บทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(ตอนที่ ๒๔)
(ตอนที่ ๒๗)
แถว 776: แถว 776:
</tpoem>
</tpoem>
-
=== ตอนที่ ๒๗ ===
+
=== ตอนที่ ๒๗ พลายงามอาสา===
 +
==== ====
<tpoem>
<tpoem>
-
+
จะกล่าวถึงพระเจ้าเชียงใหม่  แต่ได้นางมาไว้ในกรุงศรี
 +
ไม่วายเว้นนึกคะนึงถึงไพรี  เห็นจะมีศึกมาไม่ช้านัก
 +
ด้วยล้านช้างข้างหนึ่งก็โกรธา  ฝ่ายข้างอยุธยาก็โกรธหนัก
 +
ถ้าสองข้างต่างยกมาพร้อมพรัก  จะหาญหักต่อสู้ดูยากครัน
 +
จำจะคิดชิงชัยข้างไทยก่อน  ต้องรีบรัดตัดรอนผ่อนผัน
 +
ถ้าเสร็จสิ้นศึกไทยข้างใต้นั้น  ล้านช้างก็คงพรั่นไม่อาจมา
 +
แต่นิ่งนึกตรึกไตรอยู่ในที่  จนสุริย์ศรีเรืองแรงแสงกล้า
 +
เสด็จออกท้องพระโรงรจนา  ท้าวพระยานอบน้อมอยู่พร้อมกัน
 +
จึงปรึกษาเสนาข้าเฝ้า  ชาวเราจะเห็นเป็นไฉนนั่น
 +
เดิมเจ้าอยุธยาทำอาธรรม์  มาชิงเมียมิ่งขวัญของกูไป
 +
ฝ่ายเราไปสั่งดักกักทาง  รับนางจับพวกมันมาได้
 +
ถ้ารู้ข่าวราวเรื่องถึงเมืองไทย  เห็นจะยกทัพใหญ่มาราญรอน
 +
เราจะเตรียมกำลังตั้งต่อสู้  หรือจะจู่ลงไปทำไทยก่อน
 +
จงปรึกษาว่ากันให้แน่นอน  จะตัดรอนคิดอ่านประการใด ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ครานั้นเสนาพระยาลาว  พระยาท้าวแสนหลวงผู้เป็นใหญ่
 +
ปรึกษากันพร้อมมูลแล้วทูลไป  อันศึกไทยไพรีมีกำลัง
 +
เห็นจะจู่ลงไปไม่ชนะ  แต่ถ้าละช้าไว้ให้พร้อมพรั่ง
 +
จะเป็นศึกใหญ่มาดาประดัง  ที่จะหวังต่อสู้ดูยากนัก
 +
ขอให้คิดอ่านการอุบาย  ท้าทายยั่วไทยให้โกรธหนัก
 +
ให้รีบมาอย่าทันจะพร้อมพรัก  จึงจะหักศึกไทยได้ง่ายดาย ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ พระเจ้าเชียงใหม่ได้ฟังทูล  เค้ามูลเห็นสมอารมณ์หมาย
 +
จึงได้แต่งสาราว่าท้าทาย  ให้หยาบคายหมายยั่วให้โกรธา
 +
เสร็จสรรพพับใส่ลงในกล่อง  มอบให้แสนกำกองตรีเพชรกล้า
 +
คุมไพร่ร้อยถ้วนล้วนขี่ม้า  ไปส่งด่านอยุธยาธานี ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ครานั้นตรีเพชรแสนกำกอง  ทั้งสองรับราชสารศรี
 +
เรียกไพรได้ครบตามบาญชี  แล้วขึ้นขี่ม้าตามกันหลามมา
 +
ได้ข้าวตากใส่ไถ้ตะพายแล่ง  เครื่องม้าเครื่องแสงแดงดาดป่า
 +
ทวนดูพู่ระยับจับนัยน์ตา  ข้ามท่าน้ำได้ไปลำพูน
 +
ข้ามห้วยแม่ทามาเมืองนคร  ไม่หยุดหย่อนขับควบเข้าไพรสูญ
 +
ค่ำเข้าเขตเถินเดินพร้อมมูล  แสงจันทร์จำรูญจำรัสฟ้า
 +
ม้าคนหิวหอบอยู่บอบแบบ  ขึ้นเขาช่องแคบแล้วลงป่า
 +
แดดร้อนผ่อนพักเป็นเพลา  หยุดให้ม้ากินหญ้าหากำลัง
 +
พอหายเหนื่อยขึ้นมาพากันไป  สะบัดย่างวางใหญ่ไม่เหลียวหลัง
 +
สามวันดั้นมาไม่รอรั้ง  จนกระทั่งถึงด่านบ้านท่าเกวียน ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ครานั้นนายบุญเป็นขุนไกร  เห็นลาวสงสัยว่าศึกเสี้ยน
 +
จึงเรียกพวกไพร่เวรเกณฑ์จำเนียร  ออกยืนขวางทางเตียนตรงประตู
 +
ถือสาตราอาวุธอยู่พร้อมหน้า  โน่นแน่ลาวขี่ม้ามาเป็นหมู่
 +
แต่งตัวโพกหัวพันชมพู  แลดูแดงเถือกมะเหลือกมา
 +
บ้างปิดประตูด่านงุ่นง่านไป  ยัดปืนใหญ่หับชุดจุดไว้ท่า
 +
ไปไหนเหวยเฮ้ยสูอย่าได้ช้า  ดีร้ายเร่งว่าให้รู้พลัน
 +
ถ้าดีมานี่แต่สองม้า  ร้ายแล้วยกมากูไม่พรั่น
 +
บ้างแกว่งดาบถือปืนออกยืนยัน  ต่างพากันเตรียมตัวออกทั่วไป ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ฝ่ายว่าพวกลาวเห็นชาวด่าน  อาจหาญยืนขวางหนทางใหญ่
 +
จึงพากันหยุดยั้งรั้งม้าไว้  บอกให้แจ้งใจมิได้ช้า
 +
เราเป็นแต่ผู้น้อยที่นำสาร  จะมาเว้าชาวด่านแจ้งการหวา
 +
เพชรกล้ากำกองแต่สองม้า  เข้าไปส่งสาราแล้วว่าไป
 +
เรื่องราวกล่าวด้วยพระท้ายน้ำ  กับไพร่ต้องจองจำอยู่เชียงใหม่
 +
เจ้าเราให้สารมากรุงไทย  สูจงรีบส่งไปให้กราบทูล ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ฝ่ายว่าขุนด่านรับสารมา  ไปตามดูหมู่ม้าเข้าป่าสูญ
 +
เห็นมิใช่กองทัพกลับพร้อมมูล  ให้นายมูลนายหมวดอยู่ตรวจตรา
 +
ขุนไกรได้สารขึ้นมาใช้  สะบัดย่างวางใหญ่เข้าในป่า
 +
ข้ามทุ่งชะเรียงเร่งตะเบ็งมา  บ่ายหน้ามาตรงลงธานี
 +
ถึงสังคโลกพลันทันใด  ลงม้าจูงคลาไคลไปเร็วรี่
 +
ขุนนางกรมการนั่งศาลมี  ปรึกษาคดีอีเม้ยทอง
 +
จีนแสไม่แก้ยอมให้ปรับ  ว่าไสบวยพวยรับแต่คล่องคล่อง
 +
พอเห็นขุนด่านกรมการร้อง  เยี่ยมมองอยู่ไยไม่เข้ามา
 +
ขุนไกรตรงมาศาลากลาง  แหวกทางหมอบคลานเข้าไปหา
 +
ส่งกล่องใส่ลานสารตรา  แล้วเล่าแจ้งกิจจาทุกสิ่งอัน ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ครานั้นจึงท่านเจ้าพระยา  ทั้งเวียงวังคลังนาอยู่ที่นั่น
 +
กรมการถ้วนหน้าปรึกษากัน  เกิดเหตุสำคัญหนักหนานัก
 +
ชิงนางมิหนำซ้ำจับทหาร  ทำการอาจองทะนงศักดิ์
 +
แล้วยังมีสารามาอึกฮัก  ไม่รู้จักเหมือนริ้นบินเข้าไฟ
 +
แต่ทว่าหญ้าแพรกจะแหลกก่อน  ต้องยกทัพขับต้อนจะร้อนไพร่
 +
อย่าดูเบาเราต้องรีบส่งไป  ถ้านิ่งไว้เข้าร้ายตายทีเดียว
 +
อ้ายลาวเจ้ากรรมทำแล้วหวา  เขียนบอกปิดตราสักประเดี๋ยว
 +
เสร็จสรรพใส่กลักถักเป็นเกลียว  เคี่ยวคั่งติดประจำซ้ำตีตรา
 +
แต่งให้พันมโนเป็นนายใหญ่  ถือไปบอกกับไพร่ยี่สิบห้า
 +
หาบโพล่แฟ้มยุ่งกรุ่งกริ่งมา  ลงเรือเก้าวากัญญายาว
 +
ให้แก้หน้าจากท่าตะเบ็งพาย  เดือนหงายน้ำฟุ้งเป็นฟองขาว
 +
ตะละเล่มเต็มเหนี่ยวเสียงเกรียวกราว  โห่ฉ่าวฉ่าลั่นสนั่นไป
 +
พอเช้าตรู่ลงมาถึงท่าเกษม  หุงต้มกินเปรมทั้งนายไพร่
 +
อิ่มแล้วรีบร้อนไม่นอนใจ  พันมโนนายใหญ่นั่งโยกมา
 +
ครั้นพ้นวัดใหม่ไปบ้านตรุ  ลุถึงท่ากงลงพิงหวา
 +
เเข้าพิจิตรวังวังจันทร์นน้ำดันซ่า  รับวาเฮ้ยโขนโดนเรือเจ๊ก
 +
เออเรือขายเหล้าชาวเราหวย  พะซี้ไบใส่บวยฉวยเหวยเด็ก
 +
ยกขึ้นเรือได้ไหไม่เล็ก  ถีบเรือเจ๊กเจ้าของร้องโล่ไป
 +
มึงบึกกูบึกสะอึกคว้า  เรือกัญญษหน้าโขนเข้าโนไผ่
 +
จะร่ำพรรณนาให้ช้าไย  เจ็ดวันมาได้ถึงท่าคัน ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ พอเรือจอดทอดถึงที่หน้าท่า  พันมโนรีบมาขมีขมัน
 +
ทั้งบ่าวไพร่ตามไปอยู่พร้อมกัน  เห็นสาวชาววังนั้นก็ชอบเชิง
 +
จุปากเจาะเจาะกระเดาะลิ้น  หอมกลิ่นแหงนหงายเหมือนควายเบิ่ง
 +
ทำกรีดกรายชายตาร่าเริง  หลงละเลิงลดเลี้ยวเกี้ยวพานมา
 +
งุ่มง่ามข้ามฉนวนประตูดิน  ตาถินนายประตูครู่เอาผ้า
 +
ชายพกหลุดลุ่ยหุยหม่อมตา  ยั่นอ้ายบ้าลอยชายคาดใต้พก
 +
พ่อเอ๋ยชาวบ้านนอกถือบอกมา  มึงซ่อนอะไรหวาเอาผ้าปก
 +
ดูเป็นตะะกร้าใส่ไข่นก  สกปรกชาวเหนือมันเหลือใจ
 +
เสียเงินให้สลึงเขาจึงปล่อย  หน้าจ๋อยกลับมาทั้งนายไพร่
 +
เที่ยวถามหาศาลาลูกขุนใน  เขาชี้บอกให้ก็ตรงมา
 +
เห็นหัวพันนายเวรเกณฑ์เมืองรั้ง  พันมโนก็นั่งลงตรงหน้า
 +
พอนายควรสวนออกนอกศาลา  กราบไหว้วางตราอยู่ลนลาน
 +
นายเวรต่อยกลักกับพนักผาง  ชักบอกออกวางกับราชการ
 +
อ่านดูรู้ข้อราชการ  ก็รีบมาเรียนท่านลูกขุนใน
 +
ฝ่ายท่านเจ้าพระยาจักรี  เอกอัครอธิบดีเป็นใหญ่
 +
ทราบเรื่องราชสารรำคาญใจ  สั่งให้รีบคัดจะกราบทูล ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงภพ  เลิศลบโภไคยมไหศูรย์
 +
สถิตในห้องแก้วแพรวไพฑูรย์  ไพบูลย์พูนสุขทุกเวลา
 +
แต่เหตุการณ์ราชการหาทราบไม่  ให้รุ่มร้อนฤทัยเป็นหนักหนา
 +
ด้วยเทพเจ้าสิงสู่อยู่อัตรา  รักษาพระองค์ผู้ทรงธรรม์
 +
ประทับอยู่ข้างในได้เวลา  สามโมงนาฬิกาตีฆ้องลั่น
 +
จะเสด็จออกท้องพระโรงคัล  จรจรัลไปสรงพระคงคา
 +
น้ำกุหลาบอาบอบตลบกลิ่น  หอมประทิ่นพระสุคนธ์ปนบุปผา
 +
ฝ่ายนางพนักงานก็คลานมา  ถวายภูษาทรงอลงการ
 +
ทรงเครื่องเสร็จสรรพจับพระขรรค์  เพชรกุดั่นพรรณรายฉายฉาน
 +
นางในใจภักดิ์พนักงาน  ถวายพานพระศรีแล้วกราบลง
 +
เสวยเสร็จพระเสด็จลีลาศ  ผุดผาดดั่งพระยาราชหงศ์
 +
นางในตามชิดติดพระองค์  ตรงขึ้นบรรยงค์รัตนาศน์
 +
พระสูตรรูดกร่างขุนนางเฝ้า  คู้เข่าคึกคักแทบถมปักขาด
 +
กราบถวายบังคมบรมราช  ทั้งอำมาตย์เสนาพระยาครู
 +
แตรสังข์กระทั่งถวายเสียง  ขุนนางหมอบเรียงเคียงเป็นหมู่
 +
ตำรวจในไล่คนพ้นประตู  คอยดูเข้าออกบอกไปมา ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ครานั้นเจ้าพระยาจักรี  ได้ทีก็ประนมก้มเกศา
 +
กราบทูลขึ้นพลันมิทันช้า  อันชีวาอยู่ใต้บาทบงสุ์
 +
บัดนี้เชียงใหม่มีราชสาร  มอบให้นายด่านท่าเกวียนส่ง
 +
พระยาเกษตรสงครามรามณรงค์  ให้พันมโนจำนงนั้นถือมา
 +
เรื่องราวกล่าวด้วยพระท้ายน้ำ  เชียงใหม่จับจำยังไม่ฆ่า
 +
ให้ทรงฟังยังมิทันอ่านสารา  ก็โกรธากลุ้มกลัดขัดพระทัย
 +
กระทืบบาทผาดพระสุรเสียงก้อง  พระแท่านทองสนั่นหวั่นไหว
 +
เหม่อ้ายลาวจองหองคะนองใจ  มันพูดจาว่ากระไรให้บอกพลัน ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ขอเดชะในสารว่าทรงเดช  ครองนิเวศสน์เชียงใหม่มไหสวรรย์
 +
ตั้งอยู่ในสัตย์สุตจริตธรรม์  เป็นมหันต์อิศโรอันโอฬาร
 +
ลือเดชทุกเขตอาณาจักร  ปรปักษ์ย่อท้อไม่ต่อต้าน
 +
ในตำรับข้างที่มีมานาน  จารจารึกกไว้ในแผ่นทอง
 +
ว่าพระเจ้ากษัตริย์ศึกองค์นี้  เป็นมโหฬีเลื่องโลกไม่มีสอง
 +
ดังอวตารมาผลาญศึกคะนอง  มิให้ข้องเคืองขุ่นราะคายมี
 +
เดิมให้ราชทูตจำทูลสาร  ไปขอองค์เยาวมาลย์โฉมศรี
 +
ตามโบราณราชประเพณี  บุตรีล้านช้างนางสร้อยทอง
 +
หวังพระทัยจะได้ซึ่งองค์เอก  มาอภิเษกสู่สมภิรมย์สอง
 +
ยังเยาว์อยู่มิควรภิรมย์ครอง  จึงยังไม่รับรองมาแนบองค์
 +
แต่เดิมมากรุงไทยอยู่ในสัตย์  มาวิบัติถือจริตด้วยฤทธิ์หลง
 +
ให้พระท้ายน้ำนำจตุรงค์  ดั้นดงล่วงแดนของเรามา
 +
ไม่เกรงเราผู้เป็นเจ้านคเรศ  โอหังบังเหตุแล้วมิสา
 +
ยังซ้ำกลับรับองค์พระธิดา  สร้อยทองเสนหาของเราไป
 +
จึงได้เกณฑ์กองทัพออกรับรบ  ตีตลบชิงนางนั้นไว้ได้
 +
พระท้ายน้ำนายทัพกับพวกไทย  เราจับจำคุกไว้ไม่ฆ่าตี
 +
ครั้นจะไม่บอกมาว่าให้แจ้ง  จะเคลือบแคลงเราว่าพานางหนี
 +
อันโฉมยงค์องค์ราชบุตรี  รับมาไว้ในที่ตำหนักจันทน์
 +
ถ้าประสงค์ซึ่งองค์อัคเรศ  ละนิเวศน์ยกมาอย่าได้พรั่น
 +
ขอเชิญเจ้าอยุธยามาประจัญ  ตัวต่อตัวสู้กันบนหลังช้าง
 +
มีชัยก็จะได้นางสร้อยทอง  ไปสมสองสัมผัสไม่ขัดขวาง
 +
พระท้ายน้ำเราจำเอาไว้พลาง  เป็นจำนำฝ่ายข้างอยุธยา
 +
ครบสามเดือนจะฆ่าทั้งห้าร้อย  เราคอยฟังอย่างไรให้เร่งว่า
 +
จะไว้ยศให้ปรากฏกัลป์ปา  หรือเกรงภัยไม่มาก็ว่าไป
 +
จะกำหนดสงครามตามแบบอย่าง  อันองค์นางยังหาร่วมภิรมย์ไม่
 +
กว่าจะได้รบพุ่งเจ้ากรุงไทย  ให้ประจักษ์ฤทธิไกรใครรุ่งเรือง
 +
แล้วจึงจะอภิเษกให้ปรากฏ  เกียรติยศระบือลือเลื่อง
 +
ว่าชนช้างได้นางเป็นศรีเมือง  อ่านสารสิ้นเรื่องบังคมคัล ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟัง  แค้นคั่งเคืองขัดจนอัดอั้น
 +
ให้ร้อนรุ่มกลุ้มพระทัยดังไฟกัลป์  จะเผาผลาญชีวันให้บรรลัย
 +
เป็นครู่หนึ่งจึงเปล่งสิงหนาท  กระทืบบาทสนั่นหวั่นไหว
 +
ฉวยชักพระแสงออกแกว่งไกว  ข้าเฝ้าน้อยใหญ่ก็ถอยทรุด
 +
หน้าซีดตัวสั่นอยู่งันงก  บ้างล่วมหมากพลัดตกพกไม่หยุด
 +
บ้างแอบเสาท้องพระดรงหมอบโค้งคุด  อุตลุดหวั่นไหวไปทั้งวัง
 +
ความกลัวดังจะแทรกแผ่นดินด้น  บางคนลนลานคลานถอยหลัง
 +
เปล่งพระสุรเสียงประเปรี้ยงดัง  นักสนมแน่นนั่งก็ตกใจ
 +
เหม่เหม่อ้ายเชียงใหม่ใจพาล  จับพวกพลทหารของกูได้
 +
หยาบช้าท้าให้ไปชิงชัย  กำเริบนี่กระไรใช่พอดี
 +
อ้ายบ้านเล็กเมืองน้อยร้อยประเทศ  บังเหตุจะสู้กับกูนี่
 +
มันเหมือนหนึ่งลูกมฤคี  จะมาสู้ราชสีห์ให้วายปราณ
 +
ตัวกูผู้เป็นหลักนัคเรศ  ทุกประเทศมิได้รอต่อต้าน
 +
อ้ายนี่โมหันธ์อันธการ  กรรมของมันบันดาลให้หลงคิด
 +
เชียงใหม่ใหญ่เท่าสักหยิบมือ  ไม่พอครือทัพไทยจะไปติด
 +
จะพลอยพาโตตรวงศ์ปลงชีวิต  อวดฤทธิ์ประจญชนช้างกู
 +
เคลือบแฝงแกล้งว่าขอนางไว้  ดังว่าเขายกให้ไม่อดสู
 +
เมื่อตัวนางล้านช้างเขาให้กู  ทูตมาก็รู้อยู่ทั่วไป
 +
ถ้ามันมีอำนาจดังราชสาร  เขากลัวโพธิสมภารไม่ขัดได้
 +
นี่เพราะรู้เช่นเห็นจัญไร  เขาจึงยกลูกให้เสียเมืองนี้
 +
ชิงนางกลางคันแล้วมิหนำ  จับพระท้ายน้ำทำป่นปี้
 +
เอาไว้ไยให้หนักพระธรณี  เหวยพระยาจักรีเร่งเตรียมทัพ
 +
อีกสามวันกูจะยกไปเชียงใหม่  ถ้าตีเมืองไม่ได้กูไม่กลับ
 +
เกณฑ์เมืองขึ้นน้อยใหญ่อย่าได้นับ  เร่งขับตามไปให้สิ้นพล
 +
อ้ายพวกเชียงใหม่อย่าไว้มัน  พบที่ไหนไล่ฟันเสียให้ป่น
 +
จนให้เมืองมันร้างว่างผู้คน  รื้อจนกำแพงล้อมป้อมปราการ ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ครานั้นจตุสดมภ์กรมทั้งสี่  ฟังคดีรับสั่งดั่งศรผลาญ
 +
สะกิดกันตัวสั่นหวั่นสะท้าน  ให้ท่านอธิบดีจักรีทูล
 +
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงเดช  ปิ่นปักนัคเรศมไหศูรย์
 +
บารมีทรงบำเพ็ญเห็นไพบูลย์  จะเพิ่มพูนปรโยชน์โพธิสมภาร
 +
ซึ่งพระองค์จะทรงกิจสงคราม  ก็เห็นว่าเสี้ยนหนามไม่ต่อต้าน
 +
ขอพระราชทานโทษจงโปรดปราน  จะหนักหน่วงโพธิญาณให้นานไป
 +
กับข้อราชการแต่เพียงนี้  หาควรที่จะถึงเสด็จไม่
 +
กับรบพุ่งพวกลาวชาวพงไพร  ใช่เสนาข้าใช้จะไม่มี
 +
เห็นพระเกียรติยศจะถดถอย  เชียงใหม่กลับจะพลอยได้ราศี
 +
ว่าเป็นคู่สู้พระองค์ทรงธรณี  ไม่ควรที่แผ่นฟ้าลงมาดิน
 +
ครั้นเมื่อสมเด็จพระรามา  หนุมานอาสาก็เสร็จสิ้น
 +
จนได้นางสีดาคืนธานินทร์  อสุรินทร์ย่นย่อท้อทด
 +
ครั้งนี้ถ้าเสด็จไปเชียงใหม่  ตกทหารกรุงไกรนี้สิ้นหมด
 +
ขอพระองค์ทรงชัยจงไว้ยศ  ให้ปรากฏเหมือนครั้งพระรามา ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงศักดิ์  ปิ่นปักหลักโลกนาถา
 +
ได้ฟังคำทูลเป็นมูลมา  พระตรึกตรานิ่งนึกในพระทัย
 +
จึงตรัสถามเสนาข้าเฝ้า  นี่ออเจ้าคิดเห็นเป็นไฉน
 +
เมื่อมาทานทัดขัดกูไว้  ใครจะอาสาไปก็ว่ามา ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ ครานั้นบรรดาท่านผู้ใหญ่  จนใจด้วยไม่มีผู้อาสา
 +
มิรู้ที่จะสนองพระบัญชา  ก็หมอบนิ่งก้มหน้าไปตามกัน
 +
พระองค์ทรงพิโรธกระทืบบาท  สุรเสียงสิงหนาทดังฟ้าลั่น
 +
อย่างไรเล่าเอาจริงก็นิ่งงัน  เปล่าทั้งนั้นพูดเล่นไม่เป็นงาน
 +
ดีแต่ฉ้อไพร่ไพล่เงินกิน  ปลอบปลิ้นสิ้นลมประสมประสาน
 +
เลี้ยงเสียเบี้ยหวัดไม่ต้องการ  มีศฤงคารยศศักดิ์หนักแผ่นดิน
 +
กริ้วพลางทางเสด็จเข้าวังใน  ขุนนางน้อยใหญ่กลับไปสิ้น
 +
พรั่นตัวทุกคนเป็นมลทิน  ด้วยได้ยินประภาษคาดโทษทัณฑ์ฯ
 +
 
 +
 
 +
๏ จะกล่าวถึงพลายงามทรามสวาท  เฉลียวฉลาดแกล้วกล้าวิชาขยัน
 +
เรืองฤทธิ์ประสิทธิ์ทุกสิ่งอัน  หมายประจัญสงครามไม่ขามใคร
 +
อยู่กับพระหมื่นศรีมาปีกว่า  เจ้าอุตส่าห์ฝากตัวให้รักใคร่
 +
จนเธอเลี้ยงเป็นลูกด้วยถูกใจ  สารพัดจัดให้ได้สุขสบาย
 +
วันนั้นรู้คดีว่ามีศึก  คะเนนึกเห็นจะสมอารมณ์หมาย
 +
จะอ้อนวอนพึ่งบุญคุณพระนาย  เบี่ยงบ่ายให้ได้รับอาสาไป
 +
ถ้ากระไรจะได้ทูลขอพ่อ  คิดมาน้ำตาคลอสะอื้นไห้
 +
โอ้กรรมพ่อทำมาอย่างไร  จึงต้องไปทนทุกข์ทรมาน
 +
ติดคุกมาแต่ลูกอยู่ในท้อง  แม่วันทองช่างกระไรไม่สงสาร
 +
เสียแรงร่วมยากมาเป็นช้านาน  ครั้นถึงบ้านแล้วแม่ก็แชไป
 +
เป็นหลายปีดีดักไม่อินัง  หาคิดถึงความหลังของพ่อไม่
 +
แต่ตัวลูกจักแหล่นจะบรรลัย  เพราะเหตุอ้ายขุนช้างเป็นตัวมาร
 +
สะอื้นพลางทางคิดถึงคุณพพระ  เดชะความสัตย์อธิษฐาน
 +
ข้าพเจ้าจะดำริตริการ  คิดอ่านขอโทษให้บิดา
 +
ขอให้ได้สมอารมณ์คิด  อย่าให้ผิดมุ่งมาดปรารถนา
 +
อธิษฐานเสร็จพลันแล้ววันทา  พอเพลาพลบค่ำเข้าไต้ไฟ
 +
เห็นพระหมื่อนศรีอยู่หอกลาง  แสงเทียนสว่างกระจ่างไข
 +
ลูกเมียหมอบนั่งสะพรั่งไป  พระหมื่นศรีทีใจไม่สบาย
 +
เล่าความถึงเรื่องกริ้วด้วยเรื่องทัพ  รับสั่งเสร็จสรรพให้บัตรหมาย
 +
เตรียมทัพหลวงไว้ทั้งไพร่นาย  วุ่นวายอึกทึกทั้งพารา
 +
พลายงามแอบฟังพระหมื่นศรี  พอได้ทีก็คลานเข้าไปหา
 +
พลางร่ายพระเวทให้เมตตา  วันทาแล้วถามไปทันที
 +
ดูคุณพ่อเป็นไรไม่สบาย  ได้ยินว่าวุ่นวายทั้งกรุงศรี
 +
เกณฑ์ทัพจับกันเป็นโกลี  ลูกนี้อยากรู้เป็นอย่างไร ฯ
</tpoem>
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
๏ พระหมื่นศรีว่าเออพลายงามเอ๋ย  รบพุ่งเราจะเคยก็หาไม่
 +
วันนี้พระองค์ผู้ทรงชัย  ตรัสไถ่ถามทั่วทุกตัวคน
 +
นิ่งหมดไม่มีใครอาสา  กริ้วดังฟ้าผ่าโกลาหล
 +
เสด็จออกพรุ่งนี้เข้าที่จน  เอากุศลเสี่ยงสุดแต่บุญกรรม
 +
ถ้าไม่มีผู้ใดใครอาสา  พ่อนี้เห็นว่าไม่เป็นส่ำ
 +
จะพากันวุ่นวายตายระยำ  หน้าดำอยู่ทั่วทุกตัวคน ฯ
 +
 +
 +
๏ พลายงามฟังความก็สมคิด  หมอบชิดแล้วตอบอนุสนธิ์
 +
คุณพ่ออย่าได้เป็นทำวล  จงผ่อนปรนเพ็ดทูลให้ชอบที
 +
ลูกนี้จะรับอาสาไป  ทำเมืองเชียงใหม่ให้ป่นปี้
 +
จะจับเจ้าเชียงใหม่ไอ้ตัวดี  มิให้มีลำบากแก่ไพร่พล
 +
เสียแรงลูกเรียนรู้แต่ครูมา  จะอาสาทำศึกเสียสักหน
 +
ให้มีชื่อลือทั่วทั้งสากล  ว่าเป็นคนชาติทหารอันชาญชัย ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นพระหมื่นศรีผู้ปรีชา  ฟังพลายงามว่ายังสงสัย
 +
ซึ่งเจ้าจะกล้าอาสาไป  พ่อนี้ยังไม่ไว้อารมณ์
 +
ด้วยตัวเจ้ายังเล็กเด็กหนักหนา  จะทูลความอาสาเห็นไม่สม
 +
ไม่เคยเห็นวิชาอาคม  เจ้าสะสมร่ำเรียนไว้อย่างไร
 +
ลูกเอ๋ยการศึกนี้ลึกนัก  เอาแต่หาญหักนั้นไม่ได้
 +
ถ้าเหมือนพ่อก็พอจะไว้ใจ  หรือพ่อเจ้าเขาให้ตำรับเรียน
 +
ไปเพ็ดทูลถ้าดีก็มีหน้า  เคลื่อนคลาดก็จะพากันถูกเฆี่ยน
 +
จะเสียทีที่ลำบากพากเพียร  ไปพลั้งพลาดแล้วเจียนพากันตาย
 +
ตรองดูให้ดีนะลูกรัก  จะหาญหักเพ็ดทูลมิใช่ง่าย
 +
เอ็นดูอยู่ว่าเจ้าเป็นลูกชาย  พ่อหมายจะปลูกฝังให้เป็นตัว
 +
มิใช่แกล้งเกียดกันฉันทา  เกรงแต่ว่าจะไปไม่รอดชั่ว
 +
อย่าประมาทคาดได้ด้วยไม่กลัว  จงถ่ายเทดูให้ทั่วถึงทางความ ฯ
 +
 +
 +
๏ เจ้าพลายนบนอบตอบวาจา  คุณพ่อว่าเพราะรักจึงหักห้าม
 +
ด้วยยังไม่เห็นดีของพลายงาม  มิใช่ลูกว่าตามใจคะนอง
 +
เป็นลูกศิษย์มีครูรู้เที่ยงแท้  ท่านทำนายไว้แน่ไม่เป็นสอง
 +
ถ้าจะให้ปรากฎจะทดลอง  ให้ถ่องแท้ได้เห็นเป็นแก่ตา
 +
ว่าแล้วยกมือขึ้นไหว้ครู  ให้สิงสู่แล้วอ่านพระคาถา
 +
หายตัวไปพลันมิทันช้า  ต่อหน้าคนผู้อยู่ทั้งนั้น
 +
พระหมื่นศรีค่อยมีน้ำใจมา  หัวเราะร่าเออเช่นนี้ดีขยัน
 +
พอจะเอาการได้ไม่เสียพันธุ์  คลายเวทย์พูดกันเถิดลูกยา
 +
เจ้าพลายก็คลายให้คนเห็น  กลับเป็นเสือโคร่งตัวคร่ำคร่า
 +
โตทะมื่นยืนหยัดดัดกายา  ทำท่าเหมือนโดดโลดไล่คน
 +
แต่บรรดาลูกเมียพระหมื่นศรี  ตกใจวิ่งหนีอยู่สับสน
 +
แต่พระหมื่นศรีรู้ทีกล  ไม่ร้อนรนหัวร่ององันไป
 +
พลายงามก็คลายฤทธิมนตร์  กลับกลายเป็นคนลงนั่งไหว้
 +
พระหมื่นศรีเปรมปริ่มยิ้มละไม  ลูบหลังลูบไหล่เจ้าพลายงาม
 +
เอาการแน่แล้วลูกแก้วพ่อ  เจ้าเป็นต่อนักเลงอย่าเกรงขาม
 +
เมื่อแรกพ่อแคลงใจจึงไม่ตาม  พึ่งเห็นความรู้ดีฉะนี้เจียว
 +
อย่างนี้พระองค์ก็คงโปรด  ไม่พักทรงพิโรธเป็นสองเที่ยว
 +
ทั้งพระหลวงเจ้าพระยาได้หน้ากรียว  เพราะเจ้าคนเดียวได้รอดดอน
 +
พูดกันสองคนจนสว่าง  สุริยาเยื้องย่างเยี่ยมสิงขร
 +
ก็เลยเตรียมไปเฝ้าไม่เข้านอน  ได้เวลาพาจรจากบ้านพลัน ฯ
 +
 +
 +
๏ พระหมื่นศรีขึ้นขี่คลานหาม  เจ้าพลายเดินตามขมีขมัน
 +
เข้าไปในศาลาลูกขุนนั้น  ท่านผู้ใหญ่พร้อมกันอยู่ศาลา
 +
กำลังท่านกลาโหมจักรี  จตุสดมภ์ทั้งสี่นั่งปรึกษา
 +
จึงพระหมื่นศรีผู้ปรีชา  ก็พาตัวพลายงามตามเข้าไป
 +
กราบเรียนความพลันในทันที  ว่าคนดีจะเข้ามาอาสาได้
 +
ลูกขุนแผนแสนสะท้านหลานขุนไกร  ชื่อพลายงามว่องไวใจคอดี
 +
วิชากล้าแกล้วแคล่วคล่อง  ล่องหนหายตัวได้ถ้วนถี่
 +
ท่านผู้ใหญ่ได้ฟังก็เปรมปรีดิ์  เจ้าพระยาจักรีว่าชอบกล
 +
หน่วยก้านหาญเหี้ยมดูเจียวเจ้า  ลาดเลาก็เห็นจะเป็นผล
 +
เป็นลูกหลานทหารถึงสองคน  ฤทธิ์เดชเวทมนตร์คงได้การ
 +
ดูคมคายคล้ายกับขุนแผนพ่อ  ทั้งน้ำใจในคอก็อาจหาญ
 +
นี่แน่เจ้าจะเข้ารับราชการ  ถ้าเชี่ยวชาญเหมือนว่าแล้วอย่ากลัว
 +
เราจะช่วยยกย่องให้มียศ  ปรากฏเลื่องลือระบือทั่ว
 +
ถ้าตีได้เชียงใหม่ไหนครอบครัว  ทั้งควายวัวเหลือหลายสบายใจ
 +
พูดจาหารือกันเสร็จสรรพ  เป็นลำดับแต่ล้วนท่านผู้ใหญ่
 +
จวนเสด็จออกท้องพระโรงชัย  ก็เตรียมเฝ้าเข้าไปได้เวลา ฯ
 +
 +
 +
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ทรงสวัสดิ์  เนาในปรางค์รัตน์จำรัสหล้า
 +
ครั้นรุ่งแจ้งแสงสีสุริยา  พระผ่านฟ้าสระสรงทรงเครื่องครัน
 +
ให้เร่าร้อนพระทัยด้วยไพรี  พระเสด็จออกที่สุทธาสวรรย์
 +
ขุนนางหมอบราบกราบพร้อมกัน  เสียงแตรแซ่สั่นเสนาะวัง
 +
ทอดพระเนตรเห็นข้าราชการ  พระพักตร์เผือดเดือดดาลดังจะคลั่ง
 +
เป็นอย่างไรนิ่งอยู่กูรอฟัง  ใครจะอาสามั่งหรือไม่มี
 +
อ้ายเลกทาสเลกสมกรมนอกใน  มันจะอาสาได้กระมังนี่
 +
จะได้แต่งตั้งมันให้ทันที  ถอดออเจ้าเหล่านี้ลงแทนมัน ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นจมื่นศรีเสาวรักษ์  อภิวาททูลไปมิได้พรั่น
 +
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงธรรม์  อันชีวันอยู่ใต้พระบาทา
 +
กระหม่อมฉันออกไปไต่ถาม  ได้นายพลายงามจะอาสา
 +
เป็นบุตรขุนแผนแสนศักดา  ได้ร่ำเรียนวิชามาเชี่ยวชาญ
 +
กระหม่อมฉันสงสัยได้ทดลอง  ก็แคล่วคล่องสามารถอาจหาญ
 +
เป็นคนดีมีวิชาอาการ  แล้วเหล่าปราณก็เคยสงครามมา ฯ
 +
 +
 +
๏ พระองค์ทรงฟังพระหมื่นศรี  เปรมปรีดิ์ดำรัสตรัสให้หา
 +
ตัวมันอยู่ไหนอย่าได้ช้า  เรียกให้กูดูหน้าให้เต็มใจ
 +
พระหมื่นศรีเหลียวหลังสั่งให้เรียก  เจ้าพลายงามสำเหนียกหาช้าไม่
 +
ค่อยคลานผ่านหมู่หุ้มแพรไป  นายเวรแหวกช่องให้เป็นทางมา
 +
ถึงหน้าพระที่นั่งก็บังคม  ปลงอารมณ์ร่ายเวทพระคาถา
 +
ผูกพระทัยให้ทรงพระเมตตา  หมอบนิ่งภาวนาอยู่ในใจ ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช  ทอดพระเนตรพอเห็นให้รักใคร่
 +
จึงมีสีหนาทประภาษไป  เฮ้ยไอ้พลายงามทรามคะนอง
 +
โคตรเหง้าเหล่ามึงเป็นทหาร  อุตส่าห์ทำราชการให้แคล่วคล่อง
 +
แม้นมึงทำลาวได้ดังใจปอง  เงินทองยศอย่างจะรางวัล
 +
จะได้หรือมิได้ให้ว่ามา  กูดูหน้าตาก็คมสัน
 +
น้ำใจในคอก็พ่อมัน  นิ่งอั้นอยู่ไยไม่ว่ามา ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงาม  ฟังความรับสั่งใส่เกศา
 +
ขอเดชะพระองค์ทรงศักดา  อันชีวาอยู่ใต้ฝ่าละออง
 +
กระหม่อมฉันจะขอรับอาสา  เอาพระเดชามาปกป้อง
 +
จะจับเจ้าเชียงใหม่ใจคะนอง  มิให้ต้องร้อนใจแก่ไพร่พล
 +
ขอพระราชทานโทษโปรดบิดา  ไปเป็นคู่ปรึกษากันกลางหน
 +
ทั้งจะได้ช่วยเหลือเผื่ออับจน  แก้กลศึกสู้ศัตรูนั้น
 +
แม้นว่าได้ร่วมคิดกับบิดา  จะขอรับอาสาจนอาสัญ
 +
ถ้าพ่ายแพ้แก่พวกเชียงใหม่มัน  ขอถวายชีวันทั้งโคตรปราณ ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นสมเด็จนเรนทร์สูร  ฟังทูลตบพระหัตถ์อยู่ฉาดฉาน
 +
ทรงพระสรวลร่วนรื่นชื่นบาน  เออเอ็งเอาการมิเสียที
 +
อนิจจาอ้ายขุนแผนแสอาภัพ  ตกอับเสียคนแทบป่นปี้
 +
ติดคุกทุกข์ยากมาหลายปี  กูนี้ก็ชั่วมัวลืมไป
 +
ให้บังอกบังใจกระไรหนอ  อ้ายพลายงามมาขอจึงนึกได้
 +
ครั้งขออีลาวทองกูหมองใจ  จำไว้ช้านานถึงปานนี้
 +
ดูดู๋ขุนนางทั้งน้อยใหญ่  พากันนิ่งเสียได้ไม่พอที่
 +
ทาระกรรมมันมาสิบห้าปี  ช่างไม่มีผู้ใดใครชอบพอ
 +
เหตุด้วยอ้ายนี่ไม่มีทรัพย์  เนื้อความมันจึงลับไปเจียวหนอ
 +
ถ้ามั่งมีไม่จนคนก็ปรอ  มึงขอกูขอไม่เว้นวัน
 +
นับประสาหาคนไปสู้ศึก  ก็ไม่มีใครนึกถึงมันนั่น
 +
ด้วยอิจฉาว่าวิชาไม่เท่ามัน  มันไล่ฟันเอาเมื่อตามขุนช้างไป
 +
ความกลัววิ่งหัวเป็นดอกล่อ  รู้จักฝีมือพ่อหรือหาไม่
 +
พระยายมฟังว่าช้าอยู่ไย  จงสั่งให้ไปถอดอ้ายแผนมา ฯ
 +
 +
 +
๏ ท่านเจ้ากรมยมราชได้รับสั่ง  ถวายบังคมคัลด้วยหรรษา
 +
รีบออกนอกพระโรงรัตนา  ให้หานรบาลแล้วสั่งพลัน
 +
ไปถอดขุนแผนเป็นการด่วน  เวลาจวนพามาขมีขมัน
 +
ให้ทันเฝ้าองค์พระทรงธรรม์  นรบาลงกงันรีบออกไป
 +
ถึงคุกเร่งรัดพัสดี  ถอดกันทันทีไม่ช้าได้
 +
แล้วพาขุนแผนผู้แว่นไว  เข้าในวังนั่งไหว้ท่านเจ้าคุณ
 +
ท่านพระยายมราชก็ทักถาม  บอกความขุนแผนว่าแสนวุ่น
 +
พลายงามทูลขอพ่อเป็นบุญ  ทรงการรุญยกโทษโปรดประทาน
 +
อนิจจาผมเผ้ายาวเลื้อยดิน  ผิดหน้าตาสิ้นน่าสงสาร
 +
เข้าไปเฝ้าเถิดเจ้าจะช้าการ  ว่าแล้วก็คลานพาเข้าไป ฯ
 +
 +
 +
๏ พระองค์ทรงศักดิ์กวักพระหัตถ์  ตรัสเรียกขุนแผนเข้ามาใกล้
 +
หมอบหน้าพลายงามทรามวัย  บังคมไหว้กราบงามลงสามที
 +
พระองค์ทรงตรัสประภาษไป  เออไอ้ขุนแผนไม่พอที่
 +
มึงจำเพาะเคราะห์ร้ายมาหลายปี  วันนี้สิ้นเคราะห์เพราะลูกชาย
 +
บัดนี้มีศึกข้างเชียงใหม่  อ้ายลูกมันจะไปตีถวาย
 +
มันจะขอพ่อไปเป็นเพื่อนตาย  ปรึกษากับลูกชายก็เป็นไร
 +
ตัวมึงกูเคยได้เชื่อถือ  ไม้มือไม่มีใครหักได้
 +
กูนี้ชั่วมัวเอามึงจำไว้  ลืมไปใช่ว่าจะแค้นเคือง
 +
มึงจะเอาผู้คนสักกี่หมื่น  ให้เร่งกะวันคืนอย่าร่ำเรื่อง
 +
จะเอาไพร่ในกรุงหรือหัวเมือง  วัวต่างช้างเครื่องให้หมายไป ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพ  ก้มกราบแล้วทูลเฉลยไข
 +
มิต้องให้ไพร่ยากไปมากมาย  ครั้นกะเกณฑ์วุ่นวายจะช้าการ
 +
ขอพระราชทานแต่ไพร่ราบ  พอหามหาบหาเสบียงเลี้ยงอาหาร
 +
อันพวกพลจะประจญประจัญบาน  ขอประทานคนโทษที่ในคุก
 +
มีสามสิบห้าคนล้วนทนคง  ยืนยงสามารถอาจอุก
 +
ได้ร่ำเรียนรู้ครบเชิงรบรุก  เห็นมีทุกความรู้ครูต่างกัน ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ  ฟังขุนแผนพูดจบเห็นขบขัน
 +
เออเขตแขวงเชียงใหม่สิใหญ่ครัน  คนมันมากมายเป็นหลายเมือง
 +
ผู้คนเอ็งจะเอาไปเท่านี้  ถึงว่าได้คนดีที่ปราดเปรื่อง
 +
จะรบราฆ่าฟันมันไม่เปลือง  กูเห็นเครื่องจะยับกลับลงมา
 +
มันดีดีอย่างไรว่าไวว่อง  มะรืนนี้เอามาลองกันต่อหน้า
 +
พระยายมว่าอย่างไรอย่าได้ช้า  ไปถอดทั้งสามสิบห้าให้แก่มัน
 +
สั่งเสร็จพระเสด็จเข้าในที่  ภูมีแสนสุขเกษมสันต์
 +
พวกขุนนางออกมาพร้อมหน้ากัน  ขุนแผนนั้นไหว้ทั่วตัวขุนนาง
 +
บ้างทักทายปราศรัยเป็นไมตรี  ล้วนยินดีเชยชมกันต่างต่าง
 +
ให้ศีลให้พรสั่งสอนพลาง  เคราะห์โศกสิ้นสร่างแล้วคราวนี้
 +
ท่านเจ้ากรมยมราชก็เรียกหา  ทั้งพ่อลูกตามมากับจมื่นศรี
 +
ให้จดหมายรายชื่อลงบาญชี  ครบคนโทษที่พระราชทาน
 +
แล้วสั่งให้ประแดงไปถอดมา  ตรวจตัวทั่วหน้าให้นับอ่าน
 +
ต่อหน้าขุนแผนแสนสะท้าน  สอบคำให้การให้ขานมา ฯ
 +
 +
 +
๏ ข้าพเจ้าอ้ายพุกอยู่ลุกแก  เมียชื่ออีแตพระเจ้าข้า
 +
โทษปล้นให้รำระบำป่า  ให้อีมารำรื้อไปมือเดียว
 +
ถัดไปอ้ายมีบ้านยี่ล้น  เมียชื่ออีผลปล้นตาเขียว
 +
แทงถูกอีชังกำลังเยี่ยว  ปากเบี้ยวล้มหงายน้ำลายฟด
 +
ถัดไปอ้ายปานบ้านชีหน  เมียชื่ออีสนปล้นบางปลากด
 +
ผูกคอตาจ่ายกับยายรด  เอาไฟจดจุดขนหล่นร่วงไป
 +
ถัดนั้นอ้ายจันสามพันตึง  เมียชื่ออีอึ่งบ้านเหมืองใหม่
 +
พวกปล้นขุนศรีวิชัย  เอาไม้เสียบก้นจนแกตาย
 +
ถัดมาข้าชื่ออ้ายคงเครา  เมียชื่ออีเต่าบ้านหนองหวาย
 +
ปล้นบ้านบางภาษีเมื่อปีกลาย  ได้ทรัพย์จับควายผูกต่างมา
 +
ต่อมาข้านี้อ้ายสีอาด  เมียชื่ออีกงราดพระเจ้าข้า
 +
คบไทยไล่ปล้นบ้านละว้า  แล้วเข่นฆ่าตาปานบ้านตาลเอน
 +
ถัดไปอ้ายทองอยู่ช่องขวาก  ผัวอีมากฆ่าลาวชื่อท้าวเสน
 +
ขึ้นย่องเบาเอาบาตรผ้าพาดเณร  ทุบตาเถรแล้วซ้ำปล้ำหลวงชี
 +
ที่นั่งถัดไปอ้ายช้างดำ  อยู่บ้านถ้ำย่องเบาเจ้าภาษี
 +
เก็บเงินทองของข้าวบรรดามี  ของดีดีไม่น้อยทั้งพลอยเพชร
 +
ถัดมาอ้ายบัวหัวกะโหลก  โทษปล้นชีโคกที่บ้านเกร็ด
 +
แล้วตีอ้ายดูกจมูกเฟ็ด  ฟันตาสายขายเป็ดบ้านตึกแดง
 +
ถัดมาข้าชื่ออ้ายแตงโม  เมียชื่อออีโตบ้านชุมสาย
 +
ปล้นชีดักขนนขนพอแรง  ฆ่าขุนทิพย์แสงเจ้าทรัพย์ตาย
 +
อ้ายอินเสือเหลืองเมืองชัยนาท  เมียชื่ออีปาดบ้านขนาย
 +
เที่ยวปล้นฆ่าคนสักร้อยราย  ลักควายแทงกินสิ้นเป็นเบือ
 +
อ้ายมอญมือด่างบางโฉลง  เมียชื่ออีโค่งเป็นชาวเหนือ
 +
ลักถ้วนลักถี่ทั้งตีเรือ  ครกกระบากสากกะเบือไล่เก็บครบ
 +
ถัดไปอ้ายทองอยู่หนองฟูก  เมียชื่ออีดูกลูกตาจบ
 +
กลางวันปีนเรือนเหมือนชะมบ  แต่พอพลบคนเดียวเที่ยวย่องเมา
 +
อ้ายมากสากเหล็กปล้นเจ๊กกือ  เมียมันตาปรือชื่ออีเสา
 +
ถัดไปอ้ายกุ้งคุ้งตะเภา  ฟันผัวแย่งอีเม้าเอาเป็นเมีย
 +
อ้ายสงผัวอีคงอยู่กงคอน  ตีชิงผ้าผ่อนฆ่ามอญเสีย
 +
ถัดไปอ้ายกร่างอยู่บางเหี้ย  หาเมียมิได้ไล่ตีเรือ
 +
อ้ายกลิ้งผัวอีกลักดักขนน  ลักควายขายคนปล้นเรือเหนือ
 +
อ้ายพานผัวอีพาบ้านนาเกกลือ  เอายาเบื่อหลวงโชฎึกเก็บตึกเตียน
 +
อ้ายจั่วผัวอีปรางบางน้ำชน  ขึ้นย่องเบาหมื่นชนขนเอาเลี่ยน
 +
อ้ายแมวผัวอีมาอยู่ท่าเกวียน  เข้าบ้านทิดเพียนปล้นปลอมริบ
 +
พิจารณาเป็นสัตย์ซัดทอดฟ้อง  เก็บเอาข้าวของนางทองกระหมิบ
 +
ถัดไปอ้ายมั่นผัวอีจันทิพ  อยู่น้ำดิบปล้นตีหลวงชีเภา
 +
หาได้แทงแกไม่ดังให้การ  นครบาลสอบแก้เป็นแผลเก่า
 +
อ้ายจันผัวอีจานบ้านกระเพรา  โทษปล้นจีนเก๊าเผาโรงเจ๊ก
 +
ยิงปืนปึงปังประดังโห่  แล้วเอาสันพร้าโต้ต่อยหัวเด็ก
 +
ถัดมาอ้ายสานกเล็ก  อยู่คุ้งถลุงเหล็กผัวอีดี
 +
สกัดตีโคต่างทางโคราช  แทงอ้ายขั้วผัวอีปาดล้มกลิ้งคี่
 +
อ้ายมากหนวดผัวอีขวดอยู่บางพลี  โทษตีเดิมบางเอากลางวัน
 +
อ้ายเกิดกระดูกดำผัวอีคำด่าง  โทษสะดมกรมช้างกับหมอมั่น
 +
ปล้นละว้าป่าดงคงกระพัน  กระหำไขว้ไข่ดันเป็นทองแดง
 +
สิริคนโทษซึ่งโปรดมา  ครบสามสิบห้าล้วนกล้าแข็ง
 +
อยู่ยงคงกระพันทั้งฟันแทง  เรี่ยวแรงทรหดอดทน
 +
ทำกรรมต้องจำมาช้านาน  สิ้นกรรมบันดาลจึงให้ผล
 +
พลายงามทูลขอพ่อออกพ้น  จึงปล่อยโปรดโทษคนทั้งนี้มา ฯ
 +
 +
 +
๏ ครั้นตรวจตราสำเร็จเสร็จทั่ว  จึงมอบตัวไพร่ทั้งสามสิบห้า
 +
ให้แก่ขุนแผนแสนศักดา  ท่านพระยายมราชก็อวยชัย
 +
ให้พ่อชนะมารผลาญศัตรู  เชิดชูพระยศปรากฏกระฉ่อน
 +
ทั้งลูกชายพลายงามไปราญรอน  ตีนครเชียงใหม่ให้สมนึก
 +
แล้วหันหน้ามาสั่งพวกทนาย  จงเลือกหาผ้าลายที่ในตึก 
 +
ทั้งส้มสูกลูกไม้ให้ครันครึก  แจกพวกอาสาศึกให้ทั่วกัน
 +
พวกทนายขนของมากองเกลื่อน  พระยายมตัดเตือนให้เลือกสรร
 +
ขุนแผนจึงจัดแจงแล้วแบ่งปัน  แจกให้ไพร่นั้นทุกตัวคน
 +
ต่างผลัดผ้าเก่าเอาโยนเสีย  ทุดกูขายหน้าเมียไม่ปิดก้น
 +
บางคนเปลื้องกระสอบดูชอบกล  มันช่างจนเหลือจนได้พ้นทุกข์
 +
ชวนกันกินของร้องโมทนา  ตั้งแต่วันหน้าจะเป็นสุข
 +
ถ้าหากพ่อไม่ขออกจากคุก  ก็สิ้นคิดติดกรุกจนตายไป
 +
จะเป็นข้าของนายจนตายจาก  ใช้สอยน้อยมากจะทำให้
 +
ฝ่ายว่าขุนแผนผู้แว่นไว  กราบกรานท่านผู้ใหญ่แล้วอำลา
 +
พระหมื่นศรีขี่ม้านำมาบ้าน  ผู้คนอลหม่านเป็นหนักหนา
 +
พลายงามเดินตามขุนแผนมา  พวกไพร่สามสิบห้าก็มาพลัน
 +
พระหมื่นศรีจัดที่ให้พักอยู่  แต่งสำรับเลี้ยงดูเกษมสันต์
 +
พวกไพร่สามสิบห้าเฮฮากัน  พลุกพล่านจนตะวันลงรอนรอน ฯ
 +
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
๏ จะกล่าวถึงนางแก้วกิริยา  เจ้าติดตามผัวมาอยู่แต่ก่อน
 +
อาศัยทับหับเผยเคยหลับนอน  ตั้งอุทรเติบใหญ่ได้สิบเดือน
 +
ครั้นผัวพ้นทุกข์จากคุกได้  หม้อกระออมโอ่งไหกองไว้เกลื่อน
 +
ผ้าขี้ริ้วผ่อนขาดกลาดทั้งเรือน  เคยเป็นเพื่อนเมื่อยากจะจากกัน
 +
พิษฐานให้ทานคนโทษแล้ว  ผ่องแผ้วตามมาหาผัวขวัญ
 +
พระหมื่นศรีดีใจบอกไปพลัน  อยู่ด้วยกันอย่ากลัวผัวไปทัพ
 +
แล้วชวนขุนแผนกับเจ้าพลาย  ทั้งสามนายนั่งพร้อมล้อมลำดับ
 +
เรียกให้เมียน้อยยกสำรับ  กินเสร็จสรรพระหมื่นศรีก็ชี้แจง
 +
เกลอเอ๋ยน่าอดสูดูเผ้าผม  ทำรุงรังช่างสมอ้ายใจแข็ง
 +
จะเป็นเจ๊กก็ใช่ไทยก็แคลง  มันระแวงคล้ายละว้าน่าขันครัน
 +
ขุนแผนหัวร่อคุณพ่อช่างว่า  แล้วลุกมาเสกน้ำที่ในขัน 
 +
ชุบตัดมหาดไทยใส่น้ำมัน  เสร็จพลันอาบน้ำชำระกาย
 +
ทาแป้งแต่งตัวเอี่ยมสะอาด  นุ่งลายผ้าคาดดูเฉิดฉาย
 +
แล้วกลับมาหน้าหอของพระนาย  ทั้งเจ้าพลายสามคนสนทนา
 +
ขุนแผนวอนไหว้พระหมื่นศรี  ว่าลูกนี้ตั้งใจจะอาสา 
 +
ยังเป็นห่วงบ่วงใยด้วยมารดา  คร่อแคร่แก่ชราลงทุกวัน
 +
อยู่บ้านกาญจน์บุรีไม่มีสุข  จะเฝ้าทุกข์ถึงลูกกับหลานขวัญ
 +
ถ้ารับมาเลี้ยงดูอยู่ด้วยกัน  ถึงลูกไปทัพนั้นจะนอนใจ
 +
พระหมื่นศรีฟังคำขุนแผนว่า  โมทนาข้าจะเป็นธุระให้
 +
รับมาจะลำบากยากอะไร  พรุ่งนี้ข้าจะให้ไปรับมา
 +
แล้วพูดกันสามคนจนดึกดื่น  ครั้นเที่ยงคืนก็เข้าในเคหา
 +
ต่างระงับหลับใหลไสยา  จนเวลารุ่งแจ้งแสงตะวัน ฯ
 +
 +
 +
๏ จะกล่าวถึงสมเด็จพระพันวษา  ตรัสเรียกลาวทองมาขมีขมัน
 +
อ้ายพลายงามอาสามันกล้าครัน  แล้วทูลขอพ่อมันพ้นจากคุก
 +
มึงทรมานมากว่าสิบปี  กูเห็นมึงนี้ไม่มีสุข
 +
จะโปรดยกโทษให้พ้นทุกข์  อย่าปักสะดึงกรึงกรุกเร่งออกไป
 +
ลาวทองได้ฟังรับสั่งโปรด  ปราโมทย์ยินดีจะมีไหน
 +
ถวายบังคมลามาทันใด  ออกไปกราบลาหม่อมป้าโต
 +
เพื่อนฝูงร้องไปจะได้ลาภ  ค่อยกระซิบกระซาบนางมีโหว่
 +
นางสีนางพรมแม่ส้มโอ  เพื่อนฝูงอักโขจะลาไป
 +
แล้วลาเจ้าขรัวนายกรายเข้าห้อง  หวีหัวกระจกส่องน้ำมันใส่
 +
ทั้งกระแจะจันทน์ปรุงจรุงใจ  หวังจะให้ชื่นอารมณ์ชมชิด
 +
นุ่งยกดอกกลมห่มม่วงอ่อน  เทพนมห่มซ้อนดูวิจิตร
 +
ก้มแลดูกายไม่วายคิด  ใส่จริตเยื้องย่างสำอางงาม
 +
จัดแจงหีบหมากเครื่องนากทอง  ถาดรองขันน้ำทำอย่างห้าม
 +
ใส่เครื่องประดับวับแวววาม  ออกประตูข้างข้ามประตูดิน
 +
อีถึงถือหีบรีบตามนาย  อีกห้าคนขวนขวายเก็บของสิ้น
 +
เพื่อนทักถามไถ่ไม่ได้ยิน  มาถึงถิ่นบ้านขึ้นบนบันได ฯ
 +
 +
 +
๏ ขุนแผนครั้นเห็นนางลาวทอง  เจียนจะแปลกเจียวน้องนึกขึ้นได้
 +
ร้องเรียกทันทีด้วยดีใจ  แปลกพี่ไปหรือเจ้าไม่เข้ามา
 +
ลาวทองฟังคำจำเสียงได้  เข้าใกล้ผัวรักรู้จักหน้า
 +
กอดตีนร่ำไห้ฟายน้ำตา  ท่านโปรดโทษข้าข้าจึงรู้
 +
ครั้นติดตามมาหาผัวรัก  แปลกไปไม่รู้จักจึงยืนอยู่
 +
ไม่กล้าเข้าไปในประตู  แลดูพ่อซูบผิดรูปไป
 +
โอ้โอ๋เจ้าประคุณของเมียแก้ว  เหมือนตายแล้วเกิดมาหากันใหม่
 +
ตั้งแต่เมียถูกขังอยู่วังใน  เฝ้าแต่ร่ำร้องไห้ไม่วายวัน
 +
ยามกินกินข้าวไม่เป็นคำ  ต้องฝืนกลืนกับน้ำร่ำโศกศัลย์
 +
ยามนอนนอนคิดจิตผูกพัน  แทบจะกลั้นใจตายไม่วายเว้น
 +
ปักสะดึงกรึงไหมมิได้หยุด  จะสิ้นสุดเมื่อไรไม่แลเห็น
 +
ได้แต่โศกเศร้าทั้งเช้าเย็น  ตั้งแต่เป็นทุกข์มาช้านานครัน
 +
พูดพลางทางแลแล้วถามผัว  ทูนหัวใครนั่งข้างหลังนั่น
 +
ขุนแผนจึงบอกออกมาพลัน  นางนั้นชื่อแก้วกิริยา
 +
เมียข้าเมื่อพาวันทองหนี  ครั้นติดคุกนางนี้อยู่รักษา
 +
นั่นลูกพี่ที่เขาทูลขอมา  ชื่อพลายงามมารดาคือวันทอง
 +
ว่าแล้วก็พากันเข้าเรือน  ข้าวของกองเกลื่อนอยู่ในห้อง
 +
ต่างปรึกษาหารือตามทำนอง  ปรองดองมิได้คิดจิตฉันทาฯ
 +
 +
 +
๏ ขุนแผนออกมาหน้าหอนั่ง  พลันสั่งทหารสามสิบห้า
 +
ให้แต่งตัวตัดผมสมหน้าตา  เตรียมผ้านุ่งห่มให้คมคาย
 +
ขาดเหลือพึ่งพระจมื่นศรี  พรุ่งนี้จะได้ไปลองถวาย
 +
พระหมื่นศรีขุนแผนกับลูกชาย  ทั้งสามนายสนทนาจนราตรี ฯ
 +
 +
 +
๏ ครั้นรุ่งเช้าข้าวปลาหากินเสร็จ  จวนเสด็จออกต่างก็เร็วรี่
 +
เข้าวังพร้อมกันในทันที  วันนี้ชาวเมืองนั้นเลื่องลือ
 +
ว่าจะลองความรู้พวกอาสา  ต่างแตกตื่นกันมาออกอึงอื้อ
 +
ไทยจีนมอญพม่าข่าลาวลื้อ  จูงมือลูกหลานซานเข้าไป
 +
ยัดเยียดเสียดแทรกเข้าประตู  นมจู้เบียดบีบกันเหลวไหล
 +
เจ้าหนุ่มหนุ่มที่ลำพองคะนองใจ  เข้าคว้าไขว่สาวสาวออกกราวเกรียว
 +
บ้างกระชากผ้าห่อมฉวยนมหมับ  พวกตำรวจหวดขวับเอาเต็มเหนี่ยว
 +
จับตัวได้ใส่คาทำหน้าเซียว  ที่เลี่ยงเลี้ยวหลบได้ไพล่เข้าวัง
 +
ยัดเยียดเบียดกันอยู่ชั้นนอก  พอเวลาเสด็จออกก็พร้อมพรั่ง
 +
สังข์แตรแซ่เสียงสนั่นดัง  ถวายบังคมกราบลงพร้อมกัน ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์  เสด็จสถิตพระที่นั่งสุทธาสวรรย์
 +
พระสูตรรูดกร่างกระจ่างพลัน  ดังองค์พระสุริยันเหมื่อเยี่ยมรถ
 +
ตรัสเรียกขุนแผนพลายงาม  ทหารสามสิบห้าเข้ามาหมด
 +
ต่างคลานเข้าเฝ้าองค์พระทรงยศ  น้อมประณตดาษดาหน้าพระลาน
 +
ทนายเลือกตีวงตรงพระที่นั่ง  เอาเชือกหนังขึงขอบรอบหน้าฉาน
 +
ข้างในล้วนบรรดาข้าราชการ  วงนอกไพร่บ้านพลเมือง
 +
เสียงระเบ็งเซ็งแซ่ทั้งแก่หนุ่ม  มามั่วสุมคับคั่งนั่งเนื่อง
 +
บ้างยงโย่แยงแย่แลชำเลือง  บ้างยักเยื้องหยุกหยิกคะยิกกัน
 +
พวกตำรวจเรียงรายถือหวายห้าม  รอบทั้งท้องสนามเป็นกวดขัน
 +
ฝ่ายว่าพระองค์ผู้ทรงธรรม์  สั่งขุนแผนให้สรรกันเข้ามาฯ
 +
 +
 +
๏ นายบัวหัวกะโหลกบ้านโคกขาม  ถวายบังคมงามแล้วออกหน้า
 +
นอนหงายร่ายมนตร์ภาวนา  ให้เอาขวานผ่าเป็นหลายซ้ำ
 +
โปกโปกขวานกระดอนนอนพยัก  ไม่แตกหักลุกมาหน้าแดงก่ำ
 +
นายคงเคราเข้านั่งบริกรรม  ให้เอาหอกตำเข้าจำเพาะ
 +
ถูกตรงยอดอกไม่ฟกช้ำ  แทงซ้ำหลายทีที่เหมาะเหมาะ
 +
เสียงอักอักพยักหน้านั่งหัวเราะ  จนด้ามหอกหักเดาะไม่ทานทน
 +
นายมอญนอนเปลือยเอาเลื่อยชัก  เลื่อยหักฟันเยินพระเนินย่น
 +
ให้เปลี่ยนหน้ามาเลื่อยก็หลายคน  เป็นหลายหนไม่เข้าเปล่าทั้งนั้น
 +
นายช้างดำกำลังดังช้างสาร  ถวายบังคมคลานมาไม่พรั่น 
 +
กระโดสูงสามวาตาเป็นมัน  แข็งขันข้อลำดำทมิฬ
 +
นายสีอาดคลาดแคล้วแล้วไม่แตก  หอกซัดเจ็ดแบกพุ่งจนสิ้น
 +
ไม่ถูกเพื่อนเชือนไถลไปปักดิน  นายอินอึดใจแล้วหายตัว
 +
นายทองลองให้เอาปืนยิง  ยืนนิ่งคอยรับจับลูกตะกั่ว
 +
นายจันนั้นแปลกเข้าแบกวัว  นายบัวทำคล้ายเป็นหลายคน
 +
นายแตงโมทำโตได้เหมือนยักษ์  คึกคักกรอกตาดูหน้าย่น
 +
นายจั่งหัวหูดูพิกล  เอาไฟลนทนได้ไฟวับวับ
 +
ลองถวายสิ้นทั้งสามสิบห้า  ต่างสำแดงวิชาเป็นลำดับ
 +
แล้วมาหมอบเรียงเคียงคำนับ  รับสั่งให้ประทานรางวัลพลัน
 +
คนหนึ่งเงินตราห้าตำลึง  กับผ้าสำรับหนึ่งให้จัดสรร
 +
ทั้งเพิ่มนอกออกไปให้ต่างกัน  ตามไม้มือมันใครเอกโท
 +
ยังอ้ายพลายงามจะอาสา  ดีจริงหรือว่ามันโยโส
 +
ดูตัวก็ไม่ใหญ่ใจมันโต  เฮ้ยอ้ายแผนลองโต้กับลูกดู ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นขุนแผนพลายงาม  ถวายบังคมตามกันทั้งคู่
 +
ที่คนดูลุกยืนตื่นกันกรู  คอยดูพ่อลูกจะลองกัน
 +
เจ้าพลายงามขออภัยพ่อขุนแผน  แล้วจับทวนทอดแขนดูขบขัน
 +
ขุนแผนดาบสองมือถือยืนยัน  ชักท่าทางวางหันเข้าสู้ทวน
 +
กลองแขกติงทั่งตั้งเพลงรำ  ไม่เพลี่ยงพล้ำถ้อยทีถี่ถ้วน
 +
ชั้นเชิงกรีดกรายหลายกระบวน  สับสวนท่าทางสันทัดกัน
 +
ดูข้างพลายงามก็ไวว่อง  ดูทำนองขุนแผนก็แข็งขัน
 +
ได้ทีหนีไล่พัลวัน  กลับแทงแย้งฟันกันคนละที
 +
ถูกฉับไม่เข้าเปล่าทั้งนั้น  เจ้าพลายหันเยื้องย่องทำนองหนี
 +
แต่พอห่างวางทวนกับปัถพี  อัญชลีร่ายเวทเป็นไฟกัลป์
 +
ลุกโพลงโผงผางกลางสนาม  เปลวฟู่วู่วามเสียงสนั่น
 +
ลามไหม่ไล่คนทั้งหลายนั้น  คนผู้อยู่นั่นก็หนีกรู
 +
ตกใจหน้าซีดทุกตัวคน  ขุนแผนอ่านมนตร์ฝนตกซู่
 +
เป็นน้ำไหลไฟดับอยู่วับวู  เสียงคนดูฮาลั่นสนั่นอึง
 +
ชมปรอพ่อลูกนี้เอาจริง  วิชาเขายวดยิ่งไม่มีถึง
 +
ฝ่ายขุนแผนเสกซ้ำพร่ำตะบึง  ประเดี๋ยวหนึ่งเป็นงูชูโพนเพน
 +
อ้ายตัวใหญ่มีหงอนเท่าท่อนซุง  เลื้อยพุ่งตาแดงดังแสงเสน
 +
บริวารมากมายมาก่ายเกน  แผ่พังพานเพ่นเพ่นสักสองพัน
 +
เที่ยวเลี้ยวไล่ไชชอนไปทุกแห่ง  พวกคนดูแอบแฝงเป็นจ้าละหวั่น
 +
เหล่าผู้หญิงวิ่งหนีพัลวัน  ตัวสั่นหน้าซีดกรีดกราดไป
 +
ผ้าผ่อนล่อนหลุดสะดุดล้ม  เหยียบทับกันจมออกเหลวไหล
 +
พลายงามขว้างตะกรุดไปทันใด  เป็นนกกดตัวใหญ่ไล่ตามงู
 +
ตีนหยิกปากจิกปีกป้องรับ  งูขยับเลี้ยวฉกนกจิกสู้
 +
ฝูงคนกล่นเกลื่อนกันมาดู  นกกดคาบงูชูร่อนบิน
 +
บรรดางูบริวารสิ้นทั้งหลาย  ก็พลอยหายสาบสูญไปหมดสิ้น
 +
พลายงามตัวเอกเสกก้อนดิน  นกหายกลายปลิ้นไปเป็นช้าง
 +
ซับมันชันหูชูงวง  งายาวขาวช่วงทั้งสองข้าง
 +
เงยแหงนแปร๋มาคว้างคว้าง  ขุนแผนยืนขวางรำขอรับ
 +
เหยียบขึ้นปลายงาขาคร่อมคอ  ช้างร้ายแรงหล่อเอาขอสับ
 +
ฟันกระชากหน้าผาก.....ยับ  จนตาหลับแหงนหงายท้ายติดดิน
 +
ช้างหายพลายงามทรามคะนอง  มีวิชาสำรองไม่รู้สิ้น
 +
บริกรรมสำแดงแปลงกายิน  เปลี่ยนปลิ้นกลับกลายเป็นควายรับ
 +
ขุนแผนหายกลายกลับเป็นเสือโคร่ง  เขี้ยวโง้งโดดหลอกกลอกกลับ
 +
ล่อควายบ่ายหน้ามาที่ประทับ  ตบขวับขวิดผึงทะลึ่งลอย
 +
ชุลมุนผลุนผลันถลันโดด  เสือโดดควายขวิดชิดไม่ถอย
 +
สู้กันฟั่นเฝือจนเหงื่อย้อย  ต่างปละปล่อยกลายกลับไปฉับพลัน
 +
พ่อเป็นนกแก้วแจ้วส่งเสียง  ลูกเลี่ยงเป็นสาลิกานั่น
 +
บินไปจับต้นไม้อยู่ใกล้กัน  รู้พูดสารพันภาษาคน
 +
แต่บรรดาคนผู้ดูจนเพลิน  สรรเสริญสองนายทุกแห่งหน
 +
เออช่างศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์เวทมนตร์  ข้าศึกไหนจะทนฤทธาเธอ
 +
พระองค์ตบพระหัตถ์อยู่ฉัดฉาน  เบิกบานทรงพระสรวลสำรวลเร่อ
 +
อ้ายคู่นี้ใช้ได้ไม่อมเออ  ฤทธิ์เดชมันเสมอสมานกัน
 +
ทีนี้จะได้ดูอ้ายเชียงใหม่  มันอวดอิทธิ์ฤทธิไกรอย่างไรนั่น
 +
จะสู้กับลูกกูอยากดูมัน  ไม่ถึงวันก็จะวิ่งเข้าป่าไป
 +
สิ้นพุงมึงเท่านี้แล้วหรือหวา  นกแก้วสาลิกาก็ทูลไข
 +
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงชัย  ยังไม่สิ้นตำราของอาจารย์
 +
ทูลแล้วพ่อลูกก็คลายมนตร์  กลับเป็นคนมาหมอบอยู่หน้าฉาน
 +
พระพันวษาปราโมทย์โปรดปราน  ให้เลื่อนเครื่องประทานแล้วตรัสมา
 +
ฮ้าเฮ้ยอ้ายขุนแผนพลายงาม  มึงลูกพ่อต่อตามกันหนักหนา
 +
ดูหน้านิ่วหิวเหนื่อยจะเลื่อยล้า  กินข้าวปลาเสียทีให้มีแรง
 +
แล้วจึงตรัสสั่งคลังวิเศษ  ให้จัดเสื้อโหมดเทศอย่างก้านแย่ง
 +
แพรจีนดวงพุดตานส่านสีแดง  ทั้งสมปักตามตำแหน่งขุนนางใน
 +
ให้คลังหาสมบัติจัดเงินตรา  ห้าชั่งเอามาประทานให้
 +
มึงทั้งสองใช้ของเหล่านี้ไป  กว่าจะได้บำเหน็จเสร็จสงคราม
 +
ขุนแผนพลายงามความยินดี  ถวายบังคมอยู่ที่กลางสนาม
 +
ด้วยทรงพระกรุณาสง่างาม  คนผู้ดูหลามไปทั้งวัง ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษา  ตรัสเรียกโหราเข้ามาสั่ง
 +
ให้คูณหารฤกษ์ยามตามกำลัง  วันไรจะตั้งให้ยาตรา
 +
พระโหราหาฤกษ์แล้วทูลพลัน  ขึ้นเจ็ดค่ำนั้นเป็นเศษห้า
 +
ได้ฤกษ์เบิกพยุหเสนา  เวลาสี่โมงเช้าเก้านาที
 +
ปลอดทั้งผีหลวงห่วงวัน  ยามนั้นได้เมื่อพระฤาษี
 +
แค้นขัดมัดมือลิงกาลี  จะไปตีบ้านเมืองย่อมมีชัย
 +
พระองค์ทรงฟังก็สั่งพลัน  ไปให้ทันฤกษ์พาอย่าช้าได้
 +
มันขอแต่ไพร่ราบหาบของไป  ก็เกณฑ์ไพร่ให้มันเจ็ดสิบคน
 +
สั่งเสร็จพระเสด็จเข้าในวัง  ขุนนางลุกสะพรั่งอยู่สับสน
 +
ออกบอบแบบแสบท้องจนเต็มทน  อลวนกลับบ้านสำราญใจ
 +
พวกคนดูโจษกันสนั่นมา  ไม่เลือกหน้าไทยเจ๊กเด็กผู้ใหญ่
 +
เขาดีจริงยิ่งยวดในกรุงไกร  แปลงตัวไปได้ดังเทวดา
 +
ชั่วพ่อชั่วแม่ไม่เคยเห็น  แต่รำเต้นนั้นก็ดูมาหนักหนา
 +
สันนี้ได้เห็นเป็นบุญตา  เรากำเนิดเกิดมาไม่เสียทีฯ
 +
ฝ่ายว่าขุนแผนแสนสะท้าน  กลับมาอยู่บ้านพระหมื่นศรี
 +
ครั้นรุ่งเช้าเข้าไปอัญชลี  บอกคดีได้ข่าวบ่าวมันมา
 +
ว่าบัดนี้คุณแม่ทองประศรี  มาแต่กาญจน์บุรีอยู่เคหา
 +
เพราะฝ่าเท้าเจ้าคุณกรุณา  ลูกกับบุตรภรรยาจะลาไป
 +
พระหมื่นศรีเมตตาสั่งข้าคน  ให้ช่วยขนข้าวของไปส่งให้
 +
พ่อลูกกราบลาแล้วคลาไคล  ภรรยาข้าไทก็ไปตาม
 +
พวกทหารสามสิบห้ามาติดก้น  เดินดาเต็มถนนจนล้นหลาม
 +
ชาวตลาดแลดูไม่รู้ความ  กระซิบถามเพื่อนกันว่านั่นใคร
 +
บ้างบอกพวกนี้ที่พ้นโทษ  โปรดให้ไปทัพจับเชียงใหม่
 +
ขุนแผนมาถึงบ้านวัดตระไกร  ก็เข้าไปไหว้กราบท่านมารดา ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นนวลนางทองประศรี  เห็นลูกยินดีเป็นหนักหนา
 +
ลูบหน้าลูบหลังถั่งน้ำตา  เออเหมือนมาเกิดใหม่ได้พบกัน
 +
กูขอบใจออแก้วกิริยา  มันอุตส่าห์ติดตัวตามผัวขวัญ
 +
เอ็งจงเป็นพี่น้องลาวทองนั้น  อย่าขึ้งเคียดเดียดฉันท์กันวุ่นไป
 +
อนิจจาน่ารักออพลายงาม  เพียรติดตามทูลขอพ่อจนได้
 +
นี่แลบุราณท่านกล่าวไว้  ว่าเป็นชายมิให้ดูหมิ่นชาย
 +
แล้วหันมาหาขุนแผนแสนสะท้าน  ยิ่งสงสารดูไปใจคอหาย
 +
ช่างผอมซูปวิปริตรผิดทั้งกาย  นี่หากว่าไม่ตายเสียในคุก
 +
สิ้นเคราะห์โศกโรคภัยเถิดแก้วแม่  ตั้งแต่นี้มีแต่ให้เป็นสุข
 +
ร้อยปีพันปีอย่ามีทุกข์  จงเป็นสุขตราบเท่าเข้านิพพาน ฯ
 +
 +
 +
๏ ขุนแผนรับพรของมารดา  แล้วออกมาเร่งรัดให้จัดบ้าน
 +
ขนของขึ้นเรือนเกลื่อนนอกชาน  ให้ปลูกร้านพวกไพร่จะได้นอน
 +
เรือนเหย้าเก่าเกจะเซคว่ำ  เอาไม้ค้ำจุนดูพออยู่ก่อน
 +
ทำกันจนตะวันลงรอนรอน  ต่างพักผ่อนลืมทุกข์สุขสำราญ ฯ
 +
 +
 +
๏ ฝ่ายเจ้ากรมสัสดีก็มีหมาย  ทุกตัวนายหมวดหมู่อยู่อลหม่าน
 +
เป็นการจวนด่วนวิ่งไม่นิ่งนาน  เอาที่บ้านใกล้ใกล้จะได้ทัน
 +
บ้างเร่งรัดมัดผูกลูกเมียมา  อุตลุดฉุดคร่าจ้าละหวั่น
 +
ผัดดผ่อนไม่ได้ไม่ฟังกัย  ครบครันเบ็ดเสร็จเจ็ดสิบคน
 +
จึงสั่งให้นายสมุห์บาญชี  ไปส่งที่ขุนแผนออกสับสน
 +
ลูกเมียหาข้าวสารอยูลานลน  อลวนจัดแจงประจุบัน
 +
หาได้ตามยากตามมี  ให้ทันทีตามส่งกันตัวสั่น
 +
ที่ในบ้านขุนแผนออกแน่นนันต์  พร้อมเพรียงสามวันจะครรไล ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดา  คิดกับลูกยาหาช้าไม่
 +
จะปลุกเครื่องให้เรืองฤทธิไกร  จึงชวนกันออกไปที่ป่าช้า
 +
ให้ทหารปลูกศาลขึ้นฉับพลัน  ตั้งบายศรีสามชั้นทั้งซ้ายขวา
 +
หัวหมูเป็ดไก่ทั้งเหล้ายา  เครื่องเซ่นจัดหามาเรียงราย
 +
เอาผ้าขาวปูลาดดาดเพดาน  นมัสการจุดธูปเทียนถวาย
 +
ในมณฑลนั้นให้อยู่แต่ผู้ชาย  วงสายสิญจน์สิณจน์รอบเป็นขอบคัน
 +
ทั้งพ่อลูกเข้านั่งกลางมณฑล  อ่านมนตร์โองการอันกวดขัน
 +
ชุมนุมเทวดามาพร้อมกัน  ทุกช่องชั้นอินทร์พรหมยมยักษ์
 +
ทั้งพระเพลิงพระพายกรุงพาลี  พระภูมิเจ้าที่อันมีศักดิ์
 +
อีกพระไพรเจ้าป่าพนารักษ์  พระนารายณ์ทรงจักรศิวาทิตย์
 +
พระคเณศร์พินายทั้งซ้ายขวา  ขอเชิญลงมาให้ศักดิ์สิทธิ์
 +
ทั้งคุณแก้วสามประการอันชาญชิต  บิดามารดาสถาวร
 +
คุณครูอุปัชฌาอาจารย์  พระโองการบพิตรอดิศร
 +
ขออับเชิญช่วยมาอวยพร  ให้เรืองฤทธิ์ขจรทุกสิ่งอัน
 +
แล้วร่ายคาถามหาเวท  ปลุกเครื่องวิเศษทุกสิ่งสรรพ์
 +
ว่านยาผ้าประเจียดมงคลนั้น  ตะกรุดโทนน้ำมันอันเรืองฤทธิ์
 +
เดชะพระเวทอันเชี่ยวชาญ  เครื่องอานกลิ้งไปดังใครบิด
 +
แล้วตั้งกองอัคคีทั้งสี่ทิศ  เอาเครื่องวางกลางมิดในกองไฟ
 +
เปลวไฟคึกคึกไม่ขาดสาย  ชั้นแต่เส้นด้ายหาไหม้ไม่
 +
จึงเอาพระควำที่ทำไว้  ใส่ขันสำริดประสิทธิ์มนตร์
 +
ในขันนั้นใส่น้ำมันหอม  เสกพร้อมเป่าลงไปสามหน
 +
พระนั่งขึ้นได้ในบัดดล  น้ำมันทาทนทั้งทุบตี
 +
ล่องหนกำบังจังงังครบ  อุปเท่ห์เล่ห์จบเป็นถ้วนถี่
 +
ปลุกเครื่องเสร็จพลันอัญชลี  อ่านมนตร์เรียกผีพวกภูตพราย
 +
ผีตายฟ้าผ่าทั้งห่าโหง  อยู่ในหลุมในโลงสิ้นทั้งหลาย
 +
ผีตายคลอดลูกผูกคอตาย  ผีนายผีไพร่ให้รีบมา
 +
ฝูงผีมิอาจจะซุ่มซ่อน  ด้วยเร่าร้อนฤทธิ์เวทพระคาถา
 +
พากันเหลื่อนกลาดดาษดา  พร้อมหน้ามาที่พิธีการ
 +
บรรดาผู้นั่งอยู่ในมณฑล  เห็นผีทุกคนออกพลุกพล่าน
 +
พลายงามขุนแผนแสนสำราญ  เอาเหล้าข้าวใส่กบาลออกเซ่นวัก
 +
เนื้อพล่าปลายำทำตามมี  ฝูงผีเข้ามากินหนักกว่าหนัก
 +
ข้างนอกยังนั่งล้อมอยู่พร้อมพรัก  ชักชวนกันกินสิ้นทั้งปวง
 +
ที่อดหยากปากไหม้ไส้ขม  ต่างชื่นชมรับเอาเครื่องบวงสรวง
 +
ล้อมกินปลิ้นตาอ้าปากกลวง  ตวงเหล้าเติบบ่อยอร่อยครัน
 +
เสร็จแล้วพ่อลูกก็สั่งผี  ว่าพวกท่านวันนี้จงจัดสรร
 +
มาอาสาศึกใหญ่ไปด้วยกัน  ให้ทันฤกษ์พาเวลาเพล
 +
พวกผีดีใจไปสิพ่อ  ลูกจะขอเป็นบ่าวให้กราวเขน
 +
อันทัพผีมิให้ต้องกะเกณฑ์  จะเข้านอนออกเวรให้ทันการ ฯ
 +
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
๏ ครานั้นขุนแผนกับพลายงาม  เสร็จพิธีมีความเกษมศานต์
 +
จึงจัดแจงจงแบ่งปันซึ่งเครื่องอาน  แจกทหารกับไพร่ให้ผูกพัน
 +
พวกพลทั้งสิ้นก็ยินดี  เห็นอย่างนี้ละคุณพ่อใจคอมั่น
 +
ถึงจะให้ไปไหนก็ไปกัน  จะสู้คนร้อยพันไม่พรั่นใจ
 +
ครั้นเสร็จสรรพกลับพากันมาบ้าน  ขุนแผนเรียกทหารเข้ามาใกล้
 +
สาตราอาวุธจงเลือกใช้  ใครถนัดอย่างไหนเอาไปพลัน
 +
บางคนฉวยดาบชักวาบวับ  ที่บางคนก็จับเอากั้นหยั่น
 +
บ้างเข้ามาคว้าปืนถือยืนยัน  บางคนนั้นร้องบอกขอหอกยาว
 +
อ้ายเฉยว่าฉันเคยแต่ไม้พลอง  อ้ายมาว่าฉันคล่องก็เพลงหลาว
 +
อ้ายเพชรว่าพร้าก็พอกับคอลาว  อ้ายทิดสาคว้าง้าวออกลองรำ
 +
ต่างคนต่างเลือกหาเครื่องอาวุธ  อุตลุดสับสนอยู่จนค่ำ
 +
แล้วแจกจ่ายเสื้อผ้ายาประจำ  กระบอกน้ำถุงไถ้ใส่ข้าวปลา
 +
ที่พวกหาบหาไม้มาทำคาน  จักสานโพล่แฟ้มแซมตะกร้า
 +
ที่ได้เป็นนายหมวดคอยตรวจตรา  เสียงเฮฮาครึกครื้นรื่นเริงกัน ฯ
 +
 +
 +
๏ ฝ่ายนางทองประศรีกระปรี้กระเปร่า  ตั้งแต่เช้าจัดเสบียงเสียงสนั่น
 +
พริกเกลือข้าวปลาสารพัน  ใครเชือนช้าด่าลั่นไม่เลือกตัว
 +
นางแก้วกิริยากับลาวทอง  จัดของเครื่องใช้ให้แก่ผัว
 +
ปรึกษากันปรองดองไม่หมองมัว  ด้วยความกลัวผัวรักจักทุกข์ร้อน
 +
หีบหมากเครื่องนากอยู่ในกลี่  ซองบุหรี่ย่ามใหญ่ใส่ผ้าผ่อน
 +
เสื้อผ้าจัดพับที่หลับนอน  มุ้งหมอนพร้อมสิ้นทุกสิ่งอัน
 +
ข้าวของขนมาไว้หน้าเรือน  กองเกลื่อนบ่าวข้าจ้าละหวั่น
 +
ส่วนว่าของนายพลายงามนั้น  พระหมื่นศรีจัดสรรทุกสิ่งไป ฯ
 +
 +
 +
๏ ครั้นรุ่งเช้าจะเข้าไปทูลลา  ขุนแผนลูกยาไม่ช้าได้
 +
จัดพานธูปเทียนแลดอกไม้  ไปหาท่านผู้ใหญ่ที่ในวัง
 +
เวลาสี่โมงเสด็จออก  พระโรงนอกเสียงแตรแซ่กระทั่ง
 +
เสด็จประทับเหนืออาสน์ราชบังลังก์  มีรับสั่งไต่ถามความนานา ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นเจ้าพระยาจักรี  ได้ทีก็ประนมก้มเกศา
 +
กราบทูลเบิกไปมิได้ช้า  ขอเดชะพระบาทามาปกครอง
 +
ดอกไม้ธูปเทียนทองของถวาย  ของขุนแผนนายพลายงามทั้งสอง
 +
กราบถวายบังคมลาฝ่าละออง  ไปราชการศึกสนองพระเดชา ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นสมเด็จนเรนทร์สูร  ฟังทูลทรงพระสรวลสำรวลร่า
 +
เฮ้ยขุนแผนพลายงามทั้งสองรา  ซึ่งอาสาทำชอบกูขอบใจ
 +
จงไปดีมาดีศรีสวัสดิ์  พ้นวิบัติเสี้ยนหนามความเจ็บไข
 +
ให้ศัตรูพ่ายแพ้แก่ฤทธิไกร  มีชัยได้เวียงเชียงใหม่มา
 +
ตรัสพลางทางสั่งพนักงาน  พระราชทานเครื่องยศกับเสื้อผ้า
 +
ทั้งกระบี่ทั้งทองของนานา  เงินตราเตรียมไปใช้ในทัพ
 +
อีกทั้งม้าต้นคนละม้า  เครื่องอานพานหน้าให้พร้อมสรรพ
 +
พวกไพร่ให้ผ้าคนละสำรับ  สั่งเสร็จเสด็จกลับเข้าวังใน ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นขุนแผนกับลูกยา  เสด็จขึ้นกลับมาหาช้าไม่
 +
หาธูปเทียนใส่พานคลานเข้าไป  กราบไหว้ทองประศรีผู้มารดา
 +
ลูกหลายจะมาลาคุณแม่  จงอยู่ดูแลซึ่งเคหา
 +
อันลาวทองกับเจ้าแก้วกิริยา  คุณแม่ได้เมตตาช่วยดูแล
 +
ถัาทุกข์ร้อนก่อนลูกกลับมาถึง  จะหมายพึ่งผู้ใดให้เป็นแน่
 +
พระหมื่นศรีแลเธอเป็นเกลอแท้  คุณแม่เจ็บไข้จงไหว้วาน
 +
เหย้าเรือนรุงรังจะพังคว่ำ  พอจะทำเงินมีอยู่ที่บ้าน
 +
ขอแต่ให้คุณแม่อยู่สำราญ  ถึงลูกไปช้านานไม่ร้อนใจ ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นทองประศรีผู้มารดา  ฟังลูกหลานลาน้ำตาไหล
 +
ลูบหลังลูบหน้าแล้วว่าไป  อย่าเป็นห่วงบ่วงใยเลยทางนี้
 +
เมียเจ้านั้นไซร้ไว้ธุระแม่  จะดูแลสารพัดให้ถ้วนถี่
 +
ทั้งเรือนเหย้าข้าวของบรรดามี  ได้พึ่งพระหมื่นศรีก็ดีแล้ว
 +
แม่ขัดขวางอย่างไรจะไปหา  เจ้าตั้งหน้าไปเถิดนะลูกแก้ว
 +
ทุกข์โศกโรคภัยให้คลาดแคล้ว  จงผ่องแผ้วพูนสุขทุกเวลา
 +
ให้เจ้าชนะมารผลาญศัตรู  ใครอย่ารอต่อสู้ได้สักหน้า
 +
อองามเจ้าอย่าห่างข้างบิดา  ยังเด็กนักเด็กหนาย่าห่วงนัก
 +
อย่าประมาททอาจหาญการรบสู้  ขุนไกรปู่นั้นแต่หนุ่มคุ้มฟันหัก
 +
แกมิได้หมิ่นศึกทำฮึกฮัก  เบาหนักตรองดูให้รู้ความ
 +
อนึ่งพวกพลไพร่ที่ไปด้วย  ใครเดือดร้อนผ่อนช่วยอย่าหยาบหยาม
 +
อุตส่าห์เอาอกใจให้งดงาม  ไปรบพุ่งเหมือนตามกันไปตาย
 +
ถ้าใจเดียวเกลียวกลมกันหนึ่งแน่  ถึงน้อยก็ไม่แพ้ที่มากหลาย
 +
ท่านว่าป่าพึ่งเสือเรือพึ่งพาย  เราเป็นายก็ต้องพึ่งซึ่งไพร่พล
 +
อนึ่งความกตัญญูรู้คุณเจ้า  ทุกค่ำเช้านึกไว้จะให้ผล
 +
ให้รุ่งเรืองฤทธิเดชทั้งเวทมนตร์  เจ้าจงสนใจจำคำย่าไว้ ฯ
 +
 +
 +
๏ ขุนแผนพลายงามความยินดี  รับพรทองประศรีแล้วก้มไหว้
 +
ขุนแผนกลับมาสั่งข้าไท  แล้วเข้าไปในห้องทั้งสองนาง
 +
เจ้าลาวทองกับเจ้าแก้วกิริยา  จงอุตส่าห์ปรองดองอย่าหมองหมาง
 +
ไปทัพถ้าข้างบ้านเกิดรานทาง  มักเป็นลางให้ร้ายฝ่ายผู้ไป
 +
การกินอยู่ดูแลแม่ทองประศรี  อย่าให้มีทุกข์ยากลำบากได้
 +
เจ้าแก้วก็อลักเอลื่ออยู่เหลือใจ  ท้องไส้จงระวังจะนั่งนอน
 +
เมื่อคลอดลูกลาวทองน้องช่วยดู  ทั้งฟืนไฟให้อยู่แลผ้าผ่อน
 +
ให้บ่าวมันคั้นส้มต้มน้ำร้อน  เอาผ้าซ้อนเปลลูกผูกเห่ช้า
 +
อันที่จะทำมิ่งสิ่งขวัญ  เรื่องนั้นมอบไว้ให้คุณย่า
 +
ด้วยท่านเป็นผู้ใหญ่ได้เคยมา  ถึงหยูกยาสารพัดทั่นเข้าใจ
 +
อนึ่งพี่นึกได้ไปคราวนี้  ท่วงทีจะได้พบท่านผู้ใหญ่
 +
ด้วยเดินทางไม่ห่างสุโขทัย  ไปเชียงใหม่ก็จะผ่านบ้านจอมทอง
 +
จะสั่งเสียอย่างไรไปถึงบ้าง  หรือสองนางเจ้าอยากฝากข้าวของ
 +
พี่จะรับไปให้ดังใจปอง  ถ้าได้ช่องคงพบประสบกัน ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นลาวทองแก้วกิริยา  ฟังว่าอกใจให้ไหวหวั่น
 +
จะร้องไห้กลัวลางในกลางคัน  อุตส่าห์กลั้นโศกาแล้วว่าไป
 +
พ่ออย่าได้รำพึงถึงตัวน้อง  จะปรองดองผูกสมัครรักใคร่
 +
รับการงานให้ท่านคุณแม่ใช้  จะตั้งใจปฏิบัติเป็นอัตรา
 +
ถ้าขึ้นไปได้พบกับพ่อแม่  จงบอกแต่ว่าลูกเป็นสุขา
 +
แล้วผัวเมียต่างคนสนทนา  ด้วยสนิทเสนหาต่างอาลัย ฯ
 +
 +
 +
๏ ฝ่ายว่าขุนแผนแสนศักดา  ตื่นขึ้นเวลาปัจจุบันสมัย
 +
บ้วนปากล้างหน้าแล้วคลาไคล  ชวนลูกออกไปตระเตรียมทัพ
 +
ที่ตำบลวัดใหม่ชัยชุมพล  เป็นมงคลเคยตั้งตามตำรับ
 +
ผู้คนพร้อมพรั่งอยู่คั่งคับ  ขุนแผนกับลูกยาตรวจตราการ
 +
ทองประศรีลาวทองแก้วกิริยา  ก็ตามมาจัดเสบียงเลี้ยงอาหาร
 +
ทั้งบ่าวไพร่พวกพงศ์วงศ์วาร  ตามไปส่งพลุกพล่านทั้งลานวัด
 +
พระหมื่นศรีดีจริงไม่นิ่งได้  พาลูกเมียบ่าวไพร่ไปเป็นขนัด
 +
ขาดเหลือเจอจานสารพัด  แล้วช่วยจัดข้าวของจะเอาไป
 +
ของใหญ่ให้เอาขึ้นหลังช้าง  วัวต่างนั้นบรรทุกเสบียงใส่ 
 +
ที่เบาเบาเหล่าของต้องการใช้  ให้พวกไพร่หาบหามตามติดนาย
 +
ครั้นจัดเสร็จเรียบร้อยคอยเวลา  โหราเหยียบเงาเอาชั้นฉาย
 +
พอถ้วนนาทีสี่โมงปลาย  ถึงฤกษ์จะขยายกระบวนพล ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยา  แต่เช้ามาหาสำรับอยู่สับสน
 +
ท้องแก่อลักเอลื่อก็เหลือทน  เจ็บท้องร้องทุรนจะขาดใจ
 +
ทองประศรีว้าวุ่นเรียกขุนแผน  แล้วลุกแล่นมาประคองทั้งสองไหล่
 +
ขุนแผนทำน้ำสะเดาะให้ทันใด  กลืนเข้าไปพอตลอดคลอดลูกชาย
 +
ประจวบฤกษ์ดิถีกรีธาทัพ  ต้องตำรับว่าประเสริฐเลิศหลาย
 +
ทองประศรีอุ้มแอบไว้แนบกาย  ให้ชื่อพลายชุมพลรณรงค์
 +
แล้วเรียกเรือมารับกลับเข้าบ้าน  ด้วยห่วงหลานลูกสะใภ้ไม่อยู่ส่ง
 +
พระหมื่นศรีรับว่าอย่าพะวง  จงวางใจให้ฉันไว้ทางนี้ ฯ
 +
 +
 +
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดา  ดูท้องฟ้าเห็นจำรัสรัศมี
 +
สบยามตามตำราว่าฤกษ์ดี  สั่งให้ตีฆ้องชัยไว้เดโช
 +
ยกจากวัดใหม่ชัยชุมพล  พวกพหลพร้อมพรั่งตั้งโห่
 +
พระสงฆ์ส่งสวดชยันโต  ออกทุ่งโพธิ์สามต้นขับพลมา
 +
โห่ร้องฆ้องลั่นมาหึ่งหึ่ง  นายจันสามพันตึงเป็นกองหน้า
 +
กองหลังสีอาดราชอาญา  พวกทหารสามสิบห้าต่างคลาไคล
 +
บ้างคอนกระสอบหอบกัญชา  ตุ้งก่าใส่ย่ามตามเหงื่อไหล
 +
บ้างเหล้าใส่กระบอกหอกคอนไป  ล้าเมื่อไรใส่อึกไม่อื้ออึง
 +
บ้างห่อใบหระท่อมตะพายแล่ง  เงี่ยนยาหน้าแห้งตะแคงขึง
 +
ถุนกระท่อมใส่ห่อพอตึงตึง  ค่อยมีแรงเดินดึ่งถึงเพื่อนกัน ฯ
 +
 +
 +
๏ ขุนแผนพลายงามตามกันมา  ชักม้าข้ามทุ่งมุ่งไพรสัณฑ์
 +
พอพ้นถิ่นก็สิ้นแสงตะวัน  ผ่อนผันหยุดพักพิตเพียน
 +
นายกำนันก็ชวนลูกบ้านช่อง  แบกสำรับเนืองนองไม่ต้องเฆี่ยน
 +
ไฟฟืนดื่นไปทั้งไต้เตียน  เยี่ยมเยียนกองทัพสับสนกัน
 +
พวกกองทัพทั้งสิ้นกินข้าวปลา  ชาวบ้านเอามาเลี้ยงที่นั่น
 +
แล้วกำนันไปจัดที่วัดพลัน  ให้พวกกองทัพนั้นอาศัยนอน
 +
รุ่งเช้าข้าวปลาหากินสรรพ  ขับกันรีบไปไม่หยุดหย่อน
 +
พ้นทุ่งเข้าป่ามาทางดอน  พอแดดกล้าหน้าร้อนอ่อนระทม
 +
มาถึงบ้านดาบก่งธนู  พักร้อนเข้าอยู่อาศัยร่ม
 +
พ่อลูกนั่งเล่นเย็นเย็นลม  เชยชมลูกชายสบายใจ ฯ
 +
 +
 +
๏ ขุนแผนจึงเรียกเจ้าพลายงาม  เดินตามไปที่ต้นไทรใหญ่
 +
หมากพลูธูปเทียนเอาถือไป  ถึงต้นพระไทรก็กราบลง
 +
บอกว่าฟ้าฟื้นของพ่อฝัง  ไว้แต่ครั้งพระพิจิตรเขาบอกส่ง
 +
ดาบนี้มีฟทธิ์ปราบณรงค์  ฝังไว้ตรงกิ่งทิศบูรพา
 +
พลายงามก็ขุดดินลงไป  พบดาบดีใจเป็นหนักหนา
 +
ส่งให้พ่อชักวาบปลาบนัยน์ตา  ขุนแผนทูนเกศาด้วยสุดรัก
 +
ดาบนี้ต่อไปจะให้เจ้า  รบพุ่งจะได้เอาไปเป็นหลัก
 +
อันฟ้าฟื้นเล่มนี้ดียิ่งนัก  ดาบอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเลย
 +
ถึงพระแสงทรงองค์กษัตริย์  ไม่เทียมทัดของเราดอกเจ้าเอ๋ย
 +
จะฝึกเจ้าให้ใช้เสียให้เคย  ชมเชยดาบพลางทางเดินมา ฯ
 +
 +
 +
๏ กลับถึงที่สำนักแล้วพักผ่อน  ตะวันรอนแดดบ่ายลงชายป่า
 +
เตือนกันทั้งสิ้นกินข้าวปลา  พอเพลาลมตกยกต่อไป
 +
ค่ำลงหยุดนอนลพบุรี  เช้ายกจากที่อีกพักใหญ่
 +
ตัดบางขามข้ามบ้านด่านโพธิ์ชัย  ล่องเข้าแขวงใกล้อู่ตะเภา
 +
ตรงมาหัวแดนภูเขาทอง  หนองบัวห้วยเฉียงเลี่ยงชายเขา
 +
ตัดลงชายดอนร้อนไม่เบา  พอย่างเข้าทุ่งหลวงเพลาพลบ
 +
ขุนแผนก็สั่งให้หยุดพัก  ที่ล้าเมื่อยเหนื่อยหนักนอนสลบ
 +
บรรดาพวกพหลพลรบ  จุดคบกองไฟไว้เป็นวง
 +
ลางคนหาเขียงหั่นกัญชา  นั่งชักตุ้งก่าจนคอก่ง
 +
บ้างมีแต่กัญชามานั่งลง  ผลัดกันหั่นส่งใส่ไฟโพลง
 +
ที่ไม่มีขอซื้อสามมื้อสลึง  พอส่งถึงรับหั่นชักควันโขมง
 +
อยากหวานเมางวงล้วงกระโปรง  บ้างโก้งโค้งค้นหาพุทรากวน
 +
พวกขี้ยาขึงผ้าขึ้นบังมิด  ลงนอนขิดกองไฟใส่กล้องง่วน
 +
สิ้นเนื้อเหลือขี้ลงรีรวน  จวนหมดอตส่าห์สงวนไว้
 +
เพื่อนกันขอปันหุนละบาท  คราวขาดกลัวตายหาขายไม่
 +
อ้ายที่เงี่ยนเต็มอ่อนวอนร่ำไร  ได้แต่ขี้สองชั้นพอกันตาย
 +
เอาดาบหอกออกแลกกับขี้ยา  จนชั้นขันล้างหน้าก็ยื่นขาย
 +
พอแก้เงี่ยนเหียนห้อยค่อยสบาย  กินอยู่พูวายแล้วหลับนอน ฯ
 +
 +
</tpoem>
 +
=== ตอนที่ ๒๘ ===
=== ตอนที่ ๒๘ ===
<tpoem>
<tpoem>

การปรับปรุง เมื่อ 14:35, 7 กันยายน 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง:

บทประพันธ์

ตอนที่ ๑

             

ตอนที่ ๒

             

ตอนที่ ๓

             

ตอนที่ ๔

             

ตอนที่ ๕

             

ตอนที่ ๖

             

ตอนที่ ๗

             

ตอนที่ ๘

             

ตอนที่ ๙

             

ตอนที่ ๑๐

             

ตอนที่ ๑๑

             

ตอนที่ ๑๒

             

ตอนที่ ๑๓

             

ตอนที่ ๑๔

             

ตอนที่ ๑๕

             

ตอนที่ ๑๖

             

ตอนที่ ๑๗

             

ตอนที่ ๑๘

             

ตอนที่ ๑๙

             

ตอนที่ ๒๐

             

ตอนที่ ๒๑

             

ตอนที่ ๒๒

             

ตอนที่ ๒๓

             

ตอนที่ ๒๔ กำเนิดพลายงาม

๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภาอยู่เคหากับขุนช้างให้หมางหมอง
ไม่มีสุขทุกเวลาน้ำตานองด้วยว่าท้องสิบเดือนไม่เคลื่อนคลา
จะคลอดบุตรสุดปวดให้รวดร้าวตึงหัวเหน่าเหน็ดเหนื่อยเมื่อยต้นขา
แสงห่องห้อยพรอยพรายพร่างสายตาจะเรียกหาขุนช้างให้หมางใจ
แต่นวดนวดปวดมวนให้ป่วนปั่นสุดจะกลั้นกลอกหน้าน้ำตาไหล
พยุงท้องร้องเรียกพวกข้าไทจะขาดใจแล้วช่วยด้วยแม่คุณ
ขุนช้างตื่นฟื้นตัวหัวผงกเห็นเมียตกใจผวาออกว้าวุ่น
ประคองนางพลางบนเอาต้นทุนอย่าท้อแท้แม่คุณจงแข็งใจ
พลางดูท้องร้องว่าเออออกแล้วซิตั้งสติอารมณ์จะข่มให้
นางวันทองร้องเสือกกลิ้งเกลือกไปขุนช้างได้หมอนรองประคองคอ
เรียกหาข้าคนอลหม่านบนนอกชานพวกผู้หญิงออกวิ่งสอ
ให้ไปรับยายสายกับยายยอแต่ล้วนหมอตำแยเซ็งแซ่มา
เข้าถือท้องต้องถูกว่าลูกต่ำเอาหน้าคว่ำไขว่ขวางไปข้างขวา
ช่วยผันแปรแก้ไขใกล้เวลาบ้างตำยาขยำส้มต้มน้ำร้อน
นางวันทองร้องไห้ใจจะขาดพอกรรมชวาตวาตะประทะถอน
อรุณฤกษ์เบิกสุรินทร์ทินกรอุทรคลอนเคลื่อนคลอดไม่วอดวาย
พอพ้นท้องร้องแว้นางแม่หวีดหน้าซีดอกสั่นมิ่งขวัญหาย
ขุนช้างมองร้องอ้ายหนูเป็นผู้ชายทั้งย่ายายเยี่ยมลูกให้หยูกยา
แล้วทอดเตาเข้าไฟไม่ไข้เจ็บครั้นจะเก็บความกล่าวยาวหนักหนา
ค่อยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้จนใหญ่มากระทั่งอายุเจ้าได้เก้าปี
ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนแม้นขุนแผนพ่อเหลืองลอออวบอ้วนเป็นนวลศรี
ทั้งจุกผมกลมกล่อมกระหม่อมดีช่างพาทีฉอเลาะพูดเพราะพราย
นางวันทองน้องคะนึงถึงขุนแผนด้วยลูกแม้นเหมือนเหลือเป็นเชื้อสาย
บอกบ่าวไพร่ให้สำเหนียกเรียกลูกชายชื่อว่าพลายงามน้อยแก้วกลอยใจ ฯ
๏ ฝ่ายขุนช้างหมางจิตให้คิดแค้นลูกขุนแผนมั่นคงไม่สงสัย
เมื่อกระนั้นเหมือนกูครั้นดูไปก็กลับไพร่เหมือนพ่ออ้ายทรพี
อีแม่มันวันทองก็สองจิตช่างประดิษฐ์ชื่อลูกให้ถูกที่
เรียกพ่อพลายคล้ายผัวอีตัวดีทุกราตรีตรึกตราจะฆ่าฟัน
พอวันทองน้องป่วยลงด้วยเคราะห์มาจำเพาะจะวิโยคให้โศกศัลย์
ฟังเสียงเงียบระงับหลับกลางวันพลายงามนั้นนั่งกับพ่อที่หอกลาง
ขุนช้างเห็นเป็นทีไม่มีเพื่อนแกล้งชี้เชือนชักพาลงมาล่าง
ให้ขี่หลังนั่งบ่าแล้วว่าพลางไปชมช้างกวางทรายมีหลายพรรณ
ทั้งนกยูงฝูงหงส์มันลงเกลื่อนจับไก่เถือนมาเลี้ยงฟังเสียงขัน
พูดให้เพลินเดินพลางกลางอรัญแกล้งให้หมั่นดูแลฝูงแกกา
โพระดกนกงั่นกระตั้วเต้นกระแตเล่นไม้โจนโผนผวา
เจ้าพลายงามถามพ่อพูดจ้อมาขุนช้างพาเลี้ยวไปปะไม้ซุง
เห็นลับลี้ที่สงัดขัดเเขมรสะบัดเบนเบือนเหวี่ยงลงเสียงผลุง
ปะเตะซ้ำต้ำผางเข้ากลางพพุงถีบกระทุ้งถองทุบเสียงอุบโอย
พลายงามร้องสองมือมันอุดปากดิ้นกระดากถลากไถลร้องไห้โหย
พอหลุดมือรื้อร้องวันทองโวยหม่อมพ่อโบยตีฉันแทบบรรลัย
ไม่เห็นแม่แลหาน้ำตาตกขุนช้างชกฉุดคร่าไม่ปราศรัย
จนเหงื่อตกกระปรกประปรอมขึ้นคร่อมไว้หอบหายใจฮักฮักเข้าหักคอ
พลายงามดิ้นสิ้นเสียงสำเนียงร้องยกแต่สองมือไหว้หายใจฝ่อ
มันห้ามว่าอย่าร้องก็ต้องรอเรียกหม่อมพ่อเจ้าขาอย่าฆ่าเลย
จงเห็นแก่แม่วันทองของลูกบ้างพ่อขุนช้างใจบุญพ่อคุณเอ๋ย
ช่วยฝังปลูกลูกไว้ใช้เช่นเคยผงกเงยมันก้ทุบหงุบลงไป
บีบจมูกจุกปากลากกระแทกเสียงแอ้กแอ้กอ่อนซบสลบไสล
พอผีพรายนายขุนแผนผู้แว่นไวเข้ากอดไว้มิให้ถูกลูกของนาย
ขุนช้างเห็นว่าทับจนตับแตกเอาคาแฝกฝุ่นกลบให้ศพหาย
แล้วกลิ้งขอนซ้อนทับให้ลับกายทำลอยชายชมป่ากลับมาเรือนฯ
๏ ฝ่ายผีพรายนายขุนแผนแค้นขุนช้างอุตส่าห์ง้างขอนใหญ่ให้เขยื้อน
แล้วเป่าแผลแก้หายละลายเลือนเจ้าพลายเคลื่อนคลายฟื้นเหมือนตื่นนอน
นางพรายบอกว่าเราบ่าวขุนแผนมาทำแทนเมื่อมันทับช่วยรับขอน
ไม่ม้วยแล้วแก้วตาอย่าอาวรณ์อยู่นี่ก่อนเถิดนะเจ้าอย่าเศร้าใจ
แม่ของเจ้าเราจะบอกออกมารับแล้วหายวับวู่วามตามนิสัย
เจ้าพลายงามยามเย็นไม่เห็นใครเที่ยวร้องไห้หาแม่ชะแง้คอย
จะไปเรือนเพื่อนทางที่กลางป่านึกน้ำตาหยดเหยาะลงเผาะผ็อย
เจ้าแหงนดูสุริย์ฉายก็บ่ายคล้อยให้นึกน้อยใจพ่อพูดล่อลวง
เสียแรงลูกผูกใจจะได้พึ่งพ่อโกรธขึ้งสิ่งใดเป็นใหญ่หลวง
โอ้มีพ่อก็ไม่เหมือนเพื่อทั้งปวงมีแต่ลวงลูกรักไปหักคอ
รู้กระนี้มิอยากเรียกพ่อดอกจะไปบอกแม่วันทองให้ฟ้องพ่อ
เที่ยวผันแปรแลหาน้ำตาคลอนึกระย่อเยือกเย้นไม่เห็นใคร
ดูครึ้มครึกฟฤกษาป่าสงัดไม่แกว่งกวัดก้านกิ่งประวิงไหว
จังหรีดร้องก้องเสียงเคียงเรไรทั้งลองไนเรื่อยแร่แวแววับ
ดุเหว่าร้องมองเมียงเสียงว่าแม่ยืนชะแง้แลดูเงี่ยหูตรับ
อยู่นี่แน่แม่จ๋าจงมารับวิ่งกระสับกระสนวนเวียนไป ฯ
๏ ฝ่ายพวกพรายกายสิทธิ์ฤทธิรุทรเหมือนลมวุดวู่หนึ่งถึงไหนไหน
ไปเข้าฝันวันทองถึงห้องในเหมือนจะให้เห็นลูกคิดผูกพัน ฯ
๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภาเมื่อลูกแก้วแววตาจะอาสัญ
คิ้วกระเหม่นเป็นลางแต่กลางวันให้หวั่นหวั่นหวิวหวิวหิวหาวนอน
พอม่อยหลับคลับคล้ายเห็นพลายน้อยขุนช้างถ่อยทับไว้ด้วยไม้ขอน
ผวาฟื้นตื่นตาด้วยอาวรณ์สะอื้นอ่อนในอกตกตะลึง
พอแมงมุมอุ้มไข่ไต่ตีตกนางผงกเงี่ยฟังดังผึงผึง
ประหลาดลางหมางจิตคิดคะนึงรำลึกถึงลูกชายเจ้าพลายงาม
ลุกออกมาหาจบไม่พบเห็นที่เคยเล่นอยู่กับใครเที่ยวไต่ถาม
แต่อีดูกลูกครอกมันบอกความว่าเห็นตามพ่อขุนช้างไปกลางไพร
นางแคลงผัวกลัวจะพาไปฆ่าเสียน้ำตาเรี่ยเรี่ยตกซกซกไหล
ออกนอกรั้วตัวคนเดียวเที่ยวเดินไปโอ้อาลัยเหลียวแลชะแง้เงย
เห็นคุ่มคุ่มพุ่มไม้ใจจะขาดพ่อพลายงามทรามสวาทของแม่เอ๋ย
เจ้าไปไหนไม่มาหาแม่เลยที่โคกเคยวิ่งเล่นไม่เห็นตัว
หรือล้มตายควายขวิดงูพิษขบไฉนศพสาบสูญพ่อทูนหัว
ยิ่งเย็นย่ำค่ำคลุ้มชอุ่มมัวยิ่งเริ่มรัวเรียกร่ำระกำใจ
เสียงซ้อแซ้แกกาผวาว่อนจิ้งจอกหอนโหยหาที่อาศัย
จักจั่นเจื้อยร้องริมลองไนเสียงเรไรหริ่งหริ่งที่กิ่งรัง
ทั้งเป็ดผีปี่แก้วแว่วแว่วหวีดเสียงจังหรีดกรีดแซ่ดังแตรสังข์
นางวันทองมองหาละล้าละลังหรือผีบังซ่อนเร้นไม่เห็นเลย
จะบนหมูสุรารำว่าครบขอให้พบลูกตัวทูนหัวเอ๋ย
แล้วลดเลี้ยวเที่ยวแลชะแง้เงยโอ้ทรามเชยหลากแล้วพ่อแก้วตา
ตะโกนเรียกพลายงามทรามสวาทใจจะขาดคนเดียวเที่ยวตามหา
สะอื้นโอ้โพล้เพล้เดินเอกาสกุณานอนรังสะพรั่งไพร
เห็นฝูงนกกกบุตรยิ่งสุดเศร้าโอ้ลูกเราไม่รู้ว่าอยู่ไหน
ชะนีโหวยโหยหวนรัญจวนใจยิ่งอาลัยแลหาน้ำตานอง
พอแจ้วแจ้วแว่วเสียงสำเนียงเรียกนึกสำเหนียกหลายหนขนสยอง
ตรงเซิงซุ้มคุ่มเคียงนางเมียงมองเห็นลูกร้องไห้สะอื้นยืนเหลียวแล
ความดีใจไปกอดเอาลูกแก้วแม่มาแล้วอย่ากลัวทูนหัวแม่
เป็นไรไม่ไปเรือนเที่ยวเชือนแชแม่ตามแต่ตะวันบ่ายเห็นหายไป ฯ
๏ เจ้าพลายน้อยสร้อยเศร้าแล้วเล่าว่าหม่อมพ่อพาเวียนวงให้หลงใหล
แล้วทุบถีบบีบจมูกของลูกไว้เอาขอนไม้ทับคอแทบมรณา
พอพวกพ้องของขุนแผนแล่นมาช่วยจึงไม่ม้วยแม่คุณบุญหนักหนา
ยังช้ำชอกยอกเหน็บเจ็บกายาพูดน้ำตาผ็อยผ็อยด้วยน้อยใจฯ
๏ นางวันทองร้องไห้ใจจะขาดโอ้ชาตินี่มีกรรมจะทำไฉน
แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไปเจ้ามิใช่ลูกเต้าเขาจึงชัง
พ่อของเจ้านั้นหรือชื่อขุนแผนเป็นคนแค้นกับขุนช้างแต่ปางหลัง
เอาทุกข์ร้อนก่อนเก่าเล่าให้ฟังเดี๋ยวนี้ยังอยู่ในคุกเป็นทุกข์ทน
จึงจนใจไม่มีที่จะพึ่งมันทำถึงสาหัสก็ขัดสน
ครั้นจะฟ้องร้องเล่าเราก็จนแม้นไม่พ้นมือมันจะอันตราย
แต่รู้อยู่ว่าย่าทองประศรีอยู่บ้านกาญจน์บุรีวัดเชิงหวาย
แม้นไปถึงพึ่งพาย่าพ่อพลายจะสบายบุญปลอดตลอดไป
แต่ทางนั้นวันครึ่งจึงถึงบ้านทางกันดารเดินดงจะหลงใหล
โอ้ใครเล่าเขาจะพาเจ้าคลาไคลนางร้องไห้สะอื้นกลืนน้ำตา ฯ
๏ เจ้าพลายงามถามซักตระหนักแน่พลางบอกแม่ลูกแสนแค้นหนักหนา
อ้ายคนนี้มิใช่พ่อจะขอลาไปหาย่าอยู่บ้านกาญจน์บุรี
สงสารแต่แม่คุณของลูกแก้วจะลับแล้วตายเป็นไม่เห็นผี
เพราะพ่อเลี้ยงเดียงสาไม่ปรานีอยู่ที่นี่ชีวันจะบรรลัย
ไปสู้ตายวายวางเสียข้างหน้าด้วยเกิดมามีกรรมจะทำไฉน
ขอลาแม่แต่นี้นับปีไปแล้วร้องไห้หวลคิดถึงบิดา
โอ้พ่อคุณขุนแผนของลูกเอ๋ยเมื่อไรเลยลูกจะได้ไปเห็นหน้า
ต้องติดคุกทุกข์ทุเรศเวทนาเจ้าครวญคร่ำร่ำว่าด้วยอาลัย ฯ
๏ นางวันทองร้องไห้จิตใจหายกอดเจ้าพลายงามน้อยละห้อยไห้
โอ้ลูกแก้วแววตาจะลาไปหนทางป่าค่าไม้พ่อไม่เคย
จะเลี้ยวหลงวงวกระหกระเหินเจ้าจะเดินไปถูกหรือลูกเอ๋ย
โอ้ยากเย็นเข็ญใจกระไรเลยเพราะกรรมเคยพรากสัตว์ให้พลัดพราย
เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าจะพรากไปจากแม่แม่จะแลเห็นใครน่าใจหาย
พลางสวมสอดกอดแอบไว้แนบกายสะอื้นไห้ไม่วายฟายน้ำตา ฯ
๏ จนจวนค่ำน้ำค้างลงพร่างพรายปลอบลูกชายพลายน้อยเสน่หา
อ้ายศัตรูรู้ความจะตามมาแม่จะพาเจ้าไปฝากขรัวนากไว้
แล้วพากันดั้นดัดไปวัดเขาเห็นสมภารคลานเข้าไปกราบไหว้
แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไปเจ้าคุณได้โปรดด้วยช่วยธุระ
เอาลูกอ่อนซ่อนไว้เสียในห้องเผื่อพวกพ้องเขามาหาอย่าให้ปะ
ท่านขรัวครูผู้เฒ่าว่าเอาวะไว้ธุระเถิดอย่ากลัวที่ผัวเลย
ถ้าหากว่ามาค้นจนถึงห้องกูมิถองก็จงว่าสีกาเอ๋ย
ฆ่าลูกเลี้ยงเอี้ยงดูกูไม่เคยอย่าทุกข์เลยลุงจะช่วยลูกอ่อนไว้ ฯ
๏ นางวันทองหมองหมางไม่สร่างทุกข์กระหมวดจุกลูกยาน้ำตาไหล
เห็นจวนค่ำจำลาทั้งอาลัยลงบันไดเดินด่วนด้วยจวนเย็น
พอเข้าไปในรั้วด่าผัวโผงอ้ายตายโหงหักคอไม่ขอเห็น
แต่ชาตินี้กีกรรมจึงจำเป็นได้ชายเช่นนี้มาเป็นสามี
ขึ้นบนเรือนเหมือนใจจะจากร่างเห็นขุนช้างชิงชังผินหลังหนี
เข้าในห้องหมองอารมณ์ไม่สมประดีเห็นแต่ที่นอนเปล่ายิ่งเศร้าใจ
คิดถึงลูกผูกพันให้หวั่นอกน้ำตาตกผ็อยผ็อยละห้อยไห้
โอ้ลูกเอ๋ยเคยนอนแต่ก่อนไรจนเจ้าได้สิบปีเข้านี่แล้ว
อยู่หลัดหลัดพลัดพรากไปจากแม่แม่ยังแลเห็นแต่ฟูกของลูกแก้ว
โอ้พลายงามทรามสวาทจะคลาดแคล้วเสียงแจ้วแจ้วเจ้าวันทองนองน้ำตาฯ
๏ ฝ่ายขุนช้างคางเคราอ้ายเจ้าเล่ห์เมาโมเมยิ้มกริ่มอยู่ริมฝา
เสียงวันทองร้องไห้จุดไฟมาส่องดูหน้านั่งเคียงบนเตียงนอน
ทำไถลไถ่ถามเป็นความหยอกหรือหนามยอกเจ็บป่วยจะช่วยถอน
พลางรับขวัญวันทองร้องละครเจ้าทุกข์ร้อนรำคาญประการใด ฯ
นางวันทองข้องขัดสะบัดหน้าขุนช้างรำทำท่าเข้าคว้าไขว่
นางผลักพลิกหยิกข่วนว่ากวนใจไฮ้อะไรนี่เล่าเฝ้าเซ้าซี้
ลูกข้าหายตายเป็นไม่เห็นศพอย่ามากลบรอยเสือเบื่อบัดสี
เจ้าพาไปในป่าพนาลีแล้วก็มิพามาว่ากระไร ฯ
๏ ขุนช้างฟังช่างแก้อีแม่เจ้าข้าเมาเหล้าหลับซบสลบไสล
ใครบอกเจ้าเล่าว่าข้าพาไปหล่อนไม่ได้ตามข้าผ่าเถิดซิ
เมื่อกลางวันยังเห็นเล่นไม้หึ่งกับอ้ายอึ่งอีดูกลูกอีปิ
แล้วว่าเจ้าเล่าก็ช่างนั่งมึนมิว่าแล้วซิอย่าให้ลงไปดิน
ลูกปะหล่ำกำไลใส่ออกกลบฉวยว่าพบคนร้ายอ้ายคอฝิ่น
มันจะทุบยุบยับเหมือนกับริ้นง้างกำไลไปกินเสียแล้วกรรม
แล้วแก้เก้อเร่อออกไปนอกห้องตะโกนร้องเรียกข้ามาด่าพร่ำ
ไปเที่ยวตามถามหาถึงท่าน้ำไม่พบทำถอนใจกลับไปเรือน
รินสุรามาดื่มลืมสติอุตริร้องไห้ใครจะเหมือน
ขึ้นหอขวางกลางแจ้งเห็นแสงเดือนโอ้พ่อเพื่อนชีวิตของบิตุรงค์
แกล้งร้องร่ำคร่ำครวญทำหวนโหยสะโอดโอยเอกทุ้มจนลุ่มหลง
ถึงท่อนปลายกรายเกริ่นเป็นเดินดงปีกเจ้าอ่อนร่อนลงในดงเตย
แล้วรู้ตัวกลัวเมียร้องเสียใหม่เจ้าจำไกลพ่อแล้วลูกแก้วเอ๋ย
เสียงอ้อแอ้แผ่กายนอนหงายเลยจนลืมเลยซบเซาด้วยเมามาย ฯ
๏ นวลนางวันทองค่อยย่องย่างเห็นขุนช้างหลับสมอารมณ์หมาย
สะอื้นอั้นพันผูกถึงลูกชายจนพลัดพรายเพราะผัวเป็นตัวมาร
จึงเย็บไถ้ใส่ขนมกับส้มลิ้มทั้งแช่อิ่มจันอับลูกพลับหวาน
แหวนราคาห้าช่างทองบางตะพานล้วนต้องการเก็บใส่ในไถ้น้อย
ไปอยู่บ้านท่านย่าจะหายากเมื่ออดอยากอย่างไรได้ใช้สอย
แล้วนั่งนึกตรึกตราน้ำตาย้อยรำคาญคอยสุริยาจะคลาไคล ฯ
๏ จะกล่าวถึงพลายงามทรามสงสารพึ่งสมภารอยู่ในห้องนั่งร้องไห้
พวกศิษย์เณรเถรชีต้นช่วยฝนไพลมาลูบไล้แผลที่มันตีรัน
แล้วสมภารท่านก็หลับระงับเงียบยิ่งเย็นเยียบเยือกใจเมื่อไก่ขัน
เพราะแม่ลูกผูกจิตคิดถึงกันเฝ้าใฝ่ฝันเฟือนแลเห็นแม่มา
ดุเหว่าร้องซ้องเสียงสำเนียงแจ้วให้แว่วว่าวันทองร้องเรียกหา
สะดุ้งใจไหววับทั้งหลับตาร้องขานขาสุดเสียงแต่เที่ยงคืน
ครั้นรู้สึกนึกได้ให้ละห้อยเจ้าพลายน้อยนิ่งนอนถอนสะอื้น
จนเคาะระฆังหงั่งเหง่งเสียงเครงครื้นสมภารตื่นเตือนชีต้นสวดมนตร์เกณฑ์ฯ
๏ นางวันทองร้องไห้เมื่อใกล้รุ่งน้ำค้างฟุ้งฟ้าแดงเป็นแสงเสน
ด้วยวัดเขาเข้าใจเคยไปเจนโจงกระเบงมั่นเหมาะห่มเพลาะดำ
แล้วถือไถ้ใส่ขนมผ้าห่มหุ้มออกย่างดุ่มเดินเหย่าก้าวถลำ
ลงจากเรือนเชือนมาข้างท่าน้ำแล้วรีบร่ำเดินตรงเข้าดงตาล
ถึงวัดเขาเช้าตรู่ดูลูกน้อยเห็นมาคอยนั่งท่าน่าสงสาร
จะนั่งหยุดพูดจาจะช้าการลาสมภารพามาป่าสะแก
ให้ขนมส้มสูกแก่ลูกรักสงสารนักจะร้างไปห่างแม่
หนทางบ้านกาญจน์บุรีตรงนี้แลจำให้แน่นะอย่าหลงเที่ยววงเวียน
อุตส่าห์ไปให้ถึงเหมือนหนึ่งว่าให้คุณย่าเป็นอาจารย์สอนอ่านเขียน
จงหมายมุ่งทุ่งกว้างตามทางเกวียนที่โล่งเลี่ยนลัดไปในไพรวัน
แล้วเกล้าจุกผูกไถ้ที่ใส่ของให้แหวนทองทุกสิ่งทำมิ่งขวัญ
แล้วกอดลูกผูกใจจะไกลกันสะอื้นอั้นออกปากฝากเทวา
ขอเดชะพระไพรข้าไหว้กราบช่วยกำราบเสือสิงห์มหิงสา
ทั้งปู่เจ้าเขาเขินขอเชิญพาไปถึงย่าอย่าให้หลงเที่ยววงวน
ทั้งพ่อคุณขุนแผนแสนวิเศษบังเกิดเกศแก้วตาสถาผล
ช่วยลูกชายพลายงามเมื่อยามจนให้รอดพ้นภัยพาลถึงกาญจน์บุรี
นางคร่ำครวญร่ำว่าน้ำตาตกเหมือนหนึ่งอกพุพองเป็นหนองฝี
แม่อุ้มท้องครองเลี้ยงถึงเพียงนี้ได้สิบปีเศษแล้วจะแคล้วกัน
เคยกินนอนวอนแม่ไม่แหห่างจะอ้างว้างเปล่าใจในไพรสัณฑ์
ทั้งจุกไรใครเล่าจะเกล้าพันจะนับวันนับเดือนไปเลือนลับ
นับปีมิได้มาเห็นหน้าแม่จะห่างแหหายเหมือนเมื่อเดือนดับ
โอ้เสียชาติวาสนาแม่อาภัพให้ย่อยยับยากแค้นแสนระอา
จะมีผัวผัวก็พลัดกำจัดจากจนแสนยากอย่างนี้แล้วมิหนำ
มามีลูกลูกก็จากวิบากกรมสะอื้นร่ำรันทดสลดใจ ฯ
             

๏ เจ้าพลายงามความแสนสงสารแม่ชำเลืองแลดูหน้าน้ำตาไหล
แล้วกราบกรานมารดาด้วยอาลัยลูกเติบใหญ่คงจะมาหาแม่คุณ
แต่ครั้งนี้มีกรรมจะจำจากต้องพลัดพรากแม่ไปเพราะอ้ายขุน
เที่ยวหาพ่อขอให้ปะเดชะบุญไม่ลืมคุณมารดาจะมาเยือน
แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารักคนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน
จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือนจะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว
แม่วันทองของลูกจงกลับบ้านเขาจะพาลว้าวุ่นแม่ทูนหัว
จะก้มหน้าลาไปมิได้กลัวแม่อย่ามัวหมองนักจงหักใจ ฯ
๏ นางกอดจูบลูบหลังแล้วสั่งสอนอำนวยพรพลายน้อยละห้อยไห้
พ่อไปดีศรีสวัสดิ์กำจัดภัยจนเติบใหญ่ยิ่งยวดได้บวชเรียน
ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศเจ้าจงอตส่าห์ทำสม่ำเสมียน
แล้วพาลูกออกมาข้างท่าเกวียนจะจากเจียนใจขาดอนาถใจ
ลูกก็และดูแม่แม่ดูลูกต่างพันผูกเพียงว่าเลือดตาไหล
สะอื้นร่ำอำลาด้วยอาลัยแล้วแข็งใจจากนางตามทางมา
เหลียวหลังยังเห็นแม่แลเขม้นแม่ก็เห็นลูกน้อยละห้อยหา
แต่เหลียวเหลียวเลี้ยวลับวับวิญญาณ์โอ้เปล่าตาต่างสะอื้นยืนตะลึง ฯ
๏ นางวันทองหมองมัวกลัวขุนช้างไม่เหมือนอย่างคนทั้งปวงมันหวงหึง
ออกชายทุ่งมุ่งเมินเดินตะบึงกลับมาถึงเรือนร่ำระกำตรอม
ทุกเช้าเย็นเศร้าหมองเฝ้าร้องไห้ด้วยอาลัยพลายงามทรามถนอม
ถึงยามกินสิ้นรสสู้อดออมจนซูบผอมผิวพรรณทุกวันคืน ฯ
๏ เจ้าพลายงามตามทางไปกลางทุ่งเขม้นมุ่งเขาเขินเดินสะอื้น
ออกหลังบ้านตาลตะคุ่มเป็นพุ่มพื้นร่มรื่นรังเรียงเคียงตะเคียน
ต้นแคคางกร่างกระทุ่มชอุ่มออกทั้งช่อดอกดูไสวเหมือนไม้เขียน
เจ้าพลายเพลินเดินพลางตามทางเกวียนตลอดเลี่ยนลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยมา
ถงโคกฆ้องหนองสะพานบ้านกะเหรี่ยงเห็นโรงเรียงไร่ฝ้ายทั้งซ้ายขวา
พริกมะเขือเหลืออร่ามงามตาสาลิกาแก้วกินแล้วบินฮือ
เห็นไก่เตี้ยเขี่ยคุ้ยที่ขุยไผ่กระโชกไล่ลดเลี้ยวมันเปรียวปรื๋อ
พบนกยูงฝูงใหญ่ไล่กระพือมันบินหวือโห่ร้องคะนองใจ
จนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยข้อให้ท้อแท้คิดถึงแม่วันทองแล้วร้องไห้
พระสุริยาสายัณห์ลงเรไรเหมือนจิตใจเจ้าจะขาดลงรอนรอน
พอจวนพลบพบฝูงจิ้งจอกน้อยวิ่งร่อยร่อยตามเขาแล้วเห่าหอน
แสยงเส้นโลมาให้อาวรณ์ถึงดงดอนแดนบ้านกาญจน์บุรี
เห็นวัดร้างข้างเขาดูเก่าแก่ยังมีแต่รูปพระชินสีห์
โบสถ์โบราณบานประตูยังดูดีพอราตรีกราบไหว้อาศัยนอน
ครั้นรุ่งเช้าเอาขนมทั้งส้มลิ้มพอกินอิ่มแล้วออกเดินเนินสิงขร
ถึงบ้านกร่างทางคนเขาหาบคอนเห็นเด็กต้อนควายอึงคะนึงไป
ไม่รู้ความถามเหล่าพวกชาวบ้านว่าเรือนท่านทองประศรีอยู่ที่ไหน
เด็กบ้านนอกบอกเล่าให้เข้าใจแกอยู่ไร่โน่นแน่ะยังแลลับ
มะยมใหญ่ในบ้านกินหวานนักกูไปลักบ่อยบ่อยแกคอยจับ
พอฉวยได้อ้ายขิกหยิกเสียยับร้ายเหมือนกับผีเสื้อแกเหลือตัว
ถ้าลูกใครไปเล่นแกเห็นเข้าแกจับเอานมยานฟัดกบาลหัว
มาถามหาว่าไรช่างไม่กลัวแกจับตัวตีตายยายนมยาน ฯ
๏ เจ้าพลายงามถามแจ้งแล้วแกล้งว่าเอ็งช่วยพาเราไปชมมะยมหวาน
จะขึ้นลักหักห่อให้พอการมาสู่ท่านทั้งสิ้นกินด้วยกัน
พวกเด็กเด็กดีใจไปสิหวาซ่อนข้าวปลาปล่อยควายแล้วผายผัน
บ้างเหน็บหน้าผ้านุ่งเกี้ยวพุงพันหัวเราะกันกูจะห่อให้พอแรง
พอถึงบ้านท่านยายทองประศรีพวกเด็กชี้เรือนให้แล้วแอบแฝง
เจ้าพลายงามขามจิตยังคิดแคลงค่อยลัดแลงเล็งแลมาแต่ไกล
ดูเงียบเชียบเลียบรอบริมขอบรั้วไม่เห็นตัวท่านย่าน่าสงสัย
ประตูหับยับยั้งยืนฟังไปเสียงแต่ในออดแอดแรดแรแร
รู้ว่าคนบนนั้นนั่งปั่นฝ้ายจะอุบายบอกความตามกระแส
ขึ้นมะยมห่มล้อทำตอแยให้ท่านแลเห็นเรามาเอาตัว
จึงจะบอกออกตามเนื้อความลับได้อยู่กับย่าบังเกิดกำเนิดหัว
แล้วเมียงมองย่องดอดเข้าลอดรั้วค่อยแฝงตัวขึ้นบนต้นมะยม
แล้วพยักกวักเรียกอ้ายเด็กเด็กลูกเล็กหลบลอบค่อยหมอบก้ม
ระวังตัวกลัวยายเฒ่าเจ้าคารมเก็บมะยมซุบซิบกระหยิบตา ฯ
๏ ครานั้นท่านยายทองประศรีกับยายปลียายเปลอยู่เคหา
ให้พวกเหล่าบ่าวไพร่ไปไร่นาตามประสาเพศบ้านกาญจน์บุรี
แต่ขุนแผนแสนสนิทต้องติดคุกไม่มีสุขเศร้าหมองทองประศรี
จนซูบผอมตรอมใจมาหลายปีอยู่แต่ที่ในห้องนองน้ำตา
แต่หูไวได้ยินมะยมหล่นเป็นทำวลแหวกมองตามช่องฝา
เห็นเด็กเด็กเล็ดดลอดดอเข้ามาแกฉวยคว้าไม้ตระบองค่อยมองเมียง
ลงบันไดอ้ายเด็กเล็กกเล็กวิ่งแกไล่ทิ้งด่าทอมันล้อเถียง
ชกโคตรเหง้าเหล่ากอเอาพอเพียงพอแว่วเสียงอยู่บนต้นมะยม
มองเขม้นเห็นลูกหัวจุกน้อยเหม่อ้ายจ้อยโจรป่าด่าขรม
อย่าแอบอิงนิ่งนั่งตั้งเทพนมลงมาก้มหลังลองตระบองกู ฯ
๏ เจ้าพลายงามคร้ามพรั่นขยั้นหยุดความกลัวสุดแสนกลัวตัวเป็นหนู
จึงว่าฉานหลานดอกบอกให้รู้อันอยู่ที่เมืองสุพรรณบ้านวันทอง
ทองประศรีชี้หน้าว่าอุเหม่อ้ายเจ้าเล่ห์หลานข้ามันน่าถอง
มาเถิดมาย่าจะให้ไม้ตระบองแกคอยจ้องจะทำให้หนำใจ
เจ้าพลายงามความกลัวจนตัวสั่นหยุดขยั้นอยู่ไม่กล้าลงมาได้
แล้วนึกว่าย่าตัวกลัวอะไรโจนลงไปกราบย่าที่ฝ่าตีน ฯ
๏ ทองประศรีตีหลังเสียงดังผึงจะมัดมึงกูไม่ปรับเอาทรัพย์สิน
มาแต่ไหนลูกไทยหรือลูกจีนเฝ้าลักปีนมะยมห่มหักราน
เจ้าพลายน้อยคอยหลบแล้วนบนอบฉันเจ็บบอบแล้วย่าเมตตาหลาน
ข้าเป็นลูกพ่อขุนแผนแสนสะท้านข้างฝ่ายมารดาชื่อแม่วันทอง
จะมาหาย่าชื่อทองประศรีอย่าเพ่อตีฉันจะเล่าความเศร้าหมอง
ย่าเขม้นเห็นจริงทิ้งตระบองกอดประคองรับขวัญกลั้นน้ำตา
แล้วด่าตัวชั่วเหลือไม่เชื่อเจ้าขืนตีเอาหลานรักเป็นหนักหนา
จนหัวห้อยพลอยนอพ่อนี่นาแล้วพามาขึ้นเรือนเตือนยายปลี
ช่วยฝนไพลให้เหลวเร็วเร็วเข้าอีเปลเอาขันล้างหน้าออกมานี่
แกตักน้ำร่ำรดหมดราคีช่วยขัดสีโซมขมิ้นสิ้นเป็นชาม
แล้วทาไพลให้หลานสงสารเลหือมานั่งเสื่อลันไตปราศรัยถาม
เจ้าชื่อไรใครบอกออกเนื้อความจึงได้ตามขึ้นมาถึงย่ายาย ฯ
๏ เจ้าพลายน้อยสร้อยเศร้าแล้วเล่าเรื่องแต่อยู่เมืองสุพรรณเหมือนมั่นหมาย
แม่วันทองครองเลี้ยงไว้เคียงกายให้ชื่อพลายงามน้อยแก้วกลอยใจ
ให้ไหว้บุญขุนช้างเหมือนอย่างพ่อมันลวงล่อหลานหลงไม่สงสัย
พาหลานเที่ยวเลี้ยวทางไปกลางไพรเอาขอนไม้ทับคอแทบมรณา
แม่จึงบอกออกว่าพ่อชื่อขุนแผนขุนช้างแค้นเคืองคิดริษยา
อยู่ไม่ได้ในสุพรรณจึงดั้นมาขอพึ่งบุญคุณย่าประสาจน ฯ
๏ ทองประศรีตีอกชกผางผางทุดอ้ายช้างชาติข้าอ้ายหน้าขน
ลูกอีเฒ่าเทพทองคลองน้ำชนจะฆ่าคนเสียทั้งเป็นไม่เอ็นดู
ทำราวเจ้าชีวิตกูคิดฟ้องให้มันต้องโทษกรณ์จนอ่อนหู
แกบ่นว่าด่าร่ำออกพร่ำพรูพ่อมาอยู่บ้านย่าแล้วอย่ากลัว
แม้นอ้ายขุนวุ่นมาว่าเป็นลูกมันมิถูกนมยานฟัดกบาลหัว
พลางเรียกอีไหมที่ในครัวเอาแกงคั่วข้าวปลามาให้กิน
พอบ่ายเบี่ยงเสียงละว้าพวกข้าบ่าวทั้งมอญลาวเลิกนาเข้ามาสิ้น
บ้างสุมไฟใส่ควันกันยุงริ้นตามถิ่นบ้านนอกอยู่คอกนา ฯ
๏ ครั้นพลบค่ำย่ำฆ้องทองประศรีเรียกยายปลียายเปลเข้าเคหา
เย็บบายศรีนมแมวจอกแก้วมาใส่ข้าวปลาเปรี้ยวหวานเอาจานรอง
เทียนดอกไม้ไข่ข้าวมะพร้าวพร้อมน้ำมันหอมแป้งปรุงฟุ้งทั้งห้อง
ลูกปะหล่ำกำไลไขออกกองบอกว่าของพ่อเจ้าแต่เยาว์มา
เอาสอดใส่ให้หลานสงสารเหลือด้วยหน่อเนื้อนึกรักเป็นหนักหนา
เหมือนพ่อแผนแสนเหมือนไม่เคลื่อนคลาทั้งหูตาคมสันเป็นมันยับ
พลางเรียกหาข้าคนมาบนหอให้นั่งต่อต่อกันเป็นอันดับ
บายศรีตั้งพรั่งพร้อมน้อมคำนับเจริญรับมิ่งขวัญรำพันไป ฯ
๏ ขวัญพ่อพลายงามทรามสวาทมาชมภาชนะทองอันผ่องใส
ล้วนของขวัญจันทร์จวงพวงมาลัยขวัญอย่าไปป่าเขาลำเนาเนิน
เห็นแต่เนื้อเสือสิงห์ฝูงลิงค่างจะอ้างว้างเวียนวกระหกระเหิน
ขวัญมาหาย่าเถิดอย่าเพลิดเพลินจงเจริญร้อยปีอย่ามีภัย
แล้วจุดเทียนเวียนวงส่งให้บ่าวมันโห่กราวเกรียวลั่นสนั่นไหว
คอยรับเทียนเเวียนส่งเป็นวงไปแล้วดับไฟโบกควันให้ทันที
มะพร้าวอ่อนป้อนเจ้าทั้งข้าวขวัญกระแจะจันทน์เจิมหน้าเป็นราศี
ให้สาวสาวลาวเวียงที่เสียงดีมาซอปี่อ้อซั้นทำขวัญนาย ฯ
             
๏ พ่อเมื้อเมืองดงเอาพงเป็นเหย้าอึดปลาอึดข้าวขวัญเจ้าตกหาย
ขวัญอ่อนร่อแร่ว้าเหว่สู่กายอยู่ปลายยางยูงท้องทุ่งท้องนา
ขวัญเผือเมื้อเมินขอเชิญขวัญพ่อฟังซอเสียงอ้อขวัญพ่อเจ้าจ๋า
ข้าวเหนียวเต็มพ้อมข้าวป้อมเต็มป่าขวัญเจ้าจงมาสู่กายพลายเอยฯ
             
๏ แล้วพวกมอญซ้อนซอเสียงอ้อแอ้ร้องทะแยย่องกระเหนาะย่ายเตาะเหย
ออระน่ายพลายงามพ่อทรามเชยขวัญเอ๋ยกกกะเนียงเกรียงเกลิง
ให้อยู่ดีกินดีมีเมียสาวเนียงกะราวกนตะละเลิงเคลิ่ง
มวยบามาขวัญจงบันเทิงจะเปิงยี่อิกะปิปอน
ทองประศรีดีใจให้เงินบาทเห็นแต่ทาสพรั่งพร้อมล้อมสลอน
ถึงเวลาพาเจ้าเข้าที่นอนมีฟูกหมอนมุ้งม่านสำราญใจ ฯ
๏ เจ้าพลายงามถามย่าว่าพ่อแผนต้องคับแค้นเคืองเข็ญเป็นไฉน
ไม่เคยคุ้นคุณย่าช่วยพาไปพอหลานได้เห็นหน้าบิดาตัว
ได้ฟังหลานท่านย่าน้ำตาตกสะอื้นอกอาดูรว่าทูนหัว
พ่อเอ็งย่าว่าไรเขาไม่กลัวเพราะเมามัวเมียลาวนางชาววัง
ไปทูลขอพระองค์ทรงพระโกรธให้ลงโทษทนทุกข์ใส่คุกขัง
แต่ไม่ต้องจองจำอยู่ลำพังถึงสิบปีแล้วยังไม่พ้นเลย
รุ่งพรุ่งนี้สิย่าจะพาเจ้าไปหาเขาอยู่ที่ทับริมหับเผย
ให้พ่อเห็นเย็นอารมณ์ได้ชมเชยพูดจนเลยลืมหลับระงับไป ฯ
๏ เห็นแสงทองหมองจิตคิดถึงลูกสั่งบ่าวผูกช้างสัปคับใหญ่
ใส่ข้าวปลาผ้าผ่อนท่อนสไบกับไต้ไฟฟักแฟงแตงน้ำตาล
ทั้งปูนยาสาคูแลพลูหมากจะไปฝากขุนแผนแสนสงสาร
อ้ายกุลาตาหลอเป็นหมอควาญแล้วพาหลานขึ้นช้างตามทางมา
ลงบางขามข้ามบ้านสะพานโขลงออกทุ่งโล่งเลี้ยวทางไปข้างขวา
สองวันครึ่งถึงกรุงอยุธยาลงเดินพาพลายงามไปตามทาง ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายนายขุนแผนที่แสนทุกข์แต่ติดคุกขัดข้องให้หมองหมาง
อยู่หับเผยเคยสะอาดขาดสำอางจนผอมซูบรูปร่างดูรุงรัง
ผมยาวเกล้ากระหวัดตัดไม่เข้าเหตุด้วยเขาคงทนทั้งมนตร์ขลัง
อยู่เปล่าเปล่าเล่าก็จนพ้นกำลังอุตส่าห์นั่งทำการสานกระทาย
ให้นางแก้วกิริยาช่วยทารักขุนแผนถักขอบรัดกระหวัดหวาย
ใบละบาทคาดได้ด้วยง่ายดายแขวนไว้ขายทั้งเรือนออกเกลื่อนไป
พอมารดามาถึงทับรับเข้าห้องทั้งข้าวของผู้คนขนมาให้
เห็นลูกชายพลายงามถามทันใดนี่ลูกใครหน้าตาน่าเอ็นดู ฯ
๏ ทองประศรีชี้แจงแถลงเล่านี่ลูกเจ้าแล้วเป็นไรไหว้เสียหนู
แล้วบอกความตามที่มีศัตรูขุนแผนรู้รับขวัญกลั้นน้ำตา
เข้าสวมสอดกอดจูบแล้วลูบหลังน้ำตาพรั่งพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา
แค้นขุนช้างดังจะดิ้นสิ้นชีวามันชะล่าชะเลยจนเคยตัว
ฉุดคร่าพาวันทองไปครองคู่เห็นว่ากูถือสัตย์ไม่ตัดหัว
ทั้งลูกเต้าเอาไปฆ่าเหมือนม้าวัวหมายว่ากลัวแล้วกระมังอ้ายจังไร
วันนี้ค่ำจำจะไปให้ถึงบ้านสับกบาลหัวเชือดให้เลือดไหล
ลูกผู้ชายตายไหนก็ตายไปขัดใจฮึดฮัดกัดฟันฟาง ฯ
๏ ท่านย่าทองประศรีว่าอีพ่อแม่จะขอทัดทานเหมือนขัดขวาง
ไปฆ่าผีดีกว่าฆ่าขุนช้างจะสืบสร้างบาปกรรมไปทำไม
ลูกของเจ้าเล่าก็มาหาเจ้าแล้วใช่เชื้อแถวเจ้ายังมีอยู่ที่ไหน
จงฟังแม่แต่เท่านั้นแล้วกันไปพ่อจะได้ภาวนารักษากาย
ลูกของเจ้าเล่าแม่จะรับเลี้ยงช่วยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้ได้ถวาย
ที่กริ้วโกรธโทษกรณ์จะผ่อนคลายคราวเคราะห์ร้ายเจ้าจงเจียมเสงี่ยมตน
โบราณท่านสมมุติมนุษย์นี้ยากแล้วมีใหม่สำเร็จถึงเจ็ดหน
ที่ทุกข์โศกโรคร้อนค่อยผ่อนปรนคงจะพ้นโทษทัณฑ์ไม่บรรลัย ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพก้มกราบมารดาน้ำตาไหล
ลูกเห็นแต่แม่คุณค่อยอุ่นใจช่วยสอนให้พลายงามเรียนความรู้
อันตำรับตำราสารพัดลูกเก็บจัดแจงไว้ที่ในตู้
ถ้าลืมหลงตรงไหนไขออกดูทั้งของครูของพ่อต่อกันมา
แล้วลูบหลังสั่งความพลายงามน้อยเจ้าจงค่อยร่ำเรียนเขียนคาถา
รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชาไปเบื้องหน้าเติบใหญ่จะให้คุณ
เรายากแล้วแก้วตาอย่าประมาททั้งสิ้นญาติสิ้นเชื้อจะเกื้อหนุน
ทุกวันนี้มีแต่ย่ายังการุญพ่อพึ่งบุญเถิดลูกได้ปลูกเลี้ยง
จงนึกว่าย่าเหมือนกับแม่พ่อถึงด่าทอเท่าไรอย่าได้เถียง
อันพ่อนี้มิได้อยู่ใกล้เคียงไม่ได้เลี้ยงลูกแล้วนาแก้วตา
พลางกอดพลายงามแอบไว้แนบอกน้ำตาตกพร่างพรายทั้งซ้ายขวา
โอ้มีกรรมทำไว้แต่ไรมาพอเห็นหน้าลูกแล้วจะแคล้วกัน
มาหาพ่อพ่อไม่มีสิ่งไรผูกยังแต่ลูกประคำจะทำขวัญ
อยู่หอกปืนยืนยงคงกระพันได้ป้องกันกายาข้างหน้าไป ฯ
๏ เจ้าพลายงามความแสนสงสารพ่อน้ำตาคลอคลอตกซกซกไหล
รับประคำร่ำว่าประสาใจฉันจะใคร่อยู่ด้วยช่วยบิดา
ได้ตักน้ำตำข้าวทุกเช้าค่ำที่พอทำฟืนผักจะหักหา
ให้พ่อพ้นทนทุกข์แล้วลูกยาจะอุตส่าห์เล่าเรียนค่อยเพียรไป ฯ
๏ ขุนแผนแสนสวาทจะขาดจิตกะจิริดรู้ว่าจะหาไหน
น่าสงสารท่านย่าพลอยอาลัยน้ำตาไหลพรากพรากเพราะยากเย็น
ขุนแผนว่าจะอยู่ดูไม่ได้ในคุกใหญ่มันยากแค้นถึงแสนเข็ญ
เหมือนกับนรกตกทั้งเป็นมิได้เว้นโทษทัณฑ์สักวันเลย
แต่พ่อนี้ท่านเจ้ากรมยมราชอนุญาตให้อยู่ทับในหับเผย
คนทั้งหลายนายมุลก็คุ้นเคยเขาละเลยพ่อไม่ต้องถูกจองจำ
ทั้งข้าวปลาสารพันทุกวันนี้พระหมื่นศรีเธอช่วยชุบอุปถัมภ์
ค่อยเบาใจไม่พักต้องตักตำคุณท่านล้ำล้นฟ้าด้วยปรานี
ถ้าแม้นเจ้าเล่าเรียนความรู้ได้จะพาไปพึ่งพระจมื่นศรี
ถวายตัวพระองค์ทรงธรณีจะได้มีเกียรติยศปรากฏไป ฯ
             

๏ พลายงามน้อยสร้อยเศร้ารับเจ้าคะดีฉันจะพากเพียรเรียนให้ได้
ต่างพูดจาพาทีค่อยดีใจจนจวนใกล้โพล้เพล้ถึงเวลา
ทองประศรีสั่งความว่ายามค่ำแม่จะจำจากพ่อแก้วไปแล้วหนา
ขุนแผนแสนสะท้านไหว้มารดาพลายงามลาพ่อลูกผูกอาลัย
ตามย่ามาพ้นทับที่หับเผยไม่ลืมเลยเหลียวหน้าน้ำตาไหล
ทั้งขุนแผนแสนสวาทเพียงขาดใจต่างอาลัยแลลับวับวิญญาณ์
ไปขึ้นช้างข้างวัดท่าการ้องพอเดือนส่องแสงสว่างกลางเวหา
ออกข้ามทุ่งกรุงศรีอยุธยารีบกลับมาถึงบ้านกาญจน์บุรีฯ
๏ อันเรื่องราวกล่าวความพลายงามน้อยค่อยเรียบร้อยเรียนรู้ครูทองประศรี
ทั้งขอมไทยได้สิ้นก็ยินดีเรียนคัมภีร์พุทธเพทพระเวทมนตร์
ปัถมังตั้งตัวนะปัดตลอดแล้วถอนถอดถูกต้องเป็นล่องหน
หัวใจกริดอิทธิเจเสน่ห์กลแล้วเล่ามนตร์เสกขมิ้นกินน้ำมัน
เข้าในห้องลองวิชาประสาเด็กแทงจนเหล็กแหลมลู่ยู่ขยั้น
มหาทะมื่นยืนยงคงกระพันทั้งเลขยันตร์ลากเหมือนไม่เคลื่อนคลาย
แล้วทำตัวหัวใจปิติโสสะเดาะโซ่ตรวนได้ดังใจหมาย
สะกดคนมนตร์จังงังกำบังกายเมฆฉายสูรย์จันทร์ขยันดี
ทั้งเรียนธรรมกรรมฐานนิพพานสูตรร้องเรียกภูตพรายปราบกำราบผี
ผูกพยนต์หุ่นหญ้าเข้าราวีทองประศรีสอนหลานชำนาญมา
จนอายุพลายงามสิบสามขวบดูขาวอวบอ้วนท้วนเป็นนวลหน้า
ด้วยเนื้อแตกแรกรุ่นละมุนตากิริยาแย้มยิ้มหงิมหงิมงาม
นัยน์ตากลมคมขำดูดำขลับใครแลลับรักใคร่ปราศรัยถาม
ทองประศรีดีใจได้ฤกษ์ยามได้สิบสามปีแล้วหลานแก้วกู
จะโกนจุกสุกดิบขึ้นสิบค่ำแกทำน้ำยาจีนต้มตีนหมู
พวกเพื่อนบ้านวานมาผ่าหมากพลูบ้างปัดปูเสื่อสาดลาดพรมเจียม
ทั้งหม้อเงินหม้อทองสำรองตั้งมีทั้งสังข์ใส่น้ำมนตร์ไว้จนเปี่ยม
อัฒจันทร์ชั้นพระก็ตระเตรียมตามธรรมเนียมห้องกลองฉลองทาน
ถึงวันดีนิมนต์ขรัวเกิดเฒ่าอยู่วัดเขาชนไก่ใกล้กับบ้าน
พอพิณพาทย์คาดตระสาธุการท่านสมภารพาพระสงฆ์สิบองค์มา
นั่งสวดมนตร์จนจบพอพลบค่ำก็ซัดน้ำมนตร์สาดเสียงฉาดฉ่า
ผู้ชายเสียดเบียดสาวชาวละว้าเสียงเฮฮาฮึดฮัดเมื่อซัดน้ำ
ผู้หญิงหยิกตะกายผู้ชายทับเสียงหนุบหนับเหนาะแหนะแขยะขยำ
จนอีหังคลั่งใจถีบอ้ายดำลุกขึ้นปล้ำกันออกอึงเสียงตึงตัง
ทองประศรีดีใจว่าใครแพ้สนุกแน่แล้วอ้ายดำปล้ำอีหัง
แล้วให้หลานผลัดผ้ามาเก้กังเข้าไปนั่งกราบกรานสมภารครู
ขรัวเกิดแลมองเห็นทองประศรีถามว่านี่ลูกใครเล่าไอ้หนู
เจ้าขรัวย่าอ้าปากน้ำหมากพรูเล่าให้รู้แต่ต้นมาจนปลาย
เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าขุนแผนยังติดคุกนี่โกนจุกแล้วจะได้ไปถวาย
ท่านขรัวครูดูพ่อของออพลายเคราะห์จะคลายเคลื่อนบ้างหรืออย่างไร ฯ
๏ ท่านขรัวครูรู้เรื่องให้เคืองแค้นทุดอ้ายแผนถ่อยแท้ไม่แก้ไข
เมื่อความรู้กูสอนเจ้าหล่อนไว้ยังวิ่งไปเข้าคุกสนุกจริง
อ้ายเจ้าชู้กูได้ว่ามาแต่ก่อนจะทุกข์ร้อนอ่อนหูเพราะผู้หญิง
หัวเราะพลางทางเอกเขนกอิงพินิจนิ่งดูกายเจ้าพลายงาม
เห็นน่ารักลักษณะก็ฉลาดจะมีวาสนาดีขี่คานหาม
ถ้าถึงวันชั้นโชคโฉลกยามก็ต้องตามลักษณะว่าจะรวย
แต่ที่เมียเสียถนัดปัตนิตัวตำหนิรูปขาวเป็นสาวสวย
แต่อ้ายนี่ขี้หลงจะงงงวยต้องถูกด้วยละโมบโลภโลกีย์
แล้วท่านขรัวหัวร่อว่าออหนูมันเจ้าชู้เกินการหลานอีศรี
ก็แต่ว่าอายุสิบแปดปีจะได้ที่หมื่นขุนเป็นมุลนาย
ทั้งเมียสาวชาวเหนือเป็นเชื้อแถวอีนั่นแล้วมันจะมาพาฉิบหาย
อันอ้ายขุนแผนพ่อของออพลายจะพ้นปลายเดือนยี่ในปีกุน
นับแต่นี้มีสุขไม่ทุกข์ร้อนได้เตียงนอนนั่งเก้าอี้เป็นที่ขุน
ทองประศรีดีใจไหว้เจ้าคุณช่วยแบ่งบุญให้ได้ฟื้นคืนสักที
สมภารรับกลับมายังอาวาสเสียงพิณพาทย์พวกพ้องทองประศรี
หาเสภามาทั่วที่ตัวดีท่านตามีช่างประทัดถนัดรบ
ดูทำนองพองคอเสีบงอ้อแอ้พวกคนแก่ชอบหูว่ารู้จบ
ตารองศรีดีแต่ขันรู้ครันครบกรับกระทบทำหลอกแล้วกลอกตา
แล้วนายทั่งดังโด่งเสียงโว่งโวกว่ากระโชกกระชั้นขันหนักหนา
ฝ่ายนายเพรชเม็ดมากลากช้าช้าตั้งสามวาสองศอกเหมือนบอกยาว
ส่วนนายมาพระยานนท์คนตลกว่าหยกหยกหยาบช้าคนฮาฉาว
ตาทองอยู่รู้ว่าภาษาลาวแล้วส่งกราวเชิดเพลงโหน่งเหน่งไป
ครั้นรุ่งเช้าเจ้าพลายก็โกนจุกเป็นพ้นทุกข์พ้นร้อนนอนหลับใหล
จนผมยาวเจ้าได้ตัดมหัดไทยคิดจะใคร่ไปเป็นข้าฝ่าธุลี
เดชะบุญทูลขอพ่อพ้นโทษเหมือนได้โปรดบิดาเป็นราศี
แต่นิ่งนึกตรึกตราจนราตรีเข้าข้างที่นอนย่าน้ำตาคลอ
ทำคลึงเคล้าเว้าวอนด้วยอ่อนหวานพรุ่งนี้หลานจะลาไปหาพ่อ
จะได้เฝ้าเจ้าชีวิตชิดชอบพอทูลขอเผื่อจะโปรดที่โทษทัณฑ์ ฯ
๏ ทองประศรีดีใจให้อนุญาตเจ้าเชื้อชาติพงศ์พลายจงผายผัน
จะได้ช่วยพ่อแม่คิดแก้กันตามกตัญญูเถิดประเสริฐดี
ย่าจะให้ไปส่งจนถึงพ่อจึงพาต่อไปหาพระหมื่นศรี
ตามแต่บุญวาสนาบารมีอันย่านี้นับวันจะบรรลัย
มีลูกเต้าเล่าก็ทำให้ซ้ำทุกข์ไม่มีสุขสักเวลาน้ำตาไหล
โรคก็ซ้ำช้ำบอบทั้งหอบไอใครจะได้เผาผีก็มิรู้
เจ้าจงจำตำราที่ย่าสอนจะถาวรเพิ่มยศไม่อดสู
ย่าจะให้ไอ้พลัดไอ้ปัดไอ้ปูเข้าไปอยู่ติดตามทั้งสามคน
พอถือร่มสมปักตักน้ำท่าหุงข้าวปลาสารพัดไม่ขัดสน
พูดจนดึกตรึกการกับหลานตนแล้วหลับจนแจ่มแจ้งแสงตะวัน ฯ
๏ รู้สึกกายยายทองประศรีย่าเอาเงินผ้าเสื้อใส่ในกำปั่น
ทั้งหวานคาวข้าวปลาสารพันขนขึ้นบรรทุกสัปคับช้าง
พลายงามลาย่าช่วยอวยสวัสดิ์ได้ฤกษ์พาสารพัดไม่ขัดขวาง
ขึ้นขี่หลังพังสะเทินเดินตามทางไม่แรมค้างข้ามทุ่งถึงกรุงไกร
ไปหาพ่อพอพบนั่งนบนอบขุนแผนสอบไต่ถามความสงสัย
เจ้าพลายน้อยค่อยเล่าให้เข้าใจลูกจะใคร่ให้พระนายถวายตัว ฯ
๏ ขุนแผนแสนสวาทอนุญาตว่าจงอุตส่าห์สืบตะรกูลเถิดทูนหัว
พ่อพงศ์พลายหมายศึกอย่านึกกลัวจะพาตัวเจ้าไปให้พระนาย
แล้วซักไซ้ไต่ถามถึงความรู้ให้ท่องดูได้สมอารมณ์หมาย
ที่เข้าออกบอกความตามอุบายสอนลูกชายอยู่จนสนธยา
พอเสียงฆ้องกลองย่ำเข้าค่ำพลบถึงเดินพบผู้ใดไม่เห็นหน้า
ชวนลูกชายพลายงามตามกันมาไปเคหาพระหมื่นศรีที่ริมคลอง
ขึ้นบันไดไฟอร่ามถามพวกบ่าวพอรู้ข่าวว่าสบายค่อยคลายหมอง
ตรงมาหอรอรั้งยั้งหยุดมองหมื่นศรีร้องเรียกว่ามาซิเกลอ
ด้วยรักใคร่ใจซื่อถือว่าเพื่อนไม่บากเบือนหน้าหนีดีเสมอ
ขุนแผนพาลูกไปนั่งไหว้เธอถามว่าเออนั่นใครที่ไหนมา ฯ
๏ ขุนแผนบอกออกว่าลูกเจ้าวันทองที่มีท้องเกือบแก่มาแต่ป่า
เอาความหลังทั้งนั้นพรรณนาจะพามามอบไว้ให้เจ้าคุณ
ด้วยไม่มีที่เห็นแต่เป็นโทษพระนายโปรดช่วยเหลือทั้งเกื้อหนุน
เป็นที่พึ่งจึงมาจงการุญเอาแต่บุญเถิดพ่อเจ้าเมื่อคราวจน
อันวิชาย่าสอนลูกอ่อนแล้วเห็นคล่องแคล่วการศึกพอฝึกฝน
ถ้ากระไรได้ช่องเห็นชอบกลช่วยผ่อนปรนโปรดถวายเจ้าพลายงาม ฯ
๏ พระหมื่นศรีดีใจปราศรัยทักดูแหลมหลักลูกทหารชาญสนาม
เป็นข้าเฝ้าเจ้าชีวิตอย่าคิดคร้ามมีสงครามเมื่อไรคงได้ดี
ไว้ธุระจะถวายช่วยบ่ายเบี่ยงให้ชุบเลี้ยงลูกรักเป็นศักดิ์ศรี
ที่กินอยู่ผู้คนของเรามีอยู่เรือนนี่นั่งนอนไม่ร้อนรน
ขุนแผนเล่าเจ้าก็รู้อยู่ว่ารักจนเจียนจักแหล่นตายด้วยหลายหน
ก็เอ็นดูอยู่ว่าเกลอถึงเธอจนที่ขัดสนสารพัดไม่ขัดกัน
แต่สุดช่วยด้วยว่าอาญาหลวงต่อได้ท่วงทีก่อนจะผ่อนผัน
จริงนะเจ้าเราก็คิดทุกคืนวันคงช่วยกันไปกว่ากายจะวายวาง ฯ
๏ นายขุนแผนแสนชื่นให้ตื้นอกอุตส่าห์ยกมือไหว้มิได้หมาง
สู้กลืนกล้ำน้ำตาแล้วว่าพลางพ่อเหมือนอย่างพ่อแม่ช่วยแก้ทุกข์
จนยากเย็นเป็นโทษเห็นโหดไร้ยังส่งให้ข้าวปลาเป็นผาสุก
ก็หมายมั่นกตัญญูถึงอยู่คุกกราบพ่อทุกทุกคืนได้ชื่นใจ
อันลูกชายพลายงามตามแต่พ่อลูกจะขอกราบลาช้าไม่ได้
พลางลูบหลังสั่งลูกผูกอาลัยพ่อจะไปก่อนแล้วนะแก้วตา
อยู่พึ่งบุญคุณพ่อต่อไปเถิดจะประเสริฐสมหวังเป็นฝั่งฝา
แล้วลงเรือนเดือนสว่างกระจ่างตาก็กลับมาหับเผยที่เคยนอน ฯ
๏ ครานั้นจมื่นศรีเสาวรักษ์ราชเรียกพลายงามทรามสวาทมาสั่งสอน
จะเป็นข้าจอมนรินทร์ปิ่นนครอย่านั่งนอนเปล่าเปล่าไม่เข้าการ
พระกำหนดกฎหมายมีหลายเล่มเก็บไว้เต็มตู้ใหญ่ไขออกอ่าน
กรมศักดิ์หลักชัยพระอัยการมนเทียรบาลพระบัญญัติตัดสำนวน
แล้วให้รู้สุภาษิตบัณฑิตพระร่วงตามกระทรวงผิดชอบคิดสอบสวน
ราชาศัพท์รับสั่งให้บังควรรู้จงถ้วนถี่ไว้จึงได้การ
ที่ไม่สู้รู้อะไรผู้ใหญ่เด็กมหาดเล็กสามต่อพ่อลูกหลาน
เสียตระกูลสูญลับอัประมาณเพราะเกียจคร้านคร่ำคร่าเหมือนพร้ามอญ
นี่ตัวเจ้าเหล่ากอทั้งพ่อแม่อย่าเชือนแชอุตส่าห์จำเอาคำสอน
แล้วจัดแจงห้องหับให้หลับนอนไม่อาวรณ์เธอช่วยเลี้ยงเป็นเที่ยงธรรม์ ฯ
๏ ครานั้นพลายงามทรามสวาทแหลมฉลาดเลขผาปัญญาขยัน
อยู่บ้านพระหมื่นศรียินดีครันทุกคืนวันตามหลังเข้าวังใน
เธอเข้าเฝ้าเจ้าก็นั่งบังไม้ดัดคอยฟังตรัสตรึกตราอัชฌาสัย
ค่อยรู้กิจผิดชอบรอบคอบไปด้วยมิได้คบเพื่อนเที่ยวเชือนแช
ครั้นอยู่บ้านอ่านคำพระธรรมศาสตร์ตำรับราชสงครามตามกระแส
ค่อยชื่นชุ่มหนุ่ตะกอดูฟ้อแฟ้นางสาวแส้ใส่ใจจะใคร่พบ
เข้าไปหามาสู่ไม่รู้เกี้ยวแต่พอเหลียวเห็นผู้หญิงก็วิ่งหลบ
อุตส่าห์เพียรเรียนรู้ดูจนครบรู้ขนบธรรมเนียมก็เจียมใจ ฯ
๏ ครานั้นท่านพระจมื่นศรีถึงวันดีได้ช่องก็ผ่องใส
จึงจัดแจงแต่งธูปเทียนดอกไม้จะเข้าไปทูลถวายเจ้าพลายงาม
นุ่งสมปักชักกลีบจีบสลับครั้นเสร็จสรรพสำราญขึ้นคานหาม
พวกข้าคนอลหม่านถือพานตามเจ้าพลายงามตามหลังเข้าวังใน
ถึงพระลานวานเขาพวกชาวที่ที่ค่อยมีกิริยาอัชฌาสัย
ถือพานทองรองธูปเทียนดอกไม้ยกเข้าไปเตรียมตั้งพอบังควร
ให้พลายงามตามไปนั่งตรงตั้งของตามทำนองพระหมื่นศรีสั่งถี่ถ้วน
ฝ่ายข้าเฝ้าเจ้าพระยาเวลาจวนต่างก็ชวนกันเข้ามาหน้าพระโรง
นุ่งสมปักชักชายกรายกรีดเล็บผ้ากราบเหน็บแนบหน้าดูอ่าโถง
พอเวลานาทีถ้วนสี่โมงเข้าพระโรงพร้อมหน้าข้าราชการ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชมงกุฎเกศอยุธยามหาสถาน
สถถิตแท่นแว่นฟ้าโอฬาฬารดังวิมานเมืองฟ้าสุราลัย
ห้ามแหนแน่นหนุนละมุนหมอบงามประกอบกิริยาอัชฌาสัย
ระเรื่อยรับขับร้องทำนองในสำราญราชหฤทัยทุกเวลา
ยามกลางวันนั้นก็ออกพระโรงรัตน์มีแต่ตรัสสรวลสันต์ทรงหรรษา
ทั้งเหนือใต้ไพรีไม่มีมาสำราญใจไพร่ฟ้าประชาชี
ด้วยเดชะบุญญาอานุภาพมีแต่ลาภมาประมูลพูนภาษี
แต่บรรดาข้าเฝ้าเหล่าเสนีใครทำดีได้ประทานถึงพานทอง ฯ
๏ ฝ่ายพระจมื่นศรีเสาวรักษ์ราชอภิวาทบาทมูลทูลฉลอง
ขอเดชะพระกรุณาฝ่าละอองดอกไม้ธูปเทียนทองของพลายงาม
บุตรขุนแผนแสนสะท้านหลานทองประศรีความรู้มีเรียบราบไม่หยาบหยาม
จะขอรองมุลิกาพยายามพลางกราบสามทีสดับตรับโองการ ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษาเหลือบเห็นหน้าพลายงามความสงสาร
จะออกโอษฐ์โปรดขขุนแผนแสนสะท้านแต่กรรมนั้นบันดาลดลพระทัย
ให้เคลิ้มองค์ทรงกลอนละครนอกนึกไม่ออกเวียนวงให้หลงใหล
ลืมประภาษราชกิจที่คิดไว้กลับเข้าในแท่นที่ศรีไสยา ฯ
๏ อันเรื่องกล่าวความพลายงามสวาทเป็นมหาดเล็กแล้วค่อยแกล้วกล้า
อยู่ด้วยพระหมื่นศรีผู้ปรีชาเฝ้าเวลาเช้าเย็นไม่เว้นวัน
มุลนายถ้วนหน้าก็ปรานีมิได้มีใครรังเกียจเดียดฉันท์
ถึงว่าท่านจางวางทั้งสองนั้นก็ฝากตัวกลัวทั่นทุกคนไป ฯ
             

ตอนที่ ๒๕

             

ตอนที่ ๒๖

             

ตอนที่ ๒๗ พลายงามอาสา

๏ จะกล่าวถึงพระเจ้าเชียงใหม่แต่ได้นางมาไว้ในกรุงศรี
ไม่วายเว้นนึกคะนึงถึงไพรีเห็นจะมีศึกมาไม่ช้านัก
ด้วยล้านช้างข้างหนึ่งก็โกรธาฝ่ายข้างอยุธยาก็โกรธหนัก
ถ้าสองข้างต่างยกมาพร้อมพรักจะหาญหักต่อสู้ดูยากครัน
จำจะคิดชิงชัยข้างไทยก่อนต้องรีบรัดตัดรอนผ่อนผัน
ถ้าเสร็จสิ้นศึกไทยข้างใต้นั้นล้านช้างก็คงพรั่นไม่อาจมา
แต่นิ่งนึกตรึกไตรอยู่ในที่จนสุริย์ศรีเรืองแรงแสงกล้า
เสด็จออกท้องพระโรงรจนาท้าวพระยานอบน้อมอยู่พร้อมกัน
จึงปรึกษาเสนาข้าเฝ้าชาวเราจะเห็นเป็นไฉนนั่น
เดิมเจ้าอยุธยาทำอาธรรม์มาชิงเมียมิ่งขวัญของกูไป
ฝ่ายเราไปสั่งดักกักทางรับนางจับพวกมันมาได้
ถ้ารู้ข่าวราวเรื่องถึงเมืองไทยเห็นจะยกทัพใหญ่มาราญรอน
เราจะเตรียมกำลังตั้งต่อสู้หรือจะจู่ลงไปทำไทยก่อน
จงปรึกษาว่ากันให้แน่นอนจะตัดรอนคิดอ่านประการใด ฯ
๏ ครานั้นเสนาพระยาลาวพระยาท้าวแสนหลวงผู้เป็นใหญ่
ปรึกษากันพร้อมมูลแล้วทูลไปอันศึกไทยไพรีมีกำลัง
เห็นจะจู่ลงไปไม่ชนะแต่ถ้าละช้าไว้ให้พร้อมพรั่ง
จะเป็นศึกใหญ่มาดาประดังที่จะหวังต่อสู้ดูยากนัก
ขอให้คิดอ่านการอุบายท้าทายยั่วไทยให้โกรธหนัก
ให้รีบมาอย่าทันจะพร้อมพรักจึงจะหักศึกไทยได้ง่ายดาย ฯ
๏ พระเจ้าเชียงใหม่ได้ฟังทูลเค้ามูลเห็นสมอารมณ์หมาย
จึงได้แต่งสาราว่าท้าทายให้หยาบคายหมายยั่วให้โกรธา
เสร็จสรรพพับใส่ลงในกล่องมอบให้แสนกำกองตรีเพชรกล้า
คุมไพร่ร้อยถ้วนล้วนขี่ม้าไปส่งด่านอยุธยาธานี ฯ
๏ ครานั้นตรีเพชรแสนกำกองทั้งสองรับราชสารศรี
เรียกไพรได้ครบตามบาญชีแล้วขึ้นขี่ม้าตามกันหลามมา
ได้ข้าวตากใส่ไถ้ตะพายแล่งเครื่องม้าเครื่องแสงแดงดาดป่า
ทวนดูพู่ระยับจับนัยน์ตาข้ามท่าน้ำได้ไปลำพูน
ข้ามห้วยแม่ทามาเมืองนครไม่หยุดหย่อนขับควบเข้าไพรสูญ
ค่ำเข้าเขตเถินเดินพร้อมมูลแสงจันทร์จำรูญจำรัสฟ้า
ม้าคนหิวหอบอยู่บอบแบบขึ้นเขาช่องแคบแล้วลงป่า
แดดร้อนผ่อนพักเป็นเพลาหยุดให้ม้ากินหญ้าหากำลัง
พอหายเหนื่อยขึ้นมาพากันไปสะบัดย่างวางใหญ่ไม่เหลียวหลัง
สามวันดั้นมาไม่รอรั้งจนกระทั่งถึงด่านบ้านท่าเกวียน ฯ
๏ ครานั้นนายบุญเป็นขุนไกรเห็นลาวสงสัยว่าศึกเสี้ยน
จึงเรียกพวกไพร่เวรเกณฑ์จำเนียรออกยืนขวางทางเตียนตรงประตู
ถือสาตราอาวุธอยู่พร้อมหน้าโน่นแน่ลาวขี่ม้ามาเป็นหมู่
แต่งตัวโพกหัวพันชมพูแลดูแดงเถือกมะเหลือกมา
บ้างปิดประตูด่านงุ่นง่านไปยัดปืนใหญ่หับชุดจุดไว้ท่า
ไปไหนเหวยเฮ้ยสูอย่าได้ช้าดีร้ายเร่งว่าให้รู้พลัน
ถ้าดีมานี่แต่สองม้าร้ายแล้วยกมากูไม่พรั่น
บ้างแกว่งดาบถือปืนออกยืนยันต่างพากันเตรียมตัวออกทั่วไป ฯ
๏ ฝ่ายว่าพวกลาวเห็นชาวด่านอาจหาญยืนขวางหนทางใหญ่
จึงพากันหยุดยั้งรั้งม้าไว้บอกให้แจ้งใจมิได้ช้า
เราเป็นแต่ผู้น้อยที่นำสารจะมาเว้าชาวด่านแจ้งการหวา
เพชรกล้ากำกองแต่สองม้าเข้าไปส่งสาราแล้วว่าไป
เรื่องราวกล่าวด้วยพระท้ายน้ำกับไพร่ต้องจองจำอยู่เชียงใหม่
เจ้าเราให้สารมากรุงไทยสูจงรีบส่งไปให้กราบทูล ฯ
๏ ฝ่ายว่าขุนด่านรับสารมาไปตามดูหมู่ม้าเข้าป่าสูญ
เห็นมิใช่กองทัพกลับพร้อมมูลให้นายมูลนายหมวดอยู่ตรวจตรา
ขุนไกรได้สารขึ้นมาใช้สะบัดย่างวางใหญ่เข้าในป่า
ข้ามทุ่งชะเรียงเร่งตะเบ็งมาบ่ายหน้ามาตรงลงธานี
ถึงสังคโลกพลันทันใดลงม้าจูงคลาไคลไปเร็วรี่
ขุนนางกรมการนั่งศาลมีปรึกษาคดีอีเม้ยทอง
จีนแสไม่แก้ยอมให้ปรับว่าไสบวยพวยรับแต่คล่องคล่อง
พอเห็นขุนด่านกรมการร้องเยี่ยมมองอยู่ไยไม่เข้ามา
ขุนไกรตรงมาศาลากลางแหวกทางหมอบคลานเข้าไปหา
ส่งกล่องใส่ลานสารตราแล้วเล่าแจ้งกิจจาทุกสิ่งอัน ฯ
๏ ครานั้นจึงท่านเจ้าพระยาทั้งเวียงวังคลังนาอยู่ที่นั่น
กรมการถ้วนหน้าปรึกษากันเกิดเหตุสำคัญหนักหนานัก
ชิงนางมิหนำซ้ำจับทหารทำการอาจองทะนงศักดิ์
แล้วยังมีสารามาอึกฮักไม่รู้จักเหมือนริ้นบินเข้าไฟ
แต่ทว่าหญ้าแพรกจะแหลกก่อนต้องยกทัพขับต้อนจะร้อนไพร่
อย่าดูเบาเราต้องรีบส่งไปถ้านิ่งไว้เข้าร้ายตายทีเดียว
อ้ายลาวเจ้ากรรมทำแล้วหวาเขียนบอกปิดตราสักประเดี๋ยว
เสร็จสรรพใส่กลักถักเป็นเกลียวเคี่ยวคั่งติดประจำซ้ำตีตรา
แต่งให้พันมโนเป็นนายใหญ่ถือไปบอกกับไพร่ยี่สิบห้า
หาบโพล่แฟ้มยุ่งกรุ่งกริ่งมาลงเรือเก้าวากัญญายาว
ให้แก้หน้าจากท่าตะเบ็งพายเดือนหงายน้ำฟุ้งเป็นฟองขาว
ตะละเล่มเต็มเหนี่ยวเสียงเกรียวกราวโห่ฉ่าวฉ่าลั่นสนั่นไป
พอเช้าตรู่ลงมาถึงท่าเกษมหุงต้มกินเปรมทั้งนายไพร่
อิ่มแล้วรีบร้อนไม่นอนใจพันมโนนายใหญ่นั่งโยกมา
ครั้นพ้นวัดใหม่ไปบ้านตรุลุถึงท่ากงลงพิงหวา
เเข้าพิจิตรวังวังจันทร์นน้ำดันซ่ารับวาเฮ้ยโขนโดนเรือเจ๊ก
เออเรือขายเหล้าชาวเราหวยพะซี้ไบใส่บวยฉวยเหวยเด็ก
ยกขึ้นเรือได้ไหไม่เล็กถีบเรือเจ๊กเจ้าของร้องโล่ไป
มึงบึกกูบึกสะอึกคว้าเรือกัญญษหน้าโขนเข้าโนไผ่
จะร่ำพรรณนาให้ช้าไยเจ็ดวันมาได้ถึงท่าคัน ฯ
๏ พอเรือจอดทอดถึงที่หน้าท่าพันมโนรีบมาขมีขมัน
ทั้งบ่าวไพร่ตามไปอยู่พร้อมกันเห็นสาวชาววังนั้นก็ชอบเชิง
จุปากเจาะเจาะกระเดาะลิ้นหอมกลิ่นแหงนหงายเหมือนควายเบิ่ง
ทำกรีดกรายชายตาร่าเริงหลงละเลิงลดเลี้ยวเกี้ยวพานมา
งุ่มง่ามข้ามฉนวนประตูดินตาถินนายประตูครู่เอาผ้า
ชายพกหลุดลุ่ยหุยหม่อมตายั่นอ้ายบ้าลอยชายคาดใต้พก
พ่อเอ๋ยชาวบ้านนอกถือบอกมามึงซ่อนอะไรหวาเอาผ้าปก
ดูเป็นตะะกร้าใส่ไข่นกสกปรกชาวเหนือมันเหลือใจ
เสียเงินให้สลึงเขาจึงปล่อยหน้าจ๋อยกลับมาทั้งนายไพร่
เที่ยวถามหาศาลาลูกขุนในเขาชี้บอกให้ก็ตรงมา
เห็นหัวพันนายเวรเกณฑ์เมืองรั้งพันมโนก็นั่งลงตรงหน้า
พอนายควรสวนออกนอกศาลากราบไหว้วางตราอยู่ลนลาน
นายเวรต่อยกลักกับพนักผางชักบอกออกวางกับราชการ
อ่านดูรู้ข้อราชการก็รีบมาเรียนท่านลูกขุนใน
ฝ่ายท่านเจ้าพระยาจักรีเอกอัครอธิบดีเป็นใหญ่
ทราบเรื่องราชสารรำคาญใจสั่งให้รีบคัดจะกราบทูล ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงภพเลิศลบโภไคยมไหศูรย์
สถิตในห้องแก้วแพรวไพฑูรย์ไพบูลย์พูนสุขทุกเวลา
แต่เหตุการณ์ราชการหาทราบไม่ให้รุ่มร้อนฤทัยเป็นหนักหนา
ด้วยเทพเจ้าสิงสู่อยู่อัตรารักษาพระองค์ผู้ทรงธรรม์
ประทับอยู่ข้างในได้เวลาสามโมงนาฬิกาตีฆ้องลั่น
จะเสด็จออกท้องพระโรงคัลจรจรัลไปสรงพระคงคา
น้ำกุหลาบอาบอบตลบกลิ่นหอมประทิ่นพระสุคนธ์ปนบุปผา
ฝ่ายนางพนักงานก็คลานมาถวายภูษาทรงอลงการ
ทรงเครื่องเสร็จสรรพจับพระขรรค์เพชรกุดั่นพรรณรายฉายฉาน
นางในใจภักดิ์พนักงานถวายพานพระศรีแล้วกราบลง
เสวยเสร็จพระเสด็จลีลาศผุดผาดดั่งพระยาราชหงศ์
นางในตามชิดติดพระองค์ตรงขึ้นบรรยงค์รัตนาศน์
พระสูตรรูดกร่างขุนนางเฝ้าคู้เข่าคึกคักแทบถมปักขาด
กราบถวายบังคมบรมราชทั้งอำมาตย์เสนาพระยาครู
แตรสังข์กระทั่งถวายเสียงขุนนางหมอบเรียงเคียงเป็นหมู่
ตำรวจในไล่คนพ้นประตูคอยดูเข้าออกบอกไปมา ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพระยาจักรีได้ทีก็ประนมก้มเกศา
กราบทูลขึ้นพลันมิทันช้าอันชีวาอยู่ใต้บาทบงสุ์
บัดนี้เชียงใหม่มีราชสารมอบให้นายด่านท่าเกวียนส่ง
พระยาเกษตรสงครามรามณรงค์ให้พันมโนจำนงนั้นถือมา
เรื่องราวกล่าวด้วยพระท้ายน้ำเชียงใหม่จับจำยังไม่ฆ่า
ให้ทรงฟังยังมิทันอ่านสาราก็โกรธากลุ้มกลัดขัดพระทัย
กระทืบบาทผาดพระสุรเสียงก้องพระแท่านทองสนั่นหวั่นไหว
เหม่อ้ายลาวจองหองคะนองใจมันพูดจาว่ากระไรให้บอกพลัน ฯ
๏ ขอเดชะในสารว่าทรงเดชครองนิเวศสน์เชียงใหม่มไหสวรรย์
ตั้งอยู่ในสัตย์สุตจริตธรรม์เป็นมหันต์อิศโรอันโอฬาร
ลือเดชทุกเขตอาณาจักรปรปักษ์ย่อท้อไม่ต่อต้าน
ในตำรับข้างที่มีมานานจารจารึกกไว้ในแผ่นทอง
ว่าพระเจ้ากษัตริย์ศึกองค์นี้เป็นมโหฬีเลื่องโลกไม่มีสอง
ดังอวตารมาผลาญศึกคะนองมิให้ข้องเคืองขุ่นราะคายมี
เดิมให้ราชทูตจำทูลสารไปขอองค์เยาวมาลย์โฉมศรี
ตามโบราณราชประเพณีบุตรีล้านช้างนางสร้อยทอง
หวังพระทัยจะได้ซึ่งองค์เอกมาอภิเษกสู่สมภิรมย์สอง
ยังเยาว์อยู่มิควรภิรมย์ครองจึงยังไม่รับรองมาแนบองค์
แต่เดิมมากรุงไทยอยู่ในสัตย์มาวิบัติถือจริตด้วยฤทธิ์หลง
ให้พระท้ายน้ำนำจตุรงค์ดั้นดงล่วงแดนของเรามา
ไม่เกรงเราผู้เป็นเจ้านคเรศโอหังบังเหตุแล้วมิสา
ยังซ้ำกลับรับองค์พระธิดาสร้อยทองเสนหาของเราไป
จึงได้เกณฑ์กองทัพออกรับรบตีตลบชิงนางนั้นไว้ได้
พระท้ายน้ำนายทัพกับพวกไทยเราจับจำคุกไว้ไม่ฆ่าตี
ครั้นจะไม่บอกมาว่าให้แจ้งจะเคลือบแคลงเราว่าพานางหนี
อันโฉมยงค์องค์ราชบุตรีรับมาไว้ในที่ตำหนักจันทน์
ถ้าประสงค์ซึ่งองค์อัคเรศละนิเวศน์ยกมาอย่าได้พรั่น
ขอเชิญเจ้าอยุธยามาประจัญตัวต่อตัวสู้กันบนหลังช้าง
มีชัยก็จะได้นางสร้อยทองไปสมสองสัมผัสไม่ขัดขวาง
พระท้ายน้ำเราจำเอาไว้พลางเป็นจำนำฝ่ายข้างอยุธยา
ครบสามเดือนจะฆ่าทั้งห้าร้อยเราคอยฟังอย่างไรให้เร่งว่า
จะไว้ยศให้ปรากฏกัลป์ปาหรือเกรงภัยไม่มาก็ว่าไป
จะกำหนดสงครามตามแบบอย่างอันองค์นางยังหาร่วมภิรมย์ไม่
กว่าจะได้รบพุ่งเจ้ากรุงไทยให้ประจักษ์ฤทธิไกรใครรุ่งเรือง
แล้วจึงจะอภิเษกให้ปรากฏเกียรติยศระบือลือเลื่อง
ว่าชนช้างได้นางเป็นศรีเมืองอ่านสารสิ้นเรื่องบังคมคัล ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟังแค้นคั่งเคืองขัดจนอัดอั้น
ให้ร้อนรุ่มกลุ้มพระทัยดังไฟกัลป์จะเผาผลาญชีวันให้บรรลัย
เป็นครู่หนึ่งจึงเปล่งสิงหนาทกระทืบบาทสนั่นหวั่นไหว
ฉวยชักพระแสงออกแกว่งไกวข้าเฝ้าน้อยใหญ่ก็ถอยทรุด
หน้าซีดตัวสั่นอยู่งันงกบ้างล่วมหมากพลัดตกพกไม่หยุด
บ้างแอบเสาท้องพระดรงหมอบโค้งคุดอุตลุดหวั่นไหวไปทั้งวัง
ความกลัวดังจะแทรกแผ่นดินด้นบางคนลนลานคลานถอยหลัง
เปล่งพระสุรเสียงประเปรี้ยงดังนักสนมแน่นนั่งก็ตกใจ
เหม่เหม่อ้ายเชียงใหม่ใจพาลจับพวกพลทหารของกูได้
หยาบช้าท้าให้ไปชิงชัยกำเริบนี่กระไรใช่พอดี
อ้ายบ้านเล็กเมืองน้อยร้อยประเทศบังเหตุจะสู้กับกูนี่
มันเหมือนหนึ่งลูกมฤคีจะมาสู้ราชสีห์ให้วายปราณ
ตัวกูผู้เป็นหลักนัคเรศทุกประเทศมิได้รอต่อต้าน
อ้ายนี่โมหันธ์อันธการกรรมของมันบันดาลให้หลงคิด
เชียงใหม่ใหญ่เท่าสักหยิบมือไม่พอครือทัพไทยจะไปติด
จะพลอยพาโตตรวงศ์ปลงชีวิตอวดฤทธิ์ประจญชนช้างกู
เคลือบแฝงแกล้งว่าขอนางไว้ดังว่าเขายกให้ไม่อดสู
เมื่อตัวนางล้านช้างเขาให้กูทูตมาก็รู้อยู่ทั่วไป
ถ้ามันมีอำนาจดังราชสารเขากลัวโพธิสมภารไม่ขัดได้
นี่เพราะรู้เช่นเห็นจัญไรเขาจึงยกลูกให้เสียเมืองนี้
ชิงนางกลางคันแล้วมิหนำจับพระท้ายน้ำทำป่นปี้
เอาไว้ไยให้หนักพระธรณีเหวยพระยาจักรีเร่งเตรียมทัพ
อีกสามวันกูจะยกไปเชียงใหม่ถ้าตีเมืองไม่ได้กูไม่กลับ
เกณฑ์เมืองขึ้นน้อยใหญ่อย่าได้นับเร่งขับตามไปให้สิ้นพล
อ้ายพวกเชียงใหม่อย่าไว้มันพบที่ไหนไล่ฟันเสียให้ป่น
จนให้เมืองมันร้างว่างผู้คนรื้อจนกำแพงล้อมป้อมปราการ ฯ
๏ ครานั้นจตุสดมภ์กรมทั้งสี่ฟังคดีรับสั่งดั่งศรผลาญ
สะกิดกันตัวสั่นหวั่นสะท้านให้ท่านอธิบดีจักรีทูล
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงเดชปิ่นปักนัคเรศมไหศูรย์
บารมีทรงบำเพ็ญเห็นไพบูลย์จะเพิ่มพูนปรโยชน์โพธิสมภาร
ซึ่งพระองค์จะทรงกิจสงครามก็เห็นว่าเสี้ยนหนามไม่ต่อต้าน
ขอพระราชทานโทษจงโปรดปรานจะหนักหน่วงโพธิญาณให้นานไป
กับข้อราชการแต่เพียงนี้หาควรที่จะถึงเสด็จไม่
กับรบพุ่งพวกลาวชาวพงไพรใช่เสนาข้าใช้จะไม่มี
เห็นพระเกียรติยศจะถดถอยเชียงใหม่กลับจะพลอยได้ราศี
ว่าเป็นคู่สู้พระองค์ทรงธรณีไม่ควรที่แผ่นฟ้าลงมาดิน
ครั้นเมื่อสมเด็จพระรามาหนุมานอาสาก็เสร็จสิ้น
จนได้นางสีดาคืนธานินทร์อสุรินทร์ย่นย่อท้อทด
ครั้งนี้ถ้าเสด็จไปเชียงใหม่ตกทหารกรุงไกรนี้สิ้นหมด
ขอพระองค์ทรงชัยจงไว้ยศให้ปรากฏเหมือนครั้งพระรามา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงศักดิ์ปิ่นปักหลักโลกนาถา
ได้ฟังคำทูลเป็นมูลมาพระตรึกตรานิ่งนึกในพระทัย
จึงตรัสถามเสนาข้าเฝ้านี่ออเจ้าคิดเห็นเป็นไฉน
เมื่อมาทานทัดขัดกูไว้ใครจะอาสาไปก็ว่ามา ฯ
๏ ครานั้นบรรดาท่านผู้ใหญ่จนใจด้วยไม่มีผู้อาสา
มิรู้ที่จะสนองพระบัญชาก็หมอบนิ่งก้มหน้าไปตามกัน
พระองค์ทรงพิโรธกระทืบบาทสุรเสียงสิงหนาทดังฟ้าลั่น
อย่างไรเล่าเอาจริงก็นิ่งงันเปล่าทั้งนั้นพูดเล่นไม่เป็นงาน
ดีแต่ฉ้อไพร่ไพล่เงินกินปลอบปลิ้นสิ้นลมประสมประสาน
เลี้ยงเสียเบี้ยหวัดไม่ต้องการมีศฤงคารยศศักดิ์หนักแผ่นดิน
กริ้วพลางทางเสด็จเข้าวังในขุนนางน้อยใหญ่กลับไปสิ้น
พรั่นตัวทุกคนเป็นมลทินด้วยได้ยินประภาษคาดโทษทัณฑ์ฯ
๏ จะกล่าวถึงพลายงามทรามสวาทเฉลียวฉลาดแกล้วกล้าวิชาขยัน
เรืองฤทธิ์ประสิทธิ์ทุกสิ่งอันหมายประจัญสงครามไม่ขามใคร
อยู่กับพระหมื่นศรีมาปีกว่าเจ้าอุตส่าห์ฝากตัวให้รักใคร่
จนเธอเลี้ยงเป็นลูกด้วยถูกใจสารพัดจัดให้ได้สุขสบาย
วันนั้นรู้คดีว่ามีศึกคะเนนึกเห็นจะสมอารมณ์หมาย
จะอ้อนวอนพึ่งบุญคุณพระนายเบี่ยงบ่ายให้ได้รับอาสาไป
ถ้ากระไรจะได้ทูลขอพ่อคิดมาน้ำตาคลอสะอื้นไห้
โอ้กรรมพ่อทำมาอย่างไรจึงต้องไปทนทุกข์ทรมาน
ติดคุกมาแต่ลูกอยู่ในท้องแม่วันทองช่างกระไรไม่สงสาร
เสียแรงร่วมยากมาเป็นช้านานครั้นถึงบ้านแล้วแม่ก็แชไป
เป็นหลายปีดีดักไม่อินังหาคิดถึงความหลังของพ่อไม่
แต่ตัวลูกจักแหล่นจะบรรลัยเพราะเหตุอ้ายขุนช้างเป็นตัวมาร
สะอื้นพลางทางคิดถึงคุณพพระเดชะความสัตย์อธิษฐาน
ข้าพเจ้าจะดำริตริการคิดอ่านขอโทษให้บิดา
ขอให้ได้สมอารมณ์คิดอย่าให้ผิดมุ่งมาดปรารถนา
อธิษฐานเสร็จพลันแล้ววันทาพอเพลาพลบค่ำเข้าไต้ไฟ
เห็นพระหมื่อนศรีอยู่หอกลางแสงเทียนสว่างกระจ่างไข
ลูกเมียหมอบนั่งสะพรั่งไปพระหมื่นศรีทีใจไม่สบาย
เล่าความถึงเรื่องกริ้วด้วยเรื่องทัพรับสั่งเสร็จสรรพให้บัตรหมาย
เตรียมทัพหลวงไว้ทั้งไพร่นายวุ่นวายอึกทึกทั้งพารา
พลายงามแอบฟังพระหมื่นศรีพอได้ทีก็คลานเข้าไปหา
พลางร่ายพระเวทให้เมตตาวันทาแล้วถามไปทันที
ดูคุณพ่อเป็นไรไม่สบายได้ยินว่าวุ่นวายทั้งกรุงศรี
เกณฑ์ทัพจับกันเป็นโกลีลูกนี้อยากรู้เป็นอย่างไร ฯ
             

๏ พระหมื่นศรีว่าเออพลายงามเอ๋ยรบพุ่งเราจะเคยก็หาไม่
วันนี้พระองค์ผู้ทรงชัยตรัสไถ่ถามทั่วทุกตัวคน
นิ่งหมดไม่มีใครอาสากริ้วดังฟ้าผ่าโกลาหล
เสด็จออกพรุ่งนี้เข้าที่จนเอากุศลเสี่ยงสุดแต่บุญกรรม
ถ้าไม่มีผู้ใดใครอาสาพ่อนี้เห็นว่าไม่เป็นส่ำ
จะพากันวุ่นวายตายระยำหน้าดำอยู่ทั่วทุกตัวคน ฯ
๏ พลายงามฟังความก็สมคิดหมอบชิดแล้วตอบอนุสนธิ์
คุณพ่ออย่าได้เป็นทำวลจงผ่อนปรนเพ็ดทูลให้ชอบที
ลูกนี้จะรับอาสาไปทำเมืองเชียงใหม่ให้ป่นปี้
จะจับเจ้าเชียงใหม่ไอ้ตัวดีมิให้มีลำบากแก่ไพร่พล
เสียแรงลูกเรียนรู้แต่ครูมาจะอาสาทำศึกเสียสักหน
ให้มีชื่อลือทั่วทั้งสากลว่าเป็นคนชาติทหารอันชาญชัย ฯ
๏ ครานั้นพระหมื่นศรีผู้ปรีชาฟังพลายงามว่ายังสงสัย
ซึ่งเจ้าจะกล้าอาสาไปพ่อนี้ยังไม่ไว้อารมณ์
ด้วยตัวเจ้ายังเล็กเด็กหนักหนาจะทูลความอาสาเห็นไม่สม
ไม่เคยเห็นวิชาอาคมเจ้าสะสมร่ำเรียนไว้อย่างไร
ลูกเอ๋ยการศึกนี้ลึกนักเอาแต่หาญหักนั้นไม่ได้
ถ้าเหมือนพ่อก็พอจะไว้ใจหรือพ่อเจ้าเขาให้ตำรับเรียน
ไปเพ็ดทูลถ้าดีก็มีหน้าเคลื่อนคลาดก็จะพากันถูกเฆี่ยน
จะเสียทีที่ลำบากพากเพียรไปพลั้งพลาดแล้วเจียนพากันตาย
ตรองดูให้ดีนะลูกรักจะหาญหักเพ็ดทูลมิใช่ง่าย
เอ็นดูอยู่ว่าเจ้าเป็นลูกชายพ่อหมายจะปลูกฝังให้เป็นตัว
มิใช่แกล้งเกียดกันฉันทาเกรงแต่ว่าจะไปไม่รอดชั่ว
อย่าประมาทคาดได้ด้วยไม่กลัวจงถ่ายเทดูให้ทั่วถึงทางความ ฯ
๏ เจ้าพลายนบนอบตอบวาจาคุณพ่อว่าเพราะรักจึงหักห้าม
ด้วยยังไม่เห็นดีของพลายงามมิใช่ลูกว่าตามใจคะนอง
เป็นลูกศิษย์มีครูรู้เที่ยงแท้ท่านทำนายไว้แน่ไม่เป็นสอง
ถ้าจะให้ปรากฎจะทดลองให้ถ่องแท้ได้เห็นเป็นแก่ตา
ว่าแล้วยกมือขึ้นไหว้ครูให้สิงสู่แล้วอ่านพระคาถา
หายตัวไปพลันมิทันช้าต่อหน้าคนผู้อยู่ทั้งนั้น
พระหมื่นศรีค่อยมีน้ำใจมาหัวเราะร่าเออเช่นนี้ดีขยัน
พอจะเอาการได้ไม่เสียพันธุ์คลายเวทย์พูดกันเถิดลูกยา
เจ้าพลายก็คลายให้คนเห็นกลับเป็นเสือโคร่งตัวคร่ำคร่า
โตทะมื่นยืนหยัดดัดกายาทำท่าเหมือนโดดโลดไล่คน
แต่บรรดาลูกเมียพระหมื่นศรีตกใจวิ่งหนีอยู่สับสน
แต่พระหมื่นศรีรู้ทีกลไม่ร้อนรนหัวร่ององันไป
พลายงามก็คลายฤทธิมนตร์กลับกลายเป็นคนลงนั่งไหว้
พระหมื่นศรีเปรมปริ่มยิ้มละไมลูบหลังลูบไหล่เจ้าพลายงาม
เอาการแน่แล้วลูกแก้วพ่อเจ้าเป็นต่อนักเลงอย่าเกรงขาม
เมื่อแรกพ่อแคลงใจจึงไม่ตามพึ่งเห็นความรู้ดีฉะนี้เจียว
อย่างนี้พระองค์ก็คงโปรดไม่พักทรงพิโรธเป็นสองเที่ยว
ทั้งพระหลวงเจ้าพระยาได้หน้ากรียวเพราะเจ้าคนเดียวได้รอดดอน
พูดกันสองคนจนสว่างสุริยาเยื้องย่างเยี่ยมสิงขร
ก็เลยเตรียมไปเฝ้าไม่เข้านอนได้เวลาพาจรจากบ้านพลัน ฯ
๏ พระหมื่นศรีขึ้นขี่คลานหามเจ้าพลายเดินตามขมีขมัน
เข้าไปในศาลาลูกขุนนั้นท่านผู้ใหญ่พร้อมกันอยู่ศาลา
กำลังท่านกลาโหมจักรีจตุสดมภ์ทั้งสี่นั่งปรึกษา
จึงพระหมื่นศรีผู้ปรีชาก็พาตัวพลายงามตามเข้าไป
กราบเรียนความพลันในทันทีว่าคนดีจะเข้ามาอาสาได้
ลูกขุนแผนแสนสะท้านหลานขุนไกรชื่อพลายงามว่องไวใจคอดี
วิชากล้าแกล้วแคล่วคล่องล่องหนหายตัวได้ถ้วนถี่
ท่านผู้ใหญ่ได้ฟังก็เปรมปรีดิ์เจ้าพระยาจักรีว่าชอบกล
หน่วยก้านหาญเหี้ยมดูเจียวเจ้าลาดเลาก็เห็นจะเป็นผล
เป็นลูกหลานทหารถึงสองคนฤทธิ์เดชเวทมนตร์คงได้การ
ดูคมคายคล้ายกับขุนแผนพ่อทั้งน้ำใจในคอก็อาจหาญ
นี่แน่เจ้าจะเข้ารับราชการถ้าเชี่ยวชาญเหมือนว่าแล้วอย่ากลัว
เราจะช่วยยกย่องให้มียศปรากฏเลื่องลือระบือทั่ว
ถ้าตีได้เชียงใหม่ไหนครอบครัวทั้งควายวัวเหลือหลายสบายใจ
พูดจาหารือกันเสร็จสรรพเป็นลำดับแต่ล้วนท่านผู้ใหญ่
จวนเสด็จออกท้องพระโรงชัยก็เตรียมเฝ้าเข้าไปได้เวลา ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ทรงสวัสดิ์เนาในปรางค์รัตน์จำรัสหล้า
ครั้นรุ่งแจ้งแสงสีสุริยาพระผ่านฟ้าสระสรงทรงเครื่องครัน
ให้เร่าร้อนพระทัยด้วยไพรีพระเสด็จออกที่สุทธาสวรรย์
ขุนนางหมอบราบกราบพร้อมกันเสียงแตรแซ่สั่นเสนาะวัง
ทอดพระเนตรเห็นข้าราชการพระพักตร์เผือดเดือดดาลดังจะคลั่ง
เป็นอย่างไรนิ่งอยู่กูรอฟังใครจะอาสามั่งหรือไม่มี
อ้ายเลกทาสเลกสมกรมนอกในมันจะอาสาได้กระมังนี่
จะได้แต่งตั้งมันให้ทันทีถอดออเจ้าเหล่านี้ลงแทนมัน ฯ
๏ ครานั้นจมื่นศรีเสาวรักษ์อภิวาททูลไปมิได้พรั่น
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงธรรม์อันชีวันอยู่ใต้พระบาทา
กระหม่อมฉันออกไปไต่ถามได้นายพลายงามจะอาสา
เป็นบุตรขุนแผนแสนศักดาได้ร่ำเรียนวิชามาเชี่ยวชาญ
กระหม่อมฉันสงสัยได้ทดลองก็แคล่วคล่องสามารถอาจหาญ
เป็นคนดีมีวิชาอาการแล้วเหล่าปราณก็เคยสงครามมา ฯ
๏ พระองค์ทรงฟังพระหมื่นศรีเปรมปรีดิ์ดำรัสตรัสให้หา
ตัวมันอยู่ไหนอย่าได้ช้าเรียกให้กูดูหน้าให้เต็มใจ
พระหมื่นศรีเหลียวหลังสั่งให้เรียกเจ้าพลายงามสำเหนียกหาช้าไม่
ค่อยคลานผ่านหมู่หุ้มแพรไปนายเวรแหวกช่องให้เป็นทางมา
ถึงหน้าพระที่นั่งก็บังคมปลงอารมณ์ร่ายเวทพระคาถา
ผูกพระทัยให้ทรงพระเมตตาหมอบนิ่งภาวนาอยู่ในใจ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชทอดพระเนตรพอเห็นให้รักใคร่
จึงมีสีหนาทประภาษไปเฮ้ยไอ้พลายงามทรามคะนอง
โคตรเหง้าเหล่ามึงเป็นทหารอุตส่าห์ทำราชการให้แคล่วคล่อง
แม้นมึงทำลาวได้ดังใจปองเงินทองยศอย่างจะรางวัล
จะได้หรือมิได้ให้ว่ามากูดูหน้าตาก็คมสัน
น้ำใจในคอก็พ่อมันนิ่งอั้นอยู่ไยไม่ว่ามา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงามฟังความรับสั่งใส่เกศา
ขอเดชะพระองค์ทรงศักดาอันชีวาอยู่ใต้ฝ่าละออง
กระหม่อมฉันจะขอรับอาสาเอาพระเดชามาปกป้อง
จะจับเจ้าเชียงใหม่ใจคะนองมิให้ต้องร้อนใจแก่ไพร่พล
ขอพระราชทานโทษโปรดบิดาไปเป็นคู่ปรึกษากันกลางหน
ทั้งจะได้ช่วยเหลือเผื่ออับจนแก้กลศึกสู้ศัตรูนั้น
แม้นว่าได้ร่วมคิดกับบิดาจะขอรับอาสาจนอาสัญ
ถ้าพ่ายแพ้แก่พวกเชียงใหม่มันขอถวายชีวันทั้งโคตรปราณ ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จนเรนทร์สูรฟังทูลตบพระหัตถ์อยู่ฉาดฉาน
ทรงพระสรวลร่วนรื่นชื่นบานเออเอ็งเอาการมิเสียที
อนิจจาอ้ายขุนแผนแสอาภัพตกอับเสียคนแทบป่นปี้
ติดคุกทุกข์ยากมาหลายปีกูนี้ก็ชั่วมัวลืมไป
ให้บังอกบังใจกระไรหนออ้ายพลายงามมาขอจึงนึกได้
ครั้งขออีลาวทองกูหมองใจจำไว้ช้านานถึงปานนี้
ดูดู๋ขุนนางทั้งน้อยใหญ่พากันนิ่งเสียได้ไม่พอที่
ทาระกรรมมันมาสิบห้าปีช่างไม่มีผู้ใดใครชอบพอ
เหตุด้วยอ้ายนี่ไม่มีทรัพย์เนื้อความมันจึงลับไปเจียวหนอ
ถ้ามั่งมีไม่จนคนก็ปรอมึงขอกูขอไม่เว้นวัน
นับประสาหาคนไปสู้ศึกก็ไม่มีใครนึกถึงมันนั่น
ด้วยอิจฉาว่าวิชาไม่เท่ามันมันไล่ฟันเอาเมื่อตามขุนช้างไป
ความกลัววิ่งหัวเป็นดอกล่อรู้จักฝีมือพ่อหรือหาไม่
พระยายมฟังว่าช้าอยู่ไยจงสั่งให้ไปถอดอ้ายแผนมา ฯ
๏ ท่านเจ้ากรมยมราชได้รับสั่งถวายบังคมคัลด้วยหรรษา
รีบออกนอกพระโรงรัตนาให้หานรบาลแล้วสั่งพลัน
ไปถอดขุนแผนเป็นการด่วนเวลาจวนพามาขมีขมัน
ให้ทันเฝ้าองค์พระทรงธรรม์นรบาลงกงันรีบออกไป
ถึงคุกเร่งรัดพัสดีถอดกันทันทีไม่ช้าได้
แล้วพาขุนแผนผู้แว่นไวเข้าในวังนั่งไหว้ท่านเจ้าคุณ
ท่านพระยายมราชก็ทักถามบอกความขุนแผนว่าแสนวุ่น
พลายงามทูลขอพ่อเป็นบุญทรงการรุญยกโทษโปรดประทาน
อนิจจาผมเผ้ายาวเลื้อยดินผิดหน้าตาสิ้นน่าสงสาร
เข้าไปเฝ้าเถิดเจ้าจะช้าการว่าแล้วก็คลานพาเข้าไป ฯ
๏ พระองค์ทรงศักดิ์กวักพระหัตถ์ตรัสเรียกขุนแผนเข้ามาใกล้
หมอบหน้าพลายงามทรามวัยบังคมไหว้กราบงามลงสามที
พระองค์ทรงตรัสประภาษไปเออไอ้ขุนแผนไม่พอที่
มึงจำเพาะเคราะห์ร้ายมาหลายปีวันนี้สิ้นเคราะห์เพราะลูกชาย
บัดนี้มีศึกข้างเชียงใหม่อ้ายลูกมันจะไปตีถวาย
มันจะขอพ่อไปเป็นเพื่อนตายปรึกษากับลูกชายก็เป็นไร
ตัวมึงกูเคยได้เชื่อถือไม้มือไม่มีใครหักได้
กูนี้ชั่วมัวเอามึงจำไว้ลืมไปใช่ว่าจะแค้นเคือง
มึงจะเอาผู้คนสักกี่หมื่นให้เร่งกะวันคืนอย่าร่ำเรื่อง
จะเอาไพร่ในกรุงหรือหัวเมืองวัวต่างช้างเครื่องให้หมายไป ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพก้มกราบแล้วทูลเฉลยไข
มิต้องให้ไพร่ยากไปมากมายครั้นกะเกณฑ์วุ่นวายจะช้าการ
ขอพระราชทานแต่ไพร่ราบพอหามหาบหาเสบียงเลี้ยงอาหาร
อันพวกพลจะประจญประจัญบานขอประทานคนโทษที่ในคุก
มีสามสิบห้าคนล้วนทนคงยืนยงสามารถอาจอุก
ได้ร่ำเรียนรู้ครบเชิงรบรุกเห็นมีทุกความรู้ครูต่างกัน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพฟังขุนแผนพูดจบเห็นขบขัน
เออเขตแขวงเชียงใหม่สิใหญ่ครันคนมันมากมายเป็นหลายเมือง
ผู้คนเอ็งจะเอาไปเท่านี้ถึงว่าได้คนดีที่ปราดเปรื่อง
จะรบราฆ่าฟันมันไม่เปลืองกูเห็นเครื่องจะยับกลับลงมา
มันดีดีอย่างไรว่าไวว่องมะรืนนี้เอามาลองกันต่อหน้า
พระยายมว่าอย่างไรอย่าได้ช้าไปถอดทั้งสามสิบห้าให้แก่มัน
สั่งเสร็จพระเสด็จเข้าในที่ภูมีแสนสุขเกษมสันต์
พวกขุนนางออกมาพร้อมหน้ากันขุนแผนนั้นไหว้ทั่วตัวขุนนาง
บ้างทักทายปราศรัยเป็นไมตรีล้วนยินดีเชยชมกันต่างต่าง
ให้ศีลให้พรสั่งสอนพลางเคราะห์โศกสิ้นสร่างแล้วคราวนี้
ท่านเจ้ากรมยมราชก็เรียกหาทั้งพ่อลูกตามมากับจมื่นศรี
ให้จดหมายรายชื่อลงบาญชีครบคนโทษที่พระราชทาน
แล้วสั่งให้ประแดงไปถอดมาตรวจตัวทั่วหน้าให้นับอ่าน
ต่อหน้าขุนแผนแสนสะท้านสอบคำให้การให้ขานมา ฯ
๏ ข้าพเจ้าอ้ายพุกอยู่ลุกแกเมียชื่ออีแตพระเจ้าข้า
โทษปล้นให้รำระบำป่าให้อีมารำรื้อไปมือเดียว
ถัดไปอ้ายมีบ้านยี่ล้นเมียชื่ออีผลปล้นตาเขียว
แทงถูกอีชังกำลังเยี่ยวปากเบี้ยวล้มหงายน้ำลายฟด
ถัดไปอ้ายปานบ้านชีหนเมียชื่ออีสนปล้นบางปลากด
ผูกคอตาจ่ายกับยายรดเอาไฟจดจุดขนหล่นร่วงไป
ถัดนั้นอ้ายจันสามพันตึงเมียชื่ออีอึ่งบ้านเหมืองใหม่
พวกปล้นขุนศรีวิชัยเอาไม้เสียบก้นจนแกตาย
ถัดมาข้าชื่ออ้ายคงเคราเมียชื่ออีเต่าบ้านหนองหวาย
ปล้นบ้านบางภาษีเมื่อปีกลายได้ทรัพย์จับควายผูกต่างมา
ต่อมาข้านี้อ้ายสีอาดเมียชื่ออีกงราดพระเจ้าข้า
คบไทยไล่ปล้นบ้านละว้าแล้วเข่นฆ่าตาปานบ้านตาลเอน
ถัดไปอ้ายทองอยู่ช่องขวากผัวอีมากฆ่าลาวชื่อท้าวเสน
ขึ้นย่องเบาเอาบาตรผ้าพาดเณรทุบตาเถรแล้วซ้ำปล้ำหลวงชี
ที่นั่งถัดไปอ้ายช้างดำอยู่บ้านถ้ำย่องเบาเจ้าภาษี
เก็บเงินทองของข้าวบรรดามีของดีดีไม่น้อยทั้งพลอยเพชร
ถัดมาอ้ายบัวหัวกะโหลกโทษปล้นชีโคกที่บ้านเกร็ด
แล้วตีอ้ายดูกจมูกเฟ็ดฟันตาสายขายเป็ดบ้านตึกแดง
ถัดมาข้าชื่ออ้ายแตงโมเมียชื่อออีโตบ้านชุมสาย
ปล้นชีดักขนนขนพอแรงฆ่าขุนทิพย์แสงเจ้าทรัพย์ตาย
อ้ายอินเสือเหลืองเมืองชัยนาทเมียชื่ออีปาดบ้านขนาย
เที่ยวปล้นฆ่าคนสักร้อยรายลักควายแทงกินสิ้นเป็นเบือ
อ้ายมอญมือด่างบางโฉลงเมียชื่ออีโค่งเป็นชาวเหนือ
ลักถ้วนลักถี่ทั้งตีเรือครกกระบากสากกะเบือไล่เก็บครบ
ถัดไปอ้ายทองอยู่หนองฟูกเมียชื่ออีดูกลูกตาจบ
กลางวันปีนเรือนเหมือนชะมบแต่พอพลบคนเดียวเที่ยวย่องเมา
อ้ายมากสากเหล็กปล้นเจ๊กกือเมียมันตาปรือชื่ออีเสา
ถัดไปอ้ายกุ้งคุ้งตะเภาฟันผัวแย่งอีเม้าเอาเป็นเมีย
อ้ายสงผัวอีคงอยู่กงคอนตีชิงผ้าผ่อนฆ่ามอญเสีย
ถัดไปอ้ายกร่างอยู่บางเหี้ยหาเมียมิได้ไล่ตีเรือ
อ้ายกลิ้งผัวอีกลักดักขนนลักควายขายคนปล้นเรือเหนือ
อ้ายพานผัวอีพาบ้านนาเกกลือเอายาเบื่อหลวงโชฎึกเก็บตึกเตียน
อ้ายจั่วผัวอีปรางบางน้ำชนขึ้นย่องเบาหมื่นชนขนเอาเลี่ยน
อ้ายแมวผัวอีมาอยู่ท่าเกวียนเข้าบ้านทิดเพียนปล้นปลอมริบ
พิจารณาเป็นสัตย์ซัดทอดฟ้องเก็บเอาข้าวของนางทองกระหมิบ
ถัดไปอ้ายมั่นผัวอีจันทิพอยู่น้ำดิบปล้นตีหลวงชีเภา
หาได้แทงแกไม่ดังให้การนครบาลสอบแก้เป็นแผลเก่า
อ้ายจันผัวอีจานบ้านกระเพราโทษปล้นจีนเก๊าเผาโรงเจ๊ก
ยิงปืนปึงปังประดังโห่แล้วเอาสันพร้าโต้ต่อยหัวเด็ก
ถัดมาอ้ายสานกเล็กอยู่คุ้งถลุงเหล็กผัวอีดี
สกัดตีโคต่างทางโคราชแทงอ้ายขั้วผัวอีปาดล้มกลิ้งคี่
อ้ายมากหนวดผัวอีขวดอยู่บางพลีโทษตีเดิมบางเอากลางวัน
อ้ายเกิดกระดูกดำผัวอีคำด่างโทษสะดมกรมช้างกับหมอมั่น
ปล้นละว้าป่าดงคงกระพันกระหำไขว้ไข่ดันเป็นทองแดง
สิริคนโทษซึ่งโปรดมาครบสามสิบห้าล้วนกล้าแข็ง
อยู่ยงคงกระพันทั้งฟันแทงเรี่ยวแรงทรหดอดทน
ทำกรรมต้องจำมาช้านานสิ้นกรรมบันดาลจึงให้ผล
พลายงามทูลขอพ่อออกพ้นจึงปล่อยโปรดโทษคนทั้งนี้มา ฯ
๏ ครั้นตรวจตราสำเร็จเสร็จทั่วจึงมอบตัวไพร่ทั้งสามสิบห้า
ให้แก่ขุนแผนแสนศักดาท่านพระยายมราชก็อวยชัย
ให้พ่อชนะมารผลาญศัตรูเชิดชูพระยศปรากฏกระฉ่อน
ทั้งลูกชายพลายงามไปราญรอนตีนครเชียงใหม่ให้สมนึก
แล้วหันหน้ามาสั่งพวกทนายจงเลือกหาผ้าลายที่ในตึก
ทั้งส้มสูกลูกไม้ให้ครันครึกแจกพวกอาสาศึกให้ทั่วกัน
พวกทนายขนของมากองเกลื่อนพระยายมตัดเตือนให้เลือกสรร
ขุนแผนจึงจัดแจงแล้วแบ่งปันแจกให้ไพร่นั้นทุกตัวคน
ต่างผลัดผ้าเก่าเอาโยนเสียทุดกูขายหน้าเมียไม่ปิดก้น
บางคนเปลื้องกระสอบดูชอบกลมันช่างจนเหลือจนได้พ้นทุกข์
ชวนกันกินของร้องโมทนาตั้งแต่วันหน้าจะเป็นสุข
ถ้าหากพ่อไม่ขออกจากคุกก็สิ้นคิดติดกรุกจนตายไป
จะเป็นข้าของนายจนตายจากใช้สอยน้อยมากจะทำให้
ฝ่ายว่าขุนแผนผู้แว่นไวกราบกรานท่านผู้ใหญ่แล้วอำลา
พระหมื่นศรีขี่ม้านำมาบ้านผู้คนอลหม่านเป็นหนักหนา
พลายงามเดินตามขุนแผนมาพวกไพร่สามสิบห้าก็มาพลัน
พระหมื่นศรีจัดที่ให้พักอยู่แต่งสำรับเลี้ยงดูเกษมสันต์
พวกไพร่สามสิบห้าเฮฮากันพลุกพล่านจนตะวันลงรอนรอน ฯ
             

๏ จะกล่าวถึงนางแก้วกิริยาเจ้าติดตามผัวมาอยู่แต่ก่อน
อาศัยทับหับเผยเคยหลับนอนตั้งอุทรเติบใหญ่ได้สิบเดือน
ครั้นผัวพ้นทุกข์จากคุกได้หม้อกระออมโอ่งไหกองไว้เกลื่อน
ผ้าขี้ริ้วผ่อนขาดกลาดทั้งเรือนเคยเป็นเพื่อนเมื่อยากจะจากกัน
พิษฐานให้ทานคนโทษแล้วผ่องแผ้วตามมาหาผัวขวัญ
พระหมื่นศรีดีใจบอกไปพลันอยู่ด้วยกันอย่ากลัวผัวไปทัพ
แล้วชวนขุนแผนกับเจ้าพลายทั้งสามนายนั่งพร้อมล้อมลำดับ
เรียกให้เมียน้อยยกสำรับกินเสร็จสรรพระหมื่นศรีก็ชี้แจง
เกลอเอ๋ยน่าอดสูดูเผ้าผมทำรุงรังช่างสมอ้ายใจแข็ง
จะเป็นเจ๊กก็ใช่ไทยก็แคลงมันระแวงคล้ายละว้าน่าขันครัน
ขุนแผนหัวร่อคุณพ่อช่างว่าแล้วลุกมาเสกน้ำที่ในขัน
ชุบตัดมหาดไทยใส่น้ำมันเสร็จพลันอาบน้ำชำระกาย
ทาแป้งแต่งตัวเอี่ยมสะอาดนุ่งลายผ้าคาดดูเฉิดฉาย
แล้วกลับมาหน้าหอของพระนายทั้งเจ้าพลายสามคนสนทนา
ขุนแผนวอนไหว้พระหมื่นศรีว่าลูกนี้ตั้งใจจะอาสา
ยังเป็นห่วงบ่วงใยด้วยมารดาคร่อแคร่แก่ชราลงทุกวัน
อยู่บ้านกาญจน์บุรีไม่มีสุขจะเฝ้าทุกข์ถึงลูกกับหลานขวัญ
ถ้ารับมาเลี้ยงดูอยู่ด้วยกันถึงลูกไปทัพนั้นจะนอนใจ
พระหมื่นศรีฟังคำขุนแผนว่าโมทนาข้าจะเป็นธุระให้
รับมาจะลำบากยากอะไรพรุ่งนี้ข้าจะให้ไปรับมา
แล้วพูดกันสามคนจนดึกดื่นครั้นเที่ยงคืนก็เข้าในเคหา
ต่างระงับหลับใหลไสยาจนเวลารุ่งแจ้งแสงตะวัน ฯ
๏ จะกล่าวถึงสมเด็จพระพันวษาตรัสเรียกลาวทองมาขมีขมัน
อ้ายพลายงามอาสามันกล้าครันแล้วทูลขอพ่อมันพ้นจากคุก
มึงทรมานมากว่าสิบปีกูเห็นมึงนี้ไม่มีสุข
จะโปรดยกโทษให้พ้นทุกข์อย่าปักสะดึงกรึงกรุกเร่งออกไป
ลาวทองได้ฟังรับสั่งโปรดปราโมทย์ยินดีจะมีไหน
ถวายบังคมลามาทันใดออกไปกราบลาหม่อมป้าโต
เพื่อนฝูงร้องไปจะได้ลาภค่อยกระซิบกระซาบนางมีโหว่
นางสีนางพรมแม่ส้มโอเพื่อนฝูงอักโขจะลาไป
แล้วลาเจ้าขรัวนายกรายเข้าห้องหวีหัวกระจกส่องน้ำมันใส่
ทั้งกระแจะจันทน์ปรุงจรุงใจหวังจะให้ชื่นอารมณ์ชมชิด
นุ่งยกดอกกลมห่มม่วงอ่อนเทพนมห่มซ้อนดูวิจิตร
ก้มแลดูกายไม่วายคิดใส่จริตเยื้องย่างสำอางงาม
จัดแจงหีบหมากเครื่องนากทองถาดรองขันน้ำทำอย่างห้าม
ใส่เครื่องประดับวับแวววามออกประตูข้างข้ามประตูดิน
อีถึงถือหีบรีบตามนายอีกห้าคนขวนขวายเก็บของสิ้น
เพื่อนทักถามไถ่ไม่ได้ยินมาถึงถิ่นบ้านขึ้นบนบันได ฯ
๏ ขุนแผนครั้นเห็นนางลาวทองเจียนจะแปลกเจียวน้องนึกขึ้นได้
ร้องเรียกทันทีด้วยดีใจแปลกพี่ไปหรือเจ้าไม่เข้ามา
ลาวทองฟังคำจำเสียงได้เข้าใกล้ผัวรักรู้จักหน้า
กอดตีนร่ำไห้ฟายน้ำตาท่านโปรดโทษข้าข้าจึงรู้
ครั้นติดตามมาหาผัวรักแปลกไปไม่รู้จักจึงยืนอยู่
ไม่กล้าเข้าไปในประตูแลดูพ่อซูบผิดรูปไป
โอ้โอ๋เจ้าประคุณของเมียแก้วเหมือนตายแล้วเกิดมาหากันใหม่
ตั้งแต่เมียถูกขังอยู่วังในเฝ้าแต่ร่ำร้องไห้ไม่วายวัน
ยามกินกินข้าวไม่เป็นคำต้องฝืนกลืนกับน้ำร่ำโศกศัลย์
ยามนอนนอนคิดจิตผูกพันแทบจะกลั้นใจตายไม่วายเว้น
ปักสะดึงกรึงไหมมิได้หยุดจะสิ้นสุดเมื่อไรไม่แลเห็น
ได้แต่โศกเศร้าทั้งเช้าเย็นตั้งแต่เป็นทุกข์มาช้านานครัน
พูดพลางทางแลแล้วถามผัวทูนหัวใครนั่งข้างหลังนั่น
ขุนแผนจึงบอกออกมาพลันนางนั้นชื่อแก้วกิริยา
เมียข้าเมื่อพาวันทองหนีครั้นติดคุกนางนี้อยู่รักษา
นั่นลูกพี่ที่เขาทูลขอมาชื่อพลายงามมารดาคือวันทอง
ว่าแล้วก็พากันเข้าเรือนข้าวของกองเกลื่อนอยู่ในห้อง
ต่างปรึกษาหารือตามทำนองปรองดองมิได้คิดจิตฉันทาฯ
๏ ขุนแผนออกมาหน้าหอนั่งพลันสั่งทหารสามสิบห้า
ให้แต่งตัวตัดผมสมหน้าตาเตรียมผ้านุ่งห่มให้คมคาย
ขาดเหลือพึ่งพระจมื่นศรีพรุ่งนี้จะได้ไปลองถวาย
พระหมื่นศรีขุนแผนกับลูกชายทั้งสามนายสนทนาจนราตรี ฯ
๏ ครั้นรุ่งเช้าข้าวปลาหากินเสร็จจวนเสด็จออกต่างก็เร็วรี่
เข้าวังพร้อมกันในทันทีวันนี้ชาวเมืองนั้นเลื่องลือ
ว่าจะลองความรู้พวกอาสาต่างแตกตื่นกันมาออกอึงอื้อ
ไทยจีนมอญพม่าข่าลาวลื้อจูงมือลูกหลานซานเข้าไป
ยัดเยียดเสียดแทรกเข้าประตูนมจู้เบียดบีบกันเหลวไหล
เจ้าหนุ่มหนุ่มที่ลำพองคะนองใจเข้าคว้าไขว่สาวสาวออกกราวเกรียว
บ้างกระชากผ้าห่อมฉวยนมหมับพวกตำรวจหวดขวับเอาเต็มเหนี่ยว
จับตัวได้ใส่คาทำหน้าเซียวที่เลี่ยงเลี้ยวหลบได้ไพล่เข้าวัง
ยัดเยียดเบียดกันอยู่ชั้นนอกพอเวลาเสด็จออกก็พร้อมพรั่ง
สังข์แตรแซ่เสียงสนั่นดังถวายบังคมกราบลงพร้อมกัน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์เสด็จสถิตพระที่นั่งสุทธาสวรรย์
พระสูตรรูดกร่างกระจ่างพลันดังองค์พระสุริยันเหมื่อเยี่ยมรถ
ตรัสเรียกขุนแผนพลายงามทหารสามสิบห้าเข้ามาหมด
ต่างคลานเข้าเฝ้าองค์พระทรงยศน้อมประณตดาษดาหน้าพระลาน
ทนายเลือกตีวงตรงพระที่นั่งเอาเชือกหนังขึงขอบรอบหน้าฉาน
ข้างในล้วนบรรดาข้าราชการวงนอกไพร่บ้านพลเมือง
เสียงระเบ็งเซ็งแซ่ทั้งแก่หนุ่มมามั่วสุมคับคั่งนั่งเนื่อง
บ้างยงโย่แยงแย่แลชำเลืองบ้างยักเยื้องหยุกหยิกคะยิกกัน
พวกตำรวจเรียงรายถือหวายห้ามรอบทั้งท้องสนามเป็นกวดขัน
ฝ่ายว่าพระองค์ผู้ทรงธรรม์สั่งขุนแผนให้สรรกันเข้ามาฯ
๏ นายบัวหัวกะโหลกบ้านโคกขามถวายบังคมงามแล้วออกหน้า
นอนหงายร่ายมนตร์ภาวนาให้เอาขวานผ่าเป็นหลายซ้ำ
โปกโปกขวานกระดอนนอนพยักไม่แตกหักลุกมาหน้าแดงก่ำ
นายคงเคราเข้านั่งบริกรรมให้เอาหอกตำเข้าจำเพาะ
ถูกตรงยอดอกไม่ฟกช้ำแทงซ้ำหลายทีที่เหมาะเหมาะ
เสียงอักอักพยักหน้านั่งหัวเราะจนด้ามหอกหักเดาะไม่ทานทน
นายมอญนอนเปลือยเอาเลื่อยชักเลื่อยหักฟันเยินพระเนินย่น
ให้เปลี่ยนหน้ามาเลื่อยก็หลายคนเป็นหลายหนไม่เข้าเปล่าทั้งนั้น
นายช้างดำกำลังดังช้างสารถวายบังคมคลานมาไม่พรั่น
กระโดสูงสามวาตาเป็นมันแข็งขันข้อลำดำทมิฬ
นายสีอาดคลาดแคล้วแล้วไม่แตกหอกซัดเจ็ดแบกพุ่งจนสิ้น
ไม่ถูกเพื่อนเชือนไถลไปปักดินนายอินอึดใจแล้วหายตัว
นายทองลองให้เอาปืนยิงยืนนิ่งคอยรับจับลูกตะกั่ว
นายจันนั้นแปลกเข้าแบกวัวนายบัวทำคล้ายเป็นหลายคน
นายแตงโมทำโตได้เหมือนยักษ์คึกคักกรอกตาดูหน้าย่น
นายจั่งหัวหูดูพิกลเอาไฟลนทนได้ไฟวับวับ
ลองถวายสิ้นทั้งสามสิบห้าต่างสำแดงวิชาเป็นลำดับ
แล้วมาหมอบเรียงเคียงคำนับรับสั่งให้ประทานรางวัลพลัน
คนหนึ่งเงินตราห้าตำลึงกับผ้าสำรับหนึ่งให้จัดสรร
ทั้งเพิ่มนอกออกไปให้ต่างกันตามไม้มือมันใครเอกโท
ยังอ้ายพลายงามจะอาสาดีจริงหรือว่ามันโยโส
ดูตัวก็ไม่ใหญ่ใจมันโตเฮ้ยอ้ายแผนลองโต้กับลูกดู ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนพลายงามถวายบังคมตามกันทั้งคู่
ที่คนดูลุกยืนตื่นกันกรูคอยดูพ่อลูกจะลองกัน
เจ้าพลายงามขออภัยพ่อขุนแผนแล้วจับทวนทอดแขนดูขบขัน
ขุนแผนดาบสองมือถือยืนยันชักท่าทางวางหันเข้าสู้ทวน
กลองแขกติงทั่งตั้งเพลงรำไม่เพลี่ยงพล้ำถ้อยทีถี่ถ้วน
ชั้นเชิงกรีดกรายหลายกระบวนสับสวนท่าทางสันทัดกัน
ดูข้างพลายงามก็ไวว่องดูทำนองขุนแผนก็แข็งขัน
ได้ทีหนีไล่พัลวันกลับแทงแย้งฟันกันคนละที
ถูกฉับไม่เข้าเปล่าทั้งนั้นเจ้าพลายหันเยื้องย่องทำนองหนี
แต่พอห่างวางทวนกับปัถพีอัญชลีร่ายเวทเป็นไฟกัลป์
ลุกโพลงโผงผางกลางสนามเปลวฟู่วู่วามเสียงสนั่น
ลามไหม่ไล่คนทั้งหลายนั้นคนผู้อยู่นั่นก็หนีกรู
ตกใจหน้าซีดทุกตัวคนขุนแผนอ่านมนตร์ฝนตกซู่
เป็นน้ำไหลไฟดับอยู่วับวูเสียงคนดูฮาลั่นสนั่นอึง
ชมปรอพ่อลูกนี้เอาจริงวิชาเขายวดยิ่งไม่มีถึง
ฝ่ายขุนแผนเสกซ้ำพร่ำตะบึงประเดี๋ยวหนึ่งเป็นงูชูโพนเพน
อ้ายตัวใหญ่มีหงอนเท่าท่อนซุงเลื้อยพุ่งตาแดงดังแสงเสน
บริวารมากมายมาก่ายเกนแผ่พังพานเพ่นเพ่นสักสองพัน
เที่ยวเลี้ยวไล่ไชชอนไปทุกแห่งพวกคนดูแอบแฝงเป็นจ้าละหวั่น
เหล่าผู้หญิงวิ่งหนีพัลวันตัวสั่นหน้าซีดกรีดกราดไป
ผ้าผ่อนล่อนหลุดสะดุดล้มเหยียบทับกันจมออกเหลวไหล
พลายงามขว้างตะกรุดไปทันใดเป็นนกกดตัวใหญ่ไล่ตามงู
ตีนหยิกปากจิกปีกป้องรับงูขยับเลี้ยวฉกนกจิกสู้
ฝูงคนกล่นเกลื่อนกันมาดูนกกดคาบงูชูร่อนบิน
บรรดางูบริวารสิ้นทั้งหลายก็พลอยหายสาบสูญไปหมดสิ้น
พลายงามตัวเอกเสกก้อนดินนกหายกลายปลิ้นไปเป็นช้าง
ซับมันชันหูชูงวงงายาวขาวช่วงทั้งสองข้าง
เงยแหงนแปร๋มาคว้างคว้างขุนแผนยืนขวางรำขอรับ
เหยียบขึ้นปลายงาขาคร่อมคอช้างร้ายแรงหล่อเอาขอสับ
ฟันกระชากหน้าผาก.....ยับจนตาหลับแหงนหงายท้ายติดดิน
ช้างหายพลายงามทรามคะนองมีวิชาสำรองไม่รู้สิ้น
บริกรรมสำแดงแปลงกายินเปลี่ยนปลิ้นกลับกลายเป็นควายรับ
ขุนแผนหายกลายกลับเป็นเสือโคร่งเขี้ยวโง้งโดดหลอกกลอกกลับ
ล่อควายบ่ายหน้ามาที่ประทับตบขวับขวิดผึงทะลึ่งลอย
ชุลมุนผลุนผลันถลันโดดเสือโดดควายขวิดชิดไม่ถอย
สู้กันฟั่นเฝือจนเหงื่อย้อยต่างปละปล่อยกลายกลับไปฉับพลัน
พ่อเป็นนกแก้วแจ้วส่งเสียงลูกเลี่ยงเป็นสาลิกานั่น
บินไปจับต้นไม้อยู่ใกล้กันรู้พูดสารพันภาษาคน
แต่บรรดาคนผู้ดูจนเพลินสรรเสริญสองนายทุกแห่งหน
เออช่างศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์เวทมนตร์ข้าศึกไหนจะทนฤทธาเธอ
พระองค์ตบพระหัตถ์อยู่ฉัดฉานเบิกบานทรงพระสรวลสำรวลเร่อ
อ้ายคู่นี้ใช้ได้ไม่อมเออฤทธิ์เดชมันเสมอสมานกัน
ทีนี้จะได้ดูอ้ายเชียงใหม่มันอวดอิทธิ์ฤทธิไกรอย่างไรนั่น
จะสู้กับลูกกูอยากดูมันไม่ถึงวันก็จะวิ่งเข้าป่าไป
สิ้นพุงมึงเท่านี้แล้วหรือหวานกแก้วสาลิกาก็ทูลไข
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงชัยยังไม่สิ้นตำราของอาจารย์
ทูลแล้วพ่อลูกก็คลายมนตร์กลับเป็นคนมาหมอบอยู่หน้าฉาน
พระพันวษาปราโมทย์โปรดปรานให้เลื่อนเครื่องประทานแล้วตรัสมา
ฮ้าเฮ้ยอ้ายขุนแผนพลายงามมึงลูกพ่อต่อตามกันหนักหนา
ดูหน้านิ่วหิวเหนื่อยจะเลื่อยล้ากินข้าวปลาเสียทีให้มีแรง
แล้วจึงตรัสสั่งคลังวิเศษให้จัดเสื้อโหมดเทศอย่างก้านแย่ง
แพรจีนดวงพุดตานส่านสีแดงทั้งสมปักตามตำแหน่งขุนนางใน
ให้คลังหาสมบัติจัดเงินตราห้าชั่งเอามาประทานให้
มึงทั้งสองใช้ของเหล่านี้ไปกว่าจะได้บำเหน็จเสร็จสงคราม
ขุนแผนพลายงามความยินดีถวายบังคมอยู่ที่กลางสนาม
ด้วยทรงพระกรุณาสง่างามคนผู้ดูหลามไปทั้งวัง ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษาตรัสเรียกโหราเข้ามาสั่ง
ให้คูณหารฤกษ์ยามตามกำลังวันไรจะตั้งให้ยาตรา
พระโหราหาฤกษ์แล้วทูลพลันขึ้นเจ็ดค่ำนั้นเป็นเศษห้า
ได้ฤกษ์เบิกพยุหเสนาเวลาสี่โมงเช้าเก้านาที
ปลอดทั้งผีหลวงห่วงวันยามนั้นได้เมื่อพระฤาษี
แค้นขัดมัดมือลิงกาลีจะไปตีบ้านเมืองย่อมมีชัย
พระองค์ทรงฟังก็สั่งพลันไปให้ทันฤกษ์พาอย่าช้าได้
มันขอแต่ไพร่ราบหาบของไปก็เกณฑ์ไพร่ให้มันเจ็ดสิบคน
สั่งเสร็จพระเสด็จเข้าในวังขุนนางลุกสะพรั่งอยู่สับสน
ออกบอบแบบแสบท้องจนเต็มทนอลวนกลับบ้านสำราญใจ
พวกคนดูโจษกันสนั่นมาไม่เลือกหน้าไทยเจ๊กเด็กผู้ใหญ่
เขาดีจริงยิ่งยวดในกรุงไกรแปลงตัวไปได้ดังเทวดา
ชั่วพ่อชั่วแม่ไม่เคยเห็นแต่รำเต้นนั้นก็ดูมาหนักหนา
สันนี้ได้เห็นเป็นบุญตาเรากำเนิดเกิดมาไม่เสียทีฯ
ฝ่ายว่าขุนแผนแสนสะท้านกลับมาอยู่บ้านพระหมื่นศรี
ครั้นรุ่งเช้าเข้าไปอัญชลีบอกคดีได้ข่าวบ่าวมันมา
ว่าบัดนี้คุณแม่ทองประศรีมาแต่กาญจน์บุรีอยู่เคหา
เพราะฝ่าเท้าเจ้าคุณกรุณาลูกกับบุตรภรรยาจะลาไป
พระหมื่นศรีเมตตาสั่งข้าคนให้ช่วยขนข้าวของไปส่งให้
พ่อลูกกราบลาแล้วคลาไคลภรรยาข้าไทก็ไปตาม
พวกทหารสามสิบห้ามาติดก้นเดินดาเต็มถนนจนล้นหลาม
ชาวตลาดแลดูไม่รู้ความกระซิบถามเพื่อนกันว่านั่นใคร
บ้างบอกพวกนี้ที่พ้นโทษโปรดให้ไปทัพจับเชียงใหม่
ขุนแผนมาถึงบ้านวัดตระไกรก็เข้าไปไหว้กราบท่านมารดา ฯ
๏ ครานั้นนวลนางทองประศรีเห็นลูกยินดีเป็นหนักหนา
ลูบหน้าลูบหลังถั่งน้ำตาเออเหมือนมาเกิดใหม่ได้พบกัน
กูขอบใจออแก้วกิริยามันอุตส่าห์ติดตัวตามผัวขวัญ
เอ็งจงเป็นพี่น้องลาวทองนั้นอย่าขึ้งเคียดเดียดฉันท์กันวุ่นไป
อนิจจาน่ารักออพลายงามเพียรติดตามทูลขอพ่อจนได้
นี่แลบุราณท่านกล่าวไว้ว่าเป็นชายมิให้ดูหมิ่นชาย
แล้วหันมาหาขุนแผนแสนสะท้านยิ่งสงสารดูไปใจคอหาย
ช่างผอมซูปวิปริตรผิดทั้งกายนี่หากว่าไม่ตายเสียในคุก
สิ้นเคราะห์โศกโรคภัยเถิดแก้วแม่ตั้งแต่นี้มีแต่ให้เป็นสุข
ร้อยปีพันปีอย่ามีทุกข์จงเป็นสุขตราบเท่าเข้านิพพาน ฯ
๏ ขุนแผนรับพรของมารดาแล้วออกมาเร่งรัดให้จัดบ้าน
ขนของขึ้นเรือนเกลื่อนนอกชานให้ปลูกร้านพวกไพร่จะได้นอน
เรือนเหย้าเก่าเกจะเซคว่ำเอาไม้ค้ำจุนดูพออยู่ก่อน
ทำกันจนตะวันลงรอนรอนต่างพักผ่อนลืมทุกข์สุขสำราญ ฯ
๏ ฝ่ายเจ้ากรมสัสดีก็มีหมายทุกตัวนายหมวดหมู่อยู่อลหม่าน
เป็นการจวนด่วนวิ่งไม่นิ่งนานเอาที่บ้านใกล้ใกล้จะได้ทัน
บ้างเร่งรัดมัดผูกลูกเมียมาอุตลุดฉุดคร่าจ้าละหวั่น
ผัดดผ่อนไม่ได้ไม่ฟังกัยครบครันเบ็ดเสร็จเจ็ดสิบคน
จึงสั่งให้นายสมุห์บาญชีไปส่งที่ขุนแผนออกสับสน
ลูกเมียหาข้าวสารอยูลานลนอลวนจัดแจงประจุบัน
หาได้ตามยากตามมีให้ทันทีตามส่งกันตัวสั่น
ที่ในบ้านขุนแผนออกแน่นนันต์พร้อมเพรียงสามวันจะครรไล ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดาคิดกับลูกยาหาช้าไม่
จะปลุกเครื่องให้เรืองฤทธิไกรจึงชวนกันออกไปที่ป่าช้า
ให้ทหารปลูกศาลขึ้นฉับพลันตั้งบายศรีสามชั้นทั้งซ้ายขวา
หัวหมูเป็ดไก่ทั้งเหล้ายาเครื่องเซ่นจัดหามาเรียงราย
เอาผ้าขาวปูลาดดาดเพดานนมัสการจุดธูปเทียนถวาย
ในมณฑลนั้นให้อยู่แต่ผู้ชายวงสายสิญจน์สิณจน์รอบเป็นขอบคัน
ทั้งพ่อลูกเข้านั่งกลางมณฑลอ่านมนตร์โองการอันกวดขัน
ชุมนุมเทวดามาพร้อมกันทุกช่องชั้นอินทร์พรหมยมยักษ์
ทั้งพระเพลิงพระพายกรุงพาลีพระภูมิเจ้าที่อันมีศักดิ์
อีกพระไพรเจ้าป่าพนารักษ์พระนารายณ์ทรงจักรศิวาทิตย์
พระคเณศร์พินายทั้งซ้ายขวาขอเชิญลงมาให้ศักดิ์สิทธิ์
ทั้งคุณแก้วสามประการอันชาญชิตบิดามารดาสถาวร
คุณครูอุปัชฌาอาจารย์พระโองการบพิตรอดิศร
ขออับเชิญช่วยมาอวยพรให้เรืองฤทธิ์ขจรทุกสิ่งอัน
แล้วร่ายคาถามหาเวทปลุกเครื่องวิเศษทุกสิ่งสรรพ์
ว่านยาผ้าประเจียดมงคลนั้นตะกรุดโทนน้ำมันอันเรืองฤทธิ์
เดชะพระเวทอันเชี่ยวชาญเครื่องอานกลิ้งไปดังใครบิด
แล้วตั้งกองอัคคีทั้งสี่ทิศเอาเครื่องวางกลางมิดในกองไฟ
เปลวไฟคึกคึกไม่ขาดสายชั้นแต่เส้นด้ายหาไหม้ไม่
จึงเอาพระควำที่ทำไว้ใส่ขันสำริดประสิทธิ์มนตร์
ในขันนั้นใส่น้ำมันหอมเสกพร้อมเป่าลงไปสามหน
พระนั่งขึ้นได้ในบัดดลน้ำมันทาทนทั้งทุบตี
ล่องหนกำบังจังงังครบอุปเท่ห์เล่ห์จบเป็นถ้วนถี่
ปลุกเครื่องเสร็จพลันอัญชลีอ่านมนตร์เรียกผีพวกภูตพราย
ผีตายฟ้าผ่าทั้งห่าโหงอยู่ในหลุมในโลงสิ้นทั้งหลาย
ผีตายคลอดลูกผูกคอตายผีนายผีไพร่ให้รีบมา
ฝูงผีมิอาจจะซุ่มซ่อนด้วยเร่าร้อนฤทธิ์เวทพระคาถา
พากันเหลื่อนกลาดดาษดาพร้อมหน้ามาที่พิธีการ
บรรดาผู้นั่งอยู่ในมณฑลเห็นผีทุกคนออกพลุกพล่าน
พลายงามขุนแผนแสนสำราญเอาเหล้าข้าวใส่กบาลออกเซ่นวัก
เนื้อพล่าปลายำทำตามมีฝูงผีเข้ามากินหนักกว่าหนัก
ข้างนอกยังนั่งล้อมอยู่พร้อมพรักชักชวนกันกินสิ้นทั้งปวง
ที่อดหยากปากไหม้ไส้ขมต่างชื่นชมรับเอาเครื่องบวงสรวง
ล้อมกินปลิ้นตาอ้าปากกลวงตวงเหล้าเติบบ่อยอร่อยครัน
เสร็จแล้วพ่อลูกก็สั่งผีว่าพวกท่านวันนี้จงจัดสรร
มาอาสาศึกใหญ่ไปด้วยกันให้ทันฤกษ์พาเวลาเพล
พวกผีดีใจไปสิพ่อลูกจะขอเป็นบ่าวให้กราวเขน
อันทัพผีมิให้ต้องกะเกณฑ์จะเข้านอนออกเวรให้ทันการ ฯ
             

๏ ครานั้นขุนแผนกับพลายงามเสร็จพิธีมีความเกษมศานต์
จึงจัดแจงจงแบ่งปันซึ่งเครื่องอานแจกทหารกับไพร่ให้ผูกพัน
พวกพลทั้งสิ้นก็ยินดีเห็นอย่างนี้ละคุณพ่อใจคอมั่น
ถึงจะให้ไปไหนก็ไปกันจะสู้คนร้อยพันไม่พรั่นใจ
ครั้นเสร็จสรรพกลับพากันมาบ้านขุนแผนเรียกทหารเข้ามาใกล้
สาตราอาวุธจงเลือกใช้ใครถนัดอย่างไหนเอาไปพลัน
บางคนฉวยดาบชักวาบวับที่บางคนก็จับเอากั้นหยั่น
บ้างเข้ามาคว้าปืนถือยืนยันบางคนนั้นร้องบอกขอหอกยาว
อ้ายเฉยว่าฉันเคยแต่ไม้พลองอ้ายมาว่าฉันคล่องก็เพลงหลาว
อ้ายเพชรว่าพร้าก็พอกับคอลาวอ้ายทิดสาคว้าง้าวออกลองรำ
ต่างคนต่างเลือกหาเครื่องอาวุธอุตลุดสับสนอยู่จนค่ำ
แล้วแจกจ่ายเสื้อผ้ายาประจำกระบอกน้ำถุงไถ้ใส่ข้าวปลา
ที่พวกหาบหาไม้มาทำคานจักสานโพล่แฟ้มแซมตะกร้า
ที่ได้เป็นนายหมวดคอยตรวจตราเสียงเฮฮาครึกครื้นรื่นเริงกัน ฯ
๏ ฝ่ายนางทองประศรีกระปรี้กระเปร่าตั้งแต่เช้าจัดเสบียงเสียงสนั่น
พริกเกลือข้าวปลาสารพันใครเชือนช้าด่าลั่นไม่เลือกตัว
นางแก้วกิริยากับลาวทองจัดของเครื่องใช้ให้แก่ผัว
ปรึกษากันปรองดองไม่หมองมัวด้วยความกลัวผัวรักจักทุกข์ร้อน
หีบหมากเครื่องนากอยู่ในกลี่ซองบุหรี่ย่ามใหญ่ใส่ผ้าผ่อน
เสื้อผ้าจัดพับที่หลับนอนมุ้งหมอนพร้อมสิ้นทุกสิ่งอัน
ข้าวของขนมาไว้หน้าเรือนกองเกลื่อนบ่าวข้าจ้าละหวั่น
ส่วนว่าของนายพลายงามนั้นพระหมื่นศรีจัดสรรทุกสิ่งไป ฯ
๏ ครั้นรุ่งเช้าจะเข้าไปทูลลาขุนแผนลูกยาไม่ช้าได้
จัดพานธูปเทียนแลดอกไม้ไปหาท่านผู้ใหญ่ที่ในวัง
เวลาสี่โมงเสด็จออกพระโรงนอกเสียงแตรแซ่กระทั่ง
เสด็จประทับเหนืออาสน์ราชบังลังก์มีรับสั่งไต่ถามความนานา ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพระยาจักรีได้ทีก็ประนมก้มเกศา
กราบทูลเบิกไปมิได้ช้าขอเดชะพระบาทามาปกครอง
ดอกไม้ธูปเทียนทองของถวายของขุนแผนนายพลายงามทั้งสอง
กราบถวายบังคมลาฝ่าละอองไปราชการศึกสนองพระเดชา ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จนเรนทร์สูรฟังทูลทรงพระสรวลสำรวลร่า
เฮ้ยขุนแผนพลายงามทั้งสองราซึ่งอาสาทำชอบกูขอบใจ
จงไปดีมาดีศรีสวัสดิ์พ้นวิบัติเสี้ยนหนามความเจ็บไข
ให้ศัตรูพ่ายแพ้แก่ฤทธิไกรมีชัยได้เวียงเชียงใหม่มา
ตรัสพลางทางสั่งพนักงานพระราชทานเครื่องยศกับเสื้อผ้า
ทั้งกระบี่ทั้งทองของนานาเงินตราเตรียมไปใช้ในทัพ
อีกทั้งม้าต้นคนละม้าเครื่องอานพานหน้าให้พร้อมสรรพ
พวกไพร่ให้ผ้าคนละสำรับสั่งเสร็จเสด็จกลับเข้าวังใน ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนกับลูกยาเสด็จขึ้นกลับมาหาช้าไม่
หาธูปเทียนใส่พานคลานเข้าไปกราบไหว้ทองประศรีผู้มารดา
ลูกหลายจะมาลาคุณแม่จงอยู่ดูแลซึ่งเคหา
อันลาวทองกับเจ้าแก้วกิริยาคุณแม่ได้เมตตาช่วยดูแล
ถัาทุกข์ร้อนก่อนลูกกลับมาถึงจะหมายพึ่งผู้ใดให้เป็นแน่
พระหมื่นศรีแลเธอเป็นเกลอแท้คุณแม่เจ็บไข้จงไหว้วาน
เหย้าเรือนรุงรังจะพังคว่ำพอจะทำเงินมีอยู่ที่บ้าน
ขอแต่ให้คุณแม่อยู่สำราญถึงลูกไปช้านานไม่ร้อนใจ ฯ
๏ ครานั้นทองประศรีผู้มารดาฟังลูกหลานลาน้ำตาไหล
ลูบหลังลูบหน้าแล้วว่าไปอย่าเป็นห่วงบ่วงใยเลยทางนี้
เมียเจ้านั้นไซร้ไว้ธุระแม่จะดูแลสารพัดให้ถ้วนถี่
ทั้งเรือนเหย้าข้าวของบรรดามีได้พึ่งพระหมื่นศรีก็ดีแล้ว
แม่ขัดขวางอย่างไรจะไปหาเจ้าตั้งหน้าไปเถิดนะลูกแก้ว
ทุกข์โศกโรคภัยให้คลาดแคล้วจงผ่องแผ้วพูนสุขทุกเวลา
ให้เจ้าชนะมารผลาญศัตรูใครอย่ารอต่อสู้ได้สักหน้า
อองามเจ้าอย่าห่างข้างบิดายังเด็กนักเด็กหนาย่าห่วงนัก
อย่าประมาททอาจหาญการรบสู้ขุนไกรปู่นั้นแต่หนุ่มคุ้มฟันหัก
แกมิได้หมิ่นศึกทำฮึกฮักเบาหนักตรองดูให้รู้ความ
อนึ่งพวกพลไพร่ที่ไปด้วยใครเดือดร้อนผ่อนช่วยอย่าหยาบหยาม
อุตส่าห์เอาอกใจให้งดงามไปรบพุ่งเหมือนตามกันไปตาย
ถ้าใจเดียวเกลียวกลมกันหนึ่งแน่ถึงน้อยก็ไม่แพ้ที่มากหลาย
ท่านว่าป่าพึ่งเสือเรือพึ่งพายเราเป็นายก็ต้องพึ่งซึ่งไพร่พล
อนึ่งความกตัญญูรู้คุณเจ้าทุกค่ำเช้านึกไว้จะให้ผล
ให้รุ่งเรืองฤทธิเดชทั้งเวทมนตร์เจ้าจงสนใจจำคำย่าไว้ ฯ
๏ ขุนแผนพลายงามความยินดีรับพรทองประศรีแล้วก้มไหว้
ขุนแผนกลับมาสั่งข้าไทแล้วเข้าไปในห้องทั้งสองนาง
เจ้าลาวทองกับเจ้าแก้วกิริยาจงอุตส่าห์ปรองดองอย่าหมองหมาง
ไปทัพถ้าข้างบ้านเกิดรานทางมักเป็นลางให้ร้ายฝ่ายผู้ไป
การกินอยู่ดูแลแม่ทองประศรีอย่าให้มีทุกข์ยากลำบากได้
เจ้าแก้วก็อลักเอลื่ออยู่เหลือใจท้องไส้จงระวังจะนั่งนอน
เมื่อคลอดลูกลาวทองน้องช่วยดูทั้งฟืนไฟให้อยู่แลผ้าผ่อน
ให้บ่าวมันคั้นส้มต้มน้ำร้อนเอาผ้าซ้อนเปลลูกผูกเห่ช้า
อันที่จะทำมิ่งสิ่งขวัญเรื่องนั้นมอบไว้ให้คุณย่า
ด้วยท่านเป็นผู้ใหญ่ได้เคยมาถึงหยูกยาสารพัดทั่นเข้าใจ
อนึ่งพี่นึกได้ไปคราวนี้ท่วงทีจะได้พบท่านผู้ใหญ่
ด้วยเดินทางไม่ห่างสุโขทัยไปเชียงใหม่ก็จะผ่านบ้านจอมทอง
จะสั่งเสียอย่างไรไปถึงบ้างหรือสองนางเจ้าอยากฝากข้าวของ
พี่จะรับไปให้ดังใจปองถ้าได้ช่องคงพบประสบกัน ฯ
๏ ครานั้นลาวทองแก้วกิริยาฟังว่าอกใจให้ไหวหวั่น
จะร้องไห้กลัวลางในกลางคันอุตส่าห์กลั้นโศกาแล้วว่าไป
พ่ออย่าได้รำพึงถึงตัวน้องจะปรองดองผูกสมัครรักใคร่
รับการงานให้ท่านคุณแม่ใช้จะตั้งใจปฏิบัติเป็นอัตรา
ถ้าขึ้นไปได้พบกับพ่อแม่จงบอกแต่ว่าลูกเป็นสุขา
แล้วผัวเมียต่างคนสนทนาด้วยสนิทเสนหาต่างอาลัย ฯ
๏ ฝ่ายว่าขุนแผนแสนศักดาตื่นขึ้นเวลาปัจจุบันสมัย
บ้วนปากล้างหน้าแล้วคลาไคลชวนลูกออกไปตระเตรียมทัพ
ที่ตำบลวัดใหม่ชัยชุมพลเป็นมงคลเคยตั้งตามตำรับ
ผู้คนพร้อมพรั่งอยู่คั่งคับขุนแผนกับลูกยาตรวจตราการ
ทองประศรีลาวทองแก้วกิริยาก็ตามมาจัดเสบียงเลี้ยงอาหาร
ทั้งบ่าวไพร่พวกพงศ์วงศ์วารตามไปส่งพลุกพล่านทั้งลานวัด
พระหมื่นศรีดีจริงไม่นิ่งได้พาลูกเมียบ่าวไพร่ไปเป็นขนัด
ขาดเหลือเจอจานสารพัดแล้วช่วยจัดข้าวของจะเอาไป
ของใหญ่ให้เอาขึ้นหลังช้างวัวต่างนั้นบรรทุกเสบียงใส่
ที่เบาเบาเหล่าของต้องการใช้ให้พวกไพร่หาบหามตามติดนาย
ครั้นจัดเสร็จเรียบร้อยคอยเวลาโหราเหยียบเงาเอาชั้นฉาย
พอถ้วนนาทีสี่โมงปลายถึงฤกษ์จะขยายกระบวนพล ฯ
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยาแต่เช้ามาหาสำรับอยู่สับสน
ท้องแก่อลักเอลื่อก็เหลือทนเจ็บท้องร้องทุรนจะขาดใจ
ทองประศรีว้าวุ่นเรียกขุนแผนแล้วลุกแล่นมาประคองทั้งสองไหล่
ขุนแผนทำน้ำสะเดาะให้ทันใดกลืนเข้าไปพอตลอดคลอดลูกชาย
ประจวบฤกษ์ดิถีกรีธาทัพต้องตำรับว่าประเสริฐเลิศหลาย
ทองประศรีอุ้มแอบไว้แนบกายให้ชื่อพลายชุมพลรณรงค์
แล้วเรียกเรือมารับกลับเข้าบ้านด้วยห่วงหลานลูกสะใภ้ไม่อยู่ส่ง
พระหมื่นศรีรับว่าอย่าพะวงจงวางใจให้ฉันไว้ทางนี้ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดาดูท้องฟ้าเห็นจำรัสรัศมี
สบยามตามตำราว่าฤกษ์ดีสั่งให้ตีฆ้องชัยไว้เดโช
ยกจากวัดใหม่ชัยชุมพลพวกพหลพร้อมพรั่งตั้งโห่
พระสงฆ์ส่งสวดชยันโตออกทุ่งโพธิ์สามต้นขับพลมา
โห่ร้องฆ้องลั่นมาหึ่งหึ่งนายจันสามพันตึงเป็นกองหน้า
กองหลังสีอาดราชอาญาพวกทหารสามสิบห้าต่างคลาไคล
บ้างคอนกระสอบหอบกัญชาตุ้งก่าใส่ย่ามตามเหงื่อไหล
บ้างเหล้าใส่กระบอกหอกคอนไปล้าเมื่อไรใส่อึกไม่อื้ออึง
บ้างห่อใบหระท่อมตะพายแล่งเงี่ยนยาหน้าแห้งตะแคงขึง
ถุนกระท่อมใส่ห่อพอตึงตึงค่อยมีแรงเดินดึ่งถึงเพื่อนกัน ฯ
๏ ขุนแผนพลายงามตามกันมาชักม้าข้ามทุ่งมุ่งไพรสัณฑ์
พอพ้นถิ่นก็สิ้นแสงตะวันผ่อนผันหยุดพักพิตเพียน
นายกำนันก็ชวนลูกบ้านช่องแบกสำรับเนืองนองไม่ต้องเฆี่ยน
ไฟฟืนดื่นไปทั้งไต้เตียนเยี่ยมเยียนกองทัพสับสนกัน
พวกกองทัพทั้งสิ้นกินข้าวปลาชาวบ้านเอามาเลี้ยงที่นั่น
แล้วกำนันไปจัดที่วัดพลันให้พวกกองทัพนั้นอาศัยนอน
รุ่งเช้าข้าวปลาหากินสรรพขับกันรีบไปไม่หยุดหย่อน
พ้นทุ่งเข้าป่ามาทางดอนพอแดดกล้าหน้าร้อนอ่อนระทม
มาถึงบ้านดาบก่งธนูพักร้อนเข้าอยู่อาศัยร่ม
พ่อลูกนั่งเล่นเย็นเย็นลมเชยชมลูกชายสบายใจ ฯ
๏ ขุนแผนจึงเรียกเจ้าพลายงามเดินตามไปที่ต้นไทรใหญ่
หมากพลูธูปเทียนเอาถือไปถึงต้นพระไทรก็กราบลง
บอกว่าฟ้าฟื้นของพ่อฝังไว้แต่ครั้งพระพิจิตรเขาบอกส่ง
ดาบนี้มีฟทธิ์ปราบณรงค์ฝังไว้ตรงกิ่งทิศบูรพา
พลายงามก็ขุดดินลงไปพบดาบดีใจเป็นหนักหนา
ส่งให้พ่อชักวาบปลาบนัยน์ตาขุนแผนทูนเกศาด้วยสุดรัก
ดาบนี้ต่อไปจะให้เจ้ารบพุ่งจะได้เอาไปเป็นหลัก
อันฟ้าฟื้นเล่มนี้ดียิ่งนักดาบอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเลย
ถึงพระแสงทรงองค์กษัตริย์ไม่เทียมทัดของเราดอกเจ้าเอ๋ย
จะฝึกเจ้าให้ใช้เสียให้เคยชมเชยดาบพลางทางเดินมา ฯ
๏ กลับถึงที่สำนักแล้วพักผ่อนตะวันรอนแดดบ่ายลงชายป่า
เตือนกันทั้งสิ้นกินข้าวปลาพอเพลาลมตกยกต่อไป
ค่ำลงหยุดนอนลพบุรีเช้ายกจากที่อีกพักใหญ่
ตัดบางขามข้ามบ้านด่านโพธิ์ชัยล่องเข้าแขวงใกล้อู่ตะเภา
ตรงมาหัวแดนภูเขาทองหนองบัวห้วยเฉียงเลี่ยงชายเขา
ตัดลงชายดอนร้อนไม่เบาพอย่างเข้าทุ่งหลวงเพลาพลบ
ขุนแผนก็สั่งให้หยุดพักที่ล้าเมื่อยเหนื่อยหนักนอนสลบ
บรรดาพวกพหลพลรบจุดคบกองไฟไว้เป็นวง
ลางคนหาเขียงหั่นกัญชานั่งชักตุ้งก่าจนคอก่ง
บ้างมีแต่กัญชามานั่งลงผลัดกันหั่นส่งใส่ไฟโพลง
ที่ไม่มีขอซื้อสามมื้อสลึงพอส่งถึงรับหั่นชักควันโขมง
อยากหวานเมางวงล้วงกระโปรงบ้างโก้งโค้งค้นหาพุทรากวน
พวกขี้ยาขึงผ้าขึ้นบังมิดลงนอนขิดกองไฟใส่กล้องง่วน
สิ้นเนื้อเหลือขี้ลงรีรวนจวนหมดอตส่าห์สงวนไว้
เพื่อนกันขอปันหุนละบาทคราวขาดกลัวตายหาขายไม่
อ้ายที่เงี่ยนเต็มอ่อนวอนร่ำไรได้แต่ขี้สองชั้นพอกันตาย
เอาดาบหอกออกแลกกับขี้ยาจนชั้นขันล้างหน้าก็ยื่นขาย
พอแก้เงี่ยนเหียนห้อยค่อยสบายกินอยู่พูวายแล้วหลับนอน ฯ
             

ตอนที่ ๒๘

             

ตอนที่ ๒๙

             

ตอนที่ ๓๐

             

ตอนที่ ๓๑

             

ตอนที่ ๓๒

             

ตอนที่ ๓๓

             

ตอนที่ ๓๔

             

ตอนที่ ๓๕

             

ตอนที่ ๓๖

             

ตอนที่ ๓๗

             

ตอนที่ ๓๘

             

ตอนที่ ๓๙

             

ตอนที่ ๔๐

             

ตอนที่ ๔๑

             

ตอนที่ ๔๒

             

ตอนที่ ๔๓

             

เชิงอรรถ

ที่มา

เว็บบอร์ดบ้านวรรณกรรม

เครื่องมือส่วนตัว