บทละครนอกเรื่องสังข์ศิลป์ชัย

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == {{เรียงลำดับ|บทละครนอกรเืองสัง…')
(ตอนที่ ๑ สังข์ศิลป์ชัยตกเหว)
แถว 9: แถว 9:
== บทประพันธ์ ==
== บทประพันธ์ ==
===ตอนที่ ๑ สังข์ศิลป์ชัยตกเหว===
===ตอนที่ ๑ สังข์ศิลป์ชัยตกเหว===
 +
==== ====
<tpoem>
<tpoem>
-
+
ช้า
 +
เมื่อนั้น  ทั้งหกให้คิดริษยา
 +
ต่างซุบซิบกันจำนรรจา  ใครมีปัญญาจงเร่งคิด
 +
แม้นสังข์ศิลป์ชัยได้ไปเฝ้า  เห็นเราหกคนไม่พ้นผิด
 +
ขนมทำมาให้ใส่ยาพิษ  มันไม่กินเหมือนจิตที่คิดไว้
 +
ฯ ๔ คำฯ
 +
 
 +
 
 +
ร่าย
 +
๏ ศรีสันท์จึงว่าไปทันที  วันนี้สิงหราหาอยู่ไม่
 +
ไปเที่ยวหาอาหารที่ในไพร  ทิ้งสังข์ศิลป์ชัยไว้พลับพลา
 +
เราจะยียวนชักชวนมัน  ไปเก็บพรรณผลไม้บนภูผา
 +
ผลักให้ตกเหวมรณา  จึงกลับมาพาพระอาไป
 +
อันนางสุพรรเทวี  จะพันมือพี่ไปที่ไหน
 +
ต่างเห็นชอบชวนกันดีใจ  มาหาสังข์ศิลป์ชัยฉับพลัน
 +
ฯ ๖ คำฯ เพลง
 +
 
 +
 
 +
๏ ลูบหลังลูบหน้าแล้วพาที  เรานี้จะพากันผายผัน
 +
เก็บผลพฤกษาที่เขานั้น  มาให้สุพรรณกับพระอา
 +
ฯ ๒ คำฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ เมื่อนั้น  พระสังข์ได้ฟังไม่กังขา
 +
รับคำทั้งหกพี่ยา  กราบบาทพระอาแล้วว่าไป
 +
ตัวหลานทั้งเจ็ดจะจรดล  ไปเก็บผลพฤกษาที่ใกล้ใกล้
 +
ทั้งสององค์จงอยู่พลับพลาชัย  ประเดี๋ยวใจจะมาให้พร้อมกัน
 +
ว่าแล้วจัดแจงแต่งองค์  พระหัตถ์ทรงสังข์ศรพระแสงขรรค์
 +
ทั้งเจ็ดองค์ลงจากพลับพลาพลัน  เจ้าศรีสันท์นำหน้าคลาไคล
 +
ฯ ๖ คำฯ เชิด
 +
 
 +
 
 +
ชมดง
 +
๏ ชี้ชมรุกขชาติดาษเดียร  เต็งตะเคียนยางยูงสูงไสว
 +
มูกม่วงพวงผลแกว่งไกว  เฟื่องไฟไกรกร่างมะปรางปริง
 +
พระสังข์ศิลป์ชัยหาไม้ง่าม  สอยผลสุกห่ามทุกก้านกิ่ง
 +
ศรีสันท์ก้มเก็บก้อนดินทิ้ง  หล่นร่วงช่วงชิงกันไปมา
 +
บ้างชักเชือกเขาเถาวัลย์  ขึ้นผูกพันกิ่งไทรสาขา
 +
ผลัดกันไกวเล่นเป็นชิงช้า  สรวลสันต์หรรษาสำราญใจ
 +
พากันท่องเที่ยวเลี้ยวลอด  เลียบขึ้นบนยอดเขาใหญ่
 +
ต่างชวนพระสังข์ศิลป์ชัย  เล่นไล่ปิดตาหากัน
 +
ฯ ๘ คำฯ เพลงฉิ่ง
 +
 
 +
 
 +
ร่าย
 +
๏ เมื่อนั้น  ศรีสันท์แสนกลคนขยัน
 +
ทำมารยาว่าแก่พระสังข์พลัน  เจ้าถือศรพระขรรค์ไว้ทำไม
 +
เราจะวิ่งเต้นเล่นสนุก  ฉวยล้มลุกพลาดพลั้งไม่ยั้งได้
 +
จะถูกเนื้อถูกตัวพี่กลัวไป  วางไว้เล่นแล้วจึงมาเอา
 +
ฯ ๔ คำฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ เมื่อนั้น  พระสังข์ศิลป์ชัยไม่รู้เท่า
 +
วางพระขรรค์ศรไว้ด้วยใจเบา  ที่ริมเงื้อมเขาสำคัญตา
 +
แล้วจึงตามพี่ศรีสันท์  ลดเลี้ยวไล่กันบนภูผา
 +
หยิกหยอกหลอกล้อกันไปมา  เกษมสันต์หรรษาทั้งเจ็ดองค์
 +
ฯ ๔ คำฯ เพลงฉิ่ง
 +
 
 +
 
 +
๏ เมื่อนั้น  พระศรีสันท์ครั้นเห็นพระสังข์หลง
 +
พาเที่ยวเลี้ยวเลียบเวียนวง  พบเหวดังประสงค์จำนงนึก
 +
หยิบศิลามาทิ้งลงไปดู  เอียงหูคอยฟังไม่ดังกึก
 +
ชะโงกตามลงไปใจทึกทึก  แลลึกเป็นหมอกมืดมัว
 +
จึงร้องเรียกพระสังข์ศิลป์ชัย  มาดูเหวใหญ่มิใช่ชั่ว
 +
ว่าพลางพรั่งพร้อมเข้าล้อมตัว  อย่ากลัวเลยพี่อยู่นี่แล้ว
 +
ทำชี้โว้ชี้เว้ด้วยเล่ห์กล  ลางคนหลอกลวงว่าดวงแก้ว
 +
ตรงมือนั่นแน่แลแววแวว  เห็นแล้วหรือยังถอยหลังไย
 +
ต่างเข้ายืนเคียงเมียงเขม้น  ครั้งเห็นงวยงงหลงใหล
 +
จึงผลักพระสังข์ศิลป์ชัย  ตกลอยลงไปในเหวนั้น
 +
ฯ ๑๐ คำฯ เชิดฉิ่ง โอด
</tpoem>
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
๏ ต่างคนชื่นชมสมคะเน  หัวเราะร่าวฮาเฮเกษมสันต์
 +
พากันวิ่งกลับมาฉับพลัน  หาศรพระขรรค์ที่วางไว้
 +
ไม่พบเห็นเป็นอัศจรรย์จิต  ต่างคนต่างคิดสงสัย
 +
เถียงกันอื้ออึงคะนึงไป  เมื่อที่ทางจำได้แน่นอน
 +
หาพลางต่างโมโหพาโลกัน  คนนี้ว่าคนนั้นลักซ่อน
 +
ค้นทั้งสองข้างหนทางจร  ไม่ได้ศรพระขรรค์ก็เสียใจ
 +
ศรีสันท์จึงว่าแก่น้องยา  เรากลับไปพระอาจะถามไถ่
 +
ใครอย่าบอกออกความทั้งนี้ไซร้  ซักซ้อมพร้อมใจแล้วไคลคลา
 +
ฯ ๘ คำฯ เชิด
 +
 +
 +
๏ ครั้นถึงพระอาทำหน้าเศร้า  ก้มเกล้ากราบลงตรงหน้า
 +
มิได้แถลงแจ้งกิจจา  ทำก้มพักตร์โศกาสะอื้นไป
 +
ฯ ๒ คำฯ โอด
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  นางเกสรสุมณฑาศรีใส
 +
เห็นหกนัดดาโศกาลัย  หลากใจไต่ถามมิทันช้า
 +
เหตุผลอย่างไรไม่บอกแจ้ง  มาโศกศัลย์กันแสงไยนักหนา
 +
พระสังข์ไปไหนจึงไม่มา  จงแจ้งกิจจาอย่าโศกี
 +
ฯ ๔ คำฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  ทั้งหกพี่น้องทำหมองศรี
 +
เช็ดน้ำตาพลางทางพาที  เมื่อตะกี้หลานพากันเที่ยวไป
 +
พระสังข์น้องรักเฝ้าชักชวน  รบกวนให้พาขึ้นเขาใหญ่
 +
แล้ววิ่งเต้นเล่นแข็งสุดใจ  ห้ามไม่ฟังเลยนะพระอา
 +
ล้วนห้วยเหวเปลวปล่องทั้งสองข้าง  ข้าเดินนำทางไปข้างหน้า
 +
พระสังข์ตามหลังหลานมา  ประเดี๋ยวเหลียวหาก็หายไป
 +
ข้าทั้งหกคนเที่ยวค้นทั่ว  จะพบตัวน้องยาก็หาไม่
 +
แม้ตกเหวเหล่านั้นเห็นบรรลัย  หรือจะเป็นกระไรไม่แจ้งการณ์
 +
ฯ ๘ คำฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  นางเกสรสุมณฑาฟังว่าขาน
 +
ทั้งนางสุพรรณนงคราญ  ปิ้มปานชีวันจะบรรลัย
 +
ต่างตระหนกอกสั่นขวัญหาย  ฟูมฟายชลเนตรหลั่งไหล
 +
จึงว่าแก่นัดดายาใจ  ไปเล่นถึงไหนอย่างอำพราง
 +
จงพาอาไปเที่ยวค้นดู  เกลือกจะหลงอยู่ในป่ากว้าง
 +
แล้วลงจากพลับพลาทั้งสองนาง  ศรีสันท์นำทางจรจรัส
 +
ฯ ๖ฯ เพลง
 +
๏ เมื่อนั้น  ทั้งหกแสนกลคนขยัน
 +
ครั้นถึงคีรีที่สำคัญ  ทำโศกศัลย์ทูลองค์พระเจ้าอา
 +
พระสังข์ศิลป์ชัยมาสูญหาย  ที่ทางแคบเหวรายทั้งซ้ายขวา
 +
หลานทั้งหกทุกคนเที่ยวค้นหา  ที่เหล่านี้หนักหนาไม่พบพาน
 +
ฯ ๔  คำฯ เจรจา
 +
 +
 +
โอ้ร่าย
 +
๏ เมื่อนั้น  นางเกสรสุมณฑายิ่งสงสาร
 +
รุ่มร้อนหฤทัยดังไฟกาฬ  เยาวมาลย์ลดเลี้ยวเที่ยวมา
 +
ค่อยย่องเหยียบเลียบลัดไปนอกทาง  สองนางเรียกร้องแล้วมองหา
 +
ไม่ประสบพบองค์พระนัดดา  กัลยาครวญคร่ำร่ำไร
 +
โอ้ว่าพระสังข์ศิลป์ชัยเอ๋ย  ไม่มาหาอาเลยไปอยู่ไหน
 +
หรือว่าผีสางที่กลางไพร  ซ่อนพระสังข์ไว้กระมังนา
 +
ขอให้พบพานพระหลานรัก  จะบวงสรวงเซ่นวักให้หนักหนา
 +
ร่ำพลางนางทรงโศกา  ปิ้มว่าโฉมฉายจะวายปราณ
 +
ฯ ๘ คำฯ โอด
 +
 +
 +
ร่าย
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าศรีสันทาจึงว่าขาน
 +
จะโศกศัลย์อยู่เห็นไม่เป็นการ  เราคิดอ่านแยกย้ายรายกัน
 +
เจ้าชาติจงไปด้วยพระอา  นางสุพรรณกับข้ามาผายผัน
 +
เจ้าทั้งสี่นี้แยกไปทางนั้น  ช่วยกันดั้นด้นคว้า
 +
และทำชะเง้อดูเงี่ยหูฟัง  เอ๊ะเสียงพระสังข์ร้องเรียกหา
 +
ออกชื่อเจ้าสุพรรณกัลยา  เร็วเถิดอย่าช้ามาจะไป
 +
ฯ ๖ คำฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  นางสุพรรณยินดีจะมีไหน
 +
จะใคร่พบพระสังข์ศิลป์ชัย  ก็เดินตามไปไม่คิดแคลง
 +
ฯ ๒ คำฯ เพลง
 +
</tpoem>
 +
==== ====
 +
===ตอนที่ ๒ ท้าวเสนากุฎเข้าเมือง===
===ตอนที่ ๒ ท้าวเสนากุฎเข้าเมือง===
<tpoem>
<tpoem>

การปรับปรุง เมื่อ 09:21, 16 สิงหาคม 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

บทประพันธ์

ตอนที่ ๑ สังข์ศิลป์ชัยตกเหว

ช้า
๏ เมื่อนั้นทั้งหกให้คิดริษยา
ต่างซุบซิบกันจำนรรจาใครมีปัญญาจงเร่งคิด
แม้นสังข์ศิลป์ชัยได้ไปเฝ้าเห็นเราหกคนไม่พ้นผิด
ขนมทำมาให้ใส่ยาพิษมันไม่กินเหมือนจิตที่คิดไว้
ฯ ๔ คำฯ
ร่าย
๏ ศรีสันท์จึงว่าไปทันทีวันนี้สิงหราหาอยู่ไม่
ไปเที่ยวหาอาหารที่ในไพรทิ้งสังข์ศิลป์ชัยไว้พลับพลา
เราจะยียวนชักชวนมันไปเก็บพรรณผลไม้บนภูผา
ผลักให้ตกเหวมรณาจึงกลับมาพาพระอาไป
อันนางสุพรรเทวีจะพันมือพี่ไปที่ไหน
ต่างเห็นชอบชวนกันดีใจมาหาสังข์ศิลป์ชัยฉับพลัน
ฯ ๖ คำฯ เพลง
๏ ลูบหลังลูบหน้าแล้วพาทีเรานี้จะพากันผายผัน
เก็บผลพฤกษาที่เขานั้นมาให้สุพรรณกับพระอา
ฯ ๒ คำฯ
๏ เมื่อนั้นพระสังข์ได้ฟังไม่กังขา
รับคำทั้งหกพี่ยากราบบาทพระอาแล้วว่าไป
ตัวหลานทั้งเจ็ดจะจรดลไปเก็บผลพฤกษาที่ใกล้ใกล้
ทั้งสององค์จงอยู่พลับพลาชัยประเดี๋ยวใจจะมาให้พร้อมกัน
ว่าแล้วจัดแจงแต่งองค์พระหัตถ์ทรงสังข์ศรพระแสงขรรค์
ทั้งเจ็ดองค์ลงจากพลับพลาพลันเจ้าศรีสันท์นำหน้าคลาไคล
ฯ ๖ คำฯ เชิด
ชมดง
๏ ชี้ชมรุกขชาติดาษเดียรเต็งตะเคียนยางยูงสูงไสว
มูกม่วงพวงผลแกว่งไกวเฟื่องไฟไกรกร่างมะปรางปริง
พระสังข์ศิลป์ชัยหาไม้ง่ามสอยผลสุกห่ามทุกก้านกิ่ง
ศรีสันท์ก้มเก็บก้อนดินทิ้งหล่นร่วงช่วงชิงกันไปมา
บ้างชักเชือกเขาเถาวัลย์ขึ้นผูกพันกิ่งไทรสาขา
ผลัดกันไกวเล่นเป็นชิงช้าสรวลสันต์หรรษาสำราญใจ
พากันท่องเที่ยวเลี้ยวลอดเลียบขึ้นบนยอดเขาใหญ่
ต่างชวนพระสังข์ศิลป์ชัยเล่นไล่ปิดตาหากัน
ฯ ๘ คำฯ เพลงฉิ่ง
ร่าย
๏ เมื่อนั้นศรีสันท์แสนกลคนขยัน
ทำมารยาว่าแก่พระสังข์พลันเจ้าถือศรพระขรรค์ไว้ทำไม
เราจะวิ่งเต้นเล่นสนุกฉวยล้มลุกพลาดพลั้งไม่ยั้งได้
จะถูกเนื้อถูกตัวพี่กลัวไปวางไว้เล่นแล้วจึงมาเอา
ฯ ๔ คำฯ
๏ เมื่อนั้นพระสังข์ศิลป์ชัยไม่รู้เท่า
วางพระขรรค์ศรไว้ด้วยใจเบาที่ริมเงื้อมเขาสำคัญตา
แล้วจึงตามพี่ศรีสันท์ลดเลี้ยวไล่กันบนภูผา
หยิกหยอกหลอกล้อกันไปมาเกษมสันต์หรรษาทั้งเจ็ดองค์
ฯ ๔ คำฯ เพลงฉิ่ง
๏ เมื่อนั้นพระศรีสันท์ครั้นเห็นพระสังข์หลง
พาเที่ยวเลี้ยวเลียบเวียนวงพบเหวดังประสงค์จำนงนึก
หยิบศิลามาทิ้งลงไปดูเอียงหูคอยฟังไม่ดังกึก
ชะโงกตามลงไปใจทึกทึกแลลึกเป็นหมอกมืดมัว
จึงร้องเรียกพระสังข์ศิลป์ชัยมาดูเหวใหญ่มิใช่ชั่ว
ว่าพลางพรั่งพร้อมเข้าล้อมตัวอย่ากลัวเลยพี่อยู่นี่แล้ว
ทำชี้โว้ชี้เว้ด้วยเล่ห์กลลางคนหลอกลวงว่าดวงแก้ว
ตรงมือนั่นแน่แลแววแววเห็นแล้วหรือยังถอยหลังไย
ต่างเข้ายืนเคียงเมียงเขม้นครั้งเห็นงวยงงหลงใหล
จึงผลักพระสังข์ศิลป์ชัยตกลอยลงไปในเหวนั้น
ฯ ๑๐ คำฯ เชิดฉิ่ง โอด
             

๏ ต่างคนชื่นชมสมคะเนหัวเราะร่าวฮาเฮเกษมสันต์
พากันวิ่งกลับมาฉับพลันหาศรพระขรรค์ที่วางไว้
ไม่พบเห็นเป็นอัศจรรย์จิตต่างคนต่างคิดสงสัย
เถียงกันอื้ออึงคะนึงไปเมื่อที่ทางจำได้แน่นอน
หาพลางต่างโมโหพาโลกันคนนี้ว่าคนนั้นลักซ่อน
ค้นทั้งสองข้างหนทางจรไม่ได้ศรพระขรรค์ก็เสียใจ
ศรีสันท์จึงว่าแก่น้องยาเรากลับไปพระอาจะถามไถ่
ใครอย่าบอกออกความทั้งนี้ไซร้ซักซ้อมพร้อมใจแล้วไคลคลา
ฯ ๘ คำฯ เชิด
๏ ครั้นถึงพระอาทำหน้าเศร้าก้มเกล้ากราบลงตรงหน้า
มิได้แถลงแจ้งกิจจาทำก้มพักตร์โศกาสะอื้นไป
ฯ ๒ คำฯ โอด
๏ เมื่อนั้นนางเกสรสุมณฑาศรีใส
เห็นหกนัดดาโศกาลัยหลากใจไต่ถามมิทันช้า
เหตุผลอย่างไรไม่บอกแจ้งมาโศกศัลย์กันแสงไยนักหนา
พระสังข์ไปไหนจึงไม่มาจงแจ้งกิจจาอย่าโศกี
ฯ ๔ คำฯ
๏ เมื่อนั้นทั้งหกพี่น้องทำหมองศรี
เช็ดน้ำตาพลางทางพาทีเมื่อตะกี้หลานพากันเที่ยวไป
พระสังข์น้องรักเฝ้าชักชวนรบกวนให้พาขึ้นเขาใหญ่
แล้ววิ่งเต้นเล่นแข็งสุดใจห้ามไม่ฟังเลยนะพระอา
ล้วนห้วยเหวเปลวปล่องทั้งสองข้างข้าเดินนำทางไปข้างหน้า
พระสังข์ตามหลังหลานมาประเดี๋ยวเหลียวหาก็หายไป
ข้าทั้งหกคนเที่ยวค้นทั่วจะพบตัวน้องยาก็หาไม่
แม้ตกเหวเหล่านั้นเห็นบรรลัยหรือจะเป็นกระไรไม่แจ้งการณ์
ฯ ๘ คำฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นนางเกสรสุมณฑาฟังว่าขาน
ทั้งนางสุพรรณนงคราญปิ้มปานชีวันจะบรรลัย
ต่างตระหนกอกสั่นขวัญหายฟูมฟายชลเนตรหลั่งไหล
จึงว่าแก่นัดดายาใจไปเล่นถึงไหนอย่างอำพราง
จงพาอาไปเที่ยวค้นดูเกลือกจะหลงอยู่ในป่ากว้าง
แล้วลงจากพลับพลาทั้งสองนางศรีสันท์นำทางจรจรัส
ฯ ๖ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้นทั้งหกแสนกลคนขยัน
ครั้นถึงคีรีที่สำคัญทำโศกศัลย์ทูลองค์พระเจ้าอา
พระสังข์ศิลป์ชัยมาสูญหายที่ทางแคบเหวรายทั้งซ้ายขวา
หลานทั้งหกทุกคนเที่ยวค้นหาที่เหล่านี้หนักหนาไม่พบพาน
ฯ ๔      คำฯ เจรจา
โอ้ร่าย
๏ เมื่อนั้นนางเกสรสุมณฑายิ่งสงสาร
รุ่มร้อนหฤทัยดังไฟกาฬเยาวมาลย์ลดเลี้ยวเที่ยวมา
ค่อยย่องเหยียบเลียบลัดไปนอกทางสองนางเรียกร้องแล้วมองหา
ไม่ประสบพบองค์พระนัดดากัลยาครวญคร่ำร่ำไร
โอ้ว่าพระสังข์ศิลป์ชัยเอ๋ยไม่มาหาอาเลยไปอยู่ไหน
หรือว่าผีสางที่กลางไพรซ่อนพระสังข์ไว้กระมังนา
ขอให้พบพานพระหลานรักจะบวงสรวงเซ่นวักให้หนักหนา
ร่ำพลางนางทรงโศกาปิ้มว่าโฉมฉายจะวายปราณ
ฯ ๘ คำฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นเจ้าศรีสันทาจึงว่าขาน
จะโศกศัลย์อยู่เห็นไม่เป็นการเราคิดอ่านแยกย้ายรายกัน
เจ้าชาติจงไปด้วยพระอานางสุพรรณกับข้ามาผายผัน
เจ้าทั้งสี่นี้แยกไปทางนั้นช่วยกันดั้นด้นคว้า
และทำชะเง้อดูเงี่ยหูฟังเอ๊ะเสียงพระสังข์ร้องเรียกหา
ออกชื่อเจ้าสุพรรณกัลยาเร็วเถิดอย่าช้ามาจะไป
ฯ ๖ คำฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นนางสุพรรณยินดีจะมีไหน
จะใคร่พบพระสังข์ศิลป์ชัยก็เดินตามไปไม่คิดแคลง
ฯ ๒ คำฯ เพลง
             

ตอนที่ ๒ ท้าวเสนากุฎเข้าเมือง

             

เชิงอรรถ

ที่มา

บทละครนอกเรื่อง สังข์ศิลป์ชัย สถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ( ขอขอบคุณ คุณพิกุลแก้ว สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน )

เครื่องมือส่วนตัว