à¸à¸´à¸¥à¸£à¸²à¸Šà¸„ำฉันท์
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(→๑) |
(→๓) |
||
แถว 148: | แถว 148: | ||
===๓=== | ===๓=== | ||
<tpoem> | <tpoem> | ||
- | ๏ | + | <sup>วสันตติลกฉันท์ ๑๔</sup> |
+ | ๏ ยังมีบรมนฤปนาถ อิลราชสมัญขาน | ||
+ | ทรงพลหิรัฐสุรฐาน สุประเทศสถาพร | ||
+ | |||
+ | ๏ โอรสพระกรรทมประชา ปติพรหมบุตรขจร | ||
+ | เจิดคุณธรรมมิกบวร ทศพิธเพียบเพ็ญ | ||
+ | |||
+ | ๏ เมตตาประชากรสโม- สรสุขสลายเข็ญ | ||
+ | ทั่วรัฐมณฑลก็เย็น สิรราษฎร์สเริงรมย์ | ||
+ | |||
+ | ๏ รักษ์ราษฎร์ก็เล่หปิยบุตร นรสุดประสาทสม | ||
+ | ซ้องศัพท์เกริกกิติอุดม วรเดชกระเดื่องแดน | ||
+ | |||
+ | ๏ ปราบได้ณไกวลประเทศ ทศทิศก็เกรงแกลน | ||
+ | กลอกเกล้าและหนาวภยมิแคลน วรฤทธิเรืองรณ | ||
+ | |||
+ | ๏ เรืองรองพระมนทิรพิจิตร กลพิศพิมานบน | ||
+ | ก่องแก้วและกาญจนระคน รุจิเรขอลงกรณ์ | ||
+ | |||
+ | ๏ ช่อฟ้าก็เฟื้อยกลจะฟัด ดลฟากทิฆัมพร | ||
+ | บราลีพิไลพิศบวร นภศูลสล้างลอย | ||
+ | |||
+ | ๏ เชิงบัทม์พระบัญชรเขบ็จ มุขเด็จก็พราวพลอย | ||
+ | เพดานก็ดารกพะพรอย พิศเพียงนภาพลาม | ||
+ | |||
+ | ๏ สิงหาสน์จรูญจตุรมุข บมิแผกพิมานงาม | ||
+ | พื้นภาพอำพนพิพิธตาม ตะละเนื่องพนังนอง | ||
+ | |||
+ | ๏ ภาพครุฑก็ยุดอุรคแผ่ กรเพียงจะผาดผยอง | ||
+ | เทพนมขนัดกษณะมอง มรุเทพทิพาลัย | ||
+ | |||
+ | ๏ เบื้องบรรจถรณทิพอาส- นก็เอี่ยมอุไรไพ- | ||
+ | จิตรลายจำหลักฉลุพิไล- ยพิลาสลดามาลย์ | ||
+ | |||
+ | ๏ ชั้นฉัตรสกาวทุกุลพัสตร์ รุจิรัตน์อลังการ | ||
+ | เขนยขนนระคนบุษปปาน รสทิพย์ประเทืองใจ | ||
+ | |||
+ | ๏ เนืองแน่นอนงค์นิกรนาฏ ทะนุบาทบำเรอไท | ||
+ | เฉิดโฉมประโลมกมลใคร ยลพิศก็พิศวง | ||
+ | |||
+ | ๏ แน่งนางประหนึ่งวรสุราง- คสะอางสะอาดองค์ | ||
+ | ร่ายเรียงบำเรออมรทรง สุรภาพพิมานเมือง | ||
+ | |||
+ | ๏ ราชูประโภคปริโภ- คพิพัฒนนองเนือง | ||
+ | สมบัติสมบุรณเรือง วรราชภิรมย์ชม | ||
+ | |||
+ | ๏ ปราการก็ปรากฎสุเม- รุสิเนรุเปรียบสม | ||
+ | นางจรัลและโดรณสดม- ภอธึกทะงันเงย | ||
+ | |||
+ | ๏ ป้อมค่ายระรายธุชประฎาก สุประดิษฐ์ดำกลเกย | ||
+ | ในบานทวารวิมลเผย ผิวหับสนิทเนียน | ||
+ | |||
+ | ๏ หอยุทธ์ก็เย้ยริปุประยุทธ์ อริยลณพาเหียร | ||
+ | เหือดเหี้ยมกำแหงหิริระเมียร มลฮึกอหังการ | ||
+ | |||
+ | ๏ มากมวลอมาตย์นิกรเส- วกราชกำลังหาญ | ||
+ | พฤนทาพลากรแสะสาร สุรฤทธิเริงรณ | ||
+ | |||
+ | ๏ ผาสุกสนุกนครขัณ- ฑสิมาสุมณฑล | ||
+ | บำเทิงระเริงหทยชน ทิชชาติประชุมชี | ||
+ | |||
+ | ๏ แซ่ศัพท์ผสานดุริยสัง- คิตพาทยเภรี | ||
+ | สรบสิ่งประดาประดุจศรี สุรโลกชะลอลง | ||
+ | |||
+ | ๏ ปางดลวสันตอุตุแสน จะเกษมณแดนดง | ||
+ | ดาษรุกข์ระดื่นดฤณบง ระบุบัตรขจีงาม | ||
+ | |||
+ | ๏ แถวธารละหานศิขรหลาก ชลหลั่งละลุ่มหลาม | ||
+ | มั่วมวลละมั่งมฤคตาม วนสณฑ์สะเริงไพร | ||
+ | |||
+ | ๏ ราชาพระปรารภประพาส พิศเพื่อภิรมย์ใน | ||
+ | แห่งห้องพระหาวนพิไล มิคล่าประลองกร | ||
+ | |||
+ | ๏ โองการประกาศนิกรเส- วกโดยเสด็จดอน | ||
+ | มวลหมู่อมาตยสลอน พลถ้วนทหารหาญ | ||
+ | |||
+ | ๏ ตรวจเตรียมพลากรพหล ตะละตนก็เชี่ยวชาญ | ||
+ | ม้ารถและคชวรยาน ระแทะเทียบสะเทื้อนดิน | ||
+ | |||
+ | ๏ พลคชก็คือสุรคเชน- ทรไอยราอินทร์ | ||
+ | ชำนนชำนาญชำนะอริน- ทรล้วนชโลมมัน | ||
+ | |||
+ | ๏ พลม้าพลาหกผยอง ดุจล่องจะลอยสวรรค์ | ||
+ | พลรถก็ล้วนรถสุพรรณ ระแทะธุชปลิวปลาย | ||
+ | |||
+ | ๏ พลราบก็รุ่นทหระว่อง วยคล่องตะกอกาย | ||
+ | ล้วนโล่หโตมรก็ทาย ธนุแล่นกำแหงรณ | ||
+ | |||
+ | ๏ สรรพศาสตรอาวุธทิพา วุธเทิดประเทืองมนตร์ | ||
+ | สำหรับพเนจรผจญ ก็สะพราดสะพรึงเพรียง | ||
+ | |||
+ | ๏ เริงร้องคะนองนิกรพล ผิวเพิกไผทเอียง | ||
+ | เอิกอึงอุฆษสุรก็เพียง ปฐพีถล่มลาญ | ||
+ | |||
+ | ๏ ครั้งถึงสมัยมหุดิฤกษ์ อดิเรกอุดมวาร | ||
+ | จอมราชก็ยาตรวนสถาน ทุรรัถยาดล | ||
+ | |||
+ | ๏ แดนไพรพิศาลศิขรเขิน ทุมเนินพนาสนฑ์ | ||
+ | ปักษาคณามฤคยล ก็ยะยั่วยะยวนชม ฯ | ||
+ | |||
</tpoem> | </tpoem> | ||
+ | |||
===๔=== | ===๔=== | ||
<tpoem> | <tpoem> |
การปรับปรุง เมื่อ 05:27, 9 สิงหาคม 2552
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
ผู้แต่ง: พระยาศรีสุนทรโวหาร (ผัน สาลักษณ)
พระราชนิพนธ์คำนำ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
หนังสืออิลราชคำฉันท์นี้ จะว่าได้เกิดมีขึ้นเพราะข้าพเจ้ายุยงก็ได้ ที่ว่ายุยงนั้น เพราะข้าพเจ้าได้ทราบอยู่ว่าหลวงสารประเสริฐ (พระยาศรีสุนทรโวหาร [ผัน สาลักษณ]) เป็นผู้มีฝีปากแต่งหนังสือเห็นกาพย์กลอนได้อยู่ ดังมีพยานปรากฎอยู่ทีเรื่อง ปัญจสิงขรคำกลอน กับฉันท์และกลอนเบ็ดเตล็ดต่างๆ ข้าพเจ้าได้อ่านแล้วก็เห็นว่า มีจินตกวีเกิดขึ้นในหมู่คนไทยชั้นหนุ่มอีกแล้ว แต่ข้าพเจ้าวิตกอยู่ว่า ถ้าไม่คอยระวัง กลัวหลวงสารประเสริฐจะใช้ความสามารถของตนนั้น เพื่อแต่งหนังสืออันไม่เป็นแก่นสาร
ในสมัยตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ ๕ มา ข้าพเจ้ามีความเสียใจที่ได้สังเกตเห็นว่า ฝีปากผู้แต่งกาพย์กลอนเลวลงกว่าในต้นรัชกาลที่ ๕ นั้น เป็นอันมาก เพราะพอใจแต่งแผลงอวดดีไปว่าใช้โวหารอย่างใหม่ ซึ่งมีคนบางจำพวกนิยม โดยสำคัญว่าเป็นโวหารอย่างฝรั่งและนิยมว่า การแต่งหนังสือโดยใช้โวหารแผลง และคำซึ่งเข้าใจว่าเป็นคำฝรั่งปนเปอยู่นั้น เป็นเครื่องแสดงความรุ่งเรืองของตน ในชั้นเมื่อเกิดมีละครชนิดที่เรียกว่า ละครร้อง ชุกชุมขึ้น นักเลงแต่งบทละครร้องก็มีมากขึ้น และเป็นที่เข้าใจกันว่า กลอนที่จะใช้ในบทละครร้องเช่นนี้ต้องใช้เป็นอย่าง "สมัยใหม่" ใช้ถ้อยคำอย่างใหม่ เลี่ยงถ้อยคำ ซึ่งเรียกว่า "ภูมิเก่า" ให้มากที่สุดที่จะหลีกไปได้ เช่นต่างว่าจะแต่งบทโลม ถ้าแต่งอย่างแบบแผนแห่งจินตกวีนิพนธ์ไทยเก่า คงแต่งว่า
"โฉมงามทรามสุดสวาทพี่ | ดาลฤดีจ่อจิตพิศวง | ||
ขอแต่เพียงได้พิงอิงองค์ | แนบอนงค์ขวัญฟ้ายาใจ" ดังนี้ | ||
แต่ถ้าใครแต่งเช่นนี้ก็มันถูกหาว่าเป็นภูมิเก่า ไม่ทันสมัย ฝ่ายผู้แต่งถึงแม้จะพอมีความรู้แต่งได้ก็ไม่กล้าแต่งออกมา เพราะกลัวจะถูกติว่าเป็นคนผิดสมัย ฝ่ายผู้อ่านถึงแม้ว่าแท้จริงเมื่ออ่านบทกลอนเช่นข้างบนนี้แล้วจะ รู้สึกในใจจริงว่าเพราะ ปากก็ต้องกล่าวติว่า "ครึ" หรือ "งุ่มง่าม" เพราะถ้าแสดงออกมาว่าชอบบทกลอนเช่นนี้แล้ว ก็เกรงจะเป็นเหมือนสารภาพว่าตนเป็นคนที่เดินไม่ทันสมัย ด้วยเหตุนี้จินตกวีสมัยปลายรัชกาลที่ ๕ เมื่อปรารถนาจะแต่บทโลมให้ได้ใจความเช่นเดียวกับบทข้างบนนี้จึงต้องแต่งว่า
"โอ้งามโฉมประโลมหรูคู่ชีวิต | ช่างถูกจิตนี่กระไรแม่ใจหวาน | ||
ขอจูบเจ้าคลึงเคล้าเยาวมาลย์ | กระสันซ่านกอดศอพอชื่นใจ" ดังนี้ | ||
ตัวผู้ที่แต่งบทกลอนเช่นนี้ ถ้าเป็นผู้ที่มีนิสัยเป็นจินตกวีแม้แต่เล็กน้อย ก็คงจะต้องรู้สึกว่าเป็นถ้อยคำอันมีภูิมิต่ำ ซึ่งถ้าจะเปรียบกับคำกลอนบทข้างบนนี้ ก็ต้องรู้สึกว่าเหมือนขันทองเหลืองเทียบขันทองคำ แต่จะทำอย่างไรได้ตนเป็นผู้ขาย เมื่อคนซื้อชอบขันทองเหลืองมากกว่าขันทองคำ ก็จำเป็นต้องทำขันทองเหลืองขาย เมื่อเจ้าของโรงละครเขาชอบบทละครโสกโดกก็ต้องแต่งเช่นนั้น
ข้าพเจ้าได้เคยรู้สึกรำคาญมานานแล้ว แต่ไม่แลเห็นหนทางที่จะแก้ไขอย่างใด นอกจากที่จะมีผู้เป็นจินตกวีมาปรึกษาหารือแล้ว ข้าพเจ้าจึงจะสามารถแสดงความเห็นพูดจาเกลี้ยกล่อม ให้ช่วยกันรักษาวิชากวีไทยอย่าให้สูญเสียหรือเลวทรามไป ก็นับว่าได้มีผลสำเร็จไปบ้างแล้วบางรายแต่งยังเป็นส่วนน้อยนัก
ในส่วนตัวหลวงสารประเสริฐนี้ ข้าพเจ้าได้ถือโอกาสตักเตือนได้เต็มที่ เพราะพระยาศรีสุนทรโวหาร (พระยาศรีภูริปรีชา[กมล สาลักษณ]) ผู้เป็นบิดาเป็นผู้ที่ข้าพเจ้าคุ้นเคยมาช้านาน ได้เคยพูดจาปรารภมีความเห็นพ้องกันอยู่ ทั้งตัวหลวงสารประเสริฐก็ได้รู้จักต่อเนื่องจากความคุ้นเคยกับบิดาเขานั้น ข้าพเจ้าจึงถือเอาโอกาสเพื่อแนะนำหลวงสารประเสริฐให้แต่งหนังสืออะไร อัน ๑ ซึ่งจะได้มีชื่อเสียงสืบไปว่าเป็นจินตกวีผู้หนึ่ง ซึ่งมิได้เป็นผู้ช่วยทำให้ภาษาไทยเสื่อมทราม ข้าพเจ้าของให้พยายมแต่งหนังสือขึ้น เพื่อให้ปรากฎแต่ไปในพงศาวดารว่าในรััชกาลพระมงกุฎเกล้าก็ยังมีจินตกวีอยู่ หลวงสารปะรเสริฐก็รับปากไว้ แต่ยังหาเรื่องที่ประพันธ์ขึ้นนั้นไม่เหมาะได้ จนข้าพเจ้าได้แต่งหนังสือ "บ่อเกิดแห่งรามเกียรติ์" นั้นขึ้น หลวงสารประเสริฐจึงได้พบนิทานเรื่องอิลราช ซึ่งมีอยุ่ในอุตตรกัณฑ์แห่งรามายณะ เห็นว่าพอจะประพันธ์เป็นคำฉันท์ได้ หลวงสารประเสริฐจึงได้แต่งขึ้นด้วยความอุตสาหะ แล้วนนำมาให้ข้าพเจ้าช่วยตรวจ ข้าพเจ้าก็ได้ช่วยตรวจแก้ไขและแสดงความเห็นให้แก้ไขหรือเพิ่มเติมขึ้น และบางตอนที่เขาแต่งไม่ได้โดยพิสดารเพราะขาดความรู้ในกิจการนั้นๆ โดยเฉพาะ เช่นเรื่องพิธีอัศวเมธเป็นต้น ข้าพเจ้าก็ได้ช่วยชี้แจงให้ฟังโดยพิสดาร ตามที่ข้าพเจ้าได้อ่านมาในตำรับไสยศาสตร์ หลวงสารประเสริฐได้กำหนดจดจำเอาไปประพันธ์ขึ้นได้อย่างดี นับว่าเป็นที่ควรสรรเสริญ
ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีที่ได้เห็นว่า ในรัชกาลของข้าพเจ้าได้มีจินตกวี ซึ่งสามารถจะแต่งฉันท์ภาษาไทยได้หลายคนแล้ว และหลวงสารประเสริฐผู้แต่งเรื่องอิลราชคำฉันท์นี้เป็นคน ๑ ในหมู่นั้น ข้าพเจ้ามีความยินดีเขียนคำนำนี้ให้หลวงสารประเสริฐเพื่อแสดงความพอใจแห่ง ข้าพเจ้า ณ บัดนี้
อนึ่งข้าพเจ้าขอถือเอาโอกาสอันนี้เพื่อแสดงว่า ถ้าแม้ผู้ใดซึ่งริเริ่มจะนิพนธ์โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน มีความปรารถนาจะให้ข้าพเจ้าตรวจและแนะบ้าง อย่า่งที่ข้าพเจ้าได้ช่วยหลวงสารประเสริฐมาแล้วนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ที่คุ้นเคยกัยข้าพเจ้าแล้วแต่ก่อนก็ตาม ข้าพเจ้าก็จะยินดีช่วยตรวจ และแสดงความเห็นเท่าที่ข้าพเจ้าสามารถจะทำได้ เพื่อช่วยอนุเคราะห์ผู้ที่มีความพอใจในทางจินตกวีนิพนธ์และเพื่อ ประโยชน์แก่วิชากวีของไทยเรานั้นด้วย
..........................(รัชกาลที่ ๖)
สนามจันทร์
วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๖
บทประพันธ์
๑
ศุภมัสดุ | |||
สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙ | |||
๏ ข้าขอเทิดทศนัขประณามคุณพระศรี | |||
สรรเพชญพระผู้มี | พระภาค | ||
๏ อีกธรรมาภิสมัยพระไตรปิฏกวากย์ | |||
ทรงคุณคะนึงมาก | ประมาณ | ||
๏ นบสงฆ์สาวกพุทธ์พิสุทธิ์อริยญาณ | |||
นาบุญญบุญบาน | บโรย | ||
๏ อีกองค์อาทิกวีพิรียุตมโดย | |||
ดำรงดำรับโปรย | ประพันธ์ | ||
๏ ผู้เริ่มรังพจมานตระการกมลกรรณ | |||
ก้มกราบพระคุณขันธ์ | คเณศ | ||
๏ สรวมชีพอัญชลินาถพระบาทนฤเบศ | |||
มงกุฎกษัตริย์เกษตร | สยาม | ||
๏ ที่หกรัชสมัยก็ไกรกิตติพระนาม | |||
ทรงคุณคามภี- | รภาพ | ||
๏ เพียงนารายณ์อวตารบำราญอริบำราบ | |||
เถลิงรัชทวีลาภ | วิไล | ||
๏ เปรื่องปรีชาวิทยุตมาภรณ์ไท | |||
ธารสัตย์กระพัดใน | กมล | ||
๏ บำรุงรัฐสุขวัฒนานิกรชน | |||
ทั่วรัฐมณฑล | บำเทิง | ||
๏ สรวมเดชไตรรตนาวรากรเถกิง | |||
เกินโกฏิประกายเพลิง | พิโรจน์ | ||
๏ รังรักษ์ไทอธิราชพระบาทนฤโทษ | |||
เสพสิ่งประเสริฐโสต- | ถิผล | ||
๏ จุ่งเจริญด้วยสุขนันท์พระพรรณก็ถกล | |||
ทีฆายุเพิ่มพล | พิบูล | ||
๏ ข้าบาทรังรจนานิทานอิลทูล | |||
แทบบาทบดินทร์สูร | สราญฯ | ||
๒
ฉบัง ๑๖ | |||
๏ แถลงปางรามจันทราวตาร | เสร็จมล้างเหล่าพาล | ||
พินาศด้วยพระบารมี | |||
๏ มลายเข็ญเย็นทั่วธาตรี | ถวัลยรัชรมย์ชัยศรี | ||
อยุูธเยศเกศกรุง | |||
๏ สมภาร พระเอื้ออำรุง | สมโภชผดุง | ||
พระเดชกระเดื่องแดนไตร | |||
๏ ปาง ราชปรารภกิจใน | พลีกรรม์อันไกร | ||
คือราชสูโยดม | |||
๏ โดยเบื้องบรมราชนิยม | ขัตติยสมาคม | ||
ร้อยเอ็ดมาเอื้อเอาภาร | |||
๏ แผ่พระกฤษฎาภินิหาร | ใดราชฤาปาน | ||
ฤาปูนพระเดชนฤบดี | |||
๏ พระน้องสองเฝ้าบทศรี | หิรักษ์จักรี | ||
พระตรัสพระตรึกปรึกษา | |||
๏ พระภรตผู้พระอนุชา | เชิงไฉนเชษฐา | ||
ทะนุพิธีพลีกรรม | |||
๏ พระพร้องสนองถ้อยแถลงทำ- | นูลทัดทานคำ | ||
มิควรประกอบมหการ | |||
๏ พระองค์ผู้ทรงอวตาร | ตราบจบจักรพาล | ||
โผอนมกุฎเกรงรณ | |||
๏ ฤาควรกวนราชกังวล | มละด้าวมาดล | ||
ดำแหน่งทุเรศรัถยา | |||
๏ บัดพระลักษมณ์ราชอนุชา | นบเบื้องพระบาทา | ||
บัณฑูรแถลงพจมาน | |||
๏ ผิวไท้ใคร่กอบพลีการ | อัศวเมธมหุฬาร | ||
ก็เลิศพิธีพลีกรรม | |||
๏ เผยเผชิญพิชิตเชษฐ์ชักนำ | น้อมเกล้ากล่าวคำ | ||
คดีดำนานในบูรพ์ | |||
๏ อินทรรอนพฤตาสูร | เอิบอิศร์อันพูน | ||
บำเพ็ญตบะบารมี | |||
๏ มาผลาญมารมอดชีวี | เกลื่อนบาปบ่มบำ- | ||
รุงบุญระบอบบำบวง | |||
๏ เป็นที่นิยมแก่ปวง | เทพทั่วแมนสรวง | ||
สรรเสริญประเสริฐสาธร | |||
๏ แถลงเรื่องสมราชอนุสร | พระศรีสังขกร | ||
ก็โปรดก็เปรมปรารมภ์ | |||
๏ เยื้อนอรรถตรัสชอบเชยชม | โดยราชนิยม | ||
ยุบลคดีมีมา | |||
๏ จึงแถลงอิลราชอิลา | อวยองค์อนุชา | ||
ฉบับอันพร้องพิสดาร ฯ | |||
๓
วสันตติลกฉันท์ ๑๔ | |||
๏ ยังมีบรมนฤปนาถ | อิลราชสมัญขาน | ||
ทรงพลหิรัฐสุรฐาน | สุประเทศสถาพร | ||
๏ โอรสพระกรรทมประชา | ปติพรหมบุตรขจร | ||
เจิดคุณธรรมมิกบวร | ทศพิธเพียบเพ็ญ | ||
๏ เมตตาประชากรสโม- | สรสุขสลายเข็ญ | ||
ทั่วรัฐมณฑลก็เย็น | สิรราษฎร์สเริงรมย์ | ||
๏ รักษ์ราษฎร์ก็เล่หปิยบุตร | นรสุดประสาทสม | ||
ซ้องศัพท์เกริกกิติอุดม | วรเดชกระเดื่องแดน | ||
๏ ปราบได้ณไกวลประเทศ | ทศทิศก็เกรงแกลน | ||
กลอกเกล้าและหนาวภยมิแคลน | วรฤทธิเรืองรณ | ||
๏ เรืองรองพระมนทิรพิจิตร | กลพิศพิมานบน | ||
ก่องแก้วและกาญจนระคน | รุจิเรขอลงกรณ์ | ||
๏ ช่อฟ้าก็เฟื้อยกลจะฟัด | ดลฟากทิฆัมพร | ||
บราลีพิไลพิศบวร | นภศูลสล้างลอย | ||
๏ เชิงบัทม์พระบัญชรเขบ็จ | มุขเด็จก็พราวพลอย | ||
เพดานก็ดารกพะพรอย | พิศเพียงนภาพลาม | ||
๏ สิงหาสน์จรูญจตุรมุข | บมิแผกพิมานงาม | ||
พื้นภาพอำพนพิพิธตาม | ตะละเนื่องพนังนอง | ||
๏ ภาพครุฑก็ยุดอุรคแผ่ | กรเพียงจะผาดผยอง | ||
เทพนมขนัดกษณะมอง | มรุเทพทิพาลัย | ||
๏ เบื้องบรรจถรณทิพอาส- | นก็เอี่ยมอุไรไพ- | ||
จิตรลายจำหลักฉลุพิไล- | ยพิลาสลดามาลย์ | ||
๏ ชั้นฉัตรสกาวทุกุลพัสตร์ | รุจิรัตน์อลังการ | ||
เขนยขนนระคนบุษปปาน | รสทิพย์ประเทืองใจ | ||
๏ เนืองแน่นอนงค์นิกรนาฏ | ทะนุบาทบำเรอไท | ||
เฉิดโฉมประโลมกมลใคร | ยลพิศก็พิศวง | ||
๏ แน่งนางประหนึ่งวรสุราง- | คสะอางสะอาดองค์ | ||
ร่ายเรียงบำเรออมรทรง | สุรภาพพิมานเมือง | ||
๏ ราชูประโภคปริโภ- | คพิพัฒนนองเนือง | ||
สมบัติสมบุรณเรือง | วรราชภิรมย์ชม | ||
๏ ปราการก็ปรากฎสุเม- | รุสิเนรุเปรียบสม | ||
นางจรัลและโดรณสดม- | ภอธึกทะงันเงย | ||
๏ ป้อมค่ายระรายธุชประฎาก | สุประดิษฐ์ดำกลเกย | ||
ในบานทวารวิมลเผย | ผิวหับสนิทเนียน | ||
๏ หอยุทธ์ก็เย้ยริปุประยุทธ์ | อริยลณพาเหียร | ||
เหือดเหี้ยมกำแหงหิริระเมียร | มลฮึกอหังการ | ||
๏ มากมวลอมาตย์นิกรเส- | วกราชกำลังหาญ | ||
พฤนทาพลากรแสะสาร | สุรฤทธิเริงรณ | ||
๏ ผาสุกสนุกนครขัณ- | ฑสิมาสุมณฑล | ||
บำเทิงระเริงหทยชน | ทิชชาติประชุมชี | ||
๏ แซ่ศัพท์ผสานดุริยสัง- | คิตพาทยเภรี | ||
สรบสิ่งประดาประดุจศรี | สุรโลกชะลอลง | ||
๏ ปางดลวสันตอุตุแสน | จะเกษมณแดนดง | ||
ดาษรุกข์ระดื่นดฤณบง | ระบุบัตรขจีงาม | ||
๏ แถวธารละหานศิขรหลาก | ชลหลั่งละลุ่มหลาม | ||
มั่วมวลละมั่งมฤคตาม | วนสณฑ์สะเริงไพร | ||
๏ ราชาพระปรารภประพาส | พิศเพื่อภิรมย์ใน | ||
แห่งห้องพระหาวนพิไล | มิคล่าประลองกร | ||
๏ โองการประกาศนิกรเส- | วกโดยเสด็จดอน | ||
มวลหมู่อมาตยสลอน | พลถ้วนทหารหาญ | ||
๏ ตรวจเตรียมพลากรพหล | ตะละตนก็เชี่ยวชาญ | ||
ม้ารถและคชวรยาน | ระแทะเทียบสะเทื้อนดิน | ||
๏ พลคชก็คือสุรคเชน- | ทรไอยราอินทร์ | ||
ชำนนชำนาญชำนะอริน- | ทรล้วนชโลมมัน | ||
๏ พลม้าพลาหกผยอง | ดุจล่องจะลอยสวรรค์ | ||
พลรถก็ล้วนรถสุพรรณ | ระแทะธุชปลิวปลาย | ||
๏ พลราบก็รุ่นทหระว่อง | วยคล่องตะกอกาย | ||
ล้วนโล่หโตมรก็ทาย | ธนุแล่นกำแหงรณ | ||
๏ สรรพศาสตรอาวุธทิพา | วุธเทิดประเทืองมนตร์ | ||
สำหรับพเนจรผจญ | ก็สะพราดสะพรึงเพรียง | ||
๏ เริงร้องคะนองนิกรพล | ผิวเพิกไผทเอียง | ||
เอิกอึงอุฆษสุรก็เพียง | ปฐพีถล่มลาญ | ||
๏ ครั้งถึงสมัยมหุดิฤกษ์ | อดิเรกอุดมวาร | ||
จอมราชก็ยาตรวนสถาน | ทุรรัถยาดล | ||
๏ แดนไพรพิศาลศิขรเขิน | ทุมเนินพนาสนฑ์ | ||
ปักษาคณามฤคยล | ก็ยะยั่วยะยวนชม ฯ | ||
๔
๏ | |||
๕
๏ | |||
๖
๏ | |||
๗
๏ | |||
๘
๏ | |||
๙
๏ | |||
๑๐
๏ | |||
๑๑
๏ | |||
๑๒
๏ | |||
๑๓
๏ | |||
๑๔
๏ | |||
๑๕
๏ | |||