละลาย  ลูบชะโลมโซมกายค่อยคลายร้อน
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ช้า</sup>
 +
๏ พระนั่งง่วงโงกหงับหลับตา  คิดถึงจันท์สุดาดวงสมร
 +
นิจจาเจ้าช่างสลัดตัดรอน  ไม่ผันผ่อนปรานีพี่บ้างเลย
 +
เสียแรงให้ไปรับน้องมา  หวังว่าจะร่วมเรียงเคียงเขนย
 +
พี่เฝ้าปลอบโฉมงามทรามเชย  น้องเอ๋ยไม่ปลดปลงลงใจ
 +
อันเล่ห์กลสัตรีนี้ฦกล้ำ  จะเชื่อถือถ้อยคำยังไม่ได้
 +
เห็นจะเปนมารยาพิราใน  จะเกี้ยวแก้มือใหม่อีกสักครั้ง
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ คิดพลางแต่งองค์ทรงภูษา  ห่มห่มนอนราคากว่าสองชั่ง
 +
แล้วดำเนินเดินดุ่มสุ่มตะรัง  ขึ้นนั่งบนเตียงเคียงนาง
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>โอ้โลม</sup>
 +
๏ น้องเอ๋ยน้องรัก  จงผินพักตร์มาพูดกับพี่บ้าง
 +
เอออะไรไม่พอที่พอทาง  จะทำให้เขินค้างอยู่กลางคัน
 +
แม้นมิได้เชยชมสมหมาย  จะสู้วายชีวาอาสัญ
 +
แต่พี่มีเมียมานับพัน  ไม่เหมือนขวัญเนตรต้องต้องติดใจ
 +
จริงจริงพี่รักเจ้าหนักหนา  ไม่เสแสร้งแกล้งว่าสบถได้
 +
เจ้าจงเมตตาอาลัย  อย่าให้ไผ่ผอมตรอมใจตาย
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ ได้เอยได้ฟัง  แค้งคั่งเคืองหูไม่รู้หาย
 +
นางโกรธาด่าทอหยาบคาย  ถ่มน้ำลายรดให้ไม่ไยดี
 +
ขี้คร้านพูดจากับบ้าหลัง  น่าชังหนักหนาผินหน้าหนี
 +
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแสนทวี  ก็โศกีครวญคร่ำรำพรรณ์ไป
 +
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
</tpoem>
</tpoem>

การปรับปรุง เมื่อ 07:43, 24 สิงหาคม 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

บทประพันธ์

ท้าวสันนุราชหานางผมหอม

ช้า
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงท้าวสันนุราชจอมกษัตริย์
เสวยราชย์ธานีบุรีรัตน์กรุงพทธวิสัยสวรรยา
ท้าวมีอัคเรศมเหษีชื่อคันธมาลีเสนหา
อยู่ด้วยกันแต่หนุ่มคุ้มชราชันษาหกสิบสี่ปีปลาย
หน้าพระทนต์บนล่างห่างหักดวงพระพักต์เหี่ยวเห็นเส้นสาย
เกศาพึ่งจะประปรายรูปกายชายจะพีมีเนื้อ
พระเสวยมื้อละชามสามเวลาทรงกำลังวังชาประหลาดเหลือ
พอใจเกี้ยวผู้หญิงริงเรือผูกพันฟั่นเฝือไม่เบื่อใจ
ราวกับหนุ่มคลุ้มคลั่งนั่งบ่นจะหางามเล่นสักคนหนึ่งให้ได้
รำพึงคนึงคิดเปนนิจไปมิได้ว่างเว้นสักเวลา
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อจะมีเหตุเภทภัยให้เร่าร้อนฤทัยเปนหนักหนา
จึงชวนกำนัลกัลยาลงมายังที่ตำหนักแพ
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ท้าวเสด็จนั่งเหนือเรือบัลลังก์สาวสนมกรมวังเซงแซ่
พระเอนอิงพิงพนักผันแปรเหลียวแลเห็นผะอบลอยมา
หยิบขึ้นเขม้นอยู่เปนครู่เปิดดูก็เห็นเส้นเกศา
หอมกลิ่นรวยรื่นชื่นวิญญาพระนิ่งนึกตรึกตราในอารมณ์
ผมนี้ดีร้ายนางสาวน้อยแกล้งลอยหาคู่สู่สม
ชะรอยบุญเราเคยได้เชยชมจึงพบผะอบผมกัลยา
ฉุนคิดเคลิ้มคลั่งขึ้นทั้งแก่กะสันเสียวเหลียวแลชำเลืองหา
เห็นนางพนักงานคลานเข้ามายิ้มแย้มพยักหน้าว่านงลักษณ์
ค่อยขยดลดองค์ลงนั่งใกล้เห็นมิใช่ผุดลุกขึ้นกุกกัก
ดูนางห้ามแหนยิ่งแค้นนักให้ละล่ำละลักลืมองค์
ท้าวกอดผะอบทองประคองไว้มิได้ชำระสระสรง
ขึ้นจากเรือสุวรรณ์บรรจงเสด็จตรงมายังวังใน
ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปในห้องขึ้นบนแท่นทองผ่องใส
กอดผะอบประทับกับทรวงไว้ถอนฤทัยครวญคร่ำรำพรรณ์
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้ช้า
๏ โอ้ว่านวลน้องเจ้าของผมถ้าได้ชมจะถนอมเปนจอมขวัญ
เกศาหอมฟุ้งดังปรุงจันทน์จะทรงโฉมโนมพรรณ์ฉันใด
ทรวดทรงสูงต่ำดำขาวชันษาแก่สาวสักคราวไหน
แม้นรู้ว่าอยู่บุรีใดพี่จะไปติดตามเจ้าทรามชม
ถึงจะเปนกระไรก็ไม่ว่าแต่ให้ได้เห็นหน้าเจ้าของผม
คิดละห้อยละเหี่ยเสียอารมณ์ร้องไห้ร้องห่มไม่สมประดี
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นนางคันธมาลีมเหษี
เห็นพระพร่ำกำสรดโศกีจึงเข้าไปในที่บรรธม
แล้วนางทูลทัดภัศดาพระอย่าโศกเศร้าด้วยเผ้าผม
จงคิดรั้งรักหักอารมณ์แม้นเคยคู่สู่สมไม่คลาศแคล้ว
หยุดยั้งตั้งสติตริตรองดับความมัวหมองให้ผ่องแผ้ว
ทรงพระชราหนักหนาแล้วทูลกระหม่อมเมียแก้วจงหักใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชเคลิ้มองค์หลงไหล
เห็นเมียมาเซ้าซี้พิรี้พิไรขัดใจเกรี้ยวกราดตวาดอึง
ดูดู๋ทำราวกับสาวแส้ไม่เจียมตัวว่าแก่สักนิดหนึ่ง
แกล้งมานั่งเฝ้าพเน้าพนึงจะคอยหึงษ์หวงข้าฤๅว่าไร
ฉวยพระขรรค์งันงกกะปลกกะเปลี้ยพิโรธโกรธเมียดังเพลิงไหม้
สดุดโดนสาวสรรค์กำนัลในแล่นไล่ลุกล้มไม่สมประดี
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นองค์อัครชายามารศรี
ความกลัวอาญาพระสามีวิ่งหนีไปซ่อนซอนซุก
เหล่าพวกสาวสรรค์กำนัลนางวิ่งวางวนเวียนจนเจียนจุก
บ้างเข้าแฝงม่านคลานคลุกบ้างลุกแอบเตียงเมียงมอง
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชยิ่งเศร้าหมอง
แสนคนึงถึงเจ้าผะอบทองเสด็จตรงออกท้องพระโรงไชย
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ช้า
๏ ลดองค์ลงนั่งเหนืออาศน์พรั่งพร้อมอำมาตย์น้อยใหญ่
จึงตรัสสั่งมหาเสนาในเร่งไปร้องป่าวชาวพารา
ผู้ใดใครรู้เห็นบ้างตำแหน่งนางผมหอมเสนหา
ถ้าแม้นนำไปได้นางมาเงินทองเสื้อผ้าจะรางวัล
ท้าเย่าเรือนไร่นาจะหาให้ข้าไทชายหญิงทุกสิ่งสรรพ์
จงเร่งรีบรัดจัดกันไปป่าวร้องให้ทันวันนี้
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ บัดนั้นอำมาตย์รับสั่งใส่เกศี
ออกมาเกณฑ์กันทันทีเสนีตีฆ้องร้องป่าวไป
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นฝ่ายเถ้าทัศประสาทชาติไพร่
ฟังเสียงร้องป่าวก็เข้าใจนึกได้ลูกสาวของเจ้านาย
ผมหอมปรากฏรสเร้าจะนำเขาไปพามาถวาย
กูจะได้พึ่งบุญเปนคุณยายคิดแล้วเดินชายมาถามทัก
ท่านขามานี่จะบอกเล่านางผมหอมข้าเจ้านี้รู้จัก
รูปโฉมโนมพรรณ์ขยันนักจะอาสาทรงศักดิ์ไปพามา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเสนีถามซักเปนหนักหนา
เห็นถ้อยยำคำมั่นสัญญาก็รีบพายายเถ้าเข้าวังใน
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงคลานเข้าไปเฝ้าก้มเกล้าทูลแจ้งแถลงไข
ยายเถ้ารับคำจะนำไปว่าได้รู้จักนางเทวี
เปนลูกสาวท่านท้าวพรหมจักรปิ่นปักจันทราบุริศรี
แต่เมืองนั้นพลไพร่ไม่มีนกอินทรีย์กินตายเสียก่ายกอง
ที่ในวังยังแต่นางผมหอมงามพร้อมสารพัดไม่ขัดข้อง
บิดาซ่อนนางไว้ที่ในกลองจงทราบลอองพระบาทา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
             

๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชสำรวลร่า
ชื่นชมสมถวิลจินดาดังได้เห็นหน้านางนงเยาว์
จึงตรัสว่าถ้าสมคะเนนึกอึกกระทึกใจหายแล้วยายเถ้า
มั่งมีดีกว่าค้าตะเภาทุกข์ร้อนอะไรเล่ากับเงินทอง
ยายจะเอาอะไรไปบ้างท่าทางกันดารบ้านช่อง
เร่งรีบคลาไคลดังใจปองให้ได้นางในกลองกลับมา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นยายเถ้าทูลพลันด้วยหรรษา
จะเอาเรือเอกไชยไคลคลาไปรับกัลยามากรุงไกร
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชเปนใหญ่
ได้ฟังจึงสั่งเสนาในจงจัดเรือเอกไชยฉับพลัน
เกณฑ์ยกสำรับใหญ่ใส่ให้เต็มเลือกล้วนแต่เล่มคอนขยัน
เรือนำเรือตามจงครามครันให้ทันแต่ในเวลานี้
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเสนารับสั่งใส่เกศี
ออกจากวังวิ่งเปนสิงคลีจัดเรือตามมีพระบัญชา
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นยายเถ้าทำประหนึ่งกิ้งก่า
ขึ้นขี่แคร่คานหามคนตามมาประตูดินตีนท่าหน้าตะพาน
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ลงนั่งยังเรือเอกไชยพลพายนายไพร่อลหม่าน
ออกเรือพร้อมกันมิทันนานร้องขานโยนยาวฉาวมา
ฯ ๒ คำ ฯ เห่เรือ เชิด
๏ ผ่อนพักพลพายมาหลายแห่งน้ำเชี่ยวเรี่ยวแรงหนักหนา
สิบห้าวันถึงจันทบุราประทับท่าที่ท้ายเวียงไชย
จึงสั่งผู้คนพลพายทั้งไพร่นายอย่าเที่ยวไปข้างไหน
แต่ตัวของเราจะเข้าไปสมคะเนเมื่อไรจะกลับมา
สั่งแล้วเข้าสู่พระบูรีพรั่นตัวกลัวผีเปนหนักหนา
เห็นกระดูกเกลื่อนกลาดดาษดารีบเดินภาวนาเข้าในวัง
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นปราสาททองเมียงมองลับล่อแล้วถอยหลัง
เสียงคนพูดอยู่เงี่ยหูฟังทรุดนั่งแอบประตูดูท่วงที
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นโฉมนางจันท์สุดามารศรี
สมสู่อยู่ด้วยพระคาวีเปรมปรีดิ์ประดิพัทธ์กำหนัดใน
หยอกเย้ายิ้มแย้มแกมกลจะระคายผู้คนก็หาไม่
สงัดเงียบเซียบเสียงทั้งเวียงไชยสำราญใจอยู่ในห้องสองคน
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้นยายเถ้าเพ่งพิศคิดฉงน
ชายนี้ทีท่วงชอบกลเห็นจะไม่ใช่คนต่ำช้า
ใส่เครื่องประดับองค์ทรงพระขรรค์รูปโฉมโนมพรรณ์งามหนักหนา
ต่อจะเปนลูกเต้าท้าวพระยาจันท์สุดาจึงปลงลงใจ
กูคิดไว้ไม่สมอารมณ์คิดจะลงล้างชีวิตเสียให้ได้
แต่องค์กัลยาจะพาไปทูลถวายท้าวไทเอารางวัล
คิดพลางทางคลานเข้าไปหาทำทีกิริยาโศกศัลย์
ก้มกราบบาทาสุดาจันท์แล้วตีอกงกงันร่ำไร
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นโฉมตรูดูยายก็จำได้
เปนข้าเก่าเจ้าเคยช่วงใช้จึงพูดจาปราไสด้วยเมตตา
ยายหนีนกอินทรีย์ไปช้านานลูกหลานอยู่ไหนไม่เห็นหน้า
ฤๅนกมันกินสิ้นชีวาเออตาผัวอยู่ดอกฤๅยาย
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้นยายเถ้ากล่าวเกลี้ยงเบี่ยงบ่าย
ลูกหลานกระจัดพลัดพรายท่านตาก็ตายแต่คราวนั้น
ข้าไปอยู่เถื่อนถ้ำลำบากจึงพ้นปากปักษาไม่อาสัญ
ได้ยินเหล่าชาวป่าพูดจากันว่าแม่จันท์สุดาได้สามี
ข้าสู้ดั้นด้นมาจนถึงจะอยู่พึ่งบุญทั้งสองศรี
ยังพรั่นตัวกลัวแต่นกอินทรีย์มันมานี่ฤๅไม่เยาวมาลย์
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นโฉมจันท์สุดาจึงว่าขาน
ผัวข้ามาล้างมันวายปราณหายมาช้านานจนปานนี้
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นยายเถ้าทำเปนเกษมศรี
จึงว่าแม่คุณบุญสิ้นทีได้สามีเรืองอิทธิฤทธา
งามทั้งรูปโฉมโนมพรรณ์น่าชมสมกันหนักหนา
สมคิดของยายที่หมายมาจะอยู่กับกัลยาเปนข้าไท
แล้วทำท่วงทีกะปรี้กะเปร่าตักน้ำตำเข้าเอาใจใส่
ครั้นสองเจ้าเข้าที่บรรธรมในยายไปปฏิบัติพัดวี
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ
๏ เห็นพระราชานิทราสนิทนั่งพินิจพิศดูถ้วนถี่
ผิดกับกษัตราทุกธานีขัดพระขรรค์เข้าที่บรรธมใน
คิดพะวงสงสัยอย่างไรอยู่จะล่อลวงถามดูให้จงได้
ครั้นรุ่งรางส่างแสงอโณทัยยายเถ้าเข้าไปอยู่ในครัว
จันท์สุดามาทำเครื่องเสวยตามเคยจัดแจงแต่งให้ผัว
ยายเข้าเมียงหมอบยอบตัวแล้วว่าแม่ทูลหัวอย่าไว้ใจ
อันองค์ภัศดาสามีเห็นทีหาซื่อต่อแม่ไม่
เหน็บพระขรรค์บรรธมทุกคืนไปน่าจะแหนงแคลงฤทัยเทวี
แม่จงถามไถ่ให้ประจักษ์ถ้าท้าวรักก็จะแจ้งถ้วนถี่
แม้นมิบอกออกความลับลี้นานไปจะหนีแม่มั่นคง
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดาพาซื่อลุ่มหลง
สำคัญมั่นหมายว่ายายตรงโฉมยงเห็นชอบก็ตอบไป
จริงอยู่ยายว่าข้านึกพรั่นขัดพระขรรค์ติดองค์น่าสงสัย
จะทูลถามทรงศักดิ์ซักไซ้ให้ได้ความขำสำคัญ
ว่าพลางนางเข้าไปในที่ปรนนิบัติพัดวีให้ผัวขวัญ
ทำทีทอดสนิทติดพันนวดฟั้นนั่งแนบแอบอิง
สัพยอกหยอกเย้าแย้มสรวลชักชวนพูดจามารยาหญิง
ได้ช่องก็ฉะอ้อนวอนวิงทูลถามความจริงภูวไนย
น้องนึกกินแหนงแคลงจิตต์พระขรรค์ของทรงฤทธิเปนไฉน
มิได้ละวางให้ห่างไกลฤๅว่าไม่ไว้ใจน้อง
ฯ ๑๐ คำ ฯ
             

๏ เมื่อนั้นพระคาวีแจ้งระหัศขัดข้อง
หวั่นหวาดประหลาดจิตต์ผิดทำนองค่อยประคองเล้าโลมโฉมงาม
รับขวัญกัลยาแล้วพาทีวันนี้หลากใจมาไต่ถาม
ฤๅยายยุเจ้าจะเอาความบอกตามจริงเถิดนะเทวี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดากล่าวแกล้งแสร้งใส่สี
บิดเบือนเอื้อนอำทำท่วงทีอะไรนี่มาตรัสสะกัดสะแกง
น้องรักน้องถามตามซื่อควรฤๅมิบอกให้แจ้ง
เพราะพระทรงศักดิ์ไม่รักแรงว่าพลางนางกรรแสงโศกา
ผันพักตร์ผลักไสมิให้ต้องสบิ้งสบัดปัดป้องหัตถา
พิไรร่ำทำกลมารยาประหนึ่งว่าโฉมฉายจะวายวาง
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นพระคาวีเห็นน้องหมองหมาย
ค่อยตระโบมโลมลูบปฤษฎางค์ประคองนางนฤมลขึ้นบนเพลา
สร้วมสอดกอดรัดแล้วตรัสปลอบคิดเช่นนี้มิชอบโฉมเฉลา
พี่รักใคร่ในองค์นงเยาว์แม้จะเปรียบเทียบเท่าดวงใจ
อย่าโศกนักพักตร์น้องจะหมองศรีเจ้าผันหน้ามานี่จะบอกให้
พระขรรค์นี้พี่ฝังชีวิตต์ไว้ใครลักเข้าเผาไฟจะมรณา
ความจริงบอกเจ้าไม่อำพรางอย่าพูดมากปากสว่างฟังพี่ว่า
เห็นประจักษ์แจ้งแล้วฤๅแก้วตาพี่รักเจ้ายิ่งกว่าชีวาลัย
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดายิ้มย่องสนองไข
ทีนี้น้องเห็นรักประจักษ์ใจภูวไนยโปรดปรานปรานี
คุณของทรงฤทธิดังบิตุเรศเหมือนฉัตรแก้วกั้นเกศเกศี
จะขอเป็นเกือกทองรองธุลีไปกว่าชีวีจะวายปราณ
ทั้งสองสนิทพิศมัยถ้อยทีมีใจเกษมสานต์
คลึงเคล้าเย้ายวนชวนชื่นบานเยาวมาลย์ไม่มีราคีเคือง
ครั้นเวลาตวันบ่ายชายแสงนางออกมาจัดแจงแต่งเครื่อง
ใส่สุพรรณภาชน์ทองรองเรืองแลเห็นยายชายชำเลืองเข้ามา
ยิ้มพลางทางว่าอย่าทุกข์เลยยายเอ๋ยผัวรักข้าหนักหนา
เล่าความตามคำภัสดาแล้วกำชับกำชาสารพัน
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นยายเถ้าฟังคำทำรับขวัญ
จูบบาทซ้ายขวาแล้วว่าพลันลูกไม่เปนเช่นนั้นดอกแม่คุณ
เกลือกสามีมิรักจึงให้ถามใช่จะแกล้งกล่าวความให้เคืองขุ่น
ข้าเปนผู้น้อยพลอยพึ่งบุญไม่โว้เว้เนรคุณอย่าแคลงใจ
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดาพาซื่อไม่สงสัย
คิดว่าข้าหลวงเดิมเคลิ้มไปหลงใหลนับถือว่าซื่อตรง
ครั้นจัดแจงแต่งเครื่องเสร็จสรรพให้ยายยกสำรับออกไปส่ง
ตั้งถวายภูวไนยด้วยใจจงโฉมยงหมอบกรานอยู่งานพัด
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระคาวีฤทธิรงค์ทรงสวัสดิ์
แกล้งเสวยเข้าของจนท้องคัดแล้วตรัสสัพยอกหยอกน้อง
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นยายเถ้ากระหยิ่มยิ้มย่อง
สมหวังดังจิตต์คิดปองได้ช่องจะฆ่าพระคาวี
ทำเปนเข้าไปให้ใช้สอยหมอบคอยถือชุดจุดบุหรี่
พูดชักนิทานบ้านเมืองดีประเพณีกษัตริย์สุริวงศ์
แม้นได้สมบัติพัศถานย่อมแต่งการมุรธาภิเษกสรง
ไปยังฝั่งน้ำดังจำนงสระเกศาทุกองค์กษัตรา
นี่พระจะผ่านไอสูรย์สืบประยูรสุริย์วงศ์พงศา
เชิญเสด็จไปสรงคงคาตามอย่างท้าวพระยามาแต่ไร
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระคาวีลุ่มหลงไม่สงสัย
จึงตรัสว่าคิดชอบเราขอบใจจะทำให้ต้องตามประเพณี
ยายเปนผู้ใหญ่ได้เคยพบจงแต่งเครื่องให้ครบตามที่
แม้นได้ฤกษ์งามยามดีจะไปสระเกศีให้สำราญ
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้นยายเถ้ารับสั่งเกษมสานต์
หยิบโน่นฉวยนี่ตลีตลานจัดใส่ในพานแล้วยกมา
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสองกษัตริย์ยินดีเปนหนักหนา
ชวนเถ้าทัศประสาทยาตราลงมาตามฉนวนในวัง
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงช้า
๏ บัดนั้นยายเถ้าเจ้าเล่ห์ทำล้าหลัง
แวะเข้าก่อไฟใส่ประดังแล้ววิ่งตึงตังตามมา
ทันสองกษัตริย์ริมนัทีวางพานไว้ที่ร่มพฤกษา
เห็นพระจะลงในคงคายายทำเปนว่าแล้วแย้มยิ้ม
ไฉนเหน็บพระขรรค์ไว้มั่นคงลงสรงถูกน้ำจะเป็นถนิม
เสียดายพลอยประดับล้วนทับทิมจะช่วยเชิญไว้ริมชลธาร
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระคาวีฟังคำที่ว่าขาน
ไม่ทันรู้เล่ห์กลคนบุราณเพราะกรรมนั้นบันดาลให้งวยงง
ชักพระแสงทรงยื่นให้ยายเถ้าแล้วชวนโฉมเฉลาลงสรง
ชำระสระสนานสำราญองค์เวียนวงแหวกว่ายวารี
พระหยอกนางทางกอบคงคาซัดบังอรค้อนสบัดเบือนหนี
เลี้ยวไล่ไขว่คว้ากัลยาณีสรวลระริกซิกซี้สำราญใจ
ฯ ๖ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
๏ บัดนั้นยายเถ้าแสนร้ายหมายได้
เห็นสององค์ลงเล่นชลาลัยก็วิ่งไปยังกองอัคคี
เอาพระขรรค์นั้นวางกลางเพลิงชุมฟืนสุมใส่เข้าเผาจี่
ก่อพลางเหลียวดูพระภูมีแล้วเป่าปัดพัดวีวุ่นไป
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ เมื่อนั้นพระคาวีร้อนรนไม่ทนได้
เจียนจักพินาศขาดใจแลไปดูยายก็หายตัว
เรียกเมียว่าช่วยพี่ด้วยเจ้าครั้งนี้อีเถ้ามันฆ่าผัว
เรียกพลางองค์สั่นอยู่รันรัวค่อยทรงตัวขึ้นจากคงคาลัย
จะยืนยั้งตั้งกายก็ไม่ตรงนางโฉมยงเข้าประคองแล้วร้องไห้
ล้มลงกลางหาดจะขาดใจภูวไนยร่ำสั่งบังอร
ฯ ๖ คำ ฯ
             

โอ้ปี่
๏ โอ้ว่าโฉมยงนงลักษณ์มิเสียทีที่รักสายสมร
ครั้งนี้ชีวิตต์จะม้วยมรณ์เพราะเจ้าวอนไต่ถามความลับ
พี่ก็บอกออกให้ด้วยใจซื่อควรฤๅย้อนยอกกลอกกลับ
มิได้ฟังคำที่กำชับไปบอกกับยายเถ้าเจ้ามารยา
มันคิดร้ายหมายล้างชีวิตต์พี่ทีนี้สุดสิ้นวาศนา
เวราเราแล้วนะแก้วตาจะขอลาโฉมฉายวายปราณ
พระสุดสิ้นกำลังไม่สั่งได้ด้วยดวงจิตต์พิษไฟเผาผลาญ
เอนอิงพิงองค์นงคราญภูบาลซอนซบสลบไป
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดาเห็นผัวตักษัย
กอดศพภัศดาโศกาลัยทรามวัยครวญคร่ำรำพรรณ
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้
๏ โอ้ว่าพระองค์ทรงเดชเกิดเหตุทั้งนี้เพราะเมียขวัญ
เชื่ออีเถ้าแพศยาอาธรรม์จนมันลอบทำให้จำตาย
ครั้งนี้มิชั่วก็เหมือนชั่วคิดแค้นใจตัวไม่รู้หาย
อดสูอยู่ไยให้ได้อายจะสู้ตายตามองค์พระทรงธรรม์
ว่าพลางทางกราบกับตีนผัวทอดตัวโศกาเพียงอาสัญ
สองกรข้อนทรวงรุมรันทรงกรรแสงซบสลบไป
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ บัดนั้นยายเถ้าเผาพระขรรค์จนเหงื่อไหล
เสลือกสลนซนฟืนใส่ไฟหายใจกระหมอบหอบเต็มที
แล้ววิ่งมาดูสององค์เห็นล้มลงนิ่งแน่อยู่กับที่
ไม่ไหวกายตายจริงแล้วคราวนี้วางวิ่งตาลีตาลานมา
เห็นนางกอดศพสลบไสลก็แจ้งใจว่ายังไม่สังขาร์
จึงอุ้มองค์อรไทยไคลคลาไปยังท่าที่ประทับฉับไว
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ วางนางลงเหนือเรือนั่งปิดบังม่านทองผ่องใส
ให้เร่งออกนาวาคลาไคลสุ่มไล่สามเล่มมาเต็มที่
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นโฉมจันท์สุดามารศรี
ครั้นฟื้นคืนได้สมประดีคว้าหาสามีไม่พบพาน
ผันแปรแลเหลือบมาเห็นยายโฉมฉายชี้หน้าแล้วว่าขาน
ทุดอีเถ้าทรชนคนพาลอัปรีสีกระบานเปนพ้นไป
ลอบฆ่าสามีแล้วมิหนำมึงจะซ้ำพากูไปข้างไหน
ชั่วช้าสารพัดน่าขัดใจจะตบให้ย่อยยับลงกับมือ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นยายเถ้าปลอบว่าอย่าอึงอื้อ
จะพาไปบ้านเมืองให้เลื่องฦๅได้ออกหน้าค่าชื่อยิ่งกว่านี้
ทรงธรรม์สันนุราชเรืองไชยจะเษกให้แม่เปนมเหษี
อย่าทรงโศกโศกาถึงสามีเทวีจะเปนสุขทุกเพรางาน
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดาดาลเดือดไม่เหือดหาย
โกรธาด่าทอมากมายอย่าพักพูดอุบายให้ตายใจ
ผัวกูวอดวายจะตายด้วยที่จะให้เอออวยอย่าสงสัย
ว่าพลางทางทรงโศกาลัยครวญคร่ำร่ำไรไปมา
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
โอ้ปี่
๏ โอ้พระทูลกระหม่อมของเมียเอ๋ยพระคุณเคยปกเกล้าเกศา
อยู่เย็นเปนสุขทุกเวลาวันนี้มาจากองค์พระทรงฤทธิ
เพราะเมียชั่วช้าพาซื่อเชื่อถืออีเถ้าทุจริต
บอกความลับมันไม่ทันคิดจนพระสิ้นชีวิตวายวาง
พ่อเจ้าประคุณของน้องเอ๋ยกรรมสิ่งไรเลยได้เคยสร้าง
จึงมีอีเถ้ามาตามล้างเลิศร้างภัศดามาแต่ตัว
น่าสงสารปานนี้ผัวแก้วจะตรำแดดอยู่แล้วพระทูลหัว
ยิ่งคิดขุ่นข้องหมองมัวทอดตัวเกลือกกลิ้งนิ่งไป
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ บัดนั้นยายเถ้าวักน้ำมาลูบให้
เห็นนางสมประดีก็ดีใจเร่งฝีพายพายไล่สุ่มมา
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงประทับตำหนักแพพอเห็นท่านเถ้าแก่ก็ไปหา
ยายเถ้าเล่าความตามกิจจาอย่าช้าช่วยทูลพระทรงธรรม์
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเถ้าแก่แร่ไปขมีขมัน
ครั้นถึงจึงทูลว่ายายนั้นได้นางจันท์สุดามาแล้ว
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชเร่งผ่องแผ้ว
จึงเสด็จจากอาศน์คลาศแคล้วตามแถวท้องฉนวนด่วนไป
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงตำหนักแพแลเห็นยายพระแย้มยิ้มพริ้มพรายปราไส
ยายทำความชอบข้าขอบใจว่าพลางพยักให้เผยม่านทอง
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ชมโฉม
๏ พระพินิจพิศโฉมจันท์สุดานางในใต้ฟ้าไม่มีสอง
ผิวเนื้อเรื่อเหลืองเรืองรองพักตร์ผ่องเพียงดวงจันทรา
อรชรอ้อนแอ้นเอวองค์เนตรขนงน่ารักหนักหนา
ตลึงแลดูนางไม่วางตาพระราชาแย้มยิ้มกระหยิ่มใจ
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ จึงเรียกวอสุวรรณ์บรรจงรับองค์เทวีศรีใส
แห่ห้อมพร้อมพรั่งเข้าวังในเสด็จตามทรามวัยมาทันที
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงสั่งให้พานางไปอยู่ปรางค์ปราสาทศรี
ตรัสพลางย่างเยื้องจรลีมาเข้าที่ชำระสระสรงน้ำ
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
             

โทน
๏ ลูบไล้สุคนธ์ปนปรุงดมดูกลิ่นฟุ้งหอมฉ่ำ
หยิบภูษามาทรงแล้วลูบคลำยกทองท้องช้ำชอบพระทัย
ห่มสีทับทิมกรองคล้องคอใครดูกูหนุ่มฟ้อขึ้นฤๅไม่
นั่งมองส่องกระจกยิ้มละไมก็ยังไม่แก่กระไรทีเดียวนัก
ผมเผ้าพิศดูไม่สู้หงอกเสียสิ่งเดียวดอกแต่ฟันหัก
ถึงกระนั้นโฉมยงก็คงรักแล้วทรงศักดิ์เสด็จจากแท่นทอง
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
ร่าย
๏ เดินเหินรัดกุมเหมือนหนุ่มแน่นลอยชายกรายแขนเข้าในห้อง
พิศดูตัวพลางทางเยี่ยมมองตามช่องฉากบังกระทั่งไอ
เห็นนางซบพักตราโศกาอยู่จะเหลียวดูภูมีก็หาไม่
ค่อยนั่งลงข้างองค์อรไทยแล้วปราไสเกี้ยวพานหว่านล้อม
ฯ ๔ คำ ฯ
ชาตรี
๏ สาวเอยสาวสวรรค์น้อยฤๅนั่นน่าชมนางผมหอม
งามสิ้นทุกสิ่งพริ้งพร้อมดูละม่อมหมดอย่างเหมือนนางฟ้า
นี่กุศลหนหลังเราทั้งสองเคยเปนคู่ครองเสนหา
เก็บดอกไม้ไหว้พระด้วยกันมาวาศนาทำไว้จึงได้น้อง
แต่วันพบผะอบผมเจ้าลอยน้ำพี่ครวญคร่ำโศกาหาเจ้าของ
ให้เสนาข้าเฝ้าเที่ยวป่าวร้องได้ข่าวน้องเพราะยายค่อยคลายใจ
ทีนี้เสร็จสมอารมณ์นึกดังเอาน้ำอำมฤตมารดให้
ถึงจะได้นางฟ้าสุราลัยไม่ดีใจเหมือนเจ้าเยาวมาลย์
เชิญผินพักตรามาพาทีเสียแรงพี่ว่าวอนด้วยอ่อนหวาน
จะครวญคร่ำร่ำร้องไม่ต้องการจงพูดจาว่าขานกันโดยดี
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นโฉมจันท์สุดามารศรี
ฟังท้าวเจ้าพาราพาทีเทวีกลุ้มกลัดขัดใจ
ถอยองค์ออกไปเสียให้ห่างแล้วนางค่อนว่าไม่ปราไส
นี่แน่ออเถ้าเจ้ากรุงไกรช่างไม่คิดถึงตัวมัวเมา
จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รุ้ยังจะเที่ยวเกี้ยวชู้อยู่อีกเล่า
จนฟันหักผมหงอกเหมือนดอกเลาลูกเขาเมียเขาก็ไม่คิด
คบกันกับอีเถ้าเจ้าเล่ห์ทำการเกเรทุจริต
ลอบฆ่าสามีกูม้วยมิดมิหนำซ้ำปลิดเอาเมียมา
อย่าพักว่าวอนให้อ่อนใจกูไม่มุ่งมาดปรารถนา
ว่าพลางนางทรงโศกากัลยาโศกศัลย์รันทด
ฯ ๑๐ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ ทรามเอยทรามสงวนอย่ารัญจวนครวญคร่ำกำสรด
ถึงเจ้าโกรธโกรธาว่าประชดจะออมอดไม่ถืออรไทย
อย่าเยาะเย้ยเลยเจ้าว่าเถ้าแก่พี่แพ้ฟันดอกจะบอกให้
อันอายุอานามกับทรามวัยเห็นจะไม่กะไรกันนัก
อย่าชิงชังรังเกียจที่หนุ่มแก่จงชมแต่ยศถาบันดาศักดิ์
พี่จะเษกโฉมยงนงลักษณ์ให้เปนเอกอัครเทวี
ทักวันท่านยายก็แก่เถ้าขอเชิญเจ้าร่วมแท่นแทนที่
สมบัติพัศถานเรามั่งมีคงดีกว่าผัวเก่าของเจ้าจน
พี่ให้ไปรับน้องมาหวังว่าจะรักเปนพักผล
จะแขงขัดตัดรอนไม่ผ่อนปรนใช่ที่นฤมลจะพ้นมือ
ว่าพลางทางถัดเข้าใกล้ลูบไล้เลียมลองจะต้องถือ
ให้เร่าร้อนฤทัยดังไฟฮือแล้วหดมือถอยหลังรั้งรอ
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดาไม่กลัวทำหัวร่อ
ตบมือชี้หน้าด่าทอเคืองขัดตัดพ้อภูวไนย
อย่าอวดโอ้โอหังว่ามั่งมีหานิยมยินดีของมึงไม่
พูดจาบ้าลำโพงโป้งไปคนอะไรใครบ้างอย่างนี้
ไม่คิดว่าแก่เถ้าจะเข้าโลงยังโอ่โถงทำหนุ่มน่าบัดสี
ไม่ช้านักสักปีหนึ่งสองปีจะได้เกี้ยวกับผีที่ป่าช้า
น่าหัวร่อทั้งทุกข์สนุกจ้านดื้อด้านซานซมหนักหนมหนักหนา
ดูเหมือนมิใช่ท้าวพระยาเวทนาเชิญไปเสียให้พ้น
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชคิดขัดสน
จะเล้าโฉมนางนฤมลเห็นไม่หย่อนผ่อนปรนก็จนใจ
อำนาจนางซื่อสัตย์ต่อภัศดาพระราชาร้อนรนไม่ทนได้
จึงเสด็จย่างย่องจากห้องในรีบไปสรงชลกระวนกระวาย
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ ตักวารีรดหมดแม่ขันแต่กระนั้นร้อนใจมิใคร่หาย
หยิบเครื่องสุคนธามาละลายลูบชะโลมโซมกายค่อยคลายร้อน
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ พระนั่งง่วงโงกหงับหลับตาคิดถึงจันท์สุดาดวงสมร
นิจจาเจ้าช่างสลัดตัดรอนไม่ผันผ่อนปรานีพี่บ้างเลย
เสียแรงให้ไปรับน้องมาหวังว่าจะร่วมเรียงเคียงเขนย
พี่เฝ้าปลอบโฉมงามทรามเชยน้องเอ๋ยไม่ปลดปลงลงใจ
อันเล่ห์กลสัตรีนี้ฦกล้ำจะเชื่อถือถ้อยคำยังไม่ได้
เห็นจะเปนมารยาพิราในจะเกี้ยวแก้มือใหม่อีกสักครั้ง
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ คิดพลางแต่งองค์ทรงภูษาห่มห่มนอนราคากว่าสองชั่ง
แล้วดำเนินเดินดุ่มสุ่มตะรังขึ้นนั่งบนเตียงเคียงนาง
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ น้องเอ๋ยน้องรักจงผินพักตร์มาพูดกับพี่บ้าง
เอออะไรไม่พอที่พอทางจะทำให้เขินค้างอยู่กลางคัน
แม้นมิได้เชยชมสมหมายจะสู้วายชีวาอาสัญ
แต่พี่มีเมียมานับพันไม่เหมือนขวัญเนตรต้องต้องติดใจ
จริงจริงพี่รักเจ้าหนักหนาไม่เสแสร้งแกล้งว่าสบถได้
เจ้าจงเมตตาอาลัยอย่าให้ไผ่ผอมตรอมใจตาย
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ ได้เอยได้ฟังแค้งคั่งเคืองหูไม่รู้หาย
นางโกรธาด่าทอหยาบคายถ่มน้ำลายรดให้ไม่ไยดี
ขี้คร้านพูดจากับบ้าหลังน่าชังหนักหนาผินหน้าหนี
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแสนทวีก็โศกีครวญคร่ำรำพรรณ์ไป
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
             

             

             

             

ท้าวสันนุราชชุบตัว

             

นางคันธมาลีขึ้นเฝ้า

             

พระคาวีรบกับไวยทัต

             

เพลงยาวชมพระราชนิพนธ์

             

เชิงอรรถ

ที่มา

บทละครนอกเรื่อง คาวี สถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๔๐

( ขอขอบคุณ คุณโอม สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน )

เครื่องมือส่วนตัว