พ่อแม่รังแกฉัน

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == {{เรียงลำดับ|พอมแรังแกฉัน}} [[หมวด…')
แตกต่างถัดไป →

การปรับปรุง เมื่อ 16:47, 10 สิงหาคม 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: พระยาอุปกิตศิลปสาร

บทประพันธ์

๏ มีซินแสแก่เฒ่าได้เล่าไข
ถึงเรื่องงิ้วว่าเล่นกันเช่นไรมีข้อใหญ่นั้นก็เป็นเช่นละคร
แต่ข้อหนึ่งแกเล่าเขาประสงค์มุ่งจำนงในข้างเป็นทางสอน
ชี้ทางธรรม์มรรยาทแก่ราษฎรเหมือนละครสุภาษิตไม่ผิดกัน
เราบวชนาคโกนจุกในยุคก่อนมีกล่าวกลอนเพราะพริ้งทำมิ่งขวัญ
การขันหมากยุคเก่าท่านเล่ากันมีสวดฉันท์เรียกว่าสวดมาไลย์
เค้าก็คือท่านหวังจะสั่งสอนแต่ผันผ่อนตามนิยมสมสมัย
มีเฮฮาพาสนุกเครื่องปลุกใจสมกับได้มีงานการมงคล
ในหมู่บ้านย่านกลางเมื่อปางก่อนมีโรงสอนธรรมทานการกุศล
เพื่อเป็นเครื่องเรืองปัญญาประชาชนในตำบลอัตคัตไกลวัดวา
เรียกศาลาโรงธรรมประจำบ้านเหมือนสถานที่ฝึกทางศึกษา
บางคราวมีการกุศลปนเฮฮาเพื่อให้พาเพลิดเพลินเจริญใจ
ฝ่ายจีนเขาได้มีอย่างที่ว่าเอางิ้วมาฝึกหัดดัดนิสัย
ย่อมดูดดื่มซึมซาบปลาบปลื้มใจเหมือนอย่างได้รู้เห็นที่เป็นจริง
งิ้วเรื่องหนึ่งแกเล่าครั้งเยาว์อยู่ได้ไปดูจำไว้ได้ทุกสิ่ง
เกาะในจิตติดแน่นแม้นกับปลิงเลยเป็นสิ่งสอนใจจนใหญ่มา
ตามเรื่องนั้นว่ามีเศรษฐีหนึ่งเป็นคนซึ่งสูงชาติวาสนา
มีทรัพย์สินเหลือล้นคณนามีบ้างช่องแน่นหนาด้วยข้าไท
ท่านเศรษฐีมีบุตรสุดที่รักแกฟูมฟักใฝ่จิตพิสมัย
บุตรคนเดียวแสนจะห่วงดังดวงใจหวังจะให้สืบวงศ์ดำรงไป
มีโรงเรียนไกลบ้านอาจารย์สอนกลัวลูกอ่อนลำบากไม่พรากได้
อุตส่าห์จ้างครูบามาแต่ไกลให้สอนในบ้านตนสู้ปรนปรือ
ฝ่ายลูกเรียนผู้เดียวให้เปลี่ยวจิตมักเบือนบิดเบื่อชังเรื่องหนังสือ
อยากได้เพื่อนพูดจาและหารือพ่อก็อือออตามด้วยความรัก
เกณฑ์พวกเด็กในบ้านให้อ่านด้วยก็เพื่อช่วยชวนใจให้สมัคร
ครั้นมีเพื่อนเรียนล้อมอยู่พร้อมพรักกลับชวนชักเล่นกันไม่หมั่นเรียน
ครูก็ดีจี้ไชมิได้หยุดแกเห็นสุดเอาใจจึงได้เฆี่ยน
หวังให้กลัวอาญาตั้งหน้าเพียรแต่กลับเพี้ยนผิดคาดถึงขาดกัน
คือบุตรท่านเศรษฐีหนีไปหาพ่อฟ้องว่า ครูนี้แกตีฉัน
ปลอบให้เรียนก็ไม่ไปจนใจครันต้องเป็นอันเลิกกับครูที่อยู่มา
อุตส่าห์จ้างครูใหม่ตามใจลูกแต่ไม่ถูกใจบุตรสุดจะหา
ครูคนนั้นฉันเข็ดไม่เมตตาคนนี้ว่าจู้จี้พิรี้พิไร
แต่เปลี่ยนครูอยู่ฉะนี้ไม่มีเหมาะมักทะเลาะเลิกเรียนต้องเปลี่ยนใหม่
พวกครูๆ เข็ดกลัวกันทั่วไปถึงจะให้เงินมากไม่อยากเอา
บิดาผู้รักบุตรสุดจะกลุ้มลูกเป็นหนุ่มใหญ่โตยังโง่เง่า
เที่ยวจ้างครูอยู่ห่างต่างลำเนาค่าจ้างเท่าไรนั้นไม่พรั่นกลัว
แต่ก็ไม่ยืดไปเท่าไรนักประเดี๋ยวชักเหหันต้องสั่นหัว
เผอิญมาปะครูที่รู้ตัวแกหวังชั่วค่าสอนสู้ผ่อนตาม
ศิษย์จะรู้เท่าไรไม่ธุระชื่อเสียงจะเสียไปก็ไม่ขาม
ศิษย์ผู้ใดตั้งหน้าพยายามสอนให้ตามแต่รักสมัครเรียน
ครูคนนี้ถูกใจอยู่ได้ยืดถึงจะจืดจางการเรื่องอ่านเขียน
ก็ถูกจิตศิษย์ตนย่อมวนเวียนอยู่จำเนียรโตใหญ่ไร้วิชา
ฝ่ายพ่อแม่รักบุตรสุดจะรักบุตรสมัครทางไหนมิได้ว่า
ใช้เงินทองกอบกำไม่นำพาอยู่ไม่ช้าแกก็ตายทำลายชนม์
ทรัพย์สมบัติมรดกตกแก่ลูกไม่ต้องปลูกเปลืองแรงแสวงผล
มีเพื่อนมาฮาฮือนับถือตนเฝ้าแต่ขนทรัพย์จ่ายสบายจริง
เอาอะไรได้ทุกอย่างช่างสะดวกจะหยิบหมวกหมวกรี่เหมือนผีสิง
ทุกอย่างรู้เอาใจไม่ประวิงดูเหมือนชิงกันมาคราต้องการ
ไม่ช้านักทรัพย์ลดหมดสะดวกจะหยิบหมวกหมวกกระเดียดข้างเกียจคร้าน
ถ้าเผลอหน่อยคอยหนีตะลีตะลานวิ่งเข้าร้านโรงจำนำไม่อำลา
เพื่อนทั้งมวลล้วนหายเหมือนตายจากที่มีมากคือสหายพวกนายหน้า
บ้านของท่านขายเท่าไร? ให้ราคาผมช่วยค้าขายให้ด้วยไมตรี
เพื่อนสนุกพลุกพล่านขายบ้านช่องพอเงินทองหมดเรียบก็เงียบจี๋
ต่อนี้ไปใครเยือนคือเพื่อนดีไม่เช่นนี้เพื่อนโหล่โง่ระยำ
บุตรเศรษฐีเป็นมาถึงครานี้ไม่เห็นมีมิตรสหายมากรายกล้ำ
ผิวผู้ดีมีกระดากพะอากพะอำจะคิดทำการอะไรก็ไม่เป็น
ต้องตรำตรากจากย่านถิ่นบ้านเก่าขอทานเขาเลี้ยงตนด้วยข้นเข็ญ
พักสถานศาลเจ้าทุกเช้าเย็นค่อยคิดเห็นโทษตัวที่ชั่วมา
คิดถึงเรื่องเก่าแก่พ่อแม่รักสู้ฟูมฟักใฝ่ฝึกให้ศึกษา
ตามใจลูกเหลือล้นคณนาทุกสิ่งสารพัดไม่ขัดใจ
คิดถึงครูผู้สอนแต่ก่อนเก่าบางคนเฝ้าฝึกฝนพ้นวิสัย
บางคนเฝ้าจู้จี้พิรี้พิไรไม่ถูกใจฟ้องพ่อก็อออือ
จนเหลวไหลได้เข็ญถึงเช่นนี้พ่อแม่ที่รักลูกทำถูกหรือ
สิ่งใดพาเสียคนกลับปรนปรือร้องไห้ฮือบ่นว่าเหมือนบ้าบอ
วันหนึ่งไปถึงถิ่นบ้านซินแสก็เดินแร่เข้าไปหาตรงหน้าหมอ
ร้องขอทานทันทีไม่รีรอฝ่ายท่านหมอมองหน้าไม่ว่าไร
ลงท้ายแกกลอกหน้าหาว่าหลอกเฮ้ย. เจ้าวอกเอ็งอย่ามาไถล
หลอกดูลูกสาวข้าหรือว่าไรหรือเข้าใจว่ากูไม่รู้ที
ข้าหมอดูรู้จักลักษณะอย่างมึงน่ะบอกเพศเป็นเศรษฐี
รูปลักษณ์พักตร์เจ้าเผ่าผู้ดีทำเช่นนี้ตั้งใจอย่างไรกัน
ลูกเศรษฐีฟังว่าน้ำตาหลั่งตอบเสียงดัง "พ่อแม่รังแกฉัน!"
ร้องไห้โฮซบหน้าพลางจาบัลย์คนบ้านนั้นต่างพากันมาดู
ท่านเจ้าข้า! พ่อแม่รังแกฉันเขาใฝ่ฝันฟูมฟักฉันอักขู
ฉันทำผิดคิดระยำกลับค้ำชูจะว่าผู้รักลูกถูกหรือไร
ท่านทายฉันนั้นถูกลูกเศรษฐีผู้กลีเลวกว่าบรรดาไพร่
ซึ่งยังรู้กอบการงานใด ๆเลี้ยงชีพได้เพียงพอไม่ขอทาน
โอ๊ย! ยิ่งเล่ายิ่งช้ำระกำเหลือโปรดจุนเจือเถอะท่านหมอขอข้าวสาร
เหมือนช่วยชีพข้าเจ้าให้เนานานจักเป็นการบุญล้นมีผลงาม
ฝ่ายท่านหมอฟังเล่าสิ้นเค้าเงื่อนแกจึงเอื้อนโอษฐ์มีวจีถาม
ข้าฟังเจ้าเล่าไปก็ได้ความจึงเห็นตามพ่อแม่รังแกตรง
เข็ดหรือไม่ใครรังแกอย่างแม่พ่อหรือว่าพอทนดอกบอกประสงค์
โอ๊ย! หนเดียวชีวิตแทบปลิดปลงถ้าซ้ำสองต้องลงอวิจี
อย่ารังแกอีกเลยลูกเคยเข็ดขอจงเมตตาเถิดประเสริฐศรี
ท่านหมอฟังยิ้มเยื้อนเอื้อนวจีเจ้าว่าดีสมจริงทุกสิ่งอัน
ข้าไม่อยากรังแกเช่นแม่พ่อที่เจ้าขอข้าไม่อ่อนตามผ่อนผัน
แม้เจ้าขอสิ่งใดข้าให้ปันก็เป็นอันข้าทำซ้ำรังแก
เจ้าจะตกอวิจีไม่ดีดอกเจ้าจะออกปากพ้ออย่างพ่อแม่
ลูกเศรษฐีตกตะลึงทะลึ่งแลโอ๊ย! ผมแย่ถูกล่อลงบ่อตม
เมื่อไม่ให้ใครจะว่าเจ้าข้าเอ๋ยนี่กลับเย้ยยกคำทิ่มตำผม
จะไล่ไปก็ไม่ไล่ให้ระทมว่าแล้วซมซานกลับด้วยคับใจ
หมอขยับจับบ่าช้าซีเจ้าคำที่เล่าบอกข้าน่าเลื่อมใส
พ่อแม่รักลูกผิดชนิดไรเขาก็ได้ทุกข์ถมจนล้มตาย
เวลานั้นตัวเจ้ายังเยาว์อยู่จึงไม่รู้ยั้งตนจนฉิบหาย
เดี๋ยวนี้เจ้ารู้สึกสำนึกกายจงขวนขวายฝึกหัดดัดสันดาน
ข้าจักเป็นพ่อแม่ช่วยแก้ให้ต้องตามใจแต่ข้าจะว่าขาน
ถ้ายอมตามข้าว่าไม่ช้านานจักไม่ต้องขอทานเขาต่อไป
ลงท้ายลูกเศรษฐียินดีรับไปอยู่กับซินแสแก้นิสัย
ไม่ว่ามีกิจการสถานใดแกใช้ให้ทำสิ้นจนชินการ
แกปรานีจี้ไชด้วยใจรักจนรู้จักค้าขายหลายสถาน
อยู่กับหมอต่อมาไม่ช้านานก็พ้นการทุรพลเป็นคนแคลน
ชาวเราเอ๋ยพ่อแม่มุ่งแต่รักสู้ฟูมฟักในบุตรนั้นสุดแสน
แต่ความรักมักเดินจนเกินแกนเลยเข้าแดนทุกข์ถมระทมกาย
ดังเศรษฐีรักบุตรสุดสวาทบุตรอุบาทว์มิได้รักสมัครหมาย
เอาแต่ใจใฝ่ตามความสบายพ่อแม่ตายก็เพราะตรมระทมใจ
ยังมิหนำซ้ำว่าด่ากระดูกหาว่าถูกพ่อแม่รังแกได้
แต่ชาวเราเนาเขตประเทศไทยคงจะไม่พบปะขอประกัน
เพราะพระราชบัญญัติอุบัติแล้วเหมือนดวงแก้วส่องสว่างทางสวรรค์
บังคับให้ศึกษาทั่วหน้ากันพระคุณธรรม์ข้อนี้ไม่มีเทียม
ที่สุดนี้ชาวเราน้อมเกล้าฯ นบพระจอมภพภูบดินทร์พระปิ่นเสียม
พระปลุกใจไทยทั่วตั้งตัวเตรียมทุกอย่างเยี่ยมยิ่งคุณวิบุลเอย ฯ
             

เชิงอรรถ

ที่มา

เครื่องมือส่วนตัว