เพลงยาวพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเà¸à¸¥à¹‰à¸²à¹€à¸ˆà¹‰à¸²à¸à¸¢à¸¹à¹ˆà¸«à¸±à¸§
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
(→สำนวนที่ ๑) |
|||
| แถว 5: | แถว 5: | ||
[[หมวดหมู่:กลอนสุภาพ]] | [[หมวดหมู่:กลอนสุภาพ]] | ||
[[หมวดหมู่:เพลงยาว]] | [[หมวดหมู่:เพลงยาว]] | ||
| - | |||
'''พระราชนิพนธ์:''' [[พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว]] | '''พระราชนิพนธ์:''' [[พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว]] | ||
== บทประพันธ์ == | == บทประพันธ์ == | ||
| แถว 46: | แถว 45: | ||
=== สำนวนที่ ๒ === | === สำนวนที่ ๒ === | ||
<tpoem> | <tpoem> | ||
| - | ๏ | + | ๏ พี่สุดครวญแสนครวญรัญจวนถึง |
| + | จนพลบค่ำเขาย่ำหอกลองตึง นอนรำพึงเปลี่ยวเปล่าเศร้าวิญญาณ์ | ||
| + | พอพระหมดถึงกำหนดเวลาเครื่อง จึงค่อยเปลื้องความทุกข์เป็นสุขา | ||
| + | แสนชื่นเหมือนจะกลืนพระกระยา ในโถฝาลายครามสักสามใบ | ||
| + | นั่งเก้าอี้ชมนางพลางกินเข้า ตักเกาเหลาแทบหมดซดน้ำใส | ||
| + | เพราะความรักนั่งกระหยิ่มอิ่มในใจ เปรียบเหมือนได้ถูกกำตัดถนัดรวย | ||
| + | จะพิศไหนดูละไมละม่อมเหมาะ ช่างฉอเลาะหยิบหย่งสมทรงสวย | ||
| + | ทั้งจริตก็ชะอ้อนอ่อนระทวย เนตรขนงก่งสวยดังวงจันทร์ | ||
| + | จะพิศดูเรือนผมก็สมพักตร์ ยิ่งเพิ่มรักหวนจิตคิดกระสัน | ||
| + | ทำไฉนจึงจะได้ห่อลูกจันทร์ มาชมเล่นทั้งกลางวันกลางคืน เอย ฯ | ||
</tpoem> | </tpoem> | ||
== เชิงอรรถ == | == เชิงอรรถ == | ||
== ที่มา == | == ที่มา == | ||
รุ่นปัจจุบันของ 15:51, 3 กันยายน 2552
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
บทประพันธ์
สำนวนที่ ๑
| ๏ เราที่สองรองภูมินทร์นามปิ่นเกล้า | คิดบทเกลาไว้เป็นกลอนสุนทรสนอง | ||
| เป็นคติควรดำริขอเชิญตรอง | ตามทำนองโบราณราชประเพณี | ||
| แม้ผู้ใดเป็นข้าราชกิจ | อย่าห่อนคิดถือโกรธเท่าเกศี | ||
| ถึงจะต้องราชทัณฑ์สักพันที | ก็ควรที่รับผิดอย่าคิดโกง | ||
| อีกข้อหนึ่งอย่าพึงทำปากมาก | รู้สิ่งใดแล้วอย่าอยากพูดโผงโผง | ||
| ความข้างในออกไปนอกออกตะโกรง | จงชักโยงหักใจอย่าได้ทำ | ||
| อันปากบอนนี้เป็นการพานชั่วมาก | พอใจอยากชอบพอในข้อขำ | ||
| จึงได้คิดยอกย้อนบอนระยำ | เพราะหมายทำการชอบมอบกายา | ||
| ต้องคิดไปจึงจะได้เห็นว่าผิด | ความชั่วนั้นมันจะติดเพราะอิจฉา | ||
| วิสัยคนปากคันอกตัญญุตา | ไม่ซื่อต่อภัสดาที่ชื่นเชย | ||
| ถึงผู้ใดจักไปเลี้ยงดูเล่า | ชั่วของเจ้าเขาไม่ลืมดอกน้องเอ๋ย | ||
| ใครคิดร้ายต่อสามีไม่ดีเลย | อย่าเชือนเฉยตรึกตรองไว้ลองดู | ||
| นางโมราฆ่าพระจันทรโครพ | ความไม่จบลือเล่าจนเข้าหู | ||
| ควรจะจำใส่ใจไว้เป็นครู | จะได้รู้ชั่วเช่นไว้เป็นตรา | ||
| จงรำฤกนึกดูเมื่ออยู่บ้าน | เคยสำราญเป็นไฉนอย่างไรหนา | ||
| คนทั้งหลายเขาก็เรียกตามฉายา | ที่มีมาว่าอีนี่อีนั่นไป | ||
| ประเดี๋ยวนี้คนทั้งนั้นก็หันกลับ | มาคำนับว่าคุณจอมหม่อมฉันไหว้ | ||
| มีวาสนาเหมาะเจาะขึ้นเพราะใคร | เหตุไฉนลืมคุณกรุณา ฯ | ||
| ๏ อันตัวเรานี้ก็รองพระจอมเจ้า | เป็นปิ่นเกล้าในสยามภาษา | ||
| มียศศักดิ์ประจักษ์ทั่วทุกพารา | พระทรงธรรม์กรุณาชุบเลี้ยงเรา | ||
| ถึงใครใครที่จะตกมาเป็นห้าม | ไม่มีความขายหน้าดอกหนาเจ้า | ||
| เสียแต่ไม่ฉายเฉิดเพริศพริ้งเพรา | เพราะแก่เถ้าหงุบหงับไม่ฉับไว | ||
| ถ้าจะว่าไปจริงทุกสิ่งสิ้น | ก็พอกินตามแก่แก้ขัดได้ | ||
| ฤาน้ำจิตต์คิดเห็นเป็นอย่างไร | จึงมิได้ปลงรักสักเวลา | ||
| การสิ่งใดที่มิดีเรามิชอบ | อ้อนวอนปลอบจงจำอย่าทำหนา | ||
| ก็ไม่ฟังขืนขัดอัธยา | ยิ่งกับว่าตอไม้ไม่ไหวติง | ||
| ที่ข้อใหญ่ชี้ให้เห็นเรื่องเล่นเพื่อน | ทำให้เฟือนราชกิจผิดทุกสิ่ง | ||
| ถ้าจะเปรียบเนื้อความไปตามจริง | เสมอหญิงเล่นชู้จากสามี | ||
| นี่หากวังมีกำแพงแขงแรงรอบ | เป็นคันขอบดุจเขื่อนคิรีศรี | ||
| ถ้าหาไม่เจ้าจอมหม่อมเหล่านี้ | จะไปเล่นจ้ำจี้กับชาย เอย ฯ | ||
สำนวนที่ ๒
| ๏ พี่สุดครวญแสนครวญรัญจวนถึง | |||
| จนพลบค่ำเขาย่ำหอกลองตึง | นอนรำพึงเปลี่ยวเปล่าเศร้าวิญญาณ์ | ||
| พอพระหมดถึงกำหนดเวลาเครื่อง | จึงค่อยเปลื้องความทุกข์เป็นสุขา | ||
| แสนชื่นเหมือนจะกลืนพระกระยา | ในโถฝาลายครามสักสามใบ | ||
| นั่งเก้าอี้ชมนางพลางกินเข้า | ตักเกาเหลาแทบหมดซดน้ำใส | ||
| เพราะความรักนั่งกระหยิ่มอิ่มในใจ | เปรียบเหมือนได้ถูกกำตัดถนัดรวย | ||
| จะพิศไหนดูละไมละม่อมเหมาะ | ช่างฉอเลาะหยิบหย่งสมทรงสวย | ||
| ทั้งจริตก็ชะอ้อนอ่อนระทวย | เนตรขนงก่งสวยดังวงจันทร์ | ||
| จะพิศดูเรือนผมก็สมพักตร์ | ยิ่งเพิ่มรักหวนจิตคิดกระสัน | ||
| ทำไฉนจึงจะได้ห่อลูกจันทร์ | มาชมเล่นทั้งกลางวันกลางคืน เอย ฯ | ||
