บทละครพูดเรื่องหัวใจนักรบ

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == {{เรียงลำดับ|บทละครพูดรเืองหัว…')
(ชุดที่ ๑)
แถว 33: แถว 33:
</tpoem>
</tpoem>
===ชุดที่ ๑===
===ชุดที่ ๑===
 +
'''ฉาก''' ห้องรับแขก บ้านพระภิรมย์วรากร ที่เมืองมณีบูรณ์ มณฑลหัสดินบุรี เป็นห้องในเรือนตึกอย่างเก่าๆ ด้านหลังมีประตูเปิดออกไปเฉลียง ต่อเฉลียงไปมีสวน ด้านขวามีหน้าต่าง ด้านซ้ายมีประตูสำหรับเข้าไปภายในเรือน เครื่องตกแต่งมีเป็นโต๊ะเก้าอี้อย่างกระนั้นๆ ไม่สู้ดีปานใด โต๊ะตั้งกลาง เก้าอี้ล้อมโต๊ะ และมีเก้าอี้ตั้งติดๆ กับฝาบ้าง มีรูปถ่ายติดฝาเป็นรูปหมู่โดยมาก และมีรูปพระภิรมย์ฯ แต่งเต็มยศข้าราชการพลเรือนชั้นอำมาตย์โท (หมายเหตุ-ซ้ายขวาคือซ้ายขวาของตัวละคร)
 +
 +
 +
(เมื่อเปิดม่าน นายสวายกับนายสวัสดิ์เดินเข้ามาด้วยกันจากเฉลียง นายสวายแต่งตัวสวมกางเกงแพรกับเสื้อชั้นใน นายสวัสดิ์แต่งตัวสวมกางเกงขาสั้นสีดำอย่างลูกเสือ ใส่ถุงเท้ารองเท้าดำ ใส่เสื้อขาวแต่ภายในเสื้อขาวนั้นมีเสื้อลูกเสือ และมีผ้าพันคอลูกเสือคาดพุงทับเข็มขัด ถือห่อกระดาษ ๑ อัน)
 +
<tpoem>
 +
'''สวาย'''  (จับแขนสวัสดิ์ไว้แล้วพูด) เดี๋ยวก่อนจะรีบร้อนไปไหน
 +
'''สวัสดิ์'''  ไปเอาอะไรในห้องหน่อย (ทำท่าจะไป)
 +
'''สวาย'''  ไปอาบน้ำกันเถอะน่า เดี๋ยวจะบ่ายมากไปอย่าร่ำไร มาสิถอดเสื้อสิน่า (ทำท่าจะเข้าปลดกระดุมให้นายสวัสดิ์ แต่นายสวัสดิ์ไม่ยอดให้ปลด)
 +
'''สวัสดิ์'''  พุทโธ่ ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นแหละ อย่ายุ่งไปหน่อยเลย
 +
'''สวาย'''  ก็ทำไมจะต้องผัดด้วยเล่า (จับแขนสวัสดิ์ไว้ สวัสดิ์สลัดแขนทิ้งกันไปมา ห่อกระดาษตก สวัสดิ์กับสวายก้มลงเก็บพร้อมกันแย่งกันจนกระดาษขาด แลเห็นหมวกลูกเสืออยู่ในห่อ) อ้อ อย่างนี้นี่เอง
 +
'''สวัสดิ์'''  ก็ยุ่งอย่างนี้แหละ (ฉวยหมวกได้ ตั้งท่าจะวิ่งไปในเรือน)
 +
'''สวาย'''  (จับแขนไว้) อ้อ นี่แกแอบไปเป็นลูกเสือแล้วหรือ
 +
'''สวัสดิ์'''  เป็นแล้วละ จะทำไมฉัน
 +
'''สวาย'''  กันจะต้องไปทำไมแกเดี๋ยวนี้ คอยดูคุณพ่อรับงานแกดีกว่า
 +
'''สวัสดิ์'''  นี่พี่สวายจะไปปากบอนอย่างนั้นหรือ
 +
'''สวาย'''  ฉันก็ต้องบอกให้คุณพ่อรู้สิ ว่าแกขัดขืนโอวาทของท่าน จำไม่ได้หรือท่านว่าอยู่เร็วๆ นี้เอง ว่าท่านไม่ต้องการให้ลูกท่านไปเป็นลูกเสือลูกหมาอะไร
 +
'''สวัสดิ์'''  คุณพ่อจะว่ากระไรๆ ก็ตามใจท่าน แต่ฉันเกิดมาเป็นลูกผู้ชายกับเขาชาติ ๑ แล้ว ก็ไม่อยากให้เสียชาติ
 +
'''สวาย'''  เพราะฉะนั้นจึงไปเป็นลูกหมา อย่างนั้นหรือ
 +
'''สวัสดิ์'''  (โกรธ) นี่แน่พี่สวาย พี่จะด่าตัวฉันส่วนตัวอย่างไรๆ ก็พอจะยอมยกโทษให้ แต่ถ้าขืนพูดดูถูกลูกเสืออีกคำเดียวละก็จะต่อยให้ฟันหักทีเดียว
 +
'''สวาย'''  ชะๆ ชะๆ เก่งจริงนะ
 +
'''สวัสดิ์'''  อย่างไรๆ ฉันก็แข็งแรงกว่าพี่สวายเป็นแน่ เพราะฉันใช้กำลังของฉันในทางที่ถูก ไม่มัวใช้แต่ในทางทำหนุ่มแอบซุกซนเล่นสกปรก
 +
'''สวาย'''  (โกรธ) ทำไมกันเล่นซุกซนสกปรกอย่างไร
 +
'''สวัสดิ์'''  เฮ้ยๆ เขารู้ดอกน่า ไม่ต้องทำไขสือ แอบลงไปนัวเนียอยู่ที่ห้องอีแก่นเสมอๆ แล้วไม่อ่อนแออย่างไร ฮะๆ ฮะๆ
 +
'''สวาย'''  พูดยุ่งบ้าอะไรไม่รู้
 +
'''สวัสดิ์'''  หรือจะฝึกหัดให้เป็นลูกผู้ชาย ฮะๆ มีแต่เขาหัดกันทางลูกเสือหรือทหาร นี่พี่สวายให้อีแก่นเป็นครูหัดอะไรมิรู้ได้ หนอยแน่ กำลังน้อยเอย ขี้โรคเอย เล่นฟุตบอลไม่ไหวฝึกซ้อมกำลังกายก็ไม่ไหว คุณพ่อก็พะนอเห็นขี้โรค ที่แท้มัวฝึกซ้อมออกกำลังเสียทาง ๑ ต่างหาก
 +
'''สวาย'''  เอ๊ะ สวัสดิ์นี่ กล้าหาญชาญไชยจริงนะ หรือเห็นตัวดีเพราะเป็นลูกเสือลูกหมา
 +
'''สวัสดิ์'''  บอกแล้วว่าไม่ให้ดูถูกลูกเสือ ขืนจะดูถูก (ตบหน้าสวาย) นี่แน่ะ คนปากร้ายเขาต้องทำอย่างนี้ ตั้งหมัดขึ้น เดี๋ยวจะว่าฉันทำข้างเดียว
 +
'''สวาย'''  เล่นระยำอะไรไม่รู้
 +
'''สวัสดิ์'''  ตั้งหมัดขึ้นสิ หาไม่จะเจ็บเปล่านะ
 +
'''สวาย'''  (ตั้งหมัดแล้วพูดพลาง) ข้าขอบอกกล่าวนะ
 +
'''สวัสดิ์'''  ไม่ต้องพูด ต่อยกันดีกว่า (ต่อยกันสวายออกจะเอี้ยๆ)
 +
</tpoem>
 +
(พระภิรมย์วรากร กับหลวงมนูธรรมธุราธรเดินเข้ามาด้วยกันจากเฉลียง พระภิรมย์ฯ สวมกางเกงแพรใส่เสื้อกุยเฮง หลวงมนูธรรมฯ แต่งเครื่องเสือป่า)
 +
<tpoem>
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  เฮ้ยๆ นั่นอะไรต่อยกันออกยุ่ง เลิก! เลิกเดี๋ยวนี้ (เด็กทั้ง ๒ หยุดต่อยกัน) นี่ต่อยกันทำไม อ้ายเล็กคงรังแกพ่อกลางละซี เอ็งละอวดดีอย่างนี้เสมอ เห็นว่าพี่เป็นคขี้โรคละก็ข่มเหงได้ข่มเหงเอา
 +
'''สวัสดิ์'''  พี่สวายอยากมาปากจัดด่าผมก่อนนี่ขอรับ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ด่าว่ากระไร
 +
'''สวัสดิ์'''  เขาด่าว่า (นึกขึ้นออกเลยชะงักไม่พูดต่อไป)
 +
'''สวาย'''  (เห็นเป็นโอกาสเหมาะจึงชิงพูด) สวัสดิ์แอบไปเป็นลูกเสือขอรับ ผมาว่าเขาว่าคุณพ่อห้ามแล้วทำไมเขาขืนไปเป็น เขาโกรธเขาก็ต่อยผมเอา
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  อ้อ! อ้ายเล็ก นี่มึงแอบไปเป็นลูกเสือแล้วจริงๆ หรือ
 +
'''สวัสดิ์'''  ขอรับ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ถอดเสื้อออกให้ข้าดูทีหรือ (นายสวัสดิ์ถอดเสื้อชั้นนอก) เออ! ไหนลองแต่งขึ้นให้ครบเครื่องทีหรือ (นายสวัสดิ์แต่งตัวอย่างลูกเสือบริบูรณ์) อือ! ชอบกลจริงๆ อยู่ดีๆ ไม่ว่าดี ชอบแต่งตัวเป็นอ้ายตัวในหนังญี่ปุ่น
 +
</tpoem>
 +
(สวัสดิ์แลดูตาหลวงมนูฯ หลวงมนูฯ อดหัวเราะไม่ได้)
 +
<tpoem>
 +
'''หลวงมนูฯ'''  ผมก็เป็นตัวหนังญี่ปุ่นเหมือนกันหรือขอรับ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  คุณหลวงกับอ้ายลูกผมเป็นคนละอย่าง คุณหลวงเป็นผู้ใหญ่รู้จักผิดแลชอบดีแล้ว เมื่อจะชอบแต่งตัวเล่นอย่างไรก็แต่งได้ แต่อ้ายนี่มันทารกอยู่ในอกพ่ออกแม่ มันยังไม่ควรจะทำอวดดีรู้มากไปกว่าผู้ใหญ่ มันรู้อยู่ดีแล้วว่าผมไม่ชอบให้ลูกผมเป็นลูกเสือมันก็ขืนไปเป็น
 +
'''หลวงมนูฯ'''  ขอโทษเถอะขอรับ ผมเห็นว่าในข้อนั้นคุณพระห้ามผิด การที่จะห้ามสิ่งใดๆ ควรมีเหตุผลเพียงพอ การที่คุณพระไม่ชอบลูกเสือนั้นเพราะเหตุใด
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ข้อ ๑ ผมเห็นว่าไม่ควรจะให้เสียเวลาเรียนของเด็ก
 +
'''หลวงมนูฯ'''  การฝึกหัดหรือสั่งสอนส่วนทางวิชาลูกเสือ ไม่ได้ทำให้เสียเวลาเล่าเรียนเลยแม้ แต่นาทีเดียว ไม่ทำให้เสียประโยชน์ของเด็กเลยจนนิดเดียว ตรงกันข้าม เด็กที่เป็นลูกเสือจะเป็นผู้ที่มีความรู้ดีกว่าเด็กธรรมดาเป็นอันมาก
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  นั่นเป็นความเห็นของคุณหลวง แต่ความเห็นของผมผิดกัน ผมเห็นว่าการเป็นลูกเสือไม่มีอะไร นอกจากเลี่ยงการเล่าเรียนและซุกซนหัวร้างข้างแตกไปเท่านั้น
 +
'''หลวงมนูฯ'''  แต่ซุกซนหัวร้างข้างแตกผมเห็นว่าดีกว่าซุกซนอีกอย่าง ๑ (นายสวัสดิ์แลดูนายสวายแล้วหัวเราะ) การซุกซนอย่างลูกเสือทำให้เป็นคนแข็งแรง การซุกซนอีกอย่าง ๑ นั้น มีผลตรง กันข้าม การเป็นลูกเสือทำให้เด็กรู้จักอดทน
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  อ้อ! ยังงั้นหรือขอรับ ผมจะได้ทดลองดู (ไปหยิบแส้ม้ามา) นี่แน่ะ ถ้าเอ็งอด ทนจริงอย่างคุณหลวงว่า เอ็งไม่ต้องร้องเลยสิ ข้าจะลองความอดทนของอ้ายลูกเสือให้เห็นจริง (เงื้อแส้จะตีนายสวัสดิ์)
 +
'''หลวงมนูฯ'''  (จับมือพระภิรมย์ฯ)  คุณพระ! อย่างนั้นจะใช้ที่ไหนได้  (แย่งแส้จากมือพระภิรมย์แล้วโยนไปเสียให้ไกล) ทำอย่างนั้นก็เสียผู้ใหญ่ไปสิขอรับ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  นี่ผมไม่มีอำนาจเหนือลูกผมแล้วหรือ
 +
'''หลวงมนูฯ'''  ข้อนั้นไม่มีใครเถียงเลย แต่ผู้มีอำนาจควรจะใช้อำนาจแต่ในที่ถูกที่เป็นยุติธรรม ถ้ามิฉะนั้นก็ทำให้ผู้น้อยสิ้นความนับถือ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ถ้าลูกผมสิ้นความนับถือผมในครั้งนี้ ก็เป็นเพราะมันเห็นคุณหลวงเข้ากับมันเท่านั้น
 +
'''หลวงมนูฯ'''  ผมเสียใจที่คุณพระพูดเช่นนั้น ผมตั้งใจดีต่อคุณพระจริงๆ แต่เมื่อไม่เป็นที่พอ ใจแล้วก็เลิกกันที ผมจะพูดอะไรไปอีกก็เสียเวลาผมต้องขอลาที
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  อ้าวๆ คุณหลวงอย่าโกรธสิครับ
 +
'''หลวงมนูฯ'''  ผมไม่ได้โกรธ เป็นแต่เสียใจเท่านั้น
 +
</tpoem>
 +
(ขณะนั้นได้ยินเสียงนกหวีดเป่าประชุม นายสวัสดิ์ทำท่าจะไป)
 +
<tpoem>
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  อ้ายเล็ก ข้าห้ามเป็นอันขาดไม่ให้เอ็งไปได้ยินไหม (เสียงนายพรนายหมู่ลูกเสือร้องตะโกนเรียกชื่อนายสวัสดิ์ นายสวัสดิ์ขยับจะไป) อ้ายเล็ก บอกว่าไม่ให้ไป
 +
'''นายหมู่พร'''  (ขึ้นมาที่เฉลียงกับลูกเสือโทนายคำ) สวัสดิ์
 +
'''สวัสดิ์'''  (ระวังตรงแล้วขาน) อยู่!
 +
'''นายหมู่พร'''  (เข้ามาในห้อง คำนับหลวงมนูฯ แล้วจึงพูดต่อไป) สวัสดิ์! เป่านกหวีดประชุมแกไม่ได้ยินหรือ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ได้ยิน แต่ฉันไม่ให้มันไปเอง
 +
'''นายหมู่พร'''  (คำนับ) ขอรับประทานโทษ ผมพูดกับนายสวัสดิ์ (หันไปพูดกับนายสวัสดิ์ต่อ ไป) แกไม่ได้ยินนกหวีดหรือ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ฉันน่ะเป็นพ่อนายสวัสดิ์ ฉันห้ามเขาเองไม่ให้เขาไป เขาเป็นลูกที่อยู่ในถ้อยคำพ่อ
 +
'''นายหมู่พร'''  (คำนับอีก) ผมขอเรียนซ้ำอีกว่าผมพูดกับนายสวัสดิ์ (พูดกับสวัสดิ์) จะว่าอย่าง ไร
 +
'''สวัสดิ์'''  นี่แหละฉันมันตกอยู่ในที่ยาก ฉันเองน่ะอยากไปจนตัวสั่น แต่คุณพ่อท่านไม่ให้ไป
 +
'''นายหมู่พร'''  ขอรับประทานโทษเถิดขอรับ ที่คุณไม่ให้ไปเพราะอะไร
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  นี่ฉันมีความจำเป็นอะไรบ้างที่จะตอบแก
 +
'''นายหมู่พร'''  ไม่จำเป็นเลย
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  แกมีนายเหนือแกอีก หรือแกเป็นคนสูงสุด
 +
'''นายหมู่พร'''  ผมเป็นเพียงผู้บังคับหมู่ที่ ๔ นายสุดใจเป็นผู้กำกับลูกเสือกองที่ ๑๑
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ถ้าเช่นนั้นฉันขอพบนายสุดใจจะได้หรือไม่
 +
'''นายหมู่พร'''  ได้ขอรับ คำ!
 +
'''คำ'''  (ที่เฉลียง) อยู่!
 +
'''นายหมู่พร'''  ไปเชิญคุณสุดใจมาที่นี่ คุณพระให้เชิญ (คำวิ่งไป)
 +
'''หลวงมนูฯ'''  ดูเอาเถอะครับ เด็กที่เป็นลูกเสือละก็ ท่าทางมันคึกคักดีอย่างนี้
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ฮือ!  การวิ่งเต้นมันเป็นธรรมดาของเด็ก  เป็นของชอบอยู่แล้ว  ผมไม่เห็นอัศจรรย์อะไร
 +
'''หลวงมนูฯ'''  คุณพระดูตั้งใจแน่นอนเสียทีเดียว ว่าจะไม่ยอมเห็นอะไรดีในส่วนลูกเสือแม้แต่อย่างเดียว
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ผมไม่เคยชอบเด็กซนเลย บางทีผมจะหัวเก่าผิดสมัยไปก็เป็นได้
 +
</tpoem>
 +
(นายสุดใจ ผู้กำกับลูกเสือ เข้ามาจากเฉลียง คำ ตามมาเพียงเฉลียงแล้วหยุดอยู่ที่นั้น นายสุดใจคำนับหลวงมนูฯ แล้วจึงถอดหมวกก้มหัวคำนับพระภิรมย์ฯ อีกที ๑)
 +
<tpoem>
 +
'''นายสุดใจ'''  คุณพระให้หาผมหรือขอรับ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ฉันให้ไปเชิญนายสุดใจมาเพื่อจะถามปัญหาสักข้อ ๑ ธรรมเนียมเด็กที่จะเป็นลูกเสือต้องได้รับอนุญาตบิดาหรือผู้ปกครองไม่ใช่หรือ
 +
'''นายสุดใจ'''  ขอรับ ถูกแล้ว
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ถ้าเช่นนั้นทำไมนายสุดใจจึงได้รับนายสวัสดิ์ลูกฉันเข้าเป็นลูกเสือโดยฉันมิได้อนุญาต
 +
'''นายสุดใจ'''  ผมเข้าใจผิดไป นายสวัสดิ์มาบอกขอสมัครเป็นลูกเสือ ผมก็เข้าใจว่าคุณพระคงจะได้อนุญาตแล้ว
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ทำไมถึงเข้าใจเอาเองเช่นนั้น
 +
'''นายสุดใจ'''  เพราะตั้งแต่ได้มีลูกเสือมา ผมยังไม่เคยพบสักรายเดียวที่บิดาหรือผู้ปกครองไม่เต็มใจให้เด็กเป็นลูกเสือ ผมจึงเข้าใจว่าคุณพระก็คงจะเหมือนคนอื่นๆ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  แต่ฉันไม่เหมือนคนอื่นๆ ฉันมีสมองพอที่จะใช้ได้คิดอะไรได้เองบ้าง ไม่ต้องก้มหน้าหลับตาเอาอย่างคนอื่นตะพัดไป
 +
'''นายสุดใจ'''  ผมเสียใจที่ผมคะเนผิดไป
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรกันต่อไป
 +
'''นายสุดใจ'''  ก็แล้วแต่คุณพระจะพอใจ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ถ้าลูกฉันจะออกจากกองลูกเสือเสียเดี๋ยวนี้ จะเป็นที่เสียหายอย่างใดบ้างหรือ ไม่
 +
'''นายสุดใจ'''  นั่นแหละขอรับ ตามความเห็นของผม เห็นว่าเขาน่าจะรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง เพราะบรรดานักเรียนชั้นเดียวกับเขา หรือแม้ที่อายุอ่อนกว่าเป็นลูกเสือทั้งนั้น เพราะฉะนั้นถ้านายสวัสดิ์จะไม่เป็นลูกเสืออยู่คนเดียว ก็เห็นจะเข้าพวกเข้าพ้องกับเขาไม่ได้
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ถ้าเช่นนั้นก็แปลว่านักเรียนในโรงเรียนของนายสุดใจทุกคน ถูกบังคับให้เข้าเป็นลูกเสือฉะนั้นหรือ
 +
'''นายสุดใจ'''  การบังคับให้เข้าเป็นลูกเสือไม่เคยมีเลย
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ถึงไม่บังคับตรงๆ ก็บังคับทางอ้อม ถ้าใครไม่เป็นลูกเสือก็เข้าพวกพ้องกับใครไม่ได้ ดังนี้ก็เท่ากับบังคับนั่นเอง
 +
'''นายสุดใจ'''  ผมเห็นว่าการที่จะเถียงกันในข้อนี้ดูจะไม่เป็นผลดีอันใด เมื่อคุณพระไม่พอใจจะให้บุตรเป็นลูกเสือแล้วก็หมดปัญหา นายสวัสดิ์ต้องออกจากกองลูกเสือ
 +
'''สวัสดิ์'''  ผมไม่ยอกออก ผมยอมตายเสียดีกว่า
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  อ้ายบ้า!
 +
'''สวัสดิ์'''  ผมไม่ยอมออก  ผมได้ให้คำมั่นสัญญาแล้วว่าผมประพฤติให้สมควรที่เป็นลูกผู้ชาย ผมไม่ยอมคืนคำ
 +
'''หลวงมนูฯ'''  คุณพระขอรับ ผมขอพูดสักคำ การที่คุณพระจะขืนยืนยันให้พ่อสวัสดิ์ออกจากลูกเสือครั้งนี้ ผมเชื่อแน่ว่าจะมีผลร้ายทั้งสองฝ่าย พ่อสวัสดิ์จะสิ้นความนับถือในตัวคุณพระเป็นแน่แท้ ผมเห็นมีทางแก้อยู่ทาง ๑
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ทางใดขอรับ
 +
'''หลวงมนูฯ'''  ผมนี้ช่างอยากมีลูกผู้ชายเสียจริงๆ แต่ก็เผอิญไม่มีได้สักคนเดียว ถ้าผมมีผมก็คงขอให้เป็นอย่างพ่อสวัสดิ์นี้แหละขอรับ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ถ้าเช่นนั้นจะยากเย็นอะไร อ้ายนี่มันก็ไม่นับถือผมเป็นพ่อแล้ว คุณหลวงจะเอามันไปเป็นลูกก็เชิญสิ
 +
'''หลวงมนูฯ'''  จริงเช่นนั้นหรือขอรับ
 +
'''สวัสดิ์'''  จริงสิครับ จะเอาไปต้มไปแกงเสียก็ได้ตามความพอใจคุณหลวงทุกอย่าง
 +
'''หลวงมนูฯ'''  ถ้าเช่นนั้นผมยินดีมาก สวัสดิ์แกเป็นลูกฉันแล้วนะ เข้าใจไหม (สวัสดิ์ก้มหัว) ฉันผู้เป็นพ่อเลี้ยงและผู้ปกครองของแก อนุญาตให้แกเป็นลูกเสือ
 +
'''สวัสดิ์'''  (เสียงเครือ) คุณหลวง-ผม-ผม- (สะอื้น)
 +
'''หลวงมนูฯ'''  (กอดสวัสดิ์) อ้าวๆ เรามันลูกเสือ ใจผู้ชายอย่าขี้แยสิ แล้วก็อย่าเรียกพ่อว่าคุณหลวง เรียกว่าพ่อสิ เอ้า! ไปเข้ากองไป
 +
</tpoem>
 +
(นายสวัสดิ์ยินดีวิ่งไปคำนับนายสุดใจ นายสุดใจคำนับพระภิรมย์ฯ กับหลวงมนูฯ แล้วออกไปทางหลัง พร้อมด้วยนายหมู่พร นายสวัสดิ์ และนายคำ)
 +
<tpoem>
 +
'''หลวงมนูฯ'''  ผมก็ต้องลาทีมีธุระจะต้องไป
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ประเดี๋ยวขอรับ ผมมีธุระจะต้องพูดกับคุณ (เหลียวดูเห็นนายสวาย) พ่อกลางออกไปข้างนอกเดี๋ยวเถอะ พ่อมีธุระจะพูดกับคุณหลวง(นายสวายออกไป) เชิญนั่งประเดี๋ยวเถอะขอรับ (ทั้ง ๒ คนนั่ง) ผมมีความร้อนใจด้วยเรื่องพ่อใหญ่ของผม
 +
'''หลวงมนูฯ'''  ทำไมขอรับ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ผมได้ให้มันไปกรุงเทพฯ เพื่อเรียนกฎหมาย แต่เคราะห์ร้ายเข้าสอบไล่ตกเสียแล้ว
 +
'''หลวงมนูฯ'''  ก็ไม่เป็นการอัศจรรย์อะไร  คนที่สอบไล่ตกมีถมไป  เมื่อมีโอกาสก็สอบไล่ได้อีก
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  คุณหลวงยังไม่เข้าใจ พ่อใหญ่น่ะอายุเผอิญเฉพาะ ๑๘ ปีบริบูรณ์แล้ว ถ้าสอบไล่ตกก็คงต้องไปเป็นทหารแน่ละ
 +
'''หลวงมนูฯ'''  ก็แล้วอย่างไร
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  พวกผมไม่มีสักคนเดียวที่เป็นทหาร แต่ไรๆ มาไม่เคยมีจนคนเดียว
 +
'''หลวงมนูฯ'''  ผมไม่เห็นเป็นของที่น่าจะอวดเลย คุณพระนี่แปลกจริงๆ หนทางใดๆ ที่พอจะเปิดโอกาสให้คนหนุ่มๆ ได้ทำประโยชน์แก่บ้านเมือง คุณพระเป็นไม่ชอบทั้งสิ้น
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  คุณหลวงพูดดูราวกับคนเราจะทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองได้แต่โดยทางเป็นทหารอย่างเดียว ถ้าเช่นนั้นทำไมคุณหลวงเองไม่ไปโยนปืนเป็นทหารบ้าง มานั่งบัลลังก์ชำระความอยู่ทำไม
 +
'''หลวงมนูฯ'''  ผมเสียใจที่ผมไม่ได้มีโอกาสที่จะทำอย่างคุณพระว่า เพราะเมื่อออกพระราชบัญญัติลักษณะเกณฑ์ทหารอายุผมมากเกินที่เขาต้องการเสียแล้ว ถ้ามิฉะนั้นผมคงไม่หนีเป็นแน่ แต่อย่างไรๆ ก็ดีเมื่อตั้งคณะเสือป่าขึ้น ผมก็ได้เข้าทันที โดยความยินดีที่ได้มีโอกาสฝึกหัดพอให้เป็นผู้สามารถช่วยป้องกันบ้านเมืองของผมได้
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  (หัวเราะทีเยาะ) ผมมีความยินดีที่ผมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเป็นเสือป่า เพราะผมมันพ้นเวลาที่จะต้องประจบประแจง หรือหาดิบหาดีต่อไปแล้ว
 +
'''หลวงมนูฯ'''  คุณพระพูดเช่นนี้ขวางหูที่สุด การเป็นเสือป่าหรือไม่เป็นไม่ทำให้ข้าราชการดีขึ้น หรือเลวลงอย่างใดในส่วนหน้าที่ราชการที่กระทำอยู่โดยเฉพาะเลย
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ผมไม่ใช่หูป่าตาเถื่อนเหลือเกินนักดอกนะคุณ ขอให้คุณจำไว้ว่าผมยังมีเพื่อนฝูงที่คอยบอกข่าวคราวอยู่เสมอ
 +
'''หลวงมนูฯ'''  ผมทราบแล้ว นายซุ่นเบ๋งพี่ภรรยาคุณพระเขาขยันเขียนหนังสือมาก แต่ต้องขออย่าให้คุณพระลืมว่านายซุ่นเบ๋งเป็นไทยไม่ถึงครึ่ง
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  เอ๊ะ! คุณหลวงนี่พูดอย่างไร
 +
'''หลวงมนูฯ'''  เปล่าขอรับ ผมไม่ได้ตั้งใจพูดจาล่วงเกินอะไรมากมายไป แต่ผมเห็นว่าการที่จะให้นายซุ่นเบ๋งรู้สึกอะไรๆ เหมือนคนที่เป็นไทยแท้ๆ นั้นน่าจะเป็นการยากอยู่บ้าง
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  คุณหลวงวันนี้เป็นอย่างไร พูดจากันไม่เข้าลู่เข้าทางกันได้เลย
 +
'''หลวงมนูฯ'''  ผมมีความเสียใจที่เป็นเช่นนั้น มีธุระอะไรก็โปรดพูดกันตรงไปตรงมาดีกว่าขอ รับ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ผมอยากจะขอให้คุณหลวงช่วยผมในเรื่องพ่อใหญ่สักหน่อย
 +
'''หลวงมนูฯ'''  ช่วยอย่างไร
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ขอให้มันพ้นทหารไปสักทีเถอะ
 +
'''หลวงมนูฯ'''  จะให้ผมทำอย่างไร
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  โปรดรับเข้าทำราชการในศาลของคุณสักหน่อยเถอะขอรับ จะเป็นตำแหน่งอะไรๆ ก็ได้ทั้งนั้น เงินดาวเงินเดือนก็ไม่ต้องได้มากมายปานใด เอาแต่เพียงพอให้พ้นจากเป็นทหารเท่านั้น คุณหลวงคงจะทราบอยู่แล้วว่าได้เงินเดือนเพียงชั้นใดจึงจะพอพ้นเป็นทหาร
 +
'''หลวงมนูฯ'''  (พูดอย่างจังๆ) ผมจะทำตามคุณพระปรารถนาไม่ได้ เพราะประการที่ ๑ ผมไม่มีอำนาจที่จะรับบุตรคุณพระเข้ารับราชการได้เอง ประการที่ ๒ ถึงแม้ผมจะมีอำนาจรับได้ผมก็ไม่รับ เพราะผมมีหน้าที่เป็นผู้รักษาพระราชกำหนดกฎหมาย ผมจะรู้เห็นเป็นใจกับผู้ที่คิดหลีกเลี่ยงกฎหมายไม่ได้เป็นอันขาด และผมขอบอกกล่าวไว้ในบัดนี้ด้วย ว่าถึงแม้นผมกับคุณพระได้เป็นผู้รักใคร่ชอบพอกันมาช้านานปานใดก็ตาม แต่ถ้าแม้คดีที่เกิดขึ้นในเรื่องนายสวิงบุตรชายคุณพระหลบหลีกราชการทหาร ผมจำเป็นจะต้องทำการตามหน้าที่ของผมโดยปราศจากฉันทาคติ ผมลาที (ลุกขึ้นก้มหัวคำนับ แล้วออกไปทางหลัง)
 +
</tpoem>
 +
(พระภิรมย์ฯ นั่งตลึงอยู่ครู่ ๑ แล้วนายสวายจึงเข้ามาจากทางหลัง)
 +
<tpoem>
 +
'''สวาย'''  คุณพ่อขอรับ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  อะไร
 +
'''สวาย'''  คุณพ่อห้ามพี่อุไรไม่ให้พบกับคุณหลวงมณีฯ อีกไม่ใช่หรือขอรับ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  เออ ก็แล้วอย่างไรเล่า
 +
'''สวาย'''  กำลังพูดกันอยู่ในสวนเดี๋ยวนี้ขอรับ คุณแม่ก็เห็นแต่ทำไม่รู้ไม่ชี้
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ก็อย่างนี้ จะไม่กำเริบอย่างไร (ลุกไปเปิดประตูห้องข้างซ้าย) แม่แย้มเชิญออก มานี่หน่อยเถอะ
 +
</tpoem>
 +
(แม่แย้มภรรยาหลวงพระภิรมย์ฯ ออกมาจากประตูซ้าย)
 +
<tpoem>
 +
'''แย้ม'''  ทำไมเจ้าคะ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ฉันได้ห้ามแล้วไม่ใช่หรือ  ว่าไม่ให้แม่อุไรพบปะกับหลวงมณีฯ  ทำไมหล่อนปล่อยให้พบกันได้อีก
 +
'''แย้ม'''  นี่ใครบอกคุณ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ช่างเถอะ แต่ฉันอยากรู้ว่าเขาพากันไปอยู่ที่ไหน
 +
'''แย้ม'''  ก็ใครเป็นผู้มาปากบอนก็ถามเอากับคนนั้นสิเจ้าคะ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  พ่อกลางไปเชิญหลวงมณีฯ ขึ้นมานี่ (นายสวายออกไปทางเฉลียง)
 +
'''แย้ม'''  คุณรู้ไหมว่าคุณจะหัดเด็กคนนี้ให้เสียคน ดีแต่พนอไว้ โรงร่ำโรงเรียนก็ไม่ให้ไป เหลวไหลอยู่แต่กับบ้าน
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ก็ฉันไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะข่มขืนให้มันไป หล่อนก็รู้แล้วว่ามันขี้โรคและมันก็มีความคิด ใช้ได้ดีเท่าๆ กับผู้ใหญ่
 +
'''แย้ม'''  คุณก็ชอบเพราะมันปากบอน เก็บเล็กเก็บน้อยมาเล่า ให้คุณฟังเท่านั้นแหละ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  เป็นธรรมดาผู้ใหญ่ก็ต้องใช้คนต่างหูต่างตาอยู่บ้าง
 +
'''แย้ม'''  แล้วมันเก็บทั้งเข้าทั้งออก คุณพระรู้หรือไม่
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  เก็บทั้งเข้าทั้งมออกอย่างไร
 +
'''แย้ม'''  ส่วนความนอกมันช่างเก็บมาเล่าให้คุณจริง แต่ความในมันก็เอาไปเล่าให้คนอื่นฟังสนุกใจเหมือนกัน วันไหนคุณนอนกับเมียน้อยก็รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองทุกครั้ง ฮะๆ น่าหัวเราะจริงๆ ฟ้าผ่าซิ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  เอ๊ะ! แม่แย้มนี่  ประเดี๋ยวก็ได้เกิดเคืองกันเดี๋ยวนี้เอง  หล่อนเลี้ยงลูกไม่ดีเอง แล้วหล่อนก็เที่ยวเปะปะวุ่นไปไม่เข้าเรื่องเข้าราว
 +
'''แย้ม'''  อุ๊ย ดิฉันขี้เกียจพูดเสียแล้วละ เปลืองเวลาเปล่าๆ
 +
</tpoem>
 +
(หลวงมณีราษฎร์บำรุงเข้ามาจากทางเฉลียง หลวงมณีฯ แต่งเสือป่าเดินเข้ามาในห้อง คำนับ อุไรตามมาด้วย แต่แอบอยู่ที่เฉลียง)
 +
<tpoem>
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  คุณหลวง ผมเข้าใจว่าคุณหลวงก็เป็นลูกผู้ดีมีตระกูลไม่ใช่หรือ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ขอรับ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ถ้าเช่นนั้นผมต้องขอให้คุณประพฤติตนอย่างผู้ดี
 +
'''หลวงมณีฯ'''  เอ๊ะ!  นี่ผมได้ประพฤติผิดกิริยาผู้ดีที่ในข้อไหนโปรดชี้แจงหน่อย  จะขอบคุณมาก
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  การลอบมาพูดจากับลูกสาวผมคุณเห็นเป็นการดีละหรือ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ผมไม่ได้ลอบไม่ได้เลี่ยงอะไร ผมมาโดยเปิดเผย พูดกันโดยเปิดเผย คุณแย้มก็เห็น
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ที่คุณมาประพฤติเป็นแมลงเม่าตอมลูกสาวผมอยู่เช่นนี้ เพื่อประสงค์อะไร
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ผมขอเรียนตามตรง ผมมีความรักใคร่แม่อุไรจริงๆ ผมตั้งใจอยู่ว่าจะให้ผู้ใหญ่มา-
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ช้าก่อนคุณอย่าเพ่อพูดไป ฟังผมก่อนถ้าคุณจะแต่งผู้ใหญ่ให้มาขอก็เห็นจะเสีย เวลาเปล่า
 +
'''แย้ม'''  อะไรคุณก็-
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ขออนุญาตให้ฉันพูดให้จบหน่อยไม่ได้หรือ (พูดกับหลวงมณีฯ ต่อไป) คุณนั้นเป็นลูกผู้มีตระกูลดี ทั้งทรัพย์สมบัติก็มีพอจะเลี้ยงลูกสาวผมได้ แต่คุณมีข้อเสียในส่วนตัวอยู่ข้อ ๑
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ถ้าผมมีข้อเสียอย่างใดขอได้โปรดบอกตรงๆ ถ้าผมเห็นว่าพอจะแก้ไขดัดแปลงได้ผมก็จะได้จัดการแก้ไข
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ข้อเสียสำคัญของคุณคือ  คุณเหมือนคนที่ได้วางบทประหารชีวิตตนเองแล้วก็ว่าได้
 +
'''หลวงมณีฯ'''  เอ๊ะ! อะไรกัน ผมไม่เข้าใจ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ผมจะอธิบายให้ฟัง คุณเป็นเสือป่า ถ้ามีศึกเหนือเสือใต้มาแล้ว คุณก็คงจะต้องไปรบไม่ใช่หรือ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ถ้ามีโอกาสและเป็นการเหมาะก็คงจะได้ไป
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  นั่น! ก็ถ้าไปรบก็อาจจะตายได้ไม่ใช่หรือ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  อ๋อแน่ทีเดียว แต่ถึงไม่ไปรบก็ตายได้เหมือนกัน
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ทราบแล้ว แต่ไปรบมีหนทางที่จะตายได้มากกว่าไม่ไปไม่ใช่หรือ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ผมเข้าใจว่าคนที่ได้ตายๆ มาแล้ว จะได้ตายในที่นอนมากกว่าในสนามรบ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  คุณไม่ต้องเล่นสำนวน  พูดกันตรงๆ  เถอะถ้าเกิดสงครามขึ้นผู้ที่ไปรบคงจะ ต้องตายมากกว่าผู้ที่ไม่ไปไม่ใช่หรือ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ในเวลาสงครามจะเอานิยมนิยายแน่นอนไม่ได้ ถึงแม้เราจะไม่ไปรบ บางทีการรบมันเดินมาหาเราเองก็ได้
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ตามกฎหมายนานาประเทศ ผู้ที่รบจะทำร้ายผู้ที่ไม่รบไม่ได้
 +
'''หลวงมณีฯ'''  (หัวเราะ) นั่นแหละขอรับ  เมื่อมีการสงครามมันเกิดขึ้นแล้ว  กฎบัดกฎหมายอะไรก็ดูจะไม่สู้เป็นประโยชน์ปานใดนัก อย่างไรๆ ก็ดีถ้าต่างว่าบ้านคุณพระนี้เผอิญเฉพาะอยู่ในวงแห่งสนามรบ คือที่ๆ แม่ทัพเขาเห็นเหมาะในการตั้งแนวรบหรือแนวด่าน ถึงคุณพระจะเอากฎหมายนานาประเทศไปพลิกอ่านจนคอแห้ง นายทัพนายกองเขาก็คงไม่ฟัง เขาคงตั้งกองของเขาตามความคิดของเขาจนได้
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  แต่ถ้าผมไม่ออกไปยุ่งกับเขา ผมก็คงไม่ต้องเป็นอันตรายเป็นแน่
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ขอรับประทานโทษ  ผมไม่เห็นมีความแน่อยู่ที่ตรงไหนเลย  เพราะลูกปืนไม่รู้ จักเลือกระหว่างคนที่รบกับไม่ได้รบ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  พูดกันสั้นๆ พลรบนั้น มีหน้าที่สำหรับไปตายไม่ใช่หรือ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  หามิได้  พลรบมีหน้าที่พยายามทำให้ข้าศึกตายหรือเจ็บจนรบไม่ได้  ส่วนการเจ็บการตายก็แล้วแต่เคราะห์ดีเคราะห์ร้าย
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ผมเห็นว่า การที่คุณเข้าเป็นเสือป่าก็เท่ากับประกาศว่าอยากตาย เต็มใจที่จะตาย
 +
'''หลวงมณีฯ'''  จริงขอรับ ถ้าการที่ผมตายจะทำให้เป็นประโยชน์แก่พระเจ้าอยู่หัวหรือบ้าน เมืองแล้วผมก็จะยอมตายโดยความเต็มใจ ยอมสละชีวิตโดยยินดี
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  นั่น! เพราะฉะนั้นผมจะยอมยกลูกสาวของผมให้แก่คุณไม่ได้
 +
'''หลวงมณีฯ'''  เอ๊ะ! น่าประหลาดจริง ทำไมอย่างนั้น
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ผมไม่อยากให้ลูกสาวผมเป็นหม้ายแต่สาวๆ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  พุทโธ่! คุณพระนี่ชอบกลจริงๆ ถึงผมไม่เป็นเสือป่าผมก็อาจจะตายได้ในวันนี้พรุ่งนี้เท่ากัน ไม่เห็นผิดอะไรกันเลย
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ผิดกันมาก การเป็นเสือป่าเหมือนเป็นคนที่ถูกวางบทให้ประหารชีวิตแล้ว อย่างไรๆ ไม่พ้นความตาย
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ก็เช่นนั้นทหารก็เหมืนนักโทษถึงตายแล้วเหมือนกันหรือขอรับ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ก็คล้ายๆ กัน แต่ทหารยังดีกว่าเสือป่าเพราะที่เป็นพลทหารก็เป็นโดยถูกเกณฑ์ ถ้าเป็นนายทหารก็เป็นการรับจ้างหากินอย่าง ๑ นี่เป็นเสือป่าค่าจ้างก็ไม่ได้ มิหนำซ้ำต้องเสียค่าบำรุงอีกด้วย แล้วถูกเกณฑ์ก็ไม่ถูก หรือมีกะเกณฑ์อะไรกัน
 +
'''หลวงมณีฯ'''  (เสียงแข็ง)  คุณพระควรจะทราบดีแล้ว  ว่าไม่มีการกะเกณฑ์เลย  ตามใจสมัครทั้งสิ้น
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ถ้าเช่นนั้นจะเป็นเสือป่าเพื่อประสงค์อะไร
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ก็เพื่อประสงค์ได้มีโอกาสฝึกหัดไว้ให้สามารถทำหน้าที่อย่างผู้ชายได้ คือป้อง กันชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์ได้ในเวลาที่จำเป็น
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  คุณพูดดูเป็นการหวังประโยชน์ภายหน้าอยู่ ก็ประโยชน์ปัจจุบันนี้ไม่หวังอะไรบ้างหรือ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ประโยชน์ในปัจจุบันที่มีแลเห็นง่ายๆ  ก็คือการที่ได้มีโอกาสคบค้าสมาคมกันในหมู่ข้าราชการทั้งทหารพลเรือนและตลอดถึงคหบดีด้วย ได้รู้อกรู้ใจกันแล้วก็สะดวกในทางการ ทำงานติดต่อกันได้ง่าย  เช่นแต่ก่อนนี้  คนในหน้าที่ผมกี่วันจะได้พบท่านผู้พิพากษาครั้ง ๑ นี่พบกันแทบทุกวัน คุณหลวงมนูฯ เป็นนายหมู่ประจำในหมวดผมด้วยซ้ำ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ข้อนี้ผมเข้าใจไม่ได้เลยว่าหลวงมนูฯ พอใจได้อย่างไร ถ้าเป็นผมๆ คงจะรู้สึกได้อย่างไรๆ อยู่ ในการที่จะต้องคำนับผู้ที่มีอายุน้อยกว่าผม (หลวงมณีหัวเราะแต่ไม่ตอบว่ากระไร) แต่ผมข้อย้อนถามเรื่องประโยชน์ที่จะได้รับจากการเป็นเสือป่าอีกสักหน่อย ผมได้ยินเขาว่าข้าราช การคนไหนไม่เป็นเสือป่าไม่มีทางได้ดีไม่ใช่หรือ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ไม่เป็นเช่นนั้นเลย
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  เขาว่าทั้งยศทั้งตราทั้งเงินเดือนได้ขึ้นแต่ที่เป็นเสือป่า ถ้าใครไม่ได้เป็นเสือป่า เจ้าขุนมุลนายท่านเอาลงกระป๋องเสียอย่างนั้นไม่ใช่หรือ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  (เสียงแข็ง) ไม่จริงเลยใครที่บอกกับคุณพระเช่นนั้นเป็นคนที่โกหกสดๆ ร้อนๆ เท่านั้น โกหกอย่างระยำที่สุด
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ถ้าเช่นนั้น  ถึงแม้ใครจะลาออกจากเสือป่าแล้ว  ก็ไม่ต้องเลยออกจากราชการด้วยหรือ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  การลาออกจากเสือป่าไม่เกี่ยวแก่ราชการเลย ใครจะลาออกเมื่อใดก็ได้
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  แน่หรือ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  แน่สิขอรับ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ถ้าเช่นนั้นผมต้องขอให้คุณลาออกจากเสือป่าเสียก่อน ผมจึงจะยอมยกลูกสาวให้
 +
'''หลวงมณีฯ'''  พุทโธ่! ทำไมคุณพระทำให้ผมอยู่ในที่ลำบากเช่นนี้
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  เลือกเอาอย่าง ๑ ถ้าคุณรักลูกสาวผมต้องออกจากเสือป่า
 +
'''อุไร'''  (เดินเข้ามาจากเฉลียง) คุณหลวงมณี ถ้าคุณออกจากเสือป่าวันใดวันนั้นคุณกับดิฉันขาดกัน ดิฉันจะไม่ขอดูหน้าคุณอีกต่อไปจนวันตาย
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  แม่อุไร นี่หล่อนมาพลอยเป็นบ้าอะไรไปด้วย
 +
'''อุไร'''  ดิฉันไม่บ้าเลย ดิฉันเห็นโดยจริงใจว่าคุณหลวงมณีฯ มีข้อที่ควรชมเชยอยู่มากที่สุด ก็คือข้อที่เป็นเสือป่า เพราะอันที่จริงถ้าจะเลี่ยงเสียไม่ทำหน้าที่อย่างผู้ชายนั้นง่ายที่สุด เธอเป็นข้าราช การรับสัญญาบัตรแล้ว และมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่แล้ว จะเกณฑ์เป็นทหารไม่ได้เป็นอันขาด ถึงแม้ว่าจะมีการสงครามก็หลีกเลี่ยงการไปรบได้โดยไม่มีข้อเสียหายในส่วนตัวเลยจนนิดเดียว
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ก็นั่น! การที่มีช่องจะรอดพ้นจากการต้องไปถูกยิงถูกฟันตายได้แล้วฉะนี้กลับเสือกเข้าไปสมัครจะไปตายอีกฉะนี้ จะเรียกว่าคนดีหรือคนบ้า
 +
'''อุไร'''  เรียกว่าคนดี คนกล้าหาญ คนไทยแท้ ลูกผู้ชายแท้ แต่คนที่มีหน้าที่ควรจะเข้าทำหน้า ที่อันควรแก่ลูกผู้ชายแล้วจะคอยหาทางหลีกเลี่ยงบิดพลิ้ว อย่างลูกชายใหญ่ของคุณพ่อนั่นแหละดิฉันเห็นว่าเป็นคนขี้ขลาดเสียทีที่เกิดมาในชาติไทย เสียทีที่เกิดมาเป็นลูกผู้ชาย
 +
'''หลวงมณีฯ'''  แม่อุไร ฉันเห็นด้วยกับหล่อนทุกคำ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ก็ดีแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็แปลว่าคุณหลวงจะยอมเลิกความคิดขอลูกสาวผมหรือ
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ถ้าคุณพระจะยกให้ต่อเมื่อผมได้ลาออกจากเสือป่าแล้วฉะนั้น  ผมก็ไม่แลเห็นทางอื่น เพราะถึงผมจะรักแม่อุไรปานใดก็ดี แต่ที่ผมจะยอมเสียสัตย์หรือเสียความเป็นลูกผู้ชายชาวไทยไม่ได้เป็นอันขาด
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีอะไรจะพูดกันอีกต่อไปแล้ว และในเวลาภายหน้าคุณหลวงไม่ต้องมาที่นี่อีกเลย
 +
'''หลวงมณีฯ'''  (คำนับ) ถ้าคุณพระไม่โปรดให้ผมมาอีกผมก็มาไม่ได้อยู่เอง เพราะคุณพระเป็นเจ้าของบ้าน  ถ้าเช่นนั้นผมลาที  (คำนับพระภิรมย์ฯ  และแม่แย้ม  แล้วจึงหันไปแลดูตาแม่อุไรครู่ ๑ แล้วก็เดินออกไปทางหลัง)
 +
'''อุไร'''  คุณพ่อ ดิฉันขอเรียนอะไรจริงๆ สักหน่อย ถ้าดิฉันไม่นึกสงสารคุณแม่อยู่แล้ว ดิฉันจะตามคุณหลวงมณีฯ ไปเสียเดี๋ยวนี้ทีเดียว แต่นี่ยังสงสารคุณแม่ จึงจำใจต้องทนความอยุติธรรมของคุณพ่อไป
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  นางนี่ทำปากจัดใหญ่แล้ว อีเนรคุณ ชาตินี้ตบเสียให้ปากเยิน
 +
'''แย้ม'''  แม่หนูก็ไม่ควรพูดให้ก้ำเกินคุณพ่อยังนั้นเลย เข้าไปในเรือน (อุไรเข้าไปทางขวา)
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  เอาสิ  ตามใจลูกจนได้ดีไหมล่ะ  อ้ายเล็กก็อวดดีเป็นบ้าลูกเสือ  จนต้องยกให้เป็นลูกเลี้ยงหวงมนูฯ ไปคน ๑ แล้ว นางอุไรอวดดีอยากเป็นเมียเสือขึ้นมาอีกคนหนึ่งละ นี่ลูกฉันจะมาพากันอวดดีเป็นไม้นอกกอตามกันไปหมดละหรือ
 +
'''แย้ม'''  ถ้ามันเป็นไปเช่นนั้นจะมาปรับเป็นดิฉันผิดคนเดียวหรือ คุณเองไม่ผิดบ้างละหรือ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  ฉันจะผิดอย่างไร
 +
'''แย้ม'''  ผิดที่คุณมีความเห็นผิดกับใครๆ เขาไปทั้งบ้านทั้งเมืองน่ะซิคะ เสือป่ากับลูกเสือใครๆ เขาก็แลเห็นประโยชน์ทั้งนั้น คุณไม่เห็นเป็นประโยชน์
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  นี่! อย่างนี้เสียนี่นะ ลูกมันจะไม่กำเริบได้ใจอย่างไร ลูกคนไหนที่แม่แย้มถือท้ายย้ายหัวละก็เสียทุกคน ทีที่แม่แย้มไม่ชอบทำไมมันดีอยู่ได้
 +
'''แย้ม'''  ดีอย่างไรคะ พ่อสวิงน่ะกลัวต้องไปเป็นทหารเพราะขี้ขลาดอย่าง ๑ อีกอย่าง ๑ กลัวจะลำบาก กลัวไม่ได้เที่ยว นายซุ่นเบ๋งพี่เมียคุณน่ะมันพาลูกคุณซุกซนป่นปี้ไปแล้วคุณรู้สึกไหม ที่ไล่กฎหมายตกบ่อยๆ และตกอย่างเลวๆ เพราะอะไรคุณไม่รู้บ้างหรือ ที่กรุงเทพฯ นั่น ถ้าใครอยากจะพบพ่อสวิงต้องไปหาที่โรงเหล้า หรือโรงละครเฉวียงไว หรือบ้านโคมเขียวนั่นแน่ะ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  อือ! ช่างรู้จริงนะ
 +
'''แย้ม'''  ส่วนพ่อสวายน่ะคุณก็พะนอจนได้ดีแล้วไหมล่ะ นอกจากการปากบอนกะล่อนเดาะยังมิหนำซ้ำริมีเมียแต่ป่านนี้แล้ว ดีนักละลูกรักคุณทั้งสองคนน่ะ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  มีอะไรจะพูดอีกไหม
 +
'''แย้ม'''  มีอีกนิดเดียว คือพ่อสวิงน่ะ ถ้าคุณขืนไม่ระวังให้ดีจะต้องเข้าตะรางวัน ๑
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  เพราะเหตุไร
 +
'''แย้ม'''  เพราะเหตุหลบหลีกราชการทหารนั้นแหละก่อนอื่น
 +
</tpoem>
 +
(หลวงมณีฯ กลับมาอีกแต่มายืนอยู่เพียงประตูด้านหลัง)
 +
<tpoem>
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  (เคือง)  ผมเข้าใจว่าผมได้พูดอย่างแจ่มแจ้งที่สุดแล้ว  ว่าผมไม่ประสงค์ให้คุณหลวงมาบ้านผมอีกเลย
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ผมมาโดยหน้าที่ราชการ ท่านผู้ว่าราชการเมืองมีบัญชาให้มาเกาะตัวนายสวิงบุตรคุณพระ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  เพราะเหตุใด
 +
'''หลวงมณีฯ'''  เพราะถึงกำหนดจะไปจับฉลากเข้ารับราชการทหารได้ หมายเรียกแล้วไม่ไป
 +
'''แย้ม'''  ดิฉันว่าแล้วไหมล่ะ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  หล่อนไม่มีหน้าที่จะพูดในเรื่องนี้เลย ขอให้เข้าไปในเรือน (แย้มเข้าไปทาง ซ้าย) นี่แน่คุณหลวง ถ้าผมจะไม่ส่งตัวเขาจะเป็นอย่างไร
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ผมก็ต้องค้นหาเอาเอง
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  คุณมีอำนาจอะไรที่จะมาค้นบ้านผม
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ผมถือหมายเป็นสำคัญ (ชูหมายให้ดู แล้วหันไปพูดข้างนอก) ค้นหาตัวนายสวิงมาให้ได้
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  นี่ไม่มีอะไรนอกจากจะแก้แค้นส่วนตัวเท่านั้นเอง เอาอำนาจราชการมาข่มเหง
 +
'''หลวงมณีฯ'''  คุณพระก็เป็นผู้ใหญ่แล้วนะขอรับ ระวังปากคอหน่อยจะดีกว่า ผมไม่อยากจะ ต้องจับคุณพระไปอีกคน ๑ เลย แต่ถ้าคุณพระไม่ฟังคำผมเตือนก็จะเป็นที่น่าเสียใจ ต้องขอให้คุณพระเข้าใจว่าเวลานี้ผมทำการในหน้าที่นายอำเภอเมือง
 +
</tpoem>
 +
(ตำรวจภูธรนำตัวนายสวิงมาที่เฉลียง นายสวิงนั้นแต่งตัวใส่กางเกงจีนใส่เสื้อชั้นใน ดูเสื้อ ผ้ายู่ยี่ หน้าตาซีด ผมยุ่ง)
 +
<tpoem>
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ได้ที่ไหน
 +
'''ตำรวจภูธร'''  ในโรงม้าขอรับ
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  คุณหลวงมณี ขอผัดสักสองสามเวลาไม่ได้หรือ เวลานี้เขากำลังเรียนกฎหมายอยู่
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ผัดไม่ได้ขอรับ ต้องไปเดี๋ยวนี้
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  พุทโธ่! ลูกผมเคยเลี้ยงเป็นผู้ดี จะเอาไปใช้อย่างขี้ข้ามันก็ตายเท่านั้นเอง
 +
'''หลวงมณีฯ'''  ผมเสียใจ รอสนทนากับพระคุณต่อไปไม่ได้
 +
'''พระภิรมย์ฯ'''  (โกรธ) ดีละ ดีละ ถ้าไม่มีโอกาสบ้างก็แล้วไป ถ้ามีโอกาสละก็---คอยดูเถอะ คอยดูเถอะ ถึงทีใครก็ทีใครแหละน่ะ คงได้เห็นฤทธิ์อ้ายแก่วัน ๑
 +
</tpoem>
 +
(หลวงมณีฯ คำนับ แล้วกลับหลังหันเดินดุ่มๆ ไปทางหลัง ตำรวจภูธรพาตัวนายสวิงตามไป พระภิรมย์ฯ ยืนตลึงแลดูตามไปครู่ ๑ แล้วทรุดตัวลงนั่ง)
===ชุดที่ ๒===
===ชุดที่ ๒===

การปรับปรุง เมื่อ 10:33, 25 เมษายน 2554

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว

บทประพันธ์

ตัวละคร

พวกเรา
พระภิรมย์วรากร นอกราชการ อายุประมาณ ๕๐ ปี
นายสวิง อายุ ๑๘ ปี}
นายสวาย อายุ ๑๗ ปี} บุตร พระภิรมย์วรากร
นายสวัสดิ์ อายุ ๑๖ ปี}
นายกองโท พระยาวิสูตรสงคราม สมุหเทศาภิบาล ผู้สำเร็จราชการมณฑลหัสดินบุรี ผู้บังคับการเสือป่าหัสดินบุรี
นายหมวดโท หลวงมณีราษฎร์บำรุง นายอำเภอเมืองมณีบูรณ์ ผู้บังคับกองหมวดที่ ๑ กองร้อยมณีบูรณ์ (ภายหลังเป็นผู้บังคับกอง)
นายหมวดตรี นายอิน ผู้ช่วยราชการเมืองมณีบูรณ์ ผู้บังคับหมวดที่ ๒ กองร้อยมณีบูรณ์
นายหมู่เอก หลวงมนูธรรมธุราธร ผู้พิพากษาศาลเมืองมณีบูรณ์ ประจำหมวดที่ ๑ กองร้อยมณีบูรณ์ (ภายหลังเป็นผู้บังคับหมวด)
นายหมู่เอก เทพ คหบดี ประจำกองร้อยมณีบูรณ์
นายหมู่โท ขุนรัตนแพทย์ แพทย์ประจำเมืองมณีบูรณ์
ราชบุรุษ สุดใจ ครูใหญ่โรงเยนมัธยมมณีบูรณ์ ผู้กำกับกองลูกเสือที่ ๑๑
นายหมู่ พร ผู้บังคับหมู่ที่ ๔ กองลูกเสือที่ ๑๑
ลูกเสือโท นายคำ กองลูกเสือที่ ๑๑
นายร้อยเอก หลวงเรืองฤทธิราวี ผู้บังคับกองร้อยที่ ๔ กรมทหารราบที่ ๒๙
อ้ายสี บ่าวพระภิรมย์วรากร
คนกลาง
นายซุ่นเบ๋ง นักเรียนกฎหมาย พี่ของเน้ยภรรยาน้อยพระภิรมย์วรากร
พวกข้าศึก
ผู้บังคับการทหารข้าศึก
ปลัดกรมทหารข้าศึก
นายร้อยตรีกองทหารข้าศึก
นายทหารนักบินกองทหารข้าศึก
             

ชุดที่ ๑

ฉาก ห้องรับแขก บ้านพระภิรมย์วรากร ที่เมืองมณีบูรณ์ มณฑลหัสดินบุรี เป็นห้องในเรือนตึกอย่างเก่าๆ ด้านหลังมีประตูเปิดออกไปเฉลียง ต่อเฉลียงไปมีสวน ด้านขวามีหน้าต่าง ด้านซ้ายมีประตูสำหรับเข้าไปภายในเรือน เครื่องตกแต่งมีเป็นโต๊ะเก้าอี้อย่างกระนั้นๆ ไม่สู้ดีปานใด โต๊ะตั้งกลาง เก้าอี้ล้อมโต๊ะ และมีเก้าอี้ตั้งติดๆ กับฝาบ้าง มีรูปถ่ายติดฝาเป็นรูปหมู่โดยมาก และมีรูปพระภิรมย์ฯ แต่งเต็มยศข้าราชการพลเรือนชั้นอำมาตย์โท (หมายเหตุ-ซ้ายขวาคือซ้ายขวาของตัวละคร)


(เมื่อเปิดม่าน นายสวายกับนายสวัสดิ์เดินเข้ามาด้วยกันจากเฉลียง นายสวายแต่งตัวสวมกางเกงแพรกับเสื้อชั้นใน นายสวัสดิ์แต่งตัวสวมกางเกงขาสั้นสีดำอย่างลูกเสือ ใส่ถุงเท้ารองเท้าดำ ใส่เสื้อขาวแต่ภายในเสื้อขาวนั้นมีเสื้อลูกเสือ และมีผ้าพันคอลูกเสือคาดพุงทับเข็มขัด ถือห่อกระดาษ ๑ อัน)

สวาย(จับแขนสวัสดิ์ไว้แล้วพูด) เดี๋ยวก่อนจะรีบร้อนไปไหน
สวัสดิ์ไปเอาอะไรในห้องหน่อย (ทำท่าจะไป)
สวายไปอาบน้ำกันเถอะน่า เดี๋ยวจะบ่ายมากไปอย่าร่ำไร มาสิถอดเสื้อสิน่า (ทำท่าจะเข้าปลดกระดุมให้นายสวัสดิ์ แต่นายสวัสดิ์ไม่ยอดให้ปลด)
สวัสดิ์พุทโธ่ ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นแหละ อย่ายุ่งไปหน่อยเลย
สวายก็ทำไมจะต้องผัดด้วยเล่า (จับแขนสวัสดิ์ไว้ สวัสดิ์สลัดแขนทิ้งกันไปมา ห่อกระดาษตก สวัสดิ์กับสวายก้มลงเก็บพร้อมกันแย่งกันจนกระดาษขาด แลเห็นหมวกลูกเสืออยู่ในห่อ) อ้อ อย่างนี้นี่เอง
สวัสดิ์ก็ยุ่งอย่างนี้แหละ (ฉวยหมวกได้ ตั้งท่าจะวิ่งไปในเรือน)
สวาย(จับแขนไว้) อ้อ นี่แกแอบไปเป็นลูกเสือแล้วหรือ
สวัสดิ์เป็นแล้วละ จะทำไมฉัน
สวายกันจะต้องไปทำไมแกเดี๋ยวนี้ คอยดูคุณพ่อรับงานแกดีกว่า
สวัสดิ์นี่พี่สวายจะไปปากบอนอย่างนั้นหรือ
สวายฉันก็ต้องบอกให้คุณพ่อรู้สิ ว่าแกขัดขืนโอวาทของท่าน จำไม่ได้หรือท่านว่าอยู่เร็วๆ นี้เอง ว่าท่านไม่ต้องการให้ลูกท่านไปเป็นลูกเสือลูกหมาอะไร
สวัสดิ์คุณพ่อจะว่ากระไรๆ ก็ตามใจท่าน แต่ฉันเกิดมาเป็นลูกผู้ชายกับเขาชาติ ๑ แล้ว ก็ไม่อยากให้เสียชาติ
สวายเพราะฉะนั้นจึงไปเป็นลูกหมา อย่างนั้นหรือ
สวัสดิ์(โกรธ) นี่แน่พี่สวาย พี่จะด่าตัวฉันส่วนตัวอย่างไรๆ ก็พอจะยอมยกโทษให้ แต่ถ้าขืนพูดดูถูกลูกเสืออีกคำเดียวละก็จะต่อยให้ฟันหักทีเดียว
สวายชะๆ ชะๆ เก่งจริงนะ
สวัสดิ์อย่างไรๆ ฉันก็แข็งแรงกว่าพี่สวายเป็นแน่ เพราะฉันใช้กำลังของฉันในทางที่ถูก ไม่มัวใช้แต่ในทางทำหนุ่มแอบซุกซนเล่นสกปรก
สวาย(โกรธ) ทำไมกันเล่นซุกซนสกปรกอย่างไร
สวัสดิ์เฮ้ยๆ เขารู้ดอกน่า ไม่ต้องทำไขสือ แอบลงไปนัวเนียอยู่ที่ห้องอีแก่นเสมอๆ แล้วไม่อ่อนแออย่างไร ฮะๆ ฮะๆ
สวายพูดยุ่งบ้าอะไรไม่รู้
สวัสดิ์หรือจะฝึกหัดให้เป็นลูกผู้ชาย ฮะๆ มีแต่เขาหัดกันทางลูกเสือหรือทหาร นี่พี่สวายให้อีแก่นเป็นครูหัดอะไรมิรู้ได้ หนอยแน่ กำลังน้อยเอย ขี้โรคเอย เล่นฟุตบอลไม่ไหวฝึกซ้อมกำลังกายก็ไม่ไหว คุณพ่อก็พะนอเห็นขี้โรค ที่แท้มัวฝึกซ้อมออกกำลังเสียทาง ๑ ต่างหาก
สวายเอ๊ะ สวัสดิ์นี่ กล้าหาญชาญไชยจริงนะ หรือเห็นตัวดีเพราะเป็นลูกเสือลูกหมา
สวัสดิ์บอกแล้วว่าไม่ให้ดูถูกลูกเสือ ขืนจะดูถูก (ตบหน้าสวาย) นี่แน่ะ คนปากร้ายเขาต้องทำอย่างนี้ ตั้งหมัดขึ้น เดี๋ยวจะว่าฉันทำข้างเดียว
สวายเล่นระยำอะไรไม่รู้
สวัสดิ์ตั้งหมัดขึ้นสิ หาไม่จะเจ็บเปล่านะ
สวาย(ตั้งหมัดแล้วพูดพลาง) ข้าขอบอกกล่าวนะ
สวัสดิ์ไม่ต้องพูด ต่อยกันดีกว่า (ต่อยกันสวายออกจะเอี้ยๆ)
             

(พระภิรมย์วรากร กับหลวงมนูธรรมธุราธรเดินเข้ามาด้วยกันจากเฉลียง พระภิรมย์ฯ สวมกางเกงแพรใส่เสื้อกุยเฮง หลวงมนูธรรมฯ แต่งเครื่องเสือป่า)

พระภิรมย์ฯเฮ้ยๆ นั่นอะไรต่อยกันออกยุ่ง เลิก! เลิกเดี๋ยวนี้ (เด็กทั้ง ๒ หยุดต่อยกัน) นี่ต่อยกันทำไม อ้ายเล็กคงรังแกพ่อกลางละซี เอ็งละอวดดีอย่างนี้เสมอ เห็นว่าพี่เป็นคขี้โรคละก็ข่มเหงได้ข่มเหงเอา
สวัสดิ์พี่สวายอยากมาปากจัดด่าผมก่อนนี่ขอรับ
พระภิรมย์ฯด่าว่ากระไร
สวัสดิ์เขาด่าว่า (นึกขึ้นออกเลยชะงักไม่พูดต่อไป)
สวาย(เห็นเป็นโอกาสเหมาะจึงชิงพูด) สวัสดิ์แอบไปเป็นลูกเสือขอรับ ผมาว่าเขาว่าคุณพ่อห้ามแล้วทำไมเขาขืนไปเป็น เขาโกรธเขาก็ต่อยผมเอา
พระภิรมย์ฯอ้อ! อ้ายเล็ก นี่มึงแอบไปเป็นลูกเสือแล้วจริงๆ หรือ
สวัสดิ์ขอรับ
พระภิรมย์ฯถอดเสื้อออกให้ข้าดูทีหรือ (นายสวัสดิ์ถอดเสื้อชั้นนอก) เออ! ไหนลองแต่งขึ้นให้ครบเครื่องทีหรือ (นายสวัสดิ์แต่งตัวอย่างลูกเสือบริบูรณ์) อือ! ชอบกลจริงๆ อยู่ดีๆ ไม่ว่าดี ชอบแต่งตัวเป็นอ้ายตัวในหนังญี่ปุ่น
             

(สวัสดิ์แลดูตาหลวงมนูฯ หลวงมนูฯ อดหัวเราะไม่ได้)

หลวงมนูฯผมก็เป็นตัวหนังญี่ปุ่นเหมือนกันหรือขอรับ
พระภิรมย์ฯคุณหลวงกับอ้ายลูกผมเป็นคนละอย่าง คุณหลวงเป็นผู้ใหญ่รู้จักผิดแลชอบดีแล้ว เมื่อจะชอบแต่งตัวเล่นอย่างไรก็แต่งได้ แต่อ้ายนี่มันทารกอยู่ในอกพ่ออกแม่ มันยังไม่ควรจะทำอวดดีรู้มากไปกว่าผู้ใหญ่ มันรู้อยู่ดีแล้วว่าผมไม่ชอบให้ลูกผมเป็นลูกเสือมันก็ขืนไปเป็น
หลวงมนูฯขอโทษเถอะขอรับ ผมเห็นว่าในข้อนั้นคุณพระห้ามผิด การที่จะห้ามสิ่งใดๆ ควรมีเหตุผลเพียงพอ การที่คุณพระไม่ชอบลูกเสือนั้นเพราะเหตุใด
พระภิรมย์ฯข้อ ๑ ผมเห็นว่าไม่ควรจะให้เสียเวลาเรียนของเด็ก
หลวงมนูฯการฝึกหัดหรือสั่งสอนส่วนทางวิชาลูกเสือ ไม่ได้ทำให้เสียเวลาเล่าเรียนเลยแม้ แต่นาทีเดียว ไม่ทำให้เสียประโยชน์ของเด็กเลยจนนิดเดียว ตรงกันข้าม เด็กที่เป็นลูกเสือจะเป็นผู้ที่มีความรู้ดีกว่าเด็กธรรมดาเป็นอันมาก
พระภิรมย์ฯนั่นเป็นความเห็นของคุณหลวง แต่ความเห็นของผมผิดกัน ผมเห็นว่าการเป็นลูกเสือไม่มีอะไร นอกจากเลี่ยงการเล่าเรียนและซุกซนหัวร้างข้างแตกไปเท่านั้น
หลวงมนูฯแต่ซุกซนหัวร้างข้างแตกผมเห็นว่าดีกว่าซุกซนอีกอย่าง ๑ (นายสวัสดิ์แลดูนายสวายแล้วหัวเราะ) การซุกซนอย่างลูกเสือทำให้เป็นคนแข็งแรง การซุกซนอีกอย่าง ๑ นั้น มีผลตรง กันข้าม การเป็นลูกเสือทำให้เด็กรู้จักอดทน
พระภิรมย์ฯอ้อ! ยังงั้นหรือขอรับ ผมจะได้ทดลองดู (ไปหยิบแส้ม้ามา) นี่แน่ะ ถ้าเอ็งอด ทนจริงอย่างคุณหลวงว่า เอ็งไม่ต้องร้องเลยสิ ข้าจะลองความอดทนของอ้ายลูกเสือให้เห็นจริง (เงื้อแส้จะตีนายสวัสดิ์)
หลวงมนูฯ(จับมือพระภิรมย์ฯ)      คุณพระ! อย่างนั้นจะใช้ที่ไหนได้      (แย่งแส้จากมือพระภิรมย์แล้วโยนไปเสียให้ไกล) ทำอย่างนั้นก็เสียผู้ใหญ่ไปสิขอรับ
พระภิรมย์ฯนี่ผมไม่มีอำนาจเหนือลูกผมแล้วหรือ
หลวงมนูฯข้อนั้นไม่มีใครเถียงเลย แต่ผู้มีอำนาจควรจะใช้อำนาจแต่ในที่ถูกที่เป็นยุติธรรม ถ้ามิฉะนั้นก็ทำให้ผู้น้อยสิ้นความนับถือ
พระภิรมย์ฯถ้าลูกผมสิ้นความนับถือผมในครั้งนี้ ก็เป็นเพราะมันเห็นคุณหลวงเข้ากับมันเท่านั้น
หลวงมนูฯผมเสียใจที่คุณพระพูดเช่นนั้น ผมตั้งใจดีต่อคุณพระจริงๆ แต่เมื่อไม่เป็นที่พอ ใจแล้วก็เลิกกันที ผมจะพูดอะไรไปอีกก็เสียเวลาผมต้องขอลาที
พระภิรมย์ฯอ้าวๆ คุณหลวงอย่าโกรธสิครับ
หลวงมนูฯผมไม่ได้โกรธ เป็นแต่เสียใจเท่านั้น
             

(ขณะนั้นได้ยินเสียงนกหวีดเป่าประชุม นายสวัสดิ์ทำท่าจะไป)

พระภิรมย์ฯอ้ายเล็ก ข้าห้ามเป็นอันขาดไม่ให้เอ็งไปได้ยินไหม (เสียงนายพรนายหมู่ลูกเสือร้องตะโกนเรียกชื่อนายสวัสดิ์ นายสวัสดิ์ขยับจะไป) อ้ายเล็ก บอกว่าไม่ให้ไป
นายหมู่พร(ขึ้นมาที่เฉลียงกับลูกเสือโทนายคำ) สวัสดิ์
สวัสดิ์(ระวังตรงแล้วขาน) อยู่!
นายหมู่พร(เข้ามาในห้อง คำนับหลวงมนูฯ แล้วจึงพูดต่อไป) สวัสดิ์! เป่านกหวีดประชุมแกไม่ได้ยินหรือ
พระภิรมย์ฯได้ยิน แต่ฉันไม่ให้มันไปเอง
นายหมู่พร(คำนับ) ขอรับประทานโทษ ผมพูดกับนายสวัสดิ์ (หันไปพูดกับนายสวัสดิ์ต่อ ไป) แกไม่ได้ยินนกหวีดหรือ
พระภิรมย์ฯฉันน่ะเป็นพ่อนายสวัสดิ์ ฉันห้ามเขาเองไม่ให้เขาไป เขาเป็นลูกที่อยู่ในถ้อยคำพ่อ
นายหมู่พร(คำนับอีก) ผมขอเรียนซ้ำอีกว่าผมพูดกับนายสวัสดิ์ (พูดกับสวัสดิ์) จะว่าอย่าง ไร
สวัสดิ์นี่แหละฉันมันตกอยู่ในที่ยาก ฉันเองน่ะอยากไปจนตัวสั่น แต่คุณพ่อท่านไม่ให้ไป
นายหมู่พรขอรับประทานโทษเถิดขอรับ ที่คุณไม่ให้ไปเพราะอะไร
พระภิรมย์ฯนี่ฉันมีความจำเป็นอะไรบ้างที่จะตอบแก
นายหมู่พรไม่จำเป็นเลย
พระภิรมย์ฯแกมีนายเหนือแกอีก หรือแกเป็นคนสูงสุด
นายหมู่พรผมเป็นเพียงผู้บังคับหมู่ที่ ๔ นายสุดใจเป็นผู้กำกับลูกเสือกองที่ ๑๑
พระภิรมย์ฯถ้าเช่นนั้นฉันขอพบนายสุดใจจะได้หรือไม่
นายหมู่พรได้ขอรับ คำ!
คำ(ที่เฉลียง) อยู่!
นายหมู่พรไปเชิญคุณสุดใจมาที่นี่ คุณพระให้เชิญ (คำวิ่งไป)
หลวงมนูฯดูเอาเถอะครับ เด็กที่เป็นลูกเสือละก็ ท่าทางมันคึกคักดีอย่างนี้
พระภิรมย์ฯฮือ!      การวิ่งเต้นมันเป็นธรรมดาของเด็ก      เป็นของชอบอยู่แล้ว      ผมไม่เห็นอัศจรรย์อะไร
หลวงมนูฯคุณพระดูตั้งใจแน่นอนเสียทีเดียว ว่าจะไม่ยอมเห็นอะไรดีในส่วนลูกเสือแม้แต่อย่างเดียว
พระภิรมย์ฯผมไม่เคยชอบเด็กซนเลย บางทีผมจะหัวเก่าผิดสมัยไปก็เป็นได้
             

(นายสุดใจ ผู้กำกับลูกเสือ เข้ามาจากเฉลียง คำ ตามมาเพียงเฉลียงแล้วหยุดอยู่ที่นั้น นายสุดใจคำนับหลวงมนูฯ แล้วจึงถอดหมวกก้มหัวคำนับพระภิรมย์ฯ อีกที ๑)

นายสุดใจคุณพระให้หาผมหรือขอรับ
พระภิรมย์ฯฉันให้ไปเชิญนายสุดใจมาเพื่อจะถามปัญหาสักข้อ ๑ ธรรมเนียมเด็กที่จะเป็นลูกเสือต้องได้รับอนุญาตบิดาหรือผู้ปกครองไม่ใช่หรือ
นายสุดใจขอรับ ถูกแล้ว
พระภิรมย์ฯถ้าเช่นนั้นทำไมนายสุดใจจึงได้รับนายสวัสดิ์ลูกฉันเข้าเป็นลูกเสือโดยฉันมิได้อนุญาต
นายสุดใจผมเข้าใจผิดไป นายสวัสดิ์มาบอกขอสมัครเป็นลูกเสือ ผมก็เข้าใจว่าคุณพระคงจะได้อนุญาตแล้ว
พระภิรมย์ฯทำไมถึงเข้าใจเอาเองเช่นนั้น
นายสุดใจเพราะตั้งแต่ได้มีลูกเสือมา ผมยังไม่เคยพบสักรายเดียวที่บิดาหรือผู้ปกครองไม่เต็มใจให้เด็กเป็นลูกเสือ ผมจึงเข้าใจว่าคุณพระก็คงจะเหมือนคนอื่นๆ
พระภิรมย์ฯแต่ฉันไม่เหมือนคนอื่นๆ ฉันมีสมองพอที่จะใช้ได้คิดอะไรได้เองบ้าง ไม่ต้องก้มหน้าหลับตาเอาอย่างคนอื่นตะพัดไป
นายสุดใจผมเสียใจที่ผมคะเนผิดไป
พระภิรมย์ฯถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรกันต่อไป
นายสุดใจก็แล้วแต่คุณพระจะพอใจ
พระภิรมย์ฯถ้าลูกฉันจะออกจากกองลูกเสือเสียเดี๋ยวนี้ จะเป็นที่เสียหายอย่างใดบ้างหรือ ไม่
นายสุดใจนั่นแหละขอรับ ตามความเห็นของผม เห็นว่าเขาน่าจะรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง เพราะบรรดานักเรียนชั้นเดียวกับเขา หรือแม้ที่อายุอ่อนกว่าเป็นลูกเสือทั้งนั้น เพราะฉะนั้นถ้านายสวัสดิ์จะไม่เป็นลูกเสืออยู่คนเดียว ก็เห็นจะเข้าพวกเข้าพ้องกับเขาไม่ได้
พระภิรมย์ฯถ้าเช่นนั้นก็แปลว่านักเรียนในโรงเรียนของนายสุดใจทุกคน ถูกบังคับให้เข้าเป็นลูกเสือฉะนั้นหรือ
นายสุดใจการบังคับให้เข้าเป็นลูกเสือไม่เคยมีเลย
พระภิรมย์ฯถึงไม่บังคับตรงๆ ก็บังคับทางอ้อม ถ้าใครไม่เป็นลูกเสือก็เข้าพวกพ้องกับใครไม่ได้ ดังนี้ก็เท่ากับบังคับนั่นเอง
นายสุดใจผมเห็นว่าการที่จะเถียงกันในข้อนี้ดูจะไม่เป็นผลดีอันใด เมื่อคุณพระไม่พอใจจะให้บุตรเป็นลูกเสือแล้วก็หมดปัญหา นายสวัสดิ์ต้องออกจากกองลูกเสือ
สวัสดิ์ผมไม่ยอกออก ผมยอมตายเสียดีกว่า
พระภิรมย์ฯอ้ายบ้า!
สวัสดิ์ผมไม่ยอมออก      ผมได้ให้คำมั่นสัญญาแล้วว่าผมประพฤติให้สมควรที่เป็นลูกผู้ชาย ผมไม่ยอมคืนคำ
หลวงมนูฯคุณพระขอรับ ผมขอพูดสักคำ การที่คุณพระจะขืนยืนยันให้พ่อสวัสดิ์ออกจากลูกเสือครั้งนี้ ผมเชื่อแน่ว่าจะมีผลร้ายทั้งสองฝ่าย พ่อสวัสดิ์จะสิ้นความนับถือในตัวคุณพระเป็นแน่แท้ ผมเห็นมีทางแก้อยู่ทาง ๑
พระภิรมย์ฯทางใดขอรับ
หลวงมนูฯผมนี้ช่างอยากมีลูกผู้ชายเสียจริงๆ แต่ก็เผอิญไม่มีได้สักคนเดียว ถ้าผมมีผมก็คงขอให้เป็นอย่างพ่อสวัสดิ์นี้แหละขอรับ
พระภิรมย์ฯถ้าเช่นนั้นจะยากเย็นอะไร อ้ายนี่มันก็ไม่นับถือผมเป็นพ่อแล้ว คุณหลวงจะเอามันไปเป็นลูกก็เชิญสิ
หลวงมนูฯจริงเช่นนั้นหรือขอรับ
สวัสดิ์จริงสิครับ จะเอาไปต้มไปแกงเสียก็ได้ตามความพอใจคุณหลวงทุกอย่าง
หลวงมนูฯถ้าเช่นนั้นผมยินดีมาก สวัสดิ์แกเป็นลูกฉันแล้วนะ เข้าใจไหม (สวัสดิ์ก้มหัว) ฉันผู้เป็นพ่อเลี้ยงและผู้ปกครองของแก อนุญาตให้แกเป็นลูกเสือ
สวัสดิ์(เสียงเครือ) คุณหลวง-ผม-ผม- (สะอื้น)
หลวงมนูฯ(กอดสวัสดิ์) อ้าวๆ เรามันลูกเสือ ใจผู้ชายอย่าขี้แยสิ แล้วก็อย่าเรียกพ่อว่าคุณหลวง เรียกว่าพ่อสิ เอ้า! ไปเข้ากองไป
             

(นายสวัสดิ์ยินดีวิ่งไปคำนับนายสุดใจ นายสุดใจคำนับพระภิรมย์ฯ กับหลวงมนูฯ แล้วออกไปทางหลัง พร้อมด้วยนายหมู่พร นายสวัสดิ์ และนายคำ)

หลวงมนูฯผมก็ต้องลาทีมีธุระจะต้องไป
พระภิรมย์ฯประเดี๋ยวขอรับ ผมมีธุระจะต้องพูดกับคุณ (เหลียวดูเห็นนายสวาย) พ่อกลางออกไปข้างนอกเดี๋ยวเถอะ พ่อมีธุระจะพูดกับคุณหลวง(นายสวายออกไป) เชิญนั่งประเดี๋ยวเถอะขอรับ (ทั้ง ๒ คนนั่ง) ผมมีความร้อนใจด้วยเรื่องพ่อใหญ่ของผม
หลวงมนูฯทำไมขอรับ
พระภิรมย์ฯผมได้ให้มันไปกรุงเทพฯ เพื่อเรียนกฎหมาย แต่เคราะห์ร้ายเข้าสอบไล่ตกเสียแล้ว
หลวงมนูฯก็ไม่เป็นการอัศจรรย์อะไร      คนที่สอบไล่ตกมีถมไป      เมื่อมีโอกาสก็สอบไล่ได้อีก
พระภิรมย์ฯคุณหลวงยังไม่เข้าใจ พ่อใหญ่น่ะอายุเผอิญเฉพาะ ๑๘ ปีบริบูรณ์แล้ว ถ้าสอบไล่ตกก็คงต้องไปเป็นทหารแน่ละ
หลวงมนูฯก็แล้วอย่างไร
พระภิรมย์ฯพวกผมไม่มีสักคนเดียวที่เป็นทหาร แต่ไรๆ มาไม่เคยมีจนคนเดียว
หลวงมนูฯผมไม่เห็นเป็นของที่น่าจะอวดเลย คุณพระนี่แปลกจริงๆ หนทางใดๆ ที่พอจะเปิดโอกาสให้คนหนุ่มๆ ได้ทำประโยชน์แก่บ้านเมือง คุณพระเป็นไม่ชอบทั้งสิ้น
พระภิรมย์ฯคุณหลวงพูดดูราวกับคนเราจะทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองได้แต่โดยทางเป็นทหารอย่างเดียว ถ้าเช่นนั้นทำไมคุณหลวงเองไม่ไปโยนปืนเป็นทหารบ้าง มานั่งบัลลังก์ชำระความอยู่ทำไม
หลวงมนูฯผมเสียใจที่ผมไม่ได้มีโอกาสที่จะทำอย่างคุณพระว่า เพราะเมื่อออกพระราชบัญญัติลักษณะเกณฑ์ทหารอายุผมมากเกินที่เขาต้องการเสียแล้ว ถ้ามิฉะนั้นผมคงไม่หนีเป็นแน่ แต่อย่างไรๆ ก็ดีเมื่อตั้งคณะเสือป่าขึ้น ผมก็ได้เข้าทันที โดยความยินดีที่ได้มีโอกาสฝึกหัดพอให้เป็นผู้สามารถช่วยป้องกันบ้านเมืองของผมได้
พระภิรมย์ฯ(หัวเราะทีเยาะ) ผมมีความยินดีที่ผมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเป็นเสือป่า เพราะผมมันพ้นเวลาที่จะต้องประจบประแจง หรือหาดิบหาดีต่อไปแล้ว
หลวงมนูฯคุณพระพูดเช่นนี้ขวางหูที่สุด การเป็นเสือป่าหรือไม่เป็นไม่ทำให้ข้าราชการดีขึ้น หรือเลวลงอย่างใดในส่วนหน้าที่ราชการที่กระทำอยู่โดยเฉพาะเลย
พระภิรมย์ฯผมไม่ใช่หูป่าตาเถื่อนเหลือเกินนักดอกนะคุณ ขอให้คุณจำไว้ว่าผมยังมีเพื่อนฝูงที่คอยบอกข่าวคราวอยู่เสมอ
หลวงมนูฯผมทราบแล้ว นายซุ่นเบ๋งพี่ภรรยาคุณพระเขาขยันเขียนหนังสือมาก แต่ต้องขออย่าให้คุณพระลืมว่านายซุ่นเบ๋งเป็นไทยไม่ถึงครึ่ง
พระภิรมย์ฯเอ๊ะ! คุณหลวงนี่พูดอย่างไร
หลวงมนูฯเปล่าขอรับ ผมไม่ได้ตั้งใจพูดจาล่วงเกินอะไรมากมายไป แต่ผมเห็นว่าการที่จะให้นายซุ่นเบ๋งรู้สึกอะไรๆ เหมือนคนที่เป็นไทยแท้ๆ นั้นน่าจะเป็นการยากอยู่บ้าง
พระภิรมย์ฯคุณหลวงวันนี้เป็นอย่างไร พูดจากันไม่เข้าลู่เข้าทางกันได้เลย
หลวงมนูฯผมมีความเสียใจที่เป็นเช่นนั้น มีธุระอะไรก็โปรดพูดกันตรงไปตรงมาดีกว่าขอ รับ
พระภิรมย์ฯผมอยากจะขอให้คุณหลวงช่วยผมในเรื่องพ่อใหญ่สักหน่อย
หลวงมนูฯช่วยอย่างไร
พระภิรมย์ฯขอให้มันพ้นทหารไปสักทีเถอะ
หลวงมนูฯจะให้ผมทำอย่างไร
พระภิรมย์ฯโปรดรับเข้าทำราชการในศาลของคุณสักหน่อยเถอะขอรับ จะเป็นตำแหน่งอะไรๆ ก็ได้ทั้งนั้น เงินดาวเงินเดือนก็ไม่ต้องได้มากมายปานใด เอาแต่เพียงพอให้พ้นจากเป็นทหารเท่านั้น คุณหลวงคงจะทราบอยู่แล้วว่าได้เงินเดือนเพียงชั้นใดจึงจะพอพ้นเป็นทหาร
หลวงมนูฯ(พูดอย่างจังๆ) ผมจะทำตามคุณพระปรารถนาไม่ได้ เพราะประการที่ ๑ ผมไม่มีอำนาจที่จะรับบุตรคุณพระเข้ารับราชการได้เอง ประการที่ ๒ ถึงแม้ผมจะมีอำนาจรับได้ผมก็ไม่รับ เพราะผมมีหน้าที่เป็นผู้รักษาพระราชกำหนดกฎหมาย ผมจะรู้เห็นเป็นใจกับผู้ที่คิดหลีกเลี่ยงกฎหมายไม่ได้เป็นอันขาด และผมขอบอกกล่าวไว้ในบัดนี้ด้วย ว่าถึงแม้นผมกับคุณพระได้เป็นผู้รักใคร่ชอบพอกันมาช้านานปานใดก็ตาม แต่ถ้าแม้คดีที่เกิดขึ้นในเรื่องนายสวิงบุตรชายคุณพระหลบหลีกราชการทหาร ผมจำเป็นจะต้องทำการตามหน้าที่ของผมโดยปราศจากฉันทาคติ ผมลาที (ลุกขึ้นก้มหัวคำนับ แล้วออกไปทางหลัง)
             

(พระภิรมย์ฯ นั่งตลึงอยู่ครู่ ๑ แล้วนายสวายจึงเข้ามาจากทางหลัง)

สวายคุณพ่อขอรับ
พระภิรมย์ฯอะไร
สวายคุณพ่อห้ามพี่อุไรไม่ให้พบกับคุณหลวงมณีฯ อีกไม่ใช่หรือขอรับ
พระภิรมย์ฯเออ ก็แล้วอย่างไรเล่า
สวายกำลังพูดกันอยู่ในสวนเดี๋ยวนี้ขอรับ คุณแม่ก็เห็นแต่ทำไม่รู้ไม่ชี้
พระภิรมย์ฯก็อย่างนี้ จะไม่กำเริบอย่างไร (ลุกไปเปิดประตูห้องข้างซ้าย) แม่แย้มเชิญออก มานี่หน่อยเถอะ
             

(แม่แย้มภรรยาหลวงพระภิรมย์ฯ ออกมาจากประตูซ้าย)

แย้มทำไมเจ้าคะ
พระภิรมย์ฯฉันได้ห้ามแล้วไม่ใช่หรือ      ว่าไม่ให้แม่อุไรพบปะกับหลวงมณีฯ      ทำไมหล่อนปล่อยให้พบกันได้อีก
แย้มนี่ใครบอกคุณ
พระภิรมย์ฯช่างเถอะ แต่ฉันอยากรู้ว่าเขาพากันไปอยู่ที่ไหน
แย้มก็ใครเป็นผู้มาปากบอนก็ถามเอากับคนนั้นสิเจ้าคะ
พระภิรมย์ฯพ่อกลางไปเชิญหลวงมณีฯ ขึ้นมานี่ (นายสวายออกไปทางเฉลียง)
แย้มคุณรู้ไหมว่าคุณจะหัดเด็กคนนี้ให้เสียคน ดีแต่พนอไว้ โรงร่ำโรงเรียนก็ไม่ให้ไป เหลวไหลอยู่แต่กับบ้าน
พระภิรมย์ฯก็ฉันไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะข่มขืนให้มันไป หล่อนก็รู้แล้วว่ามันขี้โรคและมันก็มีความคิด ใช้ได้ดีเท่าๆ กับผู้ใหญ่
แย้มคุณก็ชอบเพราะมันปากบอน เก็บเล็กเก็บน้อยมาเล่า ให้คุณฟังเท่านั้นแหละ
พระภิรมย์ฯเป็นธรรมดาผู้ใหญ่ก็ต้องใช้คนต่างหูต่างตาอยู่บ้าง
แย้มแล้วมันเก็บทั้งเข้าทั้งออก คุณพระรู้หรือไม่
พระภิรมย์ฯเก็บทั้งเข้าทั้งมออกอย่างไร
แย้มส่วนความนอกมันช่างเก็บมาเล่าให้คุณจริง แต่ความในมันก็เอาไปเล่าให้คนอื่นฟังสนุกใจเหมือนกัน วันไหนคุณนอนกับเมียน้อยก็รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองทุกครั้ง ฮะๆ น่าหัวเราะจริงๆ ฟ้าผ่าซิ
พระภิรมย์ฯเอ๊ะ! แม่แย้มนี่      ประเดี๋ยวก็ได้เกิดเคืองกันเดี๋ยวนี้เอง      หล่อนเลี้ยงลูกไม่ดีเอง แล้วหล่อนก็เที่ยวเปะปะวุ่นไปไม่เข้าเรื่องเข้าราว
แย้มอุ๊ย ดิฉันขี้เกียจพูดเสียแล้วละ เปลืองเวลาเปล่าๆ
             

(หลวงมณีราษฎร์บำรุงเข้ามาจากทางเฉลียง หลวงมณีฯ แต่งเสือป่าเดินเข้ามาในห้อง คำนับ อุไรตามมาด้วย แต่แอบอยู่ที่เฉลียง)

พระภิรมย์ฯคุณหลวง ผมเข้าใจว่าคุณหลวงก็เป็นลูกผู้ดีมีตระกูลไม่ใช่หรือ
หลวงมณีฯขอรับ
พระภิรมย์ฯถ้าเช่นนั้นผมต้องขอให้คุณประพฤติตนอย่างผู้ดี
หลวงมณีฯเอ๊ะ!      นี่ผมได้ประพฤติผิดกิริยาผู้ดีที่ในข้อไหนโปรดชี้แจงหน่อย      จะขอบคุณมาก
พระภิรมย์ฯการลอบมาพูดจากับลูกสาวผมคุณเห็นเป็นการดีละหรือ
หลวงมณีฯผมไม่ได้ลอบไม่ได้เลี่ยงอะไร ผมมาโดยเปิดเผย พูดกันโดยเปิดเผย คุณแย้มก็เห็น
พระภิรมย์ฯที่คุณมาประพฤติเป็นแมลงเม่าตอมลูกสาวผมอยู่เช่นนี้ เพื่อประสงค์อะไร
หลวงมณีฯผมขอเรียนตามตรง ผมมีความรักใคร่แม่อุไรจริงๆ ผมตั้งใจอยู่ว่าจะให้ผู้ใหญ่มา-
พระภิรมย์ฯช้าก่อนคุณอย่าเพ่อพูดไป ฟังผมก่อนถ้าคุณจะแต่งผู้ใหญ่ให้มาขอก็เห็นจะเสีย เวลาเปล่า
แย้มอะไรคุณก็-
พระภิรมย์ฯขออนุญาตให้ฉันพูดให้จบหน่อยไม่ได้หรือ (พูดกับหลวงมณีฯ ต่อไป) คุณนั้นเป็นลูกผู้มีตระกูลดี ทั้งทรัพย์สมบัติก็มีพอจะเลี้ยงลูกสาวผมได้ แต่คุณมีข้อเสียในส่วนตัวอยู่ข้อ ๑
หลวงมณีฯถ้าผมมีข้อเสียอย่างใดขอได้โปรดบอกตรงๆ ถ้าผมเห็นว่าพอจะแก้ไขดัดแปลงได้ผมก็จะได้จัดการแก้ไข
พระภิรมย์ฯข้อเสียสำคัญของคุณคือ      คุณเหมือนคนที่ได้วางบทประหารชีวิตตนเองแล้วก็ว่าได้
หลวงมณีฯเอ๊ะ! อะไรกัน ผมไม่เข้าใจ
พระภิรมย์ฯผมจะอธิบายให้ฟัง คุณเป็นเสือป่า ถ้ามีศึกเหนือเสือใต้มาแล้ว คุณก็คงจะต้องไปรบไม่ใช่หรือ
หลวงมณีฯถ้ามีโอกาสและเป็นการเหมาะก็คงจะได้ไป
พระภิรมย์ฯนั่น! ก็ถ้าไปรบก็อาจจะตายได้ไม่ใช่หรือ
หลวงมณีฯอ๋อแน่ทีเดียว แต่ถึงไม่ไปรบก็ตายได้เหมือนกัน
พระภิรมย์ฯทราบแล้ว แต่ไปรบมีหนทางที่จะตายได้มากกว่าไม่ไปไม่ใช่หรือ
หลวงมณีฯผมเข้าใจว่าคนที่ได้ตายๆ มาแล้ว จะได้ตายในที่นอนมากกว่าในสนามรบ
พระภิรมย์ฯคุณไม่ต้องเล่นสำนวน      พูดกันตรงๆ      เถอะถ้าเกิดสงครามขึ้นผู้ที่ไปรบคงจะ ต้องตายมากกว่าผู้ที่ไม่ไปไม่ใช่หรือ
หลวงมณีฯในเวลาสงครามจะเอานิยมนิยายแน่นอนไม่ได้ ถึงแม้เราจะไม่ไปรบ บางทีการรบมันเดินมาหาเราเองก็ได้
พระภิรมย์ฯตามกฎหมายนานาประเทศ ผู้ที่รบจะทำร้ายผู้ที่ไม่รบไม่ได้
หลวงมณีฯ(หัวเราะ) นั่นแหละขอรับ      เมื่อมีการสงครามมันเกิดขึ้นแล้ว      กฎบัดกฎหมายอะไรก็ดูจะไม่สู้เป็นประโยชน์ปานใดนัก อย่างไรๆ ก็ดีถ้าต่างว่าบ้านคุณพระนี้เผอิญเฉพาะอยู่ในวงแห่งสนามรบ คือที่ๆ แม่ทัพเขาเห็นเหมาะในการตั้งแนวรบหรือแนวด่าน ถึงคุณพระจะเอากฎหมายนานาประเทศไปพลิกอ่านจนคอแห้ง นายทัพนายกองเขาก็คงไม่ฟัง เขาคงตั้งกองของเขาตามความคิดของเขาจนได้
พระภิรมย์ฯแต่ถ้าผมไม่ออกไปยุ่งกับเขา ผมก็คงไม่ต้องเป็นอันตรายเป็นแน่
หลวงมณีฯขอรับประทานโทษ      ผมไม่เห็นมีความแน่อยู่ที่ตรงไหนเลย      เพราะลูกปืนไม่รู้ จักเลือกระหว่างคนที่รบกับไม่ได้รบ
พระภิรมย์ฯพูดกันสั้นๆ พลรบนั้น มีหน้าที่สำหรับไปตายไม่ใช่หรือ
หลวงมณีฯหามิได้      พลรบมีหน้าที่พยายามทำให้ข้าศึกตายหรือเจ็บจนรบไม่ได้      ส่วนการเจ็บการตายก็แล้วแต่เคราะห์ดีเคราะห์ร้าย
พระภิรมย์ฯผมเห็นว่า การที่คุณเข้าเป็นเสือป่าก็เท่ากับประกาศว่าอยากตาย เต็มใจที่จะตาย
หลวงมณีฯจริงขอรับ ถ้าการที่ผมตายจะทำให้เป็นประโยชน์แก่พระเจ้าอยู่หัวหรือบ้าน เมืองแล้วผมก็จะยอมตายโดยความเต็มใจ ยอมสละชีวิตโดยยินดี
พระภิรมย์ฯนั่น! เพราะฉะนั้นผมจะยอมยกลูกสาวของผมให้แก่คุณไม่ได้
หลวงมณีฯเอ๊ะ! น่าประหลาดจริง ทำไมอย่างนั้น
พระภิรมย์ฯผมไม่อยากให้ลูกสาวผมเป็นหม้ายแต่สาวๆ
หลวงมณีฯพุทโธ่! คุณพระนี่ชอบกลจริงๆ ถึงผมไม่เป็นเสือป่าผมก็อาจจะตายได้ในวันนี้พรุ่งนี้เท่ากัน ไม่เห็นผิดอะไรกันเลย
พระภิรมย์ฯผิดกันมาก การเป็นเสือป่าเหมือนเป็นคนที่ถูกวางบทให้ประหารชีวิตแล้ว อย่างไรๆ ไม่พ้นความตาย
หลวงมณีฯก็เช่นนั้นทหารก็เหมืนนักโทษถึงตายแล้วเหมือนกันหรือขอรับ
พระภิรมย์ฯก็คล้ายๆ กัน แต่ทหารยังดีกว่าเสือป่าเพราะที่เป็นพลทหารก็เป็นโดยถูกเกณฑ์ ถ้าเป็นนายทหารก็เป็นการรับจ้างหากินอย่าง ๑ นี่เป็นเสือป่าค่าจ้างก็ไม่ได้ มิหนำซ้ำต้องเสียค่าบำรุงอีกด้วย แล้วถูกเกณฑ์ก็ไม่ถูก หรือมีกะเกณฑ์อะไรกัน
หลวงมณีฯ(เสียงแข็ง)      คุณพระควรจะทราบดีแล้ว      ว่าไม่มีการกะเกณฑ์เลย      ตามใจสมัครทั้งสิ้น
พระภิรมย์ฯถ้าเช่นนั้นจะเป็นเสือป่าเพื่อประสงค์อะไร
หลวงมณีฯก็เพื่อประสงค์ได้มีโอกาสฝึกหัดไว้ให้สามารถทำหน้าที่อย่างผู้ชายได้ คือป้อง กันชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์ได้ในเวลาที่จำเป็น
พระภิรมย์ฯคุณพูดดูเป็นการหวังประโยชน์ภายหน้าอยู่ ก็ประโยชน์ปัจจุบันนี้ไม่หวังอะไรบ้างหรือ
หลวงมณีฯประโยชน์ในปัจจุบันที่มีแลเห็นง่ายๆ      ก็คือการที่ได้มีโอกาสคบค้าสมาคมกันในหมู่ข้าราชการทั้งทหารพลเรือนและตลอดถึงคหบดีด้วย ได้รู้อกรู้ใจกันแล้วก็สะดวกในทางการ ทำงานติดต่อกันได้ง่าย      เช่นแต่ก่อนนี้      คนในหน้าที่ผมกี่วันจะได้พบท่านผู้พิพากษาครั้ง ๑ นี่พบกันแทบทุกวัน คุณหลวงมนูฯ เป็นนายหมู่ประจำในหมวดผมด้วยซ้ำ
พระภิรมย์ฯข้อนี้ผมเข้าใจไม่ได้เลยว่าหลวงมนูฯ พอใจได้อย่างไร ถ้าเป็นผมๆ คงจะรู้สึกได้อย่างไรๆ อยู่ ในการที่จะต้องคำนับผู้ที่มีอายุน้อยกว่าผม (หลวงมณีหัวเราะแต่ไม่ตอบว่ากระไร) แต่ผมข้อย้อนถามเรื่องประโยชน์ที่จะได้รับจากการเป็นเสือป่าอีกสักหน่อย ผมได้ยินเขาว่าข้าราช การคนไหนไม่เป็นเสือป่าไม่มีทางได้ดีไม่ใช่หรือ
หลวงมณีฯไม่เป็นเช่นนั้นเลย
พระภิรมย์ฯเขาว่าทั้งยศทั้งตราทั้งเงินเดือนได้ขึ้นแต่ที่เป็นเสือป่า ถ้าใครไม่ได้เป็นเสือป่า เจ้าขุนมุลนายท่านเอาลงกระป๋องเสียอย่างนั้นไม่ใช่หรือ
หลวงมณีฯ(เสียงแข็ง) ไม่จริงเลยใครที่บอกกับคุณพระเช่นนั้นเป็นคนที่โกหกสดๆ ร้อนๆ เท่านั้น โกหกอย่างระยำที่สุด
พระภิรมย์ฯถ้าเช่นนั้น      ถึงแม้ใครจะลาออกจากเสือป่าแล้ว      ก็ไม่ต้องเลยออกจากราชการด้วยหรือ
หลวงมณีฯการลาออกจากเสือป่าไม่เกี่ยวแก่ราชการเลย ใครจะลาออกเมื่อใดก็ได้
พระภิรมย์ฯแน่หรือ
หลวงมณีฯแน่สิขอรับ
พระภิรมย์ฯถ้าเช่นนั้นผมต้องขอให้คุณลาออกจากเสือป่าเสียก่อน ผมจึงจะยอมยกลูกสาวให้
หลวงมณีฯพุทโธ่! ทำไมคุณพระทำให้ผมอยู่ในที่ลำบากเช่นนี้
พระภิรมย์ฯเลือกเอาอย่าง ๑ ถ้าคุณรักลูกสาวผมต้องออกจากเสือป่า
อุไร(เดินเข้ามาจากเฉลียง) คุณหลวงมณี ถ้าคุณออกจากเสือป่าวันใดวันนั้นคุณกับดิฉันขาดกัน ดิฉันจะไม่ขอดูหน้าคุณอีกต่อไปจนวันตาย
พระภิรมย์ฯแม่อุไร นี่หล่อนมาพลอยเป็นบ้าอะไรไปด้วย
อุไรดิฉันไม่บ้าเลย ดิฉันเห็นโดยจริงใจว่าคุณหลวงมณีฯ มีข้อที่ควรชมเชยอยู่มากที่สุด ก็คือข้อที่เป็นเสือป่า เพราะอันที่จริงถ้าจะเลี่ยงเสียไม่ทำหน้าที่อย่างผู้ชายนั้นง่ายที่สุด เธอเป็นข้าราช การรับสัญญาบัตรแล้ว และมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่แล้ว จะเกณฑ์เป็นทหารไม่ได้เป็นอันขาด ถึงแม้ว่าจะมีการสงครามก็หลีกเลี่ยงการไปรบได้โดยไม่มีข้อเสียหายในส่วนตัวเลยจนนิดเดียว
พระภิรมย์ฯก็นั่น! การที่มีช่องจะรอดพ้นจากการต้องไปถูกยิงถูกฟันตายได้แล้วฉะนี้กลับเสือกเข้าไปสมัครจะไปตายอีกฉะนี้ จะเรียกว่าคนดีหรือคนบ้า
อุไรเรียกว่าคนดี คนกล้าหาญ คนไทยแท้ ลูกผู้ชายแท้ แต่คนที่มีหน้าที่ควรจะเข้าทำหน้า ที่อันควรแก่ลูกผู้ชายแล้วจะคอยหาทางหลีกเลี่ยงบิดพลิ้ว อย่างลูกชายใหญ่ของคุณพ่อนั่นแหละดิฉันเห็นว่าเป็นคนขี้ขลาดเสียทีที่เกิดมาในชาติไทย เสียทีที่เกิดมาเป็นลูกผู้ชาย
หลวงมณีฯแม่อุไร ฉันเห็นด้วยกับหล่อนทุกคำ
พระภิรมย์ฯก็ดีแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็แปลว่าคุณหลวงจะยอมเลิกความคิดขอลูกสาวผมหรือ
หลวงมณีฯถ้าคุณพระจะยกให้ต่อเมื่อผมได้ลาออกจากเสือป่าแล้วฉะนั้น      ผมก็ไม่แลเห็นทางอื่น เพราะถึงผมจะรักแม่อุไรปานใดก็ดี แต่ที่ผมจะยอมเสียสัตย์หรือเสียความเป็นลูกผู้ชายชาวไทยไม่ได้เป็นอันขาด
พระภิรมย์ฯถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีอะไรจะพูดกันอีกต่อไปแล้ว และในเวลาภายหน้าคุณหลวงไม่ต้องมาที่นี่อีกเลย
หลวงมณีฯ(คำนับ) ถ้าคุณพระไม่โปรดให้ผมมาอีกผมก็มาไม่ได้อยู่เอง เพราะคุณพระเป็นเจ้าของบ้าน      ถ้าเช่นนั้นผมลาที      (คำนับพระภิรมย์ฯ      และแม่แย้ม      แล้วจึงหันไปแลดูตาแม่อุไรครู่ ๑ แล้วก็เดินออกไปทางหลัง)
อุไรคุณพ่อ ดิฉันขอเรียนอะไรจริงๆ สักหน่อย ถ้าดิฉันไม่นึกสงสารคุณแม่อยู่แล้ว ดิฉันจะตามคุณหลวงมณีฯ ไปเสียเดี๋ยวนี้ทีเดียว แต่นี่ยังสงสารคุณแม่ จึงจำใจต้องทนความอยุติธรรมของคุณพ่อไป
พระภิรมย์ฯนางนี่ทำปากจัดใหญ่แล้ว อีเนรคุณ ชาตินี้ตบเสียให้ปากเยิน
แย้มแม่หนูก็ไม่ควรพูดให้ก้ำเกินคุณพ่อยังนั้นเลย เข้าไปในเรือน (อุไรเข้าไปทางขวา)
พระภิรมย์ฯเอาสิ      ตามใจลูกจนได้ดีไหมล่ะ      อ้ายเล็กก็อวดดีเป็นบ้าลูกเสือ      จนต้องยกให้เป็นลูกเลี้ยงหวงมนูฯ ไปคน ๑ แล้ว นางอุไรอวดดีอยากเป็นเมียเสือขึ้นมาอีกคนหนึ่งละ นี่ลูกฉันจะมาพากันอวดดีเป็นไม้นอกกอตามกันไปหมดละหรือ
แย้มถ้ามันเป็นไปเช่นนั้นจะมาปรับเป็นดิฉันผิดคนเดียวหรือ คุณเองไม่ผิดบ้างละหรือ
พระภิรมย์ฯฉันจะผิดอย่างไร
แย้มผิดที่คุณมีความเห็นผิดกับใครๆ เขาไปทั้งบ้านทั้งเมืองน่ะซิคะ เสือป่ากับลูกเสือใครๆ เขาก็แลเห็นประโยชน์ทั้งนั้น คุณไม่เห็นเป็นประโยชน์
พระภิรมย์ฯนี่! อย่างนี้เสียนี่นะ ลูกมันจะไม่กำเริบได้ใจอย่างไร ลูกคนไหนที่แม่แย้มถือท้ายย้ายหัวละก็เสียทุกคน ทีที่แม่แย้มไม่ชอบทำไมมันดีอยู่ได้
แย้มดีอย่างไรคะ พ่อสวิงน่ะกลัวต้องไปเป็นทหารเพราะขี้ขลาดอย่าง ๑ อีกอย่าง ๑ กลัวจะลำบาก กลัวไม่ได้เที่ยว นายซุ่นเบ๋งพี่เมียคุณน่ะมันพาลูกคุณซุกซนป่นปี้ไปแล้วคุณรู้สึกไหม ที่ไล่กฎหมายตกบ่อยๆ และตกอย่างเลวๆ เพราะอะไรคุณไม่รู้บ้างหรือ ที่กรุงเทพฯ นั่น ถ้าใครอยากจะพบพ่อสวิงต้องไปหาที่โรงเหล้า หรือโรงละครเฉวียงไว หรือบ้านโคมเขียวนั่นแน่ะ
พระภิรมย์ฯอือ! ช่างรู้จริงนะ
แย้มส่วนพ่อสวายน่ะคุณก็พะนอจนได้ดีแล้วไหมล่ะ นอกจากการปากบอนกะล่อนเดาะยังมิหนำซ้ำริมีเมียแต่ป่านนี้แล้ว ดีนักละลูกรักคุณทั้งสองคนน่ะ
พระภิรมย์ฯมีอะไรจะพูดอีกไหม
แย้มมีอีกนิดเดียว คือพ่อสวิงน่ะ ถ้าคุณขืนไม่ระวังให้ดีจะต้องเข้าตะรางวัน ๑
พระภิรมย์ฯเพราะเหตุไร
แย้มเพราะเหตุหลบหลีกราชการทหารนั้นแหละก่อนอื่น
             

(หลวงมณีฯ กลับมาอีกแต่มายืนอยู่เพียงประตูด้านหลัง)

พระภิรมย์ฯ(เคือง)      ผมเข้าใจว่าผมได้พูดอย่างแจ่มแจ้งที่สุดแล้ว      ว่าผมไม่ประสงค์ให้คุณหลวงมาบ้านผมอีกเลย
หลวงมณีฯผมมาโดยหน้าที่ราชการ ท่านผู้ว่าราชการเมืองมีบัญชาให้มาเกาะตัวนายสวิงบุตรคุณพระ
พระภิรมย์ฯเพราะเหตุใด
หลวงมณีฯเพราะถึงกำหนดจะไปจับฉลากเข้ารับราชการทหารได้ หมายเรียกแล้วไม่ไป
แย้มดิฉันว่าแล้วไหมล่ะ
พระภิรมย์ฯหล่อนไม่มีหน้าที่จะพูดในเรื่องนี้เลย ขอให้เข้าไปในเรือน (แย้มเข้าไปทาง ซ้าย) นี่แน่คุณหลวง ถ้าผมจะไม่ส่งตัวเขาจะเป็นอย่างไร
หลวงมณีฯผมก็ต้องค้นหาเอาเอง
พระภิรมย์ฯคุณมีอำนาจอะไรที่จะมาค้นบ้านผม
หลวงมณีฯผมถือหมายเป็นสำคัญ (ชูหมายให้ดู แล้วหันไปพูดข้างนอก) ค้นหาตัวนายสวิงมาให้ได้
พระภิรมย์ฯนี่ไม่มีอะไรนอกจากจะแก้แค้นส่วนตัวเท่านั้นเอง เอาอำนาจราชการมาข่มเหง
หลวงมณีฯคุณพระก็เป็นผู้ใหญ่แล้วนะขอรับ ระวังปากคอหน่อยจะดีกว่า ผมไม่อยากจะ ต้องจับคุณพระไปอีกคน ๑ เลย แต่ถ้าคุณพระไม่ฟังคำผมเตือนก็จะเป็นที่น่าเสียใจ ต้องขอให้คุณพระเข้าใจว่าเวลานี้ผมทำการในหน้าที่นายอำเภอเมือง
             

(ตำรวจภูธรนำตัวนายสวิงมาที่เฉลียง นายสวิงนั้นแต่งตัวใส่กางเกงจีนใส่เสื้อชั้นใน ดูเสื้อ ผ้ายู่ยี่ หน้าตาซีด ผมยุ่ง)

หลวงมณีฯได้ที่ไหน
ตำรวจภูธรในโรงม้าขอรับ
พระภิรมย์ฯคุณหลวงมณี ขอผัดสักสองสามเวลาไม่ได้หรือ เวลานี้เขากำลังเรียนกฎหมายอยู่
หลวงมณีฯผัดไม่ได้ขอรับ ต้องไปเดี๋ยวนี้
พระภิรมย์ฯพุทโธ่! ลูกผมเคยเลี้ยงเป็นผู้ดี จะเอาไปใช้อย่างขี้ข้ามันก็ตายเท่านั้นเอง
หลวงมณีฯผมเสียใจ รอสนทนากับพระคุณต่อไปไม่ได้
พระภิรมย์ฯ(โกรธ) ดีละ ดีละ ถ้าไม่มีโอกาสบ้างก็แล้วไป ถ้ามีโอกาสละก็---คอยดูเถอะ คอยดูเถอะ ถึงทีใครก็ทีใครแหละน่ะ คงได้เห็นฤทธิ์อ้ายแก่วัน ๑
             

(หลวงมณีฯ คำนับ แล้วกลับหลังหันเดินดุ่มๆ ไปทางหลัง ตำรวจภูธรพาตัวนายสวิงตามไป พระภิรมย์ฯ ยืนตลึงแลดูตามไปครู่ ๑ แล้วทรุดตัวลงนั่ง)

ชุดที่ ๒

ชุดที่ ๓

เชิงอรรถ

ที่มา

อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ เจ้าพระยาสุรบดินทรสุรินทรฦๅชัย (พร จารุจินดา) ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส วันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ โรงพิมพ์ตีรณสาร

ขอขอบคุณ นายสะอาด บ้านปทุม ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน

เครื่องมือส่วนตัว