บทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(ตอนที่ ๒๗)
(ตอนที่ ๒๘)
แถว 1,735: แถว 1,735:
</tpoem>
</tpoem>
-
=== ตอนที่ ๒๘ ===
+
=== ตอนที่ ๒๘ พลายงามได้นางศรีมาลา===
 +
==== ====
<tpoem>
<tpoem>
-
+
จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายงาม  เพลายามสามหลับอยู่กับหมอน
 +
กำนัดหนุ่มกลุ้มใจให้อาวรณ์  เทพเจ้าจึงสังหรณ์ให้เห็นตัว
 +
ฝันว่านารีเพิ่งรุ่นสาว  ผิวขาวคมคายมิใช่ชั่ว
 +
สองเต้าเต่งตั้งดังดอกบัว  มายืนยิ้มยั่วแล้วเยื้องกราย
 +
พอภปรายทายทักชักสนิท  นางเบือนบิดทำทีจะหนีหน่าย
 +
ก็ลุกรีบตามติดเข้าชิดกาย  คว้าเข้าเจ้าก็หายไปกับมือ
 +
เคลิ้มผวาคว้ากอดขุนแผนพ่อ  พูดจ้อนี่เจ้าไม่เมตตาหรือ
 +
ขุนแผนตื่นฟื้นตัวก็ผลักมือ  ร้องฮื้อพลายงามทำอะไร
 +
เจ้าพลายกลัวพ่อใจคอหวั่น  บอกว่าฝันเห็นผู้หญิงลูกวิ่งไล่
 +
รุ่นสาวขาวอร่ามงามสุดใจ  จึงเผลอไปขอโทษได้โปรดปราน ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ขุนแผนฟังความพลายงามเล่า  เอ๊ะออเจ้าช่างฝันดูขันจ้าน
 +
ฝันเช่นนี้มีตำรับแต่บุราณ  ใครฝันมักบันดาลได้เมียดี
 +
หรือจะถูกลูกเจ้าบ้านผ่านเมือง  ทำนายพลางย่างเยื้องออกจากที่
 +
บอกกันทั่วหน้าบรรดามี  วันนี้ถึงพิจิตรไม่ทันเย็น
 +
ว่าแล้วเตือนกันกินข้าวปลา  รีบยกยาตราขะมักเขม้น
 +
ไม่หยุดหย่อนร้อนเหลือเหงื่อกรเด็น  พอแลเห็นเมืองแวะเข้าวัดจันทร์ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ฝ่ายว่านวลนางศรีมาลา  คืนวันนั้นนิทราก็ใฝ่ฝัน
 +
ว่าลงสระเล่นน้ำสำราญครัน  เห็นบุษบันดอกหนึ่งดูพึงตา
 +
ผุดขึ้นพ้นน้ำงามสะอาด  นางโผดผาดออกไปด้วยหรรษา
 +
เด็ดได้ดีใจว่ายกลับมา  กอดแนบแอบอุราประคองดม
 +
ลืมตาคว้าดูดอกบัวหาย  เสียดายนี่กระไรไม่ได้สม
 +
ปลุกอีเม้ยแก้ฝันหวั่นอารมณ์  อีเม้ยชมว่าฝันของนายดี
 +
ดอกบัวคือผัวมิใช่อื่น  มิพรุ่งนี้ก็มะรืนคงถึงนี่
 +
ไม่เหมือนอีเม้ยทายให้นายดี  ฝันอย่างนี้ได้ทายมาหลายคน
 +
ศรีมาลาว่าไฮ้อีมอญถ่อย  เอาผัวผ้อยมาพูดไม่เป็นผล
 +
อุตริทำนายทายสัปดน  ถึงใครใครให้จนเทวดา
 +
ถ้ามีหน้ามาเกี้ยวก็คงเก้อ  อย่าเพ้อเลยไม่อยากปรารถนา
 +
อยู่คนเดียวไม่สบายเอาชายมา  เขาย่อมว่ามันเป็นเจ้าหัวใจ
 +
อีเม้ยมอญคะนองร้องอุยย่าย  อย่าพักพูดเลยนายหาเชื่อไม่
 +
ยังไม่พบปะก็พูดไป  ถึงตัวเข้าเมื่อไรได้ดูกัน
 +
บ่าวนายสัพยอกหยอกเย้า  รุ่งเช้าศรีมาลาก็ผายผัน
 +
ไปดูการบ้านเรือนเหมือนทุกวัน  นึกถึงฝันพรั่นใจไม่รู้วาย ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงคราม  พักอยู่อารามจนตกบ่าย
 +
จะเข้าไปในจวนชวนลูกชาย  แล้วย่างกรายบ่าวตามออกหลามไป
 +
ถือถาดหมากคนโทเป็นยศอย่าง  เดินมาตามทางกับบ่าวไพร่
 +
พลายงามคิดถึงฝันปั่นป่วนใจ  เข้าในย่านตลาดก็แลชม
 +
ที่เหล่าร้านขายผ้ามีหน้าถัง  ลายสุหรัดมัดตั้งทั้งผ้าห่ม
 +
ร้านถ้วยชามรามไหมีอุดม  สะสมสินค้าสารพัด
 +
สิ่งของทองเหลืองทั้งเครื่องแก้ว  เป็นถ่องแถวคนผู้ดูแออัด
 +
พวกลูกสาวชาวร้านพานสันทัด  ทำเหยาะหยัดกิริยาท่าชาวกรุง
 +
พวกขมิ้นเหลืองจ้อยสอยไรจุก  มีแทบทุกหน้าถังบ้างเย็บถุง
 +
แต่ละหน้าหน้านวลชวนบำรุง  ใส่กลิ่นหอมฟุ้งสองฟากทาง
 +
นุ่งลายห่มสีไม่มีเศร้า  ผัดหน้าจับเขม่าเหมือนชาวล่าง
 +
คนหนึ่งรูปขาวสาวสำอาง  ดูคล้ายนางคืนนี้เป็นนวลจันทร์
 +
ครั้นเข้าใกล้แลเขม้นเป็นแต่แม้น  ไม่อ้อนแอ้นเหมือนนางที่ในฝัน
 +
ทั้งนมคล้อยหน่อยนึงจึงผิดกัน  นอกจากนั้นตะละอย่างต่างต่างไป
 +
นางนิมิตติดใจมิได้ลืม  ยิ่งป่วนปลื้มถึงฝันให้หวั่นไหว
 +
สู้เดินเมินหน้าไม่อาลัย  ล่วงตลาดเข้าไปในจวนพลัน ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ พระพิจิตรนั่งเล่นอยู่หอขวาง  เห็นคนเดินมาสล้างก็นึกหวั่น
 +
เอ๊ะข้าหลวงมาทำไมหลายคนครัน  ที่เดินหน้ามานั่นดังพระยา
 +
ครั้นดูไปจำได้ว่าขุนแผน  ดีใจลุกแล่นลงมาหา
 +
จูงมือขึ้นจวนชวนพูดจา  ขุนแผนวันทากับลูกชาย
 +
พระพิจิตรเรียกศรีบุษบา  ขุนแผนเขามาไปไหนหาย
 +
บุษบาเยี่ยมหน้าเห็นสองนาย  ยิ้มพรายออกมาด้วยดีใจ
 +
นั่งลงไต่ถามความทุกข์ยาก  แต่ไปจากแม่ได้แต่ร้องไห้
 +
มิรู้ที่จะถามข่าวคราวใคร  ด้วยทางไกลเหลือไกลมิได้รู้
 +
จะเป็นตายหายลับไปหลายปี  วันนี้แลหวังว่ายังอยู่
 +
เห็นเจ้าเหมือนใครให้แก้วชู  ด้วยเอ็นดูเหมือนลูกจึงผูกใจ
 +
วันทองท้องแก่ไปแต่นี่  คลอดง่ายดายดีหรือเจ็บไข้
 +
ลูกเป็นชายหญิงอย่างกระไร  เดี๋ยวนี้อยู่ไหนไม่พามา ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ขุนแผนเล่าความไปตามเรื่อง  เมื่อส่งไปจากเมืองก็สุขา
 +
เขาผ่อนปรนจนถึงอยุธยา  โปรดประทานโทษาไม่ฆ่าตี
 +
เป็นความกับขุนช้างก็ชนะ  ลูกไปอยู่บ้านพระจมื่นศรี
 +
เผอิญกรรมตามซัดวิบัติมี  ไปเห็นชั่วเป็นดีไม่ควรการ
 +
ให้ทูลขอลาวทองต้องติดคุก  ทนทุกข์โทษแทบถึงประหาร
 +
วันทองท้องแก่เหลือกันดาร  ทรมานว้าเหว่อยู่เอกา
 +
อ้ายขุนช้างบังอาจฉุดเอาไป  ไม่มีผู้ใดจะตามว่า
 +
จนคลอดลูกชายคนนี้มา  ชันษาเจ้าได้ถึงสิบปี
 +
มันจะเอาไปฆ่าในป่ใหญ่  พลายช่วยไว้ได้ไม่เป็นผี
 +
หนีไปอยู่บ้านกาญจน์บุรี  แม่ทองประศรีเลี้ยงไว้ให้เรียนรู้
 +
พอมีศึกเจ้าสะอึกเข้าอาสา  แต่ตัวข้ายังติดคุกอยู่
 +
จึงเป็นเหตุให้พระองค์ทรงเอ็นดู  ได้ช่องคูทูลขอพ่ออกมา
 +
ก็โปรดให้พลายงามด้วยความชอบ  รับสั่งมอบการศึกให้รักษา
 +
ประทานคนโทษที่มีวิชา  สามสิบห้าลูกหาบเจ็ดสิบคน
 +
ที่มานี่จะยกไปเชียงใหม่  ไปจับอ้ายลาวตีให้ปี้ป่น
 +
นึกถึงคุณปกเกล้าเมื่อคราวจน  จึงแวะวนเข้ามนมัสการ ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ครานั้นพระพิจิตรบุษบา  ฟังขุนแผนว่าน่าสงสาร
 +
อนิจจาเคราะห์ร้ายแทบวายปราณ  นมนานน้อยหรือแต่ทนทุกข์
 +
นี่หากลูกยากล้าทูลขอ  หวังจะแทนคุณพ่อสู้บั่นบุก
 +
หาไม่ก็จะตายอยู่ในคุก  เจ้าให้พ่อเป็นสุขมิเสียแรง
 +
ผัวเมียชอบอารมณ์ชมเปาะ  หน้าตาเหมาะเจาะใจกล้าแข็ง
 +
ชาติทหารเหมือนพ่อไม่ย่อแยง  ดูกล้องแกล้งนึกรักเฝ้าทักทาย
 +
แค้นใจแต่ท้องบุษบา  เป็นผู้หญิงเสียข้าขันใจหาย
 +
คิดคิดขึ้นมาน่าเสียดาย  ถ้าแม้นชายจะให้ไปด้วยพลัน
 +
ว่าพลางทางร้องเรียกลูกสาวมา  ศรีมาลาเอ๋ยนั่งทำไมนั่น
 +
ออกมาหาพี่ชายอย่าอายกัน  ศรีมาลาหวั่นหวั่นแล้วแอบมอง
 +
พี่เชื้อมาแต่ไหนไม่รู้จัก  ค่อยค่อยผลักบานประตูดูตามช่อง
 +
เห็นหนุ่มน้อยหน้านวลชวนคะนอง  สองคนพ่อลูกประหลาดตา
 +
อีเม้ยรับขยับเข้ายืนชิด  มือสะกิดเย้าเยาะหัวเราะว่า
 +
นั่นเป็นไรใครบนเทวดา  อีเม้ยทายแล้วว่าอย่าไม่ผิดคำ
 +
ศรีมาลาว่าชิอีขี้เค้า  ว่าได้ว่าเอาไม่เป็นส่ำ
 +
ขืนว่าแล้วจะด่าให้ระยำ  ค้อนควักหน้าคว่ำแล้วยิ้มเมิน
 +
พอพระพิจิตรเรียกซ้ำมา  ขานเจ้าขาค่อยเยี่ยมเฟี้ยมแฝงเขิน
 +
นางอุทัจอัดใจมิใคร่เดิน  ก้มสะเทินทรุดนั่งบังมารดา
 +
ยกมือไหว้ขุนแผนกับพลายงาม  ให้วาบหวามอารมณ์แล้วก้มหน้า
 +
พลายงามรับไหว้ชายแลมา  พอสบตาก็ตะลึงตะลานใจ
 +
คนนี้แลแน่แล้วที่เราฝัน  รูปโฉมโนมพรรณหาผิดไม่
 +
น้องเอ๋ยรูปร่างช่างกระไร  ถึงนางในกรุงศรีไม่มีเทียม
 +
ดังพระจันทร์วันเพ็ญเมื่อผ่องผุด  บริสุทธิ์โอภาสสะอาดเอี่ยม
 +
สองแก้มแย้มเหมือนจะยั่วเรียม  งามเงี่ยมราศีผู้ดีจริง
 +
ทั้งจริตกิริรยามารยาท  ดูฉลาดไว้วางอย่างผู้หญิง
 +
อ่อนชะอ้อนเหมือนจะวอนให้ประวิง  จะยิ้มพรายก็พริ้งยิ่งเพราตา
 +
ดูไหนไม่ขัดแต่สักอย่าง  นี่คู่สร้างของเรากระมังหนา
 +
พอแลลอดสอดรับจับนัยน์ตา  ดังว่าเจ้าจะตัดเอาหัททัย
 +
หญิงอื่นหมื่นแสนที่เคยเห็น  ก็หาจับใจเป็นเช่นนี้ไม่
 +
ถ้าแม้นได้ร่วมรักสักอึดใจ  จะตายไปก็ไม่คิดสักนิดเดียว
 +
นึกพลางเจ้าพลายร่ายพระเวท  ประสบเนตรเป่าไปให้ซ่านเสียว
 +
ศรีมาลาต้องมนตร์ขนลุกเกรียว  ชำเลืองเหลียวแลมาประหม่าใจ
 +
พอสบเนตรให้สะท้านละลานจิต  ยิ่งต่อตายิ่งคิดพิสมัย
 +
อกอ่อนร้อนรุ่มดังสุมไฟ  ไม่อยู่ได้นางก็ลาเข้ามาเรือน
 +
แอบช่องมองดูอยู่ข้างใน  ยิ่งเพ่งพิศพาใจอาลัยเลื่อน
 +
ความรักมีแต่ชักกระตุ้นเตือน  ฟั่นเฟือนดังจะคลั่งตั้งตามอง
 +
ชะชายคนนี้มิเสียแรง  ดังหนึ่งแกล้งหล่อเหลาไม่เศร้าหมอง
 +
ดูเนื้อตัวหน้าตาดังทาทอง  ไม่ขัดข้องสวยสมช่างคมคาย
 +
รู้สึกตัวนึกอายระคายเขิน  ไถลเดินเลยเข้าในห้องหาย
 +
อีเม้ยยิ้มกริ่มตามไปถามนาย  วันนี้ดูไม่สบายเป็นอย่างไร
 +
ออกไปไหว้พี่มาแต่กรุง  แล้ววิ่งกลับเข้ามุ้งเหมือนเป็นไข้
 +
หรือผีสางทักทายนายตกใจ  ฉันจะบนบวงให้กบาลกิน
 +
ผีมาแต่กรุงหรือบ้านนอก  อย่าหลอนหลอกจงคลายให้หายสิ้น
 +
ขอผัดหน่อยคอยตะวันให้ตกดิน  ปัดยุงริ้นแล้วจะเซ่นในมุ้งนี้
 +
ศรีมาลาต่อยหัวลงต้ำเหงาะ  เฝ้าค่อนเคาะร่ำไปไม่บัดสี
 +
นี่แลสัญชาติไพร่ที่ไหนมี  เซ่นผีในมุ้งมอญจัญไร
 +
เย้ากันจนตะวันนั้นเย็นลง  ศรีมาลายิ่งพะวงหลงใหล
 +
บุษบาเห็นช้าจึงเกริ่นไป  เป็นอย่างไรสำรับไม่จัดแจง
 +
ศรีมาลาฟังว่าก็ลุกไป  ช่วยดูแลข้าไทให้ตกแต่ง
 +
จัดสำรับอุดมทั้งต้มแกง  ฝาชีแดงปิดปกแล้วยกมา
 +
นางยกชามข้าวบ่าวยกสำรับ  ใจวับวับมิค่อยออกไปนอกฝา
 +
ครั้นถึงจัดวางข้างบิดา  ไม่อาจเงยดูหน้าเจ้าพลายงาม
 +
พระพิจิตรก็ชวนกันกินข้าว  เจ้าพลายร้อนเร่าประหวั่นหวาม
 +
ตะลึงแลศรีมาลาคว้าแต่ชาม  กลืนข้าวเหมือนหนามอยู่ในคอ
 +
กลัวเนื้อความจะฟุ้งสะดุ้งคิด  เหลือบดูพระพิจิตรแล้วดูพ่อ
 +
พระพิจิตรรู้ทีทำตัดพ้อ  อย่างไรหนอกินอยู่ดูระคาง
 +
กินอะไรไม่อร่อยหรือพ่อหรือ  ชาวเหนือฝีมือไม่เหมือนล่าง
 +
รสชาตปิ้งจี่มันจืดจาง  หัวเราะพลางหยอกเย้าเจ้าพลายงาม
 +
แล้วจึงชักชวนทั้งสองนาย  ค้างที่นี่เถิดสบายอย่าเกรงขาม
 +
บ้านมีอยู่ไยในอาราม  มาอยู่ตามชอบใจในหอนั้น
 +
อิ่มเสร็จแล้วสั่งศรีมาลา  ให้จัดแจงฟูกผ้าทุกสิ่งสรรพ์
 +
ที่นอนน้อยกำมะหยี่นุ่นสองอัน  เสื่ออ่อนสองชั้นจัดออกมา ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ขุนแผนถามพระพิจิตรพลัน  สีหมอกนั้นอยู่ดีหรือเจ้าขา
 +
พระพิจิตรบอกว่าสีหมอกม้า  อยู่ดีแต่ชราถนัดใจ
 +
เนื้อหนังพาลติดจะเหี่ยวคร่ำ  อันหญ้าน้ำค่ำเช้าหาขาดไม่
 +
ข้าก็ช่วยเยี่ยมเยียนเวียนมาไป  เกณฑ์ให้อ้ายจันมันเลี้ยงดู
 +
ขุนแผนจึงชวนลูกชายพลัน  ไปเยี่ยมม้าด้วยกันเสียสักครู่
 +
ว่าพลางทางออกนอกประตู  ตรงไปที่อยู่สีหมอกม้า
 +
อ้ายจันครั้นเห็นยกมือไหว้  ฉันเลี้ยงไว้อ้วนพีดีหนักหนา
 +
พ่อลูกเข้าไปใกล้อาชา  ขุนแผนเสกหญ้าให้ม้ากิน ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ สีหมอกม้าหญ้ามนตร์เข้าดลใจ  จำได้รู้ภาษาพูดจาสิ้น
 +
ลงตีนโปกโปกโขกแผ่นดิน  เพียงจะดิ้นหลุดแหล่งด้วยดีใจ
 +
เลียชมดมทั่วทั้งกายา  ขุนแผนกอดม้าน้ำตาไหล
 +
ลูบหลังสีหมอกแล้วบอกไป  ข้านี้ต้องราชภัยเพิ่งพ้นมา
 +
ไปติดคุกจนลูกทูนขอโทษ  ท่านปล่อยโปรดจึงได้มาเห็นหน้า
 +
เจ้าพลายนี้ลูกวันทองน้องยา  ที่ท่านรับบุกป่ามากับเรา
 +
สีหมอกฟังเหลียวหน้าหาวันทอง  ไม่เห็นน้องอยู่ไหนให้สร้อยเศร้า
 +
มิรู้ที่จะถามความหนักเบา  เฝ้าแต่ดูลูกพ่อคลอน้ำตา ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ขุนแผนบอกว่าข้าจะไปทัพ  หมายจะรับไปด้วยช่วยอาสา
 +
เพราะได้เคยเห็นใจแต่ไรมา  จะไปได้หรือว่าท่านหย่อนแรง
 +
สีหมอกดีใจจะไปทัพ  เต้นหรับร้องร่าดัดขาแข้ง
 +
ดังบอกว่าข้าจะไปอย่าได้แคลง  ขุนแผนแจ้งท่วงทีก็ดีใจ
 +
จึงเลือกเด็ดยอดหญ้ามาเต็มมือ  ถือเสกด้วยพระเวทมุขใหญ่
 +
ป้อนม้ากินหญ้าในทันใด  ระงับโศกโรคภัยให้บรรเทา
 +
เดชะพระเวทวิเศษขลัง  สีหมอกมีกำลังขึ้นดังเก่า
 +
ผูกเครื่องเรืองอร่ามงามเพริศเพรา  ขุนแผนขี่เหยาะเหย่าออกมาพลัน
 +
ลองขับน้อยใหญ่ทั้งไล่หนี  ท่วงทีไวว่องคล่องขยัน
 +
ถึงม้าหนุ่มจะเปรียบไม่เทียบทัน  สารพันถูกทำนองด้วยว่องไง
 +
ขุนแผนดีใจลงจากหลัง  เรียกอ้ายจันมาสั่งหาช้าไม่
 +
เอ็งดูให้อิ่มหนำสำราญใจ  จะขี่ไปในรุ่งพรุ่งนี้เช้าฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ครั้นสั่งแล้วขุนแผนแสนศักดา  เรียกลูกชายมาแถลงเล่า
 +
พ่อเกรงว่าช้าอยู่เหมือนดูเบา  เราจะยกในรุ่งขึ้นพรุ่งนี้
 +
ด้วยปลอดสิ้นทักทอนยมขัน  เป็นฤกษ์เสาร์เก้าชั้นวิเศษศรี
 +
มีตบะจะชนะแก่ไพรี  เจ้านี้จะเห็นเป็นอย่างไร
 +
พลายงามความอาลัยศรีมาลา  ไม่รับมาว่าจะจากพิจิตรได้
 +
จะแจ้งข้อกลัวพ่อไม่ตามใจ  จึงแก้ไขเบือนบิดคิดเจรจา
 +
ว่าไพร่พลบอบช้ำระกำอก  จะด่วนยกไปไหนนี่เจ้าขา
 +
ขอให้ไพร่พักสักเวลา  พอหายเหนื่อยเมื่อยล้าจึงคลาไคล
 +
ขุนแผนว่าดูเอาเถิดเจ้าพลาย  จะหยุดหาความสบายก็เป็นได้
 +
การรับสั่งว่ายากลำบากไย  ที่ไหนจะเหมือนบ้านเรือนตน
 +
เจ้าพลายงามตอบว่าหามิได้  ลูกจะใคร่ปลุกเครื่องอีกสักหน
 +
ด้วยยังหย่อนฤทธิ์เดชทั้งเวทมนตร์  ขอพักพลปลุกเครื่องเสียสักนิด
 +
ขุนแผนว่าถ้าไปเสียให้ทัน  พรุ่งนี้เป็นวันมหาสิทธิ์
 +
จะปลุกเครื่องก็เรืองอิทธิฤทธิ์  ประกอบกิจกับฤกษ์ที่เบิกไพร
 +
อันพิธีในเรื่องปลุกเครื่องอาน  ทำในบ้านไม่เหมือนในป่าใหญ่
 +
ด้วยบ้านเมืองผู้คนเกลื่อนกล่นไป  จะระงับดับใจไม่สู้ดี
 +
เจ้าพลายว่าป่าไม้จะปลุกฤทธิ์  ไม่ประสิทธิ์เหมือนหนึ่งป่าช้าผี
 +
อยู่ในพาราป่าช้ามี  ก็เป็นที่สงัดเงียบปากคอ
 +
ขุนแผนรู้ว่าบิดก็คิดเคือง  เอ็งห่วงเมืองอยู่ทำไมไฉนหนอ
 +
ธุระสิ่งไรมีจะรีรอ  พ่อพูดมิฟังช่างกระไร
 +
พลายงามคร้ามพ่อไม่ต่อเถียง  พูดเลี่ยงว่าธุระหามีไม่
 +
แล้วพ่อลูกก็พากันคลาไคล  ขึ้นจวนใหญ่พลายน้อยคะนึงนาง
 +
ขุนแผนพลายงามพระพิจิตร  ชอบชิดพูดจากันต่างต่าง
 +
ถึงเรื่องรบพุ่งแลทุ่งทาง  พูดพลางต่างหัวร่อกันเรื่อยไป ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ครั้นสิ้นแสงสุริยนสนธยา  พระจันทราแย้มเยี่ยมเหลี่ยมไศล
 +
เคลื่อนคล้อนลอยฟ้านภาลัย  หมดเมฆปัถไหมไม่หมองมอม
 +
พระพายพามาลาละอองกลิ่น  รวยรินรสร่อนขจรหอม
 +
ศรีมาลาอาวรณ์นอนใจตรอม  ถนอมแนบหมอนข้างเคียงคะนึง
 +
โอ้พ่อพลายงามของน้องเอ๋ย  ใครเลยจะเอ็นดูให้รู้ถึง
 +
ว่าน้องนี้มีจิตคิดรำพึง  ดังศรตรึงทรวงโศกวิโยคคิด
 +
พ่อชายตามาสบเมื่อน้องแล  จะรู้แน่หรือจะแหนงแคลในจิต
 +
ดูลาดเลาเจ้าก็ใคร่จะเป็นมิตร  หรือวิปริตคิดว่าไม่ปรานี
 +
อกน้องยากนักด้วยเป็นหญิง  ต้องซ่อนรักหนักนิ่งอยู่กับที่
 +
แม้นเป็นชายพ่อพลายเป็นสตรี  ค่ำวันนี้เป็นตายจะหมายไป
 +
นึกพลางนางนอนสะท้อนท้อ  น้ำตาคลอมิใคร่จะเคลิ้มได้
 +
ให้เฟื่องฟุ้งพลุ่งพล่านรำคาญใจ  นึกอาลัยไปจนหลับกับที่นอน ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ พระพิจิตรขุนแผนพลายงาม  พูดกันจนยามไม่หยุดหย่อน
 +
พระพิจิตรว่าเช้าเจ้าจะจร  จงพักผ่อนเสียเถิดทั้งสองรา
 +
ว่าแล้วก็ลุกไปเข้าเรือน  พลายงามฟั่นเฟือนเป็นหนักหนา
 +
ชวนพ่อเข้านอนวอนพูดจา  คุณพ่อขานี่ดึกแล้วกระมัง
 +
ฉันวันนี้อย่างไรไม่สบาย  ระส่ำระสายเหน็ดเหนื่อยเมื่อยสันหลัง
 +
จะนอนเสียแต่หัวค่ำเอากำลัง  จะได้ตั้งหน้ายกแต่เช้าไป ฯ
 +
ขุนแผนนึกในใจไอ้เจ้าชู้  มันสำคัญว่ากูหารู้ไม่
 +
กรรมกรรมเจียวจะทำเป็นอย่างไร  มันจะแกล้งให้ผู้ใหญ่ผิดใจกัน
 +
คิดแล้วก็ทำเป็นมารยา  หลับตานอนนิ่งไม่พลิกผัน
 +
คอยจับแยบคายลูกชายนั้น  ไม่วางใจให้หวั่นในอารมณ์ ฯ
</tpoem>
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
๏ เจ้าพลายก่ายหมอนทำนอนนิ่ง  สุดประวิงอกไหม้ไส้พุงขม
 +
กำเริบรักหนักแน่นแสนระทม  โอ้เจ้านมพวงพี่ศรีมาลา
 +
ป่านนี้เนื้ออ่อนจะนอนสนิท  หรือดวงจิตจะนึกเสนหา
 +
ดูทีเหมือนจะมีซึ่งเมตตา  แต่ทว่าเป็นหญิงก็นิ่งไว้
 +
อันความรักหนักแน่นในอกพี่  ข้อนี้เจ้ารู้หรือหาไม่
 +
แม้นรู้เค้าเจ้าก็เห็นจะอาลัย  คงมิให้เสียทีพี่หมายชิด
 +
เขาย่อมว่าถ้ามีมิตรใจ  แล้วคงไม่สาบสูญมิตรจิต
 +
พี่รักเจ้าเทียมเท่าดวงชีวิต  นี่จะคิดฉันใดให้เป็นการ
 +
จะวนเวียนเพียรพูดให้ถึงปาก  ก็สุดยากเชิงชักสมัครสมาน
 +
ด้วยพรุ่งนี้ก็จะไปไม่อยู่นาน  จะพึ่งพานผู้ใดก็ไม่มี
 +
ถ้าจะไว้สู่ขอต่อขากลับ  เห็นตัวพี่นี้จะยับลงเป็นผี
 +
ด้วยความรักหนักใจเสียเต็มที  จะทวีขึ้นทุกวันจนบรรลัย
 +
จำจะคิดเข้าสนิทให่สมนึก  จึงจะคิดทำศึกต่อไปได้
 +
แม้นมิได้ศรีมาลายาใจ  ซึ่งจะไปเชียงใหม่อย่าสงกา
 +
ตามแต่บุญกรรมเถิดน้องแก้ว  คนหลับแล้วจะลอบเข้าไปหา
 +
ถ้าแม้นแก้วพี่มิเมตตา  ก็ตามแต่เวราจะเป็นไป
 +
ยิ่งนึกยิ่งตรมอารมณ์หมอง  แสงเดือนเด่นส่องสว่างไสว
 +
น้ำค้างพร่างพร้อยละห้อยใจ  เสียงไก่แก้วขันกระชั้นยาม
 +
ฟังพ่อรอหูดูจนใกล้  ไม่ไว้ใจแคลงคลำแล้วทำถาม 
 +
ขุนแผนรู้แยบคายเจ้าพลายงาม  ไม่ตอบความนิ่งอยู่จะดูที
 +
เจ้าพลายสำคัญว่าพ่อหลับ  ค่อยขยับลุกย่องมาจากที่
 +
พอออกนอกห้องได้ก็ยินดี  หมายว่าหนีพ้นพ่อรอบังเงา ฯ
 +
 +
 +
๏ ขุนแผนลุกมองแล้วย่องตาม  พอทันถามออกมาทำไมเจ้า
 +
พลายงามแก้เก้อละเมอเดา  ฉันจะออกไปเบาที่นอกชาน
 +
วันนี้มันให้ปวดแต่ท้องเยี่ยว  หลายเที่ยวแล้วด้วยกล่อนมันสังหาร
 +
จะปลุกพ่อขอยารับประทาน  ขุนแผนว่าไม่ได้การแล้วเจ้าพลาย
 +
อ้ายโรคกล่อนเช่นนี้มันขี้ถ่อย  หมอสักร้อยรักษาก็ไม่หาย
 +
ว่าพลางทางจูงมือลูกชาย  ย่างกรายเข้าห้องต้องระวัง ฯ
 +
 +
 +
๏ เจ้าพลายงามขัดใจไม่เป็นสุข  ล้มนอนแล้วลุกทะลึ่งนั่ง
 +
แค้นพ่อเหมือนหัวอกจะฟกพัง  กระไรช่างแกล้งได้ไม่เมตตา
 +
เป็นไรมีดีแล้วว่าไม่หลับ  จะคอยจับให้ได้ก็ไม่ว่า
 +
พลางร่ายมนตร์ขลังสั่งนิทรา  ตั้งสมาธิปลงตรงภวังค์
 +
เป่าต้องขุนแผนแสนสนิท  ก็เคลิ้มจิตด้วยพระเวทวิเศษขลัง
 +
หลับสนิทแน่วนิ่งลงจริงจัง  พลายงามสมหวังสิ้นอาวรณ์
 +
ขยับเท้าก้าวย่างออกจากห้อง  พระจันทร์ส่องแสงจำรัสประภัสสร
 +
พระพายพัดบุปผาพาขจร  รวยรินรสอ่อนระรื่นไป ฯ
 +
 +
 +
๏ มาถึงเรือนที่ศรีมาลาอยู่  แอบบังเงาดูด้วยสงสัย
 +
หลังนี้ดอกกระมังยืนชั่งใจ  แสงไฟวับวามตามตะเกียง
 +
คิดพลางทางร่ายมนตร์สะกด  หลับหมดเงียบดีไม่มีเสียง
 +
สะเดาะกลอนถอนหลุดแล้วมองเมียง  เลี่ยงเข้าในห้องย่องเดินมา
 +
อัจกลับตามวางกระจ่างแสง  เจ้าตกแต่งเครื่องเรือนไว้หนักหนา
 +
เครื่องแป้งจัดตั้งไว้หลังม้า  ขันล้างหน้าพานรองของผู้ดี
 +
เครื่องนากเครื่องทองสองสำรับ  เรียงลำดับวางไว้เป็นที่ที่
 +
โถขี้ผึ้งแป้งร่ำน้ำมันตานี  โต๊ะหวีตั้งเรียงไว้เคียงกัน
 +
โตกพานหีบปัดจัดตั้งซ้อน  ทั้งผ้าผ่อนพับเรียบทุกสิ่งสรรพ์
 +
เครื่องไหว้พระนั้นจัดอัฒจันทร์  คันฉ่องแกะงาเป็นหน้าพรหม
 +
กระจกใหญ่ใส่ตั้งทั้งไม้สอย  อุบะห้อยรื่นรวยดูสวยสม
 +
สะอาดสะอ้านลานตาน่านิยม  พลางชมม่านกางข้างที่นอน
 +
พื้นไหมใส่ทองเป็นลายปัก  น่ารักรูปร่างบางชะอ้อน
 +
ปักระเด่นเป็นไข้ใจอาวรณ์  ทุรนร้อนรักนุชบุษบา
 +
เอาไฟเผาเข้าลักพระน้องนาฎ  โอบอุ้มใส่ราชรถา
 +
ระเด่นแกล้งแปลงเป็นจรกา  ปักเป็นบุษบาเจ้าจาบัลย์
 +
 +
 +
๏ พระรีบเร่งชักรถถึงคีรี  เข้าสู่ถ้ำมณีภิรมย์ขวัญ
 +
สองกษัตริย์เชยชมสมสู่กัน  พอรุ่งแสงสุริยันก็จากนาง
 +
เข้ามาเมืองจะเปลื้องความสงสัย  สั่งพี่เลี้ยงไว้มิให้ห่าง
 +
ผลกรรมจำจากจะพรากร้าง  เผอิญข้างนางนึกนิยมไป
 +
ออกทรงรถชมพรรณบุปผา  ปักปะการะตาหลาอันเป็นใหญ่
 +
ให้ลมเพชรหึงลั่นสนั่นไพร  พัดพาอรไทไปทั้งรถ
 +
ครั้นไกลไปตกกลงกลางป่า  บุษบายิ่งแสนโศกกำสรด
 +
คิดถึงพระองค์ผู้ทรงยศ  นางระทดระทวยแทบทำลายชนม์
 +
ปักเป็นระเด่นเที่ยวตามหา  ค้นคว้าจบแหล่งทุกแห่งหน
 +
พระวงศาแยกย้ายหลายตำบล  แปลงตนเป็นปันจุเหร็จไพร
 +
ฉลาดนักปักงามนี้น้อยหรือ  ช่างฟัดครือเรื่องพี่หาผิดไม่
 +
อันองค์บุษบายาใจ  พิเคราะห์ไปเหมือนเจ้าศรีมาลา
 +
อันอกของระเด่นมนตรี  เหมือนอกพี่นี่ที่โหยหา
 +
คล้ายระเด่นกับพระนุชบุษบา  แต่ไม่มีจรกาจึงผิดกัน
 +
ถ้าใครเป็จรกาเข้ามาแกล้ง  พี่ไม่แปลงอย่างเช่นระเด่นนั่น
 +
จะจิกหัวจรกาเอามาฟัน  แล้วสรวลสันต์ผันแปรแลชำเลือง
 +
เตียงจีนตีนตั้งบนตัวสิงห์  ฉลุลายพรายพริ้งพร้อมทั้งเครื่อง
 +
แลวิจิตรปิดทองดูรองเรือง  มุ้งเหลืองแพรดอกกกระเด็นลอย
 +
หน้าระบายลายทับสลับสี  มุ้งผู้ดีมีแส้หางม้าห้อย
 +
เปิดมุ้งเมียงมองเห็นน้องน้อย  เจ้าหลับผ็อยเพ่งพิศจิตทะยาน
 +
พักตร์พริ้มเหมือนยิ้มอยู่ทั้งหลับ  ประทีปจับหน้านวลชวนสมาน
 +
เจ้านิทรามารยาทไม่มีปาน  ยิ่งคิดก็ยิ่งซ่านสวาทเตือน
 +
ค่อยประคองลองจูบเจ้าทั้งหลับ  หอมกระไรใจวับขยับเขยื้อน
 +
พอต้องเต้าตัวสั่นให้ฟั่นเฟือน  ค่อยลูบเลื่อนโลมเล้าละลานใจ
 +
จับแล้ววางเล่าเฝ้ากลัดกลุ้ม  ด้วยรุ่นหนุ่มชู้สาวหาเคยไม่
 +
จะปลุกนางกลัวร้องย่องห่างไป  คลายเวทแล้วก็ไอให้สำเนียง ฯ 
 +
 +
 +
๏ ครานั้นศรีมาลานารี  รู้สึกสมประดีได้ยินเสียง
 +
ลืมตาเห็นชายอยู่ปลายเตียง  เจ้ามองเมียงจำได้ว่าพลายงาม
 +
นึกสำคัญในจิตคิดว่าฝัน  ไม่หวาดหวั่นยิ้มแล้วก็ทักถาม
 +
นึกอย่างไรใจกล้าเข้ามาตาม  จะเกิดความงามหน้าพากันอาย
 +
เจ้าพลายได้ฟังเข้านั่งอิง  นางรู้ว่าคนจริงมิ่งขวัญหาย
 +
ตกใจเพียงจะดิ้นสิ้นใจตาย  ร้องว้ายแล้วก็ซบสลบไป ฯ
 +
 +
 +
๏ อีเม้ยรับหลับอยู่ที่เฉลียง  ได้ยินเสียงนายร้องก็จำได้
 +
ลุกขึ้นด้วยตระหนกตกใจ  เข้าในห้องมองเมียงถึงเตียงพลัน
 +
เห็นเจ้าหนุ่มอุ้มนางวางบนตัก  รู้จักว่าเจ้าพลายที่หมายมั่น
 +
ก็แจ้งใจในเหตุปัจจุบัน  มาฉวยขันน้ำส่งให้เจ้าพลาย
 +
พ่อเอาผ้าชุบน้ำนี้ลูบหน้า  ลูบไล้ไปมากว่าจะหาย
 +
แล้วปลอบโยนตามใจให้สบาย  ถ้าขืนใจแล้วจะตายในพริบตา
 +
ว่าแล้วปิดห้องย่องกลับไป  อีเม้ยยิ้มละไมอยู่ในหน้า
 +
คอยดูผู้คนจะไปมา  ด้วยสงสารศรีมาลากับพลายงาม ฯ
 +
 +
 +
๏ จะกล่าวถึงท่านพระพิจิตร  หลับสนิทเสียงลูกตกใจหวาม
 +
จะเกิดเหตุอะไรไม่รู้ความ  จึงร้องถามอีเม้ยเฮ้ยเป็นไร
 +
กูแว่วเหมือนเสียงศรีมาลา  มึงลืมตาขึ้นฟังมั่งหรือไม่
 +
อีเม้ยเอ่ยตอบไปทันใด  นายท่านเรียกฉันไปให้ปัดยุง
 +
ปัดไปปัดมาไม่ทันดู  จิ้งจกมันอยู่ที่ในอุ้ง
 +
ฉันปัดมันพลัดลงจากมุ้ง  ถูกพุงเธอจึงร้องออกก้องเรือน
 +
พระพิจิตรว่าดูอีมอญถ่อย  สักหน่อยอ่อนจะเลยเป็นกลากเกลื้อน
 +
บุษบาว่าฉันก็ได้เตือน  มันไม่เชือนดูแลแต่กลางวัน ฯ
 +
 +
 +
๏ ฝ่ายว่าขุนแผนอยู่หอนั่ง  สะดุ้งฟื้นตื่นฟังใจหวั่นหวั่น
 +
ออพลายหายแล้วไม่แคล้วกัน  อ้ายขี้เค้าคงถลันไปเข้ามุ้ง
 +
อ้ายลูกเจ้ากรรมมาทำเข็ญ  พรุ่งนี้ทีเห็นจะเกิดยุ่ง
 +
แต่ตริตรองแก้ไขสิ้นไส้พุง  คืนยังรุ่งไม่ระงับหลับนอน ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นนารีศรีมาลา  ค่อยฟื้นตื่นมายังเหนื่อยอ่อน
 +
ได้สติลืมตาด้วยอาวรณ์  เห็นเจ้าพลายกอดช้อนไว้ทั้งตัว
 +
มือหนึ่งลูบน้ำชดลมหน้า  นางประหม่าขนพองสยองหัว
 +
ใจเต้นหวามหวามด้วยความกลัว  ยังมึนมัวมิรู้ที่จะหนีไป
 +
จึงค่อยเคลื่อนเลื่อนตัวลงจากตัก  ละอายนักนิ่งนอนถอนใจใหญ่
 +
ค่อยกระดิกพลิกตัวเข้าข้างใน  เจ้าแกล้งหันหลังให้ไม่แลดู ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นพลายงามทรามสวาท  ยังไม่อาจถามทักเป็นสักครู่
 +
ด้วยอาการอย่างไรยังไม่รู้  เห็นนอนอยู่ดิบดีค่อยมีใจ
 +
จึงหยิบพัดหางปลามารำเพย  น้องเอ๋ยนอนเถิดจะพัดให้
 +
เมื่อตะกี้พี่วิตกนี่กระไร  ถ้าบรรลัยพี่ชายจะตายตาม
 +
พี่บนบวงเทวดาคงมาช่วย  จึงรอดด้วยเทพไทมิได้ห้าม
 +
ท่านเอ็นดูโฉมฉายกับพลายงาม  เพราะเห็นความรักพี่มีต่อน้อง
 +
แต่แลพบสบตาเมื่อมาถึง  พี่เหมือนหนึ่งกับปลามาติดข้อง
 +
ทุรนร้อนรักรึงคะนึงปอง  ถ้าเจ้าไม่ปรองดองก็ถึงตาย
 +
เหลือที่พี่จะโศกโรครักร้าง  ช่วยรักษาพี่บ้างพอห่างหาย
 +
เชิญเจ้าผินหน้ามาหาพี่ชาย  พูดภิปรายพอให้พี่มีน้ำใจ ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นนวลนางศรีมาลา  ได้ฟังวาจายิ่งรักใคร่
 +
แต่หากมารยาแกล้งว่าไป  นี่อยากรู้ว่าใครให้เข้ามา
 +
เป็นผู้ดีช่างไม่มีอัชฌาสัย  ไม่เกรงใจพ่อแม่แต่สักหน้า
 +
รู้จักกันไม่ทันล่วงเวลา  จะมาฆ่าแท้แท้แก้ว่ารัก
 +
รักจริงนิ่งไยมิไปขอ  บอกแม่พ่อเป็นผู้ใหญ่ให้ประจักษ์
 +
ล่วงเกินแล้วมาเชิญให้ทายทัก  นี่จะให้ใครสมัครไปทักทาย ฯ
 +
 +
 +
๏ อนิจจาแก้วตาช่างว่าได้  ไม่เห็นใจหรือว่ารักสมัครหมาย
 +
พี่กล้ามาถึงตัวไม่กลัวตาย  ก็เพราะรักโฉมฉายกว่าชีวิต
 +
ถ้าสามารถอาจขอต่อพ่อแม่  แน่แล้วพี่จะขอต่อพระพิจิตร
 +
ท่วงทีก็จะสมอารมณ์คิด  ท่านเป็นมิตรกับบิดามาช้านาน
 +
เมื่อนั่งกินข้าวเย็นเห็นหรือเปล่า  ท่านหยอกเย้าพี่อย่างว่าลูกหลาน
 +
แต่สุดคิดเพราะติดราชการ  จะต้องคุมพวกทหารไปพรุ่งนี้
 +
ถ้าร้างรักหักใจไปจากเจ้า  ทุกค่ำเช้าจะระทมดังตรมฝี
 +
คงบรรลัยไม่ทันเป็นไมตรี  ใช่ว่าพี่จงจิตจะคิดร้าย
 +
เพราะขัดขวางอย่างอื่นไม่คิดเห็น  จำเป็นจึงเข้ามาหาโฉมฉาย
 +
ถ้าเจ้าไม่ปรานีพี่ยอมตาย  ขอฝากกายไว้ในห้องของน้องรัก ฯ
 +
 +
 +
๏ ศรีมาลาฟังความพลายงามว่า  นางตรึกตราทุกสิ่งจริงประจักษ์
 +
นึกถึงตัวกลัวอายยิ่งร้ายนัก  เหมือนชวนชักชายไว้ที่ในเรือน
 +
ถึงเพียงนี้แล้วที่ไหนจะไปจาก  ยากที่จะผลัดวันประกันเลื่อน
 +
ทั้งใจนางความรักก็ตักเตือน  จึงลุกเบือนหน้าค้อนเข้าพลายงาม
 +
อ้อชาวกรุงศรีเช่นนี้เจียว  ฉลาดเฉลียวลิ้นลมเป็นคมหนาม
 +
จะว่าไรแก้ไขได้ทุกความ  มิน่าหญิงวิ่งตามกันปรอปรอ
 +
ขึ้นมาถึงพิจิตรติดผู้หญิง  ครั้นติดทัพกลับนิ่งไม่สูขอ
 +
ไปทัพก็ไม่ไปไถลรอ  จนแม่พ่อหลับใหลเข้าในเรือน
 +
ไม่คบค้าก็ว่าจะบรรลัย  ชาวบ้านนอกที่ไหนใครจะเหมือน
 +
ถ้าหญิงใดใจเบาให้เจ้าเชือน  ไม่ถึงเดือนก็จะทิ้งวิ่งไปทัพ
 +
ปล่อยนางร้างเปล่าอยู่ข้างนี้  ต้องให้คอยร้อยปีไม่มีกลับ
 +
ให้เสียตัวชั่วช้ำระกำยับ  เพราะสับปลับหลงเสน่ห์เล่ห์ชาวกรุง
 +
ฉันขอบคุณที่อุตส่าห์รักษาไข้  ไปเสียเถิดพ่อไปจะใกล้รุ่ง
 +
ถ้าพ่อแม่รู้ความจะลามนุง  จะโกรธยุ่งไม่ได้ดังใจปอง ฯ
 +
 +
 +
๏ น้องเอ๋ยที่จะไปอย่าได้คิด  สิ้นชีวิตก็จะตายอยู่ในห้อง
 +
พี่ไม่ลวงหลอกดอกนะน้อง  จะครอบครองเป็นคู่อยู่จนตาย
 +
ปรานีพี่เถิดอย่าเฝ้าดื้อ  ได้ถูกถือแล้วเช่นนี้ไม่มีหน่าย
 +
ว่าพลางอิงแอบเข้าแนบกาย  เจ้าพลายจับต้องจะลองใจ ฯ
 +
 +
 +
๏ ศรีมาลาป้องปัดสะบัดเบี่ยง  เขาว่าแล้วยังเมียงเข้ามาใกล้
 +
สัญญาว่าแต่ปากยากอะไร  อย่าด่วนได้นะจงยั้งตั้งใจคิด
 +
ถ้าจริงใจก็ให้ความสัตย์ก่อน  ให้แน่นอนภายหน้าว่าสุจริต
 +
เชื่อได้จึงจะปลงลงเป็นมิตร  ถ้าเบือนบิดอย่าสำรวยให้ป่วยการ ฯ
 +
 +
 +
๏ จริงจริงกระนั้นหรือน้องแก้ว  มันก็แล้วมิให้น้องต้องว่าขาน
 +
พี่จะให้ความสัตย์ปฏิญาณ  ขอบันดาลเทพยดาจงมาฟัง
 +
ถ้าพี่นี้ทิ้งขว้างร้างหย่า  ไม่เลี้ยงเจ้าศรีมาลาไปวันหลัง
 +
ขอให้มีอันเป็นเห็นจริงจัง  ลงนรกตกกระทั่งถึงโลกันต์
 +
พี่ให้สัตย์ปฏิญญาณอย่างนี้แล้ว  น้องแก้วยังสงสัยหรือไรนั่น
 +
เชิญเจ้าช่วยรับรักพี่หนักครัน  จะหวาดหวั่นต่อไปไม่ต้องการ ฯ
 +
 +
 +
๏ เห็นแล้วหม่อมพี่ที่รักน้อง  คงปรองดองร่วมรักสมัครสมาน
 +
แต่ฉันยังเป็นไข้ให้สะท้าน  ขอผัดพอนานนานจะตามใจ
 +
เจ้าพลายรู้ใจไข้มารยา  ไม่รอช้ากอดรัดกระหวัดไขว่
 +
ประจงจูบลูบลอดในสไบ  นางผลักไสอยู่จนพับกับที่นอน
 +
ทั้งหนุ่มสาวคราวแรกภิรมย์รัก  ไม่ประจักษ์เสนหามาแต่ก่อน
 +
กำเริบรักเหลือทนทุรนร้อน  พอร่วมหมอนก็เห็นเป็นอัศจรรย์
 +
เหมือนเกิดพายุกล้ามาเป็นคลื่น  ครืนครืนฟ้าร้องก้องสนั่น
 +
พอฟ้าแลบแปลบเปรี้ยงลงทันควัน  สะเทือนลั่นดินฟ้าจลาจล
 +
นทีตีฟองนองฝั่งฝา  ท้องฟ้าโปรยปรายด้วยสายฝน
 +
โลกธาตุหวาดไหวในกมล  ทั้งสองคนรสรักประจักษ์ใจ ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นนวลนางศรีมาลา  เสนหาพะวงหลงใหล
 +
แอบผัวเคียงข้างไม่ห่างไกล  เอาสไบซับเนื้อที่เหื่อนอง
 +
พัดพลางถามผัวกลัวอิดโรย  หิวโหยหรือข้าจะหาของ
 +
เจ้าพลายสวมสอดกอดประคอง  ได้แนบน้องเนื้อนิ่มพี่อิ่มทิพย์
 +
กินอยู่ไม่ต้องกล่าวทั้งคาวหวาน  ขึ้นสวรรค์เห็นวิมานอยู่หวิบหวิบ
 +
ต่าคะนึงคลึงเคล้าเฝ้ากระซิบ  งุบงิบกันจนม่อยผ็อยหลับไป ฯ
 +
 +
 +
๏ จวนอรุณเรื่อฟ้านภาแผ้ว  ไก่แก้วขันเร่งปัจจุสมัย
 +
ศรีมาลาตื่นนอนถอนฤทัย  ด้วยจำใจจะต้องพรากจากผัวนั้น
 +
นางล้างหน้าทาแป้งแล้วหวีหัว  ค่อยขยับจับตัวผัวปลุกสั่น
 +
ตื่นเถิดจวนจะแจ้งแสงตะวัน  อยู่ด้วยกันช้าไปจะได้อาย
 +
เจ้าพลายตื่นฟื้นตัวมัวแต่จูบ  โลมลูบอยู่ใม่ใคร่จะผันผาย
 +
จะเหินห่างนางไปให้เสียดาย  ซังตายลุกมาล้างหน้าพลัน
 +
ศรีมาลามพาไปที่เครื่องแป้ง  ตกแต่งแป้งร่ำน้ำดอกไม้กลั่น
 +
เจือกระแจะปรุงประทิ่นกลิ่นจวงจันทน์  นางจัดสรรให้ผัวแต่งตัวไป
 +
เจ้าพลายประแป้งแต่งตัวแล้ว  จะคลาดแคล้วสะท้อนถอนใจใหญ่
 +
นั่งลงอุ้มนางวางตักไว้  ยิ่งอาลัยยิ่งอนาถไม่อาจจร ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นนวลนางศรีมาลา  เจ้าโศกาสะอึกสอื้นอ้อน
 +
นึกได้เหลียวหน้ามาว่าวอน  คิดก่อนนะจะไปไกลจากน้อง
 +
เรื่องของเราผู้ใหญ่ไม่รู้ความ  ต้องคิดอ่านลากหนามไว้จุกช่อง
 +
พ่อไปเผื่อใครจะขอร้อง  อย่าให้ต้องขืนขัดคำบิดา
 +
ถึงน้องจะยากเข็ญเป็นอย่างไร  ก็คงจะเอาใจไว้รอท่า
 +
เสร็จราชการทัพจงกลับมา  อย่าเชือนช้าให้ม้วยด้วยตรอมใจ
 +
พลายงามความอาลัยใจละเหี่ย  ฟังเมียไม่กลั้นน้ำตาได้
 +
พี่นี้เหลือที่จะห่วงใย  พี่จะไปบอกพ่อให้ขอน้อง
 +
ถึงกระไรให้ขอพอได้หมั้น  ป้องกันมิให้ใครเกี่ยวข้อง
 +
ถ้าหากว่าบิดาไม่ปรองดอง  ถึงจะต้องฟันคอมิขอไป
 +
อย่าวิตกหมกไหม้เลยน้องแก้ว  ไปแล้วพี่หาลืมปลื้มจิตไม่ 
 +
เจ้าจงจำคำสัตย์ของพี่ไว้  เสร็จศึกเมื่อไรจะรีบมา
 +
อย่าร้องไห้ไปนักจงฟังพี่  พรุ่งนี้ใครเห็นจะผิดหน้า
 +
ว่าพลางทางช่วยเช็ดน้ำตา  แล้วจูบซ้ายย้ายขวาจะลาจร
 +
ศรีมาลาอาลัยใจจะขาด  นางมิอาจดูหน้าดังแต่ก่อน
 +
ผละผัวตัวเจ้าเข้าที่นอน  ลงแอบหมอนซ่อนหน้าโศกาลัย ฯ
 +
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงาม  แลตามเมียขวัญให้หวั่นไหว
 +
รามรามจะใคร่ตามกลับเข้าไป  แต่จนใจจะกระจ่างสว่างฟ้า
 +
หักใจเดินออกมานอกห้อง  ค่อยค่อยย่องบังเงาเข้าริมฝา
 +
ถึงหอนั่งตั้งใจจะไสยา  เห็นบิดาตื่นอยู่ก็ตกใจ ฯ
 +
 
 +
 +
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดา  เห็นพลายงามถามว่ามาแต่ไหน
 +
เจ้าพลายทำเฉยเอ่ยตอบไป  ฉันปวดท้องลงบันไดไปที่เว็จ
 +
ขุนแผนว่าเว็จไหนในเมืองนี้  ถึงกับมีเครื่องแป้งแต่งตัวเสร็จ
 +
หน้าตาทาแป้งเป็นเม็ดเม็ด  กูรู้เช่นเห็นเท็จอย่าหลอกลวง
 +
มาอยู่บ้านพระพิจิตรผู้บิดา  พระคุณท่านมีมาเป็นใหญ่หลวง
 +
เอ็งนี้จ้วงจาบละลาบละล้วง  บังอาจล่วงลูกท่านผู้มีคุณ
 +
หากว่าติดนิดหนึ่งด้วยการทัพ  หาไม่กูจะขับลงใต้ถุน
 +
ไม่ถูกหวายลายพร้อยก็เป็นบุญ  ทำวุ่นแล้วจะว่าประการใด ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นพลายงามทรามสวาท  ฟังพ่อบริภาษหาเถียงไม่
 +
คิดไปได้ทีก็ดีใจ  กราบไหว้ว่าลูกนี้ผิดจริง
 +
ด้วยความรักอักอ่วนเหลือกำลัง  ราวจะคลั่งจะใคล้ไปทุกสิ่ง
 +
มิรู้ที่จะสลัดตัดทิ้ง  ถ้าขืนนิ่งไปศึกนึกว่าตาย
 +
จะพึ่งบุญคุณพ่อช่วยขอสู่  ก็ว่าจะไม่อยู่ตอนบ่าย
 +
คิดไปไม่ตลอดจะวอดวาย  จึงปีนป่ายเข้าห้องน้องศรีมาลา
 +
อ่อนก็เป็นมิตรจิตไม่แหนง  คุณพ่อก็เห็นแป้งที่ประหน้า
 +
ลูกได้ให้คำมั่นเป็นสัญญา  ว่าจะบอกบิดาให้ขอร้อง
 +
ถึงกระไรได้หมั้นพอกันเท็จ  การเบ็ดเสร็จไว้ว่าเมื่อขาล่อง
 +
คุณพ่อโปรดด้วยช่วยปรองดอง  จะได้คล่องอกใจไปราวี ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท  นิ่งคิดใคร่ครวญดูถ้วนถี่
 +
การทั้งปวงล่วงเลยถึงเเพียงนี้  จะทิ้งไปไม่ดีเป็นเนรคุณ
 +
อองามก็หลงจนงงงวย  ไม่ช่วยไปข้างหน้าจะว้าวุ่น
 +
ตกกระไดพลอยโผนโจนตามบุญ  ทำเป็นหุนหันโกรธเจ้าพลายงาม
 +
อ้ายลูกนอกพ่อก่อความร้อน  เมื่อแต่ก่อนทำไมไม่ไต่ถาม
 +
เอาแต่ใจหนุ่มตะกรุมตะกราม  เกิดความแล้วมาง้อพ่อทำไม
 +
ถ้าไม่รักพระพิจิตรผู้บิดา  กูหาพักพูดจาให้มึงไม่
 +
ลูกของท่านท่านรักดังดวงใจ  มึงทำให้เสียตัวเหมือนชั่วช้า
 +
ก็จะต้องแก้ไขเสียให้หาย  อย่าให้ท่านอับอายขายหน้า
 +
ถ้าวันหน้าทิ้งขว้างนางศรีมาลา  กูมิฆ่าอย่านับว่าเป็นชาย
 +
เจ้าพลายดีใจกราบไหว้พ่อ  ข้อนั้นมิให้มีที่เสียหาย
 +
ว่าพลางล้างหน้าทั้งสองนาย  แล้วเยื้องกรายออกมาอยู่หน้าเรือน ฯ
 +
 +
 +
๏ จะกล่าวถึงนวลนางศรีมาลา  โศกาอาลัยใครจะเหมือน
 +
กอดหมอนถอนใจให้ฟั่นเฟือน  นอนแชเชือนจนเช้าเจ้าไม่ลุก
 +
อีเม้ยเห็นนายยังหายเงียบ  ค่อยย่องเกรียบไถลเข้าไปปลุก
 +
เห็นนายเฉยเลยทำเหมือนเป็นทุกข์  ลงนั่งปุกแกล้งสะท้อนแล้วถอนใจ
 +
อนิจจาขัดสนช่างจนยาก  แต่จะหาใส่ปากมิใคร่ได้
 +
ยังมาซ้ำฝันเห็นให้เป็นไป  ว่าเทพไทเธอมาเมื่อคืนนี้
 +
กลับไปเมื่อใกล้จะสว่าง  ไปกลางทางเธออยากหมากบุหรี่
 +
เบี้ยหอยแต่สักร้อยก็ไม่มี  จะเอาที่ไหนไปให้เทวดา
 +
นายตื่นจะต้องขึ้นค่าตัวใช้  ด้วยสงสารเทพไทเป็นหนักหนา
 +
น่าเอ็นดูเธอสู้เหาะลงมา  ถ้านายไม่เมตตาจะเสียใจ ฯ
 +
 +
 +
๏ ศรีมาลาไม่อินังกำลังเฉย  ฟังอีเม้ยแก้ฝันไม่กลั้นได้
 +
ลุกขึ้นมาต่อยหัวตัวจัญไร  ไม่มีเลือกเสือกไปเที่ยวล่วงรู้
 +
มึงอย่าพูดมากปากสำรวย  มานั่งช่วยกันทำเสียสักครู่
 +
ว่าพลางเจียนหมกแล้วจีบพลู  บุหรี่มีในตู้เอาแก้มัด
 +
เย็บกระทงประจงเจียนฝาชี  ใส่หมากพลูบุหรี่ที่นางจัด
 +
ทั้งของกินระหว่างทางอัตคัด  ใส่ขวดอัดผูกผ้าตราประทับ
 +
จัดเสร็จซ่อนใส่ในตะกร้า  แล้วเอาผ้าซ้อนซ้ำเป็นลำดับ
 +
เอ็งเอาไปให้ดีอีเม้ยรับ  ของคำนับเทวดาที่หามึง ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นพระพิจิตรบุษบา  สั่งผู้คนจนเวลาสักโมงครึ่ง
 +
เบิกเสบียงเลี้ยงกันอึงคะนึง  ครั้นเสร็จจึงออกมาหาสองนาย
 +
พอนั่งลงบุษบาก็เรียกไป  ศรีมาลาเป็นไรไปไหนหาย
 +
พ่อแผนจะไปแต่ในงาย  สายแล้วสำรับไม่ยกมา
 +
อีเม้ยบอกไปใจคอหาย  ผงเข้าตานายเมื่อล้างหน้า
 +
ยังปวดแสบเต็มที่เห็นยี่ตา  บุษบาว่ามึงเป็นแต่เล่นลิ้น
 +
ทิ้งนายมานั่งตั้งสำออย  สักหน่อยตาอ่อนจะบวมปลิ้น
 +
ชาติอีมอญหน้าเป็นเห็นแก่กิน  น้ำขมิ้นไม่เอาไปหยอดตา ฯ
 +
 +
 +
๏ เจ้าพลายได้ฟังนั่งนึกขัน  อีคนนี้สำคัญมันหนักหนา
 +
คงรู้เห็นเป็นใจกับศรีมาลา  นึกหน้าได้แล้วเมื่อคืนนี้
 +
ที่เข้าไปช่วยเหลือเมื่อนางแน่  แล้วช่วยปดพ่อแม่เป็นถ้วนถี่
 +
นิ่งนึกตรึกตรองเห็นช่องดี  ได้ทีบอกบุษบาพลัน
 +
คุณแม่แก้ผงเข้าตาช้ำ  ถ้าลืมตาในน้ำดีขยัน
 +
กระตุกหนังตาช่วยไปด้วยกัน  ทำอย่างนั้นก็จะหายระคายตา ฯ
 +
 +
 +
๏ บุษบาได้ฟังนั่งหัวร่อ  พ่อคุณอารีดีหนักหนา
 +
อีเม้ยมึงจำเอาตำรา  ไปบอกศรีมาลาเหมือนพ่อพลาย
 +
แล้วหันหน้ามาพูดกับขุนแผน  แม่นี้แค้นตัวเองมิรู้หาย
 +
มีลูกก็ไม่เห็นเป็นผู้ชาย  ยังเสียดายอยากได้ไว้สักคน ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดา  เห็นสบท่าตอบต่ออนุสนธิ์
 +
ลูกได้พึ่งฝ่าเท้าเมื่อคราวจน  มีพระคุณเป็นพ้นคณนา
 +
แต่ตริตรองจะสนองพระคุณตอบ  คิดดูรอบคอบเป็นหนักหนา
 +
ยังไม่เห็นสิ่งใดในปัญญา  จนขึ้นมาถึงพิจิตรบุรี
 +
มาถึงก็รำพึงแต่เย็นวาน  เห็นการสมควรเป็นถ้วนถี่
 +
คุณพ่อแม่ลูกชายนั้นไม่มี  อองามนี้ลูกจะยกให้ช่วงใช้
 +
ให้แทนคุณต่างตัวทั้งแม่พ่อ  ตามแต่จะตีด่าหาว่าไม่
 +
คุณพ่อจะเห็นเป็นอย่างไร  ใจเด็กก็สมัครรักฝ่าเท้า ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นพระพิจิตรบิดา  ฟังว่าเต็มใจให้ลูกสาว
 +
ยิ้มแล้วตอบความตามเรื่องราว  อย่าต้องกล่าวอุปไมยไปเป็นเพลง
 +
เจ้าว่าข้าก็เห็นว่าเป็นมิตร  ที่จริงจิตคิดดูก็เหมาะเหม็ง
 +
แต่เป็นชาวบ้านนอกยังออกเกรง  ลูกข้าเองมันไม่สู้รู้อะไร
 +
เป็นแต่คนซื่อซื่อไม่ดื้อดึง  จะเอาถึงชาวกรุงนั้นไม่ได้
 +
ฉวยวันหน้าถ้าลูกไม่ถูกใจ  เจ้าจะทำฉันใดอย่าให้อาย ฯ
 +
 +
 +
๏ ขุนแผนนบนอบตอบพระพิจิตร  ข้อนั้นลูกก็คิดเป็นเหลือหลาย
 +
เอาทานบาดคาดทานบนจนออพลาย  หายวิตกแล้วลูกจึงพูดจา
 +
อันเช่นศรีมาลานารี  ถึงในที่กรุงศรีก็สุดหา
 +
ทั้งรูปร่างท่วงทีกิริยา  พอลูกมาเห็นลูกก็ถูกใจ
 +
ถึงอองามจะเป็นเจ้าพระยา  แขกไปใครมาก็รับได้
 +
ทั้งตัวลูกก็จะอยู่ดูไป  คงมิให้อับอายขายฝ่าเท้า ฯ
 +
 +
 +
๏ พระพิจิตรจึงว่าถ้ากระนั้น  พอเชื่อกันวางใจที่ในเจ้า
 +
แต่บุษบาจะว่าข้าใจเบา  ลูกของเจ้าเจ้าถามบ้างเป็นไร ฯ
 +
 +
 +
๏ บุษบาได้ฟังนั่งอมยิ้ม  ใจสมัครรักปิ้มจะบอกให้
 +
แต่คิดคิดก็ตะขิดตะขวงใจ  เป็นผู้ใหญ่จู่ลู่จะดูแคลน
 +
จึงว่าลูกข้าก็คนเดียว  ขับเคี่ยวมาแต่น้อยคอยหวงแหน
 +
ขอไปแม่จะได้ที่ไหนแทน  พ่อแผนก็จำเพาะมาเจาะจง
 +
เพราะรักเจ้าล้นเหลือเหมือนเนื้อไข  ไม่ขัดได้จำตามความประสงค์
 +
แต่ทว่าข้าจะบอกออกตรงตรง  ยังนึกสงสัยบ้างทางเจ้าพลาย
 +
มีธุระทางไกลไปเมืองลาว  สาวสาวทางนั้นมันมากหลาย
 +
ถ้ากระไรไปถูกลูกเจ้านาย  ที่พูดกันมันจะกลายเป็นเหลวเลอะ
 +
จะทำให้เสียหายฝ่ายผู้ใหญ่  เกิดระกำช้ำใจกันไปเถอะ
 +
เขาจะว่าข้านี้เป็นคนเคอะ  ช่างซมเซอะไม่รู้จะดูชาย
 +
ที่ว่านี้มิใช่จะตัดรอน  รักเจ้ามาแต่ก่อนนั้นเหลือหลาย
 +
จะควักแก้วตาไปให้เจ้าพลาย  ก็เบี่ยงบ่ายอย่างไรให้มั่นคง ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงาม  คิดแล้วกล่าวความตามประสงค์
 +
ถ้าหากท่านผู้ใหญ่ได้ตกลง  ที่ตรงดีฉันนั้นอย่าแคลง
 +
ถึงจะไปนอกฟ้าป่าหิมพานต์  อันที่การนอกใจอย่าได้แหนง
 +
แม้จะให้สัญญาปิดตราแดง  จะขีดแกงไดให้ในสัญญา
 +
ถึงเด็กอยู่รู้พระคุณแต่หนหลัง  พ่อแม่เล่าให้ฟังเป็นหนักหนา 
 +
จะขอเป็นเกือกทองรองบาทา  คุณแม่พ่อขออย่าได้ปรารมภ์
 +
ขุนแผนพ่อพูดต่อเจ้าพลายงาม  ความที่มันสัญญาน่าจะสม
 +
เห็นจะไม่โกหกพกลม  แต่นานนมหนักไปก็ไม่ดี
 +
ลูกคิดว่าถ้าหมั้นต่อกันไว้  ถึงห่างไกลก็พะวงตรงที่นี่
 +
เหมือนตัวไปใจอยู่ด้วยคู่มี  อย่างนี้เป็นทำนองที่ป้องกัน
 +
วันนี้ก็ประเสริฐเลิศดิถี  จงปรานีรับรองซึ่งของหมั้น
 +
แล้วจึงทำเหย้าเรือนหาเดือนวัน  การเหล่านั้นฝากไว้ในเจ้าคุณ
 +
ด้วยจะต้องไปทัพรับอาสา  การของลูกข้างหน้ายังว้าวุ่น
 +
คุณพ่อแม่เมตตาได้การุญ  ให้อุ่นอกเช่นครั้งแต่หลังมา ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นจึงท่านพระพิจิตร  ทั้งบุษบาสมคิดก็หรรษา
 +
รับทองหมั้นไว้มิได้ช้า  พระพิจิตรจึงว่าเป็นไรมี
 +
เจ้าคิดอ่านการศึกเอาเชียงใหม่  ถ้าคล่องใจคงสำเร็จราวเดือนยี่
 +
ยังจะต้องคุมทัพกลับธานี  ก็เดือนสี่แลประมาณการวิวาห์
 +
ครั้นตกลงปลงใจให้กันแล้ว  ต่างคนผ่องแผ้วเป็นหนักหนา
 +
สำรับพร้อมล้อมนั่งกินข้าวปลา  สนทนาเบิกบานสำราญใจ
 +
เลี้ยงดูกันสำเร็จเสร็จสรรพ  พ่อลูกลากลับหาช้าไม่
 +
พระพิจิตรมาส่งลงบันได้  ออกจากจวนไปยังวัดจันทร์ ฯ
 +
 +
 +
๏ ฝ่ายอีเม้ยดักทางอยู่ข้างบ้าน  พอขุนแผนเดินผ่านพ้นที่นั่น
 +
กระแอมไอให้เสียงเป็นสำคัญ  เจ้าพลายหันมาดูก็รู้ที
 +
จึงหลีกเข้าข้างทางหว่างต้นไม้  ถามว่ามาทำไมจนถึงนี่
 +
อีเม้ยบอกว่าตะกร้านี้  มีของดีจะขายพ่อพลายงาม
 +
เจ้าพลายยิ้มแล้วว่าข้าอยากได้  จะถูกแพงเท่าไรไม่ต้องถาม
 +
รับตะกร้ามาให้ไพร่แบกตาม  เอาเงินสามตำลึงส่งให้อีเม้ย
 +
แล้วค่อยงุบงิบกระซิบสั่ง  กลับหลังเข้าเรือนอย่าเชือนเฉย
 +
ถ้านายยังร้องไห้ไม่เสบย  เจ้าคนเคยปฏิบัติอยู่อัตรา
 +
ปลอยโยนนางไว้อย่าให้เศร้า  ตัวเจ้าจงพิทักษ์รักษา
 +
ให้เป็นสุขค่ำเช้าจนเรามา  เงินตราข้าจะเติมเพิ่มรางวัล
 +
ว่าแล้วเท่านั้นก็ผันผาย  เจ้าพลายปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
 +
รีบตามบิดามาวัดจันทร์  แล้วช่วยกันจัดพหลพลโยธี ฯ
 +
 +
 +
๏ ครั้นเรียกคนสำรวจตรวจถ้วน  จัดกระบวนหน้าหลังตั้งตามที่
 +
พระพิจิตรมาช่วยอวยสวัสดี  แล้วคลายคลี่พหลพลโยธา
 +
กองหน้านายจันสามพันตึง  พอฆ้องหึ่งโห่กระหน่ำออกนำหน้า
 +
กองหลวงกองเสบียงเรียงกันมา  ราชอาญากองหลังนั้นรั้งพล
 +
พวกชาวบ้านร้านตลาดดาษดื่น  แตกตื่นมาดูอยู่สับสน
 +
ที่ตามวัดก็พระประน้ำมนตร์  ขุนด่านนำส่งจนพ้นพรมแดน ฯ
 +
 +
 +
๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายงาม  ขี่ม้ามาตามพ่อขุนแผน
 +
ยังง่วงเหงาหาวนอนนั่งคลอนแคลน  ทรวงแสนกระสันโศกวิโยคครวญ
 +
โอ้ว่าศรีมาลาแก้วตาพี่  ป่านฉะนี้จะเศร้าเฝ้าโหยหวน
 +
เหมือนใจพี่ที่นึกคะนึงนวล  ใครจะชวนโฉมฉายให้คลายใจ
 +
ที่พูดกันเมื่อเช้าถ้าเจ้ารู้  ว่าขอสู่แม่พ่อก็ยกให้
 +
เห็นจะวายหวาดหวั่นพรั่นฤทัย  นั่งนับวันไปจนถึงงาน
 +
ค่ำเช้าเจ้าคะนึงถึงตัวพี่  พอมีที่แก้ไขได้คิดอ่าน
 +
ตระเตรียมจัดแจงแต่งเรือนชาน  แก้รำคาญเบ่งบานที่เศร้าใจ
 +
 +
 +
๏ เออเมื่อคิดขึ้นมาก็น่ารู้  ว่าเนื้อคู่คิดเห็นเป็นไฉน
 +
จะตกแต่หอห้องทำนองใด  ใครจะเป็นที่ปรึกษาหารือนาง
 +
คู่คิดเจ้าก็มีแต่อีเม้ย  มันเป็นไพร่ไม่เคยคงพานขวาง
 +
จะชวนซื้อหาใหม่ไปทุกทาง  ของเก่ามีดีบ้างไม่นำพา
 +
เครื่องเรือนในห้องของน้องแก้ว  ล้วนดีดีมีแล้วก็หนักหนา
 +
พี่ยังได้ชมเล่นเห็นแก่ตา  จะต้องหาใหม่นั้นมีเพียงไร
 +
 +
 +
๏ เตียงนอนค่อนจะแคบอยู่สักนิด  แต่ก็ดีที่ชิดพิสมัย
 +
ถึงหนาวร้อนก็ไม่นอนห่างกันไป  อย่าต้องหาเตียงใหม่เลยน้องรัก
 +
ม่านกรองทองทับสลับสี  เรื่องระเด่นมนตรีที่เจ้าปัก
 +
มันถูกเรื่องของเราเข้าทีนัก  จะเยื้องยักปักใหม่ไม่ต้องการ
 +
ถ้ากระไรปักต่อก็จะดี  เติมเมื่อตรงศึกชีอีกสักม่าน
 +
ยังเครื่องแป้งแต่งไว้ไม่มีปาน  ขันพานขวดน้อยน้อยน่าเอ็นดู
 +
เมื่อคืนนี้ตอนดึกยังนึกได้  เจ้าพาไปนั่งเรียงเคียงคู่
 +
เครื่องเชี่ยนหมากนากทองของโฉมตรู  ยังติดตาพี่อยู่ทุกสิ่งอัน
 +
พี่จะปลูกหอใหม่ให้ใหญ่กว้าง  ทั้งของนางของพี่จะจัดสรร
 +
ของของพี่มีมากหลากหลากกัน  เครื่องอาวุธยุทธภัณฑ์ก็ดีดี
 +
 +
 +
๏ ยังเครื่องรางปลุกเสกด้วยเลขยันต์  หรือขวัญข้าวเจ้ารังเกียจด้วยเกลียดผี
 +
ก็ไว้ที่อื่นได้เป็นไรมี  พี่จะสร้างหอน้อยเป็นหอพระ
 +
ที่ในห้องของเราเอาพรมปู  วางหมอนคู่เคียงไว้ไม่เกะกะ
 +
ไว้นอนเล่นเย็นเช้านะเจ้านะ  พี่จะเฝ้าถนอมกล่อมน้องยา
 +
ถึงจะนั่งกินข้าวทั้งเช้าเย็น  เราอย่าให้ใครเห็นจะดีกว่า
 +
ได้หยอกเอินพูดเล่นเจรจา  กินข้าวปลาเอิบอิ่มกระหยิ่มใจ
 +
ทำไมกับเรื่องเครื่องเรือนชาน  จะเบิกบานก็ที่ชิดพิสมัย
 +
ชั้นชั่วเสื่ออ่อนกับหมอนใบ  ก็คงได้ความสุขทุกคืนวัน
 +
 +
 +
๏ กำลังง่วงดวงจิตคิดเลื่อนเปื้อน  เจ้าพลายฟั่นเฟือนเหมือนกับฝัน
 +
สำคัญว่าเนื้อคู่อยู่ด้วยกัน  ยิ่งยั่วยวนสรวลสันต์จำนรรจา
 +
พี่ยังทุกข์อยู่นิดคิดไม่ถูก  เผื่อเจ้าจะมีลูกในวันหน้า
 +
พี่เห็นเขาเจ็บท้องร้องเต็มประดา  แก้วตาจะอย่างไรก็ไม่รู้
 +
เขาว่ามดถ่อหมอตำแย  มักเชือนแชข่มขยำทำจู่ลู่
 +
ถ้าหากไม่คอยนั่งระวังดู  เคยลากถูจนตายมาหลายคน
 +
พี่จะคอยถือตระบองมองกำกับ  ถ้าสัปปลับเอาอย่างนี้ตีให้ป่าน
 +
เคลิ้มฟาดแส้ม้ามาประดน  ถูกก้นม้าพ่อเข้าพอแรง ฯ
 +
 +
 +
๏ ม้าผลุนขุนแผนเจียนจะตก  หากแอบอกอยู่ที่ด้วยขี่แข็ง
 +
พอรั้งอยู่เหลียวมาโกรธหน้าแดง  นี่มึงแกล้งหรือไรให้ว่ามา
 +
เจ้าพลายตกใจไม่มีขวัญ  บอกความพ่อพลันไม่มุสา
 +
ลูกหลับใหลฝันไปว่าศรีมาลา  เจ้าจะคลอดลูกยาเจ็บครวญคราง
 +
เห็นยายหมอตำแยแกมักง่าย  ทำจู่ลู่ดูดายเมื่อลูกขวาง
 +
เกรงจะเป็นอันตรายวายวาง  ลูกตีแกดังผางพอถูกม้า
 +
เพราะเคลิ้มเขลาเมามัวด้วยความฝัน  ใช่จะแกล้งตีรันไม่มุสา
 +
สีหมอกก็ได้มีพระคุณมา  คุณพ่อได้เมตตาที่โทษกรณ์ ฯ
 +
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท  ฟังลูกคิดคิดก็ใจอ่อน
 +
นี่แลรักชักพาให้อาวรณ์  ร้อนทั้งหลับตื่นทุกคืนวัน
 +
ว่าแล้วนิ่งนึกตรึกตรา  อองามหลงศรีมาลาจนใฝ่ฝัน 
 +
ด้วยพึ่งแรกรู้จักความรักนั้น  ที่สำคัญทุกอย่างแต่ข้างดี
 +
ลูกเอ๋ยยังไม่เคยรู้รสร้าย  ที่ความรักกลับกลายแล้วหน่ายหนี
 +
อันเจ็บปวดยวดยิ่งทุกสิ่งมี  ไม่เท่าที่เจ็บช้ำระกำรัก
 +
จะว่าเขาอื่นไกลไปไยเล่า  ถึงแม่เจ้าพ่อก็ช้ำระกำหนัก
 +
ต้องทนทุกข์มากมายมาหลายพัก  จักแหล่นเลือดตาจะกระเด็น
 +
เมื่อหนุ่มสาวคราวอยู่เป็นชู้ชื่น  ดังจะกลืนไว้ได้มิใช่เล่น
 +
จะร่วมหอคลึงเคล้าทุกเช้าเย็น  ไม่คิดเห็นว่าจะพรากไปจากกัน
 +
พอไปทัพกลับมาเห็นหน้านิด  มันปลดปลิดผลาญรักหักสะบั้น
 +
ต้องคับแค้นเพียงจะดิ้นสิ้นชีวัน  แต่โศกศัลย์โหยหาอยู่กว่าปี
 +
สู้พากเพียรพยายามตามมาได้  เที่ยวบุกป่าฝ่าไพรพากันหนี
 +
ทนลำบากยากไร้ในพงพี  ไม่อาลัยชีวีเพราะความรัก
 +
พอพ้นภัยหมายใจว่าพ้นทุกข์  จะร่วมสุขอยู่เย็นเป็นแหล่งหลัก
 +
เกิดวิบากผลกรรมมานำชัก  ให้ไอ้มารผลาญรัก***ไป
 +
ความแค้นแสนที่จะชอกช้ำ  ก็มิรู้ว่าจะทำอย่างไรได้
 +
เพราะตัวต้องทนทุกข์อยู่คุกใน  ต้องเจ็บใจตรมมากว่าสิบปี
 +
โอ้ว่าเจ้าวันทองน้องแก้ว  จะลืมพี่เสียแล้วกระมังนี่
 +
ด้วยเริดร้างห่างนานเสียเต็มที  ป่านนี้จะหลงบุญอ้ายขุนช้าง
 +
หรือว่ายังมีจิตคิดคะนึง  นึกถึงเพื่อนยากที่จากบ้าง
 +
พี่คิดถึงเช้าเย็นไม่เว้นวาง  รำพึงพลางถอนใจอยู่ไปมา ฯ
 +
 +
 +
๏ กองทัพยกออกนอกพิจิตร  ต้องเลียบชิดบึงบางที่ขวางหน้า
 +
บางแห่งใหญ่โตมโหฬาร์  เป็นที่ปลาอาศัยทั้งใหญ่น้อย
 +
ดูจากหลังม้าเห็นคลาคล่ำ  บ้างโดดดำโผล่ผุดแล้วมุดถอย
 +
ชะโดดุกอ้ายด้องขึ้นล่องลอย  ฝูงปลาสร้อยเป็นหมู่ดูคลับคล้าย
 +
เทโพเทพาทั้งปลาช่อน  เนื้ออ่นนวลจันทร์พรรณสวาย
 +
สลิดสลาดปลาตะเพียนเวียนกราย  หลากหลายว่ายแหวกอยู่ในบึง
 +
ที่บางแห่งปลาชุมเหล่ากุมภา  ไล่ปลาฟาดหางดังผางผึง
 +
พอได้ยินเสียงคนข้างบนอึง  ก็จมดึ่งหลีกหลบลงกบดาน
 +
ยังเหล่าปักษาทิชาชาติ  เกลื่อนกลาดหาปลาเป็นอาหาร
 +
กระทุงทองล่องลอยนทีธาร  เหนียงยานปากอ้าเอาราน้ำ
 +
อ้ายงั่วดำด้นลงค้นปลา  ทั้งเหล่านกกระสาก็คลาค่ำ
 +
นกยางยืนมองจ้องประจำ  พอพลบค่ำนกแขวกแกรกแกรกร้อง
 +
ฝูงเหยี่ยวเที่ยวว่อนทั้งร่อนบิน  โฉบเฉี่ยวปลากินที่ในหนอง
 +
ตะกรุมหัวเหม่เที่ยเร่มอง  ขามันยาวก้าวท่องย่องสุ่มปลา
 +
นกฝักบัวช้อนหอยแลปากห่าง  หลายอย่างต่างพรรณกันหนักหนา
 +
ฝูงนกเกลื่อนกลาดดาษดา  ดูมาไม่สิ้นในถิ่นทาง
 +
ยังพืชพรรณบุปผาลดาชาติ  ก็ประหลาดมากมายเป็นหลายอย่าง
 +
ล้วนผลิดอกออกใบในบึงบาง  ต่างต่างน่าชมภิรมย์ใจ
 +
ที่บางแห่งโกมุทบุษบัน  เป็นพืชพรรณติดต่อกอไสว
 +
บ้างชูดอกออกฝักแล้วชักใบ  แลไปล้วนโกมุทจนสุดตา
 +
เหล่าบัวสายรายกอกันห่างห่าง  พอสางสางก็ตระการบานบุปผา
 +
ทั้งกระจับตับเต่าเถาสันตะวา  ในคงคาหลายอย่างต่างต่างพรรณ
 +
พอเช้าตรู่หมู่ภมรร่อนมาถึง  หึ่งหึ่งฟังจำเรียงเสียงสนั่น
 +
เที่ยวซอกซอนเกสรบุษบัน  เลาะสรรรสหวานตระการใจ
 +
ลมพัดเฉื่อยฉ่ำน้ำกระเพื่อม  แลละเลื่อมริ้วริ้วปลิวไสว
 +
ถึงแดดร้อนลมรื่นชื่นฤทัย  ทั้งนายไพร่เพลิดเพลินเดินชมมา ฯ
 +
 +
 +
๏ พอพ้นแนวหนองคลองบึงบาง  ก็เลี้ยวลัดตัดทางมากลางป่า
 +
เป็นพงแซมแกมอ้อกอหญ้าคา  ทั้งซ้ายขวาสูงปรกดูรกชัฏ
 +
เห็นแต่นกกระจาบคาบทำรัง  ไม่มีทั้งสิงสาราสัตว์
 +
ทางกันดารน้ำท่าสารพัด  ก็เร่งรัดรี้พลด้นเดินมา
 +
พ้นป่าพงลงทางข้างตลิ่ง  ถึงปากพิงเลี้ยวข้ามไปข้างขวา
 +
เข้าทางป่าไม้ไพรพนา  ถึงพาราพิษณุโลกโอฆบุรี
 +
ทั้งนายไพร่ไปวัดมหาธาตุ  ไหว้พระชินราชชินสีห์
 +
ขอให้มีชัยสวัสดี  แล้วมาที่ศาลากลางวางท้องตรา
 +
เจ้าพระยาพิษณุโลกกรมการ  อลหม่านเลี้ยงดูกันทั่วหน้า
 +
พอพักไพร่หายเหนื่อยเลื่อยล้า  ก็ยกพลต่อมาเมืองพิชัย
 +
ผู้รั้งกรมการด้านทาง  ต่างเมืองต้อนรับไม่นิ่งได้
 +
ยกฟากข้ามจากเมืองพิชัยไป  ถึงบ้านไกรป่าแฝกแล้วแยกมา
 +
วันหนึ่งถึงเมืองสัชนาลัย  กรมการผู้ใหญ่ก็พร้อมหน้า 
 +
เลี้ยงดูรับรองตามท้องตรา  พักอยู่สามเวลาในธานี ฯ
 +
 +
 +
๏ ยกออกนอกเมืองสวรรคโลก  ข้ามโคกเข้าป่าพนาศรี
 +
เจ้าพลายกระสันพันทวี  รำลึกถึงนารีศรีมาลา
 +
ถ้าแม้นแก้วตามาด้วยพี่  จะชวนชี้ชมไม้ไพรพฤกษา
 +
คิดพลางเดินพลางตามทางมา  ข้ามท่าเขินเขาลำเนาธาร
 +
แลเห็นเขาเงาเงื้อมชะง่อนชะโงก  เป็นกรวยโกรกน้ำสาดกระเซ็นซ่าน
 +
โครมครึกกึกก้องท้องพนานต์  พลุ่งพล่านมาแต่ยอดศิขรินทร์
 +
เป็นชะวากวุ้งเวิ้งตะเพิงพัก  แง่ชะงักเงื้อมชะง่อนล้วนก้อนหิน
 +
บ้างใสสดหยดย้อยเหมือนพลอยนิล  บ้างเหมือนกลิ่นพู่ร้อยห้อยเรียงราย
 +
ตรงตระพักเพิงผาศิลาเผิน  ชะงักเงิ่นเงื้อมงอกชะแง้หงาย
 +
ที่หุบห้วยเหวหินบิ่นทะลาย  เป็นวุ้งโว้งโพรงพรายดูลายพร้อย
 +
บ้างเป็นยอดกอดก่ายระเกะระกะ  ตะขรุตะขระเหี้ยนหักเป็นหินห้อย
 +
ขยุกขยิกหยดหยอดเป็นยอดย้อย  บ้างแหลมลอยเลื่อมสลับระยับยิบ
 +
บ้างงอกเง้าเป็นเงี่ยงบ้างเกลี้ยงกลม  บ้างโปปมเป็นปุ่มกระปุบกระปิบ
 +
บ้างปอดแป้วเป็นพูดูลิบลิบ  โล่งตลิบแลตลอดยอดศิขรินทร์
 +
เหล่ามิ่งไม้ไทรโศกอยู่ริมห้วย  ลมชวยหล่นตามกระแสสินธิ์
 +
น้ำใสแลซึ้งถึงพื้นดิน  ฟุ้งกลิ่นสุมามาลย์บานระย้า
 +
สัตตบุษย์บัวแดงเข้าแฝงฝัก  พันผักพาดผ่านก้านบุปผา
 +
แพงพวยพุ่งพาดพันสันตะวา  ลอยคงคาทอดยอดไปตามธาร
 +
สาหร่ายเรียงเคียงทับกระจับจอก  ผักบุ้งงอกยอดชูดูสะอ้าน
 +
ภุมรินบินเคล้าสุมามาลย์  ในธาราปลาพล่านตระการตา
 +
ชมพลางทางเดินเนิพนม  รื่นร่มพรรณไม้ใบหนา
 +
แลดูหมู่วิหคนกนานา  สาลิกาพูดจ้ออยู่จอแจ
 +
คุ่มขาบเขาขันสนั่นป่า  กระสาจับกระสังส่งเสียงแซ่
 +
กระลิงจับกิ่งประโลงแล  คับแคไต่คางริมทางจร
 +
ค้อนทองจับบนต้นกระถิน  แก้วจับแก้วกินแล้วบินร่อน
 +
นกยูงจับยางแผ่หางฟ้อน  กระทุงทองจับกระท้อนทำอ่อนคอ
 +
กระจาบจ้อยดจนจับกระเจาเจ่า  แซงแซวเซาจับสนดูซอมซ่อ
 +
นกกระไนไก่ฟ้าพระยาลอ  นกกรอดพรอดจ้ออยู่กิ่งจันทน์
 +
นกเขาจับเงื่อมเขาแล้วเคล้าคู่  จู้หุกกูจู้ฮุกกูเฝ้าคูขัน
 +
อัญชันจับกิ่งต้นชิงชัน  เบญจวรรณจับเจ่าเถาวัลย์เปรียง
 +
ไก่ป่าวิ่งกรากกระต๊ากลั่น  ตัวผู้ขันเอกอี๊เอ๊กวิเวกเสียง
 +
เข้ากินขุยคุ้ยเขี่ยยตัวเมียเมียง  เห็นคนเลี่ยงลัดแลงเข้าแฝงกอ
 +
นกกระทาราแต้แผ่ปีกปัก  ขันชักปักกะจาดกะจ้าจ้อ
 +
เห็นตัวเมียเขี่ยจังหวีดเข้ากรีดรอ  ปักก้อป่องร่าดูน่าชม
 +
เดินพลางชมพลางมากลางชัฎ  ชักม้าหลีดลัดเข้าร่มร่ม
 +
ตะวันชายบ่ายรังบังพนม  เพลาลมตกตัดออกทางเตียน
 +
ไฟป่าครอกหญ้าเพิ่งแตกอ่อน  แผ่นดินร่อนแลโล่งตลิบเลี่ยน
 +
หมู่สัตว์จตุบาทออกวาดเวียน  บ้างหยอกกันหันเหียนหาคู่เคียง
 +
พยัคฆีมีกำลังทะลวงโลด  ทะลึ่งโดดเท้าถีบปีบปะเปรี้ยง
 +
มฤคกลัวตัวลอบลงหมอบเมียง  บ้างหลีกเลี่ยงหลบเพริดเตลิดไป
 +
ริมทางกวางทองดูผ่องผุด  ยั้งหยุดหย่งกีบบีบเสียงใส
 +
กระทิงถึกโทนเที่ยวอยู่ในไพร  กระบือเบิ่งเถลิงไล่กันดาดดง
 +
อีเห็นเม่นหมีหมู่ชะมด  กระจงจดจ้องกีบดูหยิบหย่ง
 +
ละมั่งละมาดผาดเผ่นออกจากพง  กระสู้ส่งซัดกระทิงออกวิ่งโทง
 +
เสือดาวเดาะเราะรายหมายละมั่ง  ช้างพังชักผากกระชากโผง
 +
สมันเมินเดินดุ่มจากพุ่มโพรง  ออกเลียดินกินโป่งอร่อยไป
 +
ตัดข้ามเขตระแหงแขวงเถิน  เดินเลยหาเยื้องเข้าเมืองไม่
 +
สิบสี่วันดั้นเดินตามเนินไพร  เกือบจะถึงเชียงใหม่อีกสองวัน
 +
หยุดหนองโคกเต่าไม่เข้าบ้าน  พักทหารตั้งกองริมหนองนั่น
 +
ชักหนามวงรอบเป็นขอบคัน  กำชับกันมิให้ใครเที่ยวไปมา ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงคราม  เรียกลูกชายพลายงามมาปรึกษา
 +
เราเกือบถึงเชียงใหม่ใกล้พารา  จะด่วนเข้ายุทธนาไม่สู้ดี
 +
มันจับพระท้ายน้ำจำเอาไว้  เราตรงไปคงหั่นบั่นเกศี
 +
จะคิดลอบเข้าไปในบุรี  ดูท่วงทีแก้ไขเอาไทยมา
 +
แล้วจึงเข้าประชิดติดนคร  เราผันผ่อนเช่นนี้จะดีกว่า
 +
พ่อกับเจ้าเข้าไปแต่สองรา  ไปเที่ยวหาพวกไทยให้พบพาน
 +
ต้องปลอมตัวเป็นลาวพวกชาวเมือง  เราหาเครื่องแต่งตัวเอาตามบ้าน
 +
จำจะรีบเข้าไปอย่าได้นาน  หรือเจ้าจะคิดอ่านประการใด ฯ
 +
 +
 +
๏ เจ้าพลายเห็นชอบตอบบิดา  คุณพ่อว่าต้องจิตหาผิดไม่
 +
ถ้าเรายกโยธาผ่าเข้าไป  มันเห็นไทยพวกลาวจะร้าวราน
 +
จะระมือลือเลื่องทั้งเมืองใหญ่  มิทันได้คนโทษจะฉาวฉาน
 +
อ้ายคนต้องจองจำจะรำคาญ  มันประหารตายสิ้นสิเสียที
 +
ถ้าเราลอบเข้าไปให้พบก่อน  จะได้ผ่อนผู้คนให้พ้นที่
 +
เป็นกำลังรบลาวชาวบุรี  ทั้งไทยยลาวราวสักสี่ห้าร้อยคน
 +
ปรึกษากันทั้งสองเห็นต้องใจ  แล้วเหลียวไปข้างหลังสั่งพหล
 +
จงซุ่มซ่อนนอนั่งระวังตน  คอยดูผู้คนจะไปมา
 +
ครั้นกำชับสั่งพลทุกคนทั่ว  พ่อลูกแต่งตัวงามสง่า
 +
ประจงคาดเครื่องอานทาว่านยา  แล้วโพกผ้าประเจียดประจุฤทธิ์
 +
พลายงามจับดาบขยับยืน  ขุนแผนจับฟ้าฟื้นอันศักดิ์สิทธิ์
 +
บ่ายหน้ามาสู่บูรพาทิศ  ตั้งจิตหมายหมาดพิฆาตลาว
 +
ขยับยืนภาวนานัยน์ตาหลับ  ตามตำรับบุราณอาจารย์กล่าว
 +
นิมิตดูลมกลาออกขวายาว  ก็ยกก้าวตีนขวาแล้วคลาไคล
 +
พ่อลูกลัดเลาะละเมาะเมือง  แยกเยื้องเสียหาเข้าหนทางไม่
 +
พอแลเห็นไร่แตงเข้าแฝงไม้  ริมทางลาวชาวไร่เดินไปมา ฯ
 +
 +
 +
๏ จะยกกลับจับกล่าวลาวพ่อลูก  ออกไปปลูกห้างไร่อยู่ชายป่า
 +
ปลูกผักฟักแฟงทั้งแตงกวา  ถั่วงากล้วยกล้ายเป็นหลายพรรณ
 +
เมื่อจะถึงที่ตายวายชีวิต  ให้หงุดหงิดง่านใจอยู่ไหวหวั่น
 +
คิดจะคืนกลับหลังแต่ยังวัน  ก็ชวนกันออกเดินดำเนินมา
 +
ตาพ่อถือดาบงามย่ามตะพาย  ลูกชายถือทวนขึ้นพาดบ่า
 +
เอาน้ำเต้าสอดด้ามซ้ำห้อยมา  โพกชมพูดูสง่าพากันเดิน
 +
ตาพ่อเฒ่าออกหน้ามาดุ่มดุ่ม  เจ้าลูกหนุ่มตามไปไม่ห่างเหิน
 +
เมื่อถึงวันจะบรรลัยให้บังเอิญ  เจ้าลูกเพลินรับซอพ่อรับแคน
 +
โอหนออ่อเจ้าสาวคำเอ๋ย  ข้อยอยากเซ้ยสาวเวียงที่เชียงแสน
 +
ขอให้ข้อยเบิ่งนางที่ต่างแดน  ข้อยแค่นใจตายแล้วแก้วพี่อา
 +
เพี้ยงเอ๋ยปู่เจ้าในเขาเขิน  ช่วยชักเชิญสาวเวียงมาเคียงข้า
 +
เหล้าเข้มไก่หมูจะบูชา  จะเซ่นส้าบวงสรวงเข้าแทรกใจ ฯ
 +
 +
 +
๏ พ่อลูกร้องขับรับกันมา  ใกล้พฤกษาที่ขุนแผนเข้าอาศัย
 +
ขุนแผนเห็นลาวซ้องร้องแต่ไกล  กระซิบบอกลูกให้ระวังตัว
 +
เห็นหรือไม่เเล่านะเจ้าพ่อ  อ้ายลาวซอแลไปไม่มีหัว
 +
มันถึงที่มรณาแล้วอย่ากลัว  จิกหัวฟันเสียให้พร้อมกัน
 +
ต่างถอดดาบจากฝักยืนหยักรั้ง  พอลาวเดินมากระทั่งถึงที่นั่น
 +
ดังองคตหนุมานชาญฉกกรจ์  ทะลึ่งถลันด้วยกำลังไม่รั้งรอ
 +
ขุนแผนฟันป่ายพลายงามฟาด  ฉะฉาดหัวเด็ดกระเด็นปร๋อ
 +
เลือดพุ่งโชนเชี่ยวสองเกลียวคอ  ลาวลูกพ่อล้มดิ้นลงสิ้นใจ
 +
เหลือกตาหน้าเผือดเลือดไหลนอง  ทั้งสองยินดีจะมีไหน
 +
หยิบเอาหัวมาต่อคอเข้าไว้  สนิทนั่งตั้งใจภาวนา
 +
ขุนแผนซัดข้าวสารอ่านมนตร์ปลุก  ผีลาวผุดลุกขึ้นต่อหน้า
 +
เคารพราบกราบเท้าทั้งสองรา  ขุนแผนว่าสองผีมีนามใด
 +
สองผีหมอบราบแล้วกราบกราน  กระผมชื่อขนานมโนใหญ่
 +
นั่นลูกข้อยชื่อน้อยศรีวิชัย  เจ้าประสงค์สิ่งไรจึงขึ้นมา
 +
ขุนแผนว่าขนานมโนใหญ่  เราตั้งใจมุ่งมาดปรารถนา
 +
จะขึ้นไปประจญปล้นพารา  เจ้าช่วยพาตัวเราเข้าบุรี
 +
ผีคำนับนรับแล้วก็ล้มลง  พ่อลูกตรงเข้าเปลื้องเอาผ้าผี
 +
เอาดาบตัดผมพลันด้วยทันที  สีชมพูโพกเกล้าก็เอามา
 +
พ่อลูกนุ่งห่มใส่ผมช้อง  โพกสะพองเหมือนลาวพวกชาวป่า
 +
ขุนแผนหยิบย่ามใหญ่ใส่ไหล่มา  พลายงามคว้าทวนถือติดมือพลัน
 +
ทั้งลูกทั้งพ่อหัวร่อร่า  ก็พากันเดินขมีขมัน
 +
ถึงโคกเต่าเข้าเพลาจะสายัณห์  พวกอาสาทั้งนั้นก็ตกใจ
 +
บ้างก็เข้าซ่อนซุ่มในพุ่มชิด  สำคัญคิดว่าเป็นลาวพวกชาวไร่
 +
ขุนแผนไม่แวะวงตรงเข้าไป  พวกอาสาสงสัยว่าลาวจริง
 +
พากันมองดูไม่รู้จัก  ไม่มีใครถามทักต่างแอบนิ่ง
 +
ขุนแผนว่าอย่างไรไม่ไหวติง  ทหารรู้กรูวิ่งมาวันทา
 +
เจ้าประคุณนุ่งห่มใส่ผมยาว  ช่างเหมือนลาวจริงจังไม่กังขา
 +
ลูกได้แอบพินิจพิจารณา  ช่างแปลกหน้าแปลกกายคล้ายพุงดำ
 +
พ่อลูกปลดผมแล้วเปลื้องผ้า  แล้วสั่งว่าเราจะไปเสียในค่ำ
 +
ถ้าช้าอยู่มันจะรู้ซึ่งเงื่อนงำ  ลาวจะร่ำลือดังไปทั้งกรุงฯ
 +
ทหารรับจับจัดผูกช้างม้า  แล้วก็ยกโยธามากลางทุ่ง
 +
อย่าอื้อฉาวชาวเมืองจะเฟื่องฟุ้ง  พอจวนรุ่งเข้าดงปลงม้าช้าง
 +
ให้แฝพุ่มซุ่มซ่อนนอนจนค่ำ  กลางคืนร่ำรุดไปจนใกล้สว่าง
 +
สองคืนสองวันดั้นเดินทาง  กระทั่งถึงบึงกว้างเข้าทันใด
 +
ก็หยุดทัพจับจัดตัดไม้ปัก  ชักหนามวงรอบขอบบึงใหญ่
 +
สงบทัพยับยั้งตั้งมั่นไว้  ด้วยทางใกล้จวนถึงสักครึ่งวัน
 +
ช้างม้าหญ้าน้ำก็สำราญ  พวกทหารพักผ่อนนอนที่นั่น
 +
เอากูบอานเรีบเรียงเข้าเคียงกัน  ให้สองท่านแม่ทัพนั้นยับยั้ง ฯ
 +
</tpoem>
 +
=== ตอนที่ ๒๙ ===
=== ตอนที่ ๒๙ ===
<tpoem>
<tpoem>

การปรับปรุง เมื่อ 15:01, 7 กันยายน 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง:

บทประพันธ์

ตอนที่ ๑

             

ตอนที่ ๒

             

ตอนที่ ๓

             

ตอนที่ ๔

             

ตอนที่ ๕

             

ตอนที่ ๖

             

ตอนที่ ๗

             

ตอนที่ ๘

             

ตอนที่ ๙

             

ตอนที่ ๑๐

             

ตอนที่ ๑๑

             

ตอนที่ ๑๒

             

ตอนที่ ๑๓

             

ตอนที่ ๑๔

             

ตอนที่ ๑๕

             

ตอนที่ ๑๖

             

ตอนที่ ๑๗

             

ตอนที่ ๑๘

             

ตอนที่ ๑๙

             

ตอนที่ ๒๐

             

ตอนที่ ๒๑

             

ตอนที่ ๒๒

             

ตอนที่ ๒๓

             

ตอนที่ ๒๔ กำเนิดพลายงาม

๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภาอยู่เคหากับขุนช้างให้หมางหมอง
ไม่มีสุขทุกเวลาน้ำตานองด้วยว่าท้องสิบเดือนไม่เคลื่อนคลา
จะคลอดบุตรสุดปวดให้รวดร้าวตึงหัวเหน่าเหน็ดเหนื่อยเมื่อยต้นขา
แสงห่องห้อยพรอยพรายพร่างสายตาจะเรียกหาขุนช้างให้หมางใจ
แต่นวดนวดปวดมวนให้ป่วนปั่นสุดจะกลั้นกลอกหน้าน้ำตาไหล
พยุงท้องร้องเรียกพวกข้าไทจะขาดใจแล้วช่วยด้วยแม่คุณ
ขุนช้างตื่นฟื้นตัวหัวผงกเห็นเมียตกใจผวาออกว้าวุ่น
ประคองนางพลางบนเอาต้นทุนอย่าท้อแท้แม่คุณจงแข็งใจ
พลางดูท้องร้องว่าเออออกแล้วซิตั้งสติอารมณ์จะข่มให้
นางวันทองร้องเสือกกลิ้งเกลือกไปขุนช้างได้หมอนรองประคองคอ
เรียกหาข้าคนอลหม่านบนนอกชานพวกผู้หญิงออกวิ่งสอ
ให้ไปรับยายสายกับยายยอแต่ล้วนหมอตำแยเซ็งแซ่มา
เข้าถือท้องต้องถูกว่าลูกต่ำเอาหน้าคว่ำไขว่ขวางไปข้างขวา
ช่วยผันแปรแก้ไขใกล้เวลาบ้างตำยาขยำส้มต้มน้ำร้อน
นางวันทองร้องไห้ใจจะขาดพอกรรมชวาตวาตะประทะถอน
อรุณฤกษ์เบิกสุรินทร์ทินกรอุทรคลอนเคลื่อนคลอดไม่วอดวาย
พอพ้นท้องร้องแว้นางแม่หวีดหน้าซีดอกสั่นมิ่งขวัญหาย
ขุนช้างมองร้องอ้ายหนูเป็นผู้ชายทั้งย่ายายเยี่ยมลูกให้หยูกยา
แล้วทอดเตาเข้าไฟไม่ไข้เจ็บครั้นจะเก็บความกล่าวยาวหนักหนา
ค่อยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้จนใหญ่มากระทั่งอายุเจ้าได้เก้าปี
ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนแม้นขุนแผนพ่อเหลืองลอออวบอ้วนเป็นนวลศรี
ทั้งจุกผมกลมกล่อมกระหม่อมดีช่างพาทีฉอเลาะพูดเพราะพราย
นางวันทองน้องคะนึงถึงขุนแผนด้วยลูกแม้นเหมือนเหลือเป็นเชื้อสาย
บอกบ่าวไพร่ให้สำเหนียกเรียกลูกชายชื่อว่าพลายงามน้อยแก้วกลอยใจ ฯ
๏ ฝ่ายขุนช้างหมางจิตให้คิดแค้นลูกขุนแผนมั่นคงไม่สงสัย
เมื่อกระนั้นเหมือนกูครั้นดูไปก็กลับไพร่เหมือนพ่ออ้ายทรพี
อีแม่มันวันทองก็สองจิตช่างประดิษฐ์ชื่อลูกให้ถูกที่
เรียกพ่อพลายคล้ายผัวอีตัวดีทุกราตรีตรึกตราจะฆ่าฟัน
พอวันทองน้องป่วยลงด้วยเคราะห์มาจำเพาะจะวิโยคให้โศกศัลย์
ฟังเสียงเงียบระงับหลับกลางวันพลายงามนั้นนั่งกับพ่อที่หอกลาง
ขุนช้างเห็นเป็นทีไม่มีเพื่อนแกล้งชี้เชือนชักพาลงมาล่าง
ให้ขี่หลังนั่งบ่าแล้วว่าพลางไปชมช้างกวางทรายมีหลายพรรณ
ทั้งนกยูงฝูงหงส์มันลงเกลื่อนจับไก่เถือนมาเลี้ยงฟังเสียงขัน
พูดให้เพลินเดินพลางกลางอรัญแกล้งให้หมั่นดูแลฝูงแกกา
โพระดกนกงั่นกระตั้วเต้นกระแตเล่นไม้โจนโผนผวา
เจ้าพลายงามถามพ่อพูดจ้อมาขุนช้างพาเลี้ยวไปปะไม้ซุง
เห็นลับลี้ที่สงัดขัดเเขมรสะบัดเบนเบือนเหวี่ยงลงเสียงผลุง
ปะเตะซ้ำต้ำผางเข้ากลางพพุงถีบกระทุ้งถองทุบเสียงอุบโอย
พลายงามร้องสองมือมันอุดปากดิ้นกระดากถลากไถลร้องไห้โหย
พอหลุดมือรื้อร้องวันทองโวยหม่อมพ่อโบยตีฉันแทบบรรลัย
ไม่เห็นแม่แลหาน้ำตาตกขุนช้างชกฉุดคร่าไม่ปราศรัย
จนเหงื่อตกกระปรกประปรอมขึ้นคร่อมไว้หอบหายใจฮักฮักเข้าหักคอ
พลายงามดิ้นสิ้นเสียงสำเนียงร้องยกแต่สองมือไหว้หายใจฝ่อ
มันห้ามว่าอย่าร้องก็ต้องรอเรียกหม่อมพ่อเจ้าขาอย่าฆ่าเลย
จงเห็นแก่แม่วันทองของลูกบ้างพ่อขุนช้างใจบุญพ่อคุณเอ๋ย
ช่วยฝังปลูกลูกไว้ใช้เช่นเคยผงกเงยมันก้ทุบหงุบลงไป
บีบจมูกจุกปากลากกระแทกเสียงแอ้กแอ้กอ่อนซบสลบไสล
พอผีพรายนายขุนแผนผู้แว่นไวเข้ากอดไว้มิให้ถูกลูกของนาย
ขุนช้างเห็นว่าทับจนตับแตกเอาคาแฝกฝุ่นกลบให้ศพหาย
แล้วกลิ้งขอนซ้อนทับให้ลับกายทำลอยชายชมป่ากลับมาเรือนฯ
๏ ฝ่ายผีพรายนายขุนแผนแค้นขุนช้างอุตส่าห์ง้างขอนใหญ่ให้เขยื้อน
แล้วเป่าแผลแก้หายละลายเลือนเจ้าพลายเคลื่อนคลายฟื้นเหมือนตื่นนอน
นางพรายบอกว่าเราบ่าวขุนแผนมาทำแทนเมื่อมันทับช่วยรับขอน
ไม่ม้วยแล้วแก้วตาอย่าอาวรณ์อยู่นี่ก่อนเถิดนะเจ้าอย่าเศร้าใจ
แม่ของเจ้าเราจะบอกออกมารับแล้วหายวับวู่วามตามนิสัย
เจ้าพลายงามยามเย็นไม่เห็นใครเที่ยวร้องไห้หาแม่ชะแง้คอย
จะไปเรือนเพื่อนทางที่กลางป่านึกน้ำตาหยดเหยาะลงเผาะผ็อย
เจ้าแหงนดูสุริย์ฉายก็บ่ายคล้อยให้นึกน้อยใจพ่อพูดล่อลวง
เสียแรงลูกผูกใจจะได้พึ่งพ่อโกรธขึ้งสิ่งใดเป็นใหญ่หลวง
โอ้มีพ่อก็ไม่เหมือนเพื่อทั้งปวงมีแต่ลวงลูกรักไปหักคอ
รู้กระนี้มิอยากเรียกพ่อดอกจะไปบอกแม่วันทองให้ฟ้องพ่อ
เที่ยวผันแปรแลหาน้ำตาคลอนึกระย่อเยือกเย้นไม่เห็นใคร
ดูครึ้มครึกฟฤกษาป่าสงัดไม่แกว่งกวัดก้านกิ่งประวิงไหว
จังหรีดร้องก้องเสียงเคียงเรไรทั้งลองไนเรื่อยแร่แวแววับ
ดุเหว่าร้องมองเมียงเสียงว่าแม่ยืนชะแง้แลดูเงี่ยหูตรับ
อยู่นี่แน่แม่จ๋าจงมารับวิ่งกระสับกระสนวนเวียนไป ฯ
๏ ฝ่ายพวกพรายกายสิทธิ์ฤทธิรุทรเหมือนลมวุดวู่หนึ่งถึงไหนไหน
ไปเข้าฝันวันทองถึงห้องในเหมือนจะให้เห็นลูกคิดผูกพัน ฯ
๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภาเมื่อลูกแก้วแววตาจะอาสัญ
คิ้วกระเหม่นเป็นลางแต่กลางวันให้หวั่นหวั่นหวิวหวิวหิวหาวนอน
พอม่อยหลับคลับคล้ายเห็นพลายน้อยขุนช้างถ่อยทับไว้ด้วยไม้ขอน
ผวาฟื้นตื่นตาด้วยอาวรณ์สะอื้นอ่อนในอกตกตะลึง
พอแมงมุมอุ้มไข่ไต่ตีตกนางผงกเงี่ยฟังดังผึงผึง
ประหลาดลางหมางจิตคิดคะนึงรำลึกถึงลูกชายเจ้าพลายงาม
ลุกออกมาหาจบไม่พบเห็นที่เคยเล่นอยู่กับใครเที่ยวไต่ถาม
แต่อีดูกลูกครอกมันบอกความว่าเห็นตามพ่อขุนช้างไปกลางไพร
นางแคลงผัวกลัวจะพาไปฆ่าเสียน้ำตาเรี่ยเรี่ยตกซกซกไหล
ออกนอกรั้วตัวคนเดียวเที่ยวเดินไปโอ้อาลัยเหลียวแลชะแง้เงย
เห็นคุ่มคุ่มพุ่มไม้ใจจะขาดพ่อพลายงามทรามสวาทของแม่เอ๋ย
เจ้าไปไหนไม่มาหาแม่เลยที่โคกเคยวิ่งเล่นไม่เห็นตัว
หรือล้มตายควายขวิดงูพิษขบไฉนศพสาบสูญพ่อทูนหัว
ยิ่งเย็นย่ำค่ำคลุ้มชอุ่มมัวยิ่งเริ่มรัวเรียกร่ำระกำใจ
เสียงซ้อแซ้แกกาผวาว่อนจิ้งจอกหอนโหยหาที่อาศัย
จักจั่นเจื้อยร้องริมลองไนเสียงเรไรหริ่งหริ่งที่กิ่งรัง
ทั้งเป็ดผีปี่แก้วแว่วแว่วหวีดเสียงจังหรีดกรีดแซ่ดังแตรสังข์
นางวันทองมองหาละล้าละลังหรือผีบังซ่อนเร้นไม่เห็นเลย
จะบนหมูสุรารำว่าครบขอให้พบลูกตัวทูนหัวเอ๋ย
แล้วลดเลี้ยวเที่ยวแลชะแง้เงยโอ้ทรามเชยหลากแล้วพ่อแก้วตา
ตะโกนเรียกพลายงามทรามสวาทใจจะขาดคนเดียวเที่ยวตามหา
สะอื้นโอ้โพล้เพล้เดินเอกาสกุณานอนรังสะพรั่งไพร
เห็นฝูงนกกกบุตรยิ่งสุดเศร้าโอ้ลูกเราไม่รู้ว่าอยู่ไหน
ชะนีโหวยโหยหวนรัญจวนใจยิ่งอาลัยแลหาน้ำตานอง
พอแจ้วแจ้วแว่วเสียงสำเนียงเรียกนึกสำเหนียกหลายหนขนสยอง
ตรงเซิงซุ้มคุ่มเคียงนางเมียงมองเห็นลูกร้องไห้สะอื้นยืนเหลียวแล
ความดีใจไปกอดเอาลูกแก้วแม่มาแล้วอย่ากลัวทูนหัวแม่
เป็นไรไม่ไปเรือนเที่ยวเชือนแชแม่ตามแต่ตะวันบ่ายเห็นหายไป ฯ
๏ เจ้าพลายน้อยสร้อยเศร้าแล้วเล่าว่าหม่อมพ่อพาเวียนวงให้หลงใหล
แล้วทุบถีบบีบจมูกของลูกไว้เอาขอนไม้ทับคอแทบมรณา
พอพวกพ้องของขุนแผนแล่นมาช่วยจึงไม่ม้วยแม่คุณบุญหนักหนา
ยังช้ำชอกยอกเหน็บเจ็บกายาพูดน้ำตาผ็อยผ็อยด้วยน้อยใจฯ
๏ นางวันทองร้องไห้ใจจะขาดโอ้ชาตินี่มีกรรมจะทำไฉน
แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไปเจ้ามิใช่ลูกเต้าเขาจึงชัง
พ่อของเจ้านั้นหรือชื่อขุนแผนเป็นคนแค้นกับขุนช้างแต่ปางหลัง
เอาทุกข์ร้อนก่อนเก่าเล่าให้ฟังเดี๋ยวนี้ยังอยู่ในคุกเป็นทุกข์ทน
จึงจนใจไม่มีที่จะพึ่งมันทำถึงสาหัสก็ขัดสน
ครั้นจะฟ้องร้องเล่าเราก็จนแม้นไม่พ้นมือมันจะอันตราย
แต่รู้อยู่ว่าย่าทองประศรีอยู่บ้านกาญจน์บุรีวัดเชิงหวาย
แม้นไปถึงพึ่งพาย่าพ่อพลายจะสบายบุญปลอดตลอดไป
แต่ทางนั้นวันครึ่งจึงถึงบ้านทางกันดารเดินดงจะหลงใหล
โอ้ใครเล่าเขาจะพาเจ้าคลาไคลนางร้องไห้สะอื้นกลืนน้ำตา ฯ
๏ เจ้าพลายงามถามซักตระหนักแน่พลางบอกแม่ลูกแสนแค้นหนักหนา
อ้ายคนนี้มิใช่พ่อจะขอลาไปหาย่าอยู่บ้านกาญจน์บุรี
สงสารแต่แม่คุณของลูกแก้วจะลับแล้วตายเป็นไม่เห็นผี
เพราะพ่อเลี้ยงเดียงสาไม่ปรานีอยู่ที่นี่ชีวันจะบรรลัย
ไปสู้ตายวายวางเสียข้างหน้าด้วยเกิดมามีกรรมจะทำไฉน
ขอลาแม่แต่นี้นับปีไปแล้วร้องไห้หวลคิดถึงบิดา
โอ้พ่อคุณขุนแผนของลูกเอ๋ยเมื่อไรเลยลูกจะได้ไปเห็นหน้า
ต้องติดคุกทุกข์ทุเรศเวทนาเจ้าครวญคร่ำร่ำว่าด้วยอาลัย ฯ
๏ นางวันทองร้องไห้จิตใจหายกอดเจ้าพลายงามน้อยละห้อยไห้
โอ้ลูกแก้วแววตาจะลาไปหนทางป่าค่าไม้พ่อไม่เคย
จะเลี้ยวหลงวงวกระหกระเหินเจ้าจะเดินไปถูกหรือลูกเอ๋ย
โอ้ยากเย็นเข็ญใจกระไรเลยเพราะกรรมเคยพรากสัตว์ให้พลัดพราย
เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าจะพรากไปจากแม่แม่จะแลเห็นใครน่าใจหาย
พลางสวมสอดกอดแอบไว้แนบกายสะอื้นไห้ไม่วายฟายน้ำตา ฯ
๏ จนจวนค่ำน้ำค้างลงพร่างพรายปลอบลูกชายพลายน้อยเสน่หา
อ้ายศัตรูรู้ความจะตามมาแม่จะพาเจ้าไปฝากขรัวนากไว้
แล้วพากันดั้นดัดไปวัดเขาเห็นสมภารคลานเข้าไปกราบไหว้
แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไปเจ้าคุณได้โปรดด้วยช่วยธุระ
เอาลูกอ่อนซ่อนไว้เสียในห้องเผื่อพวกพ้องเขามาหาอย่าให้ปะ
ท่านขรัวครูผู้เฒ่าว่าเอาวะไว้ธุระเถิดอย่ากลัวที่ผัวเลย
ถ้าหากว่ามาค้นจนถึงห้องกูมิถองก็จงว่าสีกาเอ๋ย
ฆ่าลูกเลี้ยงเอี้ยงดูกูไม่เคยอย่าทุกข์เลยลุงจะช่วยลูกอ่อนไว้ ฯ
๏ นางวันทองหมองหมางไม่สร่างทุกข์กระหมวดจุกลูกยาน้ำตาไหล
เห็นจวนค่ำจำลาทั้งอาลัยลงบันไดเดินด่วนด้วยจวนเย็น
พอเข้าไปในรั้วด่าผัวโผงอ้ายตายโหงหักคอไม่ขอเห็น
แต่ชาตินี้กีกรรมจึงจำเป็นได้ชายเช่นนี้มาเป็นสามี
ขึ้นบนเรือนเหมือนใจจะจากร่างเห็นขุนช้างชิงชังผินหลังหนี
เข้าในห้องหมองอารมณ์ไม่สมประดีเห็นแต่ที่นอนเปล่ายิ่งเศร้าใจ
คิดถึงลูกผูกพันให้หวั่นอกน้ำตาตกผ็อยผ็อยละห้อยไห้
โอ้ลูกเอ๋ยเคยนอนแต่ก่อนไรจนเจ้าได้สิบปีเข้านี่แล้ว
อยู่หลัดหลัดพลัดพรากไปจากแม่แม่ยังแลเห็นแต่ฟูกของลูกแก้ว
โอ้พลายงามทรามสวาทจะคลาดแคล้วเสียงแจ้วแจ้วเจ้าวันทองนองน้ำตาฯ
๏ ฝ่ายขุนช้างคางเคราอ้ายเจ้าเล่ห์เมาโมเมยิ้มกริ่มอยู่ริมฝา
เสียงวันทองร้องไห้จุดไฟมาส่องดูหน้านั่งเคียงบนเตียงนอน
ทำไถลไถ่ถามเป็นความหยอกหรือหนามยอกเจ็บป่วยจะช่วยถอน
พลางรับขวัญวันทองร้องละครเจ้าทุกข์ร้อนรำคาญประการใด ฯ
นางวันทองข้องขัดสะบัดหน้าขุนช้างรำทำท่าเข้าคว้าไขว่
นางผลักพลิกหยิกข่วนว่ากวนใจไฮ้อะไรนี่เล่าเฝ้าเซ้าซี้
ลูกข้าหายตายเป็นไม่เห็นศพอย่ามากลบรอยเสือเบื่อบัดสี
เจ้าพาไปในป่าพนาลีแล้วก็มิพามาว่ากระไร ฯ
๏ ขุนช้างฟังช่างแก้อีแม่เจ้าข้าเมาเหล้าหลับซบสลบไสล
ใครบอกเจ้าเล่าว่าข้าพาไปหล่อนไม่ได้ตามข้าผ่าเถิดซิ
เมื่อกลางวันยังเห็นเล่นไม้หึ่งกับอ้ายอึ่งอีดูกลูกอีปิ
แล้วว่าเจ้าเล่าก็ช่างนั่งมึนมิว่าแล้วซิอย่าให้ลงไปดิน
ลูกปะหล่ำกำไลใส่ออกกลบฉวยว่าพบคนร้ายอ้ายคอฝิ่น
มันจะทุบยุบยับเหมือนกับริ้นง้างกำไลไปกินเสียแล้วกรรม
แล้วแก้เก้อเร่อออกไปนอกห้องตะโกนร้องเรียกข้ามาด่าพร่ำ
ไปเที่ยวตามถามหาถึงท่าน้ำไม่พบทำถอนใจกลับไปเรือน
รินสุรามาดื่มลืมสติอุตริร้องไห้ใครจะเหมือน
ขึ้นหอขวางกลางแจ้งเห็นแสงเดือนโอ้พ่อเพื่อนชีวิตของบิตุรงค์
แกล้งร้องร่ำคร่ำครวญทำหวนโหยสะโอดโอยเอกทุ้มจนลุ่มหลง
ถึงท่อนปลายกรายเกริ่นเป็นเดินดงปีกเจ้าอ่อนร่อนลงในดงเตย
แล้วรู้ตัวกลัวเมียร้องเสียใหม่เจ้าจำไกลพ่อแล้วลูกแก้วเอ๋ย
เสียงอ้อแอ้แผ่กายนอนหงายเลยจนลืมเลยซบเซาด้วยเมามาย ฯ
๏ นวลนางวันทองค่อยย่องย่างเห็นขุนช้างหลับสมอารมณ์หมาย
สะอื้นอั้นพันผูกถึงลูกชายจนพลัดพรายเพราะผัวเป็นตัวมาร
จึงเย็บไถ้ใส่ขนมกับส้มลิ้มทั้งแช่อิ่มจันอับลูกพลับหวาน
แหวนราคาห้าช่างทองบางตะพานล้วนต้องการเก็บใส่ในไถ้น้อย
ไปอยู่บ้านท่านย่าจะหายากเมื่ออดอยากอย่างไรได้ใช้สอย
แล้วนั่งนึกตรึกตราน้ำตาย้อยรำคาญคอยสุริยาจะคลาไคล ฯ
๏ จะกล่าวถึงพลายงามทรามสงสารพึ่งสมภารอยู่ในห้องนั่งร้องไห้
พวกศิษย์เณรเถรชีต้นช่วยฝนไพลมาลูบไล้แผลที่มันตีรัน
แล้วสมภารท่านก็หลับระงับเงียบยิ่งเย็นเยียบเยือกใจเมื่อไก่ขัน
เพราะแม่ลูกผูกจิตคิดถึงกันเฝ้าใฝ่ฝันเฟือนแลเห็นแม่มา
ดุเหว่าร้องซ้องเสียงสำเนียงแจ้วให้แว่วว่าวันทองร้องเรียกหา
สะดุ้งใจไหววับทั้งหลับตาร้องขานขาสุดเสียงแต่เที่ยงคืน
ครั้นรู้สึกนึกได้ให้ละห้อยเจ้าพลายน้อยนิ่งนอนถอนสะอื้น
จนเคาะระฆังหงั่งเหง่งเสียงเครงครื้นสมภารตื่นเตือนชีต้นสวดมนตร์เกณฑ์ฯ
๏ นางวันทองร้องไห้เมื่อใกล้รุ่งน้ำค้างฟุ้งฟ้าแดงเป็นแสงเสน
ด้วยวัดเขาเข้าใจเคยไปเจนโจงกระเบงมั่นเหมาะห่มเพลาะดำ
แล้วถือไถ้ใส่ขนมผ้าห่มหุ้มออกย่างดุ่มเดินเหย่าก้าวถลำ
ลงจากเรือนเชือนมาข้างท่าน้ำแล้วรีบร่ำเดินตรงเข้าดงตาล
ถึงวัดเขาเช้าตรู่ดูลูกน้อยเห็นมาคอยนั่งท่าน่าสงสาร
จะนั่งหยุดพูดจาจะช้าการลาสมภารพามาป่าสะแก
ให้ขนมส้มสูกแก่ลูกรักสงสารนักจะร้างไปห่างแม่
หนทางบ้านกาญจน์บุรีตรงนี้แลจำให้แน่นะอย่าหลงเที่ยววงเวียน
อุตส่าห์ไปให้ถึงเหมือนหนึ่งว่าให้คุณย่าเป็นอาจารย์สอนอ่านเขียน
จงหมายมุ่งทุ่งกว้างตามทางเกวียนที่โล่งเลี่ยนลัดไปในไพรวัน
แล้วเกล้าจุกผูกไถ้ที่ใส่ของให้แหวนทองทุกสิ่งทำมิ่งขวัญ
แล้วกอดลูกผูกใจจะไกลกันสะอื้นอั้นออกปากฝากเทวา
ขอเดชะพระไพรข้าไหว้กราบช่วยกำราบเสือสิงห์มหิงสา
ทั้งปู่เจ้าเขาเขินขอเชิญพาไปถึงย่าอย่าให้หลงเที่ยววงวน
ทั้งพ่อคุณขุนแผนแสนวิเศษบังเกิดเกศแก้วตาสถาผล
ช่วยลูกชายพลายงามเมื่อยามจนให้รอดพ้นภัยพาลถึงกาญจน์บุรี
นางคร่ำครวญร่ำว่าน้ำตาตกเหมือนหนึ่งอกพุพองเป็นหนองฝี
แม่อุ้มท้องครองเลี้ยงถึงเพียงนี้ได้สิบปีเศษแล้วจะแคล้วกัน
เคยกินนอนวอนแม่ไม่แหห่างจะอ้างว้างเปล่าใจในไพรสัณฑ์
ทั้งจุกไรใครเล่าจะเกล้าพันจะนับวันนับเดือนไปเลือนลับ
นับปีมิได้มาเห็นหน้าแม่จะห่างแหหายเหมือนเมื่อเดือนดับ
โอ้เสียชาติวาสนาแม่อาภัพให้ย่อยยับยากแค้นแสนระอา
จะมีผัวผัวก็พลัดกำจัดจากจนแสนยากอย่างนี้แล้วมิหนำ
มามีลูกลูกก็จากวิบากกรมสะอื้นร่ำรันทดสลดใจ ฯ
             

๏ เจ้าพลายงามความแสนสงสารแม่ชำเลืองแลดูหน้าน้ำตาไหล
แล้วกราบกรานมารดาด้วยอาลัยลูกเติบใหญ่คงจะมาหาแม่คุณ
แต่ครั้งนี้มีกรรมจะจำจากต้องพลัดพรากแม่ไปเพราะอ้ายขุน
เที่ยวหาพ่อขอให้ปะเดชะบุญไม่ลืมคุณมารดาจะมาเยือน
แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารักคนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน
จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือนจะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว
แม่วันทองของลูกจงกลับบ้านเขาจะพาลว้าวุ่นแม่ทูนหัว
จะก้มหน้าลาไปมิได้กลัวแม่อย่ามัวหมองนักจงหักใจ ฯ
๏ นางกอดจูบลูบหลังแล้วสั่งสอนอำนวยพรพลายน้อยละห้อยไห้
พ่อไปดีศรีสวัสดิ์กำจัดภัยจนเติบใหญ่ยิ่งยวดได้บวชเรียน
ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศเจ้าจงอตส่าห์ทำสม่ำเสมียน
แล้วพาลูกออกมาข้างท่าเกวียนจะจากเจียนใจขาดอนาถใจ
ลูกก็และดูแม่แม่ดูลูกต่างพันผูกเพียงว่าเลือดตาไหล
สะอื้นร่ำอำลาด้วยอาลัยแล้วแข็งใจจากนางตามทางมา
เหลียวหลังยังเห็นแม่แลเขม้นแม่ก็เห็นลูกน้อยละห้อยหา
แต่เหลียวเหลียวเลี้ยวลับวับวิญญาณ์โอ้เปล่าตาต่างสะอื้นยืนตะลึง ฯ
๏ นางวันทองหมองมัวกลัวขุนช้างไม่เหมือนอย่างคนทั้งปวงมันหวงหึง
ออกชายทุ่งมุ่งเมินเดินตะบึงกลับมาถึงเรือนร่ำระกำตรอม
ทุกเช้าเย็นเศร้าหมองเฝ้าร้องไห้ด้วยอาลัยพลายงามทรามถนอม
ถึงยามกินสิ้นรสสู้อดออมจนซูบผอมผิวพรรณทุกวันคืน ฯ
๏ เจ้าพลายงามตามทางไปกลางทุ่งเขม้นมุ่งเขาเขินเดินสะอื้น
ออกหลังบ้านตาลตะคุ่มเป็นพุ่มพื้นร่มรื่นรังเรียงเคียงตะเคียน
ต้นแคคางกร่างกระทุ่มชอุ่มออกทั้งช่อดอกดูไสวเหมือนไม้เขียน
เจ้าพลายเพลินเดินพลางตามทางเกวียนตลอดเลี่ยนลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยมา
ถงโคกฆ้องหนองสะพานบ้านกะเหรี่ยงเห็นโรงเรียงไร่ฝ้ายทั้งซ้ายขวา
พริกมะเขือเหลืออร่ามงามตาสาลิกาแก้วกินแล้วบินฮือ
เห็นไก่เตี้ยเขี่ยคุ้ยที่ขุยไผ่กระโชกไล่ลดเลี้ยวมันเปรียวปรื๋อ
พบนกยูงฝูงใหญ่ไล่กระพือมันบินหวือโห่ร้องคะนองใจ
จนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยข้อให้ท้อแท้คิดถึงแม่วันทองแล้วร้องไห้
พระสุริยาสายัณห์ลงเรไรเหมือนจิตใจเจ้าจะขาดลงรอนรอน
พอจวนพลบพบฝูงจิ้งจอกน้อยวิ่งร่อยร่อยตามเขาแล้วเห่าหอน
แสยงเส้นโลมาให้อาวรณ์ถึงดงดอนแดนบ้านกาญจน์บุรี
เห็นวัดร้างข้างเขาดูเก่าแก่ยังมีแต่รูปพระชินสีห์
โบสถ์โบราณบานประตูยังดูดีพอราตรีกราบไหว้อาศัยนอน
ครั้นรุ่งเช้าเอาขนมทั้งส้มลิ้มพอกินอิ่มแล้วออกเดินเนินสิงขร
ถึงบ้านกร่างทางคนเขาหาบคอนเห็นเด็กต้อนควายอึงคะนึงไป
ไม่รู้ความถามเหล่าพวกชาวบ้านว่าเรือนท่านทองประศรีอยู่ที่ไหน
เด็กบ้านนอกบอกเล่าให้เข้าใจแกอยู่ไร่โน่นแน่ะยังแลลับ
มะยมใหญ่ในบ้านกินหวานนักกูไปลักบ่อยบ่อยแกคอยจับ
พอฉวยได้อ้ายขิกหยิกเสียยับร้ายเหมือนกับผีเสื้อแกเหลือตัว
ถ้าลูกใครไปเล่นแกเห็นเข้าแกจับเอานมยานฟัดกบาลหัว
มาถามหาว่าไรช่างไม่กลัวแกจับตัวตีตายยายนมยาน ฯ
๏ เจ้าพลายงามถามแจ้งแล้วแกล้งว่าเอ็งช่วยพาเราไปชมมะยมหวาน
จะขึ้นลักหักห่อให้พอการมาสู่ท่านทั้งสิ้นกินด้วยกัน
พวกเด็กเด็กดีใจไปสิหวาซ่อนข้าวปลาปล่อยควายแล้วผายผัน
บ้างเหน็บหน้าผ้านุ่งเกี้ยวพุงพันหัวเราะกันกูจะห่อให้พอแรง
พอถึงบ้านท่านยายทองประศรีพวกเด็กชี้เรือนให้แล้วแอบแฝง
เจ้าพลายงามขามจิตยังคิดแคลงค่อยลัดแลงเล็งแลมาแต่ไกล
ดูเงียบเชียบเลียบรอบริมขอบรั้วไม่เห็นตัวท่านย่าน่าสงสัย
ประตูหับยับยั้งยืนฟังไปเสียงแต่ในออดแอดแรดแรแร
รู้ว่าคนบนนั้นนั่งปั่นฝ้ายจะอุบายบอกความตามกระแส
ขึ้นมะยมห่มล้อทำตอแยให้ท่านแลเห็นเรามาเอาตัว
จึงจะบอกออกตามเนื้อความลับได้อยู่กับย่าบังเกิดกำเนิดหัว
แล้วเมียงมองย่องดอดเข้าลอดรั้วค่อยแฝงตัวขึ้นบนต้นมะยม
แล้วพยักกวักเรียกอ้ายเด็กเด็กลูกเล็กหลบลอบค่อยหมอบก้ม
ระวังตัวกลัวยายเฒ่าเจ้าคารมเก็บมะยมซุบซิบกระหยิบตา ฯ
๏ ครานั้นท่านยายทองประศรีกับยายปลียายเปลอยู่เคหา
ให้พวกเหล่าบ่าวไพร่ไปไร่นาตามประสาเพศบ้านกาญจน์บุรี
แต่ขุนแผนแสนสนิทต้องติดคุกไม่มีสุขเศร้าหมองทองประศรี
จนซูบผอมตรอมใจมาหลายปีอยู่แต่ที่ในห้องนองน้ำตา
แต่หูไวได้ยินมะยมหล่นเป็นทำวลแหวกมองตามช่องฝา
เห็นเด็กเด็กเล็ดดลอดดอเข้ามาแกฉวยคว้าไม้ตระบองค่อยมองเมียง
ลงบันไดอ้ายเด็กเล็กกเล็กวิ่งแกไล่ทิ้งด่าทอมันล้อเถียง
ชกโคตรเหง้าเหล่ากอเอาพอเพียงพอแว่วเสียงอยู่บนต้นมะยม
มองเขม้นเห็นลูกหัวจุกน้อยเหม่อ้ายจ้อยโจรป่าด่าขรม
อย่าแอบอิงนิ่งนั่งตั้งเทพนมลงมาก้มหลังลองตระบองกู ฯ
๏ เจ้าพลายงามคร้ามพรั่นขยั้นหยุดความกลัวสุดแสนกลัวตัวเป็นหนู
จึงว่าฉานหลานดอกบอกให้รู้อันอยู่ที่เมืองสุพรรณบ้านวันทอง
ทองประศรีชี้หน้าว่าอุเหม่อ้ายเจ้าเล่ห์หลานข้ามันน่าถอง
มาเถิดมาย่าจะให้ไม้ตระบองแกคอยจ้องจะทำให้หนำใจ
เจ้าพลายงามความกลัวจนตัวสั่นหยุดขยั้นอยู่ไม่กล้าลงมาได้
แล้วนึกว่าย่าตัวกลัวอะไรโจนลงไปกราบย่าที่ฝ่าตีน ฯ
๏ ทองประศรีตีหลังเสียงดังผึงจะมัดมึงกูไม่ปรับเอาทรัพย์สิน
มาแต่ไหนลูกไทยหรือลูกจีนเฝ้าลักปีนมะยมห่มหักราน
เจ้าพลายน้อยคอยหลบแล้วนบนอบฉันเจ็บบอบแล้วย่าเมตตาหลาน
ข้าเป็นลูกพ่อขุนแผนแสนสะท้านข้างฝ่ายมารดาชื่อแม่วันทอง
จะมาหาย่าชื่อทองประศรีอย่าเพ่อตีฉันจะเล่าความเศร้าหมอง
ย่าเขม้นเห็นจริงทิ้งตระบองกอดประคองรับขวัญกลั้นน้ำตา
แล้วด่าตัวชั่วเหลือไม่เชื่อเจ้าขืนตีเอาหลานรักเป็นหนักหนา
จนหัวห้อยพลอยนอพ่อนี่นาแล้วพามาขึ้นเรือนเตือนยายปลี
ช่วยฝนไพลให้เหลวเร็วเร็วเข้าอีเปลเอาขันล้างหน้าออกมานี่
แกตักน้ำร่ำรดหมดราคีช่วยขัดสีโซมขมิ้นสิ้นเป็นชาม
แล้วทาไพลให้หลานสงสารเลหือมานั่งเสื่อลันไตปราศรัยถาม
เจ้าชื่อไรใครบอกออกเนื้อความจึงได้ตามขึ้นมาถึงย่ายาย ฯ
๏ เจ้าพลายน้อยสร้อยเศร้าแล้วเล่าเรื่องแต่อยู่เมืองสุพรรณเหมือนมั่นหมาย
แม่วันทองครองเลี้ยงไว้เคียงกายให้ชื่อพลายงามน้อยแก้วกลอยใจ
ให้ไหว้บุญขุนช้างเหมือนอย่างพ่อมันลวงล่อหลานหลงไม่สงสัย
พาหลานเที่ยวเลี้ยวทางไปกลางไพรเอาขอนไม้ทับคอแทบมรณา
แม่จึงบอกออกว่าพ่อชื่อขุนแผนขุนช้างแค้นเคืองคิดริษยา
อยู่ไม่ได้ในสุพรรณจึงดั้นมาขอพึ่งบุญคุณย่าประสาจน ฯ
๏ ทองประศรีตีอกชกผางผางทุดอ้ายช้างชาติข้าอ้ายหน้าขน
ลูกอีเฒ่าเทพทองคลองน้ำชนจะฆ่าคนเสียทั้งเป็นไม่เอ็นดู
ทำราวเจ้าชีวิตกูคิดฟ้องให้มันต้องโทษกรณ์จนอ่อนหู
แกบ่นว่าด่าร่ำออกพร่ำพรูพ่อมาอยู่บ้านย่าแล้วอย่ากลัว
แม้นอ้ายขุนวุ่นมาว่าเป็นลูกมันมิถูกนมยานฟัดกบาลหัว
พลางเรียกอีไหมที่ในครัวเอาแกงคั่วข้าวปลามาให้กิน
พอบ่ายเบี่ยงเสียงละว้าพวกข้าบ่าวทั้งมอญลาวเลิกนาเข้ามาสิ้น
บ้างสุมไฟใส่ควันกันยุงริ้นตามถิ่นบ้านนอกอยู่คอกนา ฯ
๏ ครั้นพลบค่ำย่ำฆ้องทองประศรีเรียกยายปลียายเปลเข้าเคหา
เย็บบายศรีนมแมวจอกแก้วมาใส่ข้าวปลาเปรี้ยวหวานเอาจานรอง
เทียนดอกไม้ไข่ข้าวมะพร้าวพร้อมน้ำมันหอมแป้งปรุงฟุ้งทั้งห้อง
ลูกปะหล่ำกำไลไขออกกองบอกว่าของพ่อเจ้าแต่เยาว์มา
เอาสอดใส่ให้หลานสงสารเหลือด้วยหน่อเนื้อนึกรักเป็นหนักหนา
เหมือนพ่อแผนแสนเหมือนไม่เคลื่อนคลาทั้งหูตาคมสันเป็นมันยับ
พลางเรียกหาข้าคนมาบนหอให้นั่งต่อต่อกันเป็นอันดับ
บายศรีตั้งพรั่งพร้อมน้อมคำนับเจริญรับมิ่งขวัญรำพันไป ฯ
๏ ขวัญพ่อพลายงามทรามสวาทมาชมภาชนะทองอันผ่องใส
ล้วนของขวัญจันทร์จวงพวงมาลัยขวัญอย่าไปป่าเขาลำเนาเนิน
เห็นแต่เนื้อเสือสิงห์ฝูงลิงค่างจะอ้างว้างเวียนวกระหกระเหิน
ขวัญมาหาย่าเถิดอย่าเพลิดเพลินจงเจริญร้อยปีอย่ามีภัย
แล้วจุดเทียนเวียนวงส่งให้บ่าวมันโห่กราวเกรียวลั่นสนั่นไหว
คอยรับเทียนเเวียนส่งเป็นวงไปแล้วดับไฟโบกควันให้ทันที
มะพร้าวอ่อนป้อนเจ้าทั้งข้าวขวัญกระแจะจันทน์เจิมหน้าเป็นราศี
ให้สาวสาวลาวเวียงที่เสียงดีมาซอปี่อ้อซั้นทำขวัญนาย ฯ
             
๏ พ่อเมื้อเมืองดงเอาพงเป็นเหย้าอึดปลาอึดข้าวขวัญเจ้าตกหาย
ขวัญอ่อนร่อแร่ว้าเหว่สู่กายอยู่ปลายยางยูงท้องทุ่งท้องนา
ขวัญเผือเมื้อเมินขอเชิญขวัญพ่อฟังซอเสียงอ้อขวัญพ่อเจ้าจ๋า
ข้าวเหนียวเต็มพ้อมข้าวป้อมเต็มป่าขวัญเจ้าจงมาสู่กายพลายเอยฯ
             
๏ แล้วพวกมอญซ้อนซอเสียงอ้อแอ้ร้องทะแยย่องกระเหนาะย่ายเตาะเหย
ออระน่ายพลายงามพ่อทรามเชยขวัญเอ๋ยกกกะเนียงเกรียงเกลิง
ให้อยู่ดีกินดีมีเมียสาวเนียงกะราวกนตะละเลิงเคลิ่ง
มวยบามาขวัญจงบันเทิงจะเปิงยี่อิกะปิปอน
ทองประศรีดีใจให้เงินบาทเห็นแต่ทาสพรั่งพร้อมล้อมสลอน
ถึงเวลาพาเจ้าเข้าที่นอนมีฟูกหมอนมุ้งม่านสำราญใจ ฯ
๏ เจ้าพลายงามถามย่าว่าพ่อแผนต้องคับแค้นเคืองเข็ญเป็นไฉน
ไม่เคยคุ้นคุณย่าช่วยพาไปพอหลานได้เห็นหน้าบิดาตัว
ได้ฟังหลานท่านย่าน้ำตาตกสะอื้นอกอาดูรว่าทูนหัว
พ่อเอ็งย่าว่าไรเขาไม่กลัวเพราะเมามัวเมียลาวนางชาววัง
ไปทูลขอพระองค์ทรงพระโกรธให้ลงโทษทนทุกข์ใส่คุกขัง
แต่ไม่ต้องจองจำอยู่ลำพังถึงสิบปีแล้วยังไม่พ้นเลย
รุ่งพรุ่งนี้สิย่าจะพาเจ้าไปหาเขาอยู่ที่ทับริมหับเผย
ให้พ่อเห็นเย็นอารมณ์ได้ชมเชยพูดจนเลยลืมหลับระงับไป ฯ
๏ เห็นแสงทองหมองจิตคิดถึงลูกสั่งบ่าวผูกช้างสัปคับใหญ่
ใส่ข้าวปลาผ้าผ่อนท่อนสไบกับไต้ไฟฟักแฟงแตงน้ำตาล
ทั้งปูนยาสาคูแลพลูหมากจะไปฝากขุนแผนแสนสงสาร
อ้ายกุลาตาหลอเป็นหมอควาญแล้วพาหลานขึ้นช้างตามทางมา
ลงบางขามข้ามบ้านสะพานโขลงออกทุ่งโล่งเลี้ยวทางไปข้างขวา
สองวันครึ่งถึงกรุงอยุธยาลงเดินพาพลายงามไปตามทาง ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายนายขุนแผนที่แสนทุกข์แต่ติดคุกขัดข้องให้หมองหมาง
อยู่หับเผยเคยสะอาดขาดสำอางจนผอมซูบรูปร่างดูรุงรัง
ผมยาวเกล้ากระหวัดตัดไม่เข้าเหตุด้วยเขาคงทนทั้งมนตร์ขลัง
อยู่เปล่าเปล่าเล่าก็จนพ้นกำลังอุตส่าห์นั่งทำการสานกระทาย
ให้นางแก้วกิริยาช่วยทารักขุนแผนถักขอบรัดกระหวัดหวาย
ใบละบาทคาดได้ด้วยง่ายดายแขวนไว้ขายทั้งเรือนออกเกลื่อนไป
พอมารดามาถึงทับรับเข้าห้องทั้งข้าวของผู้คนขนมาให้
เห็นลูกชายพลายงามถามทันใดนี่ลูกใครหน้าตาน่าเอ็นดู ฯ
๏ ทองประศรีชี้แจงแถลงเล่านี่ลูกเจ้าแล้วเป็นไรไหว้เสียหนู
แล้วบอกความตามที่มีศัตรูขุนแผนรู้รับขวัญกลั้นน้ำตา
เข้าสวมสอดกอดจูบแล้วลูบหลังน้ำตาพรั่งพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา
แค้นขุนช้างดังจะดิ้นสิ้นชีวามันชะล่าชะเลยจนเคยตัว
ฉุดคร่าพาวันทองไปครองคู่เห็นว่ากูถือสัตย์ไม่ตัดหัว
ทั้งลูกเต้าเอาไปฆ่าเหมือนม้าวัวหมายว่ากลัวแล้วกระมังอ้ายจังไร
วันนี้ค่ำจำจะไปให้ถึงบ้านสับกบาลหัวเชือดให้เลือดไหล
ลูกผู้ชายตายไหนก็ตายไปขัดใจฮึดฮัดกัดฟันฟาง ฯ
๏ ท่านย่าทองประศรีว่าอีพ่อแม่จะขอทัดทานเหมือนขัดขวาง
ไปฆ่าผีดีกว่าฆ่าขุนช้างจะสืบสร้างบาปกรรมไปทำไม
ลูกของเจ้าเล่าก็มาหาเจ้าแล้วใช่เชื้อแถวเจ้ายังมีอยู่ที่ไหน
จงฟังแม่แต่เท่านั้นแล้วกันไปพ่อจะได้ภาวนารักษากาย
ลูกของเจ้าเล่าแม่จะรับเลี้ยงช่วยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้ได้ถวาย
ที่กริ้วโกรธโทษกรณ์จะผ่อนคลายคราวเคราะห์ร้ายเจ้าจงเจียมเสงี่ยมตน
โบราณท่านสมมุติมนุษย์นี้ยากแล้วมีใหม่สำเร็จถึงเจ็ดหน
ที่ทุกข์โศกโรคร้อนค่อยผ่อนปรนคงจะพ้นโทษทัณฑ์ไม่บรรลัย ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพก้มกราบมารดาน้ำตาไหล
ลูกเห็นแต่แม่คุณค่อยอุ่นใจช่วยสอนให้พลายงามเรียนความรู้
อันตำรับตำราสารพัดลูกเก็บจัดแจงไว้ที่ในตู้
ถ้าลืมหลงตรงไหนไขออกดูทั้งของครูของพ่อต่อกันมา
แล้วลูบหลังสั่งความพลายงามน้อยเจ้าจงค่อยร่ำเรียนเขียนคาถา
รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชาไปเบื้องหน้าเติบใหญ่จะให้คุณ
เรายากแล้วแก้วตาอย่าประมาททั้งสิ้นญาติสิ้นเชื้อจะเกื้อหนุน
ทุกวันนี้มีแต่ย่ายังการุญพ่อพึ่งบุญเถิดลูกได้ปลูกเลี้ยง
จงนึกว่าย่าเหมือนกับแม่พ่อถึงด่าทอเท่าไรอย่าได้เถียง
อันพ่อนี้มิได้อยู่ใกล้เคียงไม่ได้เลี้ยงลูกแล้วนาแก้วตา
พลางกอดพลายงามแอบไว้แนบอกน้ำตาตกพร่างพรายทั้งซ้ายขวา
โอ้มีกรรมทำไว้แต่ไรมาพอเห็นหน้าลูกแล้วจะแคล้วกัน
มาหาพ่อพ่อไม่มีสิ่งไรผูกยังแต่ลูกประคำจะทำขวัญ
อยู่หอกปืนยืนยงคงกระพันได้ป้องกันกายาข้างหน้าไป ฯ
๏ เจ้าพลายงามความแสนสงสารพ่อน้ำตาคลอคลอตกซกซกไหล
รับประคำร่ำว่าประสาใจฉันจะใคร่อยู่ด้วยช่วยบิดา
ได้ตักน้ำตำข้าวทุกเช้าค่ำที่พอทำฟืนผักจะหักหา
ให้พ่อพ้นทนทุกข์แล้วลูกยาจะอุตส่าห์เล่าเรียนค่อยเพียรไป ฯ
๏ ขุนแผนแสนสวาทจะขาดจิตกะจิริดรู้ว่าจะหาไหน
น่าสงสารท่านย่าพลอยอาลัยน้ำตาไหลพรากพรากเพราะยากเย็น
ขุนแผนว่าจะอยู่ดูไม่ได้ในคุกใหญ่มันยากแค้นถึงแสนเข็ญ
เหมือนกับนรกตกทั้งเป็นมิได้เว้นโทษทัณฑ์สักวันเลย
แต่พ่อนี้ท่านเจ้ากรมยมราชอนุญาตให้อยู่ทับในหับเผย
คนทั้งหลายนายมุลก็คุ้นเคยเขาละเลยพ่อไม่ต้องถูกจองจำ
ทั้งข้าวปลาสารพันทุกวันนี้พระหมื่นศรีเธอช่วยชุบอุปถัมภ์
ค่อยเบาใจไม่พักต้องตักตำคุณท่านล้ำล้นฟ้าด้วยปรานี
ถ้าแม้นเจ้าเล่าเรียนความรู้ได้จะพาไปพึ่งพระจมื่นศรี
ถวายตัวพระองค์ทรงธรณีจะได้มีเกียรติยศปรากฏไป ฯ
             

๏ พลายงามน้อยสร้อยเศร้ารับเจ้าคะดีฉันจะพากเพียรเรียนให้ได้
ต่างพูดจาพาทีค่อยดีใจจนจวนใกล้โพล้เพล้ถึงเวลา
ทองประศรีสั่งความว่ายามค่ำแม่จะจำจากพ่อแก้วไปแล้วหนา
ขุนแผนแสนสะท้านไหว้มารดาพลายงามลาพ่อลูกผูกอาลัย
ตามย่ามาพ้นทับที่หับเผยไม่ลืมเลยเหลียวหน้าน้ำตาไหล
ทั้งขุนแผนแสนสวาทเพียงขาดใจต่างอาลัยแลลับวับวิญญาณ์
ไปขึ้นช้างข้างวัดท่าการ้องพอเดือนส่องแสงสว่างกลางเวหา
ออกข้ามทุ่งกรุงศรีอยุธยารีบกลับมาถึงบ้านกาญจน์บุรีฯ
๏ อันเรื่องราวกล่าวความพลายงามน้อยค่อยเรียบร้อยเรียนรู้ครูทองประศรี
ทั้งขอมไทยได้สิ้นก็ยินดีเรียนคัมภีร์พุทธเพทพระเวทมนตร์
ปัถมังตั้งตัวนะปัดตลอดแล้วถอนถอดถูกต้องเป็นล่องหน
หัวใจกริดอิทธิเจเสน่ห์กลแล้วเล่ามนตร์เสกขมิ้นกินน้ำมัน
เข้าในห้องลองวิชาประสาเด็กแทงจนเหล็กแหลมลู่ยู่ขยั้น
มหาทะมื่นยืนยงคงกระพันทั้งเลขยันตร์ลากเหมือนไม่เคลื่อนคลาย
แล้วทำตัวหัวใจปิติโสสะเดาะโซ่ตรวนได้ดังใจหมาย
สะกดคนมนตร์จังงังกำบังกายเมฆฉายสูรย์จันทร์ขยันดี
ทั้งเรียนธรรมกรรมฐานนิพพานสูตรร้องเรียกภูตพรายปราบกำราบผี
ผูกพยนต์หุ่นหญ้าเข้าราวีทองประศรีสอนหลานชำนาญมา
จนอายุพลายงามสิบสามขวบดูขาวอวบอ้วนท้วนเป็นนวลหน้า
ด้วยเนื้อแตกแรกรุ่นละมุนตากิริยาแย้มยิ้มหงิมหงิมงาม
นัยน์ตากลมคมขำดูดำขลับใครแลลับรักใคร่ปราศรัยถาม
ทองประศรีดีใจได้ฤกษ์ยามได้สิบสามปีแล้วหลานแก้วกู
จะโกนจุกสุกดิบขึ้นสิบค่ำแกทำน้ำยาจีนต้มตีนหมู
พวกเพื่อนบ้านวานมาผ่าหมากพลูบ้างปัดปูเสื่อสาดลาดพรมเจียม
ทั้งหม้อเงินหม้อทองสำรองตั้งมีทั้งสังข์ใส่น้ำมนตร์ไว้จนเปี่ยม
อัฒจันทร์ชั้นพระก็ตระเตรียมตามธรรมเนียมห้องกลองฉลองทาน
ถึงวันดีนิมนต์ขรัวเกิดเฒ่าอยู่วัดเขาชนไก่ใกล้กับบ้าน
พอพิณพาทย์คาดตระสาธุการท่านสมภารพาพระสงฆ์สิบองค์มา
นั่งสวดมนตร์จนจบพอพลบค่ำก็ซัดน้ำมนตร์สาดเสียงฉาดฉ่า
ผู้ชายเสียดเบียดสาวชาวละว้าเสียงเฮฮาฮึดฮัดเมื่อซัดน้ำ
ผู้หญิงหยิกตะกายผู้ชายทับเสียงหนุบหนับเหนาะแหนะแขยะขยำ
จนอีหังคลั่งใจถีบอ้ายดำลุกขึ้นปล้ำกันออกอึงเสียงตึงตัง
ทองประศรีดีใจว่าใครแพ้สนุกแน่แล้วอ้ายดำปล้ำอีหัง
แล้วให้หลานผลัดผ้ามาเก้กังเข้าไปนั่งกราบกรานสมภารครู
ขรัวเกิดแลมองเห็นทองประศรีถามว่านี่ลูกใครเล่าไอ้หนู
เจ้าขรัวย่าอ้าปากน้ำหมากพรูเล่าให้รู้แต่ต้นมาจนปลาย
เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าขุนแผนยังติดคุกนี่โกนจุกแล้วจะได้ไปถวาย
ท่านขรัวครูดูพ่อของออพลายเคราะห์จะคลายเคลื่อนบ้างหรืออย่างไร ฯ
๏ ท่านขรัวครูรู้เรื่องให้เคืองแค้นทุดอ้ายแผนถ่อยแท้ไม่แก้ไข
เมื่อความรู้กูสอนเจ้าหล่อนไว้ยังวิ่งไปเข้าคุกสนุกจริง
อ้ายเจ้าชู้กูได้ว่ามาแต่ก่อนจะทุกข์ร้อนอ่อนหูเพราะผู้หญิง
หัวเราะพลางทางเอกเขนกอิงพินิจนิ่งดูกายเจ้าพลายงาม
เห็นน่ารักลักษณะก็ฉลาดจะมีวาสนาดีขี่คานหาม
ถ้าถึงวันชั้นโชคโฉลกยามก็ต้องตามลักษณะว่าจะรวย
แต่ที่เมียเสียถนัดปัตนิตัวตำหนิรูปขาวเป็นสาวสวย
แต่อ้ายนี่ขี้หลงจะงงงวยต้องถูกด้วยละโมบโลภโลกีย์
แล้วท่านขรัวหัวร่อว่าออหนูมันเจ้าชู้เกินการหลานอีศรี
ก็แต่ว่าอายุสิบแปดปีจะได้ที่หมื่นขุนเป็นมุลนาย
ทั้งเมียสาวชาวเหนือเป็นเชื้อแถวอีนั่นแล้วมันจะมาพาฉิบหาย
อันอ้ายขุนแผนพ่อของออพลายจะพ้นปลายเดือนยี่ในปีกุน
นับแต่นี้มีสุขไม่ทุกข์ร้อนได้เตียงนอนนั่งเก้าอี้เป็นที่ขุน
ทองประศรีดีใจไหว้เจ้าคุณช่วยแบ่งบุญให้ได้ฟื้นคืนสักที
สมภารรับกลับมายังอาวาสเสียงพิณพาทย์พวกพ้องทองประศรี
หาเสภามาทั่วที่ตัวดีท่านตามีช่างประทัดถนัดรบ
ดูทำนองพองคอเสีบงอ้อแอ้พวกคนแก่ชอบหูว่ารู้จบ
ตารองศรีดีแต่ขันรู้ครันครบกรับกระทบทำหลอกแล้วกลอกตา
แล้วนายทั่งดังโด่งเสียงโว่งโวกว่ากระโชกกระชั้นขันหนักหนา
ฝ่ายนายเพรชเม็ดมากลากช้าช้าตั้งสามวาสองศอกเหมือนบอกยาว
ส่วนนายมาพระยานนท์คนตลกว่าหยกหยกหยาบช้าคนฮาฉาว
ตาทองอยู่รู้ว่าภาษาลาวแล้วส่งกราวเชิดเพลงโหน่งเหน่งไป
ครั้นรุ่งเช้าเจ้าพลายก็โกนจุกเป็นพ้นทุกข์พ้นร้อนนอนหลับใหล
จนผมยาวเจ้าได้ตัดมหัดไทยคิดจะใคร่ไปเป็นข้าฝ่าธุลี
เดชะบุญทูลขอพ่อพ้นโทษเหมือนได้โปรดบิดาเป็นราศี
แต่นิ่งนึกตรึกตราจนราตรีเข้าข้างที่นอนย่าน้ำตาคลอ
ทำคลึงเคล้าเว้าวอนด้วยอ่อนหวานพรุ่งนี้หลานจะลาไปหาพ่อ
จะได้เฝ้าเจ้าชีวิตชิดชอบพอทูลขอเผื่อจะโปรดที่โทษทัณฑ์ ฯ
๏ ทองประศรีดีใจให้อนุญาตเจ้าเชื้อชาติพงศ์พลายจงผายผัน
จะได้ช่วยพ่อแม่คิดแก้กันตามกตัญญูเถิดประเสริฐดี
ย่าจะให้ไปส่งจนถึงพ่อจึงพาต่อไปหาพระหมื่นศรี
ตามแต่บุญวาสนาบารมีอันย่านี้นับวันจะบรรลัย
มีลูกเต้าเล่าก็ทำให้ซ้ำทุกข์ไม่มีสุขสักเวลาน้ำตาไหล
โรคก็ซ้ำช้ำบอบทั้งหอบไอใครจะได้เผาผีก็มิรู้
เจ้าจงจำตำราที่ย่าสอนจะถาวรเพิ่มยศไม่อดสู
ย่าจะให้ไอ้พลัดไอ้ปัดไอ้ปูเข้าไปอยู่ติดตามทั้งสามคน
พอถือร่มสมปักตักน้ำท่าหุงข้าวปลาสารพัดไม่ขัดสน
พูดจนดึกตรึกการกับหลานตนแล้วหลับจนแจ่มแจ้งแสงตะวัน ฯ
๏ รู้สึกกายยายทองประศรีย่าเอาเงินผ้าเสื้อใส่ในกำปั่น
ทั้งหวานคาวข้าวปลาสารพันขนขึ้นบรรทุกสัปคับช้าง
พลายงามลาย่าช่วยอวยสวัสดิ์ได้ฤกษ์พาสารพัดไม่ขัดขวาง
ขึ้นขี่หลังพังสะเทินเดินตามทางไม่แรมค้างข้ามทุ่งถึงกรุงไกร
ไปหาพ่อพอพบนั่งนบนอบขุนแผนสอบไต่ถามความสงสัย
เจ้าพลายน้อยค่อยเล่าให้เข้าใจลูกจะใคร่ให้พระนายถวายตัว ฯ
๏ ขุนแผนแสนสวาทอนุญาตว่าจงอุตส่าห์สืบตะรกูลเถิดทูนหัว
พ่อพงศ์พลายหมายศึกอย่านึกกลัวจะพาตัวเจ้าไปให้พระนาย
แล้วซักไซ้ไต่ถามถึงความรู้ให้ท่องดูได้สมอารมณ์หมาย
ที่เข้าออกบอกความตามอุบายสอนลูกชายอยู่จนสนธยา
พอเสียงฆ้องกลองย่ำเข้าค่ำพลบถึงเดินพบผู้ใดไม่เห็นหน้า
ชวนลูกชายพลายงามตามกันมาไปเคหาพระหมื่นศรีที่ริมคลอง
ขึ้นบันไดไฟอร่ามถามพวกบ่าวพอรู้ข่าวว่าสบายค่อยคลายหมอง
ตรงมาหอรอรั้งยั้งหยุดมองหมื่นศรีร้องเรียกว่ามาซิเกลอ
ด้วยรักใคร่ใจซื่อถือว่าเพื่อนไม่บากเบือนหน้าหนีดีเสมอ
ขุนแผนพาลูกไปนั่งไหว้เธอถามว่าเออนั่นใครที่ไหนมา ฯ
๏ ขุนแผนบอกออกว่าลูกเจ้าวันทองที่มีท้องเกือบแก่มาแต่ป่า
เอาความหลังทั้งนั้นพรรณนาจะพามามอบไว้ให้เจ้าคุณ
ด้วยไม่มีที่เห็นแต่เป็นโทษพระนายโปรดช่วยเหลือทั้งเกื้อหนุน
เป็นที่พึ่งจึงมาจงการุญเอาแต่บุญเถิดพ่อเจ้าเมื่อคราวจน
อันวิชาย่าสอนลูกอ่อนแล้วเห็นคล่องแคล่วการศึกพอฝึกฝน
ถ้ากระไรได้ช่องเห็นชอบกลช่วยผ่อนปรนโปรดถวายเจ้าพลายงาม ฯ
๏ พระหมื่นศรีดีใจปราศรัยทักดูแหลมหลักลูกทหารชาญสนาม
เป็นข้าเฝ้าเจ้าชีวิตอย่าคิดคร้ามมีสงครามเมื่อไรคงได้ดี
ไว้ธุระจะถวายช่วยบ่ายเบี่ยงให้ชุบเลี้ยงลูกรักเป็นศักดิ์ศรี
ที่กินอยู่ผู้คนของเรามีอยู่เรือนนี่นั่งนอนไม่ร้อนรน
ขุนแผนเล่าเจ้าก็รู้อยู่ว่ารักจนเจียนจักแหล่นตายด้วยหลายหน
ก็เอ็นดูอยู่ว่าเกลอถึงเธอจนที่ขัดสนสารพัดไม่ขัดกัน
แต่สุดช่วยด้วยว่าอาญาหลวงต่อได้ท่วงทีก่อนจะผ่อนผัน
จริงนะเจ้าเราก็คิดทุกคืนวันคงช่วยกันไปกว่ากายจะวายวาง ฯ
๏ นายขุนแผนแสนชื่นให้ตื้นอกอุตส่าห์ยกมือไหว้มิได้หมาง
สู้กลืนกล้ำน้ำตาแล้วว่าพลางพ่อเหมือนอย่างพ่อแม่ช่วยแก้ทุกข์
จนยากเย็นเป็นโทษเห็นโหดไร้ยังส่งให้ข้าวปลาเป็นผาสุก
ก็หมายมั่นกตัญญูถึงอยู่คุกกราบพ่อทุกทุกคืนได้ชื่นใจ
อันลูกชายพลายงามตามแต่พ่อลูกจะขอกราบลาช้าไม่ได้
พลางลูบหลังสั่งลูกผูกอาลัยพ่อจะไปก่อนแล้วนะแก้วตา
อยู่พึ่งบุญคุณพ่อต่อไปเถิดจะประเสริฐสมหวังเป็นฝั่งฝา
แล้วลงเรือนเดือนสว่างกระจ่างตาก็กลับมาหับเผยที่เคยนอน ฯ
๏ ครานั้นจมื่นศรีเสาวรักษ์ราชเรียกพลายงามทรามสวาทมาสั่งสอน
จะเป็นข้าจอมนรินทร์ปิ่นนครอย่านั่งนอนเปล่าเปล่าไม่เข้าการ
พระกำหนดกฎหมายมีหลายเล่มเก็บไว้เต็มตู้ใหญ่ไขออกอ่าน
กรมศักดิ์หลักชัยพระอัยการมนเทียรบาลพระบัญญัติตัดสำนวน
แล้วให้รู้สุภาษิตบัณฑิตพระร่วงตามกระทรวงผิดชอบคิดสอบสวน
ราชาศัพท์รับสั่งให้บังควรรู้จงถ้วนถี่ไว้จึงได้การ
ที่ไม่สู้รู้อะไรผู้ใหญ่เด็กมหาดเล็กสามต่อพ่อลูกหลาน
เสียตระกูลสูญลับอัประมาณเพราะเกียจคร้านคร่ำคร่าเหมือนพร้ามอญ
นี่ตัวเจ้าเหล่ากอทั้งพ่อแม่อย่าเชือนแชอุตส่าห์จำเอาคำสอน
แล้วจัดแจงห้องหับให้หลับนอนไม่อาวรณ์เธอช่วยเลี้ยงเป็นเที่ยงธรรม์ ฯ
๏ ครานั้นพลายงามทรามสวาทแหลมฉลาดเลขผาปัญญาขยัน
อยู่บ้านพระหมื่นศรียินดีครันทุกคืนวันตามหลังเข้าวังใน
เธอเข้าเฝ้าเจ้าก็นั่งบังไม้ดัดคอยฟังตรัสตรึกตราอัชฌาสัย
ค่อยรู้กิจผิดชอบรอบคอบไปด้วยมิได้คบเพื่อนเที่ยวเชือนแช
ครั้นอยู่บ้านอ่านคำพระธรรมศาสตร์ตำรับราชสงครามตามกระแส
ค่อยชื่นชุ่มหนุ่ตะกอดูฟ้อแฟ้นางสาวแส้ใส่ใจจะใคร่พบ
เข้าไปหามาสู่ไม่รู้เกี้ยวแต่พอเหลียวเห็นผู้หญิงก็วิ่งหลบ
อุตส่าห์เพียรเรียนรู้ดูจนครบรู้ขนบธรรมเนียมก็เจียมใจ ฯ
๏ ครานั้นท่านพระจมื่นศรีถึงวันดีได้ช่องก็ผ่องใส
จึงจัดแจงแต่งธูปเทียนดอกไม้จะเข้าไปทูลถวายเจ้าพลายงาม
นุ่งสมปักชักกลีบจีบสลับครั้นเสร็จสรรพสำราญขึ้นคานหาม
พวกข้าคนอลหม่านถือพานตามเจ้าพลายงามตามหลังเข้าวังใน
ถึงพระลานวานเขาพวกชาวที่ที่ค่อยมีกิริยาอัชฌาสัย
ถือพานทองรองธูปเทียนดอกไม้ยกเข้าไปเตรียมตั้งพอบังควร
ให้พลายงามตามไปนั่งตรงตั้งของตามทำนองพระหมื่นศรีสั่งถี่ถ้วน
ฝ่ายข้าเฝ้าเจ้าพระยาเวลาจวนต่างก็ชวนกันเข้ามาหน้าพระโรง
นุ่งสมปักชักชายกรายกรีดเล็บผ้ากราบเหน็บแนบหน้าดูอ่าโถง
พอเวลานาทีถ้วนสี่โมงเข้าพระโรงพร้อมหน้าข้าราชการ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชมงกุฎเกศอยุธยามหาสถาน
สถถิตแท่นแว่นฟ้าโอฬาฬารดังวิมานเมืองฟ้าสุราลัย
ห้ามแหนแน่นหนุนละมุนหมอบงามประกอบกิริยาอัชฌาสัย
ระเรื่อยรับขับร้องทำนองในสำราญราชหฤทัยทุกเวลา
ยามกลางวันนั้นก็ออกพระโรงรัตน์มีแต่ตรัสสรวลสันต์ทรงหรรษา
ทั้งเหนือใต้ไพรีไม่มีมาสำราญใจไพร่ฟ้าประชาชี
ด้วยเดชะบุญญาอานุภาพมีแต่ลาภมาประมูลพูนภาษี
แต่บรรดาข้าเฝ้าเหล่าเสนีใครทำดีได้ประทานถึงพานทอง ฯ
๏ ฝ่ายพระจมื่นศรีเสาวรักษ์ราชอภิวาทบาทมูลทูลฉลอง
ขอเดชะพระกรุณาฝ่าละอองดอกไม้ธูปเทียนทองของพลายงาม
บุตรขุนแผนแสนสะท้านหลานทองประศรีความรู้มีเรียบราบไม่หยาบหยาม
จะขอรองมุลิกาพยายามพลางกราบสามทีสดับตรับโองการ ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษาเหลือบเห็นหน้าพลายงามความสงสาร
จะออกโอษฐ์โปรดขขุนแผนแสนสะท้านแต่กรรมนั้นบันดาลดลพระทัย
ให้เคลิ้มองค์ทรงกลอนละครนอกนึกไม่ออกเวียนวงให้หลงใหล
ลืมประภาษราชกิจที่คิดไว้กลับเข้าในแท่นที่ศรีไสยา ฯ
๏ อันเรื่องกล่าวความพลายงามสวาทเป็นมหาดเล็กแล้วค่อยแกล้วกล้า
อยู่ด้วยพระหมื่นศรีผู้ปรีชาเฝ้าเวลาเช้าเย็นไม่เว้นวัน
มุลนายถ้วนหน้าก็ปรานีมิได้มีใครรังเกียจเดียดฉันท์
ถึงว่าท่านจางวางทั้งสองนั้นก็ฝากตัวกลัวทั่นทุกคนไป ฯ
             

ตอนที่ ๒๕

             

ตอนที่ ๒๖

             

ตอนที่ ๒๗ พลายงามอาสา

๏ จะกล่าวถึงพระเจ้าเชียงใหม่แต่ได้นางมาไว้ในกรุงศรี
ไม่วายเว้นนึกคะนึงถึงไพรีเห็นจะมีศึกมาไม่ช้านัก
ด้วยล้านช้างข้างหนึ่งก็โกรธาฝ่ายข้างอยุธยาก็โกรธหนัก
ถ้าสองข้างต่างยกมาพร้อมพรักจะหาญหักต่อสู้ดูยากครัน
จำจะคิดชิงชัยข้างไทยก่อนต้องรีบรัดตัดรอนผ่อนผัน
ถ้าเสร็จสิ้นศึกไทยข้างใต้นั้นล้านช้างก็คงพรั่นไม่อาจมา
แต่นิ่งนึกตรึกไตรอยู่ในที่จนสุริย์ศรีเรืองแรงแสงกล้า
เสด็จออกท้องพระโรงรจนาท้าวพระยานอบน้อมอยู่พร้อมกัน
จึงปรึกษาเสนาข้าเฝ้าชาวเราจะเห็นเป็นไฉนนั่น
เดิมเจ้าอยุธยาทำอาธรรม์มาชิงเมียมิ่งขวัญของกูไป
ฝ่ายเราไปสั่งดักกักทางรับนางจับพวกมันมาได้
ถ้ารู้ข่าวราวเรื่องถึงเมืองไทยเห็นจะยกทัพใหญ่มาราญรอน
เราจะเตรียมกำลังตั้งต่อสู้หรือจะจู่ลงไปทำไทยก่อน
จงปรึกษาว่ากันให้แน่นอนจะตัดรอนคิดอ่านประการใด ฯ
๏ ครานั้นเสนาพระยาลาวพระยาท้าวแสนหลวงผู้เป็นใหญ่
ปรึกษากันพร้อมมูลแล้วทูลไปอันศึกไทยไพรีมีกำลัง
เห็นจะจู่ลงไปไม่ชนะแต่ถ้าละช้าไว้ให้พร้อมพรั่ง
จะเป็นศึกใหญ่มาดาประดังที่จะหวังต่อสู้ดูยากนัก
ขอให้คิดอ่านการอุบายท้าทายยั่วไทยให้โกรธหนัก
ให้รีบมาอย่าทันจะพร้อมพรักจึงจะหักศึกไทยได้ง่ายดาย ฯ
๏ พระเจ้าเชียงใหม่ได้ฟังทูลเค้ามูลเห็นสมอารมณ์หมาย
จึงได้แต่งสาราว่าท้าทายให้หยาบคายหมายยั่วให้โกรธา
เสร็จสรรพพับใส่ลงในกล่องมอบให้แสนกำกองตรีเพชรกล้า
คุมไพร่ร้อยถ้วนล้วนขี่ม้าไปส่งด่านอยุธยาธานี ฯ
๏ ครานั้นตรีเพชรแสนกำกองทั้งสองรับราชสารศรี
เรียกไพรได้ครบตามบาญชีแล้วขึ้นขี่ม้าตามกันหลามมา
ได้ข้าวตากใส่ไถ้ตะพายแล่งเครื่องม้าเครื่องแสงแดงดาดป่า
ทวนดูพู่ระยับจับนัยน์ตาข้ามท่าน้ำได้ไปลำพูน
ข้ามห้วยแม่ทามาเมืองนครไม่หยุดหย่อนขับควบเข้าไพรสูญ
ค่ำเข้าเขตเถินเดินพร้อมมูลแสงจันทร์จำรูญจำรัสฟ้า
ม้าคนหิวหอบอยู่บอบแบบขึ้นเขาช่องแคบแล้วลงป่า
แดดร้อนผ่อนพักเป็นเพลาหยุดให้ม้ากินหญ้าหากำลัง
พอหายเหนื่อยขึ้นมาพากันไปสะบัดย่างวางใหญ่ไม่เหลียวหลัง
สามวันดั้นมาไม่รอรั้งจนกระทั่งถึงด่านบ้านท่าเกวียน ฯ
๏ ครานั้นนายบุญเป็นขุนไกรเห็นลาวสงสัยว่าศึกเสี้ยน
จึงเรียกพวกไพร่เวรเกณฑ์จำเนียรออกยืนขวางทางเตียนตรงประตู
ถือสาตราอาวุธอยู่พร้อมหน้าโน่นแน่ลาวขี่ม้ามาเป็นหมู่
แต่งตัวโพกหัวพันชมพูแลดูแดงเถือกมะเหลือกมา
บ้างปิดประตูด่านงุ่นง่านไปยัดปืนใหญ่หับชุดจุดไว้ท่า
ไปไหนเหวยเฮ้ยสูอย่าได้ช้าดีร้ายเร่งว่าให้รู้พลัน
ถ้าดีมานี่แต่สองม้าร้ายแล้วยกมากูไม่พรั่น
บ้างแกว่งดาบถือปืนออกยืนยันต่างพากันเตรียมตัวออกทั่วไป ฯ
๏ ฝ่ายว่าพวกลาวเห็นชาวด่านอาจหาญยืนขวางหนทางใหญ่
จึงพากันหยุดยั้งรั้งม้าไว้บอกให้แจ้งใจมิได้ช้า
เราเป็นแต่ผู้น้อยที่นำสารจะมาเว้าชาวด่านแจ้งการหวา
เพชรกล้ากำกองแต่สองม้าเข้าไปส่งสาราแล้วว่าไป
เรื่องราวกล่าวด้วยพระท้ายน้ำกับไพร่ต้องจองจำอยู่เชียงใหม่
เจ้าเราให้สารมากรุงไทยสูจงรีบส่งไปให้กราบทูล ฯ
๏ ฝ่ายว่าขุนด่านรับสารมาไปตามดูหมู่ม้าเข้าป่าสูญ
เห็นมิใช่กองทัพกลับพร้อมมูลให้นายมูลนายหมวดอยู่ตรวจตรา
ขุนไกรได้สารขึ้นมาใช้สะบัดย่างวางใหญ่เข้าในป่า
ข้ามทุ่งชะเรียงเร่งตะเบ็งมาบ่ายหน้ามาตรงลงธานี
ถึงสังคโลกพลันทันใดลงม้าจูงคลาไคลไปเร็วรี่
ขุนนางกรมการนั่งศาลมีปรึกษาคดีอีเม้ยทอง
จีนแสไม่แก้ยอมให้ปรับว่าไสบวยพวยรับแต่คล่องคล่อง
พอเห็นขุนด่านกรมการร้องเยี่ยมมองอยู่ไยไม่เข้ามา
ขุนไกรตรงมาศาลากลางแหวกทางหมอบคลานเข้าไปหา
ส่งกล่องใส่ลานสารตราแล้วเล่าแจ้งกิจจาทุกสิ่งอัน ฯ
๏ ครานั้นจึงท่านเจ้าพระยาทั้งเวียงวังคลังนาอยู่ที่นั่น
กรมการถ้วนหน้าปรึกษากันเกิดเหตุสำคัญหนักหนานัก
ชิงนางมิหนำซ้ำจับทหารทำการอาจองทะนงศักดิ์
แล้วยังมีสารามาอึกฮักไม่รู้จักเหมือนริ้นบินเข้าไฟ
แต่ทว่าหญ้าแพรกจะแหลกก่อนต้องยกทัพขับต้อนจะร้อนไพร่
อย่าดูเบาเราต้องรีบส่งไปถ้านิ่งไว้เข้าร้ายตายทีเดียว
อ้ายลาวเจ้ากรรมทำแล้วหวาเขียนบอกปิดตราสักประเดี๋ยว
เสร็จสรรพใส่กลักถักเป็นเกลียวเคี่ยวคั่งติดประจำซ้ำตีตรา
แต่งให้พันมโนเป็นนายใหญ่ถือไปบอกกับไพร่ยี่สิบห้า
หาบโพล่แฟ้มยุ่งกรุ่งกริ่งมาลงเรือเก้าวากัญญายาว
ให้แก้หน้าจากท่าตะเบ็งพายเดือนหงายน้ำฟุ้งเป็นฟองขาว
ตะละเล่มเต็มเหนี่ยวเสียงเกรียวกราวโห่ฉ่าวฉ่าลั่นสนั่นไป
พอเช้าตรู่ลงมาถึงท่าเกษมหุงต้มกินเปรมทั้งนายไพร่
อิ่มแล้วรีบร้อนไม่นอนใจพันมโนนายใหญ่นั่งโยกมา
ครั้นพ้นวัดใหม่ไปบ้านตรุลุถึงท่ากงลงพิงหวา
เเข้าพิจิตรวังวังจันทร์นน้ำดันซ่ารับวาเฮ้ยโขนโดนเรือเจ๊ก
เออเรือขายเหล้าชาวเราหวยพะซี้ไบใส่บวยฉวยเหวยเด็ก
ยกขึ้นเรือได้ไหไม่เล็กถีบเรือเจ๊กเจ้าของร้องโล่ไป
มึงบึกกูบึกสะอึกคว้าเรือกัญญษหน้าโขนเข้าโนไผ่
จะร่ำพรรณนาให้ช้าไยเจ็ดวันมาได้ถึงท่าคัน ฯ
๏ พอเรือจอดทอดถึงที่หน้าท่าพันมโนรีบมาขมีขมัน
ทั้งบ่าวไพร่ตามไปอยู่พร้อมกันเห็นสาวชาววังนั้นก็ชอบเชิง
จุปากเจาะเจาะกระเดาะลิ้นหอมกลิ่นแหงนหงายเหมือนควายเบิ่ง
ทำกรีดกรายชายตาร่าเริงหลงละเลิงลดเลี้ยวเกี้ยวพานมา
งุ่มง่ามข้ามฉนวนประตูดินตาถินนายประตูครู่เอาผ้า
ชายพกหลุดลุ่ยหุยหม่อมตายั่นอ้ายบ้าลอยชายคาดใต้พก
พ่อเอ๋ยชาวบ้านนอกถือบอกมามึงซ่อนอะไรหวาเอาผ้าปก
ดูเป็นตะะกร้าใส่ไข่นกสกปรกชาวเหนือมันเหลือใจ
เสียเงินให้สลึงเขาจึงปล่อยหน้าจ๋อยกลับมาทั้งนายไพร่
เที่ยวถามหาศาลาลูกขุนในเขาชี้บอกให้ก็ตรงมา
เห็นหัวพันนายเวรเกณฑ์เมืองรั้งพันมโนก็นั่งลงตรงหน้า
พอนายควรสวนออกนอกศาลากราบไหว้วางตราอยู่ลนลาน
นายเวรต่อยกลักกับพนักผางชักบอกออกวางกับราชการ
อ่านดูรู้ข้อราชการก็รีบมาเรียนท่านลูกขุนใน
ฝ่ายท่านเจ้าพระยาจักรีเอกอัครอธิบดีเป็นใหญ่
ทราบเรื่องราชสารรำคาญใจสั่งให้รีบคัดจะกราบทูล ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงภพเลิศลบโภไคยมไหศูรย์
สถิตในห้องแก้วแพรวไพฑูรย์ไพบูลย์พูนสุขทุกเวลา
แต่เหตุการณ์ราชการหาทราบไม่ให้รุ่มร้อนฤทัยเป็นหนักหนา
ด้วยเทพเจ้าสิงสู่อยู่อัตรารักษาพระองค์ผู้ทรงธรรม์
ประทับอยู่ข้างในได้เวลาสามโมงนาฬิกาตีฆ้องลั่น
จะเสด็จออกท้องพระโรงคัลจรจรัลไปสรงพระคงคา
น้ำกุหลาบอาบอบตลบกลิ่นหอมประทิ่นพระสุคนธ์ปนบุปผา
ฝ่ายนางพนักงานก็คลานมาถวายภูษาทรงอลงการ
ทรงเครื่องเสร็จสรรพจับพระขรรค์เพชรกุดั่นพรรณรายฉายฉาน
นางในใจภักดิ์พนักงานถวายพานพระศรีแล้วกราบลง
เสวยเสร็จพระเสด็จลีลาศผุดผาดดั่งพระยาราชหงศ์
นางในตามชิดติดพระองค์ตรงขึ้นบรรยงค์รัตนาศน์
พระสูตรรูดกร่างขุนนางเฝ้าคู้เข่าคึกคักแทบถมปักขาด
กราบถวายบังคมบรมราชทั้งอำมาตย์เสนาพระยาครู
แตรสังข์กระทั่งถวายเสียงขุนนางหมอบเรียงเคียงเป็นหมู่
ตำรวจในไล่คนพ้นประตูคอยดูเข้าออกบอกไปมา ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพระยาจักรีได้ทีก็ประนมก้มเกศา
กราบทูลขึ้นพลันมิทันช้าอันชีวาอยู่ใต้บาทบงสุ์
บัดนี้เชียงใหม่มีราชสารมอบให้นายด่านท่าเกวียนส่ง
พระยาเกษตรสงครามรามณรงค์ให้พันมโนจำนงนั้นถือมา
เรื่องราวกล่าวด้วยพระท้ายน้ำเชียงใหม่จับจำยังไม่ฆ่า
ให้ทรงฟังยังมิทันอ่านสาราก็โกรธากลุ้มกลัดขัดพระทัย
กระทืบบาทผาดพระสุรเสียงก้องพระแท่านทองสนั่นหวั่นไหว
เหม่อ้ายลาวจองหองคะนองใจมันพูดจาว่ากระไรให้บอกพลัน ฯ
๏ ขอเดชะในสารว่าทรงเดชครองนิเวศสน์เชียงใหม่มไหสวรรย์
ตั้งอยู่ในสัตย์สุตจริตธรรม์เป็นมหันต์อิศโรอันโอฬาร
ลือเดชทุกเขตอาณาจักรปรปักษ์ย่อท้อไม่ต่อต้าน
ในตำรับข้างที่มีมานานจารจารึกกไว้ในแผ่นทอง
ว่าพระเจ้ากษัตริย์ศึกองค์นี้เป็นมโหฬีเลื่องโลกไม่มีสอง
ดังอวตารมาผลาญศึกคะนองมิให้ข้องเคืองขุ่นราะคายมี
เดิมให้ราชทูตจำทูลสารไปขอองค์เยาวมาลย์โฉมศรี
ตามโบราณราชประเพณีบุตรีล้านช้างนางสร้อยทอง
หวังพระทัยจะได้ซึ่งองค์เอกมาอภิเษกสู่สมภิรมย์สอง
ยังเยาว์อยู่มิควรภิรมย์ครองจึงยังไม่รับรองมาแนบองค์
แต่เดิมมากรุงไทยอยู่ในสัตย์มาวิบัติถือจริตด้วยฤทธิ์หลง
ให้พระท้ายน้ำนำจตุรงค์ดั้นดงล่วงแดนของเรามา
ไม่เกรงเราผู้เป็นเจ้านคเรศโอหังบังเหตุแล้วมิสา
ยังซ้ำกลับรับองค์พระธิดาสร้อยทองเสนหาของเราไป
จึงได้เกณฑ์กองทัพออกรับรบตีตลบชิงนางนั้นไว้ได้
พระท้ายน้ำนายทัพกับพวกไทยเราจับจำคุกไว้ไม่ฆ่าตี
ครั้นจะไม่บอกมาว่าให้แจ้งจะเคลือบแคลงเราว่าพานางหนี
อันโฉมยงค์องค์ราชบุตรีรับมาไว้ในที่ตำหนักจันทน์
ถ้าประสงค์ซึ่งองค์อัคเรศละนิเวศน์ยกมาอย่าได้พรั่น
ขอเชิญเจ้าอยุธยามาประจัญตัวต่อตัวสู้กันบนหลังช้าง
มีชัยก็จะได้นางสร้อยทองไปสมสองสัมผัสไม่ขัดขวาง
พระท้ายน้ำเราจำเอาไว้พลางเป็นจำนำฝ่ายข้างอยุธยา
ครบสามเดือนจะฆ่าทั้งห้าร้อยเราคอยฟังอย่างไรให้เร่งว่า
จะไว้ยศให้ปรากฏกัลป์ปาหรือเกรงภัยไม่มาก็ว่าไป
จะกำหนดสงครามตามแบบอย่างอันองค์นางยังหาร่วมภิรมย์ไม่
กว่าจะได้รบพุ่งเจ้ากรุงไทยให้ประจักษ์ฤทธิไกรใครรุ่งเรือง
แล้วจึงจะอภิเษกให้ปรากฏเกียรติยศระบือลือเลื่อง
ว่าชนช้างได้นางเป็นศรีเมืองอ่านสารสิ้นเรื่องบังคมคัล ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟังแค้นคั่งเคืองขัดจนอัดอั้น
ให้ร้อนรุ่มกลุ้มพระทัยดังไฟกัลป์จะเผาผลาญชีวันให้บรรลัย
เป็นครู่หนึ่งจึงเปล่งสิงหนาทกระทืบบาทสนั่นหวั่นไหว
ฉวยชักพระแสงออกแกว่งไกวข้าเฝ้าน้อยใหญ่ก็ถอยทรุด
หน้าซีดตัวสั่นอยู่งันงกบ้างล่วมหมากพลัดตกพกไม่หยุด
บ้างแอบเสาท้องพระดรงหมอบโค้งคุดอุตลุดหวั่นไหวไปทั้งวัง
ความกลัวดังจะแทรกแผ่นดินด้นบางคนลนลานคลานถอยหลัง
เปล่งพระสุรเสียงประเปรี้ยงดังนักสนมแน่นนั่งก็ตกใจ
เหม่เหม่อ้ายเชียงใหม่ใจพาลจับพวกพลทหารของกูได้
หยาบช้าท้าให้ไปชิงชัยกำเริบนี่กระไรใช่พอดี
อ้ายบ้านเล็กเมืองน้อยร้อยประเทศบังเหตุจะสู้กับกูนี่
มันเหมือนหนึ่งลูกมฤคีจะมาสู้ราชสีห์ให้วายปราณ
ตัวกูผู้เป็นหลักนัคเรศทุกประเทศมิได้รอต่อต้าน
อ้ายนี่โมหันธ์อันธการกรรมของมันบันดาลให้หลงคิด
เชียงใหม่ใหญ่เท่าสักหยิบมือไม่พอครือทัพไทยจะไปติด
จะพลอยพาโตตรวงศ์ปลงชีวิตอวดฤทธิ์ประจญชนช้างกู
เคลือบแฝงแกล้งว่าขอนางไว้ดังว่าเขายกให้ไม่อดสู
เมื่อตัวนางล้านช้างเขาให้กูทูตมาก็รู้อยู่ทั่วไป
ถ้ามันมีอำนาจดังราชสารเขากลัวโพธิสมภารไม่ขัดได้
นี่เพราะรู้เช่นเห็นจัญไรเขาจึงยกลูกให้เสียเมืองนี้
ชิงนางกลางคันแล้วมิหนำจับพระท้ายน้ำทำป่นปี้
เอาไว้ไยให้หนักพระธรณีเหวยพระยาจักรีเร่งเตรียมทัพ
อีกสามวันกูจะยกไปเชียงใหม่ถ้าตีเมืองไม่ได้กูไม่กลับ
เกณฑ์เมืองขึ้นน้อยใหญ่อย่าได้นับเร่งขับตามไปให้สิ้นพล
อ้ายพวกเชียงใหม่อย่าไว้มันพบที่ไหนไล่ฟันเสียให้ป่น
จนให้เมืองมันร้างว่างผู้คนรื้อจนกำแพงล้อมป้อมปราการ ฯ
๏ ครานั้นจตุสดมภ์กรมทั้งสี่ฟังคดีรับสั่งดั่งศรผลาญ
สะกิดกันตัวสั่นหวั่นสะท้านให้ท่านอธิบดีจักรีทูล
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงเดชปิ่นปักนัคเรศมไหศูรย์
บารมีทรงบำเพ็ญเห็นไพบูลย์จะเพิ่มพูนปรโยชน์โพธิสมภาร
ซึ่งพระองค์จะทรงกิจสงครามก็เห็นว่าเสี้ยนหนามไม่ต่อต้าน
ขอพระราชทานโทษจงโปรดปรานจะหนักหน่วงโพธิญาณให้นานไป
กับข้อราชการแต่เพียงนี้หาควรที่จะถึงเสด็จไม่
กับรบพุ่งพวกลาวชาวพงไพรใช่เสนาข้าใช้จะไม่มี
เห็นพระเกียรติยศจะถดถอยเชียงใหม่กลับจะพลอยได้ราศี
ว่าเป็นคู่สู้พระองค์ทรงธรณีไม่ควรที่แผ่นฟ้าลงมาดิน
ครั้นเมื่อสมเด็จพระรามาหนุมานอาสาก็เสร็จสิ้น
จนได้นางสีดาคืนธานินทร์อสุรินทร์ย่นย่อท้อทด
ครั้งนี้ถ้าเสด็จไปเชียงใหม่ตกทหารกรุงไกรนี้สิ้นหมด
ขอพระองค์ทรงชัยจงไว้ยศให้ปรากฏเหมือนครั้งพระรามา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงศักดิ์ปิ่นปักหลักโลกนาถา
ได้ฟังคำทูลเป็นมูลมาพระตรึกตรานิ่งนึกในพระทัย
จึงตรัสถามเสนาข้าเฝ้านี่ออเจ้าคิดเห็นเป็นไฉน
เมื่อมาทานทัดขัดกูไว้ใครจะอาสาไปก็ว่ามา ฯ
๏ ครานั้นบรรดาท่านผู้ใหญ่จนใจด้วยไม่มีผู้อาสา
มิรู้ที่จะสนองพระบัญชาก็หมอบนิ่งก้มหน้าไปตามกัน
พระองค์ทรงพิโรธกระทืบบาทสุรเสียงสิงหนาทดังฟ้าลั่น
อย่างไรเล่าเอาจริงก็นิ่งงันเปล่าทั้งนั้นพูดเล่นไม่เป็นงาน
ดีแต่ฉ้อไพร่ไพล่เงินกินปลอบปลิ้นสิ้นลมประสมประสาน
เลี้ยงเสียเบี้ยหวัดไม่ต้องการมีศฤงคารยศศักดิ์หนักแผ่นดิน
กริ้วพลางทางเสด็จเข้าวังในขุนนางน้อยใหญ่กลับไปสิ้น
พรั่นตัวทุกคนเป็นมลทินด้วยได้ยินประภาษคาดโทษทัณฑ์ฯ
๏ จะกล่าวถึงพลายงามทรามสวาทเฉลียวฉลาดแกล้วกล้าวิชาขยัน
เรืองฤทธิ์ประสิทธิ์ทุกสิ่งอันหมายประจัญสงครามไม่ขามใคร
อยู่กับพระหมื่นศรีมาปีกว่าเจ้าอุตส่าห์ฝากตัวให้รักใคร่
จนเธอเลี้ยงเป็นลูกด้วยถูกใจสารพัดจัดให้ได้สุขสบาย
วันนั้นรู้คดีว่ามีศึกคะเนนึกเห็นจะสมอารมณ์หมาย
จะอ้อนวอนพึ่งบุญคุณพระนายเบี่ยงบ่ายให้ได้รับอาสาไป
ถ้ากระไรจะได้ทูลขอพ่อคิดมาน้ำตาคลอสะอื้นไห้
โอ้กรรมพ่อทำมาอย่างไรจึงต้องไปทนทุกข์ทรมาน
ติดคุกมาแต่ลูกอยู่ในท้องแม่วันทองช่างกระไรไม่สงสาร
เสียแรงร่วมยากมาเป็นช้านานครั้นถึงบ้านแล้วแม่ก็แชไป
เป็นหลายปีดีดักไม่อินังหาคิดถึงความหลังของพ่อไม่
แต่ตัวลูกจักแหล่นจะบรรลัยเพราะเหตุอ้ายขุนช้างเป็นตัวมาร
สะอื้นพลางทางคิดถึงคุณพพระเดชะความสัตย์อธิษฐาน
ข้าพเจ้าจะดำริตริการคิดอ่านขอโทษให้บิดา
ขอให้ได้สมอารมณ์คิดอย่าให้ผิดมุ่งมาดปรารถนา
อธิษฐานเสร็จพลันแล้ววันทาพอเพลาพลบค่ำเข้าไต้ไฟ
เห็นพระหมื่อนศรีอยู่หอกลางแสงเทียนสว่างกระจ่างไข
ลูกเมียหมอบนั่งสะพรั่งไปพระหมื่นศรีทีใจไม่สบาย
เล่าความถึงเรื่องกริ้วด้วยเรื่องทัพรับสั่งเสร็จสรรพให้บัตรหมาย
เตรียมทัพหลวงไว้ทั้งไพร่นายวุ่นวายอึกทึกทั้งพารา
พลายงามแอบฟังพระหมื่นศรีพอได้ทีก็คลานเข้าไปหา
พลางร่ายพระเวทให้เมตตาวันทาแล้วถามไปทันที
ดูคุณพ่อเป็นไรไม่สบายได้ยินว่าวุ่นวายทั้งกรุงศรี
เกณฑ์ทัพจับกันเป็นโกลีลูกนี้อยากรู้เป็นอย่างไร ฯ
             

๏ พระหมื่นศรีว่าเออพลายงามเอ๋ยรบพุ่งเราจะเคยก็หาไม่
วันนี้พระองค์ผู้ทรงชัยตรัสไถ่ถามทั่วทุกตัวคน
นิ่งหมดไม่มีใครอาสากริ้วดังฟ้าผ่าโกลาหล
เสด็จออกพรุ่งนี้เข้าที่จนเอากุศลเสี่ยงสุดแต่บุญกรรม
ถ้าไม่มีผู้ใดใครอาสาพ่อนี้เห็นว่าไม่เป็นส่ำ
จะพากันวุ่นวายตายระยำหน้าดำอยู่ทั่วทุกตัวคน ฯ
๏ พลายงามฟังความก็สมคิดหมอบชิดแล้วตอบอนุสนธิ์
คุณพ่ออย่าได้เป็นทำวลจงผ่อนปรนเพ็ดทูลให้ชอบที
ลูกนี้จะรับอาสาไปทำเมืองเชียงใหม่ให้ป่นปี้
จะจับเจ้าเชียงใหม่ไอ้ตัวดีมิให้มีลำบากแก่ไพร่พล
เสียแรงลูกเรียนรู้แต่ครูมาจะอาสาทำศึกเสียสักหน
ให้มีชื่อลือทั่วทั้งสากลว่าเป็นคนชาติทหารอันชาญชัย ฯ
๏ ครานั้นพระหมื่นศรีผู้ปรีชาฟังพลายงามว่ายังสงสัย
ซึ่งเจ้าจะกล้าอาสาไปพ่อนี้ยังไม่ไว้อารมณ์
ด้วยตัวเจ้ายังเล็กเด็กหนักหนาจะทูลความอาสาเห็นไม่สม
ไม่เคยเห็นวิชาอาคมเจ้าสะสมร่ำเรียนไว้อย่างไร
ลูกเอ๋ยการศึกนี้ลึกนักเอาแต่หาญหักนั้นไม่ได้
ถ้าเหมือนพ่อก็พอจะไว้ใจหรือพ่อเจ้าเขาให้ตำรับเรียน
ไปเพ็ดทูลถ้าดีก็มีหน้าเคลื่อนคลาดก็จะพากันถูกเฆี่ยน
จะเสียทีที่ลำบากพากเพียรไปพลั้งพลาดแล้วเจียนพากันตาย
ตรองดูให้ดีนะลูกรักจะหาญหักเพ็ดทูลมิใช่ง่าย
เอ็นดูอยู่ว่าเจ้าเป็นลูกชายพ่อหมายจะปลูกฝังให้เป็นตัว
มิใช่แกล้งเกียดกันฉันทาเกรงแต่ว่าจะไปไม่รอดชั่ว
อย่าประมาทคาดได้ด้วยไม่กลัวจงถ่ายเทดูให้ทั่วถึงทางความ ฯ
๏ เจ้าพลายนบนอบตอบวาจาคุณพ่อว่าเพราะรักจึงหักห้าม
ด้วยยังไม่เห็นดีของพลายงามมิใช่ลูกว่าตามใจคะนอง
เป็นลูกศิษย์มีครูรู้เที่ยงแท้ท่านทำนายไว้แน่ไม่เป็นสอง
ถ้าจะให้ปรากฎจะทดลองให้ถ่องแท้ได้เห็นเป็นแก่ตา
ว่าแล้วยกมือขึ้นไหว้ครูให้สิงสู่แล้วอ่านพระคาถา
หายตัวไปพลันมิทันช้าต่อหน้าคนผู้อยู่ทั้งนั้น
พระหมื่นศรีค่อยมีน้ำใจมาหัวเราะร่าเออเช่นนี้ดีขยัน
พอจะเอาการได้ไม่เสียพันธุ์คลายเวทย์พูดกันเถิดลูกยา
เจ้าพลายก็คลายให้คนเห็นกลับเป็นเสือโคร่งตัวคร่ำคร่า
โตทะมื่นยืนหยัดดัดกายาทำท่าเหมือนโดดโลดไล่คน
แต่บรรดาลูกเมียพระหมื่นศรีตกใจวิ่งหนีอยู่สับสน
แต่พระหมื่นศรีรู้ทีกลไม่ร้อนรนหัวร่ององันไป
พลายงามก็คลายฤทธิมนตร์กลับกลายเป็นคนลงนั่งไหว้
พระหมื่นศรีเปรมปริ่มยิ้มละไมลูบหลังลูบไหล่เจ้าพลายงาม
เอาการแน่แล้วลูกแก้วพ่อเจ้าเป็นต่อนักเลงอย่าเกรงขาม
เมื่อแรกพ่อแคลงใจจึงไม่ตามพึ่งเห็นความรู้ดีฉะนี้เจียว
อย่างนี้พระองค์ก็คงโปรดไม่พักทรงพิโรธเป็นสองเที่ยว
ทั้งพระหลวงเจ้าพระยาได้หน้ากรียวเพราะเจ้าคนเดียวได้รอดดอน
พูดกันสองคนจนสว่างสุริยาเยื้องย่างเยี่ยมสิงขร
ก็เลยเตรียมไปเฝ้าไม่เข้านอนได้เวลาพาจรจากบ้านพลัน ฯ
๏ พระหมื่นศรีขึ้นขี่คลานหามเจ้าพลายเดินตามขมีขมัน
เข้าไปในศาลาลูกขุนนั้นท่านผู้ใหญ่พร้อมกันอยู่ศาลา
กำลังท่านกลาโหมจักรีจตุสดมภ์ทั้งสี่นั่งปรึกษา
จึงพระหมื่นศรีผู้ปรีชาก็พาตัวพลายงามตามเข้าไป
กราบเรียนความพลันในทันทีว่าคนดีจะเข้ามาอาสาได้
ลูกขุนแผนแสนสะท้านหลานขุนไกรชื่อพลายงามว่องไวใจคอดี
วิชากล้าแกล้วแคล่วคล่องล่องหนหายตัวได้ถ้วนถี่
ท่านผู้ใหญ่ได้ฟังก็เปรมปรีดิ์เจ้าพระยาจักรีว่าชอบกล
หน่วยก้านหาญเหี้ยมดูเจียวเจ้าลาดเลาก็เห็นจะเป็นผล
เป็นลูกหลานทหารถึงสองคนฤทธิ์เดชเวทมนตร์คงได้การ
ดูคมคายคล้ายกับขุนแผนพ่อทั้งน้ำใจในคอก็อาจหาญ
นี่แน่เจ้าจะเข้ารับราชการถ้าเชี่ยวชาญเหมือนว่าแล้วอย่ากลัว
เราจะช่วยยกย่องให้มียศปรากฏเลื่องลือระบือทั่ว
ถ้าตีได้เชียงใหม่ไหนครอบครัวทั้งควายวัวเหลือหลายสบายใจ
พูดจาหารือกันเสร็จสรรพเป็นลำดับแต่ล้วนท่านผู้ใหญ่
จวนเสด็จออกท้องพระโรงชัยก็เตรียมเฝ้าเข้าไปได้เวลา ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ทรงสวัสดิ์เนาในปรางค์รัตน์จำรัสหล้า
ครั้นรุ่งแจ้งแสงสีสุริยาพระผ่านฟ้าสระสรงทรงเครื่องครัน
ให้เร่าร้อนพระทัยด้วยไพรีพระเสด็จออกที่สุทธาสวรรย์
ขุนนางหมอบราบกราบพร้อมกันเสียงแตรแซ่สั่นเสนาะวัง
ทอดพระเนตรเห็นข้าราชการพระพักตร์เผือดเดือดดาลดังจะคลั่ง
เป็นอย่างไรนิ่งอยู่กูรอฟังใครจะอาสามั่งหรือไม่มี
อ้ายเลกทาสเลกสมกรมนอกในมันจะอาสาได้กระมังนี่
จะได้แต่งตั้งมันให้ทันทีถอดออเจ้าเหล่านี้ลงแทนมัน ฯ
๏ ครานั้นจมื่นศรีเสาวรักษ์อภิวาททูลไปมิได้พรั่น
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงธรรม์อันชีวันอยู่ใต้พระบาทา
กระหม่อมฉันออกไปไต่ถามได้นายพลายงามจะอาสา
เป็นบุตรขุนแผนแสนศักดาได้ร่ำเรียนวิชามาเชี่ยวชาญ
กระหม่อมฉันสงสัยได้ทดลองก็แคล่วคล่องสามารถอาจหาญ
เป็นคนดีมีวิชาอาการแล้วเหล่าปราณก็เคยสงครามมา ฯ
๏ พระองค์ทรงฟังพระหมื่นศรีเปรมปรีดิ์ดำรัสตรัสให้หา
ตัวมันอยู่ไหนอย่าได้ช้าเรียกให้กูดูหน้าให้เต็มใจ
พระหมื่นศรีเหลียวหลังสั่งให้เรียกเจ้าพลายงามสำเหนียกหาช้าไม่
ค่อยคลานผ่านหมู่หุ้มแพรไปนายเวรแหวกช่องให้เป็นทางมา
ถึงหน้าพระที่นั่งก็บังคมปลงอารมณ์ร่ายเวทพระคาถา
ผูกพระทัยให้ทรงพระเมตตาหมอบนิ่งภาวนาอยู่ในใจ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชทอดพระเนตรพอเห็นให้รักใคร่
จึงมีสีหนาทประภาษไปเฮ้ยไอ้พลายงามทรามคะนอง
โคตรเหง้าเหล่ามึงเป็นทหารอุตส่าห์ทำราชการให้แคล่วคล่อง
แม้นมึงทำลาวได้ดังใจปองเงินทองยศอย่างจะรางวัล
จะได้หรือมิได้ให้ว่ามากูดูหน้าตาก็คมสัน
น้ำใจในคอก็พ่อมันนิ่งอั้นอยู่ไยไม่ว่ามา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงามฟังความรับสั่งใส่เกศา
ขอเดชะพระองค์ทรงศักดาอันชีวาอยู่ใต้ฝ่าละออง
กระหม่อมฉันจะขอรับอาสาเอาพระเดชามาปกป้อง
จะจับเจ้าเชียงใหม่ใจคะนองมิให้ต้องร้อนใจแก่ไพร่พล
ขอพระราชทานโทษโปรดบิดาไปเป็นคู่ปรึกษากันกลางหน
ทั้งจะได้ช่วยเหลือเผื่ออับจนแก้กลศึกสู้ศัตรูนั้น
แม้นว่าได้ร่วมคิดกับบิดาจะขอรับอาสาจนอาสัญ
ถ้าพ่ายแพ้แก่พวกเชียงใหม่มันขอถวายชีวันทั้งโคตรปราณ ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จนเรนทร์สูรฟังทูลตบพระหัตถ์อยู่ฉาดฉาน
ทรงพระสรวลร่วนรื่นชื่นบานเออเอ็งเอาการมิเสียที
อนิจจาอ้ายขุนแผนแสอาภัพตกอับเสียคนแทบป่นปี้
ติดคุกทุกข์ยากมาหลายปีกูนี้ก็ชั่วมัวลืมไป
ให้บังอกบังใจกระไรหนออ้ายพลายงามมาขอจึงนึกได้
ครั้งขออีลาวทองกูหมองใจจำไว้ช้านานถึงปานนี้
ดูดู๋ขุนนางทั้งน้อยใหญ่พากันนิ่งเสียได้ไม่พอที่
ทาระกรรมมันมาสิบห้าปีช่างไม่มีผู้ใดใครชอบพอ
เหตุด้วยอ้ายนี่ไม่มีทรัพย์เนื้อความมันจึงลับไปเจียวหนอ
ถ้ามั่งมีไม่จนคนก็ปรอมึงขอกูขอไม่เว้นวัน
นับประสาหาคนไปสู้ศึกก็ไม่มีใครนึกถึงมันนั่น
ด้วยอิจฉาว่าวิชาไม่เท่ามันมันไล่ฟันเอาเมื่อตามขุนช้างไป
ความกลัววิ่งหัวเป็นดอกล่อรู้จักฝีมือพ่อหรือหาไม่
พระยายมฟังว่าช้าอยู่ไยจงสั่งให้ไปถอดอ้ายแผนมา ฯ
๏ ท่านเจ้ากรมยมราชได้รับสั่งถวายบังคมคัลด้วยหรรษา
รีบออกนอกพระโรงรัตนาให้หานรบาลแล้วสั่งพลัน
ไปถอดขุนแผนเป็นการด่วนเวลาจวนพามาขมีขมัน
ให้ทันเฝ้าองค์พระทรงธรรม์นรบาลงกงันรีบออกไป
ถึงคุกเร่งรัดพัสดีถอดกันทันทีไม่ช้าได้
แล้วพาขุนแผนผู้แว่นไวเข้าในวังนั่งไหว้ท่านเจ้าคุณ
ท่านพระยายมราชก็ทักถามบอกความขุนแผนว่าแสนวุ่น
พลายงามทูลขอพ่อเป็นบุญทรงการรุญยกโทษโปรดประทาน
อนิจจาผมเผ้ายาวเลื้อยดินผิดหน้าตาสิ้นน่าสงสาร
เข้าไปเฝ้าเถิดเจ้าจะช้าการว่าแล้วก็คลานพาเข้าไป ฯ
๏ พระองค์ทรงศักดิ์กวักพระหัตถ์ตรัสเรียกขุนแผนเข้ามาใกล้
หมอบหน้าพลายงามทรามวัยบังคมไหว้กราบงามลงสามที
พระองค์ทรงตรัสประภาษไปเออไอ้ขุนแผนไม่พอที่
มึงจำเพาะเคราะห์ร้ายมาหลายปีวันนี้สิ้นเคราะห์เพราะลูกชาย
บัดนี้มีศึกข้างเชียงใหม่อ้ายลูกมันจะไปตีถวาย
มันจะขอพ่อไปเป็นเพื่อนตายปรึกษากับลูกชายก็เป็นไร
ตัวมึงกูเคยได้เชื่อถือไม้มือไม่มีใครหักได้
กูนี้ชั่วมัวเอามึงจำไว้ลืมไปใช่ว่าจะแค้นเคือง
มึงจะเอาผู้คนสักกี่หมื่นให้เร่งกะวันคืนอย่าร่ำเรื่อง
จะเอาไพร่ในกรุงหรือหัวเมืองวัวต่างช้างเครื่องให้หมายไป ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพก้มกราบแล้วทูลเฉลยไข
มิต้องให้ไพร่ยากไปมากมายครั้นกะเกณฑ์วุ่นวายจะช้าการ
ขอพระราชทานแต่ไพร่ราบพอหามหาบหาเสบียงเลี้ยงอาหาร
อันพวกพลจะประจญประจัญบานขอประทานคนโทษที่ในคุก
มีสามสิบห้าคนล้วนทนคงยืนยงสามารถอาจอุก
ได้ร่ำเรียนรู้ครบเชิงรบรุกเห็นมีทุกความรู้ครูต่างกัน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพฟังขุนแผนพูดจบเห็นขบขัน
เออเขตแขวงเชียงใหม่สิใหญ่ครันคนมันมากมายเป็นหลายเมือง
ผู้คนเอ็งจะเอาไปเท่านี้ถึงว่าได้คนดีที่ปราดเปรื่อง
จะรบราฆ่าฟันมันไม่เปลืองกูเห็นเครื่องจะยับกลับลงมา
มันดีดีอย่างไรว่าไวว่องมะรืนนี้เอามาลองกันต่อหน้า
พระยายมว่าอย่างไรอย่าได้ช้าไปถอดทั้งสามสิบห้าให้แก่มัน
สั่งเสร็จพระเสด็จเข้าในที่ภูมีแสนสุขเกษมสันต์
พวกขุนนางออกมาพร้อมหน้ากันขุนแผนนั้นไหว้ทั่วตัวขุนนาง
บ้างทักทายปราศรัยเป็นไมตรีล้วนยินดีเชยชมกันต่างต่าง
ให้ศีลให้พรสั่งสอนพลางเคราะห์โศกสิ้นสร่างแล้วคราวนี้
ท่านเจ้ากรมยมราชก็เรียกหาทั้งพ่อลูกตามมากับจมื่นศรี
ให้จดหมายรายชื่อลงบาญชีครบคนโทษที่พระราชทาน
แล้วสั่งให้ประแดงไปถอดมาตรวจตัวทั่วหน้าให้นับอ่าน
ต่อหน้าขุนแผนแสนสะท้านสอบคำให้การให้ขานมา ฯ
๏ ข้าพเจ้าอ้ายพุกอยู่ลุกแกเมียชื่ออีแตพระเจ้าข้า
โทษปล้นให้รำระบำป่าให้อีมารำรื้อไปมือเดียว
ถัดไปอ้ายมีบ้านยี่ล้นเมียชื่ออีผลปล้นตาเขียว
แทงถูกอีชังกำลังเยี่ยวปากเบี้ยวล้มหงายน้ำลายฟด
ถัดไปอ้ายปานบ้านชีหนเมียชื่ออีสนปล้นบางปลากด
ผูกคอตาจ่ายกับยายรดเอาไฟจดจุดขนหล่นร่วงไป
ถัดนั้นอ้ายจันสามพันตึงเมียชื่ออีอึ่งบ้านเหมืองใหม่
พวกปล้นขุนศรีวิชัยเอาไม้เสียบก้นจนแกตาย
ถัดมาข้าชื่ออ้ายคงเคราเมียชื่ออีเต่าบ้านหนองหวาย
ปล้นบ้านบางภาษีเมื่อปีกลายได้ทรัพย์จับควายผูกต่างมา
ต่อมาข้านี้อ้ายสีอาดเมียชื่ออีกงราดพระเจ้าข้า
คบไทยไล่ปล้นบ้านละว้าแล้วเข่นฆ่าตาปานบ้านตาลเอน
ถัดไปอ้ายทองอยู่ช่องขวากผัวอีมากฆ่าลาวชื่อท้าวเสน
ขึ้นย่องเบาเอาบาตรผ้าพาดเณรทุบตาเถรแล้วซ้ำปล้ำหลวงชี
ที่นั่งถัดไปอ้ายช้างดำอยู่บ้านถ้ำย่องเบาเจ้าภาษี
เก็บเงินทองของข้าวบรรดามีของดีดีไม่น้อยทั้งพลอยเพชร
ถัดมาอ้ายบัวหัวกะโหลกโทษปล้นชีโคกที่บ้านเกร็ด
แล้วตีอ้ายดูกจมูกเฟ็ดฟันตาสายขายเป็ดบ้านตึกแดง
ถัดมาข้าชื่ออ้ายแตงโมเมียชื่อออีโตบ้านชุมสาย
ปล้นชีดักขนนขนพอแรงฆ่าขุนทิพย์แสงเจ้าทรัพย์ตาย
อ้ายอินเสือเหลืองเมืองชัยนาทเมียชื่ออีปาดบ้านขนาย
เที่ยวปล้นฆ่าคนสักร้อยรายลักควายแทงกินสิ้นเป็นเบือ
อ้ายมอญมือด่างบางโฉลงเมียชื่ออีโค่งเป็นชาวเหนือ
ลักถ้วนลักถี่ทั้งตีเรือครกกระบากสากกะเบือไล่เก็บครบ
ถัดไปอ้ายทองอยู่หนองฟูกเมียชื่ออีดูกลูกตาจบ
กลางวันปีนเรือนเหมือนชะมบแต่พอพลบคนเดียวเที่ยวย่องเมา
อ้ายมากสากเหล็กปล้นเจ๊กกือเมียมันตาปรือชื่ออีเสา
ถัดไปอ้ายกุ้งคุ้งตะเภาฟันผัวแย่งอีเม้าเอาเป็นเมีย
อ้ายสงผัวอีคงอยู่กงคอนตีชิงผ้าผ่อนฆ่ามอญเสีย
ถัดไปอ้ายกร่างอยู่บางเหี้ยหาเมียมิได้ไล่ตีเรือ
อ้ายกลิ้งผัวอีกลักดักขนนลักควายขายคนปล้นเรือเหนือ
อ้ายพานผัวอีพาบ้านนาเกกลือเอายาเบื่อหลวงโชฎึกเก็บตึกเตียน
อ้ายจั่วผัวอีปรางบางน้ำชนขึ้นย่องเบาหมื่นชนขนเอาเลี่ยน
อ้ายแมวผัวอีมาอยู่ท่าเกวียนเข้าบ้านทิดเพียนปล้นปลอมริบ
พิจารณาเป็นสัตย์ซัดทอดฟ้องเก็บเอาข้าวของนางทองกระหมิบ
ถัดไปอ้ายมั่นผัวอีจันทิพอยู่น้ำดิบปล้นตีหลวงชีเภา
หาได้แทงแกไม่ดังให้การนครบาลสอบแก้เป็นแผลเก่า
อ้ายจันผัวอีจานบ้านกระเพราโทษปล้นจีนเก๊าเผาโรงเจ๊ก
ยิงปืนปึงปังประดังโห่แล้วเอาสันพร้าโต้ต่อยหัวเด็ก
ถัดมาอ้ายสานกเล็กอยู่คุ้งถลุงเหล็กผัวอีดี
สกัดตีโคต่างทางโคราชแทงอ้ายขั้วผัวอีปาดล้มกลิ้งคี่
อ้ายมากหนวดผัวอีขวดอยู่บางพลีโทษตีเดิมบางเอากลางวัน
อ้ายเกิดกระดูกดำผัวอีคำด่างโทษสะดมกรมช้างกับหมอมั่น
ปล้นละว้าป่าดงคงกระพันกระหำไขว้ไข่ดันเป็นทองแดง
สิริคนโทษซึ่งโปรดมาครบสามสิบห้าล้วนกล้าแข็ง
อยู่ยงคงกระพันทั้งฟันแทงเรี่ยวแรงทรหดอดทน
ทำกรรมต้องจำมาช้านานสิ้นกรรมบันดาลจึงให้ผล
พลายงามทูลขอพ่อออกพ้นจึงปล่อยโปรดโทษคนทั้งนี้มา ฯ
๏ ครั้นตรวจตราสำเร็จเสร็จทั่วจึงมอบตัวไพร่ทั้งสามสิบห้า
ให้แก่ขุนแผนแสนศักดาท่านพระยายมราชก็อวยชัย
ให้พ่อชนะมารผลาญศัตรูเชิดชูพระยศปรากฏกระฉ่อน
ทั้งลูกชายพลายงามไปราญรอนตีนครเชียงใหม่ให้สมนึก
แล้วหันหน้ามาสั่งพวกทนายจงเลือกหาผ้าลายที่ในตึก
ทั้งส้มสูกลูกไม้ให้ครันครึกแจกพวกอาสาศึกให้ทั่วกัน
พวกทนายขนของมากองเกลื่อนพระยายมตัดเตือนให้เลือกสรร
ขุนแผนจึงจัดแจงแล้วแบ่งปันแจกให้ไพร่นั้นทุกตัวคน
ต่างผลัดผ้าเก่าเอาโยนเสียทุดกูขายหน้าเมียไม่ปิดก้น
บางคนเปลื้องกระสอบดูชอบกลมันช่างจนเหลือจนได้พ้นทุกข์
ชวนกันกินของร้องโมทนาตั้งแต่วันหน้าจะเป็นสุข
ถ้าหากพ่อไม่ขออกจากคุกก็สิ้นคิดติดกรุกจนตายไป
จะเป็นข้าของนายจนตายจากใช้สอยน้อยมากจะทำให้
ฝ่ายว่าขุนแผนผู้แว่นไวกราบกรานท่านผู้ใหญ่แล้วอำลา
พระหมื่นศรีขี่ม้านำมาบ้านผู้คนอลหม่านเป็นหนักหนา
พลายงามเดินตามขุนแผนมาพวกไพร่สามสิบห้าก็มาพลัน
พระหมื่นศรีจัดที่ให้พักอยู่แต่งสำรับเลี้ยงดูเกษมสันต์
พวกไพร่สามสิบห้าเฮฮากันพลุกพล่านจนตะวันลงรอนรอน ฯ
             

๏ จะกล่าวถึงนางแก้วกิริยาเจ้าติดตามผัวมาอยู่แต่ก่อน
อาศัยทับหับเผยเคยหลับนอนตั้งอุทรเติบใหญ่ได้สิบเดือน
ครั้นผัวพ้นทุกข์จากคุกได้หม้อกระออมโอ่งไหกองไว้เกลื่อน
ผ้าขี้ริ้วผ่อนขาดกลาดทั้งเรือนเคยเป็นเพื่อนเมื่อยากจะจากกัน
พิษฐานให้ทานคนโทษแล้วผ่องแผ้วตามมาหาผัวขวัญ
พระหมื่นศรีดีใจบอกไปพลันอยู่ด้วยกันอย่ากลัวผัวไปทัพ
แล้วชวนขุนแผนกับเจ้าพลายทั้งสามนายนั่งพร้อมล้อมลำดับ
เรียกให้เมียน้อยยกสำรับกินเสร็จสรรพระหมื่นศรีก็ชี้แจง
เกลอเอ๋ยน่าอดสูดูเผ้าผมทำรุงรังช่างสมอ้ายใจแข็ง
จะเป็นเจ๊กก็ใช่ไทยก็แคลงมันระแวงคล้ายละว้าน่าขันครัน
ขุนแผนหัวร่อคุณพ่อช่างว่าแล้วลุกมาเสกน้ำที่ในขัน
ชุบตัดมหาดไทยใส่น้ำมันเสร็จพลันอาบน้ำชำระกาย
ทาแป้งแต่งตัวเอี่ยมสะอาดนุ่งลายผ้าคาดดูเฉิดฉาย
แล้วกลับมาหน้าหอของพระนายทั้งเจ้าพลายสามคนสนทนา
ขุนแผนวอนไหว้พระหมื่นศรีว่าลูกนี้ตั้งใจจะอาสา
ยังเป็นห่วงบ่วงใยด้วยมารดาคร่อแคร่แก่ชราลงทุกวัน
อยู่บ้านกาญจน์บุรีไม่มีสุขจะเฝ้าทุกข์ถึงลูกกับหลานขวัญ
ถ้ารับมาเลี้ยงดูอยู่ด้วยกันถึงลูกไปทัพนั้นจะนอนใจ
พระหมื่นศรีฟังคำขุนแผนว่าโมทนาข้าจะเป็นธุระให้
รับมาจะลำบากยากอะไรพรุ่งนี้ข้าจะให้ไปรับมา
แล้วพูดกันสามคนจนดึกดื่นครั้นเที่ยงคืนก็เข้าในเคหา
ต่างระงับหลับใหลไสยาจนเวลารุ่งแจ้งแสงตะวัน ฯ
๏ จะกล่าวถึงสมเด็จพระพันวษาตรัสเรียกลาวทองมาขมีขมัน
อ้ายพลายงามอาสามันกล้าครันแล้วทูลขอพ่อมันพ้นจากคุก
มึงทรมานมากว่าสิบปีกูเห็นมึงนี้ไม่มีสุข
จะโปรดยกโทษให้พ้นทุกข์อย่าปักสะดึงกรึงกรุกเร่งออกไป
ลาวทองได้ฟังรับสั่งโปรดปราโมทย์ยินดีจะมีไหน
ถวายบังคมลามาทันใดออกไปกราบลาหม่อมป้าโต
เพื่อนฝูงร้องไปจะได้ลาภค่อยกระซิบกระซาบนางมีโหว่
นางสีนางพรมแม่ส้มโอเพื่อนฝูงอักโขจะลาไป
แล้วลาเจ้าขรัวนายกรายเข้าห้องหวีหัวกระจกส่องน้ำมันใส่
ทั้งกระแจะจันทน์ปรุงจรุงใจหวังจะให้ชื่นอารมณ์ชมชิด
นุ่งยกดอกกลมห่มม่วงอ่อนเทพนมห่มซ้อนดูวิจิตร
ก้มแลดูกายไม่วายคิดใส่จริตเยื้องย่างสำอางงาม
จัดแจงหีบหมากเครื่องนากทองถาดรองขันน้ำทำอย่างห้าม
ใส่เครื่องประดับวับแวววามออกประตูข้างข้ามประตูดิน
อีถึงถือหีบรีบตามนายอีกห้าคนขวนขวายเก็บของสิ้น
เพื่อนทักถามไถ่ไม่ได้ยินมาถึงถิ่นบ้านขึ้นบนบันได ฯ
๏ ขุนแผนครั้นเห็นนางลาวทองเจียนจะแปลกเจียวน้องนึกขึ้นได้
ร้องเรียกทันทีด้วยดีใจแปลกพี่ไปหรือเจ้าไม่เข้ามา
ลาวทองฟังคำจำเสียงได้เข้าใกล้ผัวรักรู้จักหน้า
กอดตีนร่ำไห้ฟายน้ำตาท่านโปรดโทษข้าข้าจึงรู้
ครั้นติดตามมาหาผัวรักแปลกไปไม่รู้จักจึงยืนอยู่
ไม่กล้าเข้าไปในประตูแลดูพ่อซูบผิดรูปไป
โอ้โอ๋เจ้าประคุณของเมียแก้วเหมือนตายแล้วเกิดมาหากันใหม่
ตั้งแต่เมียถูกขังอยู่วังในเฝ้าแต่ร่ำร้องไห้ไม่วายวัน
ยามกินกินข้าวไม่เป็นคำต้องฝืนกลืนกับน้ำร่ำโศกศัลย์
ยามนอนนอนคิดจิตผูกพันแทบจะกลั้นใจตายไม่วายเว้น
ปักสะดึงกรึงไหมมิได้หยุดจะสิ้นสุดเมื่อไรไม่แลเห็น
ได้แต่โศกเศร้าทั้งเช้าเย็นตั้งแต่เป็นทุกข์มาช้านานครัน
พูดพลางทางแลแล้วถามผัวทูนหัวใครนั่งข้างหลังนั่น
ขุนแผนจึงบอกออกมาพลันนางนั้นชื่อแก้วกิริยา
เมียข้าเมื่อพาวันทองหนีครั้นติดคุกนางนี้อยู่รักษา
นั่นลูกพี่ที่เขาทูลขอมาชื่อพลายงามมารดาคือวันทอง
ว่าแล้วก็พากันเข้าเรือนข้าวของกองเกลื่อนอยู่ในห้อง
ต่างปรึกษาหารือตามทำนองปรองดองมิได้คิดจิตฉันทาฯ
๏ ขุนแผนออกมาหน้าหอนั่งพลันสั่งทหารสามสิบห้า
ให้แต่งตัวตัดผมสมหน้าตาเตรียมผ้านุ่งห่มให้คมคาย
ขาดเหลือพึ่งพระจมื่นศรีพรุ่งนี้จะได้ไปลองถวาย
พระหมื่นศรีขุนแผนกับลูกชายทั้งสามนายสนทนาจนราตรี ฯ
๏ ครั้นรุ่งเช้าข้าวปลาหากินเสร็จจวนเสด็จออกต่างก็เร็วรี่
เข้าวังพร้อมกันในทันทีวันนี้ชาวเมืองนั้นเลื่องลือ
ว่าจะลองความรู้พวกอาสาต่างแตกตื่นกันมาออกอึงอื้อ
ไทยจีนมอญพม่าข่าลาวลื้อจูงมือลูกหลานซานเข้าไป
ยัดเยียดเสียดแทรกเข้าประตูนมจู้เบียดบีบกันเหลวไหล
เจ้าหนุ่มหนุ่มที่ลำพองคะนองใจเข้าคว้าไขว่สาวสาวออกกราวเกรียว
บ้างกระชากผ้าห่อมฉวยนมหมับพวกตำรวจหวดขวับเอาเต็มเหนี่ยว
จับตัวได้ใส่คาทำหน้าเซียวที่เลี่ยงเลี้ยวหลบได้ไพล่เข้าวัง
ยัดเยียดเบียดกันอยู่ชั้นนอกพอเวลาเสด็จออกก็พร้อมพรั่ง
สังข์แตรแซ่เสียงสนั่นดังถวายบังคมกราบลงพร้อมกัน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์เสด็จสถิตพระที่นั่งสุทธาสวรรย์
พระสูตรรูดกร่างกระจ่างพลันดังองค์พระสุริยันเหมื่อเยี่ยมรถ
ตรัสเรียกขุนแผนพลายงามทหารสามสิบห้าเข้ามาหมด
ต่างคลานเข้าเฝ้าองค์พระทรงยศน้อมประณตดาษดาหน้าพระลาน
ทนายเลือกตีวงตรงพระที่นั่งเอาเชือกหนังขึงขอบรอบหน้าฉาน
ข้างในล้วนบรรดาข้าราชการวงนอกไพร่บ้านพลเมือง
เสียงระเบ็งเซ็งแซ่ทั้งแก่หนุ่มมามั่วสุมคับคั่งนั่งเนื่อง
บ้างยงโย่แยงแย่แลชำเลืองบ้างยักเยื้องหยุกหยิกคะยิกกัน
พวกตำรวจเรียงรายถือหวายห้ามรอบทั้งท้องสนามเป็นกวดขัน
ฝ่ายว่าพระองค์ผู้ทรงธรรม์สั่งขุนแผนให้สรรกันเข้ามาฯ
๏ นายบัวหัวกะโหลกบ้านโคกขามถวายบังคมงามแล้วออกหน้า
นอนหงายร่ายมนตร์ภาวนาให้เอาขวานผ่าเป็นหลายซ้ำ
โปกโปกขวานกระดอนนอนพยักไม่แตกหักลุกมาหน้าแดงก่ำ
นายคงเคราเข้านั่งบริกรรมให้เอาหอกตำเข้าจำเพาะ
ถูกตรงยอดอกไม่ฟกช้ำแทงซ้ำหลายทีที่เหมาะเหมาะ
เสียงอักอักพยักหน้านั่งหัวเราะจนด้ามหอกหักเดาะไม่ทานทน
นายมอญนอนเปลือยเอาเลื่อยชักเลื่อยหักฟันเยินพระเนินย่น
ให้เปลี่ยนหน้ามาเลื่อยก็หลายคนเป็นหลายหนไม่เข้าเปล่าทั้งนั้น
นายช้างดำกำลังดังช้างสารถวายบังคมคลานมาไม่พรั่น
กระโดสูงสามวาตาเป็นมันแข็งขันข้อลำดำทมิฬ
นายสีอาดคลาดแคล้วแล้วไม่แตกหอกซัดเจ็ดแบกพุ่งจนสิ้น
ไม่ถูกเพื่อนเชือนไถลไปปักดินนายอินอึดใจแล้วหายตัว
นายทองลองให้เอาปืนยิงยืนนิ่งคอยรับจับลูกตะกั่ว
นายจันนั้นแปลกเข้าแบกวัวนายบัวทำคล้ายเป็นหลายคน
นายแตงโมทำโตได้เหมือนยักษ์คึกคักกรอกตาดูหน้าย่น
นายจั่งหัวหูดูพิกลเอาไฟลนทนได้ไฟวับวับ
ลองถวายสิ้นทั้งสามสิบห้าต่างสำแดงวิชาเป็นลำดับ
แล้วมาหมอบเรียงเคียงคำนับรับสั่งให้ประทานรางวัลพลัน
คนหนึ่งเงินตราห้าตำลึงกับผ้าสำรับหนึ่งให้จัดสรร
ทั้งเพิ่มนอกออกไปให้ต่างกันตามไม้มือมันใครเอกโท
ยังอ้ายพลายงามจะอาสาดีจริงหรือว่ามันโยโส
ดูตัวก็ไม่ใหญ่ใจมันโตเฮ้ยอ้ายแผนลองโต้กับลูกดู ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนพลายงามถวายบังคมตามกันทั้งคู่
ที่คนดูลุกยืนตื่นกันกรูคอยดูพ่อลูกจะลองกัน
เจ้าพลายงามขออภัยพ่อขุนแผนแล้วจับทวนทอดแขนดูขบขัน
ขุนแผนดาบสองมือถือยืนยันชักท่าทางวางหันเข้าสู้ทวน
กลองแขกติงทั่งตั้งเพลงรำไม่เพลี่ยงพล้ำถ้อยทีถี่ถ้วน
ชั้นเชิงกรีดกรายหลายกระบวนสับสวนท่าทางสันทัดกัน
ดูข้างพลายงามก็ไวว่องดูทำนองขุนแผนก็แข็งขัน
ได้ทีหนีไล่พัลวันกลับแทงแย้งฟันกันคนละที
ถูกฉับไม่เข้าเปล่าทั้งนั้นเจ้าพลายหันเยื้องย่องทำนองหนี
แต่พอห่างวางทวนกับปัถพีอัญชลีร่ายเวทเป็นไฟกัลป์
ลุกโพลงโผงผางกลางสนามเปลวฟู่วู่วามเสียงสนั่น
ลามไหม่ไล่คนทั้งหลายนั้นคนผู้อยู่นั่นก็หนีกรู
ตกใจหน้าซีดทุกตัวคนขุนแผนอ่านมนตร์ฝนตกซู่
เป็นน้ำไหลไฟดับอยู่วับวูเสียงคนดูฮาลั่นสนั่นอึง
ชมปรอพ่อลูกนี้เอาจริงวิชาเขายวดยิ่งไม่มีถึง
ฝ่ายขุนแผนเสกซ้ำพร่ำตะบึงประเดี๋ยวหนึ่งเป็นงูชูโพนเพน
อ้ายตัวใหญ่มีหงอนเท่าท่อนซุงเลื้อยพุ่งตาแดงดังแสงเสน
บริวารมากมายมาก่ายเกนแผ่พังพานเพ่นเพ่นสักสองพัน
เที่ยวเลี้ยวไล่ไชชอนไปทุกแห่งพวกคนดูแอบแฝงเป็นจ้าละหวั่น
เหล่าผู้หญิงวิ่งหนีพัลวันตัวสั่นหน้าซีดกรีดกราดไป
ผ้าผ่อนล่อนหลุดสะดุดล้มเหยียบทับกันจมออกเหลวไหล
พลายงามขว้างตะกรุดไปทันใดเป็นนกกดตัวใหญ่ไล่ตามงู
ตีนหยิกปากจิกปีกป้องรับงูขยับเลี้ยวฉกนกจิกสู้
ฝูงคนกล่นเกลื่อนกันมาดูนกกดคาบงูชูร่อนบิน
บรรดางูบริวารสิ้นทั้งหลายก็พลอยหายสาบสูญไปหมดสิ้น
พลายงามตัวเอกเสกก้อนดินนกหายกลายปลิ้นไปเป็นช้าง
ซับมันชันหูชูงวงงายาวขาวช่วงทั้งสองข้าง
เงยแหงนแปร๋มาคว้างคว้างขุนแผนยืนขวางรำขอรับ
เหยียบขึ้นปลายงาขาคร่อมคอช้างร้ายแรงหล่อเอาขอสับ
ฟันกระชากหน้าผาก.....ยับจนตาหลับแหงนหงายท้ายติดดิน
ช้างหายพลายงามทรามคะนองมีวิชาสำรองไม่รู้สิ้น
บริกรรมสำแดงแปลงกายินเปลี่ยนปลิ้นกลับกลายเป็นควายรับ
ขุนแผนหายกลายกลับเป็นเสือโคร่งเขี้ยวโง้งโดดหลอกกลอกกลับ
ล่อควายบ่ายหน้ามาที่ประทับตบขวับขวิดผึงทะลึ่งลอย
ชุลมุนผลุนผลันถลันโดดเสือโดดควายขวิดชิดไม่ถอย
สู้กันฟั่นเฝือจนเหงื่อย้อยต่างปละปล่อยกลายกลับไปฉับพลัน
พ่อเป็นนกแก้วแจ้วส่งเสียงลูกเลี่ยงเป็นสาลิกานั่น
บินไปจับต้นไม้อยู่ใกล้กันรู้พูดสารพันภาษาคน
แต่บรรดาคนผู้ดูจนเพลินสรรเสริญสองนายทุกแห่งหน
เออช่างศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์เวทมนตร์ข้าศึกไหนจะทนฤทธาเธอ
พระองค์ตบพระหัตถ์อยู่ฉัดฉานเบิกบานทรงพระสรวลสำรวลเร่อ
อ้ายคู่นี้ใช้ได้ไม่อมเออฤทธิ์เดชมันเสมอสมานกัน
ทีนี้จะได้ดูอ้ายเชียงใหม่มันอวดอิทธิ์ฤทธิไกรอย่างไรนั่น
จะสู้กับลูกกูอยากดูมันไม่ถึงวันก็จะวิ่งเข้าป่าไป
สิ้นพุงมึงเท่านี้แล้วหรือหวานกแก้วสาลิกาก็ทูลไข
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงชัยยังไม่สิ้นตำราของอาจารย์
ทูลแล้วพ่อลูกก็คลายมนตร์กลับเป็นคนมาหมอบอยู่หน้าฉาน
พระพันวษาปราโมทย์โปรดปรานให้เลื่อนเครื่องประทานแล้วตรัสมา
ฮ้าเฮ้ยอ้ายขุนแผนพลายงามมึงลูกพ่อต่อตามกันหนักหนา
ดูหน้านิ่วหิวเหนื่อยจะเลื่อยล้ากินข้าวปลาเสียทีให้มีแรง
แล้วจึงตรัสสั่งคลังวิเศษให้จัดเสื้อโหมดเทศอย่างก้านแย่ง
แพรจีนดวงพุดตานส่านสีแดงทั้งสมปักตามตำแหน่งขุนนางใน
ให้คลังหาสมบัติจัดเงินตราห้าชั่งเอามาประทานให้
มึงทั้งสองใช้ของเหล่านี้ไปกว่าจะได้บำเหน็จเสร็จสงคราม
ขุนแผนพลายงามความยินดีถวายบังคมอยู่ที่กลางสนาม
ด้วยทรงพระกรุณาสง่างามคนผู้ดูหลามไปทั้งวัง ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษาตรัสเรียกโหราเข้ามาสั่ง
ให้คูณหารฤกษ์ยามตามกำลังวันไรจะตั้งให้ยาตรา
พระโหราหาฤกษ์แล้วทูลพลันขึ้นเจ็ดค่ำนั้นเป็นเศษห้า
ได้ฤกษ์เบิกพยุหเสนาเวลาสี่โมงเช้าเก้านาที
ปลอดทั้งผีหลวงห่วงวันยามนั้นได้เมื่อพระฤาษี
แค้นขัดมัดมือลิงกาลีจะไปตีบ้านเมืองย่อมมีชัย
พระองค์ทรงฟังก็สั่งพลันไปให้ทันฤกษ์พาอย่าช้าได้
มันขอแต่ไพร่ราบหาบของไปก็เกณฑ์ไพร่ให้มันเจ็ดสิบคน
สั่งเสร็จพระเสด็จเข้าในวังขุนนางลุกสะพรั่งอยู่สับสน
ออกบอบแบบแสบท้องจนเต็มทนอลวนกลับบ้านสำราญใจ
พวกคนดูโจษกันสนั่นมาไม่เลือกหน้าไทยเจ๊กเด็กผู้ใหญ่
เขาดีจริงยิ่งยวดในกรุงไกรแปลงตัวไปได้ดังเทวดา
ชั่วพ่อชั่วแม่ไม่เคยเห็นแต่รำเต้นนั้นก็ดูมาหนักหนา
สันนี้ได้เห็นเป็นบุญตาเรากำเนิดเกิดมาไม่เสียทีฯ
ฝ่ายว่าขุนแผนแสนสะท้านกลับมาอยู่บ้านพระหมื่นศรี
ครั้นรุ่งเช้าเข้าไปอัญชลีบอกคดีได้ข่าวบ่าวมันมา
ว่าบัดนี้คุณแม่ทองประศรีมาแต่กาญจน์บุรีอยู่เคหา
เพราะฝ่าเท้าเจ้าคุณกรุณาลูกกับบุตรภรรยาจะลาไป
พระหมื่นศรีเมตตาสั่งข้าคนให้ช่วยขนข้าวของไปส่งให้
พ่อลูกกราบลาแล้วคลาไคลภรรยาข้าไทก็ไปตาม
พวกทหารสามสิบห้ามาติดก้นเดินดาเต็มถนนจนล้นหลาม
ชาวตลาดแลดูไม่รู้ความกระซิบถามเพื่อนกันว่านั่นใคร
บ้างบอกพวกนี้ที่พ้นโทษโปรดให้ไปทัพจับเชียงใหม่
ขุนแผนมาถึงบ้านวัดตระไกรก็เข้าไปไหว้กราบท่านมารดา ฯ
๏ ครานั้นนวลนางทองประศรีเห็นลูกยินดีเป็นหนักหนา
ลูบหน้าลูบหลังถั่งน้ำตาเออเหมือนมาเกิดใหม่ได้พบกัน
กูขอบใจออแก้วกิริยามันอุตส่าห์ติดตัวตามผัวขวัญ
เอ็งจงเป็นพี่น้องลาวทองนั้นอย่าขึ้งเคียดเดียดฉันท์กันวุ่นไป
อนิจจาน่ารักออพลายงามเพียรติดตามทูลขอพ่อจนได้
นี่แลบุราณท่านกล่าวไว้ว่าเป็นชายมิให้ดูหมิ่นชาย
แล้วหันมาหาขุนแผนแสนสะท้านยิ่งสงสารดูไปใจคอหาย
ช่างผอมซูปวิปริตรผิดทั้งกายนี่หากว่าไม่ตายเสียในคุก
สิ้นเคราะห์โศกโรคภัยเถิดแก้วแม่ตั้งแต่นี้มีแต่ให้เป็นสุข
ร้อยปีพันปีอย่ามีทุกข์จงเป็นสุขตราบเท่าเข้านิพพาน ฯ
๏ ขุนแผนรับพรของมารดาแล้วออกมาเร่งรัดให้จัดบ้าน
ขนของขึ้นเรือนเกลื่อนนอกชานให้ปลูกร้านพวกไพร่จะได้นอน
เรือนเหย้าเก่าเกจะเซคว่ำเอาไม้ค้ำจุนดูพออยู่ก่อน
ทำกันจนตะวันลงรอนรอนต่างพักผ่อนลืมทุกข์สุขสำราญ ฯ
๏ ฝ่ายเจ้ากรมสัสดีก็มีหมายทุกตัวนายหมวดหมู่อยู่อลหม่าน
เป็นการจวนด่วนวิ่งไม่นิ่งนานเอาที่บ้านใกล้ใกล้จะได้ทัน
บ้างเร่งรัดมัดผูกลูกเมียมาอุตลุดฉุดคร่าจ้าละหวั่น
ผัดดผ่อนไม่ได้ไม่ฟังกัยครบครันเบ็ดเสร็จเจ็ดสิบคน
จึงสั่งให้นายสมุห์บาญชีไปส่งที่ขุนแผนออกสับสน
ลูกเมียหาข้าวสารอยูลานลนอลวนจัดแจงประจุบัน
หาได้ตามยากตามมีให้ทันทีตามส่งกันตัวสั่น
ที่ในบ้านขุนแผนออกแน่นนันต์พร้อมเพรียงสามวันจะครรไล ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดาคิดกับลูกยาหาช้าไม่
จะปลุกเครื่องให้เรืองฤทธิไกรจึงชวนกันออกไปที่ป่าช้า
ให้ทหารปลูกศาลขึ้นฉับพลันตั้งบายศรีสามชั้นทั้งซ้ายขวา
หัวหมูเป็ดไก่ทั้งเหล้ายาเครื่องเซ่นจัดหามาเรียงราย
เอาผ้าขาวปูลาดดาดเพดานนมัสการจุดธูปเทียนถวาย
ในมณฑลนั้นให้อยู่แต่ผู้ชายวงสายสิญจน์สิณจน์รอบเป็นขอบคัน
ทั้งพ่อลูกเข้านั่งกลางมณฑลอ่านมนตร์โองการอันกวดขัน
ชุมนุมเทวดามาพร้อมกันทุกช่องชั้นอินทร์พรหมยมยักษ์
ทั้งพระเพลิงพระพายกรุงพาลีพระภูมิเจ้าที่อันมีศักดิ์
อีกพระไพรเจ้าป่าพนารักษ์พระนารายณ์ทรงจักรศิวาทิตย์
พระคเณศร์พินายทั้งซ้ายขวาขอเชิญลงมาให้ศักดิ์สิทธิ์
ทั้งคุณแก้วสามประการอันชาญชิตบิดามารดาสถาวร
คุณครูอุปัชฌาอาจารย์พระโองการบพิตรอดิศร
ขออับเชิญช่วยมาอวยพรให้เรืองฤทธิ์ขจรทุกสิ่งอัน
แล้วร่ายคาถามหาเวทปลุกเครื่องวิเศษทุกสิ่งสรรพ์
ว่านยาผ้าประเจียดมงคลนั้นตะกรุดโทนน้ำมันอันเรืองฤทธิ์
เดชะพระเวทอันเชี่ยวชาญเครื่องอานกลิ้งไปดังใครบิด
แล้วตั้งกองอัคคีทั้งสี่ทิศเอาเครื่องวางกลางมิดในกองไฟ
เปลวไฟคึกคึกไม่ขาดสายชั้นแต่เส้นด้ายหาไหม้ไม่
จึงเอาพระควำที่ทำไว้ใส่ขันสำริดประสิทธิ์มนตร์
ในขันนั้นใส่น้ำมันหอมเสกพร้อมเป่าลงไปสามหน
พระนั่งขึ้นได้ในบัดดลน้ำมันทาทนทั้งทุบตี
ล่องหนกำบังจังงังครบอุปเท่ห์เล่ห์จบเป็นถ้วนถี่
ปลุกเครื่องเสร็จพลันอัญชลีอ่านมนตร์เรียกผีพวกภูตพราย
ผีตายฟ้าผ่าทั้งห่าโหงอยู่ในหลุมในโลงสิ้นทั้งหลาย
ผีตายคลอดลูกผูกคอตายผีนายผีไพร่ให้รีบมา
ฝูงผีมิอาจจะซุ่มซ่อนด้วยเร่าร้อนฤทธิ์เวทพระคาถา
พากันเหลื่อนกลาดดาษดาพร้อมหน้ามาที่พิธีการ
บรรดาผู้นั่งอยู่ในมณฑลเห็นผีทุกคนออกพลุกพล่าน
พลายงามขุนแผนแสนสำราญเอาเหล้าข้าวใส่กบาลออกเซ่นวัก
เนื้อพล่าปลายำทำตามมีฝูงผีเข้ามากินหนักกว่าหนัก
ข้างนอกยังนั่งล้อมอยู่พร้อมพรักชักชวนกันกินสิ้นทั้งปวง
ที่อดหยากปากไหม้ไส้ขมต่างชื่นชมรับเอาเครื่องบวงสรวง
ล้อมกินปลิ้นตาอ้าปากกลวงตวงเหล้าเติบบ่อยอร่อยครัน
เสร็จแล้วพ่อลูกก็สั่งผีว่าพวกท่านวันนี้จงจัดสรร
มาอาสาศึกใหญ่ไปด้วยกันให้ทันฤกษ์พาเวลาเพล
พวกผีดีใจไปสิพ่อลูกจะขอเป็นบ่าวให้กราวเขน
อันทัพผีมิให้ต้องกะเกณฑ์จะเข้านอนออกเวรให้ทันการ ฯ
             

๏ ครานั้นขุนแผนกับพลายงามเสร็จพิธีมีความเกษมศานต์
จึงจัดแจงจงแบ่งปันซึ่งเครื่องอานแจกทหารกับไพร่ให้ผูกพัน
พวกพลทั้งสิ้นก็ยินดีเห็นอย่างนี้ละคุณพ่อใจคอมั่น
ถึงจะให้ไปไหนก็ไปกันจะสู้คนร้อยพันไม่พรั่นใจ
ครั้นเสร็จสรรพกลับพากันมาบ้านขุนแผนเรียกทหารเข้ามาใกล้
สาตราอาวุธจงเลือกใช้ใครถนัดอย่างไหนเอาไปพลัน
บางคนฉวยดาบชักวาบวับที่บางคนก็จับเอากั้นหยั่น
บ้างเข้ามาคว้าปืนถือยืนยันบางคนนั้นร้องบอกขอหอกยาว
อ้ายเฉยว่าฉันเคยแต่ไม้พลองอ้ายมาว่าฉันคล่องก็เพลงหลาว
อ้ายเพชรว่าพร้าก็พอกับคอลาวอ้ายทิดสาคว้าง้าวออกลองรำ
ต่างคนต่างเลือกหาเครื่องอาวุธอุตลุดสับสนอยู่จนค่ำ
แล้วแจกจ่ายเสื้อผ้ายาประจำกระบอกน้ำถุงไถ้ใส่ข้าวปลา
ที่พวกหาบหาไม้มาทำคานจักสานโพล่แฟ้มแซมตะกร้า
ที่ได้เป็นนายหมวดคอยตรวจตราเสียงเฮฮาครึกครื้นรื่นเริงกัน ฯ
๏ ฝ่ายนางทองประศรีกระปรี้กระเปร่าตั้งแต่เช้าจัดเสบียงเสียงสนั่น
พริกเกลือข้าวปลาสารพันใครเชือนช้าด่าลั่นไม่เลือกตัว
นางแก้วกิริยากับลาวทองจัดของเครื่องใช้ให้แก่ผัว
ปรึกษากันปรองดองไม่หมองมัวด้วยความกลัวผัวรักจักทุกข์ร้อน
หีบหมากเครื่องนากอยู่ในกลี่ซองบุหรี่ย่ามใหญ่ใส่ผ้าผ่อน
เสื้อผ้าจัดพับที่หลับนอนมุ้งหมอนพร้อมสิ้นทุกสิ่งอัน
ข้าวของขนมาไว้หน้าเรือนกองเกลื่อนบ่าวข้าจ้าละหวั่น
ส่วนว่าของนายพลายงามนั้นพระหมื่นศรีจัดสรรทุกสิ่งไป ฯ
๏ ครั้นรุ่งเช้าจะเข้าไปทูลลาขุนแผนลูกยาไม่ช้าได้
จัดพานธูปเทียนแลดอกไม้ไปหาท่านผู้ใหญ่ที่ในวัง
เวลาสี่โมงเสด็จออกพระโรงนอกเสียงแตรแซ่กระทั่ง
เสด็จประทับเหนืออาสน์ราชบังลังก์มีรับสั่งไต่ถามความนานา ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพระยาจักรีได้ทีก็ประนมก้มเกศา
กราบทูลเบิกไปมิได้ช้าขอเดชะพระบาทามาปกครอง
ดอกไม้ธูปเทียนทองของถวายของขุนแผนนายพลายงามทั้งสอง
กราบถวายบังคมลาฝ่าละอองไปราชการศึกสนองพระเดชา ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จนเรนทร์สูรฟังทูลทรงพระสรวลสำรวลร่า
เฮ้ยขุนแผนพลายงามทั้งสองราซึ่งอาสาทำชอบกูขอบใจ
จงไปดีมาดีศรีสวัสดิ์พ้นวิบัติเสี้ยนหนามความเจ็บไข
ให้ศัตรูพ่ายแพ้แก่ฤทธิไกรมีชัยได้เวียงเชียงใหม่มา
ตรัสพลางทางสั่งพนักงานพระราชทานเครื่องยศกับเสื้อผ้า
ทั้งกระบี่ทั้งทองของนานาเงินตราเตรียมไปใช้ในทัพ
อีกทั้งม้าต้นคนละม้าเครื่องอานพานหน้าให้พร้อมสรรพ
พวกไพร่ให้ผ้าคนละสำรับสั่งเสร็จเสด็จกลับเข้าวังใน ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนกับลูกยาเสด็จขึ้นกลับมาหาช้าไม่
หาธูปเทียนใส่พานคลานเข้าไปกราบไหว้ทองประศรีผู้มารดา
ลูกหลายจะมาลาคุณแม่จงอยู่ดูแลซึ่งเคหา
อันลาวทองกับเจ้าแก้วกิริยาคุณแม่ได้เมตตาช่วยดูแล
ถัาทุกข์ร้อนก่อนลูกกลับมาถึงจะหมายพึ่งผู้ใดให้เป็นแน่
พระหมื่นศรีแลเธอเป็นเกลอแท้คุณแม่เจ็บไข้จงไหว้วาน
เหย้าเรือนรุงรังจะพังคว่ำพอจะทำเงินมีอยู่ที่บ้าน
ขอแต่ให้คุณแม่อยู่สำราญถึงลูกไปช้านานไม่ร้อนใจ ฯ
๏ ครานั้นทองประศรีผู้มารดาฟังลูกหลานลาน้ำตาไหล
ลูบหลังลูบหน้าแล้วว่าไปอย่าเป็นห่วงบ่วงใยเลยทางนี้
เมียเจ้านั้นไซร้ไว้ธุระแม่จะดูแลสารพัดให้ถ้วนถี่
ทั้งเรือนเหย้าข้าวของบรรดามีได้พึ่งพระหมื่นศรีก็ดีแล้ว
แม่ขัดขวางอย่างไรจะไปหาเจ้าตั้งหน้าไปเถิดนะลูกแก้ว
ทุกข์โศกโรคภัยให้คลาดแคล้วจงผ่องแผ้วพูนสุขทุกเวลา
ให้เจ้าชนะมารผลาญศัตรูใครอย่ารอต่อสู้ได้สักหน้า
อองามเจ้าอย่าห่างข้างบิดายังเด็กนักเด็กหนาย่าห่วงนัก
อย่าประมาททอาจหาญการรบสู้ขุนไกรปู่นั้นแต่หนุ่มคุ้มฟันหัก
แกมิได้หมิ่นศึกทำฮึกฮักเบาหนักตรองดูให้รู้ความ
อนึ่งพวกพลไพร่ที่ไปด้วยใครเดือดร้อนผ่อนช่วยอย่าหยาบหยาม
อุตส่าห์เอาอกใจให้งดงามไปรบพุ่งเหมือนตามกันไปตาย
ถ้าใจเดียวเกลียวกลมกันหนึ่งแน่ถึงน้อยก็ไม่แพ้ที่มากหลาย
ท่านว่าป่าพึ่งเสือเรือพึ่งพายเราเป็นายก็ต้องพึ่งซึ่งไพร่พล
อนึ่งความกตัญญูรู้คุณเจ้าทุกค่ำเช้านึกไว้จะให้ผล
ให้รุ่งเรืองฤทธิเดชทั้งเวทมนตร์เจ้าจงสนใจจำคำย่าไว้ ฯ
๏ ขุนแผนพลายงามความยินดีรับพรทองประศรีแล้วก้มไหว้
ขุนแผนกลับมาสั่งข้าไทแล้วเข้าไปในห้องทั้งสองนาง
เจ้าลาวทองกับเจ้าแก้วกิริยาจงอุตส่าห์ปรองดองอย่าหมองหมาง
ไปทัพถ้าข้างบ้านเกิดรานทางมักเป็นลางให้ร้ายฝ่ายผู้ไป
การกินอยู่ดูแลแม่ทองประศรีอย่าให้มีทุกข์ยากลำบากได้
เจ้าแก้วก็อลักเอลื่ออยู่เหลือใจท้องไส้จงระวังจะนั่งนอน
เมื่อคลอดลูกลาวทองน้องช่วยดูทั้งฟืนไฟให้อยู่แลผ้าผ่อน
ให้บ่าวมันคั้นส้มต้มน้ำร้อนเอาผ้าซ้อนเปลลูกผูกเห่ช้า
อันที่จะทำมิ่งสิ่งขวัญเรื่องนั้นมอบไว้ให้คุณย่า
ด้วยท่านเป็นผู้ใหญ่ได้เคยมาถึงหยูกยาสารพัดทั่นเข้าใจ
อนึ่งพี่นึกได้ไปคราวนี้ท่วงทีจะได้พบท่านผู้ใหญ่
ด้วยเดินทางไม่ห่างสุโขทัยไปเชียงใหม่ก็จะผ่านบ้านจอมทอง
จะสั่งเสียอย่างไรไปถึงบ้างหรือสองนางเจ้าอยากฝากข้าวของ
พี่จะรับไปให้ดังใจปองถ้าได้ช่องคงพบประสบกัน ฯ
๏ ครานั้นลาวทองแก้วกิริยาฟังว่าอกใจให้ไหวหวั่น
จะร้องไห้กลัวลางในกลางคันอุตส่าห์กลั้นโศกาแล้วว่าไป
พ่ออย่าได้รำพึงถึงตัวน้องจะปรองดองผูกสมัครรักใคร่
รับการงานให้ท่านคุณแม่ใช้จะตั้งใจปฏิบัติเป็นอัตรา
ถ้าขึ้นไปได้พบกับพ่อแม่จงบอกแต่ว่าลูกเป็นสุขา
แล้วผัวเมียต่างคนสนทนาด้วยสนิทเสนหาต่างอาลัย ฯ
๏ ฝ่ายว่าขุนแผนแสนศักดาตื่นขึ้นเวลาปัจจุบันสมัย
บ้วนปากล้างหน้าแล้วคลาไคลชวนลูกออกไปตระเตรียมทัพ
ที่ตำบลวัดใหม่ชัยชุมพลเป็นมงคลเคยตั้งตามตำรับ
ผู้คนพร้อมพรั่งอยู่คั่งคับขุนแผนกับลูกยาตรวจตราการ
ทองประศรีลาวทองแก้วกิริยาก็ตามมาจัดเสบียงเลี้ยงอาหาร
ทั้งบ่าวไพร่พวกพงศ์วงศ์วารตามไปส่งพลุกพล่านทั้งลานวัด
พระหมื่นศรีดีจริงไม่นิ่งได้พาลูกเมียบ่าวไพร่ไปเป็นขนัด
ขาดเหลือเจอจานสารพัดแล้วช่วยจัดข้าวของจะเอาไป
ของใหญ่ให้เอาขึ้นหลังช้างวัวต่างนั้นบรรทุกเสบียงใส่
ที่เบาเบาเหล่าของต้องการใช้ให้พวกไพร่หาบหามตามติดนาย
ครั้นจัดเสร็จเรียบร้อยคอยเวลาโหราเหยียบเงาเอาชั้นฉาย
พอถ้วนนาทีสี่โมงปลายถึงฤกษ์จะขยายกระบวนพล ฯ
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยาแต่เช้ามาหาสำรับอยู่สับสน
ท้องแก่อลักเอลื่อก็เหลือทนเจ็บท้องร้องทุรนจะขาดใจ
ทองประศรีว้าวุ่นเรียกขุนแผนแล้วลุกแล่นมาประคองทั้งสองไหล่
ขุนแผนทำน้ำสะเดาะให้ทันใดกลืนเข้าไปพอตลอดคลอดลูกชาย
ประจวบฤกษ์ดิถีกรีธาทัพต้องตำรับว่าประเสริฐเลิศหลาย
ทองประศรีอุ้มแอบไว้แนบกายให้ชื่อพลายชุมพลรณรงค์
แล้วเรียกเรือมารับกลับเข้าบ้านด้วยห่วงหลานลูกสะใภ้ไม่อยู่ส่ง
พระหมื่นศรีรับว่าอย่าพะวงจงวางใจให้ฉันไว้ทางนี้ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดาดูท้องฟ้าเห็นจำรัสรัศมี
สบยามตามตำราว่าฤกษ์ดีสั่งให้ตีฆ้องชัยไว้เดโช
ยกจากวัดใหม่ชัยชุมพลพวกพหลพร้อมพรั่งตั้งโห่
พระสงฆ์ส่งสวดชยันโตออกทุ่งโพธิ์สามต้นขับพลมา
โห่ร้องฆ้องลั่นมาหึ่งหึ่งนายจันสามพันตึงเป็นกองหน้า
กองหลังสีอาดราชอาญาพวกทหารสามสิบห้าต่างคลาไคล
บ้างคอนกระสอบหอบกัญชาตุ้งก่าใส่ย่ามตามเหงื่อไหล
บ้างเหล้าใส่กระบอกหอกคอนไปล้าเมื่อไรใส่อึกไม่อื้ออึง
บ้างห่อใบหระท่อมตะพายแล่งเงี่ยนยาหน้าแห้งตะแคงขึง
ถุนกระท่อมใส่ห่อพอตึงตึงค่อยมีแรงเดินดึ่งถึงเพื่อนกัน ฯ
๏ ขุนแผนพลายงามตามกันมาชักม้าข้ามทุ่งมุ่งไพรสัณฑ์
พอพ้นถิ่นก็สิ้นแสงตะวันผ่อนผันหยุดพักพิตเพียน
นายกำนันก็ชวนลูกบ้านช่องแบกสำรับเนืองนองไม่ต้องเฆี่ยน
ไฟฟืนดื่นไปทั้งไต้เตียนเยี่ยมเยียนกองทัพสับสนกัน
พวกกองทัพทั้งสิ้นกินข้าวปลาชาวบ้านเอามาเลี้ยงที่นั่น
แล้วกำนันไปจัดที่วัดพลันให้พวกกองทัพนั้นอาศัยนอน
รุ่งเช้าข้าวปลาหากินสรรพขับกันรีบไปไม่หยุดหย่อน
พ้นทุ่งเข้าป่ามาทางดอนพอแดดกล้าหน้าร้อนอ่อนระทม
มาถึงบ้านดาบก่งธนูพักร้อนเข้าอยู่อาศัยร่ม
พ่อลูกนั่งเล่นเย็นเย็นลมเชยชมลูกชายสบายใจ ฯ
๏ ขุนแผนจึงเรียกเจ้าพลายงามเดินตามไปที่ต้นไทรใหญ่
หมากพลูธูปเทียนเอาถือไปถึงต้นพระไทรก็กราบลง
บอกว่าฟ้าฟื้นของพ่อฝังไว้แต่ครั้งพระพิจิตรเขาบอกส่ง
ดาบนี้มีฟทธิ์ปราบณรงค์ฝังไว้ตรงกิ่งทิศบูรพา
พลายงามก็ขุดดินลงไปพบดาบดีใจเป็นหนักหนา
ส่งให้พ่อชักวาบปลาบนัยน์ตาขุนแผนทูนเกศาด้วยสุดรัก
ดาบนี้ต่อไปจะให้เจ้ารบพุ่งจะได้เอาไปเป็นหลัก
อันฟ้าฟื้นเล่มนี้ดียิ่งนักดาบอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเลย
ถึงพระแสงทรงองค์กษัตริย์ไม่เทียมทัดของเราดอกเจ้าเอ๋ย
จะฝึกเจ้าให้ใช้เสียให้เคยชมเชยดาบพลางทางเดินมา ฯ
๏ กลับถึงที่สำนักแล้วพักผ่อนตะวันรอนแดดบ่ายลงชายป่า
เตือนกันทั้งสิ้นกินข้าวปลาพอเพลาลมตกยกต่อไป
ค่ำลงหยุดนอนลพบุรีเช้ายกจากที่อีกพักใหญ่
ตัดบางขามข้ามบ้านด่านโพธิ์ชัยล่องเข้าแขวงใกล้อู่ตะเภา
ตรงมาหัวแดนภูเขาทองหนองบัวห้วยเฉียงเลี่ยงชายเขา
ตัดลงชายดอนร้อนไม่เบาพอย่างเข้าทุ่งหลวงเพลาพลบ
ขุนแผนก็สั่งให้หยุดพักที่ล้าเมื่อยเหนื่อยหนักนอนสลบ
บรรดาพวกพหลพลรบจุดคบกองไฟไว้เป็นวง
ลางคนหาเขียงหั่นกัญชานั่งชักตุ้งก่าจนคอก่ง
บ้างมีแต่กัญชามานั่งลงผลัดกันหั่นส่งใส่ไฟโพลง
ที่ไม่มีขอซื้อสามมื้อสลึงพอส่งถึงรับหั่นชักควันโขมง
อยากหวานเมางวงล้วงกระโปรงบ้างโก้งโค้งค้นหาพุทรากวน
พวกขี้ยาขึงผ้าขึ้นบังมิดลงนอนขิดกองไฟใส่กล้องง่วน
สิ้นเนื้อเหลือขี้ลงรีรวนจวนหมดอตส่าห์สงวนไว้
เพื่อนกันขอปันหุนละบาทคราวขาดกลัวตายหาขายไม่
อ้ายที่เงี่ยนเต็มอ่อนวอนร่ำไรได้แต่ขี้สองชั้นพอกันตาย
เอาดาบหอกออกแลกกับขี้ยาจนชั้นขันล้างหน้าก็ยื่นขาย
พอแก้เงี่ยนเหียนห้อยค่อยสบายกินอยู่พูวายแล้วหลับนอน ฯ
             

ตอนที่ ๒๘ พลายงามได้นางศรีมาลา

๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายงามเพลายามสามหลับอยู่กับหมอน
กำนัดหนุ่มกลุ้มใจให้อาวรณ์เทพเจ้าจึงสังหรณ์ให้เห็นตัว
ฝันว่านารีเพิ่งรุ่นสาวผิวขาวคมคายมิใช่ชั่ว
สองเต้าเต่งตั้งดังดอกบัวมายืนยิ้มยั่วแล้วเยื้องกราย
พอภปรายทายทักชักสนิทนางเบือนบิดทำทีจะหนีหน่าย
ก็ลุกรีบตามติดเข้าชิดกายคว้าเข้าเจ้าก็หายไปกับมือ
เคลิ้มผวาคว้ากอดขุนแผนพ่อพูดจ้อนี่เจ้าไม่เมตตาหรือ
ขุนแผนตื่นฟื้นตัวก็ผลักมือร้องฮื้อพลายงามทำอะไร
เจ้าพลายกลัวพ่อใจคอหวั่นบอกว่าฝันเห็นผู้หญิงลูกวิ่งไล่
รุ่นสาวขาวอร่ามงามสุดใจจึงเผลอไปขอโทษได้โปรดปราน ฯ
๏ ขุนแผนฟังความพลายงามเล่าเอ๊ะออเจ้าช่างฝันดูขันจ้าน
ฝันเช่นนี้มีตำรับแต่บุราณใครฝันมักบันดาลได้เมียดี
หรือจะถูกลูกเจ้าบ้านผ่านเมืองทำนายพลางย่างเยื้องออกจากที่
บอกกันทั่วหน้าบรรดามีวันนี้ถึงพิจิตรไม่ทันเย็น
ว่าแล้วเตือนกันกินข้าวปลารีบยกยาตราขะมักเขม้น
ไม่หยุดหย่อนร้อนเหลือเหงื่อกรเด็นพอแลเห็นเมืองแวะเข้าวัดจันทร์ฯ
๏ ฝ่ายว่านวลนางศรีมาลาคืนวันนั้นนิทราก็ใฝ่ฝัน
ว่าลงสระเล่นน้ำสำราญครันเห็นบุษบันดอกหนึ่งดูพึงตา
ผุดขึ้นพ้นน้ำงามสะอาดนางโผดผาดออกไปด้วยหรรษา
เด็ดได้ดีใจว่ายกลับมากอดแนบแอบอุราประคองดม
ลืมตาคว้าดูดอกบัวหายเสียดายนี่กระไรไม่ได้สม
ปลุกอีเม้ยแก้ฝันหวั่นอารมณ์อีเม้ยชมว่าฝันของนายดี
ดอกบัวคือผัวมิใช่อื่นมิพรุ่งนี้ก็มะรืนคงถึงนี่
ไม่เหมือนอีเม้ยทายให้นายดีฝันอย่างนี้ได้ทายมาหลายคน
ศรีมาลาว่าไฮ้อีมอญถ่อยเอาผัวผ้อยมาพูดไม่เป็นผล
อุตริทำนายทายสัปดนถึงใครใครให้จนเทวดา
ถ้ามีหน้ามาเกี้ยวก็คงเก้ออย่าเพ้อเลยไม่อยากปรารถนา
อยู่คนเดียวไม่สบายเอาชายมาเขาย่อมว่ามันเป็นเจ้าหัวใจ
อีเม้ยมอญคะนองร้องอุยย่ายอย่าพักพูดเลยนายหาเชื่อไม่
ยังไม่พบปะก็พูดไปถึงตัวเข้าเมื่อไรได้ดูกัน
บ่าวนายสัพยอกหยอกเย้ารุ่งเช้าศรีมาลาก็ผายผัน
ไปดูการบ้านเรือนเหมือนทุกวันนึกถึงฝันพรั่นใจไม่รู้วาย ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงครามพักอยู่อารามจนตกบ่าย
จะเข้าไปในจวนชวนลูกชายแล้วย่างกรายบ่าวตามออกหลามไป
ถือถาดหมากคนโทเป็นยศอย่างเดินมาตามทางกับบ่าวไพร่
พลายงามคิดถึงฝันปั่นป่วนใจเข้าในย่านตลาดก็แลชม
ที่เหล่าร้านขายผ้ามีหน้าถังลายสุหรัดมัดตั้งทั้งผ้าห่ม
ร้านถ้วยชามรามไหมีอุดมสะสมสินค้าสารพัด
สิ่งของทองเหลืองทั้งเครื่องแก้วเป็นถ่องแถวคนผู้ดูแออัด
พวกลูกสาวชาวร้านพานสันทัดทำเหยาะหยัดกิริยาท่าชาวกรุง
พวกขมิ้นเหลืองจ้อยสอยไรจุกมีแทบทุกหน้าถังบ้างเย็บถุง
แต่ละหน้าหน้านวลชวนบำรุงใส่กลิ่นหอมฟุ้งสองฟากทาง
นุ่งลายห่มสีไม่มีเศร้าผัดหน้าจับเขม่าเหมือนชาวล่าง
คนหนึ่งรูปขาวสาวสำอางดูคล้ายนางคืนนี้เป็นนวลจันทร์
ครั้นเข้าใกล้แลเขม้นเป็นแต่แม้นไม่อ้อนแอ้นเหมือนนางที่ในฝัน
ทั้งนมคล้อยหน่อยนึงจึงผิดกันนอกจากนั้นตะละอย่างต่างต่างไป
นางนิมิตติดใจมิได้ลืมยิ่งป่วนปลื้มถึงฝันให้หวั่นไหว
สู้เดินเมินหน้าไม่อาลัยล่วงตลาดเข้าไปในจวนพลัน ฯ
๏ พระพิจิตรนั่งเล่นอยู่หอขวางเห็นคนเดินมาสล้างก็นึกหวั่น
เอ๊ะข้าหลวงมาทำไมหลายคนครันที่เดินหน้ามานั่นดังพระยา
ครั้นดูไปจำได้ว่าขุนแผนดีใจลุกแล่นลงมาหา
จูงมือขึ้นจวนชวนพูดจาขุนแผนวันทากับลูกชาย
พระพิจิตรเรียกศรีบุษบาขุนแผนเขามาไปไหนหาย
บุษบาเยี่ยมหน้าเห็นสองนายยิ้มพรายออกมาด้วยดีใจ
นั่งลงไต่ถามความทุกข์ยากแต่ไปจากแม่ได้แต่ร้องไห้
มิรู้ที่จะถามข่าวคราวใครด้วยทางไกลเหลือไกลมิได้รู้
จะเป็นตายหายลับไปหลายปีวันนี้แลหวังว่ายังอยู่
เห็นเจ้าเหมือนใครให้แก้วชูด้วยเอ็นดูเหมือนลูกจึงผูกใจ
วันทองท้องแก่ไปแต่นี่คลอดง่ายดายดีหรือเจ็บไข้
ลูกเป็นชายหญิงอย่างกระไรเดี๋ยวนี้อยู่ไหนไม่พามา ฯ
๏ ขุนแผนเล่าความไปตามเรื่องเมื่อส่งไปจากเมืองก็สุขา
เขาผ่อนปรนจนถึงอยุธยาโปรดประทานโทษาไม่ฆ่าตี
เป็นความกับขุนช้างก็ชนะลูกไปอยู่บ้านพระจมื่นศรี
เผอิญกรรมตามซัดวิบัติมีไปเห็นชั่วเป็นดีไม่ควรการ
ให้ทูลขอลาวทองต้องติดคุกทนทุกข์โทษแทบถึงประหาร
วันทองท้องแก่เหลือกันดารทรมานว้าเหว่อยู่เอกา
อ้ายขุนช้างบังอาจฉุดเอาไปไม่มีผู้ใดจะตามว่า
จนคลอดลูกชายคนนี้มาชันษาเจ้าได้ถึงสิบปี
มันจะเอาไปฆ่าในป่ใหญ่พลายช่วยไว้ได้ไม่เป็นผี
หนีไปอยู่บ้านกาญจน์บุรีแม่ทองประศรีเลี้ยงไว้ให้เรียนรู้
พอมีศึกเจ้าสะอึกเข้าอาสาแต่ตัวข้ายังติดคุกอยู่
จึงเป็นเหตุให้พระองค์ทรงเอ็นดูได้ช่องคูทูลขอพ่ออกมา
ก็โปรดให้พลายงามด้วยความชอบรับสั่งมอบการศึกให้รักษา
ประทานคนโทษที่มีวิชาสามสิบห้าลูกหาบเจ็ดสิบคน
ที่มานี่จะยกไปเชียงใหม่ไปจับอ้ายลาวตีให้ปี้ป่น
นึกถึงคุณปกเกล้าเมื่อคราวจนจึงแวะวนเข้ามนมัสการ ฯ
๏ ครานั้นพระพิจิตรบุษบาฟังขุนแผนว่าน่าสงสาร
อนิจจาเคราะห์ร้ายแทบวายปราณนมนานน้อยหรือแต่ทนทุกข์
นี่หากลูกยากล้าทูลขอหวังจะแทนคุณพ่อสู้บั่นบุก
หาไม่ก็จะตายอยู่ในคุกเจ้าให้พ่อเป็นสุขมิเสียแรง
ผัวเมียชอบอารมณ์ชมเปาะหน้าตาเหมาะเจาะใจกล้าแข็ง
ชาติทหารเหมือนพ่อไม่ย่อแยงดูกล้องแกล้งนึกรักเฝ้าทักทาย
แค้นใจแต่ท้องบุษบาเป็นผู้หญิงเสียข้าขันใจหาย
คิดคิดขึ้นมาน่าเสียดายถ้าแม้นชายจะให้ไปด้วยพลัน
ว่าพลางทางร้องเรียกลูกสาวมาศรีมาลาเอ๋ยนั่งทำไมนั่น
ออกมาหาพี่ชายอย่าอายกันศรีมาลาหวั่นหวั่นแล้วแอบมอง
พี่เชื้อมาแต่ไหนไม่รู้จักค่อยค่อยผลักบานประตูดูตามช่อง
เห็นหนุ่มน้อยหน้านวลชวนคะนองสองคนพ่อลูกประหลาดตา
อีเม้ยรับขยับเข้ายืนชิดมือสะกิดเย้าเยาะหัวเราะว่า
นั่นเป็นไรใครบนเทวดาอีเม้ยทายแล้วว่าอย่าไม่ผิดคำ
ศรีมาลาว่าชิอีขี้เค้าว่าได้ว่าเอาไม่เป็นส่ำ
ขืนว่าแล้วจะด่าให้ระยำค้อนควักหน้าคว่ำแล้วยิ้มเมิน
พอพระพิจิตรเรียกซ้ำมาขานเจ้าขาค่อยเยี่ยมเฟี้ยมแฝงเขิน
นางอุทัจอัดใจมิใคร่เดินก้มสะเทินทรุดนั่งบังมารดา
ยกมือไหว้ขุนแผนกับพลายงามให้วาบหวามอารมณ์แล้วก้มหน้า
พลายงามรับไหว้ชายแลมาพอสบตาก็ตะลึงตะลานใจ
คนนี้แลแน่แล้วที่เราฝันรูปโฉมโนมพรรณหาผิดไม่
น้องเอ๋ยรูปร่างช่างกระไรถึงนางในกรุงศรีไม่มีเทียม
ดังพระจันทร์วันเพ็ญเมื่อผ่องผุดบริสุทธิ์โอภาสสะอาดเอี่ยม
สองแก้มแย้มเหมือนจะยั่วเรียมงามเงี่ยมราศีผู้ดีจริง
ทั้งจริตกิริรยามารยาทดูฉลาดไว้วางอย่างผู้หญิง
อ่อนชะอ้อนเหมือนจะวอนให้ประวิงจะยิ้มพรายก็พริ้งยิ่งเพราตา
ดูไหนไม่ขัดแต่สักอย่างนี่คู่สร้างของเรากระมังหนา
พอแลลอดสอดรับจับนัยน์ตาดังว่าเจ้าจะตัดเอาหัททัย
หญิงอื่นหมื่นแสนที่เคยเห็นก็หาจับใจเป็นเช่นนี้ไม่
ถ้าแม้นได้ร่วมรักสักอึดใจจะตายไปก็ไม่คิดสักนิดเดียว
นึกพลางเจ้าพลายร่ายพระเวทประสบเนตรเป่าไปให้ซ่านเสียว
ศรีมาลาต้องมนตร์ขนลุกเกรียวชำเลืองเหลียวแลมาประหม่าใจ
พอสบเนตรให้สะท้านละลานจิตยิ่งต่อตายิ่งคิดพิสมัย
อกอ่อนร้อนรุ่มดังสุมไฟไม่อยู่ได้นางก็ลาเข้ามาเรือน
แอบช่องมองดูอยู่ข้างในยิ่งเพ่งพิศพาใจอาลัยเลื่อน
ความรักมีแต่ชักกระตุ้นเตือนฟั่นเฟือนดังจะคลั่งตั้งตามอง
ชะชายคนนี้มิเสียแรงดังหนึ่งแกล้งหล่อเหลาไม่เศร้าหมอง
ดูเนื้อตัวหน้าตาดังทาทองไม่ขัดข้องสวยสมช่างคมคาย
รู้สึกตัวนึกอายระคายเขินไถลเดินเลยเข้าในห้องหาย
อีเม้ยยิ้มกริ่มตามไปถามนายวันนี้ดูไม่สบายเป็นอย่างไร
ออกไปไหว้พี่มาแต่กรุงแล้ววิ่งกลับเข้ามุ้งเหมือนเป็นไข้
หรือผีสางทักทายนายตกใจฉันจะบนบวงให้กบาลกิน
ผีมาแต่กรุงหรือบ้านนอกอย่าหลอนหลอกจงคลายให้หายสิ้น
ขอผัดหน่อยคอยตะวันให้ตกดินปัดยุงริ้นแล้วจะเซ่นในมุ้งนี้
ศรีมาลาต่อยหัวลงต้ำเหงาะเฝ้าค่อนเคาะร่ำไปไม่บัดสี
นี่แลสัญชาติไพร่ที่ไหนมีเซ่นผีในมุ้งมอญจัญไร
เย้ากันจนตะวันนั้นเย็นลงศรีมาลายิ่งพะวงหลงใหล
บุษบาเห็นช้าจึงเกริ่นไปเป็นอย่างไรสำรับไม่จัดแจง
ศรีมาลาฟังว่าก็ลุกไปช่วยดูแลข้าไทให้ตกแต่ง
จัดสำรับอุดมทั้งต้มแกงฝาชีแดงปิดปกแล้วยกมา
นางยกชามข้าวบ่าวยกสำรับใจวับวับมิค่อยออกไปนอกฝา
ครั้นถึงจัดวางข้างบิดาไม่อาจเงยดูหน้าเจ้าพลายงาม
พระพิจิตรก็ชวนกันกินข้าวเจ้าพลายร้อนเร่าประหวั่นหวาม
ตะลึงแลศรีมาลาคว้าแต่ชามกลืนข้าวเหมือนหนามอยู่ในคอ
กลัวเนื้อความจะฟุ้งสะดุ้งคิดเหลือบดูพระพิจิตรแล้วดูพ่อ
พระพิจิตรรู้ทีทำตัดพ้ออย่างไรหนอกินอยู่ดูระคาง
กินอะไรไม่อร่อยหรือพ่อหรือชาวเหนือฝีมือไม่เหมือนล่าง
รสชาตปิ้งจี่มันจืดจางหัวเราะพลางหยอกเย้าเจ้าพลายงาม
แล้วจึงชักชวนทั้งสองนายค้างที่นี่เถิดสบายอย่าเกรงขาม
บ้านมีอยู่ไยในอารามมาอยู่ตามชอบใจในหอนั้น
อิ่มเสร็จแล้วสั่งศรีมาลาให้จัดแจงฟูกผ้าทุกสิ่งสรรพ์
ที่นอนน้อยกำมะหยี่นุ่นสองอันเสื่ออ่อนสองชั้นจัดออกมา ฯ
๏ ขุนแผนถามพระพิจิตรพลันสีหมอกนั้นอยู่ดีหรือเจ้าขา
พระพิจิตรบอกว่าสีหมอกม้าอยู่ดีแต่ชราถนัดใจ
เนื้อหนังพาลติดจะเหี่ยวคร่ำอันหญ้าน้ำค่ำเช้าหาขาดไม่
ข้าก็ช่วยเยี่ยมเยียนเวียนมาไปเกณฑ์ให้อ้ายจันมันเลี้ยงดู
ขุนแผนจึงชวนลูกชายพลันไปเยี่ยมม้าด้วยกันเสียสักครู่
ว่าพลางทางออกนอกประตูตรงไปที่อยู่สีหมอกม้า
อ้ายจันครั้นเห็นยกมือไหว้ฉันเลี้ยงไว้อ้วนพีดีหนักหนา
พ่อลูกเข้าไปใกล้อาชาขุนแผนเสกหญ้าให้ม้ากิน ฯ
๏ สีหมอกม้าหญ้ามนตร์เข้าดลใจจำได้รู้ภาษาพูดจาสิ้น
ลงตีนโปกโปกโขกแผ่นดินเพียงจะดิ้นหลุดแหล่งด้วยดีใจ
เลียชมดมทั่วทั้งกายาขุนแผนกอดม้าน้ำตาไหล
ลูบหลังสีหมอกแล้วบอกไปข้านี้ต้องราชภัยเพิ่งพ้นมา
ไปติดคุกจนลูกทูนขอโทษท่านปล่อยโปรดจึงได้มาเห็นหน้า
เจ้าพลายนี้ลูกวันทองน้องยาที่ท่านรับบุกป่ามากับเรา
สีหมอกฟังเหลียวหน้าหาวันทองไม่เห็นน้องอยู่ไหนให้สร้อยเศร้า
มิรู้ที่จะถามความหนักเบาเฝ้าแต่ดูลูกพ่อคลอน้ำตา ฯ
๏ ขุนแผนบอกว่าข้าจะไปทัพหมายจะรับไปด้วยช่วยอาสา
เพราะได้เคยเห็นใจแต่ไรมาจะไปได้หรือว่าท่านหย่อนแรง
สีหมอกดีใจจะไปทัพเต้นหรับร้องร่าดัดขาแข้ง
ดังบอกว่าข้าจะไปอย่าได้แคลงขุนแผนแจ้งท่วงทีก็ดีใจ
จึงเลือกเด็ดยอดหญ้ามาเต็มมือถือเสกด้วยพระเวทมุขใหญ่
ป้อนม้ากินหญ้าในทันใดระงับโศกโรคภัยให้บรรเทา
เดชะพระเวทวิเศษขลังสีหมอกมีกำลังขึ้นดังเก่า
ผูกเครื่องเรืองอร่ามงามเพริศเพราขุนแผนขี่เหยาะเหย่าออกมาพลัน
ลองขับน้อยใหญ่ทั้งไล่หนีท่วงทีไวว่องคล่องขยัน
ถึงม้าหนุ่มจะเปรียบไม่เทียบทันสารพันถูกทำนองด้วยว่องไง
ขุนแผนดีใจลงจากหลังเรียกอ้ายจันมาสั่งหาช้าไม่
เอ็งดูให้อิ่มหนำสำราญใจจะขี่ไปในรุ่งพรุ่งนี้เช้าฯ
๏ ครั้นสั่งแล้วขุนแผนแสนศักดาเรียกลูกชายมาแถลงเล่า
พ่อเกรงว่าช้าอยู่เหมือนดูเบาเราจะยกในรุ่งขึ้นพรุ่งนี้
ด้วยปลอดสิ้นทักทอนยมขันเป็นฤกษ์เสาร์เก้าชั้นวิเศษศรี
มีตบะจะชนะแก่ไพรีเจ้านี้จะเห็นเป็นอย่างไร
พลายงามความอาลัยศรีมาลาไม่รับมาว่าจะจากพิจิตรได้
จะแจ้งข้อกลัวพ่อไม่ตามใจจึงแก้ไขเบือนบิดคิดเจรจา
ว่าไพร่พลบอบช้ำระกำอกจะด่วนยกไปไหนนี่เจ้าขา
ขอให้ไพร่พักสักเวลาพอหายเหนื่อยเมื่อยล้าจึงคลาไคล
ขุนแผนว่าดูเอาเถิดเจ้าพลายจะหยุดหาความสบายก็เป็นได้
การรับสั่งว่ายากลำบากไยที่ไหนจะเหมือนบ้านเรือนตน
เจ้าพลายงามตอบว่าหามิได้ลูกจะใคร่ปลุกเครื่องอีกสักหน
ด้วยยังหย่อนฤทธิ์เดชทั้งเวทมนตร์ขอพักพลปลุกเครื่องเสียสักนิด
ขุนแผนว่าถ้าไปเสียให้ทันพรุ่งนี้เป็นวันมหาสิทธิ์
จะปลุกเครื่องก็เรืองอิทธิฤทธิ์ประกอบกิจกับฤกษ์ที่เบิกไพร
อันพิธีในเรื่องปลุกเครื่องอานทำในบ้านไม่เหมือนในป่าใหญ่
ด้วยบ้านเมืองผู้คนเกลื่อนกล่นไปจะระงับดับใจไม่สู้ดี
เจ้าพลายว่าป่าไม้จะปลุกฤทธิ์ไม่ประสิทธิ์เหมือนหนึ่งป่าช้าผี
อยู่ในพาราป่าช้ามีก็เป็นที่สงัดเงียบปากคอ
ขุนแผนรู้ว่าบิดก็คิดเคืองเอ็งห่วงเมืองอยู่ทำไมไฉนหนอ
ธุระสิ่งไรมีจะรีรอพ่อพูดมิฟังช่างกระไร
พลายงามคร้ามพ่อไม่ต่อเถียงพูดเลี่ยงว่าธุระหามีไม่
แล้วพ่อลูกก็พากันคลาไคลขึ้นจวนใหญ่พลายน้อยคะนึงนาง
ขุนแผนพลายงามพระพิจิตรชอบชิดพูดจากันต่างต่าง
ถึงเรื่องรบพุ่งแลทุ่งทางพูดพลางต่างหัวร่อกันเรื่อยไป ฯ
๏ ครั้นสิ้นแสงสุริยนสนธยาพระจันทราแย้มเยี่ยมเหลี่ยมไศล
เคลื่อนคล้อนลอยฟ้านภาลัยหมดเมฆปัถไหมไม่หมองมอม
พระพายพามาลาละอองกลิ่นรวยรินรสร่อนขจรหอม
ศรีมาลาอาวรณ์นอนใจตรอมถนอมแนบหมอนข้างเคียงคะนึง
โอ้พ่อพลายงามของน้องเอ๋ยใครเลยจะเอ็นดูให้รู้ถึง
ว่าน้องนี้มีจิตคิดรำพึงดังศรตรึงทรวงโศกวิโยคคิด
พ่อชายตามาสบเมื่อน้องแลจะรู้แน่หรือจะแหนงแคลในจิต
ดูลาดเลาเจ้าก็ใคร่จะเป็นมิตรหรือวิปริตคิดว่าไม่ปรานี
อกน้องยากนักด้วยเป็นหญิงต้องซ่อนรักหนักนิ่งอยู่กับที่
แม้นเป็นชายพ่อพลายเป็นสตรีค่ำวันนี้เป็นตายจะหมายไป
นึกพลางนางนอนสะท้อนท้อน้ำตาคลอมิใคร่จะเคลิ้มได้
ให้เฟื่องฟุ้งพลุ่งพล่านรำคาญใจนึกอาลัยไปจนหลับกับที่นอน ฯ
๏ พระพิจิตรขุนแผนพลายงามพูดกันจนยามไม่หยุดหย่อน
พระพิจิตรว่าเช้าเจ้าจะจรจงพักผ่อนเสียเถิดทั้งสองรา
ว่าแล้วก็ลุกไปเข้าเรือนพลายงามฟั่นเฟือนเป็นหนักหนา
ชวนพ่อเข้านอนวอนพูดจาคุณพ่อขานี่ดึกแล้วกระมัง
ฉันวันนี้อย่างไรไม่สบายระส่ำระสายเหน็ดเหนื่อยเมื่อยสันหลัง
จะนอนเสียแต่หัวค่ำเอากำลังจะได้ตั้งหน้ายกแต่เช้าไป ฯ
ขุนแผนนึกในใจไอ้เจ้าชู้มันสำคัญว่ากูหารู้ไม่
กรรมกรรมเจียวจะทำเป็นอย่างไรมันจะแกล้งให้ผู้ใหญ่ผิดใจกัน
คิดแล้วก็ทำเป็นมารยาหลับตานอนนิ่งไม่พลิกผัน
คอยจับแยบคายลูกชายนั้นไม่วางใจให้หวั่นในอารมณ์ ฯ
             

๏ เจ้าพลายก่ายหมอนทำนอนนิ่งสุดประวิงอกไหม้ไส้พุงขม
กำเริบรักหนักแน่นแสนระทมโอ้เจ้านมพวงพี่ศรีมาลา
ป่านนี้เนื้ออ่อนจะนอนสนิทหรือดวงจิตจะนึกเสนหา
ดูทีเหมือนจะมีซึ่งเมตตาแต่ทว่าเป็นหญิงก็นิ่งไว้
อันความรักหนักแน่นในอกพี่ข้อนี้เจ้ารู้หรือหาไม่
แม้นรู้เค้าเจ้าก็เห็นจะอาลัยคงมิให้เสียทีพี่หมายชิด
เขาย่อมว่าถ้ามีมิตรใจแล้วคงไม่สาบสูญมิตรจิต
พี่รักเจ้าเทียมเท่าดวงชีวิตนี่จะคิดฉันใดให้เป็นการ
จะวนเวียนเพียรพูดให้ถึงปากก็สุดยากเชิงชักสมัครสมาน
ด้วยพรุ่งนี้ก็จะไปไม่อยู่นานจะพึ่งพานผู้ใดก็ไม่มี
ถ้าจะไว้สู่ขอต่อขากลับเห็นตัวพี่นี้จะยับลงเป็นผี
ด้วยความรักหนักใจเสียเต็มทีจะทวีขึ้นทุกวันจนบรรลัย
จำจะคิดเข้าสนิทให่สมนึกจึงจะคิดทำศึกต่อไปได้
แม้นมิได้ศรีมาลายาใจซึ่งจะไปเชียงใหม่อย่าสงกา
ตามแต่บุญกรรมเถิดน้องแก้วคนหลับแล้วจะลอบเข้าไปหา
ถ้าแม้นแก้วพี่มิเมตตาก็ตามแต่เวราจะเป็นไป
ยิ่งนึกยิ่งตรมอารมณ์หมองแสงเดือนเด่นส่องสว่างไสว
น้ำค้างพร่างพร้อยละห้อยใจเสียงไก่แก้วขันกระชั้นยาม
ฟังพ่อรอหูดูจนใกล้ไม่ไว้ใจแคลงคลำแล้วทำถาม
ขุนแผนรู้แยบคายเจ้าพลายงามไม่ตอบความนิ่งอยู่จะดูที
เจ้าพลายสำคัญว่าพ่อหลับค่อยขยับลุกย่องมาจากที่
พอออกนอกห้องได้ก็ยินดีหมายว่าหนีพ้นพ่อรอบังเงา ฯ
๏ ขุนแผนลุกมองแล้วย่องตามพอทันถามออกมาทำไมเจ้า
พลายงามแก้เก้อละเมอเดาฉันจะออกไปเบาที่นอกชาน
วันนี้มันให้ปวดแต่ท้องเยี่ยวหลายเที่ยวแล้วด้วยกล่อนมันสังหาร
จะปลุกพ่อขอยารับประทานขุนแผนว่าไม่ได้การแล้วเจ้าพลาย
อ้ายโรคกล่อนเช่นนี้มันขี้ถ่อยหมอสักร้อยรักษาก็ไม่หาย
ว่าพลางทางจูงมือลูกชายย่างกรายเข้าห้องต้องระวัง ฯ
๏ เจ้าพลายงามขัดใจไม่เป็นสุขล้มนอนแล้วลุกทะลึ่งนั่ง
แค้นพ่อเหมือนหัวอกจะฟกพังกระไรช่างแกล้งได้ไม่เมตตา
เป็นไรมีดีแล้วว่าไม่หลับจะคอยจับให้ได้ก็ไม่ว่า
พลางร่ายมนตร์ขลังสั่งนิทราตั้งสมาธิปลงตรงภวังค์
เป่าต้องขุนแผนแสนสนิทก็เคลิ้มจิตด้วยพระเวทวิเศษขลัง
หลับสนิทแน่วนิ่งลงจริงจังพลายงามสมหวังสิ้นอาวรณ์
ขยับเท้าก้าวย่างออกจากห้องพระจันทร์ส่องแสงจำรัสประภัสสร
พระพายพัดบุปผาพาขจรรวยรินรสอ่อนระรื่นไป ฯ
๏ มาถึงเรือนที่ศรีมาลาอยู่แอบบังเงาดูด้วยสงสัย
หลังนี้ดอกกระมังยืนชั่งใจแสงไฟวับวามตามตะเกียง
คิดพลางทางร่ายมนตร์สะกดหลับหมดเงียบดีไม่มีเสียง
สะเดาะกลอนถอนหลุดแล้วมองเมียงเลี่ยงเข้าในห้องย่องเดินมา
อัจกลับตามวางกระจ่างแสงเจ้าตกแต่งเครื่องเรือนไว้หนักหนา
เครื่องแป้งจัดตั้งไว้หลังม้าขันล้างหน้าพานรองของผู้ดี
เครื่องนากเครื่องทองสองสำรับเรียงลำดับวางไว้เป็นที่ที่
โถขี้ผึ้งแป้งร่ำน้ำมันตานีโต๊ะหวีตั้งเรียงไว้เคียงกัน
โตกพานหีบปัดจัดตั้งซ้อนทั้งผ้าผ่อนพับเรียบทุกสิ่งสรรพ์
เครื่องไหว้พระนั้นจัดอัฒจันทร์คันฉ่องแกะงาเป็นหน้าพรหม
กระจกใหญ่ใส่ตั้งทั้งไม้สอยอุบะห้อยรื่นรวยดูสวยสม
สะอาดสะอ้านลานตาน่านิยมพลางชมม่านกางข้างที่นอน
พื้นไหมใส่ทองเป็นลายปักน่ารักรูปร่างบางชะอ้อน
ปักระเด่นเป็นไข้ใจอาวรณ์ทุรนร้อนรักนุชบุษบา
เอาไฟเผาเข้าลักพระน้องนาฎโอบอุ้มใส่ราชรถา
ระเด่นแกล้งแปลงเป็นจรกาปักเป็นบุษบาเจ้าจาบัลย์
๏ พระรีบเร่งชักรถถึงคีรีเข้าสู่ถ้ำมณีภิรมย์ขวัญ
สองกษัตริย์เชยชมสมสู่กันพอรุ่งแสงสุริยันก็จากนาง
เข้ามาเมืองจะเปลื้องความสงสัยสั่งพี่เลี้ยงไว้มิให้ห่าง
ผลกรรมจำจากจะพรากร้างเผอิญข้างนางนึกนิยมไป
ออกทรงรถชมพรรณบุปผาปักปะการะตาหลาอันเป็นใหญ่
ให้ลมเพชรหึงลั่นสนั่นไพรพัดพาอรไทไปทั้งรถ
ครั้นไกลไปตกกลงกลางป่าบุษบายิ่งแสนโศกกำสรด
คิดถึงพระองค์ผู้ทรงยศนางระทดระทวยแทบทำลายชนม์
ปักเป็นระเด่นเที่ยวตามหาค้นคว้าจบแหล่งทุกแห่งหน
พระวงศาแยกย้ายหลายตำบลแปลงตนเป็นปันจุเหร็จไพร
ฉลาดนักปักงามนี้น้อยหรือช่างฟัดครือเรื่องพี่หาผิดไม่
อันองค์บุษบายาใจพิเคราะห์ไปเหมือนเจ้าศรีมาลา
อันอกของระเด่นมนตรีเหมือนอกพี่นี่ที่โหยหา
คล้ายระเด่นกับพระนุชบุษบาแต่ไม่มีจรกาจึงผิดกัน
ถ้าใครเป็จรกาเข้ามาแกล้งพี่ไม่แปลงอย่างเช่นระเด่นนั่น
จะจิกหัวจรกาเอามาฟันแล้วสรวลสันต์ผันแปรแลชำเลือง
เตียงจีนตีนตั้งบนตัวสิงห์ฉลุลายพรายพริ้งพร้อมทั้งเครื่อง
แลวิจิตรปิดทองดูรองเรืองมุ้งเหลืองแพรดอกกกระเด็นลอย
หน้าระบายลายทับสลับสีมุ้งผู้ดีมีแส้หางม้าห้อย
เปิดมุ้งเมียงมองเห็นน้องน้อยเจ้าหลับผ็อยเพ่งพิศจิตทะยาน
พักตร์พริ้มเหมือนยิ้มอยู่ทั้งหลับประทีปจับหน้านวลชวนสมาน
เจ้านิทรามารยาทไม่มีปานยิ่งคิดก็ยิ่งซ่านสวาทเตือน
ค่อยประคองลองจูบเจ้าทั้งหลับหอมกระไรใจวับขยับเขยื้อน
พอต้องเต้าตัวสั่นให้ฟั่นเฟือนค่อยลูบเลื่อนโลมเล้าละลานใจ
จับแล้ววางเล่าเฝ้ากลัดกลุ้มด้วยรุ่นหนุ่มชู้สาวหาเคยไม่
จะปลุกนางกลัวร้องย่องห่างไปคลายเวทแล้วก็ไอให้สำเนียง ฯ
๏ ครานั้นศรีมาลานารีรู้สึกสมประดีได้ยินเสียง
ลืมตาเห็นชายอยู่ปลายเตียงเจ้ามองเมียงจำได้ว่าพลายงาม
นึกสำคัญในจิตคิดว่าฝันไม่หวาดหวั่นยิ้มแล้วก็ทักถาม
นึกอย่างไรใจกล้าเข้ามาตามจะเกิดความงามหน้าพากันอาย
เจ้าพลายได้ฟังเข้านั่งอิงนางรู้ว่าคนจริงมิ่งขวัญหาย
ตกใจเพียงจะดิ้นสิ้นใจตายร้องว้ายแล้วก็ซบสลบไป ฯ
๏ อีเม้ยรับหลับอยู่ที่เฉลียงได้ยินเสียงนายร้องก็จำได้
ลุกขึ้นด้วยตระหนกตกใจเข้าในห้องมองเมียงถึงเตียงพลัน
เห็นเจ้าหนุ่มอุ้มนางวางบนตักรู้จักว่าเจ้าพลายที่หมายมั่น
ก็แจ้งใจในเหตุปัจจุบันมาฉวยขันน้ำส่งให้เจ้าพลาย
พ่อเอาผ้าชุบน้ำนี้ลูบหน้าลูบไล้ไปมากว่าจะหาย
แล้วปลอบโยนตามใจให้สบายถ้าขืนใจแล้วจะตายในพริบตา
ว่าแล้วปิดห้องย่องกลับไปอีเม้ยยิ้มละไมอยู่ในหน้า
คอยดูผู้คนจะไปมาด้วยสงสารศรีมาลากับพลายงาม ฯ
๏ จะกล่าวถึงท่านพระพิจิตรหลับสนิทเสียงลูกตกใจหวาม
จะเกิดเหตุอะไรไม่รู้ความจึงร้องถามอีเม้ยเฮ้ยเป็นไร
กูแว่วเหมือนเสียงศรีมาลามึงลืมตาขึ้นฟังมั่งหรือไม่
อีเม้ยเอ่ยตอบไปทันใดนายท่านเรียกฉันไปให้ปัดยุง
ปัดไปปัดมาไม่ทันดูจิ้งจกมันอยู่ที่ในอุ้ง
ฉันปัดมันพลัดลงจากมุ้งถูกพุงเธอจึงร้องออกก้องเรือน
พระพิจิตรว่าดูอีมอญถ่อยสักหน่อยอ่อนจะเลยเป็นกลากเกลื้อน
บุษบาว่าฉันก็ได้เตือนมันไม่เชือนดูแลแต่กลางวัน ฯ
๏ ฝ่ายว่าขุนแผนอยู่หอนั่งสะดุ้งฟื้นตื่นฟังใจหวั่นหวั่น
ออพลายหายแล้วไม่แคล้วกันอ้ายขี้เค้าคงถลันไปเข้ามุ้ง
อ้ายลูกเจ้ากรรมมาทำเข็ญพรุ่งนี้ทีเห็นจะเกิดยุ่ง
แต่ตริตรองแก้ไขสิ้นไส้พุงคืนยังรุ่งไม่ระงับหลับนอน ฯ
๏ ครานั้นนารีศรีมาลาค่อยฟื้นตื่นมายังเหนื่อยอ่อน
ได้สติลืมตาด้วยอาวรณ์เห็นเจ้าพลายกอดช้อนไว้ทั้งตัว
มือหนึ่งลูบน้ำชดลมหน้านางประหม่าขนพองสยองหัว
ใจเต้นหวามหวามด้วยความกลัวยังมึนมัวมิรู้ที่จะหนีไป
จึงค่อยเคลื่อนเลื่อนตัวลงจากตักละอายนักนิ่งนอนถอนใจใหญ่
ค่อยกระดิกพลิกตัวเข้าข้างในเจ้าแกล้งหันหลังให้ไม่แลดู ฯ
๏ ครานั้นพลายงามทรามสวาทยังไม่อาจถามทักเป็นสักครู่
ด้วยอาการอย่างไรยังไม่รู้เห็นนอนอยู่ดิบดีค่อยมีใจ
จึงหยิบพัดหางปลามารำเพยน้องเอ๋ยนอนเถิดจะพัดให้
เมื่อตะกี้พี่วิตกนี่กระไรถ้าบรรลัยพี่ชายจะตายตาม
พี่บนบวงเทวดาคงมาช่วยจึงรอดด้วยเทพไทมิได้ห้าม
ท่านเอ็นดูโฉมฉายกับพลายงามเพราะเห็นความรักพี่มีต่อน้อง
แต่แลพบสบตาเมื่อมาถึงพี่เหมือนหนึ่งกับปลามาติดข้อง
ทุรนร้อนรักรึงคะนึงปองถ้าเจ้าไม่ปรองดองก็ถึงตาย
เหลือที่พี่จะโศกโรครักร้างช่วยรักษาพี่บ้างพอห่างหาย
เชิญเจ้าผินหน้ามาหาพี่ชายพูดภิปรายพอให้พี่มีน้ำใจ ฯ
๏ ครานั้นนวลนางศรีมาลาได้ฟังวาจายิ่งรักใคร่
แต่หากมารยาแกล้งว่าไปนี่อยากรู้ว่าใครให้เข้ามา
เป็นผู้ดีช่างไม่มีอัชฌาสัยไม่เกรงใจพ่อแม่แต่สักหน้า
รู้จักกันไม่ทันล่วงเวลาจะมาฆ่าแท้แท้แก้ว่ารัก
รักจริงนิ่งไยมิไปขอบอกแม่พ่อเป็นผู้ใหญ่ให้ประจักษ์
ล่วงเกินแล้วมาเชิญให้ทายทักนี่จะให้ใครสมัครไปทักทาย ฯ
๏ อนิจจาแก้วตาช่างว่าได้ไม่เห็นใจหรือว่ารักสมัครหมาย
พี่กล้ามาถึงตัวไม่กลัวตายก็เพราะรักโฉมฉายกว่าชีวิต
ถ้าสามารถอาจขอต่อพ่อแม่แน่แล้วพี่จะขอต่อพระพิจิตร
ท่วงทีก็จะสมอารมณ์คิดท่านเป็นมิตรกับบิดามาช้านาน
เมื่อนั่งกินข้าวเย็นเห็นหรือเปล่าท่านหยอกเย้าพี่อย่างว่าลูกหลาน
แต่สุดคิดเพราะติดราชการจะต้องคุมพวกทหารไปพรุ่งนี้
ถ้าร้างรักหักใจไปจากเจ้าทุกค่ำเช้าจะระทมดังตรมฝี
คงบรรลัยไม่ทันเป็นไมตรีใช่ว่าพี่จงจิตจะคิดร้าย
เพราะขัดขวางอย่างอื่นไม่คิดเห็นจำเป็นจึงเข้ามาหาโฉมฉาย
ถ้าเจ้าไม่ปรานีพี่ยอมตายขอฝากกายไว้ในห้องของน้องรัก ฯ
๏ ศรีมาลาฟังความพลายงามว่านางตรึกตราทุกสิ่งจริงประจักษ์
นึกถึงตัวกลัวอายยิ่งร้ายนักเหมือนชวนชักชายไว้ที่ในเรือน
ถึงเพียงนี้แล้วที่ไหนจะไปจากยากที่จะผลัดวันประกันเลื่อน
ทั้งใจนางความรักก็ตักเตือนจึงลุกเบือนหน้าค้อนเข้าพลายงาม
อ้อชาวกรุงศรีเช่นนี้เจียวฉลาดเฉลียวลิ้นลมเป็นคมหนาม
จะว่าไรแก้ไขได้ทุกความมิน่าหญิงวิ่งตามกันปรอปรอ
ขึ้นมาถึงพิจิตรติดผู้หญิงครั้นติดทัพกลับนิ่งไม่สูขอ
ไปทัพก็ไม่ไปไถลรอจนแม่พ่อหลับใหลเข้าในเรือน
ไม่คบค้าก็ว่าจะบรรลัยชาวบ้านนอกที่ไหนใครจะเหมือน
ถ้าหญิงใดใจเบาให้เจ้าเชือนไม่ถึงเดือนก็จะทิ้งวิ่งไปทัพ
ปล่อยนางร้างเปล่าอยู่ข้างนี้ต้องให้คอยร้อยปีไม่มีกลับ
ให้เสียตัวชั่วช้ำระกำยับเพราะสับปลับหลงเสน่ห์เล่ห์ชาวกรุง
ฉันขอบคุณที่อุตส่าห์รักษาไข้ไปเสียเถิดพ่อไปจะใกล้รุ่ง
ถ้าพ่อแม่รู้ความจะลามนุงจะโกรธยุ่งไม่ได้ดังใจปอง ฯ
๏ น้องเอ๋ยที่จะไปอย่าได้คิดสิ้นชีวิตก็จะตายอยู่ในห้อง
พี่ไม่ลวงหลอกดอกนะน้องจะครอบครองเป็นคู่อยู่จนตาย
ปรานีพี่เถิดอย่าเฝ้าดื้อได้ถูกถือแล้วเช่นนี้ไม่มีหน่าย
ว่าพลางอิงแอบเข้าแนบกายเจ้าพลายจับต้องจะลองใจ ฯ
๏ ศรีมาลาป้องปัดสะบัดเบี่ยงเขาว่าแล้วยังเมียงเข้ามาใกล้
สัญญาว่าแต่ปากยากอะไรอย่าด่วนได้นะจงยั้งตั้งใจคิด
ถ้าจริงใจก็ให้ความสัตย์ก่อนให้แน่นอนภายหน้าว่าสุจริต
เชื่อได้จึงจะปลงลงเป็นมิตรถ้าเบือนบิดอย่าสำรวยให้ป่วยการ ฯ
๏ จริงจริงกระนั้นหรือน้องแก้วมันก็แล้วมิให้น้องต้องว่าขาน
พี่จะให้ความสัตย์ปฏิญาณขอบันดาลเทพยดาจงมาฟัง
ถ้าพี่นี้ทิ้งขว้างร้างหย่าไม่เลี้ยงเจ้าศรีมาลาไปวันหลัง
ขอให้มีอันเป็นเห็นจริงจังลงนรกตกกระทั่งถึงโลกันต์
พี่ให้สัตย์ปฏิญญาณอย่างนี้แล้วน้องแก้วยังสงสัยหรือไรนั่น
เชิญเจ้าช่วยรับรักพี่หนักครันจะหวาดหวั่นต่อไปไม่ต้องการ ฯ
๏ เห็นแล้วหม่อมพี่ที่รักน้องคงปรองดองร่วมรักสมัครสมาน
แต่ฉันยังเป็นไข้ให้สะท้านขอผัดพอนานนานจะตามใจ
เจ้าพลายรู้ใจไข้มารยาไม่รอช้ากอดรัดกระหวัดไขว่
ประจงจูบลูบลอดในสไบนางผลักไสอยู่จนพับกับที่นอน
ทั้งหนุ่มสาวคราวแรกภิรมย์รักไม่ประจักษ์เสนหามาแต่ก่อน
กำเริบรักเหลือทนทุรนร้อนพอร่วมหมอนก็เห็นเป็นอัศจรรย์
เหมือนเกิดพายุกล้ามาเป็นคลื่นครืนครืนฟ้าร้องก้องสนั่น
พอฟ้าแลบแปลบเปรี้ยงลงทันควันสะเทือนลั่นดินฟ้าจลาจล
นทีตีฟองนองฝั่งฝาท้องฟ้าโปรยปรายด้วยสายฝน
โลกธาตุหวาดไหวในกมลทั้งสองคนรสรักประจักษ์ใจ ฯ
๏ ครานั้นนวลนางศรีมาลาเสนหาพะวงหลงใหล
แอบผัวเคียงข้างไม่ห่างไกลเอาสไบซับเนื้อที่เหื่อนอง
พัดพลางถามผัวกลัวอิดโรยหิวโหยหรือข้าจะหาของ
เจ้าพลายสวมสอดกอดประคองได้แนบน้องเนื้อนิ่มพี่อิ่มทิพย์
กินอยู่ไม่ต้องกล่าวทั้งคาวหวานขึ้นสวรรค์เห็นวิมานอยู่หวิบหวิบ
ต่าคะนึงคลึงเคล้าเฝ้ากระซิบงุบงิบกันจนม่อยผ็อยหลับไป ฯ
๏ จวนอรุณเรื่อฟ้านภาแผ้วไก่แก้วขันเร่งปัจจุสมัย
ศรีมาลาตื่นนอนถอนฤทัยด้วยจำใจจะต้องพรากจากผัวนั้น
นางล้างหน้าทาแป้งแล้วหวีหัวค่อยขยับจับตัวผัวปลุกสั่น
ตื่นเถิดจวนจะแจ้งแสงตะวันอยู่ด้วยกันช้าไปจะได้อาย
เจ้าพลายตื่นฟื้นตัวมัวแต่จูบโลมลูบอยู่ใม่ใคร่จะผันผาย
จะเหินห่างนางไปให้เสียดายซังตายลุกมาล้างหน้าพลัน
ศรีมาลามพาไปที่เครื่องแป้งตกแต่งแป้งร่ำน้ำดอกไม้กลั่น
เจือกระแจะปรุงประทิ่นกลิ่นจวงจันทน์นางจัดสรรให้ผัวแต่งตัวไป
เจ้าพลายประแป้งแต่งตัวแล้วจะคลาดแคล้วสะท้อนถอนใจใหญ่
นั่งลงอุ้มนางวางตักไว้ยิ่งอาลัยยิ่งอนาถไม่อาจจร ฯ
๏ ครานั้นนวลนางศรีมาลาเจ้าโศกาสะอึกสอื้นอ้อน
นึกได้เหลียวหน้ามาว่าวอนคิดก่อนนะจะไปไกลจากน้อง
เรื่องของเราผู้ใหญ่ไม่รู้ความต้องคิดอ่านลากหนามไว้จุกช่อง
พ่อไปเผื่อใครจะขอร้องอย่าให้ต้องขืนขัดคำบิดา
ถึงน้องจะยากเข็ญเป็นอย่างไรก็คงจะเอาใจไว้รอท่า
เสร็จราชการทัพจงกลับมาอย่าเชือนช้าให้ม้วยด้วยตรอมใจ
พลายงามความอาลัยใจละเหี่ยฟังเมียไม่กลั้นน้ำตาได้
พี่นี้เหลือที่จะห่วงใยพี่จะไปบอกพ่อให้ขอน้อง
ถึงกระไรให้ขอพอได้หมั้นป้องกันมิให้ใครเกี่ยวข้อง
ถ้าหากว่าบิดาไม่ปรองดองถึงจะต้องฟันคอมิขอไป
อย่าวิตกหมกไหม้เลยน้องแก้วไปแล้วพี่หาลืมปลื้มจิตไม่
เจ้าจงจำคำสัตย์ของพี่ไว้เสร็จศึกเมื่อไรจะรีบมา
อย่าร้องไห้ไปนักจงฟังพี่พรุ่งนี้ใครเห็นจะผิดหน้า
ว่าพลางทางช่วยเช็ดน้ำตาแล้วจูบซ้ายย้ายขวาจะลาจร
ศรีมาลาอาลัยใจจะขาดนางมิอาจดูหน้าดังแต่ก่อน
ผละผัวตัวเจ้าเข้าที่นอนลงแอบหมอนซ่อนหน้าโศกาลัย ฯ
             

๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงามแลตามเมียขวัญให้หวั่นไหว
รามรามจะใคร่ตามกลับเข้าไปแต่จนใจจะกระจ่างสว่างฟ้า
หักใจเดินออกมานอกห้องค่อยค่อยย่องบังเงาเข้าริมฝา
ถึงหอนั่งตั้งใจจะไสยาเห็นบิดาตื่นอยู่ก็ตกใจ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดาเห็นพลายงามถามว่ามาแต่ไหน
เจ้าพลายทำเฉยเอ่ยตอบไปฉันปวดท้องลงบันไดไปที่เว็จ
ขุนแผนว่าเว็จไหนในเมืองนี้ถึงกับมีเครื่องแป้งแต่งตัวเสร็จ
หน้าตาทาแป้งเป็นเม็ดเม็ดกูรู้เช่นเห็นเท็จอย่าหลอกลวง
มาอยู่บ้านพระพิจิตรผู้บิดาพระคุณท่านมีมาเป็นใหญ่หลวง
เอ็งนี้จ้วงจาบละลาบละล้วงบังอาจล่วงลูกท่านผู้มีคุณ
หากว่าติดนิดหนึ่งด้วยการทัพหาไม่กูจะขับลงใต้ถุน
ไม่ถูกหวายลายพร้อยก็เป็นบุญทำวุ่นแล้วจะว่าประการใด ฯ
๏ ครานั้นพลายงามทรามสวาทฟังพ่อบริภาษหาเถียงไม่
คิดไปได้ทีก็ดีใจกราบไหว้ว่าลูกนี้ผิดจริง
ด้วยความรักอักอ่วนเหลือกำลังราวจะคลั่งจะใคล้ไปทุกสิ่ง
มิรู้ที่จะสลัดตัดทิ้งถ้าขืนนิ่งไปศึกนึกว่าตาย
จะพึ่งบุญคุณพ่อช่วยขอสู่ก็ว่าจะไม่อยู่ตอนบ่าย
คิดไปไม่ตลอดจะวอดวายจึงปีนป่ายเข้าห้องน้องศรีมาลา
อ่อนก็เป็นมิตรจิตไม่แหนงคุณพ่อก็เห็นแป้งที่ประหน้า
ลูกได้ให้คำมั่นเป็นสัญญาว่าจะบอกบิดาให้ขอร้อง
ถึงกระไรได้หมั้นพอกันเท็จการเบ็ดเสร็จไว้ว่าเมื่อขาล่อง
คุณพ่อโปรดด้วยช่วยปรองดองจะได้คล่องอกใจไปราวี ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิทนิ่งคิดใคร่ครวญดูถ้วนถี่
การทั้งปวงล่วงเลยถึงเเพียงนี้จะทิ้งไปไม่ดีเป็นเนรคุณ
อองามก็หลงจนงงงวยไม่ช่วยไปข้างหน้าจะว้าวุ่น
ตกกระไดพลอยโผนโจนตามบุญทำเป็นหุนหันโกรธเจ้าพลายงาม
อ้ายลูกนอกพ่อก่อความร้อนเมื่อแต่ก่อนทำไมไม่ไต่ถาม
เอาแต่ใจหนุ่มตะกรุมตะกรามเกิดความแล้วมาง้อพ่อทำไม
ถ้าไม่รักพระพิจิตรผู้บิดากูหาพักพูดจาให้มึงไม่
ลูกของท่านท่านรักดังดวงใจมึงทำให้เสียตัวเหมือนชั่วช้า
ก็จะต้องแก้ไขเสียให้หายอย่าให้ท่านอับอายขายหน้า
ถ้าวันหน้าทิ้งขว้างนางศรีมาลากูมิฆ่าอย่านับว่าเป็นชาย
เจ้าพลายดีใจกราบไหว้พ่อข้อนั้นมิให้มีที่เสียหาย
ว่าพลางล้างหน้าทั้งสองนายแล้วเยื้องกรายออกมาอยู่หน้าเรือน ฯ
๏ จะกล่าวถึงนวลนางศรีมาลาโศกาอาลัยใครจะเหมือน
กอดหมอนถอนใจให้ฟั่นเฟือนนอนแชเชือนจนเช้าเจ้าไม่ลุก
อีเม้ยเห็นนายยังหายเงียบค่อยย่องเกรียบไถลเข้าไปปลุก
เห็นนายเฉยเลยทำเหมือนเป็นทุกข์ลงนั่งปุกแกล้งสะท้อนแล้วถอนใจ
อนิจจาขัดสนช่างจนยากแต่จะหาใส่ปากมิใคร่ได้
ยังมาซ้ำฝันเห็นให้เป็นไปว่าเทพไทเธอมาเมื่อคืนนี้
กลับไปเมื่อใกล้จะสว่างไปกลางทางเธออยากหมากบุหรี่
เบี้ยหอยแต่สักร้อยก็ไม่มีจะเอาที่ไหนไปให้เทวดา
นายตื่นจะต้องขึ้นค่าตัวใช้ด้วยสงสารเทพไทเป็นหนักหนา
น่าเอ็นดูเธอสู้เหาะลงมาถ้านายไม่เมตตาจะเสียใจ ฯ
๏ ศรีมาลาไม่อินังกำลังเฉยฟังอีเม้ยแก้ฝันไม่กลั้นได้
ลุกขึ้นมาต่อยหัวตัวจัญไรไม่มีเลือกเสือกไปเที่ยวล่วงรู้
มึงอย่าพูดมากปากสำรวยมานั่งช่วยกันทำเสียสักครู่
ว่าพลางเจียนหมกแล้วจีบพลูบุหรี่มีในตู้เอาแก้มัด
เย็บกระทงประจงเจียนฝาชีใส่หมากพลูบุหรี่ที่นางจัด
ทั้งของกินระหว่างทางอัตคัดใส่ขวดอัดผูกผ้าตราประทับ
จัดเสร็จซ่อนใส่ในตะกร้าแล้วเอาผ้าซ้อนซ้ำเป็นลำดับ
เอ็งเอาไปให้ดีอีเม้ยรับของคำนับเทวดาที่หามึง ฯ
๏ ครานั้นพระพิจิตรบุษบาสั่งผู้คนจนเวลาสักโมงครึ่ง
เบิกเสบียงเลี้ยงกันอึงคะนึงครั้นเสร็จจึงออกมาหาสองนาย
พอนั่งลงบุษบาก็เรียกไปศรีมาลาเป็นไรไปไหนหาย
พ่อแผนจะไปแต่ในงายสายแล้วสำรับไม่ยกมา
อีเม้ยบอกไปใจคอหายผงเข้าตานายเมื่อล้างหน้า
ยังปวดแสบเต็มที่เห็นยี่ตาบุษบาว่ามึงเป็นแต่เล่นลิ้น
ทิ้งนายมานั่งตั้งสำออยสักหน่อยตาอ่อนจะบวมปลิ้น
ชาติอีมอญหน้าเป็นเห็นแก่กินน้ำขมิ้นไม่เอาไปหยอดตา ฯ
๏ เจ้าพลายได้ฟังนั่งนึกขันอีคนนี้สำคัญมันหนักหนา
คงรู้เห็นเป็นใจกับศรีมาลานึกหน้าได้แล้วเมื่อคืนนี้
ที่เข้าไปช่วยเหลือเมื่อนางแน่แล้วช่วยปดพ่อแม่เป็นถ้วนถี่
นิ่งนึกตรึกตรองเห็นช่องดีได้ทีบอกบุษบาพลัน
คุณแม่แก้ผงเข้าตาช้ำถ้าลืมตาในน้ำดีขยัน
กระตุกหนังตาช่วยไปด้วยกันทำอย่างนั้นก็จะหายระคายตา ฯ
๏ บุษบาได้ฟังนั่งหัวร่อพ่อคุณอารีดีหนักหนา
อีเม้ยมึงจำเอาตำราไปบอกศรีมาลาเหมือนพ่อพลาย
แล้วหันหน้ามาพูดกับขุนแผนแม่นี้แค้นตัวเองมิรู้หาย
มีลูกก็ไม่เห็นเป็นผู้ชายยังเสียดายอยากได้ไว้สักคน ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดาเห็นสบท่าตอบต่ออนุสนธิ์
ลูกได้พึ่งฝ่าเท้าเมื่อคราวจนมีพระคุณเป็นพ้นคณนา
แต่ตริตรองจะสนองพระคุณตอบคิดดูรอบคอบเป็นหนักหนา
ยังไม่เห็นสิ่งใดในปัญญาจนขึ้นมาถึงพิจิตรบุรี
มาถึงก็รำพึงแต่เย็นวานเห็นการสมควรเป็นถ้วนถี่
คุณพ่อแม่ลูกชายนั้นไม่มีอองามนี้ลูกจะยกให้ช่วงใช้
ให้แทนคุณต่างตัวทั้งแม่พ่อตามแต่จะตีด่าหาว่าไม่
คุณพ่อจะเห็นเป็นอย่างไรใจเด็กก็สมัครรักฝ่าเท้า ฯ
๏ ครานั้นพระพิจิตรบิดาฟังว่าเต็มใจให้ลูกสาว
ยิ้มแล้วตอบความตามเรื่องราวอย่าต้องกล่าวอุปไมยไปเป็นเพลง
เจ้าว่าข้าก็เห็นว่าเป็นมิตรที่จริงจิตคิดดูก็เหมาะเหม็ง
แต่เป็นชาวบ้านนอกยังออกเกรงลูกข้าเองมันไม่สู้รู้อะไร
เป็นแต่คนซื่อซื่อไม่ดื้อดึงจะเอาถึงชาวกรุงนั้นไม่ได้
ฉวยวันหน้าถ้าลูกไม่ถูกใจเจ้าจะทำฉันใดอย่าให้อาย ฯ
๏ ขุนแผนนบนอบตอบพระพิจิตรข้อนั้นลูกก็คิดเป็นเหลือหลาย
เอาทานบาดคาดทานบนจนออพลายหายวิตกแล้วลูกจึงพูดจา
อันเช่นศรีมาลานารีถึงในที่กรุงศรีก็สุดหา
ทั้งรูปร่างท่วงทีกิริยาพอลูกมาเห็นลูกก็ถูกใจ
ถึงอองามจะเป็นเจ้าพระยาแขกไปใครมาก็รับได้
ทั้งตัวลูกก็จะอยู่ดูไปคงมิให้อับอายขายฝ่าเท้า ฯ
๏ พระพิจิตรจึงว่าถ้ากระนั้นพอเชื่อกันวางใจที่ในเจ้า
แต่บุษบาจะว่าข้าใจเบาลูกของเจ้าเจ้าถามบ้างเป็นไร ฯ
๏ บุษบาได้ฟังนั่งอมยิ้มใจสมัครรักปิ้มจะบอกให้
แต่คิดคิดก็ตะขิดตะขวงใจเป็นผู้ใหญ่จู่ลู่จะดูแคลน
จึงว่าลูกข้าก็คนเดียวขับเคี่ยวมาแต่น้อยคอยหวงแหน
ขอไปแม่จะได้ที่ไหนแทนพ่อแผนก็จำเพาะมาเจาะจง
เพราะรักเจ้าล้นเหลือเหมือนเนื้อไขไม่ขัดได้จำตามความประสงค์
แต่ทว่าข้าจะบอกออกตรงตรงยังนึกสงสัยบ้างทางเจ้าพลาย
มีธุระทางไกลไปเมืองลาวสาวสาวทางนั้นมันมากหลาย
ถ้ากระไรไปถูกลูกเจ้านายที่พูดกันมันจะกลายเป็นเหลวเลอะ
จะทำให้เสียหายฝ่ายผู้ใหญ่เกิดระกำช้ำใจกันไปเถอะ
เขาจะว่าข้านี้เป็นคนเคอะช่างซมเซอะไม่รู้จะดูชาย
ที่ว่านี้มิใช่จะตัดรอนรักเจ้ามาแต่ก่อนนั้นเหลือหลาย
จะควักแก้วตาไปให้เจ้าพลายก็เบี่ยงบ่ายอย่างไรให้มั่นคง ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงามคิดแล้วกล่าวความตามประสงค์
ถ้าหากท่านผู้ใหญ่ได้ตกลงที่ตรงดีฉันนั้นอย่าแคลง
ถึงจะไปนอกฟ้าป่าหิมพานต์อันที่การนอกใจอย่าได้แหนง
แม้จะให้สัญญาปิดตราแดงจะขีดแกงไดให้ในสัญญา
ถึงเด็กอยู่รู้พระคุณแต่หนหลังพ่อแม่เล่าให้ฟังเป็นหนักหนา
จะขอเป็นเกือกทองรองบาทาคุณแม่พ่อขออย่าได้ปรารมภ์
ขุนแผนพ่อพูดต่อเจ้าพลายงามความที่มันสัญญาน่าจะสม
เห็นจะไม่โกหกพกลมแต่นานนมหนักไปก็ไม่ดี
ลูกคิดว่าถ้าหมั้นต่อกันไว้ถึงห่างไกลก็พะวงตรงที่นี่
เหมือนตัวไปใจอยู่ด้วยคู่มีอย่างนี้เป็นทำนองที่ป้องกัน
วันนี้ก็ประเสริฐเลิศดิถีจงปรานีรับรองซึ่งของหมั้น
แล้วจึงทำเหย้าเรือนหาเดือนวันการเหล่านั้นฝากไว้ในเจ้าคุณ
ด้วยจะต้องไปทัพรับอาสาการของลูกข้างหน้ายังว้าวุ่น
คุณพ่อแม่เมตตาได้การุญให้อุ่นอกเช่นครั้งแต่หลังมา ฯ
๏ ครานั้นจึงท่านพระพิจิตรทั้งบุษบาสมคิดก็หรรษา
รับทองหมั้นไว้มิได้ช้าพระพิจิตรจึงว่าเป็นไรมี
เจ้าคิดอ่านการศึกเอาเชียงใหม่ถ้าคล่องใจคงสำเร็จราวเดือนยี่
ยังจะต้องคุมทัพกลับธานีก็เดือนสี่แลประมาณการวิวาห์
ครั้นตกลงปลงใจให้กันแล้วต่างคนผ่องแผ้วเป็นหนักหนา
สำรับพร้อมล้อมนั่งกินข้าวปลาสนทนาเบิกบานสำราญใจ
เลี้ยงดูกันสำเร็จเสร็จสรรพพ่อลูกลากลับหาช้าไม่
พระพิจิตรมาส่งลงบันได้ออกจากจวนไปยังวัดจันทร์ ฯ
๏ ฝ่ายอีเม้ยดักทางอยู่ข้างบ้านพอขุนแผนเดินผ่านพ้นที่นั่น
กระแอมไอให้เสียงเป็นสำคัญเจ้าพลายหันมาดูก็รู้ที
จึงหลีกเข้าข้างทางหว่างต้นไม้ถามว่ามาทำไมจนถึงนี่
อีเม้ยบอกว่าตะกร้านี้มีของดีจะขายพ่อพลายงาม
เจ้าพลายยิ้มแล้วว่าข้าอยากได้จะถูกแพงเท่าไรไม่ต้องถาม
รับตะกร้ามาให้ไพร่แบกตามเอาเงินสามตำลึงส่งให้อีเม้ย
แล้วค่อยงุบงิบกระซิบสั่งกลับหลังเข้าเรือนอย่าเชือนเฉย
ถ้านายยังร้องไห้ไม่เสบยเจ้าคนเคยปฏิบัติอยู่อัตรา
ปลอยโยนนางไว้อย่าให้เศร้าตัวเจ้าจงพิทักษ์รักษา
ให้เป็นสุขค่ำเช้าจนเรามาเงินตราข้าจะเติมเพิ่มรางวัล
ว่าแล้วเท่านั้นก็ผันผายเจ้าพลายปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
รีบตามบิดามาวัดจันทร์แล้วช่วยกันจัดพหลพลโยธี ฯ
๏ ครั้นเรียกคนสำรวจตรวจถ้วนจัดกระบวนหน้าหลังตั้งตามที่
พระพิจิตรมาช่วยอวยสวัสดีแล้วคลายคลี่พหลพลโยธา
กองหน้านายจันสามพันตึงพอฆ้องหึ่งโห่กระหน่ำออกนำหน้า
กองหลวงกองเสบียงเรียงกันมาราชอาญากองหลังนั้นรั้งพล
พวกชาวบ้านร้านตลาดดาษดื่นแตกตื่นมาดูอยู่สับสน
ที่ตามวัดก็พระประน้ำมนตร์ขุนด่านนำส่งจนพ้นพรมแดน ฯ
๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายงามขี่ม้ามาตามพ่อขุนแผน
ยังง่วงเหงาหาวนอนนั่งคลอนแคลนทรวงแสนกระสันโศกวิโยคครวญ
โอ้ว่าศรีมาลาแก้วตาพี่ป่านฉะนี้จะเศร้าเฝ้าโหยหวน
เหมือนใจพี่ที่นึกคะนึงนวลใครจะชวนโฉมฉายให้คลายใจ
ที่พูดกันเมื่อเช้าถ้าเจ้ารู้ว่าขอสู่แม่พ่อก็ยกให้
เห็นจะวายหวาดหวั่นพรั่นฤทัยนั่งนับวันไปจนถึงงาน
ค่ำเช้าเจ้าคะนึงถึงตัวพี่พอมีที่แก้ไขได้คิดอ่าน
ตระเตรียมจัดแจงแต่งเรือนชานแก้รำคาญเบ่งบานที่เศร้าใจ
๏ เออเมื่อคิดขึ้นมาก็น่ารู้ว่าเนื้อคู่คิดเห็นเป็นไฉน
จะตกแต่หอห้องทำนองใดใครจะเป็นที่ปรึกษาหารือนาง
คู่คิดเจ้าก็มีแต่อีเม้ยมันเป็นไพร่ไม่เคยคงพานขวาง
จะชวนซื้อหาใหม่ไปทุกทางของเก่ามีดีบ้างไม่นำพา
เครื่องเรือนในห้องของน้องแก้วล้วนดีดีมีแล้วก็หนักหนา
พี่ยังได้ชมเล่นเห็นแก่ตาจะต้องหาใหม่นั้นมีเพียงไร
๏ เตียงนอนค่อนจะแคบอยู่สักนิดแต่ก็ดีที่ชิดพิสมัย
ถึงหนาวร้อนก็ไม่นอนห่างกันไปอย่าต้องหาเตียงใหม่เลยน้องรัก
ม่านกรองทองทับสลับสีเรื่องระเด่นมนตรีที่เจ้าปัก
มันถูกเรื่องของเราเข้าทีนักจะเยื้องยักปักใหม่ไม่ต้องการ
ถ้ากระไรปักต่อก็จะดีเติมเมื่อตรงศึกชีอีกสักม่าน
ยังเครื่องแป้งแต่งไว้ไม่มีปานขันพานขวดน้อยน้อยน่าเอ็นดู
เมื่อคืนนี้ตอนดึกยังนึกได้เจ้าพาไปนั่งเรียงเคียงคู่
เครื่องเชี่ยนหมากนากทองของโฉมตรูยังติดตาพี่อยู่ทุกสิ่งอัน
พี่จะปลูกหอใหม่ให้ใหญ่กว้างทั้งของนางของพี่จะจัดสรร
ของของพี่มีมากหลากหลากกันเครื่องอาวุธยุทธภัณฑ์ก็ดีดี
๏ ยังเครื่องรางปลุกเสกด้วยเลขยันต์หรือขวัญข้าวเจ้ารังเกียจด้วยเกลียดผี
ก็ไว้ที่อื่นได้เป็นไรมีพี่จะสร้างหอน้อยเป็นหอพระ
ที่ในห้องของเราเอาพรมปูวางหมอนคู่เคียงไว้ไม่เกะกะ
ไว้นอนเล่นเย็นเช้านะเจ้านะพี่จะเฝ้าถนอมกล่อมน้องยา
ถึงจะนั่งกินข้าวทั้งเช้าเย็นเราอย่าให้ใครเห็นจะดีกว่า
ได้หยอกเอินพูดเล่นเจรจากินข้าวปลาเอิบอิ่มกระหยิ่มใจ
ทำไมกับเรื่องเครื่องเรือนชานจะเบิกบานก็ที่ชิดพิสมัย
ชั้นชั่วเสื่ออ่อนกับหมอนใบก็คงได้ความสุขทุกคืนวัน
๏ กำลังง่วงดวงจิตคิดเลื่อนเปื้อนเจ้าพลายฟั่นเฟือนเหมือนกับฝัน
สำคัญว่าเนื้อคู่อยู่ด้วยกันยิ่งยั่วยวนสรวลสันต์จำนรรจา
พี่ยังทุกข์อยู่นิดคิดไม่ถูกเผื่อเจ้าจะมีลูกในวันหน้า
พี่เห็นเขาเจ็บท้องร้องเต็มประดาแก้วตาจะอย่างไรก็ไม่รู้
เขาว่ามดถ่อหมอตำแยมักเชือนแชข่มขยำทำจู่ลู่
ถ้าหากไม่คอยนั่งระวังดูเคยลากถูจนตายมาหลายคน
พี่จะคอยถือตระบองมองกำกับถ้าสัปปลับเอาอย่างนี้ตีให้ป่าน
เคลิ้มฟาดแส้ม้ามาประดนถูกก้นม้าพ่อเข้าพอแรง ฯ
๏ ม้าผลุนขุนแผนเจียนจะตกหากแอบอกอยู่ที่ด้วยขี่แข็ง
พอรั้งอยู่เหลียวมาโกรธหน้าแดงนี่มึงแกล้งหรือไรให้ว่ามา
เจ้าพลายตกใจไม่มีขวัญบอกความพ่อพลันไม่มุสา
ลูกหลับใหลฝันไปว่าศรีมาลาเจ้าจะคลอดลูกยาเจ็บครวญคราง
เห็นยายหมอตำแยแกมักง่ายทำจู่ลู่ดูดายเมื่อลูกขวาง
เกรงจะเป็นอันตรายวายวางลูกตีแกดังผางพอถูกม้า
เพราะเคลิ้มเขลาเมามัวด้วยความฝันใช่จะแกล้งตีรันไม่มุสา
สีหมอกก็ได้มีพระคุณมาคุณพ่อได้เมตตาที่โทษกรณ์ ฯ
             

๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิทฟังลูกคิดคิดก็ใจอ่อน
นี่แลรักชักพาให้อาวรณ์ร้อนทั้งหลับตื่นทุกคืนวัน
ว่าแล้วนิ่งนึกตรึกตราอองามหลงศรีมาลาจนใฝ่ฝัน
ด้วยพึ่งแรกรู้จักความรักนั้นที่สำคัญทุกอย่างแต่ข้างดี
ลูกเอ๋ยยังไม่เคยรู้รสร้ายที่ความรักกลับกลายแล้วหน่ายหนี
อันเจ็บปวดยวดยิ่งทุกสิ่งมีไม่เท่าที่เจ็บช้ำระกำรัก
จะว่าเขาอื่นไกลไปไยเล่าถึงแม่เจ้าพ่อก็ช้ำระกำหนัก
ต้องทนทุกข์มากมายมาหลายพักจักแหล่นเลือดตาจะกระเด็น
เมื่อหนุ่มสาวคราวอยู่เป็นชู้ชื่นดังจะกลืนไว้ได้มิใช่เล่น
จะร่วมหอคลึงเคล้าทุกเช้าเย็นไม่คิดเห็นว่าจะพรากไปจากกัน
พอไปทัพกลับมาเห็นหน้านิดมันปลดปลิดผลาญรักหักสะบั้น
ต้องคับแค้นเพียงจะดิ้นสิ้นชีวันแต่โศกศัลย์โหยหาอยู่กว่าปี
สู้พากเพียรพยายามตามมาได้เที่ยวบุกป่าฝ่าไพรพากันหนี
ทนลำบากยากไร้ในพงพีไม่อาลัยชีวีเพราะความรัก
พอพ้นภัยหมายใจว่าพ้นทุกข์จะร่วมสุขอยู่เย็นเป็นแหล่งหลัก
เกิดวิบากผลกรรมมานำชักให้ไอ้มารผลาญรัก***ไป
ความแค้นแสนที่จะชอกช้ำก็มิรู้ว่าจะทำอย่างไรได้
เพราะตัวต้องทนทุกข์อยู่คุกในต้องเจ็บใจตรมมากว่าสิบปี
โอ้ว่าเจ้าวันทองน้องแก้วจะลืมพี่เสียแล้วกระมังนี่
ด้วยเริดร้างห่างนานเสียเต็มทีป่านนี้จะหลงบุญอ้ายขุนช้าง
หรือว่ายังมีจิตคิดคะนึงนึกถึงเพื่อนยากที่จากบ้าง
พี่คิดถึงเช้าเย็นไม่เว้นวางรำพึงพลางถอนใจอยู่ไปมา ฯ
๏ กองทัพยกออกนอกพิจิตรต้องเลียบชิดบึงบางที่ขวางหน้า
บางแห่งใหญ่โตมโหฬาร์เป็นที่ปลาอาศัยทั้งใหญ่น้อย
ดูจากหลังม้าเห็นคลาคล่ำบ้างโดดดำโผล่ผุดแล้วมุดถอย
ชะโดดุกอ้ายด้องขึ้นล่องลอยฝูงปลาสร้อยเป็นหมู่ดูคลับคล้าย
เทโพเทพาทั้งปลาช่อนเนื้ออ่นนวลจันทร์พรรณสวาย
สลิดสลาดปลาตะเพียนเวียนกรายหลากหลายว่ายแหวกอยู่ในบึง
ที่บางแห่งปลาชุมเหล่ากุมภาไล่ปลาฟาดหางดังผางผึง
พอได้ยินเสียงคนข้างบนอึงก็จมดึ่งหลีกหลบลงกบดาน
ยังเหล่าปักษาทิชาชาติเกลื่อนกลาดหาปลาเป็นอาหาร
กระทุงทองล่องลอยนทีธารเหนียงยานปากอ้าเอาราน้ำ
อ้ายงั่วดำด้นลงค้นปลาทั้งเหล่านกกระสาก็คลาค่ำ
นกยางยืนมองจ้องประจำพอพลบค่ำนกแขวกแกรกแกรกร้อง
ฝูงเหยี่ยวเที่ยวว่อนทั้งร่อนบินโฉบเฉี่ยวปลากินที่ในหนอง
ตะกรุมหัวเหม่เที่ยเร่มองขามันยาวก้าวท่องย่องสุ่มปลา
นกฝักบัวช้อนหอยแลปากห่างหลายอย่างต่างพรรณกันหนักหนา
ฝูงนกเกลื่อนกลาดดาษดาดูมาไม่สิ้นในถิ่นทาง
ยังพืชพรรณบุปผาลดาชาติก็ประหลาดมากมายเป็นหลายอย่าง
ล้วนผลิดอกออกใบในบึงบางต่างต่างน่าชมภิรมย์ใจ
ที่บางแห่งโกมุทบุษบันเป็นพืชพรรณติดต่อกอไสว
บ้างชูดอกออกฝักแล้วชักใบแลไปล้วนโกมุทจนสุดตา
เหล่าบัวสายรายกอกันห่างห่างพอสางสางก็ตระการบานบุปผา
ทั้งกระจับตับเต่าเถาสันตะวาในคงคาหลายอย่างต่างต่างพรรณ
พอเช้าตรู่หมู่ภมรร่อนมาถึงหึ่งหึ่งฟังจำเรียงเสียงสนั่น
เที่ยวซอกซอนเกสรบุษบันเลาะสรรรสหวานตระการใจ
ลมพัดเฉื่อยฉ่ำน้ำกระเพื่อมแลละเลื่อมริ้วริ้วปลิวไสว
ถึงแดดร้อนลมรื่นชื่นฤทัยทั้งนายไพร่เพลิดเพลินเดินชมมา ฯ
๏ พอพ้นแนวหนองคลองบึงบางก็เลี้ยวลัดตัดทางมากลางป่า
เป็นพงแซมแกมอ้อกอหญ้าคาทั้งซ้ายขวาสูงปรกดูรกชัฏ
เห็นแต่นกกระจาบคาบทำรังไม่มีทั้งสิงสาราสัตว์
ทางกันดารน้ำท่าสารพัดก็เร่งรัดรี้พลด้นเดินมา
พ้นป่าพงลงทางข้างตลิ่งถึงปากพิงเลี้ยวข้ามไปข้างขวา
เข้าทางป่าไม้ไพรพนาถึงพาราพิษณุโลกโอฆบุรี
ทั้งนายไพร่ไปวัดมหาธาตุไหว้พระชินราชชินสีห์
ขอให้มีชัยสวัสดีแล้วมาที่ศาลากลางวางท้องตรา
เจ้าพระยาพิษณุโลกกรมการอลหม่านเลี้ยงดูกันทั่วหน้า
พอพักไพร่หายเหนื่อยเลื่อยล้าก็ยกพลต่อมาเมืองพิชัย
ผู้รั้งกรมการด้านทางต่างเมืองต้อนรับไม่นิ่งได้
ยกฟากข้ามจากเมืองพิชัยไปถึงบ้านไกรป่าแฝกแล้วแยกมา
วันหนึ่งถึงเมืองสัชนาลัยกรมการผู้ใหญ่ก็พร้อมหน้า
เลี้ยงดูรับรองตามท้องตราพักอยู่สามเวลาในธานี ฯ
๏ ยกออกนอกเมืองสวรรคโลกข้ามโคกเข้าป่าพนาศรี
เจ้าพลายกระสันพันทวีรำลึกถึงนารีศรีมาลา
ถ้าแม้นแก้วตามาด้วยพี่จะชวนชี้ชมไม้ไพรพฤกษา
คิดพลางเดินพลางตามทางมาข้ามท่าเขินเขาลำเนาธาร
แลเห็นเขาเงาเงื้อมชะง่อนชะโงกเป็นกรวยโกรกน้ำสาดกระเซ็นซ่าน
โครมครึกกึกก้องท้องพนานต์พลุ่งพล่านมาแต่ยอดศิขรินทร์
เป็นชะวากวุ้งเวิ้งตะเพิงพักแง่ชะงักเงื้อมชะง่อนล้วนก้อนหิน
บ้างใสสดหยดย้อยเหมือนพลอยนิลบ้างเหมือนกลิ่นพู่ร้อยห้อยเรียงราย
ตรงตระพักเพิงผาศิลาเผินชะงักเงิ่นเงื้อมงอกชะแง้หงาย
ที่หุบห้วยเหวหินบิ่นทะลายเป็นวุ้งโว้งโพรงพรายดูลายพร้อย
บ้างเป็นยอดกอดก่ายระเกะระกะตะขรุตะขระเหี้ยนหักเป็นหินห้อย
ขยุกขยิกหยดหยอดเป็นยอดย้อยบ้างแหลมลอยเลื่อมสลับระยับยิบ
บ้างงอกเง้าเป็นเงี่ยงบ้างเกลี้ยงกลมบ้างโปปมเป็นปุ่มกระปุบกระปิบ
บ้างปอดแป้วเป็นพูดูลิบลิบโล่งตลิบแลตลอดยอดศิขรินทร์
เหล่ามิ่งไม้ไทรโศกอยู่ริมห้วยลมชวยหล่นตามกระแสสินธิ์
น้ำใสแลซึ้งถึงพื้นดินฟุ้งกลิ่นสุมามาลย์บานระย้า
สัตตบุษย์บัวแดงเข้าแฝงฝักพันผักพาดผ่านก้านบุปผา
แพงพวยพุ่งพาดพันสันตะวาลอยคงคาทอดยอดไปตามธาร
สาหร่ายเรียงเคียงทับกระจับจอกผักบุ้งงอกยอดชูดูสะอ้าน
ภุมรินบินเคล้าสุมามาลย์ในธาราปลาพล่านตระการตา
ชมพลางทางเดินเนิพนมรื่นร่มพรรณไม้ใบหนา
แลดูหมู่วิหคนกนานาสาลิกาพูดจ้ออยู่จอแจ
คุ่มขาบเขาขันสนั่นป่ากระสาจับกระสังส่งเสียงแซ่
กระลิงจับกิ่งประโลงแลคับแคไต่คางริมทางจร
ค้อนทองจับบนต้นกระถินแก้วจับแก้วกินแล้วบินร่อน
นกยูงจับยางแผ่หางฟ้อนกระทุงทองจับกระท้อนทำอ่อนคอ
กระจาบจ้อยดจนจับกระเจาเจ่าแซงแซวเซาจับสนดูซอมซ่อ
นกกระไนไก่ฟ้าพระยาลอนกกรอดพรอดจ้ออยู่กิ่งจันทน์
นกเขาจับเงื่อมเขาแล้วเคล้าคู่จู้หุกกูจู้ฮุกกูเฝ้าคูขัน
อัญชันจับกิ่งต้นชิงชันเบญจวรรณจับเจ่าเถาวัลย์เปรียง
ไก่ป่าวิ่งกรากกระต๊ากลั่นตัวผู้ขันเอกอี๊เอ๊กวิเวกเสียง
เข้ากินขุยคุ้ยเขี่ยยตัวเมียเมียงเห็นคนเลี่ยงลัดแลงเข้าแฝงกอ
นกกระทาราแต้แผ่ปีกปักขันชักปักกะจาดกะจ้าจ้อ
เห็นตัวเมียเขี่ยจังหวีดเข้ากรีดรอปักก้อป่องร่าดูน่าชม
เดินพลางชมพลางมากลางชัฎชักม้าหลีดลัดเข้าร่มร่ม
ตะวันชายบ่ายรังบังพนมเพลาลมตกตัดออกทางเตียน
ไฟป่าครอกหญ้าเพิ่งแตกอ่อนแผ่นดินร่อนแลโล่งตลิบเลี่ยน
หมู่สัตว์จตุบาทออกวาดเวียนบ้างหยอกกันหันเหียนหาคู่เคียง
พยัคฆีมีกำลังทะลวงโลดทะลึ่งโดดเท้าถีบปีบปะเปรี้ยง
มฤคกลัวตัวลอบลงหมอบเมียงบ้างหลีกเลี่ยงหลบเพริดเตลิดไป
ริมทางกวางทองดูผ่องผุดยั้งหยุดหย่งกีบบีบเสียงใส
กระทิงถึกโทนเที่ยวอยู่ในไพรกระบือเบิ่งเถลิงไล่กันดาดดง
อีเห็นเม่นหมีหมู่ชะมดกระจงจดจ้องกีบดูหยิบหย่ง
ละมั่งละมาดผาดเผ่นออกจากพงกระสู้ส่งซัดกระทิงออกวิ่งโทง
เสือดาวเดาะเราะรายหมายละมั่งช้างพังชักผากกระชากโผง
สมันเมินเดินดุ่มจากพุ่มโพรงออกเลียดินกินโป่งอร่อยไป
ตัดข้ามเขตระแหงแขวงเถินเดินเลยหาเยื้องเข้าเมืองไม่
สิบสี่วันดั้นเดินตามเนินไพรเกือบจะถึงเชียงใหม่อีกสองวัน
หยุดหนองโคกเต่าไม่เข้าบ้านพักทหารตั้งกองริมหนองนั่น
ชักหนามวงรอบเป็นขอบคันกำชับกันมิให้ใครเที่ยวไปมา ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงครามเรียกลูกชายพลายงามมาปรึกษา
เราเกือบถึงเชียงใหม่ใกล้พาราจะด่วนเข้ายุทธนาไม่สู้ดี
มันจับพระท้ายน้ำจำเอาไว้เราตรงไปคงหั่นบั่นเกศี
จะคิดลอบเข้าไปในบุรีดูท่วงทีแก้ไขเอาไทยมา
แล้วจึงเข้าประชิดติดนครเราผันผ่อนเช่นนี้จะดีกว่า
พ่อกับเจ้าเข้าไปแต่สองราไปเที่ยวหาพวกไทยให้พบพาน
ต้องปลอมตัวเป็นลาวพวกชาวเมืองเราหาเครื่องแต่งตัวเอาตามบ้าน
จำจะรีบเข้าไปอย่าได้นานหรือเจ้าจะคิดอ่านประการใด ฯ
๏ เจ้าพลายเห็นชอบตอบบิดาคุณพ่อว่าต้องจิตหาผิดไม่
ถ้าเรายกโยธาผ่าเข้าไปมันเห็นไทยพวกลาวจะร้าวราน
จะระมือลือเลื่องทั้งเมืองใหญ่มิทันได้คนโทษจะฉาวฉาน
อ้ายคนต้องจองจำจะรำคาญมันประหารตายสิ้นสิเสียที
ถ้าเราลอบเข้าไปให้พบก่อนจะได้ผ่อนผู้คนให้พ้นที่
เป็นกำลังรบลาวชาวบุรีทั้งไทยยลาวราวสักสี่ห้าร้อยคน
ปรึกษากันทั้งสองเห็นต้องใจแล้วเหลียวไปข้างหลังสั่งพหล
จงซุ่มซ่อนนอนั่งระวังตนคอยดูผู้คนจะไปมา
ครั้นกำชับสั่งพลทุกคนทั่วพ่อลูกแต่งตัวงามสง่า
ประจงคาดเครื่องอานทาว่านยาแล้วโพกผ้าประเจียดประจุฤทธิ์
พลายงามจับดาบขยับยืนขุนแผนจับฟ้าฟื้นอันศักดิ์สิทธิ์
บ่ายหน้ามาสู่บูรพาทิศตั้งจิตหมายหมาดพิฆาตลาว
ขยับยืนภาวนานัยน์ตาหลับตามตำรับบุราณอาจารย์กล่าว
นิมิตดูลมกลาออกขวายาวก็ยกก้าวตีนขวาแล้วคลาไคล
พ่อลูกลัดเลาะละเมาะเมืองแยกเยื้องเสียหาเข้าหนทางไม่
พอแลเห็นไร่แตงเข้าแฝงไม้ริมทางลาวชาวไร่เดินไปมา ฯ
๏ จะยกกลับจับกล่าวลาวพ่อลูกออกไปปลูกห้างไร่อยู่ชายป่า
ปลูกผักฟักแฟงทั้งแตงกวาถั่วงากล้วยกล้ายเป็นหลายพรรณ
เมื่อจะถึงที่ตายวายชีวิตให้หงุดหงิดง่านใจอยู่ไหวหวั่น
คิดจะคืนกลับหลังแต่ยังวันก็ชวนกันออกเดินดำเนินมา
ตาพ่อถือดาบงามย่ามตะพายลูกชายถือทวนขึ้นพาดบ่า
เอาน้ำเต้าสอดด้ามซ้ำห้อยมาโพกชมพูดูสง่าพากันเดิน
ตาพ่อเฒ่าออกหน้ามาดุ่มดุ่มเจ้าลูกหนุ่มตามไปไม่ห่างเหิน
เมื่อถึงวันจะบรรลัยให้บังเอิญเจ้าลูกเพลินรับซอพ่อรับแคน
โอหนออ่อเจ้าสาวคำเอ๋ยข้อยอยากเซ้ยสาวเวียงที่เชียงแสน
ขอให้ข้อยเบิ่งนางที่ต่างแดนข้อยแค่นใจตายแล้วแก้วพี่อา
เพี้ยงเอ๋ยปู่เจ้าในเขาเขินช่วยชักเชิญสาวเวียงมาเคียงข้า
เหล้าเข้มไก่หมูจะบูชาจะเซ่นส้าบวงสรวงเข้าแทรกใจ ฯ
๏ พ่อลูกร้องขับรับกันมาใกล้พฤกษาที่ขุนแผนเข้าอาศัย
ขุนแผนเห็นลาวซ้องร้องแต่ไกลกระซิบบอกลูกให้ระวังตัว
เห็นหรือไม่เเล่านะเจ้าพ่ออ้ายลาวซอแลไปไม่มีหัว
มันถึงที่มรณาแล้วอย่ากลัวจิกหัวฟันเสียให้พร้อมกัน
ต่างถอดดาบจากฝักยืนหยักรั้งพอลาวเดินมากระทั่งถึงที่นั่น
ดังองคตหนุมานชาญฉกกรจ์ทะลึ่งถลันด้วยกำลังไม่รั้งรอ
ขุนแผนฟันป่ายพลายงามฟาดฉะฉาดหัวเด็ดกระเด็นปร๋อ
เลือดพุ่งโชนเชี่ยวสองเกลียวคอลาวลูกพ่อล้มดิ้นลงสิ้นใจ
เหลือกตาหน้าเผือดเลือดไหลนองทั้งสองยินดีจะมีไหน
หยิบเอาหัวมาต่อคอเข้าไว้สนิทนั่งตั้งใจภาวนา
ขุนแผนซัดข้าวสารอ่านมนตร์ปลุกผีลาวผุดลุกขึ้นต่อหน้า
เคารพราบกราบเท้าทั้งสองราขุนแผนว่าสองผีมีนามใด
สองผีหมอบราบแล้วกราบกรานกระผมชื่อขนานมโนใหญ่
นั่นลูกข้อยชื่อน้อยศรีวิชัยเจ้าประสงค์สิ่งไรจึงขึ้นมา
ขุนแผนว่าขนานมโนใหญ่เราตั้งใจมุ่งมาดปรารถนา
จะขึ้นไปประจญปล้นพาราเจ้าช่วยพาตัวเราเข้าบุรี
ผีคำนับนรับแล้วก็ล้มลงพ่อลูกตรงเข้าเปลื้องเอาผ้าผี
เอาดาบตัดผมพลันด้วยทันทีสีชมพูโพกเกล้าก็เอามา
พ่อลูกนุ่งห่มใส่ผมช้องโพกสะพองเหมือนลาวพวกชาวป่า
ขุนแผนหยิบย่ามใหญ่ใส่ไหล่มาพลายงามคว้าทวนถือติดมือพลัน
ทั้งลูกทั้งพ่อหัวร่อร่าก็พากันเดินขมีขมัน
ถึงโคกเต่าเข้าเพลาจะสายัณห์พวกอาสาทั้งนั้นก็ตกใจ
บ้างก็เข้าซ่อนซุ่มในพุ่มชิดสำคัญคิดว่าเป็นลาวพวกชาวไร่
ขุนแผนไม่แวะวงตรงเข้าไปพวกอาสาสงสัยว่าลาวจริง
พากันมองดูไม่รู้จักไม่มีใครถามทักต่างแอบนิ่ง
ขุนแผนว่าอย่างไรไม่ไหวติงทหารรู้กรูวิ่งมาวันทา
เจ้าประคุณนุ่งห่มใส่ผมยาวช่างเหมือนลาวจริงจังไม่กังขา
ลูกได้แอบพินิจพิจารณาช่างแปลกหน้าแปลกกายคล้ายพุงดำ
พ่อลูกปลดผมแล้วเปลื้องผ้าแล้วสั่งว่าเราจะไปเสียในค่ำ
ถ้าช้าอยู่มันจะรู้ซึ่งเงื่อนงำลาวจะร่ำลือดังไปทั้งกรุงฯ
ทหารรับจับจัดผูกช้างม้าแล้วก็ยกโยธามากลางทุ่ง
อย่าอื้อฉาวชาวเมืองจะเฟื่องฟุ้งพอจวนรุ่งเข้าดงปลงม้าช้าง
ให้แฝพุ่มซุ่มซ่อนนอนจนค่ำกลางคืนร่ำรุดไปจนใกล้สว่าง
สองคืนสองวันดั้นเดินทางกระทั่งถึงบึงกว้างเข้าทันใด
ก็หยุดทัพจับจัดตัดไม้ปักชักหนามวงรอบขอบบึงใหญ่
สงบทัพยับยั้งตั้งมั่นไว้ด้วยทางใกล้จวนถึงสักครึ่งวัน
ช้างม้าหญ้าน้ำก็สำราญพวกทหารพักผ่อนนอนที่นั่น
เอากูบอานเรีบเรียงเข้าเคียงกันให้สองท่านแม่ทัพนั้นยับยั้ง ฯ
             

ตอนที่ ๒๙

             

ตอนที่ ๓๐

             

ตอนที่ ๓๑

             

ตอนที่ ๓๒

             

ตอนที่ ๓๓

             

ตอนที่ ๓๔

             

ตอนที่ ๓๕

             

ตอนที่ ๓๖

             

ตอนที่ ๓๗

             

ตอนที่ ๓๘

             

ตอนที่ ๓๙

             

ตอนที่ ๔๐

             

ตอนที่ ๔๑

             

ตอนที่ ๔๒

             

ตอนที่ ๔๓

             

เชิงอรรถ

ที่มา

เว็บบอร์ดบ้านวรรณกรรม

เครื่องมือส่วนตัว