บทละครนà¸à¸à¹€à¸£à¸·à¹ˆà¸à¸‡à¸ªà¸±à¸‡à¸‚์ศิลป์ชัย
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
(→) |
(→) |
||
แถว 1,953: | แถว 1,953: | ||
จึงบอกสังข์ศิลป์ชัยดังใจปอง การของเจ้าเสร็จทั้งพารา | จึงบอกสังข์ศิลป์ชัยดังใจปอง การของเจ้าเสร็จทั้งพารา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ==== ==== | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ร่าย | ||
+ | ๏ เมื่อนั้น พระสังข์บังคมด้วยหรรษา | ||
+ | จึงทูลว่าข้าน้อยจะขอลา ออกไปรับบิดามาวังใน | ||
+ | ว่าพลางจัดแจงแต่งองค์ สอดทรงเครื่องทิพย์สุกใส | ||
+ | จับศรพระขรรค์อันเกรียงไกร รีบไปที่ประทับพลับพลา | ||
+ | ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ครั้นถึงจึงตรงเข้าในห้อง บังคมสองกษัตริย์หรรษา | ||
+ | ปราศรัยสุพรรณกัลยา พูดจาสรวลสันต์สำราญใจ | ||
+ | ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เมื่อนั้น พระบิดายินดีจะมีไหน | ||
+ | กอดจูบลูบหลังสังข์ศิลป์ชัย อย่าเพ่อพูดอื่นไปเลยลูกรัก | ||
+ | เจ้าเข้าไปได้การบ้างหรือเปล่า จงเล่าความไปให้ประจักษ์ | ||
+ | มารดายังพิโรธโกรธขึ้งนัก หรือลูกรักวิงวอนค่อยอ่อนใจ | ||
+ | ฯ ๔ คำ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เมื่อนั้น พระสังข์ทูลแจ้งแถลงไข | ||
+ | เมื่อลูกบอกออกนามภูวไนย แม่โกรธนี่กระไรหาไม้เรียว | ||
+ | ห้ามมิให้ว่าข้าขืนว่า ท่านหวดซ้ายป่ายขวาจนขาเขียว | ||
+ | แล้วจับลูกผูกมือด้วยเชือกเกลียว ข้ากัดฟันเกรี้ยวเกรี้ยวไม่เกรงกลัว | ||
+ | แม่ไกรสรวอนขอโทษไว้ แก้มือเสียได้ค่อยยังชั่ว | ||
+ | ลูกแกล้งทำมารยาจะฆ่าตัว พระแม่กลัวจะตายมายุดไว้ | ||
+ | ลูกแสแสร้งแกล้งทำฮึดฮัด สะบิ้งสะบัดจะหนีออกให้ได้ | ||
+ | พระแม่ตระหนกตกใจ รับไว้ว่าจะดีด้วยบิดา | ||
+ | ฯ ๘ คำ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เมื่อนั้น ท้าวเสนากุฏสำรวลว่า | ||
+ | ช่างไม่ย่อท้อพ่อนี้นา น้อยหรือแข้งขายังเป็นแนว | ||
+ | แล้วหยิบพานหมากมาค้นหาไพล ฝนทารอยไม้ให้ลูกแก้ว | ||
+ | กอดจูบลูบไล้ไม่รู้แล้ว ผ่องแผ้วพระทัยทรงธรรม์ | ||
+ | พลางเตือนลูกยาช้าไยเล่า จงพาพ่อเข้าไปในเขตขัณฑ์ | ||
+ | จะได้พบมารดาพูดจากัน ง้องอนผ่อนผันให้เต็มที | ||
+ | แล้วสั่งพระน้องกับนัดดา เจ้าจงอยู่พลับพลาทั้งสองศรี | ||
+ | ว่าพลางย่างเยื้องจรลี มาเข้าที่ชำระสระสรงน้ำ | ||
+ | ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | โทน | ||
+ | ๏ ลูบไล้สุคนธ์ปนปรุง หมายจะให้หอมฟุ้งไปยังค่ำ | ||
+ | นุ่งผ้ายกทองท้องช้ำ คาดเข็มขัดทองคำชมพูนุท | ||
+ | ฉลององค์ทรงเครื่องเรืองอร่าม พิศดูตัวงามดังเทพบุตร | ||
+ | สอดทรงธำมรงค์เรือนครุฑ กลัวจะหลุดเลือกใส่ที่ได้นิ้ว | ||
+ | ทรงมงกุฏเก็จเพชรกระจ่าง ผูกสายรัดคางจนหน้านิ่ว | ||
+ | หยิบกระจกมาส่องลองเล่นคิ้ว เสกขี้ผึ้งผัดผิวพักตรา | ||
+ | ฯ ๖ คำ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ร่าย | ||
+ | ๏ ครั้นเสร็จเสด็จยุรยาตร ดำเนินนาดกรกรายซ้ายขวา | ||
+ | ยืนยั้งสั่งเสียสุมณฑา แล้วชวนพระลูกยาคลาไคล | ||
+ | ฯ ๒ คำ ฯ เพลง | ||
+ | |||
+ | |||
+ | กระบอก | ||
+ | ๏ ครั้นถึงเห็นเมืองเรืองอร่าม ล้วนแก้วเก้าเงางามสุกใส | ||
+ | ท้าวนึกตระหนักตกใจ เออเมืองอะไรนี่ลูกรัก | ||
+ | ปรางค์มาศราชฐานแต่ล้วนแก้ว ประหลาดแล้วแลดูไม่รู้จัก | ||
+ | พ่อเห็นต่อจะเป็นเมืองยักษ์ กลับเถิดลูกรักอย่างอยู่นาน | ||
+ | ฯ ๔ คำ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ร่าย | ||
+ | ๏ เมื่อนั้น พระสังข์ยิ้มพลางทางว่าขาน | ||
+ | เมืองนี้ไม่มียักษ์มาร โน่นปราสาทราชฐานพระมารดา | ||
+ | เชิญเสด็จเข้าไปในวัง อย่ารอรั้งอยู่เลยฟังลูกว่า | ||
+ | สารพัดไพรีไม่มีมา พระบิดาอย่าประหวั่นพรั่นใจ | ||
+ | ฯ ๔ คำ ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ==== ==== | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ เมื่อนั้น ท้าวเสนากุฏยังสงสัย | ||
+ | เอาสัญญาว่าแก่สังข์ศิลป์ชัย ฉวยกระไรอย่าวิ่งทิ้งบิดา | ||
+ | ว่าพลางย่างเยื้องจรจรัล ถึงประตูเทวัญอยู่รักษา | ||
+ | ท้าวเขม้นเห็นเทพเทวา ตกประหม่าเหลียวแลลนลาน | ||
+ | ผินหน้ามาสะกิดลูกชาย ดูดู๋เห็นจ้านายไม่บอกขาน | ||
+ | แล้วทรุดนั่งตั้งท่าจะกราบกราน พระกุมารฉวยฉุดยุดมือไว้ | ||
+ | แล้วว่าเขาเหล่านี้นายประตู เอออะไรไม่ดูด่วนนั่งไหว้ | ||
+ | ว่าพลางทางพากันคลาไคล เข้าไปถึงประตูชั้นกลาง | ||
+ | ฯ ๘ คำ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เมื่อนั้น เทวาเฝ้าประตูอยู่สองข้าง | ||
+ | แกล้งแผลงฤทธาถืองาช้าง กัดต่างท่อนอ้อยอร่อยใจ | ||
+ | แลเห็นพระยาหน้าตาตื่น ยิ้มพลางทางยื่นอ้อยให้ | ||
+ | แล้วว่าท้าวมาแต่ทางไกล กินแล้วจึงไปให้สำราญ | ||
+ | ท้าวกัดไม่ออกบอกลูกน้อย เอออ้อยอะไรจึงไม่หวาน | ||
+ | สังข์ศิลป์ชัยว่าน่ารำคาญ อ้อยตาลอะไรที่ไหนมี | ||
+ | งาช้างทั้งอันไม่เห็นหรือ ยังจะถือไว้ได้ไม่บัดสี | ||
+ | ว่าพลางทางพาจรลี มาถึงที่ปราการกั้นชั้นใน | ||
+ | ฯ ๘ คำ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เมื่อนั้น เทวัญซึ่งอยู่ประตูใหญ่ | ||
+ | ถือเพชรเกล็ดกินสบายใจ เห็นท้าวเข้ามาใกล้ก็แย้มยิ้ม | ||
+ | แล้วว่าไปไหนมาพระยาพี่ ดูท่วงทีโศกเศร้าเหงาหงิม | ||
+ | นี่แน่ขาข้าให้ลูกทับทิม ลองชิมดูสักหน่อยอร่อยนัก | ||
+ | ท้าวกัดไม่ออกบอกว่าแข็ง ทับทิมแห้งเคี้ยวมันกลัวฟันหัก | ||
+ | ว่าพลางทางยื่นให้ลูกรัก เจ้าลองดูสักสองสามเม็ด | ||
+ | พระสังข์ยิ้มพลางทางว่า เมื่อตะกี้กัดงายังไม่เข็ด | ||
+ | เดี๋ยวนี้จะซ้ำมากินเพชร เชิญเสด็จไปเถิดอย่าหยุดเลย | ||
+ | ฯ ๘ คำ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เมื่อนั้น พระบิดาหน้าเก้อแกล้งเชือนเฉย | ||
+ | ได้ยินเขาหัวเราะเยาะเย้ย ยิ่งขวยเขินเดินเลยรีบมา | ||
+ | ฯ ๒ คำ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ชมตลาด | ||
+ | ๏ ถึงท้องตลาดใหญ่ใกล้วัง เห็นนางนั่งร้านรายทั้งซ้ายขวา | ||
+ | รูปโฉมโนมพรรณเพียงขวัญตา พิศผ้านุ่งห่มก็สมตัว | ||
+ | ขายล้วนแก้วแหวนเงินทอง สิ่งของอย่างดีไม่มีชั่ว | ||
+ | เห็นรูปเขางามงามให้คร้ามกลัว ก้มตัวดำเนินเดินไป | ||
+ | ฝูงนางแม่ค้าก็ร้องหยอก นี่พระยาบ้านนอกจะไปไหน | ||
+ | แวะมานั่งเล่นก่อนเป็นไร ดูดู๋นิ่งเสียได้ไม่พาที | ||
+ | นางหนึ่งจึงร้องเรียกหา ซื้ออะไรหรือขาพระยาพี่ | ||
+ | ทั้งแพรทั้งผ้าของข้ามี ล้วนดีดีดูเล่นก็เป็นไร | ||
+ | ลางนางบ้านบอกขายแหวน มาซื้อเพชรรังแตนให้เมียใส่ | ||
+ | ดูดู๋แกล้งเดินเลยเฉยไป พลางเข้าใกล้จับมือยื้อยุด | ||
+ | นางหนึ่งจึงถามว่านี่หรือ ที่ชื่อพระยาเสนากุฏ | ||
+ | ท้าวสะบัดมือนางพลางรีบรุด เดินสะดุดร้านรวมเขาร่ำไป | ||
+ | ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ร่าย | ||
+ | ๏ ถึงพระลานที่ลาดแก้วผลึก เห็นแวววาวท้าวนึกว่าน้ำไหล | ||
+ | เหลืยวหน้ามาถามสังข์ศิลป์ชัย เราจะข้ามอย่างไรเล่าลูกอา | ||
+ | เรืองจ้างที่นี่มีหรือเปล่า ให้เบี้ยเขาข้ามส่งขึ้นถึงท่า | ||
+ | พ่อดูน้ำลึกราวสักเก้าวา จะว่ายข้มาคงคาแสนสุดใจ | ||
+ | ฯ ๔ คำ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เมื่อนั้น พระสังข์สรวลสันต์ไม่กลั้นได้ | ||
+ | จึงว่าพระบิดานี่อะไร มิใช่น้ำท่าอย่ารอรั้ง | ||
+ | แก้วผลึกเขาลาดดาดพื้น แต่เห็นเหมือนคลื่นก็ถอยหลัง | ||
+ | เชิญเสด็จเดินไปเข้าในวัง อย่าได้หยุดยั้งฟังลูกยา | ||
+ | ฯ ๔ คำ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เมื่อนั้น พระบิตุรงค์สงสัยเป็นหนักหนา | ||
+ | จึงว่าน้ำเห็นแน่อยู่แก่ตา ยังเถียงว่าเปล่าเปล่าอีกเจ้ากรรม | ||
+ | พระสังข์เข้าพยุงจุงย่างย่อง ท้าวร้องว่าอย่าอย่าจะถลำ | ||
+ | ยืนหยุดทรุดนั่งเอามือคลำ มิใช่น้ำจริงจริงของเจ้าแล้ว | ||
+ | งวยงงหลงแลตะลึงตะไล พิศวงหลงไหลด้วยแสงแก้ว | ||
+ | พระลูกรักตักเตือนให้คลาดแคล้ว ไปตามแนวถนนในวัง | ||
+ | ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ==== ==== | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ ครั้นถึงปราสาทแก้วแววไว สาวสวรรค์กำนัลในอยู่พร้อมพรั่ง | ||
+ | เห็นสามนางนฤมลบนบัลลังก์ ท้าวตั้งตาดูเป็นครู่พัก | ||
+ | แต่ละองค์ทรงโฉมมิใช่ชั่ว แปลกเมียของตัวไม่รู้จัก | ||
+ | เหลียวหน้ามากระซิบถามลูกรัก ประหลาดนักมารดาเจ้าองค์ใด | ||
+ | ฯ ๔ คำ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เมื่อนั้น พระสังข์ฟังคำทำบอกใบ้ | ||
+ | เห็นพ่อแลเปล่าไม่เข้าใจ แกล้งเดินเข้าไปมิได้ช้า | ||
+ | ขึ้นนั่งบนเตียงเคียวพระแม่ แล้วแลดูพ่อพยักหน้า | ||
+ | แสร้งทำแย้มสรวลชวนพูดจา จะให้พระบิดาแจ้งใจ | ||
+ | ฯ ๔ คำ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เมื่อนั้น ท้าวเสนากุฏยังสังสัย | ||
+ | เข้ามานั่งแอบหลังสังข์ศิลป์ชัย ดูไม่ตระหนักประจักษ์ตา | ||
+ | จึงถามเป็นแยบคายปรายเปรย คนไหนแม่เจ้าเอ๋ยเมียของข้า | ||
+ | องค์นั้นหรือองค์นี้เจ้าอา ผัวตามมาหาจงปรานี | ||
+ | ฯ ๔ คำ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เมื่อนั้น นางสุชาดาว่าบัดสี | ||
+ | ไม่เคยพบเคยเห็นเช่นนี้ เข้ามาได้ไล่ชี้เสียทุกคน | ||
+ | กลางวันแสกแสกว่าแปลกหน้า ดูเป็นครู่หูตาไม่เห็นคน | ||
+ | หรือว่าถูกเสน่ห์เล่ห์กล ฤทธิ์เดชเวทมนตร์เข้าจับตา | ||
+ | ฯ ๔ คำ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เมื่อนั้น ท้าวเสนากุฏพูดแก้หน้า | ||
+ | ข้าไม่มีโมโหโกรธา ตามแต่เจ้าจะว่าเถิดเทวี | ||
+ | จะขอถามแม่แต่ตามชื่อ ตัวเจ้าแลหรือเป็นเมียพี่ | ||
+ | อย่าถือโกรธโกรธาให้ช้าที บอกกันดีดีเถิดแม่คุณ | ||
+ | ฯ ๔ คำ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เมื่อนั้น นางสุชาดาเห็นว้าวุ่น | ||
+ | จึงว่าข้าไม่รู้จักมักคุ้น อย่าแม้เจ้าแม่คุณเข้ามาเลย | ||
+ | ลูกเมียอยู่ไนไม่ไปหา ช่างดุ่มเดาเข้ามาทำหน้าเฉย | ||
+ | ว่าพลางหัวเราะเยาะเย้ย เจ้าข้าเอ๋ยท้าวเธอเก้อแล้วซิ | ||
+ | ฯ ๔ คำ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เมื่อนั้น ท้าวเสนากุฏสิ้นสติ | ||
+ | จึงว่ากับพระสังข์เจ้าช่างริ มานั่งนิ่งมิอยู่ทำไม | ||
+ | ไหนว่าแม่นัดให้มาหา คิดว่าคนนี้ก็มิใช่ | ||
+ | ขืนอยู่ที่นี่จะมีภัย พาพ่อกลับไปเสียพลับพลา | ||
+ | ฯ ๔ คำ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เมื่อนั้น พระสังข์นั่งยิ้มอยู่ในหน้า | ||
+ | จึงค่อยค่อยสะกิดบิดา พลางกระซิบบอกว่าพระอย่ากลัว | ||
+ | แล้วผินหน้ากราบกรานพระมารดร อย่าเคืองขัดตัดรอนเลยทูนหัว | ||
+ | พ่อข้าเสงี่ยมเจียมตัว ยำเยงเกรงกลัวนี้สุดใจ | ||
+ | ควรหรือพระองค์ไม่สงสาร ยังจะทำทรมานไปถึงไหน | ||
+ | แกล้งพูดจาพาทีพิรี้พิไร พลางพยักหน้าให้พระบิดา | ||
+ | ฯ ๖ คำ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เมื่อนั้น ท้าวเสนากุฏไม่กังขา | ||
+ | รู้แน่ว่านางประทุมา จึงพูดจาโอนอ่อนวอนวิง | ||
+ | อนิจจาเจ้าประทุมของผัวเอ๋ย มาเชือนเฉยผินหลังนั่งนิ่ง | ||
+ | เมื่อตะกี้พี่แปลกเจ้าจริงจริง ด้วยงามยิ่งกว่าเก่าเป็นเท่าไร | ||
+ | อันโทษตัวผัวผิดนั้นล้นพ้น เพราะเชื่อคนยุยงหลงใหล | ||
+ | เจ้าจงเงือดงดอดใจ อย่าได้ถือโกรธคุณโทษทัณฑ์ | ||
+ | บัดนี้ผัวกลับมารับเจ้า จงคืนเข้านิเวศน์เขตขัณฑ์ | ||
+ | อีคนชั่วตัวร้ายเหล่านั้น ทั้งเจ็ดชั่วโตรตมันจะบรรลัย | ||
+ | ฯ ๘ คำ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ เมื่อนั้น นางประทุมเทวีศรีใส | ||
+ | ฟังท้าวเธอว่าน่าอาลัย ค่อยเหือดหายคลายใจที่โกรธา | ||
+ | ครั้นจะพาทีดีด้วย นึกสะเทิ้นเขินขวยขายหน้า | ||
+ | แกล้งผินหลังนั่งนิ่งไม่พูดจา วอนว่าเท่าไรไม่ไยดี | ||
+ | ฯ ๔ คำ ฯ | ||
</tpoem> | </tpoem> | ||
==== ==== | ==== ==== |
การปรับปรุง เมื่อ 07:21, 20 สิงหาคม 2552
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
บทประพันธ์
ตอนที่ ๑ สังข์ศิลป์ชัยตกเหว
ช้า | |||
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกให้คิดริษยา | ||
ต่างซุบซิบกันจำนรรจา | ใครมีปัญญาจงเร่งคิด | ||
แม้นสังข์ศิลป์ชัยได้ไปเฝ้า | เห็นเราหกคนไม่พ้นผิด | ||
ขนมทำมาให้ใส่ยาพิษ | มันไม่กินเหมือนจิตที่คิดไว้ | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
ร่าย | |||
๏ ศรีสันท์จึงว่าไปทันที | วันนี้สิงหราหาอยู่ไม่ | ||
ไปเที่ยวหาอาหารที่ในไพร | ทิ้งสังข์ศิลป์ชัยไว้พลับพลา | ||
เราจะยียวนชักชวนมัน | ไปเก็บพรรณผลไม้บนภูผา | ||
ผลักให้ตกเหวมรณา | จึงกลับมาพาพระอาไป | ||
อันนางสุพรรเทวี | จะพันมือพี่ไปที่ไหน | ||
ต่างเห็นชอบชวนกันดีใจ | มาหาสังข์ศิลป์ชัยฉับพลัน | ||
ฯ ๖ คำฯ เพลง | |||
๏ ลูบหลังลูบหน้าแล้วพาที | เรานี้จะพากันผายผัน | ||
เก็บผลพฤกษาที่เขานั้น | มาให้สุพรรณกับพระอา | ||
ฯ ๒ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ได้ฟังไม่กังขา | ||
รับคำทั้งหกพี่ยา | กราบบาทพระอาแล้วว่าไป | ||
ตัวหลานทั้งเจ็ดจะจรดล | ไปเก็บผลพฤกษาที่ใกล้ใกล้ | ||
ทั้งสององค์จงอยู่พลับพลาชัย | ประเดี๋ยวใจจะมาให้พร้อมกัน | ||
ว่าแล้วจัดแจงแต่งองค์ | พระหัตถ์ทรงสังข์ศรพระแสงขรรค์ | ||
ทั้งเจ็ดองค์ลงจากพลับพลาพลัน | เจ้าศรีสันท์นำหน้าคลาไคล | ||
ฯ ๖ คำฯ เชิด | |||
ชมดง | |||
๏ ชี้ชมรุกขชาติดาษเดียร | เต็งตะเคียนยางยูงสูงไสว | ||
มูกม่วงพวงผลแกว่งไกว | เฟื่องไฟไกรกร่างมะปรางปริง | ||
พระสังข์ศิลป์ชัยหาไม้ง่าม | สอยผลสุกห่ามทุกก้านกิ่ง | ||
ศรีสันท์ก้มเก็บก้อนดินทิ้ง | หล่นร่วงช่วงชิงกันไปมา | ||
บ้างชักเชือกเขาเถาวัลย์ | ขึ้นผูกพันกิ่งไทรสาขา | ||
ผลัดกันไกวเล่นเป็นชิงช้า | สรวลสันต์หรรษาสำราญใจ | ||
พากันท่องเที่ยวเลี้ยวลอด | เลียบขึ้นบนยอดเขาใหญ่ | ||
ต่างชวนพระสังข์ศิลป์ชัย | เล่นไล่ปิดตาหากัน | ||
ฯ ๘ คำฯ เพลงฉิ่ง | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์แสนกลคนขยัน | ||
ทำมารยาว่าแก่พระสังข์พลัน | เจ้าถือศรพระขรรค์ไว้ทำไม | ||
เราจะวิ่งเต้นเล่นสนุก | ฉวยล้มลุกพลาดพลั้งไม่ยั้งได้ | ||
จะถูกเนื้อถูกตัวพี่กลัวไป | วางไว้เล่นแล้วจึงมาเอา | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ศิลป์ชัยไม่รู้เท่า | ||
วางพระขรรค์ศรไว้ด้วยใจเบา | ที่ริมเงื้อมเขาสำคัญตา | ||
แล้วจึงตามพี่ศรีสันท์ | ลดเลี้ยวไล่กันบนภูผา | ||
หยิกหยอกหลอกล้อกันไปมา | เกษมสันต์หรรษาทั้งเจ็ดองค์ | ||
ฯ ๔ คำฯ เพลงฉิ่ง | |||
๏ เมื่อนั้น | พระศรีสันท์ครั้นเห็นพระสังข์หลง | ||
พาเที่ยวเลี้ยวเลียบเวียนวง | พบเหวดังประสงค์จำนงนึก | ||
หยิบศิลามาทิ้งลงไปดู | เอียงหูคอยฟังไม่ดังกึก | ||
ชะโงกตามลงไปใจทึกทึก | แลลึกเป็นหมอกมืดมัว | ||
จึงร้องเรียกพระสังข์ศิลป์ชัย | มาดูเหวใหญ่มิใช่ชั่ว | ||
ว่าพลางพรั่งพร้อมเข้าล้อมตัว | อย่ากลัวเลยพี่อยู่นี่แล้ว | ||
ทำชี้โว้ชี้เว้ด้วยเล่ห์กล | ลางคนหลอกลวงว่าดวงแก้ว | ||
ตรงมือนั่นแน่แลแววแวว | เห็นแล้วหรือยังถอยหลังไย | ||
ต่างเข้ายืนเคียงเมียงเขม้น | ครั้งเห็นงวยงงหลงใหล | ||
จึงผลักพระสังข์ศิลป์ชัย | ตกลอยลงไปในเหวนั้น | ||
ฯ ๑๐ คำฯ เชิดฉิ่ง โอด | |||
๏ ต่างคนชื่นชมสมคะเน | หัวเราะร่าวฮาเฮเกษมสันต์ | ||
พากันวิ่งกลับมาฉับพลัน | หาศรพระขรรค์ที่วางไว้ | ||
ไม่พบเห็นเป็นอัศจรรย์จิต | ต่างคนต่างคิดสงสัย | ||
เถียงกันอื้ออึงคะนึงไป | เมื่อที่ทางจำได้แน่นอน | ||
หาพลางต่างโมโหพาโลกัน | คนนี้ว่าคนนั้นลักซ่อน | ||
ค้นทั้งสองข้างหนทางจร | ไม่ได้ศรพระขรรค์ก็เสียใจ | ||
ศรีสันท์จึงว่าแก่น้องยา | เรากลับไปพระอาจะถามไถ่ | ||
ใครอย่าบอกออกความทั้งนี้ไซร้ | ซักซ้อมพร้อมใจแล้วไคลคลา | ||
ฯ ๘ คำฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงพระอาทำหน้าเศร้า | ก้มเกล้ากราบลงตรงหน้า | ||
มิได้แถลงแจ้งกิจจา | ทำก้มพักตร์โศกาสะอื้นไป | ||
ฯ ๒ คำฯ โอด | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาศรีใส | ||
เห็นหกนัดดาโศกาลัย | หลากใจไต่ถามมิทันช้า | ||
เหตุผลอย่างไรไม่บอกแจ้ง | มาโศกศัลย์กันแสงไยนักหนา | ||
พระสังข์ไปไหนจึงไม่มา | จงแจ้งกิจจาอย่าโศกี | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกพี่น้องทำหมองศรี | ||
เช็ดน้ำตาพลางทางพาที | เมื่อตะกี้หลานพากันเที่ยวไป | ||
พระสังข์น้องรักเฝ้าชักชวน | รบกวนให้พาขึ้นเขาใหญ่ | ||
แล้ววิ่งเต้นเล่นแข็งสุดใจ | ห้ามไม่ฟังเลยนะพระอา | ||
ล้วนห้วยเหวเปลวปล่องทั้งสองข้าง | ข้าเดินนำทางไปข้างหน้า | ||
พระสังข์ตามหลังหลานมา | ประเดี๋ยวเหลียวหาก็หายไป | ||
ข้าทั้งหกคนเที่ยวค้นทั่ว | จะพบตัวน้องยาก็หาไม่ | ||
แม้ตกเหวเหล่านั้นเห็นบรรลัย | หรือจะเป็นกระไรไม่แจ้งการณ์ | ||
ฯ ๘ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาฟังว่าขาน | ||
ทั้งนางสุพรรณนงคราญ | ปิ้มปานชีวันจะบรรลัย | ||
ต่างตระหนกอกสั่นขวัญหาย | ฟูมฟายชลเนตรหลั่งไหล | ||
จึงว่าแก่นัดดายาใจ | ไปเล่นถึงไหนอย่างอำพราง | ||
จงพาอาไปเที่ยวค้นดู | เกลือกจะหลงอยู่ในป่ากว้าง | ||
แล้วลงจากพลับพลาทั้งสองนาง | ศรีสันท์นำทางจรจรัส | ||
ฯ ๖ฯ เพลง | |||
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกแสนกลคนขยัน | ||
ครั้นถึงคีรีที่สำคัญ | ทำโศกศัลย์ทูลองค์พระเจ้าอา | ||
พระสังข์ศิลป์ชัยมาสูญหาย | ที่ทางแคบเหวรายทั้งซ้ายขวา | ||
หลานทั้งหกทุกคนเที่ยวค้นหา | ที่เหล่านี้หนักหนาไม่พบพาน | ||
ฯ ๔ คำฯ เจรจา | |||
โอ้ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑายิ่งสงสาร | ||
รุ่มร้อนหฤทัยดังไฟกาฬ | เยาวมาลย์ลดเลี้ยวเที่ยวมา | ||
ค่อยย่องเหยียบเลียบลัดไปนอกทาง | สองนางเรียกร้องแล้วมองหา | ||
ไม่ประสบพบองค์พระนัดดา | กัลยาครวญคร่ำร่ำไร | ||
โอ้ว่าพระสังข์ศิลป์ชัยเอ๋ย | ไม่มาหาอาเลยไปอยู่ไหน | ||
หรือว่าผีสางที่กลางไพร | ซ่อนพระสังข์ไว้กระมังนา | ||
ขอให้พบพานพระหลานรัก | จะบวงสรวงเซ่นวักให้หนักหนา | ||
ร่ำพลางนางทรงโศกา | ปิ้มว่าโฉมฉายจะวายปราณ | ||
ฯ ๘ คำฯ โอด | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | เจ้าศรีสันทาจึงว่าขาน | ||
จะโศกศัลย์อยู่เห็นไม่เป็นการ | เราคิดอ่านแยกย้ายรายกัน | ||
เจ้าชาติจงไปด้วยพระอา | นางสุพรรณกับข้ามาผายผัน | ||
เจ้าทั้งสี่นี้แยกไปทางนั้น | ช่วยกันดั้นด้นคว้า | ||
และทำชะเง้อดูเงี่ยหูฟัง | เอ๊ะเสียงพระสังข์ร้องเรียกหา | ||
ออกชื่อเจ้าสุพรรณกัลยา | เร็วเถิดอย่าช้ามาจะไป | ||
ฯ ๖ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางสุพรรณยินดีจะมีไหน | ||
จะใคร่พบพระสังข์ศิลป์ชัย | ก็เดินตามไปไม่คิดแคลง | ||
ฯ ๒ คำฯ เพลง | |||
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์ทำเที่ยวเสาะแสวง | ||
นำนางดำเนินคว้างแคว้ง | พาลัดแลงไปให้ไกลอา | ||
เห็นที่สุมทุมพุ่มไม้ | ก็เข้าไปนั่งลงแล้วร้องว่า | ||
หยุดนั่งนี่ก่อนเถิดกัลยา | จะได้ปรึกษาหารีอกัน | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางสุพรรณไม่รังเกียจเดียดฉันท์ | ||
คิดว่าเป็นวงศ์พงศ์พันธุ์ | ก็ไปนั่งลงพลันทันที | ||
จึงว่าหยุดไยให้เนิ่นช้า | เหน็ดเหนื่อยหนักหนาเจียวหรือพี่ | ||
รีบไปให้พบเสียเดี๋ยวนี้ | ช้านักชนนีจะคอยเรา | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์แสนกลร่ายมนต์เป่า | ||
ยิ้มแย้มพูดจาคิ้วตาเพรา | นี่แน่เจ้าจะว่าให้ดีเจียว | ||
ฯ ๒ คำฯ | |||
ชาตรี | |||
๏ ปลื้มเอยปลื้มจิต | แม่อย่าคิดเคืองขุ่นฉุนเฉียว | ||
พี่ยังเกรงกริ่งอยู่สิ่งเดียว | จะให้เที่ยวเหนื่อยเปล่าไม่เข้ายา | ||
อันพระสังข์แม้นว่าข้าหาได้ | สินจ้างจะให้อะไรข้า | ||
ถ้าพี่ได้สมจิตที่คิดมา | จะอุตส่าห์เที่ยวค้นจนสิ้นแรง | ||
อันความที่พี่รักเจ้าหนักหนา | จริงจริงนะน้องอย่ากินแหนง | ||
เรามานี่ที่ทางก็ลับแลง | พอเป็นพักเป็นแรงจึงค่อยไป | ||
พลางขยดเข้าชิดสะกิดหลัง | จะปรานีพี่มั่งหรือหาไม่ | ||
ทำและเลียมถูกต้องลองใจ | เจ้าถอยหนีพี่ใยกัลยา | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | นางสุพรรณเคืองแค้นเป็นหนักหนา | ||
ลุกยืนขึ้นเสียงมิได้ช้า | แล้วว่าดูดู๋พี่เช่นนี้เจียว | ||
ว่าจะพาเที่ยวหาสังข์ศิลป์ชัย | ลวงให้ตามมาถึงป่าเปลี่ยว | ||
ช่างสับปลับอย่างนี้ทีเดียว | ด้านหน้ามาเกี้ยวไม่อายใจ | ||
พาซื่อลือจิตคิดว่าพี่ | ธรรมเนียมมันมีอยู่ที่ไหน | ||
ได้เห็นกันสินะไม่ละใคร | กลับไปจะทูลพระมารดา | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
โอ้โลม | |||
๏ น้องเอยน้องรัก | สุดที่พี่จะหักเสน่หา | ||
เมื่อมาแต่หนุ่มสาวสองรา | ในกลางป่าค่าไม้เช่นนี้ | ||
ถ้าเจ้ามิหย่อนผ่อนปรน | ใช่ว่านฤมลจะพ้นพี่ | ||
จงคิดชั่งใจดูให้ดี | ไม่พอที่จะโกรธขึ้งตึงตัง | ||
ถึงเจ้าจะว่าให้อารู้ | จะโบยตีพี่สู้เสียหลัง | ||
ตายไหนตายไปคงไม่ฟัง | เอ็นดูพี่มั่งเถิดแก้วตา | ||
อันพี่น้องครองกันแลยั่งยืน | ไม่เสียเรือนผู้อื่นดีหนักหนา | ||
ว่าพลางเข้าใกล้ไขว่คว้า | อุ่ยหน้าอย่าหยิกจะป่วยไป | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
โอ้โลม | |||
๏ แสนเอยแสนแขนง | อย่าพักก่นกรรแสงเสียงแจ้ว | ||
อันเจ้าจะพ้นมือพี่ไม่มีแวว | เม้นคลาดแคล้วไปได้มิใช่มือ | ||
พี่ง้องอนวอนว่าแต่โดยดี | ไม่พอที่โกรธขึ้งอึงอื้อ | ||
เพราะรักเจ้าหนักหนาจึงคร่ายื้อ | ควรหรือแก้วตาไม่ปรานี | ||
จะมิให้ยืดไว้อย่างไรเล่า | เมื่อเจ้าคอยแต่จะวิ่งหนี | ||
น่าชังดูเอาเฝ้าหยิกตี | จะถูกนิดก็มีแต่ฮึดฮัด | ||
เป็นไรเป็นไปไม่ฟังกัน | จะประชันเรี่ยวแรงที่แข็งขัด | ||
ว่าพลางสวมสอดกอดรัด | นางสะบัดหนีได้ไล่ตามมา | ||
ฯ ๘ คำฯ เชิด | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาจึงร้องว่า | ||
เป็นเจ้าสุพรรณกัลยา | จึงร้องอึมาด้วยอันใด | ||
ฯ ๒ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางสุพรรณทูลแข้งแถลงไข | ||
อ้ายศรีสันท์มันพาข้าไป | ถึงพุ่มไม้ที่เปลี่ยวก็เกี้ยวพาน | ||
ลูกแค้นขัดใจจะกลับมา | มันกั้นหน้าคร่ายื้อหักหาญ | ||
ข้าสะบัดวิ่งหนีตะลีตะลาน | อ้ายหน้าด้านจัญไรมันไล่มา | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์ขึ้นเสียงเถียงต่อหน้า | ||
ดูเถิดเจ้าสุพรรณช่างพูดจา | แกล้งพาโลข้าว่าคร่ายื้อ | ||
เมื่อไรข้าได้ทำเช่นนั้น | มาล้วงตะกั่วกันเดี๋ยวนี้หรือ | ||
เจ้าสิสันทัดได้หัดปรีอ | ข้าคนซื่อเช่นนี้ยังมิเคย | ||
ไม่ได้เกี้ยวสักคำทำสักนิด | พาลผิดเปล่าเปล่าแม่เจ้าเอ๋ย | ||
รู้กระนี้ไม่ไปด้วยใครเลย | จะนั่งเฉยอยู่นี่มิดีเจียว | ||
ว่าข้าไล่มาใครอย่าเชื่อ | เพราะเห็นเสือตกใจวิ่งไม่เหลียว | ||
เอออะไรช่างปดลดเลี้ยว | อย่าเชื่อนางข้างเดียววพระเจ้าอา | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางสุพรรณตอบพลางทางชี้หน้า | ||
ชะเจ้าคนดีศรีสันทา | ยังว่าไม่รับสับปลับจริง | ||
พูดเลียบเปรียบเปรยถึงลูกผัว | ด้านหน้าแก้ตัวไปทุกสิ่ง | ||
แต่แรกเจ้าง้องอนวอนวิง | อ้อยอิ่งเซ้าซี้พิรี้พิไร | ||
ไม่คิดอายผีสางที่กลางดง | แทบจะก้มหัวลงกราบไหว้ | ||
ครั้นเขาไม่ลุ่มหลงปลงใจ | เข้าไล่ฉวยฉุดยุดยื้อ | ||
จะหยิกข่วนเท่าไรก็ไม่เจ็บ | นั่นมิใช่รอยเล็บของกูหรือ | ||
ดูเถิดที่ต้นคอกับข้อมือ | ยังจะดื้อเถียงได้ไม่อายเลย | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | เจ้าศรีสันทาทำหน้าเฉย | ||
เมียงเมินหัวเราะเยาะเย้ย | เจ้าข้าเอ๋ยนางนี้ขี้พาโล | ||
ค้าคารมลมเติบสุดใจ | เห็นเขาเกรงผู้ใหญ่ไม่ตอบโต้ | ||
ครั้นว่าบ้างขัดใจร้องไห้โฮ | มีแต่โมโหไปข้างเดียว | ||
เมื่อข้าสาละวนจะด้นป่า | ค้นคว้าหาน้องท่องเที่ยว | ||
อุตส่าห์บุกเข้าไปในรกเรี้ยว | หนามเกี่ยวเป็นแผลไปทั้งตัว | ||
ชะช่างว่าข่วนล้วนรอยเล็บ | เลือกเก็บเอามาว่าพอหน้าชั่ว | ||
แต่เช่าเจ้ากระนี้มิอยากกลัว | ถ้าตัวต่อตัวมิพ้นไป | ||
ยังกลับมาประกวดอวดแรง | ว่าข้าฉุดยุดแย่งเจ้าไม่ไหว | ||
มาลองดูเดี๋ยวนี้ก็เป็นไร | ใครจะแรงกว่าใครให้เอาดู | ||
จะถุ้งเถียงกันไปไม่ได้ข้อ | เขาจะหัวร่อน่าอดสู | ||
คำบุรานท่านว่าไว้เป็นครู | ใครไขหูอดได้ก็ได้บุญ | ||
ฯ ๑๒ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาก็เคืองขุ่น | ||
จึงว่าไอ้เจ้าเล่ห์เนรคุณ | ทุจริตคิดวุ่นไปโดยพาล | ||
มิใช่ว่ากูไม่รู้เท่า | พูดแก้เปล่าเปล่าอ้ายหน้าด้าน | ||
มึงเถียงได้ด้วยไม่มีพยาน | ทำหักหาญเห็นว่าข้ากลัวเกรง | ||
เหตุเพราะนัดดากูสูญหาย | จึงจ้วงจาบหยาบคายข่มเหง | ||
ชวนทะเลาะเกาะแกะครื้นเครง | ฝากไว้เถิดเอ็งเป็นไรมี | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์บ่นเถียงเสียงอู้อี้ | ||
ส่วนนางสุพรรณกระนั้นดี | คนอื่นแล้วมีแต่ไม่จริง | ||
เอออะไรนี่พอทีหรือ | เป็นเคราะห์เพราะซื่อต่อผู้หญิง | ||
ท่านลงโทษโกรธขึ้งชังชิง | ถ้าเป็นจริงเหมือนว่าน่าเกิดความ | ||
แม้นสังข์ศิลป์ชัยไม่สูญหาย | เห็นจะขายเราแน่ไม่พักถาม | ||
แกล้งพูดเปรยเย้ยเยาะลวนลาม | บ่นบ้าไปตามอำเภอใจ | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | เจ้าทั้งห้าคนคิดแก้ไข | ||
กราบบาทพระอาแล้วว่าไป | พี่ศรีสันท์นี้ใจมุทะลุ | ||
เป็นคนมักได้ใคร่มี | หนายช้าพาทีดึงดุ | ||
เสียจริตกิริยาเป็นบ้ายุ | พูดกุกะไปไม่เกรงกลัว | ||
อันใจข้าห้าคนนี้ซื่อแท้ | รักอาเหมือนแม่บังเกิดหัว | ||
เจ้าสุพรรณนั้นนึกว่าน้องตัว | ศรีสันท์ทำชั่วไม่ชอบใจ | ||
พระองค์จงอดโทษสักครั้งหนึ่ง | เรารีบไปให้ถึงกรุงใหญ่ | ||
จะรัญจวนครวญคร่ำอยู่ทำไม | อันสังข์ศิลป์ชัยเห็นไม่มา | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
ธรณีร้องไห้ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาละห้อยหา | ||
จึงปรึกษาสุพรรณกัลยา | อยู่ช้าก็สำหรับจะอับอาย | ||
สไบแม่กับช้องของโฉมยง | จะทำธงสำคัญมั่นหมาย | ||
แม้นสังข์ศิลป์ชัยยังไม่ตาย | กลับมาดีร้ายจะพบพาน | ||
แล้วหยิบช้องกับผ้ามาทำธง | ปักลงตั้งจิตพิษฐาน | ||
ขอเทวาอารักษ์ทั้งจักรวาล | ช่วยบันดาลให้แจ้งกิจจา | ||
แม้นว่าพระสังข์ยังอยู่ | จงมีผู้เอาของไปให้ข้า | ||
ถ้าเจ้ามอดม้วยมรณา | ช้องกับภูษาจงสูญไป | ||
สิ้นคำที่ร่ำพิษฐาน | เยาวมาลย์เศร้าสร้อยละห้อยไห้ | ||
คิดถึงนัดดายิ่งอาลัย | ครวญคร่ำร่ำไรโศกา | ||
ฯ ๑๐ คำฯ โอด | |||
ร่าย | |||
๏ ครั้นค่อยคลายวิโยคโศกศัลย์ | ก็ชวนกันลงจากภูผา | ||
ศรีสันท์นั้นนำมรคา | ดั้นดัดลัดมาในดงดาน | ||
ฯ ๑ คำฯ เชิด | |||
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายเจ้าสิงหรากล้าหาญ | ||
เที่ยวไล่สัตว์สิงห์วิ่งทะยาน | เป็นลางบันดาลบอกเหตุภัย | ||
ให้มึนตึงกายาตาเขม่น | จิตใจเยือกเย็นดังเป็นไข้ | ||
คิดถึงพระสังข์ศิลป์ชัย | ก็แผลงฤทธิ์ฤทธิไกรกลับมา | ||
ฯ ๔ คำฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงเชิงเขาลำเนาเพลิน | จึงลงเดินลดเลี้ยวเที่ยวหา | ||
ไม่เห็นที่ประทับพลับพลา | ทั้งพระอาน้องชายก็หายไป | ||
นั่งนึกตรึกไตรให้รำคาญ | จะเกิดเหตุเภทพาลเป็นไฉน | ||
หรือจะพากันรีบไปเวียงชัย | ที่จะหนีพี่ไปก็ใช่เชิง | ||
คิดพลางทางเที่ยวสัญจรหา | บุกป่ากู้ก้องร้องเปิ่ง | ||
แล้วขึ้นเขาเข้าค้นในวุ้งเวิ้ง | ทุกซุ้มเชิงรกเรี้ยวเที่ยวมองดู | ||
เทวัญบันดาลให้ผายผัน | มาเห็นศรพระขรรค์ที่วางอยู่ | ||
เอ๊ะเกิดเหตุแท้แล้วอกกู | จะมีผู้ทำร้ายแก่น้องยา | ||
เป็นตายอย่างไรไม่แจ้งจิต | สุดคิดที่จะเที่ยวแสวงหา | ||
ยิ่งคิดสร้อยเศร้าเปล่าอุรา | ก็โศกาครวญคร่ำร่ำไร | ||
ฯ ๑๐ คำฯ โอด | |||
๏ แล้วฝืนจิตดำริตริตรองดู | จะนิ่งอยู่กระนี้ก็มิได้ | ||
เมื่อไม่พบน้องน้อยกลอยใจ | จำจะไปทูลสองพระมารดร | ||
คิดพลางทางทำอานุภาพ | ปากคาบพระขรรค์กับสังข์ศร | ||
เผ่นโผนโจนเหาะขึ้นอัมพร | ตรงไปนครบรรพต | ||
ฯ ๔ คำฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงจึงลงจากอากาศ | ขึ้นปราสาทแก้วมรกต | ||
กราบบาทสองนางพลางรันทด | พิไรร่ำกำสรดโศกี | ||
ฯ ๒ คำฯ โอด | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์พระมารดาทั้งสองศรี | ||
เห็นมาร้องไห้ไม่สมประดี | เทวีคิดอัศจรรย์ใจ | ||
ปลอบพลางทางถามมิทันช้า | เป็นไรมาโศกศัลย์กันแสงไห้ | ||
มีเหตุเภทพาลประการใด | น้องรักอยู่ไหนจึงไม่มา | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | สิงหราโศกศัลย์เป็นหนักหนา | ||
จึงเล่าความตามเรื่องไปรับอา | แต่ต้นมาจนถึงกลางไพร | ||
ทั้งหกเชษฐากับน้องรัก | ชวนกันหยุดพักในป่าใหญ่ | ||
ลูกนี้โฉดเขลาเบาใจ | ลาสังข์ศิลป์ชัยไปหากิน | ||
ครั้นกลับมาไม่เห็นพระน้องชาย | พากันสูญหายไปหมดสิ้น | ||
ข้าค้นบนเขาเขินเดินดิน | พบแต่สังข์ศิลป์พระขรรค์ชัย | ||
สุดที่จะคิดติดตามหา | ไม่รู้ว่าเกิดเข็ญเป็นไฉน | ||
จึงรีบมาทูลแถลงให้แจ้งใจ | อันโทษตัวลูกไซร้ผิดนัก | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | สองนางพ่างเพียงอกหัก | ||
ชลเนตรฟูมฟองนองพักตร์ | นงลักษณ์ครวญคร่ำร่ำไร | ||
ฯ ๒ คำฯ โอด | |||
โอ้ | |||
๏ โอ้ว่าลูกรักของแม่เอ๋ย | แม่เคยเชยชิดพิสมัย | ||
หรือมาพลัดพรากจากไป | เพราะเชื่อไอ้กระยาจกทั้งหกคน | ||
อันความคิดของมันแม่รู้เท่า | ได้ห้ามปรามเจ้าเป็นหลายหน | ||
ช่างไว้เนื้อเชื่อใจไอ้แสนกล | มันคนริษยาอาธรรม์ | ||
เห็นว่ารับอามาได้แล้ว | จึงคิดฆ่าลูกแก้วให้อาสัญ | ||
จะได้หน้าได้ตาแต่พวกมัน | ควรหรือจอมขวัญไปหลงรัก | ||
อนิจจาลูกน้อยมาสูญหาย | จะเป็นตายฉันใดไม่ประจักษ์ | ||
สองกรข้อนทรวงเข้าฮักฮัก | ซบพักตร์กันแสงโศกี | ||
ฯ ๘ คำฯ โอด | |||
ร่าย | |||
๏ ครั้นค่อยคลายวิโยคโศกศัลย์ | จึงปรึกษากันทั้งสองศรี | ||
อันปราสาทราชฐานของเรานี้ | บังเกิดมีเพราะบุญพระโอรส | ||
แม้นว่าขวัญข้าวเจ้าม้วยมรณ์ | เห็นบ้านเมืองสังข์ศรจะสูญหมด | ||
ต่อจะยังไม่ทิวงคต | ก็ค่อยคลายกำสรดโศกา | ||
ฯ ๔ คำฯ เจรจา | |||
ลำจีน | |||
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงจีนนายสำเภาล้าต้า | ||
ใช้ใบจากกวางตุ้งมุ่งมา | จะเข้าเมืองปัญจาล์เวียงชัย | ||
ต้นหนวางเข็มไม่สันทัด | ตกคุ้งลมขัดไม่ออกได้ | ||
น้ำท่ากินกินก็สิ้นไป | จึงให้ทอดสมอรอรั้ง | ||
ลูกเรือขันช่อสำปั้นลง | โล้ฝืนคลื่นตรงเข้าถึงฝั่ง | ||
ต่างขึ้นบกไปมิได้ยั้ง | เอาถึงตักน้ำแล้วแบกมา | ||
บ้างพากันเที่ยวไปในดง | เห็นธงปักอยู่บนภูผา | ||
ชะรอยว่าใครเสียนาวา | จึงขึ้นปลดเอาผ้ากับช้อง | ||
แล้วแยกย้ายรายค้นจนทั่ว | มิได้พบตัวคนเจ้าของ | ||
ต่างกลับลงมาสัดจอง | โล้ล่องออกไปเภตราพลัน | ||
ฯ ๑๐ คำฯ เชิด | |||
ร่าย | |||
๏ ครั้งถึงจึงขึ้นบนสำเภา | ตรงเข้าบาหลีขมีขมัน | ||
เอาผ้ากับช้องของสำคัญ | ส่งให้นายนั้นทันใด | ||
ต่างคนบนบานอยู่เซ็งแซ่ | ที่ลมขัดพัดแปรมาให้ | ||
คนงานกว้านสมอช่อใบ | แล่นไปในทะเลสะดวกดี | ||
ฯ ๔ คำฯ โล้ | |||
ช้า | |||
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายท้าวเสนากุฎเรื่องศรี | ||
สถิตแท่นไสยาในราตรี | ภูมีเร่าร้อนอาวรณ์ใจ | ||
คิดถึงลูกรักทั้งหกองค์ | จะเดินดงยากเย็นเป็นไฉน | ||
นับได้หลายเดือนแต่จากไป | หรือจะไม่พบอาจึงช้าวัน | ||
คิดคะนึงถึงลูกยิ่งละห้อย | เคลื้มม่อยหลับไปเมื่อไก่ขัน | ||
ทรงสุบินนิมิตอัศจรรย์ | พอรุ่งสุริย์ฉันก็ฟื้นองค์ | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
ร่าย | |||
๏ พระลุกจากแท่นที่ตะลีตะลาน | ภูบาลชำระสระสรง | ||
ทรงเครื่องกกุธภัณฑ์บรรจง | เสด็จตรงออกพระโรงรจนา | ||
ฯ ๒ คำฯ เสมอ | |||
สิงโต | |||
๏ นั่งเหนือบัลลังก์รัตน์รูจี | พรั่งพร้อมเสนีทั้งซ้ายขวา | ||
จึงตรัสเรียกโหรเฒ่าเข้ามา | แล้วบัญชาแจ้งความตามนิมิต | ||
คืนนี้เราฝันประหลาดนัก | ว่าแก้วของเรารักดังดวงจิต | ||
มีผู้เดชาศักดาฤทธิ์ | มาปลดปลิดชิงเอาของเราไป | ||
นานมีชายหนึ่งแปลกหน้า | ไปนำดวงจินดามาคืนให้ | ||
กลับได้หลายดวงล้วนชอบใจ | จงทายไปให้รู้ว่าร้ายดี | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
ร่าย | |||
๏ บัดนั้น | ขุนโหรรับสั่งใส่เกศี | ||
ดูตามตำราในคัมภีร์ | เห็นว่าดีมั่นคงไม่สงกา | ||
จึงประณตบทมาลย์แล้วทูลพลัน | ซึ่งทรงสุบินนั้นดีหนักหนา | ||
ทั้งหกพระโอรสจะกลับมา | เห็นได้ดังจินดาอาสาไป | ||
แต่ฝันวันอังคารนี้พาลร้าย | ตำราทายว่ามักให้หม่นไหม้ | ||
จะเกิดเหตุสักอย่างในกลางไพร | เพียงแต่ตกใจไม่อันตราย | ||
คงจะได้มาสองเสียหนึ่ง | อีกเจ็ดวันจะถึงพระฤาสาย | ||
แม้นผิดจากถ้อยคำที่ทำนาย | ขอถวายชีวิตแก่ภูมี | ||
ฯ ๘ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏเกษมศรี | ||
จึงตรัสสั่งทั้งสองเสนี | จงจัดแจงแต่งที่ปราสาทชัย | ||
มโหรีปี่พาทย์ฆ้องกลอง | ทั้งบายศรีทองที่ทำใหม่ | ||
งิ้วหุ่นโขนหนังจงสั่งไป | เตรียมไว้ให้เสร็จในเจ็ดวัน | ||
แม้ว่าพระน้องกับลูกยา | มาถึงพาราจะทำขวัญ | ||
ให้เล่นการมหรสพครบครัน | แต่ในวันนั้นเป็นฤกษ์ดี | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนาประณตบทศรี | ||
มาบัตรหมายบอกกันทันที | ตามมีพระราชบัญชา | ||
ฯ ๒ คำฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | ฝ่ายหกกุมารโอรสา | ||
พาอามาในอรัญวา | แรมค้างกลางป่าหลายราตรี | ||
ศรีสันท์นั้นเฝ้าแต่เลียมและ | เห็นอาเมินเดินแซะเสียดสี | ||
ทำเลียบเคียงพูดจาพาที | เสชมโน่นนี่มาตามทาง | ||
ฯ ๔ คำฯ เพลง | |||
๏ ครั้นสุริยาเย็นลงรอนรอน | ชวนกันหยุดนอนในป่ากว้าง | ||
สีไฟก่อนกองให้สองนาง | คอยระวังเสือสางที่กลางไพร | ||
ฯ ๒ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาศรีใส | ||
ปัดกวาดผงไผ่ใต้ต้นไทร | แล้วหักใบไม้มารองนอน | ||
สองนางเอนองค์ลงนิทรา | กลัวภัยภาวนาไม่หยุดหย่อน | ||
คิดถึงนัดดายิ่งอาวรณ์ | เจ้าเคยแผลงศรเป็นพลับพลา | ||
สิ้นบุญหลานน้อยกลอยใจ | ได้ลำบากอยากไร้หนักหนา | ||
คิดพลางนางทรงโศกา | จนนิทราเคลิ้มหลับกับสุพรรณ | ||
ฯ ๖ คำฯ ตระ | |||
ลีลากระทุ่ม | |||
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์แสนกลคนขยัน | ||
นั่งคิดนอนคิดทุกคืนวัน | จะเข้าหาสุพรรณกัลยา | ||
ยังหวาดหวั่นพรั่นจิตอิดเอื้อน | ความรักตักเตือนให้ใจกล้า | ||
ชะเง้อดูสุพรรณกับพระอา | เห็นนิทราหลับไหลได้ท่วงที | ||
จึงกระซิบบอกใบ้ให้น้องรู้ | จงหลับนอนนิ่งอยู่อย่าอึงมี่ | ||
ว่าแล้วค่อยย่องมองหมาย | วันนี้คงสมคะเนนึก | ||
หยุดยืนแอบรกอกเต้นทึก | แล้วสะอึกแฝงเงาเข้าไป | ||
ฯ ๘ คำฯ เชิงฉิ่ง | |||
ร่าย | |||
๏ นั่งลงเคียงข้างนางสุพรรณ | จะถูกถือมือสั่นไม่ต้องได้ | ||
ความรักกลัดกลุ้มคลุ้มใจ | ค่อยชักสายสไบเทวี | ||
ฯ ๒ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางสุพรรณรู้สึกนึกว่าผี | ||
ตกใจลืมเนตรขึ้นทันที | เห็นอ้ายอัปรีย์ศรีสันทา | ||
นางเคืองขัดวัดเหวี่ยงเอาล้มหงาย | ลุกขึ้นถ่มน้ำลายแล้วบ่นด่า | ||
อันคนสัญชาติมันชั่วช้า | สุดแต่ว่าเอาด้านเข้าเป็นพื้น | ||
เห็นเขาหลับไหลแล้วได้ที | กล้าดีมึงมาเมื่อตื่นตื่น | ||
จะทำให้สาใจที่ไม่ลื้น | อย่าพักหนีไปยืนแอบไม้ | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาศรีใส | ||
ผวาตื่นตระหนกตกใจ | จึงถามไถ่สุพรรณทันที | ||
ครั้นรู้ว่าศรีสันท์มันลอบมา | นางโกรธาด่าทออึงมี่ | ||
ทำลอบลักหักหาญถึงเพียงนี้ | อ้ายโจรป่ากล้าดีแล้วหนีไย | ||
มึงช่างตั้งใจแต่ข่มเหง | จะคิดเกรงน้ำหน้าก็หาไม่ | ||
เพี้ยงเอ๋ยผีสางที่กลางไพร | จะหักคอมันให้ขาดใจตาย | ||
ฯ ๖ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์ถุ้งเถียงเบี่ยงบ่าย | ||
พระอาอย่างเคืองขุ่นวุ่นวาย | มาลงร้ายเอาข้าร่ำด่ายับ | ||
หลานนอนอยู่ถึงโน่นทั้งหกคน | ประมาทลืมสวดมนต์ม่อยหลับ | ||
ปีศาจมากวนปล้ำอำทับ | ให้ตะคล้ายตะคลับยังหลับดี | ||
พึ่งรู้สึกตื่นขึ้นประเดี๋ยวนี้ | ไม่แกล้งว่าฟ้าผี่เถิดพระอา | ||
นางสุพรรณนั้นละเมอว่าคนหยอก | เนื้อแท้ผีมันหลอกเหมือนเช่นข้า | ||
จงนิ่งนอนสวดมนต์ภาวนา | อย่าโกรธาด่าทออื้ออึง | ||
ฯ ๘ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาโกรธขึ้ง | ||
จึงว่าอย่างเสกสรรดันดึง | ไม่เชื่อน้ำหน้ามึงอ้ายสันทา | ||
ดีแต่แก้ตัวไปทุกอย่าง | ใส่โทษผีสางช่างมุสา | ||
เมื่อเขาเห็นมึงแน่อยู่แก่ตา | ยังด้านหน้าถุ้งเถียงขึ้นเสียงดัง | ||
จะสู้อดไปกว่าจะสิ้นเคราะห์ | กูขี้คร้านทะเลาะกับบ้าหลัง | ||
แล้วนางตั้งใจระไวระวัง | ผลัดกันนอนกันนั่งกับธิดา | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์ไม่สมปรารถนา | ||
เดินยิ้มแก้เก้อเร่อมา | ปดน้องทั้งห้าเป็นคลอกไป | ||
เมื่อกี้พี่เข้าหานางสุพรรณ | ได้พูดจากันเป็นไหนไหน | ||
นางว่ารักพี่นี้สุดใจ | แต่ทรามวัยหากกลัวพระชนนี | ||
ยังกำลังชุลมุนมุ่นหมก | พออาตกใจตื่นขึ้นเห็นพี่ | ||
ฉวยข้อมือได้หาไม้ตี | เราเป่ามนต์สองทีลงง่วงงุย | ||
แต่เงื้อเงื้อขยับแล้วกลับหยุด | พี่สะบัดมือหลุดออกวิ่งฉุย | ||
กลิ่นสุพรรณนั้นยังติดหอมกรุย | ฮุ่ยหุยเจียวเจ้าอย่าบอกใคร | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ทั้งห้ากลั้นยิ้มมิใคร่ได้ | ||
หัวเราะพลางทางว่าอย่าปดไป | ข้ายังไม่หลับม่อยนั่งคอยฟัง | ||
สารพัดได้ยินสิ้นสุด | จนนางด่าพึ่งหยุดเพราะมนต์ขลัง | ||
ที่ว่าได้แอบอิงนั้นจริงจัง | หรือปดดอกกระมังพี่สันทา | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์พูดแชแก้หน้า | ||
นางว่าให้มั่งชั่งเถิดหนา | ธรรมดาผู้หญิงกับผู้ชาย | ||
ชวนหัวเราะคิกคักชักพูดอื่น | ไม่หลับนอนตึกดื่นจะตื่นสาย | ||
ว่าพลางทางชวนกันเอนกาย | ศรีสันท์เล่านิยายจนหลับไป | ||
ฯ ๔ คำฯ เจรจา ตระ | |||
๏ เสียงดุเหว่าเร่าร้องก้องป่า | สุริยาเลี้ยวเยี่ยมเหลี่ยมไศล | ||
ต่างตื่นฟื้นกายสบายใจ | พาอาดั้นไพรไปธานี | ||
ฯ ๒ คำฯ เชิด | |||
๏ รอนแรมมาได้หลายทิวา | ก็ลุถึงปัญจาล์กรุงศรี | ||
พบพวกพหลมนตรี | ทั้งกำนัลขันทีมาคอยรับ | ||
แต่บรรดาข้าหลวงแลขอเฝ้า | ก้มเกล้าอภิวันท์เป็นอันดับ | ||
ชายหญิงแน่นนั่นคั่งคับ | เห็นเจ้ากลับมาได้ก็ยินดี | ||
แล้วทูลเชิญทั้งสองกัลยา | ขึ้นทรงวอช่อฟ้าหลังคาสี | ||
ทั้งหกองค์ทรงม้าพาชี | เสนีแห่แหนเข้าพารา | ||
ฯ ๖ คำฯ กลอนโยน | |||
๏ บัดนั้น | พนักงานการเล่นทุกภาษา | ||
ต่างโห่ฉาวกราวเชิดเป็นโกลา | ออกเต้นรำทำท่าทุกโรงงาน | ||
ประชาชนพารามาเกลื่อนกล่น | นั่งแน่นริมถนนอลหม่าน | ||
อวยชัยให้พรพระกุมาร | ชมบุญสมภาพออกแซ่ซ้อง | ||
บ้างชะแง้แลดูวอสุพรรณ | เห็นม่านกั้นกำบังมาทั้งสอง | ||
ต่างคิดสงสัยตั้งใจมอง | องค์หน้านั้นน้องเจ้าธานี | ||
อันองค์นี้ที่เราไม่รู้จัก | ผิวพักตร์นวลละอองผ่องศรี | ||
ต่อจะเป็นพระราชบุตรี | ชาวบุรีอวยพรกระฉ่อนไป | ||
ฯ ๘ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกโอรสาศรีใส | ||
แลดูเต้นรำสำราญใจ | ขับอาชาไนยไปตามทาง | ||
ถึงประตูหูช้างข้างหน้า | ลงจากอาชาแล้วเยื้องย่าง | ||
ชาวประโคมก็ประโคมดุริยางค์ | ประทับวอสองนางกับเกยลา | ||
ฯ ๔ คำฯ เสมอ | |||
ช้า | |||
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านเขตขัณฑ์หรรษา | ||
ลุกจากแท่นสุวรรณมิทันช้า | ไปรับองค์ขนิษฐายาใจ | ||
ฯ ๒ คำฯ | |||
ร่าย | |||
๏ จูงกรมานั่งยั่งแท่นทอง | สวมกอดพระน้องเข้าร้องไห้ | ||
ฝูงนางสาวสรรค์กำนัลใน | ต่างซบพักตร์พิไรโศกี | ||
ฯ ๒ คำฯ โอด | |||
๏ ครั้นรู้สึกสมประดีกาย | ค่อยคลายเศร้าหมองทั้งสองศรี | ||
จึงปราศรัยน้องรักร่วมชีวี | เป็นบุญเราครั้งนี้ได้พบกัน | ||
แต่วันยักษ์มันมาพาเจ้าไป | พี่เศร้าใจคิดว่าจะอาสัญ | ||
แสนโศกโศกาไม่ราวัน | ทั้งพงศ์พันธุ์เงียบเหงาเศร้าใจ | ||
อยู่จำเนียรกาลนานมา | พี่ฝันว่าน้องรักไม่ตักษัย | ||
มันเลี้ยงเป็นมเหสีอยู่ในไพร | แม้นมีผู้ตามไปจะได้มา | ||
พี่คิดจะติดตามนางโฉมยง | ทั้งหกองค์โอรสรับอาสา | ||
ด้วยหลานของน้องรักทรงศักดา | จึงรับอามาได้ถึงบุรี | ||
ความพี่มีจิตเกษมศานต์ | ดังได้ผ่านเมืองฟ้าราศี | ||
เจ้าจากไปได้ถึงสิบแปดปี | นิจจาพี่เพียงแปลกพักตรา | ||
จนเป็นเทื้อเนื้อหนังเหนียว | อยู่ไพรสณฑ์คนเดียวอนาถา | ||
ยังค่อยผาสุกทุกทิวา | หรือโรคายายีพระน้องรัก | ||
อันนางนฤมลคนนั้น | เป็นพงศ์พันธุ์ของใครไม่รู้จัก | ||
รูปร่างละม้ายคล้ายเจ้านัก | นงลักษณ์จงเล่าให้เข้าใจ | ||
ฯ ๑๔ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์ชิงทูลแถลงไข | ||
นั่นชื่อสุพรรณทรามวัย | อรไทเป็นลูกพระเจ้าอา | ||
บิตุเรศไปเล่นสกาพนัน | กับภุชงค์เดิมพันตามปรารถนา | ||
พระยายักษ์นั้นกลับอัปรา | จึงยอมยกธิดาให้นาคี | ||
อันองค์พระอากับขุนมาร | อยู่ถึงหิมพานต์เป็นถิ่นที่ | ||
เนาในปราสาทรัตน์รูจี | อสุรีเรื่องอิทธิฤทธา | ||
ได้รบกันกับลูกทั้งหกคน | มันยกรี้กรีพลมาหนักหนา | ||
ข้าแผลงศรตายกลาดดาษดา | ทั้งกุมภัณฑ์ผัวอาก็วอดวาย | ||
แล้วลูกลงไปเมืองนาคี | จะรับศรีสุพรรณผันผาย | ||
ต้องรบกันกับนาคอีกมากมาย | ภุชงค์แพ้พ่ายถวายนาง | ||
จึงได้องค์พระอากับสุพรรณ | พากันเดินมาในป่ากว้าง | ||
เหลือกำลังดังชีวิตจะวายวาง | ทูลพลางทางดูพระเจ้าอา | ||
ฯ ๑๒ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พระบิตุเรศได้ฟังไม่กังขา | ||
สั่นหัวกลัวฤทธิ์พระลูกยา | จึงว่ามิเสียแรงที่พ่อรัก | ||
ทุกวันนี้บิดาก็แก่เฒ่า | จะเสกเจ้าให้ครองอาณาจักร | ||
ว่าพลางทางเยื้อนเบือนพักตร์ | ตรัสทักหลานน้อยกลอยใจ | ||
มาหาลุงถึงนี่ศรีสุพรรณ | อย่ารังเกียจเดียดฉันท์หาควรไม่ | ||
ลุงพี่งรู้จักอรไท | อายุเจ้าเท่าใดนะหลานรัก | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางสุพรรณนารีมีศักดิ์ | ||
จึงคลานขึ้นไปด้วยใจภักดิ์ | นงลักษณ์ก้มกราบกับบาทา | ||
แค้นด้วยศรีสันท์มันชิงทูล | ปดเป็นเค้ามูลได้ต่อหน้า | ||
จะเถียงมั่งยังเกรงบิตุลา | นั่งก้มพักตราไม่พาที | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏเรืองศรี | ||
ลูบหลังพระนัดดานารี | ภูมีพิศโฉมประโลมใจ | ||
ผิวพรรณนรลักษณ์พักตรา | เหมือนพระมารดาดังเถือใส่ | ||
จึงว่าชะรอยกรรมได้ทำไว้ | แต่เกิดมาก็ไม่เห็นพงศ์พันธุ์ | ||
แล้วผินหน้ามาตรัสแก่พระน้อง | พี่จัดแจงข้าวของไว้ทำขวัญ | ||
เราได้พานพบประสบกัน | ในวันนี้ไซร้เป็นฤกษ์ดี | ||
เจ้าจงพาบุตรีกับหลานชาย | ไปชำระกายให้ผ่องศรี | ||
แต่งองค์ทรงเครื่องเรืองรูจี | จะสมโภชเดี๋ยวนี้ทั้งแปดองค์ | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑานวลหง | ||
ให้ขัดเคืองหฤทัยนางโฉมยง | ด้วยศรีสันท์มันทะนงไม่เกรงใจ | ||
ชิงพูดชิงจาน่าแค้นเหลือ | พระเชษฐษช่างเชื่อหลงใหล | ||
ครั้นจะบอกความบัดนี้ไซร้ | พระพี่ที่ไหนจะเห็นจริง | ||
มันจะรุมกันเถียงทะเลาะเล่น | จะกลับเป็นพูดเท็จไปทุกสิ่ง | ||
ความไกลไม่มีที่อ้างอิง | นางนั่งนิ่งถอนใจไม่ไคลคลา | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นปักนัคเรศเชษฐา | ||
ซ้ำตรัสเตือนองค์พระน้องยา | ปลอบโยนหนักหนาก็ไม่ไป | ||
พระนั่งนิ่งนึกตรึกคะนึง | เป็นไรจึงเคืองขัดอัชฌาสัย | ||
เห็นทีจะละห้อยน้อยใจ | ด้วยทรามวัยยังรักยักษ์สามี | ||
ต่อนานไปให้ลืมเสียสักหน่อย | จึงจะค่อยเล้าโลมนางโฉมศรี | ||
จะทำมิ่งสิ่งขวัญเสียวันนี้ | ให้ทันฤกษ์ดีดังใจปอง | ||
คิดพลางทางมีบัญชาสั่ง | เสนากรมวังทั้งสอง | ||
เร่งยกบายศรีแก้วบายศรีทอง | มาสมโภชพระน้องกับลูกรัก | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
๏ บัดนั้น | จึงมหาเสนีมีศักดิ์ | ||
รับสั่งภูวไนยด้วยใจภักดิ์ | ต่างวิ่งคึกคักออกมาพลัน | ||
พนักงานของใครก็จัดแจง | ยกมาตั้งแต่งเป็นลดหลั่น | ||
มโหรีปี่พากย์ครบครัน | เสร็จพร้อมสารพันดังบัญชา | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ บัดนั้น | ราชครูผู้มียศถา | ||
ครั้นได้ฤกษ์ยามตามตำรา | ก็เข้ามาจุดเทียนแล้วกราบกราน | ||
จึงส่งแว่นเวียนขวามาซ้าย | เจ้าขรัวนายคอยรับอยู่ริมม่าน | ||
ให้ประโคมแตรสังข์กังสดาล | เสียงโห่สะท้านทั้งวังใน | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ ครบเจ็ดรอบคะแนนเวียนแว่นเวียน | เอาใบพลูดับเทียนโบกควันให้ | ||
แล้วจุณเจิมเฉลิมขวัญเป็นหลั่นไป | ต่างอำนวยอวยชัยด้วยปรีดา | ||
ฯ ๒ คำฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | ฝ่ายนายสำเภาที่ได้ผ้า | ||
ใช้ใบมาถึงเมืองปัญจาล์ | ก็ทอดท่าท้ายคูพระบูรี | ||
เห็นนาวาขึ้นล่องออกเซ็งแซ่ | จึงถามเหล่าชาวแพเจ้าภาษี | ||
รู้ว่าพระองค์ทรงธรณี | ภูมีสมโภชพระน้องยา | ||
พาณิชคิดจะถวายของ | จึงเปิดหีบหยิบช้องกับภูษา | ||
จัดสรรพทุกสิ่งสินค้า | แต่บรรดาข้าวของที่ต้องการ | ||
ขนลงสำปั้นน้อยค่อยพายไป | ขึ้นแพใหญ่กรมท่าหน้าบ้าน | ||
มอบของให้เจ้าพนักงาน | พากันลนลานเข้าวังใน | ||
ฯ ๘ คำฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงจึงยกขึ้นไปพลัน | ตั้งไว้เรียงรันแล้วกราบไหว้ | ||
พนักงานทูลถวายทันใด | ตามในจดหมายรายของนั้น | ||
ฯ ๒ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกแสนกลคนขยัน | ||
เห็นผ้ากับช้องของสำคัญ | อ้ายนี่มันจะก่อให้เกิดความ | ||
จึงวิ่งไปชิงช้องกับภูษา | ซ่อนใส่ในผ้าแล้วซักถาม | ||
มึงเอาของจัญไรไม่งดงาม | มาถวายแต่ตามอำเภอใจ | ||
จะเสียฤกษ์เสียพากูน่าถอง | อ้ายจองหองชั่วชาติอุบาทว์ใหญ่ | ||
ชอบแต่ฆ่าฟันให้บรรลัย | ไสหัวออกไปเสียให้พ้น | ||
ฯ ๖ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พระบิดาหลากจิตคิดฉงน | ||
จึงว่าแก่โอรสทั้งหกคน | เอาของเขาซ่อนซนเสียทำไม | ||
ถึงมิงดมิงามก็ตามที | เขาจงรักภักดีเอามาให้ | ||
เป็นเงินหรือทองของอะไร | อยู่ไหนเอามาพ่อจะดู | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกอิดเอื้อนเยื้อนอยู่ | ||
จึงว่าของจัญไรอะไรมิรู้ | พระบิดาอย่าดูให้เสียตา | ||
ไม่เคยพบเคยเห็นเช่นนี้ | ผ้าผีผมพรายตายห่า | ||
ชอบแต่ทิ้งเสียที่ป่าช้า | แล้วเฆี่ยนผู้เอามาให้สาใจ | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์พระบิตุรงค์ยิ่งสงสัย | ||
ตรัสว่าเขามาแต่เมืองไกล | เคยให้ของข้าวเราทุกปี | ||
ย่อมจะเห็นงามตามใจรัก | ผิดนักเจ้าว่าเป็นผ้าผี | ||
ไปด่าทอเขานั้นมันไม่ดี | เอาผมผ้ามานี่นะลูกยา | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกบิดพลิ้งนิ่วหน้า | ||
จะขืนขัดกลัวพระจะโกรธา | ทั้งจริตกิริยาวุ่นวาย | ||
ครั้นบิดรเตือนซ้ำต้องจำใจ | เอาช้องกับสไบเข้าไปถวาย | ||
แล้วว่าของชั่วชาติอุบาทว์ร้าย | จงคืนให้ไปขายเสียเมืองไกล | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏเป็นใหญ่ | ||
เห็นผ้ากับช้องต้องฤทัย | ภูวไนยแลเล็งเพ่งพิศ | ||
สีสดงดงามหนักหนา | ใครเป็นเป็นน่าเจริญจิต | ||
เนื้อหนังดังหนึ่งจะกำมิด | งามผิดผ้ามนุษย์ในแดนไต | ||
กระนี้แล้วลูกยายังว่าชั่ว | บุญตัวได้เห็นเป็นลาภใหญ่ | ||
ดูผ้าต้นผ้าทรงเราเสียไป | ราคาได้สักแสนตำลึงทอง | ||
ประเสริฐกว่าเพชรนิลจินดา | จะทำขวํญกัลยาทั้งสอง | ||
ว่าพลางส่งสไปให้พระน้อง | ยื่นช้องให้นัดดายาใจ | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ทั้งสองนางต่างจำของตัวได้ | ||
เห็นพระสังข์จะไม่บรรลัย | ช้องกับสไบจึงได้มา | ||
นางเกสรสุมณฑายิ่งละห้อย | คิดถึงหลานน้อยเสน่หา | ||
ชลนัยน์ซึมซาบอาบพักตรา | ต่างทรงโศกาไม่สมประดี | ||
ฯ ๔ คำฯ โอด | |||
๏ เมื่อนั้น | พระเชษฐาธิราชเรืองศรี | ||
ปลอบพลางทางถามนางเทวี | เจ้ากันแสงโศกีด้วยอันใด | ||
พี่ให้ของสองสิ่งนี้ดีแท้ | ไม่ชอบใจหรือแม่จึงร้องไห้ | ||
เจ้าเศร้าสร้อยน้อยฤทัย | จะประสงค์สิ่งไรจงบอกมา | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาเสน่หา | ||
จึงทูลคดีพระพี่ยา | ใช่จะน้อยใจข้าด้วยผ้านี้ | ||
อันสุพรรณกับน้องร่ำร้องไห้ | เพราะดิดถึงสังข์ศิลป์ชัยเรืองศรี | ||
อุตส่าห์ไปรับข้ากับบุตรี | ได้รบอสุรีแลนาคา | ||
ครั้นเสร็จแล้วพากันคลาไคล | บุกป่ามาในแดนยักษา | ||
ท่านท้าววัณณุราชอสุรา | ช่วยพาเหาะข้ามชลาลัย | ||
พบทั้งหกนี้ที่ฝั่งน้ำ | เขาทำซื่อตรงให้หลงใหล | ||
ชักชวนพระสังข์ศิลป์ชัย | เที่ยวเก็บผลไม้ในแดนดง | ||
แล้วกลับมาว่าเจ้าสังข์นั้นสูญหาย | ไม่รู้ว่าจะตายหรือจะหลง | ||
จึงเอาของสองสิ่งนี้ทำธง | ข้าจำนงเสี่ยงทายเป็นเค้ามูล | ||
เขาได้ผ้ากับช้องของน้องมา | เห็นแท้ว่าพระสังข์ยังไม่สูญ | ||
จึงกันแสงโศกาอาดูร | น้องทูลทั้งนี้เป็นสัจจา | ||
ฯ ๑๒ คำฯ | |||
๏ ได้เอยได้ฟัง | ออกชื่อพระสังข์ให้กังขา | ||
จึงว่าประหลาดแล้วนะแก้วตา | เมื่อทั้งหกลูกยาอาสาไป | ||
ใครเล่าเจ้าว่ายั่งยืน | อันคนอื่นนอกนี้หามิได้ | ||
จะหาผู้เรืองอิทธิ์ฤทธิไกร | เหมือนเขาเหล่านี้ไซร้ไม่มีแล้ว | ||
จึงผินหน้ามาถามั้งหกพลัน | ผู้ใดนั่นที่อาว่ากล้าแกล้ว | ||
พ่อฟังมืดไปไม่ว่องแวว | ใครไปด้วยลูกแก้วจงบอกมา | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์แสร้งทำเป็นเมินหน้า | ||
หัวเราะพลางทางทูลพระบิดา | นี่แลลูกยาเป็นจนใจ | ||
ท่านว่าแล้วมิเชื่อก็จำเชื่อ | คือใครนั่นตัวเนื้ออยู่ที่ไหน | ||
วาสนาอาภัพจึงลับไป | อย่าถามไถ่ข้าเลยพระบิดา | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ ลูกเอยลูกแก้ว | พ่อลงเนื้อเห็นแล้วที่เจ้าว่า | ||
อันคนอื่นหมื่นแสนในโลกา | จะแกล้วกล้าเหมือนเจ้านั้นไม่มี | ||
แล้วตรัสแก่ขนิษฐายาใจ | เจ้าลืมหลานไปหรือเมื่อกี้ | ||
จึงแชเชือนเลื่อนไหลพาที | ทำให้พี่ลังเลสนเท่ห์ใจ | ||
อันเจ้าว่าไม่น่าจะเชื่อฟัง | พระศิลป์พระสังข์อยู่ที่ไหน | ||
หลานทั้งหกนี้แลที่ไป | รับเจ้ามาได้ถึงวังเวียง | ||
ฯ ๖ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาก็ทูลเถียง | ||
เออช่างกระไรไม่ไล่เลียง | เมื่อความจริงแท้เที่ยงอยู่เช่นนี้ | ||
น้องขอถามเนื้อความหลัง | แต่ข้ายังไปอยู่ด้วยยักษี | ||
ที่ชื่อนางประทุมนารี | กับไกรสรเทวีทั้งสองนั้น | ||
พระพี่รู้จักนางบ้างหรือไม่ | เขาว่าอรไทอยู่ไพรสัณฑ์ | ||
อันลูกนางประทุมแจ่มจันทร์ | นามนั้นชื่อว่าสังข์ศิลป์ชัย | ||
อีกเจ้าสิงหราลูกไกรสร | ทั้งสองทรงฤทธิรอนจะหาไหน | ||
บอกว่าบิดาบัญชาใช้ | ให้ไปรับข้ามาธานี | ||
เจ้าชักวงศ์พงศ์พันธุ์ให้รู้จัก | จึงแจ้งว่าหลานรักทั้งสองศรี | ||
อันโอรสหมดแล้วหรือยังมี | พระพี่จงรำลึกตรึกตรา | ||
ฯ ๑๐ คำฯ | |||
๏ ฟังเอยฟังความ | เอ๊ะงามจะจริงเหมือนเจ้าว่า | ||
อันประทุมนั้นเมียของพี่ยา | อยู่ด้วยกันมาจนมีครรภ์ | ||
ลูกคลอดผิดคนทั้งแผ่นดิน | มือถือสังข์ศิลป์แลพระขรรค์ | ||
อีจัญไรไกรสรทาสีนั้น | ลูกมันชั่วจริงเป็นสิงหรา | ||
โหรเฒ่าเขาว่าอุบาทว์เมือง | พี่แค้นเคืองขับไล่ไปเสียป่า | ||
อ่ออ้ายลูกอีประทุมา | มันไปรับขนิษฐาไม่รู้เลย | ||
แล้วถามโอรสเล่าตามเค้าเงื่อน | จริงเหมือนอาว่าหรือลูกเอ๋ย | ||
พ่อหลับตาว่าเจ้าเฝ้าชมเชย | ไม่บอกให้รู้เลยแต่เดิมที | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์ขึ้นเสียงออกอึงมี่ | ||
พระอามาเป็นได้เช่นนี้ | พาลรีพาลขวางทุกอย่างไป | ||
เมื่อเดินป่าอาถามถึงความหลัง | ลูกเล่าให้ฟังจนสิ้นไส้ | ||
จึงรู้จักชื่อเสียงสังข์ศิลป์ชัย | ช่างเอามาได้เป็นเนื้อตัว | ||
แกล้งพูดเลี้ยวลดจะทดแทน | ที่เคืองแค้นลูกยาว่าฆ่าผัว | ||
เอออะไรบาปกรรมก็ไม่กลัว | จะให้โทษแก่ตัวนี้ไม่แคล้ว | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
๏ จอมเอยจอมขวัญ | อ่อกระนั้นดอกหรือนะลูกแก้ว | ||
ได้รู้เพราะเจ้าเล่าจริงแล้ว | จึงชักเรื่องชักแถวเอาถูกความ | ||
แล้วพระยิ้มเยื้อนเบือนพักตร์ | มาตรัสแก่น้องรักชักถาม | ||
ศรีสันท์มันว่าพี่เห็นงาม | เขาบอกความหรือเจ้าจึงได้รู้ | ||
อ้ายคนชั่วชาติอุบาทว์บ้าน | มานับเป็นลูกหลานรำคาญหู | ||
พี่ขอเถิดอย่าเชิดชู | ชางเมืองเลื่องรู้จะเย้ยเยาะ | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
๏ น่าเอยน่าแค้นเหลือ | เอออะไรช่างเชื่อเป็นมั่นเหมาะ | ||
เลื่อนไหลไปด้วยอ้ายพูดเพราะ | นี่เนื้อเคราะห์เนื้อกรรมได้ทำไว้ | ||
แน่เจ้าคนดีศรีสันทา | ช่างด้านหน้าขึ้นเสียงเถียงได้ | ||
มึงเล่าให้กูฟังเมื่อครั้งไร | ยังกลับว่าผู้ใหญ่นี้พูดโกง | ||
อวดกล้าว่าได้ไปรบยักษ์ | เอ็งอย่างพักมาดหมายคงตายโหง | ||
กลัวแต่จะชิงวิ่งตะโกรง | โป้งโหยงพาทีไม่มีจริง | ||
พวกมึงพึ่งบุญสังข์ศิลป์ชัย | พลอยไปซ่อนตัวอยู่หัวตลิ่ง | ||
เห็นยักษ์มาผ้าผ่อนลงกองทิ้ง | พากันมุดหัววิ่งเข้าซุ้มรก | ||
แล้วซ้ำคิดอ่านฆ่าหลานกู | เล่ห์กลก็รู้อยู่เต็มอก | ||
กลับมาพูดอวดพ่อยอยก | พวกอ้ายโกหกเขาเห็นตัว | ||
ฯ ๑๐ คำฯ | |||
๏ ฟังเอยฟังอาว่า | เจ้าศรีสันทาทำยิ้มหัว | ||
มาใส่ถ้อยร้อยความเอาพันพัว | ออกเห็นตัวเห็นตนว่าคนเท็จ | ||
เออมิใช่ฝีมือหรือวันนั้น | จนกุมภัณฑ์ผัวหัวขาดเด็ด | ||
ลงนั่งกอดยักษาน้ำตาเล็ด | ออกขามเข็ดฤทธิ์ข้าจึงมาตาม | ||
ลูกหลานที่ไหนเล่าเอามาว่า | พระบิดาฟังได้ไม่ซักถาม | ||
สับปะติดสับปะต่อแต่พองาม | เป็นความแต้มแต่งจะแกล้งพาล | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
๏ เจ็บเอยเจ็บจิต | กูไม่คิดแล้วว่ามึงเป็นหลาน | ||
ลมลิ้นหยาบช้าสามานย์ | จะร้าวฉานพงศ์พันธุ์เพราะมันนี้ | ||
จะตบมึงให้ได้ไอ้สุงสิง | แม้นฤทธิ์เดชดีจริงอย่าวิ่งหนี | ||
ว่าพลางนางลุกขึ้นทันที | เข้าไล่ตบตีพัลวัน | ||
ฯ ๔ คำฯ เชิด | |||
๏ แค้นด้วยพระพี่นี้สุดใจ | เอออะไรมาขวางกางกั้น | ||
หลับตางมเงาเข้าด้วยมัน | ตัดญาติขาดกันแต่วันนี้ | ||
ฯ ๒ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พระเชษฐาเล้าโลมนางโฉมศรี | ||
เท็จจริงจำว่าแต่โดยดี | มาด่วนทุบด่วนตีกันวุ่นวาย | ||
ข้างโน้นอย่ามุทะลุกุกะ | พ่อจะเกลี่ยไกล่เสียให้หาย | ||
ข้างนี้เป็นผู้ใหญ่อย่าใจร้าย | ไม่สงสารหลานชายเลยน้องรัก | ||
ฯ ๔ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกมเหสีมีศักดิ์ | ||
ให้วิตกอกใจทึกทัก | กลัวว่าลูกรักจะแพ้อา | ||
ค่อยกระซิบพาทีกันที่นั่น | จำจะทูลแก้กันโอรสา | ||
จะให้ท้าวเธอถามขุนโหรา | เขาจะได้ช่วยว่าให้เกลี่อนไป | ||
แล้วหกนางต่างทูลพระสามี | น้องนี้หลากจิตคิดสงสัย | ||
กัลยามาเป็นเช่นนี้ไซร้ | อย่าไว้ใจจงถามโหราดู | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสามีตรัสตอบว่าชอบอยู่ | ||
เห็นเถียงกันฟั่นเผื่อเป็นเหลือรู้ | ว่าความาหลายคู่ไม่เช่นนี้ | ||
แล้วมีสิงหนาทบัญชา | ตรัสเรียกโหราเข้ามานี่ | ||
ท่านช่วยพิเคราะห์ดูให้เต็มที่ | เรานี้ยังพะวงสงกา | ||
องค์พระน้องยาแต่มาถึง | ให้โกรธขึ้งหลานรักหนักหนา | ||
ดูจริงเห็นผิดกิริยา | จะถูกต้องผีป่าหรืออย่างไร | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
๏ บัดนั้น | โหรเฒ่าบังคมประนมไหว้ | ||
จึงดูยามตามเคราะห์อรไท | ไม่มีเหตุเภทภัยสักสิ่งอัน | ||
ครั้งจะทูลไปตามสัจจา | เห็นหกโอรสาจะอาสัญ | ||
เราได้สินบนเขาคราวนั้น | จำจะช่วยผ่อนผันให้ชอบกล | ||
คิดแล้วนบนิ้วประนมทูล | ข้าวางลัคน์หักคูณดูหลายหน | ||
อันพระน้องนารีนีรมล | เป็นพิกลจริตจิตคลั่งไคล้ | ||
เหตุเพราะยักษ์ร้ายที่วายปราณ | ประจำองค์นงครญให้หลงใหล | ||
จงหาหมอหลวงทั้งปวงไซร้ | มาดูแลแก้ไขให้หลายตา | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านนัคเรศเชษฐา | ||
จึงตรัสว่าจริงแล้วนะโหรา | เราเห็นกิริยานั้นผิดที | ||
ว่าพลางทางสั่งเสนาใน | หมอโรงเราเท่าไรเรียกมานี่ | ||
แล้วแยกไปให้ทั่วธานี | หาคนทรงลงผีนั้นเข้ามา | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศา | ||
บ้างไปเรียกหมอนวดหมอยา | บ้างก็พายายเฒ่าเข้าไปพลัน | ||
ฯ ๒ คำฯ เจรจา เชิด | |||
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านนัคเรศเขตขัณฑ์ | ||
จึงตรัสสั่งหมอหลวงทั้งปวงนั้น | จงช่วยกันแก้น้องกูลองดู | ||
จะเป็นโรคอย่างไรไม่ประจักษ์ | เห็นละล่ำละลักประหลาดอยู่ | ||
ให้ชิงชังทั้งหกลูกกู | ไม่แลดูหน้าตาเฝ้าด่าทอ | ||
แม้นใครแก้หายคลายคลุ้มคลั่ง | กูจะตั้งให้เป็นกรมหมอ | ||
เร่งทำตามวิชาอย่ารั้งรอ | ตั้งใจตั้งคอให้จงดี | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
๏ บัดนั้น | หมอยาใคร่ครวญถ้วนถี่ | ||
จึงกราบทูลพลันทันที | ไข้นี้มีพิษติดจะร้าย | ||
ชื่อสันนิบาตเลือดให้เดือดดุ | ถ้าถวายยารุเห็นจะหาย | ||
ลมกระทบหฤทัยไม่สบาย | จึงกระวนกระวายข้างภายใน | ||
หมอนวดต้องลงตรงบาทา | แล้วว่าเส้นปัตคาดพอแก้ไข | ||
จะต้องห่อใบส้มต้มกับไพล | ประคบให้เส้นสายกระจายดี | ||
ฯ ๖ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏเจ้ากรุงศรี | ||
จึงตรัสสั่งยายท้าวทันที | จงเร่งลงผีไปตามเคย | ||
ถ้าเอ็งแก้น้องของกูหาย | จะให้ลาภมากมายแล้วยายเอ๋ย | ||
จะเป็นอย่างไรอยู่ไม่รู้เลย | นี่แน่เหวยอีมดอย่าปดกัน | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ บัดนั้น | นางท้าวไหว้ผีขมีขมัน | ||
ประนมมือถือเทียนงกงัน | ทำตัวสั่นเทาเทาหาวเรอ | ||
ฯ ๒ คำฯ กราวรำ | |||
๏ ฉวยขวดดื่มเหล้าจนเมามึน | ลุกขึ้นเต้นรำผย่ำเผยอ | ||
ทำหน้าตาเบี้ยวบูดพูดเพ้อ | อ่อกุมภัณฑ์เกลอของกูมา | ||
เอ็งอย่าอยู่ไม่ได้เร่งไปเสีย | มาโกรธขึ้งหลานเมียไยหนักหนา | ||
เอาเป็ดไก่ไปกินเถิดเกลออา | แกล้งผูกพันมุสาใส่ไคล้ | ||
ฯ ๔ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาให้มันไส้ | ||
ร้องด่าว่าเหวยอีจัญไร | ผีสางที่ไหนมาเข้ากู | ||
มึงโกหกเห็นตัวหัวประสม | น้อยหรือลิ้นลมมาลบหลู่ | ||
ว่าพลางนางฉวยลิ่มประตู | ไล่ต่อยหัวหูระยำไป | ||
ฯ ๔ คำฯ เชิด | |||
๏ เมื่อนั้น | พระเชษฐาร้อนรนหม่นไหม้ | ||
จึงปลอบโยนโอนอ่อนเอาใจ | จูงกรอรไทมาแท่นทอง | ||
ไม่รักพี่แล้วหรือแก้วตา | เฝ้าโกรธาว้าวุ่นขุ่นหมอง | ||
มาหลงใหลไม่ควรเลยนวลน้อง | พี่พิเคราะห์สอดส่องเห็นถ่องแท้ | ||
เมื่อทั้งหกหลานรักผู้ศักดา | ไปรับมาจริงเจียวทีเดียวแม่ | ||
กลับเคืองข้องสองตาก็ไม่แล | สุดที่พี่จะแก้ที่คลุ้มใจ | ||
ฯ ๖ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาแถลงไข | ||
ถึงพระจะโกรธก็โกรธไป | เมื่อความจริงใจไม่เชื่อกัน | ||
แม้นมิพบพระสังข์เหมือนดังจิต | เห็นชีวิตน้องยาจะอาสัญ | ||
อันอ้ายทั้งหกไม่นับมัน | พงศ์พันธุ์อะไรจะคอยล้าง | ||
ครั้นว่าไปก็เครื่องจะเคืองข้อง | มันข่มเหงน้องนี้ทุกอย่าง | ||
เฝ้าเกี้ยวพานหลานสาวมากลางทาง | ทั้งพูดจาถากถางให้ได้อาย | ||
สุพรรณมันด่าก็ไม่เจ็บ | ดูเถิดรอยเล็บยังไม่หาย | ||
นี่หรือจะให้นับเป็นหลานชาย | สู้ตายไม่ขอเห็นหน้าตา | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
๏ น้อยเอยน้อยหรือ | พี่หลงเชื่อถือมันหนักหนา | ||
ช่างไม่ยำเกรงข่มเหงอา | หยาบช้าเช่นนี้ทีเดียว | ||
แล้วด่าลูกหกคนป่นปี้ | มึงนี้ดีแต่จะแก้เกี้ยว | ||
ขัดเขมรหมุนมาคว้าไม้เรียว | กระทืบบาทกราดเกรี้ยวจะทุบตี | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกตกใจขยับหนี | ||
ศรีสันท์ร้องทูลไปทันที | ซึ่งอาว่าทั้งนี้ไม่มีจริง | ||
แต่แรกเถียงที่ข้อลูกไปรับ | ประเดี๋ยวใจไพล่กลับเป็นสุงสิง | ||
แกล้งปรักปรำซ้ำเติมด้วยชังชิง | ถ้าเป็นจริงเหมือนว่าจงฆ่าฟัน | ||
เมื่อครั้งเดินทางมากลางป่า | ข้ากลัวอาจะรังเกียจเดียดฉันท์ | ||
มิได้ใกล้เคียงเจ้าสุพรรณ | ลูกรักษาตัวมั่นถึงขั้นนี้ | ||
น้อยจิตคิดคิดแล้วน่าสรวล | มาว่าข้าลามลวนไม่ควรที่ | ||
อันชู้เมียลูกไม่พอใจมี | จะบวชเสียมิดีหรือบิดา | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
๏ ลูกเอยลูกรัก | พ่อไม่ประจักษ์จึงด่าว่า | ||
เจ้าคนตรงงคนซื่ออย่าถืออา | จงงอนง้อพูดจาแต่โดยดี | ||
แล้วตรัสแก่เยาวมาลย์หลานน้อย | เจ้าอย่าพลอยถือโทษโกรธพี่ | ||
จงรักกันฉันญาตินะเทวี | บุญคุณเขามีแก่หลานรัก | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ แค้นด้วยพระพี่นี้สุดใจ | เอออะไรมาขวางกางกั้น | ||
หลับตางมเงาเข้าด้วยมัน | ตัดญาติขาดกันแต่วันนี้ | ||
ฯ ๒ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พระเชษฐาเล้าโลมนางโฉมศรี | ||
เท็จจริงจำว่าแต่โดยดี | มาด่วนทุบด่วนตีกันวุ่นวาย | ||
ข้างโน้นอย่ามุทะลุกุกะ | พ่อจะเกลี่ยไกล่เสียให้หาย | ||
ข้างนี้เป็นผู้ใหญ่อย่าใจร้าย | ไม่สงสารหลานชายเลยน้องรัก | ||
ฯ ๔ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกมเหสีมีศักดิ์ | ||
ให้วิตกอกใจทึกทัก | กลัวว่าลูกรักจะแพ้อา | ||
ค่อยกระซิบพาทีกันที่นั่น | จำจะทูลแก้กันโอรสา | ||
จะให้ท้าวเธอถามขุนโหรา | เขาจะได้ช่วยว่าให้เกลี่อนไป | ||
แล้วหกนางต่างทูลพระสามี | น้องนี้หลากจิตคิดสงสัย | ||
กัลยามาเป็นเช่นนี้ไซร้ | อย่าไว้ใจจงถามโหราดู | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสามีตรัสตอบว่าชอบอยู่ | ||
เห็นเถียงกันฟั่นเผื่อเป็นเหลือรู้ | ว่าความาหลายคู่ไม่เช่นนี้ | ||
แล้วมีสิงหนาทบัญชา | ตรัสเรียกโหราเข้ามานี่ | ||
ท่านช่วยพิเคราะห์ดูให้เต็มที่ | เรานี้ยังพะวงสงกา | ||
องค์พระน้องยาแต่มาถึง | ให้โกรธขึ้งหลานรักหนักหนา | ||
ดูจริงเห็นผิดกิริยา | จะถูกต้องผีป่าหรืออย่างไร | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
๏ บัดนั้น | โหรเฒ่าบังคมประนมไหว้ | ||
จึงดูยามตามเคราะห์อรไท | ไม่มีเหตุเภทภัยสักสิ่งอัน | ||
ครั้งจะทูลไปตามสัจจา | เห็นหกโอรสาจะอาสัญ | ||
เราได้สินบนเขาคราวนั้น | จำจะช่วยผ่อนผันให้ชอบกล | ||
คิดแล้วนบนิ้วประนมทูล | ข้าวางลัคน์หักคูณดูหลายหน | ||
อันพระน้องนารีนีรมล | เป็นพิกลจริตจิตคลั่งไคล้ | ||
เหตุเพราะยักษ์ร้ายที่วายปราณ | ประจำองค์นงครญให้หลงใหล | ||
จงหาหมอหลวงทั้งปวงไซร้ | มาดูแลแก้ไขให้หลายตา | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านนัคเรศเชษฐา | ||
จึงตรัสว่าจริงแล้วนะโหรา | เราเห็นกิริยานั้นผิดที | ||
ว่าพลางทางสั่งเสนาใน | หมอโรงเราเท่าไรเรียกมานี่ | ||
แล้วแยกไปให้ทั่วธานี | หาคนทรงลงผีนั้นเข้ามา | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศา | ||
บ้างไปเรียกหมอนวดหมอยา | บ้างก็พายายเฒ่าเข้าไปพลัน | ||
ฯ ๒ คำฯ เจรจา เชิด | |||
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านนัคเรศเขตขัณฑ์ | ||
จึงตรัสสั่งหมอหลวงทั้งปวงนั้น | จงช่วยกันแก้น้องกูลองดู | ||
จะเป็นโรคอย่างไรไม่ประจักษ์ | เห็นละล่ำละลักประหลาดอยู่ | ||
ให้ชิงชังทั้งหกลูกกู | ไม่แลดูหน้าตาเฝ้าด่าทอ | ||
แม้นใครแก้หายคลายคลุ้มคลั่ง | กูจะตั้งให้เป็นกรมหมอ | ||
เร่งทำตามวิชาอย่ารั้งรอ | ตั้งใจตั้งคอให้จงดี | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
๏ บัดนั้น | หมอยาใคร่ครวญถ้วนถี่ | ||
จึงกราบทูลพลันทันที | ไข้นี้มีพิษติดจะร้าย | ||
ชื่อสันนิบาตเลือดให้เดือดดุ | ถ้าถวายยารุเห็นจะหาย | ||
ลมกระทบหฤทัยไม่สบาย | จึงกระวนกระวายข้างภายใน | ||
หมอนวดต้องลงตรงบาทา | แล้วว่าเส้นปัตคาดพอแก้ไข | ||
จะต้องห่อใบส้มต้มกับไพล | ประคบให้เส้นสายกระจายดี | ||
ฯ ๖ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏเจ้ากรุงศรี | ||
จึงตรัสสั่งยายท้าวทันที | จงเร่งลงผีไปตามเคย | ||
ถ้าเอ็งแก้น้องของกูหาย | จะให้ลาภมากมายแล้วยายเอ๋ย | ||
จะเป็นอย่างไรอยู่ไม่รู้เลย | นี่แน่เหวยอีมดอย่าปดกัน | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ บัดนั้น | นางท้าวไหว้ผีขมีขมัน | ||
ประนมมือถือเทียนงกงัน | ทำตัวสั่นเทาเทาหาวเรอ | ||
ฯ ๒ คำฯ กราวรำ | |||
๏ ฉวยขวดดื่มเหล้าจนเมามึน | ลุกขึ้นเต้นรำผย่ำเผยอ | ||
ทำหน้าตาเบี้ยวบูดพูดเพ้อ | อ่อกุมภัณฑ์เกลอของกูมา | ||
เอ็งอย่าอยู่ไม่ได้เร่งไปเสีย | มาโกรธขึ้งหลานเมียไยหนักหนา | ||
เอาเป็ดไก่ไปกินเถิดเกลออา | แกล้งผูกพันมุสาใส่ไคล้ | ||
ฯ ๔ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาให้มันไส้ | ||
ร้องด่าว่าเหวยอีจัญไร | ผีสางที่ไหนมาเข้ากู | ||
มึงโกหกเห็นตัวหัวประสม | น้อยหรือลิ้นลมมาลบหลู่ | ||
ว่าพลางนางฉวยลิ่มประตู | ไล่ต่อยหัวหูระยำไป | ||
ฯ ๔ คำฯ เชิด | |||
๏ เมื่อนั้น | พระเชษฐาร้อนรนหม่นไหม้ | ||
จึงปลอบโยนโอนอ่อนเอาใจ | จูงกรอรไทมาแท่นทอง | ||
ไม่รักพี่แล้วหรือแก้วตา | เฝ้าโกรธาว้าวุ่นขุ่นหมอง | ||
มาหลงใหลไม่ควรเลยนวลน้อง | พี่พิเคราะห์สอดส่องเห็นถ่องแท้ | ||
เมื่อทั้งหกหลานรักผู้ศักดา | ไปรับมาจริงเจียวทีเดียวแม่ | ||
กลับเคืองข้องสองตาก็ไม่แล | สุดที่พี่จะแก้ที่คลุ้มใจ | ||
ฯ ๖ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาแถลงไข | ||
ถึงพระจะโกรธก็โกรธไป | เมื่อความจริงใจไม่เชื่อกัน | ||
แม้นมิพบพระสังข์เหมือนดังจิต | เห็นชีวิตน้องยาจะอาสัญ | ||
อันอ้ายทั้งหกไม่นับมัน | พงศ์พันธุ์อะไรจะคอยล้าง | ||
ครั้นว่าไปก็เครื่องจะเคืองข้อง | มันข่มเหงน้องนี้ทุกอย่าง | ||
เฝ้าเกี้ยวพานหลานสาวมากลางทาง | ทั้งพูดจาถากถางให้ได้อาย | ||
สุพรรณมันด่าก็ไม่เจ็บ | ดูเถิดรอยเล็บยังไม่หาย | ||
นี่หรือจะให้นับเป็นหลานชาย | สู้ตายไม่ขอเห็นหน้าตา | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
๏ น้อยเอยน้อยหรือ | พี่หลงเชื่อถือมันหนักหนา | ||
ช่างไม่ยำเกรงข่มเหงอา | หยาบช้าเช่นนี้ทีเดียว | ||
แล้วด่าลูกหกคนป่นปี้ | มึงนี้ดีแต่จะแก้เกี้ยว | ||
ขัดเขมรหมุนมาคว้าไม้เรียว | กระทืบบาทกราดเกรี้ยวจะทุบตี | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกตกใจขยับหนี | ||
ศรีสันท์ร้องทูลไปทันที | ซึ่งอาว่าทั้งนี้ไม่มีจริง | ||
แต่แรกเถียงที่ข้อลูกไปรับ | ประเดี๋ยวใจไพล่กลับเป็นสุงสิง | ||
แกล้งปรักปรำซ้ำเติมด้วยชังชิง | ถ้าเป็นจริงเหมือนว่าจงฆ่าฟัน | ||
เมื่อครั้งเดินทางมากลางป่า | ข้ากลัวอาจะรังเกียจเดียดฉันท์ | ||
มิได้ใกล้เคียงเจ้าสุพรรณ | ลูกรักษาตัวมั่นถึงขั้นนี้ | ||
น้อยจิตคิดคิดแล้วน่าสรวล | มาว่าข้าลามลวนไม่ควรที่ | ||
อันชู้เมียลูกไม่พอใจมี | จะบวชเสียมิดีหรือบิดา | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
๏ ลูกเอยลูกรัก | พ่อไม่ประจักษ์จึงด่าว่า | ||
เจ้าคนตรงงคนซื่ออย่าถืออา | จงงอนง้อพูดจาแต่โดยดี | ||
แล้วตรัสแก่เยาวมาลย์หลานน้อย | เจ้าอย่าพลอยถือโทษโกรธพี่ | ||
จงรักกันฉันญาตินะเทวี | บุญคุณเขามีแก่หลานรัก | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางสุพรรณนารีมีศักดิ์ | ||
ได้ฟังคั่งแค้นฤทัยนัก | นงลักษณ์จึงทูลไปทันที | ||
อันสัญชาติทั้งหกเชษฐา | ข้าไม่ปรารถนานับว่าพี่ | ||
อะไรช่างมุสาทั้งตาปี | เคยดื้อเถียงเช่นนี้นี่หลายครา | ||
แต่วันเมื่อพระสังข์ศิลป์ชัยหาย | ต่างแยกย้ายรายค้นบนภูผา | ||
ตัวหลานกับพี่ศรีสันทา | ไปเที่ยวหาสุมทุมพุ่มไม้ | ||
พอถึงที่เปลี่ยวก็เกี้ยวพาน | ทำหักหาญฉุดคร่าคว้าไขว่ | ||
ข้าหยิกข่วนหนักหนาไม่สาใจ | ยังวิ่งไล่มาจนชนนี | ||
ครั้นพระมารดาข้าถาม | กลับพูดจาหยาบหยามเสียดสี | ||
ข้านอนค้างกลางป่าพนาลี | ศรีสันท์นั้นมีแต่นึกร้าย | ||
ลอบย่องเข้าหาข้าถีบเอา | ถูกเข้าที่อกหกล้มหงาย | ||
ยังกลับขึ้นเสียงเถียงมากมาย | เห็นไม่มีชาติอายเท่าปลายเล็บ | ||
สันดานด้านดื้อนี้สุดใจ | จะว่าอย่างไรก็ไม่เจ็บ | ||
ทำไขหูสู้เถียงจนตาเย็บ | เติมแต้มแนมเหน็บไปทุกคราว | ||
ฯ ๑๔ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันทาว่าชะนางน้องสาว | ||
ช่างประดิษฐ์ติดต่อเป็นเรื่องราว | ว่ากล่าวสมอ้างไปข้างเดียว | ||
สบประมาทกันเล่นเช่นนี้ | เออนี้เมื่อไรข้าได้เกี้ยว | ||
เขาว่าใจผู้หญิงนี้จริงเจียว | ออกเป็นเขี้ยวเป็นเล็บไล่เก็บความ | ||
ที่ว่าข้าย่องเบาเข้าไป | เจ้าจับได้หรือหนอจะขอถาม | ||
เมื่อผีหลอกวันนั้นเจ้าครั่นคร้าม | ลุกวิ่งบุ่มบ่ามมาหาเรา | ||
ยังอ้อยอิ่งวิงวินให้นอนเพื่อน | ข้าบิดเบือนอยู่จริงหรือไม่เล่า | ||
ช่างกระไรว่าได้ก็ว่าเอา | คิดดูสิเจ้าอย่าเอนเอียง | ||
เท็จจริงตามแต่ตระลาการ | เหนื่อยปากรำคาญขี้คร้านเถียง | ||
ขอพระบิตุรงค์จงไล่เรียง | ถ้าใครเพลี่ยงอย่าได้ไว้ชีวิต | ||
ฯ ๑๐ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏรำคาญจิต | ||
กอดเข่าตะลึงคะนึงคิด | ยิ่งฟังยิ่งผิดสังเกตนัก | ||
ให้ฉงนสนเท่ห์โลเลใจ | จะจริงจังข้างไหนไม่ประจักษ์ | ||
สุดปัญญาพาทีที่จะซัก | จำจะชักเกลี่ยไกล่ให้ดีกัน | ||
คิดพลางทางตรัสแก่น้องยา | จงฟังคำพี่ว่าอย่าเดียดฉันท์ | ||
จะตัดสินให้เป็นกลางทางธรรม์ | คำของเจ้านั้นยังเลื่อนลอย | ||
ข้างเขาว่าได้ไปรับมา | เห็นยืนยันหนักหนาไม่ราถอย | ||
ดูถ้อยคำสำนวนก็เรียบร้อย | ทั้งพี่ได้ใช้สอยให้เขาไป | ||
ฝ่ายพระน้องยาว่าคนอื่น | หามีตัวยั่งยืนเข้ามาไม่ | ||
เถียงกันเปล่าเปล่าเอาอะไร | ข้างเจ้าเป็นผู้ใหญ่ควรอดออม | ||
จงหลับนอนให้สบายหายเจ็บหลัง | อย่างคลุ้มคลั่งฤทัยจะไผ่ผอม | ||
อันอ้ายยักษ์คนโชโตเท่าพ้อม | จะทุกข์ตรอมถึงมันไปทำไม | ||
ฯ ๑๒ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาน้ำตาไหล | ||
กล่าวถ้อยตอบตัดด้วยขัดใจ | เถิดคะอย่าได้พูดจากัน | ||
อกเอ๋ยเอออะไรช่างหลับตา | พิพากษาชี้แจงแบ่งบั่น | ||
กระนี้แหละควรเห็นว่าเป็นธรรม์ | เข้ากันนี่กระไรจนไม่คิด | ||
สิ้นบุญวาสนาสิ้นอาลัย | จะอยู่ไยให้ระกำช้ำจิต | ||
เป็นตายไม่เสียดายแก่ชีวิต | จะสู้ติดตามองค์พระหลานชาย | ||
ว่าพลางนางลุกจากแท่นที่ | ฉวยฉุดบุตรีมาผันผาย | ||
ไหนไหนก็ในจะวอดวาย | อย่าอยู่ให้ได้อายเลยลูกยา | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏยุดหัตถา | ||
จึงว่าพี่ไม่ให้เจ้าไคลคลา | อย่าโกรธาฮึดฮัดสะบัดมือ | ||
แต่แม่ลูกสองคนจะด้นไป | ยังเห็นงามแก่ใจอยู่แล้วหรือ | ||
จะทำให้ชาวเมืองเขาเลื่องลือ | ไม่ควรถือโกรธพี่เช่นนี้เลย | ||
ซึ่งตัดสินนั้นผิดพึ่งคิดได้ | ขออภัยเสียเถิดนะน้องเอ๋ย | ||
แล้วว่าหลานสาวผู้ทรามเชย | ไม่ห้ามมารดาเลยนี่อย่างไร | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาแถลงไข | ||
อย่าห้ามน้องเลยคะคงจะไป | เห็นใจเสียแล้วที่ว่ารัก | ||
จะเอาไว้ทำไมกับใบ้บ้า | ให้อับอายขายหน้าพระทรงศักดิ์ | ||
ข้าคนเมามัวมันชั่วนัก | พระอย่าพักทำปลอบให้ชอบใจ | ||
ถ้าแม้นมิพบพานพระหลานขวัญ | จะต้นตั้นไปกว่าจะตักษัย | ||
มายื้อยุดฉุดคร่าข้าไว้ใย | อรไทเคืองขัดสะบัดมือ | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
๏ น้องเอ๋ยน้องแก้ว | จะไปให้ได้แล้วจริงเจียวหรือ | ||
จงหยุดยั้งปรึกษาหารือ | อย่าอึงอื้อหุนหันฟั่นเฟือน | ||
ต่อย่ำรุ่งพรุ่งนี้จึงคลาไคล | พี่จะตามทรามวัยไปเป็นเพื่อน | ||
แล้วร้องสั่งทั้งทหารพลเรือน | เร่งเตรียมไพร่ในเดือนประเดี๋ยวนี้ | ||
ฯ ๔ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกอัคเรศมเหสี | ||
จึงทูลทัดภัสดาสามี | จงคิดดูให้ดีที่จะไป | ||
เมียเห็นกัลยายังคลุ้มคลั่ง | พระจะพลอยตึงตังไปข้างไหน | ||
จะพากันบุกป่าเที่ยวหาคา | เมื่อมิใช่ลูกหลานว่านเครือ | ||
อันเขตแคว้านไพรระหงดงดาน | ล้วนยักษ์มารผีสางช้างเสือ | ||
มันจะมาจับกินสิ้นเลือดเนื้อ | เห็นไพร่พลไม่เหลือมานคร | ||
พระมิห้าปรามจะตามใจ | เหมือนรบไปชมสวนเมื่อคราวก่อน | ||
จนยักษ์มาพาไปได้ทุกข์ร้อน | ครั้งนี้ที่จะจรเมียหนักใจ | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
๏ ปลื้มเอยปลื้มจิต | จริงแล้วพี่คิดขึ้นมาได้ | ||
หาไม่ที่ไหนนั่นคงบรรลัย | อันบุญคุณเจ้าไซร้ไม่ลืมเลย | ||
แล้วตรัสแก่ขนิษฐานารี | ตัวพี่ไม่ไปแล้วน้องเอ๋ย | ||
พระอายใจผินหลังสั่งเปรย | อย่าเตรียมพลเลยนะเสนา | ||
ฯ ๔ คำฯ | |||
๏ น่าเอยน่าหัวร่อ | เช่นนี้ดอกหนอพระเชษฐา | ||
อย่างไรอยู่ดูผิดแต่ก่อนมา | ทั้งหลับตาแล้วซ้ำฟังคำเมีย | ||
ช่างไม่อัปยศอดสู | แต่เขาขู่สำทับก็กลับเสีย | ||
ต่อจะถูกกระทำยำเยีย | จีงเอียงเงี่ยไปข้างคนพูดเท็จ | ||
เห็นสมเป็นกษัตริย์สุริย์วงศ์ | เคยณรงค์สงครามไม่ขามเข็ด | ||
พระทัยกระไรกล้าดังเหล็กเพชร | ไม่เสด็จแล้วน้องจะขอลา | ||
ลูกเอ๋ยอย่าช้ามาจะไป | ผิดชอบบรรลัยเสียในป่า | ||
มายุดไว้ไยเล่าพระพี่ยา | ข่มเหงจริงยิ่งกว่าเจ้าหัวใจ | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
๏ ขวัญเอยขวัญข้าว | ที่พี่จะทิ้งเจ้าอย่าสงสัย | ||
ถึงมาตรแม้นชีวันจะบรรลัย | คงจะไปเป็นเพื่อนนางเทวี | ||
แล้วมีสิงหนาทบัญชา | เหวยเหวยเสนาทั้งสี่ | ||
เร่งตรวจเตรียมรี้พลมนตรี | ครั้งนี้กูจะไปจริงจริงแล้ว | ||
พระเหลียวสั่งมเหสีโสภา | กับหกโอรสากล้าแกล้ว | ||
อย่าตามบิตุราชคลาดแคล้ว | อยู่รักษากรุงแก้วเถิดลูกรัก | ||
ว่าพลางทางเสด็จเข้าที่สรง | แต่องค์อึกทึกกึกกัก | ||
คาดตะกรุดลงยันต์ไปกันยักษ์ | เอาแหวนถักพิรอดสอดนิ้วชี้ | ||
จับพระแสงคู่มือถือเงื้อง่า | ถึงยักษ์มาเท่าไรก็ไม่หนี | ||
แล้วชวนสองกัลยานารี | จรลีลงจากปราสาทชัย | ||
ฯ ๑๐ คำฯ | |||
๏ ขึ้นบนเกยรัตน์ชัชวาล | ทวยหาญประนมบังคมไหว้ | ||
เสด็จทรงคชสารมารประลัย | ทั้งสองอรไทนั้นทรงรถ | ||
โขลนจ่าเถ้าแก่แลงานกลาง | กำนัลสองข้างในไปเกือบหมด | ||
ช้างประเทียบเรียบรันเป็นหลั่นลด | ให้เคลื่อนทศโยธาคลาไคล | ||
ฯ ๔ คำฯ เชิด | |||
๏ เทพเจ้าดลใจไพร่พล | ทั้งช่วยย่อย่นหนทางให้ | ||
แต่ปัญจาล์มาเมืองสังข์ศิลป์ชัย | ทางไกลสามวันเป็นวันเดียว | ||
กองหลวงล่วงลุมรคา | แดนบรรพตพาราป่าเปลี่ยว | ||
สุริยาเย็นพยับลับเลี้ยว | คิดเกลียวกลัวภัยในไพรวัน | ||
สั่งให้หยุดโยธีรี้พล | เร่งแบ่งคนตัดไม้ตั้งค่ายมั่น | ||
ปลูกพลับพลาติดต่อให้พอกัน | หน้าที่ใครไม่ทันโทษถึงตาย | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนาอภิวันท์แล้วผันผาย | ||
เกณฑ์กันวุ่นไปทั้งไพร่นาย | บ้างตั้งค่ายบ้างจับทำพลับพลา | ||
ฯ ๒ คำฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นปักนัคเรศเชษฐา | ||
จึงชวนสองแจ่มจันทร์กัลยา | ขึ้นสู่พลับพลาพนาดร | ||
ฯ ๒ คำฯ เสมอ | |||
๏ แล้วกำชับกำชาข้าเฝ้า | พลเราล้าเลื่อยเหนื่อยอ่อน | ||
เกลือกจะมีภัยพาลมาราญรอน | อย่าเห็นแก่หลับนอนจงตรวจตรา | ||
ครั้นล่วงเข้าปฐมยามก็ไสยาสน์ | ด้วยน้องนาฎนัดดาเสน่หา | ||
พระตั้งใจสวดมนต์ภาวนา | จนนิทราหลับไหลในราตรี | ||
ฯ ๔ คำฯ ตระ | |||
ตอนที่ ๒ ท้าวเสนากุฎเข้าเมือง
ยานี | |||
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงท้าวสหัสนัยน์โกสีย์ | ||
ให้ร้อนอาสน์นักดังอัคคี | อัศจรรย์อย่างนี้มีเคยเป็น | ||
ดีร้ายใต้หล้าจะเกิดเหตุ | จึงสอดส่องทิพเนตรสังเกตเห็น | ||
สงสารสังข์ศิลป์ชัยได้ยากเย็น | ตกเหวเคืองเข็ญเป็นเคราะห์กรรม | ||
นี่หากเทพเจ้าจอมผา | เขาเมตตามาช่วยอุปถัมภ์ | ||
เห็นเวรเวราที่ได้ทำ | เราจำจะไปช่วยชีวิตไว้ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ คิดแล้วมีเทวบรรหาร | เรียกเทพบริวารน้อยใหญ่ | ||
เหาะจากฟากฟ้าสุราลัย | พร้อมไปด้วยเทวดาเลว | ||
ฯ ๒ คำ ฯ โคมเวียน | |||
๏ ครั้นถึงเขาใหญ่ดังใจจง | อมรินทร์เหาะลงไปในเหว | ||
อุ้มสังข์ศิลป์ชัยใส่บั้นเอว | แล้วขึ้นตามปล่องเปลวด้วยฤทธา | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เหาะ | |||
๏ วางองค์ลงเหนือยอดบรรพต | เอาน้ำทิพย์รินรดเกศา | ||
ลูบไล้ไปทั่วทั้งกายา | พวกเทวานวดฟื้นให้บรรเทา | ||
ฯ ๒ คำ ฯ รัว | |||
๏ ที่เจ็บปวดหายฉิบดังหยิบทิ้ง | ทั้งรูปร่างงามยิ่งขึ้นกว่าเก่า | ||
บ้างให้พรสอนสั่งบ้างหยอกเย้า | แล้วอุ้มเจ้าพาเหาะไปเวียงชัย | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิดฉิ่ง | |||
๏ ครั้นถึงจึงลงยังแผ่นดิน | อมรินทร์ชี้บอกหนทางให้ | ||
แล้วสำแดงแผลงอิทธิ์ฤทธิไกร | คืนไปสถานพิมานฟ้า | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
ทองย่อน | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ศิลป์ชัยโอรสา | ||
ยุรยาตรานาดกรเข้าพารา | ตรงมาปรางค์แก้วแววไว | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงช้า | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | สองพระชนนีศรีใส | ||
เหลือบเห็นลูกน้อยกลอยใจ | อรไทไปรับด้วยยินดี | ||
นางประทุมอุ้มองค์ขึ้นใส่ตัก | สวมกอดลูกรักกันแสงศรี | ||
นางไกรสรโศกศัลย์พันทวี | สิงหราโศกีจนนิ่งไป | ||
ฯ ๔ คำ ฯ โอด | |||
๏ ครั้นค่อยคลายกำสรดเศร้าหมอง | พระมารดาทั้งสองก็ถามไถ่ | ||
ลูกเอ๋ยเกิดเข็ญเป็นอย่างไร | จึงช้าไปไม่ถึงธานี | ||
พี่เจ้าเอาพระขรรค์แลสังข์ศร | มาส่งให้มารดรยังกรุงศรี | ||
แล้วบอกว่าพระอากับเจ้านี้ | มาถึงกลางพนาลีแล้วหายไป | ||
ความแม่ทุกข์ร้อนอาวรณ์นัก | ครวญคร่ำร่ำรักเพียงตักษัย | ||
คิดว่าจอมขวัญเจ้าบรรลัย | เป็นไฉนฉะนี้นะลูกยา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
โอ้ลาว | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์โศกศัลย์เป็นหนักหนา | ||
กันแสงพลางทางทูลพระมารดา | แต่ต้นจนมาถึงกลางดง | ||
ด้วยเชษฐาทั้งหกเขาทำซื่อ | ลูกเชื่อถือรักใคร่ใหลหลง | ||
มันพาชมเขาห้วยให้งวยงง | แล้วผลักตกลงในเหวลึก | ||
เจ็บช้ำทั้งกายปิ้มวายชนม์ | ได้ทุกข์ทนพ้นที่จะตรองตรึก | ||
อันจะรอดมาได้นั้นไม่นึก | แต่ครวญคร่ำรำลึกถึงมารดา | ||
เดชะบุญญาของข้าไซร้ | จึงร้อนอาสน์เจ้าตรัยตรึงศา | ||
อมรินทร์จากสถานพิมานมา | อุ้มข้าพาขึ้นจากเหวนั้น | ||
ท่านเอาน้ำอำมฤตมาโสรจสรง | แล้วช่วยพามาส่งถึงเขตขัณฑ์ | ||
เป็นกรรมของลูกเองมาตามทัน | ทั้งพลัดพรากจากกันกับบิดร | ||
ตั้งแต่นี้ไปจะสิ้นทุกข์ | จะได้เป็นผาสุกสโมสร | ||
เห็นบิดาจะมารับคืนนคร | พระมารดรจะเชื่อลูกเถิดรา | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | นางประทุมตอบองค์โอรสา | ||
แม่กรวดน้ำเสียแล้วนะแก้วตา | จนชั้นแต่พักตราไม่ขอดู | ||
เราอยู่นี่ดีกว่านะพ่อเอ๋ย | อย่าออกชื่อเขาเลยรำคาญหู | ||
จะขืนไปใกล้เคียงคนศัตรู | มันจะกรูกันทำระยำยับ | ||
ว่าพลางนางค่อยอุ้มประคอง | ลุกจากแท่นทองเข้าห้องหับ | ||
วางองค์ลงบรรทมกอดประทับ | จงนอนหลับเสียเถิดอย่าพูดไป | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์อาวรณ์ถอนใจใหญ่ | ||
บรรทมรำพึงคะนึงใน | คิดจะใคร่ได้พบกับบิดร | ||
ครั้นจะจบชนนีเซ้าซี้ว่า | ก็กลัวจะโกรธาไม่โอนอ่อน | ||
ให้รำสับรำสนทุรนร้อน | แต่นอนนอนกลิ้งกลับจนหลับไป | ||
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ | |||
จำปานารี | |||
๏ ครั้นรุ่งแสงสุริยาการ้อง | พระตื่นจากแท่นทองผ่องใส | ||
เทวดาสื่อสนมาดลใจ | จะพาไปให้พบกับบิดา | ||
พระเร่าร้อนจิตขุ่นฉุนเฉียว | คิดจะใคร่ไปเที่ยวประพาสป่า | ||
จึงบังคมชนนีมีวาจา | ลูกรักจะลาไปเล่นไพร | ||
ตะวันบ่ายชายแสงทินกร | จะรีบร้อนกลับมายังกรุงใหญ่ | ||
ทำชะอ้อนพาทีพิรี้พิไร | พระองค์จงโปรดให้ลูกไคลคลา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | พระชนนีมีจิตเสน่หา | ||
รับขวัญรำพันพูดกับลูกยา | จะไปป่าแม่นี้มิไว้ใจ | ||
เกลือกอ้ายกระยาจกทั้งหกคน | จะเคลือบแฝงแต่งกลออกมาใหม่ | ||
เจ้าจะกลับนับถือซื่อไป | มันจะซ้ำทำให้ได้เดือดร้อน | ||
สิงหรามาถึงก็เจ็บป่วย | จะได้ใครไปด้วยช่วยสั่งสอน | ||
แม่นี้มิใคร่จะให้จร | แต่แก้วตาว่าวอนก็จนใจ | ||
พ่ออย่างหลงเล่นอยู่เย็นค่ำ | ฟังคำมารดาอัชฌาสัย | ||
อย่าคบค้าสมาคมกับผู้ใด | จะระวังระไวไพรี | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระโอรสปรีดิ์เปรมเกษมศรี | ||
เคารพรับคำด้วยยินดี | อัญชลีลาสองพระมารดร | ||
แล้วชำระสระสรงทรงเครื่องทิพย์ | พระหัตถ์หยิบพระขรรค์แลสังข์ศร | ||
ลงจากปราสาทแก้วแล้วรีบจร | ออกนอกพระนครเข้าพงไพร | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ พระดำเนินลดเลี้ยวเที่ยวมา | ชมพรรณพฤกษาสูงไสว | ||
จึงผาดแผลงศรสิทธิ์ฤทธิไกร | เรียกสัตว์น้อยใหญ่มาฉับพลัน | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิดฉิ่ง เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | เสนีนายพลคนขยัน | ||
พาพวกพรานไพรใจฉกรรจ์ | เที่ยวด้นดั้นหาเนื้อในดงดาน | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ มาพบสัตว์จัตุบาทนานา | มฤคาโคกระทิงวิ่งพล่าน | ||
เหลือบไปเห็นองค์พระกุมาร | งามโฉมเปรียบปานกับเทวัญ | ||
แล้วจะเป็นพระสังข์กระมังหนา | ที่ว่าหายไปในไพรสัณฑ์ | ||
จำจะถามนามวงศ์พงศ์พันธุ์ | ให้แม่นมั่นตระหนักประจักษ์ใจ | ||
คิดพลางทางเดินเข้าไปหา | จึงมีวาจาปราศรัย | ||
เจ้าเด็กน้อยนี้มาแต่แห่งใด | ช่างกระไรแกล้วกล้าน่ากลัวแทน | ||
ป่ากว้างทางเปลี่ยวมาเที่ยวอยู่ | แต่ล้วนหมู่สิงห์สัตว์อัดแน่น | ||
อันถิ่นฐานประเทศเขตแคว้น | อยู่ด้าวแดนตำบลหนใด | ||
บิตุเรศชนนีพี่น้อง | เป็นพวกพ้องสุริย์วงศ์พงศ์ใหน | ||
พระโฉมงามนามกรชื่อไร | จงบอกไปให้หมดอย่าปดกัน | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ศิลป์ชัยมิได้พรั่น | ||
จึงตอบว่ามึงนี้จองหองครัน | มาถามถึงพงศ์พันธุ์พูดเลอะเทอะ | ||
เงือดเงื้อพระขรรค์ขึ้นสำทับ | มันน่าสับศีรษะให้หวะเหวอะ | ||
ทุดอ้ายชาติข้าหน้าเคอะ | นี่มึงเซอะเซิงมาแต่แห่งใด | ||
เอ็งเร่งกลับไปเสียเดี๋ยวนี้ | อย่าเซ้าซี้กูนะหาละไม่ | ||
เขาว่าโดยดีแล้วมิไป | คัดมือคันไม้จริงจริงเจียว | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนีโกรธานัยน์ตาเขียว | ||
จึงว่าลูกกระจิริดนิดเดียว | มากราดเกรี้ยวเอาผู้ใหญ่ได้ครื้นเครง | ||
ลิ้นลมน่าต่อยสักร้อยโขก | โอกโขยกโป้งโหยงโฉงฉาง | ||
อย่าอ้างอวดฤทธิไกรกูไม่เกรง | จะจับเอ็งไปถวายยังค่ายคู | ||
แล้วขับไพร่ได้รุกบุกบัน | กลัวมันทำไมกับอ้ายหนู | ||
บ้างล้อมหน้าล้อมหลังพรั่งพรู | บ้างกู่เรียกเพื่อนมาช่วยกัน | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์เคืองขุ่นหุนหัน | ||
อ้ายพวกนี้จะมาให้ฆ่าฟัน | น้ำใจมันเหี้ยมฮึกบึกบึน | ||
ใครเข้ามาก็รันด้วยคันศร | ล้มนอนนิ่งจุกลุกไม่ขึ้น | ||
พระตีต้องตัวนายลงเมื่อยมึน | ไพร่ตื่นแตกครื้นกระจายไป | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ บัดนั้น | อำมาตย์บอบช้ำน้ำตาไหล | ||
ผุดลุกคุกคลานเข้าแอบไม้ | ให้บ่าวพาหนีไปมิได้ช้า | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงค่ายหลวงไม่หน่วงหนัก | ยังหอบฮักลนลานชานถลา | ||
ร้องทูลแถลงแจ้งกิจจา | ครั้งนี้ชีวาไม่รอดดอน | ||
ข้าไปพบเด็กน้อยในไพรวัน | มือถือพระขรรค์กับสังข์ศร | ||
ครั้นเข้าใกล้ไต่ถามนามกร | มันอ้างอวดฤทธิรอนเข้ารบรุก | ||
พวกเราทั้งมากแทบมอดม้วย | ถูกด้วยคันศรลงนอนจุก | ||
ต่างตะกายเสือกสนซนซุก | มันไล่รุกบุกบันกระชั้นมา | ||
หรือยักษ์ดอกกระมังผิดสังเกต | ลูกนิดฤทธิ์เดชมันหนักหนา | ||
ที่จะต่อสู้นั้นสุดปัญญา | ผ่านฟ้าระวังองค์ให้จงดี | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏผุดลุกหนี | ||
เอ๊ะตายจริงจังแล้วครั้งนี้ | ดีร้ายยักษีมันแปลงมา | ||
งมเงาเอาชีวิตมาทิ้งเสีย | ที่ไหนเลยลูกเมียจะเห็นหน้า | ||
เพราะเจ้าเกสรสุมณฑา | พาพี่มาฆ่าเสียจริงแล้ว | ||
เมื่อมันเป็นยักขินีผีไพร | ใครจะสู้มันได้นะน้องแก้ว | ||
เห็นคงจะบรรลัยนี้ไม่แคล้ว | จะกลับไปเสียแล้วย่าทานทัด | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ขนิษฐาฉวยฉุดยุดหัตถ์ | ||
นางพิไรร่ำว่าสารพัด | ทั้งพ้อตัดแนมเหน็บให้เจ็บใจ | ||
ตัวน้องเป็นหญิงยังนิ่งฟัง | ไม่ตึงตังตื่นเต้นเป็นไฟไหม้ | ||
พระเชื้อชายประเสริฐเลิศไกร | น้ำพระทัยขลาดจริงยิ่งสตรี | ||
ยังไม่ทันถามไถ่ว่าใต้เหนือ | แต่ออกชื่อว่าเสือจะวิ่งหนี | ||
น้องเห็นว่ามิใช่ไพรี | ดูท่วงทีจะเป็นสังข์ศิลป์ชัย | ||
แล้วเบือนพักตร์ซักถามเสนาพลัน | เจ้าคนนั้นยังเล็กหรือเด็กใหญ่ | ||
สูงต่ำดำขาวสักราวไร | เห็นจะเป็นลูกไพร่หรือผู้ดี | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนาทูลสนองนางโฉมศรี | ||
อันกุมารที่ข้าว่านี้ | เห็นทีจะเป็นหน่อกษัตรา | ||
รูปโฉมโนมพรรณนั้นงามนัก | ละม้ายองค์ทรงศักดิ์พระเชษฐา | ||
จะคราวกันกับหกกุมารา | ชันษาสิบสองสิบสามปี | ||
ถ้าใครขืนต้านต่อฤทธิ์ | เห็นไม่รอดชีวิตจงคิดหนี | ||
ข้าจะขอล่วงหน้าไปธานี | อย่าเซ้าซี้ซักไซ้อยู่ให้ช้า | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาได้ฟังว่า | ||
จึงห้ามหมู่อำมาตย์เสนา | ใครอย่าตื่นตระหนกตกใจ | ||
อันกุมารนั้นหลานของข้าแน่ | เที่ยงแท้มั่นคงไม่สงสัย | ||
ท่านช่วยนำมรคาพาไป | ให้เราได้พบพานพระหลานชาย | ||
ขอเชิญภูวไนยไปด้วยกัน | อย่ากลัวตัวสั่นมาผันผาย | ||
อนิจจายังขืนตื่นตะกาย | ช่างไม่อายสาวสรรค์กำนัลใน | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระเชษฐายิ้มแห้งแถลงไข | ||
วันนี้แข้งขาเหน็บชาไป | จะคลาไคลสุดที่จะเหยียบยัน | ||
ไปดูก่อนให้แน่เถิดแม่เอ๋ย | เจ้าเป็นคนคุ้นเคยกับหลานขวัญ | ||
พี่จะคอยอยู่นี่ไม่หนีกัน | สุพรรณไปเพื่อนชนนี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ขนิษฐาว่าดูน่าบัดสี | ||
อกเอ๋ยมีแต่กล้าทั้งตาปี | ช่างพาทีแก้ไขไปร้อยคุ้ง | ||
กลับจะใช้ให้น้องนี้ผันผาย | พระเป็นชายถอยหลังเหมือนดังกุ้ง | ||
สุพรรณฟังเถิดซิสำนวนลุง | จะใคร่แย่งให้ยุ่งเยินยับ | ||
เชิญไปพอเป็นเพื่อนอย่าเชือนช้า | ถ้าเกิดเหตุสัญญาให้ท้าวปรับ | ||
เราจะแอบมองดูอยู่ลับลับ | แม้นมิใช่จึงกลับมาพลับพลา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏจึงตรัสว่า | ||
จะไปก็ไปสิแก้วตา | แต่ขอให้ข้านี้เดินกลาง | ||
เจ้าเป็นคนรู้จักมักจี่ | จงเดินนำหน้าพี่ไปห่างห่าง | ||
แล้วลงจากพลับพลากับสองนาง | ให้เสนีนำทางจรจรัล | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง | |||
๏ บัดนั้น | อำมาตย์ยังกลัวตัวสั่น | ||
พาลัดเลาะไปในไพรวัน | ครั้นถึงที่สำคัญค่อยแอบดู | ||
จึงกระซิบทูลนางพลางเขม้น | นั่นแน่แลเห็นไวไวอยู่ | ||
นี่แล้วหรือไรนะโฉมตรู | จงดูให้แน่เถิดแม่คุณ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระเชษฐาคร้ามจิตสะกิดวุ่น | ||
ถ้าผิดองค์จงบอกพี่เอาบุญ | จะได้หมุนไปก่อนได้ซ่อนตัว | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาให้คันหัว | ||
จึงว่านี่อะไรตั้งใจกลัว | จะหนีตัวออกวิ่งทิ้งกัน | ||
ว่าพลางนางลอบเขม้นมอง | ดูทำนองเห็นเป็นพระหลานขวัญ | ||
แล้วเทวีชี้ช่องให้สุพรรณ | จงช่วยกันดูแลให้แน่ใจ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ โอด | |||
๏ ต่างจำสำคัญได้มั่นคง | ก็วิ่งตรงเข้ามาหาช้าไม่ | ||
สวมสอดกอดองค์สังข์ศิลป์ชัย | แล้วร้องไห้ไม่เป็นสมประดี | ||
ฯ ๒ คำ ฯ โอด | |||
๏ ครั้นว่าค่อยคลายวายโศกา | จึงร้องเรียกเชษฐาเชิญมานี่ | ||
ได้ประสบพบลูกแล้วคราวนี้ | ยังจะรีรอช้าอยู่ว่าไร | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏยังสงสัย | ||
แต่ขยับลับล่อไม่ไว้ใจ | ถ้ามิใช่ลูกชายสิตายจริง | ||
พระชวนเสนาในไปเพื่อนตัว | เขาสั่นหัวขัดขืนยืนนิ่ง | ||
เข้าลูบหลังสั่งสอนวอนวิง | เอ็งอย่าทิ้งกูนะจะแทนคุณ | ||
ขนิษฐาซ้ำเรียกเป็นหลายครั้ง | ท้าวยังคร้ามจิตคิดว้าวุ่น | ||
ถึงจะเป็นจะตายก็ตามบุญ | ชักดาบญี่ปุ่นออกถือไว้ | ||
ขืนแข็งหฤทัยไคลคลา | ออกจาพฤกษาสุมทุมใหญ่ | ||
ปากบ่นบริกรรมทุกหายใจ | ตรงไปยังที่พระน้องยา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ศิลป์ชัยโอรสา | ||
บังคมทูลถามพระเจ้าอา | ผู้ชายที่มาด้วยนั้นใคร | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาแถลงไข | ||
นั่นคือบิดรของเจ้าไซร้ | ตั้งใจมาหาพระลูกรัก | ||
ความเกรงฤทธิ์พ่อเฝ้าท้อถอย | เดินหง่อยพรั่นตัวกลัวหนัก | ||
เจ้าจงอภิปรายทายทัก | ให้รู้จักว่าลูกจะยินดี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ปรีด์เปรมเกษมศรี | ||
จึงบังคมบิดาแล้วพาที | ใครนี่มายืนอยู่เก้กัง | ||
ช่างตื่นเต้นตัวสั่นดูขันจริง | ทำทีจะวิ่งไม่เหลียวหลัง | ||
เมื่อเป็นคนผูกภัยน้ำใจชัง | หรือเซซังมาได้ไม่อายเลย | ||
รู้จักมักจี่ใครนี่หนอ | น่าหัวร่อหนักหนาเจ้าข้าเอ๋ย | ||
พระแกล้งพูดจาว่าเปรียบเปรย | แล้วทำเมินพักตร์เฉยไม่นำพา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏไม่กังขา | ||
เห็นแม่นแท้แน่แล้วว่าลูกยา | ความโสมนัสสาเป็นพ้นนัก | ||
วิ่งเข้าสวมกอดแล้วกันแสง | พระสังข์เสแสร้งแกล้งทำผลัก | ||
ท้าวตรัสปลอบองค์พระลูกรัก | จงผินพักตร์มาพูดกับบิดา | ||
พระแม่เจ้าเดี๋ยวนี้อยู่ที่ไหน | พ่อตั้งเนื้อตั้งใจออกมาหา | ||
โทษพ่อผิดแล้วนะแก้วตา | ได้เห็นแก่บิดามาง้องอน | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ ผ่านเอยผ่านเกล้า | ความเก่าในจิตจงคิดก่อน | ||
ว่าลูกชั่วสารพัดตัดรอน | ให้ขับจากนครทั้งมารดา | ||
ได้ความทุกข์ทนเป็นพ้นไป | ลูกอดอยากยากไร้อยู่ในป่า | ||
ชีวิตลูกรอดเป็นตัวมา | ก็เพราะพระมารดาบำรุงเลี้ยง | ||
เห็นเป็นขาดแล้วกับบิดร | แต่ชาติก่อนทำกรรมไว้แท้เที่ยง | ||
ไม่ควรภูวไนยจะใกล้เคียง | ใช่จะเกี่ยงเลี่ยงเป็นมารยา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
ชาตรี | |||
๏ ดวงเอยดวงจิต | ข้อนั้นพ่อผิดเป็นหนักหนา | ||
เป็นเคราะห์เพราะเชื่ออ้ายโหรา | ไม่ทันตรึกคราว่าร้ายดี | ||
เขาชวนกันว่าชั่วก็กลัวไป | จึงต้องจำใจให้ขับหนี | ||
แต่รัญจวนครวญหาทุกราตรี | พ่อนี้มิใช่จะไม่รัก | ||
เจ้าเป็นสาโลหิตของบิดา | เกิดในพาราอาณาจักร | ||
ถึงจากไกลไม่ได้มาฟูมฟัก | ก็คงเป็นลูกรักร่วมฤทัย | ||
พ่ออุตส่าห์มาง้อขอโทษ | เจ้าจะโกรธจะขึ้งไปถึงไหน | ||
แก้วตาอย่าละห้อยน้อยใจ | พ่อจะรับกลับไปยังพารา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ พระเอยพระทรงธรรม์ | ลูกไม่เสกสรรรำพันว่า | ||
เมื่อขับไล่ไม่เลี้ยงพระมารดา | ไพร่ฟ้าพลเมืองก็เลื่องลือ | ||
เดี๋ยวนี้จะมารับกลับไป | ฉวยกระไรจะมิอายเขาอีกหรือ | ||
ลูกกริ่งเกรงอันตรายเมื่อปลายมือ | เพราะพระเชื่อถือทั้งหกนาง | ||
อันสองมารดากับข้านี้ | เข้าไปอยู่บูรีจะกีดขวาง | ||
เชิญเสด็จคืนนครอย่านอนค้าง | หกนางจะคอยละห้อยใจ | ||
ตัวลูกนี่หรือไม่ถือโทษ | จะขึ้งโกรธพระบิดานั้นหาไม่ | ||
แต่หากเจียมตัวด้วยกลัวภัย | จะสู้อยู่ยากไร้กับมารดร | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
โอ้โลม | |||
๏ แก้วเอยแก้วตา | ฉลาดว่าแคะได้นี่ใครสอน | ||
เฝ้ายกข้อเคืองขัดตัดรอน | จะให้พ่อม้วยมรณ์เสียจริงจริง | ||
ซึ่งแต่หลังงมเงาเฉาโฉด | ก็สารภาพโทษเจ้าทุกสิ่ง | ||
จงเมตตาบิดรได้วอนวิง | อย่าเกรงกริ่งหฤทัยพิไรพ้อ | ||
จะเสกเจ้าให้ครองอาณาจักร | บำรุงรักษ์ด้าวแดนแทนพ่อ | ||
ได้สืบวงศ์พงศ์เผ่าเหล่ากอ | ใช่จะล่อลวงลูกให้หลงรัก | ||
ว่าพลางทางถดเข้านั่งใกล้ | อุ้มลูกสายใจขึ้นใส่ตัก | ||
แล้วว่าแก่ขนิษฐานงลักษณ์ | เจ้าช่วยปลอบหลานรักบ้างเถิดรา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาเสน่หา | ||
ยิ้มพลางทางตรัสแก่นัดดา | จงฟังคำอาว่าอย่าดึงดัน | ||
ข้อผิดบิตุเรสได้ง้องอน | เจ้าจงอดโทษกรณ์ผ่อนผัน | ||
จะขุ่นเคืองเบื้องหน้าอาประกัน | นางรำพันปลอบยอบให้ชอบใจ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางสุพรรณเยาวยอดพิสมัย | ||
ประนมกรวอนถามสังข์ศิลป์ชัย | เหตุไรพระพี่หนีน้องมา | ||
เคืองเข็ญเป็นไฉนไม่บอกแจ้ง | ทำให้เที่ยวแสวงกันแสงหา | ||
ปิ้มบรรลัยในกลางพนาวา | แต่โศกาครวญคร่ำร่ำรัก | ||
แค้นด้วยศรีสันท์มันเลียมและ | เฝ้าเกาะแกะเกี้ยวพานหาญหัก | ||
เขาข่มเหงน้องยาหนักหนานัก | จะด่าสักเท่าไหร่ไม่นำพา | ||
มีแต่เจ็บช้ำระกำใจ | คิดว่าจะไม่ได้มาเห็นหน้า | ||
เพราะพระพี่ไม่มีเมตตา | จึงแกล้งหนีน้องมาเสียทั้งนี้ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ตรัสตอบนางโฉมศรี | ||
เจ้าว่าไยฉะนั้นนะเทวี | อย่าสงสัยว่าพี่แกล้งหนีน้อง | ||
เป็นเหตุด้วยทั้งหกเขาพาไป | แกล้งผลักให้ตกเหวเปลวปล่อง | ||
แต่กำสรดโศกาน้ำตานอง | คิดคะนึงถึงน้องกับพระอา | ||
ถ้าแม้นอินทรามิมาช่วย | ก็เห็นจะมอดม้วยด้วยสังขาร์ | ||
พระเล่าความแต่ต้นจนปลายมา | เจ้าอย่ากินเหนงแคลงใจ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | สามกษัตริย์ฟังว่าน้ำตาไหล | ||
ให้สงสารสังเวชหฤทัย | ก็ร่ำไรโศกาจาบัลย์ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ โอด | |||
๏ ครั้นค่อยคลายวิโยคโศกเศร้า | ต่างโลมเล้ารับมิ่งสิ่งขวัญ | ||
องค์พระบิดาจึงว่าพลัน | อันอ้ายทั้งหกนั้นพ่อไม่ไว้ | ||
จะแก้แค้นแทนทำให้สาหัส | ผูกมัดฟันเสียไม่ปราศรัย | ||
จะฆ่าทั้งแม่มันตามกันไป | เนื้อความนี้งดไว้ต่อถึงเมือง | ||
พ่อคิดสงสารมารดาเจ้า | มิโศกเศร้าทุกข์ตรอมผอมเหลือง | ||
จะแค้นอกหมกมุ่นขุ่นเคือง | ยังกระเดื่องกระด้างด้วยหมางใจ | ||
บิดาจะใคร่ไปขอโทษ | ให้หายโกรธข้างพ่อเป็นข้อใหญ่ | ||
จะใคร่รับกลับคืนเข้าเวียงชัย | ทั้งทรามวัยไกรสรสิงหรา | ||
ยังขัดสนจนใจด้วยไม่รู้ | ว่าเขาอยู่ที่ไหนจะไปหา | ||
ขวัญเข้าเจ้าจงได้เมตตา | ช่วยชักพาพ่อไปให้พบกัน | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์สำรวลสรวลสันต์ | ||
จึงสนองบัญชาบิดาพลัน | ข้อนั้นเป็นธุระของลูกยา | ||
แต่จะไปเดี๋ยวนี้ยังมิได้ | ด้วยพระแม่หมางใจอยู่หนักหนา | ||
จงรั้งรอขอผัดสักเวลา | จะไปว่าวิงวอนให้อ่อนใจ | ||
แม้นสมคะเนข้ามารดารับ | จะรีบกลับมาแจ้งแถลงไข | ||
เชิญเสด็จคืนยังพลับพลาไพร | ลูกจะลาไปประเดี๋ยวนี้ | ||
ทูลพลางทางถวายอภิวาทน์ | แทบบาทบิตุเรศเรืองศรี | ||
พระสั่งเสียขนิษฐานารี | อัญชลีลาองค์พระเจ้าอา | ||
แล้วจับศรเรืองฤทธิ์สิทธิศักดิ์ | บ่ายพักตร์คลาไคลเข้าในป่า | ||
สามกษัตริย์แลตามจนสุดตา | แล้วชวนกันกลับมาพลับพลาพลัน | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด | |||
๏ พระสังข์มาถึงพระบุรี | ขึ้นมาปราสาทศรีขมีขมัน | ||
จึงไปหาสิงหราพูดจากัน | น้องไปไพรวันได้ลาภมา | ||
พบพระบิตุเรศที่กลางดง | ทั้งพระอากับองค์ขนิษฐา | ||
จะมาง้อขอดีด้วยมารดา | ให้เราสองราช่วยว่าวอน | ||
จะสำออยอ้อยอิ่งให้เต็มที่ | กว่าพระชนนีจะโอนอ่อน | ||
ไม่สมคิดผิดชอบก็ไม่นอน | จะวิงวอนเสือกซบรบเร้า | ||
ว่าแล้วพากันเข้าในห้อง | กราบสองมารดาบังเกิดเกล้า | ||
ทำบรรทมทับลงกับเพลา | คลึงเคาเย้ายีปรีดา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระมารดาแสนสุดเสน่หา | ||
ลูบไล้ไปทั่วทั้งกายา | จำนรรจาหยอกหยิกซิกชี้ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์แกล้งทำเกษมศรี | ||
จะใคร่ทูลแถลงแจ้งคดี | กริ่งเกรงชนนีจะตีรัน | ||
แต่ดูเนตรเชษฐาไม่ว่าออก | คิดย้อนยอกป้องปิดบิดผัน | ||
ทำชะอ้อนวอนว่ามารดาพลัน | นึกจะถามสักวันก็พรั่นใจ | ||
ถ้าแม้นพระพ่อมาง้องอน | มารดคจะดีด้วยหรือไม่ | ||
จะมึนตึงขึ้งโกรธกันทำไม | ลูกยาจะใคร่ให้ดีกัน | ||
ไม่คิดสงสารข้ากำพร้าพ่อ | มีแต่เขาหัวร่อเย้ยหยัน | ||
ลูกทุกข์ร้อนนอนละเมอไม่เว้นวัน | เห็นจะอาสัญเสียเที่ยงแท้ | ||
นิจจาเอ๋ยแต่กำเนิดเกิดมา | มิได้เห็นบิดาว่าหนุ่มแก่ | ||
ลูกไม่แกล้งว่าสาระแน | พระแม่ทั้งสองจงตรองดู | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางประทุมฟังเรื่องให้เคืองหู | ||
ดูลูกเจ้ากรรมจะทำพู | นางขู่รู่สมทบกลบความ | ||
ขืนออกชื่อบิดามันน่าตี | เออนี่ใครใช้ให้ไต่ถาม | ||
เฝ้าจู้จี้มิฟังแม่ห้ามปราม | ไม่มีความยำเยงเกรงกลัว | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ฟังแถลงแกล้งยิ้มหัว | ||
จึงว่าเพราะเคราะห์กรรมมาถึงตัว | เผอิญให้ลืมกลัวพระมารดา | ||
ซึ่งโทษลูกผิดพลั้งครั้งนี้ | จะทำโพยโบยตีก็ไม่ว่า | ||
ขอแต่ให้ชนนีมีเมตตา | พ่อมาแล้วดีเสียวด้วยกัน | ||
สิงหราพลอยว่าแม่ทั้งสอง | คำน้องว่าจริงจงผ่อนผัน | ||
อย่าถือขึ้งถือโกรธคุมโทษทัณฑ์ | ดีกันเสียเถิดกับบิดา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางประทุมกริ้วโกรธโอรสา | ||
จึงว่าสังข์ศิลป์ชัยอ้ายสิงหรา | ใครสั่งสอนมาหรือว่าไร | ||
มิให้พูดเรื่องนี้ก็มิฟัง | ไม่ดีเสียมั่งหาจำไม่ | ||
ว่าพลางนางยุดตัวไว้ | ผูกมือเข้าได้ฉวยไม้ตี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นวลนางไกสรโฉมศรี | ||
เห็นลูกทั้งสองร้องเต็มที | ปรานีนางทูลขอโทษกรณ์ | ||
แก้เชือกแล้วพามาซักถาม | เนื้อความทั้งนี้ใครสั่งสอน | ||
หรือไปประสบพบมิตร | จึงเฝ้ามาวิงวอนพระมารดา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์เหลียวซ้ายแลขวา | ||
เห็นพระแม่อยู่ไกลไม่ตามมา | จึงบอกแจ้งกิจจาสารพัน | ||
วันนี้ลูกลามารดาไป | พบพ่อที่ในไพรสัณฑ์ | ||
ทั้งสุพรรณพระอามาด้วยกัน | เล่าความเดิมนั้นให้ลูกฟัง | ||
แล้วว่าจะมาง้อขอโทษ | ไม่ขึ้งโกรธพระแม่เหมือนแต่หลัง | ||
เชิญสององค์คงคืนไปครองวัง | พระตรัสสั่งให้ข้ามาวิงวอน | ||
ถ้าแม้ชนนีไม่ดีด้วย | ให้ลูกช่วยว่ากล่าวแม่ไกรสร | ||
แม่อย่าเคืองขัดตัดรอน | จงช่วยกันอ้อนวอนพระมารดา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางไกรสรได้ฟังไม่กังขา | ||
หุนหันโมโหโกรธา | ตวาดว่าดูดู๋สังข์ศิลป์ชัย | ||
ไปคบคิดกับพ่อมาก่อความ | ที่นี้มันงามทั้งห้าไร่ | ||
ชอบแต่ตีซ้ำให้หนำใจ | แล้วกลับไปทูลนางประทุมา | ||
สนุกจริงแล้วขาน่าหัวร่อ | ลูกไปพบพ่อที่ในป่า | ||
วิงวอนสอนให้มาพูดจา | เมื่อกระนี้จะว่าประการใด | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางประทุมเคืองขัดอัชฌาสัย | ||
น้อยหรือลมลิ้นสังข์ศิลป์ชัย | ขอบใจทั้งอ้ายสิงหรา | ||
มิเสียทีที่เกิดในอุทร | เพื่อนเจ็บเพื่อนร้อนด้วยหนักหนา | ||
สั่งสอนเท่าใดไม่นำพา | เถิดอย่าเลี้ยงดูมันสืบไป | ||
ว่าพลางย่างเยื้องเข้าในที่ | ตามมาจะตีไม่ปราศัย | ||
ให้นางไกรสรหาไม้ | วางไว้บนแท่นทำโกรธา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์น้อยค่อยพูดกับเชษฐา | ||
จะทำกระไรดีพี่สิงหรา | พระมารดาเคืองขัดตัดรอนเรา | ||
จำจะไปวิงวอนผ่อนผัน | ถึงตีรันก็จะทำอย่างไรเล่า | ||
ผิดชอบสองคนเราทนเอา | แล้วจูงมือกันเข้าไปเมียงมอง | ||
เห็นไม้เรียวเสียวจิตคิดพรั่น | เกียดกันมิใคร่เข้าในห้อง | ||
แข็งใจเต็มทีทั้งพี่น้อง | ค่อยย่างย่องก้มกรานคลานมา | ||
นั่งริมแท่นสุวรรณบรรจถรณ์ | เห็นมารดรเมินอยู่ไม่ดูหน้า | ||
จึงจับพัดอยู่งานให้มารดา | แล้ววอนว่าพาทีพิรี้พิไร | ||
พระแม่เข้าประคุณของลูกแก้ว | ไม่ดีด้วยพ่อแล้วหรือไฉน | ||
ลูกเป็นกำพร้าน่าอายใจ | นานไปเขาจะลือออกอื้ออึง | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางประทุมพิโรธโกรธขึ้ง | ||
จึงว่าน้อยหรือช่างดื้อดึง | ถูกตีทีหนึ่งแล้วมิฟัง | ||
ขืนจะเฝ้าอ้อยอิ่งวิงวอน | นี่เนื้อแท้เตือนค้อนใส่สันหลัง | ||
ยิ่มห้ามยิ่งว่าน่าชิงชัง | จะให้ตีอีกกระมังสังข์ศิลป์ชัย | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระกุมารพี่น้องร้องไห้ | ||
แล้วแกล้งปรึกษากันทันใด | พระชนนีมิได้เมตตา | ||
ตัวเราเดี๋ยวนี้ไม่มีพ่อ | ก็เป็นข้ออับอายขายหน้า | ||
ตายเสียเห็นจะสิ้นนินทา | อยู่ไปไพร่ฟ้าจะเลื่องลือ | ||
ว่าพลางทางชักพระขรรค์แก้ว | จะเชือดคอเสียแล้วให้ลับชื่อ | ||
สิงหราคว้าเชือกที่ผูกมือ | จะปืนขึ้นบนขื่อผูกคอตาย | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | สองนางตัวสั่นขวัญหาย | ||
ตรงเข้าสวมสอดกอดลูกชาย | น้อยหรือใจร้ายใช่พอดี | ||
ว่าพลางนางยุดพระขรรค์ไว้ | สังข์ศิลป์ชัยทำว่าอย่าจู้จี้ | ||
นางกลัวลูกตายวายชีวี | จึงว่าแม่จะดีด้วยบิดา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์วางพระขรรค์หรรษา | ||
ก้มเกล้ากราบกรานมารดา | พูดจาแก้ไขในทำนอง | ||
ลูกจะรับบิดามาบุรี | ให้พบกับชนนีทั้งสอง | ||
แต่จะแต่งบ้านเมืองให้เรืองรอง | ด้วยฤทธิ์ของลูกน้อยในพรุ่งนี้ | ||
ว่าพลางทางขยดเข้าใกล้ | นั่งนวดฟื้นให้นางโฉมศรี | ||
สิงหราโบกปัดพัดวี | พูดจาพาทีกันไปพลาง | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ ครั้นดาวเดือนเลื่อนลับเมฆา | สุริยารุ่งแจ้งแสงสว่าง | ||
พระสังข์บังคมลาสองนาง | แล้วทรงศรมากลางเกยลา | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ จึงตั้งจิตพิษฐานเสี่ยงศร | ขอจงร้อนถึงดาวดึงสา | ||
ให้ท้าวสหัสนัยน์นำเทวา | มาช่วยข้าตกแต่งพระเวียงชัย | ||
เสี่ยงพลางทางขึ้นธนูศิลป์ | ฟ้าดินกัมปนาทหวาดไหว | ||
ผาดแผลงไปพลันทันใด | สะท้านถึงตรึงศ์ตรัยด้วยฤทธา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง | |||
ยานี | |||
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงท้าวสหัสนัยน์นาถา | ||
เสด็จออกฝูงเทพเทวา | ยังหน้าสิงหบัญชรชัย | ||
ได้ยินเสียงสนั่นครั่นครึก | อมรินทร์เร่งนึกสงสัย | ||
จึงส่องทิพเนตรลงไป | เห็นพระสังข์ศิลป์ชัยอันเรืองฤทธิ์ | ||
จะจัดแจงแต่งที่พระนคร | จึงแผลงศรมาให้เราแจ้งจิต | ||
จำจะลงไปช่วยนฤมิต | ให้สมคิดพระสังข์ครั้งนี้ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ คิดพลางทางชวนสุจิตรา | ทั้งสุรางค์นางฟ้าทุกราศี | ||
พร้อมเทพเทวัญจันทรี | พากันจรลีลงมา | ||
ฯ ๒ คำ ฯ โคมเวียน | |||
๏ ครั้นถึงจึงเรียกสังข์ศิลป์ชัย | มาพูดจาปราศรัยหรรษา | ||
เราจะช่วยจัดแจงแต่งพารา | ให้สมดังจินดาอย่าร้อนใจ | ||
ตัวเจ้าเล่ห์ก็รู้จักงาม | คอนติเตือนเอาตามอัชฌาสัย | ||
ว่าพลางทางขึ้นบนเกยชัย | สหัสนัยน์นฤมิตด้วยฤทธา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ | |||
๏ เป็นปราสาทราชฐานบ้านช่อง | เรืองรองล้วนแก้วแววเวหา | ||
มีกำแพงสามชั้นเป็นหลั่นมา | เทวาเฝ้าประตูอยู่ทุกชั้น | ||
แถวถนนหนทางรโหฐาน | นางฟ้านั่งร้านเป็นหลั่นหลั่น | ||
ขายสินค้าผ้าผ่อนแพรพรรณ | ทั้งรูปโฉมโนมพรรณพึงใจ | ||
หน้าพระลานล้วนแก้วแพรพรรณ | แลประหลาดลื่นเลื่อมดังน้ำไหล | ||
แล้วจัดเป็นสาวสรรค์กำนัลใน | คอยช่วงใช้ที่ปรางค์ปราสาททอง | ||
ให้นางสุจิตราสุชาดา | อยู่ด้วยประทุมาที่ในห้อง | ||
จึงบอกสังข์ศิลป์ชัยดังใจปอง | การของเจ้าเสร็จทั้งพารา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์บังคมด้วยหรรษา | ||
จึงทูลว่าข้าน้อยจะขอลา | ออกไปรับบิดามาวังใน | ||
ว่าพลางจัดแจงแต่งองค์ | สอดทรงเครื่องทิพย์สุกใส | ||
จับศรพระขรรค์อันเกรียงไกร | รีบไปที่ประทับพลับพลา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงจึงตรงเข้าในห้อง | บังคมสองกษัตริย์หรรษา | ||
ปราศรัยสุพรรณกัลยา | พูดจาสรวลสันต์สำราญใจ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พระบิดายินดีจะมีไหน | ||
กอดจูบลูบหลังสังข์ศิลป์ชัย | อย่าเพ่อพูดอื่นไปเลยลูกรัก | ||
เจ้าเข้าไปได้การบ้างหรือเปล่า | จงเล่าความไปให้ประจักษ์ | ||
มารดายังพิโรธโกรธขึ้งนัก | หรือลูกรักวิงวอนค่อยอ่อนใจ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ทูลแจ้งแถลงไข | ||
เมื่อลูกบอกออกนามภูวไนย | แม่โกรธนี่กระไรหาไม้เรียว | ||
ห้ามมิให้ว่าข้าขืนว่า | ท่านหวดซ้ายป่ายขวาจนขาเขียว | ||
แล้วจับลูกผูกมือด้วยเชือกเกลียว | ข้ากัดฟันเกรี้ยวเกรี้ยวไม่เกรงกลัว | ||
แม่ไกรสรวอนขอโทษไว้ | แก้มือเสียได้ค่อยยังชั่ว | ||
ลูกแกล้งทำมารยาจะฆ่าตัว | พระแม่กลัวจะตายมายุดไว้ | ||
ลูกแสแสร้งแกล้งทำฮึดฮัด | สะบิ้งสะบัดจะหนีออกให้ได้ | ||
พระแม่ตระหนกตกใจ | รับไว้ว่าจะดีด้วยบิดา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏสำรวลว่า | ||
ช่างไม่ย่อท้อพ่อนี้นา | น้อยหรือแข้งขายังเป็นแนว | ||
แล้วหยิบพานหมากมาค้นหาไพล | ฝนทารอยไม้ให้ลูกแก้ว | ||
กอดจูบลูบไล้ไม่รู้แล้ว | ผ่องแผ้วพระทัยทรงธรรม์ | ||
พลางเตือนลูกยาช้าไยเล่า | จงพาพ่อเข้าไปในเขตขัณฑ์ | ||
จะได้พบมารดาพูดจากัน | ง้องอนผ่อนผันให้เต็มที | ||
แล้วสั่งพระน้องกับนัดดา | เจ้าจงอยู่พลับพลาทั้งสองศรี | ||
ว่าพลางย่างเยื้องจรลี | มาเข้าที่ชำระสระสรงน้ำ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ | |||
โทน | |||
๏ ลูบไล้สุคนธ์ปนปรุง | หมายจะให้หอมฟุ้งไปยังค่ำ | ||
นุ่งผ้ายกทองท้องช้ำ | คาดเข็มขัดทองคำชมพูนุท | ||
ฉลององค์ทรงเครื่องเรืองอร่าม | พิศดูตัวงามดังเทพบุตร | ||
สอดทรงธำมรงค์เรือนครุฑ | กลัวจะหลุดเลือกใส่ที่ได้นิ้ว | ||
ทรงมงกุฏเก็จเพชรกระจ่าง | ผูกสายรัดคางจนหน้านิ่ว | ||
หยิบกระจกมาส่องลองเล่นคิ้ว | เสกขี้ผึ้งผัดผิวพักตรา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ ครั้นเสร็จเสด็จยุรยาตร | ดำเนินนาดกรกรายซ้ายขวา | ||
ยืนยั้งสั่งเสียสุมณฑา | แล้วชวนพระลูกยาคลาไคล | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง | |||
กระบอก | |||
๏ ครั้นถึงเห็นเมืองเรืองอร่าม | ล้วนแก้วเก้าเงางามสุกใส | ||
ท้าวนึกตระหนักตกใจ | เออเมืองอะไรนี่ลูกรัก | ||
ปรางค์มาศราชฐานแต่ล้วนแก้ว | ประหลาดแล้วแลดูไม่รู้จัก | ||
พ่อเห็นต่อจะเป็นเมืองยักษ์ | กลับเถิดลูกรักอย่างอยู่นาน | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ยิ้มพลางทางว่าขาน | ||
เมืองนี้ไม่มียักษ์มาร | โน่นปราสาทราชฐานพระมารดา | ||
เชิญเสด็จเข้าไปในวัง | อย่ารอรั้งอยู่เลยฟังลูกว่า | ||
สารพัดไพรีไม่มีมา | พระบิดาอย่าประหวั่นพรั่นใจ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏยังสงสัย | ||
เอาสัญญาว่าแก่สังข์ศิลป์ชัย | ฉวยกระไรอย่าวิ่งทิ้งบิดา | ||
ว่าพลางย่างเยื้องจรจรัล | ถึงประตูเทวัญอยู่รักษา | ||
ท้าวเขม้นเห็นเทพเทวา | ตกประหม่าเหลียวแลลนลาน | ||
ผินหน้ามาสะกิดลูกชาย | ดูดู๋เห็นจ้านายไม่บอกขาน | ||
แล้วทรุดนั่งตั้งท่าจะกราบกราน | พระกุมารฉวยฉุดยุดมือไว้ | ||
แล้วว่าเขาเหล่านี้นายประตู | เอออะไรไม่ดูด่วนนั่งไหว้ | ||
ว่าพลางทางพากันคลาไคล | เข้าไปถึงประตูชั้นกลาง | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | เทวาเฝ้าประตูอยู่สองข้าง | ||
แกล้งแผลงฤทธาถืองาช้าง | กัดต่างท่อนอ้อยอร่อยใจ | ||
แลเห็นพระยาหน้าตาตื่น | ยิ้มพลางทางยื่นอ้อยให้ | ||
แล้วว่าท้าวมาแต่ทางไกล | กินแล้วจึงไปให้สำราญ | ||
ท้าวกัดไม่ออกบอกลูกน้อย | เอออ้อยอะไรจึงไม่หวาน | ||
สังข์ศิลป์ชัยว่าน่ารำคาญ | อ้อยตาลอะไรที่ไหนมี | ||
งาช้างทั้งอันไม่เห็นหรือ | ยังจะถือไว้ได้ไม่บัดสี | ||
ว่าพลางทางพาจรลี | มาถึงที่ปราการกั้นชั้นใน | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | เทวัญซึ่งอยู่ประตูใหญ่ | ||
ถือเพชรเกล็ดกินสบายใจ | เห็นท้าวเข้ามาใกล้ก็แย้มยิ้ม | ||
แล้วว่าไปไหนมาพระยาพี่ | ดูท่วงทีโศกเศร้าเหงาหงิม | ||
นี่แน่ขาข้าให้ลูกทับทิม | ลองชิมดูสักหน่อยอร่อยนัก | ||
ท้าวกัดไม่ออกบอกว่าแข็ง | ทับทิมแห้งเคี้ยวมันกลัวฟันหัก | ||
ว่าพลางทางยื่นให้ลูกรัก | เจ้าลองดูสักสองสามเม็ด | ||
พระสังข์ยิ้มพลางทางว่า | เมื่อตะกี้กัดงายังไม่เข็ด | ||
เดี๋ยวนี้จะซ้ำมากินเพชร | เชิญเสด็จไปเถิดอย่าหยุดเลย | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระบิดาหน้าเก้อแกล้งเชือนเฉย | ||
ได้ยินเขาหัวเราะเยาะเย้ย | ยิ่งขวยเขินเดินเลยรีบมา | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
ชมตลาด | |||
๏ ถึงท้องตลาดใหญ่ใกล้วัง | เห็นนางนั่งร้านรายทั้งซ้ายขวา | ||
รูปโฉมโนมพรรณเพียงขวัญตา | พิศผ้านุ่งห่มก็สมตัว | ||
ขายล้วนแก้วแหวนเงินทอง | สิ่งของอย่างดีไม่มีชั่ว | ||
เห็นรูปเขางามงามให้คร้ามกลัว | ก้มตัวดำเนินเดินไป | ||
ฝูงนางแม่ค้าก็ร้องหยอก | นี่พระยาบ้านนอกจะไปไหน | ||
แวะมานั่งเล่นก่อนเป็นไร | ดูดู๋นิ่งเสียได้ไม่พาที | ||
นางหนึ่งจึงร้องเรียกหา | ซื้ออะไรหรือขาพระยาพี่ | ||
ทั้งแพรทั้งผ้าของข้ามี | ล้วนดีดีดูเล่นก็เป็นไร | ||
ลางนางบ้านบอกขายแหวน | มาซื้อเพชรรังแตนให้เมียใส่ | ||
ดูดู๋แกล้งเดินเลยเฉยไป | พลางเข้าใกล้จับมือยื้อยุด | ||
นางหนึ่งจึงถามว่านี่หรือ | ที่ชื่อพระยาเสนากุฏ | ||
ท้าวสะบัดมือนางพลางรีบรุด | เดินสะดุดร้านรวมเขาร่ำไป | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา | |||
ร่าย | |||
๏ ถึงพระลานที่ลาดแก้วผลึก | เห็นแวววาวท้าวนึกว่าน้ำไหล | ||
เหลืยวหน้ามาถามสังข์ศิลป์ชัย | เราจะข้ามอย่างไรเล่าลูกอา | ||
เรืองจ้างที่นี่มีหรือเปล่า | ให้เบี้ยเขาข้ามส่งขึ้นถึงท่า | ||
พ่อดูน้ำลึกราวสักเก้าวา | จะว่ายข้มาคงคาแสนสุดใจ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์สรวลสันต์ไม่กลั้นได้ | ||
จึงว่าพระบิดานี่อะไร | มิใช่น้ำท่าอย่ารอรั้ง | ||
แก้วผลึกเขาลาดดาดพื้น | แต่เห็นเหมือนคลื่นก็ถอยหลัง | ||
เชิญเสด็จเดินไปเข้าในวัง | อย่าได้หยุดยั้งฟังลูกยา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระบิตุรงค์สงสัยเป็นหนักหนา | ||
จึงว่าน้ำเห็นแน่อยู่แก่ตา | ยังเถียงว่าเปล่าเปล่าอีกเจ้ากรรม | ||
พระสังข์เข้าพยุงจุงย่างย่อง | ท้าวร้องว่าอย่าอย่าจะถลำ | ||
ยืนหยุดทรุดนั่งเอามือคลำ | มิใช่น้ำจริงจริงของเจ้าแล้ว | ||
งวยงงหลงแลตะลึงตะไล | พิศวงหลงไหลด้วยแสงแก้ว | ||
พระลูกรักตักเตือนให้คลาดแคล้ว | ไปตามแนวถนนในวัง | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ ครั้นถึงปราสาทแก้วแววไว | สาวสวรรค์กำนัลในอยู่พร้อมพรั่ง | ||
เห็นสามนางนฤมลบนบัลลังก์ | ท้าวตั้งตาดูเป็นครู่พัก | ||
แต่ละองค์ทรงโฉมมิใช่ชั่ว | แปลกเมียของตัวไม่รู้จัก | ||
เหลียวหน้ามากระซิบถามลูกรัก | ประหลาดนักมารดาเจ้าองค์ใด | ||
ฯ ๔ คำ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ฟังคำทำบอกใบ้ | ||
เห็นพ่อแลเปล่าไม่เข้าใจ | แกล้งเดินเข้าไปมิได้ช้า | ||
ขึ้นนั่งบนเตียงเคียวพระแม่ | แล้วแลดูพ่อพยักหน้า | ||
แสร้งทำแย้มสรวลชวนพูดจา | จะให้พระบิดาแจ้งใจ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏยังสังสัย | ||
เข้ามานั่งแอบหลังสังข์ศิลป์ชัย | ดูไม่ตระหนักประจักษ์ตา | ||
จึงถามเป็นแยบคายปรายเปรย | คนไหนแม่เจ้าเอ๋ยเมียของข้า | ||
องค์นั้นหรือองค์นี้เจ้าอา | ผัวตามมาหาจงปรานี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางสุชาดาว่าบัดสี | ||
ไม่เคยพบเคยเห็นเช่นนี้ | เข้ามาได้ไล่ชี้เสียทุกคน | ||
กลางวันแสกแสกว่าแปลกหน้า | ดูเป็นครู่หูตาไม่เห็นคน | ||
หรือว่าถูกเสน่ห์เล่ห์กล | ฤทธิ์เดชเวทมนตร์เข้าจับตา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏพูดแก้หน้า | ||
ข้าไม่มีโมโหโกรธา | ตามแต่เจ้าจะว่าเถิดเทวี | ||
จะขอถามแม่แต่ตามชื่อ | ตัวเจ้าแลหรือเป็นเมียพี่ | ||
อย่าถือโกรธโกรธาให้ช้าที | บอกกันดีดีเถิดแม่คุณ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางสุชาดาเห็นว้าวุ่น | ||
จึงว่าข้าไม่รู้จักมักคุ้น | อย่าแม้เจ้าแม่คุณเข้ามาเลย | ||
ลูกเมียอยู่ไนไม่ไปหา | ช่างดุ่มเดาเข้ามาทำหน้าเฉย | ||
ว่าพลางหัวเราะเยาะเย้ย | เจ้าข้าเอ๋ยท้าวเธอเก้อแล้วซิ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏสิ้นสติ | ||
จึงว่ากับพระสังข์เจ้าช่างริ | มานั่งนิ่งมิอยู่ทำไม | ||
ไหนว่าแม่นัดให้มาหา | คิดว่าคนนี้ก็มิใช่ | ||
ขืนอยู่ที่นี่จะมีภัย | พาพ่อกลับไปเสียพลับพลา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์นั่งยิ้มอยู่ในหน้า | ||
จึงค่อยค่อยสะกิดบิดา | พลางกระซิบบอกว่าพระอย่ากลัว | ||
แล้วผินหน้ากราบกรานพระมารดร | อย่าเคืองขัดตัดรอนเลยทูนหัว | ||
พ่อข้าเสงี่ยมเจียมตัว | ยำเยงเกรงกลัวนี้สุดใจ | ||
ควรหรือพระองค์ไม่สงสาร | ยังจะทำทรมานไปถึงไหน | ||
แกล้งพูดจาพาทีพิรี้พิไร | พลางพยักหน้าให้พระบิดา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏไม่กังขา | ||
รู้แน่ว่านางประทุมา | จึงพูดจาโอนอ่อนวอนวิง | ||
อนิจจาเจ้าประทุมของผัวเอ๋ย | มาเชือนเฉยผินหลังนั่งนิ่ง | ||
เมื่อตะกี้พี่แปลกเจ้าจริงจริง | ด้วยงามยิ่งกว่าเก่าเป็นเท่าไร | ||
อันโทษตัวผัวผิดนั้นล้นพ้น | เพราะเชื่อคนยุยงหลงใหล | ||
เจ้าจงเงือดงดอดใจ | อย่าได้ถือโกรธคุณโทษทัณฑ์ | ||
บัดนี้ผัวกลับมารับเจ้า | จงคืนเข้านิเวศน์เขตขัณฑ์ | ||
อีคนชั่วตัวร้ายเหล่านั้น | ทั้งเจ็ดชั่วโตรตมันจะบรรลัย | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางประทุมเทวีศรีใส | ||
ฟังท้าวเธอว่าน่าอาลัย | ค่อยเหือดหายคลายใจที่โกรธา | ||
ครั้นจะพาทีดีด้วย | นึกสะเทิ้นเขินขวยขายหน้า | ||
แกล้งผินหลังนั่งนิ่งไม่พูดจา | วอนว่าเท่าไรไม่ไยดี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
เชิงอรรถ
ที่มา
บทละครนอกเรื่อง สังข์ศิลป์ชัย สถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ( ขอขอบคุณ คุณพิกุลแก้ว สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน )