บทละครนอกเรื่องไกรทอง

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
()
()
แถว 655: แถว 655:
นางคิดขัดข้องหมองมัว  ตีอกชกหัวร่ำไร
นางคิดขัดข้องหมองมัว  ตีอกชกหัวร่ำไร
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ คิดเอยคิดพลาง  นวลนางหุนหันหมั่นไส้
 +
ลุกขึ้นเคืองขัดสะบัดสไบ  ชี้หน้าว่าไปมิได้กลัว
 +
เหวยอีตะเภาแก้วตะเภาทอง  พี่น้องอุบาทว์ชาติชั่ว
 +
หฤโหดโฉดเขลาเมามัว  มึงมาเอาผัวของมึงไป
 +
ทีนี้กอดไว้มึงอย่าวาง  มึงเข้าคนละข้างอย่าห่างได้
 +
ผลัดกันรึงรัดให้ถนัดใจ  อีหน้าไพร่สันดานมารยา
 +
ว่าพลางนางหวนเข้าในห้อง  แก้แหวนในช้องเกศา
 +
แล้วลอบเลิกยันต์มิทันช้า  โจนจากศาลาด้วยขัดใจ
 +
ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
 +
๏ ครั้นลงถึงพื้นพสุธา  ก็กลายเป็นกุมภาเติบใหญ่
 +
ฟาดหางวัดแว้งว่องไว  เข้าไล่สองนางนารี
 +
ฯ ๒ คำ ฯ รัว เชิด
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พี่น้องอกสั่นขวัญหนี
 +
ร้องกรีดหวีดวิ่งไม่สมประดี  ทาสีพี่เลี้ยงก็วุ่นวาย
 +
วิ่งปะทะปะกันอลหม่าน  ลนลานลื่นล้มผ้าห่มหาย
 +
บ้างขึ้นต้นไม้มือตะกาย  ปืนป่ายไม่สันทัดพลัดลงมา
 +
บ้างเรียกพวกพ้องร้องให้ช่วย  เจ็บป่วยลำบากลากขา
 +
สิ้นกำลังลงนั่งภาวนา  กอข้อกอกาว่าเปื้อนไป
 +
สองนางวางวิ่งเข้ากอดผัว  ความกลัวตัวสั่นหวั่นไหว
 +
เอ็นดูด้วยช่วยเอาชีวิตไว้  นางกุมภีล์ใหญ่ไล่ขบเมีย
 +
ลูกได้ผิดแล้วอย่าถือโทษ  พ่อโปรดช่วยขับให้ไปเสีย
 +
ร้อนอกหมกไหม้เหมือนไฟเลีย  ทิ้งเมียเสียได้ไม่เอ็นดู
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าไกรทองได้ฟังนั่งไขหู
 +
ทำเฉยเชือนเหมือนหนึ่งไม่รู้  เป็นครู่จึงตอบวาจา
 +
พี่ก็ได้บอกแล้วแต่หนหลัง  โกรธขึ้งตึงตังไม่ฟังว่า
 +
ไหนเล่าเจ้าไม่กลัววิมาลา  ทั้งเจ้าทั้งข้าเข้ารุมรัน
 +
เป็นไรมิทำให้หนำใจ  วิ่งขึ้นมาไยจนตัวสั่น
 +
เรียกหาข้าไทให้ช่วยกัน  ตีรันเล่นตามสบายใจ
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ตะนาว</sup>
 +
๏ ว่าแล้วลุกเดินออกมา  จากที่ศาลาอาศัย
 +
แล้วมีวาจาว่าไป  วิมาลาอย่าได้โกรธา
 +
เป็นกรรมเราแล้วทั้งสองข้าง  ใช่พี่จะทิ้งขว้างร้างหย่า
 +
อย่าละห้อยน้อยใจจงไคลคลา  กลับไปคูหาห้องทอง
 +
ด้วยเจ้ากลับรูปเป็นกุมภีล์  เคยอยู่นทีเที่ยวท่อง
 +
มาอยู่ปัถพีเช่นนี้น้อง  จะร้อนรนหม่นหมองด้วยแดดลม
 +
เจ้ากลับไปก่อนเถิดวิมาลา  ไม่ช้าพี่จะตามไปสู่สม
 +
ความรักพี่สมัครสมาคม  ยังนิยมชมชิดติดใจ
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  นางกุมภีล์เศร้าสร้อยละห้อยไห้
 +
อาวรณ์ร้อนรุ่มกลุ้มใจ  ดังถ่านไฟฟืนสุมทุ่มทับ
 +
จนอยู่มิรู้ที่จะเจรจา  แค่พริบตาอ้าปากหงุบหงับ
 +
ลาผัวซบหัวลงคำนับ  คลานตะกุบตะกับกลับไป
 +
ฯ ๔ คำ ฯ แผละ
 +
 +
 +
๏ ครั้นถึงฝั่งคงคาก็ถาโถม  โดดโครมลงในแม่น้ำใหญ่
 +
โบกหางวางว่ายว่องไว  ตรงไปสู่ที่ถ้ำทอง
 +
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
 +
 +
 +
๏ รูปร่างนางกลายเป็นมนุษย์  โฉมงานบริสุทธิ์ผุดผ่อง
 +
เดินพลางครวญคร่ำร่ำร้อง  เข้าไปในห้องแล้วโศกี
 +
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
</tpoem>
</tpoem>

การปรับปรุง เมื่อ 10:10, 1 กันยายน 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

บทประพันธ์

ตอนที่ ๑ นางวิมาลาตามไกรทองมาจากถ้ำ

ช้าปี่
๏ เมื่อนั้นโฉมเจ้าไกรทองพงศา
สมสู่อยู่ด้วยวิมาลาสุขาสำราญบานใจ
ลืมสังเกตเวทมนตร์ที่ร่ำเรียนแต่เวียนนอนนั่งเจ็บหลังไหล่
ลืมสองภรรยาแลข้าไทอิ่มไปด้วยทิพโอชา
ร่วมภิรมย์ชมรสสาวศรีกุมภีล์ผิดอย่างต่างภาษา
อยู่เย็นเป็นสุขทุกเวลาถึงได้เป็นเจ้าพระยาก็ไม่ปาน
ฯ ๖ คำ ฯ
ปีนตลิ่ง
๏ วันเอยวันหนึ่งให้คิดคำนึงถึงบ้าน
แต่กูมาอยู่ก็ช้านานสักกี่วันสารไม่แจ้งใจ
ด้วยคุหาสว่างอยู่อย่างนั้นจะสำคัญวันคืนก็ไม่ได้
แต่คิดคะเนตึกตรึกไตรเห็นจะได้สักเจ็ดวันมา
ป่านนี้น้องสองคนจะบ่นถึงวันนี้จึงสำลักเป้นหนักหนา
ตัวกูหลงอยู่ด้วยกุมภาจะเสื่อมเสียวิชาที่เรียนรู้
อย่าเลยจะขวนนางขึ้นไปเลี้ยงเป็นเมียไว้จะดีอยู่
ให้คืนลือชื่อเราว่าเจ้าชู้จะมีผู้สรรเสริญสืบไป
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ คิดพลางทางเรียกวิมาลาเข้ามาแล้วแจ้งเถลงไข
พี่รักนางพ่างเพียงจะกลืนไว้หมายจะไม่จากกันคุ้งวันตาย
แต่จนใจที่จะอยู่ในคูหาเวทมนตร์เรียนมาจะเสื่อมหาย
จำเป็นจำไปใจเสียดายไม่เคยขาดคลาดคลายสักเวลา
ขอเชิญดวงใจไปด้วยพี่เป็นที่สนิทเสน่หา
พี่จะเลี้ยงเจ้าเป็นภรรยาแก้วตาอย่าละห้อยน้อยใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นวิมาลานารีศรีใส
ได้ฟังคั่งแค้นขัดใจจึงตอบคำไปด้วยโกรธา
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ แต่เอยแต่เดิมช่างแต้มเติมต่อติดประดิษฐ์ว่า
ล้วนจะรักจะใคร่ให้สัญญามีสับปลับกับข้าหรือหม่อมไกร
สารพัดพูดคล่องเหมือนล่องน้ำจะมีจริงสักคำก็หาไม่
ลืมแล้วหรือขาที่ว่าไว้จะอยู่ด้วยน้องได้ในถ้ำทอง
ถ้อยยำคำมั่นเจ้าพาทีมิให้อายกุมภีล์สิ้นทั้งผอง
ครั้นสมใจได้ชิมลิ้มลองจะทิ้งน้องเสียได้ไม่เอ็นดู
มิหนำซ้ำจะพาเอาขึ้นไปจะให้อัปยศอดสู
จะมาล่อลวงเล่นเหมือนเช่นชู้สุดรู้ที่น้องจะตามไป
ฯ ๘ คำ ฯ
ปีนตลิ่ง
๏ เจ้าเอยเจ้าพี่ไม่พอที่จะพะวงสงสัย
ใช่จะกล่าวแกล้งแสร้งใส่ไคล้สิ่งไรมิจริงไม่เจรจา
พี่เป็นมนุษย์สุดวิสัยจะอยู่ในนทีคูหา
นี่มาได้ด้วยฤทธิ์วิทยาแม้นประมาทไม่ช้าจะบรรลัย
ถ้าอยู่ได้ไม่ร้างห่างห้องจริงจริงนะน้องอย่าสงสัย
จะลดเลี้ยวเบี้ยวบิดตะกูดไปเหมือนเจ้าไม่เมตตาปรานี
น้อยหรือรักเจ้าสักเท่าพ้อมยังไม่ยอมพร้อมใจไปด้วยพี่
จะเฝ้าวอนงอนง้อไปไยมีค่อยอยู่จงดีพี่ขอลา
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ สุดเอยสุดใจน้องไม่เบี่ยงบิดประดิษฐ์ว่า
เจ้าอย่าพะวงสงการตัวข้าได้บอกแต่เดิมที
ว่าฝูงกุมภาสิ้นทั้งผองอยู่ในถ้ำทองเกษมศรี
เดชะด้วยฤทธิ์แก้วมณีกุมภีล์จีงเป็นมนุษย์ไป
มีธุระจะออกไปนอกถ้ำถึงน้ำกลับเพศตามวิสัย
นี่แหละเป็นความจนใจไปได้หรือจะไม่ไปตาม
ข้าก็ได้บอกแล้วแต่หนหลังเจ้าก็ไม่หยุดยั้งฟังห้าม
ก่นแต่เฝ้าเย้ายวนลวนลามมันเป็นความงามหน้าแล้วครานี้
เมื่อผิดอย่างต่างชาติต่างวิสัยจะอยู่ด้วยกันได้ก็ใช่ที่
ไม่ช้าไม่พลันกี่วันมีจะมาหนีน้องไปให้ได้อาย
ฯ ๑๐ คำ ฯ
โอ้โลมนอก
๏ น้องเอยน้องรักเจ้าอย่าพักก้าวเฉียงเบี่ยงบ่าย
เห็นแล้วว่าสมัครรักพี่ชายจึงอุบายบิดเบือนเชือนแช
น้อยหรือนั่นชั้นเชิงมิดชิดป้องปิดมิดเม้นไม่เห็นแผล
แสนงอนอ่อนคอทำท้อแท้เรรวนปรวนแปรไม่ปรองดอง
ถ้าเจ้าจะเอออวยไปด้วยพี่จะเสียทีไม่ถนัดขัดข้อง
เสมือนหนึ่งรักพี่เสียดายน้องถ้ำทองเป็นสุขสนุกสบาย
ด้วยกุมภีล์หนุ่มหนุ่มประชุมพร้อมบริวารแวดล้อมเหลือหลาย
แต่ล้วนรูปนิมิตบิดเบือนกายจึงเสียดายเต็มทีอยู่มิไป
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ น้ำเอยน้ำคำเจ็บอกปิ้มป้ำน้ำตาไหล
แม้นมิว่าบ้างเลยจะเคยใจนางจึงตอบคำไปด้วยโกรธา
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เจ้าเอยเจ้าไกรทองขอโทษเถิดใช่นอ้งจะแกล้งว่า
เจ้าอุตส่าห์ประดาน้ำดำลงมาค้นคว้าหาน้องที่ห้องใน
เจ้าก็จุดธูปเทียนเวียนส่องทั่วหม่อมผัวจะงมมาก็หาไม่
ก็ย่อมเห็นย่อมรู้อยู่แก่ใจที่ในชั่วดีวิมาลา
ไม่เห็นหรือหนุ่มหนุ่มในห้องน้องมันออกซ้องเสียนักอย่าพักว่า
ชั่วจริงเจ้าเอ๋ยชาติกุมภาใครเข้ามาก็พลอยพุดสะรุด
ถึงเจ้าก็เป็นคนไม่พ้นชั่วมาเกลือกกลั้วสตรีไม่บริสุทธิ์
เสียชาติญาติวงศ์พงศ์มนุษย์เป็นบุรุษโหดไร้น้ำใจพาล
มางงงวยด้วยหญิงแพศยาจนหน้าตาหมองคล้ำดำด้าน
เจ้าเป็นคนมนตร์เวทเชี่ยวชาญวิชาการมิเสื่อมก็จำคลาย
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เจ้าเอยเจ้าคารมปากคอพอสมกับเป็นม่าย
แสนรู้ร้อยอย่างช่างอุบายยักย้ายหลายทำนองว่องไว
มิเสียทีที่เป็นเมียชาลวันน้อยหรือนั่นบุญหนักศักดิ์ใหญ่
น่าหัวผัวตายประเดี๋ยวใจไม่ทันไรหรือมาเป็นเช่นนี้
หญิงร้ายแพศยาสามานย์เขาขี้คร้านคบหาให้เสียศรี
เจ้าเอ๋ยแพศยากุมภามีอย่างนี้เจียวสิหว่าจะตราไว้
ถ้ารู้เหตุผลแต่ต้นมาที่จะไว้ชีวาอย่าสงสัย
อันน้ำใจสตรีนี้ไซร้ยากที่จะหยั่งได้ดังจินดา
พระมหาสมุทรสุดลึกซึ้งถ้าจะหยั่งให้ถึงก็ง่ายกว่า
หญิงสามร้อยกลมารยาสุดที่จะศึกษาให้แจ้งใจ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ น่าเอยน่าหัวจริงแล้วคะข้าชั่วหาเถียงไม่
อายแก่ผีสางบ้างเป็นไรนี่ใครใช้ให้เจ้ามาคบค้า
ข้าเจียมตัวกลัวความหนามเสี้ยนมุดเมื้ยนอยู่หานี่ประสีประสา
เมื่อเจ้าซานซนงมงายมามิลืมตาขึ้นดูเสียก่อนเลย
คิดมาก็น่าสมเพชผัวมาพลอยชั่วด้วยข้านิจจาเอ๋ย
เหมือนพระยาราชหงส์เข้าดงเตยจะก้มเงยหนามเหนี่ยวเกี่ยวยับ
ขนข้างหางปีกไม่เหลือหลอเขาคั้นคอสิ้นเสียงใส่เขียงสับ
ไม่พอที่จะกล้าเข้ามารับเอาอาภัพอัปรีย์ใส่ตัว
เท่านั้นเถิดเป็นไรเจ้าไกรทองได้หม่นหมองแปดปนกับคนชั่ว
เสียเดชเวทมนตร์จนมืดมัวเชิญไปชำระตัวเสียเป็นไร
ถึงมิอยู่จะไปก็ให้งามอย่าเอาความอัปรีย์มาใส่ให้
รู้ว่าเจ้าอย่าว่าให้หนักไปอัชฌาอาศัยแต่พอควร
อย่าเพ่อสาวไส้ให้กาทิ้งอื้ออึงลือเลื่องเครื่องคนสรวล
เหนื่อยปากขี้คร้านต้านสำนวนอันกระบวนของเจ้าข้าเข้าใจ
ซึ่งกว่าสามร้อยกลสตรีมากมีเสียเปล่าไม่เอาได้
ไม่เหมือนบุรุษนี้สุดใจว่าไว้สามสินสองกล
ทำโกหกพกลมล่อลวงหึงหวงด่าว่าเหมือนบ้าบ่น
สารพัดตัดพ้อล่อชนเถิดข้าเสียกลเจ้าคนคต
ฯ ๑๘ คำ ฯ
             

๏ น้อยเอยน้อยหรือนางคนซื่อสารพันขยันหมด
ก่นแต่ติเตียนเวียนประชดจริงแล้วคะข้าคดไม่งดงาม
มันจะเหมือนผัวเก่าของเจ้าหรือสุดซื่อแล้วเจ้าเอ๋ยอย่าเย้ยหยาม
แต่ออกชื่อชาลวันก็ครั่นคร้ามสุดคิดจะติดตามให้ต้องใจ
ไหนนั่นความชั่วตัวอัปรีย์ว่าพี่มาปรำซ้ำใส่ให้
เมื่ออื้ออึงไปเองไม่อายใจกลับว่าสาวไส้ให้กาทึ้ง
เจ้าสินสนักสำบัดสำนวนทั้งกระบวนกระบิดติดปั้นปึ่ง
ดังหนองน้ำลำธารอันเซาะซึ้งเป็นที่พึ่งสารพัดไม่ขัดใคร
เลื่องลืออื้ออึงพี่จึงมาหวังจะพาไปชมคารมใหญ่
ให้ฟุ้งเฟื่องทั้งเมืองพิจิตรไว้เขาจะได้ชมรสวาจา
จะชมทั้งกิริยามารยาทเชื้อชาติโฉมนางต่างภาษา
เจ้าจะได้เห็นหัวผัวกุมภาอยู่ที่ศาลเทวาอารักษ์บน
รำลึกถึงเมื่อไรจะไปเยือนก็พอเคลื่อนคลายได้ไม่ขัดสน
ล้วนหนุ่มหนุ่มประชุมชอบกลเขาเคยไปบวงบนบูชา
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เจ็บเอยเจ็บใจช่างพิไรเสกสรรรำพันว่า
สารพัดจัดให้วิมาลาสมน้ำหน้าแล้วสิสนัดใจ
อันศาลเจ้าที่หัวผัวเก่าอยู่ข้าไม่รู้แห่งหนตำบลไหน
ทำตีอกยกมือขออภัยเห็นแต่หัวผัวใหม่ที่งมมา
อะไรไม่หยุดหย่อนเฝ้าค่อนแคะนั่นแหละพอสมกับแพศยา
แต่กุมภีล์เท่านั้นไม่คัณนายังซ้ำมนุสสาจึงสมใจ
เขาจะได้เชิดชื่อลือทั่วว่าหญิงชั่วตัวเจ้ามารักใคร่
จะปรากฏยศศักดิ์ของหม่อมไกรสืบไปชั่ววงศ์พงศ์พันธุ์
ถ้าเห็นงามตามแต่จะเมตตาฝ่ายข้าไม่รังเกียจเดียดฉันท์
จะชูราศีหม่อมขึ้นทุกวันเหมือนเอาจันทน์เฉลิมเจิมจุณ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ลมเอยลมเติบอย่ากำเริบนักนะมักจะวุ่น
สัญชาติจระเข้เนรคุณทำบุญไม่ขอพบสบใจ
ชะนางตัวขยนกลั่นกล้าราคาสองสลึงหาถึงไม่
ถึงจะเสียมีดหมอก็เสียไปหาด้ามทำใหม่ประเดี๋ยวเดียว
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ น่าเอยน่ากลัวหม่อมผัวโกรธาจนตาเขียว
ส่วนว่าเขานั้นขยันเจียวเขาว่าบ้างเข่นเขี้ยวจะฆ่าตี
เหตุว่าเจ้าดีมีฝีมือเอาเถิดให้เขาลืออึงมี่
เขาจะได้ว่าเจ้าห้าวหาญดีฆ่าฟันสตรีให้บรรลัย
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เหลือเอยเหลืออดยังประชดประชันน่าหมั่นไส้
อย่าพักท้าทายมากมายไปเขาจะเกรงอะไรกับนินทา
หญิงร้ายปากกล้าไม่น่าเลี้ยงคนผู้จะดูเยี่ยงไปภายหน้า
ฉวยชักมีดหมอที่เหน็บมาทำเป็นโกรธาจะฆ่าตี
จะไปไหนเล่าเจ้าคนคมเอาคารมตั้งหน้าแล้วอย่าหนี
น้ำตาคลอตาน่าปรานีชะช่างทำทีให้อ่อนใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ได้เอยได้ฟังยิ่งคั่งแค้นอกหมกไหม้
กระทีบเท้าเกาหัวแล้วว่าไปช่างกระไรไม่คิดเวทนา
เห็นตัวน้องเป็นชาติกุมภีล์ล้วนมีแต่ขู่เข็ญจะเข่นฆ่า
เหน็บแนมเต้มเติมเต็มประดาหยาบช้าลิ้นลมไม่สมตัว
เป็นเคราะห์เพราะหลงด้วยถ้อยคำจึงกระหน่ำซ้ำว่าจนหน้าชั่ว
เจ้าได้ร่วมรักก็เพรากลัวข้าจึงได้มีผัวถึงสองคน
รู้แล้วว่าหม่อมไม่เมตตาจะทิ้งขว้างร้างหย่าไว้กลางหน
เจ้าอย่าพักเคลือบไคล้ใส่กลเห็นว่าจนอยู่ที่จะตามไป
ถึงน้องจะรักใคร่ให้ใจขาดไนจะอาจเอออวยไปด้วยได้
จะเอาทีว่าชวนแล้วมิไปแจ้งใจอยู่แล้วอย่าเจรจา
ว่าพลางนางร่ำร้องไห้น้ำตาไหลโซมซาบอาบหน้า
โอ้แต่นี้ไปนะอกอาจะบ่ายหน้าไปพึ่งผู้ใด
ทั้งนี้เป็นต้นเพราะผลกรรมชักนำทำชั่วมีผัวใหม่
คิดแค้นขึ้นมาไม่ว่ากระไรเข้าหยิกข่วนเจ้าไกรแล้วโศกา
ฯ ๑๔ คำ ฯ โอด
ชาตรี
๏ ยอดเอยยอดมิ่งความจริงพี่ก็รักเจ้าหนักหนา
พี่ขู่หยอกดอกเจ้าอย่าโกรธาไม่ทิ้งขว้างร้างหย่าจะพาไป
ซึ่งกลัวว่าจะกลายเป็นกุมภีล์ไม่อาจออกจากที่ถ้ำได้
พี่จะลงเลขยันต์กันไว้มิให้รูปกลับเป็นกุมภีล์
อย่านิ่งนั่งไถลทำไขหูจะไปหรือจะอยู่ให้รู้ที่
รำคาญขี้คร้านเซ้าซี้เมื่อมิไปแล้วก็แล้วไป
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ ได้เอยได้แจ้งมิรู้แห่งจะทำกระไรได้
ทั้งรักทั้งแค้นแน่นใจแค้นใครไม่เท่าเจ้าไกรทอง
คิดถึงความรักก็ชักแชจะใคร่แร่รวยตามไปคล่องคล่อง
แล้วถอยหลังดำริตริตรองเกลือกพวกพ้องลูกเมียของเขามี
คิดพลางทางว่าแก่เจ้าไกรไฮ้อะไรรำคาญหูจู้จี้
เจ้าจะพาน้องไปด้วยนี้ก็ตามทีมิขัดจะไปตาม
แต่เกรงเกลือกเจ้าจอมหม่อมเมียหลวงจะหึงหวงจ้วงจาบหยาบหยาม
จะว่าน้องโฉดเขลาเบาความไม่ไต่ถามตามผัวเขาขึ้นไป
น้องจะได้อัปยศอดสูจะแลดูหน้าคนกระไรได้
จะซ้ำร้ายอายยิ่งกว่าทิ้งไว้เจ้าจงตรึกไตรดูให้ดี
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ แสนเอยแสนแขนงช่างกล่าวแกล้งบิดเบือนเชือนหนี
ประเดี๋ยวใจไพล่ยักไปอย่างนี้ร้อยสี่ร้อยอย่างช่างว่าไป
เดิมทีทำกระบวนรวนเรกลัจะเป็นจระเข้ไม่ไปได้
พี่รับจะลงยันต์กันไว้มิให้กลับเพศเป็นกุมภา
ก็ขัดสนจนอยู่ที่ข้อนั้นกลับหันว่าลูกเมียจะด่าว่า
นี่หรือว่ารักแกล้งชักช้าแต่แย้มมาก็เห็นว่าล่อลวง
ลูกเมียของพี่ก็มีอยู่แต่เขาไม่รู้หึงหวง
พี่จะปราบปรามความทั้งปวงมิให้จาบจ้วงล่วงเกินน้อง
อย่าสงสัยว่าจะได้เคืองระคายอับอายเพื่อนบ้านร้านช่อง
ถ้าสมัครรักจริงจงปรองดองเร่งแต่งตัวเถิดน้องจะด่วนไป
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นวิมาลานารีศรีใส
ความรักกลัดกลุ้มคลุ้มใจกลัวเจ้าไกรทองจะหมองมัว
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้ร่าย
๏ จึงลุกเข้าไปในห้องจัดแจงสิ่งของจะตามผัว
ผ้าผ่อนเงินทองของแต่งตัวแหวนหัวแหวนมณฑปครบครัน
แล้วเลือกของรักใคร่ใส่กระทายมากมายสารพัดจัดสรร
พลางพิศดูห้องแก้วแพรวพรรณเตียงสุวรรณเคยนอนแต่ก่อนมา
เสียดายของต่างต่างอย่างดีเสียดายดวงมณีในคูหา
มีคุณแก่ฝูงกุมภาจะปรารถนาสิ่งใดก็สมคิด
ให้อิ่มไปด้วยทิพอาหารไม่มีความรำคาญแต่สักหนิด
โอ้แต่นี้ไปจะมืดมิดเร่งคิดสร้อยเศร้าโศกา
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
สามเส้า
๏ เมื่อนั้นโฉมเจ้าไกรทองพงศา
ค่อยย่องตามนางวิมาลาเข้ามายังที่ห้องใน
เห็นนางโศกศัลย์เศร้าหมองเป็นห่วงด้วยข้างของไม่ไปได้
จึงร่ายเทพรำจวนป่วนใจเป่าไปให้ต้องนางกุมภีล์
แล้วแกล้งแสร้งว่านี่แน่น้องเจ้าสิยังขัดข้องหมองศรี
เป็นห่วงบ่วงใยอยู่เต็มทีจะมิไปด้วยพี่ก็ตามใจ
เจ้าค่อยอยู่จงดีพี่ขอลาจะคอยท่าช้านักนั้นไม่ได้
ว่าพลางทางเดินออกไปทำนองลองใจวิมาลา
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นวิมาลาโศกศัลย์หนักหนา
ต้องเทพรำจวนป่วนวิญญาณ์ให้แสนเสน่หาเป็นสุดคิด
ซึ่งอาลัยในของทั้งหลายไม่มีความเสียดายแต่สักหนิด
นึกแต่จะภิรมย์ชมชิดนางจึงลุกติดตามไป
ฉวยฉุดชายผ้าเจ้าไกรทองจะทิ้งน้องเสียแล้วหรือไฉน
น้องได้ว่าหรือจะมิไปจึงมาตัดอาลัยไคลคลา
พ่อเจ้าไปไหนจะไปด้วยถึงชีวิตจะม้วยก็ไม่ว่า
ว่าพลางนางจูงมือมาคืนเข้าคูหาห้องทอง
เมียจัดไว้สำเร็จเสร็จสรรพสินทรัพย์สารพันข้าวของ
อีกทั้งแก้วแหวนเงินทองเจ้าจงท่าน้องบัดเดี๋ยวใจ
จะอาบน้ำทาแป้งแต่งตัวหวีหัวผัดหน้านุ่งผ้าใหม่
ว่าแล้วกลับคืนเข้าห้องในลูบไล้กระแจะแป้งแต่งกายา
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นโฉมเจ้าไกรทองพงศา
เปรมปริ่มยิ้มย่องต้องวิญญาณ์ด้วยนางวิมาลาจะคลาไคล
ครั้นเห็นนางแต่งตัวสรรพเสร็จจึงถอดแหวนเพชรที่นิ้วใส่
เสกด้วยวิทยาเรืองชัยเอาใส่ในมวยผมกัลยา
แล้วลงยันต์เลขเสกซ้ำปิดประจำท่ามกลางเกศา
มิให้นวลนางวิมาลากลับคืนกายาเป็นกุมภีล์
แล้วจุดเทียนระเบิดเลิศล้ำออกจากถ้ำนำนางสาวศรี
มาตามเปลวปล่องช่องนทีวารีแหวกกว้างเป็นทางไป
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ขึ้นจากฟากฝั่งมหาสมุทรจะยั้งหยุดอยู่ช้าก็หาไม่
พานางย่างเยื้องคลาไคลเข้าในเมืองพิจิตรพารา
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
             

๏ ครั้นถึงซึ่งสวนเศรษฐีไม่ใกล้ไกลกับที่เคหา
จึงแวะนั่งยั้งหยุดในศาลามีฝายกพื้นอยู่ห้องใน
แล้วเล้าโลมโฉมนางกุมภีล์เจ้าพี่อย่าร้อนรนหม่นไหม้
จงอยู่คนเดียวประเดี๋ยวใจพี่จะไปบอกสองภรรยา
ว่ากล่างน้าวโน้มเสียให้ดีมิให้มีเคียดขึ้งหึงสา
พี่ไปสักครู่ไม่อยู่ช้าจะกลับมารับเจ้าเข้าไป
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นโฉมนางวิมาลาศรีใส
ค้อนให้แล้วตอบว่าขอบใจเจ้าจะทิ้งน้องไว้เอกา
เกลือกว่าศัตรูรู้แยบคายมันจะมาทำร้ายริษยา
ด้วยข้าเป็นชาติกุมภาใครเลยจะมาปรานีน้อง
แม้นหม่อมไปไหนจะไปด้วยบุญเจ้าจะได้ช่วยปกป้อง
ว่าพลางนางยุดเจ้าไกรทองชิงปิดประตูห้องศาลา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นฝ่ายว่าตาเฒ่าทาสา
กับยายทาสีภริยาสำหรับรักษาสวนดอกไม้
เห็นเจ้าไกรทองพาชู้มาหยุดอยู่ศาลาอาศัย
สองเฒ่าทุรังจังไรคิดจะไปบอกนายเอาหน้าตา
ไม่ทันเก็บดอกไม้ใส่กระจาดฉวยผ้าขาวขาดขึ้นพาดบ่า
ปิดประตูเข็นกระไดมิได้ช้ายายตางกงันมาทันที
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ มาเอยมาถึงจึงเขาไปบ้านท่านเศรษฐี
เห็นสองกัลยานารีอยู่ที่หอกลางวางเข้าไป
บอกนางตะเภาทองตะเภาแก้วที่นี้งามแล้วทั้งห้าไร่
ไหนหม่อมผู้ชายว่าหายไปบัดนี้มาอยู่ในศาลา
พาผู้หญิงคนหนึ่งมาด้วยรูปรวยสวยสมผมประบ่า
งามประหลาดเหลือล้นพ้นปัญญาพี่น้องสองราจงแจ้งใจ
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นโฉมนางตะเภาทองผ่องใส
ทั้งนางตะเภาแก้วแววไวครั้นได้ข่าวผัวตัวเป็นเกลียว
จึงว่าดูเอาหรือเจ้าไกรว่าจะไปหาครูสักประเดี๋ยว
มิรู้ช่างโป้ปดลดเลี้ยวไปเที่ยวเกี้ยวชู้แล้วพามา
น้อยหรือทำได้เป็นไรมีแม้นมิอึงคะนึงก็จึงว่า
อีคนไรรูปงามที่ตามมาจะออกไปดูหน้ามันกล้าดี
ว่าพลางทางเรียกหาข้าไทไม่ทันใจโกรธขึ้งอึงมี่
ลงจากเรือนพลันทันทีทาสีพี่เลี้ยงก็ตามไป
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงสวนก็ชวนกันหยุดอยู่ยังประตูศาลาอาศัย
ค่อยย่องมองดูเข้าไปเห็นคนไวไวอยู่ในนั้น
นางยิ่งกริ้วโกรธโกรธานุ่งผ้าโจงกระเบนเหน็บมั่น
โมโหหวงหึงดึงดันสองพี่เลี้ยงนั้นยิ่งให้ใจ
จึงเข้าคึกคักผลักประตูเห็นมั่นคงอยู่ไม่หวาดไหว
พี่น้องจึงร้องว่าไปใครอยู่ข้างในจงเปิดรับ
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองเอนหลังยังไม่หลับ
ได้ยินเรียกเข้าไปตกใจวับลุกขยับสับสนลนลาน
จึงร้องทักออกไปว่าใครนั่นไม่เกรงใจกันทำหักหาญ
ครั้นแจ้งว่าสองนงคราญออกมาดันบานประตูไว้
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสองนางหุนหันหมั่นไส้
จึงว่าอุแหม่แน่เจ้าไกรหนีไปแทบถึงสักกึ่งเดือน
แต่คอยคอยนั่นน้อยไปหรือนี่โหยกเหยกอย่างนี้ไม่มีเหมือน
มาแล้วทำไมไม่ไปเรือนยังแชเชือนชักช้าอยู่ว่าไร
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองฟังคำทำไถล
พูดจากุกกักกระอักกระไอเก้อเก้อแก้ไขไปตามจน
พี่จะเข้าไปบ้านเดี๋ยวนี้พอเดินมาถึงนี่ก็ปะฝน
เห็นศาลาฝารอบชอบกลจึงแวะนั่งหนีฝนอยู่บนนี้
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นวิมาลาอกสั่นขวัญหนี
จึงถามเจ้าไกรไปทันทีใครนี่องอาจประหลาดนัก
จะเป็นเมียของเจ้าหรือเขาอื่นเข้ามายืนเรียกอยู่ดังรู้จัก
หรือพี่ป้าย่ายายมาทายทักจงบอกเมียรักให้แจ้งใจ
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองยิ้มแห้งแถลงไข
ซึ่งมาเรียกพี่บัดนี้ไซร้โฉมงามทรามวัยตะเภาทอง
ทั้งนางตะเภาแก้วแววตาภรรยาของพี่ทั้งสอง
เจ้าอย่าตกใจไปเลยน้องพี่มิให้ขัดข้องเคีองกัน
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสองนางโกรธผัวจนตัวสั่น
เรียกหาข้าไทให้ช่วยกันเข้าผลักดันประตูดูลอง
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ลิ่มสลักหักโค่นไม่ทนได้สองนางวางเข้าไปในห้อง
ชี้หน้าว่าชะเจ้าไกรทองช่างปดเล่นคล่องคล่องสบายใจ
ไหนว่าจะไปหาพระอาจารย์เป็นที่นมัสการอันโตใหญ่
คือเธอองค์นี้แล้วหรือไรซึ่งนิมนต์มาไว้ในศาลา
เป็นไรไม่เอาเครื่องบริขารมาถวายพระอาจารย์ให้หนักหนา
จะพลอยพกโมโหโมทนาสาธุศรัทธาเต็มที
หม่อมลูกศิษย์คิดอ่านไปหาเพลยกประเคนให้ฉันเสียที่นี่
มานั่งขึงเขินค้างอยู่อย่างนี้เป็นไรมิมัสการท่านครูมา
ว่าแล้วนวบลนางตะเภาทองบอกน้องตะเภาแก้วเสน่หา
อีคนนี้มันชื่อวิมาลาเป็นเมียชาลวันที่บรรลัย
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองเมียงเมินเดินเข้าใกล้
ทำแก้ขวยฉวยมืออย่าอื้อไปจะบอกควาในใจให้เจ้ารู้
เดิมทีพี่ไปหาพระอาจารย์คิดอ่านว่าจะบวชให้ชวดอยู่
เพราะโลกีย์เจ้ากรรมมันทำพูสุดรู้ที่จะทนพ้นปัญญา
เป็นห่วงด้วยชู้เมียเสียไม่ได้ให้อักอ่วนป่วนใจเป็นนักหนา
ตะวันชายบ่ายหน่อยพี่กลับมาคิดถึงวิมาลานารี
พี่จึงไปพาเอามาไว้หวังจะให้เป็นเพื่อนน้องสองศรี
ครั้นจะบอกเจ้าแต่เดิมทีไหนนางนารีจะผ่อนตาม
บุราณท่านว่าไว้กระไรน้องชายมีเมียสองนั้นต้องห้าม
มักเกิดกลียุคลุกลามจึงหาให้เป้นสามตามตำรา
ขอเสียเถิดแม่คุณอย่าหุนหันจงสมัครรักกันดีกว่า
เพื่อนบ้านร้านช่องจะลือชาว่าพี่น้องสองราเจ้าใจดี
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนวลนางพี่น้องสองศรี
ได้ฟังวาจาสามีชำเลืองแลดูทีวิมาลา
ยิ่งคิดยิ่งแค้นถึงความหลังมิได้ฟังเจ้าไกรทองว่า
จึงตอบไปด้วยใจรามาเจ้าช่างไปคบหาแต่ที่ดี
ถ้าเป็นคนอื่นไกลน้องไม่ว่าจะร่วมเรียงเคียงหน้าก็ควรที่
นี่มันชาติทรชนคนไพรีเห็นดีหรือเจ้าเอามาไว้
ว่าแล้วพี่น้องจึงร้องถามชะนางรูปงามได้ผัวใหม่
ทำเจ๋อเจ๊อะสะเออะหน้าหม่อมไกรช่างติดตามมาได้ไม่มีอาย
เอาผัวกูไปไว้ถึงเจ็ดคืนยังไม่หายรวยรื่นหรือโฉมฉาย
หรือว่าชาลวันที่อันตรายแยบคายไม่เหมือนเจ้าไกรทอง
แต่ผัวกุมภีล์แล้วมิหนำยังแถมซ้ำมนุษย์เข้าเป็นสอง
ไสหัวลงไปเสียท้องคลองเดียรฉานจองหองไม่เจียมตัว
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นวิมาลาได้ฟังนั่งเกาหัว
ครั้นจะว่าบ้างนางก็กลัวเจ้าไกรทองผู้ผัวจะโกรธา
แต่อดอดก็เหลือที่อดกลั้นปากคันยิบยิบกระซิบด่า
โมโหหันหุนหมุนออกมาเคืองขัดสะบัดหน้าแล้วว่าไป
นี่แม่นางพี่น้องสองคนเจ้ามาบ่นมาว่าเหมือนบ้าใบ้
เขาจูงจมูกหม่อมไปหรือไรหม่อมผัวเจ้าลงไปทำวุ่นวาย
เพราะจวนตัวกลัวตายวายชีวิตใช่จะปลงลงจิตด้วยง่ายง่าย
เจ้าอย่าเพ่อติฉินยินร้ายเป็นหญิงย่อมอายอยู่เหมือนกัน
เจ้าก็เคยรู้เช่นเป็นอยู่บ้างคิดดูก่อนนางอย่าหุนหัน
อันเจ้าไกรทองกับชาลวันจะเป็นกระไรกันก็แจ้งใจ
ซึ่งข้าตามผัวเจ้าขึ้นมาด้วยกลัววิทยาไม่ขัดได้
เมื่อเจ้าตามผัวข้าลงไปเป็นไรไม่ยั้งหยุดคิด
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ ได้เอยได้ฟังตะเภาทองแค้นคั่งเคืองจิต
เจ็บแสบแปลบใจดังไฟพิษด้วยว่าถูกที่คิดก็โกรธา
กระทืบเท้าก้าวเดินเข้าไปใกล้ถ่มน้ำลายรดให้แล้วร้องว่า
เดิมทีผัวมึงอ้ายกุมภาขึ้นมาคร่าคาบกูลงไป
แล้วจำแลงแปลงตัวเป็นมนุษย์ฉวยฉุดยุดมือถือไหล่
จำเป็นเสียตัวด้วยกลัวภัยกูมิได้จงจิตไปติดตาม
ไม่เหมือนอีอุบาทว์ชาติกุมภีล์ตัวกะลีกะลำส่ำสาม
ลอยหน้าลอยตาว่าข้างามแต่งจริตติดตามผัวกูมา
กูจะว่าให้สาสมใจอีจัญไรร้อยแปดแพศยา
แม้นไม่เข็ดหลาบยังหยาบช้าจะให้ข้ากูตบไสคอไป
ฯ ๑๐ คำ ฯ
             

๏ แค้นเอยแค้นนักสุดที่จะห้ามหักโมโหได้
จะเป็นไรก็ให้เป็นไปกูหากลัวมึงไม่อีพี่น้อง
ชะช่างขึ้นหน้าว่าเมียหลวงหึงหวงจ้วงจาบจองหอง
ไม่รู้จักหรือเจ้านางตะเภาทองไหนไหนมันก็สองเหมือนกัน
จริงแล้วคะร้อยแปดแพศยาจึงลอยหน้าทะเลาะผัวจนตัวสั่น
เป็นไรเจ้ามิประจบให้ครบพันจะได้สมใจมันอีมนุษย์
เออน้อยไปหรือนั่นท่านผู้หญิงขยันยิ่งโมโหโยไม่หยุด
สารพัดบัดสีอีมนุษย์เมื่อมึงมุดไปเอาผัวกูนั้น
กูก็ว่าบ้างไว้บ้างไม่สิ้นชาติสิ้นยางพอเต็มกลั้น
แล้วแล้วก็ดีไปด้วยกันคุณของกูนั้นมึงคิดดู
ครั้นผัวมึงไปพากูขึ้นมาจะให้ข้าต่อยตบทำลบหลู่
กล้าดีมึงเข้ามาลองดูอันกูจะถอยอย่าสงกา
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นตะเภาแก้วโกรธขึ้งหึงสา
เจ็บช้ำด้วยคำวิมาลาหยาบช้าสาหัสยิ่งขัดใจ
อันนางตะเภาทองผู้พี่จะว่ากล่าวข่มขี่มันไม่ได้
ด้วยเนื้อความทั้งสองข้างไซร้ก็กระไรกระไรอยู่เหมือนกัน
คิดพลางนางออกสกัดว่าเหวยอีกุมภาตัวขยัน
ปากกล้าหน้าด้านดึงดันจะประชันให้ชนะไม่ละลด
ชอบแต่จิกหัวมาตบเล่นให้เพื่อนบ้านเข้าเห็นเสียให้หมด
จึงจะสมที่มึงมีพยศให้รู้รสรู้จักฝีมือไว้
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ น่าเอยน่าหัวช่างเปลี่ยนตัวเปลี่ยนหน้าเข้ามาใหม่
มันสะเทือนไปถึงมึงหรือไรใครช่างให้พี่สาวลำเลิกกู
ครั้นตอบพี่มึงถึงแต้มอีแสนแนมซื้อหน้าเข้ามาสู้
นางตัวกล้ามาค้าคารมดูทำกูดูเล่นก็เป็นไร
ขึ้นหน้าว่าเป็นเจ้าผัวอันจะให้กูกลัวอย่าสงสัย
ถึงกูเป็นชาติกุมภีล์ไซร้ก็ไม่โฉดโหดไร้เหมือนมึงนี้
อีมนุษย์อุบาทว์ชาติชั่วพี่น้องร่วมผัวน่าบัดสี
ขาดสามสี่วันไม่ทันทีเป็นกุลำกุลีทะยานใจ
เมื่อและเจ้าขาดลงมิรอดเป็นไรไม่กอดไว้ให้ได้
เย้ายวนชวนชมภิรมย์ใจอย่าให้ว่างเว้นสักเวลา
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ อีเอยอีหัวพลัดสารพัดรู้ตลอดสอดว่า
ก็กูร่วมผัวกันมาบิดายกให้จึงได้ครอง
กูไม่เหมือนมึงอีหน้าเป็นลักเล่นผัวเขาทำจองหอง
มึงอวดกล้าท้าดีจะตบลองจะร้องฟ้องโรงศาลก็เร่งไป
ทำให้สมน้ำหน้าสาหัสเอาฟันเล่นกำตัดเสียให้ได้
ถึงจะเสียสินไหมพินัยมากน้อยเท่าไรก็ตามที
ว่าพลางนางเรียกปลื้มอาลัยกับข้าไทถ้วนหน้าทาสี
นั่งนิ่งอยู่ไยอีเหล่านี้ช่วยกันตบตีให้หนำใจ
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้นสาวสาวบ่าวหญิงไม่นิ่งได้
คาดอกถกเขมรวางเข้าไปหมายใจจะตบตีวิมาลา
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เห็นเจ้าไกรทองออกกางกั้นความกลัวตัวสั่นล้มถลา
วิ่งปะทะกันอยู่ไปมาทาสาขัดสนจนใจ
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นวิมาลาแค้นขัดอัชฌาสัย
โมโหหุนหันกลั้นกลืนไว้นางมิได้ครั่นคร้ามกลัวเกรง
จึงว่าเอออะไรเจ้าไกรทองช่างพาน้องมาให้เขาข่มเหง
สารพัดตัดพ้อครื้นเครงแต่เมียเจ้าเองไม่น้อยใจ
นี่ใช้ให้ขี้ข้าทาสีมาหยาบช้าด่าตีหาควรไม่
ไหนว่าจะปราบปรามเมียไว้มิให้หึงหวงวุ่นวาย
ครั้นจนเข้าจริงก็นิ่งเสียให้หม่อมเมียมาด่าเล่นง่ายง่าย
เจ้าก็เป็นคนฉลาดชาติชายไม่เสียดายวงศ์วานว่านเครือ
ดีจริงนิ่งเฉยไม่เงยหน้าดูเหมือนกลัวภรรยายิ่งกว่าเสือ
คิดว่ามีเหล่ากอหน่อเนื้อจึงงวยงงหลงเชื่อตามมา
แม้นรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้จะสู้ตายอยู่ที่คูหา
ถึงจะฟันฟอนรอนราจะก้มหน้าให้ทำไม่กลัวตาย
ทั้งนี้เป็นต้นเพราะคนคดจะจำจดจารึกด้วยหมึกหมาย
คิดโมโหหวงแหนแสนร้ายเข้าหยิกข่วนตะกายเอาเจ้าไกร
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองบ่นออดทอดใจใหญ่
จะห้ามปรามผ่อนปรนก็จนใจเอออะไรกระนี้มันดีจริง
นางพี่น้องสองก็ล้นเหลือบ้าโลหิตขวิดเฝือเหมือนมหิงส์
นางวิมาลาเล่าก็เพราพริ้งน้อยหรือนั่นท่านผู้หญิงทั้งสามคน
เจ้าคารี้สีคารมไม่สมหน้าเหมือนอีแม่ค้าปลาที่หัวถนน
ขึ้นเสียงเถียงทะเลาะลนลนจะกรวดน้ำคว่ำคะนนเสียเดี๋ยวนี้
จะเขียนหนังสือหย่าสักห้าใบขีดแกงไตให้ดูอย่าจู้จี้
ทำประหนึ่งขึ้งโกรธเต็มทีเดินหนีออกไปเสียให้พ้น
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นวิมาลาตามไปพิไรบ่น
เจ้าพาน้องขึ้นมาถึงเมืองคนคิดว่าจะเป็นผลสืบไป
มิรู้กลับอับอายขายหน้าสุดปัญญาที่จะงดอดได้
ว่าพลางทางกอดเจ้าไกรสะอึกสะอื้นไห้ไปมา
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองปลอบนางพลางว่า
พี่รักเจ้าจริงจริงจึงพามาใช่ว่าจะให้เป็นเช่นนี้
อันโมโหผู้หญิงนี้ยิ่งยวดจะชวดสวดเสียเปล่าเฝ้าจู้จี้
มาถึงจะไปบอกแต่เต็มทีเจ้าฉุดชายผ้าพี่มิให้ไป
จึงเกิดเหตุเภทภัยขึ้นทั้งนี้สุดที่จะดับไฟหัวลมได้
เจ้าอย่าละห้อยน้อยใจมิใช่จะให้เสียสัญญา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสองนางแค้นคิดอิจฉา
แลไปเห็นนางวิมาลาฟูมฟายน้ำตาก็ขัดใจ
ร้องว่าเหวยเหวยอีกุมภีล์เล่ห์กลมึงดีทำร้องไห้
แกล้งชะอ้อนวอนชู้หรือไรจะให้มาทำไมกับกู
กลับมาขึ้นเสียงเถียงเจ้าผัวแต่ล้วนไม่กลัวจะต่อสู้
ทำไมเล่าจึงเข้าแฝงชู้อันจะพ้นมือกูอย่าสงกา
ว่าแล้วรุกรานเข้าไปใกล้เลี้ยวไล่จะจิกเอาเกศา
พี่เลี้ยงทาสีก็มี่มาอุตลุดฉุกคร่าจะตบตี
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นวิมาลายับย่อยไม่ถอยหนี
ร้ายกาจด้วยเป็นชาติกุมภีล์ต่อดีมีกำลังเรี่ยวแรง
จะเข้าจิกศีรษะนางไม่ได้ปัดป้องว่องไวเข้มแข็ง
หยิกข่วนกอดกัดวัดแว้งพลิกแพลงผลักไสไปมา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสองนางขัดแค้นแสนสา
ไม่ย้อท้อต่อสู้วิมาลาจนหน้าตาคางคิ้วเป็นริ้วยับ
พวกผู้หญิงสาวสาวบ่าวไพร่หลงใหลไล่ทุบกันตุบตับ
ปากจมูกถูกเล็บจนเลือดซับบ้างล้มทับพวกเพื่อนพัลวัน
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองเข้าขวางกางกั้น
จึงห้ามน้องสองนางให้วางกันอย่าตีรันหันหุนวุ่นไป
จะขืนทำล้ำเหลือไม่เชื่อพี่น่าที่จะเกิดเหตุใหญ่
อันนางวิมาลานี้ไซร้พี่เอายันต์ปิดไว้ตรึงตรา
แม้นนางเลิกเลขยันต์ออกเสียได้จะเป็นกุมภีล์ใหญ่ใจกล้า
จะขบกัดฟัดฟาดเอาสองราอย่าเต้นแร้งเต้นกาหนักไป
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสองนางจะเชื่อก็หาไม่
ร้องว่าอุแหม่แน่เจ้าไกรจะเขียนเสือไว้ให้วัวกลัว
เจ้ารักชู้ของเจ้าเข้ากับชู้แกล้งจะขู่ข่มใครน่าใคร่หัว
เมื่อมันเป็นมนุษย์อยู่เห็นตัวจะหลอกข้าให้กลัวหรือว่าไร
เกิดวิวาททะเลาะเพราะใครนั่นเพราะหม่อมผัวตัวขยันหรือมิใช่
ทำเหลาะแหละแนะนำให้ใจมันจึงทำได้ถึงเพียงนี้
ว่าพลางทางรุกเข้าไปมิได้ย่อท้อถอยหนี
บ่าวไพร่พร้อมกันทันทีเข้ากลุ้มรุมตีนางกุมภา
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นวิมาลาแค้นขัดสหัสสา
จะแก้แหวนเลิกยันต์แล้วรั้งราด้วยแสนเสน่หาเจ้าไกรทอง
ความรักรุมรึงตะลึงหลงนางนั่งลงกอดเข่าเศร้าหมอง
หน่วงหนักรักพี่เสียดายน้องฟูมฟองน้ำตาแล้วว่าไป
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้ปี่
๏ พ่อเจ้าประคุณของเมียเอ๋ยกรรมสิ่งใดเลยมาซัดให้
เจ้าพาเมียมาไม่ทันไรจะจำใจจำจากพรากกัน
สุดรักสุดรู้ไม่อยู่ได้สุดใจเหลือที่จะอดกลั้น
ถึงเสือสางกลางป่าพนาวันไม่ดุดันร้ายกาจเหมือนเช่นนี้
จะฉีกเนื้อเถือหนังเสียทั้งเป็นไม่เคยพบเคยเห็นน่าบัดสี
ไหนเล่าเจ้าชมว่าเมียดีทีนี้รู้เช่นได้เห็นตัว
จะขอลาลงไปอยู่ในถ้ำตามบุญตามกรรมที่ทำชั่ว
นางคิดขัดข้องหมองมัวตีอกชกหัวร่ำไร
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ คิดเอยคิดพลางนวลนางหุนหันหมั่นไส้
ลุกขึ้นเคืองขัดสะบัดสไบชี้หน้าว่าไปมิได้กลัว
เหวยอีตะเภาแก้วตะเภาทองพี่น้องอุบาทว์ชาติชั่ว
หฤโหดโฉดเขลาเมามัวมึงมาเอาผัวของมึงไป
ทีนี้กอดไว้มึงอย่าวางมึงเข้าคนละข้างอย่าห่างได้
ผลัดกันรึงรัดให้ถนัดใจอีหน้าไพร่สันดานมารยา
ว่าพลางนางหวนเข้าในห้องแก้แหวนในช้องเกศา
แล้วลอบเลิกยันต์มิทันช้าโจนจากศาลาด้วยขัดใจ
ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ ครั้นลงถึงพื้นพสุธาก็กลายเป็นกุมภาเติบใหญ่
ฟาดหางวัดแว้งว่องไวเข้าไล่สองนางนารี
ฯ ๒ คำ ฯ รัว เชิด
๏ เมื่อนั้นพี่น้องอกสั่นขวัญหนี
ร้องกรีดหวีดวิ่งไม่สมประดีทาสีพี่เลี้ยงก็วุ่นวาย
วิ่งปะทะปะกันอลหม่านลนลานลื่นล้มผ้าห่มหาย
บ้างขึ้นต้นไม้มือตะกายปืนป่ายไม่สันทัดพลัดลงมา
บ้างเรียกพวกพ้องร้องให้ช่วยเจ็บป่วยลำบากลากขา
สิ้นกำลังลงนั่งภาวนากอข้อกอกาว่าเปื้อนไป
สองนางวางวิ่งเข้ากอดผัวความกลัวตัวสั่นหวั่นไหว
เอ็นดูด้วยช่วยเอาชีวิตไว้นางกุมภีล์ใหญ่ไล่ขบเมีย
ลูกได้ผิดแล้วอย่าถือโทษพ่อโปรดช่วยขับให้ไปเสีย
ร้อนอกหมกไหม้เหมือนไฟเลียทิ้งเมียเสียได้ไม่เอ็นดู
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองได้ฟังนั่งไขหู
ทำเฉยเชือนเหมือนหนึ่งไม่รู้เป็นครู่จึงตอบวาจา
พี่ก็ได้บอกแล้วแต่หนหลังโกรธขึ้งตึงตังไม่ฟังว่า
ไหนเล่าเจ้าไม่กลัววิมาลาทั้งเจ้าทั้งข้าเข้ารุมรัน
เป็นไรมิทำให้หนำใจวิ่งขึ้นมาไยจนตัวสั่น
เรียกหาข้าไทให้ช่วยกันตีรันเล่นตามสบายใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
ตะนาว
๏ ว่าแล้วลุกเดินออกมาจากที่ศาลาอาศัย
แล้วมีวาจาว่าไปวิมาลาอย่าได้โกรธา
เป็นกรรมเราแล้วทั้งสองข้างใช่พี่จะทิ้งขว้างร้างหย่า
อย่าละห้อยน้อยใจจงไคลคลากลับไปคูหาห้องทอง
ด้วยเจ้ากลับรูปเป็นกุมภีล์เคยอยู่นทีเที่ยวท่อง
มาอยู่ปัถพีเช่นนี้น้องจะร้อนรนหม่นหมองด้วยแดดลม
เจ้ากลับไปก่อนเถิดวิมาลาไม่ช้าพี่จะตามไปสู่สม
ความรักพี่สมัครสมาคมยังนิยมชมชิดติดใจ
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นนางกุมภีล์เศร้าสร้อยละห้อยไห้
อาวรณ์ร้อนรุ่มกลุ้มใจดังถ่านไฟฟืนสุมทุ่มทับ
จนอยู่มิรู้ที่จะเจรจาแค่พริบตาอ้าปากหงุบหงับ
ลาผัวซบหัวลงคำนับคลานตะกุบตะกับกลับไป
ฯ ๔ คำ ฯ แผละ
๏ ครั้นถึงฝั่งคงคาก็ถาโถมโดดโครมลงในแม่น้ำใหญ่
โบกหางวางว่ายว่องไวตรงไปสู่ที่ถ้ำทอง
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ รูปร่างนางกลายเป็นมนุษย์โฉมงานบริสุทธิ์ผุดผ่อง
เดินพลางครวญคร่ำร่ำร้องเข้าไปในห้องแล้วโศกี
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
             

             

             

เชิงอรรถ

ที่มา

บทละครนอกเรื่องไกรทอง สถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๔๐

เครื่องมือส่วนตัว