เพลงยาวà¸à¸£à¸¡à¸¨à¸±à¸à¸”ิ์ฯ
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == {{เรียงลำดับ|พลเงยาวกรมศักดิ์}} [[…') |
(→ที่มา) |
||
แถว 825: | แถว 825: | ||
<references /> | <references /> | ||
== ที่มา == | == ที่มา == | ||
+ | โครงการสมุดไทย ภาควิชาวรรณคดีเปรียบเทียบ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย [http://www.arts.chula.ac.th/~complit/etext/etext_th.htm] |
รุ่นปัจจุบันของ 16:12, 25 สิงหาคม 2553
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: กรมพระราชวังบวรมหาศักดิ์พลเสพ
เพลงยาวสามชายเป็นเพลงยาวแต่งเทียบเรื่องอิเหนา ชายที่ ๑ เป็นอิเหนา ชายที่ ๒ เป็นสังคามาระตา ชายที่ ๓ เป็นประสันตา โต้ตอบกับหญิงซึ่งเป็นมะเดหวี
บทประพันธ์
เพลงยาวกรมศักดิ์ฯ
ที่ ๑/๑ พระบวรราชนิพนธ์
๏ ถ่ายจิตรออกจารึกเจริญสาร | ||||
ศรีศุภสุนทรในกลอนการ | สมานมิตรมอบมิตรไมตรีมา | |||
โดยดำริแรกเรื่องภิรมย์รัก | ประจักษ์ถวิลที่พี่จินตนาหา | |||
เจ้าโฉมทิพย์เกสรสุมาลา | อย่าร้างรักโดยราให้แรมวัน | |||
ขอมอบชีวิตจิตรกายจนตายจาก | ขอฝากของขวัญขวัญใจจงรับขวัญ | |||
ขอร่วมร้อนร่วมเย็นเป็นนิรันดร์ | ร่วมพันธุมิตรร่วมประยูรวงศ์ | |||
แต่ทนทุกข์ขุกคิดไม่ขาดสวาดิ | เป็นเหลือมาตรที่จะมุ่งหมายประสงค์ | |||
สุดคิดสุดจิตรที่ใจจง | หมายไม่คงครองชีพชีวาวาย | |||
เพราะแสนร้อนสุดรนด้วยทนรัก | ยิ่งกว่าผลักแผ่นฟ้าสุธาหงาย | |||
วิดสมุทรขุดเขาคิรีทลาย | ว่ายเมฆไปชะลอวิมานอินทร์ | |||
ก็ไม่เหมือนพยายามในความรัก | นั้นสุดหนักอกโอ้อาวรณ์ถวิล | |||
ดำริรักหนักจิตเป็นอาจินต์ | ก่นแต่กินเทวษไห้ไม่วายวัน | |||
อย่าเมินมิตรมอบเสน่ห์พี่เทรัก | อย่าผละผลักใจสูญสวาดิสั้น | |||
สงสารอกเทิดที่โอ้ประมาณครัน | แต่จิตรหวั่นเร่าร้อนก็เหลือตรอม | |||
ตราสวาดิมิได้ขาดวันถวิล | เพราะไกลกลิ่นไกลกลั้วกลิ่นถนอม | |||
ไกลเนื้อที่จะแนบนวลประนอม | ไกลจอมเสน่ห์หน้าปรานีชม | |||
ไม่เป็นกินเป็นนอนแต่ร้อนรัก | อกจะหักเสียด้วยทุกข์ระทมถม | |||
เจ็บถนัดกลัดทรวงแสนระทม | ตั่งตองคมอาวุธในหว่างแด | |||
เชิญสมรช่วยสมานประสานรส | เป็นโอสถเสนหารักษาแผล | |||
ถึงมิเยือนก็แต่พอเอื้อนอาลัยแล | มาพอแก้ใจเศร้าที่สุดทน | |||
ขอปราโมทย์มโนปรีดิ์ไมตรีจิตร | กับสุจริตจารึกเรื่องนุสนธิ์ | |||
อย่าเคลือบแคลงแหนงใจว่าใส่กล | ในนิพนธ์พื้นจริงประจงวาง | |||
แต่ตั้งใจมาก็จวบเข้าขวบปี | จงปรานีเทิดอย่าเมินสะเทินหมาง | |||
เหมือนช่วยชีพไว้ให้รอดตลอดปาง | อย่าเสียทางระหว่างรักภักดีดี | |||
เจ้าดั่งดวงมณฑาทิพย์เทศกาล | ควรจะบานแบ่งรับพระสุรีย์ศรี | |||
แมนเนิ่นนานเกลือกพาลไพรีมี | จะราคีขุ่นข้องระคายกาย | |||
ฤๅคิดขามอยู่ในความอุปวาท | ด้วยเกรงชาติเกสรจะหล่นสลาย | |||
ก็ใช่การอย่ารำคาญเคืองระคาย | จงหมายมาตรเทิดที่มุ่งมิตรใจ | |||
แล้วจะหมางว่าพี่หมิ่นประมาทอาจ | เพราะสวาดิใช่จะลามในความใคร่ | |||
ย่อมเกิดกับสำหรับโลกมาแต่ไร | สุดวิสัยซึ่งจะห้ามความติเตียน | |||
ถึงดินน้ำลมไฟทิวากร | ศศิธรส่องทิศสถิตเสถียร | |||
ก็ไม่พ้นคนตำหนิติเตียน | ย่อมมีเสี้ยนหนามเหน็บคือนินทา | |||
ก็เป็นวิสัยครหาชะล่าลิ้น | ถึงน้ำดินลมฝนไม่พ้นว่า | |||
ไม่เว้นตัวทั่วกันเป็นธรรมดา | ย่อมมีมามากแล้วแต่ก่อนกาล | |||
อันมธุรสสุนทรอักษรสวัสดิ์ | เป็นคำสัตย์จริงใจมาในสาร | |||
มิใช่จะล่อลิ้นแต่งสำนวนพาล | แล้วจะราญรอนรักนิราไกล | |||
เหมือนวิทเยศลอบโลมตระโบมสมาน | ฤดีดาลแล้วจะหน่ายนั้นหาไม่ | |||
ขอเชิญสมานรับสารอย่าถือใจ | ตระกูลใช่จรกาจะเสื่อมพงศ์ | |||
ตัวเจ้าก็เป็นวงศ์อสัญเพศ | เรียมประเวศจากห้องครรไลหงส์ | |||
อย่าถือใจเลยใช่น้ำจะต่ำวงศ์ | ถึงจะคงยังนิเวศสงวนนวล | |||
แม้นลมรานพานผิวจะหมองพักตร์ | อย่าราแรมรสรักฤดีหวล | |||
อย่าเนิ่นนักชักช้าให้เรียมครวญ | ขอเชิญนวลเสนาะถ้อยสุหร่ายคำ | |||
มาสรงโสตพี่ด้วยรสวาทีทิพย์ | ประจงหยิบมาในกลอนสุนทรขำ | |||
อยาเมินเมียงสมรม้วนคดีอำ | ยั่วให้ช้ำเย้าให้พี่ภักดีตรอม | |||
ให้ตรงจริงเหมือนหนึ่งสิ่งสนองนุช | อันโกมุทอย่าเจือพาลให้รานหอม | |||
จะเสื่อมกลิ่นรสฟุ้งบำรุงออม | วานอย่าน้อมรสรักให้เรรวน | |||
อันสิ่งเกษมขอให้สมสวาดิพักตร์ | เจริญรักอย่าให้ร้าวรานสงวน | |||
แต่คิดค่อนนอนคอยในข่าวนวล | หวังประมวญมอบใจมาในมิตร | |||
เมื่อกุศลจะส่งผลให้ประจักษ์ | ยังมีเทพารักษ์อันศักดิ์สิทธิ์ | |||
รับบวงสรวงว่าจะช่วยให้สมคิด | ที่ร้อนจิตรนั้นค่อยคลายบรรเทากรม | |||
จึงตั้งจิตรแต่งกลอนสุนทรสนอง | หวังประคองมิให้เคืองระคายขม | |||
ใช่ขัดเงาเกลาคำสำนวนคม | แสนระทมเหลือทนประทังกาย | |||
อนึ่งอย่าประเจิดแจ้งให้ประจักษ์ | ที่ในลักษณ์เล็ดลอดมาถึงสาย | – | ||
สมรปิดอย่าให้แซ่กระแสระคาย | ที่เรียมหมายจงให้สมอารมณ์ปอง | |||
แม้นเมตตาขอให้มีสาราตอบ | โดยระบอบอย่าให้เสื่อมนุสรสนอง | |||
จะได้คลายอุระช้ำระกำตรอง | ประจงปองอย่าให้ป่วยไมตรีเอย | |||
ฯ ๕๖ คำ ฯ | ||||
ที่ ๒/๒ พระบวรราชนิพนธ์
๏ แถลงปางให้พระน้องจำทูลถวาย | |||
การุญจิตรปิ้มชีพิตจะวางวาย | หากเสียดายอยู่ด้วยรักจึ่งหักเพียร | ||
จึงได้ดำรงคงชีพนับขวบมา | ด้วยยาเกร็ดรักษาตามพาเหียร | ||
ครั้งหนึ่งโรคกำเริบร้ายประหนึ่งเจียน | เจ็บยิ่งเสี้ยนศรแล่งอุรารอน | ||
จึงตั้งจิตรต่อด้วยพรหมวิหาร | กับสัตยาธิษฐานบุพเพก่อน | ||
เข้าตาจนก็ต้องทนโอ้อาวรณ์ | แต่จงมาตรหมายสมรไม่วางเลย | ||
เดชะสัตย์จึงบำบัดประทังโรค | แต่แรงโศกนั้นไม่สร่างนะน้องเอ๋ย | ||
จึงกลับเพียรสวาดิหวังยังก่อนเคย | กริ่งจะเฉยอยู่จึงถ่อมน้ำใจเจียม | ||
แต่น้ำใจเฉลิมใจยิ่งเพิ่มสวาดิ | ใช่จะอาจล่อลิ้นประลองเลียม | ||
แล้วเห็นควรใช่จะลวนประเทียบเทียม | ใจเสงี่ยมดอกนะแม่อย่าถือใจ | ||
บุพเพถึงจำเพาะจึงพระน้องพี่ | จึงปรานีรับประกันชะอ้อนไห้ | ||
ควรฤๅยังไม่สิ้นแคลงมาแหนงใจ | จงอ้างไททิพโสตเป็นพยาน | ||
ฉะนั้นแล้วยังไม่เชื่อจะไต่สวน | ประมวญชาติน้องให้เนิ่นวันสมาน | ||
จะอ้างใครเล่าที่ในสุธาธาร | ใช่ว่าการนั้นประเจิดต้องจำจน | ||
ตำแหน่งเนาติกาหรังแม่หวังสถิต | แม้นมีฤทธิ์เทิดจะลิ่วโพยมหน | ||
จำเพาะพักตร์ให้สิ้นแคลงแจ้งยุบล | นี้ถือคนสอบสื่อนั้นพานคลาย | ||
นำคดีถี่ถ้อยฉวยพลำพลาด | จึงต้องร่างกลอนสวาดิให้นำถวาย | ||
หนึ่งที่โรคประมาณปีนั้นค่อยคลาย | เห็นจะหายก็เพราะยาที่การุญ | ||
แต่จะวางโอสถห่างนั้นไม่ได้ | กลัวว่าไข้กลับกำเริบสิจักวุ่น | ||
ยานี้ชอบโรคแล้วแม่หวังบุญ | เทิดที่คุณจักสนองไม่ลืมจำ | ||
อันว่าแพทย์พยาบาลมาก่อนมาก | ไม่หวังฝากชีวิตได้ให้อุปถัมภ์ | ||
ทีนี้และชะรอยคงจะสิ้นกรรม | ดังเทพนำโอสถทิพย์มาทาทรวง | ||
จะหวังแสดงให้แจ้งในอุระบ้าง | ถึงคราวเมื่อเหินแหห่างก็ยังหวง | ||
ไม่ว่างเว้นที่จะมุ่งภักดีดวง | สิบเจ็ดปีมิได้ล่วงทิวาวัน | ||
แม้นคราวแม่ระทมทุกข์พี่ทุกข์ด้วย | ปิ้มประหนึ่งจะรานม้วยช่วยแทรกกระสัน | ||
แม้นยามสุขร่วมสุขเสมอกัน | แต่สุขเมื่อขวัญลอยลิ่วแลเรียมตรอม | ||
ครั้งนี้แม่จะเชือนแหให้ห่างเทวษ | เอ็นดูเนตรเทิดจงรับภักดีถนอม | ||
ถึงแม้จะเปิดศิวาลัยฤทัยออม | ไม่รักเป็นจอมวิเชียรเท่าเช่นเพราพราย | ||
อยู่เอองค์เกลือกสุริยงจะจงสมร | จะทนร้อนได้ฤๅแสงพระสุริฉาย | ||
พอใช้ขวัญมาชวนขวัญขอเชิญสบาย | สุขกายตาไหนจะสู้สุขใจเจิม | ||
อภัยน้องเถิดมิใช่จะแกล้งว่า | เพราะเมตตาหวังจะไว้เป็นจอมเฉลิม | ||
ทุกวันเห็นมีแต่หมองมาพ้องเติม | เออก็เดิมสิเคยเด่นเหมือนเพ็ญจันทร์ | ||
มากลับเป็นกาฬปักษ์พยับทั่ว | เพราะใกล้กลัวร้อนแรงพระสุริฉัน | ||
พี่ตรอมด้วยช่วยแสนจาบัลย์ครัน | เพราะรักบุหลันกริ่งจะดับไปกับเดือน | ||
อันสุนทรกลอนประจงจำนงหัตถ์ | ใช่จะดัดประลองเล่นเช่นลิ้นเลื่อน | ||
เอ็นดูพี่อย่าหน่ายหนีเสน่ห์เบือน | ขอมอบขวัญไว้เป็นเพื่อนพยายาม | ||
ขอมอบชีพมอบรักภักดีด้วย | แม้นน้องม้วยจะยอมม้วยด้วยในสนาม | ||
แม้นคราวยากจะสู้ยากลำบากตาม | เหมือนหนึ่งร่วมอุทรสามทั้งนายประกัน | ||
จะพรรณนาที่มาตรมาสิบเจ็ดปี | ก็สุดที่จะแสดงแจ้งข้อกระสัน | ||
ถึงจะต้องใส่พ้อมสักสองพัน | อันแรงรักนั้นก็เหลือเป็นความจริง | ||
ต่อยามสามจึงพอว่างได้ร่างเรื่อง | จนเนตรเคืองกลางวันเฝือการหลายสิ่ง | ||
ชำระทุกข์ราษฎรอุทธรณ์ประวิง | ทั้งการช่างเล่าไม่นิ่งต้องดูทำ | ||
ไหนจะเฝ้าธุลีบาทสามเวลา | ทั้งดำริการค้าเวลาค่ำ | ||
เพราะผู้เดี่ยวเปลี่ยวโอ้ใจระยำ | ทั้งการบ้านเล่าก็ทำด้วยจำเป็น | ||
เพราะไม่มีคู่หวังต้องเหนื่อยนัก | จะหมายพักตร์พึ่งใครไม่แลเห็น | ||
จะดับทุกข์ได้แต่น้องช่วยผ่อนเย็น | ยังจะเอ็นดูบ้างฤๅฉันใด | ||
โอ้ปานนี้นุชพี่ของเรียมเอ๋ย | ยังเสบยฤๅว่าแม่จะเป็นไฉน | ||
จะบรรทมแต่ผู้เดียวเปลี่ยวฤทัย | ฤๅมิตรใจชวนใจให้จาบัลย์ | ||
ใครจะอยู่เพื่อนพระน้องสนองพลอด | ใจพี่เร่งใจลอดไปโลมขวัญ | ||
ถึงทางใกล้จนใจดั่งไกลกัน | ยิ่งกระสันทอดทุ่มบรรจถรณ์ครวญ | ||
ขอพระน้องนายประกันจงนำชอบ | ประกอบถวายอย่าให้เคืองฤทัยหวล | ||
สิ่งใดแคลงระแวงข้อขอประทวน | ใช่จะลวนเหมือนหนึ่งเช่นเล่นกลอนพาล | ||
ครั้นจะร่างแต่เป็นเรื่องอักษรศัพท์ | ฟังดูเล่าก็ไม่จับกรรณสมาน | ||
แม้นผิดพลั้งสิ่งใดขอให้การ | จงประทานอดโทษเสียเทิดเอย | ||
ฯ ๕๔ คำ ฯ | |||
โคลง ๔ สุภาพ | |||
๏ จันทรจรัสปรัดนวลแผ้ว | พักตร์สมร กูฤๅ | ||
ดาราดาษอัมพร | แพ่วฟ้า | ||
ถวิลนามหวลอาวรณ์ | แรงเทวษ เรียมเฮย | ||
ดั่งใคร่เร่งเห็นหน้า | สวาดิมุ่งเสน่ห์หมาย ฯ | ||
ร่าย
๏ บรรจงถวายกลอนอ้าง ใช่ปราชญ์ร่างคะนองทำ นำคดีพอชี้เรื่อง ผิดพลั้งเคืองจงอด แจ้งกำหนดพจนถ้วน ห้าสิบประมวญเศษสี่ หนึ่งโคลงกวีสุวภาพ แทนกลิ่นอาบบุษบัน กุศลสรรซึ่งเสกส้อง ขอจงเพิ่มพระน้อง ทุกข์สิ้นค่อยเจริญผล ฯ
ที่ ๑/๓ พระนิพนธ์
๏ อัญขยมประนมฟังพระนุชสมาน | |||
รับนุสรจากขนิษฐ์วินิจนาน | อุระปานทิพรสสุหร่ายพราย | ||
ให้เย็นซาบโสตะประสาทชื่น | ชุลีคืนหัตถ์ผันภิวันท์ถวาย | ||
เสนาะคำแต่ล้วนขันออกบรรยาย | หวังละลายโศกสร่างสำอางเงา | ||
ขอบพระคุณกรุณาปรานีพักตร์ | พระเดชหนักกว่าจอมสุเมรุเขา | ||
ประทังทุกข์ขุกเวทนาเนา | ค่อยบรรเทาข้อวิตกแต่อกตรอม | ||
ประมาณเหมือนเดือนฤดูกาฬปักษ์ | จะวางหมายพักตร์ไม่ควรถนอม | ||
โปรดเพียงพึ่งบารมินทร์นรินทร์จอม | ขอพระเกียรติปรกกระหม่อมแต่พอเย็น | ||
เมตตาตรึกระลึกตรองให้ข้องโชค | ฉวยปะโศกสุดที่ดับระงับเข็ญ | ||
จะมิผอมงอมหน้าน้ำตากระเด็น | ยามเมื่อเอ็นดูจิตรล้วนคิดควร | ||
กำหนดนับพยายามความเทวษ | สดับนองชลเนตรแล้วกลับสรวล | ||
สิบเจ็ดปีมีแต่ทุกข์ทับประมวญ | ระทมทวนแท้จริงทุกสิ่งโทม | ||
ก็ย่อมทราบยุบลบ้างแต่ปางหลัง | แม้นสมหวังไหนจะนึกระลึกโฉม | ||
เมื่อแผลเสี้ยนเบียนระบอมมาซอมโซม | ฟังก็โสมนัสชื่นแล้วคืนจิน- | ||
ตนามุ่งสมหวังจะยังชั่ว | นี่เกลือกกลั้ววาสนาไม่พาผิน | ||
นุญาตร่วมทุกข์ระทมนิยมยิน | ยามเมื่อกินระกำขวัญนั้นแลลอย | ||
เพราะไม่มีที่พำนักจะพักพึ่ง | อย่ายกเรื่องเลยให้รึงแรงละห้อย | ||
ใช่ฝ่ากายฝ่ายสูงพยูงลอย | คราวบุญน้อยก็ต้องช้ำระกำตรอง | ||
ดังดวงแขแลยามวสันต์แสง | ถึงยามแจ้งแจ่มก็คงชื่อนั้นฦๅหมอง | ||
ไหนจะสร่างกระจ่างสีราคีประคอง | ฝ่าละอองเชิญวิฉัยในราวความ | ||
ดวงอุทัยไขแสงภานุมาศ | เรืองสะอาดส่องภพทวีปสาม | ||
จะมัวสีก็เพราะมีมลทินตาม | เสียดายงามเคยรุ่งอรุณเรือง | ||
ฝ่ายบุญน้อยก็จะช้ำระกำยาก | ทุพพลพากเผือดสีฉวีเหลือง | ||
เพราะหลงงมชมหวานนานจะเคือง | ใครจะเปลื้องปลดเศร้าบรรเทาเท | ||
นี่ใจจริงสิ่งสนองฉลองตรัส | เป็นความสัตย์ใช่จะทวนให้หวนเห | ||
จะว่าเลี้ยวลดลมคารมเร | หน่วงคะเนไต่สวนไม่ควรครือ | ||
ไหนจะหมองกายังทั้งเสียสิ้น | จะเชิดชื่อปัถพินว่าหลงถือ | ||
หมายจิรังแล้วจะยังแต่นามฦๅ | เขาจะรื้อเย้ยหยันสิครันงาม | ||
แต่จะตรึงรึงรุมเทวษครัน | กระหม่อมฉันฤๅจะเอื้อมออกสนาม | ||
เชิญที่มุ่งก่อนสมรเสมอนาม | ใช่จะลามเพิดพ้อต่อแสดง | ||
นื้โดยจริงจึงประมาณสารสวัสดิ์ | ครั้นไม่ทูลประหนึ่งขัดบัญชาแถลง | ||
ด้วยเจียมตัวกลัวผิดคิดระแวง | มิให้แหนงนี้เป็นน่านิจจาจริง | ||
ว่าไม่มีที่หวังประทังทุกข์ | สงสารโศกช่างไม่สุขแต่สักสิ่ง | ||
ก็สุดชื่นแต่จะเชื่อเหลือประวิง | เลือกล้วนพริ้งพร่ำว่าให้สาใจ | ||
ที่โอนโอษฐ์โปรดน้อมมนัสนับ | จะร่วมคัพภาพงศ์ยังสงสัย | ||
พระวาจังหวังแต่จริงไม่กริ่งใจ | คำนี้ไว้หว่างศิโรโมลีชม | ||
เห็นจะมั่นหรือประกันใบสัจเสร็จ | มาถึงไทโดยเสด็จสรวมประสม | ||
ประทานโทษโปรดข้ออุทธรณ์ลม | ลิขิตคมคำเล่นไม่เป็นการ | ||
อันเสารสพจน์น้อยเหมือนเจ้าของ | กรประคองวันทามาในสาร | ||
จงปรานีอย่าให้มีราคีพาน | แล้วแช่ชุบชลธารเสียเทิดเอย | ||
ฯ ๘๐ คำ ฯ | |||
โคลง ๔ สุภาพ | |||
๏ ประสงค์ประสิทธิสร้อย | เสกสรร น้อยฤๅ | ||
อย่าแม่ถอนประกันฝัน | เทิดน้อง | ||
เหตุนี้เห็นน่าจะรัน | ทดเทวษ ถวิลนา | ||
แม้ว่าจริงจักต้อง | ทุกข์พี่นั้นพลันสมร ฯ | ||
ที่ ๓/๔ พระบวรราชนิพนธ์
๏ นอนคะนึงพระนุชกำสรดเสวย | |||
จุมพิตสะพักต่างพักตร์กระกองเชย | ยอกรเกยก่ายนลาฏรัญจวนครัน | ||
เสียวสวาดิดังกรรมัชวาตจะรอนจิตร | ปิ้มจะปลิดชีพิตเด็ดด้วยแรงศัลย์ | ||
นี่หากได้ซ่วมบุหงายาดมทัน | พอประกันแห้ไว้บรรเทาคลาย | ||
จึงหยิบเอาเอกสารประจงคลี่อ่าน | รสถ้อยคำสมานยิ่งเตือนกระหาย | ||
ผิดระเบียบฝีหัตถ์ไม่พริ้มพราย | ดั่งช่างชายกลวาดอักขรา | ||
แล้วนำสำเนามาบรรทับอุระครวญ | ยิ่งรัญจวนร้อนเร่าละห้อยหา | ||
พอผู้นำกลอนสนองพระน้องมา | แจ้งว่ายุบลตอบก็ขอบคำ | ||
จึงรับมาแตระผนึกประจำแก้ | ถุงแพรจิ้นดัดประจงจำนงขำ | ||
มิทันอ่านที่ในสารพระนุชทำ | เสน่ห์นำก็ยิ่งเพิ่มเติมทวี | ||
จึงพินิจในกลอนสมรมิ่ง | เสนาะจริงมิใช่แสร้งสรรใส่สี | ||
ถึงนาเรศที่เปรมปราชญ์ชาติกวี | จะดีกว่ามธุรสแม่สักเพียงไร | ||
รสถ้อยน้อยฤๅฉ่ำดังน้ำทิพย์ | มายกหยิบรอนโศกจนเสื่อมได้ | ||
พี่หวังจิตรคิดจะฝากชีวาลัย | ด้วยน้ำใจมิตรภาพเป็นความจริง | ||
แต่ไยไฉนในสุนทรที่กลอนอ้าง | ยังระคางระแวงแหนงอยู่หลายสิ่ง | ||
ครั้นจะแคะแกะข้อต่อประวิง | เหมือนหนึ่งยิ่งร้อนจิตรให้หมองมัว | ||
จะขอยุดแต่สิ่งสัตย์อันสุจริต | กับมิตรจิตรและปลิดราคินกลั้ว | ||
กับแรงรักแจะไว้เป็นเพื่อนตัว | ต่อเสร็จชั่วศิวโมกข์แลวายปอง | ||
ขอเชิญแม่จงเจือใจอาลัยบ้าง | ขจัดหมางดับโศกวิโยคหมอง | ||
ยุบลหลังซึ่งว่าทราบนั้นดาลคะนอง | ครั้นเมื่อต้องจำจนจึงจำเป็น | ||
พอแก้ใจมิได้ไต่สวนเสร็จซ้อม | คำต่อคำแลนำน้อมเหมือนว่าเล่น | ||
ไม่นานนักแล้วก็รักสร่างกระเด็น | ไหนจะเช่นที่พี่มาตรมาแรมปี | ||
หนึ่งว่าเชิญให้ไปมุ่งที่ก่อนเสมอ | เออเออผิดไปแล้วน้องแก้วพี่ | ||
ซึ่งถ่ายจิตรนี้แลก่อนอักษรมี | ก็ต้องที่จะได้เดินประเชิญพยาน | ||
ไม่นำมากแล้วไม่อยากต้องไต่สวน | จะอ้างประมวญแต่พระน้องสองสมาน | ||
ถ้าสืบสมเหมือนหนึ่งคำพี่ให้การ | แม้นในก่อนอย่ารอนสารเลยจำยอม | ||
โอ้พระนุชจงเห็นใจในพี่บ้าง | เด็ดระคางอย่าให้เผือดฉวีผอม | ||
โดยสุจริตอื่นไม่คิดประสงค์จอม | ถึงใครจะน้อมดอกฟ้ามาถึงมือ | ||
จะมาตรถนอมไว้เป็นจอมหทัยฦๅ | จะไว้ชื่อหน่วยหนึ่งรักที่เพียรมา | ||
เมื่อครั้งน้องอยู่กลางกองสุเมรุมาศ | แลสุดอาจที่จะเจาะชำเระผา | ||
ถึงกระนั้นก็ไม่สิ้นที่จินตนา | หมายอยู่ว่าถ้ากุศลจนวันตาย | ||
จะดับขันธ์ประจุบันในชาตินี้ | แม้นบุญมีอนาคตคงสมหมาย | ||
ช่างประไรจะให้ป่วยภักดีกาย | ฤๅจึงทลายแคะข้อประวิงความ | ||
แต่สุริเยศยังประเวศอาลัยโลก | แรงวิโยคจะให้ดับฤๅใคร่ถาม | ||
ถึงจันทรส่องแสงฉวีงาม | เมื่อยามแรมร้างราษตรี | ||
ยังรู้อาลัยที่ในดวงดาราก่อน | นี่ใยสมรน้องจะไม่อาลัยพี่ | ||
ถึงมัจฉาเจียวยังหวงห้วงวารี | เมื่อยามแล้งจะร้างที่ลงวังวน | ||
แต่มยุราที่มีคู่ถนอมขวัญ | แล้วยังกระสันถึงเมฆฤดูฝน | ||
จะไม่ถนอมเสน่ห์บ้างก็ท่าจน | เหมือนเด็ดก้านอุบลไม่ไว้ใย | ||
แม้นเป็นกระนี้จะต้องปรานีทรวงเทวษ | จะตวงน้ำชลเนตรไว้ที่ไหน | ||
จะหาขวดยักกัตตราสักสิบใบ | ได้สู้ใส่ไว้เป็นบรรณาการ | ||
ไฉนน้องจะให้นองน้ำเนตรฤๅ | จึงยังถือฤทัยแหนงระแวงสมาน | ||
ไม่หน่วงรักหักข้อราคินพาล | เลยอันสิ้นสาธารณ์มีธรรมดา | ||
แม้นชอบกันแล้วก็ยกว่ากันดี | แม้นชังกันใส่สีเสกสรรว่า | ||
ก็เป็นวิสัยโลกธรรมดาย่อมมีมา | ถึงเทวาสุรเทพสุราลัย | ||
คำตำเนียนคือใครไหนจะพ้น | แต่ลมฝนหนาวร้อนยังค่อนได้ | ||
นี่แน่น้องแม่อย่าหมองกมลใน | ปลงแต่ใจเทิดที่ใจการุญกัน | ||
ซึ่งยังแหนงคำจำนงจงร่วมครรภ | เอ็นดูนบหน่อยน้องอย่าเดียดฉันท์ | ||
ใช่อุทธรณ์ลมล้อต่อผูกพัน | ล้วนสัตย์มั่นสิ่งซื่อทุกคำกลอน | ||
ขอขนิษฐ์นายประกันเสนอด้วย | แล้วหมั่นช่วยเพ็ดทูลอย่าสูญสอน | ||
ทิวาวันแม่อย่าเว้นชะอ้อนวอน | จงชี้แจงสารสุนทรอุราตรม | ||
แม้นจะขัดเคืองในพระน้องบ้าง | ขนิษฐ์นุชพี่อย่างห่างระคางขม | ||
อันโกรธเกรี้ยวสักประเดี๋ยวก็ลิ่วลม | เหตุประถมทั้งนี้เพราะพี่เอย | ||
ฯ ๕๔ คำ ฯ | |||
โคลง ๔ สุภาพ | |||
๏ ประสงค์ใช่เสกแสร้ง | ใส่สี แม่เฮย | ||
จะให้ถอนประกันหนี | ห่อนได้ | ||
ซึ่งว่าเหตุนานทวี | เทวษโอ้ จริงแฮ | ||
เพราะว่ารักฤๅใคร่ | ผ่อนได้ให้สร่างตรอม ฯ | ||
๏ บุหงามาเลศไว้ | เคียงเขนย | ||
กระหลบวิสูตรรำเพย | เพ่นถั้ว | ||
เร้ากลิ่นฤบางเสบย | ทราบรส พะเยียแฮ | ||
ซ้ำสะพักแรงกลั้ว | เร่งร้อนใจถึง ฯ | ||
๏ ดาวดาษแผ้วกระจ่างหล้า | นึกสมร เนียงฤๅ | ||
ดึกสงัดร่างโคลงกลอน | เนตรช้ำ | ||
ขวัญเอยเร่งขวัญจร | เร็วสู่ น้องนา | ||
จงอย่าทันรุ่งหย้ำ | กลับเย้าข่าวเสนอ ฯ | ||
ร่าย
๏ จนสกุณมะเมอเสียงแจ้ว พอร่างแล้วเรื่องกลอน โดยสุนทรทอดสนิท คำนวณคิดสิริถ้วน ห้าสิบประมวญเศษสี่ โคลงกวีเศษสร้อย ลิลิตน้อยประดับกัน จวบไก่ขันร่วมรุ่ง ประกายพรึกพุ่งเรื้อแพร้ว ระฆังพระแก้วตีเตือน ร้อนใจเหมือนจักขว้ำ อกพี่แรงชอกช้ำ เร่งช้ำใจถึง ฯ
โคลง ๔ สุภาพ | |||
๏ ยามค่ำเสด็จสถิตที่ | เทียมประทม | ||
มุขพิมานจักรพรรดิสม | ผ่านหล้า | ||
ด้วยพระนุชสุดเสน่ห์ชม | ชูชื่น กันแช | ||
สมคิดจิตรผ่องฟ้า | รุ่งแล้วเทียมเดือน ฯ | ||
๏ ขอพรอิศเรศท้าว | เทวัญ พ่อเฮย | ||
เชิญช่วยอวยประสิทธิ์สรร | ส่งให้ | ||
อย่ามีอริรัน | รานรัก เรานา | ||
ให้ส่งคงสัจฉ้วย | เชิดชื้นพูนเกษม ฯ | ||
๏ ขอพระรวิวร | ส่องภพ พ่อเฮย | ||
ศศิธรจรนภ | แพ่วฟ้า | ||
สองวงทรงธรรมจบ | เที่ยงโลก | ||
ช่วยบันดาลพระน้องข้า | เที่ยงแท้เหมือนปอง ฯ | ||
ที่ ๒/๔ พระนิพนธ์
๏ อัญชุลิตกฤษฎางค์ในทางกระแส | |||
กันไกรแตระแกะตราที่ประทับ | วิไลแลเลขาสง่าองค์ | ||
ดังสุพรรณบัฏแบ่งแห่งตรีเนตร | ใช้วิษณุประเวศระเห็จหงส์ | ||
ลอยโพยมโลมโลกครรไลลง | ละลานทรงสุนทรสนองของเทวินทร์ | ||
ชะรอยบุญหนุนวาสนาเหลือ | บุพเพเพื่อพอประสบพบโกสินทร์ | ||
เข้าขัดทัพรับรั้งนัครินทร์ | บันดาลสิ้นก็ไม่สมคะเนปอง | ||
เป็นกุศลดลในมหัยฤทธิ์ | ปลิดชีพิตลอยลงบรรจงสนอง | ||
เอางานรับชีพดูชูประคอง | วางไว้ต้องมั่นหัตถ์จะพลัดกร | ||
ด้วยเป็นมนุษย์สุดนิยมมาชมสวรรค์ | จึงรำพันทูลแต่จริงสิ่งนุสร | ||
ไม่โปรดห้ามความแหนงระแวงกลอน | ก็เป็นอ่อนอกโอ้ระกำอำ | ||
เมื่อสารพัดจัดเจาะจำเพาะเจตน์ | ครั้นจับเหตุเห็นว่าพบประสบขำ | ||
กลับป้วนเปี้ยนเวียนบิดพนิตคำ | ก็ตามเทิดแต่จำทำไม่ทูลเลย | ||
ประทานโทษโปรดที่เกินมาสอบถาม | ต้องตัดตามรับสั่งดังเฉลย | ||
สอนประทานคำบ้างไว้วางเคย | นิจจาเอ๋ยจะให้อายแต่ฝ่ายเดียว | ||
นี่ฤๅว่าปรานีที่ตรงไหน | เหมือนปัดไถมรองเนื้อนั้นเหลือเขียว | ||
อันราคินนั้นไม่สิ้นในใจเจียว | จะให้เหนี่ยวหน่วงไหนลงใบยอม | ||
แม้นบริสุทธิ์ดุจหลังครั้งถ่ายจิตร | ไม่เคลือบแคลงแต่สักนิดจะนอบถนอม | ||
ถึงมิชั่วก็เหมือนช้ำด้วยคำมอม | นี้แลจอมสุดที่จนฉงนใจ | ||
การุญจิตรมิตรภาพประมาณแม้น | กว่าโกฏิแสนสิ้นสุดอสงไขย | ||
มายลยากแต่จะฝากชีวาลัย | ฉวยรับไว้ปะที่ขำสิจำเป็น | ||
นานจะแชแก้ขัดสลัดช้อง | ว่าคำต่อคำน้องกำเดาะเล่น | ||
ยังจะเหมือนเชือนชักหักกระเด็น | ก็จะเช่นรายหลังระวังความ | ||
อันสุริยันจันทรอาวรณ์จิตร | ใช่เชิงชิดปรีชาอย่ามาถาม | ||
ถึงดาเรศมยุรามัจฉายาม | นิยมตามภาษาอาลัยกัน | ||
วิสัยเขาใยจึงเอามาทอนถาก | นี่ใครพรากคู่ถนอมให้ตรอมขวัญ | ||
ดูก็น่าสงสารรำคาญครัน | สุดจะกลั้นโศกาช่วยอาดูร | ||
นี่แน่คุณที่การุญภักดีน้อง | วางพี่รองชลนัยน์อย่าให้สูญ | ||
ปานนี้ท่วมบรรจถรณ์ฟูยี่ภู่พูน | พี่ช่วยทูลทัดท่าหาขวดรอง | ||
แต่สิบใบนี้จะใส่ไว้พอฤๅ | เอ็นดูซื้ออิกสักห้าหกสิบสนอง | ||
คราวเมื่อโศกครั้งไรก็ได้รอง | ฟังคะนองนี้ก็เพราะเสนาะปาน | ||
ดุริยางค์สังคีตดีดสีสังข์ | แตรฝรั่งดนตรีปี่ประสาน | ||
เหมือนเตือนขวัญให้หวั่นเทวษนาน | น้อยฤๅหวานรสเจือจนเหลือฟัง | ||
แต่นี้เข็ญเช่นก่อนจะย้อนทุกข์ | เกษมสุขสบที่โง่ก็งมหวัง | ||
ดูระดมดาลดับคับอุรัง | จนกระทั่งลั่นฆ้องแต่น้องเคียง | ||
อันเดิมตีนี้ระฆังในพระแก้ว | พี่หวาดแว่วว่าจะเป็นเช่นสองเสียง | ||
ไก่กระพือปีกขันสนั่นเวียง | ส่งสำเนียงเร้าเร่งดาเรศแรง | ||
วินิจดาวคราวเมื่อดึกเด่นระดาษ | ดูอนาถจวนรุ่งก็โรยแสง | ||
วิตกเช่นเห็นประกายพรึกแปลง | ถึงยามแจ้งแล้วจะโอ้แต่อกรัว | ||
นี่แน่นุชสุดสายสมรพี่ | อย่าถือดีเข้ามาแก้แม่ทูนหัว | ||
แม่ยังเยาว์เบาจิตรไม่คิดกลัว | ถ้าพี่มัวจะไม่หมองฤๅน้องชม | ||
มิฟังพี่แล้วจะตีจริงจริงนะเจ้า | อะไรเฝ้าเซ้าซี้ทีประสม | ||
อนิจจายาหยีน้อยจะลอยลม | ไปบรรทมให้สำราญวานอย่าวอน | ||
แน่ดูทำจำบีบสุชลไหล | เดี๋ยวก็หยิกดวงใจนี่ใครสอน | ||
ช่างจู้จี้จริงจริงไม่นิ่งนอน | ถ้าขืนอ้อนแล้วจะตีให้หนีเอย | ||
ฯ ๔๕ คำ ฯ | |||
โคลง ๔ สุภาพ | |||
๏ ยามสมัยไก่ขันเข้า | บรรจถรณ์ พี่เอย | ||
เหลือบว่าฝันลอยจร | ล่องฟ้า | ||
นบนิ้วประนมกร | รับสั่ง มาฤๅ | ||
เชิญเทิดกลับลิ่วหล้า | นำถ้อยทูลสนอง ฯ | ||
๏ ว่านุชดุษฎีเบื้อง | บาทบง กชเฮย | ||
แหวนใช่ธำมรงค์ | เลิศข้า | ||
หนึ่งไป่ควรสวมทรง | สอดนิ้ว หัตถ์แฮ | ||
ถวายไว้เฝ้าต่างหน้า | มาตรแม้นแทนคำ ฯ | ||
๏ ฟังเขาบอกข่าวข้อ | ราคิน | ||
ว่าเหตุในปิ่นธรณินทร์ | เคืองด้วย | ||
หวาดวิตกเติมถวิล | หวั่นเทวษ | ||
ก้มพักตร์ภาวนาฉ้วย | ผ่องพ้นอันตราย ฯ | ||
ที่ ๔/๖ พระบวรราชนิพนธ์
๏ สิ้นเวลาราชกิจบรมบาท | |||
ระทวยองค์ลงกับที่ศรีไสยาสน์ | เหนื่อยอนาถอกโอ้คะนึงครวญ | ||
จึงคลี่อ่านสารสนองพระน้องพี่ | ดาลฤดีเร่าเร้าฤทัยหวล | ||
โสตเสนาะเพราะถ้อยคดีทวน | เร่งรัญจวนหนักเทวษด้วยแรงไกล | ||
จะพรับเนตรติดเนตรพินิจโฉม | ตริตระโบมศรตระโบมใคร่พิสมัย | ||
กำสรดโศกยิ่งวิโยคเศร้าฤทัย | ดั่งสายใจจะว่ายเมฆไปเทียมประทม | ||
สักราตรีมิได้มีเสี้ยวสิ่งเกษม | ที่เคยเปรมก็กลายกลับระทมขม | ||
ยิ่งรื่นรสรวยกลิ่นมาเลศดม | รื้อนิยมยั่วเย้าเหมือนเร้าเตือน | ||
สุดกระหายแล้วทุกคราวระบายประสาท | บันดาลสวาดิอื่นไม่มีที่สิ่งเหมือน | ||
จะได้แก้เทวษบ้างพอสร่างเบือน | บคลายเคลื่อนบางถวิลสักอึดใจ | ||
จนบรรจถรณ์ที่เคยอ่อนเอี่ยมสะอาด | ก็อนาถสวาดิร้อนไม่นอนได้ | ||
บรรเทาบ้างจะได้สร่างกมลใน | ก็เพราะสุคนธวิไลสุหร่ายโปรย | ||
ได้เชยบ้างก็แต่วงประวิชสอง | ต่างพักตรน้องพอได้คลายกระหายโหย | ||
ข้อประวิงเหมือนหนึ่งยิ่งให้ดาลโดย | ไม่ควรโกยเอาถนิมมานอมมวล | ||
แม้นรับรักเสียอย่าพักดวงจิตรถ่าย | ในระคายจะเจือกลั้วให้กำสรวล | ||
ครั้งนั้นกรรมประกอบให้จึงแปรปรวน | นิยมควรสนองแล้วอย่าหน่วงนาน | ||
ซึ่งยังหมองสองเสียงระฆังวัด | พระศรีรัตนศาสดาสถาน | ||
ถึงจะทุ่มหนักเบาก็บันดาล | ส่งกังวานเสนาะลั่นไม่พลิกแพลง | ||
แต่แรกหล่อมาก็นานจนปานนี้ | สิบเจ็ดปีตีเป็นนิจไม่ผิดกระแสง | ||
แล้วเด่นเดียวอนาถโอ้อยู่กลางแปลง | มิใช่จะแข่งเปลี่ยนเสียงเช่นวัดระฆัง | ||
ถึงจะระดมพร้อมตีทีละห้า | โดยสัญญาจะให้เป็นเสียงเดียวมั่ง | ||
ก็เอาเทิดสำเนียงแปร่งไม่อยากฟัง | บ้างก็ดังเหง่งหงั่งไม่ยั่งยืน | ||
อันระฆังพระแก้วนี้แล้วแม่ | ถึงหวาดแหวก็ไม่แชเป็นเสียงอื่น | ||
เสมือนเบญจระฆังที่เกลียวกลืน | สำเนียงชื่นผลดอกเปลือกรากใบ | ||
หนึ่งว่างานรับชีพจะพลัดหัตถ์ | เป็นความสัจจริงมุ่งไม่หมายไหน | ||
พร้อมทั้งจิตรวาจาแลน้ำใจ | มิใช่เล่นลิ้นล่อประลวงโลม | ||
ยามใดในราตรีจรัสแสง | ฤดูแล้งกาฬปักษ์จึงเพ็ญโฉม | ||
ระดื่นดาษอากาศทั่วโพยม | นี้แลโสมนัสนึกมาเนานาน | ||
อันข้อเคืองที่จะเปลื้องวิตกน้อง | แม่อย่าหมองเลยนะแม่ใช่แก่นสาร | ||
ประลองเล่นโดยลำพองคะนองพาล | เพราะว่าการควรหวังไม่สมคิด | ||
อกุศลดลดวงหทัยน้อง | ให้ขัดข้องมิใคร่ปลงจำนงจิตร | ||
จนแสนยากปิ้มประหนึ่งจะม้วยมิด | เหมือนเฉาชายหมายปลิดดาเรศเรือง | ||
ครั้นเสด็จอยู่ในห้องนภพลแผ้ว | สุดจะเหินเห็จแล้วจนผอมเหลือง | ||
ถึงกระไรแต่พอศึกมาต่างเมือง | จะได้เปลื้องอุบายสู้สงครามชิง | ||
แม้นทหารถึงจะน้อยกว่าร้อยเท่า | อย่าดูเบาเลยไม่พรั่นแต่สักสิ่ง | ||
จำพิไชยสงครามชำนิจริง | เหมือนกลอนพริ้งคล่องแคล่วไม่ดาดเลย | ||
แต่ครั้งนั้นจนใจนะน้องพี่ | เหมือนวนว่ายวารีนะน้องเอ๋ย | ||
ปะสวะก็ต้องพะปะทะเกย | บางเสบยพอได้ผ่อนกระหายโรย | ||
ใช่จะยึดอยู่ที่เดียวนั้นหาไม่ | ที่จริงใจจงพระนุชแลสุดโหย | ||
เหมือนฝั่งไกลสุดจะว่ายกระเดือกโดย | ครั้งนี้เห็นลมโชยจึงพ่วงแพ | ||
หมายจิตรเพียรคิดจะข้ามสมุทร | ก็ลึกสุดถ่อหยั่งไม่ถึงกระแส | ||
จึงถ่อเลียบแสวงตื้นไม่ล่องแล | มิรู้แร่ค้างโขดอยู่โดดเดียว | ||
เมื่อสิ้นกรรมกุศลนำปถัมภก | เหมือนฝนตกเปี่ยมโอฆชลาเชี่ยว | ||
อุบัติดลท่วมจนอากาศเจียว | กระนั้นแล้วดาวไม่เหลียวให้ชมดวง | ||
น้อยหรือยากพี่พาแพระเห็จฟ้า | จนได้สมชมดาราจำรัสช่วง | ||
ยังกังขาอยู่อิกว่าจะหลอนลวง | จนตัดห่วงเราให้สิ้นทั้งสองตรอม | ||
จะได้เกษมเพราะบุญเพรงปถัมภ์แท้ | ไยนะแม่จะมาตริบให้เผือดผอม | ||
กัมพุชประเภทใช่เหตุจะเจือนจอม | ขอแม่น้อมตัดถ้อยอย่าถือจริง | ||
แม้นนานไปใครไม่รู้เห็นสมุทร | จะถือรุดตามแม่กล่าวสิ้นทุกสิ่ง | ||
ก็จะพากันได้บาปเพราะประวิง | สมุทรใหญ่นี้ชอบทิ้งเสียเทิดเอย | ||
ฯ ๕๐ คำ ฯ | |||
โคลง ๔ สุภาพ | |||
๏ ทูตจำทูลถวายทั้ง | ประวิชวง | ||
เรียมก็รับสอดทรง | ใส่ให้ | ||
แหวนเอ๋ยฤๅพระสุนงค์ | ศรีสวัสดิ์ อยู่ฤๅ | ||
แหวนบเอื้อนโอษฐ์ได้ | เร่งร้อนแรงถึง ฯ | ||
๏ สารประทับกับอกโอ้ | รัญจวน ใจนา | ||
ขวัญพี่ใช่กลับทวน | สู่เหย้า | ||
แจ้งคดีนุชประมวญ | ดับโศก พี่เอย | ||
แต่ละเมื่อสร่างเศร้า | เรื่อเร้าเตือนครวญ ฯ | ||
๏ มรกตวิเชียรใช้ | ธำมรงค์ นะแม่ | ||
แต่สำหรับสรวมทรง | สอดก้อย | ||
ฝีหัตถ์พึ่งหัดประจง | นานเริ่ม ทำนา | ||
สนองพลางต่างถ้อย | สอดนิ้วนางเสนอ ฯ | ||
๏ ประวิชสองฤๅถ้าค่า | เทียมทัน เลยนา | ||
มอบมาต่างพักตร์ฝัน | สู่น้อง | ||
ชมเทอญพอวายกระสัน | เทิดแม่ | ||
เชิญแม่รับกรต้อง | ต่างเล่ห์ลายชม ฯ | ||
โคลง ๔ ดั้น | |||
๏ ขอบคำมาโนชรึ้ง | ตรอมแทน แม่เอย | ||
กุศลหากอุปถัมภ์ | สร่างร้าย | ||
ราชกิจทุ่มเหลือแสน | เพิ่มอีก หนักแฮ | ||
เมื่อแต่เช้าค่ำภาย | แรงโรย ฯ | ||
๏ ยาหยีแม่จงนำ | โคลงถวาย น่อยรา | ||
กับประวิชวงสอง | ด้วยน้อง | ||
แล้วจงทูลบรรยาย | เพิ่มรัก พี่เอย | ||
สุภาพสี่โคลงพ้อง | ดั้นสอง ฯ | ||
ที่ ๓/๔ พระนิพนธ์
โคลง ๔ สุภาพ | |||
๏ รับสารรับทูตนำ | ธำมรงค์ มาเชิญ | ||
ค่าควรบุรินทร์ทรง | เทียมเท่า | ||
จักสวมฤๅสมวงศ์ | เกินจิตร เจียมแฮ | ||
กรานประณตจรดเกล้า | แหวกไว้หว่างเศียร ฯ | ||
๏ ไม่ควรไม่คู่เคียง | มาชม เลยนา | ||
หากที่สมแลสม | ก่อนน้อง | ||
เป็นแต่ฝ่ายนอกกรม | เกรงเดช นักแฮ | ||
ขอเทิดวานอย่าข้อง | ข้อครุ่นครวญถึง ฯ | ||
๏ ทับทิมปัทมราชใช้ | จำรู เรืองเฮย | ||
เทียมแต่เทียบจันทบูร | รุ่งเร้า | ||
หวังบรรณาการทูล | สนองบาท มานา | ||
ตามฤดูถวายเฝ้า | นอบเกล้าเคียมคัล ฯ | ||
๏ หวังจิตรประวิชเหล้ | มาลอง เล่นฤๅ | ||
ตริก็สมทรวงตรอง | แม่นแท้ | ||
แน่นุชจงฟังสนอง | ในถ้อย เทิดนา | ||
จริงดั่งพี่แจ้งแม่ | ประวิชแน่มาลวง ฯ | ||
๏ ตริเสร็จสำเร็จเรื่อง | เลขิน ถวายนา | ||
เชิญพระธำมรงค์ผิน | สู่ห้อง | ||
ใส่สถิตสถานจิน | ดาพ่อ คู่เฮย | ||
แล้วจุดประทีปเทียนส่อง | กราบเกล้านมัสการ ฯ | ||
ที่ ๖/๙ พระบวรราชนิพนธ์
โคลง ๔ สุภาพ | |||
๏ กำสรวญกำสรดสร้อย | ถึงศรี พี่เอย | ||
ทอดบรรจถรณ์ราตรี | สวาดิเร้า | ||
แรงรักยิ่งเพิ่มทวี | เติมเสน่ห์ จริงแม่ | ||
ฤๅใคร่เห็จสู่เหย้า | ห่อนได้ใจตรอม ฯ | ||
๏ ป่านนี้ศรีสวัสดิ์สร้อย | โฉมสวรรค์ เรียมเฮย | ||
ฤๅประทมเดียวกระสัน | ฤๅแม่ | ||
โอ้อกเร่งจาบัลย์ | ร้อนทรวง พี่นา | ||
จุณสุคันธพรมแก้ | ฤๅเยือกเย็นทรวง ฯ | ||
๏ สารกระหายใส่ในห้อง | เรือนคำ | ||
ภัคินีแม่จงจำ | มอมบถ้อย | ||
จอมโศกใจหากจำ | แซ่งแผ้ว ฉวีนา | ||
แรงเร่งเร้าแรงละห้อย | เร่าเร้าแรงโรย ฯ | ||
ที่ ๔/๙ พระนิพนธ์
โคลง ๔ สุภาพ | |||
๏ คุณกลางจ้างวานให้ | ถวายสาร | ||
ประทานโทษโปรดชนมาน | เทิดครั้ง | ||
อย่าเคืองข้องรำคาญ | เลยบิดุ รงค์นา | ||
เอ็นดูโอรสมั่ง | ก่ำพร้าหาหาย ฯ | ||
ที่ ๗/๑๐ พระบวรราชนิพนธ์
โคลง ๔ สุภาพ | |||
๏ รับสารโอรสน้อย | ทูลถวาย | ||
ชลนัยน์ไหลสืบสาย | หล่อเล้า | ||
ผิดไปมาบรรยาย | ทุษโทษ ถวิลนา | ||
การใดพระลูกเจ้า | ธุระเราแต่สาม ฯ | ||
๏ พ่อทูลชนนีด้วย | คุมคำ ไปนา | ||
ว่าบิตุรงค์เสน่ห์นำ | ว่างว้าง | ||
เร่งรักร้อนใจจำ | ซ่อนเศร้า อยู่เฮย | ||
คุณกลางเจ้าคะนึงบ้าง | ถึงบ้างฉันใด ฯ | ||
๏ เจ้าจ่าศรีสวัสดิ์แผ้ว | เกษมศรี อยู่ฤๅ | ||
แม่ถ้าหมองกมลทวี | โศกไห้ | ||
อรน้อยจงนำคดี | ดับเทวษ ชนกนา | ||
ว่าพระพ่อสั่งไว้ | ไม่ช้าเทินสนอง ฯ | ||
๏ อรเอยป่านนี้ได้ | ทูลสาร แลฤๅ | ||
พธูเจ้ากมลบาน | ฤๅแม่ | ||
บิดุรงค์ตริบวันสมาน | ฤๅว่าง เว้นเอย | ||
ยามผทมทอดเสน่ห์แหน้ | หลับเคลิ้มแรงฝัน ฯ | ||
๏ ฝันว่าดาเรศน้อม | ถึงมือ | ||
เรียมก็ชูประคองถือ | สว่างหน้า | ||
งามยศยิ่งเรียมฦๅ | เชียรโชติ อึกแฮ | ||
รักเสมอชีพขาดค่า | สถิตไว้เคียงเขนย ฯ | ||
๏ วานทูลชนนิศให้ | ทำนาย หน่อยรา | ||
เหตุด้วยหนกระหาย | ได้น้อง | ||
ร้ายดีจงบรรยาย | ร้อนโศก แม่เอย | ||
พอให้พี่ปลดข้อง | ขุ่นข้องสร่างโหย ฯ | ||
ที่ ๕/๑๑ พระนิพนธ์
ร่าย
๏ สุริยันสันธเยศย่ำ ได้ฟังคำว่าวอน พิไรอ้อนรำพัน นี่แน่ขวัญนัยนา ดาวเป็นข้าดวงเดือน ฤๅจะเหมือนบุหลัน เห็นไกลกันกับนิมิต พี่ฟังผิดโสตสดับ พ่ออย่ารับคำพ้อง เลยพระน้องไปแจ้ง คำล้วนกล่าวกลอนแกล้ง คิดข้อยอคำ ฯ
โคลง ๔ สุภาพ | |||
๏ อาวรณ์สุนทรพ่อ | จงจำ ทูลนา | ||
พี่ใช่โหรทายทำ | นายถ้อย | ||
สมเด็จบิดุเรศรำ | จวญเศร้า ใดฤๅ | ||
แจ้งแต่จริงตนน้อย | หนึ่งค่อยทายตาม ฯ | ||
๏ ราตรินสุบินได้ | ดาวชม นั้นฤๅ | ||
จักเสร็จสำเร็จสม | แม่นแท้ | ||
เรือนทองห้องบรรทม | แสนสนุก เสบยนา | ||
ทายตามนิมิแก้ | ใช่แท้พยากรณ์ ฯ | ||
๏ เจริญศรีสวัสดิ์ให้ | ทรงเจริญ | ||
ขออย่ามีพระทัยเมิน | หมองไหม้ | ||
คงพระยศอยู่เพลิน | เกียรติยิ่ง ขจรแฮ | ||
หมู่อรินทร์อย่าได้ | คิดร้ายฉันทา ฯ | ||
ที่ ๘/๑๒ พระบวรราชนิพนธ์
โคลง ๔ สุภาพ | |||
๏ ดูกรอาอรน้อย | ดวงตา พี่เอย | ||
นำไปทูลเจ้าอา | ของเจ้า | ||
ว่าพระพ่อสั่งมา | ตามถ้อย | ||
ให้พระแม่คอยเฝ้า | ท่าเท้าเรือนคำ ฯ | ||
๏ แล้วกลับไปแจ้งเรื่อง | บิดุรงค์ | ||
ว่าที่ทูลถวายจง | ตอบถ้อย | ||
ในสารมาดาทรง | พ้อพี่ มานา | ||
ประทานโทษโปรดเทิดฉ้วย | แก้ช้ำอีกคราว ฯ | ||
๏ ไม่ทรงจงวอนเศร้า | โศกา | ||
ยกบาทใส่เกศา | ร่ำร้อง | ||
ทูลว่าพี่สั่งมา | โปรดช่วย | ||
แม้นไปได้สารพร้อง | จักต้องรับขวัญ ฯ | ||
ที่ ๙/๑๓ พระบวรราชนิพนธ์
โคลง ๔ สุภาพ | |||
๏ ความเสร็จสำเร็จเรื่อง | แรมปี แม่เอย | ||
สุขยิ่งสุขแสนทวี | เตรือกเท้า | ||
สุดเปรมสุดเกษมศรี | แผ้วเทวษ แล้วแฮ | ||
ใจแลใจใจเคล้า | เสน่ห์เคล้าใจเจิม ฯ | ||
๏ จักเฉลิมปรางค์มาศน้อง | เนาใน | ||
ไกลก็สุดเต็มไกล | ลิ่วฟ้า | ||
มาตรแม้นอัปสรไพ | ชยนต์ทิพ แม่เฮย | ||
ปิ้มจะได้เห็นหน้า | ฤๅช้าปีตรอม ฯ | ||
๏ ใจผอมใจเผือดโอ้ | ครั้งใด นะแม่ | ||
ฤๅเท่าครั้งลิ่วไกล | สู่หล้า | ||
ใจร้อนเร่งร้อนใจ | ร้อนยิ่ง ร้อนนา | ||
ปิ้มไป่ม้วยมุ่งหน้า | ชาติโพ้นปองสมาน ฯ | ||
๏ ฤๅนานอีกนัดครั้ง | สระสรง | ||
พร้อมหมู่นาเรศทรง | เรือเหล้น | ||
ยลข่าวกริ่งพระสุนงค์ | หวั่นเทวษ เจียวแฮ | ||
คอยแต่เงี่ยโสตเขม้น | จนแม่เมือวัง ฯ | ||
ที่ ๖/๑๔ พระนิพนธ์
โคลง ๔ สุภาพ | |||
๏ ยินคำอมฤตรื่น | โรยลง | ||
โสตเสนาะเสาวนาทรง | เพริกพร้อง | ||
ฤๅทิพยบรรเลงองค์ | หัสเนตร นั้นฤๅ | ||
มาประสานบทซ้อง | กันต้องเสน่ห์ปลง ฯ | ||
ที่ ๑๐/๑๕ พระบวรราชนิพนธ์
กลอนดอกสร้อย | |||
๏ เนื้อละมุนแอบอุ่นอุราพี่ | บรรทมเทิดภคินีแม่เฉิดโฉม | ||
พี่จะถนอมกล่อมรสจำเรียงระโบม | เชิญแม่โสมนัสสดับสุนทรฟัง | ||
จะเริ่มปางแต่เมื่อครั้งแรกถ่ายจิตร | จนแม่สถิตมาทีนาติกาหรัง | ||
แล้วเผด็จรับน้องประเวศวัง | จนสมหวังดังที่ประสงค์เอย | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เชิญขวัญขวัญเมืองแม่ไสยาสน์ | ลอออาสน์แต่งไว้บรรจงถวาย | ||
พี่จะเทียมบรรทมน้องประคองกาย | มิให้สายสมรแม่พี่เอองค์ | ||
กว่าจะดับสูญสิ้นชีพิตพี่ | ไม่หน่ายหนีเด็ดรักหักประสงค์ | ||
แต่ล้วนสัตย์แม่จงจำนะคำคง | เสมือนลงแผ่นสุวรรณบัฏเอย | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
โคลง ๔ สุภาพ | |||
๏ มาทับอุระพี่นี้ | น่อยรา | ||
อย่าให้กระหนกาเลย | นะน้อง | ||
กลคืบดั่งมรรคา | ยิ่งโยชน์ นะแม่ | ||
ชอบแต่เนื้อแนบต้อง | อุ่นโอ้เย็นทรวง ฯ | ||
๏ แม่ห่างอรแนบเนื้อ | นาที หนึ่งแฮ | ||
ยิ่งประหนึ่งแสนปี | เตรียกเถ้า | ||
บุญเพรงห่อนจักมี | อุปถัม ภกนา | ||
สดแต่ใจเจิมเจ้า | ฤหว้างเดียวดาย ฯ | ||
๏ แม่เอยฤๅสบน้อง | สมสมร นี้นา | ||
ปิ้มประหนึ่งชีพรอน | จึ่งได้ | ||
ชาติโพ้นจงถาวร | บุญส่ง ทำแฮ | ||
ขออย่ารู้สวาดิไหม้ | เนิ่นช้าแรงครวญ ฯ | ||
๏ ยามเย็นสุริเยศเยื้อง | อัสดง | ||
ถวิลถึงพระสุนงค์ | จักเต้า | ||
เฟี้ยมบาทสมมุติวงศ์ | เป็นนิจ กาลนา | ||
กว่าจะเสร็จเวลาเฝ้า | สร่างเช้าเทียมประทม ฯ | ||
๏ สุริยนต่อตกเยื้อน | ขุนเขา อกเอย | ||
เยือกสงัดเงียบเหงา | เคยพร้อง | ||
เวรใดโอ้อกเรา | จึงจาก พี่นา | ||
กว่าจะวายทุกข์น้อง | ยามหย้ำคืนวัง ฯ | ||
๏ แม่เอยเมื่อเฟี่ยมเฝ้า | บาทบงสุ์ อยู่นา | ||
ใจพี่จอดใจจง | สู่น้อง | ||
แลฤๅแม่จำนง | ถึงพี่ บ้างฤๅ | ||
ฤๅไป่นึกคะนึงข้อง | เคยได้ขบวนชม ฯ | ||
ที่ ๗/๑๖ พระราชนิพนธ์
โคลง ๔ สุภาพ | |||
๏ ไม่ออกปากได้แล้ว | อย่าถาม | ||
ควรฤๅเก็บรื้อความ | มาว่า | ||
ว่าบ้างจะว่าหยาม | แคะข้อ พี่เฮย | ||
น้องนี้คร้านโอษฐ์อ้า | รอบรู้เต็มทรวง ฯ | ||
ที่ ๑๑/๑๗ พระบวรราชนิพนธ์
โคลง ๔ สุภาพ | |||
๏ ใช่ฤๅพี่อำน้อง | ได้ฤๅ | ||
เหตุก็เพราะมอบถือ | บต้อง | ||
แม่เอยครั้งไกลมือ | สุดเอื้อม จริงนา | ||
จึงไป่ได้ขัดข้อง | อย่าได้คุมเคือง ฯ | ||
ที่ ๘/๑๘ พระนิพนธ์
โคลง ๔ สุภาพ | |||
๏ ช้ำจิตรเจ็บใจด้วย | เย้ยหยัน นี้นา | ||
ไหนว่าเอ็นดูฉัน | ร่วมเนื้อ | ||
ตรัสแต่ถนอมขวัญ | ทุกค่ำ คืนนา | ||
เออดั่งนี้น่าเชื่อเฉื้อ | แลฤๅควรตรอม ฯ | ||
ที่ ๑๒/๑๙ พระบวรราชนิพนธ์
โคลง ๔ สุภาพ | |||
๏ ฉันใดแม่จึงว่า | เย้ยหยัน | ||
ล้วนสิ่งจริงใช่สรร | เสกแสร้ง | ||
ตั้งแต่มุ่งถนอมขวัญ | สิบเจ็ด ปีนา | ||
รักดั่งนี้ฤๅแกล้ง | ผิดถ้อยคำใด ฯ | ||
ที่ ๙/๒๐ พระนิพนธ์
โคลง ๔ สุภาพ | |||
๏ รักจริงฤๅจักให้ | ช้ำคำ พี่เฮย | ||
แท้ว่าร้อนแรงทำ | เทียบเหล้น | ||
สวาดิน้องไยยังนำ | อดีตกล่าว เล่านา | ||
สิ่งที่ข้อขอเร้น | ว่าไว้เดิมมือ ฯ | ||
ที่ ๑๓/๒๑ พระบวรราชนิพนธ์
โคลง ๔ สุภาพ | |||
๏ แรกรักรสรักร่วม | แต่เริ่ม ชุมนา | ||
จวบจนวันนุชเจิม | สู่เหย้า | ||
สวาดิใดฤๅเทียมเฉลิม | เซี่ยวซึก เลยแฮ | ||
เร้นแลแจ้งใครเหล้า | ถ้อเย้าแต่กัน ฯ | ||
ที่ ๑๔/๒๒ พระบวรราชนิพนธ์[1]
๏ ประถมยามเข้าไปเฝ้าบรมบาท | |||
พร้อมพระวงศ์เสนาพฤฒามาตย์ | ชาวมหาดราชนิกูลหมื่นพัน | ||
แวงวังพระตำรวจโหราจารย์ | พลเรือนแลทหารอาสาสรร | ||
เสด็จออกหน้าพระลานสนามจันทร์ | ราชกิจใครสำคัญสนองทูล | ||
พระดำริโดยการจะรักษา | ขอบขัณฑเสมามไหสูรย์ | ||
ทุกขราษฎร์หญิงโดยนุกูล | ตริเสกเลขด้วยเป็นมูลการแผ่นดิน | ||
แต่ประถมยามจนยามสอง | ประวัติน้องมิได้ว่างวายถวิล | ||
เห็นฟ้าแผ้วผ่องหล้าไม่ราคิน | ดวงดารินฤกษ์ล้นนะภนพราย | ||
ยิ่งกระสันนามพระน้องพี่หมองสวาดิ | ใจจะขาดเสียแล้วนุชที่สุดกระหาย | ||
เอะแล้วน้องจะประวิงกริ่งระคาย | ว่าหนีหน่ายเนานางตำแหน่งใด | ||
ด้วยแต่ก่อนเคยเป็นเล่นแชชู้ | ไฉนจะรู้นี่หาเป็นเช่นนั้นไม่ | ||
เพราะราชกิจดอกจึงผิดเพลาไป | คิดจะใช้ใครไปแจ้ก็จนเจียว | ||
ปานฉะนี้น้องพี่จะบ่นถึง | จะคะนึงต่างต่างกระสันเสียว | ||
จะตากเนตรเคร่าท่าอยู่แต่เดียว | จะนึกเลี้ยวลดเล่ห์คะเนเคือง | ||
รุมพิโรธโกรธพี่ไม่มีผิด | มิตรจิตรจงดลจิตรช่วยปลิดเปลื้อง | ||
ถ้าสำเร็จดำริตริกิจการเมือง | บาทเบื้องคืนสู่มณเฑียรใน | ||
พี่ไม่เนิ่นนั่งช้าชั่วพริบเนตร | จะประเวศดลวังแถลงไข | ||
แจ้งยุบลเสียให้สิ้นที่กินใจ | แล้วจะได้สู่ที่นิทรารมณ์ | ||
เทียรบรรทมให้สำราญสำเริงชื่น | ถึงดึกดื่นก็จะตากตาผงม | ||
ระทมกายยังไม่หายที่บอบระบม | จะผ่อนใจในเชิงชมให้บรรเทา | ||
พอผินพักตร์ยลวังทีนั่งเย็น | กระจ่างแสงบุหลันเห็นสกุณาเหงา | ||
พิราบจับกับกนกบันเคล้า | ไยนะเจ้าแอบคู่อยู่ครางไย | ||
แม้นตากฟ้าฝ่าลมอยู่อย่างพี่ | ไม่มีคู่เบียดเสียดสีจึงร่ำไห้ | ||
จะครึมครวญก็ควรให้สมใจ | คู่ก็มีนี่ไฉนจาบัลย์เอย | ||
ฯ ๒๔ คำ ฯ | |||
ที่ ๑๐/๒๓ พระนิพนธ์[1]
๏ เอนกายก่ายนลาฏรำจวนถึง | |||
จนยามสองฆ้องลั่นสนั่นอึง | แสนคะนึงถึงพระพี่ไม่เนาวัง | ||
แล้วจะมีราชกิจไฉนหนอ | ฤๅตรัสจ้ออยู่กับใครไม่ห่วงหลัง | ||
จะริเรื่องสตรีใดกระมัง | ให้น้องตั้งหน้านับนาทีคอย | ||
เสด็จมาน่าจะรู้อัชฌาสัย | ถ้ากระไรจะสะเทินเมินม่อย | ||
แม้นทรวงสวาดิแต่ในน้องไม่เลื่อนลอย | ไหนจะให้โหยละห้อยถวิลนาน | ||
พอเนาวังก็จะตั้งพักตร์สู่ห้อง | จะสำรวลชวนน้องเกษมศานต์ | ||
จึงถวายกลอนเล่นเป็นการ | ให้ทรงสารทราไว้ในพระทรวง | ||
เมื่อวันหน้าจะเสด็จจากห้อง | จะได้ตรองมิให้เนิ่นนานหน่วง | ||
ราตรีแผ้วแล้วทูลวอนให้ชี้ดวง | พระเคราะห์ล่วงเสวยฤกษ์ดาเรศใด | ||
ก็ทรงชี้แนะให้ประจักษ์ | ว่านั้นพักตรเสริดมนเป็นไฉน | ||
ทั้งยี่สิบเจ็ดนามนักขัตฤกษ์ไป | สำราญใจกับพระพี่ยาเอย | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
เชิงอรรถ
ที่มา
โครงการสมุดไทย ภาควิชาวรรณคดีเปรียบเทียบ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย [1]