นิพพานวังหน้า
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
(เพิ่มเติมข้อความและได้ตรวจทานแล้ว) |
|||
แถว 57: | แถว 57: | ||
ครุวารกติกมาเส สุกรอัคสังวชเร เหมันต์จตุมีดิถียัง | ครุวารกติกมาเส สุกรอัคสังวชเร เหมันต์จตุมีดิถียัง | ||
<tpoem> | <tpoem> | ||
- | + | นาฬิกาหึ่งๆ ถึงยามสอง ได้สามบาทคาดฆ้องประโคมสังข์ | |
พระมงกุฏปิ่นเกษนิเวศวัง ไม่รอรั้งร้างมิ่งพิมานเย็น | พระมงกุฏปิ่นเกษนิเวศวัง ไม่รอรั้งร้างมิ่งพิมานเย็น | ||
พระสฐานสถิตย์เยือกยินแต่เสียง สุรางค์เรียงร่ำเทวศก็เหลือเข็ญ | พระสฐานสถิตย์เยือกยินแต่เสียง สุรางค์เรียงร่ำเทวศก็เหลือเข็ญ | ||
แถว 68: | แถว 68: | ||
เคยเปนฉัตรแก้วกั้นสุวรรณวาม ดังศศิตามส่องโลกย์สว่างวาว | เคยเปนฉัตรแก้วกั้นสุวรรณวาม ดังศศิตามส่องโลกย์สว่างวาว | ||
เย็นเกษบารเมศบรมจักร ที่พำนักนิ์หายหาชนาหนาว | เย็นเกษบารเมศบรมจักร ที่พำนักนิ์หายหาชนาหนาว | ||
- | พระอานุภาพเลิศลบจบแตนดาว | + | พระอานุภาพเลิศลบจบแตนดาว ปัจจาผ่าวอุรพารอาใจ |
อันปิ่นราชนิเวศน์วังบวร ดัษกรรื่นาบกราบไสว | อันปิ่นราชนิเวศน์วังบวร ดัษกรรื่นาบกราบไสว | ||
- | ถึงรัตนังอังวะที่ฦๅไกร | + | ถึงรัตนังอังวะที่ฦๅไกร ก็ปราบได้ด้วยพระฤทธิ์เดชาชาย |
เมื่อปางหลังที่นั่งสุรามรินทร์ อยุทธสิ้นย่อยยับประหารหาย | เมื่อปางหลังที่นั่งสุรามรินทร์ อยุทธสิ้นย่อยยับประหารหาย | ||
เพราะไพรินทร์ลุยลามตามทำลาย กระหม่อมหมายเมืองล่มไม่เล็งคืน | เพราะไพรินทร์ลุยลามตามทำลาย กระหม่อมหมายเมืองล่มไม่เล็งคืน |
การปรับปรุง เมื่อ 14:55, 12 กุมภาพันธ์ 2553
เรื่องนิพานวังน่า
นิ | ราศบาทเบื้องโอ้ | โมฬี | ||
พาน | จะโศกทั้งศรี | อยุทเยศ | ||
วัง | เย็นสรหงัดตี | อกร่ำ ก่ำเอย | ||
น่า | มุขพิมานเมศร์ | เมื้อมิ่งแรมหมอง | ||
แต่ | พระจอมมงกุฎโลกย์ | แรมวัง | ||
แผ่น | พิภพเพียงพัง | ม้วยไหม้ | ||
ดิน | โดยอดูรหวัง | หวั่นเทวศ | ||
ต้น | แต่ตีทรวงให้ | ห่อนเว้นวันเสบย | ||
วงษ์อินทกรุงธิปัตเอก | อิศรา | ||
หน่อมงกุฎอยุทธยา | เลื่องโลกย์ | ||
สืบสายกรมฝ่ายน่า | แรมนิราศ | ||
ทรงคิดคราววิโยค | พระบิดุร้างสู่สวรรค์ | ||
พระปิ่นอยุทธเยศเจ้า | ทรงธรรม์ | ||
นุภาพปราบมนุศย์สวรรค์ | ฟากฟ้า | ||
สี่ทวีปถวายบรร | ณาน้อม | ||
เกรงบพิตรพระจอมหล้า | โลกย์ลั่นฦๅแขยง | ||
เคยเสด็จออกแสนเส | หนางค์ | ||
ร้อยเอ็ดโอนอุตมางค์ | นอบน้อม | ||
พระฤทธิ์เรืองปานปาง | สุริเยศ | ||
ทั้งหมื่นกรุงสพรั่งพร้อม | กราบเกล้าเศียรสยอง | ||
พระคุณเฮยแต่นี้เงียบ | วังเยน | ||
เคยเผยสีหเหน | ลูกไห้ | ||
ยามศุขกลับไปเปน | ทุกข์เทวศ | ||
คิดฤๅวายวางไข้ | จิตรโอ้อาดูร | ||
พระจอมมกุฎสามภพไห้ | สั่งเวียง | ||
พระสนมเสนาะเรียง | ร่ำร้อง | ||
หมู่มุขมนตรีเคียง | ครวญคร่ำ | ||
เสียงพิฦกลั่นก้อง | โศกแส้วังโหย | ||
พระกาญจน์ยอดแก้วเฮ่ย | ยังหัน | ||
เสร็จมาเมื้อเมืองสวรรค์ | สู่ฟ้า | ||
ฤๅเคียดเสน่ห์ผัน | หุยหุง เสียเนอ | ||
ม้วยแต่นับโมงถ้า | ทุกค่ำคืนหาย | ||
พระร่มโพธิ์เกษมิ่ง | กระหม่อมเฮย | ||
ยามกระเษมแสนเสวย | ศุขภาพ | ||
สุรางค์บำเรอเคย | สพรั่ง พร้อมแฮ | ||
เรียงรอบศิโรราบ | ราชร้างแรมโฉม | ||
โอ้จอมมงกุฎเกล้า | จากจร | ||
กรมพระราชวังบวร | แรมร้าง | ||
ลูกทุ่มทรวงอาทร | เทวศไห้ | ||
แสนทุกข์บวายว่าง | ที่เมื้อจักเห็น | ||
ย่ำยามสดับเสียง | ประโคมวัง | ||
ดุริยางค์เสนาะดัง | พาทย์ฆ้อง | ||
ทีนี้จะเงียบแตรสังข์ | สูญถนัด | ||
ฟังแต่เสียงสกุณก้อง | กรู่แก้วเกลื่อนขัน | ||
พระคุณเอ๋ยเคยทรงสร้าง | สมภาร | ||
ปราถนาพระโพธิญาณ | ยอดแก้ว | ||
ออกโอษฐ์ขอคชทการ | นำสัตว์ | ||
จากบ่วงสงสารแคล้ว | คลาศพ้นพลันเข็ญ | ||
ครุวารกติกมาเส สุกรอัคสังวชเร เหมันต์จตุมีดิถียัง
นาฬิกาหึ่งๆ ถึงยามสอง | ได้สามบาทคาดฆ้องประโคมสังข์ | ||
พระมงกุฏปิ่นเกษนิเวศวัง | ไม่รอรั้งร้างมิ่งพิมานเย็น | ||
พระสฐานสถิตย์เยือกยินแต่เสียง | สุรางค์เรียงร่ำเทวศก็เหลือเข็ญ | ||
ข้าธุลีมีกรรมจึงจำเปน | ไม่เห็นเลยหลักภพวิบัติวาย | ||
โอ้พระมิ่งโมฬีที่พึ่งโลกย์ | ประชาโศกแสนลห้อยไม่รู้หาย | ||
ฤๅผลเวรสัตว์ทำประจำกาย | จึงทำลายเจาะจอมกระหม่อมจง | ||
พระกฤษดาดังพรหมอุดมเดช | ที่ทรงเพศพาหนะพระยาหงษ์ | ||
เหมือนสุริเยศไขศรีรวีวงษ์ | เมื่อเสร็จทรงกลดเยี่ยมโพยมงาม | ||
อรินทร์ราชกราบเกรงพระบารเมศ | มงกุฏเกษสรวมชีพทวีปสาม | ||
เคยเปนฉัตรแก้วกั้นสุวรรณวาม | ดังศศิตามส่องโลกย์สว่างวาว | ||
เย็นเกษบารเมศบรมจักร | ที่พำนักนิ์หายหาชนาหนาว | ||
พระอานุภาพเลิศลบจบแตนดาว | ปัจจาผ่าวอุรพารอาใจ | ||
อันปิ่นราชนิเวศน์วังบวร | ดัษกรรื่นาบกราบไสว | ||
ถึงรัตนังอังวะที่ฦๅไกร | ก็ปราบได้ด้วยพระฤทธิ์เดชาชาย | ||
เมื่อปางหลังที่นั่งสุรามรินทร์ | อยุทธสิ้นย่อยยับประหารหาย | ||
เพราะไพรินทร์ลุยลามตามทำลาย | กระหม่อมหมายเมืองล่มไม่เล็งคืน | ||
บิตุรงทรงนามธรรมิกราช | ทั้งสามโลกย์เนียรนาศไม่อาจฝืน | ||
มายกพระสาศนาภิญยายืน | ประชาชื่นชมโพธิสมภาร | ||
คือล้นกระหม่อมมิ่งมไหวงษ์ | สองพระองค์เลิศฟ้ามงกุฏสฐาน | ||
แบ่งภาคจากองค์พระอวตาร | ผ่านนิเวศน์ปราบดาด้วยบารมี ... (๑๐) | ||
จึงสิ้นยุคสุขกระเษมทั้งสามภพ | เทพนบน้อมเกษทุกราษี | ||
สรรเสริญเดชาทั้งธาษ์ตรี | กรชุลีโปรยทิพย์สุมาลย์มา | ||
โอ้พระคุณเคยการุญพำนักนิ์โลก | ยิ่งวิโยคยามร้อนไม่ผ่อนหา | ||
เมื่อดับเข็ญเย็นแล้วทั้งโลกา | ไยนิราร้างราษฏร์อนาถเนาว์ | ||
ปางครั้งทศเศียรอสุรภักตร์ | เที่ยวหาญหักสามโลกย์ได้โศกเศร้า | ||
นารายน์รามตามล้างจึงบางเบา | บันเทาทุกข์ทั่วเทพดาคืน | ||
สุดกระเษมไตรภพสบกระสัน | อภิวันทุกพิมานสำราญรื่น | ||
เหมือนปิ่นจอมล้นกระหม่อมเมื่อยังยืน | หมื่นนิเวศน์วรถวายสุมาลี | ||
จึงนิพนธ์แต่หลังไว้หวังสนอง | ให้จำลองสืบกระษัตริย์บดีศรี | ||
หนึ่งครุลหุเคียงแต่เพียงตรี | ที่ท่านปรีชาช่วยอำนวยกลอน | ||
ใครยลอย่าเพ่อเย้ยพึ่งศึกษา | ใช่เมธาเจนจิตรบัณฑิตย์สอน | ||
แสนถวิลถึงพระปิ่นชนากร | สุดนิวรณ์หวั่นเทวศกำศรวญครวญ | ||
ปัญญาหญิงไหนจะพริ้งไม่คล่องเคล้า | นี่โดยเดานึกคเนอย่าเสสรวล | ||
ถ้าชำนาญอ่านเล่นเห็นสำนวน | ปราชช่วยปรวนเติมแต้มให้งามคำ | ||
เราใช่ราชกระวีที่เฉลียว | ก็เสียวใจจะไม่คมเหมือนลมขำ | ||
อ่อนหัดไม่สันทัดพึ่งลองทำ | จะริร่ำร่างลงก็งงนาน | ||
หนึ่งชุลิตฝ่าธุลีมีพระเดช | ซึ่งก่อเกษเลื่องโลกย์ระบือหาญ | ||
เสด็จสู่สวรรค์เทวพิมาน | ขอมัศการกรน้อมศิโรดม | ||
ถวายต่างทิพมาศมโนแผ้ว | กราบแล้วจึงลิขิตอักษรสม | ||
โอ้พระปิ่นภพร้อนดังเพลิงรม | ล้มพระโรคแรกประทับจะอับจน ... (๒๐) | ||
(ยังมีต่อ)