เสภาเรื่à¸à¸‡à¸žà¸£à¸°à¸£à¸²à¸Šà¸žà¸‡à¸¨à¸²à¸§à¸”าร
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
(เพิ่มเติมบทความ) |
|||
แถว 1: | แถว 1: | ||
+ | {{ โครง }} | ||
+ | |||
== เสภาเรื่องพระราชพงศาวดาร == | == เสภาเรื่องพระราชพงศาวดาร == | ||
=== สุนทรภู่ === | === สุนทรภู่ === | ||
แถว 4: | แถว 6: | ||
<tpoem> | <tpoem> | ||
- | + | ๏ กราบบังคมสมเด็จบดินทร์สูร | |
- | + | พระยศอย่างปางนารายณ์วายุกูล มาเพิ่มภูลภิญโญในโลกา | |
- | + | ทุกประเทศเขตรขอบมานอบน้อม สพรั่งพร้อมเปนศุขทุกภาษา | |
- | + | ||
ขอเดชะพระคุณกรุณา ด้วยเสภาถวายนิยายความ | ขอเดชะพระคุณกรุณา ด้วยเสภาถวายนิยายความ | ||
- | + | ๏ จะกล่าวพงศาวดารกาลแต่หลัง เมื่อแรกตั้งอยุธยาภาษาสยาม | |
+ | ท้าวอู่ทองท่านอุส่าห์พยายาม ชีพ่อพราหมร์ปโรหิตคิดพร้อมกัน | ||
+ | มีจดหมายลายลักษณ์ศักราช เจ็ดร้อยสิบสองคาดเปนข้อขัน | ||
+ | ปีขาลโทศกตกสำคัญ เดือนห้าวันศุกร์ขึ้นหกค่ำควร | ||
+ | เพลาสามนาฬิกากับเก้าบาท ตั้งพิธีไสยสาตรพระอิศวร | ||
+ | ได้สังขทักษิณาวัฏมงคลควร ใต้ต้นหมันตามกระบวนแต่บุราณ | ||
+ | เปนมหามงคลเลิศประเสริฐศักดิ์ สร้างปราสาทสำนักไพฑูรย์สถาน | ||
+ | สำเร็จแล้วจึงให้สร้างปรางปราการ ชื่อไพชยนต์ทิพพิมานอลงการ์ | ||
+ | แล้วสร้างพระที่นั่งใหญ่ไอสวรรย์ สามปราสาทเสร็จพลันด้วยหรรษา | ||
+ | ท้าวอู่ทองครองเสวยสวรรยา พระชัณษาสามสิบเจ็ดเสร็จสมปอง | ||
+ | ชีพ่อพราหมณ์ถวายนามตามที่ พระรามาธิบดีไม่มีสอง | ||
+ | นามบุรีศรีอยุธยาครอง ให้ถูกต้องตามนามพระรามา ฯ | ||
+ | ๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงศักดิ์ จุลจักรจอมทศทิศา | ||
+ | บำรุงเมืองเรืองฤทธิ์อิศรา ฝูงประชาชมชื่นทุกคืนวัน | ||
+ | มีเมืองขึ้นสิบหกพระบุรี คือเมืองตะนาวศรี นครสวรรค์ | ||
+ | เมืองชวา มละกา พิจิตรนั้น เมืองสวรรคโลก ศุโขทัย | ||
+ | เมาะลำเลิงบุรี ศรีธรรมราช ทั้งสงขลามาภิวาทไม่ขาดได้ | ||
+ | พิษณุโลก กำแพงเพ็ชร เมืองพิชัย ทวายใหญ่ เมาะตมะ จันทบูร | ||
+ | แสนอุดมสมพงษ์วงศ์กระษัตริย์ เจ้าจังหวัดราเชนทร์นเรนทร์สูร | ||
+ | โภชนาสาลีบริบูรณ์ ยิ่งเพิ่มพูนผาศุกทุกนิรันดร์ | ||
+ | ทรงรำพึงถึงองค์พระเชษฐา ร่วมครรภาอัคเรศนรังสรรค์ | ||
+ | จำจะให้ไปบำรุงกรุงสุพรรณ ด้วยท่านนั้นสิร่วมสุริวงศ์ | ||
+ | อนึ่งราชกุมารชาญศักดา องค์พระราเมศวรควรประสงค์ | ||
+ | จำเริญไวยใหญ่ยิ่งประยูรวงศ์ ควรดำรงเมืองลพบุรี | ||
+ | ดำริห์พลางทางออกพระโรงรัตน์ ตั้งกษัตริย์ขนานนามต้องตามที่ | ||
+ | เฉลิมเดชเชษฐาธิบดี ให้เปนที่พระบรมราชา ฯ | ||
+ | ๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงสุพรรณ พระราเมศวรนั้นก็หรรษา | ||
+ | ต่างองค์ทรงคำนับรับบัญชา แล้วลีลาไปสู่พระบูรี ฯ | ||
+ | ๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงเดช มิ่งมงกุฎอยุธเยศจำเริญศรี | ||
+ | สถิตย์แท่นแสนสำราญดาลฤดี ด้วยบุรีขอมคดประทษร้าย | ||
+ | จำจะให้ราชบุตรสุดสงสาร ไปรอนราญไล่ริบให้ฉิบหาย | ||
+ | เสด็จออกพระโรงคัลพรรณราย แล้วเผยผายสิงหนาทประภาษมา | ||
+ | เฮ้ย เสนีย์รีบร้อนจรโดยด่วน บอกพระราเมศวรมาหน่อยหวา | ||
+ | ตำรวจรับพระโองการคลานออกมา ลงนาวารีบไปดังใจจง | ||
+ | วันหนึ่งก็ถึงลพบุรี อัญชลีทูลความตามประสงค์ | ||
+ | ว่าพระทรงฤทธิ์บิตุรงค์ เชิญเสด็จเสร็จลงไปกรุงไกร ฯ | ||
+ | ๏ ครานั้น พระราเมศวรราช ฟังอำมาตย์ทูลแจ้งแถลงไข | ||
+ | ให้จัดเรือเร็วพลันในทันใด รีบครรไลคืนหนึ่งถึงบุรี | ||
+ | ประทับจอดทอดท่าน่าตำหนัก ขึ้นเฝ้าองค์หริรักษรังษี | ||
+ | น้อมประนมบังคมคัลอัญชลี สถิตย์ที่พระโรงรัตน์ชัชวาลย์ ฯ | ||
+ | ๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงเดช ทอดพระเนตรแลมาตรงน่าฉาน | ||
+ | เห็นลูกยามาประนตบทมาลย์ มีโองการทักทายภิปรายเปรย | ||
+ | นี่แน่ เจ้าเยาวยอดปิโยรส อ้ายขอมคดดูถูกนะลูกเอ๋ย | ||
+ | พ่อสุดแสนแค้นใจไม่เสบย แม้นละเลยจะกระเจิงละเลิงใจ | ||
+ | เจ้าแก้วตายาจิตรของปิตุเรศ ไปเหยียบเขตรดับเข็ญให้เย็นใส | ||
+ | จักประหารผลาญชีวันให้บรรไลย จะได้ฤๅฤๅมิได้ให้ว่ามา ฯ | ||
+ | ๏ ครานั้น พระโอรสยศยง ศิโรราบกราบลงแล้วทูลว่า | ||
+ | ซึ่งข้อขอมคบคิดจิตรพาลา จะอาสามิให้เคืองเบื้องบทมาลย์ ฯ | ||
+ | ๏ ครานั้น พระภูเบนทร์นิเรนทร์สูร ได้ฟังทูลตบพระหัตถ์อยู่ฉัดฉาน | ||
+ | จึงเอื้อนอรรถตรัสมาไม่ช้านาน จงจัดการรีบร้อนอย่านอนใจ | ||
+ | พลของเราห้าวหาญชำนาญยุทธ เจียนจะขุดกัมพุชาก็ว่าได้ | ||
+ | อย่าถอยหลังรั้งรอไปพ่อไป แม้นมีไชยพ่อจะภูลรางวัลครัน ฯ | ||
+ | ๏ ครานั้น พระราเมศวรราช เคารพรับอภิวาทขมีขมัน | ||
+ | มาเกณฑ์พวกโยธาได้ห้าพัน ล้วนฉกรรจ์แข็งข้อจะต่อตี | ||
+ | ทั้งอาจองคงทนด้วยมนต์เวท แสนวิเศษฤทธิไกรชาญไชยศรี | ||
+ | ถืออาวุธครบมือล้วนฦๅดี โพกแพรสีแสดเสียดประเจียดรัด | ||
+ | บ้างก็ผูกลูกสะกดตะกรุดคาด ล้วนองอาจโล่ห์เขนก็เจนจัด | ||
+ | มาพร้อมพรั่งนั่งเบียดเยียดยัด สารวัดตรวจตราพลากร ฯ | ||
+ | ๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงยศ เอกโอรสชาญไชยดังไกรสร | ||
+ | เสด็จเข้าที่สรงอลงกรณ์ แล้วสอดซ้อนเครื่องทรงณรงค์ครบ | ||
+ | ครั้นสำเร็จเสร็จสรรพจับพระแสง โดยตำแหน่งสงครามตามขนบ | ||
+ | มาทูลลาบิตุรงค์ทรงพิภพ ประนมนบคอยสดับรับโองการ ฯ | ||
+ | ๏ ครานั้น พระองค์ดำรงราชย์ สถิตย์อาศน์รจนามุกดาหาร | ||
+ | เห็นพระปิยะบุตรสุดสำราญ จึงมีรศพจมานประภาษมา | ||
+ | เจ้าดวงใจพ่อจะไปกัมพุชประเทศ ระวังเหตุกลศึกฤกหนักหนา | ||
+ | จะหยุดยั้งจงระวังพระกายา ไม่ได้ท่าแล้วอย่าหาญเข้าราญรอน | ||
+ | ชื่อว่าศึกแล้วอย่านึกประมาทหมิ่น คอยประคิ่นจดจำเอาคำสอน | ||
+ | อย่าให้อายขายหน้าประชากร จงถาวรสวัสดีอย่ามีไภย | ||
+ | รีบปรามปราบราบเตียนที่เสี้ยนหนาม ดังองค์รามดับเข็ญให้เย็นใส | ||
+ | จงมีโชคไชยะชนะไภย ให้สมในมโนรถหมดทุกอัน | ||
+ | ยื่นพระแสงสาตราอาญาสิทธิ์ ใครคดคิดเข่นฆ่าให้อาสัญ | ||
+ | จงอุดมสมศุขทุกนิรันดร์ ซึ่งไภยันตร์สิ่งใดอย่าใกล้กราย ฯ | ||
+ | ๏ ครานั้น พระโอรสยศยง กราบลงแทบบาทพระฤาสาย | ||
+ | เคารพรับพรพลางแล้วย่างกราย ผันผายมาทรงคชาธาร | ||
+ | ได้มหาพิชัยฤกษ์ให้เลิกทัพ โห่รับแซ่เสียงสำเนียงขาน | ||
+ | ลั่นฆ้องหึ่งอึงออกนอกทวาร เสียงสะท้านลั่นเลื่อนสเทื้อนสทึก | ||
+ | ทหารธงโบกธงตรงไปน่า เสียงช้างม้าเริงร้องอยู่กองกึก | ||
+ | ทวยหาญขานโห่โอฬารฦก อึกกะทึกข้ามทุ่งพ้นกรุงไกร | ||
+ | ประทับร้อนนอนค้างกลางอารัญ หลายวันตั้งพลับพลาหยุดอาไศรย | ||
+ | เลี้ยวลัดตัดทุ่งเดินมุ่งไป ถึงเวียงไชยกัมพูชาพอราตรี | ||
+ | มิทันตั้งค่ายคูอยู่สำนัก สั่งให้พักพลทหารชายไชยศรี | ||
+ | ขึ้นประทับพลับพลาพนาลี ให้โยธีล้อมรอบเปนขอบคัน ฯ | ||
+ | ๏ ครานั้น พระองค์ทรงนัครา กัมพูชาธิราชรังสรรค์ | ||
+ | รู้เรื่องราวข่าวศึกฮึกฉกรรจ์ มาบุกบันตั้งประชิดติดภารา | ||
+ | แสนพิโรธโกรธกริ้วกระทืบบาท ดำรัสเรียกอุปราชโอรสา | ||
+ | กับข้าเฝ้าเจ้าพระยาและพระยา มาปฤกษาสงครามตามทำนอง | ||
+ | จะผ่อนผันฉันใดไฉนเล่า ภาราเราเกิดวุ่นจะขุ่นหมอง | ||
+ | จะคิดอ่านการศึกเร่งตรึกตรอง ใครเห็นช่องฉันใดให้ว่ามา ฯ | ||
+ | ๏ ครานั้น เจ้าพระยาอุปราช เคารพรับอภิวาทแล้วทูลว่า | ||
+ | ซึ่งทัพไทยเดินบกยกกันมา ขออาสามิให้เคืองเบื้องบทมาลย์ | ||
+ | จะหักโหมโจมจับสัปรยุทธ ให้ม้วยมุดยับแยกถึงแตกฉาน | ||
+ | ซึ่งทัพมาล้าเมื่อยเดินเหนื่อยนาน ถึงสถานมิทันยั้งตั้งกระบวน | ||
+ | จะหักหาญรานทำค่ำวันนี้ เห็นจะมีไชยาสักห้าส่วน | ||
+ | ไม่มีค่ายถ่ายเทคงเรรวน ใคร่ครวญเห็นจะได้ดังใจปอง ฯ | ||
+ | ๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงกัมพูชา ได้ฟังว่าเปรมปริ่มค่อยยิ้มย่อง | ||
+ | จึงเอื้อนอรรถตรัสความตามทำนอง ดีแล้วลูกถูกต้องคลองฤไทย | ||
+ | แล้วผินภักตร์ถามบรรดาพวกข้าเฝ้า ซึ่งลูกเราว่าเห็นเป็นไฉน | ||
+ | จะได้ช่องคล่องจิตรเหมือนคิดไว้ ฤๅเห็นเป็นอย่างไรให้ว่ามา ฯ | ||
+ | |||
</tpoem> | </tpoem> |
การปรับปรุง เมื่อ 14:48, 14 กุมภาพันธ์ 2553
เสภาเรื่องพระราชพงศาวดาร
สุนทรภู่
ตอนที่ ๑ เรื่องตีเมืองขอม
๏ กราบบังคมสมเด็จบดินทร์สูร | |||
พระยศอย่างปางนารายณ์วายุกูล | มาเพิ่มภูลภิญโญในโลกา | ||
ทุกประเทศเขตรขอบมานอบน้อม | สพรั่งพร้อมเปนศุขทุกภาษา | ||
ขอเดชะพระคุณกรุณา | ด้วยเสภาถวายนิยายความ | ||
๏ จะกล่าวพงศาวดารกาลแต่หลัง | เมื่อแรกตั้งอยุธยาภาษาสยาม | ||
ท้าวอู่ทองท่านอุส่าห์พยายาม | ชีพ่อพราหมร์ปโรหิตคิดพร้อมกัน | ||
มีจดหมายลายลักษณ์ศักราช | เจ็ดร้อยสิบสองคาดเปนข้อขัน | ||
ปีขาลโทศกตกสำคัญ | เดือนห้าวันศุกร์ขึ้นหกค่ำควร | ||
เพลาสามนาฬิกากับเก้าบาท | ตั้งพิธีไสยสาตรพระอิศวร | ||
ได้สังขทักษิณาวัฏมงคลควร | ใต้ต้นหมันตามกระบวนแต่บุราณ | ||
เปนมหามงคลเลิศประเสริฐศักดิ์ | สร้างปราสาทสำนักไพฑูรย์สถาน | ||
สำเร็จแล้วจึงให้สร้างปรางปราการ | ชื่อไพชยนต์ทิพพิมานอลงการ์ | ||
แล้วสร้างพระที่นั่งใหญ่ไอสวรรย์ | สามปราสาทเสร็จพลันด้วยหรรษา | ||
ท้าวอู่ทองครองเสวยสวรรยา | พระชัณษาสามสิบเจ็ดเสร็จสมปอง | ||
ชีพ่อพราหมณ์ถวายนามตามที่ | พระรามาธิบดีไม่มีสอง | ||
นามบุรีศรีอยุธยาครอง | ให้ถูกต้องตามนามพระรามา ฯ | ||
๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงศักดิ์ | จุลจักรจอมทศทิศา | ||
บำรุงเมืองเรืองฤทธิ์อิศรา | ฝูงประชาชมชื่นทุกคืนวัน | ||
มีเมืองขึ้นสิบหกพระบุรี | คือเมืองตะนาวศรี นครสวรรค์ | ||
เมืองชวา มละกา พิจิตรนั้น | เมืองสวรรคโลก ศุโขทัย | ||
เมาะลำเลิงบุรี ศรีธรรมราช | ทั้งสงขลามาภิวาทไม่ขาดได้ | ||
พิษณุโลก กำแพงเพ็ชร เมืองพิชัย | ทวายใหญ่ เมาะตมะ จันทบูร | ||
แสนอุดมสมพงษ์วงศ์กระษัตริย์ | เจ้าจังหวัดราเชนทร์นเรนทร์สูร | ||
โภชนาสาลีบริบูรณ์ | ยิ่งเพิ่มพูนผาศุกทุกนิรันดร์ | ||
ทรงรำพึงถึงองค์พระเชษฐา | ร่วมครรภาอัคเรศนรังสรรค์ | ||
จำจะให้ไปบำรุงกรุงสุพรรณ | ด้วยท่านนั้นสิร่วมสุริวงศ์ | ||
อนึ่งราชกุมารชาญศักดา | องค์พระราเมศวรควรประสงค์ | ||
จำเริญไวยใหญ่ยิ่งประยูรวงศ์ | ควรดำรงเมืองลพบุรี | ||
ดำริห์พลางทางออกพระโรงรัตน์ | ตั้งกษัตริย์ขนานนามต้องตามที่ | ||
เฉลิมเดชเชษฐาธิบดี | ให้เปนที่พระบรมราชา ฯ | ||
๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงสุพรรณ | พระราเมศวรนั้นก็หรรษา | ||
ต่างองค์ทรงคำนับรับบัญชา | แล้วลีลาไปสู่พระบูรี ฯ | ||
๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงเดช | มิ่งมงกุฎอยุธเยศจำเริญศรี | ||
สถิตย์แท่นแสนสำราญดาลฤดี | ด้วยบุรีขอมคดประทษร้าย | ||
จำจะให้ราชบุตรสุดสงสาร | ไปรอนราญไล่ริบให้ฉิบหาย | ||
เสด็จออกพระโรงคัลพรรณราย | แล้วเผยผายสิงหนาทประภาษมา | ||
เฮ้ย เสนีย์รีบร้อนจรโดยด่วน | บอกพระราเมศวรมาหน่อยหวา | ||
ตำรวจรับพระโองการคลานออกมา | ลงนาวารีบไปดังใจจง | ||
วันหนึ่งก็ถึงลพบุรี | อัญชลีทูลความตามประสงค์ | ||
ว่าพระทรงฤทธิ์บิตุรงค์ | เชิญเสด็จเสร็จลงไปกรุงไกร ฯ | ||
๏ ครานั้น พระราเมศวรราช | ฟังอำมาตย์ทูลแจ้งแถลงไข | ||
ให้จัดเรือเร็วพลันในทันใด | รีบครรไลคืนหนึ่งถึงบุรี | ||
ประทับจอดทอดท่าน่าตำหนัก | ขึ้นเฝ้าองค์หริรักษรังษี | ||
น้อมประนมบังคมคัลอัญชลี | สถิตย์ที่พระโรงรัตน์ชัชวาลย์ ฯ | ||
๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงเดช | ทอดพระเนตรแลมาตรงน่าฉาน | ||
เห็นลูกยามาประนตบทมาลย์ | มีโองการทักทายภิปรายเปรย | ||
นี่แน่ เจ้าเยาวยอดปิโยรส | อ้ายขอมคดดูถูกนะลูกเอ๋ย | ||
พ่อสุดแสนแค้นใจไม่เสบย | แม้นละเลยจะกระเจิงละเลิงใจ | ||
เจ้าแก้วตายาจิตรของปิตุเรศ | ไปเหยียบเขตรดับเข็ญให้เย็นใส | ||
จักประหารผลาญชีวันให้บรรไลย | จะได้ฤๅฤๅมิได้ให้ว่ามา ฯ | ||
๏ ครานั้น พระโอรสยศยง | ศิโรราบกราบลงแล้วทูลว่า | ||
ซึ่งข้อขอมคบคิดจิตรพาลา | จะอาสามิให้เคืองเบื้องบทมาลย์ ฯ | ||
๏ ครานั้น พระภูเบนทร์นิเรนทร์สูร | ได้ฟังทูลตบพระหัตถ์อยู่ฉัดฉาน | ||
จึงเอื้อนอรรถตรัสมาไม่ช้านาน | จงจัดการรีบร้อนอย่านอนใจ | ||
พลของเราห้าวหาญชำนาญยุทธ | เจียนจะขุดกัมพุชาก็ว่าได้ | ||
อย่าถอยหลังรั้งรอไปพ่อไป | แม้นมีไชยพ่อจะภูลรางวัลครัน ฯ | ||
๏ ครานั้น พระราเมศวรราช | เคารพรับอภิวาทขมีขมัน | ||
มาเกณฑ์พวกโยธาได้ห้าพัน | ล้วนฉกรรจ์แข็งข้อจะต่อตี | ||
ทั้งอาจองคงทนด้วยมนต์เวท | แสนวิเศษฤทธิไกรชาญไชยศรี | ||
ถืออาวุธครบมือล้วนฦๅดี | โพกแพรสีแสดเสียดประเจียดรัด | ||
บ้างก็ผูกลูกสะกดตะกรุดคาด | ล้วนองอาจโล่ห์เขนก็เจนจัด | ||
มาพร้อมพรั่งนั่งเบียดเยียดยัด | สารวัดตรวจตราพลากร ฯ | ||
๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงยศ | เอกโอรสชาญไชยดังไกรสร | ||
เสด็จเข้าที่สรงอลงกรณ์ | แล้วสอดซ้อนเครื่องทรงณรงค์ครบ | ||
ครั้นสำเร็จเสร็จสรรพจับพระแสง | โดยตำแหน่งสงครามตามขนบ | ||
มาทูลลาบิตุรงค์ทรงพิภพ | ประนมนบคอยสดับรับโองการ ฯ | ||
๏ ครานั้น พระองค์ดำรงราชย์ | สถิตย์อาศน์รจนามุกดาหาร | ||
เห็นพระปิยะบุตรสุดสำราญ | จึงมีรศพจมานประภาษมา | ||
เจ้าดวงใจพ่อจะไปกัมพุชประเทศ | ระวังเหตุกลศึกฤกหนักหนา | ||
จะหยุดยั้งจงระวังพระกายา | ไม่ได้ท่าแล้วอย่าหาญเข้าราญรอน | ||
ชื่อว่าศึกแล้วอย่านึกประมาทหมิ่น | คอยประคิ่นจดจำเอาคำสอน | ||
อย่าให้อายขายหน้าประชากร | จงถาวรสวัสดีอย่ามีไภย | ||
รีบปรามปราบราบเตียนที่เสี้ยนหนาม | ดังองค์รามดับเข็ญให้เย็นใส | ||
จงมีโชคไชยะชนะไภย | ให้สมในมโนรถหมดทุกอัน | ||
ยื่นพระแสงสาตราอาญาสิทธิ์ | ใครคดคิดเข่นฆ่าให้อาสัญ | ||
จงอุดมสมศุขทุกนิรันดร์ | ซึ่งไภยันตร์สิ่งใดอย่าใกล้กราย ฯ | ||
๏ ครานั้น พระโอรสยศยง | กราบลงแทบบาทพระฤาสาย | ||
เคารพรับพรพลางแล้วย่างกราย | ผันผายมาทรงคชาธาร | ||
ได้มหาพิชัยฤกษ์ให้เลิกทัพ | โห่รับแซ่เสียงสำเนียงขาน | ||
ลั่นฆ้องหึ่งอึงออกนอกทวาร | เสียงสะท้านลั่นเลื่อนสเทื้อนสทึก | ||
ทหารธงโบกธงตรงไปน่า | เสียงช้างม้าเริงร้องอยู่กองกึก | ||
ทวยหาญขานโห่โอฬารฦก | อึกกะทึกข้ามทุ่งพ้นกรุงไกร | ||
ประทับร้อนนอนค้างกลางอารัญ | หลายวันตั้งพลับพลาหยุดอาไศรย | ||
เลี้ยวลัดตัดทุ่งเดินมุ่งไป | ถึงเวียงไชยกัมพูชาพอราตรี | ||
มิทันตั้งค่ายคูอยู่สำนัก | สั่งให้พักพลทหารชายไชยศรี | ||
ขึ้นประทับพลับพลาพนาลี | ให้โยธีล้อมรอบเปนขอบคัน ฯ | ||
๏ ครานั้น พระองค์ทรงนัครา | กัมพูชาธิราชรังสรรค์ | ||
รู้เรื่องราวข่าวศึกฮึกฉกรรจ์ | มาบุกบันตั้งประชิดติดภารา | ||
แสนพิโรธโกรธกริ้วกระทืบบาท | ดำรัสเรียกอุปราชโอรสา | ||
กับข้าเฝ้าเจ้าพระยาและพระยา | มาปฤกษาสงครามตามทำนอง | ||
จะผ่อนผันฉันใดไฉนเล่า | ภาราเราเกิดวุ่นจะขุ่นหมอง | ||
จะคิดอ่านการศึกเร่งตรึกตรอง | ใครเห็นช่องฉันใดให้ว่ามา ฯ | ||
๏ ครานั้น เจ้าพระยาอุปราช | เคารพรับอภิวาทแล้วทูลว่า | ||
ซึ่งทัพไทยเดินบกยกกันมา | ขออาสามิให้เคืองเบื้องบทมาลย์ | ||
จะหักโหมโจมจับสัปรยุทธ | ให้ม้วยมุดยับแยกถึงแตกฉาน | ||
ซึ่งทัพมาล้าเมื่อยเดินเหนื่อยนาน | ถึงสถานมิทันยั้งตั้งกระบวน | ||
จะหักหาญรานทำค่ำวันนี้ | เห็นจะมีไชยาสักห้าส่วน | ||
ไม่มีค่ายถ่ายเทคงเรรวน | ใคร่ครวญเห็นจะได้ดังใจปอง ฯ | ||
๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงกัมพูชา | ได้ฟังว่าเปรมปริ่มค่อยยิ้มย่อง | ||
จึงเอื้อนอรรถตรัสความตามทำนอง | ดีแล้วลูกถูกต้องคลองฤไทย | ||
แล้วผินภักตร์ถามบรรดาพวกข้าเฝ้า | ซึ่งลูกเราว่าเห็นเป็นไฉน | ||
จะได้ช่องคล่องจิตรเหมือนคิดไว้ | ฤๅเห็นเป็นอย่างไรให้ว่ามา ฯ | ||