à¸à¸´à¸¥à¸£à¸²à¸Šà¸„ำฉันท์
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(→๖) |
(→๗) |
||
แถว 393: | แถว 393: | ||
===๗=== | ===๗=== | ||
<tpoem> | <tpoem> | ||
- | ๏ | + | <sup>กมลฉันท์ ๑๒</sup> |
+ | ๏ อิลโอนศิโรเพฐน์ พจน์ขอขมาภัย | ||
+ | ศิวะทรงพิโรธใน ธกระทำกระลำพร | ||
+ | |||
+ | ๏ บมิทรงประสาทโทษ อิลโอดสำออยวอน | ||
+ | วรองค์อุมาอร อนุกูลกำลูนครัน | ||
+ | |||
+ | ๏ เฉพาะองค์อิลาอวย พรอัฑฒเอาทัณฑ์ | ||
+ | อิลอ่อนศิโรวัน- ทนน้อมคำนึงพร | ||
+ | |||
+ | ๏ พจน์พร้อมสนองบาท สุรนาฎอุมาอร | ||
+ | เพราะอำนาจมเหศร กรุณาและปรานี | ||
+ | |||
+ | ๏ เฉพาะเดือนจะดาลเพศ ยุพเรศกษัตรีย์ | ||
+ | ศุภลักษณ์วรินทรี- ยพิลาสลออองค์ | ||
+ | |||
+ | ๏ คณะนางณแดนไตร จะพิไลลำเพาพงศ์ | ||
+ | บมิเลออิลาทรง สิริโฉมประโลมลาน | ||
+ | |||
+ | ๏ ผิวถ้วนกำหนดหมาย วรกายก็แปลงปาน | ||
+ | ปฏิรูปบุราณกาล ประลุเดือนก็เคลื่อนคลาย | ||
+ | |||
+ | ๏ ศุภลักษณ์สลับมาส บมิอาจจะคงกาย | ||
+ | อรซ้ำกระหน่ำผาย พจนารถเลอสรวง | ||
+ | |||
+ | ๏ ขณะเป็นกษัตรีย์ กิจที่กระทำปวง | ||
+ | บุรกาลก็ดาลดวง หฤทัยลืมเลือน | ||
+ | |||
+ | ๏ ขณะคืนพระองค์จริง กิจหญิงบแม่นเหมือน | ||
+ | มนโมหะฟั่นเฟือน ดุจใช่หทัยเดียว | ||
+ | |||
+ | ๏ สุรพจน์เผด็จพร อิลค่อนกระสันเสียว | ||
+ | ศิระโอนอุมาเหลียว มุขลับอำลาคลา | ||
+ | |||
+ | ๏ คณะสาวสะคราญผู้ บริพารก็ห้อมมา | ||
+ | พิศราวกะดารา กรล้อมบุหลันฉาย | ||
+ | |||
+ | ๏ จรเวิ้งวนาวาส ก็ระดาษดำเนินราย | ||
+ | ยุระเยื้องชำเลืองชาย นยน์ชมผกามาลย์ | ||
+ | |||
+ | ๏ อรอันสนัดขับ สุรศัพท์ประเลงลาน | ||
+ | วรแซ่ผสานขาน รุกขเทพบำเทิงถวิล | ||
+ | |||
+ | ๏ บทจรกระเจิงเจื่อน ทุรเถื่อนผลากิณ | ||
+ | กรเก็บจะเพลินผิน วรพักตร์ประสบสหาย | ||
+ | |||
+ | ๏ ผลเผื่อเกษมเสพย์ รสด้วยบเดียวดาย | ||
+ | จรดลลุแดนสาย สระสลิลก็ยินดี ฯ | ||
</tpoem> | </tpoem> | ||
+ | |||
===๘=== | ===๘=== | ||
<tpoem> | <tpoem> |
การปรับปรุง เมื่อ 05:36, 9 สิงหาคม 2552
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
ผู้แต่ง: พระยาศรีสุนทรโวหาร (ผัน สาลักษณ)
พระราชนิพนธ์คำนำ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
หนังสืออิลราชคำฉันท์นี้ จะว่าได้เกิดมีขึ้นเพราะข้าพเจ้ายุยงก็ได้ ที่ว่ายุยงนั้น เพราะข้าพเจ้าได้ทราบอยู่ว่าหลวงสารประเสริฐ (พระยาศรีสุนทรโวหาร [ผัน สาลักษณ]) เป็นผู้มีฝีปากแต่งหนังสือเห็นกาพย์กลอนได้อยู่ ดังมีพยานปรากฎอยู่ทีเรื่อง ปัญจสิงขรคำกลอน กับฉันท์และกลอนเบ็ดเตล็ดต่างๆ ข้าพเจ้าได้อ่านแล้วก็เห็นว่า มีจินตกวีเกิดขึ้นในหมู่คนไทยชั้นหนุ่มอีกแล้ว แต่ข้าพเจ้าวิตกอยู่ว่า ถ้าไม่คอยระวัง กลัวหลวงสารประเสริฐจะใช้ความสามารถของตนนั้น เพื่อแต่งหนังสืออันไม่เป็นแก่นสาร
ในสมัยตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ ๕ มา ข้าพเจ้ามีความเสียใจที่ได้สังเกตเห็นว่า ฝีปากผู้แต่งกาพย์กลอนเลวลงกว่าในต้นรัชกาลที่ ๕ นั้น เป็นอันมาก เพราะพอใจแต่งแผลงอวดดีไปว่าใช้โวหารอย่างใหม่ ซึ่งมีคนบางจำพวกนิยม โดยสำคัญว่าเป็นโวหารอย่างฝรั่งและนิยมว่า การแต่งหนังสือโดยใช้โวหารแผลง และคำซึ่งเข้าใจว่าเป็นคำฝรั่งปนเปอยู่นั้น เป็นเครื่องแสดงความรุ่งเรืองของตน ในชั้นเมื่อเกิดมีละครชนิดที่เรียกว่า ละครร้อง ชุกชุมขึ้น นักเลงแต่งบทละครร้องก็มีมากขึ้น และเป็นที่เข้าใจกันว่า กลอนที่จะใช้ในบทละครร้องเช่นนี้ต้องใช้เป็นอย่าง "สมัยใหม่" ใช้ถ้อยคำอย่างใหม่ เลี่ยงถ้อยคำ ซึ่งเรียกว่า "ภูมิเก่า" ให้มากที่สุดที่จะหลีกไปได้ เช่นต่างว่าจะแต่งบทโลม ถ้าแต่งอย่างแบบแผนแห่งจินตกวีนิพนธ์ไทยเก่า คงแต่งว่า
"โฉมงามทรามสุดสวาทพี่ | ดาลฤดีจ่อจิตพิศวง | ||
ขอแต่เพียงได้พิงอิงองค์ | แนบอนงค์ขวัญฟ้ายาใจ" ดังนี้ | ||
แต่ถ้าใครแต่งเช่นนี้ก็มันถูกหาว่าเป็นภูมิเก่า ไม่ทันสมัย ฝ่ายผู้แต่งถึงแม้จะพอมีความรู้แต่งได้ก็ไม่กล้าแต่งออกมา เพราะกลัวจะถูกติว่าเป็นคนผิดสมัย ฝ่ายผู้อ่านถึงแม้ว่าแท้จริงเมื่ออ่านบทกลอนเช่นข้างบนนี้แล้วจะ รู้สึกในใจจริงว่าเพราะ ปากก็ต้องกล่าวติว่า "ครึ" หรือ "งุ่มง่าม" เพราะถ้าแสดงออกมาว่าชอบบทกลอนเช่นนี้แล้ว ก็เกรงจะเป็นเหมือนสารภาพว่าตนเป็นคนที่เดินไม่ทันสมัย ด้วยเหตุนี้จินตกวีสมัยปลายรัชกาลที่ ๕ เมื่อปรารถนาจะแต่บทโลมให้ได้ใจความเช่นเดียวกับบทข้างบนนี้จึงต้องแต่งว่า
"โอ้งามโฉมประโลมหรูคู่ชีวิต | ช่างถูกจิตนี่กระไรแม่ใจหวาน | ||
ขอจูบเจ้าคลึงเคล้าเยาวมาลย์ | กระสันซ่านกอดศอพอชื่นใจ" ดังนี้ | ||
ตัวผู้ที่แต่งบทกลอนเช่นนี้ ถ้าเป็นผู้ที่มีนิสัยเป็นจินตกวีแม้แต่เล็กน้อย ก็คงจะต้องรู้สึกว่าเป็นถ้อยคำอันมีภูิมิต่ำ ซึ่งถ้าจะเปรียบกับคำกลอนบทข้างบนนี้ ก็ต้องรู้สึกว่าเหมือนขันทองเหลืองเทียบขันทองคำ แต่จะทำอย่างไรได้ตนเป็นผู้ขาย เมื่อคนซื้อชอบขันทองเหลืองมากกว่าขันทองคำ ก็จำเป็นต้องทำขันทองเหลืองขาย เมื่อเจ้าของโรงละครเขาชอบบทละครโสกโดกก็ต้องแต่งเช่นนั้น
ข้าพเจ้าได้เคยรู้สึกรำคาญมานานแล้ว แต่ไม่แลเห็นหนทางที่จะแก้ไขอย่างใด นอกจากที่จะมีผู้เป็นจินตกวีมาปรึกษาหารือแล้ว ข้าพเจ้าจึงจะสามารถแสดงความเห็นพูดจาเกลี้ยกล่อม ให้ช่วยกันรักษาวิชากวีไทยอย่าให้สูญเสียหรือเลวทรามไป ก็นับว่าได้มีผลสำเร็จไปบ้างแล้วบางรายแต่งยังเป็นส่วนน้อยนัก
ในส่วนตัวหลวงสารประเสริฐนี้ ข้าพเจ้าได้ถือโอกาสตักเตือนได้เต็มที่ เพราะพระยาศรีสุนทรโวหาร (พระยาศรีภูริปรีชา[กมล สาลักษณ]) ผู้เป็นบิดาเป็นผู้ที่ข้าพเจ้าคุ้นเคยมาช้านาน ได้เคยพูดจาปรารภมีความเห็นพ้องกันอยู่ ทั้งตัวหลวงสารประเสริฐก็ได้รู้จักต่อเนื่องจากความคุ้นเคยกับบิดาเขานั้น ข้าพเจ้าจึงถือเอาโอกาสเพื่อแนะนำหลวงสารประเสริฐให้แต่งหนังสืออะไร อัน ๑ ซึ่งจะได้มีชื่อเสียงสืบไปว่าเป็นจินตกวีผู้หนึ่ง ซึ่งมิได้เป็นผู้ช่วยทำให้ภาษาไทยเสื่อมทราม ข้าพเจ้าของให้พยายมแต่งหนังสือขึ้น เพื่อให้ปรากฎแต่ไปในพงศาวดารว่าในรััชกาลพระมงกุฎเกล้าก็ยังมีจินตกวีอยู่ หลวงสารปะรเสริฐก็รับปากไว้ แต่ยังหาเรื่องที่ประพันธ์ขึ้นนั้นไม่เหมาะได้ จนข้าพเจ้าได้แต่งหนังสือ "บ่อเกิดแห่งรามเกียรติ์" นั้นขึ้น หลวงสารประเสริฐจึงได้พบนิทานเรื่องอิลราช ซึ่งมีอยุ่ในอุตตรกัณฑ์แห่งรามายณะ เห็นว่าพอจะประพันธ์เป็นคำฉันท์ได้ หลวงสารประเสริฐจึงได้แต่งขึ้นด้วยความอุตสาหะ แล้วนนำมาให้ข้าพเจ้าช่วยตรวจ ข้าพเจ้าก็ได้ช่วยตรวจแก้ไขและแสดงความเห็นให้แก้ไขหรือเพิ่มเติมขึ้น และบางตอนที่เขาแต่งไม่ได้โดยพิสดารเพราะขาดความรู้ในกิจการนั้นๆ โดยเฉพาะ เช่นเรื่องพิธีอัศวเมธเป็นต้น ข้าพเจ้าก็ได้ช่วยชี้แจงให้ฟังโดยพิสดาร ตามที่ข้าพเจ้าได้อ่านมาในตำรับไสยศาสตร์ หลวงสารประเสริฐได้กำหนดจดจำเอาไปประพันธ์ขึ้นได้อย่างดี นับว่าเป็นที่ควรสรรเสริญ
ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีที่ได้เห็นว่า ในรัชกาลของข้าพเจ้าได้มีจินตกวี ซึ่งสามารถจะแต่งฉันท์ภาษาไทยได้หลายคนแล้ว และหลวงสารประเสริฐผู้แต่งเรื่องอิลราชคำฉันท์นี้เป็นคน ๑ ในหมู่นั้น ข้าพเจ้ามีความยินดีเขียนคำนำนี้ให้หลวงสารประเสริฐเพื่อแสดงความพอใจแห่ง ข้าพเจ้า ณ บัดนี้
อนึ่งข้าพเจ้าขอถือเอาโอกาสอันนี้เพื่อแสดงว่า ถ้าแม้ผู้ใดซึ่งริเริ่มจะนิพนธ์โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน มีความปรารถนาจะให้ข้าพเจ้าตรวจและแนะบ้าง อย่า่งที่ข้าพเจ้าได้ช่วยหลวงสารประเสริฐมาแล้วนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ที่คุ้นเคยกัยข้าพเจ้าแล้วแต่ก่อนก็ตาม ข้าพเจ้าก็จะยินดีช่วยตรวจ และแสดงความเห็นเท่าที่ข้าพเจ้าสามารถจะทำได้ เพื่อช่วยอนุเคราะห์ผู้ที่มีความพอใจในทางจินตกวีนิพนธ์และเพื่อ ประโยชน์แก่วิชากวีของไทยเรานั้นด้วย
..........................(รัชกาลที่ ๖)
สนามจันทร์
วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๖
บทประพันธ์
๑
ศุภมัสดุ | |||
สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙ | |||
๏ ข้าขอเทิดทศนัขประณามคุณพระศรี | |||
สรรเพชญพระผู้มี | พระภาค | ||
๏ อีกธรรมาภิสมัยพระไตรปิฏกวากย์ | |||
ทรงคุณคะนึงมาก | ประมาณ | ||
๏ นบสงฆ์สาวกพุทธ์พิสุทธิ์อริยญาณ | |||
นาบุญญบุญบาน | บโรย | ||
๏ อีกองค์อาทิกวีพิรียุตมโดย | |||
ดำรงดำรับโปรย | ประพันธ์ | ||
๏ ผู้เริ่มรังพจมานตระการกมลกรรณ | |||
ก้มกราบพระคุณขันธ์ | คเณศ | ||
๏ สรวมชีพอัญชลินาถพระบาทนฤเบศ | |||
มงกุฎกษัตริย์เกษตร | สยาม | ||
๏ ที่หกรัชสมัยก็ไกรกิตติพระนาม | |||
ทรงคุณคามภี- | รภาพ | ||
๏ เพียงนารายณ์อวตารบำราญอริบำราบ | |||
เถลิงรัชทวีลาภ | วิไล | ||
๏ เปรื่องปรีชาวิทยุตมาภรณ์ไท | |||
ธารสัตย์กระพัดใน | กมล | ||
๏ บำรุงรัฐสุขวัฒนานิกรชน | |||
ทั่วรัฐมณฑล | บำเทิง | ||
๏ สรวมเดชไตรรตนาวรากรเถกิง | |||
เกินโกฏิประกายเพลิง | พิโรจน์ | ||
๏ รังรักษ์ไทอธิราชพระบาทนฤโทษ | |||
เสพสิ่งประเสริฐโสต- | ถิผล | ||
๏ จุ่งเจริญด้วยสุขนันท์พระพรรณก็ถกล | |||
ทีฆายุเพิ่มพล | พิบูล | ||
๏ ข้าบาทรังรจนานิทานอิลทูล | |||
แทบบาทบดินทร์สูร | สราญฯ | ||
๒
ฉบัง ๑๖ | |||
๏ แถลงปางรามจันทราวตาร | เสร็จมล้างเหล่าพาล | ||
พินาศด้วยพระบารมี | |||
๏ มลายเข็ญเย็นทั่วธาตรี | ถวัลยรัชรมย์ชัยศรี | ||
อยุูธเยศเกศกรุง | |||
๏ สมภาร พระเอื้ออำรุง | สมโภชผดุง | ||
พระเดชกระเดื่องแดนไตร | |||
๏ ปาง ราชปรารภกิจใน | พลีกรรม์อันไกร | ||
คือราชสูโยดม | |||
๏ โดยเบื้องบรมราชนิยม | ขัตติยสมาคม | ||
ร้อยเอ็ดมาเอื้อเอาภาร | |||
๏ แผ่พระกฤษฎาภินิหาร | ใดราชฤาปาน | ||
ฤาปูนพระเดชนฤบดี | |||
๏ พระน้องสองเฝ้าบทศรี | หิรักษ์จักรี | ||
พระตรัสพระตรึกปรึกษา | |||
๏ พระภรตผู้พระอนุชา | เชิงไฉนเชษฐา | ||
ทะนุพิธีพลีกรรม | |||
๏ พระพร้องสนองถ้อยแถลงทำ- | นูลทัดทานคำ | ||
มิควรประกอบมหการ | |||
๏ พระองค์ผู้ทรงอวตาร | ตราบจบจักรพาล | ||
โผอนมกุฎเกรงรณ | |||
๏ ฤาควรกวนราชกังวล | มละด้าวมาดล | ||
ดำแหน่งทุเรศรัถยา | |||
๏ บัดพระลักษมณ์ราชอนุชา | นบเบื้องพระบาทา | ||
บัณฑูรแถลงพจมาน | |||
๏ ผิวไท้ใคร่กอบพลีการ | อัศวเมธมหุฬาร | ||
ก็เลิศพิธีพลีกรรม | |||
๏ เผยเผชิญพิชิตเชษฐ์ชักนำ | น้อมเกล้ากล่าวคำ | ||
คดีดำนานในบูรพ์ | |||
๏ อินทรรอนพฤตาสูร | เอิบอิศร์อันพูน | ||
บำเพ็ญตบะบารมี | |||
๏ มาผลาญมารมอดชีวี | เกลื่อนบาปบ่มบำ- | ||
รุงบุญระบอบบำบวง | |||
๏ เป็นที่นิยมแก่ปวง | เทพทั่วแมนสรวง | ||
สรรเสริญประเสริฐสาธร | |||
๏ แถลงเรื่องสมราชอนุสร | พระศรีสังขกร | ||
ก็โปรดก็เปรมปรารมภ์ | |||
๏ เยื้อนอรรถตรัสชอบเชยชม | โดยราชนิยม | ||
ยุบลคดีมีมา | |||
๏ จึงแถลงอิลราชอิลา | อวยองค์อนุชา | ||
ฉบับอันพร้องพิสดาร ฯ | |||
๓
วสันตติลกฉันท์ ๑๔ | |||
๏ ยังมีบรมนฤปนาถ | อิลราชสมัญขาน | ||
ทรงพลหิรัฐสุรฐาน | สุประเทศสถาพร | ||
๏ โอรสพระกรรทมประชา | ปติพรหมบุตรขจร | ||
เจิดคุณธรรมมิกบวร | ทศพิธเพียบเพ็ญ | ||
๏ เมตตาประชากรสโม- | สรสุขสลายเข็ญ | ||
ทั่วรัฐมณฑลก็เย็น | สิรราษฎร์สเริงรมย์ | ||
๏ รักษ์ราษฎร์ก็เล่หปิยบุตร | นรสุดประสาทสม | ||
ซ้องศัพท์เกริกกิติอุดม | วรเดชกระเดื่องแดน | ||
๏ ปราบได้ณไกวลประเทศ | ทศทิศก็เกรงแกลน | ||
กลอกเกล้าและหนาวภยมิแคลน | วรฤทธิเรืองรณ | ||
๏ เรืองรองพระมนทิรพิจิตร | กลพิศพิมานบน | ||
ก่องแก้วและกาญจนระคน | รุจิเรขอลงกรณ์ | ||
๏ ช่อฟ้าก็เฟื้อยกลจะฟัด | ดลฟากทิฆัมพร | ||
บราลีพิไลพิศบวร | นภศูลสล้างลอย | ||
๏ เชิงบัทม์พระบัญชรเขบ็จ | มุขเด็จก็พราวพลอย | ||
เพดานก็ดารกพะพรอย | พิศเพียงนภาพลาม | ||
๏ สิงหาสน์จรูญจตุรมุข | บมิแผกพิมานงาม | ||
พื้นภาพอำพนพิพิธตาม | ตะละเนื่องพนังนอง | ||
๏ ภาพครุฑก็ยุดอุรคแผ่ | กรเพียงจะผาดผยอง | ||
เทพนมขนัดกษณะมอง | มรุเทพทิพาลัย | ||
๏ เบื้องบรรจถรณทิพอาส- | นก็เอี่ยมอุไรไพ- | ||
จิตรลายจำหลักฉลุพิไล- | ยพิลาสลดามาลย์ | ||
๏ ชั้นฉัตรสกาวทุกุลพัสตร์ | รุจิรัตน์อลังการ | ||
เขนยขนนระคนบุษปปาน | รสทิพย์ประเทืองใจ | ||
๏ เนืองแน่นอนงค์นิกรนาฏ | ทะนุบาทบำเรอไท | ||
เฉิดโฉมประโลมกมลใคร | ยลพิศก็พิศวง | ||
๏ แน่งนางประหนึ่งวรสุราง- | คสะอางสะอาดองค์ | ||
ร่ายเรียงบำเรออมรทรง | สุรภาพพิมานเมือง | ||
๏ ราชูประโภคปริโภ- | คพิพัฒนนองเนือง | ||
สมบัติสมบุรณเรือง | วรราชภิรมย์ชม | ||
๏ ปราการก็ปรากฎสุเม- | รุสิเนรุเปรียบสม | ||
นางจรัลและโดรณสดม- | ภอธึกทะงันเงย | ||
๏ ป้อมค่ายระรายธุชประฎาก | สุประดิษฐ์ดำกลเกย | ||
ในบานทวารวิมลเผย | ผิวหับสนิทเนียน | ||
๏ หอยุทธ์ก็เย้ยริปุประยุทธ์ | อริยลณพาเหียร | ||
เหือดเหี้ยมกำแหงหิริระเมียร | มลฮึกอหังการ | ||
๏ มากมวลอมาตย์นิกรเส- | วกราชกำลังหาญ | ||
พฤนทาพลากรแสะสาร | สุรฤทธิเริงรณ | ||
๏ ผาสุกสนุกนครขัณ- | ฑสิมาสุมณฑล | ||
บำเทิงระเริงหทยชน | ทิชชาติประชุมชี | ||
๏ แซ่ศัพท์ผสานดุริยสัง- | คิตพาทยเภรี | ||
สรบสิ่งประดาประดุจศรี | สุรโลกชะลอลง | ||
๏ ปางดลวสันตอุตุแสน | จะเกษมณแดนดง | ||
ดาษรุกข์ระดื่นดฤณบง | ระบุบัตรขจีงาม | ||
๏ แถวธารละหานศิขรหลาก | ชลหลั่งละลุ่มหลาม | ||
มั่วมวลละมั่งมฤคตาม | วนสณฑ์สะเริงไพร | ||
๏ ราชาพระปรารภประพาส | พิศเพื่อภิรมย์ใน | ||
แห่งห้องพระหาวนพิไล | มิคล่าประลองกร | ||
๏ โองการประกาศนิกรเส- | วกโดยเสด็จดอน | ||
มวลหมู่อมาตยสลอน | พลถ้วนทหารหาญ | ||
๏ ตรวจเตรียมพลากรพหล | ตะละตนก็เชี่ยวชาญ | ||
ม้ารถและคชวรยาน | ระแทะเทียบสะเทื้อนดิน | ||
๏ พลคชก็คือสุรคเชน- | ทรไอยราอินทร์ | ||
ชำนนชำนาญชำนะอริน- | ทรล้วนชโลมมัน | ||
๏ พลม้าพลาหกผยอง | ดุจล่องจะลอยสวรรค์ | ||
พลรถก็ล้วนรถสุพรรณ | ระแทะธุชปลิวปลาย | ||
๏ พลราบก็รุ่นทหระว่อง | วยคล่องตะกอกาย | ||
ล้วนโล่หโตมรก็ทาย | ธนุแล่นกำแหงรณ | ||
๏ สรรพศาสตรอาวุธทิพา | วุธเทิดประเทืองมนตร์ | ||
สำหรับพเนจรผจญ | ก็สะพราดสะพรึงเพรียง | ||
๏ เริงร้องคะนองนิกรพล | ผิวเพิกไผทเอียง | ||
เอิกอึงอุฆษสุรก็เพียง | ปฐพีถล่มลาญ | ||
๏ ครั้งถึงสมัยมหุดิฤกษ์ | อดิเรกอุดมวาร | ||
จอมราชก็ยาตรวนสถาน | ทุรรัถยาดล | ||
๏ แดนไพรพิศาลศิขรเขิน | ทุมเนินพนาสนฑ์ | ||
ปักษาคณามฤคยล | ก็ยะยั่วยะยวนชม ฯ | ||
๔
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ | |||
๏ ภาคพื้นพนารัญ | จรแสนสราญรมย์ | ||
เนินราบสลับสม | พิศเพลินเจริญใจ | ||
๏ โขดเขินศิรขรเขา | ณ ลำเนาพนาลัย | ||
สูงลิ่วละลานนั- | ยนพ้นประมาณหมาย | ||
๏ ยอดมัวสลัวเมฆ | รุจิเรขเรียงราย | ||
เลื่อมเลื่อมศิลาลาย | ก็สลับระยับสี | ||
๏ ขาบแสงประภัสสร | นิลก้อนตระการดี | ||
ขาวแม้นมณีมี | รตรุ้งรำไพพรรณ | ||
๏ ทอแสงผสานสาย | สุริย์ฉายก็ฉายฉัน | ||
เหลืองเรื่ออุไรวรร- | ณวิจิตรจำรูญ | ||
๏ แง่งเงื้อมชะง่อนงาม | ก็วะวามวิไลปูน | ||
ปนรัตนไพฑูร- | ยพิพิธประภากร | ||
๏ ปานก้อนพระไกรลาส | วรนาถมเหศร | ||
ส้องเสพสถาพร | สิริสุนทรารมณ์ | ||
๏ อวยพรพิพัฒน์พ้น | ภยเวทวราคม | ||
นอกนี้่ฤเปรียบสม | ศิขรินทรงามงอน | ||
๏ วุ้งเวิ้งชะวากผา | ฆนแผ่นศิลาสลอน | ||
ช่องชานชโลทร | ชลเผ่นกระเซ็นสาย | ||
๏ ปรอยปรอยประเล่ห์เห- | มอุทกพะพร่างพราย | ||
ซาบซ่านสราญกาย | กระอุร้อนก็ผ่อนซา | ||
๏ ท่อธารละหานห้วย | ก็ระรวยระรินวา- | ||
รีหลั่งถะถั่งมา | บมิขาดผะผาดผัง | ||
๏ ไม้ไล่สล้างชม | ขณะลมกระพือวัง- | ||
เวงเสียงก็เสียดดัง | ดุจซอผสานสาย | ||
๏ แสนสาธรารมณ์ | จรชมก็ชวนสบาย | ||
ใจหงอยก็ค่อยหาย | หฤหรรษเหิมหาญ | ||
๏ เซิงสนสล้างพฤษ- | ษพิลึกลดามาลย์ | ||
บงบุษบาบาน | ระบุดอกระดาษไพร | ||
๏ ฉุนฉมระงมฆาน | สุวมาลย์จรูงใจ | ||
ส่งก้านตระการใบ | พิศล้วนพิไลพรรณ | ||
๏ ริ้วริ้วพระพายพา | สุรภีละเวงวัน | ||
ผึ้งภุมรีสัญ- | จรสูบสุเกสร | ||
๏ ร้องร่อนวะว่อนเชย | รสเรณุกำจร | ||
เกลือกบุษบากร | ระกะกลีบกระหึ่มเสียง | ||
๏ พรรณพฤกษทรงผล | ตะละต้นจะอ่อนเอียง | ||
พวงย้อยระย้าเพียง | จะเผด็จสะดวกดาย | ||
๏ สุกเหลืองอร่ามลิ้ม | รสเลิศอร่อยหลาย | ||
หลากหลากและมากมาย | บมิรู้จะรำพัน | ||
๏ ไม้ใบตระกาลบัตร | ดุจจัดประจงสรร | ||
สอดสีสลับกัน | ระดะรุกขรายเรียง | ||
๏ ชมทวยทิชาชาติ | ก็ลิลาศประอรเอียง | ||
แมกไม้จำเรียงเสียง | เสนาะโสตสนั่นไพร | ||
๏ แซ่ซ้องผสานสุน- | ทรศัพทจับใจ | ||
เพียงพาทยพิณไพ- | เราะประโลมฤดีดี | ||
๏ หลายเผ่าพนาเกียรณ์ | พิศเพี้ยนผสานสี | ||
เคลียคู่ประจำปี | มนรู้ภิรมย์ลาน | ||
๏ แม่นกก็ปกโป- | ดกป้อนผลาหาร | ||
ปีกป้องประคองปาน | จะประเล้าประโลมเป็น | ||
๏ ลิงค่างชะนีมี | จลนีและนางเห็น | ||
สายัณหย่ำเย็น | ก็ยะยั้วยะเยี้ยผล | ||
๏ ยองย่องผยองเผ่น | อิลเห็นกระหายมน | ||
ไล่หมู่มฤคจน | จะกระทั่งรโหฐาน | ||
๏ ล่วงถิ่นกำเนิดองค์ | วรขันท์กุมารชาญ | ||
หลงเชิงละเลิงพา- | ฬมฤคเขม้นหมาย ฯ | ||
๕
โตฏกฉันท์ ๑๒ | |||
๏ ขณะนั้นอิศเรศ | พระประเวศวนผาย | ||
หรุฐานสบาย | อิริยาบถบรร- | ||
๏ พตเสตณมูล | ธก็พูนหฤหรรษ์ | ||
สุขุดมดรุวัน | วรเทพทวิองค์ | ||
๏ กะพระอัครอุมา | สุรชายอนงค์ | ||
ศิวะเย้ายุพยง | อรยั่วพระศุลี | ||
๏ ศิวะแปลงวรรูป | วิยหญิงยุวดี | ||
พระอุมาพระก็มี | สุมนัสนิยม | ||
๏ ดรุสัตว์บริเวณ | พะพระเวทอุดม | ||
สละเพศพิศสม | ศิวะเพศพระจำแลง | ||
๏ อิลราชจรล่า | มฤคาบมิแคลง | ||
ลุสถานศิวะแปลง | ดนุแปลกนัยนา | ||
๏ บมิเป็นอิลราช | วิปลาสอิลา | ||
คณะราชบริพา- | รประดาจรดล | ||
๏ มละเพศบุรุษ | ดำริสุดจะพิกล | ||
ยลแล้วก็ฉงน | เอะประหลาดละซิเรา | ||
๏ อิลเหลือจะตระหนก | มนะหนักบมิเบา | ||
กระอุแดดุจเอา | สุรอัคนิลน ฯ | ||
๖
อีทิสังฉันท์ ๒๐ | |||
๏ เล็งไศลลำเนาพนัสดำบล | |||
วิถีก็ทั่วธิราชธยล | ถนัดพลัน | ||
๏ องค์อิศวรอุมาภิรมย์อรัญ | |||
ชไมมเหศวร์ก็เหิมก็หรรษ์ | รโหฐาน | ||
๏ เราชะล่าละลาบละล้วงก็ปาน | |||
ฉะนี้แหละจึงประจักษ์วิการ | วิกลเป็น | ||
๏ องค์อิลาก็คลาประณตพระเพ็ญ | |||
สวัสดิ์ประสบพระเนตรพระเห็น | ก็กริ้วกราด | ||
๏ เหม่อิลาชะล่าไฉนประพาส | |||
บกลัวบเกรงกระทำอุอาจ | อหังการ์ | ||
๏ เราแหละสาปและสรรฉะนี้แหละสา | |||
กะใจละเจ้าแน่ะนางอิลา | จะทำไฉน ฯ | ||
๗
กมลฉันท์ ๑๒ | |||
๏ อิลโอนศิโรเพฐน์ | พจน์ขอขมาภัย | ||
ศิวะทรงพิโรธใน | ธกระทำกระลำพร | ||
๏ บมิทรงประสาทโทษ | อิลโอดสำออยวอน | ||
วรองค์อุมาอร | อนุกูลกำลูนครัน | ||
๏ เฉพาะองค์อิลาอวย | พรอัฑฒเอาทัณฑ์ | ||
อิลอ่อนศิโรวัน- | ทนน้อมคำนึงพร | ||
๏ พจน์พร้อมสนองบาท | สุรนาฎอุมาอร | ||
เพราะอำนาจมเหศร | กรุณาและปรานี | ||
๏ เฉพาะเดือนจะดาลเพศ | ยุพเรศกษัตรีย์ | ||
ศุภลักษณ์วรินทรี- | ยพิลาสลออองค์ | ||
๏ คณะนางณแดนไตร | จะพิไลลำเพาพงศ์ | ||
บมิเลออิลาทรง | สิริโฉมประโลมลาน | ||
๏ ผิวถ้วนกำหนดหมาย | วรกายก็แปลงปาน | ||
ปฏิรูปบุราณกาล | ประลุเดือนก็เคลื่อนคลาย | ||
๏ ศุภลักษณ์สลับมาส | บมิอาจจะคงกาย | ||
อรซ้ำกระหน่ำผาย | พจนารถเลอสรวง | ||
๏ ขณะเป็นกษัตรีย์ | กิจที่กระทำปวง | ||
บุรกาลก็ดาลดวง | หฤทัยลืมเลือน | ||
๏ ขณะคืนพระองค์จริง | กิจหญิงบแม่นเหมือน | ||
มนโมหะฟั่นเฟือน | ดุจใช่หทัยเดียว | ||
๏ สุรพจน์เผด็จพร | อิลค่อนกระสันเสียว | ||
ศิระโอนอุมาเหลียว | มุขลับอำลาคลา | ||
๏ คณะสาวสะคราญผู้ | บริพารก็ห้อมมา | ||
พิศราวกะดารา | กรล้อมบุหลันฉาย | ||
๏ จรเวิ้งวนาวาส | ก็ระดาษดำเนินราย | ||
ยุระเยื้องชำเลืองชาย | นยน์ชมผกามาลย์ | ||
๏ อรอันสนัดขับ | สุรศัพท์ประเลงลาน | ||
วรแซ่ผสานขาน | รุกขเทพบำเทิงถวิล | ||
๏ บทจรกระเจิงเจื่อน | ทุรเถื่อนผลากิณ | ||
กรเก็บจะเพลินผิน | วรพักตร์ประสบสหาย | ||
๏ ผลเผื่อเกษมเสพย์ | รสด้วยบเดียวดาย | ||
จรดลลุแดนสาย | สระสลิลก็ยินดี ฯ | ||
๘
๏ | |||
๙
๏ | |||
๑๐
๏ | |||
๑๑
๏ | |||
๑๒
๏ | |||
๑๓
๏ | |||
๑๔
๏ | |||
๑๕
๏ | |||