à¸à¸´à¸¥à¸£à¸²à¸Šà¸„ำฉันท์
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(→๑) |
(→๒) |
||
| แถว 84: | แถว 84: | ||
===๒=== | ===๒=== | ||
<tpoem> | <tpoem> | ||
| - | ๏ | + | <sup>ฉบัง ๑๖</sup> |
| + | ๏ แถลงปางรามจันทราวตาร เสร็จมล้างเหล่าพาล | ||
| + | พินาศด้วยพระบารมี | ||
| + | |||
| + | ๏ มลายเข็ญเย็นทั่วธาตรี ถวัลยรัชรมย์ชัยศรี | ||
| + | อยุูธเยศเกศกรุง | ||
| + | |||
| + | ๏ สมภาร พระเอื้ออำรุง สมโภชผดุง | ||
| + | พระเดชกระเดื่องแดนไตร | ||
| + | |||
| + | ๏ ปาง ราชปรารภกิจใน พลีกรรม์อันไกร | ||
| + | คือราชสูโยดม | ||
| + | |||
| + | ๏ โดยเบื้องบรมราชนิยม ขัตติยสมาคม | ||
| + | ร้อยเอ็ดมาเอื้อเอาภาร | ||
| + | |||
| + | ๏ แผ่พระกฤษฎาภินิหาร ใดราชฤาปาน | ||
| + | ฤาปูนพระเดชนฤบดี | ||
| + | |||
| + | ๏ พระน้องสองเฝ้าบทศรี หิรักษ์จักรี | ||
| + | พระตรัสพระตรึกปรึกษา | ||
| + | |||
| + | ๏ พระภรตผู้พระอนุชา เชิงไฉนเชษฐา | ||
| + | ทะนุพิธีพลีกรรม | ||
| + | |||
| + | ๏ พระพร้องสนองถ้อยแถลงทำ- นูลทัดทานคำ | ||
| + | มิควรประกอบมหการ | ||
| + | |||
| + | ๏ พระองค์ผู้ทรงอวตาร ตราบจบจักรพาล | ||
| + | โผอนมกุฎเกรงรณ | ||
| + | |||
| + | ๏ ฤาควรกวนราชกังวล มละด้าวมาดล | ||
| + | ดำแหน่งทุเรศรัถยา | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดพระลักษมณ์ราชอนุชา นบเบื้องพระบาทา | ||
| + | บัณฑูรแถลงพจมาน | ||
| + | |||
| + | ๏ ผิวไท้ใคร่กอบพลีการ อัศวเมธมหุฬาร | ||
| + | ก็เลิศพิธีพลีกรรม | ||
| + | |||
| + | ๏ เผยเผชิญพิชิตเชษฐ์ชักนำ น้อมเกล้ากล่าวคำ | ||
| + | คดีดำนานในบูรพ์ | ||
| + | |||
| + | ๏ อินทรรอนพฤตาสูร เอิบอิศร์อันพูน | ||
| + | บำเพ็ญตบะบารมี | ||
| + | |||
| + | ๏ มาผลาญมารมอดชีวี เกลื่อนบาปบ่มบำ- | ||
| + | รุงบุญระบอบบำบวง | ||
| + | |||
| + | ๏ เป็นที่นิยมแก่ปวง เทพทั่วแมนสรวง | ||
| + | สรรเสริญประเสริฐสาธร | ||
| + | |||
| + | ๏ แถลงเรื่องสมราชอนุสร พระศรีสังขกร | ||
| + | ก็โปรดก็เปรมปรารมภ์ | ||
| + | |||
| + | ๏ เยื้อนอรรถตรัสชอบเชยชม โดยราชนิยม | ||
| + | ยุบลคดีมีมา | ||
| + | |||
| + | ๏ จึงแถลงอิลราชอิลา อวยองค์อนุชา | ||
| + | ฉบับอันพร้องพิสดาร ฯ | ||
</tpoem> | </tpoem> | ||
| + | |||
===๓=== | ===๓=== | ||
<tpoem> | <tpoem> | ||
การปรับปรุง เมื่อ 05:22, 9 สิงหาคม 2552
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
ผู้แต่ง: พระยาศรีสุนทรโวหาร (ผัน สาลักษณ)
พระราชนิพนธ์คำนำ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
หนังสืออิลราชคำฉันท์นี้ จะว่าได้เกิดมีขึ้นเพราะข้าพเจ้ายุยงก็ได้ ที่ว่ายุยงนั้น เพราะข้าพเจ้าได้ทราบอยู่ว่าหลวงสารประเสริฐ (พระยาศรีสุนทรโวหาร [ผัน สาลักษณ]) เป็นผู้มีฝีปากแต่งหนังสือเห็นกาพย์กลอนได้อยู่ ดังมีพยานปรากฎอยู่ทีเรื่อง ปัญจสิงขรคำกลอน กับฉันท์และกลอนเบ็ดเตล็ดต่างๆ ข้าพเจ้าได้อ่านแล้วก็เห็นว่า มีจินตกวีเกิดขึ้นในหมู่คนไทยชั้นหนุ่มอีกแล้ว แต่ข้าพเจ้าวิตกอยู่ว่า ถ้าไม่คอยระวัง กลัวหลวงสารประเสริฐจะใช้ความสามารถของตนนั้น เพื่อแต่งหนังสืออันไม่เป็นแก่นสาร
ในสมัยตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ ๕ มา ข้าพเจ้ามีความเสียใจที่ได้สังเกตเห็นว่า ฝีปากผู้แต่งกาพย์กลอนเลวลงกว่าในต้นรัชกาลที่ ๕ นั้น เป็นอันมาก เพราะพอใจแต่งแผลงอวดดีไปว่าใช้โวหารอย่างใหม่ ซึ่งมีคนบางจำพวกนิยม โดยสำคัญว่าเป็นโวหารอย่างฝรั่งและนิยมว่า การแต่งหนังสือโดยใช้โวหารแผลง และคำซึ่งเข้าใจว่าเป็นคำฝรั่งปนเปอยู่นั้น เป็นเครื่องแสดงความรุ่งเรืองของตน ในชั้นเมื่อเกิดมีละครชนิดที่เรียกว่า ละครร้อง ชุกชุมขึ้น นักเลงแต่งบทละครร้องก็มีมากขึ้น และเป็นที่เข้าใจกันว่า กลอนที่จะใช้ในบทละครร้องเช่นนี้ต้องใช้เป็นอย่าง "สมัยใหม่" ใช้ถ้อยคำอย่างใหม่ เลี่ยงถ้อยคำ ซึ่งเรียกว่า "ภูมิเก่า" ให้มากที่สุดที่จะหลีกไปได้ เช่นต่างว่าจะแต่งบทโลม ถ้าแต่งอย่างแบบแผนแห่งจินตกวีนิพนธ์ไทยเก่า คงแต่งว่า
| "โฉมงามทรามสุดสวาทพี่ | ดาลฤดีจ่อจิตพิศวง | ||
| ขอแต่เพียงได้พิงอิงองค์ | แนบอนงค์ขวัญฟ้ายาใจ" ดังนี้ | ||
แต่ถ้าใครแต่งเช่นนี้ก็มันถูกหาว่าเป็นภูมิเก่า ไม่ทันสมัย ฝ่ายผู้แต่งถึงแม้จะพอมีความรู้แต่งได้ก็ไม่กล้าแต่งออกมา เพราะกลัวจะถูกติว่าเป็นคนผิดสมัย ฝ่ายผู้อ่านถึงแม้ว่าแท้จริงเมื่ออ่านบทกลอนเช่นข้างบนนี้แล้วจะ รู้สึกในใจจริงว่าเพราะ ปากก็ต้องกล่าวติว่า "ครึ" หรือ "งุ่มง่าม" เพราะถ้าแสดงออกมาว่าชอบบทกลอนเช่นนี้แล้ว ก็เกรงจะเป็นเหมือนสารภาพว่าตนเป็นคนที่เดินไม่ทันสมัย ด้วยเหตุนี้จินตกวีสมัยปลายรัชกาลที่ ๕ เมื่อปรารถนาจะแต่บทโลมให้ได้ใจความเช่นเดียวกับบทข้างบนนี้จึงต้องแต่งว่า
| "โอ้งามโฉมประโลมหรูคู่ชีวิต | ช่างถูกจิตนี่กระไรแม่ใจหวาน | ||
| ขอจูบเจ้าคลึงเคล้าเยาวมาลย์ | กระสันซ่านกอดศอพอชื่นใจ" ดังนี้ | ||
ตัวผู้ที่แต่งบทกลอนเช่นนี้ ถ้าเป็นผู้ที่มีนิสัยเป็นจินตกวีแม้แต่เล็กน้อย ก็คงจะต้องรู้สึกว่าเป็นถ้อยคำอันมีภูิมิต่ำ ซึ่งถ้าจะเปรียบกับคำกลอนบทข้างบนนี้ ก็ต้องรู้สึกว่าเหมือนขันทองเหลืองเทียบขันทองคำ แต่จะทำอย่างไรได้ตนเป็นผู้ขาย เมื่อคนซื้อชอบขันทองเหลืองมากกว่าขันทองคำ ก็จำเป็นต้องทำขันทองเหลืองขาย เมื่อเจ้าของโรงละครเขาชอบบทละครโสกโดกก็ต้องแต่งเช่นนั้น
ข้าพเจ้าได้เคยรู้สึกรำคาญมานานแล้ว แต่ไม่แลเห็นหนทางที่จะแก้ไขอย่างใด นอกจากที่จะมีผู้เป็นจินตกวีมาปรึกษาหารือแล้ว ข้าพเจ้าจึงจะสามารถแสดงความเห็นพูดจาเกลี้ยกล่อม ให้ช่วยกันรักษาวิชากวีไทยอย่าให้สูญเสียหรือเลวทรามไป ก็นับว่าได้มีผลสำเร็จไปบ้างแล้วบางรายแต่งยังเป็นส่วนน้อยนัก
ในส่วนตัวหลวงสารประเสริฐนี้ ข้าพเจ้าได้ถือโอกาสตักเตือนได้เต็มที่ เพราะพระยาศรีสุนทรโวหาร (พระยาศรีภูริปรีชา[กมล สาลักษณ]) ผู้เป็นบิดาเป็นผู้ที่ข้าพเจ้าคุ้นเคยมาช้านาน ได้เคยพูดจาปรารภมีความเห็นพ้องกันอยู่ ทั้งตัวหลวงสารประเสริฐก็ได้รู้จักต่อเนื่องจากความคุ้นเคยกับบิดาเขานั้น ข้าพเจ้าจึงถือเอาโอกาสเพื่อแนะนำหลวงสารประเสริฐให้แต่งหนังสืออะไร อัน ๑ ซึ่งจะได้มีชื่อเสียงสืบไปว่าเป็นจินตกวีผู้หนึ่ง ซึ่งมิได้เป็นผู้ช่วยทำให้ภาษาไทยเสื่อมทราม ข้าพเจ้าของให้พยายมแต่งหนังสือขึ้น เพื่อให้ปรากฎแต่ไปในพงศาวดารว่าในรััชกาลพระมงกุฎเกล้าก็ยังมีจินตกวีอยู่ หลวงสารปะรเสริฐก็รับปากไว้ แต่ยังหาเรื่องที่ประพันธ์ขึ้นนั้นไม่เหมาะได้ จนข้าพเจ้าได้แต่งหนังสือ "บ่อเกิดแห่งรามเกียรติ์" นั้นขึ้น หลวงสารประเสริฐจึงได้พบนิทานเรื่องอิลราช ซึ่งมีอยุ่ในอุตตรกัณฑ์แห่งรามายณะ เห็นว่าพอจะประพันธ์เป็นคำฉันท์ได้ หลวงสารประเสริฐจึงได้แต่งขึ้นด้วยความอุตสาหะ แล้วนนำมาให้ข้าพเจ้าช่วยตรวจ ข้าพเจ้าก็ได้ช่วยตรวจแก้ไขและแสดงความเห็นให้แก้ไขหรือเพิ่มเติมขึ้น และบางตอนที่เขาแต่งไม่ได้โดยพิสดารเพราะขาดความรู้ในกิจการนั้นๆ โดยเฉพาะ เช่นเรื่องพิธีอัศวเมธเป็นต้น ข้าพเจ้าก็ได้ช่วยชี้แจงให้ฟังโดยพิสดาร ตามที่ข้าพเจ้าได้อ่านมาในตำรับไสยศาสตร์ หลวงสารประเสริฐได้กำหนดจดจำเอาไปประพันธ์ขึ้นได้อย่างดี นับว่าเป็นที่ควรสรรเสริญ
ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีที่ได้เห็นว่า ในรัชกาลของข้าพเจ้าได้มีจินตกวี ซึ่งสามารถจะแต่งฉันท์ภาษาไทยได้หลายคนแล้ว และหลวงสารประเสริฐผู้แต่งเรื่องอิลราชคำฉันท์นี้เป็นคน ๑ ในหมู่นั้น ข้าพเจ้ามีความยินดีเขียนคำนำนี้ให้หลวงสารประเสริฐเพื่อแสดงความพอใจแห่ง ข้าพเจ้า ณ บัดนี้
อนึ่งข้าพเจ้าขอถือเอาโอกาสอันนี้เพื่อแสดงว่า ถ้าแม้ผู้ใดซึ่งริเริ่มจะนิพนธ์โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน มีความปรารถนาจะให้ข้าพเจ้าตรวจและแนะบ้าง อย่า่งที่ข้าพเจ้าได้ช่วยหลวงสารประเสริฐมาแล้วนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ที่คุ้นเคยกัยข้าพเจ้าแล้วแต่ก่อนก็ตาม ข้าพเจ้าก็จะยินดีช่วยตรวจ และแสดงความเห็นเท่าที่ข้าพเจ้าสามารถจะทำได้ เพื่อช่วยอนุเคราะห์ผู้ที่มีความพอใจในทางจินตกวีนิพนธ์และเพื่อ ประโยชน์แก่วิชากวีของไทยเรานั้นด้วย
..........................(รัชกาลที่ ๖)
สนามจันทร์
วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๖
บทประพันธ์
๑
| ศุภมัสดุ | |||
| สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙ | |||
| ๏ ข้าขอเทิดทศนัขประณามคุณพระศรี | |||
| สรรเพชญพระผู้มี | พระภาค | ||
| ๏ อีกธรรมาภิสมัยพระไตรปิฏกวากย์ | |||
| ทรงคุณคะนึงมาก | ประมาณ | ||
| ๏ นบสงฆ์สาวกพุทธ์พิสุทธิ์อริยญาณ | |||
| นาบุญญบุญบาน | บโรย | ||
| ๏ อีกองค์อาทิกวีพิรียุตมโดย | |||
| ดำรงดำรับโปรย | ประพันธ์ | ||
| ๏ ผู้เริ่มรังพจมานตระการกมลกรรณ | |||
| ก้มกราบพระคุณขันธ์ | คเณศ | ||
| ๏ สรวมชีพอัญชลินาถพระบาทนฤเบศ | |||
| มงกุฎกษัตริย์เกษตร | สยาม | ||
| ๏ ที่หกรัชสมัยก็ไกรกิติ*พระนาม | |||
| ทรงคุณคามภี- | รภาพ | ||
| ๏ เพียงนารายณ์อวตารบำราญอริบำราบ | |||
| เถลิงรัชทวีลาภ | วิไล | ||
| ๏ เปรื่องปรีชาวิทยุตมาภรณ์ไท | |||
| ธารสัตย์กระพัดใน | กมล | ||
| ๏ บำรุงรัฐสุขวัฒนานิกรชน | |||
| ทั่วรัฐมณฑล | บำเทิง | ||
| ๏ สรวมเดชไตรรตนาวรากรเถกิง | |||
| เกินโกฏิประกายเพลิง | พิโรจน์ | ||
| ๏ รังรักษ์ไทอธิราชพระบาทนฤโทษ | |||
| เสพสิ่งประเสริฐโสต- | ถิผล | ||
| ๏ จุ่งเจริญด้วยสุขนันท์พระพรรณก็ถกล | |||
| ทีฆายุเพิ่มพล | พิบูล | ||
| ๏ ข้าบาทรังรจนานิทานอิลทูล | |||
| แทบบาทบดินทร์สูร | สราญฯ | ||
๒
| ฉบัง ๑๖ | |||
| ๏ แถลงปางรามจันทราวตาร | เสร็จมล้างเหล่าพาล | ||
| พินาศด้วยพระบารมี | |||
| ๏ มลายเข็ญเย็นทั่วธาตรี | ถวัลยรัชรมย์ชัยศรี | ||
| อยุูธเยศเกศกรุง | |||
| ๏ สมภาร พระเอื้ออำรุง | สมโภชผดุง | ||
| พระเดชกระเดื่องแดนไตร | |||
| ๏ ปาง ราชปรารภกิจใน | พลีกรรม์อันไกร | ||
| คือราชสูโยดม | |||
| ๏ โดยเบื้องบรมราชนิยม | ขัตติยสมาคม | ||
| ร้อยเอ็ดมาเอื้อเอาภาร | |||
| ๏ แผ่พระกฤษฎาภินิหาร | ใดราชฤาปาน | ||
| ฤาปูนพระเดชนฤบดี | |||
| ๏ พระน้องสองเฝ้าบทศรี | หิรักษ์จักรี | ||
| พระตรัสพระตรึกปรึกษา | |||
| ๏ พระภรตผู้พระอนุชา | เชิงไฉนเชษฐา | ||
| ทะนุพิธีพลีกรรม | |||
| ๏ พระพร้องสนองถ้อยแถลงทำ- | นูลทัดทานคำ | ||
| มิควรประกอบมหการ | |||
| ๏ พระองค์ผู้ทรงอวตาร | ตราบจบจักรพาล | ||
| โผอนมกุฎเกรงรณ | |||
| ๏ ฤาควรกวนราชกังวล | มละด้าวมาดล | ||
| ดำแหน่งทุเรศรัถยา | |||
| ๏ บัดพระลักษมณ์ราชอนุชา | นบเบื้องพระบาทา | ||
| บัณฑูรแถลงพจมาน | |||
| ๏ ผิวไท้ใคร่กอบพลีการ | อัศวเมธมหุฬาร | ||
| ก็เลิศพิธีพลีกรรม | |||
| ๏ เผยเผชิญพิชิตเชษฐ์ชักนำ | น้อมเกล้ากล่าวคำ | ||
| คดีดำนานในบูรพ์ | |||
| ๏ อินทรรอนพฤตาสูร | เอิบอิศร์อันพูน | ||
| บำเพ็ญตบะบารมี | |||
| ๏ มาผลาญมารมอดชีวี | เกลื่อนบาปบ่มบำ- | ||
| รุงบุญระบอบบำบวง | |||
| ๏ เป็นที่นิยมแก่ปวง | เทพทั่วแมนสรวง | ||
| สรรเสริญประเสริฐสาธร | |||
| ๏ แถลงเรื่องสมราชอนุสร | พระศรีสังขกร | ||
| ก็โปรดก็เปรมปรารมภ์ | |||
| ๏ เยื้อนอรรถตรัสชอบเชยชม | โดยราชนิยม | ||
| ยุบลคดีมีมา | |||
| ๏ จึงแถลงอิลราชอิลา | อวยองค์อนุชา | ||
| ฉบับอันพร้องพิสดาร ฯ | |||
๓
| ๏ | |||
๔
| ๏ | |||
๕
| ๏ | |||
๖
| ๏ | |||
๗
| ๏ | |||
๘
| ๏ | |||
๙
| ๏ | |||
๑๐
| ๏ | |||
๑๑
| ๏ | |||
๑๒
| ๏ | |||
๑๓
| ๏ | |||
๑๔
| ๏ | |||
๑๕
| ๏ | |||
