บทละครนอกเรื่องสังข์ศิลป์ชัย

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(ตอนที่ ๑ สังข์ศิลป์ชัยตกเหว)
()
แถว 157: แถว 157:
จะใคร่พบพระสังข์ศิลป์ชัย  ก็เดินตามไปไม่คิดแคลง
จะใคร่พบพระสังข์ศิลป์ชัย  ก็เดินตามไปไม่คิดแคลง
ฯ ๒ คำฯ เพลง
ฯ ๒ คำฯ เพลง
 +
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
๏ เมื่อนั้น  ศรีสันท์ทำเที่ยวเสาะแสวง
 +
นำนางดำเนินคว้างแคว้ง  พาลัดแลงไปให้ไกลอา
 +
เห็นที่สุมทุมพุ่มไม้  ก็เข้าไปนั่งลงแล้วร้องว่า
 +
หยุดนั่งนี่ก่อนเถิดกัลยา  จะได้ปรึกษาหารีอกัน
 +
ฯ ๔  คำฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  นางสุพรรณไม่รังเกียจเดียดฉันท์
 +
คิดว่าเป็นวงศ์พงศ์พันธุ์  ก็ไปนั่งลงพลันทันที
 +
จึงว่าหยุดไยให้เนิ่นช้า  เหน็ดเหนื่อยหนักหนาเจียวหรือพี่
 +
รีบไปให้พบเสียเดี๋ยวนี้  ช้านักชนนีจะคอยเรา
 +
ฯ ๔ คำฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  ศรีสันท์แสนกลร่ายมนต์เป่า
 +
ยิ้มแย้มพูดจาคิ้วตาเพรา  นี่แน่เจ้าจะว่าให้ดีเจียว
 +
ฯ ๒ คำฯ
 +
 +
 +
ชาตรี
 +
๏ ปลื้มเอยปลื้มจิต  แม่อย่าคิดเคืองขุ่นฉุนเฉียว
 +
พี่ยังเกรงกริ่งอยู่สิ่งเดียว  จะให้เที่ยวเหนื่อยเปล่าไม่เข้ายา
 +
อันพระสังข์แม้นว่าข้าหาได้  สินจ้างจะให้อะไรข้า
 +
ถ้าพี่ได้สมจิตที่คิดมา  จะอุตส่าห์เที่ยวค้นจนสิ้นแรง
 +
อันความที่พี่รักเจ้าหนักหนา  จริงจริงนะน้องอย่ากินแหนง
 +
เรามานี่ที่ทางก็ลับแลง  พอเป็นพักเป็นแรงจึงค่อยไป
 +
พลางขยดเข้าชิดสะกิดหลัง  จะปรานีพี่มั่งหรือหาไม่
 +
ทำและเลียมถูกต้องลองใจ  เจ้าถอยหนีพี่ใยกัลยา
 +
ฯ ๘ คำฯ
 +
 +
 +
ร่าย
 +
๏ เมื่อนั้น  นางสุพรรณเคืองแค้นเป็นหนักหนา
 +
ลุกยืนขึ้นเสียงมิได้ช้า  แล้วว่าดูดู๋พี่เช่นนี้เจียว
 +
ว่าจะพาเที่ยวหาสังข์ศิลป์ชัย  ลวงให้ตามมาถึงป่าเปลี่ยว
 +
ช่างสับปลับอย่างนี้ทีเดียว  ด้านหน้ามาเกี้ยวไม่อายใจ
 +
พาซื่อลือจิตคิดว่าพี่  ธรรมเนียมมันมีอยู่ที่ไหน
 +
ได้เห็นกันสินะไม่ละใคร  กลับไปจะทูลพระมารดา
 +
ฯ ๖ คำฯ
 +
 +
 +
โอ้โลม
 +
๏ น้องเอยน้องรัก  สุดที่พี่จะหักเสน่หา
 +
เมื่อมาแต่หนุ่มสาวสองรา  ในกลางป่าค่าไม้เช่นนี้
 +
ถ้าเจ้ามิหย่อนผ่อนปรน  ใช่ว่านฤมลจะพ้นพี่
 +
จงคิดชั่งใจดูให้ดี  ไม่พอที่จะโกรธขึ้งตึงตัง
 +
ถึงเจ้าจะว่าให้อารู้  จะโบยตีพี่สู้เสียหลัง
 +
ตายไหนตายไปคงไม่ฟัง  เอ็นดูพี่มั่งเถิดแก้วตา
 +
อันพี่น้องครองกันแลยั่งยืน  ไม่เสียเรือนผู้อื่นดีหนักหนา
 +
ว่าพลางเข้าใกล้ไขว่คว้า  อุ่ยหน้าอย่าหยิกจะป่วยไป
 +
ฯ ๘ คำฯ
 +
 +
 +
โอ้โลม
 +
๏ แสนเอยแสนแขนง  อย่าพักก่นกรรแสงเสียงแจ้ว
 +
อันเจ้าจะพ้นมือพี่ไม่มีแวว  เม้นคลาดแคล้วไปได้มิใช่มือ
 +
พี่ง้องอนวอนว่าแต่โดยดี  ไม่พอที่โกรธขึ้งอึงอื้อ
 +
เพราะรักเจ้าหนักหนาจึงคร่ายื้อ  ควรหรือแก้วตาไม่ปรานี
 +
จะมิให้ยืดไว้อย่างไรเล่า  เมื่อเจ้าคอยแต่จะวิ่งหนี
 +
น่าชังดูเอาเฝ้าหยิกตี  จะถูกนิดก็มีแต่ฮึดฮัด
 +
เป็นไรเป็นไปไม่ฟังกัน  จะประชันเรี่ยวแรงที่แข็งขัด
 +
ว่าพลางสวมสอดกอดรัด  นางสะบัดหนีได้ไล่ตามมา
 +
ฯ ๘  คำฯ เชิด
 +
 +
 +
ร่าย
 +
๏ เมื่อนั้น  นางเกสรสุมณฑาจึงร้องว่า
 +
เป็นเจ้าสุพรรณกัลยา  จึงร้องอึมาด้วยอันใด
 +
ฯ ๒  คำฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  นางสุพรรณทูลแข้งแถลงไข
 +
อ้ายศรีสันท์มันพาข้าไป  ถึงพุ่มไม้ที่เปลี่ยวก็เกี้ยวพาน
 +
ลูกแค้นขัดใจจะกลับมา  มันกั้นหน้าคร่ายื้อหักหาญ
 +
ข้าสะบัดวิ่งหนีตะลีตะลาน  อ้ายหน้าด้านจัญไรมันไล่มา
 +
ฯ ๔ คำฯ
 +
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
๏ เมื่อนั้น  ศรีสันท์ขึ้นเสียงเถียงต่อหน้า
 +
ดูเถิดเจ้าสุพรรณช่างพูดจา  แกล้งพาโลข้าว่าคร่ายื้อ
 +
เมื่อไรข้าได้ทำเช่นนั้น  มาล้วงตะกั่วกันเดี๋ยวนี้หรือ
 +
เจ้าสิสันทัดได้หัดปรีอ  ข้าคนซื่อเช่นนี้ยังมิเคย
 +
ไม่ได้เกี้ยวสักคำทำสักนิด  พาลผิดเปล่าเปล่าแม่เจ้าเอ๋ย
 +
รู้กระนี้ไม่ไปด้วยใครเลย  จะนั่งเฉยอยู่นี่มิดีเจียว
 +
ว่าข้าไล่มาใครอย่าเชื่อ  เพราะเห็นเสือตกใจวิ่งไม่เหลียว
 +
เอออะไรช่างปดลดเลี้ยว  อย่าเชื่อนางข้างเดียววพระเจ้าอา
 +
ฯ ๘ คำฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  นางสุพรรณตอบพลางทางชี้หน้า
 +
ชะเจ้าคนดีศรีสันทา  ยังว่าไม่รับสับปลับจริง
 +
พูดเลียบเปรียบเปรยถึงลูกผัว  ด้านหน้าแก้ตัวไปทุกสิ่ง
 +
แต่แรกเจ้าง้องอนวอนวิง  อ้อยอิ่งเซ้าซี้พิรี้พิไร
 +
ไม่คิดอายผีสางที่กลางดง  แทบจะก้มหัวลงกราบไหว้
 +
ครั้นเขาไม่ลุ่มหลงปลงใจ  เข้าไล่ฉวยฉุดยุดยื้อ
 +
จะหยิกข่วนเท่าไรก็ไม่เจ็บ  นั่นมิใช่รอยเล็บของกูหรือ
 +
ดูเถิดที่ต้นคอกับข้อมือ  ยังจะดื้อเถียงได้ไม่อายเลย
 +
ฯ ๘ คำฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าศรีสันทาทำหน้าเฉย
 +
เมียงเมินหัวเราะเยาะเย้ย  เจ้าข้าเอ๋ยนางนี้ขี้พาโล
 +
ค้าคารมลมเติบสุดใจ  เห็นเขาเกรงผู้ใหญ่ไม่ตอบโต้
 +
ครั้นว่าบ้างขัดใจร้องไห้โฮ  มีแต่โมโหไปข้างเดียว
 +
เมื่อข้าสาละวนจะด้นป่า  ค้นคว้าหาน้องท่องเที่ยว
 +
อุตส่าห์บุกเข้าไปในรกเรี้ยว  หนามเกี่ยวเป็นแผลไปทั้งตัว
 +
ชะช่างว่าข่วนล้วนรอยเล็บ  เลือกเก็บเอามาว่าพอหน้าชั่ว
 +
แต่เช่าเจ้ากระนี้มิอยากกลัว  ถ้าตัวต่อตัวมิพ้นไป
 +
ยังกลับมาประกวดอวดแรง  ว่าข้าฉุดยุดแย่งเจ้าไม่ไหว
 +
มาลองดูเดี๋ยวนี้ก็เป็นไร  ใครจะแรงกว่าใครให้เอาดู
 +
จะถุ้งเถียงกันไปไม่ได้ข้อ  เขาจะหัวร่อน่าอดสู
 +
คำบุรานท่านว่าไว้เป็นครู  ใครไขหูอดได้ก็ได้บุญ
 +
ฯ ๑๒ คำฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  นางเกสรสุมณฑาก็เคืองขุ่น
 +
จึงว่าไอ้เจ้าเล่ห์เนรคุณ  ทุจริตคิดวุ่นไปโดยพาล
 +
มิใช่ว่ากูไม่รู้เท่า  พูดแก้เปล่าเปล่าอ้ายหน้าด้าน
 +
มึงเถียงได้ด้วยไม่มีพยาน  ทำหักหาญเห็นว่าข้ากลัวเกรง
 +
เหตุเพราะนัดดากูสูญหาย  จึงจ้วงจาบหยาบคายข่มเหง
 +
ชวนทะเลาะเกาะแกะครื้นเครง  ฝากไว้เถิดเอ็งเป็นไรมี
 +
ฯ ๖ คำฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  ศรีสันท์บ่นเถียงเสียงอู้อี้
 +
ส่วนนางสุพรรณกระนั้นดี  คนอื่นแล้วมีแต่ไม่จริง
 +
เอออะไรนี่พอทีหรือ  เป็นเคราะห์เพราะซื่อต่อผู้หญิง
 +
ท่านลงโทษโกรธขึ้งชังชิง  ถ้าเป็นจริงเหมือนว่าน่าเกิดความ
 +
แม้นสังข์ศิลป์ชัยไม่สูญหาย  เห็นจะขายเราแน่ไม่พักถาม
 +
แกล้งพูดเปรยเย้ยเยาะลวนลาม  บ่นบ้าไปตามอำเภอใจ
 +
ฯ ๖ คำฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าทั้งห้าคนคิดแก้ไข
 +
กราบบาทพระอาแล้วว่าไป  พี่ศรีสันท์นี้ใจมุทะลุ
 +
เป็นคนมักได้ใคร่มี  หนายช้าพาทีดึงดุ
 +
เสียจริตกิริยาเป็นบ้ายุ  พูดกุกะไปไม่เกรงกลัว
 +
อันใจข้าห้าคนนี้ซื่อแท้  รักอาเหมือนแม่บังเกิดหัว
 +
เจ้าสุพรรณนั้นนึกว่าน้องตัว  ศรีสันท์ทำชั่วไม่ชอบใจ
 +
พระองค์จงอดโทษสักครั้งหนึ่ง  เรารีบไปให้ถึงกรุงใหญ่
 +
จะรัญจวนครวญคร่ำอยู่ทำไม  อันสังข์ศิลป์ชัยเห็นไม่มา
 +
ฯ ๘ คำฯ
 +
 +
 +
ธรณีร้องไห้
 +
๏ เมื่อนั้น  นางเกสรสุมณฑาละห้อยหา
 +
จึงปรึกษาสุพรรณกัลยา  อยู่ช้าก็สำหรับจะอับอาย
 +
สไบแม่กับช้องของโฉมยง  จะทำธงสำคัญมั่นหมาย
 +
แม้นสังข์ศิลป์ชัยยังไม่ตาย  กลับมาดีร้ายจะพบพาน
 +
แล้วหยิบช้องกับผ้ามาทำธง  ปักลงตั้งจิตพิษฐาน
 +
ขอเทวาอารักษ์ทั้งจักรวาล  ช่วยบันดาลให้แจ้งกิจจา
 +
แม้นว่าพระสังข์ยังอยู่  จงมีผู้เอาของไปให้ข้า
 +
ถ้าเจ้ามอดม้วยมรณา  ช้องกับภูษาจงสูญไป
 +
สิ้นคำที่ร่ำพิษฐาน  เยาวมาลย์เศร้าสร้อยละห้อยไห้
 +
คิดถึงนัดดายิ่งอาลัย  ครวญคร่ำร่ำไรโศกา
 +
ฯ ๑๐ คำฯ โอด
 +
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
ร่าย
 +
๏ ครั้นค่อยคลายวิโยคโศกศัลย์  ก็ชวนกันลงจากภูผา
 +
ศรีสันท์นั้นนำมรคา  ดั้นดัดลัดมาในดงดาน
 +
ฯ ๑ คำฯ เชิด
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  ฝ่ายเจ้าสิงหรากล้าหาญ
 +
เที่ยวไล่สัตว์สิงห์วิ่งทะยาน  เป็นลางบันดาลบอกเหตุภัย
 +
ให้มึนตึงกายาตาเขม่น  จิตใจเยือกเย็นดังเป็นไข้
 +
คิดถึงพระสังข์ศิลป์ชัย  ก็แผลงฤทธิ์ฤทธิไกรกลับมา
 +
ฯ ๔ คำฯ เชิด
 +
 +
 +
๏ ครั้นถึงเชิงเขาลำเนาเพลิน  จึงลงเดินลดเลี้ยวเที่ยวหา
 +
ไม่เห็นที่ประทับพลับพลา  ทั้งพระอาน้องชายก็หายไป
 +
นั่งนึกตรึกไตรให้รำคาญ  จะเกิดเหตุเภทพาลเป็นไฉน
 +
หรือจะพากันรีบไปเวียงชัย  ที่จะหนีพี่ไปก็ใช่เชิง
 +
คิดพลางทางเที่ยวสัญจรหา  บุกป่ากู้ก้องร้องเปิ่ง
 +
แล้วขึ้นเขาเข้าค้นในวุ้งเวิ้ง  ทุกซุ้มเชิงรกเรี้ยวเที่ยวมองดู
 +
เทวัญบันดาลให้ผายผัน  มาเห็นศรพระขรรค์ที่วางอยู่
 +
เอ๊ะเกิดเหตุแท้แล้วอกกู  จะมีผู้ทำร้ายแก่น้องยา
 +
เป็นตายอย่างไรไม่แจ้งจิต  สุดคิดที่จะเที่ยวแสวงหา
 +
ยิ่งคิดสร้อยเศร้าเปล่าอุรา  ก็โศกาครวญคร่ำร่ำไร
 +
ฯ ๑๐ คำฯ โอด
 +
 +
 +
๏ แล้วฝืนจิตดำริตริตรองดู  จะนิ่งอยู่กระนี้ก็มิได้
 +
เมื่อไม่พบน้องน้อยกลอยใจ  จำจะไปทูลสองพระมารดร
 +
คิดพลางทางทำอานุภาพ  ปากคาบพระขรรค์กับสังข์ศร
 +
เผ่นโผนโจนเหาะขึ้นอัมพร  ตรงไปนครบรรพต
 +
ฯ ๔ คำฯ เชิด
 +
 +
 +
๏ ครั้นถึงจึงลงจากอากาศ  ขึ้นปราสาทแก้วมรกต
 +
กราบบาทสองนางพลางรันทด  พิไรร่ำกำสรดโศกี
 +
ฯ ๒ คำฯ โอด
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  องค์พระมารดาทั้งสองศรี
 +
เห็นมาร้องไห้ไม่สมประดี  เทวีคิดอัศจรรย์ใจ
 +
ปลอบพลางทางถามมิทันช้า  เป็นไรมาโศกศัลย์กันแสงไห้
 +
มีเหตุเภทพาลประการใด  น้องรักอยู่ไหนจึงไม่มา
 +
ฯ ๔ คำฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  สิงหราโศกศัลย์เป็นหนักหนา
 +
จึงเล่าความตามเรื่องไปรับอา  แต่ต้นมาจนถึงกลางไพร
 +
ทั้งหกเชษฐากับน้องรัก  ชวนกันหยุดพักในป่าใหญ่
 +
ลูกนี้โฉดเขลาเบาใจ  ลาสังข์ศิลป์ชัยไปหากิน
 +
ครั้นกลับมาไม่เห็นพระน้องชาย  พากันสูญหายไปหมดสิ้น
 +
ข้าค้นบนเขาเขินเดินดิน  พบแต่สังข์ศิลป์พระขรรค์ชัย
 +
สุดที่จะคิดติดตามหา  ไม่รู้ว่าเกิดเข็ญเป็นไฉน
 +
จึงรีบมาทูลแถลงให้แจ้งใจ  อันโทษตัวลูกไซร้ผิดนัก
 +
ฯ ๘ คำฯ
 +
๏ เมื่อนั้น  สองนางพ่างเพียงอกหัก
 +
ชลเนตรฟูมฟองนองพักตร์  นงลักษณ์ครวญคร่ำร่ำไร
 +
ฯ ๒ คำฯ โอด
 +
 +
 +
โอ้
 +
๏ โอ้ว่าลูกรักของแม่เอ๋ย  แม่เคยเชยชิดพิสมัย
 +
หรือมาพลัดพรากจากไป  เพราะเชื่อไอ้กระยาจกทั้งหกคน
 +
อันความคิดของมันแม่รู้เท่า  ได้ห้ามปรามเจ้าเป็นหลายหน
 +
ช่างไว้เนื้อเชื่อใจไอ้แสนกล  มันคนริษยาอาธรรม์
 +
เห็นว่ารับอามาได้แล้ว  จึงคิดฆ่าลูกแก้วให้อาสัญ
 +
จะได้หน้าได้ตาแต่พวกมัน  ควรหรือจอมขวัญไปหลงรัก
 +
อนิจจาลูกน้อยมาสูญหาย  จะเป็นตายฉันใดไม่ประจักษ์
 +
สองกรข้อนทรวงเข้าฮักฮัก  ซบพักตร์กันแสงโศกี
 +
ฯ ๘ คำฯ โอด
</tpoem>
</tpoem>
==== ====
==== ====

การปรับปรุง เมื่อ 09:22, 16 สิงหาคม 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

บทประพันธ์

ตอนที่ ๑ สังข์ศิลป์ชัยตกเหว

ช้า
๏ เมื่อนั้นทั้งหกให้คิดริษยา
ต่างซุบซิบกันจำนรรจาใครมีปัญญาจงเร่งคิด
แม้นสังข์ศิลป์ชัยได้ไปเฝ้าเห็นเราหกคนไม่พ้นผิด
ขนมทำมาให้ใส่ยาพิษมันไม่กินเหมือนจิตที่คิดไว้
ฯ ๔ คำฯ
ร่าย
๏ ศรีสันท์จึงว่าไปทันทีวันนี้สิงหราหาอยู่ไม่
ไปเที่ยวหาอาหารที่ในไพรทิ้งสังข์ศิลป์ชัยไว้พลับพลา
เราจะยียวนชักชวนมันไปเก็บพรรณผลไม้บนภูผา
ผลักให้ตกเหวมรณาจึงกลับมาพาพระอาไป
อันนางสุพรรเทวีจะพันมือพี่ไปที่ไหน
ต่างเห็นชอบชวนกันดีใจมาหาสังข์ศิลป์ชัยฉับพลัน
ฯ ๖ คำฯ เพลง
๏ ลูบหลังลูบหน้าแล้วพาทีเรานี้จะพากันผายผัน
เก็บผลพฤกษาที่เขานั้นมาให้สุพรรณกับพระอา
ฯ ๒ คำฯ
๏ เมื่อนั้นพระสังข์ได้ฟังไม่กังขา
รับคำทั้งหกพี่ยากราบบาทพระอาแล้วว่าไป
ตัวหลานทั้งเจ็ดจะจรดลไปเก็บผลพฤกษาที่ใกล้ใกล้
ทั้งสององค์จงอยู่พลับพลาชัยประเดี๋ยวใจจะมาให้พร้อมกัน
ว่าแล้วจัดแจงแต่งองค์พระหัตถ์ทรงสังข์ศรพระแสงขรรค์
ทั้งเจ็ดองค์ลงจากพลับพลาพลันเจ้าศรีสันท์นำหน้าคลาไคล
ฯ ๖ คำฯ เชิด
ชมดง
๏ ชี้ชมรุกขชาติดาษเดียรเต็งตะเคียนยางยูงสูงไสว
มูกม่วงพวงผลแกว่งไกวเฟื่องไฟไกรกร่างมะปรางปริง
พระสังข์ศิลป์ชัยหาไม้ง่ามสอยผลสุกห่ามทุกก้านกิ่ง
ศรีสันท์ก้มเก็บก้อนดินทิ้งหล่นร่วงช่วงชิงกันไปมา
บ้างชักเชือกเขาเถาวัลย์ขึ้นผูกพันกิ่งไทรสาขา
ผลัดกันไกวเล่นเป็นชิงช้าสรวลสันต์หรรษาสำราญใจ
พากันท่องเที่ยวเลี้ยวลอดเลียบขึ้นบนยอดเขาใหญ่
ต่างชวนพระสังข์ศิลป์ชัยเล่นไล่ปิดตาหากัน
ฯ ๘ คำฯ เพลงฉิ่ง
ร่าย
๏ เมื่อนั้นศรีสันท์แสนกลคนขยัน
ทำมารยาว่าแก่พระสังข์พลันเจ้าถือศรพระขรรค์ไว้ทำไม
เราจะวิ่งเต้นเล่นสนุกฉวยล้มลุกพลาดพลั้งไม่ยั้งได้
จะถูกเนื้อถูกตัวพี่กลัวไปวางไว้เล่นแล้วจึงมาเอา
ฯ ๔ คำฯ
๏ เมื่อนั้นพระสังข์ศิลป์ชัยไม่รู้เท่า
วางพระขรรค์ศรไว้ด้วยใจเบาที่ริมเงื้อมเขาสำคัญตา
แล้วจึงตามพี่ศรีสันท์ลดเลี้ยวไล่กันบนภูผา
หยิกหยอกหลอกล้อกันไปมาเกษมสันต์หรรษาทั้งเจ็ดองค์
ฯ ๔ คำฯ เพลงฉิ่ง
๏ เมื่อนั้นพระศรีสันท์ครั้นเห็นพระสังข์หลง
พาเที่ยวเลี้ยวเลียบเวียนวงพบเหวดังประสงค์จำนงนึก
หยิบศิลามาทิ้งลงไปดูเอียงหูคอยฟังไม่ดังกึก
ชะโงกตามลงไปใจทึกทึกแลลึกเป็นหมอกมืดมัว
จึงร้องเรียกพระสังข์ศิลป์ชัยมาดูเหวใหญ่มิใช่ชั่ว
ว่าพลางพรั่งพร้อมเข้าล้อมตัวอย่ากลัวเลยพี่อยู่นี่แล้ว
ทำชี้โว้ชี้เว้ด้วยเล่ห์กลลางคนหลอกลวงว่าดวงแก้ว
ตรงมือนั่นแน่แลแววแววเห็นแล้วหรือยังถอยหลังไย
ต่างเข้ายืนเคียงเมียงเขม้นครั้งเห็นงวยงงหลงใหล
จึงผลักพระสังข์ศิลป์ชัยตกลอยลงไปในเหวนั้น
ฯ ๑๐ คำฯ เชิดฉิ่ง โอด
             

๏ ต่างคนชื่นชมสมคะเนหัวเราะร่าวฮาเฮเกษมสันต์
พากันวิ่งกลับมาฉับพลันหาศรพระขรรค์ที่วางไว้
ไม่พบเห็นเป็นอัศจรรย์จิตต่างคนต่างคิดสงสัย
เถียงกันอื้ออึงคะนึงไปเมื่อที่ทางจำได้แน่นอน
หาพลางต่างโมโหพาโลกันคนนี้ว่าคนนั้นลักซ่อน
ค้นทั้งสองข้างหนทางจรไม่ได้ศรพระขรรค์ก็เสียใจ
ศรีสันท์จึงว่าแก่น้องยาเรากลับไปพระอาจะถามไถ่
ใครอย่าบอกออกความทั้งนี้ไซร้ซักซ้อมพร้อมใจแล้วไคลคลา
ฯ ๘ คำฯ เชิด
๏ ครั้นถึงพระอาทำหน้าเศร้าก้มเกล้ากราบลงตรงหน้า
มิได้แถลงแจ้งกิจจาทำก้มพักตร์โศกาสะอื้นไป
ฯ ๒ คำฯ โอด
๏ เมื่อนั้นนางเกสรสุมณฑาศรีใส
เห็นหกนัดดาโศกาลัยหลากใจไต่ถามมิทันช้า
เหตุผลอย่างไรไม่บอกแจ้งมาโศกศัลย์กันแสงไยนักหนา
พระสังข์ไปไหนจึงไม่มาจงแจ้งกิจจาอย่าโศกี
ฯ ๔ คำฯ
๏ เมื่อนั้นทั้งหกพี่น้องทำหมองศรี
เช็ดน้ำตาพลางทางพาทีเมื่อตะกี้หลานพากันเที่ยวไป
พระสังข์น้องรักเฝ้าชักชวนรบกวนให้พาขึ้นเขาใหญ่
แล้ววิ่งเต้นเล่นแข็งสุดใจห้ามไม่ฟังเลยนะพระอา
ล้วนห้วยเหวเปลวปล่องทั้งสองข้างข้าเดินนำทางไปข้างหน้า
พระสังข์ตามหลังหลานมาประเดี๋ยวเหลียวหาก็หายไป
ข้าทั้งหกคนเที่ยวค้นทั่วจะพบตัวน้องยาก็หาไม่
แม้ตกเหวเหล่านั้นเห็นบรรลัยหรือจะเป็นกระไรไม่แจ้งการณ์
ฯ ๘ คำฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นนางเกสรสุมณฑาฟังว่าขาน
ทั้งนางสุพรรณนงคราญปิ้มปานชีวันจะบรรลัย
ต่างตระหนกอกสั่นขวัญหายฟูมฟายชลเนตรหลั่งไหล
จึงว่าแก่นัดดายาใจไปเล่นถึงไหนอย่างอำพราง
จงพาอาไปเที่ยวค้นดูเกลือกจะหลงอยู่ในป่ากว้าง
แล้วลงจากพลับพลาทั้งสองนางศรีสันท์นำทางจรจรัส
ฯ ๖ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้นทั้งหกแสนกลคนขยัน
ครั้นถึงคีรีที่สำคัญทำโศกศัลย์ทูลองค์พระเจ้าอา
พระสังข์ศิลป์ชัยมาสูญหายที่ทางแคบเหวรายทั้งซ้ายขวา
หลานทั้งหกทุกคนเที่ยวค้นหาที่เหล่านี้หนักหนาไม่พบพาน
ฯ ๔      คำฯ เจรจา
โอ้ร่าย
๏ เมื่อนั้นนางเกสรสุมณฑายิ่งสงสาร
รุ่มร้อนหฤทัยดังไฟกาฬเยาวมาลย์ลดเลี้ยวเที่ยวมา
ค่อยย่องเหยียบเลียบลัดไปนอกทางสองนางเรียกร้องแล้วมองหา
ไม่ประสบพบองค์พระนัดดากัลยาครวญคร่ำร่ำไร
โอ้ว่าพระสังข์ศิลป์ชัยเอ๋ยไม่มาหาอาเลยไปอยู่ไหน
หรือว่าผีสางที่กลางไพรซ่อนพระสังข์ไว้กระมังนา
ขอให้พบพานพระหลานรักจะบวงสรวงเซ่นวักให้หนักหนา
ร่ำพลางนางทรงโศกาปิ้มว่าโฉมฉายจะวายปราณ
ฯ ๘ คำฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นเจ้าศรีสันทาจึงว่าขาน
จะโศกศัลย์อยู่เห็นไม่เป็นการเราคิดอ่านแยกย้ายรายกัน
เจ้าชาติจงไปด้วยพระอานางสุพรรณกับข้ามาผายผัน
เจ้าทั้งสี่นี้แยกไปทางนั้นช่วยกันดั้นด้นคว้า
และทำชะเง้อดูเงี่ยหูฟังเอ๊ะเสียงพระสังข์ร้องเรียกหา
ออกชื่อเจ้าสุพรรณกัลยาเร็วเถิดอย่าช้ามาจะไป
ฯ ๖ คำฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นนางสุพรรณยินดีจะมีไหน
จะใคร่พบพระสังข์ศิลป์ชัยก็เดินตามไปไม่คิดแคลง
ฯ ๒ คำฯ เพลง
             

๏ เมื่อนั้นศรีสันท์ทำเที่ยวเสาะแสวง
นำนางดำเนินคว้างแคว้งพาลัดแลงไปให้ไกลอา
เห็นที่สุมทุมพุ่มไม้ก็เข้าไปนั่งลงแล้วร้องว่า
หยุดนั่งนี่ก่อนเถิดกัลยาจะได้ปรึกษาหารีอกัน
ฯ ๔      คำฯ
๏ เมื่อนั้นนางสุพรรณไม่รังเกียจเดียดฉันท์
คิดว่าเป็นวงศ์พงศ์พันธุ์ก็ไปนั่งลงพลันทันที
จึงว่าหยุดไยให้เนิ่นช้าเหน็ดเหนื่อยหนักหนาเจียวหรือพี่
รีบไปให้พบเสียเดี๋ยวนี้ช้านักชนนีจะคอยเรา
ฯ ๔ คำฯ
๏ เมื่อนั้นศรีสันท์แสนกลร่ายมนต์เป่า
ยิ้มแย้มพูดจาคิ้วตาเพรานี่แน่เจ้าจะว่าให้ดีเจียว
ฯ ๒ คำฯ
ชาตรี
๏ ปลื้มเอยปลื้มจิตแม่อย่าคิดเคืองขุ่นฉุนเฉียว
พี่ยังเกรงกริ่งอยู่สิ่งเดียวจะให้เที่ยวเหนื่อยเปล่าไม่เข้ายา
อันพระสังข์แม้นว่าข้าหาได้สินจ้างจะให้อะไรข้า
ถ้าพี่ได้สมจิตที่คิดมาจะอุตส่าห์เที่ยวค้นจนสิ้นแรง
อันความที่พี่รักเจ้าหนักหนาจริงจริงนะน้องอย่ากินแหนง
เรามานี่ที่ทางก็ลับแลงพอเป็นพักเป็นแรงจึงค่อยไป
พลางขยดเข้าชิดสะกิดหลังจะปรานีพี่มั่งหรือหาไม่
ทำและเลียมถูกต้องลองใจเจ้าถอยหนีพี่ใยกัลยา
ฯ ๘ คำฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นนางสุพรรณเคืองแค้นเป็นหนักหนา
ลุกยืนขึ้นเสียงมิได้ช้าแล้วว่าดูดู๋พี่เช่นนี้เจียว
ว่าจะพาเที่ยวหาสังข์ศิลป์ชัยลวงให้ตามมาถึงป่าเปลี่ยว
ช่างสับปลับอย่างนี้ทีเดียวด้านหน้ามาเกี้ยวไม่อายใจ
พาซื่อลือจิตคิดว่าพี่ธรรมเนียมมันมีอยู่ที่ไหน
ได้เห็นกันสินะไม่ละใครกลับไปจะทูลพระมารดา
ฯ ๖ คำฯ
โอ้โลม
๏ น้องเอยน้องรักสุดที่พี่จะหักเสน่หา
เมื่อมาแต่หนุ่มสาวสองราในกลางป่าค่าไม้เช่นนี้
ถ้าเจ้ามิหย่อนผ่อนปรนใช่ว่านฤมลจะพ้นพี่
จงคิดชั่งใจดูให้ดีไม่พอที่จะโกรธขึ้งตึงตัง
ถึงเจ้าจะว่าให้อารู้จะโบยตีพี่สู้เสียหลัง
ตายไหนตายไปคงไม่ฟังเอ็นดูพี่มั่งเถิดแก้วตา
อันพี่น้องครองกันแลยั่งยืนไม่เสียเรือนผู้อื่นดีหนักหนา
ว่าพลางเข้าใกล้ไขว่คว้าอุ่ยหน้าอย่าหยิกจะป่วยไป
ฯ ๘ คำฯ
โอ้โลม
๏ แสนเอยแสนแขนงอย่าพักก่นกรรแสงเสียงแจ้ว
อันเจ้าจะพ้นมือพี่ไม่มีแววเม้นคลาดแคล้วไปได้มิใช่มือ
พี่ง้องอนวอนว่าแต่โดยดีไม่พอที่โกรธขึ้งอึงอื้อ
เพราะรักเจ้าหนักหนาจึงคร่ายื้อควรหรือแก้วตาไม่ปรานี
จะมิให้ยืดไว้อย่างไรเล่าเมื่อเจ้าคอยแต่จะวิ่งหนี
น่าชังดูเอาเฝ้าหยิกตีจะถูกนิดก็มีแต่ฮึดฮัด
เป็นไรเป็นไปไม่ฟังกันจะประชันเรี่ยวแรงที่แข็งขัด
ว่าพลางสวมสอดกอดรัดนางสะบัดหนีได้ไล่ตามมา
ฯ ๘      คำฯ เชิด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นนางเกสรสุมณฑาจึงร้องว่า
เป็นเจ้าสุพรรณกัลยาจึงร้องอึมาด้วยอันใด
ฯ ๒      คำฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นนางสุพรรณทูลแข้งแถลงไข
อ้ายศรีสันท์มันพาข้าไปถึงพุ่มไม้ที่เปลี่ยวก็เกี้ยวพาน
ลูกแค้นขัดใจจะกลับมามันกั้นหน้าคร่ายื้อหักหาญ
ข้าสะบัดวิ่งหนีตะลีตะลานอ้ายหน้าด้านจัญไรมันไล่มา
ฯ ๔ คำฯ
             

๏ เมื่อนั้นศรีสันท์ขึ้นเสียงเถียงต่อหน้า
ดูเถิดเจ้าสุพรรณช่างพูดจาแกล้งพาโลข้าว่าคร่ายื้อ
เมื่อไรข้าได้ทำเช่นนั้นมาล้วงตะกั่วกันเดี๋ยวนี้หรือ
เจ้าสิสันทัดได้หัดปรีอข้าคนซื่อเช่นนี้ยังมิเคย
ไม่ได้เกี้ยวสักคำทำสักนิดพาลผิดเปล่าเปล่าแม่เจ้าเอ๋ย
รู้กระนี้ไม่ไปด้วยใครเลยจะนั่งเฉยอยู่นี่มิดีเจียว
ว่าข้าไล่มาใครอย่าเชื่อเพราะเห็นเสือตกใจวิ่งไม่เหลียว
เอออะไรช่างปดลดเลี้ยวอย่าเชื่อนางข้างเดียววพระเจ้าอา
ฯ ๘ คำฯ
๏ เมื่อนั้นนางสุพรรณตอบพลางทางชี้หน้า
ชะเจ้าคนดีศรีสันทายังว่าไม่รับสับปลับจริง
พูดเลียบเปรียบเปรยถึงลูกผัวด้านหน้าแก้ตัวไปทุกสิ่ง
แต่แรกเจ้าง้องอนวอนวิงอ้อยอิ่งเซ้าซี้พิรี้พิไร
ไม่คิดอายผีสางที่กลางดงแทบจะก้มหัวลงกราบไหว้
ครั้นเขาไม่ลุ่มหลงปลงใจเข้าไล่ฉวยฉุดยุดยื้อ
จะหยิกข่วนเท่าไรก็ไม่เจ็บนั่นมิใช่รอยเล็บของกูหรือ
ดูเถิดที่ต้นคอกับข้อมือยังจะดื้อเถียงได้ไม่อายเลย
ฯ ๘ คำฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าศรีสันทาทำหน้าเฉย
เมียงเมินหัวเราะเยาะเย้ยเจ้าข้าเอ๋ยนางนี้ขี้พาโล
ค้าคารมลมเติบสุดใจเห็นเขาเกรงผู้ใหญ่ไม่ตอบโต้
ครั้นว่าบ้างขัดใจร้องไห้โฮมีแต่โมโหไปข้างเดียว
เมื่อข้าสาละวนจะด้นป่าค้นคว้าหาน้องท่องเที่ยว
อุตส่าห์บุกเข้าไปในรกเรี้ยวหนามเกี่ยวเป็นแผลไปทั้งตัว
ชะช่างว่าข่วนล้วนรอยเล็บเลือกเก็บเอามาว่าพอหน้าชั่ว
แต่เช่าเจ้ากระนี้มิอยากกลัวถ้าตัวต่อตัวมิพ้นไป
ยังกลับมาประกวดอวดแรงว่าข้าฉุดยุดแย่งเจ้าไม่ไหว
มาลองดูเดี๋ยวนี้ก็เป็นไรใครจะแรงกว่าใครให้เอาดู
จะถุ้งเถียงกันไปไม่ได้ข้อเขาจะหัวร่อน่าอดสู
คำบุรานท่านว่าไว้เป็นครูใครไขหูอดได้ก็ได้บุญ
ฯ ๑๒ คำฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นนางเกสรสุมณฑาก็เคืองขุ่น
จึงว่าไอ้เจ้าเล่ห์เนรคุณทุจริตคิดวุ่นไปโดยพาล
มิใช่ว่ากูไม่รู้เท่าพูดแก้เปล่าเปล่าอ้ายหน้าด้าน
มึงเถียงได้ด้วยไม่มีพยานทำหักหาญเห็นว่าข้ากลัวเกรง
เหตุเพราะนัดดากูสูญหายจึงจ้วงจาบหยาบคายข่มเหง
ชวนทะเลาะเกาะแกะครื้นเครงฝากไว้เถิดเอ็งเป็นไรมี
ฯ ๖ คำฯ
๏ เมื่อนั้นศรีสันท์บ่นเถียงเสียงอู้อี้
ส่วนนางสุพรรณกระนั้นดีคนอื่นแล้วมีแต่ไม่จริง
เอออะไรนี่พอทีหรือเป็นเคราะห์เพราะซื่อต่อผู้หญิง
ท่านลงโทษโกรธขึ้งชังชิงถ้าเป็นจริงเหมือนว่าน่าเกิดความ
แม้นสังข์ศิลป์ชัยไม่สูญหายเห็นจะขายเราแน่ไม่พักถาม
แกล้งพูดเปรยเย้ยเยาะลวนลามบ่นบ้าไปตามอำเภอใจ
ฯ ๖ คำฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าทั้งห้าคนคิดแก้ไข
กราบบาทพระอาแล้วว่าไปพี่ศรีสันท์นี้ใจมุทะลุ
เป็นคนมักได้ใคร่มีหนายช้าพาทีดึงดุ
เสียจริตกิริยาเป็นบ้ายุพูดกุกะไปไม่เกรงกลัว
อันใจข้าห้าคนนี้ซื่อแท้รักอาเหมือนแม่บังเกิดหัว
เจ้าสุพรรณนั้นนึกว่าน้องตัวศรีสันท์ทำชั่วไม่ชอบใจ
พระองค์จงอดโทษสักครั้งหนึ่งเรารีบไปให้ถึงกรุงใหญ่
จะรัญจวนครวญคร่ำอยู่ทำไมอันสังข์ศิลป์ชัยเห็นไม่มา
ฯ ๘ คำฯ
ธรณีร้องไห้
๏ เมื่อนั้นนางเกสรสุมณฑาละห้อยหา
จึงปรึกษาสุพรรณกัลยาอยู่ช้าก็สำหรับจะอับอาย
สไบแม่กับช้องของโฉมยงจะทำธงสำคัญมั่นหมาย
แม้นสังข์ศิลป์ชัยยังไม่ตายกลับมาดีร้ายจะพบพาน
แล้วหยิบช้องกับผ้ามาทำธงปักลงตั้งจิตพิษฐาน
ขอเทวาอารักษ์ทั้งจักรวาลช่วยบันดาลให้แจ้งกิจจา
แม้นว่าพระสังข์ยังอยู่จงมีผู้เอาของไปให้ข้า
ถ้าเจ้ามอดม้วยมรณาช้องกับภูษาจงสูญไป
สิ้นคำที่ร่ำพิษฐานเยาวมาลย์เศร้าสร้อยละห้อยไห้
คิดถึงนัดดายิ่งอาลัยครวญคร่ำร่ำไรโศกา
ฯ ๑๐ คำฯ โอด
             

ร่าย
๏ ครั้นค่อยคลายวิโยคโศกศัลย์ก็ชวนกันลงจากภูผา
ศรีสันท์นั้นนำมรคาดั้นดัดลัดมาในดงดาน
ฯ ๑ คำฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นฝ่ายเจ้าสิงหรากล้าหาญ
เที่ยวไล่สัตว์สิงห์วิ่งทะยานเป็นลางบันดาลบอกเหตุภัย
ให้มึนตึงกายาตาเขม่นจิตใจเยือกเย็นดังเป็นไข้
คิดถึงพระสังข์ศิลป์ชัยก็แผลงฤทธิ์ฤทธิไกรกลับมา
ฯ ๔ คำฯ เชิด
๏ ครั้นถึงเชิงเขาลำเนาเพลินจึงลงเดินลดเลี้ยวเที่ยวหา
ไม่เห็นที่ประทับพลับพลาทั้งพระอาน้องชายก็หายไป
นั่งนึกตรึกไตรให้รำคาญจะเกิดเหตุเภทพาลเป็นไฉน
หรือจะพากันรีบไปเวียงชัยที่จะหนีพี่ไปก็ใช่เชิง
คิดพลางทางเที่ยวสัญจรหาบุกป่ากู้ก้องร้องเปิ่ง
แล้วขึ้นเขาเข้าค้นในวุ้งเวิ้งทุกซุ้มเชิงรกเรี้ยวเที่ยวมองดู
เทวัญบันดาลให้ผายผันมาเห็นศรพระขรรค์ที่วางอยู่
เอ๊ะเกิดเหตุแท้แล้วอกกูจะมีผู้ทำร้ายแก่น้องยา
เป็นตายอย่างไรไม่แจ้งจิตสุดคิดที่จะเที่ยวแสวงหา
ยิ่งคิดสร้อยเศร้าเปล่าอุราก็โศกาครวญคร่ำร่ำไร
ฯ ๑๐ คำฯ โอด
๏ แล้วฝืนจิตดำริตริตรองดูจะนิ่งอยู่กระนี้ก็มิได้
เมื่อไม่พบน้องน้อยกลอยใจจำจะไปทูลสองพระมารดร
คิดพลางทางทำอานุภาพปากคาบพระขรรค์กับสังข์ศร
เผ่นโผนโจนเหาะขึ้นอัมพรตรงไปนครบรรพต
ฯ ๔ คำฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงลงจากอากาศขึ้นปราสาทแก้วมรกต
กราบบาทสองนางพลางรันทดพิไรร่ำกำสรดโศกี
ฯ ๒ คำฯ โอด
๏ เมื่อนั้นองค์พระมารดาทั้งสองศรี
เห็นมาร้องไห้ไม่สมประดีเทวีคิดอัศจรรย์ใจ
ปลอบพลางทางถามมิทันช้าเป็นไรมาโศกศัลย์กันแสงไห้
มีเหตุเภทพาลประการใดน้องรักอยู่ไหนจึงไม่มา
ฯ ๔ คำฯ
๏ เมื่อนั้นสิงหราโศกศัลย์เป็นหนักหนา
จึงเล่าความตามเรื่องไปรับอาแต่ต้นมาจนถึงกลางไพร
ทั้งหกเชษฐากับน้องรักชวนกันหยุดพักในป่าใหญ่
ลูกนี้โฉดเขลาเบาใจลาสังข์ศิลป์ชัยไปหากิน
ครั้นกลับมาไม่เห็นพระน้องชายพากันสูญหายไปหมดสิ้น
ข้าค้นบนเขาเขินเดินดินพบแต่สังข์ศิลป์พระขรรค์ชัย
สุดที่จะคิดติดตามหาไม่รู้ว่าเกิดเข็ญเป็นไฉน
จึงรีบมาทูลแถลงให้แจ้งใจอันโทษตัวลูกไซร้ผิดนัก
ฯ ๘ คำฯ
๏ เมื่อนั้นสองนางพ่างเพียงอกหัก
ชลเนตรฟูมฟองนองพักตร์นงลักษณ์ครวญคร่ำร่ำไร
ฯ ๒ คำฯ โอด
โอ้
๏ โอ้ว่าลูกรักของแม่เอ๋ยแม่เคยเชยชิดพิสมัย
หรือมาพลัดพรากจากไปเพราะเชื่อไอ้กระยาจกทั้งหกคน
อันความคิดของมันแม่รู้เท่าได้ห้ามปรามเจ้าเป็นหลายหน
ช่างไว้เนื้อเชื่อใจไอ้แสนกลมันคนริษยาอาธรรม์
เห็นว่ารับอามาได้แล้วจึงคิดฆ่าลูกแก้วให้อาสัญ
จะได้หน้าได้ตาแต่พวกมันควรหรือจอมขวัญไปหลงรัก
อนิจจาลูกน้อยมาสูญหายจะเป็นตายฉันใดไม่ประจักษ์
สองกรข้อนทรวงเข้าฮักฮักซบพักตร์กันแสงโศกี
ฯ ๘ คำฯ โอด
             

ตอนที่ ๒ ท้าวเสนากุฎเข้าเมือง

             

เชิงอรรถ

ที่มา

บทละครนอกเรื่อง สังข์ศิลป์ชัย สถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ( ขอขอบคุณ คุณพิกุลแก้ว สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน )

เครื่องมือส่วนตัว