สุภาษิตà¸à¸´à¸¨à¸£à¸à¸²à¸“
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == หมวดหมู่:วรรณคดีไทย [[หมวดหมู่…')
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == หมวดหมู่:วรรณคดีไทย [[หมวดหมู่…')
รุ่นปัจจุบันของ 07:11, 17 สิงหาคม 2552
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
พระนิพนธ์: หม่อมเจ้าอิศรญาณ
บทประพันธ์
๏ อิศรญาณชาญกลอนอักษรสาร | |||
เทศนาคำไทยให้เป็นทาน | โดยตำนานศุภอรรถสวัสดี | ||
สำหรับคนเจือจิตจริตเขลา | ด้วยมัวเมาโมห์มากในซากผี | ||
ต้องหาม้ามโนมัยใหญ่ยาวรี | สำหรับขี่เป็นม้าอาชาไนย | ||
ชายข้าวเปลือกหญิงข้าวสารโบราณว่า | น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาสัย | ||
เราก็จิตคิดดูเล่าเขาก็ใจ | รักกันไว้ดีกว่าชังระวังการ | ||
ผู้ใดดีดีต่ออย่าก่อกิจ | ผู้ใดผิดผ่อนพักอย่าหักหาญ | ||
สิบดีก็ไม่ถึงกับกึ่งพาล | เป็นชายชาญอย่าเพ่อคาดประมาทชาย | ||
รักสั้นนั้นอย่าให้รู้อยู่เพียงสั้น | รักยาวนั้นอย่าให้เยิ่นเกินกฎหมาย | ||
มิใช่ตายแต่เขาเราก็ตาย | แหงนดูฟ้าอย่าให้อายแก่เทวดา | ||
อย่าดูถูกบุญกรรมว่าทำน้อย | น้ำตาลย้อยมากเมื่อไรได้หนักหนา | ||
อย่านอนเปล่าเอากระจกยกออกมา | ส่องดูหน้าเสียทีหนึ่งแล้วจึงนอน | ||
เห็นตอหลักปักขวางหนทางอยู่ | พิเคราะห์ดูควรทึ้งแล้วจึงถอน | ||
เห็นเต็มตาแล้วอย่าอยากทำปากบอน | ตรองเสียก่อนจึงค่อยทำกรรมทั้งมวล | ||
ค่อยดำเนินตามไต่ผู้ไปหน้า | ใจความว่าผู้มีคุณอย่าหุนหวน | ||
เอาหลังตากแดดเป็นนิจคิดคำนวณ | รู้ถี่ถ้วนจึงสบายเมื่อปลายมือ | ||
เพชรอย่างดีมีค่าราคายิ่ง | ส่งให้ลิงจะรู้ค่าราคาหรือ | ||
ต่อผู้ดีมีปัญญาจึงหารือ | ให้เขาลือเสียว่าชายนี้ขายเพชร | ||
ของสิ่งใดเจ้าว่างามต้องตามเจ้า | ใครเลยเล่าจะไม่งามตามเสด็จ | ||
จำไว้ทุกสิ่งจริงหรือเท็จ | พริกไทยเม็ดนิดเดียวเคี้ยวยังร้อน | ||
เกิดเป็นคนเชิงดูให้รู้เท่า | ใจของเราไม่สอนใจใครจะสอน | ||
อยากใช้เขาเราต้องก้มประนมกร | ใครเลยห่อนจะว่าตัวเป็นวัวมอ | ||
เป็นบ้าจี้นิยมชมว่าเอก | คนโหยกเหยกรักษายากลำบากหนอ | ||
อันยศศักดิ์มิใช่เหล้าเมาแต่พอ | ถ้าเขายอเหมือนอย่างเกาให้เราคัน | ||
บ้างโลดเล่นเต้นรำทำเป็นเจ้า | เป็นไรเขาไม่จับผิดคิดดูขัน | ||
ผีมันหลอกช่างผีตามทีมัน | คนเหมือนกันหลอกกันเองกลัวเกรงนัก | ||
สูงอย่าให้สูงกว่าฐานนานไปล้ม | จะเรียนคมเรียนเถิดอย่าเปิดฝัก | ||
คนสามขามีปัญญาหาไว้ทัก | ที่ไหนหลักแหลมคำจงจำเอา | ||
เดินตามรอยผู้ใหญ่หมาไม่กัด | ไปพูดขัดเขาทำไมขัดใจเขา | ||
ใครทำตึงแล้วหย่อนผ่อนลงเอา | นักเลงเก่าเขาไม่หาญราญนักเลง | ||
เป็นผู้หญิงแม่ม่ายที่ไร้ผัว | ชายมักยั่วทำเลียบเทียบข่มเหง | ||
ไฟไหม้ยังไม่เหมือนคนที่จนเอง | ทำอวดเก่งกับขื่อคาว่ากระไร | ||
อันเสาหินแปดศอกตอกเป็นหลัก | ไปมาผลักบ่อยเข้าเสายังไหว | ||
จงฟังหูไว้หูคอยดูไป | เชื่อน้ำใจดีกว่าอย่าเชื่อยุ | ||
หญิงเรียกแม่ชายเรียกพ่อยอไว้ใช้ | มันชอบใจข้างปลอบไม่ชอบดุ | ||
ที่ห่างปิดที่ชิดไชให้ทะลุ | คนจักษุเหล่หลิ่วไพล่พลิ้วพลิก | ||
เอาปลาหมอเป็นครูดูปลาหมอ | บนบกหนออุตส่าห์เสือกกระเดือกกระดิก | ||
เขาย่อมว่าฆ่าควายเสียดายพริก | รักหยอกหยิกยับทั้งตัวอย่ากลัวเล็บ | ||
มิใช่เนื้อเอาเป็นเนื้อก็เหลือปล้ำ | แต่หนามตำเข้าสักนิดกรีดยังเจ็บ | ||
อันโลภลาภบาปหนาตัณหาเย็บ | เมียรู้เก็บผัวรู้ทำพาจำเริญ | ||
ถึงรู้จริงนิ่งไว้อย่าไขรู้ | เต็มที่ครู่เดียวเท่านั้นเขาสรรเสริญ | ||
ไม่ควรกล้ำเกินหน้าก็อย่าเกิน | อย่าเพลิดเพลินคนชังนักคนรักน้อย | ||
วาสนาไม่คู่เคียงเถียงเขายาก | ถึงมีปากเสียเปล่าเหมือนเต่าหอย | ||
ผีเรือนตัวไม่ดีผีป่าพลอย | พูดพล่อยพล่อยไม่ดีปากขี้ริ้ว | ||
แต่ไม้ไผ่อันหนึ่งตันอันหนึ่งแขวะ | สีแหยะแหยะตอกตะบันเป็นควันฉิว | ||
ช้างถีบอย่าว่าเล่นกระเด็นปลิว | แรงหรือหิวชั่งใจดูจะสู้ช้าง | ||
ล้องูเห่าเล่นก็ได้ใจกล้ากล้า | แต่ว่าอย่ายักเยื้องเข้าเบื้องหาง | ||
ต้องว่องไวในทำนองคล่องท่าทาง | ตบหัวผางเดียวม้วนจึงควรล้อ | ||
ถึงเพื่อนฝูงที่ชอบพอขอกันได้ | ถ้าแม้ให้เสียทุกคนกลัวคนขอ | ||
พ่อแม่เลี้ยงปิดปกเป็นกกกอ | จบแล้วหนอเหมือนเปรตเหตุด้วยจน | ||
ถึงบุญมีไม่ประกอบชอบไม่ได้ | ต้องอาศัยคิดดีจึงมีผล | ||
บุญหาไม่แล้วอย่าหลงทะนงตน | ปุถุชนรักกับชังไม่ยั่งยืน | ||
(มีผู้สันนิษฐานว่าพระนิพนธ์หม่อมเจ้าอิศรญาณจบลงเพียงนี้ ส่วนที่ต่อจากนี้เป็นผลงานของผู้อื่น)
. | |||
. | |||
. | |||
อันคลื่นใหญ่ในมหาชลาสินธุ์ | เข้าฝั่งสิ้นสาดเข้าไปที่ในฝั่ง | ||
เสียงกลองดังฟังดูเพียงหูฟัง | ปากคนดังอึงจริงยิ่งกว่ากลอง | ||
ถ้าทำดีก็จะดีเป็นศรีศักดิ์ | ถ้าทำชั่วชั่วจักตามสนอง | ||
ความชั่วเราลี้ลับอย่ากลับตรอง | นอนแล้วมองดูผิดในกิจการ | ||
. | |||
. | |||
. | |||
อันความเรื่องเดียวกันสำคัญกล่าว | พูดไม่ดีแล้วก็เปล่าไม่แข็งเข้ม | ||
ข้าวต้มร้อนอย่ากระโจมค่อยโลมเล็ม | วิสัยเข็มเล่มน้อยร้อยช้าช้า | ||
ถึงโปร่งปรุในอุบายเป็นชายชาติ | แม้หลงมาตุคามขาดศาสนา | ||
อันความหลงแม้ไต่ปลงสังขารา | แต่ทว่ารู้บ้างค่อยบางเบา | ||
อย่าโอกโขยกอยู่ในโลกสันนิวาส | แต่นักปราชญ์ยังรู้พึ่งผู้เขลา | ||
เหมือนเรือช่วงพ่วงลำในสำเภา | เรือใหญ่เข้าไม่ได้ใช้เรือเล็ก | ||
. | |||
. | |||
. | |||
หลงโลภลาภบาปก็รู้อยู่ว่าบาป | กิเลสหยาบยังไม่สุขย่อมทุกขัง | ||
ตัณหาหากชักนำให้กำบัง | เอาธรรมตั้งข่มกดให้ปลดร้อน | ||
คนศรัทธาว่าง่ายสบายจิต | ไม่เบือนบิดเร่งทำตามคำสอน | ||
คนที่ไม่ศรัทธาอุราคลอน | โง่แล้วงอนถึงไม่ฟังก็ยังดึง | ||
หาเงินติดไถ้ไว้อย่าให้ขาด | ตำลึงบาทหาไม่คล่องเพียงสองสลึง | ||
ชาติตะปูชาติแข็งต้องแทงตรึง | ชาติขี้ผึ้งชาติอ่อนร้อนละลาย | ||
ของสิ่งใดสงสัยให้พิสูจน์ | ไม่แกล้งพูดธาตุทั้งสี่ดีใจหาย | ||
ดูดินน้ำลมไฟให้แยบคาย | ไล่ระบายเท็จก็แปรแท้ไม่จร | ||
. | |||
. | |||
. | |||
คุณกับโทษสองแบ่งแรงข้างไหน | คุณถึงใหญ่ให้ผลคนไม่เห็น | ||
โทษสักเท่าหัวเหาเล็กเท่าเล็น | ให้ผลเห็นแผ่ซ่านทั่วบ้านเมือง | ||
น้ำใจเอยเห็นกรรมไม่ทำชั่ว | บวชตั้งตัวตั้งใจบวชได้เรื่อง | ||
บวชหลบราชการหนักบวชยักเยื้อง | บวชหาเฟื้องหาไพบวชไม่ตรง | ||
. | |||
. | |||
. | |||
สัตว์ผอมฤษีพีนี้สองสิ่ง | สามผู้หญิงรูปดีไม่มีถัน | ||
กับคนจนแต่งอินทรีย์นี้อีกอัน | สี่ด้วยกันดูเป็นเห็นไม่งาม | ||
บรรพชาสามปางนางสามผัว | ข้าเก่าชั่วเมียชังเขายังห้าม | ||
มักเกิดเงี่ยงเกี่ยงแง่แส่หาความ | กาลีลามหยาบช้าอุลามก | ||
. | |||
. | |||
. | |||
ถือตำรามากนักขี้มักกรอบ | มิเสียชอบขัดสนจนจอนจ่อ | ||
ออกชื่อบาปครางฮือทำมืองอ | ไม่นึกฉ้อส่อเสียดเบียดเบียนใคร | ||
จิตดำรงคงธรรมไม่พล้ำเพลี่ยง | สู้หลีกเลี่ยงตามภาษาอัชฌาสัย | ||
ถึงบอกลาภบาปแล้วไม่พอใจ | มีหาไม่อุตส่าห์รักษากาย | ||
พระพุทธองค์ก็ทรงชมว่าสมปราชญ์ | บัณฑิตชาติเมธาปัญญาหลาย | ||
สู่คติเบื้องหน้าถ้าเขาตาย | ทางอบายห่างไกลไม่ไปเลย | ||
กระแสพุทธฎีกาว่ากระนี้ | เดี๋ยวนี้นี่ไม่กระนั้นนะท่านเอ๋ย | ||
ถ้ายากจนแล้วก็คนมักยิ้มเย้ย | ภิปรายเปรยเปรียบเทียบพูดเสียบแทง | ||
ว่าชะชะนักปราชญ์ชาติสถุล | วิบากบุญให้ผลจนต่องแต่ง | ||
สวรรค์นรกที่ไหนไม่แจ้งแจง | อยู่เขตแขวงธานีบุรีใด | ||
อย่าคบมิตรจิตพาลสันดานชั่ว | จะพาตัวให้เสื่อมที่เลื่อมใส | ||
คบนักปราชญ์นั่นแหละดีมีกำไร | ท่านย่อมให้ความสบายหลายประตู | ||
. | |||
. | |||
. | |||
ชั่วแต่กายวาจาย่อมปรากฏ | คนทั้งหมดแม่นแท้เขาแลเห็น | ||
ชั่วในใจบังปิดไว้มิดเม้น | สิบห้าเล่มเกวียนเข็นไม่หมดมวล | ||
คดสิ่งอื่นหมื่นแสนแม้นกำหนด | โกฏล้านคดซ้อนซับพอนับถ้วน | ||
คดของคนล้นล้ำคดน้ำนวล | เหลือกระบวนที่จะจับนับคดค้อม | ||
. | |||
. | |||
. | |||
จะผ่าไม้ให้พินิจพิศดูท่า | ให้เห็นว่าแสกไหนเหมาะจึงเจาะขวาน | ||
จะเข้าหาคนผู้ดูอาการ | ถือโบราณถูกเดาจึงเอาคำ | ||
. | |||
. | |||
. | |||
คนแก่มีสี่ประการโบราณว่า | แก่ธรรมาพิสมัยใจแห้งเหี่ยว | ||
แก่ยศแก่วาสนาปัญญาเปรียว | แต่แก่แดดอย่างเดียวแก่เกเร | ||
ความรู้ท่วมหัวตัวไม่รอด | เป็นคำสอดของคนเกเรเกเส | ||
เรียนวิชาไม่แม่นยำคะน้ำคะเน | ไปเที่ยวเตร่ประกอบชั่วตัวจึงจน | ||
ทะเลน้อยเท่ารอยโคโผไม่ได้ | โดยว่าใจยังกำหนัดขัดมรรคผล | ||
หญิงขมิ้นชายปูนประมูลปน | ไหนจะพ้นทะเลแดงตำแหน่งเนื้อ | ||
. | |||
. | |||
. | |||
อีกข้อหนึ่งเมืองเราชาวมนุษย์ | ย่อมว่าพุทธกับไสยตั้งใจว่า | ||
ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันไปมา | ทั้งเจรจารำคาญหูดูไม่งาม | ||
พุทธแปลว่าพระเจ้าท่านกล่าวแก้ | ไสยนั้นแปลว่าผีนี้ได้ถาม | ||
ผิดหรือถูกไม่ตรึกตราเจรจาตาม | มีเนื้อความในคัมภีร์บาลีใด | ||
ถ้าพุทธองค์ไปอาศัยผี | ผีไปพึ่งบารมีที่ตรงไหน | ||
ถ้อยทีถ้อยพึ่งกันนั้นอย่างไร | ครั้นว่าไล่เข้าก็ซัดลัทธิแรง | ||
เป็นวาจากรรมเปล่าไม่เข้าข้อ | รู้แล้วก็นิ่งไว้อย่าได้แถลง | ||
แม้พลั้งปากเสียศีลพลาดตีนแพลง | มักระแวงข้างเป็นโทษประโยชน์น้อย | ||
. | |||
. | |||
. | |||
จะคบมิตรสนิทนักมักเป็นโทษ | เกิดขึ้งโกรธต่างต่างเพราะวางจิต | ||
ทันระวังตัวที่ไหนไม่ทันคิด | เหตุสักนิดแล้วก็ได้ขัดใจกัน | ||
. | |||
. | |||
. | |||
ผมยาวยุ่งทิ้งไว้ไม่สางหวี | สิ้นที่พึ่งแล้วจึงมีคนข่มเหง | ||
อาวุธปากกล่าวดีมีคนเกรง | ยิงให้เป้งเดียวถูกทุกทุกคำ | ||
. | |||
. | |||
. | |||
ดูตระกูลกิริยาดูอากัป | ดูทิศจับเอาที่ผลต้นพฤกษา | ||
ดูฉลาดเล่าก็เห็นที่เจรจา | ดูคงคาก็พึงหมายสายอุบล | ||
นกกระจาบเดิมหนักหนามากกว่าแสน | ไม่เดือดแค้นสามัคคีย่อมมีผล | ||
ครั้นภายหลังอวดกำลังต่างถือตน | พรานก็ขนกระหน่ำมาพากันตาย | ||
. | |||
. | |||
. | |||
คืนและวันพลันดับก็ลับล่วง | ท่านทั้งปวงจงอุตสาห์หากุศล | ||
พลันชีวิตคิดถึงรำพึงตน | อายุคนนั้นไม่ยืนถึงหมื่นปี | ||
อันความมรณาถ้วนหน้าสัตว์ | แต่พระตรัสเป็นองค์พระชินศรี | ||
แสนประเสริฐเลิศภพจบธาตรี | ยังจรลีเข้าสู่นิพพานเอย ฯ | ||